Kolmar Korea แต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเพื่อเร่งการปรากฏตัวในอเมริกาเหนือ

Logo

– จัดตั้งกลุ่มการผลิต การขาย การวิจัยและพัฒนา เพื่อเร่งการขยายตลาด ODM เครื่องสําอางในต่างประเทศ

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–16 กรกฎาคม 2024

Kolmar Korea (KRX: 161890) กําลังเร่งการขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเครื่องสําอางระดับโลกให้กับบริษัทในเครือในอเมริกาเหนือ ด้วยแผนการสร้างโรงงานแห่งที่สองในสหรัฐอเมริกาในต้นปีหน้า บริษัทได้แต่งตั้งหัวหน้าคนใหม่สําหรับการดําเนินงานในอเมริกาเหนือและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ระดับสากล (GCCO) นอกจากนี้ยังได้กําหนดกรอบการทำงานเชิงกลยุทธ์ที่รวมการผลิต การขาย และการวิจัยและพัฒนา เพื่อเจาะตลาดท้องถิ่นได้ดียิ่งขึ้น แผนนี้รวมถึงการสร้างทีมวิจัยและพัฒนาสําหรับอเมริกาเหนือและการแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่

Kolmar USA 2nd plant (Photo: Kolmar Korea)

โรงงานแห่งที่ 2 ของ Kolmar USA (รูปภาพ: Kolmar Korea)

Kolmar Korea ประกาศว่าได้แต่งตั้งประธาน Yongchul Hur เป็นซีอีโอของ Kolmar Laboratories และ Kolmar USA ซึ่งเป็นบริษัทในเครือในอเมริกาเหนือ Philippe Warnery ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ระดับสากล (GCCO) George Rivera เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ (CSO) ของบริษัทในเครือในอเมริกาเหนือ และกรรมการผู้จัดการ Inki Park เป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาสําหรับอเมริกาเหนือ ซึ่งรับผิดชอบในการเชื่อมโยงตลาดเกาหลีและอเมริกาเหนือ

ส่วนสําคัญของการนัดหมายครั้งล่าสุดคือการนําผู้คนจํานวนมากที่มีประสบการณ์มากมายในตลาดเครื่องสําอางระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้บริษัทเข้าสู่ตลาดอเมริกาเหนือได้สําเร็จ

Yongchul Hur ซีอีโอคนใหม่ของบริษัทในเครือ Kolmar ในอเมริกาเหนือ มีประสบการณ์มากมายในธุรกิจ ODM ระดับโลก โดยดูแลการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสําอางของ Kolmar Korea ก่อนหน้านี้เขาเคยดํารงตําแหน่งประธานของ Kolmar Beijing และ Kolmar Wuxi ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตที่สําคัญในการดําเนินงานของ Kolmar ในจีน ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งที่ Kolmar Korea เขาดํารงตําแหน่งสําคัญในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสําอาง รวมถึงผู้จัดการโรงงานที่ Amore Pacific และซีอีโอของ Cosvision ประธาน Hur  ตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในท้องถิ่นในอเมริกาเหนือ

Philippe Warner ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ระดับสากล (GCCO) เป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดเครื่องสําอางระดับโลก บทบาทก่อนหน้านี้ของเขา ได้แก่ ซีอีโอของ Intercos North America, ODM เครื่องสําอางของอิตาลี และประธานภูมิภาคสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ และผู้จัดการทั่วไปของ Canadian Affiliate ที่ Estee Lauder ในเครือแคนาดา ด้วยประสบการณ์ 25 ปีในอุตสาหกรรมเครื่องสําอางระดับโลก ครอบคลุมทั้งบริษัทแบรนด์และบริษัท ODM เครือข่ายที่กว้างขวางของเขาจึงเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สําคัญ Warnery มีเป้าหมายที่จะมุ่งเน้นไปที่การรักษายอดขายที่สําคัญจากแบรนด์ระดับโลกรายใหญ่ ตลอดจนแบรนด์อินดี้ และสรรหาผู้มีอิทธิพลที่กําลังได้รับความนิยมทั่วโลก

George Rivera ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ (CSO) ของบริษัทในเครือ Kolmar ในอเมริกาเหนือ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการวิจัยและพัฒนามากกว่า 20 ปีในบริษัทเครื่องสําอางระดับโลก เช่น L'Oreal USA และ Intercos ล่าสุดเขาเป็นผู้นํานวัตกรรมกระบวนการและเทคโนโลยีในฐานะประธานของ Kolmar USA CSO Rivera ร่วมกับ Inki Park หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาอเมริกาเหนือ วางแผนที่จะมุ่งเน้นไปที่การวิจัยและพัฒนาที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของตลาดท้องถิ่น

Center Head Park ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยที่มีประสบการณ์ 18 ปี มีหน้าที่รับผิดชอบในการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีหลักที่พัฒนาขึ้นที่ Kolmar R&D Complex ซึ่งเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาระดับโลกของ Kolmar Group ที่ตั้งอยู่ในเกาหลีใต้ ให้เข้ากับตลาดท้องถิ่น ทีมงานของ Park จะวิเคราะห์ความต้องการของตลาดต่างประเทศและมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาสูตรเฉพาะ โดยใช้ข้อมูลที่สะสมไว้ที่  Complex รวมถึงสี สูตร และกลิ่น

Kolmar Korea ตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากการจ้างงานเชิงกลยุทธ์นี้ เพื่อเพิ่มกําลังการผลิตของโรงงานผลิตในอเมริกาเหนือ รวมถึงโรงงานแห่งแรกในสหรัฐอเมริกา และโรงงานแห่งที่สองที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านเหรียญสหรัฐในอีกห้าปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงวางแผนที่จะขยายเครือข่ายการขายอย่างจริงจัง ไม่เพียงแต่ในอเมริกาเหนือเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ด้วย นอกจากนี้ ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ K-beauty ในตลาดสหรัฐอเมริกาผ่านช่องทางการจัดจําหน่ายทั่วโลก เช่น Amazon บริษัทจึงวางแผนที่จะส่งเสริมการขาย ODM ที่เน้นการเข้าถึงตลาดและประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์สําหรับแบรนด์อินดี้เกาหลีขนาดเล็กและขนาดกลางที่ต้องการเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา

ตัวแทนของ Kolmar Korea กล่าวว่า “การแต่งตั้งครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการได้รับแรงผลักดันใหม่ในตลาดอเมริกาเหนือ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอยู่ในระดับแนวหน้า Kolmar Korea จะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการเติบโตผ่านความร่วมมือด้านการขาย การผลิต และการวิจัยและพัฒนา และขยายอิทธิพลนอกเหนือจากอเมริกาเหนือไปยังยุโรป”

ด้วยความตระหนักถึงความสําคัญของตลาดอเมริกาเหนือ Kolmar Korea ได้เข้าซื้อกิจการ Kolmar USA (เดิมชื่อ PTP) และ Kolmar Canada (เดิมชื่อ CSR) ในปี 2016 เพื่อสร้างรากฐานสําหรับการขยายตัวไปทั่วโลก ในปี 2022 Kolmar Korea ได้รับสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าของแบรนด์ 'Kolmar' 100% โดยได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในแบรนด์ และช่วยให้สามารถดําเนินธุรกิจได้อย่างไม่มีข้อจํากัดในตลาดสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก บริษัทกําลังขยายเครือข่ายการขายด้วยการเปิด Kolmar Innovation Center ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เมื่อเร็วๆ นี้

