CNE Direct, Inc. (ชื่อทางธุรกิจ “illumynt”) ประกาศการกลับมาของ Paul Knight ในตำแหน่ง CEO

Logo

บอสตัน –(BUSINESS WIRE)–06 กันยายน 2024

CNE Direct, Inc. (ชื่อทางธุรกิจ “illumynt”) มีความยินดีที่จะประกาศการกลับมาของ Paul Knight ในตำแหน่ง CEO ของบริษัท ITAD ที่ให้บริการด้านการซื้อขาย บริการ และโซลูชันในระดับโลก ซึ่งปัจจุบันก้าวเข้าสู่ปีที่ 23 ของการดำเนินธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การปรับโครงสร้างเพื่อเริ่มต้นการเติบโตเชิงกลยุทธ์ในระยะต่อไปของ illumynt โดย Knight เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทในปี 2002 และเคยดำรงตำแหน่ง CEO เป็นเวลาส่วนใหญ่ในประวัติศาสตร์ของบริษัท และดำรงตำแหน่งประธานตั้งแต่เริ่มต้น ปัจจุบัน Knight ได้กลับมารับตำแหน่ง CEO อีกครั้งในขณะที่บริษัทกำลังขยายตัวในระดับโลกมากขึ้น นำเสนอการบริการใหม่ ๆ และมุ่งเน้นการสร้างผลลัพธ์ที่เป็นผู้นำตลาดให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรของบริษัท

“ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมารับตำแหน่ง CEO และตั้งตารอที่จะได้ทำงานร่วมกับทีมงานระดับโลกของเรา รวมถึงการมีโอกาสใช้เวลามากขึ้นกับลูกค้าและพันธมิตรของเราทั่วโลก เพื่อดำเนินแผนการเติบโตเชิงกลยุทธ์ใหม่ของเราให้สำเร็จ” Knight กล่าว

นอกจากการกลับมาของ Knight แล้ว ในวันนี้บริษัทยังได้ประกาศการดำเนินการดังต่อไปนี้

• การจ้าง Gavin Wilson ในตำแหน่งรองประธานฝ่ายวิศวกรรม ซึ่งเคยทำงานกับ Reconext มาก่อน โดย Gavin มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในการพัฒนาระบบการทดสอบ การซ่อมแซม และโซลูชันการฟื้นฟูมูลค่าที่ซับซ้อนให้กับลูกค้าทั่วโลก

• Joe Conway ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานฝ่ายโซลูชัน โดย Joe ได้แสดงความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในการวิเคราะห์ การตั้งราคา และการเริ่มต้นโปรแกรมขนาดใหญ่ระดับโลกให้กับ illumynt พร้อมกับการจัดการทีมงานข้ามสายงานเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่มุ่งหวัง

• การลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทที่ปรึกษา ITAD Circular Integrity ซึ่งนำโดยผู้ก่อตั้งและ CEO Todd Zegers อดีตรองประธานฝ่าย ITAD และ Reverse Logistics ของ Ingram Micro โดย Circular Integrity จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมผู้บริหารระดับสูงของ CNE เพื่อเร่งการเติบโตและการกระจายธุรกิจ

• การขยายขอบเขตการดำเนินงานทั่วโลก โดย illumynt กำลังอยู่ในกระบวนการเปิดศูนย์ปฏิบัติการใหม่ 3 แห่ง ที่แฟรงคลิน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และเมืองคอร์ก ประเทศไอร์แลนด์ รวมถึงประเทศไทยด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ไปที่ http://www.illumynt.com หรือติดตามเราทาง LinkedIn ที่ https://www.linkedin.com/company/illumynt

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Paul Knight, 978-490-4812

ที่มา: CNE Direct, Inc.

กองทุนเพื่อการพัฒนาซาอุดีอาระเบียเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีรักษ์โลกด้วยเงินสนับสนุนการพัฒนากว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

RIYADH, Saudi Arabia–(BUSINESS WIRE)–03 กันยายน 2024

กองทุนเพื่อการพัฒนาซาอุดีอาระเบีย (SFD) เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีในกรุงริยาดวันนี้ ภายใต้หัวข้อ “50 ปีรักษ์โลก” งานนี้เป็นการรวบรวมพันธมิตรการพัฒนาที่สำคัญมาร่วมกันสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมสนับสนุนของ SFD เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั่วโลก ในช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมา SFD มีการจัดสรรเงินทุนกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นเงินทุนสนับสนุนโครงการและโปรแกรมการพัฒนากว่า 800 โครงการในภาคส่วนต่างๆ ที่สำคัญ รวมถึง โครงสร้างพื้นฐานทางสังคม (การศึกษา การดูแลสุขภาพ น้ำและน้ำเสีย และที่อยู่อาศัยและการพัฒนาเมือง) การสื่อสารและการขนส่ง (ถนน ทางรถไฟ สนามบิน และท่าเรือ) พลังงาน การเกษตร การทำเหมืองแร่และอุตสาหกรรม และอื่นๆ

Saudi Fund for Development Celebrates 50 Years of Global Impact with Over $20 Billion in Development Contributions (Photo: AETOSWire)

กองทุนเพื่อการพัฒนาซาอุดีอาระเบียเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีรักษ์โลกด้วยเงินสนับสนุนการพัฒนากว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ภาพถ่าย: AETOSWire)

ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1974 SFD เป็นหน่วยงานพัฒนาระหว่างประเทศหลักของสหราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และเป็นผู้สนับสนุนหลักที่สำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนากว่า 100 ประเทศทั่วโลก ด้วยการมุ่งมั่นที่แรงกล้าในการสนับสนุนประเทศต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) SFD มีบทบาทที่สำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในประเทศด้อยพัฒนา (LDCs) และรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะขนาดเล็ก (SIDS)

ในงาน H.E. Ahmed Al-Khateeb ประธานของ SFD เน้นย้ำถึงความสำคัญในการร่วมมือกันขับเคลื่อนการพัฒนาทั่วโลก และมีการเน้นย้ำว่า ความสำเร็จของ SFD มีรากฐานมาจากความร่วมมือ โดยมีโครงการและโปรแกรมการพัฒนา 27 โครงการในประเทศกำลังพัฒนา 23 ประเทศในปี 2023 ที่ร่วมทุนกับผู้สนับสนุนเงินทุนรายอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีการเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างพันธมิตรใหม่ๆ และส่งเสริมความสัมพันธ์ที่มีอยู่ เพื่อสร้างโลกที่ทุกคนมีโอกาสที่จะบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเอง

เมื่อพิจารณาถึงย่างก้าวอันสำคัญนี้ นาย Sultan bin Abdulrahman Al-Marshad CEO  ของ SFD กล่าวว่า: “ในขณะที่เราเฉลิมฉลองการทำงานที่มีก้าวย่างสำคัญมาเป็นเวลาห้าทศวรรษนี้ เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาเพื่อมุ่งเน้นการพึ่งพาตนเอง และมีความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจมากกว่าที่เคยเป็นมา เป้าหมายของเราคือ การสร้างความมั่นใจว่า เด็กทุกคนสามารถไปโรงเรียนได้ การศึกษาไม่ใช่สิทธิพิเศษ แต่เป็นสิ่งที่เด็กทุกคนควรได้รับ และครอบครัวสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพและบริการที่จำเป็นพื้นฐานได้ นอกจากนี้ เรายังมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น การสร้างถนนและการปรับปรุงสนามบินและท่าเรือ เพื่อให้ประเทศต่างๆ มีความเจริญรุ่งเรือง และมีส่วนร่วมในการดำเนินการทางเศรษฐกิจและการค้า งานนี้ไม่ใช่เพียงการจัดหาเงินทุนเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการปรับปรุงชีวิตอย่างเป็นรูปธรรม การสร้างโอกาส การส่งเสิมศักยภาพชุมชน และการสร้างอนาคตที่รุ่งเรืองยิ่งขึ้น”

ในงานกาลาฉลองครอบรอบ 50 ปี SFD และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ได้ลงนามในข้อตกลงใหม่มูลค่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อร่วมทุนโครงการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งถือเป็นโครงการแรกของ SFD ในหมู่เกาะโซโลมอน โดยเป้าหมายหลักของโครงการนี้คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหมุนเวียน ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาค

ข้อตกลงนี้สร้างขึ้นจากการมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงของ SFD ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาผ่านโครงการพัฒนาต่างๆ ที่ครอบคลุมทั้งแอฟริกา เอเชีย และแปซิฟิก ละตินอเมริกาและแคริบเบียน และยุโรปตะวันออก

โดยรวมถึงโครงการสำคัญต่างๆ เช่น Metolong ใน Lesotho ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุน 25 ล้านเหรียญสหรัญ และปัจจุบันนี้ เป็นแหล่งน้ำดื่มที่สำคัญเพื่อผู้คนถึง 280,000 คน เพิ่มความมั่นคงด้านน้ำ สุขอนามัย และสุขภาพของประชาชนในภูมิภาคนี้ นี่เป็นเพียงหนึ่งใน 433 โครงการทั่วแอฟริกา โดยมีเงินทุนรวม 11,500 ล้านเหรียญสหรัฐ และมุ่งเน้นในภาคส่วนที่สำคัญ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน และความมั่นคงด้านน้ำ

ในเอเชีย SFD ได้ให้เงินทุนสนับสนุนแก่โครงการ 271 โครงการ โดยมีเงินทุนรวม 7,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ การสนับสนุนโครงการพลังงานน้ำจาก Mohmand Dam  ของ SFD ในประเทศปากีสถาน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายโครงการโดยรวม 240 ล้านเหรียญสหรัฐ โครงการเหล่านี้มีส่วนร่วมสนับสนุนความมั่นคงด้านพลังงานและความสามารถในการต้านทานน้ำท่วมของประเทศ โดยสามารถผลิตพลังงานหมุนเวียน 800 เมกะวัตต์ และกักเก็บน้ำได้ถึง 1.6 ล้านลูกบาศก์เมตร

ในละตินอเมริกาและแคริบเบียน SFD มีการให้เงินทุนสนับสนุนใน 21 โครงการ เป็นเงินทุนรวม 951 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยรวมถึงการฟื้นฟูระบบน้ำและน้ำเสียในกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา ซึ่ง SFD ได้มีการจัดสรรเงินทุน 35 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ ความคิดริเริ่มที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การสร้างโรงพยาบาล St. Jude ขึ้นใหม่ใน Saint Lucia โดยได้รับเงินทุนสนับสนุน 75 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้รับบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพสูง ในสถานพยาบาลที่ทันสมัยและล้ำสมัย และสามารถจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้อย่างเพียงพอเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในยุโรปตะวันออก SFD ได้ร่วมให้เงินทุนสนับสนุน 14 โครงการ รวมมูลค่าการลงทุน 303 ล้านเหรียญสหรัฐ ความคิดริเริ่มที่สำคัญประการหนึ่งคือ การก่อสร้างถนน Tirana-Elbasan-Chokos-Chalf-Ploce โดย SFD มีการจัดสรรเงินทุน 73.8 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสร้างถนนและสะพานที่จำเป็นขึ้นใหม่ เพื่อช่วยกระตุ้นการดำเนินการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

ในงานเฉลิมฉลอง วิทยากรผู้ทรงเกียรติได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบทบาทสำคัญของ SFD ในการพัฒนาระดับโลก และการสนับสนุนความร่วมมือที่สำคัญ ตลอดจนการดำเนินการและการตอบสนองร่วมกัน วิทยากรหลักได้แก่:

  • HRH Prince Turki bin Faisal Al Saud ผู้ก่อตั้งและผู้ดูแลมูลนิธิ King Faisal
  • H.E. Ahmed bin Aqeel Al-Khateeb ประธานคณะกรรมการบริหารของ SFD
  • H.E. Akinwumi Adesina ประธานกลุ่มธนาคารเพื่อการพัฒนาแอฟริกา (African Development Bank Group)
  • H.E. Muhammad Al Jasser ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาอิสลาม (Islamic Development Bank)

ผู้นำด้านการพัฒนาระดับโลกเหล่านี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ SFD ในการส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศและชุมชนที่มีความต้องการด้านการพัฒนาที่เร่งด่วนที่สุด

งานกาลานี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 500 คน รวมถึงรัฐมนตรี หัวหน้าองค์กรระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เอกอัครราชทูต ตัวแทนขององค์กร และแขกผู้มีเกียรติท่านอื่นๆ

ขณะเดียวกันกับที่ SFD มองไปยังอนาคต ก็มีการยืนยันถึงพันธกิจและคำมั่นสัญญาที่จะขับเคลื่อนความมุ่งมั่นในการพัฒนาระดับนานาชาติ ในนามของสหราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และสนับสนุนเสถียรภาพระดับโลก ความก้าวหน้าทางสังคม และความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจเพื่อคนรุ่นต่อไป

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ

  • สามารถติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ media@sfd.gov.sa
  • สามารถเข้าถึงชุดสื่อ รวมถึงเอกสารประกอบสำหรับงานเฉลิมฉลองวันครบรอบได้จากลิงก์ต่อไปนี้: ชุดสื่อ

*แหล่งข้อมูลAETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/54116297/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Abeer Alqahtani
อีเมล: aalqahtani@apcoworldwide.com
โทรศัพท์มือถือ: +966580089661

แหล่งข้อมูล: Saudi Fund for Development

Plocamium Holdings เล็งเห็นโอกาสสร้างมูลค่าในตลาดที่มีการเติบโตสูงของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–27 สิงหาคม 2024

Plocamium Holdings บริษัทชั้นนำด้านการลงทุนและการเงินได้เผยแพร่การวิเคราะห์เชิงลึกที่เน้นให้เห็นโอกาสที่เติบโตไม่หยุดนิ่งของหุ้นนอกตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นที่เวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์ การศึกษาวิจัยนี้เน้นย้ำถึงศักยภาพของภูมิภาคแห่งนี้ในการเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการขยายเศรษฐกิจที่มั่นคง กรอบการทำงานกับทางรัฐที่เอื้ออำนวย และแนวโน้มในการเติบโตของตลาด

“กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับหุ้นนอกตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่เพียงกำลังเจริญเติบโต แต่ยังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย” Lily Raaka ผู้ดำรงตำแหน่ง Research Director ของ Plocamium Holdings กล่าว “ข้อมูลที่เราค้นพบบ่งชี้ว่าเวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์มีความพร้อมที่จะสร้างผลตอบแทนได้เป็นจำนวนมาก โดยแต่ละตลาดต่างก็มีโอกาสที่แตกต่างกันไปอย่างไม่ซ้ำกันซึ่งเหมาะกับกลยุทธ์การลงทุนที่เฉพาะเจาะจง”

“ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการพัฒนาเป็นภูมิภาคที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่งต่อไปเรื่อย ๆ โอกาสด้านการลงทุนในหุ้นนอกตลาดจึงมีอยู่อย่างมากมายและหลากหลาย” James Tannahill ผู้ดำรงตำแหน่ง President ของ Plocamium กล่าว

เวียดนาม: ศูนย์การผลิตและการดูแลสุขภาพเชิงกลยุทธ์

เวียดนามถือเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ในด้านการลงทุนในหุ้นนอกตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนการผลิตและการดูแลสุขภาพ การดำเนินการริเริ่มทางเศรษฐกิจเชิงกลยุทธ์ของประเทศ รวมถึงการร่วมมืออย่างครอบคลุมกับสหรัฐฯ ในปี 2013 และการร่วมเป็นสมาชิกในองค์การการค้าโลก ช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้อย่างมาก เมื่อรัฐบาลดำเนินการขยายขีดจำกัดด้านกรรมสิทธิ์ของต่างชาติ เวียดนามจึงดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศจำนวนมากได้อย่างต่อเนื่อง

ไทย: โอกาสสำหรับผู้เล่นในตลาดเฉพาะกลุ่ม

ประเทศไทยนำเสนอโอกาสที่น่าสนใจสำหรับบริษัทหุ้นนอกตลาดในตลาดระดับกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีชีวภาพและสารสนเทศ ถึงแม้จะมีความท้าทายด้านการเมือง แต่ความคล่องตัวและการมีธุรกิจครอบครัวอยู่อย่างแพร่หลายในประเทศไทยก็สร้างจุดเริ่มต้นดำเนินการที่แตกต่างจากประเทศอื่นให้กับนักลงทุน การดำเนินการริเริ่มของรัฐบาล รวมถึงปัจจัยจูงใจด้านภาษีและทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน ยิ่งส่งเสริมแวดวงการลงทุนให้แข็งแกร่ง ประเทศไทยจึงเป็นแหล่งลงทุนเป้าหมายที่น่าดึงดูดใจ

ฟิลิปปินส์: เศรษฐกิจดิจิทัลกำลังมาแรง

ฟิลิปปินส์กำลังกลายเป็นศูนย์รวมสตาร์ตอัปทางดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านการดำเนินการริเริ่มต่าง ๆ เช่น แผนดำเนินการสำหรับสตาร์ตอัปทางดิจิทัลของฟิลิปปินส์ แม้ว่าความท้าทายอย่างการทุจริตจะยังคงมีอยู่ แต่จำนวนผู้ประกอบอาชีพวัยหนุ่มสาวที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และปัจจัยจูงใจที่ทางรัฐให้การสนับสนุนของประเทศก็ส่งผลให้ฟิลิปปินส์เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสำหรับการลงทุนในภาคส่วนเทคโนโลยีและเกษตรกรรม

เกี่ยวกับ Plocamium Holdings

Plocamium Holdings ใช้ความเชี่ยวชาญหลายทศวรรษในการร่วมมือกับผู้สนับสนุนและผู้ประกอบการด้านหุ้นนอกตลาด โดยมุ่งเน้นเผยให้เห็นการเติบโตและขับเคลื่อนความสำเร็จระยะยาว Plocamium จัดตั้งอยู่ในนิวยอร์ก โดยมุ่งมั่นดำเนินการอย่างเป็นเลิศและลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่จะสร้างมูลค่าให้กับพันธมิตรของตน

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ plocamium.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สื่อมวลชน:
media@plocamium.com
plocamium.com/contact

แหล่งที่มา: Plocamium Holdings

HemoHim ประสบความสำเร็จในตลาดโลกด้วยการควบคุมคุณภาพอย่างรัดกุม

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–23 สิงหาคม 2024

HemoHim อาหารเสริมสุขภาพโดย Kolmar BNH (KRX: 200130) กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในตลาดโลกเนื่องด้วยมาตรการควบคุมคุณภาพอันเข้มงวดตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การจัดการต้นกำเนิดของวัตถุดิบอย่างรัดกุม

HemoHim G, produced by Kolmar BNH and distributed by Atomy is gaining a great popularity around the world (Image: Kolmar BNH)

HemoHim G ที่ผลิตโดย Kolmar BNH และจัดจำหน่ายโดย Atomy กำลังได้รับความนิยมสูงในทั่วโลก (รูปภาพ: Kolmar BNH)

HemoHim เป็นอาหารเสริมสุขภาพรายการแรกที่ได้รับการอนุมัติของเกาหลีที่ออกแบบมาเพื่อเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและบรรเทาความเหนื่อยล้า ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นมาโดย Kolmar BNH ในปี 2006 ด้วยการสร้างสูตรที่ประกอบด้วยส่วนประกอบจากธรรมชาติในประเทศ เช่น ตังกุย โกฐหัวบัว และโบตั๋น โดย HemoHim ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยัง 20 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกาและจีน ผ่านการจัดจำหน่ายของ Atomy อีกทั้งยังสร้างยอดขายรวมในประเทศและต่างประเทศได้กว่า 2 ล้านล้านวอน ซึ่งส่งออกได้มากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่เปิดตัว

ความนิยมของผู้บริโภคที่มีต่อ HemoHim มาเกือบ 20 ปีส่วนมากเป็นเพราะ “ความเชื่อมั่นอันเป็นผลมาจากการควบคุมคุณภาพอย่างรัดกุม” โดยที่ Kolmar BNH ซึ่งเป็นผู้ผลิตของ HemoHim ดำเนินการเพื่อคงไว้ซึ่งการกำกับดูแลที่เข้มงวดในการเพาะปลูกวัตถุดิบหลัก ได้แก่ ตังกุยเกาหลี โกฐหัวบัว และโบตั๋น เพื่อรับรองถึงความปลอดภัยของวัตถุดิบ ทางบริษัทได้จัดตั้งทีมดูแลความปลอดภัยของอาหารโดยเฉพาะ เพื่อแบ่งปันเทคโนโลยีและให้ความรู้แก่ฟาร์มเพาะปลูกวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับตรวจสอบความปลอดภัย ความเสถียร และประสิทธิภาพของส่วนประกอบเหล่านี้อย่างเข้มงวด

Kolmar BNH ยังยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้านคุณภาพของตนด้วยการพัฒนาวิธีทดสอบพันธุกรรมเพื่อตรวจสอบประเทศแหล่งกำเนิด ซึ่งเป็นการป้องกันวัตถุดิบหลักไม่ให้เกิดการปนเปื้อนกับสปีชีส์อื่น ๆ และในเดือนกรกฎาคม ทาง Kolmar BNH ก็ได้จดสิทธิบัตรวิธีการวิเคราะห์พันธุรกรรม (SCAR Marker) ที่ใช้ระบุแหล่งกำเนิดของตังกุยเกาหลีผ่านการจดจำภูมิภาคพันธุกรรมที่เฉพาะเจาะจง นอกจากนี้ Kolmar BNH ได้พัฒนาวิธีการวิเคราะห์พันธุรกรรมโดยใช้การวิเคราะห์ PCR (ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส) สำหรับโกศหัวบัวและโบตั๋น รวมทั้งได้ลงทะเบียนเพื่อจดสิทธิบัตรเสร็จสิ้นเมื่อสองปีที่แล้ว

ความปลอดภัยคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับ HemoHim G ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นล่าสุดที่มุ่งจำหน่ายในตลาดโลก ในเดือนเมษายน ทาง Kolmar BNH ได้เผยแพร่การศึกษาเกี่ยวกับ HemoHim G ในงานวิจัยที่ใช้ดัชนี SCIE วัดคุณภาพ ชื่อว่า “การศึกษาวิจัยทางพิษวิทยา” ที่แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัย การศึกษาที่ดำเนินการตามแนวทาง OECD นี้ไม่เพียงมีความสำคัญในการช่วยให้ได้รับการอนุญาตด้านความปลอดภัยในประเทศอื่น ๆ แต่ยังจะช่วยให้ได้ถือครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาด้วยผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ

HemoHim G (Global) คือผลิตภัณฑ์เวอร์ชันสากลของ HemoHim ที่เป็นอาหารเสริมสุขภาพเพื่อยกระดับระบบภูมิคุ้มกันรายแรกที่ได้รับการอนุมัติของเกาหลี ซึ่ง Kolmar BNH ใช้เวลาแปดปีในการพัฒนา การคิดค้นสูตรนั้นผ่านการปรับให้เหมาะสมเพื่อปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยอาหารในประเทศต่าง ๆ พร้อมทั้งปรับอัตราส่วนของวัตถุดิบและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์นี้ประกอบด้วยตังกุย โกฐหัวบัว และโบตั๋น ซึ่งล้วนแล้วคัดสรรผ่านกระบวนการควบคุมแหล่งกำเนิดและคุณภาพที่เข้มงวด  รสชาติและความหอมที่เหนือระดับยิ่งขึ้นยังส่งผลให้ HemoHim G น่าดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับกลุ่มเป้าหมายวงกว้างอีกด้วย

Kolmar BNH วางแผนที่จะปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่องผ่านงานวิจัยและการพัฒนาที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อส่งเสริมการเติบโตของ HemoHim ในฐานะแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในทั่วโลก

“HemoHim ซึ่งขณะนี้ได้รับการยอมรับในฐานะแบรนด์อาหารเสริมสุขภาพชั้นนำจากเกาหลีในตลาดโลกนั้นมีการผลิตผ่านกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างละเอียดถี่ถ้วน” เจ้าหน้าที่จาก Kolmar BNH กล่าว “เราจะดำเนินการศึกษาวิจัยและพัฒนาให้ครอบคลุมต่อไปเพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ยิ่งขึ้นไปอีก”  

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54112737/en

ข้อมูลติดต่อ

Kolmar BNH
Jang Woo Lee
Jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งที่มา: Kolmar BNH

รางวัลอันน่าภาคภูมิใจ: Mary Kay Inc.เป็นแบรนด์ขายตรงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางแต่งหน้าอันดับ 1 ของโลกอีกครั้ง

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–19 สิงหาคม 2024

เราภูมิใจที่จะประกาศว่าแบรนด์ความงามระดับไอคอนและบริษัทผู้ประกอบการระดับโลกอย่าง Mary Kay Inc. ได้รับการยกย่องจาก Euromonitor International ให้เป็นแบรนด์ขายตรงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางอันดับ 1 ของโลก* อีกครั้ง

We’re tickled pink: iconic beauty brand and global entrepreneurship company Mary Kay Inc. has again been named #1 Direct Selling brand of Skin Care and Color Cosmetics in the World* by Euromonitor International. (Graphic: Mary Kay Inc.)

เราภูมิใจที่จะประกาศว่า แบรนด์ความงามระดับไอคอนและบริษัทผู้ประกอบการระดับโลกอย่าง Mary Kay Inc. ได้รับการยกย่องจาก Euromonitor International ให้เป็นแบรนด์ขายตรงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางอันดับ 1 ของโลก* อีกสมัย (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

Euromonitor International คือผู้ให้บริการชั้นนำด้านข้อมูลเชิงธุรกิจ การวิเคราะห์ตลาด และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคทั่วโลก โดยมีประสบการณ์ในการทำวิจัยตลาดในประเทศต่างๆ กว่า 100 ประเทศเป็นเวลามากกว่า 50 ปี การให้การยอมรับ Mary Kay ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพของแบรนด์ที่ไม่มีใครเทียบได้เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันว่าแบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเติบโตอย่างต่อเนื่องในเวทีระดับโลกอีกด้วย

นอกจากจะได้รับเกียรติระดับโลกแล้ว Mary Kay ยังได้รับการยกย่องให้เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าและลิปสติกอันดับ 1 ในลาตินอเมริกา*, แบรนด์เครื่องสำอางอันดับ 1 ในเม็กซิโก*, แบรนด์ขายตรงผลิตภัณฑ์ความงามและการดูแลร่างกายอันดับ 1 ในเม็กซิโก และแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอันดับ 1 ในคาซัคสถาน*

“Mary Kay Ash ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้งและคุณย่าของผมสอนพวกเราว่าจงอย่าหยุดที่จะพัฒนา” Ryan Rogers, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay กล่าว “ผมรู้ว่าท่านจะต้องภูมิใจไม่ต่างจากพวกเรา ที่ Mary Kay ได้รับการยกย่องอันทรงเกียรตินี้อีกครั้ง ความโดดเด่นที่แตกต่างนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการลงทุนทั้งในด้านคุณภาพและนวัตกรรม ตลอดจนชุมชนที่ปรึกษาด้านความงามอิสระอันน่าทึ่ง ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเรา”

กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Mary Kay ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง รวมถึงลูกค้าทุกวัย อีกทั้งผลิตภัณฑ์ตกแต่งสีของบริษัทก็ครอบคลุมโทนสีผิวที่หลากหลาย ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่ทำให้ Mary Kay เป็นที่ 1 ได้แก่ TimeWise® Miracle Set®, สกินแคร์ Mary Kay®, น้ำยาล้างเครื่องสำอางรอบดวงตาแบบไร้น้ำมัน Mary Kay®, อายชาโดว์ Mary Kay Chromafusion®, Mary Kay® Ultimate Mascara™, ลิปสติกเนื้อเจลกึ่งแมท Mary Kay®, ลิปกลอส Mary Kay Unlimited® และอายไลเนอร์กันน้ำ Mary Kay® ผลิตภัณฑ์ของ Mary Kay สามารถหาซื้อได้ผ่านที่ปรึกษาด้านความงามอิสระ ซึ่งจะเสนอบริการที่เหมาะกับแต่ละบุคคลทางออนไลน์ บนโซเชียลมีเดีย และแบบตัวต่อตัว

Mary Kay มีความมุ่งมั่นในการยกระดับสุขภาพผิว การวิจัยและพัฒนา ตลอดจนโภชนาการมาอย่างยาวนาน โดยเป็นแบรนด์ที่มีสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายไปทั่วโลกมากกว่า 1,600 ฉบับ

* “แหล่งข้อมูล: Euromonitor International Limited; Beauty and Personal Care ฉบับปี 2024, มูลค่ายอดขายในราคาขายปลีก, ข้อมูลปี 2023”

About Mary Kay

“มุ่งมั่นในอดีต ปัจจุบัน และตลอดไป” Mary Kay Ash ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ทำลายขีดจำกัดด้านความงามรายแรกๆ ก่อตั้งแบรนด์ความงามที่ตนวาดฝันไว้ที่รัฐเท็กซัสในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือ เพื่อยกระดับวิถีชีวิตของผู้หญิง ซึ่งความฝันนี้ก็ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกนักขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลา 60 ปีแล้วที่โอกาสที่ Mary Kay มอบให้ได้ช่วยส่งเสริมให้ผู้หญิงสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริม และน้ำหอมที่ล้ำสมัย Mary Kay เชื่อในการอนุรักษ์โลกใบนี้เพื่อลูกหลานของเรารุ่นต่อไป ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการใช้ความรุนแรงในครอบครัว และส่งเสริมให้เยาวชนเดินตามความฝันของตัวเอง เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com, พบกับเราได้บน FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้บน Twitter

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54110401/en

ข้อมูลติดต่อ

Mary Kay Inc. แผนก Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Inc.

Kolmar BNH เร่งขยายตลาดยุโรปด้วย HemoHIM G ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–24 กรกฎาคม 2024

Kolmar BNH (KRX: 200130) บริษัทรับจ้างผลิตและพัฒนา (ODM) ด้านอาหารฟังก์ชันเพื่อสุขภาพชั้นนำจากเกาหลีกำลังเร่งขยายธุรกิจสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรปด้วย HemoHIM G ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อแข่งขันในเวทีระดับโลก

HemoHIM G, manufactured by Kolmar BNH and distributed by Atomy (Photo: Kolmar BNH)

HemoHIM G ผลิตโดย Kolmar BNH และจัดจำหน่ายโดย Atomy (ภาพ: Kolmar BNH)

HemoHIM G (Global) คือ “HemoHIM” เวอร์ชันสากล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันตัวแรกของเกาหลีที่ได้รับการอนุมัติเป็นรายผลิตภัณฑ์ โดย Kolmar BNH ใช้เวลาพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะเวลานานกว่า 8 ปี สูตรของผลิตภัณฑ์ได้รับการปรับให้สอดคล้องกับกฎระเบียบด้านอาหารของประเทศต่างๆ โดยมีการปรับเปลี่ยนอัตราส่วนวัตถุดิบและส่วนผสมต่างๆ ผลิตภัณฑ์นี้ประกอบด้วย angelica sinensis, ligusticum chuanxiong และ paeonia lactiflora ซึ่งล้วนผ่านการคัดสรรจากกระบวนการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด นอกจากนี้ รสชาติและกลิ่นที่ดีขึ้นของ HemoHIM G ยังดึงดูดผู้บริโภคในวงกว้างได้อีกด้วย

ในเดือนเมษายน Kolmar BNH ตีพิมพ์ผลการศึกษาเกี่ยวกับ HemoHIM G ในวารสาร Toxicological Research ซึ่งเป็นวารสารที่ติดอันดับใน SCIE โดยผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ การศึกษาที่ดำเนินการตามแนวทาง OECD นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองด้านความปลอดภัยในประเทศอื่นๆ แล้ว ยังเสริมสร้างสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาด้วยผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถืออีกด้วย

HemoHIM ซึ่งจัดจำหน่ายโดย Atomy เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของ Kolmar BNH โดยส่วนผสมหลักอย่างสารสกัดเชิงซ้อนของ HemoHIM ซึ่งประกอบด้วย angelica gigas เป็นต้น ได้รับการพัฒนาร่วมกับสถาบันวิจัยพลังงานปรมาณูเกาหลี ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีจำหน่ายใน 19 ประเทศ ซึ่งรวมถึงออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ไทย เอเชียกลาง และอเมริกาใต้

Kolmar BNH ยังคงมุ่งมั่นที่จะวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกให้กับ HemoHIM และเพิ่มการออกฤทธิ์ใหม่ๆ ด้วยการลงทุนประมาณ 4% ของรายได้ต่อปีให้กับการวิจัยและพัฒนา

ในเดือนมิถุนายน บริษัทได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าส่วนผสมหลักของ HemoHIM (สารสกัดเชิงซ้อนของ HemoHIM ซึ่งประกอบด้วย angelica gigas เป็นต้น) มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านความเมื่อยล้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เพิ่งค้นพบ โดยการศึกษาดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Medicinal Food ฉบับเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นวารสารนานาชาติระดับ SCIE

บริษัทวางแผนที่จะเร่งการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรป เช่น ตุรกี อิตาลี และเบลเยียม ด้วยการใช้ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของ HemoHIM G

เจ้าหน้าที่จาก Kolmar BNH กล่าวว่า “HemoHIM เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพที่ขายดีที่สุดของเกาหลี โดยมียอดขายสะสม 2 แสนล้านวอนในช่วง 9 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2014 เรามุ่งมั่นที่จะต่อยอดความสำเร็จในเกาหลี และเร่งขยายธุรกิจไปสู่ตลาดยุโรป”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54098769/en

ข้อมูลติดต่อ

Kolmar BNH
Jang Woo Lee
Jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งที่มา: Kolmar BNH


ผู้คน ความหลงใหล โลก: Mary Kay เผยแพร่รายงานความยั่งยืนปี 2024

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–23 กรกฎาคม 2024

บริษัท Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกในด้านความยั่งยืนและการสนับสนุนขององค์กร ในวันนี้ได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปี 2024 รายงานซึ่งจัดตามผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างและดูแลรักษาโมเดลธุรกิจที่ยกระดับชีวิตของสตรีและสนับสนุนชุมชนไปพร้อมๆ กับการปกป้องโลกของเรา

Mary Kay’s 2024 Sustainability report, released in July, is organized by environmental, social, and economic impact. It underscores the company’s commitment to creating and nurturing a business model that enriches women’s lives and supports communities while protecting our planet. (Photo credit: Mary Kay).

รายงานความยั่งยืนของ Mary Kay ปี 2024 ซึ่งเผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม มีการจัดหมวดหมู่ตามผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างและดูแลรักษารูปแบบธุรกิจที่เสริมสร้างชีวิตของผู้หญิงและสนับสนุนชุมชนไปพร้อม ๆ กับการปกป้องโลกของเรา (เครดิตภาพ: Mary Kay)

“ความยั่งยืนมีรากฐานที่ลึกซึ้งในเรื่องราวของ Mary Kay” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “เราอยากจะบอกว่าเราทำมันก่อนที่มันจะ 'เป็นที่นิยม' คุณ Mary Kay Ash ผู้ก่อตั้งอันโด่งดังของเรามีความหลงใหลในเรื่องนี้ ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงโลก แต่ยังปกป้องโลกอีกด้วย ฉันภูมิใจในงานที่เราได้ทำสำเร็จในปีนี้และทุกปีในการทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง ฉันคิดว่าเธอคงจะภูมิใจเช่นกัน”

ในโลกที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว Mary Kay ยืนอยู่แถวหน้าของการเปลี่ยนแปลง โดยสนับสนุนประเด็นของผู้หญิง พร้อมตระหนักถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่บรรดาผู้หญิงมีในการกำหนดรูปแบบเศรษฐกิจโลกของเรา และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่มีความสำคัญ

รายงานปี 2024 เน้นย้ำคำมั่นสัญญาของ Mary Kay ในการตัดสินใจที่เหมาะสมสำหรับโลกของเราและผู้คน:

ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

  • การดูแลน้ำ: ด้วยการร่วมมือกับ The Nature Conservancy มานานกว่า 36 ปี Mary Kay สนับสนุนโครงการริเริ่ม “Super Reefs” เพื่อปกป้องแนวปะการังที่มีความยืดหยุ่น
  • การอนุรักษ์ทรัพยากร: ด้วยความร่วมมือ 16 ปีกับ Arbor Day Foundation Mary Kay ได้สนับสนุนการปลูกต้นไม้มากกว่า 1.4 ล้านต้นในโครงการปลูกป่าในเก้าประเทศ
  • การจัดหาอย่างยั่งยืน: ด้วยการเข้าร่วม Global Shea Alliance ทำให้ Mary Kay ส่งเสริมความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจสำหรับผู้หญิงผู้เก็บเกี่ยวเมล็ดเชีย 16 ล้านคนในแอฟริกาตะวันตก

ความยั่งยืนทางสังคม

  • Pink Changing Lives: Mary Kay ได้บริจาคเงินกว่า 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับโครงการต่าง ๆ ที่เสริมสร้างชีวิตของผู้หญิงทั่วโลกตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากยอดขายผลิตภัณฑ์ที่กำหนดผ่านโครงการนี้
  • Women’s Empowerment: ในวันสตรีสากล Mary Kay เข้าร่วม Women's Empowerment Principles (WEPs) ซึ่งเป็นชุดหลักการที่นำเสนอคำแนะนำแก่ธุรกิจเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมพลังของผู้หญิงในสถานที่ทำงาน ตลาด และชุมชน ผู้หญิงมากกว่า 600,000 รายได้รับประโยชน์จากการฝึกอบรม กิจกรรม และโปรแกรมที่นำเสนอโดย Women’s Entrepreneurship Accelerator ซึ่งเปิดตัวโดย Mary Kay ด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานของสหประชาชาติหกแห่งในปี 2019
  • การส่งเสริมสตรีใน STEM: ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาผู้นำสตรี STEM รุ่นต่อไป ทาง Mary Kay ได้มอบทุน 29 ทุน รวมมูลค่าเกือบ 195,000 ดอลลาร์มาตั้งแต่ปี 2020

ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ

  • เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี: วิสัยทัศน์ของ Mary Kay Ash เกี่ยวกับการยกระดับชีวิตของสตรียังคงดำเนินต่อไป Mary Kay ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจที่ครอบครัวเป็นเจ้าของและบริหารอยู่ได้เติบโตเป็นแบรนด์ระดับโลกด้วยพนักงานเกือบ 4,000 คน และที่ปรึกษาด้านความงามอิสระของ Mary Kay หลายล้านคนในตลาดมากกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลากว่า 60 ปีที่ Mary Kay ได้มอบโอกาสในการเป็นผู้ประกอบการที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับผู้หญิงทั่วโลก บริษัทได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์ขายตรงอันดับ 1 ของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางหลากสีสันในโลกโดย Euromonitor International1
  • นวัตกรรมดิจิทัล: Mary Kay ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของที่ปรึกษาด้านความงามอิสระผ่านเครื่องมือดิจิทัล รวมถึงแอปพลิเคชันความเป็นจริงเสริม (AR) และแคตตาล็อกแบบอินเตอร์แอคทีฟ ซึ่งช่วยให้พวกเขาเป็นเลิศในธุรกิจและตระหนักถึงความฝันของพวกเขา
  • การสนับสนุนเพื่อความเท่าเทียมทางเพศใน AI: Mary Kay บุกเบิกการวิจัยเพื่อขจัดอคติทางเพศในเทคโนโลยี AI โดยร่วมมือกับ Equal Rights Trust

หากต้องการข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลก การมีส่วนร่วม และผลกระทบของ Mary Kay สามารถดูรายงานฉบับเต็มได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Mary Kay

ที่ผ่านมา จากนี้และตลอดไป Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกแบบดั้งเดิม ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือการทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่โอกาสของ Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอางที่มีสี อาหารเสริม และน้ำหอมที่ทันสมัย Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราสำหรับคนรุ่นอนาคต ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการทารุณกรรมในครอบครัว และสนับสนุนให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราได้ที่ Facebook, Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราบน X (เดิมชื่อ Twitter)

“แหล่งที่มา Euromonitor International Limited; Beauty and Personal Care 2023 Edition, value sales at RSP, 2022 data”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/ 54098031/en

ติดต่อ

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom 
972.687.5332 or media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.

Kolmar Korea แต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเพื่อเร่งการปรากฏตัวในอเมริกาเหนือ

Logo

– จัดตั้งกลุ่มการผลิต การขาย การวิจัยและพัฒนา เพื่อเร่งการขยายตลาด ODM เครื่องสําอางในต่างประเทศ

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–16 กรกฎาคม 2024

Kolmar Korea (KRX: 161890) กําลังเร่งการขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเครื่องสําอางระดับโลกให้กับบริษัทในเครือในอเมริกาเหนือ ด้วยแผนการสร้างโรงงานแห่งที่สองในสหรัฐอเมริกาในต้นปีหน้า บริษัทได้แต่งตั้งหัวหน้าคนใหม่สําหรับการดําเนินงานในอเมริกาเหนือและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ระดับสากล (GCCO) นอกจากนี้ยังได้กําหนดกรอบการทำงานเชิงกลยุทธ์ที่รวมการผลิต การขาย และการวิจัยและพัฒนา เพื่อเจาะตลาดท้องถิ่นได้ดียิ่งขึ้น แผนนี้รวมถึงการสร้างทีมวิจัยและพัฒนาสําหรับอเมริกาเหนือและการแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่

Kolmar USA 2nd plant (Photo: Kolmar Korea)

โรงงานแห่งที่ 2 ของ Kolmar USA (รูปภาพ: Kolmar Korea)

Kolmar Korea ประกาศว่าได้แต่งตั้งประธาน Yongchul Hur เป็นซีอีโอของ Kolmar Laboratories และ Kolmar USA ซึ่งเป็นบริษัทในเครือในอเมริกาเหนือ Philippe Warnery ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ระดับสากล (GCCO) George Rivera เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ (CSO) ของบริษัทในเครือในอเมริกาเหนือ และกรรมการผู้จัดการ Inki Park เป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาสําหรับอเมริกาเหนือ ซึ่งรับผิดชอบในการเชื่อมโยงตลาดเกาหลีและอเมริกาเหนือ

ส่วนสําคัญของการนัดหมายครั้งล่าสุดคือการนําผู้คนจํานวนมากที่มีประสบการณ์มากมายในตลาดเครื่องสําอางระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้บริษัทเข้าสู่ตลาดอเมริกาเหนือได้สําเร็จ

Yongchul Hur ซีอีโอคนใหม่ของบริษัทในเครือ Kolmar ในอเมริกาเหนือ มีประสบการณ์มากมายในธุรกิจ ODM ระดับโลก โดยดูแลการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสําอางของ Kolmar Korea ก่อนหน้านี้เขาเคยดํารงตําแหน่งประธานของ Kolmar Beijing และ Kolmar Wuxi ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตที่สําคัญในการดําเนินงานของ Kolmar ในจีน ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งที่ Kolmar Korea เขาดํารงตําแหน่งสําคัญในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสําอาง รวมถึงผู้จัดการโรงงานที่ Amore Pacific และซีอีโอของ Cosvision ประธาน Hur  ตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในท้องถิ่นในอเมริกาเหนือ

Philippe Warner ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ระดับสากล (GCCO) เป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดเครื่องสําอางระดับโลก บทบาทก่อนหน้านี้ของเขา ได้แก่ ซีอีโอของ Intercos North America, ODM เครื่องสําอางของอิตาลี และประธานภูมิภาคสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ และผู้จัดการทั่วไปของ Canadian Affiliate ที่ Estee Lauder ในเครือแคนาดา ด้วยประสบการณ์ 25 ปีในอุตสาหกรรมเครื่องสําอางระดับโลก ครอบคลุมทั้งบริษัทแบรนด์และบริษัท ODM เครือข่ายที่กว้างขวางของเขาจึงเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สําคัญ Warnery มีเป้าหมายที่จะมุ่งเน้นไปที่การรักษายอดขายที่สําคัญจากแบรนด์ระดับโลกรายใหญ่ ตลอดจนแบรนด์อินดี้ และสรรหาผู้มีอิทธิพลที่กําลังได้รับความนิยมทั่วโลก

George Rivera ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ (CSO) ของบริษัทในเครือ Kolmar ในอเมริกาเหนือ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการวิจัยและพัฒนามากกว่า 20 ปีในบริษัทเครื่องสําอางระดับโลก เช่น L'Oreal USA และ Intercos ล่าสุดเขาเป็นผู้นํานวัตกรรมกระบวนการและเทคโนโลยีในฐานะประธานของ Kolmar USA CSO Rivera ร่วมกับ Inki Park หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาอเมริกาเหนือ วางแผนที่จะมุ่งเน้นไปที่การวิจัยและพัฒนาที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของตลาดท้องถิ่น

Center Head Park ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยที่มีประสบการณ์ 18 ปี มีหน้าที่รับผิดชอบในการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีหลักที่พัฒนาขึ้นที่ Kolmar R&D Complex ซึ่งเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาระดับโลกของ Kolmar Group ที่ตั้งอยู่ในเกาหลีใต้ ให้เข้ากับตลาดท้องถิ่น ทีมงานของ Park จะวิเคราะห์ความต้องการของตลาดต่างประเทศและมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาสูตรเฉพาะ โดยใช้ข้อมูลที่สะสมไว้ที่  Complex รวมถึงสี สูตร และกลิ่น

Kolmar Korea ตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากการจ้างงานเชิงกลยุทธ์นี้ เพื่อเพิ่มกําลังการผลิตของโรงงานผลิตในอเมริกาเหนือ รวมถึงโรงงานแห่งแรกในสหรัฐอเมริกา และโรงงานแห่งที่สองที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านเหรียญสหรัฐในอีกห้าปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงวางแผนที่จะขยายเครือข่ายการขายอย่างจริงจัง ไม่เพียงแต่ในอเมริกาเหนือเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ด้วย นอกจากนี้ ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ K-beauty ในตลาดสหรัฐอเมริกาผ่านช่องทางการจัดจําหน่ายทั่วโลก เช่น Amazon บริษัทจึงวางแผนที่จะส่งเสริมการขาย ODM ที่เน้นการเข้าถึงตลาดและประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์สําหรับแบรนด์อินดี้เกาหลีขนาดเล็กและขนาดกลางที่ต้องการเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา

ตัวแทนของ Kolmar Korea กล่าวว่า “การแต่งตั้งครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการได้รับแรงผลักดันใหม่ในตลาดอเมริกาเหนือ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอยู่ในระดับแนวหน้า Kolmar Korea จะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการเติบโตผ่านความร่วมมือด้านการขาย การผลิต และการวิจัยและพัฒนา และขยายอิทธิพลนอกเหนือจากอเมริกาเหนือไปยังยุโรป”

ด้วยความตระหนักถึงความสําคัญของตลาดอเมริกาเหนือ Kolmar Korea ได้เข้าซื้อกิจการ Kolmar USA (เดิมชื่อ PTP) และ Kolmar Canada (เดิมชื่อ CSR) ในปี 2016 เพื่อสร้างรากฐานสําหรับการขยายตัวไปทั่วโลก ในปี 2022 Kolmar Korea ได้รับสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าของแบรนด์ 'Kolmar' 100% โดยได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในแบรนด์ และช่วยให้สามารถดําเนินธุรกิจได้อย่างไม่มีข้อจํากัดในตลาดสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก บริษัทกําลังขยายเครือข่ายการขายด้วยการเปิด Kolmar Innovation Center ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เมื่อเร็วๆ นี้

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54094945/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Kolmar Holdings
Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

ที่มา: Kolmar Korea


Kolmar Korea ร่วมมือกับ Amazon เพื่อสนับสนุนการขยายบริษัท K-beauty ไปทั่วโลก

Logo

– จัดงาน “K-Beauty Seller Day” ร่วมกับบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อส่งเสริมนวัตกรรม K-Beauty ทั่วโลก

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–08 กรกฎาคม 2024

Kolmar Korea (KRX: 161890) ผนึกกําลังกับ Amazon ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนําของโลก เพื่อสนับสนุนแบรนด์ K-beauty ในการเข้าสู่ตลาดโลกอย่างประสบความสำเร็จ

Sang-hyun Yoon, Vice President of Kolmar Group, delivers welcoming remark at the Amazon K-Beauty Conference Seller Day (Image: Kolmar Korea)

Sang-hyun Yoon รองประธานของ Kolmar Group กล่าวต้อนรับในงาน Amazon K-Beauty Conference Seller Day (ภาพ: Kolmar Korea)

Kolmar Korea ประกาศว่าได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงาน 'Amazon K-Beauty Conference Seller Day' กับ Amazon ในวันที่ 27 มิถุนายน ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลในกรุงโซล

งานนี้มีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,500 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่จากแบรนด์ความงามของเกาหลี ตลอดจนถึงผู้ที่มาจากภาคการจัดจําหน่ายและการผลิตทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ ผู้เข้าร่วมงานที่สําคัญ ได้แก่ Sang-hyun Yoon รองประธาน Kolmar Group; Hyun-gyu Choi ซีอีโอของ Kolmar Korea; Jim Yang รองประธานบริหารของ Amazon Global Selling Asia Pacific (APAC); และ Yuki Suita หัวหน้าฝ่ายธุรกิจความงามสําหรับผู้บริโภคของ Amazon Japan

ในสุนทรพจน์ต้อนรับ Sang-hyun Yoon ได้อธิบายวัตถุประสงค์ของงาน เขากล่าวว่า “งานนี้จัดโดย Kolmar และ Amazon เป็นมากกว่าความร่วมมือทางธุรกิจ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่นวัตกรรมและคุณค่าของ K-beauty ไปทั่วโลก เราหวังว่างานนี้จะเป็นรากฐานที่สําคัญในการสํารวจโอกาสระดับโลกสําหรับ K-beauty และแบ่งปันกลยุทธ์โดยละเอียดสําหรับการนําไปใช้”

งานนี้เกิดขึ้นเมื่อ K-beauty กําลังได้รับความนิยมอย่างมากใน Amazon และทั้งสองบริษัทต้องการสนับสนุนการเข้าสู่ตลาดโลกของบริษัทความงามของเกาหลีอย่างจริงจัง

K-beauty ได้รับความนิยมอย่างมากจนยอดขายผลิตภัณฑ์ K-beauty บนร้านค้าทั่วโลกของ Amazon เพิ่มขึ้นมากกว่า 75% ในปีที่แล้ว Kolmar Korea เป็นผู้นําเทรนด์นี้ด้วยการทําสัญญาใหม่กับลูกค้า 253 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์อินดี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 48.7% จากปีก่อน ทั้งสองบริษัทวางแผนที่จะค้นหาแบรนด์ที่โดดเด่นซึ่งขับเคลื่อนแนวโน้มของตลาดโลกด้วยแนวคิดที่น่าสนใจและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม

ในงาน Kolmar Korea ได้จัดบูธขนาดใหญ่ที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์ดูแลผิว การแต่งหน้า ครีมกันแดด และแพ็คเกจเครื่องสําอาง พวกเขายังให้คําปรึกษาเฉพาะด้านสําหรับธุรกิจเครื่องสําอางทั่วโลกอีกด้วย นอกจากนี้ Sang-Keun Han รองผู้อํานวยการ Kolmar Korea R&D Complex ได้บรรยายในหัวข้อ 'Deeply Grounded Confidence: The Competitiveness of Korean Cosmetics'

ตัวแทนจาก Kolmar Korea กล่าวว่า “งานนี้มีความสําคัญเนื่องจากเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง Kolmar Korea ซึ่งเป็นบริษัท ODM เครื่องสําอางระดับโลกที่ขับเคลื่อนการเติบโตของ K-beauty และ Amazon ซึ่งเป็น บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก Kolmar และ Amazon จะติดตามการเติบโตร่วมกันโดยนําเสนอเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดเพื่อสนับสนุนความสำเร็จของลูกค้าของเราในการเข้าสู่ตลาดโลก”

วิดีโอไฮไลท์ของงาน: https://www.youtube.com/watch?v=sbqXL8fBgpM

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54091414/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Kolmar Holdings

Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

ที่มา: Kolmar Holdings

NS BlueScope Malaysia เปิดตัว Architectural Award 2024 เพื่อฉลองความสวยงาม ความแข็งแรง และนวัตกรรมในเหล็กกล้า

Logo

กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย–(BUSINESS WIRE)–08 กรกฎาคม 2024

NS BlueScope Malaysia Sdn Bhd กำลังเปิดรับลงทะเบียนผู้ชิงรางวัล BlueScope Steel Architectural Awards ครั้งที่หนึ่งในมาเลเซีย (BSAA MY) โครงการมอบรางวัลใหม่เปิดตัวบนสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียทั่วทั้งมาเลเซีย แม้ว่า NS BlueScope จะเปิดตัวโครงการรางวัลที่เท่าเทียมกันในตลาดหลักอื่น ๆ ของ ASEAN ก็ตาม รางวัลนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อฉลองความเป็นเลิศและนวัตกรรมการใช้เหล็กกล้าอย่างหลากหลายในด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

BlueScope Steel Architectural Awards มาพร้อมกับหัวข้อ “ความแข็งแรงที่สวยงาม” และจะมุ่งเน้นไปที่โครงการที่ดูมีระดับและสวยงาม ซึ่งให้ความสำคัญกับนวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรมเหล็กกล้าเชิงสร้างสรรค์ โดยมีรางวัลที่เปิดให้ลงทะเบียนทั้งหมด 5 หมวดหมู่ ได้แก่ อุตสาหกรรม การพาณิชย์ ที่อยู่อาศัย สถาบัน อื่น ๆ และความสวยงามอันยั่งยืนของเหล็กกล้า COLORBOND®

“เป้าหมายของเราในโครงการรางวัลใหม่นี้คือการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานของอุตสาหกรรมเพื่อความเป็นเลิศในการใช้เหล็กกล้าทางสถาปัตยกรรรม เราจะบรรลุเป้าหมายนี้ด้วยการจัดแสดงโครงการก่อสร้างที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งใช้วัสดุเหล็กกล้าหรือโซลูชัน BlueScope เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง ด้วยวิธีนี้ เราจะสามารถเพิ่มความตระหนักว่าเหล็กกล้าที่ทันสมัยสามารถสร้างประโยชน์ให้กับการออกแบบเชิงสถาปัตยกรรม พร้อมกับเป็นรากฐานของโครงการล้ำสมัยในภาคส่วนสถาปัตยกรรมของมาเลเซียได้อย่างไร” Mr. Ken Wong รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาดของ NS BlueScope Malaysia กล่าว “สำหรับสถาปนิกทุกคนที่มีโครงการเหล็กกล้าที่คู่ควรในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ นี่คือโอกาสที่จะได้แสดงผลงานของคุณและคว้ารางวัล!”

BSAA MY จะคัดเลือกผู้ชนะ 3 รายสำหรับแต่ละหมวดหมู่ โดยมีตำแหน่ง Gold, Silver และ Bronze โครงการที่ได้รับเลือกเป็นผู้ชนะ Gold Winners จาก BSAA MY จะเข้าสู่รอบถัดไปเพื่อแข่งขันชิงรางวัล BlueScope Steel Architectural Awards 2024 ASEAN ซึ่งจะต้องแข่งขันกับผู้ชนะ Gold Winners รายอื่น ๆ จากอินโดนีเซีย ไทย และเวียดนามเพื่อคว้ารางวัล ASEAN สูงสุดที่ระดับภูมิภาค การมีโครงการรางวัลทั้งระดับชาติและระดับภูมิภาคจะสร้างแรงกระตุ้นให้สถาปนิก นักออกแบบ และผู้พัฒนาเข้าใจความอเนกประสงค์และนวัตกรรมที่สามารถนำเหล็กกล้าไปใช้ได้ อีกทั้งยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและยกระดับการยอมรับการใช้เหล็กกล้าในประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย

คณะกรรมการจะคัดเลือกโครงการตามเกณฑ์หลัก 4 ข้อ: ความเป็นเลิศในการออกแบบ ชุมชนและความเป็นมนุษย์ นวัตกรรม และความยั่งยืน

BlueScope Steel Architectural Awards Malaysia ครั้งที่หนึ่งรอบสุดท้ายจะจัดขึ้นในวันที่ 20 กันยายน 2024 หากต้องการส่งผลงาน กรุณาเข้าสู่ระบบที่ www.steelpedia.com.my/bluescope-steel-architectural-award-2024

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NS BlueScope Malaysia โปรดเข้าชม www.nsbluescope.com/my

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54090870/en

ผู้ติดต่อ

James Li
โทรศัพท์ +65 6832 3512
อีเมล james.li@bluescope.com 

ที่มา: NS BlueScope Malaysia

The Bangkok Reporter