NTT Com เริ่มเปิดจำหน่าย Active Multi-access SIM™ เพื่อรองรับเครือข่ายผู้ให้บริการอุปกรณ์ IoT ที่หลากหลาย

Logo

ผู้ใช้จะต้องซื้อซิมการ์ดของผู้ให้บริการที่สามารถสลับเปลี่ยนได้โดยอัตโนมัติเพียงใบเดียว

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–29 กุมภาพันธ์ 2024

NTT Communications Corporation (NTT Com) ซึ่งเป็นโซลูชัน ICT และธุรกิจการสื่อสารระหว่างประเทศภายในกลุ่ม NTT ประกาศว่า จะเริ่มเปิดจำหน่าย Active Multi-access SIM™1 ซึ่งนำเสนอในการทดลองใช้ตั้งแต่วันที่ 28 เดือนมีนาคม ปี 2023 จากวันที่ 31 เดือนมกราคม โดยซิมการ์ดใหม่และบริการที่เกี่ยวข้องนี้จะช่วยให้อุปกรณ์ IoT ที่หลากหลายสามารถสลับการทำงานระหว่างผู้ให้บริการหลักและผู้ให้บริการย่อยในกรณีที่เครือข่ายล้มเหลว ช่วยให้สามารถใช้งานเครือข่ายต่างๆ ด้วยซิมเดียวโดยอัตโนมัติเต็มรูปแบบ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเครือข่ายหรือสลับเทอร์มินอลของอุปกรณ์

บริการนี้ให้คุณประโยชน์ที่สำคัญสามประการ โดยเริ่มจากการตรวจจับข้อผิดพลาดโดยอัตโนมัติ และการสลับผู้ให้บริการ โดยทั้งสองบริการนี้อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร หากการสื่อสารล้มเหลว แอพเล็ต3 ในซิมจะตรวจจับข้อผิดพลาดโดยอัตโนมัติ จากนั้น จะสลับไปใช้เครือข่ายของผู้ให้บริการย่อย และกลับไปใช้เครือข่ายของผู้ให้บริการหลักหลังผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่ง ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ด้วยตัวเอง หรือไม่ต้องกำหนดการตั้งค่าที่ซับซ้อน

ประโยชน์ประการที่สองคือ การปฏิบัติตามมาตรฐาน European Telecommunications Standards Institute (ETSI) และตามมาตรฐาน 3rd Generation Partnership Project (3GPP) เพื่อความเข้ากันได้กับอุปกรณ์หลากหลายประเภท โดยใช้ชุด SIM Toolkit มาตรฐาน ซึ่งช่วยให้แอพเล็ตของซิมสามารถส่งคำสั่งไปยังอุปกรณ์เหล่านี้ได้

ประโยชน์ข้อที่สามคือ ความสะดวกและความสามารถในการใช้งาน:

  • สัญญาแบบรวมศูนย์ การสนับสนุน เป็นต้น
    ผู้ให้บริการหลักและผู้ให้บริการย่อยนั้นให้บริการโดย NTT Com ซึ่งมีความซับซ้อนน้อยกว่าและสมเหตุสมผลมากกว่าการทำสัญญากับผู้ให้บริการย่อยแยกต่างหาก
  • ต้นทุนที่มีการปรับอย่างเหมาะสม
    ผู้ให้บริการหลักนำเสนอแผนที่หลากหลายตามการใช้งานข้อมูล นอกจากนี้ ยังรองรับการแชร์ความจุและการจัดการการใช้งาน SIM5 เพื่อลดต้นทุนระหว่างการสต็อกสินค้าคงคลังรองรับความต้องการของตลาดและของขาดตลาด
  • การจัดการรายการแบบรวมศูนยผ่านพอร์ทัล/API
    สามารถซื้อซิมการ์ดที่รองรับผู้ให้บริการหลายรายโดยใช้การ์ดใบเดียว และสามารถจัดการการดำเนินการ (การสั่งซื้อ การเปิดใช้งาน การระงับ และการยกเลิก) ได้ผ่านเว็บ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ข้อมูลและสร้างธุรกิจผ่าน Smart Data Platform6
    บริการนี้พร้อมใช้งานบน Smart Data Platform ในรูปแบบ IoT Connect Mobile® Type S เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ข้อมูล บริษัทต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากวงจรที่พร้อมใช้งานสูงเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การสร้างโครงสร้างพื้นฐานการใช้ข้อมูลบนแพลตฟอร์ม บริษัทที่นำเสนอการบริการที่รวมอุปกรณ์ IoT และซิมสำหรับลูกค้าจะสามารถจัดการสัญญาและสิทธิพิเศษของผู้ใช้ผ่านพอร์ทัลได้อย่างสะดวกสบาย

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการใช้งานได้ที่ https://sdpf.ntt.com/services/icms/pricing/ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น) หากต้องการเรียนรู้วิธีการสมัคร ผู้ใช้โปรดติดต่อ NTT Com ผ่านแบบฟอร์มสอบถามออนไลน์ หรือติดต่อตัวแทนฝ่ายขายของ NTT Com

หลังจากนี้ NTT Com กำลังวางแผนในการขยายบริการ Active Multi-access SIM™ พร้อมคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การเชื่อมต่อในพื้นที่ปิด

ในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทต่างๆ ได้นำโซลูชัน IoT มาใช้เพื่อการขยายธุรกิจมากขึ้น ความต้องการเครือข่ายที่เชื่อถือได้สูงเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ให้บริการหลากหลาย เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการดังกล่าว NTT Com ได้พัฒนาบริการที่บรรลุความต้องการเครือข่ายในระดับสูงโดยไม่ขึ้นกับอุปกรณ์ IoT โดยมีการนำเสนอแบบทดลองใช้ตั้งแต่วันที่ 28 เดือนมีนาคม ปี 2023 จากการตอบรับจากลูกค้าในช่วงระยะเวลาทดลองใช้ NTT Com ได้มีการปรับปรุงฟังก์ชันต่างๆ และเปิดตัวการบริการแล้วในขณะนี้

ลูกค้ากลุ่มหนึ่งของ NTT Com ให้การรับรองการบริการนี้ ดังต่อไปนี้

CENTURY SYSTEMS Co.,Ltd.
Mr. Susumu Tanaka กรรมการฝ่ายเจ้าหน้าที่ตัวแทน
“บริษัทของเรายินดีต้อนรับ Active Multi-access SIM™ ของ NTT Com เพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ เทคโนโลยีของซิมที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของเราเตอร์ LTE และเกตุเวย์ IoT เป็นอย่างมาก โดยให้บริการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้ ซึ่งเราสามารถใช้ประโยชน์เพื่อนำเสนอโซลูชันที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ซิมขั้นสูงนี้จะนำเสนอความเป็นได้ใหม่ๆ โดยเพิ่มความสามารถในการสื่อสารและประสิทธิภาพในส่วน IoT”

Fibocom Wireless Inc.
Mr. Ronald Chan, รองประธานฝ่ายการขายของ APAC
“การเชื่อมต่อเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับการปรับแปลงทางดิจิทัลโดยใช้ประโยชน์จาก IoT และโซลูชันซิมที่เป็นนวัตกรรมของ NTT Com ช่วยปรับปรุงความสามารถในการใช้งานการเชื่อมต่อไร้สาย ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันไร้สายระดับโลก Fibocom มีความมั่นใจว่า เราสามารถให้บริการเชื่อมต่อไร้สายที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพสำหรับลูกค้าของเรา พร้อมโซลูชันที่รวมซิมเข้ากับโมดูลเซลลูล่าของเรา”

MeiLink Co., Ltd
Mr. Turbo Fukazawa ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย
“มีการนำ IoT ไปใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนั้น เราคิดว่า จะมีความต้องการในการสร้างการสื่อสารที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เราหวังว่า Active Multi-access SIM™ ที่ NTT Com ให้บริการจะเป็นโซลูชันสำหรับปัญหานี้และเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดต่อไป”

สำหรับการสื่อสารข้อมูลเท่านั้น (แต่ไม่มีบริการเสียงหรือ SMS) บริษัทที่กำลังมองหาผู้ให้บริการที่หลากหลายซึ่งรวมบริการเสียงสำหรับสมาร์ทโฟน เป็นต้น ควรพิจารณาบริการย่อย
2 นอกเหนือจากสายบริการล้มเหลว รวมถึงเงื่อนไขที่ทำให้การสื่อสารข้อมูลเป็นไปไม่ได้ เช่น อยู่นอกขอบเขตครอบคลุม เป็นต้น
โปรแกรมขนาดเล็กที่เขียนด้วยภาษา Java และรวมเข้ากับแอปพลิเคชันอื่นเพื่อการดำเนินการ
4 สามารถเข้าไปที่ Smart Data Platform Knowledge Center(เฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น) สำหรับอุปกรณืที่ผ่านการทดสอบความเข้ากันได้ (โดยจะมีการอัปเดตเป็นระยะ) เราขอแนะนำให้ลูกค้าตรวจสอบความเข้ากันได้กับบริการนี้ตามแต่ละอุปกรณ์ โปรดติดต่อ NTT Com เพื่อขอรับซิมชั่วคราวเพื่อยืนยันความเข้ากันได้
การจัดการสถานะสายเครือข่าย เช่น การเปิด การระงับ การดำเนินการต่อ และการยกเลิก
6 Smart Data Platform ช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถเสริมการปรับแปลงดิจิทัลด้วยฟังก์ชันครบวงจรสำหรับการรวบรวมข้อมูล การจัดเก็บ การจัดการ และการวิเคราะห์ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน โปรดไปที่ https://www.ntt.com/business/sdpf/
7 บริการสื่อสารเคลื่อนที่ IoT พร้อมให้บริการในญี่ปุ่นและทั่วโลกที่ใช้ eSIMs และโครงสร้างพื้นฐาน MVNO เต็มรูปแบบ

