Tricor Group นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการขยายตลาดทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่กลุ่มอาเซียน : แนวโน้มเศรษฐกิจ ข้อมูลเชิงลึกและโอกาสทางธุรกิจ

Logo

ฮ่องกง–(บิสิเนสไวร์)–26 พฤษภาคม 2565

หลังจากอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ค่อนข้างซบเซาในปีที่แล้ว ระบบเศรษฐกิจของสมาคมประชาชาติ แห่งเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) อยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับการเติบโตและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในปี 2565 และปีต่อๆ ไปตามข้อมูลจาก รายงานมุ่งเน้นกลุ่มอาเซียนของ Tricor Group : แนวโน้มเศรษฐกิจ ข้อมูลเชิงลึก และ โอกาสทางธุรกิจ  ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจเพื่อเป็นแนวทางให้กับบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ (MNCs) วิสาหกิจขนาดกลางละขนาดย่อม (SMEs)  และผู้ประกอบการที่สนใจในการจัดตั้งประกอบกิจการ และขยายการเติบโต ของธุรกิจทั่วอาเซียน

รายงานนี้นำเสนอมุมมอง ข้อสังเกต และการวิเคราะห์จากผู้บริหารระดับสูงของ Tricor ในประเด็นว่าแนวโน้มการค้าโลก มีผลกระทบต่อ การค้าการลงทุน และการขยายตลาดโลกในระบบเศรษฐกิจของอาเซียนอย่างไร  รายงานประกอบด้วย ส่วนพิเศษเกี่ยวกับ การลงนามที่สำคัญในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)   ที่เป็นการเชื่อมโยง 15 ประเทศเข้าด้วยกัน และ ครอบคลุม 30% ของประชากรโลกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม การค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก RCEP คาดว่าจะลดภาษีลง 90% ถึง 93% ของรายการภาษีข้ามพรมแดน รายงานยังมีภาพรวมของแต่ละตลาดในอาเซียน โดยมีหัวข้อเฉพาะสำหรับ การจัดตั้งบริษัท การพิจารณาด้านภาษี และสภาพแวดล้อมด้านแรงงาน

Lennard Yong CEO ของ Tricor Group กล่าวว่า "การอนุมัติกลุ่มการค้า RCEP เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับการค้าโลกและ การพัฒนาที่สำคัญซึ่งจะเปลี่ยนทิศทางกระแส FDI อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอีกหลายเดือนและปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจที่เติบโตเต็มที่ของอาเซียนทำหน้าที่เป็นหัวใจหลักในการกระตุ้นให้เกิดข้อตกลง ซึ่งที่Tricor เราเฝ้าติดตามว่าข้อตกลงที่สำคัญนี้จะกระตุ้นให้เกิดแนวโน้มการค้าโลกใหม่ๆ หนุนห่วงโซ่อุปทานในเอเชียและขยายโอกาส สำหรับนักลงทุน ต่างชาติอย่างไร  ด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางของไตรคอร์ในแต่ละท้องที่ และการเชื่อมต่อแบบยืดหยุ่น ช่วยเสริมสถานะของเรา ในฐานะพันธมิตร 'ที่ทุกคนเลือก' สำหรับองค์กรที่ต้องการขยายไปทั่วอาเซียน เอเชียแปซิฟิก และอื่นๆ”

Wendy Wang, CFO & COO ของ Tricor Group กล่าวว่า "ในขณะที่โควิด-19 ได้สร้างกระแสการกีดกันทางการค้าไปทั่วโลก RCEP ได้คาดการณ์ว่าเครือข่ายการค้าทั่วเอเชียจะมีขนาด ความสำคัญ และขอบเขตมากกว่าของข้อตกลงการค้า ของสหภาพยุโรป  โดยเชื่อว่าการ เปิดกว้างของตลาดที่เพิ่มขึ้นจะส่งเสริมความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ  ซึ่งลักษณะเด่นที่มี แนวโน้มมากที่สุดอย่างหนึ่งของข้อตกลงนี้คือ เป็นครั้งแรกที่กลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Economic) ในอาเซียนจะถูกเชื่อมโยงกับ ประเทศ มหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว ของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ผ่านข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุมในฉบับเดียว โดยที่RCEP ใกล้จะรับรองว่าการค้าภายในเอเชีย ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าการค้าระหว่างเอเชียแปซิฟิกกับอเมริกาเหนือ และ ยุโรป รวมกันแล้วจะยังคงทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโต สำหรับเศรษฐกิจโลกต่อไป”

David Ong CEO ของ Tricor Singapore กล่าวว่า "RCEP ส่งเสริมการค้าข้ามพรมแดนอย่างมาก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ของเศรษฐกิจแบบเปิดและเพื่อส่งออกของสิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทในสิงคโปร์จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ในการจัดหาสินค้า หรือวัตถุดิบ  และขณะนี้สามารถเข้าถึงแหล่งผู้จัดหาสินค้าที่ใหญ่ขึ้นทั่วทั้งอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก ที่ Tricor Singapore เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ องค์กรระดับโลก และท้องถิ่นพลิกโฉมแผนธุรกิจของพวกเขา เพื่อให้พวกเขาสามารถ ใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นใหม่ เหล่านี้ และร่วมมือกับพันธมิตรระดับภูมิภาคเพื่อสำรวจตลาดใหม่ๆ”

Sunshine Farzan หัวหน้าฝ่ายการตลาดและการสื่อสารของ Tricor Group กล่าวว่า "พาดหัวข่าวในช่วงสองปีที่ ผ่านมาถูกครอบงำโดยเรื่องราวที่อยู่ทุกหนทุกแห่ง นั่นก็คือโควิด-19  มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถคาดการณ์ได้ถึงความทุกข์ยาก และการหยุดชะงักที่แพร่หลายที่โรคระบาดใหญ่นี้มีต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจทั่วโลก แต่จากประสบการณ์ภาคพื้นสนามล่าสุดของ Tricor Group ชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีอุปสรรค์และความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า โอกาสที่เกิดขึ้นใหม่ ยังมีมากมายสำหรับธุรกิจทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายเศรษฐกิจที่ผ่านเมื่อเร็วๆ นี้และการเกิดของ RCEP กำลังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในอาเซียน ด้วยการเน้นย้ำถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นเหล่านี้และกำหนดขั้นตอนที่เป็นไปได้ไปข้างหน้า คู่มือธุรกิจอาเซียนของ Tricor สามารถช่วยผู้นำธุรกิจและนักลงทุนให้ก้าวล้ำนำหน้าในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน”

ไฮไลท์สำคัญจากแนวโน้มเศรษฐกิจอาเซียนและดัชนีชี้วัดธุรกิจของ Tricor ได้แก่

  • เจาะลึกการจัดตั้งบริษัท การพิจารณาด้านภาษี และสภาพแวดล้อมด้านแรงงานสำหรับเศรษฐกิจอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ
  • การสำรวจอาเซียนในฐานะที่เป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับกลยุทธ์การลงทุนและการขยายกิจการของบรรษัท ข้ามชาติจากจีนแผ่นดินใหญ่
  • ภาพรวมของอาเซียนและผลกระทบของ RCEP โดยพิจารณาจากกระแส FDI และข้อมูลจากแหล่งภายนอก ที่ผ่าน การรับรอง ตลอดจนข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญของ Tricor ว่าเหตุใดบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่และนักลงทุน จึงเลือกอาเซียนสำหรับการขยายธุรกิจ
  • การวิเคราะห์จุดยืนของสิงคโปร์ในฐานะ 'ประตูสู่อาเซียน' โดยให้ความสนใจกับสาเหตุที่บรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่จากทั่วโลก ต่างมุ่งเป้าไปที่สิงคโปร์ในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับแผนการขยายธุรกิจทั่วโลก
  • สรุปความท้าทายทั่วไปและวิธีที่ Tricor ช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายในการขยายกิจการทั่วโลกและการลงทุน ในระบบเศรษฐกิจของอาเซียน

ด้วยบริการและความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของ Tricor คำแนะนำที่ให้ไว้ในรายงานเป็นข้อมูลเชิงลึกแก่บริษัท เพื่อวัตถุประสงค์ ทางธุรกิจ และการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มการค้าโลกล่าสุดที่เปลี่ยนแปลงอาเซียน เอเชียแปซิฟิก และอื่นๆ