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54094945/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Kolmar Holdings
Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

ที่มา: Kolmar Korea


Kolmar Korea ร่วมมือกับ Amazon เพื่อสนับสนุนการขยายบริษัท K-beauty ไปทั่วโลก

Logo

– จัดงาน “K-Beauty Seller Day” ร่วมกับบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อส่งเสริมนวัตกรรม K-Beauty ทั่วโลก

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–08 กรกฎาคม 2024

Kolmar Korea (KRX: 161890) ผนึกกําลังกับ Amazon ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนําของโลก เพื่อสนับสนุนแบรนด์ K-beauty ในการเข้าสู่ตลาดโลกอย่างประสบความสำเร็จ

Sang-hyun Yoon, Vice President of Kolmar Group, delivers welcoming remark at the Amazon K-Beauty Conference Seller Day (Image: Kolmar Korea)

Sang-hyun Yoon รองประธานของ Kolmar Group กล่าวต้อนรับในงาน Amazon K-Beauty Conference Seller Day (ภาพ: Kolmar Korea)

Kolmar Korea ประกาศว่าได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงาน 'Amazon K-Beauty Conference Seller Day' กับ Amazon ในวันที่ 27 มิถุนายน ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลในกรุงโซล

งานนี้มีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,500 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่จากแบรนด์ความงามของเกาหลี ตลอดจนถึงผู้ที่มาจากภาคการจัดจําหน่ายและการผลิตทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ ผู้เข้าร่วมงานที่สําคัญ ได้แก่ Sang-hyun Yoon รองประธาน Kolmar Group; Hyun-gyu Choi ซีอีโอของ Kolmar Korea; Jim Yang รองประธานบริหารของ Amazon Global Selling Asia Pacific (APAC); และ Yuki Suita หัวหน้าฝ่ายธุรกิจความงามสําหรับผู้บริโภคของ Amazon Japan

ในสุนทรพจน์ต้อนรับ Sang-hyun Yoon ได้อธิบายวัตถุประสงค์ของงาน เขากล่าวว่า “งานนี้จัดโดย Kolmar และ Amazon เป็นมากกว่าความร่วมมือทางธุรกิจ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่นวัตกรรมและคุณค่าของ K-beauty ไปทั่วโลก เราหวังว่างานนี้จะเป็นรากฐานที่สําคัญในการสํารวจโอกาสระดับโลกสําหรับ K-beauty และแบ่งปันกลยุทธ์โดยละเอียดสําหรับการนําไปใช้”

งานนี้เกิดขึ้นเมื่อ K-beauty กําลังได้รับความนิยมอย่างมากใน Amazon และทั้งสองบริษัทต้องการสนับสนุนการเข้าสู่ตลาดโลกของบริษัทความงามของเกาหลีอย่างจริงจัง

K-beauty ได้รับความนิยมอย่างมากจนยอดขายผลิตภัณฑ์ K-beauty บนร้านค้าทั่วโลกของ Amazon เพิ่มขึ้นมากกว่า 75% ในปีที่แล้ว Kolmar Korea เป็นผู้นําเทรนด์นี้ด้วยการทําสัญญาใหม่กับลูกค้า 253 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์อินดี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 48.7% จากปีก่อน ทั้งสองบริษัทวางแผนที่จะค้นหาแบรนด์ที่โดดเด่นซึ่งขับเคลื่อนแนวโน้มของตลาดโลกด้วยแนวคิดที่น่าสนใจและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม

ในงาน Kolmar Korea ได้จัดบูธขนาดใหญ่ที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์ดูแลผิว การแต่งหน้า ครีมกันแดด และแพ็คเกจเครื่องสําอาง พวกเขายังให้คําปรึกษาเฉพาะด้านสําหรับธุรกิจเครื่องสําอางทั่วโลกอีกด้วย นอกจากนี้ Sang-Keun Han รองผู้อํานวยการ Kolmar Korea R&D Complex ได้บรรยายในหัวข้อ 'Deeply Grounded Confidence: The Competitiveness of Korean Cosmetics'

ตัวแทนจาก Kolmar Korea กล่าวว่า “งานนี้มีความสําคัญเนื่องจากเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง Kolmar Korea ซึ่งเป็นบริษัท ODM เครื่องสําอางระดับโลกที่ขับเคลื่อนการเติบโตของ K-beauty และ Amazon ซึ่งเป็น บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก Kolmar และ Amazon จะติดตามการเติบโตร่วมกันโดยนําเสนอเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดเพื่อสนับสนุนความสำเร็จของลูกค้าของเราในการเข้าสู่ตลาดโลก”

วิดีโอไฮไลท์ของงาน: https://www.youtube.com/watch?v=sbqXL8fBgpM

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54091414/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Kolmar Holdings

Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

ที่มา: Kolmar Holdings

NS BlueScope Malaysia เปิดตัว Architectural Award 2024 เพื่อฉลองความสวยงาม ความแข็งแรง และนวัตกรรมในเหล็กกล้า

Logo

กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย–(BUSINESS WIRE)–08 กรกฎาคม 2024

NS BlueScope Malaysia Sdn Bhd กำลังเปิดรับลงทะเบียนผู้ชิงรางวัล BlueScope Steel Architectural Awards ครั้งที่หนึ่งในมาเลเซีย (BSAA MY) โครงการมอบรางวัลใหม่เปิดตัวบนสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียทั่วทั้งมาเลเซีย แม้ว่า NS BlueScope จะเปิดตัวโครงการรางวัลที่เท่าเทียมกันในตลาดหลักอื่น ๆ ของ ASEAN ก็ตาม รางวัลนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อฉลองความเป็นเลิศและนวัตกรรมการใช้เหล็กกล้าอย่างหลากหลายในด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

BlueScope Steel Architectural Awards มาพร้อมกับหัวข้อ “ความแข็งแรงที่สวยงาม” และจะมุ่งเน้นไปที่โครงการที่ดูมีระดับและสวยงาม ซึ่งให้ความสำคัญกับนวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรมเหล็กกล้าเชิงสร้างสรรค์ โดยมีรางวัลที่เปิดให้ลงทะเบียนทั้งหมด 5 หมวดหมู่ ได้แก่ อุตสาหกรรม การพาณิชย์ ที่อยู่อาศัย สถาบัน อื่น ๆ และความสวยงามอันยั่งยืนของเหล็กกล้า COLORBOND®

“เป้าหมายของเราในโครงการรางวัลใหม่นี้คือการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานของอุตสาหกรรมเพื่อความเป็นเลิศในการใช้เหล็กกล้าทางสถาปัตยกรรรม เราจะบรรลุเป้าหมายนี้ด้วยการจัดแสดงโครงการก่อสร้างที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งใช้วัสดุเหล็กกล้าหรือโซลูชัน BlueScope เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง ด้วยวิธีนี้ เราจะสามารถเพิ่มความตระหนักว่าเหล็กกล้าที่ทันสมัยสามารถสร้างประโยชน์ให้กับการออกแบบเชิงสถาปัตยกรรม พร้อมกับเป็นรากฐานของโครงการล้ำสมัยในภาคส่วนสถาปัตยกรรมของมาเลเซียได้อย่างไร” Mr. Ken Wong รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาดของ NS BlueScope Malaysia กล่าว “สำหรับสถาปนิกทุกคนที่มีโครงการเหล็กกล้าที่คู่ควรในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ นี่คือโอกาสที่จะได้แสดงผลงานของคุณและคว้ารางวัล!”

