โตชิบาเปิดตัวไลน์อัพใหม่สำหรับ มอสเฟตแบบ on-resistance ต่ำสำหรับโหลด สวิตช์ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยใ ช้แพ็กเกจขนาดเล็ก กำลังสูญเสีย สูง

Logo

โตเกียว—(บิสิเนส ไวร์)—29 พฤศจิกายน 2016

บริษัท สตอเรจ แอนด์ อิเล็กทรอนิกส์ ดีไวเซส โซลูชันส์ (Storage & Electronic Devices Solutions Company) ในเครือของโตชิบา คอร์ปอเรชั่น (Tokyo:6502) วันนี้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้แพ็กเกจขนาด “TSOP6F” กำลังสูญเสียสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยเพิ่มเข้าไปในไลน์อัพของมอสเฟตแบบ on-resistance ต่ำสำหรับการชาร์จวงจรโหลดสวิตช์ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ รวมถึงโทรศัพท์มือถือและแทปเล็ต ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์แรกในไลน์อัพนี้ มอสเฟตเดี่ยว พี-แชแนล แบบ 20V รุ่น “SSM6J801R” ได้เริ่มส่งออกวันนี้ และจะทำการผลิตเป็นจำนวนมากปลายเดือนธันวาคมนี้

สามารถรับชมข่าวในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: http://www.businesswire.com/news/home/20161128006189/en/

โตชิบา: มอสเฟตแบบ on-resistance ต่ำสำหรับโหลดสวิตช์ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ ใช้กำลังสูญเสียสูง แพ็กเกจขนาดเล็ก: SSM6J801R (รูปภาพ: บิสิเนส ไวร์)

logo

โตชิบาได้พัฒนาแพ็กเกจใหม่ “TSOP6F” ที่มีขนาดเล็ก 2.9×2.8 มม. เพื่อตอบสนองความต้องการการใช้งานอุปกรณ์เล็กๆ สำหรับการชาร์จวงจรโหลดสวิตช์และวงจรขับ LED ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ นอกจากมีพื้นที่และแลนด์แพทเทิร์นเหมือนแพ็กเกจ SOT-457 ที่มีอยู่แล้วนั้น แพ็กเกจใหม่นี้ยังมีกำลังสูญเสียอยู่ที่ 1.5W

มอสเฟตขนาดเล็กแบบ on-resistance ต่ำแพ็กเกจใหม่รุ่น “TSOP6F” นี้จะเปิดตัวพร้อมกับมอสเฟตรุ่นใหม่ “SSM6J801R” โดยมีแผนในอนาคตที่จะขยายไลน์อัพให้มีผลิตภัณฑ์แบบ 2-ใน-1

Part Number Composition VDSS (V) VGSS (V) ID (A) RDS(ON) typ. (mΩ) Ciss (pF) Sample Mass Production
VGS=1.5V VGS=1.8V VGS=2.5V VGS=4.5V
SSM6J801R Pch Single -20 -8/+6 -6 47 39 31 25 840 OK Dec./'16
SSM6J808R -40 -20/+10 -7 41 1105 Dec./'16 2Q/'17
SSM6K810R Nch Single 100 ±20 3.5 65 430 Dec./'16 2Q/'17
SSM6N813R Nch Dual 100 ±20 3.5 120 172 Apr./'17 3Q/'17
SSM6N815R 100 ±20 2 95 223 Mar./'17 May/'17

สามารถคลิกลิ้งค์ด้านล่างเพื่อรับชมข้อมูลสินค้าใหม่

1. SSM6J801R:

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/product/mosfet/detail.SSM6J801R.html

2. ไลน์อัพของโตชิบามอสเฟตขนาดเล็กแบบ on-resistance ต่ำLine-up of Toshiba Small Low-On-Resistance MOSFETs:

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/product/mosfet/small-mosfet.html

ลูกค้าติดต่อ:

Small Signal Device Sales & Marketing Department

โทร: +81-3-3457-3411

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

*ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาการบริการและข้อมูลติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 

เกี่ยวกับโตชิบา

โตชิบา คอร์ปอเรชั่น หนึ่งในบริษัท Fortune Global 500 นำเสนอผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อันล้ำสมัย รวมถึงระบบต่างๆ ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ พลังงาน (Energy) เพื่อทุกวันของชีวิตที่สะอาดและปลอดภัยขึ้นอย่างยั่งยืน, โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน และการจัดเก็บข้อมูล (Storage) เพื่อสนับสนุนสังคมแห่งข้อมูลข่าวสารที่ก้าวล้ำ โตชิบาส่งเสริมการดำเนินงานทั่วโลก และสนับสนุนการสร้างสรรค์โลกเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนรุ่นต่อๆ ไป ภายใต้รากฐานความมุ่งมั่นของโตชิบา กรุ๊ป ที่ว่า “ความมุ่งมั่นต่อประชากร, ความมุ่งมั่นต่ออนาคต”

โตชิบาก่อตั้งขึ้นในโตเกียวเมื่อปี 1875 และปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของกลุ่มบริษัทในเครือกว่า 550 แห่ง ด้วยจำนวนพนักงาน 188,000 คนทั่วโลก และยอดขายต่อปีกว่า 5.6 ล้านล้านเยน (5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2016) 

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโตชิบาได้ที่ www.toshiba.co.jp/index.htm

สามารถรับชมข่าวต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: http://www.businesswire.com/news/home/20161128006189/en/

สื่อมวลชนติดต่อ:

Toshiba Corporation

Storage & Electronic Devices Solutions Company

Digital Marketing Department

Koji Takahata, +81-3-3457-4963

semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

Ergon ขยายธุรกิจในเ อเชีย

Logo

แจ็กสัน, มิสซิสซิปปี–(บิสิเนส ไวร์)–29 พฤศจิกายน 2016

Ergon ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์แนฟธีนิกพิเศษรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นอันดับสองของการผลิตน้ำมัน bright stock ได้ประกาศขยายบริษัทโดยมีคลังน้ำมันเพิ่มขึ้นในเมืองอุลซัน ประเทศเกาหลีใต้ และมีสำนักงานภูมิภาคแห่งใหม่ที่สิงคโปร์

