Vesta ว่าจ้าง Shabab Muhaddes เป็นผู้นำในการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Logo

ผู้ช่ำชองด้านการชำระเงินจาก Visa เข้ามาร่วมช่วยสำนักงานแห่งใหม่ที่สิงคโปร์ในฐานะผู้จัดการทั่วไป

LAKE OSWEGO, โอเรกอน.–(BUSINESS WIRE)–25 กุมภาพันธ์ 2563

Vesta, บริษัทผู้บุกเบิกในการชำระเงินที่ปลอดภัยและการตรวจจับการฉ้อโกงขณะนี้กำลังผลักดันให้เกิดความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยการเปิดสำนักงานใหม่ในสิงคโปร์ โดยมีผู้นำในอุตสาหกรรมการชำระเงินอย่าง Shabab Muhaddes ซึ่งเคยทำงานให้กับ Visa และ Mastercard เป็นหัวหอกในการขยายงานในฐานะผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Vesta

เนื่องจากการเติบโตของการทำธุรกรรมที่ไม่ใช้บัตรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งภูมิภาค การจัดการการฉ้อโกงจึงเป็นปัญหาสำหรับองค์กรเป็นพิเศษ แม้จะการฉ้อโกงจะเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมไปถึง การครอบงำบัญชี, การทำธุรกรรมฉ้อโกง, e-skimming และการโจมตีอันดุเดือดซึ่งขับเคลื่อนโดยวงอาชญากรรมระดับมืออาชีพ แต่องค์กรส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพากลยุทธ์แบบเกิดก่อนแล้วค่อยแก้ (reactive strategies) ทำให้มีการสูญเสียรายได้และส่งผลให้เกิดประสบการณ์ของผู้บริโภคที่ไม่ดี

“เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตรและมีความหลากหลายและการผสมผสานทางเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อให้เกิดความต้องการอย่างฉับพลันสำหรับการมีประกันด้านการป้องกันการฉ้อโกงและการชำระเงิน” Ron Hynes ซีอีโอของ Vesta กล่าว “ เรายังเข้าใจด้วยว่าการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของเรา และความรู้เชิงลึกของ Shabab เกี่ยวกับระบบการชำระเงินทั่วโลกและบันทึกการทำงานร่วมกันในตลาดต่าง ๆ ในภูมิภาคนั้นหาใครเปรียบไม่ได้ เขาเข้าใจถึงความแตกต่างของการทำธุรกิจในระดับท้องถิ่นและรู้วิธีสร้างและขยายความร่วมมือระหว่างตลาดเพื่อสร้างคุณค่าให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง”

Muhaddes ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่าหนึ่งทศวรรษในการสร้างความสัมพันธ์ทั่วทั้งภูมิภาค มีข้อมูลเชิงลึกในระดับท้องถิ่นและระดับโลกด้านการบริการทางการเงิน ระบบนิเวศการชำระเงินและฟินเทค โดย Muhaddes เคยเป็นหัวหน้าของหุ้นส่วนด้านวีซ่าและกิจการดิจิทัลของ APAC ในช่วงเวลากว่าห้าปีที่เขาอยู่กับบริษัท เขาได้ผลักดันการเติบโตที่โดดเด่นในภูมิภาคโดยเน้นการพัฒนาโอกาสในการเป็นหุ้นส่วนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในตลาดที่มุ่งเน้น ก่อนหน้าที่จะจะทำงานให้ Visa เขาทำงานแปดปีกับ Mastercard ในบทบาทที่หลากหลายในการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อผลักดันการเติบโตในตลาดเกิดใหม่และการพัฒนากลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ตลอดระยะเวลาการทำงานในอุตสาหกรรมการชำระเงิน Muhaddes ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่แข็งแกร่งในการสร้างข้อเสนอแบบ win-win  สำหรับลูกค้าบริษัท คู่ค้า และลูกค้าในตลาดเอเชียแปซิฟิกที่มีการเติบโตสูง

“Vesta เป็นบริษัทระดับโลกที่มอบเทคโนโลยีการเรียนรู้ด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติแบบเรียลไทม์แก่องค์กรที่ต้องการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกง เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และมอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้า ผมหวังว่าจะนำเสนอผลกระทบเชิงบวกที่เป็นรูปธรรมเหล่านี้ให้กับองค์กรและผู้บริโภคทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” Muhaddes กล่าว “เพราะทำงานกับ Ron ที่ Mastercard มาก่อน ผมมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในวิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำที่อยู่เบื้องหลังVesta และการที่เราจะประสบความสำเร็จในการขยายตัวสู่เอเชียแปซิฟิกผ่านศูนย์กลางแห่งใหม่ในสิงคโปร์”

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Vesta และชุดโซลูชั่นการป้องกันการฉ้อโกงและการปรับปรุงการอนุมัติ สามารถดูได้ที่ www.trustvesta.com และข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสในการทำงานกับเราเข้าไปดูที่  trustvesta.com/company/about-us

เกี่ยวกับ Vesta

Vesta เป็นผู้นำในด้านการให้การรับประกันด้านการป้องกันการฉ้อโกงและโซลูชันการชำระเงินเพื่อการพาณิชย์ที่ช่วยให้ผู้ออก ผู้ซื้อ ผู้ประมวลผลเกตเวย์ บริษัทด้านการสื่อสาร พ่อค้า และกระเป๋าเงิน สามารถเพิ่มรายได้โดยไม่ต้องกลัวการฉ้อโกง ทั้งนี้ Vesta ก่อตั้งขึ้นในปี 2538 เป็นผู้บุกเบิกการทำธุรกรรมการชำระเงินแบบไม่ใช้บัตร บริษัทประสบความสำเร็จในการขึ้นเป็นผู้นำด้วยวิทยาการข้อมูลที่ทันสมัยและความสามารถในการเรียนรู้ของเครื่องจักรที่แม่นยำเหนือชั้นในการตรวจจับการฉ้อโกงทั่วโลก วันนี้ Vesta รับประกันธุรกรรมมากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โซลูชั่นการชำระเงินที่ปลอดภัยของ Vesta ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยการรับประกันความปลอดภัยจากการฉ้อโกง 100% จะช่วยให้ร้านค้าสามารถสร้างรายได้ด้วยการส่งมอบธุรกรรมที่ไม่มีแรงเสียดทานซึ่งช่วยเพิ่มการยอมรับและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าในขณะเดียวกันก็ขจัดความกลัว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมwww.trustvesta.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200224005971/en/

ติดต่อ:

LANE, บริษัทหนึ่งใน Finn Partners Company

Pete Johnson

+1-503-546-7880

Vesta@finnpartners.com

Aptorum Group เริ่มทำการผลิตเม็ดยา Dioscorea Opposita ที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพและลงนามข้อตกลงจัดจำหน่ายในฮ่องกง

Logo

นิวยอร์ก–(บิสิเนสไวร์)–24 ก.พ. 2563

Aptorum Group Limited (“Aptorum Group”) บริษัท เวชภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาวิธีการรักษาแบบใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ทั่วโลกประกาศการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและอาการที่เกี่ยวข้อง  อาหารเสริมทำขึ้นจากส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพสกัดจากผงฮ่วยซัวจีนที่มี “DOI” ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ใช้ฮอร์โมนของ Aptorum Group เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มและความกังวลเกี่ยวกับโภชนาการของผู้บริโภค  คาดว่าผู้หญิงกว่า 1.2 พันล้านทั่วโลกจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนหรืออยู่วัยหลังหมดประจำเดือนภายในปี 2030ตลาดอาหารเสริมสุขภาพผู้หญิงทั่วโลกสำหรับอาการหมดประจำเดือนคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 ด้วยอัตรา CAGR ที่ 16.4% (2016-2025)ในระยะแรก อาหารเสริมนี้จะวางจำหน่ายในฮ่องกง โดยทางบริษัทกำลังขออนุญาติด้านกฎระเบียบในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเขตอำนาจศาลที่สำคัญอื่นๆ

Aptorum Group ได้ทำสัญญาการจัดจำหน่ายในระดับภูมิภาคผ่านบริษัทในเครือ Nativus Life Sciences Limited ของตนกับ Multipak Limited บริษัทแบรนด์สินค้าในครัวเรือนฮ่องกงที่รวมถึงถุงชา Luk Yu® และสินค้าด้านสุขภาพอื่นๆ

โดยผ่าน Multipak นั้น Aptorum Group จะสามารถเพิ่มการเข้าถึงของผลิตภัณฑ์ไปยังฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ในระดับภูมิภาค  การผลิตเม็ดยา dioscorea opposita ที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพของ Aptorum Group นั้นได้เริ่มต้นขึ้นในแคนาดาและจะวางตลาดภายใต้ชื่อแบรนด์ NativusWellTM ในเร็วๆ นี้

เม็ดยา NativusWellTM ของ Nativus นั้นเป็นอาหารเสริมธรรมชาติที่ไม่ใช่ฮอร์โมนที่มี DOI ผงฮ่วยซัวที่มี DOI นี้ใช้วิธีการที่ไม่ใช้ฮอร์โมนเพื่อเพิ่มสุขภาพทั่วไปของผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน  การศึกษาทางวิทยาศาสตร์จากรายอื่นๆ ระบุว่า DOI ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติส่วนผสมออกฤทธิ์ทางชีวภาพฮ่วยซัวนั้นก่อให้เกิดการสังเคราะห์ estradiol กระตุ้น estradiol และ progesterone และเพิ่มความหนาแน่นเพิ่มขึ้นของกระดูกซึ่งอาจตอบโต้การลุกลามของโรคกระดูกพรุน3 ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อยในวัยหมดประจำเดือน4

สำหรับการนำเสนอทั่วไป: http://ir.aptorumgroup.com/static-files/bcf77574-7bd6-4b9d-8110-d53837238f16

สำหรับการนำเสนอทางเทคนิค: http://ir.aptorumgroup.com/static-files/66346f79-7a03-474a-89be-0eaafaa00d9d

เกี่ยวกับ Aptorum Group Limited

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) เป็นบริษัทเวชภัณฑ์ที่อุทิศตนเพื่อการพัฒนา และนำเทคโนโลยีการรักษาและวินิจฉัยมาใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อจัดการกับความต้องการด้านการแพทย์  Aptorum Group กำลังดำเนินโครงการด้านการรักษาและวินิจฉัยโรคที่พบได้น้อย โรคติดต่อ โรคทางเมตาบอลิซึม และและโรคอื่นๆ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aptorum Group กรุณาไปที่ www.aptorumgroup.com

หมายเหตุเกี่ยวกับการคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Aptorum Group Limited และความคาดหวังในอนาคต แผน และโอกาสในอนาคตซึ่งเป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ภายใต้ความหมายของกฎหมาย Private Securities Litigation Reform Act ปี 1995 ข้อความที่มีอยู่ในเอกสารฉบับนี้ซึ่งไม่ใช่แถลงการณ์ของข้อเท็จจริงในอดีตอาจถือเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ในบางกรณีคุณสามารถระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าโดยใช้คำเช่น“ อาจ” “ควร” “คาดว่า” “มีแผนจะ” “คาดการณ์” “อาจจะทำได้” “ตั้งใจว่า” “มีเป้าหมายว่า” “มีโครงการว่า" "พิจารณาจะ" "เชื่อว่า" "ประเมินว่า" "พยากรณ์" "มีศักยภาพจะ" หรือ "จะดำเนินการต่อ"  หรือคำตรงข้ามของคำเหล่านี้หรือสำนวนอื่นๆ ที่คล้ายกัน  Aptorum Group ได้ใช้แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้โดยส่วนใหญ่มาจากความคาดหวังและการคาดการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตซึ่งบริษัท เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงาน  ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้กล่าวมาเมื่อวันของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้และอยู่ภายใต้ความเสี่ยงความไม่แน่นอนและข้อสันนิษฐาน รวมถึง แต่ไม่จำกัด เพียง ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ประกาศไว้และการเปลี่ยนแปลงองค์กร การให้บริการอย่างต่อเนื่อง  ความสามารถในการขยายการจัดประเภทผลิตภัณฑ์โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มเติม กลยุทธ์การเติบโตของบริษัทที่คาดการณ์ไว้ แนวโน้มและความท้าทายที่คาดการณ์ไว้ในธุรกิจของบริษัท และความคาดหวังเกี่ยวกับเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงอย่างเต็มที่อธิบายไว้ในแบบฟอร์ม 20-F ของ Aptorum Group และเอกสารอื่นๆ ที่ Aptorum Group อาจทำกับ SEC ในอนาคต  Aptorum Group ไม่มีข้อผูกมัดในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์นี้อันเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ


1 World Health Technical Report Series. Research on the Menopause in the 1990's. Geneva, Switzerland: World Health Organization; 1996

2 https://www.grandviewresearch.com/press-release/global-isoflavones-market

3 https://www.ke.hku.hk/story/innovation/the-magic-of-chinese-yam-for-treatment-of-menopausal-syndrome; ดูเพิ่มเติมที่รายงานทางวิทยาศาสตร์, 5-10179

