SBC Medical Group Holdings ประกาศผลประกอบการทางการเงินไตรมาสที่สองปี 2025

Logo

เมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–13 สิงหาคม 2025

SBC Medical Group Holdings Incorporated (NASDAQ: SBC, “SBC Medical” หรือ “บริษัท”) เป็นเจ้าของ ผู้ดำเนินงาน และผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการและผลิตภัณฑ์แก่ศูนย์รักษาความงามระดับโลก ประกาศผลประกอบการทางการเงินสำหรับไตรมาสที่สองของปีงบประมาณ 2025 (งวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2025) และครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2025 (งวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2025) ในวันนี้

ไฮไลท์ไตรมาสที่สองของปี 2025

  •  รายได้รวม อยู่ที่ 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน
  •  รายได้จากการดำเนินงาน อยู่ที่ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 47% เมื่อเทียบกับปีก่อน
  •  กำไรสุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group อยู่ที่ 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 87% เมื่อเทียบกับปีก่อน
  •  กำไรต่อหุ้น ซึ่งหมายถึงกำไรสุทธิของบริษัทหารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก โดยอยู่ที่ 0.02 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2025 เทียบกับ 0.20 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024
  •  EBITDA1 ซึ่งคำนวณโดยการนำค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายและผลขาดทุนจากการด้อยค่ามาบวกกับรายได้จากการดำเนินงาน โดยอยู่ที่ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 46% เมื่อเทียบกับปีก่อน อัตรากำไร EBITDA1 อยู่ที่ 35% ในไตรมาสที่สองของปี 2025 เทียบกับ 53% ในไตรมาสที่สองของปี 2024
  •  ผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งหมายถึงรายได้สุทธิที่เป็นของบริษัทหารด้วยค่าเฉลี่ยของส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 โดยอยู่ที่ 4% ซึ่งแสดงถึงการลดลง 44 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อน
  •  จำนวนสาขาแฟรนไชส์ 2 มีจำนวน 259 สาขา ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้น 36 สาขาจากวันที่ 30 มิถุนายน 2024
  •  จำนวนลูกค้า3 ในช่วงสิบสองเดือนล่าสุดสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2025 อยู่ที่ 6.31 ล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อน
  •  อัตราการกลับมาใช้บริการซ้ำของลูกค้า4 ที่เข้าใช้บริการคลินิกของแฟรนไชส์ซีอย่างน้อยสองครั้งอยู่ที่ 72%

ไฮไลท์ครึ่งปีแรกของปี 2025

  •  รายได้รวม อยู่ที่ 91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน
  •  รายได้จากการดำเนินงาน อยู่ที่ 39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน
  •  รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group อยู่ที่ 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 36% เทียบกับปีก่อน
  •  กำไรต่อหุ้น ซึ่งหมายถึงกำไรสุทธิของบริษัทหารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก โดยอยู่ที่ 0.23 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2025 เทียบกับ 0.40 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024
  •  EBITDA1 ซึ่งคำนวณโดยการนำค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายและผลขาดทุนจากการด้อยค่ามาบวกกับรายได้จากการดำเนินงาน โดยอยู่ที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลง 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน อัตรากำไร EBITDA 1 อยู่ที่ 44% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เทียบกับ 50% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024

Yoshiyuki Aikawa ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SBC Medical กล่าวว่า “ตามที่คาดการณ์และส่งสัญญาณไว้ในคำแนะนำก่อนหน้าของเรา ไตรมาสที่ 2 ปี 2025 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเป้าไปที่การวางตำแหน่งของ SBC Medical ให้มีความสามารถในการแข่งขันและความสามารถในการขยายธุรกิจในระยะยาว โดยมีรายได้รวมลดลง 18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เหลือ 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการยุติธุรกิจจัดหาพนักงาน การขายกิจการแบบมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน และการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียม เรากำลังดำเนินแผนกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ดังจะเห็นได้จากเครือข่ายแฟรนไชส์ 259 แห่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 และจำนวนผู้เข้ารับบริการ 6.31 ล้านคนในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขนาดที่ไม่มีใครเทียบได้ในญี่ปุ่น อัตราการกลับมาใช้บริการซ้ำที่สูงของเราช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ Shonan Beauty Clinic ของเรา โดยตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยของผู้บริโภคในญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ รวมถึงการเติบโตที่ชะลอตัวเนื่องจากข้อจำกัดทางการค้าและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มีความระมัดระวัง แม้จะมีอุปสรรคเหล่านี้ เราก็ประสบความสำเร็จในการผลักดันโครงการสำคัญๆ ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อกิจการ MB Career Lounge ที่จะช่วยยกระดับบริการสนับสนุนด้านการจัดการของเรา และการควบรวม JUN CLINIC เข้ากับเครือข่ายของเรา ซึ่งมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อลูกค้าที่สูง ในอนาคต เรายังคงมั่นใจในแผนงานเชิงกลยุทธ์ของเรา ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงรูปแบบแฟรนไชส์ให้เหมาะสมที่สุด คว้าโอกาสในการเติบโต เปลี่ยนไปใช้รูปแบบที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น รวมถึงมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นของเรา”

