ทุนรางวัล Mary Kay Awards ตกเป็นของห้านักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่สร้างแรงบันดาลใจที่งาน Regeneron International Science and Engineering Fair

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–23 พฤษภาคม 2024

Mary Kay Inc., บริษัทที่คอยให้กำลังใจสนับสนุนการศึกษาสะเต็มและการไขว่คว้าความฝันของเยาวชนได้มีการมอบทุนให้นักวิทยาศาสตร์ชั้นมัธยมที่โดดเด่นห้าคน คัดเลือกจากผู้เข้ามีส่วนร่วมกว่า 2,000 คน ที่เป็นตัวแทนกว่า 70 ประเทศ โดยมีการมอบทุนที่งาน Regeneron International Science & Engineering Fair (ISEF) ในลอส แอนเจลิส ทุนที่มอบเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น $10,000 มอบให้กับนักเรียนที่มีโครงงานด้านนวัตกรรมที่เน้นการค้นหาวิธีการรักษามะเร็งที่ส่งผลต่อผู้หญิง, นวัตกรรมด้านการแพ็กเกจที่ยั่งยืน, และการปกป้องทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของดาวของเรา

Mary Kay Inc. proudly served as a Special Award Organization for the 2024 Regeneron International Science and Engineering Fair, awarding three cash prizes to inspiring young scientists. (Graphic: Society for Science, Regeneron ISEF)

บริษัท Mary Kay จำกัด ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่เป็นองค์กรมอบรางวัลพิเศษสำหรับงานประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติ (Regeneron International Science and Engineering Fair) ปี 2024 โดยได้มอบรางวัลเป็นเงินสดสามรางวัลให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่สร้างแรงบันดาลใจ (กราฟิก: สมาคมวิทยาศาสตร์, Regeneron ISEF)

ISEF โปรแกรมของ Society of Science ที่มีมากว่า 70 ปี คือการประกวดวิทยาศาสตร์ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา นักเรียนนับล้านที่มาจากเครือข่ายท้องถิ่นระดับโลก, ภูมิภาค, และงานวิทยาศาสตร์แห่งชาติ จะได้รับการสนับสนุนให้สำรวจความปรารถนาในการสงสัยใคร่รู้ทางวิทยาศาสตร์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ กลุ่มนักเรียนเหล่านี้จะได้รับการเลือกในฐานะผู้เข้ารอบสุดท้าย และจะได้รับโอกาสในการแข่งขันเพื่อชิงทุนประมาณ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นรางวัลและทุนการศึกษา

 “ผู้นำด้ามสะเต็มเหล่านี้สาธิตงานวิจัยนวัตกรรม, โซลูชันอันสร้างสรรค์, และวิธีการขั้นสูงในการแก้ปัญที่ซับซ้อนที่จะส่งผลกระทบต่อการรักษามะเร็งโดยตรง, การดำเนินธุรกิจยั่งยืน, และการนิยามมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม” Kristin Dasaro ผู้อำนวยการ, วิศวกรรมการแพ็กเกจและความยั่งยืนที่ Mary Kay กล่าว “เรามีอะไรให้เรียนรู้หลายอย่างจากคนรุ่นต่อไปและ Mary Kay ก็เป็นเกียรติที่ได้สนับสนุนพวกเขาในการเดินทางของการศึกษาสะเต็ม”

พบกับนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นนักเรียน

รางวัลอันดับหนึ่ง: Keshvee Sekhda และ Nyambura Sallinen (จอร์เจีย, สหรัฐอเมริกา)
IdentiCan:  แอปที่ตรวจจับสมอง, ทรวงอก, ปอด, ผิวหนัง, และมะเร็งตับอ่อน
แอปที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเอไอในการหาเนื้อร้ายที่เป็นมะเร็งที่มีความแม่นยำ 99.6%

รางวัลที่สอง: Madalena Filipe และ Frederico Mauritty (ลิสบอน, โปรตุเกส)
HidroQapa: พลาสติกชีวภาพกันน้ำที่ทำจากไคโตซานสกัดจากขยะที่เป็นเปลือกกุ้ง
การสร้างวัตถุดิบอันยั่งยืน, ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติจากเปลือกของสัตว์ครัสเตเชียน ช่วยลดขนะและมลพิษทางสิ่งแวดล้อม

รางวัลที่สาม: Carolina de Araujo Pereira da Silva (ริโอ เดอ จาเรโร, บราซิล)
การตรวจสอบแมงกานีสในฐานที่เป็นตัวกระตุ้นเนื้อร้ายและการถ่ายโอนธาตุเหล็กที่เป็นเป้าหมายในการบำบัดมะเร็ง
การวิจัยว่าเหล็กและตัวถ่ายโอนส่งผลร้ายต่อพฤติกรรมเซลล์มะเร็งอย่างไร เพื่อหาวิธีการบำบัดมะเร็งที่ทรงประสิทธิภาพ

เกี่ยวกับ Mary Kay

หนึ่งในผู้ที่ทำลายเพดานข้อจำกัดทั้งในอดีต ตอนนี้ และตลอดไป Mary Kay Ash ก่อตั้งแบรนด์ความงานในฝันที่เท็กซัสในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ การทำให้ชีวิตผู้หญิงรุ่มรวยขึ้น ความฝันนั้นผลิดอกออกผลเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกฝ่ายขายอิสระนับล้านในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลากว่า 60 ปี ที่โอกาสของ Mary Kay ได้สนับสนุนให้ผู้หญิงกำหนดอนาคตตัวเองผ่านการศึกษา, การให้คำแนะนำ, การหนุน, และนวัตกรรม Mary Kay อุทิศการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงาน และการผลิตสกินแคร์ล้ำยุค, คอสเมติกสี, อาหารเสริม, และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกเพื่อคนในอนาคต การปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากมะเร็งและความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงการสนับสนุนเยาวชนให้เดินตามความฝัน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com เจอเราได้ที่ Facebook, Instagram, และ LinkedIn, หรือติดตามเราได้บน Twitter

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54014468/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารบริษัท Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.

