ครั้งแรกของโลก: การแข่งขันรถยนต์ไร้คนขับได้รับความนิยมอย่างก้าวกระโดดในอาบูดาบี ในขณะที่ A2RL ซีซั่น 2 แสดงให้เห็นถึงการทำลายสถิติความเร็ว การแซงที่กล้าหาญ และการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ด้วย AI

Logo

  • TUM คว้าแชมป์ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ 6 คันแรกของโลกของ A2RL
  • ทีมจากนานาชาติ 11 ทีม ร่วมแข่งขันชิงเงินรางวัลรวม 2.25 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • มนุษย์ปะทะ AI: อดีตดาวเด่นของ F1 อย่าง Daniil Kvyat ยังคงนำหน้ารถแข่งไร้คนขับอยู่เล็กน้อย โดยในตอนนี้ผู้ขับขี่ที่เป็นมนุษย์ยังคงมีข้อได้เปรียบอยู่เล็กน้อย
  • ชมการแข่งขันได้ที่นี่: https://youtu.be/d9LLZ5mb5cA?si=RgJnvjWhdasZdXZS

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2025

Abu Dhabi Autonomous Racing League หรือ A2RL ได้ส่งมอบช่วงเวลาสำคัญแห่งเทคโนโลยีอัตโนมัติ เมื่อรถแข่งไร้คนขับทั้งหกคันได้ท้าทายขีดจำกัดด้านประสิทธิภาพของ AI ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศครั้งแรกของโลก ณ สนามแข่ง Yas Marina Circuit ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยสถิติความเร็ว การแซงที่กล้าหาญ และการตัดสินใจของ AI ที่รวดเร็วในเสี้ยววินาที โดย TUM ของเยอรมนี ยังคงตอกย้ำถึงความโดดเด่นด้วยการป้องกันตำแหน่งแชมป์เอาไว้ได้ ตามมาด้วย TII Racing (UAE) ในอันดับที่สอง และ PoliMOVE (อิตาลี) ในอันดับที่สามการแข่งขันระหว่างทีมจากนานาชาติ 11 ทีมเพื่อชิงเงินรางวัลรวม 2.25 ล้านเหรียญสหรัฐ และการดวลกันระหว่างมนุษย์กับ AI ซึ่งมีอดีตสตาร์ F1 อย่าง Daniil Kvyat เป็นดาวเด่นของงาน งานนี้แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันและเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังนั้นได้พัฒนาก้าวหน้าไปมากเพียงใดนับตั้งแต่ฤดูกาลที่ 1

World First: Autonomous Racing Leaps Forward in Abu Dhabi as A2RL Season 2 Showcases Record Speed, Bold Overtakes and Real-Time AI Decision-Making (Photo: AETOSWire)

ครั้งแรกของโลก: การแข่งขันรถยนต์ไร้คนขับได้รับความนิยมอย่างก้าวกระโดดในอาบูดาบี ในขณะที่ A2RL ซีซั่น 2 แสดงให้เห็นถึงการทำลายสถิติความเร็ว การแซงที่กล้าหาญ และการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ด้วย AI (ภาพ: AETOSWire)

นับตั้งแต่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ทีม TUM เจ้าของตำแหน่งโพลโพซิชันต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากทีม Unimore (อิตาลี) ที่ได้โชว์ความเร็วทำลายสถิติของตนเอง ไล่ตามมาและแซงขึ้นนำในโค้งที่ 6 ก่อนจบรอบที่สอง โดยตลอดสิบรอบต่อมา ทั้งคู่ยังคงต่อสู้กันด้วยความเร็วกว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้เวลาห่างกันไม่ถึงหนึ่งวินาทีตลอดการแข่งขัน เมื่อถึงครึ่งทางของการแข่งขัน 20 รอบ ทั้งคู่ไล่ตามมาติดๆ ในเวลาไม่ถึงครึ่งวินาที จนไปเจอกับทีมในกลุ่มท้ายๆ ในขณะที่ Unimore กำลังจะแซง Constructor (เยอรมนี) อันดับที่ 6 แต่กลับชนเข้าไปที่ท้ายรถกลางโค้ง ส่งผลให้รถทั้งสองคันออกนอกเส้นทาง และเสียตำแหน่งนำให้กับ TUM ซึ่งคว้าชัยชนะไปครอง ส่วน Unimore คว้ารางวัลความเร็วรอบที่เร็วที่สุดในการแข่งขัน

ถ้วยรางวัลและเหรียญรางวัลถูกมอบให้กับผู้ชนะการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของ A2RL โดยชีค Zayed bin Mohamed bin Zayed Al Nahyan, ชีค Mohammed bin Sultan bin Khalifa Al Nahyan รองประธานสโมสรกีฬาทางทะเลนานาชาติอาบูดาบี และประธานสหพันธ์กีฬาทางทะเลแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ ฯพณฯ Faisal Al Bannai ที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเลขาธิการสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง

ฯพณฯ Faisal Al Bannai ได้แสดงความคิดเห็นถึง A2RL ว่า: “A2RL แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อความทะเยอทะยานอันแรงกล้ามาบรรจบกับวินัยทางวิทยาศาสตร์ งานนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่เป็นสนามทดสอบที่เร่งอนาคตของระบบอัตโนมัติ พร้อมกับสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนในเทคโนโลยีที่จะแผ่ขยายไปทั่วเมือง ทางอากาศ และอุตสาหกรรมของเราในเร็วๆ นี้ สิ่งที่เกิดขึ้นบนเส้นทางนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของบุคลากรที่มีความสามารถระดับโลก การวิจัยที่เข้มข้น และความเชื่อมั่นของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ว่าความก้าวหน้าจะเกิดขึ้นเร็วขึ้นเมื่อคุณเชิญชวนให้โลกร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมไปกับคุณ”

ศาสตราจารย์ Markus Lienkamp หัวหน้าทีม TUM กล่าวว่า: “เราคาดหวังไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะมีการแข่งขันที่ดุเดือดกับ Unimore พวกเขาเร็วขึ้นเรื่อยๆ ในทุกการทดสอบ โดยเฉพาะเมื่อใช้ยางเย็น เราคาดว่าพวกเขาจะแซงเราในรอบที่สอง และเราจะเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเมื่อยางเริ่มอุ่นขึ้น แน่นอนว่าเราหวังว่าจะได้เห็นการแข่งขันกับ Unimore จนจบการแข่งขัน โดยสิ่งที่เราแสดงให้เห็นในค่ำคืนนี้คือการพัฒนาอย่างรวดเร็วและความสามารถระดับมืออาชีพของทีมในการแข่งขันชิงแชมป์นี้ทำให้เราสามารถแข่งขันกันอย่างสูสีต่อหน้าผู้ชมในคืนนี้ได้”

Marko Bertogna หัวหน้าทีม Unimore Racing กล่าวว่า: “ผมมีความสุขมากๆ กับสมรรถนะที่เราแสดงให้เห็น ความเร็วของเรา การแซง ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงระดับมืออาชีพที่เราทำได้ แม้แต่นักแข่งที่เป็นมนุษย์ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการชนที่เราประสบได้ นี่คือธรรมชาติของการแข่งรถสมรรถนะสูง ผมมีความสุขมากกับผลลัพธ์ทางเทคโนโลยี แต่แน่นอนว่าไม่ค่อยพอใจกับผลลัพธ์สุดท้ายเท่าไหร่”

ในฤดูกาลที่สอง A2RL และทีมที่เข้าร่วมได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างมากในจุดตัดระหว่างมอเตอร์สปอร์ต โมบิลิตี้ และปัญญาประดิษฐ์ โดย A2RL ซึ่งมักถูกเรียกว่า “วิทยาศาสตร์ในโดเมนสาธารณะ” กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีการแข่งรถไร้คนขับสมรรถนะสูงด้วยการสร้างแรงกดดันในการแข่งขันที่รุนแรง

การแข่งขันรอบคัดเลือกแบบเข้มข้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่เพียงแต่ไล่ตามหลังมนุษย์ด้วยเวลาต่อรอบที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังแซงหน้าพวกเขาด้วย โดยขยับจากที่ตามหลังไม่กี่นาที เหลือเพียงเสี้ยววินาที ในรอบชิงชนะเลิศ ได้มีการสร้างสถิติการแข่งขันรถยนต์ไร้คนขับที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีหกทีมเข้าร่วมการแข่งขัน ประกอบด้วย TUM, Unimore, Kinetiz (UAE), TII Racing, PoliMOVE และ Constructor (ตามลำดับตำแหน่งโพลสตาร์ท)

มนุษย์ปะทะเครื่องจักร: Daniil Kvyat เผชิญหน้ากับนักขับ AI ของ Champion

Daniil Kvyat อดีตนักแข่งฟอร์มูล่าวัน ตกตะลึงกับความก้าวหน้าของทีมต่างๆ นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาต้องเผชิญหน้ากับนักแข่ง AI ในการแข่งขัน A2RL ปี 2024 ที่ประเทศญี่ปุ่น ครั้งนี้ เขาได้ลงแข่งขันกับ HAILEY รถยนต์ไร้คนขับของแชมป์เก่า TUM ซึ่งเริ่มต้นด้วยการออกตัวแบบรวดเดียวด้วยระยะห่าง 10 วินาที โดย Kvyat ได้รับเวลาเพียง 10 รอบในการไล่ล่าคู่แข่ง AI ของเขา ซึ่ง Kvyat สามารถทำสถิติต่อรอบที่ดีที่สุดของเขาที่ 57.57 วินาที ขณะที่ HAILEY ได้ทำสถิติเวลาต่อรอบที่ดีที่สุดคือ 59.15 วินาที โดยเหลือความต่างเพียงแค่ 1.58 วินาทีระหว่างพวกเขา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากช่องว่าง 10 วินาทีเมื่อ 18 เดือนที่แล้ว และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า AI กำลังตามทันอย่างรวดเร็ว โดยการแสดงปิดท้ายจบลงด้วยการที่ทั้งคู่วิ่งข้ามเส้นชัยมาอย่างกระชั้นชิด ซึ่งสร้างความสุขให้กับแฟนๆ บนอัฒจันทร์เป็นอย่างมาก

Daniil Kvyat แสดงความคิดเห็นว่า: “เมื่อย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ตอนที่การพัฒนา A2RL เริ่มต้นขึ้นครั้งแรก ช่วงเวลาระหว่างมนุษย์กับรถ AI อาจจะสั้นเพียงไม่กี่นาที แต่ในโชว์เคสแรกของเราเมื่อปีที่แล้ว เหลือเพียง 10 วินาที และตอนนี้เราได้เห็นประสิทธิภาพที่เร็วกว่าเพียงเสี้ยววินาที ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนี้ช่างน่าทึ่ง ในฐานะผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและเป็นนักแข่ง นี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนานี้มาตั้งแต่เริ่มต้น การได้ลงสนามพร้อมกับนักแข่ง AI นั้นแตกต่างจากที่อื่น และเป็นเรื่องสนุกที่ได้นำการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นมาสู่แฟนๆ ในค่ำคืนนี้”

