APO Productivity Databook 2024 : แนวโน้มเศรษฐกิจและการคาดการณ์ถึงปี 2035

Logo

โตเกียว–(Business Wire)–23 ตุลาคม 2024

องค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) เปิดตัว APO Productivity Databook 2024 ฉบับที่ 17 นำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและผลิตภาพตั้งแต่ปี 1970 ถึง 2022 พร้อมการคาดการณ์ถึงปี 2035 ครอบคลุมเศรษฐกิจเอเชีย 31 ประเทศ รวมถึงสมาชิก APO 21 ประเทศ และเศรษฐกิจอ้างอิงระดับโลกที่สำคัญ เช่น ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก : Business Wire)

หนังสือข้อมูลนี้อ้างอิงจาก ฐานข้อมูลผลิตภาพของ APO ซึ่งบูรณาการ ฐานข้อมูล Asia QALI สำหรับปัจจัยแรงงานที่ปรับคุณภาพ และรวมข้อมูลทรัพยากรแร่และพลังงาน นับเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำธุรกิจ และนักวิจัยในการทำความเข้าใจภูมิทัศน์เศรษฐกิจของภูมิภาคและสนับสนุนการตัดสินใจที่อิงข้อมูล ด้วยวิธีการที่เข้มงวด หนังสือเล่มนี้ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระบุโอกาสและความท้าทายสำหรับการวางแผนเศรษฐกิจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างน่าเชื่อถือ

จุดเด่นของ APO Productivity Databook 2024

  • บัญชีผลิตภาพโดยละเอียด : เปรียบเทียบสมาชิก APO กับเกณฑ์อ้างอิงระดับภูมิภาค แสดงบทบาทของทุน ปัจจัยแรงงาน และผลิตภาพปัจจัยรวม (TFP) ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • การฟื้นตัวในภาคส่วนสำคัญ : เศรษฐกิจสมาชิกอย่างไต้หวัน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และเวียดนาม แสดงความยืดหยุ่นท่ามกลางการหยุดชะงักจากโควิด-19
  • แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและผลิตภาพ : ระหว่างปี 1970 ถึง 2022 เอเชียประสบการเติบโตของผลิตภาพที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก นำโดยเศรษฐกิจอย่างสาธารณรัฐจีน (ROC) อินเดีย และญี่ปุ่น ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของ TFP ในช่วงเวลานี้
  • ผลการดำเนินงานรายภาคส่วน : สมาชิก APO บางประเทศแสดงการเติบโตที่แข็งแกร่งในภาคการผลิต ขณะที่ภาคเกษตรยังคงมีความสำคัญ โดยการเพิ่มผลิตภาพได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในทุนและเทคโนโลยีมากขึ้น

APO Productivity Databook 2024 มีให้บริการทั้งในรูปแบบดิจิทัลและสิ่งพิมพ์ สามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดได้ฟรีจากลิงก์ด้านล่างนี้

https://doi.org/10.61145/SQVZ2821

APO Productivity Database 2024 เครื่องมือออนไลน์ที่ให้ข้อมูลผลิตภาพของ 31 ประเทศในเอเชียและเกณฑ์มาตรฐานจากกลุ่มเศรษฐกิจทั่วโลก ได้มีการอัปเดตและเข้าถึงได้จากลิงก์ด้านล่างนี้

https://www.apo-tokyo.org/productivitydatabook/

เกี่ยวกับ APO

องค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาคที่มุ่งมั่นปรับปรุงผลิตภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านความร่วมมือระหว่างกัน เป็นองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่แสวงหากำไร และไม่เลือกปฏิบัติ ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้ง 8 ประเทศ ปัจจุบัน APO ประกอบด้วยเศรษฐกิจสมาชิก 21 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย ทูร์เคีย และเวียดนาม

APO กำลังกำหนดอนาคตของภูมิภาคโดยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของสมาชิกผ่านบริการให้คำปรึกษานโยบายระดับชาติ ทำหน้าที่เป็นคลังสมอง ริเริ่มการเสริมสร้างศักยภาพองค์กร และการแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อเพิ่มผลิตภาพ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: 

https://www.businesswire.com/news/home/54137427/en

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ :

หน่วยข้อมูลดิจิทัลของ APO : pr@apo-tokyo.org เว็บไซต์ : https://www.apo-tokyo.org

แหล่งที่มา : องค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO)

เมืองต้าหลี่ มณฑลยูนนาน นำเสนอความสำเร็จด้านนิเวศวิทยาในงานประชุมเอ๋อไห่ และได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ

Logo

ต้าหลี่, จีน–(BUSINESS WIRE)–22 ตุลาคม 2024

งานประชุมเอ๋อไห่ ว่าด้วยการสร้างอารยธรรมเชิงนิเวศระดับโลก ประจำปี 2024 (2024 Erhai Forum on Global Ecological Civilization Construction) ภายใต้หัวข้อ “ร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” (Working Together to Promote Eco-Friendly Modernization) จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ณ เมืองต้าหลี่ มณฑลยูนนาน (Dali, Yunnan) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ในฐานะเจ้าภาพ เมืองต้าหลี่ได้นำเสนอความคิดริเริ่มด้านอารยธรรมเชิงนิเวศ ดึงดูดผู้ร่วมงานเกือบ 300 ราย จากทั้งในและต่างประเทศ และได้รับความสนใจจากนานาชาติ

