Aptorum Group ร่วมมือกับ Covar Pharmaceuticals ในการตรวจสอบยาที่เคยถูกนำมาใช้แล้วอย่างน้อย 3 รายการ (SACT-COV19) ภายใต้แพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้วอย่าง Smart-ACT™ และ แพลตฟอร์มโรคติดต่อ Acticule เพื่อนำมาใช้รักษาโรค Coronavirus 2562 (COVID-19)

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–30 มีนาคม 2563

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) ("Aptorum Group") ซึ่งเป็น บริษัทชีวเวชภัณฑ์ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาวิวัฒนาการการรักษาสำหรับโรคที่ยังมีความต้องการด้านการรักษาอยู่มาก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ โรคติดต่อ โรคหายาก (หรือโรคกำพร้า) และโรคอ้วนลงพุง (หรือภาวะเมตาบอลิกซินโดรม) ได้ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทกำลังเริ่มโครงการวิจัยและพัฒนาเพิ่มเติมที่กำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มโรคที่เกี่ยวกับ coronavirus โดยได้เสร็จสิ้นภารกิจการคัดกรองเบื้องต้นภายใต้แพลตฟอร์ม Smart-ACT™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการค้นพบยาใหม่และยาที่เคยถูกนำมาใช้แล้ว ทั้งนี้ เพื่อเลือกยาโมเลกุลขนาดเล็กที่มีศักยภาพที่ได้รับการอนุมัติแล้วมาอย่างน้อย 3 รายการ จากรายการยากว่า 2,600 รายการ  เพื่อนำมาลองตรวจสอบกับโรคโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19  ทั้งนี้ Aptorum Group ได้ร่วมมือกับ Covar Pharmaceuticals ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองโตรอนโต และยังได้ทำข้อตกลงกับแผนกจุลชีววิทยาของมหาวิทยาลัยฮ่องกง เพื่อทำการตรวจสอบรายชื่อยาที่ได้รับการคัดเลือกมา ก่อนที่จะทำการขอรับอนุมัติจากหน่วยงานด้านกฎระเบียบเพื่อเริ่มการทดลองทางคลินิกกับยาเหล่านี้ต่อไป

Aptorum Group  จะมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบยาโมเลกุลขนาดเล็กอย่างน้อยสามตัวเป็นพิเศษ (เรียกรวมกันว่า“ SACT-COV19”) ซึ่งได้แสดงศักยภาพว่าอาจสร้างความรบกวนต่อเอนไซม์เป้าหมายสองตัว ได้แก่ 3CL-Protease และ RNA dependent RNA Polymerase (“ RDRP”) ซึ่งเอนไซม์ทั้งสองตัวนี้มีบทบาทสำคัญในวงจรการทำสำเนาตัวเองของ COVID-19 ทั้งนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3CL-Protease ซึ่งถูกเชื่อว่าเป็นสื่อกลางในการทำสำเนาตัวเองของไวรัสและกลไกการถอดรหัส (transcription functions) ผ่านการสร้างเอนไซม์โปรติเอสอย่างกว้างขวาง ในขณะที่ RDRP เป็นเอนไซม์ที่เชื่อว่าเป็นตัวเร่งการทำสำเนาตัวเองของไวรัส RNA จากเทมเพลตของ RNA ทั้งนี้ตัวยาที่ได้รับการคัดเลือกมาจะได้รับการประเมินทดลองในด้านประสิทธิภาพการต่อกรกับ COVID-19 โดย Aptorum Group ยังได้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรสำหรับตัวยาที่ได้รับการคัดเลือกมาข้างต้นอีกด้วย

สำหรับการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องและงานด้านการทดลองนั้น Aptorum Group กำลังร่วมมือกับบริษัท Covar Pharmaceuticals ที่ตั้งอยู่ ณ เมืองโตรอนโต นอกจากนี้ Aptorum Group ได้ทำสัญญากับมหาวิทยาลัยฮ่องกงเพื่อดำเนินงานในครั้งนี้อีกด้วย ทีมงานของ Covar Pharmaceutical (ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่เคยร่วมงานกับ Patheon และ Glaxo Wellcome มาก่อน)1 ที่มีประสบการณ์สูงในการค้นพบและพัฒนายาที่สนับสนุนโดยโรงงานผลิตของ GMP ส่วนทีมจุลชีววิทยาของมหาวิทยาลัยฮ่องกงนั้นมีบทบาทสำคัญในการค้นพบไวรัส SARS ระหว่างการระบาดในปี 25462 และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในงานวิจัยของตนเองเพื่อพัฒนาวัคซีนสำหรับโรค SARS-CoV-2  coronavirus3 และอุปกรณ์ตรวจสอบทางกายภาพร่วมกับบริษัทภายนอกอื่น ๆ สำหรับโรค COVID-194 อีกด้วย

Aptorum Group  ยังคงแสวงหาผู้ทำงานร่วมกันเพิ่มเติมจากทั่วโลกเพื่อการผลักดันการพัฒนาโครงการ SACT-COV19 ต่อไปเรื่อยๆ เรายินดีต้อนรับผู้ที่สนใจ โปรดติดต่อเราเพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสในการทำงานร่วมกันต่อไป

Aptorum Group ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผู้ร่วมแก้ไขปัญหา ขณะนี้กำลังพัฒนาตัวชี้วัดยาของโรคติดเชื้อจำนวนมากภายใต้แพลตฟอร์ม Acticule ซึ่งรวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะ ตัวยาแอนติไวรัสโมเลกุลเล็ก(ALS-1) ที่ไม่เหมือนใคร หรือ unique antiviral small molecule ที่ใช้ต่อกรไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นโครงการหลัก และโครงการยาโมเลกุลขนาดเล็กที่ต่อต้านพิษที่ปราศจากแบคทีเรีย หรือ anti-virulent, non-bactericidal small molecule candidate  (ALS-4) ที่ใช้ต่อต้านการติดเชื้อ Staphylococcus aureus เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน Covar Pharmaceuticals ก็ได้ให้การสนับสนุนการพัฒนาในทวีปอเมริกาเหนืออีกด้วย

คุณ Ian Huen ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Aptorum Group กล่าวว่า“ โรค COVID-19 เป็นโรคติดต่อที่แพร่หลายและระบาดไปทั่วโลกทำให้เกิดการหยุดชะงักและการบาดเจ็บล้มตายครั้งใหญ่ มีการยืนยันทั่วโลกว่ามีผู้ป่วยเกิน 700,000 รายจนถึงวันนี้5 และองค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่า COVID-19 เป็นโรคระบาด (pandemic) แล้ว และถึงแม้ว่าจะมีทั้งบริษัทยาใหญ่ ๆ และและบริษัทยาเกิดใหม่จำนวนมากกำลังร่วมกันเร่งพัฒนาการรักษาด้วยการใช้วัคซีนสำหรับ COVID-19 แต่เราก็เชื่อว่ามีความจำเป็นที่จะต้องจัดการกับโรคนี้ในแบบหลายมิติและอย่างเร่งด่วน โดยในการที่จะเร่งการพัฒนายาสำหรับนำไปใช้ในการรักษา COVID-19 นั้น เรามุ่งเป้าหมายไปที่การระบุหาตัวยาที่ได้รับอนุมัติแล้ว ซึ่งได้รับการยืนยันด้านความปลอดภัย และมีข้อมูลด้านความเป็นพิษและด้านเภสัชจลนศาสตร์ นอกจากนี้เนื่องจากมีการกลายพันธุ์และวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของ coronavirus เราจึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะไม่มีสายพันธุ์อื่นของ coronavirus เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ดังนั้นโลกจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายดังกล่าวร่วมกันอย่างรวดเร็วเพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตและความสูญเสียทางเศรษฐกิจ เราเชื่อว่าแพลตฟอร์ม Smart-ACT ™ ของ Aptorum Group ร่วมกับความสามารถในการพัฒนารักษาโรคติดเชื้อ Acticule ที่มีอยู่ของเราและที่ได้รับการสนับสนุนจาก Covar Pharmaceuticals อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการพัฒนาโซลูชั่นที่มีศักยภาพและส่งมอบผลประโยชน์จากการต่อกรกับโรคนี้ไปทั่วโลก เช่นเดียวกับที่เราสามารถต่อกรกับโรคอื่น ๆ”

เกี่ยวกับ Smart-ACT™ Platform

แพลตฟอร์ม Smart-ACT ™เป็นกระบวนการด้านระบบที่เป็นกรรมสิทธิ์ ซึ่งรวมถึงวิธีการคำนวณทางคอมพิวเตอร์ และการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ โดย Aptorum Group จะทำการตรวจสอบยาที่มีโมเลกุลขนาดเล็กที่ได้รับการอนุมัติจำนวน 2,600 ตัวยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อระบุตัวยาที่มีอยู่แล้วที่สามารถนำมาใช้กับโรคหายากหรือโรคที่ยังไม่มีทางรักษา เป้าหมายเชิงกลยุทธ์โดยรวมคือการลดค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา และลดระยะเวลาในการส่งตัวยาที่อยู่ในระดับที่สามารถจดทะเบียนสิทธิบัตรได้ เข้าสู่การตรวจสอบทดลองทางคลินิก

เกี่ยวกับ Aptorum Group Limited

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) เป็น บริษัทยาที่อุทิศตนเพื่อพัฒนาและนำนวัตกรรมการบำบัดใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาด เพื่อแก้ไขปัญหาความต้องการทางการแพทย์  โครงการในปัจจุบันของ Aptorum Group รวมถึงการค้นคว้ายาโรคที่หายาก โรคติดเชื้อ และและโรคอ้วนลงพุง (หรือภาวะเมตาบอลิกซินโดรม) ซึ่งโครงการเหล่านี้จำนวนหนึ่งจะเข้าสู่ขั้นตอนการทดลองทางคลินิกในปี 2563 ทั้งนี้ ยาเม็ด Dioscorea Opposita Bioactive Nutraceutical ของ Aptorum Group ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพของสตรีในช่วงวัยหมดประจำเดือนและหลังวัยหมดประจำเดือนกำลังออกวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ในขณะนี้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aptorum Group กรุณาเยี่ยมชม www.aptorumgroup.com.

ข้อจำกัดความรับผิดชอบและแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Aptorum Group Limited และแผน โอกาส และ ความคาดหวังในอนาคต ที่เป็น "แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า" ภายใต้ความหมายของพระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 โดยเพื่อจุดประสงค์นี้ ข้อความใด ๆ ที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์อาจถือว่าเป็นแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า ในบางกรณีอาจสังเกตแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าอาจได้จากการใช้คำต่าง ๆ ต่อไปนี้ เช่นคำว่า "อาจ" "ควร" "คาดหวัง"     "แผน" "คาดการณ์" "อาจเกิดขึ้นได้" "สามารถ" "ตั้งใจ" "เป้าหมาย" "คาดคะเน" "พิจารณาว่า" "เชื่อ" "ประมาณการ" " คาดเดา " "มีศักยภาพที่จะ" หรือ "ดำเนินการต่อ" หรือคำหรือสำนวนเหล่านี้อื่น ๆ ที่คล้ายกันในเชิงนิเสธ โดย Aptorum Group  ได้ใช้แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ซึ่งรวมถึงแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับระยะเวลาที่คาดการณ์ไว้สำหรับการสมัครและการทดลอง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมาจากการคาดคะเนและการคาดการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตที่เชื่อว่าจะส่งผลต่อกิจการ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ โดยให้ถือว่าเป็นจริงเฉพาะในวันที่ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ถูกจัดทำขึ้น และอยู่ภายใต้ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และข้อสันนิษฐานต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ประกาศออกไป การเปลี่ยนแปลงด้านองค์กร การให้บริการอย่างต่อเนื่อง และความพร้อมของบุคลากรหลัก ความสามารถในการขยายประเภทผลิตภัณฑ์โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับกลุ่มผู้บริโภค ผลสัมฤทธิ์ด้านการพัฒนา การเติบโตของบริษัทที่คาดการณ์เอาไว้ แนวโน้มและความท้าทายที่คาดการณ์ไว้ในธุรกิจของบริษัท และความคาดหวังเกี่ยวกับคามมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน และความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อธิบายไว้อย่างครบถ้วนในแบบฟอร์ม 20-F ของ Aptorum  Group  และเอกสารอื่น ๆ ที่ Aptorum Group อาจทำเอาไว้กับ SEC ในอนาคต ดังนั้นการคาดการณ์ที่รวมอยู่ในแถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลง Aptorum Group ไม่ถูกผูกมัดใด ๆ ในการปรับปรุงแถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อันเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรืออื่น ๆ

1 https://www.covarpharma.com/

2 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3747526/

3 https://fightcovid19.hku.hk/tag/vaccine/

4 https://www.scmp.com/business/article/3073869/hong-kong-researchers-join-us-tech-start-remotely-monitor-covid-19

5 https://www.arcgis.com/apps/opsdashboard/index.html#/bda7594740fd40299423467b48e9ecf6

ดูเอกสารต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200330005263/en/

สำหรับนักลงทุนติดต่อ:

โทร: +852 2117 6611

อีเมล: investor.relations@aptorumgroup.com

สำหรับสื่อติดต่อ:

โทร: + 852 2117 6611

อีเมล: info@aptorumgroup.com

กสิกรไทยธนาคารสัญชาติไทยแห่งแรกและแห่งเดียวที่ร่วมรับใน “หลักการธนาคารที่รับผิดชอบ” (UN Principles for Responsible Banking)

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–31 มีนาคม 2563

ธนาคารกสิกรไทยตอกย้ำความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจบนรากฐานของการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน เข้าร่วมลงนามรับใน “หลักการธนาคารที่รับผิดชอบ” ของสำนักงานโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติว่าด้วยข้อริเริ่มด้านการเงิน หรือ UNEP FI เป็นธนาคารสัญชาติไทยแห่งแรกและแห่งเดียวในธนาคารกว่า 170 แห่งทั่วโลกที่เข้าร่วมในหลักการดังกล่าว เพื่อพัฒนาการดำเนินงานของธนาคารตามมาตรฐานสากล และกำหนดกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติและข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

imgนายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยดำเนินธุรกิจบนรากฐานของการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยงและการบริหารจัดการต้นทุนที่เหมาะสม เพื่อสร้างความสมดุลทั้ง 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งสร้างความยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และสอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ   

ธนาคารตระหนักถึงบทบาทสำคัญในการเป็นสื่อกลางด้านการเงินให้คนในสังคม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เคารพในสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม ดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ลูกค้าและธนาคารเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน ดังนั้น เพื่อประกาศเจตนารมย์ถึงความมุ่งมั่นของธนาคารในการขับเคลื่อนธุรกิจในทิศทางดังกล่าวและพัฒนาอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล ธนาคารกสิกรไทยจึงได้ตอบรับเข้าร่วมใน “หลักการธนาคารที่รับผิดชอบ” (UN Principles for Responsible Banking) ของสำนักงานโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติว่าด้วยข้อริเริ่มด้านการเงิน (United Nations Environmental Program Finance Initiative) หรือ UNEP FI  นับเป็นธนาคารสัญชาติไทยแห่งแรกและแห่งเดียวในธนาคารกว่า 170 แห่งทั่วโลกที่เข้าร่วมในหลักการดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วยหลักการ 6 ประการ ได้แก่

  1. Alignment: การมียุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) Paris Agreement และหลักการที่เกี่ยวข้อง
  2. Impact & Target Setting: การกำหนดและเผยแพร่เป้าหมายที่ธนาคารสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
  3. Clients & Customers: การปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างรับผิดชอบและผลักดันให้เกิดแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน
  4. Stakeholders: การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
  5. Governance & Culture: การกำกับดูแลและวัฒนธรรมองค์กรสอดคล้องกับหลักการธนาคารที่รับผิดชอบ
  6. Transparency & Accountability: การทบทวนและเปิดเผยข้อมูลตามหลักการธนาคารที่รับผิดชอบ

ธนาคารกสิกรไทยได้กำหนดนโยบาย เป้าหมาย และกระบวนการให้สินเชื่อที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG Credit Policy) อย่างเป็นรูปธรรม โดยกำหนดประเภทสินเชื่อที่ธนาคารจะไม่สนับสนุน (Exclusion List) และกำหนดแนวปฏิบัติในการพิจารณาสินเชื่อสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะ (Sector-Specific Guideline) เพื่อให้มั่นใจว่าทุกโครงการที่ธนาคารสนับสนุนจะได้รับการจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ  ช่วยเสริมสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยสินเชื่อประเภท Project Finance ทุกโครงการต้องผ่านเกณฑ์การพิจารณาเครดิต ESG ทั้งหมด 100% และภายใต้ “หลักการธนาคารที่รับผิดชอบ” นี้ จะช่วยให้ธนาคารพัฒนาตามมาตรฐานสากล

นายบัณฑูร กล่าวตอนท้ายว่า ปรัชญาของการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ถูกปลูกฝังลงไปในดีเอ็นเอของพนักงานทุกคนเป็นกรีน ดีเอ็นเอที่ซึมซับอยู่ในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ เพื่ออำนวยประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายและนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการดำเนินธุรกิจในฐานะที่เป็นพลเมืองที่ดีของสังคม ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีความหมายต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงร่วมแก้ไขปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และการดำเนินธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยมุ่งประสานความร่วมมือเพื่อให้มั่นใจว่าเราจะสามารถส่งต่อโลกที่สะอาดไว้ให้กับอนุชนรุ่นหลัง  ซึ่งธนาคารตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อขับเคลื่อนเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และมุ่งสู่การเป็นสังคมที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ในระยะยาว


มอสเฟตกำลังชนิด N-channel 80V ของ Toshiba พร้อมระบบการทำงานเจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายไฟ

Logo

– ทั้งยังขยายไลน์สินค้าของมอสเฟตกำลังซีรีส์ U-MOS X-H ให้ใหญ่ขึ้น –

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–30 มีนาคม 2563

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เพิ่มมอสเฟตกำลังชนิด N-channel ขนาด 80V ในมอสเฟตตระกูล “U-MOS X-H” ที่มาพร้อมระบบการทำงานเจเนอเรชันใหม่ล่าสุด มอสเฟตใหม่นี้เหมาะสำหรับใช้สลับการจ่ายไฟในอุปกรณ์อุตสาหกรรมที่ใช้ในศูนย์ข้อมูลและสถานีฐานการสื่อสาร

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีลักษณะเป็นมัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200329005003/en/

Toshiba: 80V N-channel power MOSFETs “U-MOS X-H series” (Photo: Business Wire)

Toshiba: มอสเฟตกำลังชนิด N-channel ขนาด 80V จากซีรีส์ “U-MOS X-H” (รูปภาพ: Business Wire)

ไลน์สินค้าที่ใหญ่ขึ้นประกอบด้วยรุ่น "TPH2R408QM" บรรจุในแพ็คเกจ SOP Advance ซึ่งเป็นประเภทติดตั้งบนพื้นผิว และรุ่น "TPN19008QM" บรรจุในแพ็คเกจ TSON Advance สำหรับการจัดส่งจะเริ่มต้นวันนี้

ค่า On-resistance ระหว่างขาเดรน-ซอร์ส ในผลิตภัณฑ์ U-MOS X-H ขนาด 80V ใหม่ ที่มาพร้อมระบบการทำงานเจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ต่ำกว่าในผลิตภัณฑ์ซีรีส์ U-MOS VIII-H ขนาด 80V ที่มาพร้อมระบบการทำงานเจเนอเรชันปัจจุบันราว 40% นอกจากนี้การไหลของกระแส On-resistance จากขาเดรน-ซอร์ส รวมถึงคุณสมบัติของประจุขาเกท[1] ยังได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น[2] ด้วยการออกแบบโครงสร้างของอุปกรณ์ให้มีความเหมาะสม ทำให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีค่ากำลังไฟฟ้าสูญเสียต่ำที่สุดของอุตสาหกรรม[3]