BlueScopeX สนับสนุนความคิดริเริ่มเพื่อพัฒนานวัตกรรมในการก่อสร้างที่ไม่สร้างมลภาวะทั่วอาเซียน

Logo

SINGAPORE–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2024

BlueScopeX บริษัทร่วมลงทุนระดับองค์กรของ BlueScope เข้าร่วมโครงการ Australia Green Economy Innovation Challenge (AGEIC) ซึ่งจัดขึ้นโดย Enterprise Singapore ในการขับเคลื่อนการระดมทุนและการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมเพื่อการเปลี่ยนถ่ายอย่างยั่งยืนในธุรกิจก่อสร้าง BlueScope เป็นผู้นำระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์เคลือบและพ่นสีโลหะสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างอาคาร

AGEIC มีการเปิดตัวเมื่อปลายเดือนเมษายน ปี 2024 โดยมีการรวมกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพและ SME ต่างๆ เข้ามาร่วมมือกับบริษัทรายใหญ่จากออสเตรเลีย โดยมีภาคส่วนสำคัญต่างๆ รวมถึง ภาคส่วนสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง อาหารและการเกษตร ตลอดจนการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาที่ท้าทายด้านความยั่งยืนที่สำคัญ BlueScopeX จะพิจารณาข้อเสนอสำหรับโซลูชันใหม่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการระบายความร้อน การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และความยั่งยืนโดยทั่วไปของอาคารเพื่อภาคส่วนอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์โดยพื้นฐาน ผ่านการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ ระบบ และวิธีการติดตั้งที่ดียิ่งขึ้น โดยครอบคลุมทุกขั้นตอนในกระบวนการก่อสร้างอาคาร ตั้งแต่การออกแบบแนวความคิดตลอดไปจนถึงการก่อสร้าง การดำเนินงาน และแม้กระทั่งการรื้อถอนโครงสร้าง

บริษัทสตาร์ทอัพและ SME ที่สนใจสามารถเข้าร่วมแสดงข้อเสนอโดยละเอียดเกี่ยวกับแนวคิดของตัวเอง แสดงวิธีที่เทคโนโลยีใหม่ของบริษัทจะสามารถปฏิวัติดีไซน์และการก่อสร้างอาคารเพื่อภาคส่วนอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ได้อย่างไร เพื่อให้อาคารเหล่านี้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น ผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก BlueScopeX เพื่อดำเนินการและได้รับการเปิดตัวสำหรับการพัฒนานวัตกรรมดังกล่าว พร้อมทั้งยังสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมของ BlueScope และเครือข่าย ตลอดจนถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ ของบริษัท

ในประเทศในกลุ่มอาเซียน BlueScope เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการขยับขยายการเปลี่ยนถ่ายเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น บริษัทมีการปรับปรุงสีที่ใช้ในโรงงานผลิต เพื่อให้สามารถนำความร้อนกลับมาใช้ใหม่และประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้น ในทำนองเดียวกัน ก็มีการออกแบบสายการผลิตใหม่ ซึ่งช่วยให้ BlueScope สามารถนำไอน้ำจากหม้อต้มกลับมาใช้ใหม่ได้เพื่อเป็นการประหยัดน้ำ นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถประหยัดน้ำได้ถึง 5,000 ตันต่อปีโดยประมาณจากระบบกักเก็บน้ำฝนภายในโรงงานผลิต และมีการติดตั้งกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์โดยรวม 20 เมกกะวัตต์เพื่อช่วยในการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้

BlueScope มีการสร้างสรรค์และเป็นแรงบันดาลใจในโซลูชันอัจฉริยะด้านเหล็กกล้า มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย และบริษัทมีสำนักงานและโรงงานกว่า 160 แห่งใน 16 ประเทศ โดยมีพนักงานทั่วโลก 16,500 คน ในภูมิภาคอาเซียน บริษัทมีฐานการผลิตในท้องถิ่นมาตั้งแต่ปี 1965 โดยรวมถึงการดำเนินงานในอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม BlueScope มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ที่หลากหลาย รวมถึงเหล็กกล้าเคลือบสีสำเร็จรูป COLORBOND® เหล็กเคลือบสังกะสี/อลูมิเนียมอัลลอยด์ ZINCALUME® รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับการก่อสร้างอาคารต่างๆ ของ LYSAGHT®

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

James Li | Vice President, Business Transformation, NS BlueScope Pte. Ltd.
โทร +65 6832 3512 | มือถือ +65 9626 2750
อีเมล์ james.li@bluescope.com | เว็บไซต์ www.nsbluescope.com
A 238B Thomson Road, #17-01 Novena Square Tower B, Singapore 307685

แหล่งข้อมูล: BlueScopeX

ACT Abu Dhabi เปิดให้บริการแล้ว

Logo

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–16 พฤษภาคม 2024

Arabian Chemical Terminals LLC ในอาบูดาบี (ACTAD) มีความภูมิใจที่จะประกาศการเริ่มต้นการดำเนินงานของคลังถังเก็บสารเคมีที่สร้างขึ้นใหม่ในท่าเรือคาลิฟา เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาคารนี้เป็นคลังถังเก็บสารเคมีเชิงพาณิชย์แห่งแรกในเอมิเรต

ACT Abu Dhabi open for business (Photo: AETOSWire)

ACT Abu Dhabi เปิดให้บริการแล้ว (ภาพ: AETOSWire)

ACTAD ตั้งอยู่ในท่าเรือคาลิฟาระดับโลกแห่งใหม่และอยู่ติดกับเขตเศรษฐกิจ Khalifa Abu Dhabi (KEZAD) ที่ทันสมัยและกว้างขวาง โดยมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ๆ ในเอมิเรต

ACTAD ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นอย่างทันสมัยตามมาตรฐานสากลสูงสุด และมีถังที่มีคุณสมบัติต่างๆ รวมทั้งหมด 40 ถัง (เหล็กกล้าคาร์บอน 20 ถัง รวมถึง IFR 10 ถัง และสแตนเลส 20 ถัง รวมถึงถังหุ้มฉนวน พร้อมระบบทําความร้อน/ทําความเย็น10 ถัง) รวมความจุ 100,000 CBM ถังแต่ละถังมีท่อส่งเฉพาะไปยังท่าเทียบเรือขนาด 16 เมตรและช่องโหลดรถบรรทุกโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนข้ามผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมประสิทธิภาพการทํางานสูงสุดและความยืดหยุ่นให้กับลูกค้า

นอกจากนี้ ไซต์งานยังมีคลังสินค้าขนาด 500 ตารางเมตรสําหรับสินค้าอันตราย และจัดเตรียมถังบรรจุ/IBC

อาคารมีห้องปฏิบัติการสํารวจที่มีอุปกรณ์ครบครันของบุคคลที่สาม ที่ดําเนินการอย่างอิสระสําหรับการสุ่มตัวอย่างและการทดสอบ

ACTAD ดําเนินงานด้วยระบบการจัดการแบบบูรณาการตามมาตรฐานสากล ISO-9000, 14000, 18000, CDI-T และ ISGOTT

ท่าเทียบเรือจะช่วยให้อุตสาหกรรมในท้องถิ่นนําเข้าความต้องการสารเคมีเหลวจํานวนมาก หรือส่งออกผลิตภัณฑ์เคมีเหลวไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังสามารถทําหน้าที่เป็นศูนย์กลางการจัดเก็บและ/หรือการดําเนินงานแบบแบ่งกลุ่มสําหรับบริษัทระหว่างประเทศได้ เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตทัณฑ์บนภายในท่าเรือคาลิฟา