The beautiful autumn scenery in Shangguan town, Dali, Yunnan, China. (Photo: Business Wire)

ทัศนียภาพฤดูใบไม้ร่วงอันงดงามใน Shangguan เมืองต้าหลี่ มณฑลยูนนาน จีน (ภาพ : Business Wire)

งานประชุมปีนี้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับความร่วมมือข้ามพรมแดนและการดำเนินโครงการ โดยมุ่งที่จะขยายผลกระทบให้ครอบคลุมพื้นที่นอกเหนือจากเมืองต้าหลี่และภูมิภาคเอ๋อไห่

ที่สำคัญ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2024 งานประชุมได้จัดกิจกรรมคู่ขนานในยุโรปเป็นครั้งแรก โดยจัดขึ้นที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีการแบ่งปัน “ประสบการณ์เอ๋อไห่” ของจีนในระดับนานาชาติ ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกับแนวปฏิบัติการจัดการน้ำในทะเลสาบเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์ การแลกเปลี่ยนนี้ได้ช่วยเพิ่มพูนอิทธิพล ชื่อเสียง และการยอมรับในระดับโลกของงานประชุม

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองต้าหลี่ได้ดำเนินแนวคิดริเริ่ม “จีนงดงาม” (Beautiful China) อย่างแข็งขัน โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการที่แม่นยำในการปกป้องทะเลสาบเอ๋อไห่ ความพยายามเหล่านี้ได้สร้างรูปแบบการพัฒนาใหม่ที่การปกป้องสิ่งแวดล้อมและการเติบโตทางเศรษฐกิจดำเนินควบคู่กันไป บรรลุเป้าหมายคู่ขนานของทั้งความงดงามเชิงนิเวศและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ภายในปี 2023 ปริมาณมลพิษที่ไหลลงทะเลสาบเอ๋อไห่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยแม่น้ำสายหลักทั้ง 27 สายที่ไหลสู่ทะเลสาบมีคุณภาพน้ำในเกณฑ์ดีเยี่ยมทั้งหมด

ในปีนี้ แนวคิดริเริ่ม “เอ๋อไห่ดิจิทัล” (Digital Erhai) ได้รับการคัดเลือกให้เป็นกรณีศึกษาต้นแบบสำหรับการพัฒนาดิจิทัลของจีน และ “โมเดลเอ๋อไห่ SF Express” (SF Express Erhai Model) กลายเป็นโครงการเดียวจากมณฑลยูนนานที่ได้รับการยอมรับเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาด้านการลดมลพิษและคาร์บอนแห่งแรก ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้แนวคิดริเริ่ม “เมืองปลอดขยะ” (Zero-Waste Cities) ของอนุสัญญาบาเซิล (Basel Convention)

ในเขต Jianchuan ทะเลสาบ Jianhu เป็นถิ่นอาศัยสำคัญของนกอพยพที่เดินทางตามแนวเทือกเขา Hengduan ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน ในขณะเดียวกัน ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง ดอก Cibi ที่ใกล้สูญพันธุ์ก็กลับมาผลิบานอีกครั้ง ใกล้ทะเลสาบ Cibi ในเขต Eryuan

ในเมือง Yousuo ในเขต Eryuan ลูกกระจับสดที่เก็บเกี่ยวใหม่ ๆ กำลังถูกส่งไปยังเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว

ตามแนวระเบียงนิเวศเอ๋อไห่ ภูมิทัศน์ที่ได้รับการฟื้นฟูอย่างสวยงามได้ขับเคลื่อนการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศรอบทะเลสาบ นอกจากนี้ โครงการเกษตรเชิงนิเวศหลายโครงการกำลังก่อร่างสร้างตัว ขยายโอกาสการจ้างงานแก่คนในท้องถิ่นและส่งเสริมการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน

เมืองต้าหลี่มุ่งนำเสนอภูมิปัญญาและแนวทางแก้ปัญหาแบบจีนสู่ความพยายามระดับโลกในการสร้างอารยธรรมเชิงนิเวศ ผ่านการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จในการปกป้องทะเลสาบเอ๋อไห่

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54140376/en

ข้อมูลติดต่อ

Eason Zhou, evisionsinfo@gmail.com

แหล่งที่มา : สำนักงานสารสนเทศเมืองต้าหลี่

บริษัท Kolmar BNH บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim ได้รับการจัดประเภทเป็น NAI จากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–21 ตุลาคม 2024

‘HemoHim’ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันจากบริษัท Kolmar BNH (KRX : 200130) ได้รับการรับรองระดับสากลในด้านคุณภาพ จากทั้งองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (US FDA) และคณะกรรมาธิการควบคุมดูแลผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของออสเตรเลีย (Therapeutic Goods Administration : TGA) ซึ่งช่วยเสริมความน่าเชื่อถือในตลาดโลก