"IoT Connect Mobile® " เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ NTT Communications
"Active Multi-access SIM™ " เป็นเครื่องหมายการค้าของ NTT Communications

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
สำหรับลูกค้า
5G & IoT Service Department IoT Service Division
Platform Services Division
NTT Communications Corporation
อีเมล: m2m-sales-dps@ml.ntt.com

สำหรับสื่อ
Public Relations Office
NTT Communications Corporation
อีเมล: pr-cp@ntt.com

แหล่งข้อมูล: NTT Communications Corporation

ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพการประชุมสัมมนาเพื่อส่งเสริมการเติบโตและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยูเครน

Logo

เจ้าหน้าที่ภาคส่วนรัฐบาลและตัวแทนภาคธุรกิจสามร้อยคนรวมตัวกันเพื่อแสดงการสนับสนุนการฟื้นตัวของยูเครนจากญี่ปุ่น

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–29 กุมภาพันธ์ 2024

วันที่ 19 เดือนกุมภาพันธ์ ตัวแทนภาคส่วนรัฐบาลญี่ปุ่นและยูเครน รวมถึงองค์กรธุรกิจต่างๆ รวมตัวกันที่โตเกียวเพื่อเข้าร่วมการประชุมสัมมนาญี่ปุ่น-ยูเครน เพื่อส่งเสริมการเติบโตและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

Prime Minister Kishida Fumio emphasized how Japan can contribute to Ukraine’s post-war reconstruction. (Photo by: Cabinet Public Affairs Office)

นายกรัฐมนตรี Kishida Fumio เน้นย้ำเกี่ยวกับญี่ปุ่นจะสามารถมีส่วนร่วมในการฟื้นตัวหลังสงครามของยูเครนได้อย่างไร (ภาพถ่ายโดย: Cabinet Public Affairs Office)

คณะผู้แทนรัฐบาลญี่ปุ่น นำโดย Kishida Fumio นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ให้คำมั่นว่า จะให้การสนับสนุนการฟื้นตัวของยูเครนในระยะยาวผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน คณะผู้แทนยูเครน นำโดย Denys Shmyhal นายกรัฐมนตรียูเครน กล่าวขอบคุณญี่ปุ่นสำหรับความช่วยเหลือ และเรียนเชิญภาคส่วนธุรกิจของญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนเพื่อการฟื้นตัวของยูเครน คณะผู้แทนแต่ละคณะประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ภาครัฐและองค์กรมากกว่า 100 คน มีผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งหมดประมาณ 300 คนและบริษัท 130 แห่ง รัฐบาลทั้งสองเห็นพ้องในการร่วมกันในเจ็ดประเด็นหลัก ได้แก่ การดำเนินการปรับพื้นที่กับระเบิดและการกำจัดขยะ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการฟื้นฟูวิถีชีวิต การพัฒนาด้านการเกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีดิจิทัลและสารสนเทศ โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและพลังงาน และมาตรการต่อต้านการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล

ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษ นายกรัฐมนตรี Kishida กล่าวถึงการสนับสนุนการฟื้นตัวของยูเครนจากสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ว่า เป็น "การลงทุนเพื่ออนาคต" และเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศมีส่วนร่วม “ภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นจะทำงานร่วมกันผ่านแนวทางแบบญี่ปุ่น โดยใช้ความรู้ที่ได้รับจากความพยายามในการฟื้นฟูหลังสงครามและภัยพิบัติของญี่ปุ่น” เขากล่าวในสุนทรพจน์ของเขา “การส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของยูเครนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลงทุนในญี่ปุ่นและทั่วโลกด้วยเช่นกัน” มีการร่างโครงการริเริ่มใหม่สำหรับภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นเพื่อการสนับสนุนยูเครน Kishida ยังประกาศอีกด้วยว่า ญี่ปุ่นจะผ่อนปรนข้อกำหนดวีซ่าเข้าประเทศสำหรับพลเมืองยูเครนที่เกี่ยวข้องกับโครงการความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่น-ยูเครน

นายกรัฐมนตรี Shmyhal กล่าวขอบคุณญี่ปุ่นที่ให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง และขอบคุณนายกรัฐมนตรี Kishida สำหรับการเยือนยูเครนในปี 2023 เขากล่าวเสริมว่า “การประชุมสัมมนาในวันนี้จะเป็นก้าวต่อไปในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างต่อเนื่อง” Shmyhal กล่าวถึงความสำเร็จทางการเงินของบริษัทญี่ปุ่นในยูเครนจนถึงขณะนี้ และมีการเชิญชวนภาคส่วนธุรกิจต่างๆ ให้เข้ามาลงทุนใน “ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจของยูเครน” ที่จะมีขึ้น เขายังเน้นย้ำภาคส่วนหลักต่างๆ เช่น พลังงาน การเกษตร และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นการนำเสนอโอกาสในการลงทุนที่สำคัญ และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ผู้นำทั้งสองเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในความร่วมมือกันตลอดจนความสำคัญของภาคเอกชนในการฟื้นตัวของยูเครน

การประชุมสัมมนาดังกล่าวส่งผลให้มีการประกาศเอกสาร 56 ฉบับ รวมถึงข้อตกลงระหว่างรัฐบาล โดยรัฐบาลทั้งสองมีการลงนามในอนุสัญญาการจัดการเก็บภาษีซ้ำซ้อน โดยจะสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นในยูเครน ยังได้ลงนามในข้อตกลงด้านการให้สินเชื่อทวิภาคี แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเงินช่วยเหลือเพื่อการฟื้นฟูฉุกเฉิน และให้คำมั่นว่า จะร่วมมือกันด้านการศึกษาและเทคโนโลยี

เอกสารอื่นๆ ได้แก่ ข้อตกลงระหว่างหน่วยงานรัฐบาลและภาคส่วนธุรกิจแต่ละรายและองค์กรธุรกิจ บริษัทญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงกับบริษัทยูเครนและหน่วยงานรัฐบาลเพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงาน สร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ กำจัดกับระเบิด และอื่นๆ อีกมากมาย

นับตั้งแต่การรุกรานของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ญี่ปุ่นได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและความช่วยเหลือด้านอื่นๆ แก่ยูเครนมาโดยตลอด โดยการประกาศความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการประชุมสัมมนาครั้งนี้ ญี่ปุ่นวางแผนที่จะใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีและประสบการณ์ในการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ เพื่อเสริมสร้างการสนับสนุนเพื่อการฟื้นตัวสำหรับยูเครน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53903285/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Ministry of Foreign Affairs
+81-(0)3-3580-3311

แหล่งข้อมูล: Ministry of Foreign Affairs of Japan


LiveRamp เปิดตัวแพลตฟอร์มการรวมข้อมูลแบบครบวงจร พร้อมด้วยเทคโนโลยีแบบแยกส่วน

Logo

การปรับปรุงใหม่ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถประสานงานกับคู่ค้า ส่งข้อมูลไปยังปลายทาง และเข้าถึงโซลูชันได้มากขึ้นทั้งหมดจากที่เดียว

ด้วยแพลตฟอร์มที่พร้อมรับมืออนาคต ซึ่งผ่านการปรับปรุงทั้งความเร็วและความสะดวกในการใช้ ทำให้ลูกค้าสามารถมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้นและประสบการณ์ของลูกค้าที่ในแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้นได้

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–28 กุมภาพันธ์ 2024

ในวันนี้ LiveRamp (NYSE: RAMP) ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการรวมข้อมูลรุ่นใหม่จาก /LiveRamp ซึ่งนำโซลูชันสำหรับวงจรการตลาดทั้งหมดมารวมไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ข้อเสนอที่ครอบคลุมนี้มาพร้อมกับความสามารถใหม่ ๆ เช่น อินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่เรียบง่าย เทคโนโลยีแบบแยกส่วนสำหรับการทำงานร่วมกันข้ามคลาวด์ และตลาดคู่ค้าที่ผู้พัฒนาบุคคลที่สามสามารถสร้างแอปพลิเคชันเพื่อแสดงความเชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือ ด้วยการต่อยอดจากเทคโนโลยีที่ทนทานและได้รับการยอมรับ ซึ่งออกแบบมาให้ทนต่อสัญญาณขาดหาย ทำให้แพลตฟอร์มการรวมข้อมูลจาก /LiveRamp มีฟังก์ชันการทำงานในการจัดการข้อควรพิจารณาด้านความเป็นส่วนตัวที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับเร่งการใช้งานการรวมข้อมูลให้ก้าวไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น