4 https://www.everydayhealth.com/menopause/osteoporosis-and-menopause.aspx

อ่านฉบับที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200224005232/en/

สำหรับนักลงทุน:
โทร: +852 2117 6611
อีเมล: investor.relations@aptorumgroup.com

สำหรับสื่อ:
โทร: +852 2117 6611
อีเมล: info@aptorumgroup.com

Intelligence Squared จาก Hillstone Networks เปิดตัวครั้งแรกในงาน RSAC 2020

Logo

ณ จุดกึ่งกลางระหว่างมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ด้านความมั่นคงปลอดภัย

ซานตาคลารา, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–24 กุมภาพันธ์ 2563

Hillstone Networks ผู้ให้บริการโซลูชันด้านความมั่นคงปลอดภัยบนเครือข่ายสำหรับองค์กรและการจัดการความเสี่ยงชั้นนำ เตรียมเปิดตัวแคมเปญ Intelligence squared ในงาน RSA Conference 2020 ซึ่งจัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโก งาน RSA เป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการพัฒนาใหม่ล่าสุดด้านความั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยมี Human Element เป็นธีมประจำการจัดงานปีนี้ Intelligence squared ถูกพัฒนาขึ้นบนวิสัยทัศน์ของ Hillstone ที่ว่าปัญญาประดิษฐ์และมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้ในรูปของ Intelligence squared ซึ่งเป็นการผนึกกำลังเพื่อการเติบโต การปรับตัว และการปกป้ององค์กรของคุณที่ต่อเนื่องและมากขึ้นเป็นทวีคูณ ตั้งแต่วันที่ 24 ถึง 27 กุมภาพันธ์ นี้ ขอเชิญแวะชมและรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการส่งมอบนวัตกรรม ณ จุดกึ่งกลางระหว่างมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยของ Hillstone ได้ที่บูธ #1547 โซน South Expo

“Intelligence squared สะท้อนความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อลูกค้าในการยืนหยัดเคียงข้างเพื่อปกป้ององค์กรของพวกเขาจากกลุ่มผู้โจมตีที่มีความฉลาดมากขึ้น” Tim Liu ผู้ดำรงตำแหน่ง CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “ด้วยโซลูชันจาก Hillstone ลูกค้าของเราจะได้ผนึกกำลังการป้องกันด้านความมั่นคงและการปกป้องเข้าด้วยกัน เราตื่นเต้นที่จะได้ให้ผู้เข้าชมงาน RSA ได้เห็นถึงการพัฒนาล่าสุดจากชุดโซลูชันต่าง ๆ ของ Hillstone”

ผู้ชมงานสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีที่ Hillstone ใช้ปกป้องอุปกรณ์ทั้งแบบ edge และ cloud รวมถึงระบบอื่น ๆ ได้โดยตรงจากผู้เชี่ยวชาญ การนำเสนอและผลิตภัณฑ์สาธิตต่าง ๆ ที่บูธประกอบด้วยการจัดแสดงโซลูชันความมั่นคงปลอดภัยบนเครือข่ายองค์กรและการจัดการความเสี่ยงของ Hillstone Networks ที่ครอบคลุมโครงการริเริ่มต่าง ๆ เหล่านี้:

  • Intelligent Breach Prevention: สำหรับปกป้ององค์กรจากภัยคุกคามขั้นสูง
  • Data Center Protection: สำหรับปกป้องศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยจากภายในสู่ภายนอก
  • Secure SD-WAN: พัฒนาขึ้นสำหรับความมั่นคงปลอดภัยสำหรับองค์กรแบบกระจาย

เมื่อไม่นานมานี้ Hillstone ได้รับเลือกให้เป็นตัวเลือกชั้นนำด้านไฟร์วอลล์เครือข่ายโดย 2020 Gartner Peer Insights Customers “เราขอขอบคุณลูกค้าและ Gartner สำหรับผลการคัดเลือกนี้” Tim กล่าว “ทีมของเราที่ Hillstone รู้สึกภาคภูมิใจกับการยกย่องครั้งนี้ เพราะความคิดเห็นจากลูกค้าจะเป็นสิ่งที่กำหนดทิศทางผลิตภัณฑ์และบริการของเราต่อไป”

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชันเพื่อความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับองค์กรปละการจัดการความเสี่ยงโดย Hillstone Networks จะมอบวิสัยทัศน์ ความอัจฉริยะ และการปกป้องเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับองค์กรว่าพวกเขาสามารถมองเห็นอย่างรอบด้าน เข้าใจอย่างลึกซึ้ง และสามารถรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็ว โซลูชันของ Hillstone ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความไว้วางใจจากองค์กรระดับโลกหลายแห่ง Hillstone ปกป้ององค์กรครอบคุลมอุปรกรณ์ทั้งแบบ edge ไปจนถึง cloud พร้อมกับช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของในขณะเดียวกัน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.hillstonenet.com

ติดต่อ:

Hillstone Networks
Zeyao Hu
ผู้จัดการการตลาด
inquiry@hillstonenet.com

Kioxia ผลิตโซลิดสเตตไดรฟ์ PCIe® 4.0 รายแรก

Logo

ลูกค้ากำลังทดสอบ SSD รุ่น PCIe®/NVMe™ ล่าสุดที่ขับเคลื่อนประสิทธิภาพเหนือชั้นสำหรับองค์กรศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–21 ก.พ. 2563

PCI Express® 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลูกค้าเซิร์ฟเวอร์ และระบบจัดเก็บข้อมูลเป็นสองเท่าด้วยความเร็วที่สูงถึง 16.0GT/s (ความเร็ว throughout กิกะทรานส์เฟอร์ต่อวินาทีต่อเลน) โดยเพิ่มระดับประสิทธิภาพใหม่ให้กับแอปพลิเคชันคลาวด์และองค์กร  วันนี้ Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชั่นหน่วยความจำได้ประกาศว่าโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) PCIe® 4.0 NVMe™ สำหรับองค์กรและศูนย์ข้อมูลนั้นพร้อมจัดส่งให้กับลูกค้าแล้ว[1]

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200220005997/en/

Kioxia Corporation: PCIe(R) 4.0 NVMe(TM) Enterprise and Data Center SSDs (Photo: Business Wire)

Kioxia Corporation: SSD รุ่น PCIe(R) 4.0 NVMe(TM) สำหรับองค์กรและศูนย์ข้อมูล (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

โดยเป็นผู้นำยาวนานในการพัฒนา SSD รุ่น PCIe®4.0 NVMe™, Kioxia ได้ผลักดันขีดจำกัดของประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช  Kioxia เป็นบริษัทแรกที่ได้นำเสนอ SSD รุ่น PCIe® 4.0 ต่อสาธารณะ[2] และตอนนี้เป็นบริษัทแรกที่เริ่มจัดจำหน่ายไดรฟ์รุ่นใหม่นี้

