ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ประกาศชื่อธุรกิจเพื่อสังคมที่เข้ารอบสุดท้ายในกิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์

Logo

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–13 มกราคม 2563

ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ (Tommy Hilfiger) ซึ่งมี พีวีเอชคอร์ป เป็นเจ้าของ [NYSE: PVH] ประกาศรายชื่อหกทีมผู้เข้ารอบสุดท้ายในกิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ประจำปี 2562 สำหรับการจัดกิจกรรมในปีที่สอง รายการระดับโลกนี้มีเป้าหมายสนับสนุนผู้เริ่มต้นธุรกิจและธุรกิจที่กำลังขยายในการพัฒนาโซลูชั่นที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนเชิงบวกครอบคลุมทุกด้านของธุรกิจแฟชั่น การคัดเลือกทีมผู้เข้ารอบสุดท้ายคือขั้นถัดไปของการชี้ให้เห็นและสนับสนุนโอกาสด้านนวัตกรรมที่จะนำไปสู่ความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมนี้ ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 หกทีมผู้เข้ารอบสุดท้ายจะเดินทางไปยัง Campus of the Future ของ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อนำเสนอแนวคิดธุรกิจของตนให้คณะกรรมการจากธุรกิจทั้งภายในและภายนอกรวมถึงผู้นำด้านความยั่งยืนได้ทราบในกิจกรรมระดับโลก ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ รอบสุดท้าย

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200112005011/en/

TOMMY HILFIGER Fashion Frontier Challenge Finalists 2018 (Photo: Business Wire)

ผู้เข้ารอบสุดท้ายการประกวดทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ปี 2561 (รูปภาพ: Business Wire)

ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ กล่าวว่า “การได้เห็นกิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ในปีที่สองได้รับความสนใจจากผู้สมัครที่ทำงานเพื่อให้อุตสาหกรรมแฟชั่นมีความเป็นหนึ่งเดียวและยั่งยืนมากขึ้นเป็นเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก พวกเรามีความตั้งใจที่จะสนับสนุนการสร้างสรรค์โซลูชันที่ทันสมัยและชาญฉลาด สำหรับรับมือกับความท้าทายบางประการที่อุตสาหกรรมนี้ต้องเผชิญ และผมตั้งตารอที่จะได้กลับมาเป็นคณะกรรมการตัดสินผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมปีนี้ ความหวังและความตั้งใจต่ออนาคตที่สดใสที่พวกเขามีร่วมกันควรสร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกเราทุกคนร่วมมือกันเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น”

ตลอดกระบวนการต่าง ๆ ที่กินระยะเวลาทั้งหมดสี่เดือน ทีมผู้สมัครกว่า 420 ทีมถูกคัดเลือกให้เหลือเพียงหกทีมสุดท้าย ซึ่งได้รับเชิญให้ร่วมพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขแผนธุรกิจของตนให้ดียิ่งขึ้น โดยรับความสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจเพื่อสังคมที่มุ่งมั่น ณ Campus of the Future สำหรับทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายประกอบด้วย:

  • ธุรกิจจากบังกลาเทศที่กำลังขยายขนาด Apon Wellbeing เปิดร้านจำหน่ายสินค้า ซึ่งเป็นข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันภายในโรงงานในราคายุติธรรม โดยสินค้ามีราคาถูกกว่าที่จำหน่ายภายนอก 10% และมีโปรแกรมสะสมแต้มที่คนงานสามารถสะสมเพื่อนำไปแลกประกันสุขภาพหรือใช้บริการทางสุขภาพได้ฟรี
  • ธุรกิจจากอเมริกาที่กำลังขยายขนาด Stony Creek Colors เป็นผู้จัดหาพืชที่ให้สีครามธรรมชาติกับเกษตรกรผู้ทำไร่ยาสูบขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะสูญเสีรายได้เนื่องจากยอดขายยาสูบที่ตกต่ำ พืชที่ทำรายได้ที่จัดหาให้โดย Stony Creek Colors ช่วยให้เกษตรกรสามารถเลี้ยงชีพได้
  • ธุรกิจสตาร์ทอัพสัญชาติดัชต์ A Beautiful Mess ประกอบธุรกิจพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อช่วยผู้ลี้ภัยให้สามารถเลี้ยงตัวเองและใช้ชีวิตในสังคมได้ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายที่มีความยั่งยืน
  • บริษัทสตาร์ทอัพจากสหรัฐอเมริกา Lab 141 ตัดเย็บเสื้อผ้าขนาดพอดีกับผู้สวมใส่ในปริมาณน้อยโดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบสามมิติ ด้วยวิธีการเช่นนี้ Lab 141 ได้ช่วยสนับสนุนและทำให้แนวคิดของแฟชั่นเสื้อผ้า “ที่ไม่ระบุขนาด” เกิดขึ้นจริง
  • บริษัทชุดนอนสัญชาติอินเดียที่กำลังขยายขนาด Sudara พัฒนาทักษะอาชีพและทักษะการเย็บในกลุ่มผู้หญิงที่หนีจากหรือมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกค้ามนุษย์ในธุรกิจทางเพศ
  • บริษัทจากฝรั่งเศสที่กำลังขยายขนาด Constant & Zoe สร้างสรรค์เสื่อผ้าที่มีความทันสมัยและใช้งานได้หลากหลายสำหรับผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กที่มีความพิการ

คณะกรรมการผู้ทรงเกียรติที่ทำหน้าที่ตัดสินในรอบสุดท้าย ประกอบด้วย:

  • Tommy Hilfiger
  • Ankiti Bose ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอจาก Zilingo
  • Noor Tagouri นักข่าว นักรณรงค์ และวิทยากร
  • Daniel Grieder ซีอีโอจาก Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe
  • Martijn Hagman ซีเอฟโอจาก Tommy Hilfiger Global และ COO จาก Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe
  • Willemijn Verloop ผู้ร่วมก่อตั้ง Social Impact Venture
  • Steven Serneels ซีอีโอและกรรมการบริหาร EVPA
  • Katrin Ley กรรมการผู้จัดการ Fashion for Good

คณะกรรมการผู้ตัดสินจะมอบเงินรางวัลมูลค่า 150,000 ยูโรให้กับทีมผู้ชนะสองทีมเพื่อนำไปเป็นทุนสำหรับข้อเสนอทางธุรกิจ ผู้ชนะยังจะได้รับคำปรึกษาตลอดเวลาหนึ่งปีจาก ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ และผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจาก INSEAD รวมถึงพื้นที่ในโครงการผู้ประกอบการเพื่อสังคม (ISEP) ของ INSEAD นอกจากนี้ยังมีรางวัลเงินสดเพิ่มเติมมูลค่า 10,000 ยูโรสำหรับมอบให้กับทีมผู้เข้ารอบสุดท้ายที่ชนะ “การโหวตผลงานที่ชื่นชอบจากผู้ชม”