Stephane Timpano ซีอีโอของ ASPIRE ซึ่งเป็นหน่วยงาน ATRC ที่ขับเคลื่อน A2RL ให้ความเห็นว่า: “ขอแสดงความยินดีกับ TUM สำหรับชัยชนะอันน่าทึ่ง รอบชิงชนะเลิศครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทำไม A2RL ถึงมีอยู่จริง นั่นคือการก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคโนโลยีอัตโนมัติผ่านการแข่งขันจริง ในเวลาเพียง 18 เดือน ทีมต่างๆ ได้พัฒนาจากการหยุดนิ่งไปสู่การทำเวลาต่อรอบที่เหนือมนุษย์ และเอาชนะการแซงที่ซับซ้อนได้ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่ต้องใช้เวลาหลายปี ด้วยการผสมผสาน SIM Sprint เสมือนจริงเข้ากับการทดสอบในโลกแห่งความเป็นจริงอย่างเข้มข้น พวกเขาได้ปลดล็อกศักยภาพที่จะมีอิทธิพลมากกว่าแค่การแข่งขัน ต้องขอขอบคุณทั้ง 11 ทีมที่แสดงให้เห็นว่านวัตกรรมที่แท้จริงภายใต้แรงกดดันนั้นเป็นอย่างไร”

นอกจากนี้ A2RL ยังจัดการแข่งขัน STEM ควบคู่ไปกับการแข่งขันหลัก โดยมีนักเรียนกว่า 140 คนจากทั้งเจ็ดรัฐของเอมิเรตส์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ได้เข้าร่วมโปรแกรมการศึกษาร่วมการแข่งรถอัตโนมัติ DeepRacer ขนาด 1/18 ซึ่งเป็นเงาสะท้อนถึงการแข่งขัน A2RL โปรแกรมนี้มุ่งหวังที่จะสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ โดยในปีนี้ ผู้ชนะของ University League คือ ‘UAE University’ ขณะที่ ‘SABIS – Ras Al Khaimah’ คว้ารางวัลชนะเลิศระดับมัธยมศึกษา

การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของ A2RL ประจำปีนี้ถือเป็นการปิดท้ายของงาน Abu Dhabi Autonomous Week (ADAW – สัปดาห์ไร้คนขับของ Abu Dhabi) ครั้งแรก งานประชุมหกวันที่ได้รวบรวมนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมไว้ด้วยกันในหลากหลายการประชุมสุดยอด นิทรรศการ และกิจกรรมสำคัญๆ มากมาย โดย ADAW ประกอบด้วยการประชุมสุดยอด Abu Dhabi Autonomous Summit, นิทรรศการ DRIFTx และ RoboCup ของเอเชียแปซิฟิก

A2RL ซีซั่น 2 มีผู้เข้าร่วมชมมากกว่า 8,000 คน ความจุ ณ อัฒจันทร์ฝั่งเหนือ ได้รับการสนับสนุนจาก SteerAI ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำด้านโครงสร้างพื้นฐานและ AD Ports Group, พันธมิตรอย่างเป็นทางการอย่าง AWS และ Abu Dhabi Mobility, ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ได้แก่ WIO Bank PHSC, Exxon Mobil และ Castore, พันธมิตรทางเทคนิค PACETEQ, Live in Five, Meccanica 42 และ Vislink รวมถึงพันธมิตรด้านงานอีเวนต์ ได้แก่ Abu Dhabi Gaming, Miral – Yas Island และ UAE Cybersecurity Council

ชมการแข่งขันได้ที่นี่: https://youtu.be/d9LLZ5mb5cA?si=RgJnvjWhdasZdXZS

ที่มา: AETOSwire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251117644875/en

Contacts

Naomi Panter
naomi@navigate.partners

Alexandra Patel
alexandra.patel@edelman.com

ที่มา: Abu Dhabi Autonomous Racing League




Australian Motoring Services ลดเวลาในการรับสายและเวลาการตอบสนองในการส่งคนออกไปถึง 50% ด้วย Boomi

Logo

ผู้ให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียวางรากฐานสำหรับการสนับสนุนลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการบูรณาการระบบที่ราบรื่น

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

Boomiผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศเมื่อวันนี้ว่า Australian Motoring Services (AMS) ได้ปรับปรุงระบบอัตโนมัติและการบูรณาการโดยใช้แพลตฟอร์ม Boomi Enterpriseให้ดีขึ้นอย่างมาก โดยเน้นย้ำด้วยการลดเวลาในการรับสายและเวลาการตอบสนองในการส่งคนออกไปลง 50 เปอร์เซ็นต์

AMS เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการความช่วยเหลือฉุกเฉินข้างทางชั้นนำของประเทศ ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันโดยสโมสรยานยนต์หลักของออสเตรเลีย ได้แก่ RACV, NRMA, RACQ, RAC, RAA และ RACT

ในปี 2025 AMS ได้ลงนามข้อตกลงในการบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนครั้งใหญ่กับผู้ผลิตรถยนต์หรูระดับโลก โดยกำหนดให้ AMS ต้องทำงานภายในระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ของลูกค้าอย่างสมบูรณ์ แต่ยังคงใช้ระบบของตนเองสำหรับการตรวจสอบบัญชี การรายงาน การออกใบแจ้งหนี้ และการจัดการซัพพลายเออร์ ปัญหานี้ทำให้เกิดความท้าทายในการบูรณาการอย่างมาก ทำให้การอัปเดตเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ทำได้ยาก และบังคับให้ต้องดำเนินการตามคำขอด้านการจัดส่งคนออกไปด้วยตนเอง ซึ่งทำให้เกิดความล่าช้าและข้อผิดพลาด

AMS ประสบความสำเร็จในการผสานรวมระบบ CRM เข้ากับแพลตฟอร์มของลูกค้าและซัพพลายเออร์ ทำให้ไม่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลระหว่างระบบด้วยตนเอง แนวทางที่คล่องตัวนี้ช่วยลดเวลาในการรับสายและการตอบสนองของฝ่ายจัดส่งคนได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อดำเนินการผ่านระบบดิจิทัล โดยประหยัดเวลาได้ประมาณ 4-6 นาทีต่อการโทรแต่ละครั้ง และเพิ่มความพึงพอใจให้กับทั้งลูกค้าและพนักงานได้เป็นอย่างมาก

แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ได้สร้างกระแสข้อมูลที่รวดเร็วเป็นพิเศษระหว่างระบบที่แยกจากกัน 11 ระบบ และได้สร้างการบูรณาการแบบสองทางแบบเรียลไทม์ระหว่าง AMS และ CRM ของผู้ผลิตรถยนต์หรู การบูรณาการครอบคลุมตั้งแต่ Salesforce ไปจนถึงระบบจัดส่ง การจัดการเหตุการณ์ และระบบชำระเงินดิจิทัล นอกจากนี้ Boomi ยังช่วยให้บริษัทสร้างส่วนประกอบที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งสามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับประเภทเหตุการณ์และเวิร์กโฟลว์นโยบายที่หลากหลายได้

“การปรับใช้นี้ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ประสิทธิภาพ ความเร็ว และฟีดที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขันเป็นอย่างมากในการทำงานร่วมกับระบบที่ครั้งหนึ่งเคยแตกต่างกันระหว่างเราและลูกค้า” Sid Shekar ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของ Australian Motoring Services กล่าว “ตอนนี้เราสามารถขยายสถาปัตยกรรมที่ Boomi สร้างขึ้นสำหรับโครงการนี้ไปยังบริการสำคัญอื่นๆ ได้แล้ว”

นอกเหนือจากความต้องการเร่งด่วนตามสัญญาผู้ผลิตรถยนต์หรูแล้ว แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ยังได้สร้างระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพที่สามารถซิงโครไนซ์ข้อมูลเหตุการณ์และนโยบายระหว่างระบบแบบเรียลไทม์ได้ แพลตฟอร์มนี้จะส่งมอบข้อมูลที่สอดคล้องและเชื่อถือได้ให้กับ AMS สำหรับการวิเคราะห์และกรณีการใช้งาน AI ในอนาคต เช่น การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์, AI เชิงสนทนา และการสนับสนุนลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI

“การทำงานร่วมกับ Boomi ทำให้เรามีข้อมูลที่สะอาดและเชื่อมต่อกันทั่วทั้งองค์กร โดยนับเป็นก้าวสำคัญสู่ประสบการณ์การขับขี่ริมถนนที่ชาญฉลาดและเป็นส่วนตัวมากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ทั่วประเทศ” Sid Shekar กล่าวเสริม

David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าวว่า ความร่วมมือกับ AMS แสดงให้เห็นว่าโครงการบูรณาการและการทำงานอัตโนมัติสามารถขยายขนาดและสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

“เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้องและด้วยแนวคิดทางวิศวกรรม บริษัทต่างๆ จะสามารถมองเห็นคุณค่าที่ได้จากการบูรณาการและการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ได้แทบจะในทันที และขยายคุณค่านั้นไปทั่วทั้งธุรกิจ” Irecki กล่าว “ปัจจุบัน AMS มีรากฐานที่มั่นคงเพื่อปลดล็อกคุณค่ามหาศาลจากการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และ AI เชิงสร้างสรรค์”

 แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และ AI Agent ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม โดยทาง Boomi ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ซึ่งกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบ Agentic ที่จะช่วยให้องค์กรทุกขนาดมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และมีนวัตกรรมในระดับที่กว้างกว่าเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘Boomi’, โลโก้ ‘B’ และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113184609/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

AUTEL ได้ขับเคลื่อนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูงที่เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2025

AUTEL ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้ร่วมมือกับ ZEEKR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมภายใต้ Geely และ Evolt ที่เป็นบริษัทชั้นนำด้านการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อส่งมอบสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูง “ZEEKR Power @centralwOrld” ในใจกลางย่านธุรกิจและไลฟ์สไตล์ของกรุงเทพฯ

AUTEL's state-of-the-art MaxiCharger DS480 (Air-cooled)

MaxiCharger DS480 อันล้ำสมัยของ AUTEL (ระบายความร้อนด้วยอากาศ)

สถานีชาร์จใหม่นี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี MaxiCharger DS480 (ระบายความร้อนด้วยอากาศ) สุดล้ำสมัยของ AUTEL โดย MaxiCharger DS480 ได้รับการออกแบบมาให้จ่ายไฟได้สูงสุด 400 กิโลวัตต์ ที่ช่วยให้ ZEEKR 7X รถยนต์รุ่นล่าสุดของ ZEEKR สามารถชาร์จเต็มได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที

สถานีแห่งนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อความสะดวก การมองเห็น และความปลอดภัย โดยผสานระบบการจัดการการชาร์จอัจฉริยะของ AUTEL ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะการชาร์จ วางแผนเส้นทาง และชำระเงินได้อย่างราบรื่นผ่านแอป Evolt

“ความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ AUTEL ในการนำเสนอโซลูชันการชาร์จที่ทันสมัย ​​เชื่อถือได้ และใช้งานง่ายสู่เขตเมือง” Henry He ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าว “เราภูมิใจที่ได้ขับเคลื่อนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูงแห่งนี้ และสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย”

ในช่วงเปิดตัวตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคม 2025 เจ้าของรถ ZEEKR สามารถเพลิดเพลินไปกับการชาร์จไฟฟรี ที่จะช่วยเน้นย้ำถึงประสบการณ์การใช้งานระดับพรีเมียมของสถานี และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ AUTEL ที่จะมอบโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟที่มีประสิทธิภาพสูงและยั่งยืน

AUTEL ยังคงขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการมอบโซลูชันที่รองรับการนำพลังงานสะอาดมาใช้ การเดินทางในเมืองที่มีประสิทธิภาพ และประสบการณ์เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ราบรื่นในทุกตลาดทั่วโลก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/20251109589109/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ฝ่ายขายและการตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก:
FiFi Huang
marketing.jp@autel.com

ที่มา: AUTEL

TVS Motor Company เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงาน EICMA ที่ได้โชว์วิสัยทัศน์ระดับโลก

Logo

ผลิตภัณฑ์ใหม่ 6 รายการ “Norton ใหม่ที่กลับมาอีกครั้ง, เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ, หมวกกันน็อคที่รองรับเทคโนโลยีการแสดงผลข้อมูลบนหน้าจอแบบ AR, อุปกรณ์เสริมใหม่ๆ และแผนงานในยุโรป ซึ่งได้ช่วยตอกย้ำการปรากฏตัวในงานแสดงรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของ TVSM

มิลาน–(BUSINESS WIRE)–05 พฤศจิกายน 2025

TVS Motor Company (TVSM) ที่เป็นผู้นำระดับโลกด้านการผลิตยานพาหนะสองล้อและสามล้อ ได้ขึ้นเวทีในงาน EICMA 2025 โดยเป็นการเปิดตัวครั้งแรกที่ถือเป็นงานแสดงรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่จัดแสดงที่โดดเด่น ทาง TVS ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 6 รายการ ทั้งระบบส่งกำลัง ICE และระบบส่งกำลังความร้อน, อุปกรณ์ช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง รวมถึงหมวกกันน็อคที่รองรับเทคโนโลยีการแสดงผลข้อมูลบนหน้าจอแบบ AR, อุปกรณ์เสริมใหม่สุดล้ำ, เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ช่วยยกระดับการเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่และยานพาหนะ และแผนงานการขยายธุรกิจในยุโรป

TVS top leadership team posing with the global showcases at EICMA. From L to R: TVS M1-S, TVS X, TVS eFX three O, TVS RTX 300 and RTX 300 BTO, TVS Tangent RR Concept and RTR HyprStunt Concept.

ทีมผู้บริหารระดับสูงของ TVS ถ่ายภาพร่วมกับโชว์เคสระดับโลกที่งาน EICMA จากซ้ายไปขวา: TVS M1-S, TVS X, TVS eFX three O, TVS RTX 300 และ RTX 300 BTO, TVS Tangent RR Concept และ RTR HyprStunt Concept

ในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรากฏตัวครั้งแรกของ TVSM ที่งาน EICMA Sudarshan Venu ประธาน TVS Motor Company กล่าวว่า “TVS เป็นธุรกิจที่สั่งสมมากว่า 100 ปี ที่มุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า คุณภาพ และให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี ปัจจุบัน เราเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำของโลก โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่สำคัญในกว่า 50 ประเทศ รายได้ 35 เปอร์เซ็นต์ของเรามาจากนอกประเทศอินเดีย การเปิดตัวของ TVSM ครั้งแรกที่งาน EICMA ได้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการลูกค้าในยุโรปด้วยความมุ่งมั่น ความแม่นยำ และความภาคภูมิใจ ด้วยศักยภาพของพอร์ตโฟลิโอที่มีอยู่ การเปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่ 6 รุ่น ศักยภาพจากศูนย์ความเป็นเลิศ 4 แห่งในอินเดีย สิงคโปร์ โบโลญญา และสหราชอาณาจักร รวมถึง Norton รุ่นใหม่ที่กลับมาอีกครั้ง เราพร้อมที่จะสร้างบทใหม่แล้ว

การจัดแสดงผลิตภัณฑ์ของ TVSM ในงาน EICMA นำโดย (ก) TVS RTX 300 – มาตรฐานใหม่ในกลุ่มรถทัวร์ริ่งผจญภัย (ข) TVS X – ยานพาหนะไฟฟ้าที่พัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ คล่องตัว และมีพลศาสตร์ อัดแน่นด้วยนวัตกรรมใหม่ที่เป็นนวัตกรรมแรกในกลุ่ม (ค) TVS M1-S – สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแม็กซี่รุ่นแรกของบริษัท (ง) Tangent RR Concept – จักรยานซูเปอร์สปอร์ตสุดล้ำสมัยพร้อมซับเฟรมแบบโมโนค็อก (จ) TVS eFX three O – แนวคิดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลังที่สุดของบริษัท และ (ฉ) TVS RTR HyprStunt Concept – แนวคิดใหม่ที่ปฏิวัติวงการสำหรับมอเตอร์ไซค์สปอร์ตในเมืองในชีวิตประจำวัน

ในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิด EICMA Peyman Kargar ประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของ TVS Motor Company กล่าวว่า การได้เข้าร่วมงาน EICMA ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่งในการเริ่มต้นบทใหม่อันกล้าหาญของบริษัท เรื่องราวของเราสะท้อนถึงความเป็นเลิศทางวิศวกรรม ความน่าเชื่อถือ และความมุ่งมั่น สำหรับเรา การขับเคลื่อนไม่ใช่การเคลื่อนที่ แต่คืออารมณ์ อิสรภาพ และการเชื่อมต่อ เราตระหนักดีว่ายุโรปไม่ได้เป็นเพียงแค่ตลาด แต่เป็นสถานที่ที่เฉลิมฉลองอารมณ์และความเป็นเลิศในการขับเคลื่อน ดังนั้นเราจึงไม่เพียงแต่นำเสนอผลิตภัณฑ์ TVSM เท่านั้น แต่ยังรวมถึงแบรนด์ Norton อันเป็นตำนานอีกด้วย เราไม่ได้เพียงแค่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ทันสมัยที่สุด อุปกรณ์ขับขี่ คุณสมบัติการเชื่อมต่อ อุปกรณ์เสริม และการดูแลลูกค้าระดับโลก เราพร้อมที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศใหม่ๆ ในยุโรป และเราจะอยู่เคียงข้างคุณในระยะยาว

โชว์เคสของ TVSM ที่งาน EICMA 2025
(รายละเอียดผลิตภัณฑ์และข้อมูลจำเพาะแนบมาด้วย)

ที่ติดกับพาวิลเลี่ยนของ TVS คือ Norton รุ่น “ใหม่” ที่กลับมาอีกครั้ง ได้รับการสร้างขึ้นบนคุณค่าเหนือกาลเวลาทั้งในด้านดีไซน์ ความคล่องตัว และรายละเอียดต่างๆ รังสรรค์ขึ้นใหม่เพื่อนักขี่รุ่นใหม่ ในตลอดห้าปีที่ผ่านมา TVSM ได้ลงทุนไปกว่า 200 ล้านปอนด์เพื่อกอบกู้แบรนด์ระดับตำนาน ซึ่งสร้างขึ้นจากประวัติศาสตร์ นวัตกรรม และความรุ่งโรจน์ในการแข่งขันที่ยาวนานถึง 127 ปี ตอนนี้ Norton พร้อมแล้วที่จะนิยามมอเตอร์ไซค์ระดับพรีเมียมใหม่!

จากมอเตอร์ไซค์สมรรถนะสูงไปจนถึงสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่สร้างนิยามใหม่ให้กับวงการมอเตอร์ไซค์ระดับกลางและการเดินทางในเมืองเพื่อตอบสนองความต้องการของชาวยุโรป

รถยนต์คันแรกจากทั้งหมด 6 คันที่จะเปิดตัวในยุโรปคือ TVS RTX 300 มาตรฐานใหม่สำหรับการท่องเที่ยวผจญภัย สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม RT-XD4 ผสานดีเอ็นเอการแข่งแรลลี่ของ TVS เข้ากับดีไซน์อันประณีตและความสะดวกสบายที่เหมาะสำหรับนักสำรวจยุคใหม่ ไม่ว่าจะพิชิตเส้นทางขรุขระในยุโรปหรือเดินทางผ่านช่องเขาแอลป์ TVS RTX 300 ก็มอบความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างสมรรถนะและความสมดุล TVS RTX 300 โดยจะวางจำหน่ายในอิตาลีในไตรมาสแรกของปี 2026 ในราคา 5,199 ยูโร

ด้วยพันธกิจหลักในการขับเคลื่อนอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน รถยนต์ไฟฟ้าคู่นี้จึงโดดเด่นด้วย — TVS X และ TVS M1-S สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ผสานรวมความคิดสร้างสรรค์ระดับโลก ความเฉลียวฉลาดแบบเอเชีย และความประณีตแบบยุโรป ออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่ในเมืองที่มีรสนิยม ออกแบบโดยทีมงานของเราที่ศูนย์ความเป็นเลิศแห่งสิงคโปร์ TVS M1-S คือการก้าวกระโดดครั้งสำคัญสู่อนาคตแห่งการเดินทางในเมือง ดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถสกู๊ตเตอร์ขนาดใหญ่ มอบความสะดวกสบายและรูปลักษณ์ที่โดดเด่นบนท้องถนน มอเตอร์ขนาด 12.5 กิโลวัตต์ ช่วยให้รถสามารถทำความเร็วจาก 0-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 3.7 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และแบตเตอรี่ขนาด 4.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยจะเปิดตัวในยุโรปภายในสิ้นปี 2026

โดย TVS X ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ถือกำเนิดขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า ออกแบบ พัฒนา และผลิตในอินเดียเพื่อลูกค้าทั่วโลก TVS X คือยานยนต์ที่เพรียวบางและปราดเปรียวตามหลักอากาศพลศาสตร์ อัดแน่นด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ทั้งระบบส่งกำลัง สถาปัตยกรรม และการเชื่อมต่อของรถยนต์ไฟฟ้า ผสานความคล่องตัวและการควบคุมที่เหนือชั้น มาพร้อม Android Auto ระบบนำทาง Google Maps และระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย Qualcomm ที่จะนิยามประสบการณ์การขับขี่ที่เชื่อมต่อใหม่ โดยจะเปิดตัวในยุโรปภายในสิ้นปี 2026