“การเพิ่มขึ้นมาของคลังน้ำมันและสำนักงานในเครือข่ายการจำแนกแจกจ่ายโลกของ Ergon ทำให้สามารถให้บริการและการเข้าถึงที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้าในเอเชีย” Per Klintstam ประธานของ Ergon International, Inc. กล่าว

HyGold 5000BS, ซึ่งเป็นน้ำมัน bright stock ใหม่ของ Ergon และน้ำมันเกรดแนฟธีนิกและน้ำมันหม้อแปลงจะมีวางขายในเอเชียต้นปี 2017

เกี่ยวกับ Ergon

Ergon เป็นกลุ่มบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจภายใต้ภาคส่วนธุรกิจ 6 ประเภท: การกลั่น & การตลาด, ยางมะตอย & อิมัลชัน, การขนส่ง & คลัง, น้ำมัน & แก๊ส, อสังหาริมทรัพย์, บริษัทและอื่นๆ 

สามารถรับชมข่าวต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: http://www.businesswire.com/news/home/20161129006298/en/

ติดต่อ:

Ergon International, Inc.

Véronique Rousseau, + 32 473 56 71 55

Market Communications

veronique.rousseau@ergon.com

ergoninternational.com

หรือ

Ergon, Inc.

Jim Temple, +1-601-933-3000

Corporate Communications Manager

jim.temple@ergon.com

ergon.com

ก สิกรไทยเดินเครื่องยุทธศาสตร์เพ ื่อธุรกิจที่ยั่งยืน ลุยเศรษฐกิ จนิวนอร์มอล ปี 2560 ตั้งเป้าสินเชื ่อโต 4-6% พัฒนานวัตกรรมบริการ เดิน หน้าสร้างพันธมิตรในการทำธุรกิจ

Logo

ธนาคารกสิกรไทยประกาศแผนปี 2560 โตสอดคล้องกับเศรษฐกิจไทย มุ่งสร้างประสบการณ์นวัตกรรมบริการและโมเดลธุรกิจใหม่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ตั้งเป้าสินเชื่อรวมโต 4-6% คาดจีดีพีปี 2560 ขยายตัวที่ 3.3% ใกล้เคียงปีนี้ โดยปัจจัยหนุนสำคัญมาจากการลงทุนภาครัฐ เตรียมงบ 5,000 ล้านบาทพัฒนาไอทีตอกย้ำผู้นำดิจิทัลแบงกิ้ง

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยคาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2560 จะมีแนวโน้มขยายตัวได้ใกล้เคียงกับปีนี้ คือ จีดีพีโต 3.3% มีปัจจัยหนุน คือ การใช้จ่ายและการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่คาดว่าจะขยายตัว 8.5% ส่วนการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัว 2.8% ตัวเลขจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังเติบโตได้ที่ 4.8% ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี แม้จะชะลอตัวลงจากฐานที่สูงในปี 2559

ด้านการส่งออกคาดว่าจะขยายตัวประมาณ 0.8% ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจต่างประเทศ อาทิ อังกฤษจากเหตุการณ์ BREXIT และความเปราะบางภายในยุโรป การทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่จะกระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายและทำให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่า เศรษฐกิจจีนที่อาจยังคงชะลอตัว ส่วนปัจจัยในประเทศมาจากปัญหาการสะสมของหนี้ครัวเรือนที่จะจำกัดอำนาจการซื้อของภาคครัวเรือน ทำให้การใช้จ่ายของภาคเอกชนจะยังฟื้นตัวในกรอบที่จำกัด คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนปีหน้าจะโต  2.2% อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 1.8%

ธนาคารกสิกรไทยได้ประเมินว่า พฤติกรรมผู้บริโภคมีความต้องการบริการดิจิทัล แบงกิ้งเพิ่มขึ้น คู่แข่งใหม่ที่เข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (FinTech) รวมทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการให้บริการของธนาคารในอนาคต จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์หลักในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนธุรกิจของธนาคารในด้านต่าง ๆ รวมทั้งร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวสู่การเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืน

นางสาวขัตติยากล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยยังคงกำหนดทิศทางธุรกิจ โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางและนำเสนอบริการที่ตรงจุด เพื่อเป็นธนาคารหลัก (Customer’s Main Bank) สำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งนี้ได้กำหนดเป้าหมายทางการเงินที่สำคัญปี 2560 ให้ธนาคารเติบโตอย่างเหมาะสม โดยมีการเติบโตของสินเชื่อรวมที่ 4-6% และอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (Gross NPL Ratio) ที่ 3.3-3.4% โดยมีการกำหนดทิศทางธุรกิจของ 4 สายงานธุรกิจ เพื่อสร้างประสบการณ์บริการที่เป็นเลิศทั้งลูกค้าบุคคลและธุรกิจ ดังนี้

-2-

ทิศทางธุรกิจกลุ่มลูกค้าบุคคล ธนาคารจะมุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยที่ได้มาตรฐานระดับโลก (World Best-in-Class Retail Bank) และยกระดับคุณภาพการเป็นที่ปรึกษาและการบริการผ่านสาขาเทียบเท่ามาตรฐานโลก (Best Experience & Advisory at Branch) นำเสนอนวัตกรรมบริการทางการเงินแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาช่องทางธนาคารบนโทรศัพท์มือถือเป็นหลักเพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า จากในปี 2559 มีฐานลูกค้าแอพพลิเคชั่น Mobile Banking ประมาณ 5 ล้านราย ตั้งเป้าหมายปี 2560 ธนาคารจะเพิ่มฐานลูกค้าแอพพลิเคชั่น Mobile Banking เป็น 7.1 ล้านราย พร้อมตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 5-7% และมีฐานลูกค้าบุคคลเพิ่มเป็น 14.1 ล้านราย เติบโต 5-6%

ทิศทางธุรกิจกลุ่มธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ (SME) ธนาคารตั้งเป้าหมายรักษาความเป็นผู้นำและการเป็นธนาคารหลักของกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี สนับสนุนให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการดูแลเครือข่ายธุรกิจของลูกค้า (Value Chain) ช่วยให้ลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น นำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมด้านดิจิทัลที่ทันสมัยสำหรับลูกค้า โดยตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 4-6%  เน้นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน อาทิ ก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง ฮาร์ดแวร์  