SSD รุ่น NVMe ซีรี่ส์ CM6 สำหรับองค์กร

SSD รุ่น PCIe® 4.0, Gen4 4lane (หรือพอร์ตคู่ 2lane) และ NVMe™ 1.4 ซีรี่ส์ CM6 สำหรับองค์กรของ Kioxia นั้นมีพอร์ตคู่สำหรับความพร้อมระดับสูงและมอบประสิทธิภาพ read/write แบบ sequential และ random  ที่ดีที่สุดในหมู่รุ่นเดียวกันที่มีความเร็วถึง 6.9 GB/s และ 1.4M IOPS นับเป็นการเพิ่มความเร็วจาก PCIe® 3.0 รุ่นก่อนถึงสองเท่าและเร็วกว่าไดรฟ์ SATA ทั่วไปถึง 12 เท่า[4]  

CM6 นั้น ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานในองค์กรและกรณีการใช้งานที่รวมถึงการประมวลผลประสิทธิภาพสูง ปัญญาประดิษฐ์ เลเยอร์แคช การเทรดและการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน โดยมีความจุได้ถึง 30.72TB[5]

SSD รุ่น NVMe ซีรี่ส์ CD6 สำหรับศูนย์ข้อมูล

SSD รุ่น PCIe® 4.0, Gen4 4lane และ NVMe™ 1.4 ซีรี่ส์ CD6 สำหรับศูนย์ข้อมูลนั้นมีพอร์ตเดี่ยวสำหรับเซิร์ฟเวอร์และออกแบบมาสำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่และการใช้งานทั่วไปเช่นฐานข้อมูล สภาพแวดล้อมคลาวด์/คอนเทนเนอร์ เว็บเซิร์ฟเวอร์ และการสตรีมสื่อ  ซีรีย์ CD6 นั้นมีความจุสูงถึง 15.36TB พร้อมความเร็ว through สูงสุด 6.2GB/s และประสิทธิภาพ random access 1.0 M IOPS

ทั้งซีรีส์ CM6 และ CD6 มี 1 DWPD (Drive Write per Day) และ 3 DWPD[6] และมีตัวเลือกความปลอดภัยและการเข้ารหัสมากมาย[7]  นอกจากนี้ SSD ใหม่ยังผ่านการปฏิบัติตาม PCI-SIG Workshop ได้สำเร็จและอยู่ในรายชื่ออุปกรณ์ NVMe™ 1.4 ที่สนับสนุนของ UNH-IOL Integrator

หมายเหตุ

[1] ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ 30.72TB มีกำหนดให้วางจำหน่ายหลังจากเดือนมิถุนายน
[2] จัดแสดงในงาน Flash Memory Summit ในเดือนสิงหาคม 2562
[3] ข้อมูล ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2020 ในหมวดหมู่ของ SSD ระดับองค์กร  จากการสำรวจของ Kioxia Corporation
[4] เทียบกับผลิตภัณฑ์ Kioxia อินเตอร์เฟส SATA ที่มีอยู่  จากการสำรวจของ Kioxia Corporation การประเมินประสิทธิภาพเป็นข้อมูลเบื้องต้นและอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
[5] คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation กำหนดเมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์ และเทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์  อย่างไรก็ตามระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์รายงานความจุหน่วยเก็บข้อมูลโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความ 1GB = 2 ^ 30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์, 1TB = 2 ^ 40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ ดังนั้นจึงมีความจุหน่วยเก็บข้อมูลน้อยลง  พื้นที่เก็บข้อมูลที่มีอยู่ (รวมถึงตัวอย่างของไฟล์สื่อต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่าซอฟต์แวร์ และระบบปฏิบัติการเช่นระบบปฏิบัติการ Microsoft® และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งล่วงหน้าหรือเนื้อหาสื่อ  ความจุที่ฟอร์แมตจริงอาจแตกต่างกันไป
[6] รุ่น 1DWPD จะมีขนาดความจุ 960GB ถึง 30.72TB ในขณะที่รุ่น 3DWPD จะมีขนาดความจุ 800GB ถึง 12.8TB
[7] ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกความปลอดภัย/การเข้ารหัสอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

* PCI Express และ PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG
* NVMe เป็นเครื่องหมายการค้าของ NVM Express, Inc.
* Microsoft เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือเครื่องหมายการค้าของ Microsoft Corporation ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง:

* CM6 Series ใหม่และ SSD สำหรับองค์กรของ Kioxia https://business.kioxia.com/en-jp/ssd/enterprise-ssd.html
* CD6 Series ใหม่และ SSD สำหรับศูนย์ข้อมูลของ Kioxia
https://business.kioxia.com/en-jp/ssd/data-center-ssd.html

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:
Kioxia Corporation
Sales Promotion Division (ฝ่ายสนับสนุนการขาย)
โทร: +81-3-6478-2427
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า .

ดูต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200220005997/en/

สอบถามสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
Sales Strategic Planning Division (ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย)
Koji Takahata
โทร: +81-3-6478-2404

การศึกษาของ HKBU เผยอีโมติคอนส่งผลต่อการรับรู้เกี่ยวกับการบริการลูกค้า

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–20 กุมภาพันธ์ 2563

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันสัญลักษณ์รูปแสดงอารมณ์หรืออีโมติคอนได้รับความนิยมพุ่งสูงขึ้นและขยายเข้าไปอยู่ในวงการการค้าเป็นที่เรียบร้อย แต่อีโมติคอนในความสัมพันธ์เชิงพาณิชย์นี้ได้รับการต้อนรับจากลูกค้าหรือไม่ ในงานวิจัยชิ้นใหม่ Dr. Shirley Xueni Li และ Prof. Kimmy Wa Chan แห่งสถาบัน Hong Kong Baptist University School of Business พบว่าอีโมติคอนที่ใช้ในบทสนทนาของการบริการเชิงพาณิชย์มีส่วนกำหนดการรับรู้ของลูกค้าต่อธุรกิจนั้น

ผู้ให้บริการที่ใช้อีโมติคอนถูกมองว่ามีความเป็นมิตรมากกว่าแต่มีความสามารถน้อยกว่า

การศึกษาดังกล่าวพบว่าการใช้อีโมติคอนของพนักงานบริการลูกค้าให้ผลที่มีความขัดแย้งกัน จากโพลสำรวจผู้เข้าร่วม พบว่าพนักงานบริการลูกค้าที่ใช้อีโมติคอนมีความเป็นมิตรมากกว่าแต่ก็มีความสามารถน้อยกว่าพนักงานที่หลีกเลี่ยงการใช้อีโมติคอน ผลสรุปนี้เป็นจริงไม่ว่าพนักงานบริการลูกค้าจะใช้อีโมติคอนแบบภาพหรือแบบข้อความ (เช่น 🙂 ) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพลังของอีโมติคอนนั้นไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยกราฟิกและสีสันที่สะดุดตาเพียงอย่างเดียว