นอกจากนี้ Toshiba กำลังขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ลดการสูญเสียกำลังไฟเพื่อช่วยลดการบริโภคพลังงานของอุปกรณ์อีกด้วย

การใช้งาน

  • สลับการจ่ายไฟ (คอนเวอร์เตอร์ AC-DC ประสิทธิภาพสูง คอนเวอร์เตอร์ DC-DC และอื่น ๆ)
  • อุปกรณ์ควบคุมมอเตอร์ (ตัวขับมอเตอร์ และอื่น ๆ)

คุณลักษณะ

  • ค่ากำลังไฟฟ้าสูญเสียที่ต่ำสุดของอุตสาหกรรม[3] (จากการปรับปรุงการไหลของกระแส On-resistance จากขาเดรน-ซอร์ส และคุณสมบัติของประจุขาเกท[2])
  • ค่า On-resistance ที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม[3] :
         RDS(ON)=2.43mΩ (สูงสุด) @VGS=10V (TPH2R40QM)
         RDS(ON)=19mΩ (สูงสุด) @VGS=10V (TPN19008QM)
  • ระดับอุณหภูมิระหว่าง channel สูง : Tch=175℃

คุณสมบัติจำเพาะ

(หากไม่ได้มีการระบุไว้ @Ta=25℃)

หมายเลขชิ้นส่วน

TPH2R408QM

TPN19008QM

ระดับค่าสูงสุดสัมบูรณ์

แรงดันไฟฟ้าระหว่างเดรน-ซอร์ส VDSS (V)

80

80

กระแสไฟที่ไหลผ่าน (DC) ID (A)

@Tc=25℃

120

34

อุณหภูมิ Channel Tch (℃)

175

175

คุณสมบัติ

ทางไฟฟ้า

ค่าความต้านทานระหว่างเดรน-ซอร์ส

RDS(ON) สูงสุด (mΩ)

@VGS=10V

2.43

19

@VGS=6V

3.5

28

ประจุขาเกทรวม (เกท-ซอร์ส บวก เกท-เดรน)

Qg typ. (nC)

87

16

ประจุสลับขาเกท Qsw typ. (nC)

28

5.5

ประจุขาออก Qoss typ. (nC)

90

16.5

ความจุตัวเก็บประจุขาเข้า Ciss typ. (pF)

5870

1020

แพ็คเกจ

ชื่อ

SOP Advance

TSON Advance

ประเภทขนาด (มม.)

5.0×6.0

3.3×3.3

เช็คสต็อก & ซื้อสินค้า

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

หมายเหตุ:
[1] ประจุขาเกทรวม (เกท-ซอร์ส บวก เกท-เดรน) ประจุสลับขาเกท ประจุขาออก
[2] เมื่อเทียบกับรุ่น TPH4R008NH (ซีรีส์ U-MOS VIII-H) ผลิตภัณฑ์รุ่น TPH2R408QM มีค่า On-resistance ระหว่างขาเดรน-ซอร์ส x ประจุขาเกทรวมดีขึ้นราว 15% ค่า On-resistance ระหว่างขาเดรน-ซอร์ส x ประจุสลับขาเกทดีขึ้นราว 10% และค่า On-resistance ระหว่างเดรน-ซอร์ส x ประจุขาออกดีขึ้นราว 31%
[3] อ้างอิงผลสำรวจของ Toshiba เมื่อ 30 มีนาคม 2563

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้จากลิงก์ด้านล่างนี้
TPH2R408QM
https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TPH2R408QM
TPN19008QM
https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TPN19008QM

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไลน์ผลิตภัณฑ์มอสเฟต Toshiba 12-300V ได้จากลิงก์ด้านล่างนี้
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/product/mosfet/lv-mosfet.html

ตรวจสอบจำนวนผลิตภัณฑ์ใหม่ ณ แหล่งกระจายสินค้าออนไลน์ โปรดไปที่:
TPH2R408QM
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TPH2R408QM.html
TPN19008QM
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TPN19008QM.html

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์กำลัง
โทร: +81-3-3457-3933
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาเกี่ยวกับบริการและข้อมูลติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบันในวันที่เผยแพร่เอกสารนี้ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นบริษัทใหม่ที่เต็มไปด้วยพลังและประสบการณ์ นับตั้งแต่แยกตัวออกจากบริษัทเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2560 เราได้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านอุปกรณ์ทั่วไป และได้นำเสนอโซลูชันเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ ระบบ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจของเรา

พนักงานจำนวน 24,000 คนทั่วโลกของเรามีความตั้งใจที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ ๆ ร่วมกัน บริษัทตั้งเป้าเพิ่มยอดขายต่อปีซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 7.5 แสนล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ให้สูงขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200329005003/en/

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Chiaki Nagasawa
โทร: +81-3-3457-4963
อีเมล: semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

อุตสาหกรรมเกมรวมกันเพื่อช่วยเผยแพร่ข้อความขององค์การอนามัยโลกในการต่อต้าน COVID-19 โดยเปิดตัวแคมเปญ #PlayApartTogether

Logo

อุตสาหกรรมเกมทั่วโลกสนับสนุนให้ผู้เล่นทำตามคำแนะนำด้านสุขภาพและความปลอดภัยสำหรับ COVID-19 และคอยให้ข้อมูลและการเชื่อมต่อทางสังคม

– (บิสิเนสไวร์) – 30 มี.ค. 2563

Zynga (NASDAQ: ZNGA):

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20200328005018/en/

Games Industry Unites to Promote World Health Organization Messages Against COVID-19; Launch #PlayApartTogether Campaign

อุตสาหกรรมเกมรวมกันเพื่อช่วยเผยแพร่ข้อความขององค์การอนามัยโลกในการต่อต้าน COVID-19 โดยเปิดตัวแคมเปญ #PlayApartTogether

อะไร

วันนี้อุตสาหกรรมเกมที่กว้างขวางระดับโลกได้ตกลงที่จะเผยแพร่ข้อความสำคัญจากองค์การอนามัยโลกเพื่อช่วยชะลอการแพร่กระจายของ COVID-19 เพื่อส่งเสริมข้อความเหล่านี้ผู้นำอุตสาหกรรมเกม 18 รายในวงการความบันเทิงแบบอินเทอร์แอคทีฟได้เปิดตัว #PlayApartTogether แคมเปญที่ส่งเสริมให้เครือข่ายผู้ใช้ของพวกเขาปฏิบัติตามแนวทางด้านสุขภาพของ WHO เพื่อให้สามารถต่อสู้กับ COVID-19 ได้

ด้วยการนำอีเว้นท์ ของพิเศษ กิจกรรม รางวัล และแรงบันดาลใจมาสู่เกมยอดนิยมของโลก #PlayApartTogether สนับสนุนให้ผู้ใช้ปฏิบัติตามแนวทางที่ดีเพื่อสุขภาพของตนเองและครอบครัวและชุมชน  ด้วยการนำข้อความวิธีการป้องกันตนเองจาก COVID-19 ไว้ในเกม อุตสาหกรรมกำลังบอกกับโลกว่า “ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าคุณจะเล่นเกมอะไร คุณสามารถสร้างความแตกต่างได้” เข้าร่วมโปรแกรมคือ:

Activision Blizzard

Kabam

Snap Games

Amazon Appstore

Maysalward

Twitch

Big Fish Games

Playtika

Unity

Dirtybit

Pocket Gems

Wooga

Glu Mobile

Riot Games

YouTube Gaming

Jam City

SciPlay

Zynga

ติดตามแฮชแท็ก #PlayApartT Together บนโซเชียลมีเดียสำหรับอัพเดทและรายละเอียดใหม่ๆ

คำกล่าวจากผู้นำบริษัทเกมที่ร่วมแคมเปญ #PlayApartTogether:

ซีอีโอของ Activision Blizzard – Bobby Kotick

“การหาวิธีให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างปลอดภัยนั้นสำคัญอย่างยิ่ง  การเล่นเกมเป็นกิจกรรมที่สมบูรณ์แบบเพราะสามารถเชื่อมโยงผู้คนผ่านมุมมองแห่งความสุข วัตถุประสงค์ และความหมาย  เราภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในแคมเปญริเริ่มที่คุ้มค่าและสำคัญนี้”

กรรมการผู้จัดการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ Big Fish Games – Jeff Karp

“อาจไม่เคยมีเหตุการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อใดมาก่อนที่จำเป็นต้องใช้ความสามัคคีเพื่อบรรลุเป้าหมายเท่าสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบัน  ชุมชนผู้ผลิตเกมของเราพร้อมกับแนวทางขององค์การอนามัยโลกมุ่งที่จะสื่อสารถึงผู้เล่นเกมทั่วโลกด้วยแคมเปญ #PlayApartTogether  ด้วยเกมเช่น Cooking Craze, Gummy Drop, Decurse และ Fairway Solitaire เราสามารถแบ่งปันข้อความด้านความปลอดภัยของ WHO โดยให้ชุมชนของเรารู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง  เราทุกคนต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้ด้วยกันแม้ว่าเราจะอยู่ห่างกัน”

รองประธานฝ่ายธุรกิจและการตลาดของ Dirtybit – Anette Staloy

“ภารกิจของเรามอบโอกาสให้ผู้คนได้สร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำด้วยกันและจุดเน้นของเราคือการสร้างประสบการณ์เกมโซเชียล  ผู้เล่นของเราทั่วโลกแบ่งปันเรื่องราวที่อบอุ่นเกี่ยวกับการได้ติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวผ่านเกม Fun Run ของเรา  เราขอขอบคุณที่ได้มีโอกาสร่วมในโครงการ #PlayApartTogether เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผู้คนปฏิบัติตามคำแนะนำของ WHO และหน่วยงานด้านสุขภาพในพื้นที่”

ประธานและซีอีโอของ Glu Mobile – Nick Earl

“เกมนั้นไม่เพียงแต่สร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นการรวมตัวผู้คนในช่วงเวลาที่ยากลำบาก  เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับอุตสาหกรรมเกมเพื่อสนับสนุนองค์การอนามัยโลกด้วยการสนับสนุนให้มีชุมชน #PlayApartTogether ทั่วโลก  เรากำลังสนับสนุนให้ผู้เล่นเกมของเราปฏิบัติตามคำแนะนำของ WHO และหน่วยงานด้านสุขภาพในพื้นที่เพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของครอบครัวและชุมชนของพวกเขา”

ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Jam City – Chris DeWolfe

“Jam City ทราบว่ามีหลายคนเริ่มหันมาเล่นเกมเพื่อบรรเทาความเครียดและหาความสุขเล็กน้อยในช่วงเวลาที่อันตรายนี้  ในฐานะบริษัทเกมที่มีผู้เล่นหลายสิบล้านคนเราขอเรียกร้องให้ทุกคนได้เล่นด้วยกันภายใต้แคมเปญ #PlayApartTogether เพื่อลดอัตราการติดเชื้อและลบล้างโรค COVID-19”

ซีอีโอของ Kabam – Tim Fields

“ที่ Kabam เราสร้างความบันเทิงให้โลก และบทบาทของผู้ให้ความบันเทิงนั้นสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบาก  Kabam สนับสนุนความคิดริเริ่ม #PlayTogetherApart  ด้วยการทำตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกเราจะสามารถลดภาระให้กับฝ่ายแพทย์และช่วยชีวิตได้  จะมีเวลาไหนดีไปกว่าตอนนี้ในการหันไปเล่นเกมโปรดหรือลองเกมใหม่บ้าง?  คุณสามารถเป็นฮีโร่ได้ด้วยการเล่นกับเพื่อนๆ ด้วยกันโดยอยู่กันคนละที่”

ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Maysalward – Nour Khrais

“ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับโรคระบาดนี้และลดการแพร่กระจาย  การอยู่บ้านเป็นวิธีสำคัญในการปกป้องตนเองและสังคมจากอันตราย  ที่ Maysalward เรามุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับการแพร่ระบาดครั้งนี้จึงได้เข้าร่วม #PlayApartTogether และได้เปิดตัวเกมใหม่ที่มีความสามารถในการเล่นเกมออนไลน์มากขึ้น  ขอให้ทุกคนได้อยู่บ้านอย่างปลอดภัย”

ซีอีโอของ Playtika – Robert Antokol

“ที่ Playtika เราเชื่อว่าการเล่นเป็นส่วนสำคัญของชีวิตแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด  เราภูมิใจที่จะส่งเสริมข้อความจากองค์การอนามัยโลกและร่วมกับกลุ่มผู้นำวงการเกมเพื่อสนับสนุนแคมเปญ #PlayApartTogether ในฐานะส่วนหนึ่งของการตอบสนองที่สำคัญต่อการระบาดของ COVID-19 นั้น Playtika มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเหลือผู้คนทั่วโลกได้เชื่องโยงกันอย่างปลอดภัย”

Pocket Gems – Ben Liu, CEO

“เกมสามารถให้ความบันเทิงและที่ส่งเสริมการเชื่องโยง  ในช่วงเวลาที่ท้าทายเหล่านี้ Pocket Gems สนับสนุนแคมเปญ #PlayApartTogether พร้อมกับเพื่อนผู้พัฒนาของเราเพื่อช่วยขยายข้อความสำคัญจาก WHO  เราหวังว่าผู้เล่นจะได้เพลิดเพลินกับเนื้อหาและโบนัสเพิ่มเติมในเกมมือถือของเราเช่น Episode และ War Dragons ในขณะที่ได้รับข้อความสำคัญต่างๆ จากองค์การอนามัยโลก

ซีอีโอของ Riot Games – Nicolo Laurent

“การห่างกันทางกายภาพไม่ควรนำมาสู่ความโดดเดี่ยวทางสังคม!  มาห่างกันทางกายภาพโดยทำตามขั้นตอนด้านสาธารณสุขต่างๆ เช่นการทำความสะอาดมือเพื่อช่วยลดอัตราการแพร่ชื้อและ #PlayApartT Together เพื่อก้าวข้ามช่วงวิกฤตครั้งนี้ สำหรับชาว Riot Games การเล่นเกมเป็นมากกว่าแค่เกม มันคือการแสวงหาชีวิตที่มีความหมาย  และในเวลานี้สำหรับผู้เล่นหลายพันล้านคนทั่วโลกการเล่นเกมสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้  มาเอาชนะบอสใหญ่ COVID-19 นี้ด้วยกัน”

ซีอีโอของ SciPlay – Josh Wilson

“ที่ SciPlay เราทุกคนขับเคลื่อนด้วยการนำความสุขของเกมไปสู่ชุมชนโลก ในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้เราทุกคนจะต้องมารวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับไวรัสและลดอัตราการแพร่เชื้อ  หนึ่งในค่านิยมหลักของเราคือ #playTOGETHER ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่เรามีเพื่อผู้เล่นของเรา  เรารู้สึกเป็นเกียรติที่จะสามารถรวมคุณค่าหลักนี้เข้ากับ #PlayApartTogether ที่เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งเพื่อขยายข้อความขององค์การอนามัยโลกในการช่วยชีวิต  ดังนั้นเราขอ #PlayApartT Together เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ!”

หัวหน้าของ Snap Games – Will Wu

“เป็นสิ่งสำคัญมากที่คนหนุ่มสาวต้องอยู่บ้านอย่างจริงจัง – พวกเขามีบทบาทสำคัญในการช่วยหยุดการแพร่กระจาย  Snap Games เป็นวิธีให้ Snapchat สามารถเชื่อมต่อและเล่นกับเพื่อนๆ ได้แม้จะอยู่ไกลจากกัน  ดังนั้นเราจึงยินดีที่จะสนับสนุนความคิดริเริ่ม #PlayApartTogether  เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ชาว Snapchat ได้อยู่บ้านด้วยการนำเสนอเกมใหม่ให้เล่นและเครื่องมือสร้างสรรค์ที่สร้างความตระหนักให้ชุมชนของเราเพื่อปกป้องตัวเอง คนที่รัก และประชาชนทั่วไป”

รองประธานอาวุโสฝ่ายเนื้อหา Twitch – Michael Aragon

“เกมเป็นปัจจัยใหญ่ที่รวมตัวชุมชน Twitch ในแต่ละวัน  ความคิดริเริ่ม #PlayApartTogether ทำให้เรารู้ว่าแม้จะต้องอยู่ห่างกันเราก็สามารถเพลิดเพลินกับเกมที่เรารักและเชื่อมต่อกับผู้คนออนไลน์ได้  เรายินดีที่จะเผยแพร่ข้อความสำคัญจากองค์การอนามัยโลกพร้อมกับสมาชิกรายอื่นเพื่อมอบสถานที่ที่ผู้คนสามารถมาร่วมกัน เล่นเกม และสร้างชุมชน”

ซีอีโอของ Unity Technologies – John Riccitiello

“ที่ Unity เราเชื่อว่าโลกนี้จะดีขึ้นถ้ามีผู้สร้างเกมและเล่นเกมมากขึ้น  ไม่ว่าคุณจะเล่นเกมที่คุณชื่นชอบกับเพื่อนๆ บนอินเทอร์เน็ตหรือเรียนรู้วิธีสร้างเกมแรกของคุณด้วยโค้ดโปรแกรมฟรีของเรา #PlayApartTogether สามารถกระตุ้นผู้เล่นให้ปกป้องตนเองและครอบครัว  เราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมเกมทั่วโลกในฐานะพลเมืองโลกเพื่อลดอัตราการแพร่เชื้อ”

หัวหน้าฝ่ายการเล่นเกมระดับโลกของ YouTube – Ryan Wyatt

“เป็นเวลา 15 ปีที่ YouTube เป็นชุมชนที่ผู้คนสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวคนเดียวร่วมกับผู้อื่นด้วยวีดีโอ #withme  เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะ #StayHome และ #PlayApartTogether  ช่วงเวลาที่น่าประทับใจที่สุดใน YouTube คือการที่ผู้สร้างได้มีส่วนร่วมกับแฟนๆ และผู้สร้างเกมอื่นๆ ทั่วโลกผ่านทางไลฟ์สตรีม  เหล่าเกมเมอร์รู้วิธีที่จะมารวมตัวกันแม้ว่าจะอยู่ห่างไกล  ดังนั้นขอให้ทุกคนได้ปลอดภัยในช่วงเวลานี้และมีส่วนในการลดอัตราการแพร่เชื้อ"

ประธานฝ่ายวางจำหน่ายของ Zynga – Bernard Kim

“ภารกิจของเราที่ Zynga คือการเชื่อมต่อโลกผ่านเกมและภารกิจนี้มีมิติใหม่ขึ้นมาในช่วงที่เราเผชิญกับวิกฤติทั่วโลก  เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สนับสนุนงานสำคัญขององค์การอนามัยโลกและให้ระบบสนับสนุนแก่ผู้เล่นของเราในช่วงระยะเวลาที่ต้องห่างกันทางกาย  ความคิดริเริ่ม #PlayApartTogether นั้นสนับสนุนพลังบวกและการสร้างชุมชนที่ช่วยให้เรามุ่งมั่นกับงานเร่งด่วนที่มี”

หมายเหตุของบรรณาธิการ:

กราฟิกของแคมเปญ ใบเสนอราคา และเอกสารการติดต่ออุตสาหกรรม = https://www.dropbox.com/sh/kkvsatzbfkwafft/AAA4NFbVNMfzX-iULm68kyEra?dl=0

อ่านที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200328005018/en/

ติดต่อ:

Kenny Johnston (kjohnston@zynga.com)

Sarah Ross (sarah@zynga.com)

Dana Whitney (dwhitney@zynga.com)

โรงงานผลิตต่าง ๆ ของ Mary Kay ร่วมบริจาคผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือ (hand sanitizer) เพื่อต่อสู้กับการระบาดของโรค COVID-19

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)– 27 มีนาคม 2563

Mary Kay Inc. ประกาศว่า บริษัทจะอุทิศห่วงโซ่อุปทานโลกของบริษัท และความสามารถในการผลิตทั่วโลกของบริษัทส่วนหนึ่ง เพื่อใช้ในการจัดทำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือที่กำลังเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก ผลิตภัณฑ์ชุดแรกที่ผลิตออกมาจะถูกนำไปบริจาคให้กับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับการระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่สุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200326005766/en/

David Holl, Chairman and CEO, Mary Kay Inc. (Photo: Mary Kay Inc.)