สิ่งที่ Gartner® ค้นพบเผยให้เห็นว่า “การตลาดมีบทบาทส่วนใหญ่ในกิจกรรมข้อมูลและการวิเคราะห์ทั่วทั้งบริษัท โดย 71% ของทีมข้อมูลและการวิเคราะห์ด้านการตลาดต้องรับผิดชอบองค์ประกอบของกลยุทธ์ข้อมูลอย่างน้อยหนึ่งส่วนสำหรับองค์กร” LiveRamp นำความสามารถทั้งหมดมารวมไว้ในอินเทอร์เฟซผู้ใช้เดียว พร้อมด้วยการเรียบเรียงที่ช่วยอำนวยความสะดวก ทำให้ลูกค้าประสานงานกับคู่ค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับสถาปัตยกรรมข้อมูลสมัยใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลแบบกระจายตัวเพื่อลดความยุ่งยากบนคลาวด์ ปรับปรุงความสามารถในการใช้งานคลาวด์สำหรับผู้ใช้ทางธุรกิจทุกคน รวมถึงแก้ไขข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากความสะดวกในการใช้งานที่สูงขึ้นและฟังก์ชันการทำงานที่เรียบง่าย ซึ่งปลดล็อกมูลค่าสำหรับทุกความต้องการในการรวมข้อมูลได้อย่างทั่วถึง

  • เพิ่มความสะดวกสบายโดยใช้อินเทอร์เฟซผู้ใช้เดียวด้วยการสร้างต่อยอดจากรากฐานของการเชื่อมต่อข้อมูลประจำตัวที่ดีที่สุด ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วทุกมุมโลก และเทคโนโลยีรองรับความเป็นส่วนตัวที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะ
  • พัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้และเร่งความเร็วสู่การสร้างมูลค่าด้วยไปป์ไลน์การนำเข้าใหม่ที่ลดเวลาในการทำงานจากหลายวันเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง เครื่องมือการบริการตนเองสามารถอนุญาตชุดข้อมูลและส่วนข้อมูลและระบการแจ้งเตือนใหม่สามารถใช้งานควบคู่กับเครื่องมือในสถานที่ทำงานต่าง ๆ เช่น Slack และช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมวิธีการรับข้อมูลได้
  • เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วทั้งระบบนิเวศโดยใช้ประสบการณ์การเปิดใช้งานและการแบ่งส่วนที่มีประสิทธิภาพที่ยึดผู้ใช้ แคมเปญ และการแบ่งส่วนข้ามกลุ่มเป้าหมายเป็นศูนย์กลาง ปรับปรุงผลการดำเนินการด้านการตลาดได้มากขึ้นโดยการผสานรวมกับเทคโนโลยีต่างๆ เช่น Google PAIR ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรับมือกับการสูญเสียคุกกี้ของบุคคลที่สามและสัญญาณที่เลิกใช้งานอื่น ๆ
  • ปลดล็อกความร่วมมือใหม่ ๆ ในข้อมูลบุคคลที่สองและสามด้วยความยืดหยุ่นในการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าข้อมูลบุคคลที่หนึ่งของคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ซึ่งครอบคลุมการใช้งานที่กว้างขวางที่สุดจากที่เดียว
  • ใช้ประโยชน์จากตลาดแอปพลิเคชันของคู่ค้าแห่งใหม่ เริ่มต้นด้วยการค้นพบ การเข้าถึง และการพัฒนาโซลูชันการวัดผลที่ผสานรวมจากเครือข่ายคู่ค้าทั่วโลกของ LiveRamp

“หลักการสำคัญของ Albertsons Media Collective คือการรองรับระบบนิเวศการทำงานร่วมกันที่เชื่อมต่อถึงกันได้มากขึ้น ซึ่งเพิ่มการเข้าถึงข้อมูล พร้อมกับลดการเคลื่อนย้ายข้อมูล” Evan Hovorka รองประธานกรรมการฝ่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของ Albertsons Media Collective กล่าว “LiveRamp ช่วยให้เรารักษาพันธสัญญานี้ได้ด้วยโซลูชันที่พร้อมรับมืออนาคตที่เพิ่มความแม่นยำของสัญญาณ รักษาความเป็นส่วนตัว และปรับการทำงานร่วมกันบนข้อมูลทั่วทุกช่องทางที่สำคัญต่อเครือข่ายของเรามากที่สุด LiveRamp นำความสามารถเหล่านี้มารวมกันได้อย่างลงตัว ซึ่งไม่เพียงเร่งความร่วมมือของเราเอง แต่ยังถ่ายทอดมูลค่าที่เรามอบให้กับลูกค้า ผู้ลงโฆษณา และระบบนิเวศส่วนรวมของเราได้”

“โซลูชัน Lift จาก Circana เป็นมาตรฐานในการวัดผลการค้าปลีกและ CPG สามารถรวมข้อมูลที่ระดับครัวเรือนเพื่อปลดล็อกข้อมูลเชิงลึกสำหรับผู้ลงโฆษณา พวกเขาจึงสามารถวัดผลและปรับการลงทุนกับสื่อให้เหมาะสมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการขายได้” Harvey Goldhersz รองประธานกรรมการบริหารจาก Circana กล่าว “เมื่อใช้ LiveRamp ผู้ลงโฆษณาสามารถจดจ่อกับข้อความสร้างสรรค์ รูปแบบโฆษณา กลุ่มเป้าหมาย และการจัดตำแหน่งสื่อเพื่อให้ขับเคลื่อนการค้าปลีกได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลิตผลสูงสุด ผู้ลงโฆษณาที่ใช้โซลูชัน Lift จาก Circana ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการโฆษณา (ROAS) สูงสุด 80% เราตื่นเต้นที่ได้เปลี่ยนมาใช้ความสามารถนี้สำหรับ LiveRamp ซึ่งนำความเร็ว ความครอบคลุมที่เหนือชั้น และความแม่นยำสู่กลุ่มเป้าหมายที่กว้างขวางยิ่งขึ้นของ Circana มาใช้งาน”

การเปิดตัวแพลตฟอร์มการรวมข้อมูลแบบครบวงจรจาก /LiveRamp ตามมาหลังจากการควบรวมกิจกรรมของบริษัท Habu เพื่อเร่งกระบวนการรวมข้อมูลผ่านเทคโนโลยีห้องปลอดเชื้อ ที่มีประสิทธิภาพ ลูกค้าที่ใช้ LiveRamp Clean Room ซึ่งให้บริการโดย Habu บนแพลตฟอร์มของพวกเขาสามารถวัดผลแคมเปญได้ในทุกระบบ Walled Gardens แพลตฟอร์มสื่อ และช่องทางที่เป็นระบบ พร้อมกับเชื่อมต่อข้อมูลข้ามคลาวด์ คลังข้อมูล และห้องปลอดเชื้อได้อย่างราบรื่น

“ลูกค้าของ LiveRamp ได้สอบถามเกี่ยวกับโซลูชันที่มีความเรียบง่ายและความครอบคลุมมากขึ้นเพื่อปลดล็อกมูลค่าของข้อมูลและขับเคลื่อนข้อได้เปรียบในการแข่งขัน” Kimberly Bloomston ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ LiveRamp กล่าวเสริม “การเปิดตัวแพลตฟอร์มแบบครบวงจรของเราสามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้โดยการกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการรวมข้อมูลอันทรงพลัง ซึ่งสร้างขึ้นต่อยอดจากเทคโนโลยีที่รักษาความเป็นส่วนตัวและสามารถรับมือข้อกำหนดการทนต่อสัญญาณขาดหายและความเป็นส่วนตัวที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้ การควบรวมกิจการของ Habu โดย LiveRamp ล่าสุดช่วยเสริมสร้างความสามารถของเราในการช่วยให้ลูกค้าทำงานร่วมกัน ใช้งานข้อมูลได้จากทุกตำแหน่ง และวัดผลได้จากทุกที่”

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานการรวมข้อมูลอันกว้างขวางที่ LiveRamp สามารถปลดล็อกให้บริษัทของคุณได้ที่ liveramp.com/our-platform

เกี่ยวกับ LiveRamp

LiveRamp คือแพลตฟอร์มการรวมข้อมูลตามความต้องการสำหรับบริษัทล้ำนวัตกรรมที่สุดของโลก ผู้นำที่รักการค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค จริยธรรมด้านข้อมูล และข้อมูลประจำตัวขององค์กร LiveRamp กำลังกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการสร้างมุมมองลูกค้าที่เชื่อมต่อถึงกันที่มีความชัดเจนและบริบทที่ไม่มีใครเทียบได้ พร้อมกับปกป้องแบรนด์อันมีค่าและความไว้วางใจของผู้บริโภค LiveRamp นำเสนอความยืดหยุ่นในการทำงานร่วมกันจากทุกที่โดยไม่ต้องกังวลถึงตำแหน่งของข้อมูลเพื่อรองรับการใช้งานการรวมข้อมูลที่กว้างขวางที่สุด ไม่ว่าจะเป็นภายในองค์กร ระหว่างแบรนด์ และเครือข่ายคู่ค้าคุณภาพสูงทั่วโลก

นักคิดค้นนวัตกรรมทั่วโลกหลายร้อยราย ตั้งแต่แบรนด์สินค้าผู้บริโภคชั้นนำและยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีไปจนถึงธนาคาร ร้านค้าปลีก และผู้นำด้านการดูแลสุขภาพหันมาใช้ LiveRamp เพื่อสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืนและมูลค่าทางธุรกิจโดยการเจาะลึกการมีส่วนร่วมและความภักดีของลูกค้า เริ่มต้นความร่วมมือใหม่ ๆ และเพิ่มพูนมูลค่าของข้อมูลบุคคลที่หนึ่งจนถึงขีดสุด พร้อมกับรักษาตำแหน่งในแนวหน้าของการปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว LiveRamp ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.liveramp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

