P&G เข้าซื้อธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์จาก Merck KGaA, Darmstadt, Germany

Logo

เพื่อเสริมความแกร่งกลุ่มผลิตภัณฑ์และตลาด OTC 15 แห่งทั่วโลก

ทดแทนและยกระดับกิจการค้าร่วม PGT ให้ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น

ซินซินแนติ–(BUSINESS WIRE)–19 เมษายน 2018

วันนี้ Procter & Gamble Company (NYSE:PG) ได้แถลงการลงนามในข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ของ Merck KGaA, Darmstadt, Germany ด้วยมูลค่าราว 3.4 พันล้านยูโร

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20180418006692/en/

The Procter & Gamble Company (NYSE: PG) today announced it has signed an agreement to acquire the Co ...

วันนี้ Procter & Gamble Company (NYSE: PG) ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อซื้อธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์จาก Merck KGaA, Darmstadt, Germany (รูปภาพ: Business Wire)

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะเป็นการขยายความสำเร็จธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ของ P&G จากการเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วของแบรนด์ที่มีความแตกต่างและได้รับการรับรองจากแพทย์ทั่วโลก นอกจากนี้ ยังเป็นการนำความแข็งแกร่งด้านการค้าและบริการที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความเชี่ยวชาญและความเป็นผู้นำทางด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมาเติมเต็มขีดความสามารถทางด้านสุขภาพและแบรนด์ผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของ P&G อย่าง Vicks, Metamucil, Pepto-Bismol, Crest และ Oral-B

“เราชื่นชอบความมั่นคงและการเติบโตในวงกว้างของตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่สามารถจำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ได้ (OTC) และมีความยินดีที่จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์เฮลธ์ และต้อนรับบุคลากรจาก Merck KGaA, Darmstadt, Germany สู่ครอบครัว P&G ของเรา” David Taylor, Chairman of the Board and President and Chief Executive Officer กล่าว

การเข้าซื้อหน่วยธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ของ Merck KGaA, Darmstadt, Germany โดย P&G จะเป็นการขยายขนาดทางภูมิศาสตร์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของแบรนด์และตลาดของ P&G ได้อย่างมหาศาลในตลาด OTC ที่สำคัญๆ 15 แห่งทั่วโลก แบรนด์เหล่านี้มาพร้อมผลิตภัณฑ์ชั้นยอดที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ข้อและหลัง บรรเทาอาการหวัด อาการปวดศีรษะ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ทำกิจกรรมทางกายภาพและการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เหล่านี้มีวิธีการรักษาที่ยังไม่มีในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ P&G

“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจด้านสุขภาพของเรามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างมูลค่าที่แข็งแกร่งให้กับผู้ถือหุ้น” Steve Bishop, Group President, Global Health Care กล่าว “ธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ของ Merck KGaA, Darmstadt, Germany จะนำมาซึ่งแบรนด์ ผลิตภัณฑ์และขีดความสามารถที่แข็งแกร่ง และนำมาซึ่งตลาดที่มีความน่าสนใจและจะเข้ามาส่งเสริมธุรกิจของเราให้เติบโตยิ่งขึ้นไปพร้อมๆ กับการสร้างแบรนด์ชั้นนำปัจจุบันของเราให้เติบโตยิ่งขึ้น”

การเข้าซื้อธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์จาก Merck KGaA, Darmstadt, Germany ในครั้งนี้ เป็นการแทนที่และยกระดับ PGT Healthcare ที่เป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง P&G และ Teva Pharmaceutical Industries (NYSE: TEVA) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยกิจการร่วมค้านี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 1 กรกฎาคม 2018 ซึ่งทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในการเลิกกิจการ

กิจการร่วมค้า PGT Healthcare มีการเติบโตทั้งในแง่ของยอดขายและรายได้สุทธิได้อย่างไร้คู่แข่ง รวมทั้งได้เข้าไปทำตลาดในประเทศต่างๆ กว่า 50 ประเทศนับตั้งแต่มีการก่อตั้ง อย่างไรก็ตาม หลังการประเมินสถานการณ์ครั้งล่าสุด Teva และ P&G ได้มีข้อสรุปถึงเป้าหมายหลักและกลยุทธ์ที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และตกลงที่จะยุติความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่าย สินทรัพย์ของ PGT จะถูกนำส่งคืนไปยังบริษัทแม่ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสร้างธุรกิจ OTC อย่างเป็นอิสระต่อกันขึ้นมาอีกครั้ง

ธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ฯ ของ Merck KGaA, Darmstadt, Germany เติบโต 6% ในช่วงสองปีที่ผ่านมา และได้แนะนำผลิตภัณฑ์หลากหลายในตลาด OTC เพื่อรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ ข้อและหลัง บรรเทาหวัด อาการปวดศีรษะ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ทำกิจกรรมทางกายภาพและการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น แบรนด์ที่เป็นที่นิยมได้แก่ Neurobion, Dolo-Neurobion, Femibion, Nasivin, Bion3, Seven Seas และ Kytta และอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีการวางจำหน่ายในตลาดหลักๆ อย่างยุโรป ลาตินอเมริกาและเอเชีย

“แบรนด์ชั้นนำและพนักงานที่ยอดเยี่ยมในธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ของ Merck KGaA, Darmstadt, Germany จะเข้ามาเติมเต็มธุรกิจเพอร์ซันนัลเฮลธ์แคร์ของเราได้อย่างดี,” Tom Finn, President, P&G Global Personal Health Care กล่าว “การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะเป็นการสร้างยอดขายและกำไรของ P&G ให้เติบโตยิ่งขึ้น ด้วยการมอบความสามารถและขนาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เราต้องการเพื่อดำเนินธุรกิจ OTC ที่ประสบผลสำเร็จทั่วโลกด้วยตัวของเราเอง โดยปราศจากความช่วยเหลือจากพันธมิตรด้านสุขภาพ”

“การเลิกกิจการคอนซูเมอร์เฮลธ์ของเรา เป็นอีกก้าวสำคัญในเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ด้านธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมในกลุ่มสุขภาพ วิทยศาสตร์ชีวภาพ และวัสดุประสิทธิภาพ สิ่งนี้เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของเราที่มีมาตลอดในการสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราให้เป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” Stefan Oschmann, Chairman of the Executive Board and CEO of Merck KGaA, Darmstadt, Germany กล่าว “คอนซูเมอร์เฮลธ์เป็นธรุกิจที่มีความแข็งแกร่ง ที่สมควรได้รับโอกาสที่ดีที่สุดที่อาจเกิดขึ้นเพื่อการพัฒนาในอนาคต ด้วยความร่วมมือจาก P&G เราได้พบกับผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ผู้เล่นซึ่งมีความพร้อมทุกด้านที่จะขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าได้สำเร็จ”

“ขนาดของ P&G ในระดับโลกและความสนใจเชิงกลยุทธ์ในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้บริโภค เป็นพื้นฐานอย่างดีที่ทำให้เกิดการเติบโตที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการยกระดับขีดความสามารถของทีม และการขยายธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ให้ได้ผลกำไร กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในตลาด เส้นทางจำหน่ายสินค้า และขอบเขตทางภูมิศาสตร์ของทั้งสองธุรกิจส่งเสริมกันอย่างมาก” Belén Garijo, Member of the Executive Board of Merck KGaA, Darmstadt, Germany และ CEO Healthcare กล่าว “เราจะยังคงเดินตามกลยุทธ์อย่างแข็งขัน เพื่อเป็นผู้สร้างนวัตกรรมที่เชี่ยวชาญเฉพาะของโลก และพัฒนายาใหม่ๆ ให้กับผู้ป่วย”