ทิศทางธุรกิจกลุ่มลูกค้าบรรษัท มุ่งเน้นการเป็นผู้นำในการให้บริการด้านการระดมทุนที่หลากหลาย  (Best Funding Solution) ทั้งการออกตราสาร กอง REITs การควบรวมกิจการ (M&A) เพื่อให้ลูกค้าได้ต้นทุนที่ดีที่สุด และเป็นผู้นำในบริการธุรกรรมครบวงจร (Best Transaction Banking Provider) รองรับการทำธุรกรรมจำนวนมากที่ครอบคลุมสกุลเงินในกลุ่ม AEC+3 และสกุลเงินหลักทั่วโลก ตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 4-6%

ทิศทางธุรกิจข้ามประเทศ มุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อการรับชำระเงินและการลงทุนแห่งภูมิภาค (Regional Settlement and Investment) ด้วยการวางโครงสร้างพื้นฐานรองรับการโอนเงินและชำระเงินข้ามประเทศด้วยสกุลเงินท้องถิ่นในภูมิภาคอาเซียน การสนับสนุนลูกค้าธุรกิจไทยที่ต้องการเข้าไปลงทุนใน CLMVI การจัดตั้งศูนย์ธุรกิจการค้าชายแดน เพื่อสนับสนุนการทำการค้าชายแดน (Border Trade) สนับสนุนการระดมทุนเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งโรงไฟฟ้า ถนน และท่าเรือในกลุ่มประเทศ CLMV รวมทั้งการควบรวมกิจการ โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทไทยและญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ในปี 2560 ธนาคารกสิกรไทยยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายในต่างประเทศ ได้แก่ การยกระดับเป็นธนาคารท้องถิ่นในประเทศจีน การเพิ่มสาขาแห่งที่ 2 ของธนาคารท้องถิ่นในสปป.ลาว การเพิ่มปริมาณธุรกิจของสาขากรุงพนมเปญ และหาแนวทางเปิดสาขาในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และเมียนมา ภายในปี 2561

นางสาวขัตติยากล่าวเพิ่มเติมว่า ในภาพรวมเศรษฐกิจไทย คาดว่าธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2560 คือ ธุรกิจก่อสร้าง จากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว และโครงการของรัฐ ธุรกิจยานยนต์ จากการที่โครงการรถ

-3-

คันแรกทยอยสิ้นสุดลง น่าจะเป็นผลดีต่อยอดขายในประเทศ ขณะที่การส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนมีโอกาสฟื้นตัวโดยเฉพาะตลาดอาเซียนและออสเตรเลีย ธุรกิจบริการสุขภาพ ได้รับอานิสงส์จากกลุ่มลูกค้า Medical Tourism ซึ่งไทยมีความได้เปรียบหลายประเทศในภูมิภาค และธุรกิจท่องเที่ยวที่บางตลาดมีแนวโน้มดีขึ้น อาทิ รัสเซีย และสแกนดิเนเวีย

  • ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เทคโนโลยีจะเปลี่ยนโฉมช่องทางและรูปแบบการทำธุรกรรมการเงินในอนาคต ดังนั้นเพื่อให้ธนาคารกสิกรไทยคงความสามารถในการแข่งขันและนำไปสู่การขยายตลาดใหม่ได้อย่างทันท่วงที สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนไป (New Digital Lifestyle) ธนาคารจะพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ สำหรับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล ผ่านการสร้างพันธมิตร การสร้างนวัตกรรมพัฒนาบริการ โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลูกค้าทุกกลุ่ม โดยในปี 2560 ธนาคารกสิกรไทยตั้งงบประมาณด้านไอทีไว้สำหรับการพัฒนาด้านนวัตกรรมใหม่ ประมาณ 10% ของกำไรสุทธิ หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท และการลงทุนในรูปแบบ Venture Capital (VC) เพื่อการพัฒนานวัตกรรมใหม่ อีกประมาณ 2% ของกำไรสุทธิ หรือ 1,000 ล้านบาท  เดินหน้าแผนงานด้านเทคโนโลยี โดยมีกสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG เป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อน ได้แก่

ธนาคารจะนำเทคโนโลยีมายกระดับการให้บริการ โดยในปี 2560 จะออกบริการสำคัญ อาทิ การนำเทคโนโลยีบล็อคเชนมาใช้ในการให้บริการด้านการรับรองความถูกต้องของเอกสารด้วยระบบ OriginCert โดยจะนำร่องให้บริการด้านการออกเอกสารค้ำประกัน L/G (Letter of Guarantee) ให้แก่ลูกค้าธุรกิจ ซึ่งจะให้บริการครอบคลุมตั้งแต่การตรวจสอบหนังสือค้ำประกัน แจ้งเตือนเมื่อหนังสือค้ำประกันหมดอายุ นับเป็นบริการที่จะช่วยลดระยะเวลาในการทำงานของผู้เกี่ยวข้อง และสร้างระบบนิเวศน์ทางอิเล็กทรอนิกส์ด้านหนังสือค้ำประกัน ทำให้เกิดฐานข้อมูลที่ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในความถูกต้องของเอกสารและสามารถเข้าถึงเพื่ออ้างอิงได้ง่ายขึ้น การใช้แนวคิด World Class UI/UX Design ในการออกแบบ เพื่อให้ลูกค้าใช้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลได้สะดวกขึ้น ขณะเดียวกันธนาคารให้ความสำคัญกับการให้บริการแก่กลุ่มคนที่เข้าถึงบริการทางการเงินได้ยากกว่าลูกค้าทั่วไป จึงได้สนับสนุน “บีคอน อินเตอร์เฟส” ฟินเทค สตาร์ทอัพของไทย ในการพัฒนาแอพลิเคชั่นเพื่อให้ผู้บกพร่องทางการเห็นสามารถทำธุรกรรมผ่านช่องทางธนาคารบนมือถือได้สำเร็จ ตั้งเป้าหมายให้บริการได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2560 นอกจากนี้ ธนาคารจะมีการนำเทคโนโลยีมาต่อยอดในมิติด้านความปลอดภัย Cyber Security ด้วยเช่นกัน ประกอบด้วยการดูแลความปลอดภัยของระบบภายในธนาคาร โดยการพัฒนาเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่สามารถตรวจค้น ตรวจจับ และป้องกันข้อมูลสำคัญรั่วไหลได้