 ผลประกอบการทางการเงินไตรมาสที่สองปี 2025

รายได้รวมอยู่ที่ 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ปรับปรุงใหม่สำหรับบริการแฟรนไชส์ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 รวมถึงการยกเลิกธุรกิจบริการจัดหาพนักงาน และการขายกิจการของ SNA และ Kijimadaira ที่จะถูกชดเชยบางส่วนจากการเติบโตในด้านการจัดซื้อจัดจ้าง บริการเช่า และแหล่งรายได้อื่นๆ

กำไรสุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2025 อยู่ที่ 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 18.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024 การลดลงนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์ในรายได้และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่สูงขึ้น

EBITDA1 อยู่ที่ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 46% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากรายได้ที่ลดลงหลังจากการยุติธุรกิจบริการจัดหาพนักงาน การแยกส่วนธุรกิจของ SNA และ Kijimadaira รวมถึงการแก้ไขโครงสร้างค่าธรรมเนียม

การประชุมทางโทรศัพท์

บริษัทจะจัดการประชุมทางโทรศัพท์ในวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2025 เวลา 8.30 น. ตามเวลาตะวันออก (หรือวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2025 เวลา 21.30 น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น) เพื่อหารือเกี่ยวกับผลประกอบการทางการเงินและตอบคำถามแบบสด

โปรดลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนการประชุมโดยใช้ลิงก์ด้านล่าง
https://edge.media-server.com/mmc/p/ukc9sp9j/lan/en/

ระบบจะนำคุณไปที่หน้าลงทะเบียนของ “การนำเสนอผลประกอบการทางการเงิน SBC ไตรมาสที่ 2 ปี 2025” โดยอัตโนมัติ โปรดทำตามขั้นตอนเพื่อป้อนรายละเอียดการลงทะเบียนของคุณ จากนั้นคลิก “ส่ง” เมื่อลงทะเบียนแล้ว คุณจะสามารถเข้าถึงเว็บไซต์สำหรับรับชมการประชุมทางโทรศัพท์โดยเฉพาะได้ นอกจากการรับชมการประชุมทางโทรศัพท์แล้ว เว็บไซต์นี้ยังให้เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับวิทยากร รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับนักลงทุนในอดีตได้อีกด้วย

คุณสามารถรับชมเอกสารการนำเสนอผลประกอบการประจำปีบนเว็บไซต์ได้ก่อนการประชุมทางโทรศัพท์เริ่มต้น 10 นาที เอกสารดังกล่าวจะพร้อมให้ดาวน์โหลดด้วยเช่นกัน

การประชุมทางโทรศัพท์สามารถรดูซ้ำได้จนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2026

นอกจากนี้ การรายงานผลประกอบการ สไลด์ประกอบ และเว็บคาสต์ที่เก็บถาวรของการประชุมทางโทรศัพท์ครั้งนี้ จะมีให้บริการที่เว็บไซต์ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัท https://ir.sbc-holdings.com/