ACTAD เป็นส่วนขยายของ Arabian Chemical Terminals Ltd ในซาอุดิอาระเบีย (ACT-KSA) ACT-KSA เป็นเจ้าของ/ผู้ดําเนินการท่าเทียบเรืออีกสองแห่ง แห่งหนึ่งใน Yanbu บนชายฝั่งทะเลแดง และอีกหนึ่งแห่งในท่าเรือพาณิชย์ Jubail บนอ่าวอาหรับ จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในยานบูในปี 1986 ACT-KSA เป็นคลังเก็บถังเชิงพาณิชย์แห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นในซาอุดิอาระเบียโดยเริ่มด้วยคามจุ 13,000 CBM ในปี 2012 ACT-KSA ได้สร้างสถานที่จัดเก็บสินค้าเชิงพาณิชย์แห่งแรกจำนวนมากใน Jubail โดยเพิ่มความจุในการจัดเก็บอีก 70,000 CBM โดยมีถังตามข้อกําหนดและขนาดที่แตกต่างกัน ขณะนี้ท่าเทียบเรือ Jubail อยู่ระหว่างการขยายเพื่อเพิ่มความจุอีก 70,000 CBM

ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/53993781/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Manuel Pereira
m.pereira@act-uae.com

ที่มา: Arabian Chemical Terminals

ลิปสติกสีชมพูและนิ้วหัวแม่มือสีเขียว: Mary Kay Inc. เฉลิมฉลอง 60 ปีแห่งความงามที่ยั่งยืนด้วยกิจกรรมปลูกต้นไม้สุดพิเศษในลูอิสวิลล์

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นผู้นำองค์กรในด้านความยั่งยืนระดับโลกกำลังเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานในลูอิสวิลล์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม บริษัทได้ร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation และ Keep Lewisville Beautiful เพื่อเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ที่สวน Railroad Park เพื่อเฉลิมฉลองมารดาของธรรมชาติและวันแม่แห่งชาติ

Trees planted at Railroad Park directly impact Lewisville communities by providing important ecosystem benefits in the Trinity River watershed. (Photo: Mary Kay Inc.)

ต้นไม้ที่ปลูกใน Railroad Park ส่งผลโดยตรงต่อชุมชนลูอิสวิลล์ด้วยการให้ประโยชน์ทางระบบนิเวศที่สำคัญในลุ่มแม่น้ำ Trinity River (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

“ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น Arbor Day Foundation Mary Kay สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ทั่วโลก” Ryan Rogers ผู้เป็น CEO ของ Mary Kay, Inc. และหลานชายของ Mary Kay Ash กล่าว “แต่การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่สวนหลังบ้านของคุณเอง เราสนุกกับการ 'ดูแล' ชุมชนด้วยการปลูกต้นไม้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวในท้องถิ่นสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป”

อาสาสมัครของ Mary Kay ปลูกต้นไม้พื้นถิ่น 60 ต้นตามเส้นทางและทางน้ำใน Railroad Park ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวันครบรอบ 60 ปีของบริษัทในการยกระดับชีวิตของผู้หญิงและครอบครัวของพวกเธอทั่วโลกและการปกป้องโลก สวนสาธารณะแห่งนี้อยู่ห่างจากศูนย์การผลิต/วิจัยและพัฒนา Richard R. Rogers (R3) Manufacturing/R&D Center อันล้ำสมัยของ Mary Kay เป็นระยะทางสี่ไมล์ ต้นไม้ที่ปลูกในสถานที่นี้ส่งผลโดยตรงต่อชุมชนลูอิสวิลล์ด้วยการให้ร่มเงาที่จำเป็นมากในพื้นที่ชุมชน ปรับปรุงทัศนียภาพความสวยงามของพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ และให้ประโยชน์ต่อระบบนิเวศที่สำคัญในลุ่มแม่น้ำ Trinity River

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็น Mary Kay มีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ในลูอิสวิลล์” TJ Gilmore นายกเทศมนตรีของลูอิสวิลล์กล่าว “โครงการริเริ่มนี้ไม่เพียงแต่เป็นอากาศบริสุทธิ์ให้กับเมืองของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงความร่วมมือที่เจริญรุ่งเรืองระหว่างชุมชนของเราและบริษัทที่ได้ตอบแทนกลับคืนอย่างต่อเนื่อง เรากำลังทำให้ลูอิสวิลล์ เป็นสถานที่ที่น่าอยู่และเหมาะกับการยิ่งขึ้น”

ความร่วมมือระหว่าง Mary Kay และมูลนิธิ Arbor Day Foundation มีมาอย่างยาวนานมากกว่า 16 ปี และในช่วงระหว่างนั้นบริษัทได้ช่วยปลูกต้นไม้ 1.4 ล้านต้นทั่วทั้งโลก มูลนิธิ Arbor Day Foundation เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีสมาชิกรายใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งอุทิศตนเพื่อการปลูกต้นไม้

Dan Lambe ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Arbor Day Foundation กล่าวว่า “มูลนิธิ Arbor Day Foundation มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือพันธมิตรด้านการปลูกในท้องถิ่นของเราปลดล็อกพลังการเปลี่ยนแปลงของต้นไม้ในชุมชนของพวกเขา” “ต้นไม้ทำให้อากาศของเราสะอาด ทำให้เมืองของเราเย็นลง และทำให้ชีวิตของผู้คนรอบตัวดีขึ้น เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับ Mary Kay และ Keep Lewisville Beautiful อีกครั้งเพื่อเพิ่มผลกระทบของพื้นที่ร่มไม้ (Urban Canopy) ในเมืองและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นมีส่วนร่วมกับธรรมชาติอย่างมีความหมาย”

Keep Lewisville Beautiful เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นที่ร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ในการปลูกต้นไม้และมอบโอกาสให้แก่ผู้อยู่อาศัยในการดูแลพื้นที่ร่มไม้ในลูอิสวิลล์บนพื้นที่สาธารณะ

“การปลูกต้นไม้เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของชุมชนของเรา” Amy Wells กรรมการบริหารของ Keep Lewisville Beautiful กล่าว “ต้นไม้เหล่านี้จะช่วยสร้างร่มเงาให้กับครอบครัวที่มาเยือนสวน Railroad Park เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในท้องถิ่น และจะให้ประโยชน์ทางนิเวศมากมายแก่สภาพแวดล้อมในท้องถิ่นของเรา Keep Lewisville Beautiful รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Mary Kay และ Arbor Day Foundation เพื่อพื้นที่ร่มไม้ในลูอิสวิลล์และสร้างความแตกต่างที่มองเห็นได้ในชุมชนของเราด้วยอาสาสมัคร Mary Kay การบริจาคของเขาให้กับชุมชนของเราและ KLB จะช่วยรักษาความสวยงามของลูอิสวิลล์ต่อไป”