David Holl,ประธานและซีอีโอของ Mary Kay Inc. (ภาพ: Mary Kay Inc.)

“แม้ว่าเรากำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่จากการระบาดของ COVID-19 ทั่วโลก แต่ทั้งโลกต่างก็กำลังหาทางปรับตัวเพื่อรับมือกับภัยในครั้งนี้” David Holl ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay Inc. กล่าว “ การผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือเพื่อต่อสู้วิกฤติการณ์ในครั้งนี้เป็นวิธีที่เราจะสามารถให้การสนับสนุนผู้ที่มีความใกล้ชิดต่อโรคและมีความเสี่ยงต่อโรคสูงที่สุด”

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ The Centers for Disease Control and Prevention (CDC) แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่เนื่องจากว่ามีความต้องการผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคจำนวนมาก จึงก่อให้เกิดการขาดตลาดของผลิตภัณฑ์ล้างมือที่มีคุณภาพตามที่ CDC แนำนำให้ใช้ ทั้งในระดับที่อยู่อาศัยและสถานพยาบาลต่าง ๆ

บริษัท Mary Kay ได้ทำงานอย่างหนักตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อเริ่มต้นการผลิต โดยเริ่มต้นจากการจัดหาวัตถุดิบ การกำหนดความพร้อมด้านบรรจุภัณฑ์ การเตรียมสายการผลิต จนไปถึงการทำให้แน่ใจว่าจะสามารถจัดส่งผลิตภัณฑ์ได้

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือชุดแรกจะถูกมอบให้กับมูลนิธิ Baylor Scott & White Dallas  โดย Baylor Scott & White เป็นระบบเครือข่ายการดูแลสุขภาพที่ไม่แสวงหากำไรที่ใหญ่ที่สุดในเท็กซัสและที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เครือข่ายประกอบด้วยโรงพยาบาลจำนวน 52 แห่ง สถานพยาบาลสำหรับผู้ป่วยมากกว่า 800 แห่ง แพทย์ที่พร้อมทำงาน 7,500 คน และพนักงานอีกกว่า 47,000 คน

“ในช่วงเวลาที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนเช่นนี้ ทีมแพทย์ที่แข็งขันของเรายังคงให้บริการผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ที่สุด” Kristi Sherrill Hoyl หัวหน้าฝ่ายนโยบายและเจ้าหน้าด้านที่ชุมชนของ Baylor Scott & White Health กล่าว “ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการเกื้อหนุนจากนวัตกรรมของ Mary Kay ในการผลิตสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยและพนักงานของเรา เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ได้ทำงานกับองค์กรในชุมชนที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะสร้างความแตกต่าง”

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิมได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 56 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมได้ที่  MaryKay.com.

เกี่ยวกับ Baylor Scott & White Health

ในฐานะที่เป็นเครือข่ายสุขภาพที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเท็กซัส Baylor Scott & White Health ได้ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนในครอบครัวและชุมชน เครือข่ายการส่งมอบการดูแลแบบบูรณาการของที่นี่ยังรวมไปถึงแผนสุขภาพ Scott and White Health Plan,  สถาบันวิจัย Baylor Scott & White และพันธมิตรระดับคุณภาพที่หลากหลายของ Baylor Scott & White เครือข่ายของเราสามารถให้การดูแลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ระดับปฐมภูมิไปจนถึงการดูแลพิเศษทั่วทั้งเท็กซัสและผ่านจุดยุทธศาสตร์ (virtual touchpoints) ที่ได้รับรางวัลการันตี ด้วยการทำงานกับโรงพยาบาล 52 แห่งและจุดเชื่อมต่อมากกว่า 1,000 จุด รวมถึงศูนย์การแพทย์ที่เป็นที่ยอมรับในเมืองดัลลัสและเท็มเพิล ถ้าหากเทียบพื้นที่ให้บริการของเครือข่าย Baylor Scott & White Health กับรัฐรัฐหนึ่งในประเทศแล้ว จะถือว่ามันจะใหญ่เป็นลำดับที่แปด โดยสามารถดูแลประชากรได้มากกว่าประชากรรัฐจอร์เจียเสียอีก เครือข่าย Baylor Scott & White  ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นในฐานะองค์กรด้านการบำบัดรักษาของชาวคริสเตียนมีความภาคภูมิใจกับเกียรติยศที่สืบทอดมายาวนานนับศตวรรษด้วยความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงการเข้าถึงการรักษา ราคาที่เป็นธรรม และประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าทุกคน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม BSWHealth.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200326005766/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.

marykay.com/newsroom

972.687.5332 or media@mkcorp.com


การขจัดปัญหาความซับซ้อนของระบบซัพพลายเชน ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)– 26 มีนาคม 2563

บทความโดย นายฟาบิโอ ทิวิติ รองประธานบริษัท อินฟอร์ อาเชียน

อุตสาหกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่มต่างต้องต่อกรกับความต้องการที่ไม่เหมือนใครมาอย่างยาวนาน เช่น การที่ต้องบริหารจัดการกับอายุสินค้า ความซับซ้อนในการจัดตารางการผลิตรุ่นต่าง ๆ การตรวจสอบย้อนกลับ และปัจจัยอื่น ๆ อีกมาก นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนด้านภาษี แนวคิดเรื่องการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน และกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ล้วนเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความซับซ้อนมากขึ้น ปัญหาและแนวโน้มนานัปการเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบซัพพลายเชนที่บริษัทใช้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการจัดหา การผลิต จนถึงการจัดส่ง

เชื่อมต่อกับตลาดโลก

เรามักจำกัดตัวเราและให้ความสำคัญกับสิ่งที่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม ถึงเวลาแล้วที่เราควรพิจารณากระบวนการด้านซัพพลายเชนที่บริษัทใช้อยู่เสียใหม่ เพราะมันอาจไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรจะเป็น สองปีที่ผ่านมา อินฟอร์ได้สำรวจบริษัทที่อยู่ในเครือข่ายซัพพลายเชนทั่วโลกบนแพลตฟอร์ม Infor Nexus และพบว่าประมาณ 46% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าพวกเขาใช้เวลานานถึงสามวันเพื่อมองหาว่ามีผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ
อยู่ที่ใดบ้าง และจะมีพร้อมวางตลาดเมื่อใด นั่นแสดงให้เห็นได้ชัดว่ายังไม่มีข้อมูลที่ทำให้บริษัทเหล่านั้น สามารถตัดสินใจได้อย่างสมเหตุสมผลในทันที นอกจากนี้ ยังมีช่องว่างเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ผลิตใช้ติดต่อกับลูกค้า ซัพพลายเออร์ และผู้ให้บริการภายนอกองค์กร เช่นการเชื่อมต่อแบบ point-to-point ที่หลากหลายผ่านการเชื่อมต่อผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับร่วมกัน (Electronic Data Interchange: EDI), พอร์ทัลที่ใช้ หรือสเปรดชีต หรืออีเมล และยังมีช่องทางการเชื่อมต่ออีกมากที่เหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุด และดูแลให้มีประสิทธิภาพได้ยาก 

บริษัทต่าง ๆ จึงจำเป็นจะต้องเชื่อมต่อกับคู่ค้าทั่วโลกด้วยวิธีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เป็นที่รู้จัก การใช้แพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจที่เชื่อมต่อกับองค์กรได้หลากหลายองค์กร จะช่วยให้บริษัทของคุณสามารถขจัดการทำงานแบบไซโล ซึ่งเกิดขึ้นไม่เพียงแต่ภายในองค์กรเท่านั้น แต่ระหว่างองค์กรของคุณกับผู้คนที่คุณทำธุรกิจด้วยเช่นกัน แพลตฟอร์มลักษณะนี้จะช่วยให้คุณสามารถรวบรวมและแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการตอบสนองทางธุรกิจโดยรวม

สามารถคาดการณ์และรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น

การคาดการณ์และการตอบสนองต่อความผันผวน สามารถเริ่มได้จากเรื่องของประสิทธิภาพพื้นฐานและระบบอัตโนมัติในโรงงาน คุณต้องตอบคำถามว่า คุณจะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตารางการผลิตอย่างไร คุณจะจัดการกับปัญหาคอขวดต่าง ๆ เพื่อทำงานได้ดีขึ้นอย่างไร ทั้งงานที่อยู่ในกระบวนการดำเนินงานทั่วไป หรือความรวดเร็วของกระบวนการต่าง ๆ ภายในสายงานบรรจุของบริษัทฯ

เครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยในการจัดตารางการทำงานต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญกับตัวแปรทั้งหมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการผลิตเป็นเพียงคำตอบส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อคุณนำโซลูชั่นด้านการจัดการสินทรัพย์ที่คุณมีอยู่มาใช้ร่วมกับโซลูชั่นในการจัดตารางเวลา คุณจะเข้าใจได้มากขึ้นว่า จะวางแผนการบำรุงรักษาอย่างไร เพราะคุณจะเห็นภาพที่ชัดเจนว่า อุปกรณ์ใดต้องการการบำรุงรักษาแบบใด โซลูชั่นด้านการจัดตารางการผลิตและการบริหารจัดการสินทรัพย์ มีผลต่อระบบซัพพลายเชนและความสามารถในการส่งมอบของผลิตภัณฑ์ของบริษัท และควรเป็นโซลูชั่นที่รวมอยู่ด้วยกันไม่ใช่เป็นระบบที่แยกกันบริหารจัดการ