BSAA MY จะคัดเลือกผู้ชนะ 3 รายสำหรับแต่ละหมวดหมู่ โดยมีตำแหน่ง Gold, Silver และ Bronze โครงการที่ได้รับเลือกเป็นผู้ชนะ Gold Winners จาก BSAA MY จะเข้าสู่รอบถัดไปเพื่อแข่งขันชิงรางวัล BlueScope Steel Architectural Awards 2024 ASEAN ซึ่งจะต้องแข่งขันกับผู้ชนะ Gold Winners รายอื่น ๆ จากอินโดนีเซีย ไทย และเวียดนามเพื่อคว้ารางวัล ASEAN สูงสุดที่ระดับภูมิภาค การมีโครงการรางวัลทั้งระดับชาติและระดับภูมิภาคจะสร้างแรงกระตุ้นให้สถาปนิก นักออกแบบ และผู้พัฒนาเข้าใจความอเนกประสงค์และนวัตกรรมที่สามารถนำเหล็กกล้าไปใช้ได้ อีกทั้งยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและยกระดับการยอมรับการใช้เหล็กกล้าในประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย

คณะกรรมการจะคัดเลือกโครงการตามเกณฑ์หลัก 4 ข้อ: ความเป็นเลิศในการออกแบบ ชุมชนและความเป็นมนุษย์ นวัตกรรม และความยั่งยืน

BlueScope Steel Architectural Awards Malaysia ครั้งที่หนึ่งรอบสุดท้ายจะจัดขึ้นในวันที่ 20 กันยายน 2024 หากต้องการส่งผลงาน กรุณาเข้าสู่ระบบที่ www.steelpedia.com.my/bluescope-steel-architectural-award-2024

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NS BlueScope Malaysia โปรดเข้าชม www.nsbluescope.com/my

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54090870/en

ผู้ติดต่อ

James Li
โทรศัพท์ +65 6832 3512
อีเมล james.li@bluescope.com 

ที่มา: NS BlueScope Malaysia

Kolmar BNH เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกด้วยฟังก์ชันการทํางานแบบคู่ของ HemoHIM

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–21 มิถุนายน 2024

Kolmar BNH (KOSDAQ: 200130) ซึ่งเป็นบริษัท Original Development Manufacturing (ODM)  ชั้นนำสําหรับผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ เสริมความแข็งแกร่งให้กับตําแหน่งทางการตลาดด้วยการได้รับการรับรองสําหรับฟังก์ชันเพิ่มเติมของ HemoHIM ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพที่มีชื่อเสียงของเกาหลี

HemoHIM G, manufactured by Kolmar BNH and distributed by Atomy, contains Angelica sinensis, Ligusticum chuanxiong, and Paeonia lactiflora. It was launched in Taiwan last month. (Photo: Kolmar BNH)

HemoHIM G ผลิตโดย Kolmar BNH และจัดจําหน่ายโดย Atomy ประกอบด้วย Angelica sinensis, Ligusticum chuanxiong และ Paeonia lactiflora เปิดตัวในไต้หวันเมื่อเดือนที่แล้ว (ภาพ: Kolmar BNH)

บริษัทได้รับการอนุมัติจากกระทรวงความปลอดภัยด้านอาหารและยา สําหรับฟังก์ชันปรับปรุงความเหนื่อยล้าด้วยสารสกัดเชิงซ้อนของสารสกัดจาก angelica gigas ของ HemoHIM และส่วนประกอบอื่นๆ ในปี 2023 ความสําเร็จนี้เกิดขึ้นหกปีหลังจากการเปิดตัวโครงการพัฒนาเทคโนโลยีที่ยั่งยืนของ HemoHIM ด้วยเหตุนี้ HemoHIM จึงออกสู่ตลาดในฐานะผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบบสองฟังก์ชัน ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มการทํางานของภูมิคุ้มกันและลดความเหนื่อยล้า

HemoHIM ซึ่งพัฒนาโดย Kolmar BNH ในปี พ.ศ. 2549 เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพที่ส่งเสริมภูมิคุ้มกันรายแรกของประเทศที่ได้รับการอนุมัติเป็นรายบุคคล โดยผลิตขึ้นโดยใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติในท้องถิ่น เช่น  Angelica gigas, cnidium officinale และ Paeonia japonica ซึ่งจัดจําหน่ายโดย Atomy ปัจจุบันประสบความสําเร็จระดับโลก โดยส่งออกไปกว่า 20 ประเทศ และสร้างยอดขายได้มากกว่า 2 ล้านล้านวอน โดยมีมูลค่าการส่งออกเกิน 200 ล้านดอลลาร์ โดยยังคงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมภูมิคุ้มกันที่มียอดขายสูงสุดของเกาหลีมานานกว่าทศวรรษ

Kolmar BNH ตรวจสอบฟังก์ชันการปรับปรุงความเหนื่อยล้าของ HemoHIM ผ่านการทดลองทางคลินิกที่ครอบคลุม (การทดลองในมนุษย์) และการทดลองที่ไม่ใช่ทางคลินิก (การทดสอบเซลล์) ในการทดลองที่เกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่อายุ 30 ถึง 59 ปีที่ประสบกับความเหนื่อยล้า พบว่ามีการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมีนัยสําคัญในการวัดความเหนื่อยล้า รวมถึง Fatigue Severity Scale (FSS) และ Multidimensional Fatigue Inventory (MFI) หลังจากการบริโภคสารสกัดเชิงซ้อน angelica gigas ของ HemoHIM เป็นต้น การค้นพบนี้ได้รับการตีพิมพ์ใน Phytomedicine Plus ซึ่งเป็นวารสารระดับนานาชาติเกี่ยวกับยาธรรมชาติ โดยมีสิทธิบัตรที่จดทะเบียนในเกาหลีและรัสเซีย

สานต่อความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง หลังจากการเปิดตัว HemoHIM Kolmar BNH จัดสรรยอดขายมากกว่า 2% ต่อปีให้กับฝ่ายวิจัยและพัฒนา การลงทุนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงฟังก์ชันของผลิตภัณฑ์และเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