เพื่อเรียกดูคู่มือกรุณาคลิกที่นี่ https://www.tricorglobal.com/asean-in-focus-economic-outlook-insights-opportunities

ขอบคุณ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ

HONG KONG SAR (GROUP OFFICE)

Sunshine Farzan

Tricor Services Limited

Group Head of Marketing & Communications

Tel: +852 2980 1261

Email: Sunshine.Farzan@hk.tricorglobal.com

เกี่ยวกับ Tricor Group

Tricor Group (Tricor) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขยายธุรกิจชั้นนำของเอเชีย โดยมีความรู้ครอบคลุมทั่วโลก และ มีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละท้องถิ่น ในด้านธุรกิจ องค์กร นักลงทุน ทรัพยากรบุคคล และ การจัดทำเงินเดือน บริการด้านคอร์เปอเรททรัสต์ และ หนี้ และ ที่ปรึกษาด้านการกำกับดูแล Tricor เป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการเติบโตของธุรกิจของลูกค้า ตั้งแต่การจัดตั้ง ไปจนถึงการเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งTricor มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วผ่านการเติบโต และ การพัฒนาที่เกิดขึ้น ตลอดจนการเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วน การควบรวมกิจการ และการเข้าซื้อกิจการ  โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัท มีลูกค้าประมาณ 50,000 รายทั่วโลก (รวมถึงลูกค้าประมาณ 20,000 รายในจีนแผ่นดินใหญ่) มีพนักงานประมาณ 3,000 ราย และเครือข่ายสำนักงานใน 49 เมืองใน 22 ประเทศ/เขตแดน กลุ่มลูกค้าของเราประกอบด้วยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 2,000 แห่งในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ สิงคโปร์ และมาเลเซีย และมากกว่า 40% ของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 รวมถึงบรรษัทข้ามชาติและองค์กรเอกชนที่ประกอบกิจการในตลาดระหว่างประเทศจำนวนมาก

เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์: www.tricorglobal.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

bitbank inc. ผู้ประกอบการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโต ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ Sumitomo Mitsui Trust Holdings Inc. เพื่อจัดตั้งบริษัททรัสต์ที่เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–24 พ.ค. 2565

bitbank, inc. (สำนักงานใหญ่: โตเกียว ญี่ปุ่น CEO: Noriyuki Hirosue) และ Sumitomo Mitsui Trust Holdings, Inc. (HQ: Tokyo Japan, ผู้อำนวยการ, ประธาน: Toru Takakura) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้ง “Japan Digital Asset Trust Preparatory Company, inc*1 หรือ “JADAT”” ซึ่งจะเป็นบริษัทเตรียมการเพื่อจัดตั้งบริษัททรัสต์ที่เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล*2 โดยในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของ SuMi TRUST Holdings ในการลงทุนใน JADAT

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220523005408/en/

bitbank, inc., a crypto asset exchange operator, has signed a MOU with Sumitomo Mitsui Trust Holdings, Inc. to establish a trust company specializing in digital assets "JADAT" (Graphic: Business Wire)

bitbank, inc. ผู้ดำเนินการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโต ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ Sumitomo Mitsui Trust Holdings, Inc. เพื่อจัดตั้งบริษัททรัสต์ที่เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล "JADAT" (กราฟิก: Business Wire)

JADAT จะได้ความรู้ know-how เกี่ยวกับระบบการจัดการการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลจากระดับความปลอดภัยขั้นสูงของ bitbank และของประเทศญี่ปุ่น และได้ความรู้ know-how ด้านธุรกิจทรัสต์จาก SuMi TRUST Holdings ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารทรัสต์เฉพาะทาง

*1 หลังจากการจดทะเบียนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติธุรกิจทรัสต์ คาดว่าจะเปลี่ยนชื่อธุรกิจเป็น Japan Digital Asset Trust, inc..

*2 สินทรัพย์ Crypto, โทเค็นความปลอดภัยบนบล็อคเชนสาธารณะ, สเตเบิลคอยน์ และ NFT

เกี่ยวกับบริษัทใหม่

ชื่อ: Japan Digital Asset Trust Preparatory Company, inc.

ซีอีโอ: Noriyuki Hirosue

เนื้อหาธุรกิจ: ธุรกิจการดูแลทรัพย์สินดิจิทัล

เว็บไซต์: http://jadat.com/en

เกี่ยวกับ bitbank, inc.

[บทนำ]

bitbank ดำเนินการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ crypto ของญี่ปุ่น ซึ่งมีปริมาณการค้าในประเทศต่อเดือนที่ 731.7 พันล้านเยน ส่วนแบ่งปริมาณการค้าในประเทศ 33.7% (ในเดือนเมษายน 2564) และเงินฝากของลูกค้ามากกว่า 300 พันล้านเยน บริษัทกำลังขยายตัวขนาดธุรกิจอย่างรวดเร็ว  เพื่อขยายตลาดสินทรัพย์ crypto ในประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีนักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาดมากขึ้น อนึ่ง ด้วยจุดแข็งของเราในด้านเทคโนโลยีการจัดเก็บสินทรัพย์ crypto สภาพคล่องของการซื้อขายแบบสปอต, ความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ทำให้เราจะมีส่วนร่วมในการขยายตัวต่อไปของตลาดสินทรัพย์ crypto ผ่านธุรกิจที่ไว้วางใจสินทรัพย์ดิจิทัลกับ JADAT

[ชื่อบริษัท]

bitbank, inc.

[URL]

https://bitbank.cc/about/corporate

[CEO]

Noriyuki Hirosue

[ที่อยู่]

141-0031 7F, KDX Nishigotanda Building, 7-20-9 Nishigotanda, Shinagawa, Tokyo, Japan

[วันก่อตั้ง]

7 พ.ค., 2557

[ทุนเริ่มต้น]

8,647.21 ล้านเยน (รวมทุนสำรอง)

[คำอธิบายธุรกิจ]

บริการที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ Crypto (cryptocurrency)

ผู้ดำเนินการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ Crypto ทะเบียนเลขที่ 00004 ออกโดยผู้อำนวยการสำนักการเงินท้องถิ่นคันโต

[สมาชิกภาพ]

Japan Virtual and Crypto assets Exchange Association (JVCEA)

Japan Crypto Asset Business Association (JCBA)

Blockchain Collaborative Consortium (BCCC)

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220523005408/en/

ติดต่อ:

bitbank, inc.

Midori Abe

+81-50-1751-8600

midori.abe@bitcoinbank.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gradiant เข้าซื้อกิจการบริษัทด้าน Machine Learning อย่าง Synauta เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI ในการจัดการน้ำ

Logo

แบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนของ Gradiant ที่ผสานกับ AI ของ Synauta จะสร้างแบบจำลองที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบำบัดน้ำเสียและการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ โดยมีการใช้พลังงานและสารเคมีในอัตราที่ต่ำ รวมถึงต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2565

Gradiant ผู้ให้บริการและผู้พัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีน้ำสะอาดระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้เข้าซื้อกิจการ Synauta ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการจัดการน้ำอัจฉริยะของแคนาดา เพื่อเร่งใช้เทคโนโลยีแบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนสำหรับจัดการน้ำ Gradiant เป็นผู้บุกเบิกการใช้แบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนในการบำบัดน้ำเสียจากอุตสาหกรรมและการแยกเกลือออกจากน้ำทะเล รวมถึงการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ การเข้าซื้อกิจการจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะของ Gradiant ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีและโซลูชันการจัดการน้ำแบบครบวงจร และเร่งการปรับใช้เทคโนโลยีแบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนเพื่อการจัดการน้ำผ่านระบบดิจิทัลในอนาคต

Prakash Govindan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Gradiant กล่าวว่า “การจัดการน้ำด้วยระบบดิจิทัลเป็นหน่วยที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมน้ำทั่วโลก และการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดต่าง ๆ มารวมเข้าด้วยกัน การนำแบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนมาใช้ในการจัดการน้ำจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับการใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านระบบ 5G ระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ การบำบัดน้ำในโรงงานอุตสาหกรรมจะอัจฉริยะขึ้น สะอาดขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผสมผสานกับแบบจำลองข้อมูลอัจฉริยะของ Synauta”