วิสัยทัศน์ของ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ คือการได้สร้างอุตสาหกรรมแฟชั่นที่เปิดกว้างและปิดช่องว่างในด้านต่าง ๆ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความตั้งใจด้านความยั่งยืนในระยะยาวของแบรนด์ โดยเฉพาะด้านการมีส่วนร่วมของคนทุกกลุ่มและการหมุนเวียน ได้ที่ https://global.tommy.com/en_int/about-us-corporate-sustainability

ขอเชิญเพื่อน ๆ และผู้ที่ติดตามแบรนด์ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาผ่านสื่อสังคมโดยใช้แฮชแท็ก #TommyHilfiger, #FashionFrontierChallenge, #MakeNewPossible และ @TommyHilfiger

# # #

เกี่ยวกับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์

ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชั่นเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชั่นเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ พีวีเอชคอร์ป

พีวีเอช เป็นผู้กำหนดมาตรฐานให้กับสไตล์ ในฐานะหนึ่งในบริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เราสนับสนุนแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นให้เดินหน้า ผลงานที่โดดเด่นของเราประกอบด้วยแบรนด์ต่าง ๆ อย่างเช่น TOMMY HILFIGERCALVIN KLEINVan HeusenIZODARROWSpeedo*, Warner’sOlga และ Geoffrey Beene รวมถึงแบรนด์ชุดชั้นในที่มีความเป็นดิจิทัลสูงอย่าง True & Co. เราจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายภายใต้แบรนด์เหล่านี้ และแบรนด์ตนเป็นเจ้าของและได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายซึ่งมีชื่อเสียงทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ พีวีเอช มีพนักงานกว่า 38,000 คนในกว่า 40 ประเทศ และมีรายรับต่อปีเกือบ 9.7 พันล้านดอลลาร์ฯ ทั้งหมดนี่คือพลังของ พีวีเอช

*แบรนด์ Speedo ได้รับอนุญาตในอเมริกาเหนือและแคริบเบียนแบบถาวรจาก Speedo International Limited

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200112005011/en/

ข้อมูลติดต่อ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์
Baptiste Blanc
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารและสื่อประเภท Earned Media
อีเมล: Baptiste.Blanc@tommy.com
โทร: +31 62904 2334

การประชุมสุดยอด QI Ecological Summit Forum จุดสำคัญใหม่ด้านการลงทุนประจำปี

Logo

ซิดนีย์, ออสเตรเลีย–(THAI BUSINESS NEWS)–10 มกราคม 2563

Huang Qifan รองผู้อำนวยการศูนย์แลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีน ได้กล่าวว่าการรุกเข้ามาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีบล็อกเชนในด้านการเงินทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขในเรื่องเทคโนโลยีพื้นฐานที่เกี่ยวกับการเงินข้ามชาติ ขณะเดียวกัน หนึ่งในคณะกรรมการบริหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ ECB อย่าง Benoît Coeuré เผยว่าธนาคารกำลังพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลเพื่อนำมาใช้แทนเงินสด

ในงานประชุมสุดยอด Quantitative Index Ecological Summit Forum ที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดย Qi ในกรุงเทพมหานคร Isaac Liu ผู้จัดการทั่วไปของ Qi ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมากว่าห้าปี กล่าวว่า “จากประสบการณ์ในอดีตและสภาพตลาดโดยรวม มูลค่าของบิตคอยน์ทุกตัวจะสูงขึ้นกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ” Isaac Liu และทีมจากประเทศจีน ออสเตรเลีย สวีเดน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน มาเลเซีย ได้ร่วมกันกำหนด "ดัชนีเชิงปริมาณ" ขึ้นมา โดยในอนาคต Qi จะให้ความสำคัญกับการสร้างระบบนิเวศของเทคโนโลยีบล็อกเชน และด้วยการนำดัชนีควบคุมปริมาณและโมเดลการแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ที่มีความเฉพาะของบริษัทมาใช้ รวมถึงโอกาสสำคัญที่บิตคอยน์จะลดการผลิตในปี 2563 นี้ Qi จะพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีความล้ำสมัยไม่เหมือนใครขึ้นมา เพื่อสร้างระบบนิเวศของเทคโนโลยีบล็อกเชนแห่งการสร้างสรรค์ แบ่งปัน และความสำเร็จร่วมกัน

ดังนั้น การสร้างเครือข่ายบริการหักบัญชีและชำระดุล (clearing and settlement) ขึ้นมาใหม่ จึงได้กลายเป็นฉันทามติของหลายประเทศ และบิตคอยน์ยังเป็นทางเลือกการลงทุนที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา Uber, Airbnb หรือ Snapchat ต่างมีมูลค่าไม่สูงเท่าบิตคอยน์ ระหว่างการประชุม Dr. Azmi ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านบล็อกเชนและที่ปรึกษาทั่วไป จะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ Dr. Liew Voon Kiong ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยีจาก E3t ศูนย์บริการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน และ Dr. Clarence Lee ผู้อำนวยการสูงสุดด้านเทคโนโลยี จากนี้สู่อนาคต รูปแบบทางการเงินใหม่ ๆ เช่น การลงทุนเชิงปริมาณและให้คำปรึกษาด้านการลงทุนอย่างชาญฉลาด การกำหนดราคาด้วยปัญญาประดิษฐ์และการตกลงค่าสินไหม บริการระบบคลาวด์ทางการเงิน และการเก็บใบรับรองด้วยบล็อกเชน จะพัฒนาต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด และจะนำอุตสาหกรรมทางการเงินไปสู่ยุคใหม่

ศูนย์อำนวยการสำหรับสื่อของโอลิมปิกโตเกียวปี 2563 หรือ Tokyo Media Center ของโตเกียวได้เริ่มใช้งานบัตรรับรองแล้ว

Logo

– คอนเซ็ปท์ได้รับการเปิดเผยออกมาแล้วว่าคือ “ Connect in Tokyo หรือ เชื่อมต่อในโตเกียว” –

โตเกียว, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–6 ม.ค. 2563

The Tokyo Media Center (TMC) เป็นศูนย์อำนวยการที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลกรุงโตเกียวเพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการให้บริการสื่อสำหรับสื่อในประเทศและต่างประเทศในช่วงการแข่งขันโอลิมปิกโตเกียว ปี 2563 หรือ Tokyo 2020 Games โดยในวันนี้ได้เริ่มการให้การยอมรับการสมัครบัตรผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ TMC แล้ว โดยเมื่อได้มีบัตรรับรองนี้คุณก็จะสามารถใช้พื้นที่ทำงานของ TMC และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในระหว่างการแข่งขันกีฬา ตลอดจนถึงการใช้บริการต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงงานแถลงข่าวและทัวร์ของสื่อด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200109005899/en/