นอกจากการให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาสร้างนวัตกรรมแล้ว ธนาคารกสิกรไทยได้ใช้การสร้างพันธมิตรเป็นแนวทางหลักในการทำงาน โดยมีเป้าหมายส่งเสริมให้เกิดนิเวศน์ทางอิเล็กทรอนิกส์ของไทย (Digital Ecosystem)  โดยเดินหน้าสร้างพันธมิตรทั้งกับกลุ่มที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน การร่วมกับสถาบันการศึกษาและองค์กรพันธมิตรอื่น ๆ จัดทำห้องปฏิบัติการด้านนวัตกรรมและสนับสนุนการบ่มเพาะแนวคิดเพื่อการพาณิชย์ การสนับสนุนฟินเทค และสตาร์ทอัพ ด้วยจุดแข็งของธนาคาร อาทิ การเปิด API เชื่อมฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อการพัฒนาบริการ การให้คำแนะนำด้านธุรกิจธนาคาร ระเบียบปฏิบัติ เทคโนโลยี รวมทั้งการให้ความสนับสนุนด้านเงินทุน

ในปี 2560 ธนาคารกสิกรไทยจะขยายการลงทุนในฟินเทคและสตาร์ทอัพ ผ่านบริษัท Venture Capital โดยมีงบประมาณลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งการลงทุนโดยตรง (Direct Investment) ในสตาร์ทอัพของไทยและภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารมีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมหรือโมเดลธุรกิจใหม่ และการลงทุนผ่านกองทุนเพื่อการระดมทุน (Fund of Fund) ช่วยให้ธนาคารได้เข้าถึงแนวคิดนวัตกรรมระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว ได้เพิ่มพูนประสบการณ์ด้านการระดมทุนระหว่างกัน สามารถสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มนักลงทุนและสตาร์ทอัพในทุกระดับ โดยธุรกิจที่เป็นเป้าหมายการลงทุน อาทิ ธุรกิจเทคโนโลยีการเงิน (Financial Technology), ธุรกิจที่สร้างความผูกพันและประสบการณ์กับลูกค้า (Customer Engagement & Experience), ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI/Machine Learning), ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยี Big Data & Analytics, รวมถึงการลงทุนเพื่อการพัฒนาไอทีสำหรับองค์กร โครงสร้างพื้นฐาน และความปลอดภัย    

             นายธีรนันท์ กล่าวตอนท้ายว่า ธนาคารกสิกรไทยพร้อมสนับสนุนฟินเทคและสตาร์ทอัพ  ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและบริการที่เป็นเลิศเพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสูงสุดให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน พร้อมแข่งขันกับคู่แข่งในระดับโลก เพื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของไทย

**********************


Superior Essex Inc. และบริษัท Furukawa Electric จำกัด ประก าศความประสงค์ที่จะก่อตั้งกิจกา รร่วมค้ายุโรป

Logo

แอตแลนต้า & บาด อโรลเซิล, เยอรมนี & โตเกียว–(บิสิเนส ไวร์)–23 พฤศจิกายน 2016

Essex Magnet Wire ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Superior Essex Inc. และบริษัท Furukawa Electric จำกัด (“Furukawa Electric”) ประกาศวันนี้ว่าพวกเขามีความประสงค์ที่จะก่อตั้งกิจการร่วมกันเพื่อให้ขดลวดสายไฟแรงสูงแบบใหม่ (HVW) ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในเขตเศรษฐกิจยุโรป

การก่อตั้งกิจการร่วมจะผลิต ทำการตลาด ขาย และจำแนกแจกจ่าย HVW ที่ใช้ในมอเตอร์แรงขับไฟฟ้า เจเนอเรเตอร์ และรีแอกเตอร์สำหรับยานพาหนะ ความพยายามอุตสาหะในครั้งนี้ได้นำเอาทรัพยากรโลกและความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคของ Essex Magnet Wire และ Furukawa Electric เช่น กำลังการขายในยุโรปและการปฏิบัติการในโรงงานของ Essex Magnet Wire และเทคโนโลยีที่เหมาะสมของ Furukawa Electric ซึ่ง Furukawa Electric จะได้รับสิทธิ์ในการร่วมก่อตั้งกิจการร่วมค้านี้ ในการให้ HVW ชนิดใหม่แก่ลูกค้ายานยนต์ในยุโรป 

กิจการร่วมค้านี้จะตั้งอยู่ที่บาด อโรลเซิล ประเทศเยอรมนี และปฏิบัติการภายใต้ชื่อว่า Essex Furukawa Magnet Wire Europe แม้ว่า Essex Magnet Wire จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในการร่วมกิจการนี้ แต่ทั้งสองฝ่ายคาดหวังที่จะปฏิบัติงานในการร่วมมือทางพาณิชย์อย่างแท้จริง การร่วมมือกันในการร่วมกิจการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2017 หลังจากการทำข้อตกลงครั้งสุดท้ายและการได้รับอนุญาตตามมาตรฐานการควบคุม

เกี่ยวกับ Essex Magnet Wire—ภาคส่วนหนึ่งของ Superior Essex Inc.

Superior Essex Inc. ผลิตและจำแนกแจกจ่ายผลิตภัณฑ์สายไฟและเคเบิลทองแดงและอลูมิเนียมที่ให้พลังงานและติดต่อกับทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ห้องเรียนและศูนย์ข้อมูลไปจนถึงยานพาหนะไฟฟ้าและอุปกรณ์เคลื่อนที่ กว่า 85 ปี Superior Essex ได้ผลิตสินค้ามากมายสู่ตลาดที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นตลาดสายไฟ/ขดลวด การสื่อสาร และพลังงาน แผนก Essex Magnet Wire มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้นในอเมริกาเหนือและยุโรป โดยได้ให้บริการกับตลาดยานยนต์ อุตสาหกรรม พลังงาน พาณิชย์ และที่อยู่อาศัยใน 7 ประเทศ Superior Essex และแผนกต่างๆ ได้ทุ่มเทในการแก้ไขปัญหา ความท้าทายต่างๆ ของลูกค้า โดยมีผลกระทบแง่บวกต่อองค์กรต่างๆ ของเราทั่วโลก และยังคงไม่หยุดยั้งในการพัฒนาในด้านเทคโนโลยี ความยั่งยืน และนวัตกรรม เข้าชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ superioressex.com