Michelle Millsap
PR@liveramp.com

แหล่งที่มา: LiveRamp

ผู้ที่ได้รับรางวัลแชมป์เครือข่ายการบินของ OAG ใน ASPAC

Logo

VietJet Air เป็นผู้นําเครือข่ายสายการบินที่ได้รับการปรับปรุงมากที่สุด

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–28 กุมภาพันธ์ 2024

OAG แพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนําของโลกสําหรับอุตสาหกรรมการเดินทางทั่วโลก ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล Asia-Pacific (ASPAC) Aviation Network Champions รายชื่อนี้เชิดชูการเดินทางสู่สายการบินและสนามบินในภูมิภาค ASPAC ที่มีมาตั้งแต่ปี 2019 หมวดหมู่หลักจะพิจารณาจากการเติบโตของความถี่ และขีดความสามารถในการรองรับ สําหรับผู้ให้บริการทั้งระยะไกลและระยะสั้น เครือข่ายที่ได้รับการปรับปรุงมากที่สุด และเส้นทางที่ได้รับการฟื้นฟู

การใช้เครือข่ายข้อมูลเที่ยวบินและประสิทธิภาพทางการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก OAG จึงได้กําหนดสายการบินและสนามบินที่ประสบความสําเร็จมากที่สุด โดยพิจารณาจากการเติบโตของการเชื่อมต่อ ขีดความสามารถ และการฟื้นฟู หมวดหมู่ประกอบด้วย:

  • สายการบินที่มีการเติบโตของขีดความสามารถในการรองรับ: ได้รับรางวัลการเติบโตสูงสุด (%)ในการรองรับของสายการบินระหว่างปี 2019-2023
  • สายการบินที่มีความถี่เพิ่มขึ้น: สายการบินที่มีความถี่เที่ยวบินเพิ่มขึ้นสูงสุด(%) ระหว่างปี 2019-2023
  • สายการบินเครือข่ายที่ได้รับการปรับปรุงมากที่สุด: สายการบินที่เพิ่มเส้นทางการบินใหม่มากที่สุดในปี 2023 เทียบกับปี 2019
  • สนามบินที่ได้รับการฟื้นฟูมากที่สุด: พิจารณาจากการเติบโตของขีดความสามารถในการรองรับของสายการบิน (%) ระหว่างปี 2019-2023
  • สนามบินที่เติบโตเร็วที่สุด: อัตราการเติบโตสูงสุด (%) ในการเปลี่ยนแปลงการรองรับของสายการบินจากไตรมาสที่ 4 ปี 2023 เทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2022

VietJet เป็นผู้นํากลุ่มสายการบินในสามประเภท ได้แก่ การเติบโตของขีดความสามารถในการรองรับและการเติบโตของความถี่ (ทั้งสําหรับ LCC ระยะสั้น) และเครือข่ายที่ได้รับการปรับปรุงมากที่สุด จาการ์ตา ซูการ์โน-ฮัตตา เป็นสนามบินที่ได้รับการฟื้นฟูมากที่สุด และฮ่องกงเป็นสนามบินที่เติบโตเร็วที่สุด นอกจากนี้รายการดังกล่าวยังยกย่องประสิทธิภาพของเส้นทางหลักในปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึง อิชอน – โตเกียว นาริตะ ในฐานะคู่เมืองระหว่างประเทศที่มีการแข่งขันสูงที่สุด

"ตลาดการบินทั่วโลกฟื้นตัวเต็มที่แล้ว โดยที่ ASPAC ยังตามหลังอยู่ ขึ้นอยู่กับเศรษฐศาสตร์มหภาคทั่วโลก และการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ของตลาดขาออกของจีน การฟื้นตัวเต็มรูปแบบน่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2024 หรือต้นปี 2025" Mayur Patel หัวหน้าภูมิภาค ASPAC ของ OAG กล่าว "ด้วยจำนวนคําสั่งซื้อเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค รายได้หลังหักภาษีที่เพิ่มขึ้น และความหิวโหยในการเดินทาง ASPAC จึงพร้อมที่จะเป็นผู้นําอุตสาหกรรมในทศวรรษหน้า"

หากต้องการดูรายชื่อผู้ได้รับรางวัล Asia-Pacific Aviation Network Champions ของ OAG ทั้งหมด โปรดไปที่ www.oag.com/aviation-network-champions

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนําสําหรับอุตสาหกรรมการเดินทางทั่วโลก ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ปี 1929 โดยมีเครือข่ายข้อมูลการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ในเดือนกรกฎาคม ปี 2023 OAG ได้เข้าซื้อกิจการ Infare ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านข้อมูลการเดินทางทางอากาศของคู่แข่ง ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของสายการบินและผู้เล่นในอุตสาหกรรมการเดินทางอื่น ๆ ในการตัดสินใจด้านราคาอย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ปี 2000 OAG และ Infare ร่วมกันกลายเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มข้อมูลที่เชื่อถือได้มากที่สุดสําหรับการบิน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สอบถามข้อมูลสื่อ
Chrissy Azevedo, Corporate Ink for OAG
pressoffice@oag.com

ที่มา: OAG

GIGABYTE จุดประกายวิสัยทัศน์ AI และ 5G ในงาน MWC 2024 เน้นซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ Edge AI และการอัพเกรดด้านไอทีที่ยั่งยืน

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–26 กุมภาพันธ์ 2024

GIGABYTE Technology ผู้บุกเบิกด้านไอทีที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมระดับโลกผ่านคลาวด์ และระบบประมวลผล AI นําเสนอโซลูชันการประมวลผลระดับองค์กรที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในงาน MWC 2024 โดยมีเซิร์ฟเวอร์ที่บุกเบิก โซลูชั่นการประมวลผลเพื่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี edge AI ภายใต้ธีม “อนาคตของการประมวลผล”ความก้าวหน้าเหล่านี้นํามาซึ่งความเป็นไปได้ใหม่ๆ สําหรับกลยุทธ์ด้านไอทีที่คล่องตัวและยั่งยืน ช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถควบคุมข้อมูลอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ผ่านศูนย์ข้อมูล คลาวด์ เอดจ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อกันหลายมิติ ส่งผลให้ประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าคุ้มทุน และความได้เปรียบในการแข่งขันเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนโดยการทํางานร่วมกันของเทคโนโลยี 5G และ AI

GIGABYTE Ignites AI and 5G Visions at MWC 2024, Highlighting New Supercomputers, Edge AI and Sustainable IT Upgrades (Photo: Business Wire)

GIGABYTE จุดประกายวิสัยทัศน์ AI และ 5G ในงาน MWC 2024 เน้นซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ Edge AI และการอัพเกรดด้านไอทีที่ยั่งยืน (รูปภาพ: Business Wire)

เปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ใหม่

GIGABYTE นำเสนอ G593-ZX1/ZX2 ซึ่งเป็น AI server ที่มี AMD Instinct™ MI300X 8-GPU ซึ่งเป็นส่วนเสริมใหม่ในซีรีส์เซิร์ฟเวอร์ AI/HPC เรือธงของ GIGABYTE การจัดแสดงไฮไลท์อื่น ๆ ได้แก่ H223-V10 ความหนาแน่นสูงที่รองรับ NVIDIA Grace Hopper Superchip เซิร์ฟเวอร์ G383-R80 ที่รองรับ AMD Instinct™ MI300A APU สี่ตัว และเซิร์ฟเวอร์ AI ซีรีส์ G593 ที่มาพร้อมกับ NVIDIA HGX H100 8-GPU อันทรงพลัง

ที่อยู่ติดกับเซิร์ฟเวอร์ AI/HPC ที่บุกเบิกเหล่านี้ คือเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลแบบอาเรย์แฟลชล้วน S183-SH0 ด้วยความจุ 32 E1.S NVMe SSDs จึงมอบการจัดเก็บข้อมูลความเร็วสูง เหมาะอย่างยิ่งสําหรับการจัดการเวิร์กโหลด AI ที่ซับซ้อน เช่น โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) โดยรวมแล้วเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้สามารถรวมเข้ากับคลัสเตอร์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์และเฟรมเวิร์ก 5G ได้ ซึ่งทําหน้าที่เป็นรากฐานที่สําคัญของโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมใช้งาน AI และขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางธุรกิจและการวิจัยในระดับ exascale

แพลตฟอร์ม Edge ที่ยืดหยุ่นสําหรับเฟสต่อไปของ 5G และ AI

ภายในบูธ GIGABYTE ได้เปิดตัว Edge Server E263-S30 ที่ปรับเปลี่ยนได้สูง E263-S30 ล้อมรอบด้วยพาวเวอร์ซัพพลายและมาเธอร์บอร์ด ควบคู่ไปกับ NIC และตัวเร่งความเร็วจาก AMD, Broadcom, Intel และ NVIDIA เป็นตัวอย่างว่า เซิร์ฟเวอร์โมดูลาร์ของ GIGABYTE  ตอบสนองต่อสถานการณ์ด้านไอทีที่หลากหลายได้อย่างไร โดยการอัพเกรดข้อกําหนดฮาร์ดแวร์ต่างๆ ภายในแชสซีแบบครบวงจร ความยืดหยุ่นนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงเครื่องมือในการเร่งการปรับใช้เครือข่าย 5G ขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนการบํารุงรักษาและอัปเกรด

โซลูชันแบบครบวงจรสําหรับการอัเกรดไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อม

การกระจายความร้อนส่วนเกินจากเซิร์ฟเวอร์กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทําให้สิ้นเปลืองพลังงาน GIGABYTE จัดการกับความท้าทายนี้ด้วยการนําเสนอ A1P0-EB0 ซึ่งเป็นถังระบายความร้อนแบบจุ่ม 25U EIA ขนาดใหญ่ ซึ่งแสดงการกระจายความร้อนของเซิร์ฟเวอร์ที่โดดเด่นสูงถึง 80kW และ PUE ที่ต่ำถึง 1.02 GIGABYTE ยังมีเซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมสำหรับการแช่ที่หลากหลาย รองรับทั้งโปรเซสเซอร์ Intel และ AMD และรองรับเวิร์กโหลดทุกประเภท. พวกเขาเป็นตัวอย่างว่าโซลูชันการประมวลผลเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมของ GIGABYTE ช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถลดการใช้พลังงานและบรรลุต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่ดีขึ้นได้อย่างไร

เซิร์ฟเวอร์องค์กรอเนกประสงค์พร้อมความสามารถด้านเครือข่ายที่แข็งแกร่ง

GIGABYTE นําเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ที่หลากหลาย ซึ่งออกแบบมาสําหรับโทรคมนาคม ผู้ให้บริการคลาวด์ องค์กร และ SMB ช่วยให้สามารถสร้างสถาปัตยกรรมดิจิทัลแบบเปิดและปลอดภัยในสภาพแวดล้อมเครือข่าย เซิร์ฟเวอร์ Arm รุ่น R163-P32 มีระบบคอร์หนาแน่นที่ประหยัดพลังงาน ซึ่งมอบความได้เปรียบในการปฏิบัติงานสําหรับเวิร์กโหลดบนคลาวด์ขนาดใหญ่

ในเวิร์กโหลด AI และแอปพลิเคชันเอดจ์คลาวด์  เซิร์ฟเวอร์ R243-EG0 และ R143-EG0 รองรับโปรเซสเซอร์ AMD EPYC™ 8004 Series ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมต่อวัตต์ และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมโทรคมนาคม สําหรับโซลูชันไอทสำหรับ SMB GIGABYTE ขอแนะนํา R113-C10 และ R123-X00 ซึ่งมาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ 7000 และ Intel® Xeon® E-2400 เพื่อให้มั่นใจถึงการดําเนินงานด้านไอทีที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บโฮสติ้ง ไฮบริดคลาวด์ และการจัดเก็บข้อมูล

เทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเองที่มีความแม่นยําสูงซึ่งขับเคลื่อนโดย Edge AI

การบูรณาการเทคโลยีล้ำสมัย อัลกอริธึม AI และชิปล้ำสมัย ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) และ ระบบเทเลเมติกส์ ของ GIGABYTE ทําให้การตัดสินใจในการขับขี่แบบเรียลไทม์เพื่อประสบการณ์การขับขี่ด้วยตนเองที่ปลอดภัยและชาญฉลาด ด้วยอินเทอร์เฟซ I/O ที่สมบูรณ์แบบ จึงผสานรวมกับอุปกรณ์ตรวจจับต่างๆ ได้อย่างราบรื่น รวมถึงกล้อง เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก LiDAR และเรดาร์ mmWave รวบรวมข้อมูลสภาพแวดล้อมที่ครอบคลุม เพื่อนําทางยานพาหนะไปตามเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดภายใต้สภาพถนนแบบไดนามิกและท้าทาย

เยี่ยมชม MWC event page ของ GIGABYTE

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE Technology

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53899099/en


Rimkus เฉลิมฉลองการดำเนินงานมาเป็นเวลา 40 ปี พร้อมการลงทุนจาก HGGC

Logo

ความร่วมมือกับ HGGC จะเพิ่มศักยภาพให้กับ Rimkus ในการเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญและขยายการเข้าถึงตลาดได้มากยิ่งขึ้น

HOUSTON–(BUSINESS WIRE)–22 กุมภาพันธ์ 2024

Rimkus Consulting Group, Inc. ("Rimkus") ผู้นำระดับโลกในการให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรมและทางเทคนิค ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้รับการลงทุนเพื่อการเติบโตเชิงกลยุทธ์จาก HGGC ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำในการลงทุนตลาดระดับกลาง โดยนักลงทุนรายย่อยปัจจุบันของ Century Equity Partners และทีมผู้บริหารของ Rimkus จะนำหุ้นที่มีนัยสำคัญนี้เข้าสู่ธุรกรรมดังกล่าว แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางการเงินของข้อตกลงนี้

“เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับ HGGC ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของเรา การลงทุนของบริษัทไม่เพียงแต่เป็นการตระหนักถึงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทของทีม Rimkus แต่ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของพวกเราอีกด้วย ด้วยความเชี่ยวชาญและทรัพยากรของ HGGC เราพร้อมที่จะก้าวไปสู่มิติใหม่ และขยายข้อเสนอการบริการของเราเพื่อมอบมูลค่าที่มากยิ่งขึ้นแก่ลูกค้าของเรา” Jonathan Higgins ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Rimkus กล่าว

Rimkus ให้บริการด้านการให้คำปรึษาทางวิศวกรรมและทางเทคนิคให้แก่ลูกค้าทั่วโลก รวมถึง องค์กร สำนักงานกฎหมาย บริษัทประกันภัย ผู้บริหารจัดการบุคคลที่สาม และหน่วยงานภาครัฐ ความร่วมมือครั้งใหม่กับ HGGC จะช่วยให้ Rimkus สามารถขยายการบริการให้กว้างยิ่งขึ้น ให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และสร้างชื่อเสียงให้เป็นบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำทางเทคนิคในอนาคต

“Rimkus เป็นบริษัทชั้นนำที่ได้รับการพิสูจน์แล้วด้วยแบรนด์ที่ยอดเยี่ยมและวัฒนธรรมที่แตกต่างอย่างแท้จริง ประวัติและชื่อเสียงของบริษัทเป็นที่รู้จักและยอมรับกันในหมู่ลูกค้า จึงเป็นพันธมิตรที่น่าดึงดูดใจยิ่งสำหรับเรา” HGGC กล่าว “เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ Rimkus สามารถบรรลุการเติบโต โดยขยายขอบเขตการให้บริการ เพิ่มพูนความเชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อเสริมการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น”

ตั้งแต่ปี 2020 Rimkus มีการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์มาแล้ว 15 แห่ง มีการขยายเครือข่ายจนปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,500 คน และมีสำนักงานมากกว่า 110 แห่งทั่วโลก นับจากมีการรีแบรนด์เชิงกลยุทธ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Rimkus ได้ปรับปรุงขอบเขตการดำเนินงานที่มีอยู่ให้ก้าวนำความต้องการของลูกค้าทั่วโลก และมีการลงทุนมหาศาลในโซลูชันทางเทคโนโลยี และบุคลากร ซึ่งทำให้บริษัทยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการบริการที่ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง

“ด้วยแรงผลักดันการเติบโตที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว เรามีความยินดีที่จะให้การสนับสนุน Rimkus และร่วมมือกับ HGGC รวมถึงทีมผู้บริหารเพื่อขยายความเป็นผู้นำในตลาดให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น” Century Equity Partners กล่าว

J.P. Morgan ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียวของ Rimkus โดย Baird เป็นที่ปรึกษาของ Century Equity Partners และ Piper Sandler เป็นที่ปรึกษาของ HGGC

เกี่ยวกับ Rimkus
Rimkus เป็นผู้ให้บริการให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรมและทางเทคนิคทั่วโลกแก่องค์กรต่างๆ บริษัทประกันภัย สำนักงานกฎหมาย และหน่วยงานภาครัฐ Rimkus มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศาในการให้คำปรึกษาด้านนิติวิทยาศาสตร์ การระงับข้อพิพาท และการบริการบริหารจัดการด้านการก่อสร้าง โซลูชันสำหรับสภาพแวดล้อม และการสนับสนุนปัจจัยสำหรับมนุษย์ในภาคส่วนอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และการดูแลสุขภาพ เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้วที่วิศวกร สถาปนิก นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคมืออาชีพของบริษัทได้รับการยอมรับในความมุ่งมั่นในการให้บริการที่เป็นเลิศจากชุมชนธุรกิจในท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ Rimkus มีสำนักงานมากกว่า 110 แห่งทั่วโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.rimkus.com

เกี่ยวกับ HGGC
HGGC เป็นองค์กรด้านการลงทุนภาคเอกชนที่มุ่งเน้นคุณค่าและการเป็นหุ้นส่วน ระบบนิเวศขององค์กรประกอบด้วยนักลงทุน ผู้ประกอบการ และผู้เชี่ยวชาญต่างมีภารกิจร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวในการพัฒนาองค์กรชั้นนำ และสร้างคุณค่าระยะยาวร่วมกัน HGGC มีการลงทุนในเทคโนโลยี บริการทางธุรกิจ บริการทางการเงิน และองค์กรผู้บริโภค ซึ่งมีมูลค่าโดยทั่วไประหว่าง 200 ล้านเหรียญสหรัฐ – 1.5 พันล้านเหรียญสหรัญ บริษัทมีที่ตั้งอยู่ในเมือง Palo Alto, CA และบริหารจัดการภาระผูกพันด้านทุนสะสมมากกว่า 6.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2007 HGGC มีการลงทุนในกว่า 600 แพลตฟอร์ม มีการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม มีการเพิ่มทุน และมีการปรับสภาพคล่องกว่าโดยมีมูลค่าธุรกรรมรวมกว่า 71 พันล้านเหรียญสหรัฐ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงรายการลงทุนทั้งหมดทั้งในปัจจุบันและอดีตได้ที่ www.hggc.com