Gradiant เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) โดยให้บริการโซลูชันน้ำแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การดำเนินงาน และการบริหารทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สูงสุด ซึ่งรวมอยู่ในแพลตฟอร์มดิจิทัลเพียงแห่งเดียวให้แก่ลูกค้าต่าง ๆ ได้แก่ Micron, Glaxo Smith Kline, Pfizer, Rio Tinto และ Coca-Cola การจัดการโครงสร้างพื้นฐานระบบน้ำทั่วโลกถูกประเมินว่าจะใช้เงินประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และโซลูชันดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ การวิจัยทางการตลาดล่าสุดคาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุนระบบน้ำดิจิทัลแต่ละปีจะสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 โดยการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีมูลค่า 6.3 พันล้านดอลลาร์ ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐต่างหันมาใช้แพลตฟอร์ม AI มากขึ้นในการจัดการน้ำและการบำบัดน้ำเสีย เพื่อจัดการกับความท้าทายจากแรงกดดันด้านความยั่งยืนและต้นทุน ความต่อเนื่องทางธุรกิจ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และเหตุการณ์เกี่ยวกับสภาพอากาศ

อัลกอริทึมการเรียนรู้ด้วยเครื่องจักรของ AI อันเป็นกรรมสิทธิ์ของ Synauta จะถูกนำไปใช้ในโรงงานแยกเกลือของภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก เทคโนโลยีของ Synauta จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานผ่านการกำหนดเงื่อนไขการทำงานและโปรแกรมการบำรุงรักษาที่เหมาะสมตามข้อมูลกระบวนการแบบเรียลไทม์ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำ เช่น PUB ในสิงคโปร์, Veolia, Aqualia, Engie และ GHD

Mike Dixon ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Synauta กล่าวว่า “การเข้าร่วม Gradiant จะทำให้ Synauta สามารถจัดการข้อมูลและ AI เพื่อปรับใช้งานในภาคอุตสาหกรรมให้กับลูกค้าทั่วโลก การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะสร้างขุมพลังดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมการจัดการน้ำ ซึ่งจะทำให้เป้าหมายด้านความยั่งยืนทางน้ำในภาคอุตสาหกรรมเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น” 

การชำระเงินจะเป็นไปตามเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียมและคาดว่าจะปิดได้ในไตรมาสที่สองของปี 2565

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการและผู้พัฒนาโซลูชันโครงการเทคโนโลยีน้ำสะอาดระดับโลกสำหรับการจัดการน้ำและการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง โซลูชันแบบครบวงจรและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Gradiant จะช่วยจัดการกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบน้ำที่สำคัญที่สุดของโลกได้อย่างยั่งยืนและคุ้มค่า Gradiant ให้บริการแก่ลูกค้าในการจัดการภารกิจหลักให้แก่อุตสาหกรรมที่สำคัญของโลกด้วยชุดเทคโนโลยีที่แตกต่างและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Gradiant และขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการจัดการน้ำ Gradiant ก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างและปรับใช้โซลูชันการบำบัดน้ำอย่างยั่งยืน บริษัทอยู่ในสถานะที่โดดเด่นในการจัดการกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในโลกที่เกิดจากอุตสาหกรรม การเพิ่มขึ้นของประชากร และปัญหาจากน้ำ ปัจจุบัน Gradiant มีพนักงานมากกว่า 400 คน ดำเนินงานจากสำนักงานใหญ่ระดับโลกในบอสตัน สำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค และห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรมระดับโลกในสิงคโปร์ และสำนักงานใน 10 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปที่ gradiant.com  

เกี่ยวกับ Synauta

Synauta ผสมผสานความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการแยกเกลือออกจากน้ำทะเลและการเรียนรู้ของเครื่องจักรด้วย AI เพื่อบำบัดน้ำมากขึ้นโดยใช้พลังงานและสารเคมีน้อยลงเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานให้แก่ลูกค้าของเรา อัลกอริธึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะกำหนดสภาวะการทำงานและโปรแกรมการบำรุงรักษาที่เหมาะสมให้กับแหล่งน้ำขององค์กรชั้นนำทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ synauta.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220517005044/en/

ติดต่อ:

ข้อมูลติดต่อสำหรับองค์กร 
Felix Wang 
รองประธานฝ่ายการตลาดของ Gradiant 
fwang@gradiant.com 

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ 
Consort Partners 
gradiant@consortpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ร่วมมือกับพันธมิตรในยุโรปเพื่อสนับสนุนโครงการฟื้นฟูหอยนางรมพื้นเมือง

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–19 พฤษภาคม 2565

แนวปะการังและหอยนางรมเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมด้วยการดูแลระบบนิเวศต่างๆ  หอยนางรมตัวเดียวสามารถกรองน้ำได้มากถึง 240 ลิตรต่อวัน ส่งผลให้ปรับปรุงคุณภาพน้ำและความใสมากขึ้น และสนับสนุนปลาและสัตว์ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีเอกลักษณ์และมีความหลากหลายสูง  ในขณะเดียวกัน แนวปะการังหอยนางรมเป็นที่อยู่อาศัยทางทะเลที่ถูกคุกคามมากที่สุดในโลก โดยสูญเสียไปประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220519005168/en/

Mary Kay logo

โลโก้ Mary Kay

ในการเฉลิมฉลองวันสัตว์ใกล้สูญพันธุ์โลกและวันสากลเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ  Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกใน ความยั่งยืนขององค์กร ประกาศความร่วมมือกับ The Nature Conservancy (TNC) และพันธมิตรในยุโรป เพื่อสนับสนุนโครงการฟื้นฟูหอยนางรมพื้นเมืองในภาคพื้นทวีปสหราชอาณาจักรและยุโรป

TNC ได้ช่วยเปิดตัว Native Oyster Restoration Alliance (NORA) ซึ่งเป็นเครือข่ายในยุโรปที่ประกอบด้วยหน่วยงานของรัฐ นักวิทยาศาสตร์ เอ็นจีโอ ผู้ปลูกหอยนางรม และองค์กรเอกชน  ทีมงานกำลังร่วมมือกันในการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยของหอยนางรมพื้นเมืองของยุโรป ดังนั้นจึงสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพที่ต้องพึ่งพาอาศัยและช่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำอีกครั้ง

“แนวปะการังหอยนางรมเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ในการอนุรักษ์ระบบธรรมชาติ” Dr. Elizabeth McLeod ผู้นำด้านการอนุรักษ์แนวปะการังในโครงการ Global Reef ของ TNC กล่าว “ประชากรหอยนางรมที่มีสุขภาพดีช่วยให้น้ำสะอาดขึ้นและช่วยปกป้องพื้นที่ชายฝั่งทะเลและผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  ด้วยการสนับสนุนจากผู้ให้ทุนอย่าง Mary Kay TNC สามารถกู้คืนและปกป้องระบบที่สำคัญเหล่านี้ได้ในระยะยาว”

ความร่วมมือระหว่าง Mary Kay กับ TNC และเครือข่าย NORA จะสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรทางทะเลทั่วยุโรป ตัวอย่าง ได้แก่

