TradeSun ประกาศข้อตกลงร่วมกับ Wells Fargo

Logo

ซานดิเอโก–(BUSINESS WIRE)–16 เมษายน 2024

TradeSun และ Wells Fargo ได้ทำข้อตกลงที่จะช่วยให้ Wells Fargo สามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชันดิจทัลทางการเงินเพื่อการค้าชั้นนำของอุตสาหกรรม และโซลูชันการแปลงเป็นดิจิทัลตามการปฏิบัติตามกฎระเบียบจาก TradeSun โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่น ๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการที่ซับซ้อน และดำเนินการด้วยตนเองที่ใช้ทั่วโลก ภายในอุตสาหกรรมการธนาคาร

การเปิดตัวครั้งใหม่ที่สําคัญของ TradeSun กําลังพลิกโฉมระบบดิจิทัลทางการเงินการค้า โดยถือเป็นเป็นการบุกเบิกสิ่งใหม่ในโลกแห่งการเก็บข้อมูลการรับรู้ และกระบวนการอัตโนมัติอัจฉริยะ และยกระดับการคัดกรองการปฏิบัติตามข้อกําหนดและการตรวจสอบเอกสารไปสู่ระดับใหม่ AI ที่มุ่งเน้นการค้าของ TradeSun จะช่วยบรรลุเป้าหมายของ Wells Fargo โดยทําให้กระบวนการแบบแมนนวลเป็นอัตโนมัติ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อนธุรกิจใหม่

Wells Fargo จะใช้แพลตฟอร์ม TradeSun AI เพื่อแปลงเป็นดิจิทัล แยก ตรวจสอบ และจัดประเภทข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างเพื่อใช้กับการปฏิบัติตามข้อกําหนดและการตรวจสอบเอกสาร

“จากการเดินทางของเรากับ Wells Fargo เราได้เรียนรู้ว่าพวกเขาทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด ผมมีแรงผลักดันเป็นการส่วนตัวเพื่อให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์ม TradeSun AI ยังคงเร่งความเป็นผู้นําในตลาดต่อไป ที่ TradeSun เราได้รับแรงบันดาลใจจากการตัดสินใจของ Wells Fargo ในการลงทุนในความสัมพันธ์นี้ นับเป็นการยืนยันที่ทรงพลังถึงนวัตกรรมของ TradeSun ในการแปลงการเงินเพื่อการค้าทั่วโลกให้เป็นดิจิทัล” Nigel Hook ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ TradeSun กล่าว

“Wells Fargo ยังคงสร้างความก้าวหน้าที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางการเงินการค้าและลูกหนี้ของเรา ข้อตกลงของเรากับ TradeSun ทําให้เรามีเครื่องมือในการแปลงเป็นดิจิทัล และระบบอัตโนมัติเพื่อเสริมสร้างกรอบความเสี่ยงของเรา ส่งมอบการดําเนินการที่ไร้ที่ติ และมอบประสบการณ์ระดับโลกให้กับลูกค้า” Cesar Gonzalez หัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการธนาคารพาณิชย์ของ Wells Fargo กล่าว

“เรากําลังออกแบบและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อให้บริการลูกค้าด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกช่องทาง” Kiran Vuppu หัวหน้ากลุ่มข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าธนาคารพาณิชย์และการจัดการผลิตภัณฑ์สินเชื่อเชิงพาณิชย์ของ Wells Fargo กล่าว ” วิธีหนึ่งที่ทีมของเราเป็นผู้นํางานนี้คือการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า และการทํางานร่วมกับ TradeSun เป็นส่วนสําคัญของกลยุทธ์ดังกล่าว”

เกี่ยวกับ TradeSun

TradeSun เป็นผู้นําด้าน AI ในการค้าโลก แพลตฟอร์ม TradeSun Intelligence ของเราแปลงเอกสารเป็นดิจิทัล และเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานอย่างมาก โดยทำให้การปฏิบัติตามข้อกําหนดแบบเรียลไทม์เป็นอัตโนมัติ สําหรับอาชญากรรมทางการเงินและความเสี่ยงจากการคว่ำบาตร แพลตฟอร์มของเราดําเนินการกระทบยอดการค้าแบบอัตโนมัติ และการให้คะแนนธุรกรรมที่ยั่งยืนเป็นครั้งแรก โดยใช้โซลูชัน CoriolisESG ของ TradeSun Global Markets Explorer ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อหลอมรวมข้อมูลธุรกรรมและข้อมูลห่วงโซ่อุปทานระดับลึกของบริษัทกว่า 460 ล้านแห่ง เพื่อช่วยให้ลูกค้าลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานด้วยแหล่งข้อมูลทางเลือกอื่น และให้ความกระจ่างแก่ตลาดใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย

เทคโนโลยี TradeSun AI ช่วยลดต้นทุนการประมวลผล ปรับปรุงการคัดกรองการปฏิบัติตามข้อกําหนด และเพิ่มขีดความสามารถให้กับระบบนิเวศการค้าและห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนสําหรับธนาคารและองค์กร

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.tradesun.com
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/tradesun

เกี่ยวกับ Wells Fargo

Wells Fargo & Company (NYSE: WFC) เป็นบริษัทผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนําที่มีสินทรัพย์ประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ให้บริการหนึ่งในสามครัวเรือนในสหรัฐอเมริกา และมากกว่า 10% ของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐอเมริกาอย่างภาคภูมิใจ  และเป็นผู้ให้บริการธนาคารในตลาดกลางชั้นนําในสหรัฐอเมริกา เรานำเสนอชุดผลิตภัณฑ์และบริการด้านการธนาคาร การลงทุน และการจํานองที่หลากหลาย รวมถึงการเงินสําหรับผู้บริโภคและการพาณิชย์ ผ่านทางส่วนงานดำเนินงานที่รายงานได้สี่ส่วนของเรา ได้แก่ การธนาคารเพื่อผู้บริโภคและการให้กู้ยืม การธนาคารพาณิชย์ การธนาคารเพื่อองค์กรและวาณิชธนกิจ และการจัดการความมั่งคั่งและการลงทุน Wells Fargo อยู่ในอันดับที่ 47 ในการจัดอันดับบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาประจำปี 2023 โดย Fortune ในชุมชนที่เราให้บริการ บริษัท มุ่งเน้นผลกระทบทางสังคมในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและครอบคลุมสําหรับทุกคน โดยการสนับสนุนความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย การเติบโตของธุรกิจขนาดเล็ก สุขภาพทางการเงิน และเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ข่าวสาร ข้อมูลเชิงลึก และมุมมองจาก Wells Fargo สามารถดูได้ที่ Wells Fargo Stories

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.wellsfargo.com
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/wellsfargo

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53932089/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อมวลชนสัมพันธ์: media@tradesun.com, +1 800 481 3282

ที่มา: TradeSun

SRS Distribution บริษัทในเครือของ Leonard Green & Partners และ Berkshire Partners บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการของ The Home Depot ในราคา 18.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

LOS ANGELES & BOSTON–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2024

SRS Distribution (“SRS”) บริษัทในเครือของ Leonard Green & Partners และ Berkshire Partners บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการของ The Home Depot ในราคา 18.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายละเอียดของการซื้อขายในครั้งนี้ได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณะในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ออกโดย The Home Depot และ SRS เมื่อเช้าวันนี้ SRS เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาคารที่พักอาศัยและอาคารพาณิชย์ชั้นนำในสหรัฐอเมริกา โดยมีสาขามากกว่า 760 แห่งใน 47 รัฐ The Home Depot เป็นผู้ค้าปลีกอุปกรณ์ปรับแต่งที่พักอาศัยรายใหญ่ที่สุดของโลก

เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสในการลงทุนและเป็นพันธมิตรกับ SRS และพนักงานกว่า 11,000 คน” Jonathan Seiffer หุ้นส่วนอาวุโสของ Leonard Green & Partners กล่าว “เราขอขอบคุณอย่างจริงใจและขอแสดงความยินดีกับทีมงานทั้งหมดของ SRS สำหรับประวัติศาสตร์การเติบโตที่น่าทึ่ง ความสำเร็จและทุกการดำเนินงานที่บรรลุความสำเร็จที่ผ่านมาของ SRS จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากผู้นำที่ยอดเยี่ยมอย่างซีอีโอ Dan Tinker และทีมงาน และประธาน Ron Ross รวมถึงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบการดำเนินงานที่มีการสร้างไว้ใน SRS”

“นับจากที่เรามีการลงทุนใน SRS เมื่อ 11 ปีที่แล้ว เรามีความสุขที่ได้ร่วมมือและเป็นหุ้นส่วนกับซีอีโอ Dan Tinker และทีมผู้บริหารของ SRS ทุกคน และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้บรรลุเป้าหมายความสำเร็จในการซื้อขายกิจการให้กับ The Home Depot ตามการประกาศในครั้งนี้” Josh Lutzker กรรมการผู้จัดการของ Berkshire Partners กล่าว “SRS เริ่มต้นจากบริษัทเล็กๆ ระดับภูมิภาค และเติบโตขึ้นจนเป็นแพลตฟอร์มระดับประเทศที่รองรับตลาดหลายแห่ง เราทุกคนมีความภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับทีมงานที่ยอดเยี่ยมและเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวการเติบโตของบริษัท”

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ The Home Depot ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากความมุ่งมั่นและทุ่มเทของทีมงานทุกคนที่ SRS” Dan Tinker ประธานและซีอีโอของ SRS Distribution กล่าว “ผมมีความภูมิใจในบริษัทของเรา วัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง และเรื่องราวการเติบโตที่น่าประทับใจของเรา ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราบรรลุความสำเร็จมากมายสำหรับลูกค้า ซัพพลายเออร์ ชุมชน และพนักงานของเรา ผมขอขอบคุณในการสนับสนุนและคำแนะนำที่เราได้รับจากหุ้นส่วนของเรา – Leonard Green & Partners และ Berkshire Partners บริษัททั้งสองนี้มีการนำเสนอแนวทางการทำงานร่วมกันในระยะยาวเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างมูลค่า ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในธุรกิจของเรา”

Berkshire Partners มีการลงทุนใน SRS ในปี 2013 เมื่อบริษัทสร้างรายได้ประมาณ 650 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีสาขาน้อยกว่า 100 แห่ง จำหน่ายวัสดุมุงหลังคาที่พักอาศัยเป็นหลัก ในวันนี้ SRS มีสาขามากกว่า 760 แห่งในเกือบทุกรัฐ และสร้างรายได้สูงกว่า 10 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

ในปี 2018 Leonard Green & Partners กลายเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของ SRS โดย Berkshire Partners ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญ ตลอดระยะเวลาการเป็นหุ้นส่วน บริษัทไพรเวทอีควิตี้ทั้งสองได้ช่วยกันพัฒนาและสร้างทีมผู้นำที่ดีเยี่ยมที่สุดให้กับ SRS ในการเข้าสู่ภาคส่วนธุรกิจการจัดจำหน่ายด้านการจัดสวนในปี 2019 และการจัดจำหน่ายสระว่ายน้ำในปี 2021 SRS ยังขยายอุตสาหกรรมที่ให้บริการอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้ง SRS ยังมีความมุ่งมั่นที่โดดเด่นเพื่อให้พนักงานมีส่วนเป็นเจ้าของ ซึ่งขับเคลื่อนวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ โครงการส่งเสริมความเป็นเจ้าของสำหรับพนักงานและโปรแกรมการปันหุ้นของบริษัทส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางและผลการดำเนินงานของบริษัทที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ LGP

LGP เป็นบริษัทลงทุนไพรเวทอีควิตี้ชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 และตั้งอยู่ที่ Los Angeles โดยมีสินทรัพย์ภาพใต้การบริหารจัดการกว่า 75 พันล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทเป็นพันธมิตรกับทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และร่วมกับผู้ก่อตั้งเพื่อลงทุนในบริษัทชั้นนำในตลาด นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้น LGP มีการลงทุนในบริษัทกว่า 120 แห่งในรูปแบบของการซื้อกิจการแบบดั้งเดิม การทำธุรกรรมภาคเอกชน การเพิ่มทุน การเพิ่มหุ้น และการลงทุนในตราสารสาธารณะและตราสารหนี้ที่ผ่านการคัดเลือก บริษัทมุ่งเน้นในบริษัทที่ให้บริการ รวมถึงบริการสำหรับผู้บริโภค การดูแลสุขภาพ และธุรกิจ รวมถึงการค้าปลีก การจัดจำหน่าย และอุตสาหกรรม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.leonardgreen.com

เกี่ยวกับ Berkshire Partners

Berkshire Partners เป็นนักลงทุนที่เชี่ยวชาญในหลายภาคส่วน โดยพนักงานเป็นเจ้าของ 100% ทั้งภาคเอกชนและสาธารณะ ทีมไพรเวทอีควิตี้ของบริษัทมีการลงทุนในบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีและมีการเติบโตในภาคส่วนบริการและอุตสาหกรรม เทคโนโลยีและการสื่อสาร ผู้บริโภค และการดูแลสุขภาพ นับตั้งแต่ก่อตั้ง Berkshire Partners มีการลงทุนในไพรเวทอีควิตี้มากกว่า 150 รายการ และมีประวัติในการร่วมมือกันกับทีมผู้บริหารมาอย่างยาวนานในการขยายบริษัทที่มีการลงทุนไว้ Stockbridge ซึ่งเป็นกลุ่มไพรเวทอีควิตี้ของบริษัทได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 2007 มีการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอที่กระจุกตัวเพื่อแสวงหาการลงทุนระยะยาวที่น่าดึงดูดใจ Stockbridge และไพรเวทอีควิตี้ของบริษัทจะร่วมมือกันและใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโดยรวมในภาคส่วนต่างๆ บ่อยครั้ง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.berkshirepartners.com

เกี่ยวกับ SRS Distribution

SRS Distribution ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 2008 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ McKinney, Texas และได้กลายเป็นหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาคารที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท มีการสร้างกลยุทธ์การเติบโตที่แตกต่างกันและมีวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการที่มุ่งเน้นในการให้บริการแก่ลูกค้า การเป็นพันธมิตรกับซัพพลายเออร์ และการดึงดูดผู้ที่มีความสามารถที่ดีเยี่ยมในอุตสาหกรรม ในปัจจุบัน SRS มีการดำเนินงานภายใต้กลุ่มแบรนด์ท้องถิ่นที่แตกต่างกัน โดยมีสาขากว่า 760 แห่งใน 47 รัฐ SRS Distribution เป็นบริษัทในเครือของ Leonard Green & Partners, L.P. และ Berkshire Partners LLC สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.srsdistribution.com

ราคาที่นำเสนอได้รับการรับรองโดยผู้บริหารของบริษัทในเครือซึ่ง Berkshire Partner เป็นเจ้าของกองทุน ผู้บริหารไม่ได้รับค่าตอบแทนในการให้การรับรอง อย่างไรก็ตาม ผลจากโครงสร้างการเป็นเจ้าของบริษัทในเครือของ Berkshire Partners Private Equity ทำให้เกิดความขัดแย้งในผลประโยชน์ร่วม เนื่องด้วยผู้บริหารมีแรงจูงใจที่จะแถลงเชิงบวกเกี่ยวกับ Berkshire Partners และประสบการณ์ที่มีต่อ Berkshire Partners เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับ Berkshire Partners