ความชอบส่วนตัวของผู้รับสารส่งผลอย่างมากต่อการรับรู้ผ่านอีโมติคอน

ความชอบและความคาดหวังส่วนบุคคลของลูกค้าต่อรูปแบบที่ควรจะเป็นของความสัมพันธ์ในการให้บริการมีบทบาทอย่างมากต่อการที่ผู้ส่งอีโมติคอนจะถูกมองในท้ายที่สุด ลูกค้าที่มีแนวโน้มชอบสังคม (เช่น ลูกค้าที่ชอบความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรมากกว่าจากแบรนด์) มักมองผู้ให้บริการที่ใช้อีโมติคอนว่ามีความเป็นมิตรมากกว่า ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจกับบริการมากขึ้น ตรงกันข้าม ลูกค้าที่มีแนวโน้มแลกเปลี่ยนซื้อขายอย่างเดียว (เช่น ลูกค้าที่มีความสัมพันธ์กับแบรนด์เพื่อการซื้อขายเพียงอย่างเดียว) มักมองพนักงานบริการลูกค้าที่ใช้อีโมติคอนว่ามีความสามารถน้อยกว่าทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะรู้สึกพึงพอใจน้อยกว่า ผลกระทบเหล่านี้พบกับการใช้อีโมติคอนทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็นอีโมติคอนเชิงบวกหรือเชิงลบ

ในสถานการณ์ที่เกิดความไม่พึงพอใจในบริการ การใช้อีโมติคอนยิ่งจะทำให้เกิดผลในทางลบมากขึ้น

เมื่อบริการมีแนวโน้มสร้างความไม่พึงพอใจและมีความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา การศึกษานี้อธิบายว่าลูกค้าทุกราย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มที่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์หรือลูกค้าที่ต้องการแลกเปลี่ยนบริการเท่านั้น จะยิ่งให้ความสำคัญกับเรื่องความสามารถมากกว่าเรื่องความเป็นมิตร ในสถานการณ์เหล่านี้ การใช้อีโมติคอนโดยตัวแทนบริการลูกค้ามักทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม

เมื่อมีการส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ การใช้อีโมติคอนช่วยกระตุ้นพฤติกรรมในการซื้อสินค้าของลูกค้า

เมื่อพนักงานบริการลูกค้าสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แบบเกินคาด (เช่น แสดงออกถึงการให้ดูแลเป็นพิเศษอย่างกระตือรือร้น หรือด้วยความรู้อย่างมืออาชีพ) พร้อมข้อความที่มีอีโมติคอนอยู่ด้วย การศึกษาพบว่าลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้า ด้วยตระหนักเช่นนี้ บริษัทต่าง ๆ จะได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนการใช้อีโมติคอนในกลุ่มตัวแทนบริการลูกค้าของบริษัทอย่างแน่นอน หากบริษัทมั่นใจว่าพวกเขาสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ด้วยบริการอันเป็นเลิศ

การวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าธุรกิจควรตระหนักถึงการนำอีโมติคอนมาใช้ในการสร้างปฏิสัมพันธ์ด้านการบริการ เมื่อการบริการถูกส่งมอบอย่างเต็มความสามารถและในเวลาที่เหมาะสม ผู้รับบริการจะมองทั้งพนักงานและแบรนด์โดยรวมว่ามีความเป็นมิตร ช่วยเหลือได้ และเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น แต่หากนำไปใช้อย่างผิด ๆ อีโมติคอนสามารถทำให้สถานการณ์แย่ลงได้ และส่งผลให้ความสามารถของพนักงานและบริษัทถูกมองว่าลดลง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bus.hkbu.edu.hk.

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200220005312/en/

สื่อ:
HKBU School of Business
Eva Sham
อีเมล: Evasham@hkbu.edu.hk

จากรายงานของ OAG การพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่สามารถเทียบกับการเติบโตของการเดินทางทางอากาศที่พุ่งสูงขึ้นได้

Logo

การเพิ่มขึ้นของที่นั่งเครื่องบิน และต้นทุนต่อหนึ่งเก้าอี้ที่มีต่อหนึ่งกิโลเมตร หรือ ASKs อยู่ในระดับที่สูงกว่าการชดเชยคาร์บอน การลงทุนเชื้อเพลิงชีวภาพ และการลดการปล่อยก๊าซ

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)– 20 กุมภาพันธ์ 2563

OAG,ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำของโลกในด้านข้อมูลการเดินทางและข้อมูลเชิงลึกได้ออกรายงานใหม่ในวันนี้ในหัวข้อ – How Green is Your Airline? หรือ สายการบินของคุณเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร โดยเป็นการสำรวจว่าอุตสาหกรรมการบินตอบสนองต่อแรงผลักดันที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเดินทางทางอากาศ อย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง

“แม้ความสนใจของนักเดินทางจะเพิ่มขึ้นในเรื่องความยั่งยืน แต่โดยธรรมชาติของตลาดทำให้การสร้างผลกระทบมีความซับซ้อนและเกิดขึ้นได้ยากจริง ๆ ” John Grant นักวิเคราะห์อาวุโสของ OAG กล่าว “ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา จำนวนที่นั่งเครื่องบินเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 3.6 ต่อปีในขณะที่ต้นทุนต่อหนึ่งเก้าอี้ที่มีต่อหนึ่งกิโลเมตร หรือ available seat kilometers นั้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 น่าเสียดายที่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่สายการบินและหน่วยงานกำกับดูแลได้สร้างขึ้นสู้การเติบโตของผู้โดยสารไม่ได้”

รายงานของ OAG ให้ข้อมูลเชิงลึกว่าด้วยเรื่อง:

  • สิ่งที่มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน เช่น การชดเชยคาร์บอน ยังทำไม่สำเร็จ
  • ความซับซ้อนของการลดผลกระทบคาร์บอนในการเดินทาง
  • ความต้องการของตลาดเพื่อความยั่งยืนและความโปร่งใสของข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม
  • สายการบิน การเรียกร้องความเป็นกลางทางภูมิอากาศ และการฟอกเขียว (greenwashing)