พร้อมกันนี้ TMC ได้ประกาศคอนเซ็ปท์อย่างเป็นทางการ“เชื่อมต่อในโตเกียว หรือ Connect in Tokyo” และเผยแพร่ข้อความจากผู้ว่าราชการ Koike บนเว็บไซต์ทางการ

แม้แต่สื่อที่ไม่ได้รับการรับรองสำหรับโอลิมปิกโตเกียว 2563 ก็สามารถใช้บริการของ TMC ได้ กรุณาเยี่ยมชมสื่อและฐานข้อมูลการรวบรวมในระหว่างการแข่งขัน

  • เว็บไซต์ทางการ

กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ทางการหรือสแกนรหัส QR เพื่อสมัครับบัตรรับรอง

URL: https://tokyo.mediacenter.jp/

* คุณต้องมีบัญชีที่ลงทะเบียนในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการเพื่อสมัครบัตรรับรอง

  • บริการที่มีให้

ภายในศูนย์

– พื้นที่ทำงาน ห้องประชุม และห้องสัมภาษณ์

บางพื้นที่อาจต้องจอง

– การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตฟรี (เคเบิล และ Wi-Fi)

– บริการผู้ช่วยส่วนตัว

– งานแถลงข่าวและการบรรยาย

– ชุดสื่อ (media kits)

อื่น ๆ

– สนับสนุนการถ่ายทำรอบโตเกียว

– ทัวร์สำหรับสื่อ

– บทความพิเศษบนเว็บไซต์ TMC เป็นต้น

* รายการของบริการที่ให้นี้จะได้รับการปรับปรุงและมีรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป และจะประกาศให้สมาชิกที่ได้รับการรับรองทราบในภายหลัง

  • ที่ตั้ง

Tokyo Sports Square 2-3F (ที่อยู่: 3-8-3, Marunouchi, Chiyoda-ku, Tokyo)

– เดิน 1 นาทีจากสถานี JR / Tokyo Metro Yurakuchō

– ใกล้กับสถานี Tokyo Station หนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมหลักของเมือง

– สถานที่ที่สะดวกมากสำหรับงานโอลิมปิก

  • กำหนดการของศูนย์

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคมถึงวันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 21.00 น.

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคมถึงวันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2563 เปิด 24 ชั่วโมง

อังคาร 11 สิงหาคม – วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2563: ปิด

วันอาทิตย์ 23 สิงหาคม – วันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2563: เปิด 24 ชั่วโมง

  • ข้อความจาก Koike Yuriko ผู้ว่าการกรุงโตเกียว

คุณสามารถดูข้อความจากผู้ว่าราชการ Koike ที่หน้าด้านล่าง

เว็บไซต์ทางการของ Tokyo Media Center

https://tokyo.mediacenter.jp/about/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200109005899/en/

ติดต่อ:

สำนักงานการจัดการ  Tokyo Media Center

Kikuzato Haruki

อีเมล: inquiry@tokyo.mediacenter.jp


NIU เปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในเขตเมืองแห่งอนาคต โดยการ 5G เชื่อมโยงสหรับการขับเคลื่อนและการปรับสมดุลได้เองอัตโนมัติ

Logo

ลาสเวกัส–(BUSINESS WIRE)– 8 มกราคม 2563

NIU Technologies, ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการคมนาคมในตัวเมือง ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่สองรุ่นคือ RQi-GT และ TQi-GT เพื่อเป็นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ในงานโชว์ Consumer Electronics Show ที่ลาสเวกัสในปีนี้

RQi-GT ใหม่เป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงสำหรับใช้ในเมืองช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าไปถึงด้านนอกเขตเมืองของพวกเขาด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 160 กม.ต่อชั่วโมง ตัวรถออกแบบและสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงของ NIU โดยมอเตอร์ให้กำลังขับสูงสุด 30 kW และแบตเตอรี่ถอดได้สองก้อน (รวม 7 kWh) สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 130 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทำให้เป็นวิธีการขนส่งที่สมบูรณ์แบบสำหรับการใช้ทั้งในเมือง บนทางหลวง และถนนในเมืองที่แออัด

TQi-GT เป็นรถสามล้อไฟฟ้าแบบบาลานซ์ตัวเองตัวแรกของ NIU ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชั่นการขับขี่แบบอิสระ ซึ่งรวมไปถึงความสามารถในการจอดรถด้วยตนเอง ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้รถในเมืองได้รับประโยชน์ในการเพลิดเพลินกับเมือง โดย TQi-GT มีความเร็วสูงสุด 80 กม ต่อชั่วโมงและมีช่วงเรนจ์สูงสุดถึง 200กม เพื่อให้สามารถเดินทางในเมืองมากกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพื่อให้มีฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติมสำหรับผู้ขับขี่ในเมือง TQi-GT ได้ติดตั้งระบบเบรกป้องกันล้อล็อก หรือ anti-lock braking system อีกด้วย

NIU ต้องการปฏิวัติวิธีที่ผู้บริโภคคิดถึงการเดินทางแบบดั้งเดิมและสร้างสายผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติการขับขี่ด้วยตนเองและอัตโนมัติสำหรับตัวเมืองทั้งหมด  วิสัยทัศน์และพันธกรณีของแบรนด์ คือการสร้างเครือข่ายการเคลื่อนไหวในเมืองแบบอิสระ NIU กำลังเดินหน้าต่อไปในทศวรรษใหม่ ลองนึกภาพในอนาคตเมื่อคุณเพียงแค่ส่งคำขอบนโทรศัพท์ของคุณแล้ว TQi-GT ปรากฏขึ้นที่หน้าประตูของคุณโดยอัตโนมัติเพียงแค่ใส่ที่อยู่ลงไปในพรีเซ็ต

ในปัจจุบัน IoT ของ NIU  สามารถใช้เซ็นเซอร์อัจฉริยะในการตรวจจับข้อมูลแบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์การประมวลผลแบบคลาวด์โดยรวม ด้วยการมาถึงของยุค 5G  IoT ของ NIU จะมีพื้นที่มากขึ้นสำหรับนวัตกรรม และ NIU ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างแพลตฟอร์มเครือข่ายการขนส่งที่เรียกว่า NIU FLEET และเป็นรูปแบบการเคลื่อนย้ายในเมืองที่สมบูรณ์แบบที่ NIU ได้วาดฝันเอาไว้สำหรับทศวรรษใหม่นี้

การผลิตจำนวนมากของผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ได้แก่ RQi-GT และ TQi-GT คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 และจะให้บริการแก่ผู้บริโภคในอีกไม่กี่เดือนหลังจากนั้น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200107006185/en/

ติดต่อ:

Li Wei

wei.li@zhiyanmedia.com

https://www.niu.com/

PVH Corp. แต่งตั้ง Tom Chu เป็นประธาน PVH Asia Pacific

Logo

นิวยอร์ก–(บิสิเนสไวร์)–09 ม.ค. 2563

PVH Corp. (NYSE: PVH) หนึ่งในบริษัทเครื่องแต่งกายที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเจ้าของแบรนด์ชื่อดังรวมถึง CALVIN KLEIN และ TOMMY HILFIGER ประกาศว่า Tom Chu จะกลายเป็นประธานประจำภูมิภาคของ PVH Asia Pacific เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2020

คุณ Chu เคยดำรงตำแหน่งประธาน PVH Japan มาก่อน ในตำแหน่งใหม่นี้ คุณ Chu จะรายงานตรงต่อ Stefan Larsson ประธาน PVH

“ความสามารถในการจัดการของ Tom และประวัติการทำงานที่สอดคล้องกันจะทำให้ PVH พร้อมยึ่งขึ้นในการขยายธุรกิจในเอเชียของเรา  เพื่อก้าวไปข้างหน้า เราจะมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของแบรนด์เพื่อครองใจของผู้บริโภคและส่งมอบการเติบโตของผลกำไรที่ยั่งยืนในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของเรา” Larsson กล่าว

Frank Cancelloni อดีตประธานประจำภูมิภาค PVH Asia Pacific จะออกจาก PVH สิ้นเดือนมีนาคม 2563 เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ

“ในนามของ PVH เราขอขอบคุณ Frank ที่ได้มีส่วนร่วมในการเป็นผู้นำธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกของเราตลอดหกปีที่ผ่านมา  ในบทบาทของเขา Frank ได้นำไปสู่การเติบโตและการขยายตัวของแบรนด์เราในภูมิภาคนี้” Larsson กล่าว

คุณ Chu ได้อยู่ร่วมกับ PVH มานานกว่าหกปี  โดยร่วมกับทีมของเขา คุณ Chu ได้คืนความเป็นแบรนด์พรีเมี่ยมให้กับ TOMMY HILFIGER และสร้างผลกำไรให้กับแบรนด์ในญี่ปุ่น และได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ CALVIN KLEIN JEANS อีกครั้ง  ความมุ่งมั่นในแบรนด์ ผลิตภัณฑ์และผู้บริโภค ไหวพริบทางธุรกิจ และประสบการณ์ในเอเชียของเขาจะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของ PVH

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับการชื่นชมมากที่สุดในโลก  เราขับเสริมสร้างแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้า – เพื่อความดี  รายชื่อแบรนด์ของเราประกอบด้วยแบรนด์โด่งดัง CALVIN KLEIN, TOMMY HILFIGER, Van Heusen, IZOD, ARROW, Speedo*, Warner’s, Olga และแบรนด์ Geoffrey Beene รวมทั้งแบรนด์เน้นดิจิตอล True&Co.  เราขายสินค้าหลากหลายภายใต้แบรนด์เหล่านี้และแบรนด์อื่นเป็นที่รู้จักในระดับประเทศและระดับสากล  PVH มีผู้ร่วมงานมากกว่า 38,000 รายใน 40 ประเทศและมีรายรับ 9.7 พันล้านดอลลาร์ต่อปี  นี่คือพลังของเรา นี่คือพลังแห่ง PVH

*แบรนด์ Speedo ได้รับใบอนุญาตต่อเนื่องจาก Speedo International Limited สำหรับอเมริกาเหนือและแคริบเบียน

ติดตามเราได้ที่ Twitter, Instagram, Facebook และ LinkedIn

แถลงการณ์ด้านความปลอดภัยภายใต้กฎหมายปฏิรูป SECURITIES LITIGATION REFORM ACT OF 1995: แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ รวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะ แถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแผนการ กลยุทธ์ วัตถุประสงค์ ความคาดหวัง และความตั้งใจของบริษัท ในอนาคตภายใต้กฎเกณฑ์ของ Private Securities Litigation Reform Act of 1995  นักลงทุนควรพึงระวังว่าข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ด้วยความแม่นยำและบางกรณีไม่อาจคาดหมายได้หมาย รวมถึง แต่ไม่จำกัด (i) แผนการ กลยุทธ์ วัตถุประสงค์ ความคาดหวัง และความตั้งใจของบริษัทที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามดุลยพินิจของบริษัท  (ii) บริษัทเห็นว่าตนมีระดับ leverage ที่สูงจึงได้ใช้กระแสเงินสดในการชำระหนี้สินอันเป็นผลมาจากการที่บริษัทอาจไม่มีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินธุรกิจในลักษณะที่บริษัทตั้งใจหรือได้ดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา  (iii) อัตราการขายเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องของบริษัท ทั้งกับลูกค้าขายส่งและในร้านค้าปลีก อัตราการขายใบอนุญาตของบริษัทในการค้าส่งและค้าปลีกและขอบเขตของส่วนลดและราคาโปรโมชั่น ซึ่งบริษัท และผู้ได้รับใบอนุญาตและพันธมิตรทางธุรกิจอื่นๆ จะต้องมีส่วนร่วม ซึ่งทั้งหมดนี้อาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน การลดลงของการเดินทาง แนวโน้มแฟชั่น การควบรวมกิจการ การจัดตำแหน่งใหม่ และการล้มละลายในอุตสาหกรรมค้าปลีก และปัจจัยอื่นๆ  (iv) ความสามารถของบริษัทในการจัดการการเติบโตและสินค้าคงคลัง รวมถึงความสามารถของบริษัทในการรับประโยชน์จากสิ่งที่ซื้อ  (v) ข้อจำกัดโควต้า การกำหนดมาตรการควบคุมและการกำหนดอากรหรือภาษีศุลกากรของการนำเข้าสินค้าจากประเทศที่บริษัทหรือผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท ซึ่งอาจจำกัดความสามารถในการผลิตผลิตภัณฑ์ในประเทศที่ประหยัดต้นทุน หรือในประเทศที่ต้องการแรงงานและความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค (vi) ความพร้อมและต้นทุนของวัตถุดิบ  (vii) ความสามารถของบริษัทในการปรับเปลี่ยนเวลาให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบทางการค้าและการโยกย้ายและการพัฒนาของผู้ผลิต (ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่สามารถผลิตได้ดีที่สุด)  (viii) การเปลี่ยนแปลงของโรงงานที่มีอยู่และความสามารถในการขนส่ง การขึ้นค่าแรงและค่าขนส่ง ความขัดแย้งทางแพ่ง สงครามหรือการก่อการร้าย โดยภัยใดๆ ข้างต้นหรือความไม่แน่นอนทางการเมืองหรือแรงงานในประเทศใดๆ ในประเทศที่คู่ค้าทางธุรกิจอื่นๆ มีการขายผลิตหรือวางแผนที่จะขายหรือผลิต  (ix) การระบาดของโรคและความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพซึ่งอาจส่งผลให้โรงงานปิด จำนวนแรงงานลดลง การขาดแคลนวัตถุดิบและการตรวจสอบหรือการห้ามส่งสินค้าที่ผลิตในพื้นที่ติดเชื้อ รวมถึงการลดปริมาณผู้บริโภคและการจัดซื้อ หรือหยุดซื้อเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัส  (x) การซื้อและการขายกิจการและปัญหาที่เกิดขึ้นจากการซื้อกิจการการขายกิจการและธุรกรรมที่เสนอ รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงความสามารถในการรวมกิจการหรือธุรกิจที่ได้มาเข้ากับบริษัท โดยไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกิจการที่ได้มา การดำเนินงานที่มีอยู่ ความสัมพันธ์ของพนักงาน ความสัมพันธ์กับผู้ขาย ความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือผลประกอบการทางการเงินและความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์หลังจากการขายหรือการยกเลิกกิจการอื่นๆ (xi) ความล้มเหลวของผู้ได้รับใบอนุญาตของบริษัทในการขายผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตหรือการรักษามูลค่าของแบรนด์บริษัท หรือการใช้เครื่องหมายการค้าของบริษัทในทางที่ผิด  (xii) ความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ ที่มีการทำธุรกรรมในระดับที่สำคัญต่อธุรกิจ; (xiii) ผลกระทบของกฎหมายและข้อบังคับด้านภาษีที่ได้รับการแก้ไขใหม่ และ (xiv) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่นๆ ที่ระบุเป็นครั้งคราวในเอกสารที่ยื่นให้ Securities and Exchange Commission (“SEC”)