หลังจากการปลูก กรมอุทยานลูอิสวิลล์มุ่งมั่นที่จะบำรุงรักษาและดูแลรักษาต้นไม้ในระยะยาวด้วยการรดน้ำ การตัดแต่งกิ่ง และการดูแลเพิ่มเติมต่อไป

คุณทราบหรือไม่:

  • ศูนย์การผลิตและค้นคว้าวิจัย R3 Manufacturing/R&D Center ในลูอิสวิลล์ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ร่วมก่อตั้งของ Mary Kay Inc. และ Richard R. Rogers  ผู้เป็นลูกชายของ Mary Kay Ash
  • R3 สร้างขึ้นบนพื้นที่ 26 เอเคอร์ มีห้องปฏิบัติการ R&D ที่ล้ำสมัยและเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย
  • 57% ของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตที่ R3 ถูกส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศของ Mary Kay
  • กำลังการผลิตของ R3 สูงถึง 1.1 ล้านผลิตภัณฑ์ต่อวัน โรงงานแห่งนี้มีสายการผลิตบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ 20 สาย และภาชนะแปรรูปและถังผสม 21 ใบ
  • R3 เป็นอาคารที่ได้รับการรับรองระดับเงินด้านการออกแบบและการก่อสร้างอาคาร

เกี่ยวกับ Mary Kay

Then. Now. Always. (ตั้งแต่ก่อนนั้น ตอนนี้และตลอดไป)  Mary Kay Ash เป็นหนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกเดิม เธอได้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของตัวเองในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือ เพื่อทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลา 60 ปีที่โอกาสของ Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัย เครื่องสำอางตกแต่งแบบมีสี อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราไว้ให้กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต การปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการละเมิดในครอบครัว และส่งเสริมให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com ค้นหาเกี่ยวกับเราใน Facebook Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราใน Twitter

เกี่ยวกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation

มูลนิธิ Arbor Day Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 เป็นองค์กรสมาชิกไม่แสวงหากำไรที่ใหญ่ที่สุดซึ่งได้อุทิศตนเพื่อการปลูกต้นไม้ เราได้ช่วยปลูกต้นไม้มากกว่า 500 ล้านต้นในละแวกใกล้เคียง ชุมชน เมือง และป่าไม้ทั่วโลกร่วมกับพันธมิตรของเรา วิสัยทัศน์ของเราคือการนำไปสู่โลกที่ต้นไม้ถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหาที่สำคัญต่อการอยู่รอด มูลนิธิ Arbor Day Foundation เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกในการปลูก บำรุงเลี้ยง และเฉลิมฉลองต้นไม้ผ่านทางสมาชิก พันธมิตร และโครงการต่างๆ ของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ arborday.org

เกียวกับ Keep Lewisville Beautiful

Keep Lewisville Beautiful (KLB) เป็นองค์กรในเครือที่ไม่แสวงหาผลกำไรและได้รับรางวัลของ Keep America Beautiful และ Keep Texas Beautiful ภารกิจของ KLB คือ “ให้พลเมืองของลูอิสวิลล์มีส่วนร่วมผ่านบริการและการศึกษาเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชน” วิสัยทัศน์ของเราคือการร่วมมือกับชุมชนเพื่อส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทำให้ลูอิสวิลล์เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการอยู่อาศัย ทำงาน และพักผ่อน ในแต่ละปีอาสาสมัครของ KLB ได้อุทิศชั่วโมงอาสาสมัครมากกว่า 10,000 ชั่วโมงในการลดขยะ การให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม และโครงการเสริมความงาม และกำจัดขยะมากกว่า 25 ตันออกจากพื้นที่สีเขียวของชุมชนและทางน้ำ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ keeplewisvillebeautiful.org

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53988232/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.



ANESSA เปิดตัวโครงการ “ANESSA Sunshine” เพื่อสนับสนุนการมีสุขภาวะที่ดีของเด็ก ใน 12 ประเทศโซนภูมิภาคเอเชีย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2567

ANESSA แบรนด์ผลิตภัณฑ์กันแดดอันดับ 1 ในเอเชีย 1 จากเครือ Shiseido เปิดตัวโครงการ “ANESSA Sunshine” ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มเพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของเด็กผ่านการใช้ชีวิตภายใต้แสงแดดอย่างปลอดภัย โดยโครงการนี้จะเริ่มในประเทศญี่ปุ่น และครอบคลุมอีก 12 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ที่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ANESSA ได้แก่ จีน, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, มาเก๊า, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ประเทศไทย และเวียดนาม จุดมุ่งหมายคือการเข้าถึงเด็กกว่า 300,000 คน รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ภายในปี 2573

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

ตามวัตถุประสงค์ของแบรนด์ ANESSA “Free to Shine: สนับสนุนให้ทุกคนใช้ชีวิตเจิดจ้ากลางแสงแดด” โดยโครงการนี้จะประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก เพื่อช่วยให้เด็กสร้างพื้นฐานสำหรับสุขภาพที่ดีตลอดชีวิต ผ่านประสบการณ์ที่ดีภายใต้แสงแดด:

  • กิจกรรมการมีส่วนร่วมของเด็ก
    ANESSA จะจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อส่งเสริมให้เด็กเพลิดเพลินกับสุขภาพที่ดีมากขึ้นโดยการเล่นนอกบ้านอย่างไม่มีข้อจำกัด
  • การศึกษาเรื่องรังสียูวี
    โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ในโรงเรียน สำหรับเด็กและผู้ปกครอง เกี่ยวกับการป้องกันรังสียูวี เพื่อให้เด็กๆ สามารถใช้ชีวิตภายใต้แสงแดดได้อย่างปลอดภัยและมีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น
  • สนับสนุนผู้ป่วยโรคผิวหนังแห้งไวต่อแสงมากผิดปกติ (XP)
    โดยส่งมอบผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด และสนับสนุนเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคผิวหนังแห้งไวต่อแสงมากผิดปกติ (XP) ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่รักษาไม่หาย เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสัมผัสกับรังสียูวี

นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำวิดีโอเพื่อนำเสนอประโยชน์ของการเล่นนอกบ้านที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีของเด็ก ซึ่งสามารถดูได้แล้วในช่องทาง YouTube ของ Shiseido (https://www.youtube.com/watch?v=TEJ3XblARQ8) ซึ่งเนื้อหาของวิดีโอนี้จะนำเสนอมุมมองของผู้ปกครองในประเทศต่างๆ เช่น จีน, ญี่ปุ่น, ไทย และเวียดนาม เกี่ยวกับข้อจำกัดในการเล่นกลางแจ้ง และได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ นพ.อากิระ มาเอะบาชิ (Akira Maehashi, MD) คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของเด็ก  พูดคุยเกี่ยวกับ การเล่นนอกบ้านช่วยให้เด็กๆ พัฒนาได้เต็มที่มากขึ้นอย่างไร