เมื่อพูดถึงเรื่องของประสิทธิภาพและระบบอัตโนมัติ ยังมีความท้าทายในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการขนส่งและการจัดการคลังสินค้าขององค์กร และความเข้าใจเรื่องของความซับซ้อนในการทำงานเหล่านี้ซึ่ง
ใช้เป็นช่องทางในการพัฒนาตลาด และสมรรถนะ ความต้องการบางอย่างเปลี่ยนไปไม่ว่าบริษัทของคุณจะทำอีคอมเมิร์ซเอง หรือทำงานร่วมกับบริษัทด้านอีคอมเมิร์ซอื่นๆ ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า บริษัทหลายแห่งกำลังมองหา เครื่องมือที่สามารถช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การปรับปรุงประสิทธิภาพเป็นตัวขับเคลื่อนในอุตสาหกรรมอาหารมานานหลายทศวรรษ แต่สิ่งที่มีความผันผวนมากที่สุดคือ แนวคิดเรื่องความยั่งยืนและความโปร่งใส สิ่งที่ผู้บริโภคกำลังมองหาส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง เดิมทีฉลากผลิตภัณฑ์จะระบุเพียงเช่นปราศจากไขมัน หรือไม่ได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมหรืออื่น ๆ ที่คล้ายกัน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉลากผลิตภัณฑ์จะต้องระบุให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะผู้บริโภคต้องการที่จะรู้ถึงส่วนผสมของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ และตอนนี้ แนวโน้มนี้ก็กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับเรื่องความยั่งยืนในวันนี้อาจรวมถึงสุขลักษณะของฟาร์ม ความยั่งยืนของวัตถุดิบที่ใช้ การใช้พลังงาน การลดการใช้พลาสติก และการใช้บรรจุภัณฑ์ให้น้อยที่สุด อินฟอร์มีลูกค้าหลายรายที่ให้ความสำคัญกับการตรวจวัดและรายงานเรื่องความยั่งยืน หนึ่งในนั้นคือการตั้งคำถามพื้นฐานด้านการเลี้ยงดูประชากรโลกที่กำลังเพิ่มขึ้นด้วยแนวทางที่ยั่งยืน ซึ่งส่วนหนึ่งที่จะช่วยได้ก็ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นระดับโลกมาช่วยให้พวกเขาได้ใช้เพื่อให้ระบบซัพพลายเชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

img

ภาพโดย Peggy und Marco Lachmann-Anke จาก Pixabay

บริษัทแต่ละแห่งอาจมีวัตถุประสงค์และความต้องการที่แตกต่างกัน รวมทั้งมีวิธีการของตนเองในการแก้ไขปัญหาเรื่องความยั่งยืน สำหรับบางบริษัทอาจหมายถึงการมีระบบที่ดีขึ้นในการติดตามและสืบค้นย้อนกลับไปยังวัตถุดิบในการผลิต สำหรับบริษัทอื่น ๆ อาจจะหมายถึงการมีระบบที่ดีขึ้นในการวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือการจัดการน้ำเสีย ดังนั้น ความท้าทายของบริษัทต่าง ๆ อยู่ที่การกำหนดสิ่งที่พวกเขาต้องการตรวจวัด สิ่งที่ต้องการติดตามสืบค้นย้อนกลับ และในทางกลับกันก็ต้องมีเครื่องมือที่สามารถทำแบบนั้นได้เช่นกัน

ส่วนความผันผวนสุดท้ายที่พบเป็นเรื่องใหม่ ๆ ที่เราอาจไม่เคยทราบมาก่อน บริษัทผลิตอาหารและเครื่องดื่มต่างคุ้นเคยกับการวางแผนตามช่วงเทศกาล อายุของสินค้า และการส่งเสริมการขาย แต่เมื่อไม่นานมานี้ เราต้องรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในด้านกฎระเบียบและพิกัดอัตราภาษีศุลกากรที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งรวมถึงเรื่องกำลังคนทำงานก็สำคัญเช่นกัน 

บริษัทด้านอาหารและเครื่องดื่มจะตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างไร หากบริษัทไม่สามารถหาคนมาทำงานในโรงงานได้ ดังนั้น เพื่อให้สามารถพิจารณาตัวแปรทั้งหมดได้อย่างถี่ถ้วนรอบด้าน บริษัทต่าง ๆ ต้องอาศัยเครื่องมือวางแผนขั้นสูงที่ค่อนข้างฉลาด บริษัทไม่อาจคาดเดาอะไรที่ถูกต้องและดีที่สุดได้เลยจากเครื่องมือธรรมดาที่มีอยู่ การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ครบวงจร มีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับ และได้รับความไว้วางใจจากทั่วโลกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทด้านอาหารและเครื่องดื่มต้องพิจารณา


ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น เผย การส่งเสริมการค้าบริการด้านการศึกษาในอาเซียนช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–26 มีนาคม 2563

บริการด้านการศึกษาเป็นหนึ่งในบริการทางสังคม1 ที่มีทั้งหมดสามด้าน ภายใต้การศึกษาของศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) เพื่อส่งเสริมการค้าบริการทางสังคม

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200326005246/en/

"Promoting Services Trade in ASEAN: Trade in Education Services" by ASEAN-Japan Centre (Graphic: Business Wire)

"การส่งเสริมการค้าบริการในอาเซียน: การค้าบริการด้านการศึกษา" โดยศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (กราฟิก: Business Wire)

ภารกิจทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของบริการด้านการศึกษาคือการสร้างทุนมนุษย์ให้มีทักษะตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตและความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งในที่สุดจะกระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ AJC เผยในรายงานเรื่อง “Promoting Services Trade in ASEAN: Education Services” หรือ การส่งเสริมการค้าบริการในอาเซียน: บริการด้านการศึกษา (https://www.asean.or.jp/en/trade-info/pst2_papers/)

กลุ่มประเทศอาเซียนมีส่วนร่วมมากขึ้นในประเภทและรูปแบบของการค้าบริการด้านการศึกษาส่วนใหญ่ แต่หลัก ๆ แล้วจะอยู่ในฐานะผู้นำเข้า ในปี 2560 ในรูปแบบที่ 2 (การบริโภคในต่างประเทศ – หนึ่งในรูปแบบการให้บริการที่มีทั้งหมดสี่รูปแบบ) มีนักเรียนมากกว่า 285,000 คนจากทุกประเทศในอาเซียนศึกษาในต่างประเทศ ขณะที่ในปี 2543 มีนักเรียนทั้งหมด 144,000 คน สำหรับการส่งออกการศึกษาในระดับอุดมศึกษาผ่านรูปแบบที่ 2 ในปี 2560 อาเซียนได้ต้อนรับนักเรียนต่างชาติราว 200,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เข้ามาศึกษาในสามประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย (100,000 คน) สิงคโปร์ (53,000 คน) และไทย (32,000 คน) การส่งออกเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับความน่าดึงดูดของ “วิทยาเขตสาขาในต่างประเทศ” หรือ IBC

การไหลเวียนทางการค้าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในแง่ของมูลค่า (และใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในแง่ของปริมาณ) คือ รายได้จากโรงเรียนนานาชาติ (รูปแบบที่ 3 – การจัดตั้งธุรกิจเพื่อให้บริการ) จำนวนโรงเรียนในประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ขยายเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เช่นเดียวกับการสมัครเข้าเรียน (เพิ่มจากนักเรียน 300,000 คนในปี 2558 เป็น 520,000 คนในปี 2562) จากการที่รัฐบาลค่อย ๆ เปิดเสรีให้กับนักเรียนในท้องถิ่นสามารถเลือกเข้าเรียนโรงเรียนเหล่านี้ได้ ในปี 2562 รายได้จากค่าเล่าเรียนของโรงเรียนนานาชาติในอาเซียนมีมูลค่าเกินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ฯ

สำหรับการค้าในอาเซียนผ่านทางรูปแบบที่ 4 การเคลื่อนย้ายของบุคคลธรรมดา (ศาสตราจารย์ ครู และนักวิจัยที่ทำงานอยู่ในต่างประเทศเป็นระยะเวลาชั่วคราว) ส่วนใหญ่แล้วเป็นการนำเข้า ซึ่งถือว่ามีค่อนข้างมากเนื่องจากการขยายอย่างรวดเร็วของการจัดตั้งธรุกิจเพื่อให้บริการ (รูปแบบที่ 3) ครูต่างชาติจำนวน 33,000 คนในหกประเทศของอาเซียน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในโรงเรียนนานาชาติ สร้างเม็ดเงินจากค่าจ้างเงินเดือนรายปี (และการนำเข้าผ่านรูปแบบที่ 4) เกือบราว 800 ล้านดอลลาร์ฯ

สำหรับการค้าผ่านรูปแบบที่ 1 (การไหลเวียนข้ามพรมแดนของบริการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาทางไกลผ่านทางออนไลน์ ซึ่งโดยทั่วไปเป็นการศึกษาระดับอุดมศึกษาหรือระดับประกาศนียบัตร) ยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้

การขยายตัวของการค้าด้านการศึกษาในอาเซียนเกิดขึ้นได้ด้วยการเปิดเสรีและการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ โดยเฉลี่ยแล้ว หากไม่รวมการค้ารูปแบบที่ 4 ตามข้อผูกมัดในการเปิดเสรีในกรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน (AFAS) ค่าของดัชนีโฮคแมน (Hoekman) สำหรับประเทศอาเซียนทั้งหมดอยู่ที่ 0.84 (1 เท่ากับการเปิดเสรีอย่างเต็มรูปแบบในกรณีนี้) ประเทศส่วนใหญ่ค่อนข้างเปิดรับการค้ารูปแบบที่ 1 และ 2 การนำเข้าในรูปแบบที่ 3 ซึ่งก่อให้เกิดการค้าในรูปแบบอื่นด้วย มีข้อผูกพันต่อการเปิดเสรีน้อยที่สุดภายใต้กรอบ AFAS ส่งผลให้ดัชนีโดยรวมของการเปิดเสรีการค้าด้านการศึกษาลดลง

การเปิดเสรีเป็นสิ่งที่จำเป็นแต่ก็ไม่สามารถเป็นเงื่อนไขที่เพียงพอสำหรับดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรการเสริมเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน และเพิ่มโอกาสในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ รวมถึงการจัดทำกรอบการกำกับดูแลกิจกรรมของสถาบันอุดมศึกษา (HEI) ของต่างชาติที่มีความชัดเจน มีเสถียรภาพ และโปร่งใส การเข้ามามีส่วนร่วมของรัฐบาลอาจมีความจำเป็นในส่วนของการคัดเลือก เชื้อเชิญ และนำมหาวิทยาลัยต่างชาติที่มีคุณภาพมาสู่ประเทศ