บริษัทไม่มีภาระผูกพันใด ๆ ในการอัพเดทแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ ต่อสาธารณะไม่ว่าจะเป็นผลจากการรับข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200108005788/en/

ติดต่อ:

PVH Corp.
Dana Perlman
Treasurer, Senior Vice President, Business Development and Investor Relations
(212) 381-3502
danaperlman@pvh.com

เจดีเซ็นทรัล ผนึกเคแบงก์ ส่งตรงสินค้าเอาใจขาช้อปออนไลน์ช้อปสนุกบน K PLUS

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–8 มกราคม 2563

เจดีเซ็นทรัล (JD CENTRAL) ผู้นำด้านเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซและธุรกิจค้าปลีกในไทย ร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยผู้นำด้านดิจิทัลแบงกิ้งของไทย เขย่าวงการช้อปปิ้งออนไลน์ สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าได้ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS ส่งสินค้าดีมีคุณภาพ การันตีของแท้กว่า 3 หมื่นรายการ บริการส่งถึงมือทันใจใน 24 ชม. สามารถเลือกช้อปสินค้าทุกรายการด้วยเงินสดจากบัญชีที่ผูกกับ K PLUS พร้อมชูจุดเด่นเลือกชำระสินค้าด้วยคะแนนสะสมบัตรเครดิตกสิกรไทยแทนเงินสดได้

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน K PLUS จำนวน 11.4 ล้านราย โดยมีผู้สนใจเข้าชมสินค้าออนไลน์บน K+ Market ในปีที่แล้วกว่า 9 ล้านครั้ง การร่วมมือกับเจดีเซ็นทรัล ในการเพิ่มช่องทางใหม่ในการช้อปปิ้งออนไลน์ครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพของ K+ Market เป็นตลาดออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบ มีสินค้าที่หลากหลายตอบโจทย์ครบทุกวัยและทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสินค้าคุณภาพเป็นกว่า 70,000 รายการภายในสิ้นปี 2563 

ทั้งนี้ ธนาคารฯ มุ่งเน้นคัดสรรสินค้าคุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำเพิ่มเติมบน K+ Market อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าที่ถูกลิขสิทธิ์ ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม สุขภาพและความงาม แม่และเด็ก เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนสินค้าความบันเทิงและไลฟ์สไตล์อื่น ๆ รวมถึงร้านค้าที่มีคุณภาพและมีประสบการณ์ในด้านการขายของออนไลน์ โดยความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทย และเจดีเซ็นทรัล ในครั้งนี้ นอกจากจะเพิ่มทางเลือกในการช้อปสินค้าให้กับลูกค้าครั้งสำคัญและ K+ Market ยังคงตอกย้ำจุดเด่นเจ้าแรกที่ลูกค้าสามารถเลือกช้อปสินค้าทุกรายการด้วยเงินสดจากบัญชีที่ผูกกับ K PLUS หรือช้อปด้วยคะแนนสะสมของบัตรเครดิตกสิกรไทยที่จะทำให้นักช้อปได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย รวมถึงในปี 2563 ธนาคารยังเตรียมแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษบน K+ Market อย่างต่อเนื่องด้วย

นางสาวรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด เจดีเซ็นทรัล เปิดเผยว่า “เจดีเซ็นทรัลมีจุดยืนในการที่จะส่งมอบของดี มีคุณภาพ การันตีของแท้ 100% ให้แก่ลูกค้าชาวไทย พร้อมการบริการส่งของให้ถึงมือลูกค้าภายใน 24 ชั่วโมง และบริการหลังการขายที่พยายามแก้ปัญหาและความยุ่งยากของลูกค้า (Pain Point) จากการซื้อสินค้าออนไลน์เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดของลูกค้า การร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ และผู้ให้บริการด้านธุรกรรมการเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทยเพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการให้ครอบคลุม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น การร่วมมือกันในครั้งนี้เปรียบเสมือนการประกาศเจตนาร่วมระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายที่มีจุดมุ่งหมายในการส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีที่สุดร่วมกัน  จริงใจกับลูกค้าตั้งแต่กระบวนการเลือกสรรสินค้าให้ช้อป การจ่ายเงิน การส่งของ หรือแม้กระทั่งการบริการหลังการขายที่จะยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ยึดความต้องการของผู้บริโภคมาก่อน และยังเป็นการสร้างระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ให้กับวงการอีคอมเมิร์ซประเทศไทยอีกด้วย”

สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากการช้อปปิ้งออนไลน์จากร้านค้าเจดีเซ็นทรัลที่อยู่บนเมนู K+ Market ผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS ได้แก่

  • สามารถใช้คะแนนสะสมจากบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยแทนเงินสดเพื่อชำระค่าสินค้าได้ โดย 1,000 คะแนนมีค่าเท่ากับ 100 บาท
  • สามารถสะสมคะแนน “เจดีพ้อยท์” จากเจดีเซ็นทรัลได้ตามปกติ
  • ลูกค้าจะได้รับบริการหลังการขาย เช่น การส่งสินค้า การคืนสินค้าเมื่อมีปัญหา เหมือนลูกค้าที่ซื้อสินค้าโดยตรงจากแพลทฟอร์มเจดีเซ็นทรัล ทุกประการ