HemoHIM G, manufactured by Kolmar BNH and distributed by Atomy (Image: Kolmar BNH)

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHIM G ผลิตโดย Kolmar BNH และจัดจำหน่ายโดย Atomy (ภาพ : Kolmar BNH)

Kolmar BNH ประกาศว่า โรงงานเซจง (Sejong plant) ของตนได้รับการจัดประเภทเป็น NAI หรือ ‘ไม่มีข้อบ่งชี้ให้ดำเนินการใด ๆ’ (No Action Indicated) หลังการตรวจสอบโดยองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาในเดือนกันยายน การจัดประเภทดังกล่าว ซึ่งเป็นการยืนยันว่า โรงงานตนเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตที่เป็นปัจจุบัน (Current Good Manufacturing Practice : cGMP) ในแง่การควบคุมคุณภาพ อย่างสมบูรณ์ ได้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ Kolmar BNH ในฐานะผู้ผลิตและผู้พัฒนาต้นทาง (Original Development Manufacturer : ODM) ชั้นนำระดับสากล ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ

การตรวจสอบโดย US FDA ดำเนินการเพื่อประเมินความสามารถในการจัดการคุณภาพของ Kolmar BNH โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อตอบสนองต่อการขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim ไปยังสหรัฐอเมริกา การจัดประเภทเป็น NAI สะท้อนการประเมินที่ครอบคลุมปัจจัยสำคัญต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงกระบวนการผลิต มาตรฐานด้านอนามัย ขั้นตอนการควบคุมคุณภาพ และการฝึกอบรมพนักงาน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรูปของเหลวที่มีความเป็นกรดต่ำ (low-acid liquid dietary supplement) HemoHim ได้ผ่านการทดสอบที่ครอบคลุมแง่มุมต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการประเมินการจัดการคุณภาพวัตถุดิบ ระดับ pH และความเสถียร และได้คะแนนเต็มในเกณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้

คุณภาพของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim ได้รับการรับรองในออสเตรเลียแล้วก่อนหน้านี้ โดยในปี 2021 TGA รับรองว่า โรงงานเซจงเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิต (Good Manufacturing Practice : GMP) TGA ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแลเภสัชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) ในออสเตรเลีย ได้ออกใบรับรอง GMP โดยอิงจากการประเมินที่ครอบคลุมด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และความเหมาะสมของกระบวนการผลิต นอกจากนี้ ภายใต้ข้อตกลงยอมรับร่วม (Mutual Recognition Arrangement : MRA) ระหว่างออสเตรเลียและยุโรป ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก TGA จะได้รับประโยชน์จากขั้นตอนการส่งออกที่คล่องตัวกว่า ภายในยุโรป

Kolmar BNH ได้ดำเนินการตามระเบียบวิธีการปฏิบัติงานมาตรฐาน (Standard Operating Procedure : SOP) ที่โรงงานเซจง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทาง GMP สากลสำหรับการผลิตและการควบคุมคุณภาพเภสัชภัณฑ์ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน GMP ของ TGA ออสเตรเลีย บริษัทได้นำระบบตรวจสอบการผลิตแบบเรียลไทม์ (real-time production monitoring system) มาใช้ และดำเนินการทดสอบคุณภาพที่เข้มข้นกว่ามาตรฐานที่ใช้ในการควบคุมของเกาหลีเป็นอย่างมาก เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ปราศจากข้อบกพร่อง ด้วยความพยายามต่าง ๆ เหล่านี้ประกอบกัน บริษัทจึงได้รับการรับรองว่ามีคุณภาพของเภสัชภัณฑ์ที่เชื่อถือได้

จากความสำเร็จจากการได้รับการรับรองจาก FDA และ TGA นั้น Kolmar BNH วางแผนที่จะเร่งการขยายตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim ในตลาดโลก ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim ซึ่งเปิดตัวในปี 2006 เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันรายแรกของเกาหลีที่ได้รับการอนุมัติเป็นการเฉพาะผลิตภัณฑ์ ทำจากส่วนผสมธรรมชาติต่าง ๆ ของเกาหลี เช่น Angelica gigas, Cnidium officinale และ Paeonia japonica และจัดจำหน่ายโดย Atomy ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของ Kolmar BNH ปัจจุบันผลิตภัณฑ์นี้ส่งออกไปยังประมาณ 20 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกาและจีน นับตั้งแต่เปิดตัว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim มียอดขายสะสมกว่า 2 ล้านล้านวอน จากทั้งในและต่างประเทศ และมียอดการส่งออกสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ที่กว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงรักษาตำแหน่งผลิตภัณฑ์ขายดีอันดับหนึ่งในหมวดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันในเกาหลีนานกว่าสิบปี

เจ้าหน้าที่จาก Kolmar BNH กล่าวว่า “การตรวจสอบขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาเป็นมาตรฐานสำคัญในการรับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ด้วยกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดและเป็นระบบ การที่เราได้รับจัดประเภทเป็น ‘ไม่มีข้อบ่งชี้ให้ดำเนินการใด ๆ’ (NAI) นั้น นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญสำหรับ Kolmar BNH เนื่องจากเป็นการยืนยันคุณภาพผลิตภัณฑ์ของเราในเวทีโลก เรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกผ่านการพัฒนานวัตกรรมด้านคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับขอรับการรับรองมาตรฐานระดับสากลเพิ่มเติม โดยมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HemoHim เป็นกำลังสำคัญของความพยายามในครั้งนี้”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54138541/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Kolmar Holdings
Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งที่มา : Kolmar BNH Co., Ltd.