OAG พบว่าเป้าหมายของอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น ที่มีการเผยแพร่โดย IATA ในปี 2552 ไม่ได้ก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของการเดินทางทางอากาศที่ทำให้การปล่อยมลพิษจริงล้มเหลวเมื่อเทียบกับเป้าหมายสภาพภูมิอากาศ ในขณะที่สายการบินต่าง ๆ กำลังผลักดันเป้าหมายความเป็นกลางของสภาพภูมิอากาศอย่างแข็งขัน แต่กลยุทธ์หลายอย่างที่พวกเขานำไปใช้ เช่นการ ให้โอกาสแก่นักท่องเที่ยวที่จะจ่ายเงินเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ

“การเดินทางทางอากาศอย่างยั่งยืนเป็นปัญหาที่ซับซ้อนมากและไม่มีทางออกง่าย ๆ ถึงแม้จะสนใจในเรื่องความยั่งยืน แต่ผู้บริโภคจะไม่หยุดบิน” Grant กล่าว “เครื่องมือปัจจุบัน เช่น เครื่องคิดเลขคาร์บอนไม่ได้ให้ข้อมูลที่เพียงพอสำหรับนักเดินทางเพื่อการตัดสินใจที่มีเหตุผลเพียงพอสนับสนุนและจำเป็นต้องมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสายการบินและเที่ยวบินใดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าของสายการบินอื่นทำให้ผู้บริโภคสามารถวิจัย ประเมิน และเลือกทางเลือกที่ยั่งยืนที่สุด”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดาวน์โหลดรายงานได้ที่ How Green is Your Airline?

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่เสริมสร้างการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ ปี 2472

OAG มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักรมีการดำเนินงานทั่วโลกทั้งในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ลิทัวเนีย และจีน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่: www.oag.com และติดตามเราบน Twitter @OAG Aviation.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200219005905/en/

ติดต่อ:

Katy Ludwell

ผู้จัดการฝ่ายการตลาด

pressoffice@oag.com

ทีมวิจัย NTHU พัฒนาอุปกรณ์แสดงผลใหม่

Logo

ซินจู๋, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–19 กุมภาพันธ์ 2563

ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์ Hsueh-Shih (Sean) Chen แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา (NTHU) ได้ประกาศไปเมื่อไม่นานมานี้ว่าพวกเขาได้พัฒนาวัสดุควอนตัมด็อท (quantum dot) ขึ่นใหม่ ซึ่งมีความเสถียรและให้สีสันที่เหมือนจริงมากขึ้น ข้อจำกัดหลักของวัสดุจอแสดงผลควอนตัมด็อทในปัจจุบันคือความไม่เสถียรและเสียหายได้ง่าย และทีมได้ทำการแก้ไขด้วยการสร้าง “โล่” ขนาดประมาณ 1 นาโนเมตรขึ้นมาติดไว้แต่ละด้านของคริสตัลของควอนตัมด็อทแต่ละชิ้น วัสดุใหม่นี้สามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย รวมถึงจอสำหรับโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและกล้อง

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีลักษณะเป็นมัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200219005017/en/

A research team led by Professor Hsueh-Shih Chen of NTHU has recently announced that they have developed a new quantum dot material which is more stable and provides more realistic color. (Photo: National Tsing Hua University)

ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์ Hsueh-Shih (Sean) Chen แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา ได้ประกาศไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าพวกเขาได้พัฒนาวัสดุควอนตัมด็อท ขึ่นใหม่ ซึ่งมีความเสถียรและให้สีสันที่เหมือนจริงมากขึ้น (รูปภาพ: มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา)

ด้วยการสนับสนุนจาก NTHU ทีมได้ยื่นจดสิทธิบัตรวัสดุใหม่นี้แล้ว และได้ก่อตั้งบริษัท HsinLight Inc. ขึ้นเพื่อผลิตวัสดุชนิดนี้เพื่อการพาณิชย์ คาดว่าการผลิตจอควอนตัมด็อทครั้งแรกจะเริ่มต้นในปี 2563 นี้

จอส่วนใหญ่ที่จำหน่ายอยู่ในตลาดปัจจุบันนี้เป็นจอภาพผลึกเหลว (LCD) ซึ่งมีการไล่ระดับและการอิ่มตัวของสี และสามารถแสดงสีได้เพียงหนึ่งในสามของสีที่ดวงตามนุษย์สามารถมองเห็นได้เท่านั้น แม้แต่จอ OLED ที่เรียกว่า “retinal grade” ซึ่งใช้ในอุปกรณ์อย่าง iPhone 11 ก็สามารถแสดงสีที่ดวงตามนุษย์สามารถมองเห็นได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ขณะนี้จอที่ใช้วัสดุ QD ใหม่ (QLED TV) จะแสดงสีเกือบ 90% ของสีที่ดวงตามนุษย์สามารถมองเห็นได้

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังพบว่ามีความท้าทายที่ต้องจัดการก่อนที่วัสดุควอนตัมด็อทจะถูกนำมาใช้ในวงกว้าง Chen ได้อธิบายว่าควอนตัมด็อทมีลักษณะเป็นคริสตัลทรงกลมขนาดประมาณสามนาโนเมตร และถูกทำให้เสียหายได้ง่ายด้วยน้ำหรือโมเลกุลออกซิเจน ซึ่งจะส่งผลให้ความสว่างลดลง ขณะนี้ ผู้ผลิตรายใหญ่ ๆ เช่น ซัมซุง ควบคุมปัญหานี้ด้วยการนำควอนตัมด็อทมาประกบกันและเก็บไว้ในชั้นฟิล์มสำหรับป้องกัน แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่คุ้มทุนและฟิล์มจะไม่สามารถป้องกันควอนตัมด็อทได้เลยหากเกิดรูแม้เล็กเท่ารูเข็ม

ด้วยแรงบันดาลใจจากโล่ที่ใช้โดยซูเปอร์ฮีโร่ในหนังสือการ์ตูนกัปตันอเมริกาจากซีรีส์อเวนเจอร์ Chen ค้นพบแนวคิดการสร้างโล่ขนาดหนึ่งนาโนเมตรให้กับแต่ละควอนตัมด็อท ซึ่งช่วยป้องกันน้ำและการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยเพิ่มความเสถียรของวัสดุและอายุการใช้งานของจอ

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา บริษัทหลายแห่งได้เริ่มขายโทรทัศน์ที่ใช้เทคโนโลยีควอนตัมด็อทแล้ว แต่เนื่องจากวัสดุควอนตัมมีความเปราะบางจึงเป็นเรื่องยากที่จะผลิตในจำนวนมากและมีราคาค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีโล่ป้องกันควอนตัมด็อทของ Chen จะช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้อย่างมาก