ช้อปสินค้าจากเจดีเซ็นทรัลแบบรู้ใจนักช้อป บนเมนู K+ Market ผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ฝ่ายบริการลูกค้าเจดีเซ็นทรัลได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-030-4599 อีเมลล์ cs@jd.co.th ทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 – 18.00 น. หรือ K Contact Center 0-2888-8888 กด 03 เพื่อช่วยประสานกับร้านค้า

เกี่ยวกับเจดีเซ็นทรัล
เจดี เซ็นทรัล คือบริษัทอีคอมเมิร์ซที่เกิดจากความร่วมมือของสองยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจค้าปลีกอย่างบริษัท เซ็นทรัลกรุ๊ป จำกัด และเจดีดอทคอม (JD.com) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ที่มุ่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทย พร้อมนำเสนอสินค้าคุณภาพของแท้ 100% จากแบรนด์ชั้นนำทั้งของไทยและระดับโลกในราคาที่ดีที่สุด รวมไปถึงระบบจัดการสินค้าและการจัดส่งระดับโลกที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเชื่อถือได้ พร้อมกับการผสานธุรกิจจากออนไลน์ไปยังออฟไลน์อย่างยอดเยี่ยม โดยมีวิสัยทัศน์ในการมุ่งสู่การเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจออนไลน์และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย เจดี เซ็นทรัลพร้อมสร้างสรรค์ประสบการณ์ช้อปปิ้งที่สนุกสนานและมั่นใจไร้กังวลให้กับทุกคน และ
มุ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีไทยในตลาดโลก และจะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับโครงสร้างด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมมาตรฐานโลก พร้อมส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตอันใกล้อีกด้วย
 

เกี่ยวกับธนาคารกสิกรไทย

ธนาคารกสิกรไทยก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2488  ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ธนาคารมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรและผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้บริการที่เป็นเลิศ ภายใต้คำขวัญ ​บริการทุกระดับประทับใจ และแนวคิด การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งนำไปสู่การรวมธนาคารกสิกรไทยและบริษัทของธนาคารกสิกรไทย (K Companies) และได้กำหนด ​​"K KASIKORNTHAI"​​ เป็นสัญลักษณ์ที่รับประกันคุณภาพและมาตรฐาน                                              

ธนาคารกสิกรไทยเป็นกลุ่มธุรกิจทางการเงินที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางที่ริเริ่มในสิ่งใหม่ ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง และกระทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นกลุ่มธุรกิจทางการเงินที่สร้างความยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และมุ่งมั่นที่จะผสมผสานการใช้เทคโนโลยีและทรัพยากรมนุษย์ในการสร้างอย่างยั่งยืนบริการทางการเงินที่มีคุณภาพมาตรฐานสากล ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุผลที่ดีและเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย


Sharp ในงาน CES 2020: การนำมาซึ่งระบบนิเวศ 8K+5G

Logo

ระบบตัดต่อวิดีโอ 8K บน PC ความร่วมมือข้ามสาขาวิชาบนจอแสดงผล

ลาส เวกัส และ โอซาก้า ญี่ปุ่น–(บิสิเนสไวร์)–06 ม.ค. 2563

Sharp Corporation (TOKYO: 6753) มีกำหนดกลับมางาน CES 2020 ด้วยการจัดแสดงเครื่องมือล่าสุดในระบบนิเวศน์ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้ประโยชน์จากวิดีโอ Ultra-HD 8K และเทคโนโลยีไร้สาย 5G ขั้นสูง

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีฟีเจอร์มัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200105005022/en/

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: บิสิเนสไวร์)

ระบบนิเวศ 8K+5G ของ Sharp ประกอบด้วยโซลูชั่นแบบครบวงจรสำหรับการบันทึก ตัดต่อ จัดเก็บ และการส่งมอบเนื้อหา 8K พร้อมสิทธิประโยชน์ที่มากว่าเพียงความบันเทิงและการออกอากาศในหลากหลายสาขา เช่น อุตสาหกรรม ความปลอดภัย สุขภาพ การศึกษา ยานยนต์ สมาร์ทออฟฟิศ และสมาร์ทโฮม  หนึ่งฟีเจอร์ที่รอคอยมานานในผลิตภัณฑ์และบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ 8K คือระบบตัดต่อวิดีโอสำหรับ PC dynabook 8K ด้วยหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วซึ่งจะมอบแพลตฟอร์มขนาดกะทัดรัด สะดวกสบาย และเหมาะสำหรับการดูและประมวลผล 8K

ในขณะเดียวกัน ตัวอย่างที่โดดเด่นของระบบนิเวศ 8K+5G ของ Sharp ที่จัดแสดงในงาน CES 2020 จะรวมถึงระบบที่ติดตั้งกับโดรนที่พัฒนาขึ้นร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกหลายรายสำหรับการจับภาพและส่งภาพ 8K แบบเรียลไทม์  ระบบนี้เป็นหนึ่งในความร่วมมือข้ามสาขาวิชาที่หลากหลายที่กำลังอยู่ระหว่างการทดลองเพื่อนำประโยชน์เชิงปฏิบัติของ 8K และ 5G ไปยังธุรกิจและผู้บริโภค

“การทำงานร่วมกันเป็นเสาหลักของความพยายามของเราในการใช้ประโยชน์จาก 8K+ 5G” Bob Ishida รองประธานบริหารและหัวหน้ากลุ่ม ICT Group กล่าว “เรากำลังทำการทดลองร่วมกับพันธมิตรภายนอกหลายรายโดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างระบบนิเวศ 8K+5G ที่ครอบคลุมโดยเร็วที่สุด  พร้อมด้วยการจัดแสดงของเราในงาน CES 2020 เราเชื่อมั่นว่าเมื่อร่วมกับการเปิดตัว 5G แล้ว เทคโนโลยี 8K ของเราสามารถมีส่วนสำคัญต่อสังคมแห่งอนาคต”

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sharp ในงาน CES 2020: https: // global.sharp/brand/globalevents/ces2020/

เกี่ยวกับ Sharp

Sharp Corporation เป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีหลักระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์  Sharp กำหนดวิสัยทัศน์ทางธุรกิจคือ “การเปลี่ยนแปลงโลกด้วย 8K+5G และ AIoT”  เทคโนโลยี 8K สร้างภาพที่เปิดเผยโลกเหนือความเป็นจริงในชีวิตประจำวันของเราและให้กำเนิดการค้นพบใหม่ที่น่าตื่นเต้น  AIoT เชื่อมโยงผู้คนและสังคมผ่านปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยี IoT  ด้วยการเป็นแหล่งกำเนิดของนวัตกรรมที่นับไม่ถ้วนผ่านความคิดเหล่านี้ Sharp จะปฏิวัติโลกต่อไป  Sharp Corporation มีพนักงาน 52,640 คนทั่วโลก (ณ วันที่ 30 กันยายน 2562) และมียอดขายรวมประจำปี 2.4 ล้านล้านเยนสำหรับปีงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2562