  • ฟื้นฟูหอยนางรมในสหราชอาณาจักร
    • เขตอนุรักษ์ทางทะเลของ Blackwater, Crouch, Roach และ Colne Estuaries (MCZ): พื้นที่คุ้มครองทางทะเล 284 ตารางกิโลเมตรนี้ถูกกำหนดในปี 2013 สำหรับหอยนางรมพื้นเมือง โดยมีพื้นที่ เป็นโครงการฟื้นฟูที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
    • The Solent (ช่องแคบของน้ำที่แยก Isle of Wight จากแผ่นดินใหญ่ของสหราชอาณาจักร): ประชากรหอยนางรมถูกทำลายตั้งแต่สมัยโรมัน  อันที่จริง ระหว่างปี 2515-2549 เป็นแหล่งการประมงหอยนางรมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป  อย่างไรก็ตาม การจับปลามากเกินไป โรคภัย และการปล้นสะดมทำให้เกิดการล่มสลายและการปิดตัวในที่สุดในปี 2556 โดยมีผู้ทำประมงที่จำกัดและเข้าถึงเป็นครั้งคราวเท่านั้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
  • การฟื้นฟูหอยนางรมในยุโรป
    • ทะเลเหนือของเยอรมัน: บริเวณนี้เป็นแหล่ของหอยนางรมยุโรปพื้นเมืองที่แพร่หลายในอดีต แต่ถูกจำแนกว่าใกล้สูญพันธุ์ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20  สิ่งมีชีวิตแต่ละชิ้นนั้นหายากมาก และชนิดนี้อยู่ในบัญชีแดงของ IUCN ของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ โครงการนี้กำลังพัฒนาและทดสอบวิธีการนอกชายฝั่งเพื่อการฟื้นฟูสต็อกหอยนางรมในพื้นที่ในระยะยาว

“Mary Kay ภูมิใจที่ได้สนับสนุนงานของ The Nature Conservancy เพื่อช่วยรื้อฟื้นหอยนางรมพื้นเมืองของยุโรปเพื่อฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลที่สำคัญ” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว “ประสบการณ์มากมายของ The Nature Conservancy ในการฟื้นฟูแนวปะการังหอยนางรมในสี่ทวีปทำให้เรามั่นใจในความพยายามของพวกเขาในการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยที่หายากและใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งเหล่านี้ในน่านน้ำทางทะเลของยุโรป ที่แมรี่ เคย์ เรามุ่งความสนใจไปที่การจากโลกนี้ไปให้ดีขึ้นกว่าที่เราพบ ซึ่งรวมถึงการปกป้องสิ่งมีชีวิตทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก”

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน โปรดไปที่ marykayglobal.com/sustainability และดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay ที่ชื่อ Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตพึ่งพา  ภายใต้การนำของวิทยาศาสตร์ เราสร้างสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงสำหรับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์ที่ดิน น้ำ และมหาสมุทรในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองต่างๆ มีความยั่งยืนมากขึ้น ใน 79 ประเทศและดินแดน  เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่นๆ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

เกี่ยวกับ Mary Kay

หนึ่งในผู้ทลายเพดานแก้วดั้งเดิม Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามในฝันของเธอในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียว: การทำให้ชีวิตของผู้หญิงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น  ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอมที่ทันสมัย  Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ การปกป้องผู้รอดชีวิตจากการทารุณกรรมในครอบครัว เพื่อทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com ติดตามเราได้ที่ Facebook, Instagramและ LinkedIn หรือ  Twitter

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220519005168/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications (ฝ่ายสื่อสารองค์กร)
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย







Toshiba ขยายความร่วมมือกับ MikroElektronika เปิดตัว Clicker 4 สำหรับบอร์ดพัฒนา TMPM4K เพื่อใช้ในการควบคุมมอเตอร์

Logo

ซึ่งจะเป็นการประเมินผลพารามิเตอร์ที่ใช้งานหลัก ๆ อย่างครอบคลุม และใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–19 พฤษภาคม 2565

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") กำลังเพิ่มการสนับสนุนที่สามารถนำเสนอให้แก่โครงการออกแบบการควบคุมมอเตอร์ให้มากขึ้นผ่านระบบนิเวศของพันธมิตรด้านเทคโนโลยี การขยายความร่วมมือไปยัง MikroElektronika (MIKROE) ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้แพลตฟอร์มประเมินผลแบบใหม่ได้ในขณะนี้

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220518005506/en/

Toshiba: A "Clicker 4 for TMPM4K" stacked on a "Clicker 4 Inverter Shield," both from MIKROE. (Photo: Business Wire)

Toshiba: "Clicker 4 สำหรับ TMPM4K" ที่วางซ้อนบน "Clicker 4 Inverter Shield" โดยทั้งคู่มาจาก MIKROE (ภาพ: Business Wire)

บอร์ดพัฒนา Clicker 4 จาก MIKROE สำหรับ M4K MCU ของ Toshiba ที่ผสานกับ Clicker 4 Inverter Shield จะเป็นโซลูชันที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่าสำหรับการทดลองใช้งานในสถานการณ์ควบคุมมอเตอร์ BLDC โดย Clicker 4 สำหรับ TMPM4K จะมีโปรแกรมตรวจแก้จุดบกพร่องที่มาพร้อมตัวบอร์ด ซึ่งไม่ต้องใช้โปรแกรมตรวจแก้จุดบกพร่องภายนอก และจะประกอบด้วยเต้ารับ mikroBUS™ 4 ช่องเพื่อเชื่อมต่อกับบอร์ด MIKROE Click™ ที่หลากหลาย ทำให้สามารถเพิ่มฟังก์ชันการทำงานเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังมีตัวเชื่อมต่อส่วนขยาย พอร์ตแก้ไขจุดบกพร่อง JTAG/SWD ไฟ LED และปุ่มกด บอร์ดนี้มาพร้อมกับ Clicker 4 Inverter Shield ซึ่งมี MOSFET 6 ตัวสำหรับใช้งานมอเตอร์ สวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายที่ใช้ควบคุมแรงดันไฟฟ้าของมอเตอร์สูงสุด 48 โวลต์ พร้อมแหล่งจ่ายไฟควบคุม 5 โวลต์ ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่ายไฟให้กับบอร์ดควบคุมภายนอกได้ การเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่นจะช่วยให้มีการรับข้อมูลป้อนกลับตำแหน่งจากเซ็นเซอร์ Hall และเอ็นโค้ดเดอร์แบบเพิ่มค่า และยังมีการป้องกันกระแสไฟฟ้าเกินเพื่อความมั่นใจในการใช้งาน

M4K MCU นั้นถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้รับความนิยมเพื่อนำไปใช้ในการควบคุมมอเตอร์รุ่นต่อไป อุปกรณ์เหล่านี้ใช้แกนโปรเซสเซอร์ Arm® Cortex®-M4 ที่มีส่วนการคำนวณเลขที่เป็นจุดทศนิยม (FPU) และมีหน่วยป้องกันหน่วยความจำ (MPU) ด้วย อุปกรณ์เหล่านี้สามารถทำงานได้ที่ 160MHz และมีฟังก์ชันตัวขับมอเตอร์แบบตั้งโปรแกรมได้ขั้นสูง (A-PMD) ควบคู่ไปกับความสามารถขั้นสูงของ vector engine plus (A-VE+) เพื่อใช้ในการควบคุม vector ทรัพยากรหน่วยความจำประกอบด้วยแฟลชรหัสขนาด 256kBytes และแฟลชข้อมูลขนาด 32kBytes

Clicker 4 สำหรับ TMPM4K และ Clicker 4 Inverter Shield ได้รับการสนับสนุนโดยซอฟต์แวร์ MCU Motor Studio ซึ่งจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ของ Toshiba ซอฟท์แวร์นี้เป็นซอฟต์แวร์ที่เรียบง่าย มีโครงสร้างที่ดี และใช้งานได้หลากหลาย โดยมีส่วนประกอบหลัก 2 ส่วน ได้แก่ Motor Control PC Tool ที่มีการกำหนดค่าพารามิเตอร์ การควบคุมไดรฟ์ และการบันทึกและการวินิจฉัยแบบเรียลไทม์ผ่าน UART ความเร็วสูง และ Motor Control Firmware ที่กำหนดค่าและจัดการได้อย่างเต็มที่สำหรับ M4K MCU

เกี่ยวกับ MIKROE

MIKROE เป็นผู้ผลิตเครื่องมือฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการพัฒนาระบบฝังตัว บริษัทผลิตบอร์ดต่าง ๆ สำหรับเชื่อมต่อไมโครคอนโทรลเลอร์กับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ เช่น เซ็นเซอร์ ไดรเวอร์มอเตอร์ และอื่น ๆ 
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIKROE ที่: https://www.mikroe.com/

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ M4K MCU ของ Toshiba สำหรับการควบคุมมอเตอร์ สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่: 
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/microcontrollers/txz4aplus-series.html