เกี่ยวกับบริษัท Furukawa Electric จำกัด

บริษัท Furukawa Electric จำกัด เริ่มธุรกิจในปี 1884 เมื่อก่อตั้งโรงงานถลุงทองแดงและโรงงานผลิตสายไฟ นับตั้งแต่ตอนนั้น Furukawa Electric ได้เป็นผู้นำในเทคโนโลยีล่าสุดโดยได้จัดการประเด็นด้านเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย Furukawa Electric มีผลิตภัณฑ์มากมายหลายประเภท รวมถึงโทรคมนาคม เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ และก่อสร้าง โดยมีผลิตภัณฑ์ 3 ประเภทที่เป็นแก่นคือ ออพติก พลาสติก และเหล็ก ผลิตภัณฑ์มากมายเหล่านี้ได้ส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้น และได้ใช้ผลิตภัณฑ์ในหลากหลายธุรกิจ Furukawa Electric รายงานรายได้ตามบัญชีงบประมาณอยู่ที่ 874.8 พันล้านเยนในปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2016 เข้าชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Furukawa Electric ได้ที่ furukawaelectric.com

 สามารถรับชมข่าวต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: http://www.businesswire.com/news/home/20161123005332/en/

ติดต่อ:

Superior Essex Inc.

Matt Wheeler

matt.wheeler@spsx.com

หรือ

Furukawa Electric Co., Ltd.

Shin Kato

shin.katoh@furukawaelectric.com

[travel-leisure] Keio Plaza Hotel Toky o เปิดสกายเล้านจ์ “Aurora” ที่ได้รับ การปรับปรุง ในวันที่ 7 ธันวาคมนี ้

Logo

โตเกียว-(บิสิเนส ไวร์)–23 พฤศจิกายน 2016

– ให้บริการลูกค้าด้วยวิวสุดอลังการของโตเกียว จากความสูงชั้นที่ 45 จากพื้น 160 เมตร

Keio Plaza Hotel Tokyo (KPH) โรงแรมระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในย่านชินจูกุ กรุงโตเกียว กำลังปรับปรุงสกายเล้านจ์ “Aurora” และจะเปิดให้บริการวันที่ 7 ธันวาคม 2016 ในส่วนของ “Aurora” นี้จะให้บริการลูกค้าด้วยบรรยากาศการรับประทานอาหารอย่างมีสไตล์ พร้อมกับวิวเมืองโตเกียวจากความสูงชั้นที่ 45 จากพื้น 160 เมตรของโรงแรม Keio Plaza Hotel ยิ่งไปกว่านั้น บาร์เทนเดอร์และเชฟของโรงแรมที่มีชื่อเสียงจะเตรียมเครื่องดื่มและอาหารสำหรับลูกค้าให้ได้เพลิดเพลินทั้งตอนกลางวันในวันสุดสัปดาห์และวันหยุด และในตอนบ่ายถึงกลางคืนในทุกวัน

สามารถรับชมข่าวในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: http://www.businesswire.com/news/home/20161123005029/en/

สกายเล้านจ์ "Aurora" ซึ่งเปิดวันที่ 7 ธันวาคมนี้ จะให้ลูกค้าได้ชมวิวสุดลูกหูลูกตาของเมืองโตเกียว โดยบาร์เทนเดอร์และเชฟที่มีชื่อเสียงของ Keio Plaza ได้เตรียมเครื่องดื่มและอาหารอร่อยล้ำเพื่อบริการตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงตอนกลางคืน (รูปภาพ: บิสิเนส ไวร์)logo

ที่นั่งบนสกายเล้านจ์ “Aurora” ได้รับการออกแบบอย่างเป็นพิเศษเพื่อไฮไลท์วิวสุดลูกหูลูกตาของเมืองโตเกียว และเพื่อให้แขกชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติได้มีประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ดีและน่าจดจำ การตกแต่งภายในของ Aurora ใช้สีขาวดำเพื่อสร้างบรรยากาศที่เรียบง่ายแต่มีสไตล์ภายในเล้านจ์ มีการใช้ไม้เป็นฉากกั้นเพื่อให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับที่รับประทานอาหารที่เป็นส่วนตัว

Keio Plaza Hotel เป็นที่นิยมในการที่มีบาร์เทนเดอร์ที่มีทักษะ นำโดยบาร์เทนเดอร์ในตำนานอย่าง Kazuya Watanabe ซึ่งเป็นผู้ชนะใน Medal with Yellow Ribbon จากจักรพรรดิญี่ปุ่นเป็นคนแรก บาร์เทนเดอร์ทั้งหลายของเราจะนำเอาทักษะที่ตนมีมาสร้างสรรค์เครื่องดื่มแสนอร่อยและให้บริการพร้อมการต้อนรับที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่ “Aurora”

ในการรักษาชื่อเสียงที่เป็นที่กล่าวขานของ Keio Plaza Hotel ว่าเป็นโรงแรมสูงแห่งแรกของญี่ปุ่น เราได้ใช้เงินไปประมาณ 140 ล้านเยนในการปรับปรุงพื้นที่เพื่อไฮไลท์วิวที่สวยงามจาก “Aurora” แห่งนี้

เกี่ยวกับ Keio Plaza Hotel

Keio Plaza Hotel Tokyo (KPH) เป็นโรงแรมระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในย่านชินจูกุ ใจกลางกรุงโตเกียว โรงแรมมีห้องอาหารและบาร์กว่า 20 ร้านและเราได้รองรับแขกผู้มาเยือนทั้งในท้องถิ่นและนานาชาติ ให้สิ่งอำนวยความสะดวก บริการต่างๆ และการต้อนรับอบอุ่นในแบบฉบับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงห้องธีม Hello Kitty การลองชุดแต่งงานกิโมโน การชงชา และอื่นๆ อีกมากมาย สามารถรับชมได้ที่เว็บไซต์, YouTube, Facebook หรือ Instagram ของโรงแรม