TVS RTR HyprStunt Concept ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ผาดโผนอย่างแม่นยำและการขับขี่ในเมืองที่ดุดัน นี่คือการแสดงออกทางกลไกอันโดดเด่นที่สร้างมาตรฐานใหม่ในด้านการขับขี่ที่เบา คล่องตัว และพร้อมสำหรับการขับขี่ในเมือง

เผยโฉมแนวคิดมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่สองรุ่นเพื่อเป็นตัวอย่างในอนาคต TVS Tangent RR Concept ใหม่ล่าสุดและ TVS eFX three O TVS Tangent RR Concept คือผู้บุกเบิกการออกแบบซูเปอร์สปอร์ตสุดล้ำสมัยที่ผสานประสบการณ์กว่าสี่ทศวรรษในวงการแข่งของ TVS Racing ไว้ด้วยกัน ซับเฟรมแบบโมโนค็อกผลิตจากวัสดุผสมอัจฉริยะที่ช่วยยกระดับอากาศพลศาสตร์และเพิ่มประสิทธิภาพ

TVS eFX three O พลิกโฉมสมรรถนะของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า สู่มาตรฐานใหม่แห่งการขับขี่บนท้องถนน ออกแบบมาเพื่อนักขี่ในเมืองยุคใหม่ รูปลักษณ์ล้ำสมัยถ่ายทอดพลังไฟฟ้าผ่านดีไซน์ที่กระชับ เรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ชาญฉลาดแต่แฝงไว้ด้วยความดุดัน

ในงาน EICMA ทาง TVS Motor ได้เปิดตัวหมวกกันน็อคที่รองรับเทคโนโลยีการแสดงผลข้อมูลบนหน้าจอ (Heads Up Display – HUD) แบบ AR ที่ได้ร่วมมือกับ Aegis Rider สตาร์ทอัพสัญชาติสวิส โดยหมวกกันน็อค Aegis Rider Vision นี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจดจ่ออยู่กับถนนได้อย่างต่อเนื่อง และใช้เทคโนโลยีการยึดติดกับพื้นที่รวมถึงเทคโนโลยี AR เพื่อแสดงข้อมูลสำคัญผ่านหน้าจอที่เป็นเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรเป็นครั้งแรก โดยจอแสดงผลแบบ AR จะช่วยเพิ่มการรับรู้สถานการณ์ด้วยการนำทางแบบเรียลไทม์ การแจ้งเตือนอันตราย และการแจ้งเตือนการโทร โดยไม่รบกวนผู้ขับขี่ ที่นับเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในการยกระดับประสบการณ์การขับขี่และการเชื่อมต่ออัจฉริยะ

ในบรรดาเทคโนโลยีเชื่อมต่อที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเข้ากันได้ระหว่างผู้ขับขี่และยาหนะ ทาง TVSM ได้แสดงให้เห็นถึงการผสานการทำงานของ Android Auto เข้ากับ TVS X โดยชุดอุปกรณ์เชื่อมต่อนี้จะมอบการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ง่ายดาย การนำทางอัจฉริยะ การโทรแบบแฮนด์ฟรี และความบันเทิงผ่าน Google Assistant ที่ผสานรวมความต้องการของชีวิตในเมืองยุคใหม่เข้ากับการเดินทางที่ราบรื่นได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังมี TVS iQube ที่ผสานเข้ากับสมาร์ทวอทช์ ซึ่งจะช่วยกำหนดนิยามใหม่ของการเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่กับยานพาหนะ การผสานการทำงานนี้จะช่วยให้เข้าถึงข้อมูลอัปเดตที่สำคัญแบบเรียลไทม์ ซึ่งรวมถึงสถานะยานพาหนะ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแบตเตอรี่ แรงดันลมยาง การแจ้งเตือนด้านความปลอดภัย และฟีเจอร์ต่างๆ ของสมาร์ทวอทช์

ไลน์ผลิตภัณฑ์อันหลากหลายของ TVS Motor Company ในงาน EICMA 2025 ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ชั้นนำในตลาดที่หลากหลาย ที่ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความสามารถอันเหนือชั้นของบริษัทในการให้บริการแก่ผู้ขับขี่ทุกกลุ่ม ซึ่งรวมถึง TVS Jupiter, TVS NTORQ, TVS Raider และ TVS iQube โดยสปอร์ตไบค์ขนาดกลางรุ่นเรือธงของ TVSM ประกอบด้วย TVS RR 310 แบบฟูลแฟริ่ง และ TVS RTR 310 สปอร์ตไบค์แนวสตรีทเนคเก็ตไบค์ พร้อมด้วย TVS RR 310 รุ่นคาร์บอนไฟเบอร์ลิมิเต็ดอิดิชั่น และ TVS RTR 310 รุ่นสั่งผลิตตามสั่ง โดย TVSM ได้จัดแสดง TVS Ronin roadster สองรุ่น ได้แก่ รุ่นมาตรฐาน และรุ่นพร้อมชุดอุปกรณ์เสริมครบครัน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบสไตล์นีโอเรโทร โดยทั้งสองรุ่นนั้นดูหรูหราและล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีจักรยานไฟฟ้าก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเช่นกัน

นอกจากนี้ TVSM ยังได้จัดแสดงสินค้าพรีเมียมและอุปกรณ์เสริมมากมายที่สะท้อนให้เห็นถึงมรดกแห่งการแข่งรถและเสน่ห์แห่งไลฟ์สไตล์ ประกอบด้วยทั้งหมวกกันน็อคคุณภาพสูง อุปกรณ์ขับขี่ กระเป๋าเป้สะพายหลังสำหรับใส่น้ำ อินเตอร์คอมบลูทูธ และเสื้อผ้าไลฟ์สไตล์ในหลากหลายสไตล์ ทั้งเสื้อยืด เสื้อสเวตเชิ้ต หมวกแก๊ป และแจ็คเก็ตหนัง

เกี่ยวกับ TVS Motor Company

บริษัท TVS Motor (BSE:532343 และ NSE: TVSMOTOR) เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์สองล้อและสามล้อที่มีชื่อเสียงระดับโลก มุ่งมั่นพัฒนาความก้าวหน้าผ่านการเดินทางที่ยั่งยืน ด้วยโรงงานผลิตที่ทันสมัยสี่แห่งในอินเดียและอินโดนีเซีย และรากฐานอันยาวนานกว่า 100 ปี จากความไว้วางใจ คุณค่า และความมุ่งมั่นที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ บริษัทภูมิใจที่ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสุดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ผ่านกระบวนการที่ทันสมัยและยั่งยืน โดย TVS Motor เป็นบริษัทรถจักรยานยนต์เพียงแห่งเดียวที่ได้รับรางวัล Deming Prize อันทรงเกียรติ ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นผู้นำในหมวดหมู่ต่างๆ จากการสำรวจของ J.D. Power IQS & APEAL และการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าของ J.D. Power Norton Motorcycles ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเรา โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหราชอาณาจักร และเป็นหนึ่งในแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่สุดในโลก นอกจากนี้ TVS e-bike Company AG ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเราในด้านยานพาหนะไฟฟ้าส่วนบุคคลยังเป็นผู้นำในตลาดจักรยานยนต์ไฟฟ้าในสวิตเซอร์แลนด์ บริษัท TVS Motor มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับลูกค้าในกว่า 90 ประเทศที่เราดำเนินการ

TVS เปิดตัวรถทัวร์ริ่งแรลลี่ผจญภัยระดับโลก RTX 300 ที่ EICMA

TVS RTX 300 คือมาตรฐานใหม่สำหรับนักผจญภัยที่นำความแม่นยำในการแข่งขันและความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันมาไว้ในแพลตฟอร์มเดียว โดยได้รับการสร้างขึ้นจากแพลตฟอร์ม RT-XD4 ที่ได้ผสานดีเอ็นเอของการแข่งรถแรลลี่ของ TVS เข้ากับดีไซน์ที่ประณีตและความสะดวกสบายที่เหมาะสำหรับนักสำรวจยุคใหม่ ไม่ว่าจะพิชิตเส้นทางขรุขระในยุโรปหรือเดินทางผ่านช่องเขาแอลป์ TVS RTX 300 ก็สามารถมอบความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างสมรรถนะและความสมดุลได้

ขุมกำลังทางวิศวกรรม

TVS RTX 300 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ DOHC ระบายความร้อนด้วยของเหลว มีความจุขนาด 299.1 ซีซี ให้กำลัง 36 แรงม้า แรงบิด 28.5 นิวตันเมตร โดยให้แรงบิดทันทีและการควบคุมที่เหนือชั้นบนทุกสภาพพื้นผิว เฟรมเหล็กกล้าน้ำหนักเบาแบบถักและสวิงอาร์มอะลูมิเนียมที่จะมอบความคล่องตัว พร้อมเกียร์ 6 สปีดที่มาพร้อมกับระบบช่วยออกตัวและสลิปเปอร์คลัตช์ที่จะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่นบนทุกสภาพพื้นผิวที่ท้าทาย

การออกแบบเพื่อการผจญภัย

ระยะห่างจากพื้นสูง (200 มม.) และเบาะนั่งขนาด 835 มม. ที่เข้าถึงง่าย ที่จะช่วยมอบความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ที่หลากหลาย แฮนด์บาร์ที่กว้างขึ้น เบาะนั่งตั้งตรง และถังน้ำมันที่ออกแบบมาอย่างประณีตยังช่วยมอบความสะดวกสบายในการขับขี่ระยะไกล ดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวแต่สมดุล พร้อมระบบไฟส่องสว่างแบบปรับได้และสัญลักษณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันแรลลี่แบบมินิมอล

การเชื่อมต่ออัจฉริยะ

อินเทอร์เฟซ SmartXonnect ที่มีการเพิ่มระบบช่วยเหลือการนำทาง การทำแผนที่เส้นทางแบบบล็อก และระบบจัดเก็บเอกสารดิจิทัล ด้วยระบบสั่งการด้วยเสียง การผสานรวมกับ GoPro และการติดตามแบบเรียลไทม์ ทำให้ TVS RTX 300 เป็นจักรยานทัวร์ริ่งที่เชื่อมต่ออย่างแนบแน่นกับผู้ขับขี่

ข้อมูลจำเพาะและคุณสมบัติหลัก

เครื่องยนต์: 299.1 ซีซี สูบเดียว, ระบายความร้อนด้วยของเหลว, DOHC
กำลัง/แรงบิด: 36 PS @ 9000 rpm, 28.5 Nm @ 7000 rpm
เกียร์ : เกียร์ 6 สปีด, สลิปเปอร์คลัตช์, ควิกชิฟเตอร์
แชสซี: เฟรมโครงเหล็กถัก, สวิงอาร์มหล่ออะลูมิเนียม
ระบบกันสะเทือน: โช้ค USD แบบปรับได้ โช้คเดี่ยวที่มีระยะยุบตัว 180 มม.
ความสูงเบาะ: 835 มม. ระยะห่างจากพื้น: 200 มม.
เทคโนโลยี: SmartXConnect: การมิเรอร์แผนที่, การควบคุม GoPro, TPMS, การควบคุมด้วยเสียง/เพลง