ANESSA ผู้เชี่ยวชาญด้านครีมกันแดดมากว่า 30 ปี คุณชิอากิ โทมิตะ (Chiaki Tomita) ประธานเจ้าหน้าฝ่ายแบรนด์พรีเมียมระดับโลกของ Shiseido กล่าวว่า “ภายใต้วัตถุประสงค์ของแบรนด์ 'Free to Shine' เราเริ่มให้การสนับสนุนผู้ป่วยโรคผิวหนังแห้งไวต่อแสงมากผิดปกติ (XP) ในปี 2547 และในปี 2561 เราก็เริ่มให้ความรู้เกี่ยวกับรังสียูวีและความสำคัญของครีมกันแดดผ่านการร่วมมือกับโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนประถมศึกษาในประเทศญี่ปุ่น โดยมุ่งมั่นที่จะขยายความพยายามเหล่านี้ผ่านโครงการ ANESSA Sunshine เพื่อส่งเสริมให้เด็กๆ เล่นกลางแจ้งเพื่อสุขภาวะที่ดี”

ANESSA ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องจากรังสียูวี พร้อมส่งเสริมให้ผู้คนได้รับประโยชน์จากการใช้ชีวิตภายใต้แสงแดด ซึ่งถือเป็นแหล่งพลังงานที่ดีที่สุด ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนําให้เด็กและวัยรุ่นอายุระหว่าง 5 ถึง 17 ปี ออกกำลังกายอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน (อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)2 ในขณะที่วิถีชีวิตของสังคมยุคใหม่ทำให้การใช้ชีวิตกลางแจ้งลดลง โดยการสํารวจ 3 ที่จัดทําขึ้นโดย ANESSA ในเขตชุมชนพักอาศัยของประเทศญี่ปุ่น, จีน, เวียดนาม และไทย พบว่ามีเด็กน้อยกว่า 50% เล่นกลางแจ้งอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ อ้างอิงจากข้อมลูของศาสตราจารย์ นพ.อากิระ มาเอะบาชิ (Akira Maehashi, MD) คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ที่กล่าวว่า การเล่นกลางแจ้งของเด็กจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกาย, อารมณ์, สังคม, และสติปัญญา รวมถึงช่วยเสริมระบบประสาทอัตโนมัติให้แข็งแรง ซึ่งทั้งหมดนี้จําเป็นต่อสุขภาพตลอดชีวิตของมนุษย์

โครงการ ANESSA Sunshine จะช่วยตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในสังคมสมัยใหม่ ช่วยให้เด็กๆ ทั่วเอเชียสร้างรากฐานสําหรับความเป็นอยู่ที่ดีผ่านประสบการณ์ที่จะได้รับภายใต้แสงแดด

เกี่ยวกับ ANESSA
แบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์กันแดดจากญี่ปุ่นที่ ก่อตั้งขึ้นในปี 1992 นอกเหนือจากครีมกันแดดแล้ว ANESSA ยังช่วยให้ผู้คนเปล่งประกายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดภายใต้แสงแดด ชุดผลิตภัณฑ์ของ ANESSA ใช้สูตรที่พัฒนาเทคโนโลยีป้องกันรังสียูวีที่ล้ำสมัยที่ช่วยบํารุงผิวทั้งในปัจจุบันและอนาคต การันตีด้วยยอดขายอันดับ 1 ในเอเชีย1 ในฐานะแบรนด์ผลิตภัณฑ์กันแดดระดับโลก ANESSA พร้อมให้บริการ 12 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย

เว็บไซต์ของ ANESSA และบัญชีโซเชียลมีเดียทั่วโลก https://www.facebook.com/AnessaThailand

1 Euromonitor, Beauty and Personal Care 2024 edition มูลค่าการขายปลีก ข้อมูลปี 2023 เอเชียตามคําจํากัดความของเอเชียแปซิฟิกของ Euromonitor
2 แนวทางของ WHO เกี่ยวกับการออกกําลังกายและพฤติกรรมเนือยนิ่ง (https://iris.who.int/handle/10665/336656)
3 แบบสํารวจออนไลน์ของ ANESSA เกี่ยวกับการเล่นกลางแจ้งของเด็ก โดยกําหนดเป้าหมายไปที่ผู้ปกครองในโตเกียว เซี่ยงไฮ้ โฮจิมินห์ซิตี้ และกรุงเทพฯ (ผู้ตอบแบบสอบถาม 100 คนในแต่ละเมือง) ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึง 31 มีนาคม 2024

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53976105/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สําหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ: AnessaPR@webershandwick.com

ที่มา: ANESSA

Kolmar BNH องค์กรชั้นนำของเกาหลีที่เชี่ยวชาญด้านการผลิต HemoHIM ทุ่มยอดขายมากกว่า 2% ต่อปีให้กับฝ่ายวิจัยและพัฒนา

Logo

SEJONG, South Korea–(BUSINESS WIRE)–10 พฤษภาคม 2024

Kolmar BNH (KOSDAQ: 200130) ผู้ผลิต HemoHIM ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ ได้กลายเป็นผู้นำในตลาด Original Development Manufacturing (ODM) ระดับโลก จากการบุกเบิกการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา

A researcher from Kolmar BNH Health Food Lab. (Photo: Kolmar BNH)

นักวิจัยจาก Kolmar BNH Health Food Lab (ภาพถ่าย: Kolmar BNH)

Kolmar BNH ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 เป็นบริษัท ODM สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ องค์กร ODM ครอบคลุมภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่การวิเคราะห์แนวโน้มไปจนถึงการวิจัยและการพัฒนา การวางแนวความคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การผลิต และการรับประกันคุณภาพ ตอบสนองลูกค้าที่มีแรงบันดาลใจในการเป็นผู้ประกอบการ โดยเฟรมเวิร์กนี้จะเอื้อในการสร้างโอกาสสำหรับบุคคลที่มีความหลงใหลในการทำธุรกิจและไอเดียใหม่ๆ

รากฐานสำคัญของความสามารถในการแข่งขันของ Kolmar BNH อยู่ที่ความชำนาญด้านเทคโนโลยี ซึ่งได้รับการสนับสนุนการลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนาเป็นสำคัญ บริษัทมีการจัดสรรรายได้จากยอดขายมากกว่า 2% ในแต่ละปีให้กับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งส่งเสริมขีดความสามารถของบริษัทด้วยการจ้างพนักงานตำแหน่งนักวิจัยมากกว่า 30% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด Health Food Lab ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญของ Kolmar BNH ประกอบด้วยนักวิจัยกว่า 100 คนที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอก พร้อมทุ่มเทให้กับการบุกเบิกสูตรและฟังก์ชันใหม่ๆ

