AXA XL เปิดตัว ประกันภัยแบบไซเบอร์สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางบน Slice ICS

Logo

ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางสามารถขอรับความคุ้มครองประกันไซเบอร์ที่: https://axaxl.slice.is.

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–30 ต.ค. 2018

Slice Labs Inc. ผู้ให้บริการชั้นนำด้านการประกันภัยออนดีมานด์ในระบบคลาวด์และ AXA XLซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ AXA ได้เปิดตัวนโยบายการประกันแบบไซเบอร์ใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMBs) โดยเฉพาะ โดยการใช้แพลตฟอร์มบริการประกันภัยในระบบคลาวด์ของ Slice (ICS) โซลูชั่นด้านการป้องกันภัยไซเบอร์ของ AXA XL จะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในสหรัฐฯ มีระบบป้องกันด้านไซเบอร์แบบครบวงจรพร้อมกับระบบข่าวกรองเรียลไทม์เพื่อต่อต้านความเสี่ยงในโลกไซเบอร์อย่างแข็งขัน

"ธุรกิจทุกขนาดมีแนวโน้มเสี่ยงต่อความเสี่ยงในโลกไซเบอร์" นาย John Coletti หัวหน้าเจ้าหน้าที่รับประกันของ AXA XL's North America Cyber ​​& Technology กล่าว "ในการจัดหาผลิตภัณฑ์ประกันแบบไซเบอร์ โดยใช้ขุมพลังจากผลิตภัณฑ์ AI เราจะขยายขอบเขตการเข้าถึงตลาดด้านประกันภัยในโลกไซเบอร์และปรับสร้างความเท่าเทียมให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถเข้าถึงการคุ้มครองด้านการรักษาความปลอดภัยในวงกว้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทใหญ่ ๆ ทั้งหลายเข้าถึงเช่นกัน ซึ่งรวมทั้งทรัพยากรด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์เพื่อช่วยปกป้องรายได้ ความสามารถในการทำกำไร และความสัมพันธ์กับลูกค้าของพวกเขา อีกด้วย "

" ผลิตภัณฑ์ประกันไซเบอร์ชนิดนี้เกิดขึ้นที่นี่เป็นที่แรก " Tim Attia ซีอีโอของ Slice กล่าว "ในเดือนที่ผ่านมาเราได้รับการเตือนถึงผลกระทบอันยิ่งใหญ่ที่การละเมิดอาจมีต่อธุรกิจเทคโนโลยีและสายการบินทั่วโลกที่มีทรัพยากรที่จำเป็นต้องถูกกู้คืน หากพันธมิตรรายใดของบริษัทเหล่านี้ซึ่งมีรูปแบบธุรกิจแบบขนาดเล็กและขนาดกลางได้รับผลกระทบจากการโจมตีนี้ด้วยเช่นกัน พวกเขาก็จะไม่รอด ผลิตภัณฑ์นี้ซึ่งเกิดขึ้นได้เนื่องจากแพลตฟอร์ม ICS จะทำงานโดยการจัดหาแหล่งข้อมูลและการป้องกันเพิ่มเติมให้แก่ธุรกิจที่มีความเปราะบางต่อการถูกโจมตีพอ ๆ กัน แต่มีโอกาสน้อยกว่าที่จะกู้คืนได้

AXA XL's ประกันภัยไซเบอร์ ได้รับการออกแบบมาสำหรับบริษัทที่มีรายได้ต่อปี ต่ำกว่า 20 ล้านเหรียญ และมีข้อจำกัดทางวงเงิน จาก 250,000 ถึง 3 ล้านเหรียญ โดยการใช้ใบอนุญาตการเป็นนายหน้าซื้อขายใบอนุญาตแบบ E & S ของ Slice แพลตฟอร์มดิจิทัลนี้จะมีความครอบคลุมครอบคลุมทั่วถึง ซึ่งสามารถทำการซื้อได้ภายในไม่กี่นาทีสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีคุณสมบัติครบ ขั้นตอนง่ายๆในการเช้าร่วมไม่เพียงแต่ช่วยให้ลูกค้าสามารถรับนโยบายได้อย่างง่ายดาย แต่ยังส่งหนังสือแจ้งการสูญเสียครั้งแรกผ่านโปรแกรมบอท(bot)การอ้างสิทธิ์ของเรา ได้ด้วย

นโยบายครอบคลุมถึงความคุ้มครองข้อมูลและความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของบุคคลที่สามและต้นทุนการบรรเทาผลกระทบจากผู้ประกอบกิจการเอง ค่าใช้จ่ายดังกล่าวยังเกี่ยวพันกับกับเหตุการณ์แบบไซเบอร์ เช่น การแจ้งเตือน การติดตามตรวจสอบเครดิต การกู้คืนข้อมูล การจัดการชื่อเสียง การสูญเสียธุรกิจ และค่าใช้จ่ายพิเศษอื่น ๆ ความคุ้มครองนี้ยังให้ความคุ้มครองภัยคุกคามทางโลกไซเบอร์และหนี้สินที่เกี่ยวกับการละเมิดต่างๆรวมถึงบทลงโทษตามกฎระเบียบข้อตกลงการให้บริการของ GDPR และ Merchant Services Agreements อีกด้วย

นอกจากนี้โซลูชันด้านการประกันข้อมูลไซเบอร์ AXA XL ยังให้บริการข้อมูลที่ลึกซึ้งเพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กเข้าใจความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ของพวกเขา และเรียนรู้วิธีการเสริมสร้างระบบป้องกันแบบไซเบอร์ของตน ลูกค้าได้รับแดชบอร์ดแบบแยกส่วนโดยมีการประเมินความเสี่ยงด้านไซเบอร์โดยรวมและคะแนน พร้อมกับคะแนนมาตรฐานของธุรกิจอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันในแต่ละหมวดหมู่ความเสี่ยง

"ความเป็นหุ้นส่วนของเรากับ Slice เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้ประโยชน์จากการร่วมมือกับบริษัทประกันภัย" Lauren Tennant Pollock หุ้นส่วนและผู้จัดการฝ่ายขายดิจิตอลของ Accelerate ซึ่งเป็นทีมงานด้านนวัตกรรมภายในของAXA XL กล่าว  "ด้วยเทคโนโลยีของ Slice และการจัดจำหน่าย การกำหนดราคา และความเชี่ยวชาญด้านการเรียกเคลม เราได้สร้างการเสนอไซเบอร์ดิจิทัลแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในเวลาเพียงสามเดือนเท่านั้น เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้น ในระหว่างที่เราเก็บรวบรวมความคิดเห็นของลูกค้า และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของเราอย่างต่อเนื่องพร้อมตามความต้องการเหล่านั้น และเพื่อตอบรับความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและไซเบอร์ "

เกี่ยวกับ Slice:

Slice Labs เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มระบบคลาวด์ชั้นนำออนดีมานด์ ที่ช่วยให้บริษัทประกันสามารถส่งมอบคุณค่าใหม่ให้กับลูกค้าผ่านระบบประกันโดยตรงหรือตัวแทนประกันภัยโดยไม่ต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบจ่ายเงินตามที่คุณต้องการ หรือ pay as you go โดยแพลตฟอร์มบริการประกันภัยระบบคลาวด์ของผลิตภัณฑ์ (ICS) ได้รับการสนับสนุนโดยการเรียนรู้ด้วยเครื่องและเทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่ขั้นสูงพร้อมด้วยความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์พฤติกรรมระดับ Ph.D. โดย ICS  เป็นรากฐานสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบดิจิทัลที่ได้รับการเปิดตัวตัวจากบริษัทประกันภัยชั้นนำทั่วโลกและยังเป็นฐานสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันภัยดิจิทัลของ Slice ที่ให้บริการในระบบเศรษฐกิจใหม่ หากต้องการทราบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ Slice โปรดไปที่ http://www.slice.is หรือติดตามข่าวของ @SliceLabs บน Twitter

เกี่ยวกับAXA XL

AXA XL ให้บริการด้านการประกันและการบริหารความเสี่ยงสำหรับ บริษัทขนาดกลางถึงบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ และให้บริการโซลูชั่นการประกันภัยแก่บริษัทประกันภัยทั่วโลก เราร่วมมือกับผู้ที่ผลักดันโลกไปข้างหน้า หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.axaxl.com

เกี่ยวกับการประกันภัยของ AXA XL

การประกันภัยของ AXA XL Insurance นำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยด้านอสังหาริมทรัพย์ อุบัติเหตุ ด้านวิชาชีพ ด้านการเงิน และการประกันภัยพิเศษอื่น ๆ ให้แก่ บริษัท ขนาดกลางถึงบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ทั่วโลก เราร่วมมือกับผู้ที่ผลักดันโลกไปข้างหน้า หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดไปที่  www.axaxl.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20181030005877/en/

ติดต่อ:

Slice Labs Inc. PR

Emily Kosick 212-380-1849

pr. @ slice.is

Business Wire แต่งตั้ง Pascal Rosier ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–30 ตุลาคม 2018

ผู้บริหารอุตสาหกรรมข้อมูล Pascal Rosier เข้าร่วม Business Wire ในฐานะผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก  Rosier จะรับผิดชอบสำนักงาน Business Wire ในกรุงโตเกียว ฮ่องกง และซิดนีย์ และจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับบริษัทในเครือหลายแห่งในภูมิภาคนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณลักษณะด้านมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: http://www.businesswire.com/cgi-bin/mmg.cgi?eid=51891351&lang=en

Pascal Rosier, Business Wire - Asia Pacific, general manager (Photo: Business Wire)

Pascal Rosier, Business Wire – เอเชียแปซิฟิก, ผู้จัดการทั่วไป (ภาพ: Business Wire)

โดยทำงานอยู่ที่โตเกียว Rosier จะนำมาซึ่งทักษะประจำตัวที่น่าประทับใจในบทบาทใหม่ของเขา โดยดำรงตำแหน่งผู้บริหารด้านการขายและการจัดการด้านปฏิบัติการด้วยประสบการณ์บริการข้อมูลทางการเงินชั้นนำเป็นเวลา 18 ปี

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา Rosier เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำภูมิภาคของ Dow Jones ซึ่งเขาได้มอบหมายให้พนักงาน 10 คนขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้แก่ชุมชนการเงิน บริษัท  และหน่วยงานภาครัฐ  Rosier ใช้กลยุทธ์ที่ส่งผลให้ตลาดญี่ปุ่นมีการเติบโตในระดับสามหน่วย

ก่อนหน้านี้ Rosier เป็นผู้นำยอดขายของบริษัทสำหรับ Bloomberg LP ในญี่ปุ่น โดยกำหนดเป้าหมายไปที่องค์กร บริษัทซื้อขายหุ้น และสถาบันการเงินทั่วโลก

Rosier สามารถสื่อสารในห้าภาษา ได้แก่ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ จีนแมนดาริน และเยอรมัน และมีความกระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะรับบทบาทใหม่ โดยตระหนักถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของภูมิภาคนี้

Geff Scott ซีอีโอของ Business Wire กล่าวว่า "ประวัติอันน่าประทับใจของ Pascal ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมข่าวและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทำให้เขาโดดเด่นเป็นพิเศษสำหรับบทบาทสำคัญนี้  การเพิ่ม Pascal เข้าไปในทีมของ Business Wire เป็นการย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการและการเติบโตของลูกค้าในภูมิภาคนี้”

"ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้าร่วม Business Wire ในช่วงเวลาที่น่าสนใจ" Rosier กล่าว “ด้วยความหลากหลาย พลังและความคิดสร้างสรรค์ ความกระตือรือร้นและความเปิดกว้างของเอเชียทำให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและมีโอกาสมากมายสำหรับธุรกิจที่จะกำเนิดและเติบโตขึ้น  Business Wire มีตำแหน่งที่โดดเด่นที่จะช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบนิเวศน์นี้” Rosier กล่าว

Rosier จะขึ้นตรงต่อ Stuart Dean รองประธานฝ่ายขาย ผู้ซึ่งให้คำประกาศในวันนี้

เกี่ยวกับ Business Wire:

บิสิเนสไวร์ ซึ่งเป็นบริษัท Berkshire Hathaway เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการกระจายข่าวประชาสัมพันธ์และการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการ  ความสัมพันธ์กับนักลงทุน การประชาสัมพันธ์ นโยบายสาธารณะ และผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดพึ่งพา Business Wire ในการเผยแพร่ข่าวและมัลติมีเดียที่เคลื่อน จัดห้องข่าวออนไลน์และเว็บไซต์ IR สร้างแพลตฟอร์มการตลาด สร้างการปฏิสัมพันธ์ในโลกโซเชียลและให้การวิเคราะห์ผู้ชมที่ปรับปรุงการโต้ตอบกับเป้าหมายที่  Business Wire ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยเป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้สำหรับองค์กรข่าว ผู้สื่อข่าว ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน และหน่วยงานกำกับดูแล โดยส่งข่าวสารโดยตรงสู่ระบบการตีพิมพ์และแหล่งข่าวออนไลน์ชั้นนำผ่านทาง NX Network ที่ได้รับสิทธิบัตรหลายใบ  Business Wire มีสำนักงานใหญ่ 28 แห่งทั่วโลกเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารและผู้บริโภคข่าวสาร

เรียนรู้เพิ่มเติมที่ services.BusinessWire.com และ  Tempo แหล่งข้อมูล Business Wire สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรม  ติดตามการอัปเดตใน Twitter: @businesswire หรือบน  Facebook

คลิกที่นี่เพื่อสมัครการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์สำหรับ for Business Wire

ดูเวอร์ชันของแหล่งที่มาใน businesswire.comhttp://www.businesswire.com/cgi-bin/mmg.cgi?eid=51891351&lang=en

ติดต่อ:

Business Wire

Neil Hershberg, +1 212-752-9600, Ext. 1434

Toshiba เพิ่มเครื่องขยายสัญญาณประสิทธิภาพสูง 4 ช่องสำหรับเครื่องเสียงในรถเพื่อเอาท์พุทสูงสุด 45 วัตต์

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 ตุลาคม 2018

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ประกาศเปิดตัว "TCB702FNG" ซึ่งเป็นเครื่องขยายสัญญาณประสิทธิภาพสูง 4 ช่องสัญญาณที่ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ  การจัดส่งตัวอย่างได้เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้โดยมีกำหนดจะเริ่มผลิตในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณลักษณะด้านมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20181030006234/en/

Toshiba: A 4-channel high-efficiency linear power amplifier "TCB702FNG" with 45W output. (Photo: Bus ...

Toshiba: "TCB702FNG" เครื่องขยายสัญญาณประสิทธิภาพสูง 4 ช่องสัญญาณด้วยเอาท์พุทสูงสุด 45 วัตต์ (รูปภาพ: Business Wire)

ด้วย "TCB702FNG" Toshiba ได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเครื่องขยายเสียงคลาส D ที่มีประสิทธิภาพสูงในช่วงที่ใช้งานจริง (0.5 ถึง 4 วัตต์)  การใช้พลังงานลดลงได้ถึง 80% ของค่าดังกล่าวสำหรับเครื่องขยายเสียงคลาส AB ทั่วไป[1]  กำลังส่งสูงสุดของ IC ใหม่คือ 45 วัตต์และ IC สามารถทำงานร่วมกับ "TCB701FNG" ซึ่งเป็นเครื่องขยายสัญญาณเส้นตรงที่มีประสิทธิภาพสูงของบริษัท พร้อมกำลังส่งสูงสุด 50 วัตต์

เครื่องขยายเสียงรุ่นใหม่ยังมีฟังก์ชั่นการวินิจฉัยตัวเองด้วยตัวควบคุมบัส I2C ที่สามารถวิเคราะห์ข้อผิดพลาดและช่วยในการออกแบบชุดที่เหมาะสมด้วยการเปลี่ยนการตั้งค่าการตรวจหาค่า gain หรือค่าคงที่ของเวลา  นอกจากนี้ยังมีระบบการตรวจจับข้อผิดพลาดแบบเต็มเวลาของแรงดันไฟฟ้าขาออก DC ซึ่งสามารถตรวจจับแรงดันไฟฟ้าขาออกผิดปกติและป้องกันไม่ให้ลำโพงลุกไหม้เพื่อเสถียรภาพ

ข้อมูลจำเพาะหลัก

หมายเลขชิ้นส่วน

TCB702FNG

แรงจ่ายไฟสูงสุด

45W×4ch (Vcc=15.2V,RL=4Ω, กำลังสูงสุด)

แรงดันไฟฟ้า

6V to 18V

การบิดเบือนฮาร์มอนิกทั้งหมด

0.02% (Pout=0.4W)

แรงดันไฟฟ้าเสียงขาออก

60μVrms (BW=DIN_AUDIO)

การใช้พลังงาน

ต่ำกว่าเครื่องขยายเสียง AB แบบทั่วไปถึง 80%

(แรงดันไฟฟ้า=14.4V สำหรับ 0.8W output)

ฟังก์ชั่นและ

คุณสมบัติ

・ 6V operations

・ การตรวจจับข้อผิดพลาดแบบ Full-time สำหรับแรงดันไฟฟ้าออฟเซท DC ขาออก

・ การควบคุมบัส I2C ช่วยในการวินิจฉัยข้อผิดพลาดต่างๆ เช่นการเชื่อมต่อแบบ cross output

・ การตรวจจับต่างๆ สามารถเลือกได้จากการตั้งค่าสองอย่างขึ้นไปเช่นการเพิ่มเสียง การตั้งค่าเวลา และอุณหภูมิ