TVS บุกเบิกเส้นทางใหม่ด้วย 3 คอนเซ็ปต์สุดโดดเด่นที่งาน EICMA

ในงาน EICMA 2025 TVS Motor Company ได้เริ่มต้นบทใหม่ที่น่าตื่นเต้นบนเส้นทางอันยาวนานแห่งสมรรถนะ นวัตกรรม และการเชื่อมต่อกับผู้ขับขี่ ผู้นำแห่งนวัตกรรมนี้คือ 3 คอนเซ็ปต์สุดล้ำ ได้แก่ TVS Tangent RR Concept, TVS eFX three O electric concept และ TVS RTR HyprStunt Concept

เมื่อรวมกันแล้ว โมเดลเหล่านี้คือเสาหลักแห่งวิสัยทัศน์ใหม่ของ TVS Motor Company ที่ให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่เป็นหัวใจสำคัญของนวัตกรรม สมรรถนะ และความตื่นเต้นเร้าใจในชีวิตประจำวัน โมเดลเหล่านี้แต่ละรุ่นได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่สมจริงที่ขยายขอบเขตการขับขี่มอเตอร์ไซค์ให้กับผู้ชมทั่วโลก

TVS Tangent RR Concept จะถ่ายทอดมรดกแห่งการแข่งรถของ TVSM ผสมผสานอารมณ์สปอร์ตดิบๆ เข้ากับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ออกแบบมาเพื่อผู้ที่แสวงหาความเร้าใจในสนามแข่งทุกครั้งที่ขับขี่ พร้อมนำเอกลักษณ์ของ DNA แห่งแชมป์เปี้ยนชิพมาสู่ท้องถนน ด้วยซับเฟรมแบบโมโนค็อกที่ผลิตจากวัสดุคอมโพสิตอัจฉริยะ ทำให้มีน้ำหนักเบาและลู่ลมสูง TVS Tangent RR Concept สร้างความเชื่อมโยงอันโดดเด่นระหว่างมนุษย์ เครื่องจักร และความปรารถนาที่จะไปให้เร็วกว่า ไกลกว่า ในทุกๆ วัน ผู้ขับขี่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกแห่งตำนาน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะอันล้ำสมัย อะดรีนาลีน และแรงบันดาลใจ

TVS eFX three O ได้พลิกโฉมนิยามของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าด้วยพลังขับเคลื่อนที่เงียบ ทรงพลัง และนุ่มนวลเป็นพิเศษ พลิกโฉมการเดินทางในชีวิตประจำวันและการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ ออกแบบมาเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการขับขี่มอเตอร์ไซค์บนท้องถนน ด้วยรูปลักษณ์ล้ำสมัยที่ถ่ายทอดพลังไฟฟ้าผ่านดีไซน์ที่กระชับ เรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ อัจฉริยะ และทรงพลัง โดย TVS eFX three O สามารถตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางแห่งอนาคต และโดดเด่นเหนือใครด้วยการมอบทั้งความยั่งยืนและความเพลิดเพลิน รูปทรงที่ล้ำสมัยนี้ผสานความลื่นไหลอันโดดเด่น รังสรรค์ขึ้นจากอุโมงค์ลมและงานออกแบบดิจิทัล

ส่วนขับขี่เต็มรูปแบบที่ผสานรวมระบบ SmartXonnect ได้อย่างราบรื่น ครอบคลุมการวินิจฉัยการขับขี่ การทำแผนที่แบบเรียลไทม์ และการจัดการพลังงานผ่านสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์สวมใส่ ลายเซ็นไฟ Halo แบบลอยตัว ที่เป็นวงแหวนบางๆ ลอยอยู่รอบตัวเทคโนโลยีการมองเห็นแห่งอนาคต เหมือนกับดวงตาที่สามที่มอบวิสัยทัศน์แห่งอนาคต

RTR HyprStunt Concept ได้สร้างคลื่นลูกใหม่แห่งวงการมอเตอร์ไซค์สปอร์ตในเมือง ออกแบบมาเพื่อผู้ที่ชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์หัวใจวัยรุ่นและคนเมืองโดยเฉพาะ ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ผาดโผนอย่างแม่นยำและการขับขี่แบบดุดันในเมือง โดย TVS RTR HyprStunt Concept ได้เน้นย้ำถึงความโดดเด่นบนท้องถนน สัมผัสได้ถึงความเป็นเจ้าของในทุกโค้ง และการขับขี่ในชีวิตประจำวันที่ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพ แต่ยังน่าตื่นเต้นเร้าใจอีกด้วย

รถต้นแบบเหล่านี้ล้วนเป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจของ TVS Motor Company เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และความปรารถนาของผู้ขับขี่ที่เปลี่ยนแปลงไป รถต้นแบบ TVS Tangent RR Concept, eFX three O และ TVS RTR HyprStunt Concept ต่างวางตำแหน่งให้ TVS เป็นผู้นำไม่เพียงแต่ในด้านสมรรถนะ แต่ยังเป็นผู้นำในการสร้างประสบการณ์การขับขี่มอเตอร์ไซค์แห่งยุคใหม่ มอบประสบการณ์ความตื่นเต้นเร้าใจ อะดรีนาลีน และความเป็นหนึ่งเดียวกันของสองล้อให้แก่ผู้ขับขี่ทุกคน ตั้งแต่ผู้ที่ชื่นชอบรถรุ่นเก๋าไปจนถึงนักสำรวจเมือง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251105242034/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Kanika Mehta <kanika.mehta@tvsmotor.com>

ที่มา: TVS Motor Company





Mohammed Ben Sulayem ประธานสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) จะเป็นผู้นำด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และนวัตกรรมในการประชุม Asia Pacific Congress ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย

Logo

ปารีส–(BUSINESS WIRE)–02 ตุลาคม 2025

สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลกและสหพันธ์องค์กรโมบิลิตี้ทั่วโลก จะเดินทางมายังเชียงใหม่ ประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุม FIA Asia Pacific Congress ประจำปี

FIA Asia Pacific Congress Logo

โลโก้การประชุม FIA Asia Pacific Congress

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นโดยราชสมาคมยานยนต์แห่งประเทศไทย ที่ได้รวบรวมผู้นำด้านโมบิลิตี้ของยานยนต์และมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก มาร่วมหารือเกี่ยวกับโครงการริเริ่มสำคัญๆ ด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โมบิลิตี้อย่างยั่งยืน การเติบโตของกีฬาในระดับภูมิภาค รวมถึงนวัตกรรมด้านการขนส่ง โดยมี Mohammed Ben Sulayem ประธาน FIA เข้าร่วมด้วย

Mohammed Ben Sulayem ประธาน FIA กล่าวก่อนการเยือนประเทศไทยว่า: ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เข้าร่วมการประชุม FIA Asia Pacific Congress กับสมาชิกและพันธมิตรของเราที่เชียงใหม่ และผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะสานต่อความก้าวหน้าอันน่าประทับใจของภูมิภาคนี้ ทั้งในด้านโมบิลิตี้และกีฬา

เอเชียและแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดของสหพันธ์ฯ และความมุ่งมั่นของสมาชิกของเราที่นี่กำลังสร้างผลกระทบอย่างแท้จริง ตั้งแต่ถนนที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นและการขนส่งที่ยั่งยืน ไปจนถึงโอกาสใหม่ๆ สำหรับการแข่งขันในระดับรากหญ้าและในระดับอีลิท

การรวมตัวกันครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือทั่วภูมิภาค แบ่งปันความเชี่ยวชาญด้านโมบิลิตี้และมอเตอร์สปอร์ต และช่วยผลักดันลำดับความสำคัญร่วมกันของเราในด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และนวัตกรรม

ธีมของการประชุม FIA Asia Pacific Congress ปีนี้คือ สร้างสรรค์ บูรณาการ เร่งรัด: ขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับโมบิลิตี้และกีฬา โดยโปรแกรมดังกล่าวออกแบบมาเพื่อให้สโมสรสมาชิกมีกลยุทธ์ใหม่ๆ และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มโมบิลิตี้และกีฬาที่กำลังพัฒนา รวมถึงการมุ่งเน้นไปที่แนวปฏิบัติที่ยั่งยืน เส้นทางสู่ระดับรากหญ้าที่เข้าถึงได้ รวมถึงวิวัฒนาการของ AI และบทบาทของ AI ในภาคส่วนต่างๆ ของ FIA

งานนี้จัดขึ้นในขณะที่นวัตกรรมมอเตอร์สปอร์ตและโมบิลิตี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วภูมิภาค

ศรีลังกาเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิก โดยมี 18 ชาติ และนักแข่ง 204 คนเข้าร่วม ขณะที่มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน FIA ‘Arrive and Drive’ Karting World Cup ครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยในปี 2026 Formula 1 จะกลับมาจัดที่ออสเตรเลีย จีน และญี่ปุ่น ร่วมกับ WRC และ WEC ในญี่ปุ่น และ Formula E ในเซี่ยงไฮ้และโตเกียว ในส่วนของโมบิลิตี้ Safe Helmets for Asia Pacific Initiative (SHAP) ได้จัดเวิร์กช็อปครั้งแรกที่มะนิลาเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีตัวแทนจากกัมพูชา จีน เนปาล ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม มาร่วมกันวางแผนเส้นทางใหม่สำหรับหมวกนิรภัยที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

โครงสร้างสโมสรสมาชิก FIA ถือเป็นแกนหลักของการกำกับดูแลและการดำเนินงานของสหพันธ์ โดยสโมสรสมาชิกแต่ละแห่งจะมีสิทธิ์ออกเสียงในการเลือกตั้งและการตัดสินใจด้านกฎระเบียบของ FIA สโมสรจะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก โดยบางสโมสรทำหน้าที่ทั้งสองบทบาท:

  • สโมสรโมบิลิตี้ – ให้บริการด้านการเดินทางและเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของผู้ใช้ถนน โดยมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยทางถนน การเดินทางและการท่องเที่ยว สิทธิผู้บริโภค และการเดินทางอย่างยั่งยืน
  • หน่วยงานกีฬาระดับชาติ (ASN) – กำกับดูแลและพัฒนากีฬามอเตอร์สปอร์ตในระดับชาติ รับผิดชอบกิจกรรมกีฬา ออกใบอนุญาต และมีส่วนร่วมในกฎระเบียบต่างๆ