* บอร์ด mikroBUS และ Click เป็นเครื่องหมายการค้าของ MIKROE 
* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือทั่วโลก 
* TXZ+ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation 
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง 
* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาด้านบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ระดับแถวหน้าผู้จัดหาโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บที่มีความก้าวล้ำ รวบรวมประสบการณ์และนวัตกรรมที่สะสมมากว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา

พนักงานทั้ง 23,000 คนจากทั่วโลกของ TDSC มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ ๆ ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่สูงกว่า 8.5 แสนล้านเยน (7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในขณะนี้ TDSC หวังที่จะได้มีส่วนสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้คนทั่วโลก 
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220518005506/en/

ติดต่อ:

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า: 
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์ MCU และอุปกรณ์ดิจิทัล 
โทร: +81-44-548-2233 
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ: 
K.Tanaka, E.Sugizaki 
กลุ่มสื่อสารองค์กรและข้อมูลการตลาด 
ฝ่ายวางแผนเชิงกลยุทธ์ 
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation 
โทร: +81-44-548-2122 
เมล: tdsc-publicrelations@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SMART Modular เปิดตัวผลิตภัณฑ์ SMART Kestral PCIe Optane Memory AddCard เพื่อรองรับการขยายและเร่งความเร็วของหน่วยความจำ

Logo

กำหนดเป้าหมายสำหรับผู้ที่ต้องการขยายสเกลระดับที่ใหญ่มากและศูนย์ข้อมูลที่ใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่บนระบบที่ใช้ AMD, ARM และ Intel ที่ใช้ CPU

เมืองนิวไทเป, ใต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–19 พ.ค. 2565

SMART Modular Technologies, Inc. (“SMART”) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ SGH (Nasdaq: SGH) และเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ โซลิดสเตตไดรฟ์ และผลิตภัณฑ์สตอเรจแบบไฮบริด ได้ประกาศเปิดตัว SMART Kestral™ PCIe Optane™ Memory Add- in-Card (AIC) ซึ่งสามารถเพิ่มหน่วยความจำ Optane Memory ได้สูงสุด 2TB บนอินเทอร์เฟซ PCIe-Gen4-x16 หรือ PCIe-Gen3-x16 ที่ไม่ขึ้นกับ CPU ของเมนบอร์ด ทั้งนี้ Kestral AIC ของ SMART เร่งความเร็วอัลกอริธึมที่เลือกโดยการถ่ายโอนฟังก์ชันการจัดเก็บข้อมูลที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์จาก CPU โฮสต์ไปยัง Intel FPGA บน AIC

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220518006168/en/

SMART Modular Technologies' Kestral PCIe Optane Memory Add-in-Card (Photo: Business Wire)

เทคโนโลยี Kestral PCIe Optane Memory Add-in-Card ของ SMART Modular Technologies (รูปภาพ: Business Wire)

AIC หน่วยความจำ Kestral ของ SMART เหมาะอย่างยิ่งสำหรับศูนย์ข้อมูลที่สเกลใหญ่มาก ๆ และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันซึ่งต้องการใช้แอปพลิเคชันหน่วยความจำขนาดใหญ่ และที่สามารถได้รับประโยชน์จากการขยายหน่วยความจำหรือการเร่งความเร็วของระบบผ่านที่เก็บข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ได้

“ด้วยความก้าวหน้าของมาตรฐานการเชื่อมต่อระหว่างกัน เช่น CXL และ OpenCAPI ทำให้สมาชิกครอบครัวใหม่ของ SMART อย่าง  Kestral AIC รุ่นใหม่ สามารถตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมในด้านรูปแบบโมดูล หน่วยความจำรูปแบบใหม่ และอินเทอร์เฟซสำหรับการขยายและการเร่งความเร็วของหน่วยความจำ” Mike Rubino รองประธานฝ่ายวิศวกรรมของ SMART Modular กล่าว  “SMART สามารถใช้ประโยชน์จากประสบการณ์หลายปีของเราในการพัฒนาและผลิตโซลูชั่นหน่วยความจำที่ใช้คอนโทรลเลอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการหน่วยความจำที่เกิดขึ้นใหม่แบบแอดออน และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้านเซิร์ฟเวอร์และระบบสตอเรจให้กับลูกค้า”

ประโยชน์หลัก ๆ:

  • หน่วยความจำต่อเซิร์ฟเวอร์มากขึ้นด้วยต้นทุนต่อกิกะไบต์ที่ลดลง
  • การอัปเกรดภาคสนามสำหรับอัลกอริธึมและโปรโตคอลใหม่
  • การอัพเกรดอย่างราบรื่นสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่ด้วยโซลูชันหน่วยความจำแบบกำหนดเอง
  • รองรับเทคโนโลยีหน่วยความจำและโปรโตคอลที่หลากหลาย รวมถึง Intel Optane DIMM, DDR4 RDIMM และ LRDIMM

คุณลักษณะทางเทคนิค:

  • ความสูงเต็มที่ ความยาวครึ่งหนึ่ง (FHHL) ฟอร์มแฟกเตอร์ช่องคู่
  • Thermal Design Power  (TDP) น้อยกว่า 150W โดยใช้ฮีทซิงค์แบบพาสซีฟ
  • Intel Stratix® 10 DX FPGA ใช้งานด้วยการสนับสนุน IP หลายรายการสำหรับการกำหนดโซลูชัน
  • Quad Core ARM A53 พร้อมหน่วยความจำ 2GB DDR4 ออนบอร์ดและการเร่งความเร็วการจัดเก็บ 8GB
  • สล็อต DIMM สี่ช่องพร้อมช่องสัญญาณแยกกันสองช่อง ซึ่งสามารถใส่ Optane DIMM สี่ช่องสูงสุด 512GB ต่ออัน หรือ DDR4 RDIMM สองตัวสูงสุด 256GB

ในอนาคต AIC จาก SMART จะสามารถรองรับหน่วยความจำ Optane ขนาด 4TB ในโหมด App Direct แบบถาวรผ่านการโหลด/การจัดเก็บปกติสำหรับสถาปัตยกรรม CPU ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้สล็อต DDR DIMM ที่ต่อพ่วงโดยตรงมีพื้นที่ว่างมากขึ้น การ์ดหน่วยความจำ SMART Kestral เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเซิร์ฟเวอร์การฝึกอบรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ด้วยเครื่อง (Machine Learning, ML) ซึ่งช่วยให้อัลกอริทึมขนาดใหญ่สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและปราศจากความเสี่ยงที่จะเกิดความล้มเหลวระหว่างเหตุการณ์ไฟฟ้าดับ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SMART Kestral Memory AIC โปรดไปที่ หน้าผลิตภัณฑ์ และรับ บทสรุปทางเทคนิค ที่ smartm.com หรือติดต่อฝ่ายขายได้ที่ info@smartm.com.

* ตัว “S” และ “SMART” ที่ออกแบบมาด้วยสไตล์พิเศษ ซึ่งรวมถึง “SMART Modular Technologies” เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SMART Modular Technologies, Inc. เครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนอื่น ๆ ทั้งหมด ถือเป็นทรัพย์สินของเจ้าของกิจการ

เกี่ยวกับ SMART Modular Technologies

เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่ SMART Modular Technologies ได้ช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในการใช้งานการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงผ่านการออกแบบ การพัฒนา และการบรรจุภัณฑ์ในขั้นสูงของโซลูชันหน่วยความจำแบบพิเศษ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งของเรามีตั้งแต่เทคโนโลยีระดับแนวหน้าในปัจจุบันไปจนถึงผลิตภัณฑ์ DRAM และ Flash storage แบบมาตรฐานและแบบเดิม เราจัดหาโซลูชันหน่วยความจำและสตอเรจแบบมาตรฐาน ทนทาน และกำหนดเองได้ ที่ตอบสนองความต้องการของแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายในตลาดที่มีการเติบโตสูง

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220518006168/en/

ติดต่อฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์

Arthur Sainio

SMART Modular Technologies

39870 Eureka Dr., Newark, CA 94583

+1 (510) 364-3647

info@smartm.com

ติดต่อสำหรับสื่อ

John Crook

SMART Modular Technologies

ฝ่ายการสื่อสารการตลาด

John.Crook@smartm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Aqara ประกาศเปิดตัว D100 Zigbee กลอนประตูอัจฉริยะอัตโนมัติเต็มรูปแบบ