Kolmar BNH รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 300 ราย โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาที่มีการส่งเสริมและปรับปรุงกันมาอย่างยาวนาน หนึ่งในลูกค้าหลักของบริษัท ได้แก่ Haleon ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลก สาขาในเกาหลี ซึ่ง Kolmar BNH เป็นผู้ผลิตวิตามินหลัก 'Centrum' ซึ่งจัดจำหน่ายในเกาหลี

HemoHIM ซึ่งจัดจำหน่ายโดย Atomy เป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบของ Kolmar BNH โดยส่วนผสมหลัก ‘สารสกัดเชิงซ้อนจาก Angelica gigas สำหรับ HemoHIM เป็นต้น’ เป็นส่วนผสมรายการแรกที่ได้รับการยอมรับของเกาหลีว่า เป็นส่วนผสมที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบการคุ้มกัน ได้รับการพัฒนาร่วมกันกับสถาบันวิจัยพลังงานปรมาณูของเกาหลี (Korea Atomic Energy Research Institute) ผลิตภัณฑ์นี้มีการจัดจำหน่ายใน 19 ประเทศ รวมถึง ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ไทย ไต้หวัน เอเชียกลาง และอเมริกาใต้

‘HemoHIM G’ ซึ่งได้รับการปรับแต่งสำหรับตลาดยุโรป เป็นข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งถึงขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาของ Kolmar BNH ผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการส่งออกนี้ได้รับการออกแบบสูตรอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบข้อบังคับด้านอาหารที่หลากหลายทั่วประเทศในยุโรป โดยมีการผสมผสานนส่วนผสมที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี เช่น Angelica sinensis, Ligusticum chuanxiong และ Paeonia lactiflora พร้อมปรับแต่งรสชาติและกลิ่นเพื่อตอบสนองความชื่นชอบของผู้บริโภคชาวยุโรป

ยอดขายที่โดดเด่นของ Kolmar BNH ในกลุ่มบริษัท ODM ด้านอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลี เป็นผลมาจากความสำเร็จของ HemoHIM ด้วยยอดขายสูงกว่า 6 แสนล้านวอนภายในหนึ่งทศวรรษครึ่งตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา บริษัทยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ ‘200 Million Dollar Export Tower’ ในพิธีเฉลิมฉลอง ‘Trade Day’ ของสมาคมการค้าระหว่างประเทศแห่งเกาหลี (Korea International Trade Association) ในปี 2021

Kolmar BNH ตั้งเป้าที่จะส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยให้ความสำคัญในการวิจัยและการพัฒนาในการพัฒนาวัตถุดิบ โดยเน้นการค้นหาประสิทธิภาพเพิ่มเติมผ่านการวิจัยเชิงลึกเพื่อ Hemohim G

เจ้าหน้าที่จาก Kolmar BNH กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นบริษัท ODM ชั้นนำในภาคส่วนอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลี Kolmar BNH ยังคงมุ่งมั่นด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างแน่วแน่ โดยมุ่งเน้นบริการที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เราตั้งมั่นที่จะดึงดูดลูกค้าทั่วโลกโดยการนำเสนอความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่สั่งสมมาจากนวัตกรรมที่ผ่านการทุ่มเทมานานหลายปี”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53978813/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Kolmar BNH
Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งข้อมูล: Kolmar BNH

APO ดำริความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์และพันธมิตรระดับโลกเพื่อพัฒนาความสามารถด้านการผลิตให้สูงขึ้น

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–09 พฤษภาคม 2024

องค์การเพิ่มผลผลิคแห่งเอเชีย (The Asian Productivity Organization – APO) ยืนยันในเจตนารมณ์ความมุ่งมั่นในการรับมือกับความท้าทายด้านการผลิตที่เร่งด่วน โดยการดำริความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์และพันธมิตรหลายประการ โดยใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญระดับโลกและความร่วมมือกันระดับโลกเพื่อเพิ่มผลผลิตและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

OECD Secretary-General Mathias Cormann (L) and APO Secretary-General Dr. Indra (R) (Photo: Business Wire)

Mathias Cormann เลขาธิการ OECD (L) และ Dr. Indra เลขาธิการ APO (R) (ภาพถ่าย: Business Wire)

ในความร่วมมือครั้งสำคัญเมื่อไม่นานมานี้ APO ผนึกกำลังกับ Institut Européen d'Administration des Affaires (INSEAD) เพื่อริเริ่มโครงการผู้นำระดับผู้บริหากแบบเต็มรูปแบบ และมีการปรับให้เหมาะสมกับ National Productivity Organizations (NPOs) โดยโปรแกรมนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 เดือนเมษายน ถึงวันที่ 3 เดือนพฤษภาคม ปี 2024 ที่แคมปัส Europe ของ INSEAD ที่ Fontainebleau ประเทศฝรั่งเศส โปรแกรมนี้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร 12 คน ซึ่งเป็นผู้นำ NPOs เข้าร่วม ภายใต้แนวความคิดจากหัวหน้าและผู้ปฏิบัติงานระดับโลกแปดคน โดยมีบุคคลที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Alexandra Roulet อดีตที่ปรึกษาของ Emmanuel Macron  ประธานาธิบดีประเทศฝรั่งเศส  และ Philippe Aghion ผู้ก่อตั้งทฤษฏีการเติบโตใหม่ ซึ่งกล่าวถึงความท้าทายด้านการผลิตที่เกิดขึ้นใหม่และวิธีการเชิงกลยุทธ์สำหรับการแก้ไขปัญหา โดยมุ่งเน้นความเจริญรุ่งเรืองผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

คำกล่าวเปิดงานของ Dr. Indra Pradana Singawinata เลขาธิการของ APO ในช่วงต้นของโครงการ ตอกย้ำถึงความจำเป็นสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการรับมือกับความท้าทายด้านการผลิตด้วยความยืดหยุ่นและนวัตกรรม เฟรมเวิร์กความเป็นผู้นำกำหนดใช้มุมมองที่มุ่งเน้นธุรกิจเป็นศูนย์กลางในการกำหนดความคิดริเริ่มเพื่อประสิทธิภาพการผลิตที่ยั่งยืนและการเติบโตอย่างครอบคลุม กลุ่มผู้นำ NPO ที่เข้าร่วมโครงการจะจัดทำข้อเสนอริเริ่มด้านการผลิตให้เสร็จสิ้นภายในสามเดือน ภายใต้คำแนะนำและการช่วยเหลือจากศาสตราจารย์ Philip Parker จาก INSEAD