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Leonard Green & Partners (LGP)
communications@leonardgreen.com

Berkshire Partners
Greg Winter
617-316-6260
gwinter@berkshirepartners.com

SRS Distribution
PR@srsdistribution.com

แหล่งข้อมูล: Berkshire Partners

Techtronic Industries มีผลประกอบการประจำปี 2023 ที่ยอดเยี่ยม

Logo

อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 39.5% ส่วนกระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–6 มีนาคม 2024

ผู้นำระดับโลกด้านเครื่องมือไร้สายระดับมืออาชีพ เครื่องมือ DIY และอุปกรณ์ไฟฟ้ากลางแจ้งอย่าง Techtronic Industries Co. Ltd. (“TTI” หรือ “กลุ่มบริษัท”) (รหัสหลักทรัพย์: 669, OTCQX: TTNDY, TTNDF) มีความยินดีที่จะประกาศผลประกอบการรวมที่ผ่านการตรวจสอบของบริษัทและบริษัทย่อยประจำปีที่สิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2023 โดย TTI มียอดขาย 13.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้น 3.6% ตามการรายงานและเพิ่มขึ้น 3.9% ในสกุลเงินท้องถิ่น ทั้ง MILWAUKEE และกลุ่มธุรกิจสินค้าเพื่อผู้บริโภคของเรามีทิศทางที่ดีในช่วงครึ่งหลังของปี 2023

  • TTI มีกระแสเงินสดอิสระสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มียอดขายเติบโตและสร้างผลกำไรได้มากกว่าตลาด
  • ธุรกิจหลักของเราอย่าง MILWAUKEE มียอดขายเพิ่มขึ้น 10.7% ในสกุลเงินท้องถิ่น
  • เรามีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 15 ที่ 39.5% ซึ่งเพิ่มขึ้น 14 BPS ขณะเดียวกันก็ลดสินค้าคงคลังลง 987 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ไฮไลท์ด้านผลการดำเนินงานทางการเงินสำหรับปี 2023

2023*

ล้านดอลลาร์สหรัฐ

2022

ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เปลี่ยนแปลง

รายได้

13,731

13,254

+3.6%

กำไรขั้นต้น

39.5%

39.3%

+14bps

EBIT

1,135

1,201

(5.5%)

กำไรในส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัท

976

1,077

(9.4%)

กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (เซนต์สหรัฐฯ)

53.36

58.86

(9.3%)

กระแสเงินสดอิสระ

1,281

329

+952m

เงินปันผลต่อหุ้น (เซนต์สหรัฐโดยประมาณ)

24.84

23.81

+4.3%

*สำหรับปีที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2023

กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 14 BPS เป็น 39.5% ในปี 2023 การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นถือเป็นการเติบโตที่ดีมากเมื่อพิจารณาจากสินค้าคงคลังที่ลดลงอย่างมากถึง 987 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา EBIT อยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลง 5.5% จากปี 2022 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 EBIT เพิ่มขึ้นเป็น 575 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับครึ่งหลังของปี 2022 TTI มีกำไรสุทธิ 976 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขที่ลดลง 9.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น กำไรต่อหุ้นก็ลดลง 9.3% เหลือ 53.36 เซนต์สหรัฐ เงินทุนหมุนเวียนที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายดีขึ้นจาก 21.2% ในปีที่แล้วเป็น 17.7% ในปี 2023 เงินทุนหมุนเวียนที่ลดลงช่วยผลักดันให้ปี 2023 มีกระแสเงินสดอิสระสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้กลุ่มบริษัทอยู่ในสถานะที่ดีที่จะมีกระแสเงินสดอิสระดีเยี่ยมในปี 2024 และในอนาคต

กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ไฟฟ้าของ TTI มียอดขาย 12.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.8% ในสกุลเงินที่รายงาน และเพิ่มขึ้น 4.1% ในสกุลเงินท้องถิ่น MILWAUKEE มียอดขายทั้งปีเพิ่มขึ้น 10.7% ในสกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 12.7% ในสกุลเงินท้องถิ่นในช่วงครึ่งปีหลังเทียบกับ 8.7% ในครึ่งปีแรก กลุ่มธุรกิจสินค้าเพื่อผู้บริโภคของเราก็มียอดขายเติบโตเป็นบวกในครึ่งปีหลังเช่นกัน และอยู่ในสถานะที่จะทำได้ดีต่อไปในปี 2024 ธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลพื้นและทำความสะอาดของเรามียอดขายเติบโต 1.5% ในสกุลเงินท้องถิ่นเป็น 937 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 และมีกำไรเพิ่มขึ้น 65.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 27.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

คณะกรรมการแนะนำให้จ่ายเงินปันผลสุดท้ายที่ 98.00 เซนต์ฮ่องกง (ประมาณ 12.61 เซนต์สหรัฐ) ต่อหุ้น เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่ 95.00 เซนต์ฮ่องกง (ประมาณ 12.23 เซนต์สหรัฐ) ต่อหุ้น จะทำให้ได้รับเงินปันผลทั้งปีที่ 193.00 เซนต์ฮ่องกง (ประมาณ 24.84 เซนต์สหรัฐ) ต่อหุ้น

นาย Horst Pudwill ประธานของ TTI กล่าวว่า “TTI พร้อมที่จะสร้างผลงานที่ดีกว่าตลาดต่อไปในปี 2024” เรามุ่งที่จะพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ไร้สายด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เทคโนโลยีมอเตอร์ที่ล้ำสมัย และปัญญาประดิษฐ์อย่างไม่ลดละ ด้วยงบดุลที่ดี สถานะเงินสดที่ยอดเยี่ยม และแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง เราจึงตั้งตารอปี 2024 ด้วยความมั่นใจ”

นาย Joseph Galli ซีอีโอของ TTI ให้ความเห็นว่า “ผลงานอันยอดเยี่ยมของเราในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาดีกว่าผลการดำเนินงานโดยรวมของตลาดมาโดยตลอด ปี 2024 ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น และเราพร้อมที่จะแซงหน้าตลาดอีกครั้ง จุดแข็งของเราในด้านนวัตกรรมไร้สาย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน และความคิดริเริ่มด้านการตลาดในพื้นที่นั้นไม่มีใครเทียบได้ในอุตสาหกรรม และทำให้ TTI มีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้”

ข้อความการคาดการณ์อนาคต
ประกาศนี้ประกอบด้วยข้อความการคาดการณ์อนาคตบางอย่าง หรือใช้คำศัพท์เฉพาะที่เป็นการคาดการณ์ในอนาคต ซึ่งอิงตามความคาดหวัง การประมาณการ การคาดการณ์ ความเชื่อ และสมมติฐานในปัจจุบันของ TTI เกี่ยวกับธุรกิจและตลาดที่กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจ และสะท้อนถึงมุมมองของ TTI ณ วันที่ประกาศ ข้อความคาดการณ์อนาคตเหล่านี้ไม่ได้รับประกันผลการดำเนินงานในอนาคต และอาจขึ้นอยู่กับความเสี่ยงด้านตลาด ความไม่แน่นอน และปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของ TTI ดังนั้นผลลัพธ์และผลตอบแทนที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากสมมติฐานที่สร้างขึ้นและข้อความที่มีอยู่ในประกาศนี้