ภายใน FIA มี 4 ภูมิภาคด้านโมบิลิตี้ และ 6 โซนกีฬา โดยการประชุม Asia Pacific Congress จะต้อนรับสโมสรสมาชิกจาก FIA ภูมิภาค II สมาชิก FIA ทั่วโลกประกอบด้วย 245 สโมสร ใน 149 ประเทศ เชื่อมโยงสมาชิกกว่า 80 ล้านคน

จบ

สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) เป็นองค์กรกำกับดูแลกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลก และเป็นสหพันธ์องค์กรด้านโมบิลิตี้ทั่วโลก โดนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนนวัตกรรมและส่งเสริมความปลอดภัย ความยั่งยืน และความเท่าเทียมกันในกีฬามอเตอร์สปอร์ตและโมบิลิตี้

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251002874909/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

หากต้องการสอบถามข้อมูลสื่อ โปรดติดต่อ:
Geri Sherwin ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารของประธานและโมบิลิตี้: gsherwin@fia.com
Joseph Kidd เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารของประธาน: jkidd@fia.com

ที่มา: FIA

Autel Energy เปิดตัวแพลตฟอร์มการชาร์จรุ่นใหม่: ตั้งแต่โมดูลระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ออกแบบภายในองค์กรไปจนถึงระบบตู้ที่ปรับขนาดได้ เทอร์มินัลประสิทธิภาพสูง และเครื่องชาร์จแบบออลอินวันที่ได้รับการอัปเกรด

Logo

เบอร์ลิน-(BUSINESS WIRE)–05 กันยายน 2025

ด้วยแนวคิด “พลังไร้ขีดจำกัด – เริ่มต้นจากศูนย์” ในงานเปิดตัวระดับโลก Autel Energy Europe ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งเป็นโซลูชันรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และปรับขนาดได้ที่เพิ่มขึ้นในยุโรปและทั่วโลก แพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นจากโมดูลพลังงานระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ออกแบบภายในองค์กร ผสานประสิทธิภาพสูงเข้ากับความสามารถในการปรับเปลี่ยนที่เหนือชั้น มอบโซลูชันการชาร์จที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย

Andreas Lastei, Vice President of Sales and Marketing at Autel Energy Europe, presents the MaxiCharger DS600L

Andreas Lastei รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Autel Energy Europe นำเสนอ MaxiCharger DS600L

MaxiModule LCM60/120: โมดูลระบายความร้อนด้วยของเหลวประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาภายในองค์กร

แกนหลักของแพลตฟอร์มคือโมดูลพลังงานระบายความร้อนด้วยของเหลว MaxiModule LCM60/120 ที่ Autel พัฒนาขึ้นเอง มีให้เลือกทั้งขนาด 60 กิโลวัตต์และ 120 กิโลวัตต์ โมดูลเหล่านี้ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อประสิทธิภาพการแปลงพลังงานสูง ความเสถียรในระยะยาว และการทำงานที่ยั่งยืนภายใต้สภาวะการทำงานที่หนักหน่วง โมดูลเหล่านี้มอบประสิทธิภาพทางความร้อนที่สม่ำเสมอแม้ในขณะที่ใช้พลังงานสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับประโยชน์จากต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของที่ต่ำลง เวลาทำงานที่สูงขึ้น และความสามารถในการปรับขนาดที่พร้อมรองรับอนาคต

MaxiCharger DS600L: ระบบตู้ที่ปรับขนาดได้พร้อมสถาปัตยกรรมแบบซ้ำซ้อน

โมดูลพลังงานใหม่นี้ถูกรวมเข้ากับระบบตู้ชาร์จ MaxiCharger DS600L ของ Autel ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จขนาดใหญ่ที่มีกำลังไฟฟ้ารวมสูงสุด 3 เมกะวัตต์ต่อคลัสเตอร์ตู้ชาร์จ

เพื่อรักษาความต่อเนื่องในการทำงาน MaxiCharger DS600L จึงมีสถาปัตยกรรมสำรองสำหรับส่วนประกอบสำคัญต่างๆ เช่น โมดูลจ่ายไฟ ชุดควบคุม และเมทริกซ์สวิตชิ่ง ซึ่งออกแบบขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ที่จะลดเวลาหยุดทำงานให้เหลือศูนย์ เมื่อใช้ร่วมกับชุดอุปกรณ์ปลายทางของ Autel ระบบจะรองรับการกำหนดค่าไซต์งานที่ยืดหยุ่น รองรับ CCS และ MCS แอปพลิเคชันสำหรับยานพาหนะและคลังสินค้า และการผสานรวม BESS และ PV ได้อย่างราบรื่น ทั้งหมดนี้ควบคุมผ่านระบบ EMS ของ Autel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของพลังงานและประสิทธิภาพการทำงาน DS600L ยังสามารถจับคู่กับชุดจ่ายและชุดอุปกรณ์ปลายทางที่หลากหลายได้อย่างยืดหยุ่น ตั้งแต่เสารถยนต์โดยสารไปจนถึงตู้จ่ายรถบรรทุกสำหรับงานหนัก ทำให้สามารถออกแบบโซลูชันที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการที่หลากหลายของไซต์งาน เทอร์มินัล MaxiCharger DT1500 รองรับเอาต์พุตสูงสุด 1,500 แอมป์ และ 1.44 เมกะวัตต์ จึงมั่นใจได้ถึงความพร้อมสำหรับความต้องการการชาร์จแบบเร็วพิเศษแห่งอนาคต

อัปเกรดเครื่องชาร์จแบบออลอินวันเป็น MaxiCharger DH600

Autel ได้ยกระดับเครื่องชาร์จแบบออลอินวันด้วย MaxiCharger DH600 ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก MaxiCharger DH480 ที่ยังคงขนาดกะทัดรัดและดีไซน์ที่เพรียวบางของรุ่นเดิมไว้ พร้อมมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด MaxiCharger DH600 มาพร้อมกับสายชาร์จระบายความร้อนด้วยของเหลว รองรับกระแสไฟสูงสุด 650 แอมป์ ให้กำลังส่งสูงต่อเนื่อง 600 กิโลวัตต์ พร้อมประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ต่อเนื่องสูงขึ้น ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และความสามารถในการปรับตัวที่ดีขึ้นสำหรับสถานการณ์การชาร์จที่หลากหลาย MaxiCharger DH600 จึงรับประกันการทำงานที่เชื่อถือได้แม้ในสภาวะที่ยากลำบากที่สุด

บริการ MaxiCare และการผสานรวม AI

นอกเหนือจากความก้าวหน้าด้านฮาร์ดแวร์แล้ว Autel ยังเน้นย้ำถึงความสามารถในการให้บริการ MaxiCare และฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เครื่องมือเหล่านี้รองรับการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ การเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายแบบเรียลไทม์ และประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเวลาหยุดทำงาน และมอบกระบวนการชาร์จที่ราบรื่นยิ่งขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ จากจุดนี้ Autel ยังสำรวจการประยุกต์ใช้ AI ในการชาร์จและการตรวจสอบในวงกว้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวางรากฐานสำหรับนวัตกรรมในอนาคต

“ด้วยการพัฒนาโมดูลพลังงานหลักภายในองค์กรและการผสานรวมเข้ากับระบบตู้ที่ปรับขนาดได้ เทอร์มินัลประสิทธิภาพสูง และเครื่องชาร์จแบบออลอินวันรุ่นใหม่ เราจึงมอบความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือให้กับตลาดการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังพัฒนา” กล่าวโดย Andreas Lastei รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Autel Energy ยุโรป “ด้วยแพลตฟอร์มบริการอัจฉริยะและความสามารถของ AI ของเรา รวมถึงความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับ CCS, MCS, BESS และ PV การเปิดตัวครั้งนี้จึงเป็นรากฐานที่ครอบคลุมสำหรับการสร้างเครือข่ายการชาร์จแห่งอนาคต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของยุโรปไปสู่การขนส่งที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์”

*วันวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250905801873/en

Contacts

ฝ่ายขายและการตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก:

FiFi Huang

marketing.jp@autel.com

ที่มา: Autel Energy

Toyoda Gosei ได้พัฒนาเทคโนโลยีการพ่นสี “METEOCOAT” ที่ช่วยให้ยานยนต์ออฟโรดมีรูปลักษณ์อันทรงพลัง

Logo

คิโยสุ ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–26 สิงหาคม 2025

Toyoda Gosei Co., Ltd. (TOKYO:7282) ได้พัฒนา “METEOCOAT” ที่ช่วยเพิ่มพื้นผิวที่ไม่เรียบให้กับพื้นผิวสีของชิ้นส่วนภายนอกที่เป็นพลาสติกเพื่อใช้เป็นลวดลายตกแต่งเพื่อตอบสนองต่อรสนิยมที่หลากหลายของผู้ใช้รถยนต์

Racing vehicle to which METEOCOAT has been applied (Used on bumpers and fenders)

รถแข่งที่ใช้ METEOCOAT (ใช้กับกันชนและบังโคลน)

METEOCOAT โดดเด่นด้วยพื้นผิวขรุขระที่มีลวดลายจางๆ เหมาะสำหรับรถออฟโรด โดยเฉพาะรถที่ขับขี่บนถนนลูกรังบ่อยครั้ง พื้นผิวที่ยื่นออกมาเป็นเอกลักษณ์ของ METEOCOAT โดยเกิดจากการปรับความหนืดของสี นอกจากนี้ยังมีขนาดและสีของส่วนที่ยื่นออกมาให้เลือกในหลากหลายแบบ

บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายยอดขาย METEOCOAT ให้เป็นสินค้าสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของรถยนต์ได้ในทันทีที่ซื้อ โดยเทคโนโลยี METEOCOAT จะถูกนำไปใช้กับรถยนต์จาก Toyota Customizing & Development Asia ที่เข้าร่วมการแข่งขัน Asia Cross Country Rally (AXCR) 2025 ที่ประเทศไทย ในเดือนสิงหาคม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250825076790/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Toyoda Gosei Co., Ltd.
ติดต่อ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์
inquiry@mlist.toyoda-gosei.co.jp

ที่มา: Toyoda Gosei Co., Ltd.


รถ Cadillac สีชมพูอันเป็นเอกลักษณ์ของ Mary Kay ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าด้วย All-New OPTIQ

Logo

รถยนต์สำหรับอาชีพรุ่นใหม่ขับเคลื่อนนวัตกรรม ความยั่งยืน และโอกาสทางธุรกิจสู่อนาคต

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–24 กรกฎาคม 2025

บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องสำอางระดับโลก Mary Kay Inc. ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในมรดกแห่งการเสริมพลังให้กับแบรนด์ ด้วยการเปลี่ยนรถ Cadillac สีชมพูอันเป็นที่รักให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เต็มรูปแบบ โดยรถ Cadillac OPTIQ สีชมพูเปิดตัวครั้งแรกในงานสัมมนาประจำปีของ Mary Kay ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและมีพลัง

“For decades, the Mary Kay pink Cadillac has symbolized accomplishment, aspiration, and the power of recognition,” said Ryan Rogers, Chief Executive Officer of Mary Kay. “With the introduction of the all-electric OPTIQ, we’re honoring that iconic legacy while driving into a transformative future—one grounded in our commitment to sustainability and dedication to inspiring and celebrating the achievements of our independent sales force for generations to come.” (Photo Courtesy: Mary Kay Inc.)