อีกหนึ่งภารกิจด้านนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลคือการเพิ่มสิทธิประโยชน์และหลีกเลี่ยงหรือลดความเสี่ยงของการค้าในบริการด้านการศึกษา ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้แตกต่างกันออกไปในการค้าแต่ละรูปแบบ การนำเข้าผ่านรูปแบบที่ 2 เป็นการเพิ่มต้นทุนมนุษย์ให้มาก ในกรณีที่ผู้จบการศึกษากลับไปยังประเทศบ้านเกิดของตน หากไม่เช่นนั้น พวกเขาจะเป็นผู้ผลัดถิ่นที่มีทักษะ รัฐบาลสามารถอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับของผู้จบการศึกษาเหล่านั้น (ด้วยการให้การยอมรับปริญญาจากต่างประเทศ เป็นต้น) และลดภาวะสมองไหลด้วยการสนับสนุนให้ผู้ผลัดถิ่นที่มีทักษะมาก ๆ กลับมา หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์กับประเทศบ้านเกิด การจัดตั้งธรุกิจเพื่อให้บริการของสถาบันอุดมศึกษาต่างชาติอาจช่วยลดการนำเข้าการศึกษาในระดับอุดมศึกษาผ่านการค้ารูปแบบที่ 2 เนื่องจากวิธีนี้ทำให้เกิดทางเลือกและสิ่งจูงใจ (มีต้นทุนที่ต่ำกว่า) สำหรับนักเรียนในท้องถิ่นนั้น ๆ ในการได้รับปริญญาจากสถาบันต่างชาติโดยที่ไม่ต้องเดินทางออกจากประเทศ รวมถึงลดความรุนแรงของการขาดแคลนทักษะในกรณีที่วิทยาเขตสาขาในต่างประเทศมีความเชี่ยวชาญในหลักสูตรที่ไม่มีในประเทศนั้น ๆ

การเปิดรับการจัดตั้งธุรกิจเพื่อให้บริการอาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการค้าหากมีข้อจำกัดเรื่องการส่งมอบที่เกี่ยวข้องในการค้ารูปแบบอื่น ๆ หรือข้อจำกัดที่นอกเหนือนโยบายด้านการค้า เช่น นโยบายด้านวีซ่าและการเข้าเมืองของชาวต่างชาติ ข้อกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของการให้บริการต่างชาติและการเข้ามาของ “ใบปริญญาปลอม” สามารถลดลงได้ด้วยการตรวจสอบและจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานการประกันคุณภาพขึ้นมา การนำหลักเกณฑ์จากกรอบ AQAF มาใช้เพื่อจัดการการประกันและส่งเสริมคุณภาพของคุณวุฒิทางการศึกษาขั้นสูงอาจเป็นประโยชน์ในแง่นี้

นโยบายทางการศึกษาที่สำคัญคือกุญแจสำคัญสำหรับการรักษากลุ่มนักลงทุนปัจจุบันเอาไว้และกระตุ้นให้นักลงทุนเหล่านั้นพัฒนา รวมถึงดูดนักลงทุนรายใหม่ให้สนใจในกิจกรรมที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งต้องพึ่งพาแรงงานและพนักงานที่มีทักษะ

1 บริการทางสังคมอีกสองด้านคือบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และบริการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม การศึกษาเกี่ยวกับบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพได้มีการเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้แล้วโดย AJC (https://www.asean.or.jp/en/trade-info/pst2_papers/).

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200326005246/en/

ติดต่อ:

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น
Tomoko Miyauchi
toiawase_ga@asean.or.jp
https://www.asean.or.jp/en/

Boron Neutron Capture Center ของ NTHU เริ่มการรักษาผู้ป่วยมะเร็งสมองที่มาจากต่างประเทศ

Logo

นครซินจู๋,ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)– 25 มีนาคม 2563

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ บทเพลงไพเราะของซิมโฟนีที่สี่ของมาห์เลอร์ได้รับการบรรเลงขึ้นในอาคารของเครื่องปฏิกรณ์ Tsing Hua Open pool Reactor Tsing Hua (THOR) ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติ Tsing Hua (NTHU) ทั้งนี้เป็นเพราะบทเพลงชิ้นนี้เป็นบทเพลงชิ้นโปรดของหญิงชาวยุโรปผู้มาที่นี่เพื่อรับการบำบัดเนื้องอกในสมองด้วยการใช้วิธีโบรอนนิวตรอน หรือ Boron Neutron Capture Therapy (BNCT)  นี่ถือเป็นคอร์สรักษาขั้นที่สองของเธอ โดยหลังจากมีการรักษาครั้งแรกขนาดของเนื้องอกสมองกลิโอมาที่ลึกลงไปในก้านสมองของเธอลดลงจาก 3.51 ซม. เป็น 1.06 ซม.

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติด้านมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200325005023/en/

The BNCT treatment mechanism. Since being converted for use in BNCT, the research reactor at NTHU has been used to treat over 130 patients. (Graphic: National Tsing Hua University)

 นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนมาใช้BNCT เครื่องปฏิกรณ์วิจัยที่ NTHU ถูกนำมาใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยมากกว่า 130 ราย (ภาพ: มหาวิทยาลัยแห่งชาติ Tsing Hua)

ด้วยความร่วมมือกับโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทเป หรือ Taipei Veterans General Hospital (TVGH) NTHU จึงได้แปลง THOR เพื่อใช้ใน BNCT โดยจนถึงปัจจุบันการรักษาได้ให้ชีวิตใหม่ให้กับผู้ป่วยมะเร็งกว่า 130 รายจากทั่วโลก

ศาสตราจารย์ Chou Fong-in กล่าวว่า BNCT เป็นวิธีการรักษาด้วยการฉายรังสีแบบมุ่งเป้าหมาย ซึ่งผู้ป่วยจะได้รับการฉีดโบรอนก่อน เมื่อยาที่ฉีดไปสะสมอยู่ในเนื้องอก ก็จะมีการนำลำแสงนิวตรอนมาใช้เพื่อฉายรังสีไปที่เนื้องอกเพื่อการรักษา โดยที่ไม่ทำลายเนื้อเยื่อปกติ

ตามที่อธิบายโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกวิทยา TVGH อย่าง Chen Yi-wei จาก  ยาโบรอน -10 มีโครงสร้างประกอบอย่างเช่น กรดอะมิโนที่จำเป็น โดยเซลล์มะเร็งนั้นต้องการสารอาหารจำนวนมากเพื่อช่วยเสริมสร้างการแพร่กระจายของพวกมัน ดังนั้นเซลล์มะเร็งจึงดูดซับโบรอน -10 ได้เกือบทั้งหมดก่อนที่เซลล์ปกติจะมีโอกาสดูดซับเอาไว้ โบรอน- 10 ทำหน้าที่เป็นระเบิดชนิดหนึ่งและเมื่อเซลล์มะเร็งได้รับโบรอนจนเต็มแล้ว ลำแสงนิวตรอนจะถูกใช้เพื่อ "จุดระเบิด" ทำลายเซลล์มะเร็ง

สามีของผู้ป่วยเป็นแพทย์ เขาเล่าว่าภรรยาของเขาชอบเล่นเทนนิสมาก แต่สี่ปีที่แล้วเธอเห็นลูกบอลเพิ่มเป็นสองลูกบินมาหาเธอในเวลาเดียวกัน ซึ่งนี่เป็นอาการคลาสสิกของการเห็นภาพซ้อน อย่างไรก็ตามการสแกนเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT) ในภายหลังพบว่ามีร่องรอยโรคเนื้องอกสมองกลิโอมาในสมองของเธอซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในก้านสมอง โดยหลังจากผ่านการผ่าตัดกะโหลกสองครั้งด้วยการฉายรังสีแกมมา เนื้องอกสมองกลิโอมาได้กำเริบและเปลี่ยนมาเป็นมะเร็ง และด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านรังสี พวกเขาจึงได้มาสอบถามเกี่ยวกับการรักษาจากวิธี TVGH

จากคำกล่าวของดร. Chen คุณสมบัติที่สำคัญสำหรับ BNCT เป็นยาที่มีโบรอนเหมาะสำหรับการดูดซึมโดยเซลล์มะเร็ง และเป็นแหล่งนิวตรอนเสถียรที่มีสเปกตรัมพลังงานที่เหมาะสม เครื่องปฏิกรณ์วิจัยของ NTHU ได้รับการดัดแปลงให้เป็นแหล่งกำเนิดนิวตรอน มันมีคุณภาพดีกว่าแหล่งนิวตรอนที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องเร่งที่พัฒนาในญี่ปุ่นเพื่อใช้ในโรงพยาบาลด้วยซ้ำ

NTHU และรัฐบาลเมืองเถาหยวนกำลังวางแผนที่จะร่วมกันพัฒนาศูนย์การแพทย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Taoyuan Aerotropolis  ที่จะสร้างใกล้กับสนามบินเถาหยวน ทั้งนี้ BNCT จะมีบทบาทสำคัญในศูนย์วิจัยแห่งใหม่และจะใช้สำหรับการรักษาผู้ป่วยทั้งในไต้หวันและต่างประเทศ

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200325005023/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh

โทร: (886)3-5162006

อีเมล: hoyu@mx.nthu.edu.tw

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นนำเสนอกุญแจสำคัญที่จะเสริมแกร่งให้กับธรุกิจการเกษตรในอาเซียน: วิธีมีส่วนร่วมมากขึ้นในห่วงโซ่มูลค่าโลกของธรุกิจการเกษตร

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–24 มีนาคม 2563

ธุรกิจการเกษตรในอาเซียนมีการแข่งขันเพิ่มขึ้นหรือไม่? คำตอบจากศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น คือ ใช่ โดยศูนย์ดังกล่าวสามารถตอบคำถามนี้ได้จากการมีส่วนร่วมมากขึ้นในห่วงโซ่มูลค่าโลก (GVC) ของธรุกิจการเกษตร ตามที่เผยในรายงาน “ห่วงโซ่มูลค่าโลกในอาเซียน: ธุรกิจการเกษตร” ซึ่งตีพิมพ์วันนี้ (https://www.asean.or.jp/en/centre-wide-info/gvc_database_paper15/)