เกี่ยวกับ TTI
TTI เป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีไร้สายซึ่งครอบคลุมเครื่องมือไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้ากลางแจ้ง ผลิตภัณฑ์ดูแลพื้นและทำความสะอาดสำหรับผู้ใช้ DIY ผู้บริโภค มืออาชีพ และผู้ใช้ในอุตสาหกรรม สำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น บ้าน การก่อสร้าง การบำรุงรักษา อุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทมีรากฐานที่สร้างขึ้นจากปัจจัยขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์ 4 ประการ ได้แก่ แบรนด์ที่แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม บุคลากรที่โดดเด่น และความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวที่กว้างขวางในการพัฒนาเทคโนโลยีไร้สาย กลยุทธ์การเติบโตในระดับโลกสำหรับการแสวงหานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้งทำให้ TTI ก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของอุตสาหกรรม ในขณะเดียวกันก็รักษามาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการไว้ในระดับสูง พอร์ตโฟลิโอแบรนด์อันแข็งแกร่งของ TTI ประกอบด้วยเครื่องมือไฟฟ้า อุปกรณ์เสริม และเครื่องมือช่างของ MILWAUKEE, RYOBI และ AEG ผลิตภัณฑ์กลางแจ้งของ RYOBI ผลิตภัณฑ์โครงร่างและการวัดของ EMPIRE รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันการดูแลพื้นและทำความสะอาดของ HOOVER, VAX, DIRT DEVIL และ ORECK

TTI ก่อตั้งขึ้นในปี 1985 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง จำกัดในปี 1990 โดยเป็นหนึ่งในหุ้นองค์ประกอบของดัชนี Hang Seng, ดัชนีเกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืนขององค์กร Hang Seng, ดัชนี FTSE RAFI™ All-World 3000, ดัชนี FTSE4Good Developed และ ดัชนี MSCI ACWI นอกจากนี้ บริษัทยังทำการซื้อขายหุ้นบน OTCQX Best Market ภายใต้สัญลักษณ์ “TTNDY” และ “TTNDF” ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ttigroup.com

เครื่องหมายการค้าทั้งหมดที่มีการระบุนอกเหนือจาก AEG, OTCQX และ RYOBI เป็นของกลุ่มบริษัท AEG เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ AB Electrolux (publ.) และใช้ภายใต้ใบอนุญาต OTCQX เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ OTC Markets Group Inc. ส่วน RYOBI เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Ryobi Limited และใช้ภายใต้ใบอนุญาต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

การสอบถามข้อมูลจากฝ่ายลงทุนสัมพันธ์:
ผู้ติดต่อหลัก
TTI Investor Relations – อเมริกาเหนือ
Ross Gilardi
Senior Vice President, Finance & Investor Relations
อีเมล: ross.gilardi@ttihq.com

เอเชีย/แปซิฟิก
TTI Investor Relations – เอเชีย
Jimmy Li
Senior Manager, Investor Relations
อีเมล: jimmy.li@tti.com.hk

แหล่งข้อมูล: Techtronic Industries Co. Ltd.

Google Pay ในอินเดียลงนามข้อตกลงร่วมกัน (MoU) กับ NPCI International เพื่อการขยายของ UPI สู่ทั่วโลก

Logo

นิวเดลี–(BUSINESS WIRE)–18 มกราคม 2024

บริษัท Google India Digital Service (P) Limited และ NPCI International Payment Ltd (NIPL) ในเครือของบรรษัทการชำระเงินแห่งชาติของอินเดีย (NPCI) ได้ทำการลงนามเซ็นสัญญาข้อตกลงร่วมกัน (MoU) เพื่อขยายผลของระบบรับชำระและส่งเงินแบบ UPI ซึ่งจะนำความเปลี่ยนแปลงไปสู่ประเทศต่างๆ นอกเหนือจากประเทศอินเดีย

โดยข้อตกลงร่วมกัน (MoU) นี้มีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ได้แก่ หนึ่งคือทำการขยายการใช้ระบบการชำระและส่งเงินแบบ UPI สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยู่นอกประเทศอินเดีย เพื่อให้พวกเขาสามารถทำธุรกรรมในต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น สองคือช่วยในการสร้างระบบการชำระเงินดิจิทัลที่คล้ายกับ UPI ในประเทศอื่น ๆ เพื่อให้เป็นรูปแบบสำหรับการทำธุรกรรมทางการงานที่ราบรื่น และข้อสุดท้ายคือข้อตกลงร่วมกันนี้มีการให้ความสำคัญในการทำให้กระบวนการโอนเงินระหว่างประเทศเป็นเรื่องง่ายด้วยการใช้โครงสร้างของ UPI ซึ่งจะทำให้การแลกเปลี่ยนทางการเงินระหว่างประเทศเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้น

วัตถุประสงค์ดังกล่าวนี้จะช่วยในการเร่งรัดให้ระบบรับชำระและส่งเงินแบบ UPI ได้รับการยอมรับในทั่วโลกมากขึ้น โดยการให้ผู้ประกอบการต่างประเทศได้มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าจากอินเดียโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเฉพาะสกุลเงินต่างประเทศ บัตรเครดิต หรือบัตร Forex เพื่อทำการชำระเงินดิจิทัล และจะทำให้มีตัวเลิกในการใช้แอปพลิเคชันที่รองรับระบบ UPI จากอินเดีย รวมไปถึง Google Pay ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับความมุ่งมั่นของบรรษัทการชำระเงินแห่งชาติของอินเดีย (NPCI) ในการเสริมสร้างบทบาทของอินเดียในเวทีการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก นอกจากนี้แล้ว ข้อตกลงร่วมกัน (MoU) นี้ยังจะมีส่วนสำคัญในการทำให้กระบวนการโอนเงินระหว่างประเทศเป็นเรื่องง่ายขึ้นโดยการลดความผูกขาดของช่องทางการโอนเงินอย่างที่เคยเป็นมา

ดีคชา เคาชาล, ผู้อำนวยการ, หุ้นส่วน, Google Pay ในอินเดีย กล่าวว่า "เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุน NPCI International Payment Ltd (NIPL) ในการขยายขอบเขตการใช้งานระบบ UPI ไปสู่ตลาดระดับสากล และ Google Pay เองเต็มใจและรู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้ร่วมมือกับบรรษัทการชำระเงินแห่งชาติของอินเดีย (NPCI) และระบบการเงินภายใต้การควบคุมของหน่วยงาน โดยการร่วมมือนี้นั้นก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่จะช่วยยืนยันถึงการทำให้การชำระเงินเป็นเรื่องที่ง่าย ปลอดภัย และสะดวกสบาย ระบบรับชำระและส่งเงินแบบ UPI ได้แสดงให้โลกเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจเมื่อมีการใช้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในระดับที่ประชากรสามารถทำงานร่วมกันได้ และทุกระบบเศรษฐกิจที่เข้าร่วมในเครือข่ายดังกล่าวจะสร้างแรงกระเพื่อมเกินกว่าผลรวมของบทบาทที่มันเป็น เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือระดับนี้"