HemoHIM G ซึ่งมีเป้าหมายไปยังตลาดโลก เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ของการอุทิศตนเพื่อการวิจัยและพัฒนา HemoHIM G เปิดตัวในไต้หวันเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่สําหรับการส่งออกที่มีการปรับเปลี่ยนวัตถุดิบและสัดส่วนส่วนผสมอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบด้านอาหารระหว่างประเทศ ส่วนผสมหลัก เช่น Angelica sinensis, Ligusticum chuanxiong และ Paeonia lactiflora ได้ผ่านขั้นตอนการจัดหาที่เข้มงวดและการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด โปรไฟล์รสชาติและกลิ่นได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรองความปลอดภัยในวารสารวิชาการอันทรงเกียรติ “Toxicological Research” ที่ได้รับการรับรองในระดับ SCIE อีกด้วย

เจ้าหน้าที่ของ Kolmar BNH กล่าวว่า “ด้วยความพยายามในการวิจัยและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง Kolmar BNH ได้เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ HemoHIM เราทุ่มเทในการส่งเสริมอาหารเพื่อสุขภาพ K-health ทั่วโลกผ่านนวัตกรรมที่กำลังดำเนินอยู่ใน HemoHIM”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/54084574/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Kolmar BNH
Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

ที่มา: Kolmar BNH

Mary Kay Inc. นำเสนอผลการวิจัยใหม่เกี่ยวกับความก้าวหน้าในการดูแลผิวและการใช้เครื่องมือคอมพิวเตอร์ในการระบุความไวของผิว

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–20 มิถุนายน 2024

Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมการดูแลผิว ได้เปิดเผยผลการวิจัยที่สำคัญ 2 รายการ อันได้แก่ ประการแรก การรักษาด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถลดผลกระทบที่มองเห็นได้จากมลพิษและการเสื่อมสภาพของผิว และประการที่สอง การประยุกต์ใช้เครื่องมือคอมพิวเตอร์เพื่อทำนายความปลอดภัยและปฏิกิริยาที่เป็นไปได้ของผิวมนุษย์ต่อส่วนประกอบเครื่องสำอางต่างๆ ผลการวิจัยเหล่านี้ถูกนำเสนอโดยนักวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay ในการประชุม Society of Investigative Dermatology (SID) ปี 2024 ที่ดัลลัส เท็กซัส ซึ่งบริษัทได้เป็นผู้สนับสนุนระดับซิลเวอร์ของงานนี้

Mary Kay Inc. recently revealed the results of two breakthrough research studies at the 2024 Society of Investigative Dermatology. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay Inc. เพิ่งเปิดเผยผลการวิจัยที่สำคัญสองรายการในการประชุม Society of Investigative Dermatology ปี 2024 (ภาพ: Mary Kay Inc.)

“นักวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay อยู่ในแนวหน้าของการวิจัยการดูแลผิว และเรายินดีที่จะแบ่งปันผลการวิจัยล่าสุดของเรากับชุมชนวิทยาศาสตร์ที่กว้างขวางขึ้น” ดร.ลูซี่ กิลเดีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay กล่าว การเป็นพันธมิตรกับ Society of Investigative Dermatology อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในการพัฒนาวิทยาศาสตร์การดูแลผิว โดยการรักษาความร่วมมือเหล่านี้ บริษัทจึงยังคงมุ่งมั่นในการทำให้เกิดความก้าวหน้าสำคัญในสาขาวิชาด้านผิวหนัง ซึ่งสุดท้ายจะให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ความมุ่งมั่นอันยาวนานของ Mary Kay ต่อการวิจัยและพัฒนา สอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบกับเป้าหมายของเราที่ Society for Investigative Dermatology” ดร.รีเบคก้า มินนิลโล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายโปรแกรม การสื่อสาร และการพัฒนาที่ SID กล่าว “การเป็นพันธมิตรที่ยั่งยืนของเรา ช่วยให้เราสามารถสำรวจขอบเขตใหม่ในวิทยาศาสตร์ด้านผิวหนัง ซึ่งทำให้เราเข้าใกล้ความก้าวหน้าที่สามารถเปลี่ยนแปลงการดูแลผิวและตัวเลือกการรักษาได้มากขึ้น”

การวิจัยของ Mary Kay เกี่ยวกับผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อผิวหนัง ดำเนินการผ่านความร่วมมือทางวิชาการหลายครั้งตั้งแต่ปี 2016 พบว่าสารต้านอนุมูลอิสระผสมของเรสเวอราทรอล ไนอาซินาไมด์ และโอลิโกเปปไทด์-1 ช่วยปกป้องไขมันผิวหนังจากความเสียหายจากการออกซิเดชันที่เกิดจากอนุภาค (PM) และรังสียูวี ทั้งเมื่อแยกและรวมกัน นอกจากนี้ยังพบว่าส่วนผสมนี้สามารถป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงสีฟ้า แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการลดผลกระทบที่เป็นอันตรายจากปัจจัยความเครียดด้านสิ่งแวดล้อมหลายประการต่อผิว

นอกจากนี้ Mary Kay ยังใช้เครื่องมือคอมพิวเตอร์ทางพิษวิทยาเพื่อปรับปรุงการประเมินความปลอดภัยของส่วนประกอบเครื่องสำอางและส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนตัว วิธีการที่เป็นนวัตกรรมนี้เกี่ยวข้องกับการใช้วิธีการคอมพิวเตอร์ขั้นสูงเพื่อทำนายความปลอดภัยและความเป็นพิษที่อาจเกิดขึ้นของส่วนประกอบในระยะแรก ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการทดสอบในห้องปฏิบัติการอย่างมาก การคัดกรองเสมือนจริงช่วยให้การคัดกรองสารประกอบในระยะแรกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รับรองว่าส่วนประกอบที่ปลอดภัยเท่านั้นจะถูกพัฒนา วิธีนี้ไม่เพียงแต่ประหยัดเวลาและทรัพยากรเท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับมาตรฐานทางจริยธรรมและข้อบังคับ ด้วยการบูรณาการเครื่องมือขั้นสูงเหล่านี้ Mary Kay ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อรับประกันมาตรฐานความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้บริโภค

ดร.กิลเดียแห่ง Mary Kay ยังได้เป็นเจ้าภาพจัดแผงอภิปรายที่น่าสนใจที่ SID ในหัวข้อ “มุมมองใหม่เกี่ยวกับผลกระทบของมลพิษต่อสุขภาพผิว: การค้นพบล่าสุดและมุมมองที่เกิดขึ้นใหม่” โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาในด้านผิวหนังวิทยาและชีววิทยาโมเลกุล ซึ่งรวมถึง ดร.โทมัส ฮาร์มันน์-สเตมมานน์ หัวหน้ากลุ่มที่สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อม Leibniz ที่พูดถึงความเชื่อมโยงระหว่างอุณหภูมิโดยรอบที่เพิ่มขึ้นกับการเสื่อมสภาพของผิว ดร.เอลมา บารอน รองศาสตราจารย์ด้านผิวหนังที่ Case Western Reserve University ที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระเฉพาะที่ในการบรรเทาความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นและการปรับปรุงสุขภาพผิว และดร.หง ซัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ NYU Grossman School of Medicine ที่ศึกษาการเปลี่ยนแปลงระดับโมเลกุลในเซลล์ผิวที่ได้รับปัจจัยความเครียดด้านสิ่งแวดล้อม แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการรักษาด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในการย้อนกลับการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายของผิวที่เกิดจากการได้รับรังสี UV และมลพิษ