สามารถรับชมข่าวต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: http://www.businesswire.com/news/home/20161123005029/en/

ติดต่อ:

Keio Plaza Hotel Tokyo

Sunaho Nakatani, +81-3-5322-8113

Public Relations Manager

s-nakatani@keioplaza.co.jp

Beacon Interface, a Thai startup develops mobile app for the visually impaired

Logo

นายธีรนันท์ ศรีหงส์ (ซ้ายสุด)กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และประธานกสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)  พร้อมด้วยพันธมิตรร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวนวัตกรรมการออกแบบแอพพลิเคชั่นการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟนสำหรับผู้บกพร่องทางการเห็นให้สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัย พร้อมใช้งานได้จริงไตรมาสแรกปี 2560  พัฒนาโดยบีคอน อินเตอร์เฟส บริษัทสตาร์ทอัพภายใต้การสนับสนุนของธนาคารกสิกรไทย ณ ธนาคารกสิกรไทย อาคารพหลโยธิน เมื่อเร็ว ๆ นี้ 

“บีคอน อินเ ตอร์เฟส” สตาร์ทอัพของกสิกรไทยช นะเลิศการแข่งขันฟินเทคระดับโลก ที่สิงคโปร์ พัฒนาสุดยอดแอพฯ ให ้ผู้บกพร่องทางการเห็นทำธุรกรรม ผ่านสมาร์ทโฟนได้

Logo

บีคอน อินเตอร์เฟส สตาร์ทอัพน้องใหม่ ประเดิมคว้า 2 สุดยอดรางวัลในงาน Singapore FinTech Festival 2016 ซึ่งเป็นงานประกวดฟินเทคระดับโลก ที่จัดโดยแบงก์ชาติสิงคโปร์ ด้วยนวัตกรรมปฏิวัติโลกการเงินที่ให้ผู้บกพร่องทางการเห็นทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟนได้ปลอดภัยและสะดวกที่สุดเช่นเดียวกับคนตาดี สอดคล้องกับแนวคิดของธนาคารกสิกรไทยที่ต้องการส่งเสริมให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง พร้อมเปิดให้บริการจริงไตรมาสแรกปี 2560

นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดเผยว่า จากการที่บริษัท บีคอน อินเตอร์เฟส ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพภายใต้การสนับสนุนของธนาคารกสิกรไทย ได้ส่งผลงานแอพพลิเคชั่นด้านการเงินเข้าประกวดในงาน Singapore FinTech Festival 2016 ที่สิงคโปร์ สนับสนุนการจัดงานโดยธนาคารกลางของสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore – MAS) ซึ่งเป็นงานประกวดฟินเทคระดับโลกนั้น ล่าสุดผลงานแอพพลิเคชั่นของบีคอน อินเตอร์เฟส สามารถคว้า 2 รางวัล คือ รางวัลชนะเลิศ Winner of Global FinTech Hackcelerator จากธนาคารกลางของสิงคโปร์ และรางวัล Developer Hub Award  จาก Citigroup หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันควบอีก 1 รางวัล

ทั้งนี้ แอพพลิเคชั่นที่บีคอน อินเตอร์เฟส พัฒนาขึ้นเป็นผลงานชิ้นแรกเป็นนวัตกรรมการออกแบบแอพพลิเคชั่นการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟน โดยการใช้งานจอสัมผัสรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพ (Empower) สำหรับผู้บกพร่องทางการเห็น (Visually Impaired) ให้สามารถทำธุรกรรมการเงินบนโลกออนไลน์ได้ด้วยตนเองอย่างมั่นใจ มีความเป็นส่วนตัว และสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของธนาคารกสิกรไทยที่ต้องการส่งเสริมให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง (Financial Inclusion) 

แอพพลิเคชั่นนี้จะทำให้ผู้บกพร่องทางการเห็นอันประกอบด้วย คนตาบอด (The Blind) และคนสายตาเลือนราง (The Low Vision) ที่มีกว่า 285 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคสังคมผู้สูงวัย (Aging society) ให้สามารถใช้โปรแกรมบนโทรศัพท์มือถือผ่านจอสัมผัส (Touch Screen) ได้อย่างง่ายดายและมั่นใจ ด้วยนวัตกรรม Non-location Based Interface ที่ไม่ต้องใช้การมอง ผนวกกับ Multi-sensory Feedbacks ที่คอยช่วยเหลือและชี้นำการใช้งานในทุก ๆ ขั้นตอน  นอกจากนี้ แอพพลิเคชั่นยังสามารถช่วยคนสายตาปกติให้ได้รับความสะดวกมากขึ้นเพราะสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมองหน้าจอ 

แอพพลิเคชั่นของบีคอน อินเตอร์เฟส เป็นการพัฒนาร่วมกันกับทีมงานด้านเทคนิคของ KBTGและได้รับการสนับสนุนรวมถึงคำแนะนำจาก ดร.นันทนุช สุวรรนาวุธ ผู้เชี่ยวชาญระบบออนไลน์สำหรับผู้บกพร่องทางการเห็น ปัจจุบันเป็นนักวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และความร่วมมือจากพันธมิตร ABLE Lab (Achieve Better Living for Elderly Lab) นำทีมโดย ผศ.ดร.ชูจิต ตรีรัตนพันธ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการศึกษาวิจัยประสบการณ์การใช้งานให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มผู้ใช้อย่างแท้จริง

นายธีรนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่าบีคอน อินเตอร์เฟส เป็นฟินเทครายแรกที่มุ่งเน้นการสร้างประโยชน์และคุณค่าทางสังคม เพื่อให้เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงคนทุกกลุ่มได้โดยเท่าเทียมกัน และหวังว่ารางวัลที่ได้รับจากการประกวดในครั้งนี้จะทำให้นวัตกรรมของบริษัทเป็นที่รู้จักมากขึ้นและได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและภาคธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการส่งเสริมให้กลุ่มผู้มีความบกพร่องทางการเห็นได้เข้าถึงและมีโอกาสใช้งานนวัตกรรมดังกล่าวได้อย่างกว้างขว้าง ซึ่งในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและพร้อมใช้งานได้จริงในช่วงไตรมาสแรกปี 2560