ริเตช ชูกลา, ประธานบริหาร NPCI International Payment Ltd (NIPL) ในเครือของบรรษัทการชำระเงินแห่งชาติของอินเดีย (NPCI) กล่าวว่า "เรายินดีที่ได้ทำงานร่วมกับ Google Pay เพื่อผลักดันระบบ UPI ให้เข้าสู่เวทีโลก การวางกลยุทธ์ทางพันธมิตรนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้การทำธุรกรรมต่างประเทศสะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเท่านั้น แต่ยังจะช่วยให้เราสามารถขยายความรู้และความเชี่ยวชาญในการดำเนินการเกี่ยวกับระบบการชำระเงินดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จนี้ไปยังประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้เรายังรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เปิดใช้งานเครือข่ายการโอนเงินระหว่างประเทศที่จะมีความราบรื่นและเชื่อมต่อกันมากขึ้นด้วยการขยายความสามารถในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศของระบบ UPI และด้วยความสำเร็จของระบบรับชำระและส่งเงินแบบ UPI ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นประจักษ์ในอินเดียนี้ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้สานต่อวิสัยทัศน์ของเราในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของการชำระเงินดิจิทัลทั่วโลก"

การขยายตัวไปยังทั่วโลกของระบบ UPI แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่น ปลอดภัย และมีความคุ้มครองทางการเงินที่มีประสิทธิภาพสูงให้แก่ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อทั่วโลก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NPCI International คลิกที่นี่

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ช่องทางติดต่อ

สำหรับสื่อ: corporate.communications@npci.org.in

แหล่งที่มา: NPCI International Payments Ltd

แซลมอนขึ้นแท่นธนาคารจดทะเบียนในฟิลิปปินส์

Logo

มะนิลา ฟิลิปปินส์ –(BUSINESS WIRE)–9 มกราคม 2024

แซลมอน บริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่มุ่งมั่นพัฒนาการเข้าถึงสินเชื่อ การออมและการลงทุนให้กับลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินกว่า 500 ล้านคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ประกาศการรับรองการอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเงินแห่งธนาคารกลางแห่งฟิลิปปินส์ (BSP) ให้ทำการถือครองหุ้นในธนาคารแห่งซานตาโรซา (ลากูน่า) ซึ่งถือเป็นสถาบันทางการเงินจดทะเบียนที่ได้รับความไว้วางใจในการให้บริการชาวฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี 2506

ทั้งนี้แซลมอนจะถือครองหุ้น 59.7% ของธนาคารแห่งซานตาโรซาเมื่อมีการบรรลุข้อตกลงในการถือครองหุ้นฉบับนี้ ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ จะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่สัปดาห์ โดยใบรับรองการจดทะเบียนและรอยเท้านิเวศน์ของธนาคารแห่งซานตาโรซาจะทำให้แซลมอนสามารถเสนอขายผลิตภัณฑ์สินเชื่อและการกู้ยืมที่มีการบริหารจัดการโดยใช้เอไอให้กับลูกค้าทั่วประเทศ ทั้งนี้แซลมอนจะดำเนินธุรกิจทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ โดยสร้างความแตกต่างให้กับตนเองโดยการให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าทุกระดับ ซึ่งลูกค้ากว่า 92% ของบริษัทแนะนำให้เพื่อนและครอบครัวใช้บริการของแซลมอน

การก้าวขึ้นมาเป็นธนาคารจดทะเบียนในตลาดหลักถือเป็นก้าวสำคัญทั้งสำหรับแซลมอนและฟิลิปปินส์ โดยแซลมอนได้จับมือกับบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินหลายแห่งที่ดำเนินธุรกิจสถาบันธนาคารจดทะเบียนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสัญญาความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มการเข้าถึงบริการธนาคารสมัยใหม่ในหมู่ชาวฟิลิปปินส์ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินหลายล้านคนในภูมิภาคสำคัญ ๆ เช่น เมโทรมะนิลา เซบู และดาเวา ซึ่งแซลมอนวางแผนที่จะขยายสาขาใหม่อีกหลายสาขาตามความเห็นชอบของธนาคารกลางแห่งฟิลิปปินส์ โดยธุรกรรมทางการเงินถือเป็นการส่งเสริมโครงการเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธนาคารท้องถิ่นที่ริเริ่มโดยธนาคารกลางแห่งฟิลิปปินส์ในปี 2565 เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับภาคการธนาคารท้องถิ่นของประเทศและส่งเสริมการเติบโตแบบองค์รวมเพื่อรับมือกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของประชากรชาวฟิลิปปินส์ที่มีความตื่นตัว พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ และมีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยี

“เรารู้สึกตื่นเต้นกับการพัฒนาการครั้งสำคัญซึ่งเป็นอีกก้าวที่สำคัญของแซลมอน และรู้สึกซาบซึ้งกับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางแห่งฟิลิปปินส์ และวิสัยทัศน์ของธนาคารในการขับเคลื่อนการเข้าถึงบริการทางการเงินในประเทศ ข้อตกลงฉบับนี้จะช่วยให้เราเข้าถึงชุมชนด้อยโอกาสในฟิลิปปินส์ได้มากขึ้น โดยให้บริการทางการเงินที่ทันสมัย ยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และเข้าถึงง่ายกับผู้คนมากขึ้น เรายังภาคภูมิใจกับความสัมพันธ์อันน่าอัศจรรย์ของเรากับทีมบริหารของธนาคารแห่งซานตาโรซา (ลากูน่า) และหมายมั่นที่จะสร้างสถาบันการเงินที่แข็งแกรงไปพร้อม ๆ กันเพื่อขยายการบริการให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศฟิลิปปินส์”

แซลมอนจะคงรักษาและยกระดับการให้บริการในรูปแบบออฟไลน์ของธนาคารไว้เช่นเดิม โดยอัดฉีดเงินทุนและเทคโนโลยีอย่างเพียงพอให้กับธนาคารเพื่อยกระดับการบริการให้กับลูกค้าทุกคน กลยุทธ์การยึดเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลางของแซลมอน ที่เป็นที่ชื่นชมในกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน จะมีการนำไปปรับใช้ให้ครอบคลุมทุกช่องทาง รวมถึงช่องทางออฟไลน์ด้วย

ติดต่อ
pr@fhl.world

ที่มา: Salmon

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน: CTBC ส่งเสริมให้ผู้เชี่ยวชาญชาวไต้หวันไปทำงานในต่างประเทศ

Logo

ไทเป, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–29 พฤศจิกายน 2023

ธนาคาร CTBC จำกัด จัดแสดงนิทรรศการชื่อ “Home Away From Home-ผจญภัยด้วยการก้าวกระโดดเพื่อโอบรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม!”  ที่สวนวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ซงชาน เมื่อวันที่ 25 พ.ย. เพื่อส่งเสริมให้ผู้เชี่ยวชาญชาวไต้หวันไล่ตามความฝันในการไปประกอบอาชีพในต่างประเทศ งานนี้ดึงดูดผู้เข้าชมได้ประมาณ 2,000 คน โดยเชิญวิทยากรมาแบ่งปันความเห็นเกี่ยวกับวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนพูดคุยเกี่ยวกับการแต่งงานข้ามวัฒนธรรม และเรื่องราวของชาวไต้หวันที่ทำงานอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน

CTBC staged an exhibition titled “Home Away From Home—Taking an Adventure with the Leap to Embrace Cultural Differences!” and arranged three keynote lectures and a Southeast Asian-style market, which attracted more than 2,000 people to participate in the event. (Photo courtesy of CTBC)

CTBC จัดแสดงนิทรรศการชื่อ “Home Away From Home—ผจญภัยด้วยการก้าวกระโดดเพื่อโอบรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม!” และจัดให้มีปาฐกถาสำคัญ 3 ครั้งและตลาดสไตล์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งดึงดูดผู้คนเข้าร่วมงานมากกว่า 2,000 คน เอื้อเฟื้อภาพโดย CTBC)

นิทรรศการประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ ตลาดวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเสวนาด้านวัฒนธรรม และคอนเสิร์ต การเสวนามุ่งเน้นไปที่หัวข้อวัฒนธรรมไทย เรื่องราวของการแต่งงานข้ามวัฒนธรรม และคำแนะนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญที่กำลังมองหาการเดินทางไปต่างประเทศ โดยให้ข้อมูลเชิงลึกว่าวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมีปฏิสัมพันธ์และบูรณาการอย่างไร

ในการเสวนาครั้งหนึ่ง ปีเตอร์ เหวย หัวหน้ากลุ่มทรัพยากรบุคคลของธนาคาร CTBC ได้แนะนำโครงการ CTBC International Relations Manager (IRM) เขาสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัยของตน เพื่อสำรวจโอกาสในการทำงานในต่างประเทศ

ในขณะเดียวกัน หลินอี้ฝาง หัวหน้าแผนกปฏิบัติการเสื้อผ้าอุตสาหกรรมของกลุ่ม SHEICO อธิบายว่าบริษัทสามารถสร้างทีมงานระดับแนวหน้าผ่านโครงการฝึกอบรมระดับนานาชาติได้อย่างไร ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานให้ได้รับประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ ทำให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชุดดำน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เพื่อแนะนำวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แก่ผู้มาเยือน CTBC ได้เชิญการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประจำไทเป สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมมะนิลา สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าอินโดนีเซียประจำไทเป และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมเวียดนามในไทเปเพื่อแสดงการส่งออกทางวัฒนธรรมในนิทรรศการ รวมทั้งเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมของเวียดนาม กาแฟ และชาพีช พร้อมด้วยขนมเทมเป้ของอินโดนีเซีย

CTBC ยังได้สร้างภาพยนตร์โปรโมตแบรนด์ในชื่อ “Home Away From Home” ซึ่งแสดงถึงความกล้าหาญ และการทำงานหนักของเพื่อนร่วมงานชาวต่างชาติของเราในประเทศไทย บอกเล่าเรื่องราวที่เพื่อนร่วมงานชาวไต้หวันของเรา เอาชนะอุปสรรคทางวัฒนธรรมร่วมกับเพื่อนร่วมงานชาวไทย และสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัวได้อย่างไร รับชมทางออนไลน์ได้แล้ว โปรดเยี่ยมชมเพจเฟซบุ๊ค – Home Run Taiwan ช่องยูทูป https://www.youtube.com/watch?v=819KF9USoBA เพื่อชมภาพยนตร์

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53863984/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์│CTBC Bank Co., Ltd.

ชื่อ: พาเมล่า เฉิน

อีเมล: pamela.chen@ctbcbank.com

โทร: +886-2-3327-7777 ต่อ 6724

ที่มา: ธนาคาร CTBC จำกัด

Home Away From Home: CTBC สนับสนุนพนักงานชาวไต้หวันไปทำงานต่างประเทศ

Logo

TAIPEI,Taiwan–(BUSINESS WIRE)–29 พฤศจิกายน 2023

CTBC Bank Co., Ltd. จัดนิทรรศการ “Home Away From Home-ผจญภัยก้าวกระโดดเพื่อโอบรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม!” ที่at the Songshan Cultural and Creative Park เมื่อวันที่ 25 เดือนพฤศจิกายน เพื่อส่งเสริมให้ผู้เชี่ยวชาญชาวไต้หวันไล่ล่าตามความฝันของตนเองในการไปประกอบอาชีพในต่างประเทศ งานนี้ดึงดูดผู้เข้าร่วมงานได้ถึง 2,000 คนโดยประมาณ โดยมีการเชิญวิทยากรมาแบ่งปันความคิดเห็นเกี่ยวกับวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงมาพูดคุยเกี่ยวกับการแต่งงานข้ามวัฒนธรรม และเรื่องราวของชาวไต้หวันที่ไปทำงานในต่างประเทศ

CTBC staged an exhibition titled “Home Away From Home—Taking an Adventure with the Leap to Embrace Cultural Differences!” and arranged three keynote lectures and a Southeast Asian-style market, which attracted more than 2,000 people to participate in the event. (Photo courtesy of CTBC)

CTBC จัดนิทรรศการชื่อว่า “Home Away From Home—ผจญภัยก้าวกระโดดเพื่อโอบรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม!” และมีการปาฐกถาสามรายการและมีการจัดแสดงตลาดสไตล์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสามารถดึงดูดผู้คนมาเข้าร่วมงานได้กว่า 2,000 คน (เครดิตภาพถ่ายจาก CTBC)

นิทรรศการนี้แบ่งออกเป็นสามหัวข้อใหญ่ๆ ได้แก่ วัฒนธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดแห่งความคิดสร้างสรรค์ การเสวนาด้านวัฒนธรรม และคอนเสิร์ต การเสวนานี้จะมุ่งเน้นในหัวข้อเกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศไทย เรื่องราวการแต่งงานข้ามวัฒนธรรม และคำแนะนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญที่กำลังมองหาหนทางเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความแตกต่างของวัฒนธรรมมีความสัมพันธ์และมีการบูรณาการอย่างไร

หนึ่งในการเสวนาที่ดำเนินการโดย Peter Wei หัวหน้ากลุ่มทรัพยากรบุคคลของ CTBC Bank ได้แนะนำโครงการ CTBC International Relationship Manager (IRM) โดยสนับสนุนให้คนทำงานรุ่นเยาว์ก้าวออกจากเซฟโซนของตัวเองเพื่อเปิดกว้างสำหรับโอกาสในการประกอบอาชีพในต่างประเทศ

ในขณะเดียวกัน Lin Yi-fang หัวหน้าแผนกปฏิบัติการฝ่ายอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายของ SHEICO Group อธิบายเกี่ยวกับวิธีการที่บริษัทสามารถสร้างทีมงานระดับแนวหน้าผ่านโครงการฝึกอบรมระดับนานาชาติ ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถให้พนักงานได้รับประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ บริษัทจึงสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชุดดำน้ำที่ใหญ่ที่สุดของโลกได้

เพื่อแนะนำวัฒนธณรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แก่ผู้เข้าชม CTBC ได้เชิญการท่องเที่ยวแห่งชาติไทเปในประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมมะนิลา สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าอินโดนีเซียประจำไทเป และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมเวียดนามในไทเป มาร่วมแสดงวัฒนธรรมการส่งออกในนิทรรศการนี้ รวมถึงการแสดงเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมของเวียดนาม กาแฟ และชาลูกท้อ พร้อมกับขนมเทมเป้จากอินโดนีเซีย

CTBC ยังได้สร้างภาพยนตร์โปรโมตแบรนด์ที่มีชื่อว่า “Home Away From Home” ซึ่งแสดงถึงความกล้าหาญและการทำงานอย่างหนักของเพื่อนร่วมงานชาวต่างชาติของบริษัทในประเทศไทย โดยมีการบอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนร่วมงานชาวไต้หวันของเราในการเอาชนะอุปสรรคทางวัฒนธรรมร่วมกันกับเพื่อนร่วมงานชาวไทย และสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัวได้อย่างไร โดยสามารถเข้าชมภาพยนตร์นี้ได้ทางออนไลน์ที่เพจ Facebook – Home Run Taiwan Youtube: https://www.youtube.com/watch?v=819KF9USoBA

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Public Relations Dept.│CTBC Bank Co., Ltd.
ชื่อ: Pamela Chen
อีเมล: pamela.chen@ctbcbank.com
โทร: +886-2-3327-7777 Ext.6724