・ สามารถใช้เป็นเครื่องขยายเสียงและเครื่องขยายสัญญาณขาออกได้

・ วงจรป้องกันในตัวต่างๆ (การเชื่อมต่อสัญญาณขาออก แรงดันไฟฟ้า และแรงดันไฟฟ้าต่ำ)

แพคเกจ

P-HSSOP36-1116-0.65-001

หมายเหตุ:

[1] เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของ Toshiba "TCB001FNG" ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2018 ตามผลสำรวจของ Toshiba

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้โปรดไปที่:

https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TCB702FNG&region=apc&lang=en

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:

System LSI Marketing Dept.III

โทร: +81-44-548-2190

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาผลิตภัณฑ์และข้อกำหนดเนื้อหาบริการและข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (TDSC) รวมความกระตือรือร้นของบริษัทใหม่กับประสบการณ์ที่ยาวนาน ตั้งแต่ได้แยกจาก Toshiba Corporation ในเดือนกรกฎาคมปี 2017 เราได้เข้าเป็นบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ทั่วไปและนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจในเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 22,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเราและให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ ๆ  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะต่อยอดจากยอดขายรายปีที่ในขณะนี้สูงกว่า 800 พันล้านเยน (7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และเพื่อเอื้อให้เกิดอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเราได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเวอร์ชันของแหล่งที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20181030006234/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Chiaki Nagasawa, +81-3-3457-4963

Digital Marketing division

semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำเข้าร่วมโครงการ GSMA Partnership เพื่อสร้างคอมมิวนิตี IoT ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

Logo

ผู้ให้บริการ 14 รายจากทั่วเอเชียแปซิฟิกเข้าร่วมโครงการ GSMA APAC IoT Partnership เพื่อเร่งการพัฒนาเทคโนโลยี Internet of Things ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าการใช้งานเทคโนโลยี IoT ในเอเชียแปซิฟิกจะพุ่งสูงถึง 1.1 พันล้านครั้งภายในปี 2025

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–30 ตุลาคม 2018

วันนี้ GSMA ได้ประกาศว่าผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 14 รายจากทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ Celcom, Dialog, DTAC, M1, Maxis, Ncell, Optus, Robi, Smart, Smartfren, Singtel, True, XL และ Xpand ได้เข้าร่วมโครงการ APAC IoT Partnership ที่ก่อตั้งโดย GSMA ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นตัวแทนคอมมิวนิตี้ด้าน Internet of Things (IoT) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และมีพันธมิตรกว่า 500 ราย ซึ่งประกอบด้วยผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ปรึกษา นักพัฒนา ผู้ผลิต ผู้ให้บริการโซลูชันการตลาดแนวตั้งและควบรวมระบบ และตัวแทนจากภาคส่วนอื่นๆ โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพันธมิตรเป็น 2,000 รายภายในปี 2020 สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้ชื่อว่าเป็นตลาด IoT ที่ใหญ่ที่สุดของโลก มีการคาดการณ์ว่าการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยี IoT ในภูมิภาคนี้จะสูงถึง 1.1 พันล้านครั้ง และเพิ่มโอกาสในการสร้างได้ราว 3.86 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 ตามที่ GSMA Intelligence กล่าวอ้าง

“เทคโนโลยี IoT ในเอเชียแปซิฟิกมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทำงานร่วมกับเหล่าพันธมิตรและในระบบนิเวศที่กว้างขึ้น เพื่อเพิ่มการใช้งานในวงที่กว้างขึ้น” Julian Gorman ตำแหน่ง Head of Asia Pacific จาก GSMA กล่าว “โครงการนี้จะสนับสนุนการพัฒนา IoT ด้วยการสร้างคอมมิวนิตี IoT ให้เกิดขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ให้เกิดความร่วมมือ การแบ่งปันความรู้ รวมถึงการสร้างโอกาสต่างๆ ที่นำประโยชน์มาสู่ทั้งห่วงโซ่อุปทานและลูกค้า โครงการนี้ได้ขยายครอบคลุมประเทศต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิก และเรายินดีหากมีสมาชิกใหม่ต้องการเข้าร่วม”

หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือการสนับสนุนจากห้องทดลอง IoT ซึ่งกำลังถูกจัดตั้งโดยผู้ให้บริการทั่วทั้งภูมิภาค เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับ IoT ห้องทดลองดังกล่าวคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในความร่วมมือนี้ และจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาร่วมกันของยูสเคส บริการและแอปพลิเคชันใหม่ๆ รวมถึงทำให้นวัตกรรม IoT ถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ให้บริการทั้งหมดในโครงการได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการร่วมมือกันและผลลัพธ์จากห้องทดลอง IoT มีความสอดคล้องกับมาตรฐานด้าน IoT ที่ใช้กันในภูมิภาคและทั่วโลก

พันธมิตรและลูกค้าในตลาดสามารถเข้าใช้ห้องทดลองดังกล่าวได้ โดยการก่อตั้งจะเริ่มจากในประเทศออสเตรเลีย บังกลาเทศ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เนปาล สิงคโปร์ ศรีลังกา และไทย นอกจากการก่อตั้งและขยายห้องทดลอง IoT แล้ว ผู้ให้บริการที่เข้าร่วมยังได้ร่วมกันพัฒนาโครงการริเริ่มใหม่ๆ และแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดี เพื่อเร่งการนำนวัตกรรม IoT มาใช้กับยูสเคส ซึ่งจะเป็นการยกระดับชีวิตของประชากรกว่า 3 พันล้านคนทั่วเอเชียแปซิฟิก

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ สามารถเข้าชมได้ที่ www.gsma.com/asia-pacific/resource/apac-iot-partnership/

บทสัมภาษณ์จากพันธมิตร

Axiata Group Berhad

Asri Hassan ตำแหน่ง Chief Executive Officer ของ Axiata Business Services ดำเนินการภายใต้แบรนด์ Xpand กล่าวว่า “ธุรกิจของ Xpand โฟกัสที่เทคโนโลยี Internet of Things มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ภายใต้ตลาดของ Axiata เพื่อรุกตลาดที่มีการเพิ่มขึ้นของประชากรภายในระยะเวลาสองถึงห้าปีข้างหน้านี้ สิ่งสำคัญสำหรับ Xpand ก็คือการเร่งการพัฒนาและระบบนิเวศภายในตลาดของเรา นอกจากห้องทดลอง NB-IoT ที่เราร่วมกับ GSMA ก่อตั้งขึ้นในศรีลังกาแล้ว เราจะเดินหน้าก่อตั้งห้องทดลอง IoT ในประเทศอื่นๆ ที่เราดำเนินกิจการอยู่ ซึ่งเหล่าอินโนเวเตอร์สามารถเข้ามาใช้และทำการทดลองต่างๆ ได้ นอกจากนี้ เรายังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะสร้างอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับระบบนิเวศนี้ด้วย”

DTAC

“DTAC ได้สนับสนุนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจแบบดิจิทัล ผ่านความร่วมมือจาก GSMA และภาคส่วนอื่นๆ เทคโนโลยี IoT คือหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนประเทศไทยเป็นประเทศดิจิทัล การเข้าร่วมโครงการ APAC IoT Partnership ของ GSMA จะยกระดับนวัตกรรมในระบบนิเวศ IoT ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับภูมิภาค” Thibaut Girard ตำแหน่ง Head of Strategy จาก DTAC กล่าว

Indosat Ooreodoo

“ธุรกิจ Indosat Ooredoo กำลังเปลี่ยนแปลงบริษัทให้เป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลอันดับหนึ่งสำหรับธุรกิจ และมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในนโยบาย Making Indonesia 4.0 รวมถึงโครงการ Smart Cities ที่ขับเคลื่อนโดย IoT เราร่วมมือกับทั้งบริษัท หน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย นักพัฒนาแอปพลิเคชัน และผู้ผลิต เพื่อพัฒนาโซลูชันต่างๆ ให้กับแพลตฟอร์ม IoT ของเราซึ่งมีมาตรฐานสูงสุดตอนนี้ เรามอบการเชื่อมต่อที่เหมาะกับการใช้งานและมีความปลอดภัยเกี่ยวกับเทคโนโลยี IoT ซึงประกอบด้วยเครือข่าย NB-IOT ที่ยูสเคสและโซลูชันต่างๆ ถูกพัฒนาขึ้นในห้องทดลองนวัตกรรม IoT ของเรา เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ APAC IoT Partnership ที่ก่อตั้งโดย GSMA เพื่อส่งมอบบริการต่างๆ ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าของเราสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ต่อไป” Haroon Shahul. Hameed ตำแหน่ง Director & Chief Operating Officer ของ Indosat Ooredoo กล่าว