BlueScope เปิดตัวโครงการรางวัลสำหรับภูมิภาคอาเซียนเพื่อเฉลิมฉลองความเป็นเลิศด้านสถาปัตยกรรมเหล็กระดับภูมิภาค

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–14 ตุลาคม 2024

ขณะนี้ BlueScope Steel Architectural Awards 2024 ประจำภูมิภาคอาเซียนเปิดรับโปรเจ็กต์ที่ใช้เหล็ก BlueScope ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนามแล้ว โดยรับสมัครโปรเจ็กต์เข้าชิงจากภาคส่วนอาคารที่อยู่อาศัย เชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม และสถาบัน หมวดหมู่ที่เพิ่มเข้ามาคือ “Long Lasting Beauty of COLORBOND®” ซึ่งเป็นรางวัลให้แก่โปรเจ็กต์ที่แม้ผ่านสภาพอากาศมาทุกรูปแบบแล้วก็ยังคงความสวยงามและความแข็งแกร่งไว้ได้ด้วยเหล็ก COLORBOND® ของ BlueScope

คุณ Connell Zhang (Chief Executive of NS BlueScope) ได้กล่าวว่า “ที่ BlueScope เรามุ่งมั่นสร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับโซลูชันเหล็กอัจฉริยะ และโครงการรางวัลใหม่ของเราก็เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมในการนำเสนอตัวอย่างโปรเจ็กต์สถาปัตยกรรมที่ดีที่สุดของภูมิภาคนี้ อีกทั้งยังเป็นการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมและส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดอีกด้วย รางวัลเหล่านี้จะเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการส่งเสริมการแบ่งปันความรู้และสนับสนุนชุมชนสถาปนิกอาเซียนอันสดใสของเรา”

รางวัล BlueScope Steel Architectural Awards 2024 ประจำภูมิภาคอาเซียนได้รับการสนับสนุนจากหลากหลายองค์กรที่น่าเชื่อถือ รวมถึงสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์, Ikatan Arsitek Indonesia, University of Architecture Ho Chi Minh City, Australian Chamber of Commerce Singapore และ ACG Media Group ของมาเลเซีย คณะกรรมการตัดสินรางวัลประจำภูมิภาคอาเซียนประกอบไปด้วยผู้นำด้านแนวคิดสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยกย่องมากมาย ได้แก่ คุณอเส สุขยางค์ นายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์, Dr. Ar. Tan Loke Mun ผู้อำนวยการ Archicentre Sdn Bhd ในมาเลเซีย, Ar. Achmad D. Tardiyana ผู้อำนวยการ MUUD, IAI ที่ PT. Urbane ในอินโดนีเซีย, Dr. Ar. Truong Thanh Hai รองอธิการบดี University of Architecture Ho Chi Minh City และ Ar. Richard Coulson ผู้อำนวยการ COX Architecture เกณฑ์การตัดสินจะพิจารณาจากความเป็นเลิศด้านการออกแบบ นวัตกรรม และความยั่งยืน คณะกรรมการจะประเมินด้านต่างๆ ของการออกแบบอาคาร ตั้งแต่คุณค่าทางสุนทรียภาพไปจนถึงการใช้งาน ประสิทธิภาพ และด้านอื่นๆ

คุณ Connell Zhang ได้กล่าวปิดท้ายว่า “ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กเคลือบและทาสีระดับพรีเมียม BlueScope อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการสนับสนุนให้ชุมชนสถาปัตยกรรมเดินหน้าทำตามความฝันด้านการออกแบบให้กลายเป็นจริง เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้นำเสนอนวัตกรรม ความแข็งแกร่ง และความงดงามของโปรเจ็กต์ที่เรามีส่วนช่วยส่งเสริมสถาปนิก งานประกาศรางวัลจะต้องยอดเยี่ยมแน่นอนและเรารอคอยที่จะเฉลิมฉลองความสำเร็จของผู้ชนะและผู้เข้าชิงทุกคน”

การตัดสินผู้ชนะรางวัลประจำภูมิภาคอาเซียนจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคมและประกาศรายชื่อผู้ชนะในเดือนพฤศจิกายน หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางวัล โปรดคลิกที่นี่ https://www.nsbluescope.com/asean/bluescope-steel-architectural-asean-awards-2024-colorbond/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

James Li | Vice President, Business Transformation, NS BlueScope Pte.
E: james.li@bluescope.com

ที่มา: NS BLUESCOPE

Merz Aesthetics ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์ม Ultherapy PRIME นวัตกรรมใหม่แห่งการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด

Logo

Ultherapy PRIME เป็นเทคโนโลยีอัลตราซาวนด์ล่าสุดที่ได้รับการรับรองจาก FDA พร้อมการถ่ายภาพแบบเรียลไทม์ ที่ให้การยกกระชับเฉพาะบุคคลและยาวนานอย่างแท้จริงซึ่งเป็นประโยชน์สูงสุดสําหรับคนไข้แต่ละราย

ราลี นอร์ทแคโรไลนา


NIPPON KINZOKU: ท่อดึงแบบเชื่อมตะเข็บที่เหนือกว่าท่อไร้ตะเข็บ การแนะนําซีรีส์ “FINE PIPE”

Logo

“พื้นผิวด้านในที่มีความแม่นยําสูง” ท่อเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็ก “FINE PEEK-ST”

โตเกียว

Mary Kay ขยายธุรกิจไปยังประเทศคีร์กีซสถาน ยกระดับความงาม และสร้างเสริมพลังให้กับผู้คนทั่วโลก

Logo

DALLAS–(BUSINESS WIRE)–20 กันยายน 2024

Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง มีความภูมิใจที่จะประกาศการขยายธุรกิจสู่ประเทศคีร์กีซสถาน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์การเติบโตระดับนานาชาติที่มีการดำเนินการอยู่ การพัฒนาที่น่าตื่นเต้นนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Mary Kay ที่จะเสริมสร้างพลังให้ผู้หญิงและจัดหาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและความงามคุณภาพสูงอย่างสร้างสรรค์สู่ทั่วโลก

Mary Kay’s expansion into Kyrgyzstan marks another step forward in the company’s mission to enrich women’s lives around the world, offering top-tier beauty products and unparalleled business opportunities. (Photo: Mary Kay Inc.)

การขยายธุรกิจของ Mary Kay ไปยังประเทศคีร์กีซสถานถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญในพันธกิจของบริษัท เพื่อเสริมสร้างชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ความงามชั้นยอดและโอกาสทางธุรกิจที่ไม่มีใครเทียบ (ภาพถ่าย: Mary Kay Inc.)

ตลาดความงามและการดูแลส่วนบุคคลกำลังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับนานาชาติ โดยปริมาณการขายในหมวดหมู่เหล่านี้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าตลาดความงามจะมีมูลค่า 580,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2027 โดยการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 6 เปอร์เซนต์ต่อปี 1 ในขณะที่ขนาดของตลาดขายตรงคาดว่าจะสูงถึง 286,700 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 20282 การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้เกิดจากการที่มีผู้คนมากมายหันมาเป็นผู้ประกอบการและแสวงหาโอกาสทางธุรกิจที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่า เมื่อตระหนักถึงแนวโน้มขาขึ้นนี้ Mary Kay จึงขยายธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ไปสู่ประเทศคีร์กีซสถานเพื่อตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์ความงามระดับพรีเมียม และเพิ่มโอกาสสำหรับผู้ประกอบการในประเทศ

“ฉันมั่นใจว่า การขยายธุรกิจของเราไปยังประเทศคีร์กีซสถานจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงเป็นจำนวนนับไม่ถ้ววน และช่วยให้พวกเขาสามารถค้นพบพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงจากผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลของ Mary Kay และเสริมสร้างตำแหน่งของเราในฐานะแบรนด์ขายตรงอันดับ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางในโลก 3Tara Eustace ประธาน Mary Kay ประจำภูมิภาคยุโรป กล่าว “Mary Kay Ash มักพูดเสมอว่า เราไม่ได้เพียงจำหน่ายเครื่องสำอางเท่านั้น แต่เรายังเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตด้วย ความเชื่อนี้เป็นหัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำ และฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นผลที่เรามีต่อผู้หญิงในประเทศคีร์กีซสถาน”

การดำเนินงานของ Mary Kay Kazakhstan มีการบริหารจัดการจากสำนักงาน Mary Kay Kazakhstan ที่เมือง Almaty เพื่อให้แน่ใจว่า การบูรณาการและการสนับสนุนตลาดใหม่จะเป็นไปด้วยความราบรื่น Konstantin Kulinitch ผู้จัดการทั่วไปของ Mary Kay Kazakhstan แบ่งปันความกระตือรือร้นของเขาว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ขยายการดำเนินงานของเราไปยังประเทศคีร์กีซสถาน ซึ่งเรามองเห็นศักยภาพในการเติบโตอย่างมหาศาล ทีมงานของเราที่ Almaty มีความมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนที่ดีที่สุดแก่ที่ปรึกษาความงามอิสระของเราในประเทศคีร์กีซสถาน เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจ และบรรลุความฝันของพวกเขา”

เพื่อเฉลิมฉลองการขยายตัวครั้งสำคัญนี้ Mary Kay ได้จัดงานกิจกรรมต่างๆ ขึ้นที่ Bishkek เมืองหลวงของประเทศคีร์กีซสถาน โดยมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอาง และน้ำหอมอันเลื่องชื่อของแบรนด์ให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงโอกาสทางธุรกิจที่ไม่เหมือนใครที่ Mary Kay นำเสนอ จะช่วยให้บุคคลต่างๆ สามารถควบคุมอนาคตของตัวเองได้

การขยายธุรกิจของ Mary Kay ไปยังประเทศคีร์กีซสถานถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญในพันธกิจของบริษัท เพื่อเสริมสร้างชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ความงามชั้นยอดและโอกาสทางธุรกิจที่ไม่มีใครเทียบ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินงานระดับโลก ความเป็นผู้นำ พันธกิจ และความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในการเสริมสร้างชีวิตของผู้หญิง โปรดไปที่ www.marykayglobal.com

เกี่ยวกับ Mary Kay

ก่อนหน้านี้ เดี๋ยวนี้ และตลอดไป Mary Kay Ash ผู้ก่อตั้งแบรนด์ความงามตามความฝันของเธอในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือการทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานขึ้นเป็นบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลา 60 ปีแล้วที่โอกาสจาก Mary Kay ได้ส่งเสริมให้ผู้หญิงสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริม และน้ำหอมที่ล้ำสมัย Mary Kay เชื่อมั่นในการอนุรักษ์โลกของเราไว้สำหรับคนรุ่นต่อไป ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการล่วงละเมิดในครอบครัว และสนับสนุนให้เยาวชนเดินตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com ค้นหาเราได้ที่ FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้ที่ X (formerly Twitter)

_______________________
1 McKinsey and Company. (May 22, 2023). The beauty market in 2023: A special State of Fashion report 
2 Grand View Research, Inc. (July 11, 2022). Direct Selling Market Size Worth $286.7 Billion by 2028 
3 “Source Euromonitor International Limited; Beauty and Personal Care 2024 Edition, value sales at RSP, 2023 data”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/54124254/en

ติดต่อ

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom 
972.687.5332 or media@mkcorp.com

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Inc.

การสํารวจของ Black & Veatch แสดงให้เห็นว่าการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน เป็นสิ่งสําคัญอย่างมากสําหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในออสเตรเลีย

Logo

การให้ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นในคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมของชาวพื้นเมือง เป็นปัจจัยสำคัญทีเปลี่ยนแปลงในการวางแผนการจัดการน้ำในเหมือง

เมลเบิร์น ออสเตรเลีย

พบกับเทรนด์ความงามในอนาคตได้ในรายงานนวัตกรรมความงามระดับโลกฉบับใหม่ของ NielsenIQ (NIQ)

Logo

  • แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลที่ผสานรวมนวัตกรรมใหม่ในปี 2023 มีแนวโน้มที่จะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า
  • 20% ของการเปิดตัวนวัตกรรมในปี 2023 ในยุโรปเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเส้นผม
  • การกระตุ้นอย่างมีประสิทธิผลจะช่วยให้สามารถเพิ่มยอดขายที่มุ่งเน้นโฆษณาให้สูงขึ้น 20%

CHICAGO–(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2024

ในอุตสาหกรรมความงามที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การทำความเข้าใจและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีนัยสำคัญเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลังเกิด COVID-19 วันนี้ NIQ ได้เปิดตัวรายงานนวัตกรรมความงามระดับโลก ซึ่งขับเคลื่อนโดยมาตรการวัดระดับนวัตกรรม NIQ BASES ซึ่งให้มุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับสถานะของนวัตกรรมและเทรนด์ในอนาคตของตลาดอุตสาหกรรมความงามทั่วทั้ง 14 แห่ง

แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลที่ผสานรวมนวัตกรรมใหม่ในปี 2023 มีแนวโน้มที่จะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับยอดขายของแบรนด์ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมหรือมีการยกเลิกใช้นวัตกรรม นวัตกรรมที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะสามารถดึงดูดผู้ซื้อรายใหม่ๆ สร้างโอกาสการใช้งานใหม่ๆ สามารถปรับราคาขึ้นในระดับพรีเมี่ยม และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำได้เป็นอย่างดี

แบรนด์ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสามารถมองเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีปริมาณเพิ่มขึ้น 30% โดยเฉลี่ยในปีที่ 1 เมื่อเทียบกับแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในอัตราที่ต่ำกว่า การเปิดตัวอย่างมีประสิทธิผลจะช่วยให้สามารถเพิ่มยอดขายที่มุ่งเน้นโฆษณาให้สูงขึ้น 20% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการปรับองค์ประกอบอย่างสร้างสรรค์และเหมาะสม ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีผลิตภัณฑ์ที่ดีและมีการดำเนินการทางตลาดและส่งเสริมการขายที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี

Claire Marty รองประธานฝ่ายพัฒนาลูกค้าทั่วโลก กล่าว “แม้ว่าผู้บริโภคจะมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ผู้บริโภคก็ยังคงไม่มีการลดค่าใช้จ่ายด้านความงามเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ FMCG อื่นๆ โดย 80% แสดงความตั้งใจที่จะยังคงระดับหรือเพิ่มการใช้จ่ายในด้านนี้ ความนิยมทั่วโลกของอุตสาหกรรมความงามยังคงเพิ่มขึ้น โดยยอดขายของอุตสาหกรรมยังคงเติบโตในระดับสองหลักในทุกภูมิภาค และคาดว่า จะสามารถเพิ่มสูงถึง 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐในทศวรรษหน้า”

แนวโน้มการพัฒนาที่เร่งการเกิดนวัตกรรมในอุตสาหกรรมความงาม:

  • สะอาดและยั่งยืนแนวโน้มของผลิตภัณฑ์ที่สะอาดและยั่งยืนมีการเติบโตสูงขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ CPG โดยมุ่งเน้นในการจัดหาอย่างถูกต้องตามจริยธรรม บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการลดปริมาณคาร์บอน ในเกาหลีใต้ ผลิตภัณฑ์ความงามที่สะอาดกลายเป็นทางเลือกในการใช้ชีวิต โดยผู้ผลิตให้ความสำคัญในการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและแนวทางการผลิตที่ยั่งยืน
  • การมุ่งเน้นในส่วนผสมผู้บริโภคทั่วโลกซื้อของโดยคำนึงถึง ‘ส่วนผสมเป็นอันดับแรก’ โดยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ตามรายการส่วนผสม ผู้บริโภคมีความสนใจในผลิตภัณฑ์ทั้งที่มีและไม่มีส่วนผสม ผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรมีการให้ความสำคัญกับผลลัพธ์และประสิทธิผลเหนือชื่อแบรนด์
  • ที่ปรึกษาที่เชื่อถือได้ ​: เซเลบริตี้ แพทย์ผิวหนัง และอินฟูลเอนเซอร์ ล้วนเป็นผู้กำหนดการตัดสินใจผ่านโซเชียลมีเดีย ในประเทศจีน จำนนวน Key Opinion Leaders (KOL) สูงเกิน 20 ล้านคนและยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ 80% ของยอดขายจริงมาจาก KOL เพียง 7% เท่านั้น
  • การปรับแต่งและการรวมกลุ่มผู้บริโภคมีความนิยมสูงขึ้นในแบรนด์ที่ตอบสนองความต้องการของแต่ละบุคคล ส่งผลให้มีประสบการณ์ที่ปรับแต่งได้สูงขึ้น เช่น แบบทดสอบเกี่ยวกับเส้นผมและผิวหนัง Afroconsumption เป็นหัวข้อการปรับแต่งและการรวมกลุ่มที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในบราซิล โดยผู้หญิงเลือกที่จะไม่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับยืดผม
  • มุ่งเน้นด้านสุขภาพ: ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเอง ส่งผลให้มีความต้องการในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกาย จิตใจ และอารมณ์ อุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์ในฝรั่งเศสใช้ประโยชน์จากประสาทวิทยาที่มุ่งเป้าไปที่ร่างการและจิตใจ แบรนด์หรูกำลังสร้างผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับปรุงทั้งสภาพผิวและความเป็นอยู่ที่ดีทางอารมณ์
  • ความสะดวกสบายและความสามารถในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง (DTC) และการบำรุงความงามที่ทำได้เองที่บ้านได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วง COVID-19 แนวโน้มนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าเสริมความงามและอุปกรณ์กระตุ้นกล้ามเนื่องได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

สินค้าหรูที่เหมาะสำหรับทุกคนเทรนด์ด้านความงามนี้สะท้อนให้เห็นถึงการที่มีผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น การทำให้สินค้าหรูแพร่หลายมากขึ้นนั้นนำโดยแบรนด์ที่มีนวัตกรรมซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและสามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ได้ ผู้บริโภคในซาอุดีอาระเบียให้ความสำคัญกับส่วนผสมที่มีคุณภาพและเต็มใจที่จะจ่ายเงินมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและผลิตภัณฑ์เสริมความงาม การเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมความงามนั้น ขึ้นอยู่กับการผสานรวมแนวคิดที่น่าสนใจและผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในสามของการเปิดตัวใหม่นั้นล้มเหลว เนื่องจากขาดการสนับสนุนอย่างเพียงพอในช่วงปีแรก

หากต้องการดูข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มด้านความงาม สามารถ ดาวน์โหลดสำเนา รายงานนวัตกรรมความงามระดับโลกของ NIQ และเข้าร่วมกลุ่ม กลุ่มส่งเสริมด้านความงาม เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกระดับพรีเมียม นอกจากนี้ NIQ ยังมีการแสดงข้อมูลเชิงลึกเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์เกี่ยวกับแนวโน้มผู้บริโภคทั่วโลกเป็นประจำ รวมถึง รายงาน SpendZ ฉบับล่าสุด ซึ่งเป็นภาพรวมแนวโน้มการใช้จ่ายของคนรุ่น Gen Z รายงาน ภาพรวมสำหรับผู้บริโภค ที่มีการวิเคราะห์แนวโน้ม พฤติกรรม และความรู้สึก