การสนับสนุนและผลการวิจัยที่นำเสนอในการประชุม SID ปี 2024 เป็นตัวแทนของความพยายามล่าสุดของ Mary Kay ในการเสริมสร้างความมุ่งมั่นที่ยาวนานของแบรนด์ในการพัฒนาการวิจัยและพัฒนาในด้านสุขภาพผิวและความงาม ด้วยสิทธิบัตรมากกว่า 1,600 รายการสำหรับผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอทั่วโลก Mary Kay ยังคงเป็นผู้นำในนวัตกรรมการดูแลผิว

เกี่ยวกับ Mary Kay

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน หนึ่งในผู้บุกเบิกที่ก้าวข้ามอุปสรรค Mary Kay Ash ได้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในรัฐเท็กซัสในปี 1963 ด้วยเป้าหมายหนึ่งเดียว: เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตของผู้หญิง ความฝันนั้นได้กลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา โอกาสของ Mary Kay ได้ช่วยให้ผู้หญิงกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay มุ่งมั่นที่จะลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอมที่ทันสมัย Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราสำหรับคนรุ่นต่อไป การปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากมะเร็งและการทารุณกรรมในครอบครัว และการสนับสนุนเยาวชนให้ตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com ค้นหาเราบน FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54075312/en

ติดต่อ

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom 
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.

NIQ และ World Data Lab เปิดเผยรายงาน “Spend Z”

Logo

รายงานฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายของกลุ่ม Generation Z ซึ่งคาดว่าจะกลายเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดและร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์

“Spend Z” ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการจับจ่ายในตลาด Gen Z ที่จะมีมูลค่าถึง $12 ล้านล้าน ภายในปี 2030

ความเชื่อมั่น ESG ที่แข็งแกร่งยังคงมีอยู่ โดย 77% ของ Gen Z กล่าวว่าพวกเขาจะไม่ซื้อสินค้าจากประเทศที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมไม่ดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรูปแบบการใช้จ่ายของกลุ่มคนในอนาคต

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–18 มิถุนายน 2024

NielsenIQ (“NIQ”) ร่วมมือกับ World Data Lab (WDL) ตีพิมพ์รายงาน “Spend Z” เป็นครั้งแรก โดยเป็นรายงานการใช้จ่ายที่มีเนื้อหาครอบคลุมและมุ่งเน้นไปที่กลุ่ม Gen Z เพียงเท่านั้น งานวิจัยและการวิเคราะห์ที่นำเสนอในรายงานนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ NIQ ในการให้ข้อมูลการตลาดเชิงลึกที่เป็นประโยชน์

รายงานนี้เปิดเผยอย่างละเอียดถึงข้อมูลสำคัญที่บริษัทต่าง ๆ ต้องการในการรักษาแนวทาง ความต้องการในการเติบโต ไปจนถึงความเข้าใจอย่างรวดเร็วและลึกซึ้งในกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดและเป็นกลุ่มแรกในระดับโลกอย่างแท้จริง โดยรายงานนี้รวมความชอบ พฤติกรรมการใช้จ่าย ค่านิยม สิ่งที่ให้ความสำคัญ วิธีการและช่องทางที่ซื้อ สินค้าที่ซื้อ และวิธีที่คนกลุ่มนี้มีอิทธิพลต่อรูปแบบการใช้จ่ายของกลุ่มคนรุ่นอื่น ๆ

รายงานพบว่ากลุ่ม Gen Z ซึ่งหมายถึงผู้ที่เกิดระหว่างปี 1997 ถึง 2012 คิดเป็น 25% (2 พันล้านคน) ของประชากรโลก จะมีกำลังซื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 12 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030 ทำให้พวกเขาอาจกลายเป็นรุ่นที่มีความร่ำรวยมากที่สุดในทุกภูมิภาคของโลก โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่นี้จะมีการใช้จ่ายแซงหน้ากลุ่มคนรุ่นบูมเมอร์ในช่วงเวลานั้น และภายในปี 2034 กลุ่มคน Gen Z จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั่วโลกกว่า 9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากกว่ากลุ่มคนรุ่นอื่น ๆ

กลุ่ม Gen Z ในตอนนี้พร้อมที่จะจ่ายเงิน และบริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องรู้วิธีปรับตัวเพื่อให้บริการพวกเขา การเข้าใจสิ่งที่ทำให้กลุ่มคนรุ่นนี้แตกต่างจึงเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกโอกาสในการเติบโตที่มีมูลค่ามากกว่า $12 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ” Tracey Massey กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการของ NIQ กล่าว “หลาย ๆ บริษัทกำลังพยายามเรียนรู้โอกาสในการเติบโตกับ Gen Z และวิธีที่พวกเขามีอิทธิพลต่อผู้อื่น “Spend Z” เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของวิธีที่ NIQ ช่วยลูกค้าของเราให้บรรลุเป้าหมายเฉพาะโดยคาดการณ์และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค”

ประเด็นสำคัญของกลุ่มคน Gen Z:

  • พวกเขาต้องการความจริงใจ: พวกเขาให้ความสนใจกับความสัมพันธ์แบบจริงใจกับอินฟลูเอนเซอร์และแบรนด์ “การเป็นตัวของตัวเอง” เป็นคำอธิบายแรกของความสำเร็จสำหรับชาว Gen Z ทั่วโลก ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและการเห็นคุณค่าในตนเองเป็นอีกสองค่านิยมที่สำคัญ เช่นเดียวกับความรู้สึกที่แข็งแกร่งของการมีตัวตนที่เชื่อมโยงกับสังคมและการเคลื่อนไหวทางสังคม
  • การจับจ่ายใช้สอยในห้างร้านแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน:  การซื้อสินค้าในร้านค้าของกลุ่มคนรุ่นนี้คิดเป็นเกือบ 50% ของส่วนแบ่งเหรียญสหรัฐและสูงกว่าทุกเจเนอเรชันก่อนหน้านี้ แม้ว่า Gen Z จะเริ่มการชอปปิงออนไลน์ แต่พวกเขาก็ให้ความสำคัญกับรีวิวออนไลน์จากผู้ซื้อรายอื่นมากที่สุดและได้รับอิทธิพลอย่างมากจากโซเชียลมีเดีย
  • กำลังซื้อทั่วโลก: Gen Z จะกลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้จ่ายมากที่สุดในหลาย ๆ ภูมิภาค และเป็น 30% ของคนทำงานทั่วโลกในปี 2030 อเมริกาเหนือ ยุโรป และ APAC จะยังคงครองการใช้จ่ายส่วนใหญ่ โดยที่ APAC มีความสำคัญเพิ่มขึ้น ปัจจุบันพวกเขามีส่วนแบ่งการบริโภคที่มากกว่าในภูมิภาคอื่น ๆ เช่น แอฟริกาใต้ทะเลทรายซาฮารา ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ และละตินอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งภูมิภาคเหล่านี้มีสัดส่วนของประชากรมากกว่า
  • สุขภาพและด้านความเป็นอยู่….ในระดับหนึ่ง: โดยรวมแล้วพวกเขาใส่ใจสุขภาพและมีจิตสำนึกในการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเติบโตของความต้องการอย่างมีพลวัตมากที่สุดในกลุ่มผู้บริโภค Gen Z คือในหมวดสุขภาพ เช่นเดียวกับแอลกอฮอล์และเครื่องดื่ม
    • คาดว่า 81% ของยอดขายเป็นหน่วยเหรียญสหรัฐบน TikTok จะมาจากหมวดสุขภาพและความงาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ใหญ่พิเศษ
    • 50% ของ Gen Z เคยใช้แอปฟิตเนสหรือแอปออกกำลังกาย และ 17% เคยใช้ฟิตเนสแบนด์เพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพและฟิตเนส
  • เทคโนโลยีที่เร่งพฤติกรรม:
    • รีวิวออนไลน์จากผู้ซื้อรายอื่นมีความสำคัญมากที่สุดเวลาชอปปิง โดย 53% ของประชากร Gen Z มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียหรือแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีม
    • 26% ของ Gen Z ใช้โทรศัพท์ขณะชอปปิงในร้านค้าเพื่อตัดสินใจ เทียบกับ 23% สำหรับ Gen Y, 18% สำหรับ Gen X และ 12% สำหรับบูมเมอร์