M1

“M1 ได้ร่วมกับพันธมิตรที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและโซลูชันด้านดิจิทัลชั้นนำ หน่วยงานรัฐ และลูกค้า เพื่อสร้างโอกาสในระบบเศรษฐกิจแบบดิจิทัลและรองรับโครงการ Smart Nation ของประเทศสิงคโปร์ วันนี้ การสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรของเราในการพัฒนาอุปกรณ์ IoT มีส่วนอย่างมากในเครือข่าย NB-IoT ทั่วประเทศ นอกจากนั้น ห้องทดลอง IoT ของเรายังมีสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์สำหรับการทดลองของพวกเขา เราตั้งตารอการที่จะร่วมมือกับพันธมิตรในจำนวนที่มากขึ้น และขับเคลื่อนโครงการใหม่ๆ ในระบบนิเวศ IoT ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผ่านการเข้าร่วมโครงการ IoT Partnership กับ GSMA” นาย Alex Tan ตำแหน่ง Chief Innovation Officer ของ M1 กล่าว

Maxis

“Maxis มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ APAC IoT Partnership โดย GSMA เพื่อยกระดับโซลูชันที่เหนือกว่าในด้าน IoT ของเรา และรับการสนับสนุนจากเครือข่าย 4G ที่เป็นที่หนึ่งในอุตสาหกรรม เรามีความเชื่อมั่นว่าการได้ร่วมงานกับผู้ให้บริการโซลูชันในห้องทดลอง IoT จะช่วยสร้างความแกร่งให้กับระบบนิเวศ IoT สำหรับธุรกิจในมาเลเซีย ด้วยความร่วมมือนี้ เราหวังว่าจะได้นำหลักปฎิบัติที่ดีและความเชี่ยวชาญของ GSMA มาปรับใช้ในการสร้างความเป็นไปได้หลายๆ อย่างที่เทคโนโลยี IoT สามารถมอบให้กับลูกค้าของเราในตลาดมาเลเซียได้เร็วขึ้น” Paul McManus ตำแหน่ง Head of Enterprise ของ Maxis กล่าว

Smartfren

"Smartfren มีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ APAC IoT Partnership โดย GSMA เพื่อนำเสนอเทคโนโลยี IoT ในประเทศอินโดนีเซีย สิ่งนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ Smartfren ได้รับแรงบันดาลใจให้ทำอยู่เสมอ นั่นคือการทำให้สร้างและให้ความรู้เกี่ยวกับสังคมที่นำเทคโนโลยี 4G LTE มาใช้เพื่อความก้าวหน้าของสังคมและในอินโดนีเซีย จากการร่วมมือและการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักปฎิบัติที่ดีภายในภูมิภาคนี้ Smartfren เชื่อว่าเราจะสามารถนำเสนอเทคโนโลยี IoT ได้ในเร็วๆ นี้ และสามารถสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจของอินโดนีเซียได้" นาย Shurish Subbramaniam ตำแหน่ง Chief Technology Officer ของ PT Smartfren Telecom Tbk กล่าว

Singtel

นาย Diomedes Kastanis ตำแหน่ง Head of IoT ของ Singtel กล่าวว่า “ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มและบริการด้าน IoT ชั้นนำ Singtel มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของห้องทดลองนวัตกรรมของ GSMA ระบบนิเวศภายในแพลตฟอร์ม IoT ของเราจะทำให้เกิดการนำอุปกรณ์มาใช้ในระบบคลาวด์อย่างราบรื่น ทำให้บริษัทสามารถเปิดตัวและขยายบริการใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถสร้างนิยามใหม่ให้กับโมเดลธุรกิจที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน”

True

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้าร่วมโครงการ APAC IoT Partnership ของ GSMA เพื่อสร้างคอมมิวนิตี IoT สำหรับ True เราได้นำระบบนิเวศ IoT มาบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้แนวคิด "The Future is Real" เราได้มอบบริการด้าน IoT พร้อมเครือข่าย NB-IoT ที่ดีที่สุด ครอบคลุทุกพื้นที่ในประเทศไทย และผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรแนวหน้าจากทั่วโลก เรายังได้นำเสนอแพลตฟอร์ม IoT ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานที่ครอบคลุมและรองรับอุปกรณ์ IoT จำนวนมาก เรามีแผนสร้างห้องทดลองนวัตกรรม IoT ที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมดิจิทัลแห่งแรกของประเทศไทย และมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อกระตุ้นให้นักสร้างสรรค์นวัตกรรมมาทดลอง เรียนรู้ และพัฒนาเทคโนโลยี IoT กับ True Group ห้องทดลองนวัตกรรม IoT ของเราสามารถรองรับโครงการ APAC IoT ของ GSMA ได้ และจะทำให้นักสร้างสรรค์นวัตกรรม IoT ชาวไทยสามารถต่อยอดการพัฒนาศักยภาพของพวกเขาได้ในอนาคตอันใกล้” นายทรงธรรม เพียรพัฒนาวิทย์ ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการด้าน IoT ของบริษัท True Corporation กล่าว

-จบ-

หมายเหตุ:

1. Celcom, Dialog, Ncell, Robi, Smart, XL และ Xpand ดำเนินการภายใต้ Axiata Group Berhad

2. Optus และ Singtel ดำเนินการภายใต้ Singtel Group

เกี่ยวกับ GSMA

The GSMA เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก ซึ่งเชื่อมโยงผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่กว่า 750 ราย กับบริษัทมากกว่า 350 แห่งในระบบนิเวศการสื่อสารเคลื่อนที่ที่กว้างขึ้น ได้แก่ ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ บริษัทซอฟต์แวร์ ผู้ให้บริการอุปกรณ์ และบริษัทอินเทอร์เน็ต ตลอดจนองค์กรในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ GSMA ยังเป็นผู้จัดงาน MWC แถวหน้าของอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีการจัดขึ้นปีละครั้งในบาร์เซโลนา ลอสแอนเจลิส และเซี่ยงไฮ้ รวมถึงงาน Mobile 360 Series ซึ่งเป็นงานประชุมระดับภูมิภาค

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท GSMA ที่ www.gsma.com ติดตาม GSMA ทางทวิตเตอร์ที่ @GSMA

ดูเวอร์ชันต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20181030005045/en/

ติดต่อ GSMA
Ava Lau
+852 2533 9928
alau@webershandwick.com
หรือ
Beau Bass
+44 79 7662 4962
beau.bass@webershandwick.com
หรือ
GSMA Press Office
pressoffice@gsma.com

Terns Pharmaceuticals เสร็จสิ้นการจัดหาเงินสนับสนุนมูลค่า 80 ล้านเหรียญเพื่อเร่งรัดแนวทางเพื่อการรักษาภาวะไขมันพอกตับ (NASH) และโรคมะเร็ง

Logo

รายได้จากการสนับสนุนจะนำไปใช้ในการพัฒนาการรักษาผู้ป่วย NASH ในระดับคลีนิกและพรีคลีนิก

ผู้ให้ทุนสนับสนุนนำโดย Vivo Capital และ OrbiMed ร่วมกับ Decheng Capital

Lilly Asia Ventures ผู้ลงทุนตั้งแต่รอบ A ก็ได้ลงทุนในรอบ B ด้วย

ซาน มาเตโอ, แคลิฟอร์เนียและเซี่ยงไฮ้–(BUSINESS WIRE)–30 ต.ค. 2018

Terns Pharmaceuticals Inc. ซึ่งเป็น บริษัทชีวเวชภัณฑ์ระดับโลกที่มุ่งเน้นการค้นพบและพัฒนายาทานที่มีโมเลกุลเล็ก ๆ เพื่อรักษาภาวะไขมันพอกตับ NASH และมะเร็งในปัจจุบัน ได้ประกาศว่าได้เสร็จสิ้นการระดมทุนรอบ B ด้วย มูลค่า 80 ล้านเหรียญ

"นับตั้งแต่ที่เราได้เปิดตัวบริษัทไปเมื่อไม่นานมานี้เราได้ทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อพัฒนาโปรแกรมที่สำคัญของเรา และดำเนินกลยุทธ์ของเราต่อไปเพื่อนำเสนอนวัตกรรมด้านการรักษาแก่ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาทั่วโลก และด้วยการจัดหาเงินทุนครั้งนี้เราจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ภารกิจ "กล่าว Weidong Zhong, Ph.D. , ประธานและซีอีโอของ Terns "เรารู้สึกตื่นเต้นกับความคืบหน้าของโครงการวิจัยและคลินิกของเรา โปรแกรมแนวหน้าของเราอย่าง TERN-101 และ TERN-201 กำลังจะเข้าสู่คลินิกในครึ่งปีแรกของปี 2019 และโครงการ NASH อื่น ๆ ก็กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการพัฒนาด้านพรีคลินิก ความคืบหน้าเพื่อให้ห่างไกลทำให้เราก้าวเข้าใกล้เป้าหมายของเราในการค้นพบวิธีการรักษาแบบผสมผสานที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันพอกตับ หรือ  NASH และการเป็นพังผืดของตับ เรารู้สึกขอบคุณสำหรับความเชื่อมั่นและความกระตือรือร้นที่ได้รับจากนักลงทุนรายใหม่และผู้ลงทุนรายเดิมของเรา "