การประชุมเชิงกลยุทธ์ระหว่าง Dr. Indra เลขาธิการ APO และ Mathias Cormann เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development – OECD) จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เดือนพฤษภาคม ณ กรุงปารีส การอภิปรายดังกล่าว ยังมีเจ้าหน้าที่ OECD ท่านอื่นๆ เข้าร่วมด้วยเช่นกัน อาทิเช่น Andreas Schaal ผู้อำนวยการฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือระดับโลก, Paul Schreyer ผู้อำนวยการฝ่ายสถิติและข้อมูล และ Thomas Schnöll รองเสนาธิการ โดยมุ่งเน้นการทำงานร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต ความยั่งยืน และนวัตกรรม โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผสานร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องระหว่าง APO และ OECD โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการดำเนินโครงการร่วมกันด้านการวัดผลผลิตภาพและสถิติ

จากการเป็นสมาชิกใน Global Forum on Productivity (GFP) ของ OECD ตั้งแต่ปี 2020 APO มีความมุ่งมั่นและเสริมสร้างความร่วมมือกับฝ่ายบริหาร GFP เมื่อวันที่ 2 เดือนพฤษภาคม โดยตั้งเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่สมาชิก APO ในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพด้านการผลิตและการกำหนดนโยบาย ทั้งสองฝ่ายยืนยันในความมุ่งมั่นทีจะใช้ GFP เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนนโยบายและความร่วมมือกันด้านการวิจัย

การประชุมระดับสูงหลายวาระสิ้นสุดลงด้วยการอภิปรายที่มีประสิทธิผลระหว่าง Dr. Indra เลขาธิการ และโฆษกของ National Council of Productivity Alain Durre แห่งประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 3 เดือนพฤษภาคม โดยมีการสำรวจช่องทางในการทำงานร่วมกัน รวมถึงการสนับสนุนโครงการให้คำปรึกษาด้านนโยบายและอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนด้านการวิจัยผลิตภาพ

ความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์และความร่วมมือกันเหล่านี้เน้นย้ำถึงความทุ่มเทของ APO ในการจัดหาเครื่องมือและความเชี่ยวชาญให้แก่สมาชิก เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายด้านการผลิตที่ซับซ้อน ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน และความเจริญรุ่งเรืองทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เกี่ยวกับ APO

Asian Productivity Organization (APO) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาคที่อุทิศตนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการผลิตในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยเน้นการทำงานร่วมกัน ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่แสวงหาผลกำไร และไม่เลือกปฏิบัติ APO ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้งแปดคน ปัจจุบันประกอบด้วยประเทศสมาชิก 21 ประเทศ ได้แก่ บังคลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ไอ.อาร์.อิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย เตอร์กิเย และเวียดนาม

APO ดำเนินการวางแผนอนาคตสำหรับภูมิภาคโดยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสมาชิกผ่านบริการให้คำปรึกษาด้านนโยบายระดับชาติ ทำหน้าที่เป็นคลังความคิด ริเริ่มการสร้างขีดความสามารถระดับสถาบัน และการแบ่งปันความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิต

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53978778/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม:
Digital Information Unit, APO: pr@apo-tokyo.org
โทรศัพท์: +81-3-3830-0411
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org

แหล่งข้อมูล: Asian Productivity Organization

MOGAS ร่วมไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ Vincent Louis Mogas ประธานผู้ก่อตั้งอันเป็นที่รักของพวกเขา

Logo

HOUSTON–(BUSINESS WIRE)–04 พฤษภาคม 2024

MOGAS ร่วมไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ Vincent Louis Mogas ประธานผู้ก่อตั้งอันเป็นที่รักของพวกเขา ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 เดือนพฤษภาคม ปี 2024 ในเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส Louis ใช้เวลาทั้งชีวิตในการสร้างธุรกิจการผลิตวาล์วและวัฒนธรรมบริษัทที่ยึดมั่นในความดี

V. Louis Mogas, Founder and Chairman of MOGAS Industries (1939 - 2024) (Photo: MOGAS Industries Inc.)

V. Louis Mogas ผู้ก่อตั้งและประธานของ MOGAS Industries (1939 – 2024) (ภาพถ่าย: MOGAS Industries Inc.)

MOGAS Industries ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี 1973 เมื่อ Louis Mogas ซื้อร้านขายเครื่องจักรขนาดเล็กในเมืองฮูสตัน อีกไม่นาน เขาก็ได้รับสิทธิ์ในการให้บริการและผลิตวาล์วลูกกลมจาก Cameron Iron Works ภายใต้การนำของ Louis บริษัทได้ศึกษาความล้มเหลวของวาล์วและก่อตั้งแผนก R&D เพื่อปรับแต่งวาล์วสำหรับการใช้งานเฉพาะด้าน ตั้งแต่ปี 2000 MOGAS ได้จัดตั้งสำนักงานขายและบริการในออสเตรเลีย จีน ยุโรป แคนาดา อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง และอินเดีย

ในช่วงต้น Louis Mogas มีการแนะนำพฤติกรรมทางธุรกิจที่กลายเป็นรากฐานค่านิยมหลักของบริษัท –ทุกคนเป็น CEO ในแต่ละส่วน ทำให้งานเป็นเรื่องสนุก ทำในสิ่งที่ถูกต้อง และอื่นๆ อีกมากมาย เขาเชื่อมั่นว่า สามารถทำให้งานเป็นเรื่องที่สนุกและมีเกียรติได้ และมีทีมงานเพียงทีมเดียวที่ MOGAS ที่ขับเคลื่อนหลักการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปัจจุบัน

ในขณะที่ Louis ได้รับรางวัลของบริษัทมากมาย รวมถึง The Inc. 500 Fastest Growing Private Companies, multiple Best Companies to Work For in Texas, vendor excellence, Texas Family Large Business of the Year Finalist และ Best Quality Product เขามีความภูมิใจในความใจบุญสุนทานของตัวเองและครอบครัว และการระดมทุนของพนักงาน และการเป็นอาสาสมัคร โดยรวมถึง Ronald McDonald House HoustonThe Periwinkle FoundationCamp for AllNational Multiple Sclerosis Association และโรงเรียนประจำเขตฮูสตันหลายแห่ง ในปี 2017 Louis Mogas ได้รับเกียรติยกย่องให้เป็นศิษย์เก่าดีเด่นของ Texas A&M University ที่ Kingsville จากการก่อตั้ง Mogas Family Perseverance Scholarship Endowment. MOGAS Industries ยังมีการมอบทุนการศึกษาและเงินสมทบเพื่อการศึกษาให้กับพนักงานและบุตรหลานของพนักงาน และให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาฝึกงานภาคฤดูร้อน

ครอบครัวของ Louis Mogas ทีมผู้บริหารระดับสูงของ MOGAS และพนักงานบริษัททั่วโลกต่างร่วมกันไว้อาลัยในการสูญเสียชายผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งความเป็นผู้นำของเขาสอดคล้องกับความหลงใหลและความกระตือรือร้นในการใช้ชีวิตและการรับใช้ผู้อื่น เราทุกคนจะเก็บบทเรียนที่ได้รับการแบ่งปันจาก Louis ไว้ในใจ และเราจะแบ่งปันมรดกของเขาให้โลกได้รับรู้ผ่านผลงานและการใช้ชีวิตของพวกเรา

“ดำเนินชีวิตตามค่านิยมของคุณในการทำงานอยู่เสมอ เพื่อว่า เมื่อคุณขับรถกลับบ้านในแต่ละวัน คุณจะมีความภาคภูมิใจในตัวเอง” Louis Mogas

เกี่ยวกับ MOGAS INDUSTRIES, INC.