.ด้วยการที่ Gen Z ให้ความสำคัญต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เรามีความคาดหวังต่อ NIQ Better For™ ซึ่งเป็นการจัดหมวดหมู่ที่ใช้ประโยชน์จากอัลกอริทึมเฉพาะของเราในการระบุแบรนด์ผ่านลักษณะผลิตภัณฑ์ การจัดวาง ยอดขาย และการจัดจำหน่ายให้ยังคงเติบโตรวดเร็วกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป ผลิตภัณฑ์ในหมวดนี้รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ “ดีกว่า” สำหรับผู้บริโภค สิ่งแวดล้อม และสังคม ปัจจุบัน แบรนด์เล็ก ๆ และกลุ่มคนเจเนอเรชันใหม่ ๆ ขับเคลื่อนการเติบโตในหมวดนี้ถึง 62%

 “Gen Z เป็นเจเนอเรชันที่เชื่อมโยงกันมากที่สุด ใหญ่ที่สุด และมีอิทธิพลมากที่สุด” กล่าวโดย Marta Cyhan-Bowles ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการสื่อสาร NIQ. “Gen Z จะมีลูกน้อยลงและมีลูกช้ากว่าเดิม จะมีกำลังการใช้จ่ายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และจะยังคงให้ความสำคัญกับบางหมวดหมู่ เช่นสุขภาพและความเป็นอยู่ อย่างที่เจเนอเรชันก่อนหน้านี้ไม่เคยทำ การวิเคราะห์ของเราชัดเจนว่า: การลงทุนกับกลุ่มคน Gen Z วันนี้ จะคุ้มค่าในอนาคต”

“Gen Z คือรุ่นที่ใหญ่ที่สุด รวยที่สุด และมีความเป็นสากลมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา” Wolfgang Fengler ซีอีโอของ WDL กล่าว “ธุรกิจต่าง ๆ จะต้องรู้ว่า Gen Z มีจำนวนคนถึง 2 พันล้านคน และการตอบสนองต่อความต้องการของพวกเขานั้นเป็นสิ่งจำเป็น”

เกี่ยวกับ Spend Z

Spend Z มีข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายของ Gen Z ในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวอย่างละเอียด พร้อมการวิเคราะห์ความจงรักภักดีในแบรนด์เมื่อเทียบกับเจเนอเรชันอื่น ๆ และเจาะลึกสิ่งที่สำคัญสำหรับบริษัทใน CPG เทคโนโลยี/สินค้าคงทน หรืออุตสาหกรรมค้าปลีก ทั้งนี้รายงานนี้ยังมีความสำคัญหลักต่อผู้นำทางความคิดและผู้ที่ตัดสินใจ เพื่อนำพาบริษัทของคุณไปสู่การเติบโตครั้งใหม่ที่ประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งปกป้องธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ดาวน์โหลดรายงาน ฟรี

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทชั้นนำด้านข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคทั่วโลก ที่นำเสนอความรู้ความเข้าใจที่ครบถ้วนที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเปิดเผยแนวทางใหม่ ๆ สู่การเติบโต ในปี 2023 NIQ ได้รวมกับ GfK นำการรวมผู้นำในสองอุตสาหกรรมที่เข้าถึงได้ทั่วโลกและไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน NIQ ดำเนินงานในกว่า 95 ประเทศ ครอบคลุม 97% ของ GDP ด้วยการอ่านข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด จึงนำเสนอผ่านการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย — NIQ มอบมุมมองครบวงจร (Full View™)

เกี่ยวกับ World Data Lab

World Data Lab (WDL) สร้างข้อมูลเอกสิทธิ์ที่ล้ำหน้าเพื่อทำนายและคาดการณ์แนวโน้มการบริโภค การใช้จ่ายของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร และความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) จนถึงปี 2034 ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ของข้อมูลขั้นสูงที่ได้รับการตรวจทานโดยผู้เชี่ยวชาญและตีพิมพ์ในวารสาร Nature ทำให้เรานำเสนอความแม่นยำ สดใหม่ และความสอดคล้องกันอย่างไร้ที่ติในทุกกลุ่มประชากรใน 180 ประเทศและกว่า 6,000 เมือง

วิธีการวิจัย

รายงาน “Spend Z” ได้คาดการณ์การใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยรวมข้อมูลการใช้จ่ายในครัวเรือนที่ได้มาจากหน่วยงานสถิติแห่งชาติและข้อมูลประชากรจากสหประชาชาติและ IIASA โดยรวมข้อมูลจาก 2,065 แบบสอบถามที่ครอบคลุม 160 ประเทศในฐานข้อมูล NIQ ในกรณีที่ประเทศใดขาดข้อมูลการสำรวจการใช้จ่าย การใช้จ่ายจะถูกอ้างขึ้นโดยการระบุลักษณะเฉพาะของประเทศอื่นที่มีโครงสร้างที่คล้ายกัน โดยใช้เทคนิคทางสถิติให้เหมาะสมที่สุด ข้อมูลจากการสำรวจจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่ได้รับในบัญชีประชาชาติของแต่ละประเทศ การคาดการณ์ในปัจจุบันและในอนาคตจะอ้างอิงตามแผนการของ IMF สำหรับระยะกลางและฉากทัศน์เส้นตัวแทนเศรษฐกิจและสังคมร่วมที่พัฒนาให้กับ UNFCCC สำหรับระยะยาว กระบวนการอันครอบคลุมนี้ช่วยให้ NIQ และ WDL สามารถคาดการณ์พฤติกรรมของผู้บริโภคใน 183 ประเทศตั้งแต่ปี 2016 ถึงปี 2034 โดยแยกออกเป็นกลุ่มตามอายุ เพศ และระดับรายได้ นอกจากนี้ เรายังแยกการใช้จ่ายรวมเป็นกลุ่มสินค้ากว่า 100 ประเภทต่าง ๆ โดยใช้การจัดหมวดหมู่ตาม COICOP วิธีการหลักของเราได้รับการตรวจทานโดยผู้เชี่ยวชาญในวารสาร Nature https://www.nature.com/articles/s41599-018-0083-y