" Terns ยกระดับความชำนาญด้านชีววิทยาโรค เคมียา และความสามารถในการพัฒนาทางคลินิกที่หลากหลายเพื่อสร้างวิธีการรักษาที่มีคุณภาพสูงและหลากหลายสำหรับการรักษาภาวะไขมันพอกตับ หรือ NASH ซึ่งเป็นโอกาสอันเหลือเชื่อที่จะนำเสนอแนวทางการรักษาใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพแก่ผู้ป่วย "นาย Shan Fu ผู้จัดการฝ่ายการลงทุนของ Vivo Capital และ CEO ร่วม กล่าว "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับกลุ่มนักลงทุนชั้นนำและที่เป็นผู้ศรัทธาในแนวทางใหม่ที่ Terns กำลังดำเนินการ Vivo มีประสบการณ์ด้านการลงทุนที่สำคัญในการพัฒนาระบบบำบัด NASH เราเชื่อว่าเราจะเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทในแง่ของการพัฒนาในอนาคต "

" วิธีการของพวกเขาในการนำกลยุทธ์การพัฒนาระดับโลกหรือระดับภูมิภาคมาใช้ในการพัฒนากระบวนการบำบัดทางคลินิกขั้นตอนใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ซ้ำใคร และ Terns ก็มีความก้าวหน้าอย่างมากนับตั้งแต่ที่พวกเขาได้มีการเปิดตัว” Carl Gordon, Ph.D. , หุ้นส่วนผู้จัดการของ OrbiMed กล่าว "นี่ทำให้เรามีความเชื่อมั่นอย่างมากในความสามารถในการประสบความสำเร็จในการรักษาที่มีวิถีโคจรมุ่งไปข้างหน้า"

การให้เงินทุนครั้งนี้นำโดยนักลงทุนรายใหม่ Vivo Capital และ OrbiMed ร่วมกับนักลงทุนรายใหม่ Decheng Capital นักลงทุนที่เดิมอย่าง Lilly Asia Ventures ก็ยังได้ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

เกี่ยวกับ Terns Pharmaceuticals

ตั้งอยู่ที่ ซาน แมติโอ แคลิฟอร์เนีย และเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน บริษัท Terns Pharmaceuticals เป็น บริษัท ชีวเวชภัณฑ์ระดับโลกที่มุ่งมั่นที่จะค้นพบและพัฒนาโมเลกุลขนาดเล็ก ยาเพื่อรักษาโรคตับและโรคมะเร็ง บริษัท รวมความเชี่ยวชาญในชีววิทยาโรค เคมีบำบัด และการพัฒนาทางคลินิกที่กว้างขวาง ในประเทศจีนเพื่อพัฒนาช่องทางการเติบโตซึ่งเหมาะกับเป้าหมายที่ได้รับการตรวจสอบทางคลินิกหรือพรีคลินิกอย่างมีนัยสำคัญ โดยการใช้โมเดลการค้นคว้ายาที่มีประสิทธิภาพ พันธกิจหลักของบริษัท คือการนำเสนอการบำบัดที่มีแนวโน้มใหม่ ๆ แก่ผู้ป่วยในตลาดที่ด้อยโอกาส โดยผ่านโครงการพัฒนาระดับโลก และโครงการเฉพาะภูมิภาค สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.ternspharma.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20181030005142/en/

สำหรับ Terns Pharmaceuticals Inc.

สื่อสหรัฐฯ ติดต่อ:

Cory Tromblee, 617-571-7220

หรือ

สื่อจีนติดต่อ:

Eddy Wu , + 86 180 1631 1449

Toshiba เปิดตัว Bluetooth® 5 IC สำหรับการใช้งานในยานยนต์

Logo

อุปกรณ์ที่สามารถขยายและบูรณาการได้จะสามารถใช้งานกับ AEC-Q100 ได้อย่างครบถ้วน

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–30 ตุลาคม 2018

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เพิ่มอุปกรณ์รุ่น "TC35681IFTG" ซึ่งเป็น IC แบบใหม่สำหรับการใช้งานยานยนต์ หนึ่งใน IC ที่มี Bluetooth® low energy (LE)[1] core specification รุ่น 5.0  อุปกรณ์ใหม่นี้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในรถยนต์เนื่องจากมีช่วงอุณหภูมิการใช้งานที่กว้าง พลังส่ง RF สูง และการรับสัญญาณ RF ที่ไว (การเชื่อมโยง link budget 113dB @ 125kbps ในการรับส่งข้อมูลระยะไกล) สัญญาณผสม TC35681IFTG มีทั้งแบบอนาล็อก RF และ baseband digital เพื่อให้เป็นโซลูชั่นที่สมบูรณ์ในชิปตัวเดียว

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณลักษณะด้านมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20181029005846/en/

Toshiba: "TC35681IFTG," a new Bluetooth(R) 5 IC for automotive applications (Photo: Business Wire)

Toshiba: "TC35681IFTG," Bluetooth(R) 5 IC รุ่นใหม่สำหรับการใช้งานยานยนต์ (รูปภาพ: Business Wire)

นอกเหนือจากฟังก์ชันพื้นฐานของโปรไฟล์ Host Controller Interface (HCI) และฟังก์ชันโปรไฟล์ GATT แล้ว TC35681IFTG จะเพิ่มฟังก์ชันใหม่ที่กำหนดโดย Bluetooth® 5.0 core specification 5.0[2] ซึ่งรวมถึงความเร็วในการรับส่งข้อมูล 2Mbps, Long Range และการขยายการส่งสัญญาณซึ่งจัดเก็บไว้ใน internal mask ROM  นอกจากนี้ยังรวมเอาเครื่องขยายเสียงรับพลังงานสูงและรับข้อมูล + 8dBm สำหรับการสื่อสารทางไกล

เมื่อใช้ร่วมกับหน่วยความจำแบบ external non-volatile, IC ใหม่จะกลายเป็นโปรเซสเซอร์แอพพลิเคชั่นที่เต็มรูปแบบซึ่งจะโหลดแอพพลิเคชันและเก็บข้อมูลไว้ใน internal RAM(76KB)  นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ร่วมกับโปรเซสเซอร์โฮสต์ภายนอก

การผนวกรวมกับรุ่น 18 General Purpose IO (GPIO) และตัวเลือกการสื่อสารหลายแบบ รวมถึง SPI, I2C และ UART แบบสองช่องทาง 921.6kbps ช่วยให้ TC35681IFTG สามารถเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ซับซ้อนได้  รุ่น GPIO ให้การเข้าถึงคุณสมบัติต่างๆ ของชิพบนตัวเครื่องรวมถึง wake-up interface, PWM interface สี่ช่อง และตัวแปลงสัญญาณ AD 5 ช่อง  ตัวแปลง DC-DC แบบ on-chip หรือระบบ LDO ทำการปรับแหล่งจ่ายไฟภายนอกให้เป็นค่าที่ต้องการบนชิป

เนื่องจากได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับ AEC-Q100[3] IC ที่ใช้พลังงานต่ำโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้ในงานยานยนต์  แพคเกจ wettable flank ช่วยให้การตรวจจับภาพโดยอัตโนมัติเป็นไปเรียบง่ายเพื่อให้ได้คุณภาพในการประสานสูงเพื่อให้สามารถทนต่อการสั่นสะเทือนที่มีในการใช้งานยานยนต์

การใช้งานปัจจุบันได้แก่ Remote Keyless Entry, การวินิจฉัย On-Board เพื่อรวบรวมข้อมูลเซ็นเซอร์ ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง และการใช้งานอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่

คุณสมบัติหลัก

– การใช้พลังงานต่ำ:

6.0mA (การส่งสัญญาณ @3.0V, กำลังส่งออก: 0dBm, 1Mbps mode)

6.5mA (การส่งสัญญาณ @3.0V, กำลังส่งออก: 0dBm, 2Mbps mode)

11.0mA (การส่งสัญญาณ @3.0V, กำลังส่งออก: 8dbm, 1Mbps mode)

11.5mA (การส่งสัญญาณ@3.0V, output power: 8dBm, 2Mbps mode)

5.1mA (การรับสัญญาณ @3.0V, 1Mbps mode)

5.5mA (การรับสัญญาณ @3.0V, 2Mbps mode)

50nA ในโหมด deep sleep (@3.0V)

– รับสัญญาณได้ไว:

-95.6dBm (1Mbps mode)

-93.2dBm (2Mbps mode)

-101.2dBm (500kbps mode (S=2))

-105.2dBm (125kbps mode (S=8))

– สนับสนุนอุปกรณ์ Bluetooth® LE v5.0 หลักและต่อพ่วง

– Built-in GATT (Generic Attribute Profile)