เกี่ยวกับ Century Equity Partners
Century Equity Partners, LLC ("Century") เป็นองค์กรเอกชนด้านเงินทุน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Boston โดยมีการจัดหาเงินทุนสำหรับบริษัทในตลาดระดับกลางและระดับล่างที่กำลังมองหาการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโต หรือซื้อกิจการกองทุน มีการซื้อหุ้นบางส่วน หรือมีการปรับฐานเพื่อเพิ่มทุน Century มุ่งเน้นในบริษัทที่ดำเนินงานภาคประกันภัย การบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่ง การเงินเฉพาะด้าน และภาคส่วนการบริการทางการธนาคารและกู้ยืม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53899544/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ
สำหรับ Rimkus
Victoria Cook
Pierpont Communications for Rimkus
vcook@piercom.com
+1-713-627-2223

สำหรับ HGGC
Trevor Blaisdell
Stanton
TBlaisdell@StantonPRM.com
+1-646-502-3532

แหล่งข้อมูล: Rimkus Consulting Group, Inc.

โตชิบาเปิดตัว Power MOSFETs พร้อมไดโอดความเร็วสูงที่จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของหน่วยจ่ายกำลัง

Logo

สมาชิกใหม่ในซีรีส์ DTMOSVI รุ่นล่าสุดซึ่งใช้โครงสร้างแบบ Super Junction

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น –(BUSINESS WIRE)–22 กุมภาพันธ์ 2024

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("โตชิบา") ได้เพิ่ม DTMOSVI(HSD) ซึ่งเป็นทรานซิสเตอร์ Power MOSFETs ที่มีไดโอดความเร็วสูงและเหมาะสำหรับหน่วยจ่ายกำลังกลุ่ม Switching Power Supply รวมถึงศูนย์ข้อมูลและเครื่องกรองไฟฟ้า PV ในรุ่นล่าสุดของซีรีส์[1] DTMOSVI ซึ่งใช้โครงสร้างแบบ Super Junction โดยสองผลิตภัณฑ์แรกสุดอย่าง Power MOSFETs 650V N-channel ในแพ็กเกจ TO-247 อย่าง "TK042N65Z5” และ “TK095N65Z5" จะเริ่มจัดส่งในวันนี้

Toshiba: DTMOSVI(HSD), power MOSFETs with high-speed diodes that help to improve efficiency of power supplies. (Graphic: Business Wire)

โตชิบา: DTMOSVI(HSD) Power MOSFETs พร้อมไดโอดความเร็วสูงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยจ่ายกำลัง (ภาพ: Business Wire)

บรรดาผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะใช้ไดโอดความเร็วสูงเพื่อปรับปรุงการฟื้นตัวของไดโอด[2] ในแง่ของคุณสมบัติต่างๆ ที่สำคัญสำหรับการใช้งานในวงจรบริดจ์และวงจรอินเวอร์เตอร์ เมื่อเทียบกับ DTMOSVI แบบมาตรฐาน ทรานซิสเตอร์รุ่นใหม่ใช้เวลาในการฟื้นตัว (trr) น้อยลงถึง 65% และประจุฟื้นตัว (Qrr) น้อยลง 88% (สภาวะแวดล้อมการวัดผล: -dIDR/dt= 100A/μs)

กระบวนการ DTMOSVI(HSD) ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ใหม่ช่วยปรับปรุงคุณสมบัติในการฟื้นตัวของซีรีส์ DTMOSIV ที่ใช้ไดโอดความเร็วสูง (DTMOSIV(HSD)) ของโตชิบา โดยมีกระแสคัตออฟที่ขั้วเดรนต่ำลงที่อุณหภูมิสูง ส่วน Figure of Merit “Drain-Source On-resistance × Gate-Drain Charge” ก็ต่ำลงเช่นกัน  กระแสคัตออฟที่ขั้วเดรนที่อุณหภูมิต่ำของ TK042N65Z5 ต่ำลงประมาณ 90%[3] ส่วน Drain-Source On-resistance × Gate-Drain Charge ต่ำลง 72% เมื่อเทียบกับ TK62N60W5 รุ่นปัจจุบันของโตชิบา[4] [5] ตัวเลขที่ดีขึ้นนะจะช่วยลดการสูญเสียพลังงานของอุปกรณ์และปรับปรุงประสิทธิภาพ โดย TK042N65Z5 มีประสิทธิภาพของหน่วยจ่ายกำลังดีกว่า TK62N60W5 รุ่นปัจจุบันสูงสุด 0.4% ดังที่วัดได้ในวงจร LLC 1.5kW[6]

สามารถดูงานออกแบบอ้างอิง “หน่วยจ่ายกำลังเซิร์ฟเวอร์ 1.6kW (รุ่นอัปเกรด)” ที่ใช้ TK095N65Z5 ได้แล้ววันนี้บนเว็บไซต์ของโตชิบา นอกจากนี้ โตชิบายังมีเครื่องมือให้ใช้สนับสนุนการออกแบบวงจรสำหรับ Switching Power Supply ด้วย นอกจากรุ่น G0 SPICE ที่ยืนยันการทำงานของวงจรได้ในเวลาอันสั้นแล้ว ยังมีรุ่น G2 SPICE ที่จำลองคุณสมบัติชั่วครู่ได้อย่างแม่นยำพร้อมให้ใช้งานเช่นกัน

โตชิบามีแผนที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ DTMOSVI(HSD) ด้วยการเปิดตัวอุปกรณ์ต่างๆ ในแพ็กเกจ TO-220 และ TO-220SIS แบบ Through-hole และแพ็กเกจ TOLL และ DFN แบบ 8×8 Surface-mount

บริษัทจะยังคงขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ DTMOSVI ต่อไป นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ 650V และ 600V ที่เปิดตัวไปแล้ว และผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีไดโอดความเร็วสูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ Switching Power Supply ส่งผลให้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น

หมายเหตุ:
[1] ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2024 ตามการสำรวจของโตชิบา
[2] การดำเนินการสวิตชิ่งซึ่งตัวไดโอดของ MOSFET จะเปลี่ยนจากไบแอสตรงไปเป็นไบแอสแบบย้อนกลับ
[3] วัดค่าโดยโตชิบา ค่าที่ได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ TK042N65Z5 คือ 0.2mA (สภาวะแวดล้อมการทดสอบ: VDS=650V, VGS=0V, Ta=150°C)
ค่าที่ได้จากผลิตภัณฑ์เดิม TK62N60W5 คือ 1.9mA (สภาวะแวดล้อมการทดสอบ: VDS=600V, VGS=0V, Ta=150°C)
[4] ซีรีส์ DTMOSIV(HSD) 600V
[5] วัดค่าโดยโตชิบา
สภาวะแวดล้อมการทดสอบ:
TK62N60W5
• RDS(ON): ID=30.9A, VGS=10V, Ta=25°C
• Qgd: VDD=400V, VGS=10V, ID=61.8A, Ta=25°C
TK042N65Z5
• RDS(ON): ID=27.5A, VGS=10V, Ta=25°C
• Qgd: VDD=400V, VGS=10V, ID=55A, Ta=25°C
[6] วัดค่าโดยโตชิบา
สภาวะแวดล้อมการทดสอบ: Vin=380V, Vout=54V, Ta=25°C

การใช้งาน

อุปกรณ์อุตสาหกรรม

  • Switching Power Supply (เซิร์ฟเวอร์ศูนย์ข้อมูล อุปกรณ์สื่อสาร เป็นต้น)
  • สถานีชาร์จ EV
  • เครื่องกรองไฟฟ้า PV
  • ระบบสำรองไฟฟ้า

 คุณสมบัติ

  • MOSFETs ที่มีไดโอดความเร็วสูงในซีรีส์ DTMOSVI รุ่นล่าสุด
  • เวลาฟื้นตัวเนื่องจากไดโอดความเร็วสูง:
    TK042N65Z5 trr=160ns (ปกติ)
    TK095N65Z5 trr=115ns (ปกติ)
  • สวิตชิงได้ด้วยความเร็วสูงเนื่องจากมี Gate-Drain Charge ต่ำ:
    TK042N65Z5 Qgd=35nC (ปกติ)
    TK095N65Z5 Qgd=17nC (ปกติ)

ข้อมูลจำเพาะสำคัญ

(Ta=25°C เว้นแต่ระบุเป็นอื่น)

หมายเลขชิ้นส่วน

TK042N65Z5

TK095N65Z5

แพ็กเกจ

ชื่อ

TO-247

ขนาด (มม.)