นอกจากกลุ่มผู้มีความบกพร่องทางการเห็นแล้ว นวัตกรรมของบีคอน อินเตอร์เฟส ยังสามารถนำไปใช้ในประเทศด้อยพัฒนา อ้างอิงข้อมูลจากธนาคารโลกที่ได้ประมาณการว่า ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน (Unbanked) ในประเทศด้อยพัฒนาทั่วโลกมีสูงถึงหนึ่งพันล้านคน ระบบนี้จะคอยช่วยเหลือและชี้นำการใช้งานในทุก ๆ ขั้นตอนจึงทำให้คนที่อ่านหนังสือไม่ออกสามารถใช้แอพพลิเคชั่นได้อย่างไม่มีปัญหา จึงเชื่อว่านวัตกรรมของบีคอน อินเตอร์เฟส จะทำให้สามารถเข้ารับบริการทางการเงินได้และสอดคล้องกับนโยบาย Universal Financial Access (UFA) ของประธานธนาคารโลกที่ต้องการลดความยากจนในประเทศด้อยพัฒนาด้วย Financial Inclusion ได้เป็นอย่างดี

สำหรับการแข่งขันในโครงการ Global FinTech Hackcelerator ภายใต้งาน Singapore FinTech Festival 2016  จัดโดยธนาคารกลางของสิงคโปร์ (MAS) เป็นงานที่มุ่งเฟ้นหาสุดยอดนวัตกรรมฟินเทคระดับโลก มีผู้สนใจเข้าร่วมประกวดราว 650 โครงการ จาก 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งบีคอน อินเตอร์เฟส นับเป็นฟินเทค สตาร์ทอัพที่สร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้คนไทย เพราะเป็นฟินเทคไทยรายเดียวที่ผ่านเข้ารอบ 20 ทีมสุดท้ายและได้รับรางวัลชนะเลิศในที่สุด นอกจากนั้นยังเป็นทีมเดียวในการแข่งขันที่ได้รับถึงสองรางวัลอีกด้วย 

กสิกรไทยส นับสนุนธุรกิจโรงพยาบาลที่กระบี ่

Logo

นายสำมิตร สกุลวิระ (ที่ 3 จากขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และ นาย เชน เหล่าสุนทร (ที่ 4 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายการเงิน โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง ร่วมลงนามในสัญญาให้การสนับสนุนทางการเงินจำนวน 217 ล้านบาท แก่กลุ่มโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและสร้างโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ อ่าวนาง จังหวัดกระบี่ และรองรับการให้บริการด้านการตรวจรักษาทางการแพทย์ที่ทันสมัยแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ ณ ธนาคาร        กสิกรไทย สำนักงานใหญ่  ราษฎร์บูรณะ เมื่อเร็ว ๆ นี้

สรุปผลิตภัณฑ์ 10 อันดับที่เป็นที่สนใจในงาน CHTF2016

Logo

เซินเจิ้น, จีน–(บิสิเนส ไวร์)–21 พฤศจิกายน 2016

งาน China Hi-Tech ครั้งที่ 18 ภายใต้ธีม “การแลกเปลี่ยนนวัตกรรม การร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ร่วมกัน” มาถึงบทสรุปที่งดงามในวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าเซินเจิ้น โดยไฮไลท์เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ VR/AR มีผู้จัดงานกว่า 3,000 รายจาก 37 ประเทศแสดงสินค้านวัตกรรมมากกว่า 10,000 ชนิดให้กับผู้เข้าชมและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม 

สามารถรับชมข่าวในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่ http://www.businesswire.com/cgi-bin/mmg.cgi?eid=51464005&lang=en

ในงานแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ 10 อันดับแรกของงาน CHTF2016 ได้ประกาศขึ้นในฮอลส์แสดงสินค้า ซึ่งสินค้าเหล่านี้ได้รับการแนะนำจากโซนการแสดงสินค้าและได้รับการรีวิวโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ที่มีสุนทรียศาสตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจ ชาญฉลาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยึดปรัชญาการออกแบบให้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง โดยการแสดงให้เห็นถึงการใช้งานที่เป็นประโยชน์และเน้นให้ประสบการณ์ผู้ใช้

สินค้า 10 อันดับแรกคือ IoT Charging Station (Chinese Academy of Sciences, กวางเจา), MEGA Drone (Harwar International Aviation), HIAR GLASSES V2 (HiScene), All-in-One VR G1/G1s (Qualcomm และ CooCaa), PMS168 Motor (Dongming Electric Motor), Smart Lunch Box (Nami), Panox One Sports DV (D-Light Tech), the “am:10” Ecological Purifier (Techand Residential Environment), Smart Charging Pile (Wuhan University) และ SINGULATO (Zhiche Auto) The G1/G1s ซึ่งได้รับการพัฒนาโดย Qualcomm และ CooCaa เป็นอุปกรณ์ VR แบบ all-in-one ชิ้นแรกของโลก ที่ได้รับการประกอบกับ Snapdragon 820/821 เป็นสุดยอดของเทคโนโลยี VR ที่แอดวานซ์ที่สุดในโลกและได้ให้ประสบการณ์การชมแบบพานาโรมาที่น่าตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ใช้

ส่วนการจัดงานนานาชาติ และโซนพิเศษที่ใช้ชื่อว่า “One Belt, One Road” ก็เป็นไฮไลท์ของ CHTF2016 บริษัทต่างๆ จากเยอรมนี เชค รีพับลิค ปากีสถาน กรีซ บาห์เรน ได้นำเอาผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดและมีการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าชมเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ผู้แทนระดับมณฑลของจีนได้นำเอาบริษัทเทคโนโลยีหลากหลายมาในงานอีเว้นท์นี้ ซึ่งได้อุทิศความพยายามของพวกเขาในการทำให้ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกัน กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกันเช่น การประชุม Smart City, Internet+ ซัมมิทฟอรั่ม, VR/AR ฟอรัม และการประชุม 2016 China Innovation ได้จัดควบคู่ไปด้วยกันด้วย โดยได้รวบรวมเอาเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้จัดการธุรกิจระดับสูง และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ในการร่วมระดมความเห็นกันในประเด็นเทคโนโลยีระดับสูงและได้แลกเปลี่ยนวิธีการที่ประสบความสำเร็จ 