– รองรับเซิร์ฟเวอร์และฟังก์ชันไคลเอ็นต์ที่กำหนดโดย GATT

– คุณสมบัติเพิ่มเติมตามที่กำหนดโดย Bluetooth® LE v5.0[2]

2Mbps

ระยะยาว (Coded PHY)

ส่วนขยายการส่งสัญญาณ

– รองรับความเสถียรในรถยนต์

สามารถใช้งานร่วมกับ AEC-Q100[3]

การทำงานในช่วงอุณหภูมิกว้าง

แพคเกจ Wettable flank

การใช้งาน

อุปการณ์ Bluetooth®  พลังงานต่ำสำหรับการใช้งานยานยนต์และอุตสาหกรรม

ข้อมูลจำเพาะหลัก

หมายเลขชิ้นส่วน

TC35681IFTG

การใช้งานแรงดันไฟฟ้า

1.8V ถึง 3.6V

การใช้กระแสไฟในการดำเนินงาน TX

11.0mA (@3.0V, Output Power: 8dBm, 1Mbps mode )

การใช้กระแสไฟในการดำเนินงาน

RX operation

5.1mA (@3.0V, 1Mbps mode)

การใช้กระแสไฟในการดำเนินงานในโหมด

deep sleep

50nA (@3.0V)

อุณหภูมิการใช้งาน

-40°C ถึง 125°C

แพคเกจ

QFN40 6mm x 6mm 0.5mm pitch, wettable flank

การสื่อสารไร้สาย

Bluetooth® พลังงานต่ำ v5.0

CPU

Arm® Cortex®-M0

พลังการส่งสัญญาณ

8dBm ถึง -20dBm (8,7,6,4,0,-6,-20dB)

ความไวของตัวรับสัญญาณ

-95.6dBm (1Mbps mode)

โปรไฟล์

HCI, GATT (Generic Attribute Profile), รวมถึงฟังก์ชันเซิร์ฟเวอร์และไคลเอ็นต์

อินเตอร์เฟซ

UART, I2C, SPI, GPIO, SWD

คุณสมบัติอื่น ๆ

สามารถใช้งานร่วมกับ AEC-Q100[3]

ฟังก์ชั่นหลักและต่อพ่วง

ตัวแปลง DC-DC

เครื่องควบคุม low drop

ADC วัตถุประสงค์ทั่วไป

ฟังก์ชันโปรแกรมผู้ใช้

สัญญาณปลุกสำหรับอุปกรณ์โฮสต์

ฟังก์ชัน PWM

หมายเหตุ:

[1] เทคโนโลยีการสื่อสารการใช้พลังงานต่ำตามที่กำหนดไว้ใน Bluetooth® v4.0.

[2] ดูข้อกำหนดหลักของ Bluetooth® core specification v5.0 เพื่อดูรายละเอียดทั้งหมดของคุณลักษณะเพิ่มเติม

[3] คาดว่าจะมีคุณสมบัติภายในฤดูใบไม้ผลิ 2019.

* Bluetooth® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Bluetooth SIG, Inc.

* Arm and Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm Limited (หรือบริษัทย่อย) ในสหรัฐอเมริกาและ / หรือที่อื่นๆ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กรุณาเยี่ยมชม:

https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TC35681IFTG-002&region=apc&lang=en

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวผลิตภัณฑ์การสื่อสารไร้สาย Bluetooth® IC กรุณาเยี่ยมชม

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/product/wireless-communication/bluetooth.html

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:

System LSI Marketing Dept.II

โทร: +81-44-548-2188

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาผลิตภัณฑ์และข้อกำหนด เนื้อหาบริการและข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (TDSC) รวมความกระตือรือร้นของบริษัทใหม่กับประสบการณ์ที่ยาวนาน ตั้งแต่ได้แยกจาก Toshiba Corporation ในเดือนกรกฎาคมปี 2017 เราได้เข้าเป็นบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ทั่วไปและนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจในเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 22,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเราและให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ ๆ  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะต่อยอดจากยอดขายรายปีที่ในขณะนี้สูงกว่า 800 พันล้านเยน (7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และเพื่อเอื้อให้เกิดอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเราได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเวอร์ชันของแหล่งที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20181029005846/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Chiaki Nagasawa, +81-3-3457-4963

ฝ่ายการตลาดดิจิทัล

semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

งาน 2018 Busan One Asia Festival ปิดฉากหลังจัดมาเป็นเวลา 9 วัน

Logo

  • ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 270,000 คน ตอกย้ำความเป็นเทศกาลอันดับหนึ่งของเอเชีย

ปูซาน, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–30 ตุลาคม 2018

งาน 2018 Busan One Asia Festival (BOF 2018) เทศกาล Hallyu อันดับหนึ่งของเอเชียปิดท้ายงานด้วยคอนเสิร์ตเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม หลังจัดมาเป็นระยะเวลาเก้าวัน

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20181029005841/en/

The 2018 Busan One Asia Festival (BOF 2018), Asia's No.1 Hallyu festival, wrapped up its nine-day ru ...

งาน 2018 Busan One Asia Festival (BOF 2018) เทศกาล Hallyu อันดับหนึ่งของเอเชียที่จัดขึ้นเป็นเวลา 9 วัน พร้อมด้วยคอนเสิร์ตปิดงานที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา งาน BOF 2018 ปิดท้ายความสำเร็จจากการที่มีผู้เข้าชมงานถึง 273,300 คน นับได้ว่าเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่มีการจัดเทศกาลนี้ขึ้น งาน BOF 2018 จัดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม และรวมเอาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกระแสและเทรนด์ของเกาหลี หรือที่เรียกว่า Hallyu มารวมไว้ในงาน มีการจัดแสดงกระแสหรือเทรนด์ดังๆ หลากหลายประเภทจากเกาหลี ตั้งแต่เคป็อป ศิลปะ ไปจนถึงแฟชั่นและความงาม เทศกาลนี้มีจุดมุ่งหมายในการสื่อสารและแบ่งปันความสนุกสนานให้กับผู้ที่มาร่วมงาน ผ่านทางการแสดงหลากหลายรูปแบบ และโปรแกรมเปิดประสบการณ์ต่างๆ (รูปภาพ: Business Wire)

BOF 2018 ปิดท้ายความสำเร็จจากการที่มีผู้เข้าชมงานถึง 273,300 คน นับได้ว่าเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่มีการจัดเทศกาลนี้ขึ้น

คอนเสิร์ตเปิดงานเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ดึงดูดผู้ชมกว่า 36,000 คน โดยเป็นผู้ที่ชื่นชอบการแสดงจากวงชั้นนำจากเกาหลี เช่น EXO Wanna One และ Seventeen ในส่วนของ “Park Concert” มีผู้เข้าชมประมาณ 47,000 คน ทางด้าน “BOF Land” มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมงานรวม 159,723 คน ตั้งแต่วันที่ 20 จนถึงวันที่ 28 ตุลาคม

นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางจากต่างประเทศมายังปูซาน เพื่อเข้าร่วมงาน BOF 2018 ในครั้งนี้ นักท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่ได้มาจากแค่ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และไต้หวันเท่านั้น แต่ยังมีนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วมในงานนี้อีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเทศกาลนี้เป็นเทศกาล Hallyu อันดับหนึ่งในเอเชีย สำหรับงานนี้มีชาวต่างชาติเข้าร่วมถึง 40,000 คน โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 16,000 คนร่วมชมคอนเสิร์ตกลางแจ้ง

วง Red Velvet, Teen Top, Astro, Dynamic Duo และ Mighty Mouth ทำการแสดงได้อย่างน่าประทับใจใน BOF Closing Concert

การแสดงจากวงที่มีสมาชิกทั้งหญิงและชายอย่าง “KARD” วงไอดอลที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง “Favourite” “Spectrum “Mighty Mouth” วงเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง “April” และวงฮิปฮอป “Rhythm Power” สะกดทุกสายตาด้วยโชว์ที่ทรงพลังและสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก วง Mighty Mouth ทำให้ทุกคนประทับใจไปกับการร้องเพลงสุดฮิตอย่าง “I Love You” ร่วมกับ Ah Ra จากวง Favourite

วง “Dynamic Duo” สร้างบรรยากาศใหม่ๆ ด้วยการร้องเพลง “Friday Night Fever” ร่วมกับวง “Rhythm Power” ส่วนวง “Teen Top” และวง “Astro” ก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ส่วนวงเกิร์ลกรุ๊ปอันโด่งดังอย่าง “Red Velvet” ทำการแสดงอันยิ่งใหญ่ปิดท้ายของคอนเสิร์ตปิดงานในครั้งนี้ด้วยโชว์ที่มีเสน่ห์ของพวกเธอ