อ่านที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200105005022/en/

ติดต่อ:

Sharp Corporation
PR/Branding Team (ทีมประชาสัมพันธ์/สร้างแบรนด์)
pr-brand@sharp.co.jp





Garuda Indonesia เป็นสายการบินที่ตรงต่อเวลามากที่สุดในโลก

Logo

สนามบินโตเกียวฮาเนดะ และ โอซาก้าอิตามิ ปิดท้ายปีด้วยการเป็นผู้นำสนามบินแบบขนาดใหญ่แบบ Mega และ Large ในภูมิภาคเอเชียตามรายงานประจำปีของ Punctuality League 2563 ของ OAG

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–3 ม.ค. 2563

OAG ผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางและข้อมูลเชิงลึกชั้นนำของโลกได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับประจำปีของ Punctuality League 2563 ซึ่งเป็นการจัดอันดับที่ครอบคลุมมากที่สุดในอุตสาหกรรมสนามบินในด้านประสิทธิภาพการบินตรงเวลาสำหรับสายการบินและสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสายการบินในเอเชียแปซิฟิกครองตำแหน่งอันดับโลกด้วยการมี 9 สายการบินตรงเวลาที่ติด 20 อันดับแรกของโลก ได้แก่ Garuda Indonesia (1), Skymark Airlines (3), All Nippon Airways (7), Jetstar Asia (8), Singapore Airlines (9), Thai AirAsia (10), Japan Airlines (15), Qantas Airways (18) และ Indonesia AirAsia (20)

Garuda Indonesia ครองอันดับหนึ่งของโลกและในระดับภูมิภาคด้วยคะแนน OTP ที่น่าประทับใจถึง 95.01% โดยมีสายการบิน Skymark (คะแนนOTP 90.12%) ติดอันดับหนึ่งในสามของทั้งหมวดสายการบินทั่วโลกและสายการบินต้นทุนต่ำ หรือ  Low-Cost Carrier  (LCC) ทั้งนี้สายการบินต้นทุนต่ำของภูมิภาคนี้ทำผลงานได้ดีเป็นพิเศษโดยมีผู้ให้บริการเก้ารายที่ติดอันดับ 20 อันดับแรกสำหรับหมวดหมู่นั้น ๆ ซึ่ง รวมถึง Skymark Airlines (1), Jetstar Asia (2), and Thai AirAsia (3) Solaseed, Jetstar Asia, Thai AirAsia  และ Indonesia AirAsia ต่างได้รับคะแนน OTP ที่ดีขึ้นในหมู่สายการบินจาก ASPAC ในปีนี้

สนามบินโอซาก้าอิตามิ (ITM) ของญี่ปุ่นปิดท้ายปีในฐานะสนามบินขนาดใหญ่ที่ตรงต่อเวลามากที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่สองโดยมีคะแนน OTP 88.03% โตเกียว Haneda (HND) ได้รับการจัดอันดับที่สองในประเภท Mega Airport โดยมี OTP 86.60% ตามหลัง Moscow Sheremetyevo (SVO; OTP 86.87%) ส่วนสิงคโปร์ชางงี (SIN; ได้คะแนน OTP 84.03%), กัวลาลัมเปอร์ (KUL; OTP 75.04%) และโซลอินชอน (ICN; OTP 74.95%) โดยทุกสนามบินที่กล่าวมาต่างได้คะแนน OTP เพิ่มขึ้นในหมวดสนามบินขนาดใหญ่

“ผู้ให้บริการและสนามบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นจากคะแนน OTP ในปีนี้ โดยสายการบินต้นทุนต่ำ และผู้ให้บริการสายการบินหลักหลายรายที่ปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้นแบบปีต่อปี ผลการดำเนินงานชั้นนำของ Garuda Indonesia, Skymark Airlines, Osaka Itami และ Tokyo Haneda ในเวทีระดับโลกนั้นน่ายกย่องอย่างยิ่ง” Mayur (Mac) Patel หัวหน้า JAPAC จาก OAG กล่าว

ดูผลการจัดอันดับทั้งหมดที่. OAG’s Punctuality League 2020

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่เสริมสร้างการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ปี 2472

OAG มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร มีการดำเนินงานทั่วโลกในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ลิทัวเนีย และจีน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม: www.oag.com และติดตามเราได้ที่ Twitter @OAG Aviation

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200102005499/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Katy Ludwell

OAG

pressoffice@oag.com

EV Growth บรรลุเป้าเงินทุนที่ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Logo

  • บริษัททำได้ตามเป้า 250 ล้านดอลลาร์ (hard cap)
  • ระดมทุนบรรลุเป้าหมาย 250 ล้านดอลลาร์  หลังจากบรรลุเป้าหมายเบื้องต้น 150 ล้านดอลลาร์
  • มีแผนการปรับใช้เงิน 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการเริ่มต้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรวม active funds ทั้งในระยะเริ่มต้นและระยะการเติบโต (seed and growth stage)

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–31 ธ.ค. 2563

EV Growth ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ได้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการระดมทุนครั้งแรกที่ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเบื้องต้นที่ 150 ล้านดอลลาร์ของบริษัท การประสบความสำเร็จครั้งสำคัญครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่บริษัทได้รวมเอาบริษัท  Limited Partners  (LPs) ซึ่งรวมถึงสำนักงานสาขาหลายแห่งในเอเชียและกองทุนความมั่งคั่งที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียสองแห่งเอาไว้ด้วยกัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191230005362/en/

EV Growth team. (Photo: Business Wire)

ทีม EV Growth (รูปภาพ: Business Wire)

เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2561 EV Growth เป็น บริษัท ร่วมทุนระหว่าง East Ventures, SMDV และ Yahoo! Japan Capital ลที่มุ่งเน้นการจัดหาทุนเพื่อการเติบโตให้กับบริษัทสตาร์ทอัพในอินโดนีเซียและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้บริษัทนำโดยหุ้นส่วนสามราย ได้แก่ Willson Cuaca จาก East Ventures, Roderick Purwana จาก SMDV และ Shinichiro Hori จาก Yahoo! Japan Capital

EV Growth ได้ลงทุนในภาคต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งบางส่วนของการลงทุนล่าสุดรวมถึง:

  • Edutech Ruangguru นำโดย อินโดนีเซีย จำนวน 150 ล้านสหรัฐ รอบ Series C
  • Sociolla นำโดย อินโดนีเซีย จำนวน 40 ล้านสหรัฐ รอบ Series D
  • Shopback รอบคืนเงินในภูมิภาครอบ 45 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • Warung Pintar ล้านรอบอินโดนีเซียห่วงโซ่อุปทานสหรัฐโลจิสติกจำนวน 27.5 ล้านเหรียญสหรัฐ รอบ Series B
  • Waresix ขนส่งและแพลตฟอร์มคลังสินค้าของอินโดนีเซีย จำนวน 14.5 ล้านเหรียญสหรัฐ Series A

รอบอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ รอบล่าสุดของสองยูนิคอร์นของอินโดนีเซียได้แก่  Tokopedia และ Traveloka, ร่วมด้วย Koinworks  ซึ่งให้สินเชื่อ SME ในอินโดนีเซีย Fore Coffee คอฟฟี่เชนแบบออนไลน์ไปสู่ออฟไลน์และ IDN Media บริษัทชั้นนำด้านสื่อของอินโดนีเซีย .