แหล่งข้อมูล: CTBC Holding

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53863981/en

CTBC เผยแพร่วิดีโอโปรโมตแบรนด์บอกเล่าเรื่องราวของพนักงานชาวต่างชาติในประเทศไทย

Logo

TAIPEI, Taiwan–(BUSINESS WIRE)–29 พฤศจิกายน 2023

หลังการเตรียมการยาวนานมาถึงสองปี  CTBC พร้อมแล้วที่จะเปิดตัววิดีโอโปรโมตแบรนด์ที่มีชื่อว่า “Home Away From Home” ในวันที่ 13 เดือนพฤศจิกายน วิดีโอนี้เป็นรูปแบบสารคดีขนาดเล็ก บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิธีที่พนักงานชาวต่างชาติของ CTBC ในประเทศไทยเอาชนะความท้าทายที่พวกเขาเผชิญด้วยความกล้าหาญและมีการทำงานอย่างหนักท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และบรรยายถึงความสัมพันธ์แบบครอบครัวระหว่างพนักงานชาวไต้หวันและชาวไทย

CTBC released a brand promotional film titled “Home Away From Home” on Nov. 13, inviting 300 of the company’s employees and senior management figures to watch the film. (Photo courtesy of CTBC)

CTBC เปิดตัวภาพยนตร์โปรโมตแบรนด์ชื่อ “Home Away From Home” เมื่อวันที่ 13 เดือนพฤศจิกายน โดยเชิญพนักงานของบริษัทและผู้บริหารระดับสูงจำนวน 300 คนให้เข้าร่วมชมภาพยนตร์ (เครดิตภาพจาก CTBC)

Morris Li ประธานธนาคาร CTBC สังเกตว่า อุตสาหกรรมการเงินมุ่งเน้นธุรกิจที่คำนึงผู้คนเป็นหลัก จึงมีการสนับสนุนให้พนักงานชาวต่างชาติให้บริการลูกค้าในท้องถิ่นหรือสื่อสารพับเพื่อนร่วมงานด้วยความเห็นอกเห็นใจ ในขณะที่พนักงานชาวต่างชาติต้องเผชิญกับขนบธรรมเนียมและแนวปฏิบัติในต่างประเทศ Li เชื่อว่า ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ดีและการบริการเป็นเลิศ ธนาคาร CTBC จะกลายเป็นธุรกิจชั้นนำในภูมิภาคหรือเอเชียแปซิฟิก

Tony Yang ประธาน CTBC Bank กล่าวว่า เพื่อตอบสนองต่อความมุ่งมั่นของ CTBC Bank ในการขยายธุรกิจระหว่างประเทศ วิดีโอโปรโมตนี้แสดงให้เห็นถึงพันธมิตรจากเชื้อชาติที่แตกต่างกัน และข้ามพรมแดนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน โดยมีการขยายความหมายของ “ครอบครัว” ไปสู่ “ครอบครัวเดียวระดับโลก” ด้วยความมุ่งมั่นของพนักงานต่างชาติของ CTBC เพื่อช่วยในการขยายการดำเนินงานในต่างประเทศ CTBC Bank ได้กลายเป็นธนาคารระดับสากลที่ติดอันดับในไต้หวัน โดยมีสาขาในจีน ญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยให้บริการทางการเงินข้ามพรมแดนอย่างครอบคลุมสำหรับบริษัทข้ามชาติ

วิดีโอโปรโมตนี้แสดงถึงการทำงานของพนักงานชาวต่างชาติของ CTBC สามคน ได้แก่ Henry, Semmi และ Century—ซึ่งได้รับมอบหมายให้ไปทำงานที่ LH Financial Group Public Company Limited (LHFG) ในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของ CTBC ทั้งสามคนเอาชนะความคิดถึงบ้าน อุปสรรคด้านภาษา และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันในที่ทำงานต่างประเทศ โดยปรับตัวเข้ากับสังคมท้องถิ่น และพัฒนามิตรภาพกับเพื่อนร่วมงานชาวไทยได้เป็นอย่างดี

Shih, Jiing-fuh ประธาน LHFG กล่าวว่า CTBC เชื่อมั่นว่า “ครอบครัว” อยู่เหนือข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์และความผูกพันทางสายเลือด และบริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะขยายความหมายของคำว่า “ครอบครัว” ด้วยการเปิดรับพนักงานจากประเทศต่างๆ สามารถเข้าชมวิดีโอโปรโมตนี้ได้ที่เพจ Facebook ของ Home Run Taiwan หรือ YouTube: https://www.youtube.com/watch?v=819KF9USoBA

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Public Relations Dept.│CTBC Bank Co., Ltd.
ชื่อ: Pamela Chen
อีเมล: pamela.chen@ctbcbank.com
โทร: +886-2-3327-7777 Ext.6724

แหล่งข้อมูล: CTBC Bank Co., Ltd.

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53863980/en

SYNTAGMA CAPITAL เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Aginode ซื่งเป็นบริษัทย่อยด้าน LAN/ศูนย์ข้อมูล (“LAN/DC”) และ โทรคมนาคม/ไฟเบอร์ (“FTTx”) ของ Nexans SA (Euronext Paris: NEX)

Logo

บรัสเซลส์–(BUSINESS WIRE)–2 พฤศจิกายน 2023

วันนี้ Syntagma Capital ประกาศว่าบริษัทได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Aginode (https://www.aginode.net) ที่มีชื่อเดิมว่า Nexans Telecom & Data

บริษัทให้บริการออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายโซลูชันการเชื่อมต่ออัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีใยแก้วนำแสงและทองแดงไปยังศูนย์ข้อมูล อาคารอัจฉริยะ และผู้ให้บริการโทรคมนาคม โดยได้เปลี่ยนชื่อเป็น Aginode เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในปี 2022 บริษัททำรายได้ได้ประมาณ 200 ล้านยูโรในกว่า 100 ประเทศ เนื่องจากมีโรงงานอุตสาหกรรม 8 แห่งในฝรั่งเศส เบลเยียม เยอรมนี กรีซ โมร็อกโก และจีน และมีพนักงานประมาณ 680 คนทั่วโลก

"Syntagma มีความยินดีที่จะประกาศในวันนี้ว่าได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Aginode ซึ่งถือเป็นบริษัทแห่งที่สองในพอร์ตโฟลิโอของกองทุน ตลาดควบรวมกิจการ (M&A) ยังคงท้าทาย และความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเราในการก้าวผ่านช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน และยังคงจัดหาโซลูชันการถอนทุนที่รวดเร็วและแน่นอน รวมถึงคัดเลือกการจัดสรรเงินทุนของเราอย่างพิถีพิถันในขณะเดียวกัน" Sebastien Kiekert Le Moult หุ้นส่วนผู้จัดการของ Syntagma กล่าว

"เรารู้สึกตื่นเต้นกับศักยภาพของ Aginode และหวังว่าจะได้ร่วมมือกับฝ่ายบริหารเพื่อขับเคลื่อนบริษัทไปสู่ความสำเร็จใหม่ๆ ในอนาคต" Frank Coenen หุ้นส่วนของ Syntagma กล่าว

ทีมงานของ Syntagma ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ได้แก่ Sebastien Kiekert Le Moult (หุ้นส่วนผู้จัดการ), Frank Coenen (หุ้นส่วน), Benjamin Dahan (หุ้นส่วน), João Pilecco (รองประธานอาวุโส), Ludovic Ruffenach (ผู้ร่วมงานอาวุโส) และ Alicia Azéma (นักวิเคราะห์อาวุโส)