จอควอนตัมด็อทขนาด 55 นิ้วโดยทั่วไปประกอบด้วยคริสตัลควอนตัมมากกว่า 100 ล้านล้านล้าน (10 ยกกำลัง 20) และทีมวิจัยของ Chen ได้พัฒนาเทคนิคสำหรับการควบคุมขนาดของควอนตัมด็อทแต่ละชิ้นอย่างแม่นยำ เพื่อให้แต่ละคริสตัลควอนตัมมีขนาดต่างกันไม่เกิน 0.5 นาโนเมตร การควบคุมขนาดควอนตัมด็อทและโล่ได้อย่างแม่นยำจะช่วยให้จอปล่อยสีน้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง อินฟราเรดและสีอื่น ๆ ได้ถูกต้อง

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200219005017/en/

สื่อ:
Holly Hsueh
มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา
โทร: (886)3-5162006
อีเมล: hoyu@mx.nthu.edu.tw

กสิกรไทยเปิดตัวเงินฝากทวีทรัพย์ KBank x BLACKPINK ดอกเบี้ยสูงสุด 2% ต่อปี ไม่เสียภาษี ออมง่ายเริ่มต้นเพียง 500 บาทต่อเดือน

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–18 กุมภาพันธ์ 2563

img

ธนาคารกสิกรไทย เปิดตัว “เงินฝากทวีทรัพย์ KBank x BLACKPINK” สร้างสีสันและดึงดูดใจให้คนรุ่นใหม่สนใจออมเงินอย่างสม่ำเสมอ รับดอกเบี้ยสูงสุด 2% ต่อปี เพียงฝากขั้นต่ำ 500 บาท สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน ฝากเท่ากันทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้งเท่ากับยอดเงินฝากที่เปิดบัญชีครั้งแรก เป็นเวลา 24 เดือน ด้วยการสมัครบริการนำฝากเงินอัตโนมัติจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน เมื่อฝากครบกำหนดไม่ต้องเสียภาษีดอกเบี้ย

ผู้สนใจเปิดบัญชีออมทรัพย์ดังกล่าวต้องเป็นบุคคลธรรมดาอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือบิดามารดาสามารถเปิดบัญชีเพื่อบุตรได้ พร้อมเตรียมเอกสารสำหรับการเปิดบัญชีคือ บัตรประชาชนตัวจริง (Smart Card), ทะเบียนบ้านฉบับจริง และสูติบัตร กรณีเป็นบัตรประจำประชาชนรุ่นเก่าที่ไม่มีชิพหรือเปิดบัญชีเพื่อบุตร ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง – 31 พ.ค.63 ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ kbank.co/2UYukPC หรือ K-Contact Center 02-8888888 กด 02


แมรี่ เคย์ อิงค์ประกาศนักแสดงและบุคคลใจบุญโมนิค โคลแมนเป็นผู้ได้รับรางวัล Pink Changing Lives คนแรก

Logo

แดลลัส–(บิสิเนสไวร์)–17 ก.พ. 2563

Mary Kay Inc. ผู้นำด้านการส่งเสริมสตรีทั่วโลกมีความภูมิใจที่จะประกาศว่าโมนิค โคลแมนเป็นผู้ได้รับรางวัล Pink Changing Lives  รางวัลนี้คือความมุ่งมั่นของแมรี่ เคย์ในการเฉลิมฉลองบุคคลและองค์กรที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลก  โครงการนี้ได้ให้การสนับสนุนผู้หญิงและครอบครัวมากกว่าสามล้านรายโดยร่วมมือกับองค์กรกว่า 2,000 แห่งและได้บริจาคมากกว่า $15 ล้านดอลลาร์

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200217005216/en/

Monique Coleman has been named Mary Kay Inc. first-ever Pink Changing Lives Honoree. (Photo: Mary Kay Inc.)

โมนิค โคลแมนได้เป็นผู้ได้รับรางวัล Pink Change Lives คนแรกของแมรี่ เคย์ (ภาพ: แมรี่ เคย์ อิงค์)

โครงการ Pink Changing Lives (ชมพูเปลี่ยนชีวิต) ของแมรี่ เคย์ได้บริจาคเงินให้กับองค์กรที่สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ยุติการขาดอาหาร ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการละเมิดในครอบครัว สร้างชุมชนที่สวยงามและโปรแกรมอื่นๆ ที่เสริมศักยภาพผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ในปี 2563 แมรี่เคย์ได้จัดทำโครงการ Pink Changing Lives เพื่อเฉลิมฉลองสตรีผู้มีอิทธิพลจากทั่วโลกที่เปลี่ยนชีวิตและประวัติศาสตร์ให้ดีขึ้น

ก่อนที่โมนิค โคลแมนจะได้ปรากฏตัวบนจอเงินเป็นตัวละคร Taylor McKessie ในรายการ High School Musical ของดิสนีย์ เธอเคยเป็นเด็กสาวที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงโลก  คุณโคลแมนเป็นผู้สนับสนุนการพัฒนาความเป็นอยู่ทางสังคมและเศรษฐกิจของคนหนุ่มสาว โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแชมป์ยูเอ็นเยาวชนคนแรกในปี 2553  ในฐานะแชมป์เยาวชน คุณโคลแมนได้สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความยากลำบากร้ายแรงที่หญิงสาวหลายคนประสบทั่วโลก รวมถึงความยากจน ความรุนแรงในครอบครัว การถูกข่มขืน และการขาดทรัพยากรทางการศึกษา

“เกือบ 16 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกมีอายุระหว่าง 15 และ 24*” Sheryl Adkins-Green หัวหน้าเจ้าหน้าที่การตลาดของแมรี่ เคย์กล่าว “ในการค้นหาผู้ชนะรางวัล Pink Changing Lives คนแรก เราได้คัดเลือกผู้ที่จะสามารถเป็นเสียงของผู้คนกว่า 1.2 พันล้านคนโดยเฉพาะวัยรุ่น  คุณโคลแมนสามารถสื่อถึงภารกิจของเราด้วยความทะเยอทะยานและความไม่ย่อท้อของเธอ”

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คุณโคลแมนได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมการกุศลต่างๆ เช่นโครงการ Thirst Project, She’s The First, Global Kids, Lollipop Theater, Better Youth, WeDay, Playworks, Allstate Foundation, และ UN Foundation’s Girl Up และอื่นๆ อีกมากมาย  ในระหว่างที่เธอดำรงตำแหน่งแชมป์เยาวชนยูเอ็น เธอได้เดินทางไปยัง 24 ประเทศเพื่อกระตุ้นให้มีการแก้ปัญหาเร่งด่วนที่คนหนุ่มสาวเผชิญอยู่ทุกวันนี้