“เป็นเวลาหลายทศวรรษที่รถ Cadillac สีชมพูของ Mary Kay ได้เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ ความปรารถนา และพลังแห่งการยกย่อง” กล่าวโดย Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay “ด้วยการเปิดตัว OPTIQ รถยนต์ไฟฟ้าล้วน เราขอเชิดชูมรดกอันทรงคุณค่านี้ พร้อมกับขับเคลื่อนสู่อนาคตแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และความทุ่มเทในการสร้างแรงบันดาลใจและเฉลิมฉลองความสำเร็จของพนักงานขายอิสระของเราเพื่อคนรุ่นต่อๆ ไป” (เครดิตภาพ: Mary Kay Inc.)

Cadillac OPTIQ ถือเป็นก้าวสำคัญในความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านนวัตกรรม ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการตอบสนองความคาดหวังของสมาชิกฝ่ายขายอิสระของ Mary Kay รุ่นต่อไปและลูกค้า การเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่เครื่องยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของการอัปเกรดรถยนต์เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งวิสัยทัศน์ที่เต็มเปี่ยมสำหรับอนาคตของแบรนด์ความงามอันโดดเด่นนี้

“เป็นเวลาหลายทศวรรษที่รถ Cadillac สีชมพูของ Mary Kay เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ ความปรารถนา และพลังแห่งการยอมรับ” กล่าวโดย Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay “การเปิดตัว OPTIQ ที่ใช้ไฟฟ้าล้วนนี้ถือเป็นการเชิดชูมรดกอันทรงคุณค่านี้ ขณะเดียวกันก็มุ่งหน้าสู่อนาคตที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ซึ่งยึดมั่นในความมุ่งมั่นของเราในการสร้างความยั่งยืนและทุ่มเทเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเฉลิมฉลองความสำเร็จของพนักงานขายอิสระของเราสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป”

“ความสัมพันธ์ของเรากับ Mary Kay ยาวนานหลายทศวรรษและสร้างขึ้นจากคุณค่าร่วมกันของนวัตกรรม การเสริมพลัง และความเป็นเลิศ” กล่าวโดย Ian Hucker รองประธาน GM ของ Envolve “ในขณะที่องค์กรกำลังก้าวเดินอย่างกล้าหาญสู่อนาคตด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า เราภูมิใจที่ได้ยืนเคียงข้างพวกเขา สนับสนุนวิสัยทัศน์ที่ไม่เพียงแต่ยั่งยืน แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจอย่างลึกซึ้งอีกด้วย Cadillac OPTIQ สีชมพู คือก้าวสำคัญที่น่าตื่นเต้น ผสานสมรรถนะและความหรูหราตามที่คุณคาดหวังจาก Cadillac เข้ากับนวัตกรรมที่มีความหมายและผลลัพธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมาย”

เกี่ยวกับ The Pink Cadillac OPTIQ:

  • OPTIQ ยังคงรักษารูปลักษณ์ภายนอกสีชมพูมุกอันเป็นเอกลักษณ์ ขณะเดียวกันก็นำเสนอโครงรถที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย พร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัย ยานยนต์คันนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน พร้อมกับการสร้างแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่อง
  •  ประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ที่โดดเด่นของ OPTIQ ช่วยให้สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 302 ไมล์ตามที่ EPA ประเมินไว้1 แพลตฟอร์มแบตเตอรี่ GM EV ที่ปฏิวัติวงการและชุดขับเคลื่อน รวมถึงการใช้ยางที่มีแรงต้านทานการหมุนต่ำ ยังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มระยะการเดินทางที่น่าประทับใจของรถยนต์อีกด้วย
  • สปอยเลอร์หลังแบบมีช่องระบายอากาศ แผงดิฟฟิวเซอร์ และองค์ประกอบเชิงประติมากรรมอื่นๆ ช่วยเพิ่มอากาศพลศาสตร์ที่ด้านหลังของรถโดยไม่กระทบต่อการออกแบบรถ SUV อันโดดเด่น
  • OPTIQ ผสานความกว้างขวางและความหรูหราภายในห้องโดยสารไว้ด้วยกันอย่างลงตัว การตกแต่งภายในที่สว่างไสวและประดับประดาอย่างประณีตช่วยเสริมการตีความของความหรูหราแบบ Cadillac ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ OPTIQ ขณะที่เทคโนโลยีภายในรถก็ครบครันด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ระบบเสียง AKG 19 ลำโพง และระบบเสียง Dolby Atmos มอบประสบการณ์ที่เหนือระดับ

คุณรู้หรือไม่:

  • รถ Cadillac สีชมพูอันเป็นเอกลักษณ์ถือกำเนิดขึ้นในปี 1968 เมื่อ Mary Kay Ash ซื้อรถ Cadillac Coupe De Ville จากตัวแทนจำหน่ายในดัลลัส และรีบทำสีให้เข้ากับเฉดสีชมพูอ่อนของ Mary Kay® ทันที ต่อมา General Motors ได้ตั้งชื่อสีนี้ว่า “Mary Kay Pink Pearl” และเฉดสีนี้เป็นสีเฉพาะของ Mary Kay เท่านั้น
  •  Mary Kay ได้รับการขนานนามว่าเป็นแบรนด์ขายตรงอันดับ 1 ของผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอางสีในโลก2 โดย Euromonitor International เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันในปี 2023, 2024 และอีกครั้งในปี 2025

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash ผู้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือการทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 40 ตลาด เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่โอกาสของ Mary Kay ได้ส่งเสริมให้ผู้หญิงกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay มุ่งมั่นที่จะลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอมที่ล้ำสมัย Mary Kay เชื่อในการอนุรักษ์โลกของเราไว้สำหรับคนรุ่นต่อไป ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการล่วงละเมิดในครอบครัว และสนับสนุนให้เยาวชนเดินตามความฝันของตนเอง เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้บน Facebook, Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราบน X.

1

 GM – ระยะโดยประมาณอ้างอิงจากการทดสอบการพัฒนาและ/หรือการคาดการณ์เชิงวิเคราะห์ที่สอดคล้องกับ SAE J1634 ฉบับปรับปรุงปี 2017 – MCT และอาจมีการเปลี่ยนแปลงก่อนการผลิต ระยะจริงอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายประการ ได้แก่ อุณหภูมิ สภาพภูมิประเทศ อายุแบตเตอรี่ การบรรทุก และวิธีการใช้งานและการบำรุงรักษารถยนต์ของคุณ ให้ไปที่ www.cadillac.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

2

“ที่มา: Euromonitor International Limited; Beauty and Personal Care 2025 Edition, ยอดขายตามมูลค่าที่ RSP, ข้อมูลปี 2024”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250724749681/en

Contacts

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.

ปัญญาประดิษฐ์คว้าชัยชนะในการแข่งขันโดรนไร้คนขับที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกที่อาบูดาบี

Logo

  •  โดรน AI เอาชนะนักบินที่เป็นมนุษย์ในการแข่งขันโดรนไร้คนขับที่มีความท้าทายและซับซ้อนที่สุดซึ่งจัดขึ้นโดย A2RL x DCL Autonomous Drone Championship ถือเป็นการก้าวล้ำครั้งสำคัญในนวัตกรรมการบินอัตโนมัติ
  •  ผู้ชมกว่า 2,500 คนรับชมการแข่งขันโดรนไร้คนขับที่เก่งกาจที่สุดเพื่อชิงเงินรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐในรูปแบบการแข่งขันสุดล้ำสมัย 4 รูปแบบ
  •  MavLab (TU Delft) ครองแชมป์ชัยชนะ 3 รายการในการแข่งขัน AI Grand Challenge, AI Drag Race และ AI Vs Human ขณะที่ TII Racing (สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี อาบูดาบี) คว้าชัยชนะในการแข่งขัน AI Multi-Autonomous Drone Race

ABU DHABI, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–16 เมษายน 2025

Abu Dhabi Autonomous Racing League (A2RL) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Advanced Technology Research Council (ATRC) ร่วมมือกับ Drone Champions League (DCL) จัดงานแข่งขัน A2RL x DCL Autonomous Drone Championship ครั้งแรกในตะวันออกกลางที่ ADNEC Marina Hall เมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญด้านการบินอัตโนมัติและหุ่นยนต์ทางอากาศ โดรน AI ของทีม MavLab สามารถแซงหน้านักบินมนุษย์ชั้นนำของโลกและคว้าชัยชนะในการแข่งขัน AI vs Human Challenge ได้สำเร็จ การแข่งขันแบบตัวต่อตัวครั้งนี้ถือเป็นการแข่งขันที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีผู้เข้าชิงรางวัลชนะเลิศจาก DCL Falcon Cup ซึ่งบางท่านเป็นนักบินโดรนชั้นนำของโลก

Artificial Intelligence Triumphs in World’s Most Sophisticated Autonomous Drone Race in Abu Dhabi (Photo: AETOSWire)

ปัญญาประดิษฐ์คว้าชัยชนะในการแข่งขันโดรนอัตโนมัติที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกที่อาบูดาบี (ภาพถ่าย: AETOSWire)

ตลอดระยะเวลา 2 วันที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น ทีมจากนานาประเทศ 14 ทีมผ่านเข้ารอบสุดท้าย โดย 4 ทีมแรกจะได้เข้าไปแข่งขันในรูปแบบการแข่งขันที่ท้าทายหลากหลายรูปแบบ ทีมจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย เกาหลีใต้ สาธารณรัฐเช็ก เม็กซิโก ตุรกี จีน สเปน แคนาดา และสหรัฐอเมริกา เป็นตัวแทนฝ่ายห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และผู้ริเริ่มนวัตกรรมสตาร์ทอัพ

แต่ละทีมจะแข่งขันด้วยโดรนมาตรฐานที่ติดตั้งโมดูลคอมพิวเตอร์ NVIDIA Jetson Orin NX ขนาดกะทัดรัดแต่ทรงพลัง กล้องที่หันไปข้างหน้า และหน่วยวัดแรงเฉื่อย (IMU) สำหรับการรับรู้และควบคุมบนโดรน โดรนเหล่านี้อาศัยการประมวลผลแบบเรียลไทม์และการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนโดย AI เพียงอย่างเดียว เพื่อทำความเร็วเกิน 150 กม./ชม. ในสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่ซับซ้อนโดยไม่ต้องอาศัยอินพุทจากมนุษย์