ปัจจุบัน EV Growth ได้ใช้จ่ายมากกว่าร้อยละ 50 เปอร์เซ็นต์ของเงินทุนทั้งหมดใน 20 ข้อเสนอ โดยร้อยละ 80 ของบริษัทในพอร์ตของ EV Growth เป็นบริษัทจากอินโดนีเซีย ซึ่งมีเงินทุน IRR อยู่ที่ร้อยละ 36

Willson Cuaca หุ้นส่วนผู้จัดการของ EV Growth และผู้ร่วมก่อตั้ง East Ventures กล่าวว่า“ ปัจจุบันกำลังเกิดจุดเปลี่ยนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเราโชคดีที่ได้มาอยู่จุดนี้อย่างรวดเร็ว ประสบการณ์การดำเนินงานของบริษัท ความสามารถในการบรรลุข้อตกลง ความรู้ในท้องถิ่น และเครือข่ายระดับภูมิภาคช่วยให้เราได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดในภูมิภาค เราวางแผนที่จะปรับใช้เงิน 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับบริษัทสตาร์ทอัพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรวมเงินทุนที่แอคทีฟอยู่ ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นและและในระยะการเติบโต”

ด้วยการมีกองทุนสองกองทุน East Ventures จึงสนับสนุนระบบนิเวศสตาร์ตอัพ ตัวอย่างเช่น East Ventures เป็นผู้สนับสนุน Ruangguru มาเป็นเวลานานโดยที่ Willson Cuaca เป็นสมาชิกคณะกรรมการตั้งแต่เริ่มต้นและเข้าร่วมในรอบเมล็ดพันธุ์ (seed stage) ของ บริษัท ในปี 2014 ทั้งนี้ East Ventures ให้การช่วยเหลือในรอบการติดตามและสนับสนุนเพิ่มเติมผ่าน EV Growth โดยการลงทุนในรอบ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐรอบ Series C

“ เราภูมิใจที่มี East Ventures เป็นพันธมิตรของเรา Willson Cuaca จาก EV Growth เชื่อมั่นในตัวเราตั้งแต่เริ่มต้นและให้เงินทุนระยะเมล็ดพันธุ์แก่เราในปี 2014 เราขอขอบคุณที่ EV Growth V สนับสนุนเราและมีส่วนร่วมในรอบ 150 ล้านเหรียญสหรัฐล่าสุดของเรา  เรายังคงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งต่อ East Ventures และมุ่งหวังที่จะทำงานร่วมกับพวกเขาในการไปสู่ความสำเร็จที่สูงขึ้น "Adamas Belva Syah Devara ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Ruangguru กล่าวเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ EV Growth

EV Growth เป็นการร่วมทุนระหว่าง East Ventures, SMDV และ Yahoo! Japan Capital ที่มุ่งเน้นการจัดหาเงินทุนเพื่อการเติบโตให้กับบริษัทสตาร์ทอัพในอินโดนีเซียและที่อื่น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการมุ่งเน้นอุตสาหกรรมที่ไม่เฉพาะเจาะจง โดย EV Growth เป็นหนึ่งในเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดของ บริษัทและพันธมิตรในภูมิภาค มีบริษัทในพอร์ตโฟลิโอมากกว่า 20 บริษัท นับตั้งแต่ปิดการระดมทุนครั้งแรกในเดือนเมษายน 2018

EV Growth มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมช่องว่างในการระดมทุนเพื่อการเติบโตของ VC โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการสร้างพอร์ตโฟลิโอที่มีความหลากหลายของผู้นำเอเชีย ความรู้ทางธุรกิจและผนวกรวมกับชื่อเสียงของ East Ventures ในฐานะหนึ่งใน VCs ชั้นนำที่มีพอร์ตการลงทุนเมล็ดพันธุ์และ Series A ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาครวมถึงประสบการณ์ที่ยาวนานของ Yahoo! Japan Capital rience ในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตจึงทำให้ EV Growth มีการเข้าถึงแนวโน้มและโอกาสในอุตสาหกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้

เกี่ยวกับ East Ventures

ก่อตั้งขึ้นในปี พ. ศ. 2552 East Ventures เป็นบริษัทร่วมทุนภาคต้นที่ไม่เฉพาะเจาะจง โดยบริษัทได้ให้การสนับสนุนมากกว่า 170 บริษัท ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีอยู่ทั่ว อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, ไทย และเวียดนาม

East Ventures เป็นผู้ที่เชื่อในระบบนิเวศสตาร์ทอัพในอินโดนีเซีย เป็นผู้ลงทุนรายแรกของบริษัทยูนิคอร์นในอินโดนีเซียสองแก่ง ได้แก่ Tokopedia และ Traveloka และยังรวมถึงบริษัทที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ในพอร์ทการลงทุน ได้แก่ Mercari, Warung Pintar, Fore Coffee, Disdus (ถูกซื้อโดย Groupon), Kudo (ถูกซื้อโดย Grab), Loket (ถูกซื้อโดย Gojek), Tech in Asia, Omise, IDN Media, Ruangguru, MokaPOS, ShopBack และ CoHive

เพื่อสนับสนุนและลงทุนในการพัฒนาระบบนิเวศของพวกเขา East Ventures  จึงได้จัดตั้งกองทุนเพื่อการเจริญเติบโตในปีพ. ศ. 2561 ชื่อว่า EV Growth และในปีต่อมา East Ventures ได้รับเลือกให้เป็นกองทุน VC ที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในระดับโลกโดย Preqin และเป็นนักลงทุนที่มีส่วนร่วมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินโดนีเซียมากที่สุด

ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191230005362/en/

สำหรับสื่อ

Gladys Nathania, สื่อสัมพันธ์, East Ventures

โทรศัพท์: +62 81319301170, อีเมล์: Gladys@east.vc

The Bangkok Reporter