MOGAS Industries เป็นบริษัทเทคโนโลยีการบริการระดับสูงที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด พร้อมนำเสนอวิศวกรรม/การเคลือบพื้นผิว หน่วยกระบวนการโมดูลารฺ และการสนับสนุนหลังการขาย ผลิตภัณฑ์และบริการเฉพาะทางที่มีชื่อเสียงระดับโลกของเราเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับระบบการใช้งานที่สำคัญในอุตสาหกรรมพลังาน เหมืองแร่ น้ำมันและก๊าซ การกลั่น เคมี/ปิโตรเคมี เยื่อกระดาษและกระดาษ และอุตสาหกรรมเฉพาะทาง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่

https://www.businesswire.com/news/home/20240503919754/en/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20240503919754/en/

ติดต่อ

marketing@mogas.com

แหล่งข้อมูล: MOGAS Industries, Inc.


พิธีมอบรางวัล 2024 Japan Prize Award จัดขึ้นโดยมีสมเด็จพระจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่นเข้าร่วม

Logo

ศาสตราจารย์ Sir Brian J. Hoskins และศาสตราจารย์ John Michael Wallace ในสาขาทรัพยากร พลังงาน สิ่งแวดล้อม และโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม

ศาสตราจารย์ Ronald M. Evans ในสาขาวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ทางเภสัชศาสตร์

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–23 เมษายน 2024

Japan Prize Foundation (ประธาน: Hiroshi Komiyama) ได้จัดพิธีมอบรางวัลเมื่อวันอังคารที่ 16 เดือนเมษายน ที่โรงแรมอิมพีเรียลโตเกียวในเขตชิโยดะ กรุงโตเกียว เพื่อมอบรางวัล Japan Prize ให้กับนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างสรรค์ผลงานที่น่าทึ่ง และประสบความสำเร็จในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับโลก และมีส่วนสำคัญในการตระหนักถึงสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองเพื่อมวลมนุษยชาติ

ศาสตราจารย์ Sir Brian J. Hoskins (UK) และศาสตราจารย์ John Michael Wallace (USA) ผู้ชนะเลิศในสาขาทรัพยากร พลังงาน สิ่งแวดล้อม และโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม และศาสตราจารย์ Ronald M. Evans (USA) ผู้ชนะเลิศในสาขาวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ทางเภสัชศาสตร์ เข้าร่วมพิธีมอบรางวัล โดยแต่ละสาขาจะได้รับเงินรางวัล 100 ล้านเยน พร้อมประกาศนียบัตรและเหรียญรางวัล

ในแต่ละปี ผู้ชนะเลิศ Japan prize มาจากการเสนอชื่อจากนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่มีชื่อเสียงกว่า 15,500 คนจากทั่วโลก และจะมีการตัดสินโดยการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ปี สำหรับปี For 2024 มูลนิธิได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 130 รายสำหรับสาขาทรัพยากร พลังงาน สิ่งแวดล้อม และโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม และ 198 รายสำหรับสาขาวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ทางเภสัชศาสตร์ ผู้ชนะเลิศในปีนี้ได้รับการคัดเลือกจากผู้สมัครทั้งสิ้น 328 คน

พิธีมอบรางวัลในปีนี้มีแขกเข้าร่วมประมาณ 150 คน เริ่มจากสมเด็จพระจักรพรรดิและจักรพรรดินี หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐสามสาขาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนจากองค์กรทางสังคมอื่นๆ สมเด็จพระจักรพรรดิทรงพระราชทานพระราชดำรัส ตามด้วยสุนทรพจน์จากผู้ชนะเลิศทั้งสาม และคำกล่าวแสดงความยินดีจาก Hidehisa Otsuji ประธานรัฐสภา

สามารถเข้าชมพิธีมอบรางวัลในปีนี้ได้จากลิงก์ด้านล่าง

ภาษาญี่ปุ่น: https://www.youtube.com/live/9u7k6Al_MlU?si=B8EhDuvEByzFlTKB
ภาษาอังกฤษ: https://www.youtube.com/live/FsNvb9V0ODo?si=vAlfPk94QvCq4Iac

เกี่ยวกับ Japan Prize

การก่อตั้ง Japan Prize ในปี 1981 มาจากแรงบันดาลใจจากความปรารถนาของรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อสร้างรางวัลที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งจะสนับสนุนการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั่วโลก ด้วยการสนับสนุนจากเงินบริจาคจำนวนมาก มูลนิธิ Japan Prize ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะรัฐมนตรีในปี 1983 Japan Prize เป็นรางวัลที่มอบให้กับนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจากทั่วโลก ซึ่งมีการสร้างสรรค์ผลงานที่น่าทึ่งและประสบความสำเร็จในการช่วยพัฒนาสาขาของตนเอง และเป็นส่วนสำคัญในการตระหนักถึงสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองเพื่อมวลมนุษยชาติ นักวิจัยในทุกสาขาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะมีสิทธิ์เข้าแข่งขัน โดยจะมีการคัดเลือกสองสาขาในแต่ละปี โดยคำนึงถึงแนวโน้มปัจจุบันในการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยหลักการแล้ว จะมีเพียงหนึ่งคนในแต่ละสาขาที่จะได้รับรางวัล และได้รับประกาศนียบัตร เหรียญรางวัล และเงินรางวัล พิธีมอบรางวัลในแต่ละปีจะมีสมเด็จพระจักรพรรดและจักรพรรดินี หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐสามสาขาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนจากองค์กรทางสังคมอื่นๆ เข้าร่วม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลเผยแพร่ในครั้งนี้:
The Japan Prize Public Relations Office
อีเมล: japanprize@ml.prap.co.jp

แหล่งข้อมูล: The Japan Prize Foundation

The Bangkok Reporter