การออกแบบสนามแข่งได้ขยายขอบเขตระบบไร้คนขับ โดยมีระยะห่างระหว่างเกต แสงสว่างที่ไม่สม่ำเสมอ และเครื่องหมายที่มองเห็นได้น้อยที่สุด การใช้กล้องชัตเตอร์แบบโรลลิ่งทำให้การแข่งขันมีความยากมากขึ้น โดยทดสอบความสามารถของแต่ละทีมในการทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและเสถียรภายใต้เงื่อนไขที่ท้าทาย นี่ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจัดการแข่งขันโดรนไร้คนขับในระดับและความซับซ้อนเช่นนี้บนสนามแข่งที่มีภาพไม่ชัดเจน ซึ่งเน้นย้ำถึงความทะเยอทะยานและความท้าทายทางเทคนิคของการแข่งขันครั้งนี้

ไฮไลท์การแข่งขันชิงรางวัล

  •  ผู้ชนะการแข่งขัน AI Grand Challenge : MavLab (TU Delft) ทำลายสถิติเวลาที่เร็วที่สุดในสนามแข่ง 170 เมตร โดยวิ่ง 2 รอบ (22 เกต) ในเวลาเพียง 17 วินาที
  •  ผู้ชนะการประลอง AI vs Human : โดรนไร้คนขับของ MavLab แซงหน้านักบินมนุษย์ชั้นนำในการเผชิญหน้าระหว่าง AI กับมนุษย์อันเป็นที่จดจำ
  •  ผู้ชนะการแข่งขันมัลติโดรนไร้คนขับ : TII Racing คว้าชัยชนะในการแข่งขันรูปแบบมัลติโดรน ในการทดสอบความเร็วสูงของการประสานงาน AI และการหลีกเลี่ยงการชน
  •  ผู้ชนะการแข่งขันแดร็กไร้คนขับ : MavLab (TU Delft) คว้าชัยชนะในการแข่งขันแดร็กที่ใช้ระบบ AI ครั้งแรกของโลก โดยแสดงให้เห็นถึงความเร็วในแนวตรงและการควบคุมภายใต้การเร่งความเร็วสูง โดยแข่งกับทีมชั้นนำของแชมเปี้ยนชิพ

“ที่ ATRC เราเชื่อว่านวัตกรรมต้องได้รับการพิสูจน์ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่เพียงแค่คำสัญญา” H.E. Faisal Al Bannai ที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้านการวิจัยเชิงกลยุทธ์และกิจการเทคโนโลยีขั้นสูง และเลขาธิการ ATRC กล่าว “A2RL ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังเป็นสนามทดสอบระดับโลกสำหรับระบบอัตโนมัติประสิทธิภาพสูง และสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในการพัฒนา AI หุ่นยนต์ และระบบการเคลื่อนที่เจนถัดไปอย่างมีความรับผิดชอบ”

“อนาคตของการบินไม่ได้อยู่ในห้องทดลอง แต่อยู่ในสนามแข่ง” Stephane Timpano ซีอีโอของ ASPIRE ซึ่งเป็นหน่วยงานเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Abu Dhabi Autonomous Racing League กล่าว “สิ่งที่เราเห็นเมื่อสุดสัปดาห์นี้แสดงให้เห็นว่า เราเข้าใกล้การปรับขนาดระบบไร้คนขับในชีวิตประจำวันมากขึ้น” Markus Stampfer, ประธานกรรมการบริหาร DCL กล่าวเพิ่มเติม: “เรานำเงื่อนไขการแข่งขันระดับสูงมาสู่การบินไร้คนขับ และ AI เข้ามารับความท้าทายนี้ นับเป็นก้าวสำคัญทั้งในด้านกีฬาและเทคโนโลยี”

ความภาคภูมิใจหลังคว้าแชมป์ 3 รายการรวดChristophe De Wagter หัวหน้าทีม MavLab กล่าว “การชนะการแข่งขัน AI Grand Challenge และการแข่งขัน AI vs Human ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับทีมของเรา ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์ผลการวิจัยและการทดลองหลายปีเกี่ยวกับการบินไร้คนขับ อัลกอริทึมของเรามีประสิทธิภาพเหนือกว่าในสภาพแวดล้อมที่มีแรงกดดันสูงเช่นนี้และคว้าเงินรางวัลกลับบ้านไปมากที่สุด ถือเป็นรางวัลที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง”

โครงการ A2RL X DCL Drone STEM ซึ่งออกแบบร่วมกับ UNICEF และอยู่ภายใต้การดูแลของ ATRC ได้ฝึกอบรมนักเรียนชาวเอมิเรตส์ไปแล้วกว่า 100 คนในปีนี้ นักเรียนกว่า 60% ได้รับการรับรองจาก Trusted Operator Program อันทรงเกียรติ และ 24 คนได้คะแนนเต็ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทักษะการบินขั้นสูงที่ได้รับการพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ

ในวันนี้ การแข่งขันโดรนรอบชิงชนะเลิศได้สิ้นสุดลงแล้ว ทุกๆ คนต่างจับตาไปที่การแข่งขันรถยนต์ไร้คนขับ A2RL ซีซั่นที่ 2 ที่จะจัดขึ้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2025 ที่สนามแข่ง Yas Marina Circuit ในอาบูดาบี

*แหล่งข้อมูล: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

https://www.businesswire.com/news/home/20250416147445/en

Contacts

Thushara Mohanan
thushara.mohanan@tii.ae

ที่มา: Technology Innovation Institute


Autel Energy เปิดตัวเครื่องชาร์จ MaxiCharger DH480 ความเร็วสูงพิเศษที่งาน EVCharge Live Thailand 2025

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–26 กุมภาพันธ์ 2025

Autel Energy ผู้ให้บริการโซลูชันการชาร์จ EV ชั้นนำ จะทำให้งาน EVCharge Live Thailand 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26-27 กุมภาพันธ์นี้ต้องสั่นสะเทือน ด้วยการเปิดตัวซีรีส์ MaxiCharger DC ใหม่ นำโดยเครื่องชาร์จแบบ All-in-One MaxiCharger DH480 ล้ำสมัย พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์และโซลูชันการชาร์จที่ครอบคลุมทั้ง AC และ DC

Autel Energy at Booth F10, EVCharge Live Thailand 2025 held at BITEC (Photo: Business Wire)

Autel Energy ที่บูธ F10 ในงาน EVCharge Live Thailand 2025 ที่ไบเทค (ภาพ: Business Wire)

 ขอแนะนำคุณสมบัติอันล้ำสมัยของ DH480

DH480 สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการชาร์จ EV ที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเชื่อถือได้ โดยให้กำลังสูงถึง 480kW และรองรับการชาร์จพร้อมกันสูงสุดถึงสี่คัน ซึ่งเหมาะสำหรับสถานที่ที่มีความต้องการการชาร์จสูง(High demand charge) โดยเพิ่มระยะทางได้สูงสุดถึง 1 กม. ต่อวินาที โดยมีอัตราการชาร์จความสำเร็จเกินกว่า 99% ความคล่องตัวของ DH480 ยังขยายไปถึงตัวเลือกการชำระเงินอีกด้วย ด้วยการรองรับบัตรเครดิต, RFID, QR codes และเทคโนโลยี Plug & Charge ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น นอกจากนี้ ซีรีส์ MaxiCharger DC ยังทำงานร่วมกับระบบพลังงานสะอาด เช่น เซลล์แสงอาทิตย์ (PV) และการจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) ทำให้กลายเป็นโซลูชันที่รองรับอนาคตสำหรับการชาร์จ EV ที่ยั่งยืน ด้วยการตรวจสอบที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการบำรุงรักษา    เพื่อให้มั่นใจว่ามีเวลาทำงานมากกว่า 98%

DH480 จึงปรับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานมากที่สุด

 ขยายตลาดสู่ประเทศไทย

ประเทศไทยซึ่งมีตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว กำลังกลายเป็นผู้เล่นหลักในระบบนิเวศการขนส่ง พลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยตระหนักถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทยและที่อื่นๆ Autel Energy จึงได้จัดลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของตลาดนี้ในแผนการขยาย โดยเปิดตัวโซลูชั่นการชาร์จที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการการชาร์จขณะเดินทาง ยานพาหนะ จุดหมายปลายทาง และที่อยู่อาศัย ตั้งแต่ปี 2022 Autel Energy ได้ขยายการดำเนินงานในประเทศไทยผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ร่วมกับ RêVERSHARGER ผู้ให้บริการโซลูชันการชาร์จ EV ชั้นนำ ได้ติดตั้งสถานีชาร์จเร็วขนาด 120kW และ 360kW ที่ปั๊มน้ำมันบางจากและโชว์รูม BYD ทั่วประเทศ นอกจาก DC Series แล้ว AC Wallbox 7.4kW ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางของ Autel ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในประเทศไทย โดยได้รับความนิยมจากครัวเรือนและบุคคลทั่วไป เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และใช้งานง่าย

 การนำ AI มาใช้เพื่อสร้างนวัตกรรม

Autel Energy มุ่งมั่นที่จะรวม AI เข้ากับโซลูชันที่ล้ำสมัยเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเฉพาะของตนเองในระบบการชาร์จอัจฉริยะเต็มรูปแบบ Autel กำลังใช้ AI สำหรับการจัดการโหลดแบบไดนามิก (การปรับสมดุลโหลดไฟฟ้า ในบริบทของการชาร์จ EV หมายถึงกระบวนการกระจายพลังงานไฟฟ้าที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพระหว่างสถานีชาร์จหรือจุดชาร์จต่างๆ เป้าหมายคือเพื่อให้แน่ใจว่ามีการจัดสรรพลังงานในลักษณะที่จะเพิ่มจำนวนยานพาหนะที่ชาร์จได้สูงสุดโดยไม่ทำให้กริดโอเวอร์โหลดหรือเกินความจุของระบบ)

การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ ( การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ หรือ Predictive Maintenance คือ แนวทางปฏิบัติในการตรวจสอบอุปกรณ์ผ่านเซนเซอร์ ซอฟต์แวร์ และการตอบกลับข้อมูลในระบบเพื่อจัดลำดับความสำคัญของอุปกรณ์สำหรับบำรุงรักษาเชิงรุก (Proactive Maintenance) พร้อมกับมีการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) อีกขั้นหนึ่งและให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่น กลยุทธ์ที่มองไปข้างหน้านี้ทำให้ Autel อยู่ในแถวหน้าของนวัตกรรม เพื่อให้มั่นใจว่าโซลูชันการชาร์จ EV ยังคงมีประสิทธิภาพ ปรับขนาดตามการความต้องการได้ และพร้อมสำหรับอนาคตในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54211412/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ฝ่ายขาย: jinyel@autel.com, +66 0909245399
ฝ่ายการตลาด: marketing.jp@autel.com

ที่มา: Autel Energy

 


The Bangkok Reporter