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–19 พฤษภาคม 2565

Aqara ผู้ให้บริการชั้นนำสำหรับผลิตภัณฑ์บ้านอัจฉริยะ ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์กลอนประตูอัจฉริยะด้วยการปล่อยกลอนล็อกแบบมีตลับใหม่ รุ่น D100 Zigbee ซึ่งเป็นสมาร์ทล็อกรุ่นที่สามของแบรนด์สำหรับตลาดโลก ทั้งนี้ต่างจาก N100 Zigbee และ A100 Zigbee รุ่นก่อนหน้านี้ที่เป็นกลอนล็อกแบบมือจับดั้งเดิม โดย D100 Zigbee รุ่นใหม่เป็นกลอนล็อกแบบมีตลับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ช่วยให้ผู้ใช้เปิดประตูโดยไม่ต้องกดที่จับหรือหมุนลูกบิด กลอนล็อกรุ่นใหม่ได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับ HomeKit รวมถึงฟีเจอร์ home key ล่าสุด และยังรองรับการปลดล็อกผ่าน Google Assistant ซึ่ง D100 Zigbee ได้วางจำหน่ายแล้วในสิงคโปร์ คูเวต ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และคาดว่าจะมีวางจำหน่ายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าไปยังประเทศ/ภูมิภาคอื่น ๆ รวมถึงมาเลเซีย ไทย เวียดนาม ฮ่องกง ไต้หวัน คาซัคสถาน ไนจีเรีย เป็นต้น

เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ กลอนล็อก D100 Zigbee นั้นสามารถใช้ได้กับประตูที่มีความหลากหลายขึ้น โดยติดตั้งกับประตูที่มีความหนาระหว่าง 40 ถึง 120 มิลลิเมตร และแม้แต่ประตูสไตลิสต์มือจับแบบดึง นอกจากนี้ยังมีชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) ที่ทนทานขึ้น ทั้งนี้ชุดแบตเตอรี่ 2480mAh แบบถอดออกได้สามารถชาร์จใหม่ผ่านพอร์ตแบบ USB-C และแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 12 เดือนระหว่างการชาร์จในแต่ละครั้ง ทั้งยังรองรับการเตือนเวลาแบตเตอรี่ต่ำ และแม้ว่าแบตเตอรี่จะหมด กลอนล็อกยังสามารถชาร์จจากข้างนอกผ่านพาวเวอร์แบงค์แบบ USB-C และยังมีความคล้ายคลึงกับกลอนล็อก Aqara รุ่นอื่น ๆ ที่มีกุญแจแบบกลไกซึ่งให้ผู้ใช้สามารถเปิดกลอนล็อกได้แม้ในขณะที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้มเหลว

D100 Zigbee มีฟีเจอร์เครื่องสแกนลายนิ้วมือ 3 มิติ พร้อมระบบป้องกันการหลอกด้วยรูปภาพหรือวิดีโอ และเครื่องสแกนนี้มีการเคลือบแซฟไฟร์เพื่อความทนทานที่ดีขึ้น กลอนล็อกติดตั้งแผงปุ่มกดล่องหน และรองรับรหัสผ่านถาวรที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวและแบบเป็นครั้งคราว (6-10 หลัก) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้อนุญาตและจัดการการเข้าถึงบ้านสำหรับสมาชิกในครอบครัวและผู้มาเยือนได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้รหัสผ่านแบบเพียงครั้งเดียวและแบบเป็นครั้งคราวสามารถสร้างและจัดการแบบระยะไกลได้* ซึ่งทำให้กลอนล็อกนี้เป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับบ้านเช่า โดยการ์ด NFC ยังมีกลอนล็อกซึ่งสะดวกสำหรับสมาชิกในครอบครัวที่มีอายุน้อยและผู้สูงอายุในการปลดล็อก

และยิ่งไปกว่านั้น D100 Zigbee ยังได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับ HomeKit และรองรับฟีเจอร์ home key ใน Apple Wallet ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแท็กอุปกรณ์ iPhone หรือ Apple Watch เพื่อปลดล็อกได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงรวมไปถึง Siri และ Google Assistant เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบกับผู้ช่วยคนโปรดว่าประตูล็อกอยู่หรือไม่ หรือขอให้ผู้ช่วยปลดล็อกประตูให้ได้

ฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงรวมอยู่ในกลอนล็อก D100 Zigbee เพื่อความปลอดภัยสำหรับบ้านและทรัพย์สิน รวมไปถึง:

  • กลอนล็อกแบบสามสลักเกลียวและกระบอกที่มีความปลอดภัยสูงทำให้กลอนล็อกทนทานต่อการพยายามเจาะทะลุ;
  • ชิปควบคุมและรักษาความปลอดภัยถูกวางไว้ที่แผงล็อกด้านใน เพื่อไม่ให้ถูกดัดแปลงแม้แผงด้านนอกจะถูกบุกรุก;
  • ลูกบิดแบบกลไกติดตั้งไว้ ช่วยให้ล็อกและปลดล็อกจากด้านในที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อความปลอดภัยและเป็นทางออกฉุกเฉิน;
  • ระบบแจ้งเตือนการงัดแงะมีทั้งในพื้นที่และระยะไกล ซึ่งลำโพงในตัวจะส่งเสียงเตือนในขณะที่การแจ้งเตือนทางมือถือจะถูกส่งไปยังผู้ใช้ในการตรวจจับความพยายามในการงัดแงะ;
  • การล็อกอัตโนมัติหลังจากประตูถูกปิด และการแจ้งเตือนประตูเปิดทิ้งไว้จะทำงานหากประตูเปิดนานกว่า 10 วินาที;
  • สวิตช์ล็อกป้องกันเด็กถูกวางไว้เหนือปุ่มปลดล็อก และเมื่อทำการเปิดสวิตช์ไว้แล้วจะป้องกันไม่ให้เด็กเปิดประตูโดยไม่ได้ตั้งใจ;
  • ระบบการพิสูจน์ยืนยันตัวตนจะหยุดเป็นเวลา 3 นาทีหลังจากการพิสูจน์ยืนยันตัวตนนั้นล้มเหลวครบ 5 ครั้ง และการแจ้งเตือนความพยายามที่ผิดปกตินี้จะถูกส่งไปยังผู้ใช้ เพื่อให้การเดารหัสในแต่ละหลักแทบจะเป็นไปไม่ได้;
  • ความสามารถในการเพิ่มตัวเลขสุ่มก่อนและหลังรหัสผ่านเพื่อป้องกันการโจมตีจากการแอบดูและรอยนิ้วมือ;
  • กุญแจปลดล็อกระยะไกลทั้งหมดรวมถึงรหัสผ่านที่สร้างจากระยะไกลนั้นปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสแบบ end-to-end และคีย์สำหรับเข้ารหัสจะถูกเก็บไว้ในกลอนล็อกและมือถือของผู้ใช้ที่จับคู่กันในเครื่อง ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะการล็อกพิเศษนี้เท่านั้นที่จะถอดรหัสได้

ทั้ง Bluetooth 5.0 และ Zigbee 3.0 ถูกผสานรวมเข้ากับกลอนล็อก D100 Zigbee ในขณะที่การรองรับ Bluetooth ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับอุปกรณ์มือถือและเทคโนโลยีโฮมฮับของ Apple ทั้งนี้การผสานรวม Zigbee ที่ทำให้ D100 Zigbee แตกต่างจากที่มีวางจำหน่ายอยู่ในตลาด เมื่อเชื่อมต่อกับฮับ Zigbee 3.0 Aqara โดยกลอนล็อกไม่เพียงรองรับการปลดล็อกจากระยะไกลผ่านแอป Aqara Home แต่ยังเชื่อมโยงกับอุปกรณ์เสริม Aqara อื่น ๆ เพื่อเปิดใช้งานการทำงานอัตโนมัติภายในบ้าน ตัวอย่างเช่น เมื่อกดปุ่ม Away บนแผงปุ่มกดของกลอนล็อก ผู้ใช้สามารถเปิดระบบแจ้งเตือนของ Aqara Home ซึ่งกล้องรักษาความปลอดภัยและเซ็นเซอร์จะเปิดใช้งาน และปิดไฟ ระบบ AC และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอื่น ๆ ด้วยอุปกรณ์ Aqara ที่หลากหลายนี้ ผู้ใช้สามารถสร้างระบบอัตโนมัติที่ปรับแต่งให้เหมาะสมตามสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่ต้องการได้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลอนล็อก D100 Zigbee กรุณาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ของเรา