Syntagma ได้รับคำแนะนำโดย Willkie Farr Gallagher (Hugo Nocerino, Ji-Soo Kim, Rudy Merlet, Faustine Viala, Charles Bodreau, Charles-Antoine Erignac, Jordan Pontal), PwC Transaction (Eric Douheret, Clément Meudec, François-Xavier Bornet, Edouard Bitton ), PwC Tax and Legal (Anne-Valerie Attias-Assouline, Mathieu Norest, Morgane Croisier, Aurélie Cluzel-d'Andlau, Claire Pascal Oury), Roland Berger (Victor Marcais, Yaroslav Stetsenko) และ ERM (Maryelle Ouvrard, ChinChin Lim)

เกี่ยวกับ Syntagma Capital
Syntagma ลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ที่สามารถได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงานจริง เพื่อเร่งการเติบโตและปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เราเป็นผู้ปฏิบัติงานจริงที่มีประสบการณ์ในการทำงานและจัดการบริษัทต่าง ๆ ในระดับโลก โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรภายในองค์กรของเราเพื่อพัฒนากลยุทธ์ให้ประสบความสำเร็จ ดำเนินการเพื่อให้บรรลุศักยภาพสูงสุดและสร้างมูลค่าระยะยาวที่ยั่งยืน Syntagma ลงทุนและดำเนินการบริษัทต่าง ๆ ในหลากหลายอุตสาหกรรมโดยเน้นเฉพาะตลาดวัสดุ เคมี อุตสาหกรรมและธุรกิจบริการ รวมถึงการผลิต การกระจายสินค้า การขนส่งและโลจิสติกส์ การเช่าอุปกรณ์ บริการโลหะ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ Syntagma ซึ่งเป็นผู้ลงนามใน UN PRI มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามมาตรฐาน ESG ระดับสูงในการลงทุนทั้งหมดของบริษัท และตั้งอยู่ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: https://syntagmacapital.com

ติดต่อ

Marie Ciparisse
+32 (0)2 315 70 12
mciparisse@syntagmacapital.com

แหล่งข้อมูล: Syntagma Capital

Powered by Business Wire

Recharge Capital แต่งตั้ง Margaret Wang ผู้บริหารของ Bridgewater Associates Singapore ให้ดำรงตำแหน่งหุ้นส่วนผู้จัดการ

Logo

ผู้บริหารสินทรัพย์รุ่นใหญ่ร่วมมือกับบริษัทการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นตามกระแสของโลก

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–19 กันยายน 2023

Recharge Capital บริษัทการลงทุนเอกชนชั้นนำที่มุ่งเน้นตามกระแสของโลกที่มีมูลค่ากว่า 6 พันล้านดอลลาร์ ประกาศในวันนี้ว่า Margaret Wang อดีตกรรมการบริหารและหัวหน้าของ Bridgewater Associates Singapore ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โดยมีหน้าที่สำคัญในการเป็นผู้นำด้านกลยุทธ์การดูแลสุขภาพสตรี Wang จะเป็นหัวหน้าสำนักงานในสิงคโปร์ของบริษัท และเป็นผู้นำในการดำเนินงานของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Wang ร่วมงานกับ Recharge Capital ด้วยประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งผู้นำอาวุโสที่บริษัทการจัดการสินทรัพย์และบริษัทผู้ให้บริการทางการเงินระดับโลก ก่อนที่จะมาร่วมงานกับ Bridgewater Associates Singapore ชั้นนำนี้ Wang เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายริเริ่มเชิงกลยุทธ์ที่ Paxos ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน และเป็นหัวหน้าฝ่ายพันธมิตรผลิตภัณฑ์ที่ Squarespace (NYSE: SQSP) ซึ่งเป็นพันธมิตรชั้นนำด้านการชำระเงิน เนื้อหา และการจัดการธุรกิจกับ Apple, Google , Facebook, PayPal, Chownow, Acuity Scheduling และ Zola เธอเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในด้านกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจที่ Merrill Lynch และ Goldman Sachs

"การแต่งตั้ง Margaret ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับบริษัทของเรา" Lorin Gu หุ้นส่วนผู้ก่อตั้งของ Recharge Capital กล่าว "เธอนำประสบการณ์อันมหาศาลมาสู่กรอบงานการลงทุนที่มุ่งเน้นตามกระแสของโลกของเรา และยังคงมีประวัติในฐานะหนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์ที่ดีที่สุดในโลกในทุกภาคส่วน เรารู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับการเติบโตในระยะต่อไปซึ่งเสริมความแข็งแกร่งด้วยความเชี่ยวชาญของ Margaret"

เมื่อมาร่วมงานกับ Recharge Capital Wang พร้อมที่จะมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นตามกระแสของโลกของบริษัท ซึ่งรวมถึง Rhea Holdings Co. ซึ่งเป็นเครื่องมือการลงทุนด้านการดูแลสุขภาพสตรีมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2023 ด้วยโครงสร้าง Private Equity รูปแบบใหม่ เครื่องมือดังกล่าวใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์การลงทุนข้ามประเภทสินทรัพย์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพสตรี

"ดิฉันตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับทีม Recharge และขับเคลื่อนการสร้างมูลค่าในตลาดต่างประเทศที่สำคัญ" Wang กล่าว "กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นตามกระแสโลกของบริษัทพร้อมที่จะส่งเสริมนวัตกรรมและผลกระทบทางสังคมตลอดห่วงโซ่คุณค่า และดิฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะรับมือกับความท้าทายที่สำคัญที่โลกของเรากำลังเผชิญอยู่ผ่านแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ของเราในการลงทุนและสร้างธุรกิจที่มีความหมาย"

ที่ Bridgewater Associates Margaret เป็นผู้นำการดำเนินงานภาคพื้นดินของบริษัทและบริหารจัดการการสร้างสำนักงานในสิงคโปร์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานที่มั่นในภูมิภาค APAC

"ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Margaret มีบทบาทสำคัญในการขยายการดำเนินงานของเราในสิงคโปร์ด้วยการก่อตั้งและเป็นผู้นำสำนักงานของเราที่นั่น" Kyle Delaney ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของ Bridgewater Associates กล่าว "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็น Margaret รับบทบาทใหม่ของเธอ และรู้สึกขอบคุณสำหรับการมีส่วนร่วมของเธอต่อชุมชน Bridgewater"

Margaret เข้าร่วมทีมการลงทุนที่มุ่งเน้นตามกระแสโลกของ Recharge ในฐานะผู้ขับเคลื่อนการเติบโตหลักสำหรับโครงสร้างการลงทุนที่สร้างสรรค์และสอดคล้องกับแรงจูงใจของบริษัท Recharge Capital ยังคงเป็นนักลงทุนเชิงรุกในภาคส่วนต่างๆ เช่น การทำให้ฟินเทคเป็นประชาธิปไตย การดูแลสุขภาพของสตรี สินทรัพย์ดิจิทัล และการใช้งานเซมิคอนดักเตอร์

เกี่ยวกับ Recharge Capital:

Recharge Capital คือบริษัทการลงทุนเอกชนชั้นนำที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนนวัตกรรมและผลกระทบในภาคส่วนต่างๆ ด้วยการให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดูแลสุขภาพและการเจริญพันธุ์ของสตรี บริษัทจึงใช้ความเชี่ยวชาญและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการลงทุน ปรับขนาด และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจที่ก้าวกระโดด Recharge Capital ดำเนินงานจากสำนักงานในนิวยอร์กและสิงคโปร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในแนวการลงทุนทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Recharge Capital และโครงการริเริ่มด้านการดูแลสุขภาพและการเจริญพันธุ์ของสตรี โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ www.rechargecapital.com  หรือติดต่อสำนักงานข่าวของเราที่ media@rechargecapital.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ฝ่ายสื่อ
Bevel
Nneka Etoniru
recharge@bevelpr.com

ที่มา: Recharge Capital

 

The Bangkok Reporter