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54028612/en

ติดต่อ

รายชื่อผู้ติดต่อทั่วโลก:

ทั่วโลก:
Sweta Patra
Sweta.patra@nielseniq.com

APAC:
Liza Martija
liza.martija@nielseniq.com

ละตินอเมริกา:
Ari Rodriguez
ari.rodriguez@nielseniq.com

อเมริกาเหนือ:
Gillian Mosher
gillian.mosher@nielseniq.com

ยุโรปตะวันตก:
Julia Mayer
julia.mayer@nielseniq.com

แหล่งข้อมูล: NielsenIQ

GBM ครั้งที่ 66 ในมาเลเซียกําหนดเส้นทางเชิงกลยุทธ์เพื่อผลผลิตที่ยั่งยืนและการเติบโตในระดับภูมิภาค

Logo

กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย

PSP เปิดเผยเกี่ยวกับธุรกิจซื้อขายหุ้นมูลค่า 500 ล้านบาทในกองทุน CPFam-LDA Asia Growth ตามสัญญาซื้อขายหุ้น

Logo

BANGKOK–(BUSINESS WIRE)–04 มิถุนายน 2024

P.S.P. Specialties Public Company Limited (“PSP”) (SET:PSP) เปิดเผยเกี่ยวกับหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับกองทุน CPFam-LDA Asia Growth (“กองทุน”) เป็นมูลค่าสูงถึง 500 ล้านบาท

เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2023 LDA และตระกูลเจียรวนนท์—เจ้าของกลุ่มบริษัทเจริญโภคภัณฑ์—ได้เปิดตัวกองทุน CPFam-LDA Asia Growth เพื่อลงทุนในบริษัทที่มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และก่อนการเสนอขายหุ้น IPO ที่มีการเติบโตสูงทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การทำงานร่วมกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกจาก LDA และเครือข่ายระดับภูมิภาคจากกลุ่มบริษัท CP คาดว่าจะช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าในภาคส่วนต่างๆ ได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น กลุ่มเทคโนโลยี การเกษตร และพลังงาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน

PSP มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมผลิตน้ำมันหล่อลื่นและผลิตภัณฑ์เฉพาะด้าน ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญสำหรับการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมและการบริการด้านยานยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความร่วมมือระหว่าง PSP และกองทุน CPFam-LDA Asia Growth ไม่เพียงช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมและการขยายธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนภาคส่วนอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศไทยอีกด้วย

“การทำธุรกรรมร่วมกับ PSP ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับกองทุน” Anthony Romano ผู้อำนวยการกองทุนกล่าว “การดำเนินการนี้เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของเราต่อภูมิภาคและเป็นตัวอย่างความสามารถเชิงกลยุทธ์ที่เรามุ่งหวังในการยกระดับความร่วมมือของเรา PSP เป็นตัวแทนของบริษัทที่มีศักยภาพสูงที่เรามองหามานาน — ซึ่งมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมและเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน”

สามารถเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวสารนี้ได้ที่ https://shorturl.at/LSYJO

เกี่ยวกับ PSP

PSP เป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านน้ำมันหล่อลื่นชั้นนำสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นยานยนต์และอุตสาหกรรม รวมถึงผลิตภัณฑ์เฉพาะด้าน เช่น จาระบี น้ำมันสำหรับกระบวนการผลิตยาง และน้ำมันหม้อแปลง บริษัทเป็นผู้ผลิตอิสระที่มีกำลังการผลิตสูงสุดในประเทศไทย และครองส่วนแบ่งการตลาดในผลิตภัณฑ์ต่างๆ สูงที่สุด

เกี่ยวกับ CP Group

กลุ่มบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ (“CP Group”) เป็นหนึ่งในบริษัทโฮลดิ้งที่มีความหลากหลายสูงที่สุดในเอเชีย โดยมีรายได้สูงกว่า 82 พันล้านเหรียญสหรัฐ สินทรัพย์มูลค่า 25 พันล้านเหรียญสหรัฐ และพนักงาน 450,000 คนใน 21 ประเทศ ตระกูลเจียรวนนท์เจ้าของ CP Group นี้เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีความร่ำรวยที่สุดในเอเชีย

เกี่ยวกับ LDA Capital

LDA Capital เป็นกลุ่มบริษัทลงทุนทางเลือกระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกรรมข้ามพรมแดนทั่วโลก ทีมงานมีการดำเนินธุรกรรมรวมมากกว่า 300 รายการในตลาดระดับกลางทั้งภาครัฐและเอกชนใน 43 ประเทศ โดยมีมูลค่าธุรกรรมรวมกว่า 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

P.S.P. Specialties Public Company Limited
Chotdhanin Temsiripong
Investor Relations
chotdhanin@psp.co.th

แหล่งที่มา: P.S.P. Specialties Public Company Limited

Rhea เปิดตัวพร้อมกับคณะที่ปรึกษาอาวุโส การซื้อกิจการสำหรับการเติบโต และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาเส้นทางการเจริญพันธุ์สำหรับครอบครัวยุคใหม่

Logo

การเปิดตัวเกิดขึ้นพร้อมกับการระดมทุนรอบต่อไปซึ่งนำโดย Thiel Capital เพื่อขยายการดำเนินงานไปทั่วโลก

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–30 พฤษภาคม 2024

Rhea ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ระดับโลกที่มุ่งเน้นการยกระดับเส้นทางการเจริญพันธุ์ของครอบครัวยุคใหม่ ได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ Rhea เป็นระบบนิเวศด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ครบวงจรแห่งแรกที่เชื่อมโยงครอบครัวในอนาคตในเอเชียเข้ากับการดำเนินงานเสริมในอเมริกาเหนือและยุโรป เพื่อมอบมาตรฐานระดับสูงของการดูแลที่ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค

ระบบนิเวศการบริการของ Rhea มีศูนย์กลางอยู่ที่เครือข่ายคลินิกทั้งที่เป็นเจ้าของและเป็นพันธมิตรทั่วทั้งโลก ระบบนิเวศนี้ขับเคลื่อนโดย Rhea Labs ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีบูรณาการที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูล การเร่งเวลาออกสู่ตลาด และลูปผลตอบรับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วย บริการเกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ของบริษัทให้บริการโดยเครื่องมือการจัดการการเดินทางของผู้ป่วยของ Rhea และเครือข่ายคลินิก Generation Prime ซึ่งได้รับการเปลี่ยนชื่อแบรนด์อย่างเป็นทางการเป็น GenPrime

บริษัทได้ประกาศรอบต่อไปซึ่งนำโดยนักลงทุนที่กลับมาอย่าง Thiel Capital โดยมีส่วนร่วมจากกองทุนต่างๆ เช่น LifeX Ventures, Blue Lion Global และ FJ Labs เงินทุนเพิ่มเติมนี้จะนำไปใช้เพื่อขยายขอบเขตการดำเนินงานและการนำเสนอบริการของ Rhea ในตลาดใหม่