CHTF ซึ่งเป็นการแสดงสินค้าเทคโนโลยีระดับสูงอันดับหนึ่งของประเทศจีน ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและเทรนด์ของอุตสหกรรมเทคโนโลยีระดับสูงในอุตสาหกรรมนี้ การที่ได้รวบรวมเอาความสำเร็จต่างๆ จากหลากหลายหมวดหมู่ในอุตสาหกรรม รวมถึงการประหยัดพลังงาน ชีววิทยา พลังงาน การดูแลสุขภาพ และอุปกรณ์ไฟฟ้า ทำให้ CHTF มุ่งมั่นในการสร้างแพลตฟอร์มสำหรับผู้เข้าจัดงานและผู้เข้างานได้แลกเปลี่ยนและร่วมมือกันอย่างเป็นอิสระ เพื่อเป็นการย่อระยะห่างระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี

 สามารถรับชมข่าวต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: http://www.businesswire.com/cgi-bin/mmg.cgi?eid=51464005&lang=en

ติดต่อ:

China Hi-Tech Fair

Alice Chen, 86-13422884433

chtf2016@qq.com

CHTF201 6 รวบรวม 23 ประเทศร่วมมือกันใน “One Belt One Road”

Logo

เซินเจิ้น, จีน–(บิสิเนส ไวร์)–20 พฤศจิกายน 2016

งาน China Hi-Tech Fair (CHTF2016) ครั้งที่ 18 ได้จัดขึ้นแล้วที่ศูนย์การประชุมและจัดแสดงสินค้าแห่งเซินเจิ้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน โดยเน้นในโซนพิเศษที่มีชื่อว่า “One Belt, One Road” งานได้รวบรวมเอาที่แสดงงานนานาชาติ 43 แห่งจาก 31 ประเทศ และองค์กรนานาชาติอีก 12 แห่งไว้ด้วยกัน  ซึ่งเป็น 12 ใน 23 แห่งที่ได้เข้าร่วม “One Belt, One Road” รวมถึงผู้เข้ามามีส่วนร่วมในงานเป็นครั้งแรกคือประเทศบาห์เรนและแอฟริกาใต้

สถานที่บาวาเรี่ยนของประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมงาน CHTF อย่างสม่ำเสมอ ได้นำเอาองค์กรมาร่วมงาน 10 องค์กร ซึ่งครอบคลุมภาคส่วนต่างๆ รวมถึงโรงงานการทำอุปกรณ์ไฟฟ้า การสร้างระบบเครือข่ายอย่างชาญฉลาด การผลิตส่วนประกอบของระบบ และระบบอัตโนมัติ iAd GmbH ได้แสดงสินค้าหลักของเขาในด้านการสื่อสารพลังงาน ไฟและมอนิเตอร์ในสนามบิน และวิทยุอัตโนมัติแบบหลายช่อง Carbotechnik Energiesysteme GmbH ได้แสดงเครื่องเผาไหม้และระบบการเผาไหม้ถ่านหิน Hajomech Industrietechnik GmbH ได้แสดงถึงเทคโนโลยีและระบบปฏิบัติการในด้านโมบายพาวเวอร์ซัพพลายของอุตสาหกรรม กระบวนการกำจัดทรัพยากร loose material และพลังงานที่สะอาด The Cool Tool แสดงเทคโนโลยีโมเดลและอุปกรณ์ที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยมากมาย

สถานทูตเชค รีพับลิค ประจำประเทศจีน ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ของเชค รีพับลิค รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีระดับสูงชั้นนำของท้องถิ่น ในการแสดงผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ได้รับรางวัล Smart Heating Technology แสดงเทคโนโลยีเครื่องต้มวัตถุดิบไบโอแมสแบบอัตโนมัติ และแนะนำโซลูชั่นส์สำหรับไบโอแมสและพลังงานทดแทน SVCS Process Innovation ได้นำโซลูชั่นส์แบบบูรณาการที่ได้รับการออกแบบอย่างพิเศษเพื่อช่วยในเรื่องกระบวนการแพร่สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และโฟโตวอลเทอิก Daisy แสดงให้เห็นถึงซอฟต์แวร์สำหรับการวางแผน ออกแบบ และปฏิบัติการณ์ของกริดของแรงดันทุกระดับ Lipa Learning แนะนำซอฟต์แวร์สำหรับเทคโนโลยีการศึกษาสมัยใหม่และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เยี่ยมชม

ผู้จัดงานของปากีสถานได้จัดแสดงความสำเร็จด้านการวิจัยทาง IT ล่าสุด และแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้าน IT ของเขา The CAD CAM Center แสดงให้เห็นซีรี่ส์ Panda Security ของผลิตภัณฑ์ต้านไวรัสซึ่งรวมถึงอีเมล์แซนด์บอกซ์เซอร์เวอร์ ที่ลบมัลแวร์ ที่ออดิตมัลแวร์ การทดสอบการเจาะระบบโดยแฮกเกอร์ และซอฟต์แวร์หุ่นยนต์ CATALYST IT Solutions แสดงซอฟต์แวร์โซลูชั่นส์สำหรับอุตสาหกรรมการเงินและตลาดหุ้น Export Setup แสดงเซอร์วิสด้านเทคโนโลยีขั้นสูงในการช่วย SME ต่างๆ ในการเข้าไปสู่ตลาดโลก ZEKAB International แสดงผลิตภัณฑ์ VR ที่ออกแบบสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ Moftak Solutions แนะนำการบริหารจัดการอีเว้นท์ที่เรียกว่า “Chillisauce”

ด้วยความคืบหน้าของการริเริ่ม “One Belt, One Road” ทำให้ CHTF จะยังคงมุ่งมั่นในการยึดถือเอาพันธกิจของตนคือ “การแลกเปลี่ยนนวัตกรรม การร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ร่วมกัน” และพยายามที่จะโปรโมทการแลกเปลี่ยนในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และก่อตั้งตัวเองให้เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นมืออาชีพสำหรับการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ

สามารถรับชมข่าวต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: http://www.businesswire.com/news/home/20161119005031/en/

ติดต่อ:

China Hi-Tech Fair

Alice Chen, 86-13422884433

chtf2016@qq.com