“เด็กสาวทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนด้อยพัฒนานั้น ต้องเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและในเวลาเดียวกันก็มีโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อน” คุณโคลแมนกล่าว “ฉันรู้สึกว่าการช่วยเหลือผู้อื่นคือภารกิจที่สำคัญที่สุดของฉัน ดังนั้นจึงเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล Pink Changing Lives จากแมรี่ เคย์คนแรก  เป็นความหวังของฉันว่าองค์กรต่างๆ อย่างแมรี่ เคย์จะคอยช่วยเหลือเด็กผู้หญิงทั่วโลกในการพัฒนาศักยภาพของตนทั้งในปัจจุบันและอนาคต”

เกี่ยวกับแมรี่เคย์

โดยเป็นหนึ่งในผู้ที่ก้าวผ่านเพดานสังคมรายแรก แมรี่ เคย์ แอชได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอเมื่อ 56 ปีก่อนโดยมีเป้าหมาย 3 ประการคือ: มอบโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้หญิง สร้างผลิตผลิตภัณฑ์มีเสน่ห์ที่ไม่อาจห้ามใจได้  และทำให้โลกดียิ่งขึ้น   ความฝันดังกล่าวได้งอกงามเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ   แมรี่ เคย์ลงทุนกับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางสี และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและน้ำหอม   แมรี่ เคย์มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว การสร้างความสวยงามให้กับชุมชนต่างๆ และการกระตุ้นให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  วิสัยทัศน์ของแมรี่ เคย์ แอชยังคงส่องประกาย – ในลิปสติกทุกแท่ง  เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com

*ที่มา: สหประชาชาติ กรมเศรษฐกิจและสังคม กองประชากร 2562

ดูรุ่นแหล่งที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200217005216/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications (ฝ่ายสื่อสารองค์กร แมรี่ เคย์ อิงค์)
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com




งาน AJWELP ครั้งที่ 4 ณ บรูไนดารุสซาลาม ช่วยสนับสนุนและส่งเสริมสตาร์ทอัพของสตรีจากประเทศสมาชิกอาเซียน

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2563

โครงการเชื่อมโยงและสร้างคอนเนคชั่นผู้ประกอบการสตรีอาเซียน – ญี่ปุ่นครั้งที่ 4 (AJWELP) จัดโดยศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น (AJC) และร่วมจัดโดย DARe (Darussalam Enterprise) ในกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไนดารุสซาลาม ตั้งแต่วันที่ 10 ถึง 13 กุมภาพันธ์ 2563

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200217005085/en/

SG Fujita and Chief Executive Officer of DARe Mr. Javed Ahmad with the finalists of the 4th AJWELP (Photo: Business Wire)

 Mr. Javed Ahmad จาก SG Fujita และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ DARe กับผู้เข้ารอบสุดท้ายของ AJWELP ที่ 4 (ภาพ: Business Wire)

รัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาองค์กรขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม (MSMEs) ในภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการสตรีที่ทำสตาร์ทอัพ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศและส่งเสริมอำนาจสตรี ในความพยายามครั้งนี้ AJC ได้เปิดตัวงาน AJWELP ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนพลังเพื่อเสริมสร้างผู้ประกอบการสตรีจากประเทศสมาชิกอาเซียนโดยจะเชื่อมโยงพวกเขากับบริษัทที่ปรึกษาและหุ้นส่วนพัฒนาของ AJWELP อื่น ๆ เพื่อพัฒนาธุรกิจต่อไป

หนึ่งในไฮไลท์ของ AJWELP ครั้งที่ 4 คืองานนำเสนอธุรกิจ หรือ the Business Presentation Event ซึ่งสตาร์ทอัพที่ถูกเลือกมาจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน (ผู้เข้ารอบสุดท้าย) ได้นำเสนอเกี่ยวกับธุรกิจและปัญหาความท้าทายต่อหน้าบริษัทที่สนับสนุนต่าง ๆ และผู้ประกอบการอาวุโส (พี่เลี้ยง) ผลของการนำเสนอทางธุรกิจได้ถูกประกาศในงานเลี้ยงต้อนรับเครือข่าย หรือ Networking Reception ในวันต่อมา โดยมีการประกาศเรื่องการสนับสนุนจากบริษัทที่ให้การสนับสนุนให้แก่ผู้เข้ารอบสุดท้าย ทั้งนี้ มีการสนับสนุน 78 รายการที่ถูกนำเสนอต่อผู้เข้ารอบทั้ง 10 ราย จากทั้งหมด 24 บริษัทที่ให้การสนับสนุน

AJC ยังจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการแบบกำหนดเอง (customized) สองวัน ดำเนินการโดยผู้ฝึกสอนของ World Startup Festival เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการสตรีที่เข้าร่วม โดยผู้เข้าร่วมไม่เพียงแต่จะได้โอกาสการเรียนรู้เกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการเพียงเท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาทักษะการนำเสนอของพวกเขา ในขณะที่มีผู้ฝึกอบรมให้คำปรึกษาแก่ผู้เข้าร่วมเป็นรายส่วนตัว

“มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับฉันในการพบปะผู้คนที่น่าทึ่งจากประเทศต่างๆใน AJWELP เราได้รับความรู้มากมายจากประสบการณ์ของคนอื่น ๆ และได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนและที่ปรึกษาของเรา และเรายังได้สร้างมิตรภาพที่ดีมากใน AJWELP”

– Ms. Dalayphone Sayasithsena ผู้เข้ารอบสุดท้าย AJWELP (สปป. ลาว)

“ ฉันดีใจที่ได้เข้าร่วม AJWELP เพราะฉันได้ร่วมฝึกในโปรแกรมการฝึกอบรมที่มีคุณภาพและช่วยสร้างคอนเนคชั่นที่มีคุณภาพเช่นกัน”

– Ms. Ai Hasebe และ Ms. Naeka Takayanagi ผู้เข้าร่วมกิจกรรมอิสระ AJWELP (ญี่ปุ่น)

AJC เชื่อว่าการเชื่อมโยงสร้างคอนเนคชั่นดังกล่าวและการสนับสนุนและให้คำปรึกษาในงานโดยบริษัทต่าง ๆ และผู้ประกอบการอาวุโสโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกของการเติบโตของธุรกิจจะทำให้ผู้ประกอบการสตรีขยายธุรกิจของพวกเขาต่อไปเพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีในอนาคต.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200217005085/en/

ติดต่อ:

ASEAN-Japan Centre

Tomoko Miyauchi (Ms.)

อีเมล: toiawase_ga@asean.or.jp

เว็บไซต์: https://www.asean.or.jp/en/

The Bangkok Reporter