ปกติ

15.94×20.95, t=5.02

สัมบูรณ์

สูงสุด

ระดับ

Drain-Source Voltage VDSS (V)

650

Drain Current (DC) ID (A)

55

29

Drain-Source On-resistance RDS(ON) (Ω) 

VGS=10 V

สูงสุด

0.042

0.095

Gate charge รวม Qg (nC)

ปกติ

105

50

Gate-Drain charge Qgd (nC)

ปกติ

35

17

ความจุไฟฟ้าขาเข้า Ciss (pF)

ปกติ

6280

2880

ความต้านทางความร้อน Channel-to-case Rth(ch-c) (°C/W)

สูงสุด

0.347

0.543

เวลาฟื้นตัว  trr (ns)

ปกติ

160

115

ซีรีส์ปัจจุบันของโตชิบา (DTMOSIV) หมายเลขชิ้นส่วน

TK62N60W5[7]

TK35N65W5,

TK31N60W5[7]

หมายเหตุ:
[7] VDSS=600V

คลิกลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TK042N65Z5
TK095N65Z5

คลิกลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MOSFETs ของโตชิบา
MOSFETs

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชั่นเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง โดยใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมที่สั่งสมมากว่าครึ่งศตวรรษในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน, ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ
พนักงานของบริษัทนับ 21,500 คนทั่วโลกต่างร่วมกันมุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างคุณค่าและตลาดใหม่ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีเกือบ 8 แสนล้านเยน (6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) บริษัท Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ตั้งตารอที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกที่
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53899054/en

ข้อมูลติดต่อ

สอบถามข้อมูลลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์กำลัง
โทร: +81-44-548-2216
ติดต่อเรา

สอบถามข้อมูลสื่อ:
Chiaki Nagasawa
Digital Marketing Dept.
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation


การโรมมิ่งข้อมูลโดยไม่ต้องกังวล ในทุกแอป: eSIM Innovator 1GLOBAL มอบบริการโรมมิ่งของตัวเองให้กับกลุ่มเทคโนโลยีทางด้านการเงิน (FinTech)

Logo

  • ความสนใจที่เพิ่มขึ้นในการผสานรวม API การสื่อสารเคลื่อนที่อันเป็นเอกลักษณ์ของ 1GLOBAL จากบริษัทด้านการเดินทางและการเงิน
  • แพ็คเกจข้อมูลทั่วโลกที่ไม่มีค่าบริการโรมมิ่งถูกนำเสนอให้กับลูกค้าชาวยุโรปหลายล้านคนในเร็วๆ นี้
  • กลุ่มเทคโนโลยีทางด้านการเงิน (FinTech) กลายเป็นกลุ่มแรกในภาคส่วนที่บูรณาการเทคโนโลยี 1GLOBAL เข้ากับแอปธนาคาร

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–23 กุมภาพันธ์ 2024

อุตสาหกรรมต่างๆ ที่ใช้บริการที่เป็นนวัตกรรมของ 1GLOBAL ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากลูกค้าชาวยุโรปมากกว่า 30 ล้านรายจะหลีกเลี่ยงการเสียค่าบริการโรมมิ่งในกว่า 160 ประเทศในเร็วๆ นี้ได้

Data Roaming Without Worries, Now in Every App: eSIM Innovator 1GLOBAL gives FinTech its Own Roaming Service. (Graphic: Business Wire)

โรมมิ่งข้อมูลได้โดยไม่ต้องกังวล พร้อมแล้ววันนี้ในทุกแอป: eSIM Innovator 1GLOBAL มอบบริการโรมมิ่งของตัวเองให้กับกลุ่มเทคโนโลยีทางด้านการเงิน (FinTech) (กราฟฟิก: Business Wire)

ด้วยการบูรณาการ 1GLOBAL API อย่างสมบูรณ์ ทำให้เทคโนโลยีทางด้านการเงิน(fintech) Revolut ระดับโลกช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงเครือข่ายมือถือราคาประหยัดทั่วโลกของ 1GLOBAL ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานแล้ว SIM แบบฝัง (eSIM) จะถูกสร้างขึ้นสำหรับอุปกรณ์มือถือ

"ผู้ใช้สามารถติดตั้ง eSIM ได้ภายในหนึ่งนาทีโดยไม่ต้องออกจากแอป Revolut”  คุณ Hakan Koç ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ 1GLOBAL กล่าว “นี่คือเหตุผลที่ผู้เล่นจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การเดินทาง ประกันภัย เทคโนโลยีทางด้านการเงิน(fintech) สายการบิน โลจิสติกส์ VIP และอื่นๆ ต่างมาหาเราเพื่อเพิ่มขอบเขตบริการที่พวกเขานำเสนอโดยการบูรณาการการเชื่อมต่อของเรา"

แทนที่จะต้องได้รับซิมจริงเพื่อเข้าถึงเครือข่ายท้องถิ่นเมื่อมาถึง ลูกค้าที่ใช้แอปที่รวมเทคโนโลยีของ 1GLOBAL นั้นเพียงแค่ตั้งค่า eSIM บนอุปกรณ์ของตน ซึ่งจะทำให้พวกเขาควบคุมการเชื่อมต่อได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงการแสดงปริมาณการใช้ข้อมูลอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังสามารถใช้แอปเพื่อซื้อแผนบริการข้อมูลได้แม้ว่าแผนบริการจะหมดไปแล้วก็ตาม

ที่ Revolut เรารู้ว่าลูกค้าของเรายังคงเชื่อมต่อกับบริการของ Revolut อยู่เสมอ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดก็ตาม โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณข้อมูลที่ได้รับ Revolut eSIMs ซึ่งพัฒนาร่วมกับ 1Global เป็นเทคโนโลยีที่สะดวกสบายและมอบคุณค่าที่ยอดเยี่ยมซึ่งปรับให้เหมาะกับผู้ชมทั่วโลกของเรา" คุณ David Tirado รองประธานฝ่ายธุรกิจระดับโลกของ Revolut แสดงความคิดเห็น

บริษัทใดก็ตามสามารถรวมเทคโนโลยี 1GLOBAL เข้ากับข้อเสนอของลูกค้าผ่านชุด API ได้ เป็นผลให้ลูกค้าอยู่ในแอปนั้นได้นานขึ้น มีการสร้างช่องทางรายได้ใหม่ สร้างมูลค่าให้กับลูกค้า และความภักดีต่อแบรนด์เพิ่มขึ้น

ในกรณีของ Revolut การบูรณาการเทคโนโลยี 1GLOBAL อย่างเต็มรูปแบบได้ถูกสร้างขึ้นในแอปของตัวเองและภายใต้แบรนด์ของตัวเอง อีกทางเลือกหนึ่ง บริษัทต่างๆ สามารถนำเสนอการเชื่อมต่อ 1GLOBAL ในฐานะบุคคลที่สามหรือบริษัทในเครือผ่านการอ้างอิง (เช่น รหัส QR) ที่แนะนำให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ eSIM และ 1GLOBAL ของตนได้
 

"ในฐานะผู้ริเริ่มเทคโนโลยีโทรคมนาคม เราได้สร้างเครือข่ายโทรคมนาคมระดับโลกของเราเอง และสามารถออก eSIM และ International Mobile Subscriber Identity (IMSI) ได้”  Koç.อธิบาย “สิ่งนี้ทำให้เราแตกต่างจากผู้จำหน่ายที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายของตนเองและทำเพียงขายแพ็คเกจข้อมูลต่อเท่านั้น

แพลตฟอร์ม 1GLOBAL ช่วยให้ผู้ให้บริการแอปสามารถนำเสนอการเชื่อมต่อทั่วโลกแก่ผู้ใช้ ซึ่งสนับสนุนโดยผู้ให้บริการเครือข่ายเสมือนบนมือถือ (MVNO) เก้าราย พันธมิตรโรมมิ่งที่ได้รับการสนับสนุนระหว่างประเทศห้าราย และการเชื่อมต่อระหว่างกันมากกว่า 150 รายการ การเชื่อมต่อ 'ไฮเปอร์สเกล' ประเภทนี้ซึ่งมีเส้นทาง 2,000 เส้นทางไปยังผู้ให้บริการมือถือ 350 ราย ครอบคลุม 2G ถึง 5G และ LPWAN จะเป็นไปไม่ได้หากปราศจากใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมของ 1GLOBAL

เกี่ยวกับ 1GLOBAL

1GLOBAL ให้การเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือที่รวดเร็วและปลอดภัยในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก เทคโนโลยี eSIM ของพวกเขาผสานรวมเข้ากับแอป Revolut ที่มีอยู่ได้อย่างราบรื่น และสามารถติดตั้งบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่รองรับ eSIM ได้ภายในเวลาไม่ถึงนาที

1GLOBAL ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 โดยเป็นสตาร์ทอัพใหม่ของ Hakan Koç ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตซีอีโอร่วมของ AUTO1 Group 1GLOBAL ได้เข้าซื้อกลุ่มสินทรัพย์โทรคมนาคมที่ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2006 ซึ่งรวมถึงเครือข่ายมือถือระดับโลกที่ได้รับการรับรองจาก GSMA ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีสำนักงานใหญ่ในลอนดอน และมีศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาในลิสบอน ปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 400 คนใน 12 ประเทศ และได้รับสถานะ MVNO ที่ได้รับการควบคุมโดยสมบูรณ์ใน 9 ประเทศ

www.1global.com

เกี่ยวกับ Revolut

Revolut คือเทคโนโลยีทางด้านการเงิน (FinTech) ระดับโลกที่ช่วยให้ผู้คนได้รับเงินมากขึ้น ในปี 2015 Revolut ได้เปิดตัวในสหราชอาณาจักรโดยให้บริการด้านการโอนเงินและแลกเปลี่ยน ปัจจุบัน ลูกค้ามากกว่า 35 ล้านคนทั่วโลกใช้ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมของ Revolut หลายสิบรายการเพื่อทำธุรกรรมมากกว่าครึ่งพันล้านรายการต่อเดือน