* จำเป็นต้องใช้ฮับ Zigbee 3.0 Aqara

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220518005555/en/

ติดต่อ:

สำหรับสอบถามสื่อ:
Michell Li
มือถือ: +86 18501199430
อีเมล:  media@aqara.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

METAQ Coin จดทะเบียนใน Global Exchange MEXC

Logo

ปังโย เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–18 พฤษภาคม 2565

Metaplanet ประกาศว่าสกุลเงินดิจิทัล 'METAQ Coin' ได้รับการจดทะเบียนบน MEXC แพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำระดับโลก 

METAQ Coin ทำผลงานได้ถึง 128,000% ที่งาน Kickstarter listing voting ที่จัดโดย MEXC และได้รับการจดทะเบียนบน MEXC ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา

MEXC Exchange ก่อตั้งขึ้นในปี 2561 เป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกของแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำระดับโลกที่จดทะเบียนบน CoinMarketCap ซึ่งเป็นเว็บไซต์ตลาดสกุลเงินดิจิทัลระดับโลก และมีผู้ใช้มากกว่า 6 ล้านคนใน 200 ประเทศ โดยในการซื้อขายแลกเปลี่ยนนั้นสามารถที่จะจ่ายด้วยสกุลเงินดิจิทัลผ่าน Visa และ Mastercard ทั้งนี้มีการเติบโตอย่างรวดเร็วโดยการสนับสนุนจากบริการต่าง ๆ เช่น DeFi, staking และ Kickstarter ที่ใช้โทเค็น MX token ของตนเอง

METAQ Coin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถใช้ใน Crypto Fishing เกม NFT-P2E ที่พัฒนาและให้บริการโดยโครงการ METAQ ในเกมนั้นผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนโทเค็น AQUA ที่ได้รับมากับ METAQ Coins

ด้วย METAQ Coin มีการจดทะเบียนบน MEXC Exchange การเข้าถึง Crypto Fishing ของผู้ใช้จึงได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างมาก

“ด้วยการจดทะเบียนใน MEXC Exchange ที่มีชื่อเสียงระดับโลก การรับรู้แบรนด์ของ METAQ ในหมู่นักลงทุนต่างประเทศและผู้ใช้ทั้งในประเทศและต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่รักษาผู้ใช้ที่ยังคงใช้งานอยู่ นอกจากนี้ยังจะกระตุ้นการขยายตัวทั่วโลกของระบบนิเวศ METAQ” JeongYeop Shin ซีอีโอของ Metaplanet กล่าว “ทีมโครงการ METAQ จะให้บริการอัปเกรดแก่ผู้ใช้เกมอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

Metaplanet
Layla Jeong
+82-10-9779-9270
metaplanet99@gmail.com

สตารร์ อินชัวรันส์ คอมพานีส์ รุกตลาดประกันภัยไทย

Logo

นครนิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม 2565

สตารร์ อินชัวรันส์ คอมพานีส์ ("สตารร์") ได้ประกาศทำสัญญากับเอฟพีจี อินชัวรันซ์ โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด (ฮ่องกง) ("เอฟพีจี") และผู้ถือหุ้นไทย เพื่อเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอฟพีจี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ("เอฟพีจี ประเทศไทย") ซึ่งเป็นบริษัทประกันวินาศภัยในประเทศไทย ร่วมกับนักลงทุนไทย

การเข้าลงทุนดังกล่าวของ สตารร์ จะดำเนินการโดยสตารร์ อินชัวรันส์ แอนด์ รีอินชัวรันส์ ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายเบอร์มิวดา โดยคาดว่าจะการเข้าซื้อหุ้นจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในไตรมาสที่สองของปี 2565 ทั้งนี้ การสำเร็จลุล่วงของการเข้าลงทุนอยู่ภายใต้เงื่อนไขการเสร็จสิ้นธุรกรรม (Customary Closing Conditions) รวมถึงการได้รับอนุมัติตามข้อกำหนดของกฎหมายที่จำเป็น

"ประเทศไทยเป็นตลาดประกันภัยที่สำคัญและเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเสาหลักทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" มอริซ อาร์. กรีนเบิร์ก ประธาน และซีอีโอของ สตารร์ กล่าว "ภูมิภาคเอเชียมีความสำคัญต่อ สตารร์ ทั้งในด้านการค้าและวัฒนธรรม ดังจะเห็นได้จากการที่กลุ่มสตารร์ได้ก่อตั้งบริษัทอเมริกันในนครเซี่ยงไฮ้ เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว โดยเรามุ่งมั่นในการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของบรรดาบริษัทและผู้บริโภคในประเทศไทยผ่านกิจการประกันภัยใหม่นี้"

เดวิด ซิลลิค ประธานระดับภูมิภาคของ เอฟพีจี กล่าวว่า "การเข้าทำธุรกรรมนี้สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของกลุ่มธุรกิจของเรา และผลของการทำงานหนัก ความพากเพียร และความมุ่งมั่นของทีมงาน เอฟพีจี ประเทศไทย แม้ภายใต้สภาวะตลาดที่มีความท้าทาย ทั้งนี้ บรรดาทีมงานมีความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับ สตารร์ เพื่อนำพาบริษัทให้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น"

สตารร์ คาดว่าจะสามารถเสริมความแข็งแกร่งในการเสนอผลิตภัณฑ์ในตลาดประกันภัยไทย ด้วยประกันภัยเชิงพาณิชย์ และประกันอุบัติเหตุและสุขภาพซึ่งได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมตามความต้องการ และวางแผนที่จะขยายธุรกิจอย่างเต็มที่โดยจะสรรหาและพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยในประเทศไทย โดยที่ผ่านมา สตารร์ ได้สนับสนุนตลาดประกันภัยในประเทศไทยผ่านการรับประกันภัยต่อเป็นหลัก ซึ่งรวมถึง ประกันความเสี่ยงทางด้านเทคนิค ประกันภัยเบ็ดเตล็ด ประกันภัยทางทะเล และประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ

เจอราร์ด เพนฟาเธอร์ จากฮันติงตัน (Huntington) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ของ เอฟพีจี กล่าวว่า "นี่เป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งของทั้ง สตารร์ และ เอฟพีจี เราเชื่อว่า สตารร์ เป็นเหมือนบ้านในอุดมคติของ เอฟพีจี ประเทศไทยที่จะช่วยสร้างฐานธุรกิจ ขยายขีดความสามารถ และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ สู่ตลาดประกันภัย"

ตามรายงานล่าสุดของเอเอ็ม เบสท์ (AM Best) ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดอันดับ ในปี 2564 ตลาดประกันวินาศภัยของประเทศไทยมีมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมประมาณ 253 พันล้านบาท (หรือประมาณ 8.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ)

ทั้งนี้ คาดว่าสำนักงานใหญ่ของฝ่ายปฏิบัติการจะยังคงอยู่ในกรุงเทพมหานครตามเดิม

เกี่ยวกับสตารร์ อินชัวรันส์ คอมพานีส์

สตารร์ อินชัวรันส์ คอมพานีส์ (หรือ สตารร์) เป็นชื่อทางการตลาดของบรรดาบริษัท และบริษัทลูกของ สตารร์ อินเตอร์เนชั่นแนล คอมพานี อิงค์ ซึ่งประกอบธุรกิจประกันภัยและให้บริการความช่วยเหลือระหว่างการเดินทาง และรวมถึง ซี.วี. สตารร์ แอนด์ คอมพานี อิงค์ และบริษัทในเครือซึ่งประกอบธุรกิจการลงทุน ทั้งนี้ สตารร์ เป็นองค์กรชั้นนำในด้านประกันภัยและการลงทุน ซึ่งมีสำนักงานของบริษัทในเครือครอบคลุมอยู่ทั้งใน 6 ทวีปทั่วโลก โดยบริษัทประกันภัยของ สตารร์ มีผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย ทั้งประกันภัยทรัพย์สิน ประกันเบ็ดเตล็ด และประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ รวมถึงความคุ้มครองพิเศษต่างๆ เช่น ประกันภัยเครื่องบิน ประกันภัยทางทะเล ประกันภัยพลังงาน และประกันวินาศภัยส่วนเกิน บริษัทประกันภัยในเครือของ สตารร์ ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา เบอร์มิวดา จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ และมอลตา ล้วนแต่ได้รับเกรด "A" (Excellent) โดยเอเอ็ม เบสท์ ในขณะที่ลอยซ์ ซินดิเคท (Lloyd's syndicate) ของ สตารร์ ได้รับเกรด "A+" (Strong) โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (Standard & Poor)