ธุรกิจคอนซูเมอร์เฮลธ์ของ Merck KGaA, Darmstadt, Germany มีผลิตภัณฑ์กว่า 900 ชิ้นและมีจำหน่ายใน 44 ประเทศทั่วโลก P&G ตั้งเป้าบรรลุข้อตกลงนี้ระหว่างปีงบประมาณ 2018/19 ซึ่งจะมีผลตามเงื่อนไขที่เป็นสิ้นสุดและการดำเนินการขออนุญาตขึ้นทะเบียน

เกี่ยวกับ Procter & Gamble

P&G ดูแลผู้บริโภคทั่วโลกด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูง มีคุณภาพและเป็นแบรนด์ชั้นนำ ได้แก่ Always®, Ambi Pur®, Ariel®, Bounty®, Charmin®, Crest®, Dawn®, Downy®, Fairy®, Febreze®, Gain®, Gillette®, Head & Shoulders®, Lenor®, Olay®, Oral-B®, Pampers®, Pantene®, SK-II®, Tide®, Vicks® และ Whisper® ชุมชน P&G ประกอบด้วยการดำเนินกิจการในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก โปรดเยี่ยมชม http://www.pg.com เพื่อติดตามข่าวล่าสุดและข้อมูลเกี่ยวกับ P&G และแบรนด์ในเครือ

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ในอนาคต:

ข้อความในเอกสารประชาสัมพันธ์หรือการนำเสนอนี้ ที่นอกเหนือจากข้อมูลในอดีต ได้แก่ การประมาณการ การคาดการณ์ ข้อความที่เกี่ยวกับแผนธุรกิจของเรา เป้าหมายและผลการดำเนินงานที่คาด และ การสมมติที่เกิดจากข้อความเหล่านั้น ถือเป็ร “ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ในอนาคต” ตามความหมายของพระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538  (Private Securities Litigation Reform Act of 1995) มาตรา 27A แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ ปี 2476 (Section 27A of the Securities Act of 1933) และมาตรา 21E แห่งพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ ปี 2477 (Section 21E of the Securities Exchange Act of 1934) ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตเหล่านี้สามารถระบุได้ด้วยคำว่า “เชื่อ” “คาดการณ์” “คาดหมาย” “คาดหวัง” “ประมาณการ” “ตั้งใจ” “กลยุทธ์” “อนาคต” “โอกาส” “แผน” “อาจจะ” “ควร” “จะ” “น่าจะ” “จะเป็น” “จะยังคง” “มีความเป็นไปได้ว่า” และคำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ในอนาคตอ้างอิงกับการคาดการณ์และสมมติฐานในปัจจุบัน ซึ่งมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆ ที่อาจเป็นสาเหตุให้ผลทีเกิดขึ้นจริงแตกต่างออกไปอย่างมากจากข้อความคาดการณ์ เราไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความคาดการณ์ให้เป็นไปตามข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นใด

ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆ ที่กล่าวถึงในข้อความที่เป็นการคาดการณ์ในอนาคตรวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะ: (1) ความสามารถในการจัดการความเสี่ยงทางการเงินของโลกให้ประสบผลสำเร็จ ได้แก่ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือ การควบคุมราคา และความผันผวนของราคาในท้องถิ่น (2) ความสามารถในการจัดการความผันผวนทางเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ภูมิภาคหรือระดับโลก ได้แก่ อัตราการเติบโตของตลาดที่ลดลง และสร้างรายได้ที่พอเพียงและกระแสเงินสดเพื่อให้บริษัทสร้างผลกระทบการซื้อหุ้นคืนและการจ่ายเงินปันผลที่คาดหวัง (3) ความสามารถในการจัดการกับความปั่นปวนในตลาดเครดิต หรือ การเปลี่ยนแปลงในการจัดระดับเครดิตของเรา (4) ความสามารถในการรักษาไว้ซึ่งขั้นตอนการผลิตที่สำคัญ และการจัดหาวัตถุดิบ (ได้แก่การจัดการห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และการจัดเตรียมฐานการผลิตโดยลำพัง) และการจัดการการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ อันมีสาเหตุจากปัจจัยที่เหนือการควบคุมของเรา เช่น ภัยธรรมชาติ สงครามและการก่อการร้าย (5) ความสามารถในการจัดการความผันผวนของต้นทุนและแรงกดดันต่างๆ ได้แก่ ราคาของโภคภัณฑ์และวัตถุดิบ ค่าแรง การขนส่ง พลังงาน เงินบำนาญและค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ (6) ความสามารถในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม การได้มาซึ่งการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาที่จำเป็น และการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่หามาได้โดยคู่แข่ง และมีการมอบสิทธิบัตรให้กับคู่แข่ง (7) ความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก ในด้านช่องทางจัดจำหน่ายใหม่และที่มีอยู่เดิม ได้แก่ การตอบสนองต่อปัจจัยของคู่แข่ง เช่น ราคา การส่งเสริมการขายและข้อตกลงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ (8) ความสามารถในการจัดการและรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์กับลูกค้าหลัก (9) ความสามารถในการปกป้องชื่อเสียงและมูลค่าของแบรนด์ด้วยการจัดการปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงและคาดว่าจะเกิด ได้แก่ข้อกังวลที่เกี่ยวกับความปลอดภัย คุณภาพ ส่วนผสม ประสิทธิภาพ หรือเรื่องที่มีความคล้ายคลึงกันที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง (10) ความสามารถในการจัดการด้านการเงิน กฎหมาย ชื่อเสียงและความเสี่ยงในการดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับบุคคลที่สาม เช่น ซัพพลายเออร์ ผู้กระจายสินค้า คู่สัญญา และพันธมิตรทางธุรกิจภายนอก (11) ความสามารถในการพึ่งพาและรักษาไว้ซึ่งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เครือข่ายและบริการของบริษัทและบุคคลที่สาม และรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยและการทำงานของระบบ เครือข่ายและบริการ และข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้น (12) ความสามารถในการจัดการความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขทางการเมือง (ได้แก่การตัดสินใจยุติการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร) และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น การผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและการหดตัวของตลาด (13) ความสามารถในการจัดการข้อกำหนดต่างๆ และกฎหมาย (ประกอบด้วยแต่ไม่จำกัดเฉพาะกฎหมายและข้อกำหนดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา กฎหมายป้องกันการผูกขาด กฎหมายการป้องกันข้อมูล กฎหมายภาษี กฎหมายสิ่งแวดล้อม และการรายงานที่เกี่ยวข้องกับการเงินและการบัญชี) และปัญหาต่างๆ ภายใต้การคาดการณ์ ณ ปัจจุบัน (14) ความสามารถในการจัดการการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายและข้อกำหนดด้านภาษีที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การรักษาไว้ซึ่งข้อปฏิบัติดั้งเดิมด้านภาษีของการดำเนินการที่เกี่ยวกับการขยายบริษัท (15) ความสามารถในการจัดการการเข้าซื้อกิจการ การขยายกิจการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจการร่วมทุนของเรา เพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธ์ธุรกิจโดยรวมของบริษัทและเป้าหมายทางการเงิน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อวัตถุประสงค์พื้นฐานของธุรกิจ และ (16) ความสามารถในการพัฒนาการผลิตและการลดต้นทุนและการจัดการการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ในขณะที่สามารถระบุตัวตน พัฒนาและคงไว้ซึ่งพนักงานที่มีความสำคัญ ในตลาดที่มีการเติบโตสูง ซึ่งพนักงานที่มีทักษะและประสบการณ์อาจมีจำกัด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดผลและเหตุการณ์ที่มีความแตกต่างจากที่กล่าวข้างต้น โปรดอ้างอิงรายงาน 10-K, 10-Q และ 8-K ฉบับล่าสุดของเรา

ดูเวอร์ชันต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20180418006692/en/

P&G Media:
Heather Huff, +1-513-622-1810
Huff.ha@pg.com
หรือ
Tressie Rose, +1-513-983-4929
Rose.t.8@pg.com
หรือ
P&G Investor Relations:
John Chevalier, +1-513-983-9974
Chevalier.jt@pg.com