ควบคู่ไปกับการระดมทุนครั้งใหม่ Rhea เปิดเผยการเข้าซื้อกิจการ Embryonics ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้ประโยชน์จากชุดเทคโนโลยี AI ใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการและผลลัพธ์ของการรักษาภาวะเจริญพันธุ์ ทีม Embryonics และเครื่องมือวินิจฉัย AI ได้รับการบูรณาการภายใน Rhea Labs โดยใช้วิทยาศาสตร์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อพัฒนาแผนงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Rhea Rhea Labs กำลังสร้าง RheaX ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนเซลล์สืบพันธุ์ (gamete) ระดับโลกของบริษัท โดยนำเสนอโซลูชั่นที่ไม่เหมือนใครเพื่อปรับปรุงกระบวนการจับคู่และถ่ายโอนเซลล์สืบพันธุ์ การแลกเปลี่ยนนี้จะได้รับการพัฒนาโดยเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมทุนของ Rhea กับวิทยาลัยแพทยศาสตร์ Baylor ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์ Texas Medical Center ซึ่งเป็นศูนย์การแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยิ่งไปกว่านั้น Rhea ยังร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Baylor เพื่อเปิดตัวรางวัลร่วมสำหรับการวิจัยด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ในฤดูใบไม้ร่วงนี้อีกด้วย

เพื่อรองรับการเติบโต Rhea ได้แนะนำคณะที่ปรึกษาอาวุโสอย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบไปด้วย::

  • Dr. Milton Leong ผู้บุกเบิก IVF ในฮ่องกงและเป็นประธานผู้ก่อตั้งสมาคมเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์แห่งฮ่องกง ดร. Leong รับผิดชอบเด็กผสมเทียมแบบ IVF คนแรกในฮ่องกงเมื่อปี 1985 เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์มานานกว่า 30 ปี และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง IVF Worldwide;
  • Cynthia Hudson รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ทางคลินิกที่ TMRW Life Sciences Hudson เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Kindbody ซึ่งเป็นเครือข่ายคลินิกการเจริญพันธุ์ชั้นนำและผู้ให้บริการผลประโยชน์ในการสร้างครอบครัวในสหรัฐอเมริกา และมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในด้านเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์
  • Dr. Javaid I. Sheikh คณบดีแห่ง Weill Cornell Medicine – กาตาร์ คณบดี Sheikh เป็นผู้บริหารทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง และเป็นประธานคณะกรรมการคนก่อนของสถาบัน Palo Alto Institute for Research and Education ที่ Stanford University School of Medicine และ Veterans Administration Palo Alto Health Care System ในแคลิฟอร์เนีย;
  • Dr. Michael Coburn ศาสตราจารย์และหัวหน้าภาควิชาระบบทางเดินปัสสาวะที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ Baylor ศาสตราจารย์โคเบิร์นดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกระบบทางเดินปัสสาวะที่โรงพยาบาล Ben Taub ตั้งแต่ปี 1990 ถึง 2012 และเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารของ American College of Surgeons เขาเป็นผู้รับรางวัล Robertson Presidential Educator Award สำหรับความสำเร็จตลอดชีวิตในการเป็นผู้นำด้านการศึกษาที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ Baylor;
  • Bea Camacho ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ IDEO Camacho มีประสบการณ์กว้างขวางในการออกแบบบริการและผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นหลัก การพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ และสร้างขีดความสามารถด้านนวัตกรรม ลูกค้าของเธอครอบคลุมทั้งด้านการดูแลสุขภาพ การศึกษา งานบริการ การบริการทางการเงิน และสินค้าอุปโภคบริโภค และรวมถึง Merck Medtronic Roche IKEA Nike และ Marriott
  • Weylin Liew ผู้จัดการของ Global Sustainability Portfolio และหัวหน้าฝ่ายการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นที่ Singapore Sovereign Wealth Fund GIC นอกจากนั้น Weylin ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Fertility Support SG ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลจดทะเบียนที่มุ่งเน้นด้านทรัพยากรอนามัยการเจริญพันธุ์และการสนับสนุนในสิงคโปร์อีกด้วย

Margaret Wang หุ้นส่วนผู้จัดการของ Recharge Capital และอดีตหัวหน้าของ Bridgewater Associates Singapore ได้รับการแต่งตั้งเป็นซีอีโอของ Rhea เมื่อมาร่วมงานกับบริษัทในปี 2023 Rhea ได้รับการบ่มเพาะโดย Recharge Capital ซึ่งเป็นบริษัทการลงทุนเอกชนแห่งแรกที่มีธีมเฉพาะซึ่งขับเคลื่อนนวัตกรรมในโซลูชันการดูแลสุขภาพของผู้หญิง และ Recharge Capital ยังคงเป็นนักลงทุนรายสำคัญในบริษัท

“ตลาดบริการเรื่องการเจริญพันธุ์ในปัจจุบันกระจัดกระจายและแตกต่างกัน ทำให้เกิดอุปสรรคที่ไม่จำเป็นสำหรับพ่อแม่ที่ต้องเผชิญความท้าทายในการบรรลุความฝันในการสร้างครอบครัวให้เป็นจริง” Margaret Wang ซีอีโอของ Rhea กล่าว “ด้วยเครือข่ายคลินิกที่กำลังเติบโต โซลูชันอันทรงพลังของ Rhea Labs และคำแนะนำจากที่ปรึกษาระดับโลกของเรา เรากำลังนำเสนอระบบนิเวศบริการ เทคโนโลยี และความร่วมมือที่ทันสมัยและบูรณาการ เพื่อยกระดับการเดินทางด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ทั่วโลก”

บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์และนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีแผนที่จะสานต่อกลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการในปี 2024 และขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์สำหรับผู้ป่วยในภูมิภาคใหม่ๆ

เกี่ยวกับ Rhea

Rhea คือบริษัทผู้ให้บริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ระดับโลกสมัยใหม่ที่ยกระดับเส้นทางการเจริญพันธุ์สำหรับครอบครัวยุคใหม่ บริการทางคลินิกของบริษัทให้บริการโดยเครือข่ายคลินิก GenPrime ของ Rhea และคลินิกพันธมิตรซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  เครือข่ายคลินิกของบริษัทนั้นขับเคลื่อนโดย Rhea Labs ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีบูรณาการที่ใช้ประโยชน์จากฟันเฟืองของการเร่งเวลาในการนำออกสู่ตลาดและลูปผลตอบรับผลิตภัณฑ์สั้นๆ เพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วย Rhea ได้รับการบ่มเพาะและพัฒนาโดย Recharge Capital ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนชั้นนำที่เน้นการจับทิศทางกระแสหลักของโลกเป็นหลัก โดยเป็นบริษัทในเครือ Cayman ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์และนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ให้บริการตลาดทั่วเอเชียด้วยการดำเนินงานเพิ่มเติมในอเมริกาเหนือและยุโรป

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อ
Abdullah Alkudsi
Bevel
recharge@bevelpr.com

แหล่งที่มา: Rhea

The Bangkok Reporter