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200324005240/en/

"Global Value Chains in ASEAN - Paper 15: Agribusiness" by ASEAN-Japan Centre (Graphic: Business Wire)

"ห่วงโซ่มูลค่าโลกในอาเซียน – เอกสารฉบับที่ 15: ธุรกิจการเกษตร" โดยศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (กราฟิก: Business Wire)

ธุรกิจการเกษตร1 มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยคิดเป็น 12% ของจีดีพีในอาเซียนโดยเฉลี่ยในปี 2561 ธุรกิจการเกษตรยังสร้างงานและช่องทางหาเลี้ยงชีพให้กับประชาชน 100 ล้านคน หรือหนึ่งในหกของประชากรทั้งหมด และครอบครัวของพวกเขาในอาเซียน

นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรายได้หลักจากการค้าขายของหลายประเทศในอาเซียน สินค้าส่งออกในธุรกิจการเกษตรที่มีการเพิ่มมูลค่าของอาเซียนคิดเป็นมูลค่า 1.02 แสนล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2558 ส่วนแบ่งของปัจจัยการผลิตที่เกิดขึ้นนอกประเทศสำหรับสินค้าส่งออกในธรุกิจการเกษตรของอาเซียน หรือ การเชื่อมโยงไปข้างหลัง (backward linkage) ในห่วงโซ่มูลค่าโลกอยู่ที่ 20% ของการส่งออกรวมทั้งหมดของอาเซียนในปี 2558 ส่วนแบ่งของมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นนอกประเทศ (foreign value added) ของผลิตภัณฑ์อาหารมีมูลค่าสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นเป็นผู้นำเข้าสินค้าธุรกิจการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดสามอันดับแรกของอาเซียน มูลค่าเพิ่มของอาเซียนรวมในการส่งออกของประเทศอื่น หรือที่เรียกว่า forward participation ในห่วงโซ่มูลค่าโลกนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2533

การเพิ่มความสามารถในการผลิตผลผลิตทางการเกษตรเป็นนโยบายที่มีความสำคัญในการชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความมั่นคงทางด้านอาหาร ในขณะเดียวกัน ในบางประเทศ โดยเฉพาะกัมพูชา ลาว และเมียนมา (กลุ่มประเทศ CLM) ยังขาดความสามารถในการแปรรูปอาหาร และยังนำเข้าอาหารแปรรูปปริมาณมากสำหรับตลาดภายในประเทศ การเปลี่ยนจากการทำการเกษตรง่าย ๆ เป็นอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารที่สร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเป็นความสำคัญลำดับต้น ๆ ของประเทศในอาเซียน

การมีส่วนร่วมและยกระดับห่วงโซ่มูลค่าโลกธุรกิจการเกษตรสามารถสร้างโอกาสให้อาเซียนในการเพิ่มความสามารถในการผลิตด้วยการใช้ปัจจัยการผลิตจากนอกประเทศที่มีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีที่ได้มาผ่านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการดำเนินการแบบไม่ถือหุ้นโดยตรง (NEM)

ญี่ปุ่นเป็นผู้สนับสนุนธรุกิจการเกษตรที่สำคัญของอาเซียนมาตลอด มีความพยายามร่วมกันระหว่างรัฐบาลของญี่ปุ่นและภาคเอกชนในการพัฒนาธุรกิจการเกษตรในอาเซียนและนำไปบูรณาการกับห่วงโซ่มูลค่าโลก

เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลกของธรุกิจการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น ได้เสนอข้อแนะนำทางนโยบายสามกลุ่มเพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิต ดังนี้

  • อาเซียนควรตั้งเป้าพัฒนา สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย เพื่อส่งเสริมการค้าขายและดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในธุรกิจการเกษตร ซึ่งเชื่อมโยงผู้ผลิตระดับท้องถิ่นกับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก และกระตุ้นให้เกิดการโอนย้ายเทคโนโลยีและความสามารถในการผลิตที่ดีขึ้น
  • อาเซียนควร ยกระดับความสามารถในการซึมซับความรู้ ของผู้ผลิตอาหารในระดับท้องถิ่น รวมถึงเกษตรกรรายย่อยและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้เกิดการตระหนักถึงการกระจายทางด้านเทคโนโลยี
  • นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจเรื่องคุณภาพของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการดำเนินการแบบไม่ถือหุ้นโดยตรง (NEM) เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน อาเซียนควรส่งสริมการลงทุนในภาคการเกษตรอย่างมีความรับผิดชอบ ด้วยการสนับสนุนหลักปฏิบัติในระดับนานาชาติ เช่น หลักการลงทุนภาคการเกษตรอย่างรับผิดชอบ

1 ธุรกิจการเกษตรในเอกสารนี้ครอบคลุมเฉพาะภาคเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารเท่านั้นเนื่องจากมีข้อจำกัดทางด้านข้อมูล อุตสาหกรรมอื่นในห่วงโซ่มูลค่า เช่น การกระจายสินค้า การค้าปลีก และธุรกิจอื่น ๆ (เช่น ร้านอาหาร) จึงไม่ถูกรวมอยู่ด้วย

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200324005240/en/

ติดต่อ:

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น
Tomoko Miyauchi
toiawase_ga@asean.or.jp
https://www.asean.or.jp/en/

ทุกธนาคารผนึกกำลัง เตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์ เพื่อช่วยลูกค้าทุกรายพ้นวิกฤตไปด้วยกัน

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–23 มีนาคม 2563

imgสมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก ให้ความมั่นใจแก่ลูกค้าเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือและสนับสนุนลูกค้าด้านการเงิน หารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องมาตรการช่วยเหลือลูกค้าและวางแผนเตรียมความพร้อมรับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ เพื่อให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปสามารถทำธุรกรรมได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมเงินสดเพียงพอในทุกช่องทาง แนะใช้ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคโควิด-19 และให้การช่วยเหลือลูกค้าบุคคลและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบผ่านมาตรการช่วยเหลือของแต่ละธนาคาร และล่าสุดเพิ่มความช่วยเหลือภายใต้โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สำหรับผู้ประกอบการ วงเงินรวม 150,000 ล้านบาท 

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโรคโควิด-19 จนทำให้ต้องมีการประกาศปิดสถานบริการและร้านค้าบางประเภทไปแล้ว ตามประกาศล่าสุดของกรุงเทพมหานคร  ทางสมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกทุกธนาคารได้มีการวางแผนการให้บริการที่ต่อเนื่องเพื่อรองรับทุกสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต และขอให้ความมั่นใจว่าธนาคารจะสามารถให้บริการลูกค้าและผู้มาใช้บริการของธนาคารตามปกติในทุกช่องทาง โดยเฉพาะบริการหลัก เช่น การรับฝากเงิน การถอนเงิน การโอนเงิน และบริการสินเชื่อต่าง ๆ รวมถึงการช่วยเหลือลูกค้าเพื่อเสริมสภาพคล่อง

ในส่วนของการให้บริการเงินสดสำหรับลูกค้าที่มีความจำป็นต้องใช้เงินสด ทุกธนาคารมีการเตรียมเงินสดเพื่อรองรับให้เพียงพอทุกช่องทางทั้งสาขาและตู้เอทีเอ็ม แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากโรคโควิด-19 อยากเชิญชวนให้ลูกค้าใช้บริการระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านโมบายแบงกิงและอินเทอร์เน็ตแบงกิงของทุกธนาคาร ซึ่งทุกธนาคารได้มีการดูแลให้ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่จะเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนดูแลธุรกรรมตลาดเงินให้ดำเนินการได้อย่างราบรื่น เพื่อให้มั่นใจว่าบริการทางการเงินหลักของประเทศจะดำเนินต่อไปได้แม้ในกรณีที่สถานการณ์การระบาดรุนแรงมากขึ้น

สำหรับลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ ธนาคารต่าง ๆ ได้มีมาตรการช่วยเหลือที่ทยอยให้ความช่วยเหลือลูกค้าไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เช่น การให้ลูกค้าผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยโดยยังไม่ต้องชำระเงินต้น หรือการปรับลดการชำระขั้นต่ำในแต่ละเดือน ซึ่งธนาคารต่าง ๆ อยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อช่วยเหลือลูกค้า แต่หากลูกค้าประสบปัญหาและยังไม่ได้รับการติดต่อจากธนาคาร ท่านสามารถติดต่อธนาคารที่ท่านใช้บริการอยู่เพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ทันที ด้านการช่วยเหลือลูกค้าของสถาบันการเงิน พบว่าช่วงที่ผ่านมาธนาคารทั้งระบบได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้แล้วประมาณ 30,000 ราย เป็นมูลค่า 234,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งการพักชำระเงินต้น ลดอัตราดอกเบี้ย ปรับระยะเวลาการผ่อนชำระให้ยาวขึ้น เพื่อลดภาระให้กับลูกค้า

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 ธนาคารออมสินและ 17 สถาบันการเงิน ได้มีการลงนาม MOU โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยธนาคารออมสินสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำวงเงินรวม 150,000 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันการเงินนำไปปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ วงเงินสินเชื่อสูงสุดต่อรายไม่เกิน 20 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 2 ปี ผู้ประกอบการที่ต้องการวงเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและฟื้นฟูธุรกิจสามารถติดต่อขอสินเชื่อได้ตั้งแต่บัดนี้ โดยจะได้รับเงินข่วงต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไป

นายปรีดี ดาวฉาย กล่าวทิ้งท้ายว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารทุกรายให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน เรามีการประเมินสถานการณ์และปรับแผนการช่วยเหลือและสนับสนุนลูกค้าในด้านการเงินตลอดเวลา ดังนั้นจึงขอให้ลูกค้าทุกคนมั่นใจได้ สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทุกรายและยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือผ่าน Call Center ของทุกธนาคารได้ทันที