เกี่ยวกับ NIQ
NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคชั้นนำของโลก โดยมีการแสดงข้อมูลครอบคลุมเพื่อความเข้าใจในพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเปิดเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต NIQ ได้รวมตัวกับ GfK ในปี 2023 โดยรวมผู้นำอุตสาหกรรมทั้งสองรายที่มีการเข้าถึงทั่วโลกอย่างไม่มีใครเทียบไว้ด้วยกัน ปัจจุบันนี้ NIQ มีการดำเนินงานในกว่า 95 ประเทศ โดยครอบคลุม 97% ของ GDP ด้วยความสามารถในการอ่านข้อมูลค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ช่วยให้สามารถนำเสนอข้อมูลจากการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัยใน NIQ ด้วย Full View™

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.niq.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ:
Sweta Patra
sweta.patra@nielseniq.com

แหล่งข้อมูล: NielsenIQ

เปิดตัวงาน Zhejiang International Trade Exhibition 2024 อย่างเป็นทางการ

Logo

กรุงเทพฯ –(BUSINESS WIRE)–06 กันยายน 2024

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2024 งาน Zhejiang International Trade Exhibition 2024 (ไทย) ซึ่งจัดโดยกรมการค้ามณฑลเจ้อเจียง ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการที่ศูนย์แสดงสินค้าและการปชุมอิมแพ็คอันทรงเกียรติในกรุงเทพฯ ประเทศไทย ในพิธีเปิด แขกผู้มีเกียรติจากกระทรวงพลังงานของประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมพาณิชย์และเศรษฐกิจสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจําราชอาณาจักรไทย และสํานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการแห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมและมีส่วนร่วมในการทัวร์นิทรรศการวีไอพีพิเศษ เพื่อเป็นเวทีสําหรับเหตุการณ์สําคัญในการค้าระหว่างประเทศ โดยแขกเหล่านี้กล่าวชื่นชมแบรนด์ในประเทศที่มีชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่โดดเด่นของ “สินค้าเจ้อเจียงที่มีคุณภาพ”

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

นิทรรศการซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่สาม เน้นย้ำถึงความได้เปรียบในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแสงสว่าง เมืองอัจฉริยะ การดำรงชีวิตอัจฉริยะ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องของเจ้อเจียง และยังสอดคล้องกับธีมของ “Zhejiang Made All Need” อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมสำหรับประเทศไทยในการเชื่อมต่อกับบริษัทผู้ผลิตชั้นนำจากมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งได้แก่ Hikvision, Tuya, Meka และ VOC ซึ่งจัดแสดงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมล้ำสมัย นอกเหนือจากแบรนด์บุกเบิกอย่าง Hikvision และ Dahua Technology ที่หยั่งรากลึกในตลาดประเทศไทยแล้ว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Tuya ในฐานะองค์กรระดับยูนิคอร์นในอุตสาหกรรมจีน ได้จับมือกับบริษัทชั้นนําของไทย เช่น SCG และ T3 Technology เพื่อส่งเสริมการพัฒนาบ้านอัจฉริยะในประเทศไทย และเป็นพันธมิตรในการพัฒนาระบบนิเวศ IoT ของประเทศไทย

ประเทศไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสามของจีนในอาเซียน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 จีนและไทยได้สร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี ปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 10 ปีอันเป็นมงคลของโครงการริเริ่ม Belt and Road เหตุการณ์สําคัญครั้งนี้ช่วยเร่งการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเจ้อเจียงและไทย และเปิดโอกาสใหม่ๆ ในฐานะมหาอํานาจทางเศรษฐกิจที่สําคัญ และเป็นศูนย์กลางการค้าต่างประเทศที่สําคัญในประเทศจีน เจ้อเจียงจึงอยู่ในตําแหน่งที่ดีที่จะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นนี้

นิทรรศการที่จัดขึ้นเป็นเวลาสามวันจะรวมบริษัทกว่าพันแห่ง รวมถึงผู้ซื้อและผู้ขาย ส่งเสริมการเชื่อมโยงทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นผ่านฟอรัมอุตสาหกรรม การประชุม คณะผู้แทนระดับวีไอพี การประชุมแบบพบหน้า และโอกาสที่น่าสนใจอื่นๆ ในอีกสองวันข้างหน้าบริษัทต่างๆ ในเจ้อเจียงจะเพลิดเพลินไปกับเครือข่ายธุรกิจที่ขยายออกไป พร้อมกับผู้ซื้อและผู้เยี่ยมชมระดับวีไอพีที่ผ่านจุดสัมผัสของนิทรรศการต่างๆ รวมถึงบูธเฉพาะที่มีการจัดแสดงสินค้าและการสาธิต การประชุมแบบพบหน้า และการเชิญประชุมออนไลน์กับผู้ซื้อและผู้เยี่ยมชมระดับวีไอพี

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54118306/en 

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Robby Mex, +91-9899890048

ที่มา: Zhejiang International Trade Exhibition

The Bangkok Reporter