เทศกาล The BOF 2018 ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่สามในปีนี้ เป็นการรวมเอาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกระแสและเทรนด์ของเกาหลี หรือที่เรียกว่า Hallyu มารวมไว้ในงาน มีการจัดแสดงกระแสหรือเทรนด์ดังๆ หลากหลายประเภทจากเกาหลี ตั้งแต่เคป็อป ศิลปะ ไปจนถึงแฟชั่นและความงาม เทศกาลนี้มีจุดมุ่งหมายในการสื่อสารและแบ่งปันความสนุกสนานให้กับผู้ที่มาร่วมงาน ผ่านทางการแสดงหลากหลายรูปแบบ และโปรแกรมเปิดประสบการณ์ต่างๆ

“เราพยายามเป็นอย่างมากที่จะนำศิลปินชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มารวมไว้ในงานเพื่อให้งาน The BOF 2018 ครั้งนี้เป็นเทศกาลที่ดีสุด” กลุ่มผู้จัดงาน BOF กล่าว “การจัดงานเทศกาลนี้เป็นโอกาสที่จะบอกให้โลกได้รู้อีกครั้งว่าปูซานเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า Hallyu กระแสและเทรนด์ต่างๆ จากเกาหลี ทางเราขอขอบพระคุณประชาชนชาวปูซาน นักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างมาก ที่มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมเทศกาลที่จัดขึ้นถึง 9 วันในครั้งนี้”

ดูเวอร์ชันต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20181029005841/en/

ข้อมูลติดต่อ Busan One Asia Festival
NPR Comm
LEE KYUNG EUN, +82-10-2325-6113
kelee@nprcom.co.kr

EMQ คิวคว้ารางวัล Red Herring จาก ท็อป 100 Global Award

Logo

ซานฟรานซิสโกและฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–29 ต.ค. 2018

EMQ,  2018 Red Herring Top 100 เครือข่ายชั้นนำทางการเงินครอบคลุมทั่วเอเชีย ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ชนะรางวัลอันทรงเกียรติระดับโลก รางวัล Red Herring รางวัลนี้เกิดขึ้นเพื่อเป็นการยอมรับนวัตกรรมและเทคโนโลยีของบริษัทสตาร์ทอัพจากอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณลักษณะเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20181028005045/en/

The Red Herring Top 100 ซึ่งอยู่ในปีที่ 22 ถือเป็นหนึ่งในรางวัลที่ทรงเกียรติมากที่สุดในอุตสาหกรรม ผู้ชนะของ Top 100 Global ในปีนี้จะมาจากการคัดเลือกจากคณะกรรมการซึ่งมาจากผู้เชี่ยวชาญอิสระของ และทีมงานบรรณาธิการของ Red Herring ตามเกณฑ์ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เช่นประสิทธิภาพทางการเงิน นวัตกรรมเทคโนโลยี คุณภาพการบริหารจัดการ กลยุทธ์และการเจาะตลาด การประเมินศักยภาพนี้เป็นการตรวจสอบประวัติและสถานะของบริษัทสตาร์ทอัพเทียบเคียงกับบริษัทในด้านเดียวกัน ทำให้ Red Herring สามารถมองเห็นผ่าน "แค่เปลือก" และทำให้รายชื่อที่ได้เป็นเครื่องมือสำคัญในการค้นพบและการสนับสนุนสำหรับรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีโอกาสเติบโตมากที่สุดจากทั่วโลก.

"ใน EMQ เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการโซลูชั่นที่ยืดหยุ่นและครบวงจรแก่ลูกค้าของเรามากที่สุดซึ่งจะช่วยให้พวกเขาขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผ่านเครือข่ายการตั้งถิ่นฐานทางการเงินที่กว้างขวางของเราทั่วเอเชีย" Max Liu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ EMQ กล่าว "เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการยอมรับจาก Red Herring ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ทีม EMQ ทั้งหมดในการสร้างความเป็นเลิศเพื่อการให้บริการลูกค้าและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในการกำหนดระบบนิเวศการชำระเงินแบบใหม่"

"การเลือกบริษัทที่มีศักยภาพสูงสุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ " Alex Vieux พับบลิชเชอร์และซีอีโอของ Red Herring กล่าว หลังจากการสนทนาและการอภิปรายอย่างเข้มงวดแล้ว เราได้ลดจำนวนผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบจากผู้สมัครหลายร้อยรายจากทั่วโลกเหลือเพียงผู้ชนะจำนวน 100 อันดับแรก เราเชื่อว่า EMQ จะเสริมสร้าง วิสัยทัศน์ แรงผลักดัน และนวัตกรรมที่จะกำหนดความสำเร็จในการเป็นผู้ประกอบการ ดังนั้น EMQ ควรจะภูมิใจในความสำเร็จ "

รายชื่อ ท็อป 100 Global Herring ของ Red Herring กลายเป็นสัญลักษณ์ของความโดเด่นในการระบุ บริษัทและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูง บรรณาธิการของ Red Herring เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรก ๆ ที่ตระหนักดีว่า บริษัท ต่างๆเช่น Facebook, Twitter, Google, Yahoo, Skype, Salesforce.com, YouTube และ eBay จะเปลี่ยนวิธีที่เราทำงานและมีชีวิต

เกี่ยวกับ EMQ

EMQ เป็นเครือข่ายทางการเงินชั้นนำในเอเชีย โดยนำเสนอตัวเลือกการโอนเงินที่ปลอดภัยและราคาไม่แพงสำหรับกิจการและบุคคล ด้วยสินทรัพย์ของเราที่อยู่ในเอเชีย EMQ ได้จัดตั้งเครือข่ายที่ครอบคลุมและได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบซึ่งสามารถเข้าถึงจุดแจกจ่ายได้หลายพันแห่งในภูมิภาคเอเชียเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมไปที่ www.emq.com

เกี่ยวกับ Red Herring

Red Herring เป็น บริษัท ด้านสื่อระดับโลกที่รวบรวมนักนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลกนักลงทุนร่วมและผู้มีอำนาจในการตัดสินใจทางธุรกิจในหลากหลายฟอรั่ม: นิตยสารนวัตกรรมชั้นนำ บริการข่าวเทคโนโลยีออนไลน์รายวัน จดหมายข่าวเทคโนโลยีและเหตุการณ์สำคัญสำหรับผู้นำด้านเทคโนโลยีทั่วโลก Red Herring ให้โอกาสในการเข้าถึงระบบเศรษฐกิจนวัตกรรมระดับโลกที่มีข้อมูลเชิงลึกที่ไร้คู่แข่งเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ดูเวอร์ชันต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20181028005045/en/

สื่อ:

EMQ

Genevieve Li, +852 9200 3892

Genevieve@emq.com

Mitsui Chemicals และ Chitose Group เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ในการส่งเสริมธุรกิจและความสามารถพิเศษ

Logo

เพื่อนำเทคโนโลยีที่ไม่ซ้ำแบบใครสำหรับการทำการค้าร่วมกัน

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–29 ตุลาคม 2018

Mitsui Chemicals, Inc. (TOKYO: 4183) (ประธานและซีอีโอ: Tsutomu Tannowa) และ Chitose Group (ซีอีโอ: Tomohiro Fujita) ซึ่งเป็นกลุ่ม บริษัทสตาร์ทอัพเทคโนโลยีชีวภาพ ได้ร่วมกันเปิดตัวความคิดริเริ่มนวัตกรรม "0 to 1 Project" หรือ โปรเจคท์ 0 ถึง 1 เพื่อส่งเสริมธุรกิจและความสามารถพิเศษบนพื้นฐานของเมล็ดพันธุ์เทคโนโลยีที่ไม่ซ้ำใคร เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ของ บริษัท Mitsui Chemicals และเทคโนโลยีการเพาะปลูกแบบ microbiota หรือ microbiota-activated cultivation technology* ของ Chitose Group ทั้งนี้ Chitose Group ได้ก่อตั้ง "PHYTO Renaissance, Inc. " และ " Tierraponica, Inc. "ตามลำดับ Chitose Group ยอมรับพนักงานของ Mitsui Chemicals ในฐานะตัวแทนของทั้งสองบริษัท และมุ่งหวังให้ธุรกิจของทั้งสองเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

*

ส่วนหนึ่งของ เทคโนโลยีการเพาะปลูกแบบ microbiota ซึ่งกลุ่ม Chitose พัฒนาขึ้นสำหรับการค้า ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีพื้นฐานที่พัฒนาโดย ดร. Shinohara จากองค์การอาหารและเกษตรแห่งชาติ

ภาพรวมของบริษัทใหม่ทั้งสองแห่ง

ชื่อบริษัท

PHYTO Renaissance, Inc.

(ก่อตั้ง มิถุนายน 2018)

Tierraponica, Inc.

(ก่อตั้ง. กรกฎาคม 2018)

ผู้แทน

Tomonori Hidesaki

Gledy Aritomi

ผู้ถือหุ้น

Chitose Bio Evolution Pte. Ltd. Ltd. : 100%

(บริษัทที่จัดการ Chitose Group)

Chitose Bio Evolution Pte. Ltd. Ltd .: 100%

( บริษัทที่จัดการ Chitose Group)

เทคโนโลยีใหม่

เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ หรือ Plant cell culture technology

เทคโนโลยี Microbiota-activated cultivation technology

ผู้สร้างเทคโนโลยี

Mitsui Chemicals Group

Chitose Group

ธุรกิจใหม่ ๆ จะต้องดำเนินการผ่านขั้นตอนเป็นระยะ ๆ โดยเริ่มจาก 0 ถึง 1, 1 ถึง 10 และ 10 ถึง 10,000 โดยแต่ละระยะต้องการระดับเงินทุนทรัพยากรมนุษย์และโครงสร้างองค์กรที่แตกต่างกันออกไป กลุ่ม Chitose มีประสบการณ์อันยาวนานในการพัฒนาทักษะและความรู้ความชำนาญในการเปิดตัวธุรกิจใหม่ (= จากเฟส 0 ถึง 1) โดยอ้างอิงกับเทคโนโลยีชีวภาพในหลากหลายสาขา เช่น เกษตรกรรม พลังงาน ยาและอาหาร กลุ่ม Chitose ได้เสนอโครงการ "0 ต่อ 1" เพื่อแบ่งปันทักษะและความรู้เหล่านี้เพื่อช่วยให้บริษัทขนาดใหญ่ส่งเสริมด้านธุรกิจและความสามารถพิเศษ

ในช่วงเวลาเดียวกัน Mitsui Chemicals ได้ส่งพนักงาน 2 คน ให้เป็นตัวแทนของ บริษัทใหม่แต่ละรายเพื่อที่จะได้รับ สะสมทักษะ และความรู้ความชำนาญในระยะ 0 ถึง 1 โดยการใช้ "กระบวนการ สมมติฐาน – การดำเนินการ" หรือ “hypothesis – execution process”  อย่างรวดเร็วและบ่อยครั้งในขณะที่กำลังรักษาความเร็ว

โครงการเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาและจะเริ่มดำเนินการเป็นระยะเวลาสามปี ซึ่งจะเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคมปี 2021

ภาพรวมของกลุ่ม บริษัท Chitose Group

กลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพเทคโนโลยีชีวภาพ(11 กลุ่ม ณ สิ้นเดือนตุลาคม  2018 ที่ดำเนินงานในญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นส่วนใหญ่) เพื่อที่จะช่วยให้มนุษยชาติมีสภาพแวดล้อมที่ดียาวนานเป็นพัน ๆ ปี กลุ่ม Chitose กำลังสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ในด้านการเกษตร การแพทย์ อาหาร พลังงาน เคมีและอื่น ๆ ผ่านทาง "ความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพโดยการส่งเสริมความเสมอภาคทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง" และ "ความสามารถในการพัฒนาธุรกิจเพื่อการวาดเส้นทางสู่อนาคตโดยการทำความเข้าใจสาระสำคัญและข้อจำกัดของเทคโนโลยีชีวภาพ"

  • บริษัทจัดการ: Chitose Bio Evolution Pte. Ltd. (สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์)
  • ผู้ก่อตั้งและ ซีอีโอ: Tomohiro Fujita Ph.D.
  • กลุ่มผู้บริหารและพนักงาน: สมาชิกประมาณ 90 ราย (รวมไปถึง : ที่ปรึกษา พนักงานพาร์ทไทม์และ พนักงานประมาณ 30 คน)
  • 6 สัญชาติที่แตกต่างกัน (ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ จีน)

ภาพรวมของ Mitsui Chemicals

บริษัท Mitsui Chemicals เป็น บริษัท เคมีระดับโลกที่มียอดขายสุทธิรายปีมากกว่า 1.3 ล้านล้าน เยน และควบคุมดูแลงานกว่า 150 บริษัท ทั่ว 30 ประเทศทั่วโลก Mitsui Chemicals เป็นศูนย์กลางของกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการสื่อสาร การดูแลสุขภาพและอาหาร และบรรจุภัณฑ์โดยมีส่วนร่วมในความพยายามที่หลากหลายเพื่อแก้ไขปัญหาทางสังคม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบริษัท Mitsui Chemicals ยังได้มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจยุคอนาคต ซึ่งกำลังมองหาการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ โดยดำเนินการร่วมกันและอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อดำเนินการด้านนวัตกรรมกับบริษัทร่วมทุน

  • Mitsui Chemicals, Inc. (สำนักงานใหญ่: Minato-ku, Tokyo)
  • ประธานและซีอีโอ: Tsutomu Tannowa
  • จำนวนพนักงาน: ประมาณ 17,000 คน
  • ธุรกิจหลัก: การสื่อสาร การดูแลสุขภาพ อาหารและบรรจุภัณฑ์ วัสดุพื้นฐานและธุรกิจสำหรับยุคอนาคต

ดูเวอร์ชันต้นฉบับใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20181028005003/en/

ติดต่อ:

Mitsui Chemicals, Inc.

Takashi Kawamoto, + 81-3-6253-2100

ฝ่ายสื่อสารองค์กร

takashi.kawamoto@mitsuichemicals.com

การประชุม Investing in the Future Conference (IIFMENA) เปิดตัว “ปฏิญญาชาร์จาห์เพื่อการเสริมสร้างศักยภาพเยาวชน”

Logo

โดยมีเป้าหมายในการนำเสนอแผนการที่สามารถดำเนินการได้เพื่อแก้ไขวิกฤตเยาวชนของ MENA

ชาร์จาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–25 ตุลาคม 2018

เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายที่เยาวชนในภูมิภาค MENA เผชิญ ชาร์จาห์ ซึ่งเป็นประเทศเอมิเรตที่ใหญ่เป็นอันดับสามในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิก MENA และประชาคมโลกร่วมกันจัดทำปฏิญญาชาร์จาห์เพื่อการพัฒนาเยาวชน (Sharjah Declaration for Youth Empowerment) ซึ่งเป็นวาระการดำเนินการ 9 ประเด็นที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถเยาวชนและปกป้องอนาคตของพวกเขาจากอันตรายของลัทธิหัวรุนแรง

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณลักษณะด้านมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20181025005605/en/

During the Investing in the Future Conference 2018 in Sharjah, UAE (Photo: Invest in the Future Conf ...

ภาพระหว่างการประชุม Future Conference 2018 ในเมืองชาร์จาห์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ภาพ: Invest in the Future Conference 2018 Sharjah, UAE)

  • บรรจุการสร้างทักษะชีวิตให้เป็นศูนย์กลางของการสร้างนโยบายเยาวชนเพื่อเตรียมเด็กและเยาวชนให้ก้าวหน้าในอนาคต: พร้อมที่จะเรียนรู้ มีส่วนร่วมในการจ้างงาน เป็นพลเมืองที่กระตือรือร้น และควบคุมการเติบโตและการเพิ่มขีดความสามารถของตนเอง
  • ส่งเสริมนโยบายที่สร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของเยาวชนหญิงในฐานะตัวแทนของการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเติบโต
  • บูรณาการประเด็นเพศสถานะในทุกแผนนโยบายและโครงการที่มุ่งเสริมสร้างศักยภาพ ปกป้อง และสนับสนุนเยาวชน
  • ใช้ความพยายามที่มีอยู่ในการปฏิรูปการศึกษาและการเปลี่ยนโครงสร้างประชากรเป็นโอกาสในการวางการลงทุนในทุนมนุษย์
  • ประสานงานความพยายามของรัฐบาล หน่วยงานสหประชาชาติ เอ็นจีโอ นักวิชาการ และภาคเอกชนในการปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้โอกาสในการเรียนรู้มีความยืดหยุ่นมากกว่าเพียงแค่การสอน
  • ตระหนักว่าผู้ประกอบการเยาวชนเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
  • สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อเยาวชนในการประกอบกิจการ
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเยาวชนผู้ลี้ภัยทุกคนได้รับความคุ้มครองจากความรุนแรง การทารุณ และการแสวงประโยชน์ และให้เขาได้เข้าถึงการดูแลสุขภาพและการสนับสนุนด้านจิตสังคม
  • คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของเยาวชนผู้ลี้ภัยในการพิจารณาในทุกประเด็นที่มีผลต่ออนาคตของพวกเขา

ปฏิญญานี้เป็นผลของการอภิปรายในที่ประชุม Investing in the Future Conference (IIFMENA) ซึ่งจัดโดยองค์กรด้านมนุษยธรรมระดับโลก TBHF ภายใต้หัวข้อ “เยาวชน – ความท้าทายด้านภาวะวิกฤติและโอกาสในการพัฒนา” (Youth – Crisis Challenges and Development Opportunities) ซึ่งเป็นเวทีระดับโลกที่จัดขึ้นทุกสองปีเพื่อแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วนในภูมิภาคนี้

สิ้นสุด

ดูเวอร์ชันของแหล่งที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20181025005605/en/

ติดต่อ:

National Network Communications (NNC)

Mousa Nimer, 0502220561

m.nimer@nncpr.com