เกี่ยวกับเอฟพีจี อินชัวรันส์ กรุ๊ป

เอฟพีจี อินชัวรันส์ กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นมานานกว่าครึ่งศตวรรษและเป็นกลุ่มบริษัทประกันวินาศภัยในภูมิภาคอาเซียน

เกี่ยวกับฮันติงตัน

ฮันติงตันและบริษัทร่วมเป็นกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์แบบบูรณาการและลงทุนในกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพและหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ (private equity) โดยให้ความสำคัญในด้านการประกันภัยต่อ และมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์และตุรกี

ติดต่อเราได้ที่เว็บไซต์ www.starrcompanies.com หรือติดตามเราได้ที่ LinkedIn และ Twitter.

ติดต่อ:

ชาร์ลี อาร์มสตรอง

รองประธานฝ่ายการตลาด

ที่อยู่อีเมล charlie.armstrong@starrcompanies.com หมายเลขโทรศัพท์ 646.758.8308

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเนแบรสกาและ ANANDA Scientific ประกาศว่า FDA ได้อนุมัติ IND สำหรับการทดลองทางคลินิกเพื่อสำรวจการรักษาความผิดปกติของโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD)

Logo

โอมาฮา เนแบรสกาและกรีนวูด วิลเลจ โคโลราโด–(บิสิเนสไวร์)–17 พฤษภาคม, 2565

ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเนแบรสกา (UC) และ ANANDA Scientific Inc ประกาศความร่วมมือในการทดลองทางคลินิกรอบใหม่เพื่อตรวจสอบการรักษาผู้ใหญ่ที่มีความผิดปกติจากโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220517005065/en/

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

การทดลองนี้นำโดยนักวิจัยหลัก Mathew Rizzo, MD, ศาสตราจารย์จาก Reynolds และประธานของ UNMC Department of Neurological Sciences และหัวหน้าแพทย์สำหรับบริการทางระบบประสาทที่ Nebraska Medicine

การศึกษาจะประเมินประสิทธิผลของ Nantheia™ ATL5 ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการวิจัยโดยใช้เทคโนโลยีการนำส่ง cannabidiol ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ ANANDA  ยาที่ใช้ในการศึกษาวิจัยใหม่ (investigational new drug – IND) ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

(Clinical Trials.gov Identifier NCT05269459)

“นี่เป็นการทดลองทางคลินิกครั้งที่สองของเราที่กำหนดเป้าหมายไปที่ PTSD เรารู้สึกตื่นเต้นที่ทีมวิจัยของ UNMC ได้ร่วมมือกับเราเพื่อประเมินยาของเราสำหรับโรคที่ย่ำแย่โรคนี้” Sohail R. Zaidi ซีอีโอของ ANANDA กล่าว "นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในความพยายามของเราในการจัดหาทางเลือกในการรักษาที่ดีขึ้นให้กับผู้ป่วย PTSD"

"เป้าหมายหลักสำหรับทีมวิจัยของเราคือการวิจัยการรักษาแบบใหม่ตามหลักฐานเพื่อให้ประชากรผู้ป่วย PTSD จำนวนมากมีตัวเลือกการรักษาใหม่" Dr. Rizzo กล่าว “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ ANANDA Scientific ในการทดลองครั้งนี้”

Dr. Rizzo ยังเป็นผู้อำนวยการเครือข่ายการวิจัยทางคลินิกของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ Great Plains เขาเป็นประธานคณะกรรมการบริหารของ American Brain Coalition ซึ่งสนับสนุนการวิจัยขั้นสูงสำหรับการรักษาทางระบบประสาท

ทีมวิจัยของ Dr. Rizzo ได้แก่ Jennifer Merickel, Ph.D., นักประสาทวิทยาทางปัญญาและผู้ช่วยศาสตราจารย์ใน UNMC Department of Neurological Sciences และ Brigette Vaughan พยาบาลวิชาชีพขั้นสูง แพทย์และนักวิจัยใน UNMC Department of Psychiatry

การศึกษาทางคลินิกแบบสุ่มตัวอย่างแบบ double-blind ควบคุมด้วยยาหลอกระยะที่ 2 นี้ กำลังวางแผนที่จะลงทะเบียนผู้เข้าร่วม 240 คน เพื่อให้การประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ Nantheia™ ATL5 อย่างเข้มงวด

เกี่ยวกับ NANTHEIA™ ATL5

Nantheia™ ATL5 เป็นยาที่ใช้ในการวิจัยซึ่งใช้เทคโนโลยีการนำส่ง cannabidiol ในโครงสร้างของเหลวของ ANANDA  การศึกษาทางคลินิกเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีการนำส่ง Liquid Structure™ ของ ANANDA (ได้รับอนุญาตจาก Lyotropic Delivery Systems (LDS) Ltd ในกรุงเยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล) สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรของ cannabidiol.  Nantheia ™ ATL5 เป็นผลิตภัณฑ์รับประทานทางช่องปากที่มี cannabidiol 100 มก. ต่อแคปซูลซอฟเจล

เกี่ยวกับศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเนแบรสกา

UNMC เป็นศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพเชิงวิชาการเพียงแห่งเดียวของเนบราสก้า  UNMC มุ่งมั่นที่จะให้การศึกษาแก่บุคลากรทางการแพทย์ในศตวรรษที่ 21 เพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคร้ายแรง  การดูแลผู้ป่วยอย่างดีที่สุด และให้บริการรัฐและชุมชนผ่านการขยายงานที่ได้รับรางวัล  UNMC มีวิทยาลัยหกแห่งและสองสถาบัน ให้บริการนักศึกษามากกว่า 4,200 คนในกว่าสิบสองโปรแกรม  นักวิจัยที่ UNMC ดำเนินการวิจัยที่ล้ำสมัยในด้านวิทยาศาสตร์ระบบประสาท มะเร็งวิทยา โรคติดเชื้อ และพื้นที่สำคัญอื่นๆ

เกี่ยวกับ ANANDA SCIENTIFIC

อนันดาเป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำที่มุ่งเน้นการวิจัย โดยบุกเบิกการศึกษาทางคลินิกที่มีความสามารถสูงเพื่อประเมินข้อบ่งชี้ในการรักษาโรค เช่น PTSD, Radiculopathic โรควิตกกังวล และ ความผิดปกติของการใช้ Opioid (Mt. Sinai และ UCLA) บริษัทใช้เทคโนโลยีการจัดส่งที่ได้รับการจดสิทธิบัตรในการผลิต cannabinoids และสารประกอบที่ได้จากพืชอื่นๆ มีความสามารถในการย่อยสลายทางชีวภาพสูง ละลายน้ำได้ มีอายุการเก็บรักษาที่เสถียร และมุ่งเน้นไปที่การผลิตผลิตภัณฑ์ยาที่มีคุณภาพระดับพรีเมียม บริษัทกำลังขยายฐานการวิจัยผ่านการสนับสนุนหลายฉบับกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อกระจายพอร์ตโฟลิโอทางคลินิกให้สอดคล้องกับข้อมูลการวิจัยที่แข็งแกร่ง  บริษัทมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ANANDA ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร โดยขยายไปสู่ตลาดอื่นๆ เช่น สหภาพยุโรป จีน แอฟริกา และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220517005065/en/

ติดต่อ:

ANANDA Scientific Media Relations | Christopher Moore | 813 326 4265 | media@anandascientific.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter