ชีวิตสมรสที่มีความสุข คือ ตัวขับเคลื่อนที่ยังไม่ถูกใช้งานในการสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมของพนักงาน

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–28 พ.ค. 2563

ในขณะที่บริษัทต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมของสำนักงานที่เหมาะสมเพื่อทำให้พนักงานของพวกเขาทำงานได้ดีที่สุด แต่ก็อาจมีวิธีอื่น ๆ ในการเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ในที่ทำงาน โดยผลงานวิจัยที่ดำเนินการโดยศาสตราจารย์ Xu Huang จากคณะวิชาธุรกิจของ Hong Kong Baptist University ชี้ให้เห็นว่ากุญแจสำคัญในการยกระดับความคิดสร้างสรรค์ของพนักงานให้สูงขึ้นไปอีก ก็คือการลงทุนในความสัมพันธ์ของพวกเขาที่บ้าน

การวิจัยศึกษาดูว่าการแต่งงานที่น่าพอใจส่งผลกระทบต่อ "ทรัพยากรทางจิตวิทยา" ของพนักงานในการทำงานอย่างไร โดยมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการสร้างสรรค์และคิดค้นวิธีแก้ปัญหาที่เป็นประโยชน์และที่เป็นนวัตกรรม ทั้งนี้การวิจัยแสดงให้เห็นว่า:

  • พนักงานที่พึงพอใจกับประสบการณ์ชีวิตสมรสของพวกเขาจะมีการนำทรัพยากรทางจิตวิทยาในเชิงบวกมาใช้ในการทำงานด้วย
  • เมื่อคู่สมรสของพนักงานมีความสุข ผลกระทบเชิงบวกที่ล้นมานี้ (spillover effect) จะยิ่งเด่นชัดและเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ในที่ทำงาน
  • เรื่องนี้เป็นจริงเฉพาะกับพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ต่ำกว่าเท่านั้นเนื่องจากพนักผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงอยู่แล้ว ไม่ได้ใช้ทรัพยากรความคิดสร้างสรรค์ที่อิงจากคุณภาพชีวิตสมรส
  • การสมรสกับคู่สมรสที่ไม่พอใจชีวิตสมรส และที่มีความใกล้ชิดฉันคู่รักน้อยกว่านั้น จะกระทบต่อทรัพยากรด้านจิตใจของพนักงานมาก สิ่งนี้บ่งชี้ว่าคู่รักมีอิทธิพลอย่างมากต่อการปฏิบัติงานของพนักงาน และชีวิตสมรสที่มีคุณภาพสูงนั้นก็เอื้อต่อการสร้างสรรค์ในที่ทำงาน

เนื่องจากความสัมพันธ์ส่วนบุคคลสามารถเป็นแหล่งของความคิดสร้างสรรค์ในที่ทำงาน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพิจารณาเรื่องนี้เมื่อมีการสนทนาเรื่องสวัสดิการของพนักงาน การจัดให้มีนโยบายที่เหมาะกับครอบครัวโดยเฉพาะมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการสมรสสามารถส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อองค์กร นี่คือวิธีต่าง ๆ ในการสนับสนุนความสัมพันธ์ของพนักงานของคุณและการปรับปรุงความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาในที่ทำงาน:

  • พิจารณานโยบายที่เหมาะสำหรับครอบครัวเป็นการลงทุนเชิงนวัตกรรม – การศึกษาพบว่าความพึงพอใจในชีวิตสมรสเป็นประโยชน์ในการช่วยสร้างความสร้างสรรค์ในที่งานสำหรับพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์น้อย ดังนั้นการจัดทำนโยบายที่เป็นมิตรกับครอบครัวเพื่อช่วยชีวิตสมรสของพนักงาน ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวบุคคล แต่ยังช่วยเพิ่มความสามารถเชิงนวัตกรรมขององค์กร โดยอาจมีการสนับสนุนที่หลากหลายซึ่งอาจก่อให้เกิดประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นการให้หยุดวันครบรอบการสมรส หรือบริการให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์ เป็นต้น
  • โครงการสังเกตความต้องการของคู่สมรสในการสร้างสมดุลชีวิตในและนอกการทำงาน – การศึกษานี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ เกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตครอบครัว การศึกษาชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารอาจต้องคำนึงถึงความรู้สึกของคู่สมรสของพนักงานที่เป็นเป้าหมายในระหว่างที่มีการพัฒนาความสมดุลของชีวิตการทำงานและชีวิตครอบครัว ในสถานการณ์นี้การพัฒนาระบบสำหรับการสื่อสารซึ่งกันและกัน และการรับข้อเสนอแนะอาจมีความจำเป็นอย่างมาก
  • ให้ความสัมพันธ์กับพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่า – นักวิชาการเคยสำรวจกลยุทธ์ที่เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้กับพนักงานที่มีศักยภาพความคิดสร้างสรรค์สูงแล้ว แต่ยังไม่ได้ศึกษาหนทางปฏิบัติที่ปลูกฝังความคิดสร้างสรรค์ในหมู่พนักงานที่ความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่า ทรัพยากรทางจิตวิทยาจากการสมรสที่น่าพอใจช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ในที่ทำงานให้กับพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์น้อย แต่ไม่ได้ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้กับพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงอยู่แล้ว เพราะพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงมักจะชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์อยู่แล้วซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรด้านจิตวิทยาจากการสมรสที่ดี พนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์น้อยมักต้องการทรัพยากรเหล่านี้ให้ทำงานได้ดีขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติมไปที่ https://bus.hkbu.edu.hk.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200528005452/en/

ติดต่อ:

HKBU School of Business

Eva Sham

อีเมล: Evasham@hkbu.edu.hk

โทร: +852 3411 5558

Nutanix เพิ่มความร่วมมือกับ ServiceNow เพื่อปรับปรุงการทำงานด้านไอทีและการบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

Logo

นูทานิคซ์เปิดตัวคุณสมบัติด้านระบบอัตโนมัติใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าทำงานด้านไอทีได้
อย่างไม่ยุ่งยากในช่วงวิกฤตที่กระทบทั่วโลก

imgกรุงเทพฯ – 27 พฤษภาคม 2563 นูทานิคซ์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านระบบคลาวด์คอมพิวติ้งระดับองค์กรประกาศขยายการทำงานร่วมกับ ServiceNow ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านเวิร์กโฟลว์ดิจิทัล และประกาศการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ ๆ ให้กับ Nutanix Calm ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นอัตโนมัติ และโซลูชั่นการบริหารจัดการสำหรับ DevOps ของนูทานิคซ์ ฟีเจอร์ใหม่ ๆ เหล่านี้จะช่วยลดความซับซ้อน และทำให้การใช้งานโครงสร้างพื้นฐาน แอปพลิเคชั่น และการจัดการระบบคลาวด์ของลูกค้าเป็นระบบอัตโนมัติ เพื่อทำให้การทำงานด้านไอทีคล่องตัวและประหยัดค่าใช้จ่ายในสถานการณ์วิกฤตที่ทั่วโลกเผชิญอยู่ในขณะนี้

นายราจีฟ มิรานี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของนูทานิคซ์กล่าวว่า “การที่ทีมไอทีต้องเน้นการทำงานไปที่การให้บริการโซลูชั่นเพื่อการทำงานระยะไกลให้กับพนักงานของบริษัท จนบางครั้งต้องพบกับความยุ่งยากและไม่สามารถให้บริการธุรกิจด้านอื่น ๆ เพราะถูกผูกติดอยู่กับเรื่องเวลาและทรัพยากร การทำงานร่วมกันอย่างทรงพลังของ ServiceNow กับชุดโซลูชั่นอัตโนมัติต่าง ๆ ของนูทานิคซ์ในครั้งนี้ จะช่วยให้ทีมไอทีลดเวลาที่ใช้ในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ และแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ในแต่ละวันลงได้ เพื่อให้ทีมไอทีสามารถทำงานเพื่อให้การสนับสนุนงานสำคัญอื่น ๆ ของธุรกิจได้” 

แม้การทำงานด้วยระบบอัตโนมัติจะประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยให้งานที่ต้องทำซ้ำ ๆ ทำได้เร็วขึ้นก็ตาม
แต่การทำงานแบบแมนนวลก็ยังคงเป็นเรื่องปกติของการทำงานด้านไอที มีการคาดการณ์ไว้ว่าองค์กรต่าง ๆ จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง 30% ภายในปี 2567 ด้วยการใช้เทคโนโลยีไฮเปอร์ออโตเมชั่นร่วมกับกระบวนการทำงานต่าง ๆ ที่ปรับปรุงใหม่ แต่การคาดการณ์นี้อาจเกิดเร็วขึ้น เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ผลสำรวจของ PwC พบว่า 62% ขององค์กรกำลังพิจารณาเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่าย ในขณะที่ 54% มีความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพหรือผลกระทบสำคัญที่จะเกิดขึ้นกับการดำเนินธุรกิจ อันเนื่องมาจากการระบาดของโรคที่แพร่ไปทั่วโลก

นูทานิคซ์ตั้งเป้าที่จะทำให้ระบบอัตโนมัติเป็นเรื่องง่าย และช่วยให้คนทำงานด้านไอทีสามารถเข้าใช้งานระบบอัตโนมัติได้มากขึ้นในทุกระดับ นูทานิคซ์ช่วยให้เจ้าหน้าที่ด้านไอทีทั้งหลายสามารถตั้งค่าทริกเกอร์ และตั้งค่าการทำงานแบบอัตโนมัติต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เพื่อช่วยให้การทำงานในแต่ละวันไม่ซับซ้อน
การทำงานร่วมกับ ServiceNow ซึ่งเป็นโซลูชั่นระบบอัตโนมัติชั้นนำนี้ ช่วยให้ลูกค้าของนูทานิคซ์บริหารจัดการคลาวด์ และแอปพลิเคชั่นได้ง่ายขึ้นด้วยการผสานรวมการทำงานเข้ากับระบบ IT ticketing เดิมที่ลูกค้าใช้อยู่ เพื่อช่วยให้เวิร์กโฟลว์ต่าง ๆ ไม่ซับซ้อน นูทานิคซ์ตั้งเป้าหมายจากการเพิ่มประสิทธิภาพต่าง ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยเป้าหมายในการขยายบริการชุดโซลูชั่นด้านระบบอัตโนมัติให้กับลูกค้า และให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ด้านการกำกับดูแลค่าใช้จ่าย

การทำงานร่วมกับ ServiceNow และการเพิ่มคุณสมบัติต่าง ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์ของนูทานิคซ์เพื่อช่วยให้
การทำงานง่ายขึ้น เป็นการเสริมความสามารถให้กับทีมไอที โดยเฉพาะความร่วมมือและคุณสมบัติต่อไปนี้

  • DevOps ทำงานได้ง่าย: Nutanix Calm 3.0 จะมอบความสามารถเพิ่มเติม รวมถึงคุณประโยชน์ที่จะได้จากการทำงานร่วมกับ ServiceNow โดยลูกค้าสามารถบริหารจัดการการใช้งานแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการอัปเกรด การแพทช์ การขยายการทำงาน ได้อย่างอัตโนมัติ รวมถึงการทำงานด้านอื่น ๆ อีกมาก โดยใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติในการอนุมัติโฟลว์ และความสามารถในการตรวจสอบของ ServiceNow ลูกค้ายังสามารถเพิ่มความปลอดภัยได้ด้วยการเก็บรักษารหัสผ่านไว้ในแอปเก็บรหัสผ่านส่วนกลาง CyberArc ซึ่งการเก็บรักษารหัสผ่านให้ปลอดภัยนี้เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรขนาดใหญ่ นอกเหนือจากการทำงานร่วมกันดังกล่าวแล้ว  Calm 3.0 ยังช่วยให้ทีม DevOps สามารถทำให้เวิร์กโหลดต่าง ๆ ทั้งหมดที่อยู่บนโครงสร้างพื้นฐานไฮบริดคลาวด์ขององค์กรให้เป็นระบบอัตโนมัติได้อย่างไม่ยุ่งยาก รวมถึงการจัดเตรียม Infrastructure as Code (IaC) ด้วยการใช้ภาษาเพื่อโดเมนเฉพาะ (DSL)
    ที่ทำงานบน Python เพื่อเขียนบลูพริ้นท์ของ Calm ได้อีกด้วย นอกจากนี้ Calm (DSL) ยังนำเสนอ Calm UI ที่พร้อมสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปด้วยประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น คือ การใช้โค้ดที่ควบคุมได้ และมนุษย์สามารถอ่านได้ ซึ่งสามารถจัดการได้แม้กระทั่งแอปพลิเคชั่นที่ซับซ้อนที่สุด

  • บริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้ง่าย: ปัจจุบันลูกค้าที่ใช้ Nutanix Prism Pro ซึ่งเกิดจากการทำงานร่วมกันของนูทานิคซ์กับ ServiceNow ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ จะสามารถตอบสนองต่อการแจ้งเตือน และเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่าง ๆ ไปยังพอร์ทัลของ ServiceNow ของตนได้โดยตรง เช่น ไม่เพียงแต่ลูกค้าจะสามารถติดตามปัญหาการขาดแคลนใด ๆ ในโครงสร้างพื้นฐานหรือปัญหาต่าง ๆ ของ tickets ที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติใน ServiceNow ได้เท่านั้น แต่ลูกค้ายังสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ทันทีในระบบ ticketing การเพิ่มแอปพลิเคชั่นของผู้ให้บริการอื่น ๆ เข้าไปยังระบบอัตโนมัติของ trigger ช่วยให้ลูกค้าสร้างกระบวนการจัดการบริการด้านไอทีได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
  • ลดความซับซ้อนด้านการกำกับดูแลระบบคลาวด์ และใช้ต้นทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด:
    การทำงานร่วมกับ ServiceNow ที่เพิ่มขึ้นนี้จะช่วยให้ลูกค้าใช้การลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้โดยง่าย และมีแนวทางด้านความปลอดภัยที่เหมาะสม เช่นในกรณีที่ลูกค้าใช้พับลิคคลาวด์มากขึ้น ลูกค้าจะสามารถจำกัดการใช้งานพับลิคคลาวด์ที่ไม่จำเป็นซึ่งมักทำให้เกิดการใช้งบประมาณมากเกินไปได้ นอกจากนี้เมื่อลูกค้าใช้โซลูชั่นนี้ ลูกค้าจะสามารถดึงคำแนะนำด้านค่าใช้จ่าย และการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยจาก Nutanix Xi Beam เข้ามาใช้กับเวิร์กโฟลว์ ServiceNow ที่ใช้อยู่ได้โดยอัตโนมัติ ด้วยการสร้าง tickets ตามคำแนะนำด้านการประหยัดค่าใช้จ่าย และการแจ้งเตือนช่องโหว่ด้านความปลอดภัยได้อย่างอัตโนมัติ แล้วมอบหมายให้กับพนักงานที่ดูแลด้านต่าง ๆ ตามความเหมาะสม

การทำงานร่วมกันกับ ServiceNow ที่เพิ่มขึ้นมานี้พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าแล้ว ส่วนโซลูชั่น Calm 3.0 อยู่ระหว่างการพัฒนา

สำหรับลูกค้าที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างความยืดหยุ่นด้านไอทีในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง สามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการสัมมนาผ่านเว็บได้ที่นี่ 

กรุณาเยี่ยมชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นของนูทานิคซ์ได้ที่ www.nutanix.com

เกี่ยวกับนูทานิคซ์

นูทานิคซ์เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ ช่วยให้การประมวลผลทางคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นได้ทุกที่ บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกใช้ซอฟต์แวร์ของนูทานิคซ์ เพื่อใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเพียงแพลตฟอร์มเดียว ในการบริหารจัดการแอปพลิเคชั่นได้ทุกแอป ทุกที่ และทุกขนาด ไม่ว่าแอปพลิเคชั่นนั้นจะอยู่บนสภาพแวดล้อมแบบไพรเวท ไฮบริด และมัลติคลาวด์ก็ตาม เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับนูทานิคซ์ได้ที่ www.nutanix.com หรือติดตามทางทวิตเตอร์ที่ @nutanix

© 2020 Nutanix, Inc. All rights reserved. Nutanix, the Nutanix logo and all Nutanix product and service names mentioned herein are registered trademarks or trademarks of Nutanix, Inc. in the United States and other countries. All other brand names mentioned herein are for identification purposes only and may be the trademarks of their respective holder(s). This release may contain links to external websites that are not part of Nutanix.com. Nutanix does not control these sites and disclaims all responsibility for the content or accuracy of any external site. Our decision to link to an external site should not be considered an endorsement of any content on such a site. Certain information contained in this press release may relate to or be based on studies, publications, surveys and other data obtained from third-party sources and our own internal estimates and research. While we believe these third-party studies, publications, surveys and other data are reliable as of the date of this press release, they have not independently verified, and we make no representation as to the adequacy, fairness, accuracy, or completeness of any information obtained from third-party sources.

This release may contain express and implied forward-looking statements, including, but not limited to, statements relating to, the benefits and capabilities of our platform, products, services and technology and our plans and expectations regarding new products, services, product features and technology that are under development or in process, including Nutanix Calm 3.0. These forward-looking statements are not historical facts, and instead are based on our current expectations, estimates, opinions and beliefs. The accuracy of such forward-looking statements depends upon future events and involves risks, uncertainties, and other factors beyond our control that may cause these statements to be inaccurate and cause actual future events to differ materially and adversely from those anticipated or implied by such statements. Consequently, you should not rely on these forward-looking statements. These forward-looking statements speak only as of the date of this release and, except as required by law, we assume no obligation, and expressly disclaim any obligation, to update, alter or otherwise revise any of these forward-looking statements to reflect actual results or subsequent events or circumstances.

ข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ

นภา สุทธิญาณโสภณ

บริษัท เอฟเอคิว จำกัด

โทรศัพท์ 02 970 6051

อีเมล: napa@pc-a.co.th

กสิกรไทย-รพ.ธรรมศาสตร์ฯ เปิดตัวแอป TUH for All ชูจุดเด่น TUH OPD Online พบหมอออนไลน์ รับวิถีนิวนอร์มอล

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–29 พฤษภาคม 2563

imgกสิกรไทยร่วมกับ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ พัฒนาการให้บริการทางการแพทย์สู่การเป็น Smart Hospital ด้วย TUH for All แอปพลิเคชันที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยแบบครบวงจร ทั้งนัดหมอ ตรวจเช็คคิว ตรวจสอบสิทธิ์ ดูประวัติการรักษา และข้อมูลข่าวสาร เน้นชูจุดเด่นบริการ TUH OPD Online พบหมอผ่านออนไลน์ ไม่ต้องมาโรงพยาบาล จบทุกขั้นตอนบนแอปตั้งแต่พบหมอ จ่ายเงิน และรับยา เพื่อลดความแออัดของผู้ป่วยที่มาใช้บริการ และตอบรับการใช้ชีวิตวิถีใหม่หรือนิวนอร์มอล  

รศ. นพ. พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เปิดเผยว่า ในแต่ละวันมีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ จำนวนมาก เป็นผู้ป่วยนอกกว่า 4,000 คน และผู้ป่วยในอีกกว่า 800 เตียง รวมถึงความต้องการในการพัฒนาการให้บริการของโรงพยาบาลสู่การเป็น Smart Hospital จึงนำมาสู่ความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยในการพัฒนาแอปพลิเคชัน TUH for All ขึ้นมา เพื่อให้ผู้ป่วยมีความสะดวกในการใช้บริการกับโรงพยาบาลมากขึ้น ตั้งแต่การนัดหมอ ตรวจเช็คคิว ตรวจสอบสิทธิ์การรักษา ดูประวัติการรักษา และข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ สามารถดำเนินการบนแอปได้ทั้งหมด รวมถึงการให้บริการรับวิถีนิวนอร์มอล โดยชูจุดเด่นบริการ TUH OPD Online การพบหมอออนไลน์ ไม่ต้องมาโรงพยาบาล

บริการ TUH OPD Online จะช่วยลดความแออัดของผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาล ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และลดระยะเวลาการรอคอยและการเดินทางของผู้ป่วย ในช่วงแรกเปิดตัวนำร่องกับคลินิกศัลยกรรม และจะขยายผลจนครบ 14 คลินิกของโรงพยาบาลภายในสิ้นปี 2563 โดยคาดหวังว่าแอปนี้จะลดความแออัดในโรงพยาบาลได้ถึง 30% และช่วยเพิ่มความสะดวกและความสบายใจให้กับผู้ป่วย บริการ TUH OPD Online เหมาะสำหรับผู้ป่วยนอกที่เป็นโรคซึ่งต้องติดตามการรักษาต่อเนื่อง เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ หรือผู้ป่วยที่รู้สึกเจ็บป่วยเล็กน้อยและต้องการปรึกษาหมอ นอกจากนี้ TUH OPD Online ยังเป็นผู้ช่วยของคนไข้ที่มีอาการเรื้อรัง คนไข้ติดเตียง และคนไข้ในระยะสุดท้ายด้วย เพราะแอปได้รวบรวมข้อมูลคนไข้ โรคที่เป็นและประวัติการรักษาไว้ด้วยกัน จึงสามารถดึงข้อมูลมาศึกษา วิเคราะห์และเชื่อมโยงการดูแลรักษาคนไข้ในแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

-2-

ด้านนายทวี ธีระสุนทรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารพร้อมสนับสนุนการทำธุรกิจของลูกค้าให้ตอบรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งธนาคารมองว่าแอปพลิเคชัน TUH for All จะช่วยยกระดับการให้บริการและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่คนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ต้องใส่ใจด้านสุขภาพอนามัยจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

สำหรับบริการ TUH OPD Online ที่พัฒนาขึ้นบนแอป TUH for All นั้น จะช่วยตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้ป่วยที่เปลี่ยนไปตามวิถีนิวนอร์มอล โดยมีขั้นตอนการใช้บริการที่ง่าย หลังจากที่ผู้ป่วยได้ลงทะเบียนที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ผู้ป่วยสามารถใช้บริการผ่านแอปได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์การพบหมอที่สะดวกรวดเร็ว ตั้งแต่ 1.การนัดหมอ ผู้ป่วยสามารถดูตารางนัดแพทย์และรับการยืนยันนัดหมายผ่านแอป 2. พบหมอออนไลน์ผ่านวิดีโอ หรือ Telemedicine 3. การตรวจสอบสิทธิ์ สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์การรักษา เช่น ประกันสังคม บัตรทอง และสวัสดิการข้าราชการ 4. การชำระเงิน รองรับการชำระเงินทั้งบัตรเครดิต และเงินสดผ่านแอป K PLUS ซึ่งบริการนี้คาดว่าจะใช้ได้ประมาณเดือนกรกฎาคมนี้  5. การรับยา โรงพยาบาลจัดส่งยาให้ผู้ป่วยทางรถแท็กซี่และไปรษณีย์

ผู้ป่วยของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ สามารถดาวน์โหลดแอป TUH for All ได้แล้ววันนี้ ทั้งระบบ Android และ IOS เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการกับโรงพยาบาล โดยโรงพยาบาลยังมีแผนพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น บริการทางการแพทย์แบบ Drive Thru นัดหมายผ่านแอป เพื่อเข้ามา รับยา ฉีดยา และเจาะเลือด รวมถึงฟีเจอร์ Telepharmacy ที่จะมีเภสัชกรชำนาญการมาให้คำแนะนำการใช้ยาที่ถูกต้องและปลอดภัย เป็นต้น  ทั้งหมดนี้เพื่อการยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์ชีวิตในปัจจุบันมากขึ้น ตามวิถีนิวนอร์มัลที่สังคมไทยยังคงต้องตระหนักและให้ความสำคัญต่อไปอีกระยะหนึ่ง

อุปกรณ์พลังงานอัจฉริยะขนาดเล็ก 600V ของโตชิบาช่วยลดการสูญเสียพลังงานของมอเตอร์

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–28 พฤษภาคม 2563

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“โตชิบา”) ได้เปิดตัว “TPD4162F” ซึ่งเป็นอุปกรณ์พลังงานอัจฉริยะแรงดันสูง (IPD) ที่ติดตั้งบนพื้นผิวขนาดเล็กและออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนมอเตอร์ในผลิตภัณฑ์เช่นเครื่องปรับอากาศ เครื่องกรอง และปั๊ม เริ่มการผลิตและจัดส่งแล้ววันนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200527005981/en/

Toshiba: 600V small intelligent power device "TPD4162F" that helps lower motor power dissipation (Photo: Business Wire)

โตชิบา: อุปกรณ์ไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดเล็ก 600V "TPD4162F" ที่ช่วยลดการกระจายพลังงานของมอเตอร์ (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

สร้างด้วยกระบวนการใหม่ TPD4162F ลดการกระจายพลังงานประมาณ 10% [1] ซึ่งต่ำกว่า IPD ปัจจุบันของโตชิบา TPD4152F ซึ่งจะช่วยลดการกระจายพลังงานของอุปกรณ์ที่ถูกรวมเข้าด้วยกัน

TPD4162F มีวงจรควบคุมที่หลากหลายและ IGBTs และ FRD ถูกติดตั้งบนเอาต์พุตสเตจ  สิ่งนี้สนับสนุนการขับเคลื่อนโดยตรงของมอเตอร์ DC แบบไร้แปรงที่มีสัญญาณอินพุตคลื่นสี่เหลี่ยมจากเซ็นเซอร์ Hall หรือ Hall IC โดยไม่ต้องใช้คอนโทรลเลอร์ PWM  วงจรป้องกันในตัว [3] ช่วยลดจำนวนวงจรต่อพ่วง  การใช้ชุดยึดพื้นผิวขนาดเล็ก HSSOP31 สามารถช่วยลดขนาดและความสูงของแผงควบคุมมอเตอร์ได้

การประยุกต์ใช้งาน

มอเตอร์ DC แบบไร้แปรงสำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน

  • มอเตอร์พัดลม(เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ พัดลมระบาย และพัดลมติดเพดาน ฯลฯ)
  • ปั๊ม

คุณสมบัติ:

  • ไฟฟ้าแรงสูง: แรงดันไฟฟ้า (VBB)= 600V
  • สูญเสียต่ำ: ระดับแรงดันไฟฟ้าเอาท์พุท (VCEsat)=2.0V (typ.) @IC=0.5A
    FRD แรงดันไฟฟ้าข้างหน้า (VF)=1.5V (typ.) @IF=0.5A
  • แพ็คเกจ HSSOP31 ขนาดเล็กและบาง: 17.5×11.9mm (typ.), t=2.2mm(max)

คุณสมบัติหลัก:

หมายเลขชิ้นส่วน

แพคเกจ

ระดับสูงสุด

ช่วงการทำงาน

คุณสมบัติด้านไฟฟ้า

ฟังก์ชั่นป้องกันตัว

ตัวอย่าง

ตรวจสอบ

และ สั่งซื้อ

แรงดันไฟฟ้า

VBB

(V)

กระแสไฟเอาต์พุต

(DC)

Iout

(A)

แรงดันไฟฟ้าที่ใช้งาน

VBB

max

(V)

แรงดันไฟฟ้าอิ่มตัวของเอาต์พุต

VCEsat

typ.

@IC=0.5A

(V)

FRD แรงดันข้างหน้า

VF

typ.

@IF=0.5A

(V)

TPD4162F

HSSOP31

600

0.7

450

2

1.5

ขีดจำกัดกระแสไฟฟ้า/

กระแสไฟฟ้าเกินกว่าเกณฑ์/

การหยุดความร้อน/

กระแสไฟฟ้าต่ำกว่าเกณฑ์

ซื้อออนไลน์

(@Ta=25℃)

หมายเหตุ:

[1] ณ เดือนพฤษภาคม 2563 ค่าที่วัดได้จากโตชิบา (เงื่อนไขการทดสอบ: VBB=280V, VCC=15V, VSP=4V, fs=20kHz, Ta=25℃, Pin=40W, ไม่มีพัดลม, ระบายความร้อนน้อยลง)

[2] วงจร PWM, วงจรถอดรหัส 3 เฟส วงจรไดรฟ์เวอร์เลเวลชิฟท์ด้านสูง วงจรไดรฟ์เวอร์ด้านต่ำ

[3] ขีดจำกัดกระแสไฟ วงจรป้องกันกระแสเกิน วงจรปิดความร้อน ภายใต้วงจรป้องกันแรงดันไฟฟ้า

ติดตามลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

TPD4162F

https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TPD4162F

ติดตามลิงค์ด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Toshiba Intelligent Power IC

Intelligent Power ICS

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/intelligent-power-ics.html

หากต้องการตรวจสอบความพร้อมของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์กรุณาไปที่:

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TPD4162F.html

การออกแบบอ้างอิง

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/design-development/referencedesign/articles/tpd4162fsquare-wave-control-type-bldc-motor-drive-circuit_motorcontrol_rd043.html

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เป็นเจ้าของ

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:

Power Device Sales & Marketing Department (ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์ไฟฟ้า)
โทร: +81-3-3457-3933
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการและข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลล่าสุดในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation 

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation รวมความกระตือรือร้นของบริษัทใหม่เข้ากับประสบการณ์ที่ยาวนาน  ตั้งแต่ได้แยกจาก Toshiba Corporation ในเดือนกรกฎาคมปี 2560 เราได้เข้าเป็นบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ทั่วไปและนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจในเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 24,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเราและให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ๆ  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะต่อยอดจากยอดขายรายปีที่ในขณะนี้สูงกว่า 750 พันล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และสนับสนุนอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

อ่านเวอร์ชั่นที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200527005981/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
Digital Marketing Department (ฝ่ายการตลาดดิจิตอล)
Chiaki Nagasawa
โทร: + 81-3-3457-4963
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ZALORA และ The Trade Desk นำความสามารถการวัดผลใหม่มาสู่แบรนด์ต่าง ๆ ในเอเชีย

Logo

การรวมแหล่งที่มาจะช่วยให้แบรนด์ มีโอกาสวัดการแปลงการดูโฆษณาไปสู่การซื้อและเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณา

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)– 28 พ.ค. 2563

ZALORA ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแฟชั่นออนไลน์ชั้นนำของเอเชียและ The Trade Desk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการโฆษณาระดับโลกได้ตกลงที่จะร่วมมือกันในการรวมแหล่งที่มาของการซื้อ หรือ attribution integration ทั่วเอเชีย การรวมแหล่งที่มาจะช่วยให้แบรนด์ที่เข้าร่วมการขายบน ZALORA มีโอกาสวัดการแปลงการดูโฆษณาไปสู่การซื้อ และมูลค่าการขายที่เกิดจากแคมเปญโฆษณาบน The Trade Desk

ZALORA เป็นแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์สำหรับผู้บริโภคแฟชั่นหลายล้านคนในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง และไต้หวัน ZALORA นำเสนอคอลเล็กชั่นมากมายจากแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงแบรนด์อินเฮาส์ของบริษัท ทั้งในส่วนของเครื่องแต่งกาย รองเท้า และอุปกรณ์แต่งกายเสริม  (accessories) สำหรับผู้ชายและผู้หญิง ภายใต้การเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ ZALORA มีความสามารถในการบันทึกการระบุแหล่งที่มาของผู้บริโภคที่ดูหรือคลิกโฆษณาก่อนที่จะซื้อสินค้าแบรนด์บน ZALORA ซึ่งนั่นหมายความว่า แบรนด์ต่าง ๆ อาจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญของตนที่อยู่บน The Trade Desk ได้ในระหว่างดำเนินการ

“การเป็นหุ้นส่วนของ ZALORA กับ The Trade Desk ช่วยสร้างโอกาสให้เราและแบรนด์คู่ค้าของเรา การเป็นพันธมิตรจะช่วยให้เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพแบรนด์ต่าง ๆ ด้วยข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ และจะสามารถเข้าถึงลูกค้าที่อาจมีความสนใจในสินค้าได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังหมายความว่า ผู้ซื้อของจาก ZALORA จะได้รับประสบการณ์การค้นพบผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นเวลาที่พวกเขาดูแคตตาล็อกสินค้า ข้อมูลเป็นทรัพยากรและเครื่องมือที่สำคัญที่สุดสำหรับอีคอมเมิร์ซและการโฆษณา เรามีความยินดีที่ได้เป็นหุ้นส่วนแพลตฟอร์มด้านอุปสงค์กับ The Trade Desk” Jo Bjordal ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ของ ZALORA Group กล่าว

“ZALORA เป็นผู้นำระดับแนวหน้าของอีคอมเมิร์ซมาตั้งแต่เปิดตัวในปี 2555” Mitch Waters รองประธานอาวุโสของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์จาก The Trade Desk กล่าว “เมื่อคำนึงถึงความมุ่งมั่นที่เรามีร่วมกัน ZALORA ถือเป็นแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์แบบที่แสดงให้เห็นถึงการบูรณาการอีคอมเมิร์ซและการโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลการแปลงการดูโฆษณาไปสู่การซื้อ (conversions) และมูลค่าการขาย”

การรวมกันเช่นนี้เปิดโอกาสให้แบรนด์ที่มีสิทธิ์เข้าใจเส้นทางของผู้ใช้ในการซื้อสินค้าบน ZALORA และระบุยอดขายออนไลน์ของพวกเขาด้วยโฆษณาที่อยู่บน The Trade Desk ทั้งนี้แบรนด์ต่าง ๆ ที่เข้าร่วมจะสามารถเข้าถึงโซลูชันที่เสนอการวัดผลเช่นนี้ผ่านบัญชีของ The Trade Desk ของพวกเขา

เกี่ยวกับ ZALORA GROUP:

ZALORA เป็นแหล่งรวมแฟชั่นออนไลน์ของเอเชีย ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 บริษัท มีสำนักงานในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซียและบรูไน ฟิลิปปินส์ ฮ่องกงและไต้หวัน ZALORA เป็นส่วนหนึ่งของ Global Fashion Group ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านแฟชั่นออนไลน์สำหรับตลาดเกิดใหม่ โดย ZALORA นำเสนอคอลเลคชั่นสินค้าแบรนด์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศทั้งในด้านเสื้อผ้ารองเท้า อุปกรณ์แต่งกายเสริม และหมวดความงามสำหรับผู้ชายและผู้หญิง และด้วยการเสนอการคืนเงินฟรีสูงสุด 30 วัน การส่งมอบที่รวดเร็วรวดเร็วภายใน 3 ชั่วโมงในบางตลาด การส่งฟรีในบางช่วง และวิธีการชำระเงินหลายวิธีรวมถึงการชำระเงินด้วยเงินสดเมื่อได้รับของ ทั้งหมดนี้จึงทำให้ ZALORA เป็นจุดหมายปลายทางการช็อปปิ้งออนไลน์ที่มีความเป็นไปได้ทางแฟชั่นอย่างไม่สิ้นสุด

เกี่ยวกับ GLOBAL FASHION GROUP:

Global Fashion Group เป็นผู้นำด้านการค้าปลีกแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในเอเชียแปซิฟิก ละตินอเมริกา และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช เราเชื่อมโยงแบรนด์ระดับโลกท้องถิ่นและแบรนด์ของตัวเองกว่า 10,000 แบรนด์เข้ากับตลาดของผู้บริโภคมากกว่าหนึ่งพันล้านรายการ ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่จัดตั้งขึ้นสี่แห่ง ได้แก่ THE ICONIC, ZALORA, dafiti และ lamoda จากประสบการณ์ของลูกค้าที่ลื่นไหลและที่สร้างแรงบันดาลใจ เพราะการใช้งานระบบนิเวศเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานการดำเนินงานของเราเอง เรามุ่งมั่นที่จะเป็นจุดหมายปลายทางด้านแฟชั่นและไลฟ์สไตล์อันดับ 1 ในตลาดของเรา ด้วยสำนักงาน 17 แห่งและศูนย์เติมเต็ม 10 แห่งในสี่ทวีป GFG ภูมิใจที่มีทีมงานที่มีความหลากหลายและมีพลัง พร้อมกับความรู้และความเชี่ยวชาญในท้องที่ต่าง ๆ ในปี 2562 GFG ส่งมอบสินค้ามากกว่า 34 ล้านรายการให้กับลูกค้าที่ใช้งานอยู่กว่า 13 ล้านคน

GFG จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แฟรงค์เฟิร์ต (GFG.DE) ISIN: LU2010095458.

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมt www.global-fashion-group.com

เกี่ยวกับ THE TRADE DESK:

The Trade Desk™ เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ให้อำนาจผู้ซื้อด้านโฆษณา ผู้ซื้อโฆษณาสามารถสร้าง จัดการ และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาดิจิทัลผ่านรูปแบบการให้บริการตนเองด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์ การผสานรวมกับข้อมูลสำคัญ คลัง และพันธมิตรผู้เผยแพร่โฆษณา ช่วยให้มั่นใจถึงความสามารถในการเข้าถึงและการตัดสินใจสูงสุดและ API ขององค์กรทำให้ใช้งานการพัฒนาที่กำหนดเองได้บนแพลตฟอร์ม The Trade Desk มีสำนักงานใหญ่ในเวนทูรา แคลิฟอร์เนีย มีสำนักงานอยู่ทั่วอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเยี่ยมชม thetradedesk.com หรือติดตามเราบน Facebook, Twitter และ LinkedIn

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200527005224/en/

ติดต่อ:

ZALORA

Christopher Daguimol | ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารแบรนด์

christopher.daguimol@zalora.com | +65 9081 6040

Ira Roslan | ผู้จัดการฝ่ายการสื่อสารแบรนด์ ประเทศมาเลเซีย

ira.roslan@my.zalora.com | +6016 3538 100

THE TRADE DESK

John Mandeville | ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสาร

john.mandeville@thetradedesk.com

Mary Kay เผยผลการวิจัยใหม่ล่าสุดในงาน Skin of Color Society Virtual Program

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–26 พฤษภาคม 2563

Mary Kay Inc., ผู้นำด้านนวัตกรรมดูแลผิวมากว่า 56 ปี สานต่อการสนับสนุนชุมชนความงามและวิทยาศาสตร์ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอผลวิจัยในงาน 2020 Skin of Color Society Symposium Virtual Program

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200526005633/en/

Dr. Lucy Gildea, Chief Scientific Officer of Mary Kay (Photo: Mary Kay Inc.)

Dr. Lucy Gildea ผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

Dr. Cristi Gomez ผู้อำนวยการฝ่ายความปลอดภัยผลิตภัณฑ์และพิษวิทยาสิ่งแวดล้อม เผยผลการวิจัยใหม่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลัง LumiVie เซรัมสูตรเข้มข้นโดย Mary Kay ที่ช่วยให้ผิวสว่างขึ้น เติมพลังและความชุ่มชื้นให้ผิว การขยายของเมืองทั่วโลกส่งผลให้มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบจากมลภาวะต่อผิว การอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศมีความสัมพันธ์กับริ้วรอยแห่งวัยที่มองเห็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดจุดเม็ดสี นักวิจัยของ Mary Kay ได้พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากพืชและวิตามิน B3 และวิตามิน C ซึ่งเหมาะสำหรับผิวที่แพ้ง่าย และแก้ปัญหาความกังวลเกี่ยวกับเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหล่านักวิจัยยังพบว่าสีผิวมีความสม่ำเสมอ สว่าง และผิวสัมผัสที่เรียบเนียนขึ้น

“ทีมของเรามีความมุ่งมั่นที่จะทำวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อแก้ปัญหาผิวที่พบได้บ่อยซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้หญิงและความมั่นใจของพวกเขา” Dr. Lucy Gildea ผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay กล่าว “ในปี 2563 ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Mary Kay จะยังคงแบ่งปันสิ่งใหม่ ๆ ที่เราค้นพบให้กับชุมชนวิทยาศาสตร์โดยรวมต่อไป”

งาน Skin of Color Society Symposium Virtual Program เป็นงานล่าสุดที่ Mary Kay ได้เข้าร่วมพร้อมกับชุมชนวิทยาศาสตร์และวิชาการซึ่งเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่เป็นจุดยืนของแบรนด์มาอย่างยาวนานในการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพผิวให้ก้าวล้ำ ในทุก ๆ ปี Mary Kay ได้ทำการทดสอบทางวิทยาศาสตร์กับผลิภัณฑ์และส่วนผสมหลายแสนครั้ง เพื่อให้ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย คุณภาพและประสิทธิภาพขั้นสูงสุด Mary Kay เป็นเจ้าของสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการออกแบบบรรจุภัณฑ์กว่า 1,500 ชิ้นจากผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายทั่วโลก ในปี 2561 บริษัทได้ประกาศเปิดศูนย์ผลิต วิจัยและพัฒนาที่ทันสมัย ที่มีมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ในเมืองลูอิสวิลล์ รัฐเท็กซัส

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อ 56 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนใน 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย และยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200526005633/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

Smiths Medical ประกาศการเป็นพันธมิตรกับแอปการฝึกอบรมด้านเครื่องช่วยหายใจกับ Ventilator Training Alliance

Logo

มินนีแอโพลิส–(BUSINESS WIRE)–26 พ.ค. 2563

Smiths Medical ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้เข้าร่วมกับผู้ผลิตเครื่องช่วยหายใจรายอื่น ๆ ของโลกในสมาคม Ventilator Training Alliance (VTA) เพื่อสนับสนุนผู้ให้บริการทางการแพทย์แนวหน้าสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนกลางในด้านการฝึกอบรมเกี่ยวกับเครื่องช่วยหายใจ โดยสามารถเข้าไปดูเนื้อหาได้ในแอปมือถือที่ Allego เป็นผู้ดำเนินการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200526005108/en/

Ventilator Training Alliance App (Photo: Business Wire)

Ventilator Training Alliance App หรือ แอปฝึกอบรมเครื่องช่วยหายใจ (ภาพ: Business Wire)

“Smiths Medical มีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ VTA โดยให้การฝึกอบรมสำหรับเครื่องช่วยหายใจของเราผ่านแอป Allego” Jeffrey Hohn รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ระดับโลกและความเป็นเลิศเชิงพาณิชย์กลยุทธ์และ M&A ของ Smiths Medical กล่าว การพัฒนาการดูแลสุขภาพทั่วโลกเป็นรากฐานของภารกิจของเรา ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้เราเข้าใจว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพต้องการข้อมูลด้านเครื่องช่วยหายใจอย่างรวดเร็วและแอปนี้ช่วยให้การดูแลที่ถูกต้องถูกส่งต่อไปยังผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว”

แอป VTA เชื่อมต่อนักบำบัดโรคทางเดินหายใจ พยาบาล และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์อื่น ๆ เข้ากับแหล่งฝึกอบรมเกี่ยวกับเครื่องช่วยหายใจต่าง ๆ จาก บริษัทที่เป็นพันธมิตร สิ่งที่ถูกรวมอยู่ในแอปนี้ ได้แก่ วิดีโอสอนวิธีใช้ คู่มือ และคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญต่อการรักษาผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมานจากโรคระบบทางเดินหายใจที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19

เครื่องช่วยหายใจมีบทบาทสำคัญในการจัดการผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือด้านทางเดินหายใจเนื่องจากอาการป่วยหนัก เช่น ผู้ป่วย COVID-19 โดยความเร็วและความสะดวกในการเข้าถึงการฝึกอบรมเครื่องช่วยหายใจอาจมีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของผู้ป่วยในช่วงวิกฤต COVID-19 เช่นนี้

เนื้อหาในแอป VTA สามารถเข้าถึงได้บนอุปกรณ์ iOS และ Android แม้ในสภาพแวดล้อมที่เข้าถึง Wi-Fi ได้น้อยหรือเข้าถึงไม่ได้เลย หรืออาจเข้าถึงได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ แอปนี้ให้บริการด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพในหลายภาษา พร้อมกับมีการเขียนคำบรรยายข้างใต้ (closed captioning) และมีบริการเสียงให้ฟัง (backgrounf audio) เมื่อต้องทำงานหลายอย่างพร้อมกัน

วิธีการเข้าถึงศูนย์รวบรวมการฝึกอบรม Ventilator Training Alliance

สำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแอปนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย หากต้องการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันศูนย์รวมความรู้ Ventilator Training Alliance ให้ไปที่  Apple App Store หรือ Google Play store หรือ เข้าจากเว็บเบราเซอร์ใดก็ได้.

ดู วิดีโอตัวอย่าง ของแอป VTA

เกี่ยวกับ Ventilator Training Alliance

The Ventilator Training Alliance ให้บริการแหล่งการฝึกอบรมและแหล่งข้อมูลผลิตภัณฑ์สำหรับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ โดย Ventilator Training Alliance ก่อตั้งขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตเครื่องช่วยหายใจหลายราย รวมถึง Dräger, GE Healthcare, Getinge, Hamilton Medical, Medtronic, Nihon Kohden, Smiths Medical และ Philips และขับเคลื่อนโดย Allego ซึ่งเป็นศูนย์กลางความรู้ส่วนกลางในการเข้าถึงวิดีโอสอน คู่มือ คำแนะนำการใช้งานอุปกรณ์ และการฝึกอบรมอื่น ๆ สำหรับอุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่อการช่วยเหลือแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมานจากโรคระบบทางเดินหายใจที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

หากคุณเป็นผู้ผลิตเครื่องช่วยหายใจและต้องการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกรุณาส่งคำขอของคุณไปที่: VTA-Join@allego.com.

เกี่ยวกับ Smiths Medical

ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์เฉพาะและอุปกรณ์สำหรับตลาดโลกชั้นนำ โดยมุ่งเน้นไปที่ด้านการตลาดของการส่งมอบยา การดูแลที่สำคัญทางการแพทย์ และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมwww.smiths-medical.com.

เกี่ยวกับ Smiths Group

บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ดำเนินงานมาเกือบ 170 ปี ที่ส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับเทคโนโลยีทางการแพทย์ การรักษาความปลอดภัยและการป้องกันอุตสาหกรรมทั่วไป พลังงานและอวกาศและตลาดอวกาศเชิงพาณิชย์ทั่วโลก บริษัท Smiths Group มีพนักงานมีเพื่อนร่วมงาน 23,000 คนในกว่า 50 ประเทศและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน สำหรับการข้อมูลเพิ่มเติมเยี่ยมชม www.smiths.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200526005108/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสัมพันธ์ Smiths Medical ติดต่อ  media.relations@smiths-medical.com หรือติดต่อ Vanessa Krier โทร 763-383-3299.

Lock Down หยุดเชื้อไวรัส ลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 แต่โรคประจำตัว Lock Down หยุดรักษาไม่ได้..ยิ่งเสี่ยงสูง

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–27 พฤษภาคม 2563

imgในสภาวะวิกฤตของโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องกักตัวอยู่บ้าน หลาย ๆ จังหวัดมีการ Lock Down เกิดขึ้น เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเพื่อความปลอดภัยของทุกคน แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวคงใช้ชีวิตในสถานการณ์นี้อย่างยากลำบาก หลายคนมีความกังวลที่จะต้องเดินทางมาโรงพยาบาล เพื่อรักษาโรคประจำตัวอย่างต่อเนื่องตามแพทย์สั่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากหยุดการรักษาอย่างต่อเนื่อง อาจมีผลเสียต่อสุขภาพและมีความเสี่ยงมากกว่า

นพ.ศิรพัชร์ พูนวุฒิกุล อายุรแพทย์โรคหัวใจ ประจำศูนย์หัวใจโรงพยาบาลนครธน กล่าวว่า “ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อาจมีอัตราความเสี่ยงในการเสียชีวิต มากกว่าปกติ ดังนั้นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวควรมีการตรวจและติดตามอาการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไตโรคตับ โรคปอด ซึ่งโรคเหล่านี้เป็นโรคเรื้อรังที่มีอาการค่อนข้างชัดเจน จำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังอาการ รวมถึงระวังภาวะแทรกซ้อนของโรคอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนของโรคอาจจะยังไม่เห็นชัดในตอนนี้ แต่จะส่งผลใน 1 ปี หรือ 4-5 ปีข้างหน้า

โรคหัวใจ เป็นอีกหนึ่งโรคประจำตัวที่ควรได้รับการรักษาและดูแลอาการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ป่วยอาจมีอาการเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน จำเป็นต้องปรับตัวยาเพื่อการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น การปรับยาค่าแข็งตัวของเลือด ในคนไข้ที่เป็นหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีโอกาสเกิดลิ่มเลือดขึ้นมาในหัวใจได้ อาจทำให้ไปอุดตันที่สมองหรือส่วนอื่น ๆ ซึ่งในเมื่อก่อนแพทย์จะให้กินยา วาฟาริน (Warfarin) คือยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือที่เรียกกันว่ายาละลายลิ่มเลือด ใช้เพื่อช่วยลดการแข็งตัวของเลือด ซึ่งการใช้ยาวาฟารินจำเป็นต้องได้รับการวัดระดับค่าแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ นอกจากนี้วาฟารินยังอาจตีกับยาตัวอื่นหรือแม้แต่อาหารที่รับประทานได้ค่อนข้างบ่อย เพราะฉะนั้นควรต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด

ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 นี้ อาจทำให้ผู้ป่วยมีความกังวลในการเดินทางมารักษา โรงพยาบาลนครธนจึงมีการใช้ระบบ Telemedicine เป็นบริการพบแพทย์ตามนัด รักษาต่อเนื่องผ่านวิดีโอคอล และสำหรับผู้ป่วยที่ต้องมีการเดินทางมาเจาะเลือด โรงพยาบาลจะมีบริการเจาะเลือด ณ จุดตรวจพิเศษเฉพาะบุคคล และสามารถรอรับผลเลือดได้ที่บ้าน นอกจากนี้ยังมีบริการจัดส่งยาถึงบ้านในกรณีที่แพทย์มีการสั่งยา เพื่อลดเวลาการอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ลดความเสี่ยงการรับหรือแพร่เชื้อ และหนึ่งในวิธีการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ซึ่งบริการนี้จะช่วยตอบโจทย์เรื่องการรักษาโรคให้หัวใจให้กับผู้ป่วยในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างไรยังคงแนะนำให้ผู้ป่วยเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลดีที่สุด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เช่น เหนื่อย วูบใจสั่น หน้ามืด เจ็บหน้าอก นอนราบไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งผู้ป่วยควรมาพบแพทย์ทันที เพราะอาการเหล่านี้มีความเสี่ยงที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

ผู้ป่วยโรคหัวใจ มีโอกาสติดโรคโควิด-19 เหมือนคนทั่วไป แต่อาจส่งผลรุนแรง และอาจมีอัตราความเสี่ยงการเสียชีวิตสูงกว่าคนปกติ ดังนั้นผู้ป่วยต้องดูแลตนเองทั้งในโรคประจำตัวและโรคโควิด-19 โดยปกติแพทย์จะมีคำแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลตนเองเมื่ออยู่บ้าน ทั้งในเรื่องการลดอาหารหวาน มัน เค็ม และออกกำลังกายตามความเหมาะสม ในส่วนของการป้องกันส่วนอื่น เช่น การฉีดวัคซีนในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว แพทย์จะแนะนำวัคซีนป้องกันไว้ก่อนอยู่แล้ว โดยวัคซีนควรฉีดเกือบทุกคนที่มีโรคประจำตัว คือ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งควรฉีดเป็นประจำทุกปี เพราะสายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่เปลี่ยนไปทุกปี และถ้าเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะจำเพาะ เช่น สูงอายุมาก ไม่เคยมีเรื่องของงูสวัดเลย อาจจะแนะนำให้ฉีดป้องกันงูสวัด หรือวัคซีนในเรื่องของ IPD ที่ป้องกันการเป็นปอดบวมแบบขั้นรุนแรง”

นอกจากนี้โรงพยาบาลนครธนยังมีบริการเสริมอื่น ๆ สำหรับดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในสถานการณ์โควิด-19 เช่น Drive Thru Test COVID-19 เป็นบริการตรวจหาเชื้อ Covid-19 ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ทุกวัน สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 3 ชั่วโมง Vaccine Center ศูนย์วัคซีนให้บริการฉีดวัคซีน บริเวณทางเชื่อมอาคารจอดรถ ชั้น 2 สร้างภูมิคุ้มกันในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 Vaccine @Home บริการฉีดวัคซีนถึงบ้าน โดยแพทย์มาตรฐานโรงพยาบาล สำหรับคุณและครอบครัวที่ไม่สะดวกเดินทางมาโรงพยาบาล Vaccine Community Unit บริการหน่วยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ถึงหมู่บ้านของท่าน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง โดยแพทย์และพยาบาลเฉพาะทางตามมาตรฐานโรงพยาบาลกับราคาพิเศษ

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ 

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร. 081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

แพทย์บำรุงราษฎร์ของไทย รับรางวัลเกียรติยศ “Heroes of Humanity” ในฐานะตัวแทนนักรบชุดขาวที่ต่อสู้รับมือกับโควิด-19

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–27 พฤษภาคม 2563

imgสืบเนื่องจากที่แพทย์ในนามโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้รับรางวัล ‘Heroes of Humanity’ โดยมี พล.ต.อ. โกวิท ภักดีภูมิ ประธานสภามวยแห่งเอเชีย (WBC Asia) และรองประธานสภามวยโลก (WBC) เป็นผู้มอบนั้น ผศ. นพ. วิชัย เตชะสาธิต แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวขอบคุณสภามวยโลก (WBC) และสำนักงานสภามวยแห่งเอเชีย (WBC Asia) ที่มอบรางวัลอันทรงเกียรติ ‘Heroes of Humanity’ ในฐานะผู้แทนบุคลากรทางการแพทย์ “นักรบชุดขาว” ของประเทศไทย ที่ดูแลรักษาอาการของแมทธิว ดีน และลิเดีย ศรัณย์รัชต์ รวมถึงได้เสียสละอุทิศตนในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย COVID-19 หลากหลายเชื้อชาติอย่างเต็มความสามารถตามหลักมาตรฐานสากล และได้สร้างความตระหนักรู้ในการป้องกันตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงการรับเชื้อ COVID-19

ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี บำรุงราษฎร์ได้ยึดหลักความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วยเป็นหัวใจสำคัญ รางวัลเกียรติยศ ‘Heroes of Humanity’ ครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทีมผู้บริหารในการบริหารจัดการ และทีมปฏิบัติงานสหสาขาวิชาชีพทุกคนที่ช่วยกันทุ่มเทดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถ

จากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 บำรุงราษฎร์ได้มีการปรับแผนการทำงานตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 โดยเริ่มจากจัดตั้งศูนย์บัญชาการ COVID-19 เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้นทั่วโลก และออกมาตรการการควบคุมการติดเชื้อออกมาเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การนำร่องติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ (Thermal Imaging Cameras) มาใช้ในมาตรการคัดกรองทุกทางเข้าอาคาร (point of entry) มีการเตรียมพร้อมด้านห้องปฏิบัติการ (LAB) โดยได้รับการรับรองให้เป็นเครือข่ายของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในการตรวจเชื้อไวรัส SARS CoV-2 ด้วยวิธี Real time PCR ได้ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งถือว่าเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกที่ได้รับการรับรองในการตรวจเชื้อ COVID-19 ล่าสุดโรงพยาบาลได้มีการนำ Rapid Test ในการตรวจหาภูมิของการติดเชื้อ COVID-19 ที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติจาก อย. เข้ามาใช้ภายในโรงพยาบาล โดยใช้เลือดเพียง 2-3 หยด และใช้เวลาเพียง 10 นาทีก็จะทราบผล นอกจากนี้ ยังมีการปรับพื้นที่ในโรงพยาบาลฯ เพิ่มจำนวนห้องแยกโรคความดันลบ (negative pressure room) ที่มีระบบควบคุมความดันภายในห้องเป็นลบ เพื่อไม่ให้อากาศภายในห้องออกไปปนเปื้อนกับอากาศภายนอกห้อง มีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีแคปซูลความดันลบที่ใช้เคลื่อนย้ายผู้ป่วย รวมถึงได้นำนวัตกรรมหุ่นยนต์ Pulsed Xenon UV Robot ทำความสะอาดด้วยแสงยูวี เพื่อฆ่าเชื้อโรคทั้งแบคทีเรีย และไวรัส ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทิ้งสารปรอทตกค้าง เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย และบุคลากรในโรงพยาบาลทุกคน

ล่าสุดโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ติดอันดับ Top 5 ด้วยคะแนน 92.3% ในหัวข้อ “Thailand's Best Hospitals 2020” ซึ่งเป็นการจัดอันดับโดย Newsweek.com ซึ่งได้รวมโรงพยาบาลทั้งจากภาครัฐและเอกชนของประเทศไทย โดย Statista ร่วมกับ GeoBlue ผู้ให้บริการประกันภัย ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์นับหมื่นรายในประเทศที่เลือกนำมาสำรวจออนไลน์ ตั้งแต่เดือนกันยายน – พฤศจิกายน 2562 โดยการจัดอันดับจะขึ้นอยู่กับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผลจากการสำรวจผู้ป่วย และตัวชี้วัดประสิทธิภาพทางการแพทย์ที่สำคัญ   

ผศ. นพ. วิชัย เตชะสาธิต กล่าวปิดท้ายว่า “ด้วยปัจจุบันประเทศไทยยังสามารถควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อ รวมถึงมีสถิติผู้ที่รักษาหาย และสถิติผู้เสียชีวิตได้เป็นอย่างดี ทำให้กลายเป็นประเทศที่จับตามองของนานาประเทศ วิกฤตในครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีในการยกระดับและพัฒนาวงการแพทย์ไทย เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ต่อผู้ป่วยต่างชาติ นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการแบบ new normal ให้สะดวก เข้าถึงง่ายขึ้น แต่ยังคงมาตรฐานความปลอดภัย และโปร่งใส จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ป่วยทั้งชาวไทยและต่างชาติ และทำให้ประเทศไทยก้าวสู่หนึ่งในประเทศที่มีความโดดเด่นในด้าน Medical Tourism อย่างยั่งยืน”

———————————————————-

กรณีต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

คุณกุนธิรา ณัฐวัฒนานนทน์

ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์

Tel: 094 1545698

E-mail: khuntira4pr@gmail.com

กสิกรไทย ออกประกันชีวิตและสุขภาพเหมาจ่าย “ป่วยหายห่วง” ตอบโจทย์เทรนด์คนห่วงสุขภาพยุคโควิด

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–27 พฤษภาคม 2563

imgธนาคารกสิกรไทย ตอกย้ำกลยุทธ์เสริมสร้างความคุ้มครองด้านชีวิตและสุขภาพที่จำเป็นให้กับประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายได้น้อยและรายได้ปานกลาง  16 ล้านคน ให้ เข้าถึงประกันสุขภาพชั้นดีที่มีความครอบคลุมและคุ้มค่า

ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย ได้ออกบริการประกันชีวิตและสุขภาพเหมาจ่าย “ป่วยหายห่วง” ที่ตอบโจทย์กลุ่มประชาชนทั่วไป พนักงานบริษัท และกลุ่มฟรีแลนซ์ที่มีอายุ 21-60 ปี ที่ให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ชูจุดเด่นค่ารักษาพยาบาลสูงสุด  500,000 บาทต่อครั้ง ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการรักษา ให้ความคุ้มครองทั้งโรคร้ายแรง โรคทั่วไปและรวมความคุ้มครองโควิด-19 ด้วยเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียงวันละ 13 บาท สามารถเลือกชำระเป็นรายเดือนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับคนมีรายได้ไม่สูง สมัครผ่านออนไลน์ด้วยตัวเอง ง่ายสะดวก ไม่ต้องมาสาขาและทราบผลทันที

ประกันชีวิตและสุขภาพ “ป่วยหายห่วง” เป็นตัวช่วยบริหารความเสี่ยงของชีวิต สร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้สามารถรับมือค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น  6 – 8% ต่อปี และ ครอบคลุมโรคใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกปี เช่น การแพร่ระบาดของโรคโวรัสโควิด-19 โดยมีแผนความคุ้มครอง 6 แผน เหมาะสำหรับลูกค้าหลากหลาย ทั้งกลุ่มพนักงานบริษัทที่มีสวัสดิการบริษัทอยู่แล้ว กลุ่มลูกค้าที่มีประกันแล้วต้องการซื้อประกันเพื่อให้ความคุ้มครองเพิ่มและกลุ่มฟรีแลนซ์ที่ไม่ได้มีสวัสดิการคุ้มครองใดๆ รองรับ

สิทธิประโยชน์มีดังนี้ คือ ได้รับแผนค่ารักษาที่มากขึ้น สูงสุด 500,000 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการรักษา และสามารถเลือกได้ว่าจะคุ้มครองค่ารักษาตั้งแต่บาทแรก หรือเลือกเบี้ยประกันถูกลงเมื่อใช้สวัสดิการตัวเองจ่าย 20,000 บาทแรก นอกจากนี้ยังคุ้มครองครอบคลุมหลายโรคและรวมความคุ้มครองทั้ง โควิด-19 เจ็บป่วยจากภาวะฝุ่น PM 2.5 ไข้หวัดใหญ่ โรคร้ายแรง และโรคทั่วไป ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสมัครได้ง่ายๆ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://kbank.co/2zVQJoi  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือโทร 02 888 8888

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารได้มอบประกันโควิด-19 ฟรี มีระยะเวลาคุ้มครอง 90 วัน มีลูกค้าสนใจลงทะเบียนสมัครสิทธิ์เป็นจำนวนมากถึง 7 แสนราย