ทั้งบัญชีส่วนบุคคลและบัญชีธุรกิจของเรา เราให้ลูกค้าควบคุมการเงินของตนได้มากขึ้น และเชื่อมโยงผู้คนทั่วโลกได้อย่างราบรื่น

www.revolut.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53900064/en

ติดต่อ

Ingmar Remus & Thomas Klimmek
1GLOBAL@siccmamedia.de

ที่มา: 1GLOBAL

สมาคมผู้ผลิตสาเกและโชจูประเทศญี่ปุ่น จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำร่วมกับ M.O.F.s ในเมืองลียง

Logo

ลียง, ฝรั่งเศส–(BUSINESS WIRE)–21 กุมภาพันธ์ 2024

สมาคมผู้ผลิตสาเกและโชจูประเทศญี่ปุ่น (JSS) ร่วมกับ Union de la Sommellerie Française เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำที่ Institute Lyfe (เดิมชื่อ Paul Bocuse Institute) ในเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เวลา 19.00 น.ซอมเมอลิเยร์เจ็ดคนที่ครองตําแหน่ง M.O.F. ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับช่างฝีมือที่มีทักษะขั้นสูง ซึ่งถือว่าเป็นผู้สืบทอดวัฒนธรรมฝรั่งเศสที่คู่ควร  ได้แสดงความเชี่ยวชาญของพวกเขาโดยการจับคู่สาเกกับอาหารฝรั่งเศส อาหารค่ำที่มีผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 40 คนเข้าร่วม จับคู่สาเก 6 ชนิด ตั้งแต่สาเกแบบอัดลมไปจนถึงสาเกหมัก คู่กับอาหารฝรั่งเศส 6 คอร์สรวมถึงของหวาน

Sommeliers and sake makers shared a meal at Michelin-starred Restaurant Saisons (Photo: Business Wire)

ซอมเมอลิเยร์และผู้ผลิตสาเกร่วมรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร Saisons ที่ได้รับดาวมิชลิน (ภาพ: Business Wire)

Utsunomiya Hitoshi ผู้อํานวยการ JSS ให้ความเห็นว่า "ว่ากันว่าโอกาสในการส่งออกสาเกไปยังยุโรปนั้น เกิดขึ้นในระหว่างงานแสดงสินค้าปารีสปี 1878 เริ่มแรกที่นำเข้าไปยังยุโรป สาเกได้รับการประเมินที่ต่ำมากความจริงที่ว่าเราสามารถจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้กับผู้ได้รับรางวัล M.O.F ซึ่งเป็นตัวแทนของเกียรติยศสูงสุดในโลกการทําอาหารฝรั่งเศส ไม่เพียง แต่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของสาเกที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องดื่มอเนกประสงค์ที่เข้ากันได้ดีกับอาหารที่หลากหลาย เรารู้สึกขอบคุณสําหรับโอกาสอันแสนวิเศษนี้ และขอขอบคุณ Union de la Sommellerie Française และผู้ได้รับรางวัล M.O.F. รวมถึง Xavier Thuizat สําหรับการเข้าร่วมครั้งนี้"

ปัจจุบันสาเกถูกส่งออกไปยัง 75 ประเทศและภูมิภาค โดยมีมูลค่าการส่งออก 41.1 พันล้านเยนใน ปี 2023 มูลค่าการส่งออกไปยังฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นประมาณ 3.7 เท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และการส่งออกสาเกโดยรวมเติบโตขึ้น 3.6 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน นับเป็นวิวัฒนาการของเครื่องดื่มที่ชุมชนนักทําอาหารทั่วโลกชื่นชอบ JSS จะยังคงส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาเกต่อไป และถ่ายทอดเสน่ห์ของมันในฐานะเครื่องดื่มที่เข้ากันได้ดีกับอาหารที่หลากหลาย ผ่านการจับคู่อาหารค่ำในท้องถิ่นและมาสเตอร์คลาส

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: 

https://www.businesswire.com/news/home/53897851/en

ติดต่อ

สอบถามรายละเอียดโปรดติดต่อ:
สมาคมผู้ผลิตสาเกและโชจูประเทศญี่ปุ่น
อีเมล: vs@japansake.or.jp

ที่มา: สมาคมผู้ผลิตสาเกและโชจูประเทศญี่ปุ่น





การประชุมเชิงปฏิบัติการระดับนานาชาติด้านวัสดุขั้นสูงครั้งที่ 15th ที่ Ras Al Khaimah

Logo

ผู้เข้าร่วมประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และอาจารย์ด้านวิทยาศาสตร์วัสดุขั้นสูงที่มีชื่อเสียงระดับโลกกว่า 200 คน

RAS AL KHAIMAH, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–20 กุมภาพันธ์ 2024

วันนี้ การประชุมเชิงปฏิบัติการระดับนานาชาติด้านวัสดุขั้นสูง (IWAM) ครั้งที่ 15th จัดขึ้นโดยศูนย์ Ras Al Khaimah สำหรับวัสดุขั้นสูง (RAKCAM) ที่ Mövenpick Resort บนเกาะ Al Marjan

HH Saud bin Saqr attends the opening of the 15th #IWAMRasAlKhaimah and takes part in a fireside discussion that highlights Ras Al Khaimah’s commitment to scientific progress and innovation. #Science (Photo: AETOSWire)

HH Saud bin Saqr เข้าร่วมพิธีเปิดงาน #IWAMRasAlKhaimah ครั้งที่ 15 และเข้าร่วมในการอภิปรายโต๊ะกลมที่เน้นย้ำความมุ่งมั่นของ Ras Al Khaimah ในความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม #Science (ภาพถ่าย: AETOSWire)

IWAM ครั้งที่ 15 รวบรวมนักวิทยาศาสตร์ ศาสตราจารย์ นักวิจัย และนักศึกษาที่มีชื่อเสียงกว่า 200 คนจากสถาบันการศึกษาที่ได้รับการยกย่องระดับนานาชาติ และผู้เข้าร่วมกว่า 100 คนจากมหาวิทยาลัยใน UAE เพื่อเข้าร่วมหารือเกี่ยวกับการที่วัสดุขั้นสูงจะสามารถกำหนดอนาคตได้อย่างไร งานนี้มีการจัดขึ้นภายใต้การสนับสนุนจากชีค Saud bin Saqr Al Qasimi สมาชิกสภาสูงสุดของ UAE และผู้ปกครองเมือง Ras Al Khaimah ซึ่งเข้าร่วมในการอภิปรายโต๊ะกลมเกี่ยวกับความสำคัญของวัสดุขั้นสูงในการช่วยแก้ไขปัญหาที่มีความท้าทายยิ่งของโลกด้วยเช่นกัน

วัสดุขั้นสูงนี้สามารถพบได้ในโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบพลังงาน รวมถึงโลหะ เซรามิก และโพลีเมอร์ ซึ่งอาจเป็นวัสดุใหม่หรือผ่านการปรับปรุงให้ดีกว่าสภาพเดิม นวัตกรรมในวัสดุขั้นสูงเหล่านี้มีศักยภาพในการปฏิวัติอุตสาหกรรมหลายประเภท รวมถึงการบินและอวกาศ การขนส่ง การก่อสร้างและการดูแลสุขภาพ โดยช่วยให้ภาคส่วนเหล่านี้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการใช้พลังงานได้

IWAM ยินดีต้อนรับนักวิทยาศาสตร์ด้านวัสดุขั้นสูงที่มีชื่อเสียงจากสถาบันต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ และสถาบัน Max Planck รวมถึงศาสตราจารย์ Andre Geim จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ผู้ชนะเลิศได้รับรางวัลโนเบล

โดยเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของ IWAM ที่นำเยาวชนเข้ามีส่วนร่วมในด้านวิทยาศาสตร์ นักเรียนนักศึกษากว่า 500 คนจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยใน Ras Al Khaimah ได้เข้าร่วมในโครงการ ‘Innovation and Sustainability Challenge’ โดยร่วมสร้างโซลูชันนวัตกรรมเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลก จะมีการประกาศผลผู้ชนะการแข่งขันสำหรับความท้าทายในครั้งนี้และรวมถึงรางวัล Sheikh Saud International Prize สาขาวิทยาศาสตร์ด้านวัสดุอันทรงเกียรติประจำปี (โดยจะได้รับรางวัลมูลค่า 100,000 เหรียญสหรัฐ) ในปลายสัปดาห์นี้

Sir Anthony Cheetham ประธานของศูนย์ Ras Al Khaimah สำหรับวัสดุขั้นสูง ให้ความเห็นว่า “ชีค Saud ทรงอุทิศตนเพื่อใช้ประโยชน์จากการศึกษาและวิทยาศาสตร์เป็นตัวขับเคลื่อนนวัตกรรมที่มีส่วนช่วยในการพัฒนามนุษยชาติ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสาขาวิทยาศาสตร์ด้านวัสดุให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น IWAM มีบทบาทสำคัญในวิสัยทัศน์นี้ โดยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนหนุ่มสาว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับ Ras Al Khaimah และเมืองอื่นๆ รวมทั้งช่วยสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป”

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IWAM ได้ที่นี่

*แหล่งข้อมูล: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53897910/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Steven McCombe
Media@rakmediaoffice.ae

แหล่งข้อมูล: Ras Al Khaimah Government Media Office