เกี่ยวกับ SBC Medical

SBC Medical ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าของและให้บริการจัดการและผลิตภัณฑ์แก่ศูนย์รักษาความงาม บริษัทมุ่งเน้นในการให้บริการจัดการที่ครอบคลุมแก่คลินิกแฟรนไชส์เป็นหลัก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความต้องการด้านการโฆษณาและการตลาดบนแพลตฟอร์มต่างๆ (เช่น เครือข่ายโซเชียลมีเดีย) การจัดการพนักงาน (เช่น การสรรหาและการฝึกอบรม) การจองสำหรับลูกค้าของคลินิกแฟรนไชส์ ​​ความช่วยเหลือในการเช่าที่พักและการเช่าสถานที่สำหรับพนักงานแฟรนไชส์ ​​การก่อสร้างและการออกแบบคลินิกแฟรนไชส์ ​​การจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (การขายต่อ) การจัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางให้กับคลินิกแฟรนไชส์เพื่อขายต่อให้กับลูกค้าของคลินิก ใบอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรและยังไม่ได้จดสิทธิบัตร การใช้เครื่องหมายการค้าและตราสินค้า โซลูชันซอฟต์แวร์ไอที (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการปรึกษาทางการแพทย์ทางไกล) การจัดการโปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้าของคลินิกแฟรนไชส์ ​​(โปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้า) และเครื่องมือการชำระเงินสำหรับคลินิกแฟรนไชส์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://sbc-holdings.com/

การใช้มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP

บริษัทใช้มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP เช่น EBITDA ในการประเมินผลการดำเนินงานและเพื่อวัตถุประสงค์ในการตัดสินใจทางการเงินและการดำเนินงาน บริษัทเชื่อว่ามาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP ช่วยระบุแนวโน้มพื้นฐานในธุรกิจ บริษัทเชื่อว่ามาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัท ช่วยเพิ่มความเข้าใจโดยรวมเกี่ยวกับประสิทธิภาพในอดีตและแนวโน้มในอนาคตของบริษัท และทำให้มองเห็นตัวชี้วัดหลักที่ฝ่ายบริหารของบริษัทใช้ในการตัดสินใจทางการเงินและการดำเนินงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ภายใต้ U.S. GAAP และไม่ได้ถูกนำเสนอตาม U.S. GAAP มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP มีข้อจำกัดในการใช้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ และเมื่อประเมินผลการดำเนินงาน กระแสเงินสด หรือสภาพคล่องของบริษัท นักลงทุนไม่ควรพิจารณามาตรการเหล่านี้โดยแยกส่วนหรือใช้แทนการขาดทุนสุทธิ กระแสเงินสดที่ได้จากกิจกรรมการดำเนินงาน หรืองบกำไรขาดทุนรวมและข้อมูลกระแสเงินสดอื่นๆ ที่จัดทำตาม U.S. GAAP

บริษัทบรรเทาข้อจำกัดเหล่านี้โดยการปรับมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP ให้สอดคล้องกับมาตรการประสิทธิภาพตาม U.S. GAAP ที่สามารถเปรียบเทียบได้มากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ควรนำมาพิจารณาเมื่อประเมินประสิทธิภาพของบริษัท

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP โปรดดูตารางที่หัวข้อ “การปรับปรุงผลการดำเนินงานที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบตาม GAAP และผลการดำเนินงานที่ไม่ใช่ GAAP”

คำชี้แจงเชิงคาดการณ์

ข่าวเผยแพร่ฉบับนี้มีคำกล่าวที่มองไปข้างหน้า คำกล่าวที่มองไปข้างหน้าไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีตหรือคำกล่าวที่แสดงถึงสภาพปัจจุบัน แต่เป็นเพียงความเชื่อของบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์และผลการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วหลายกรณีมีความไม่แน่นอนโดยเนื้อแท้และอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท คำกล่าวที่มองไปข้างหน้าเหล่านี้สะท้อนมุมมองปัจจุบันของบริษัทเกี่ยวกับประสิทธิภาพทางการเงินของบริษัท การเติบโตของรายได้และกำไร แนวโน้มและโอกาสทางธุรกิจ แผนการจัดสรรเงินทุนและสภาพคล่อง ในบางกรณี คำกล่าวที่มองไปข้างหน้าสามารถระบุได้โดยการใช้คำ เช่น “อาจ” “ควร” “คาดหวัง” “คาดการณ์ล่วงหน้า” “พิจารณา” “ประมาณการ” “เชื่อว่า” “วางแผน” “คาดการณ์” “ทำนาย” “ศักยภาพ” หรือ “หวัง” หรือคำเชิงลบของคำเหล่านี้หรือคำที่คล้ายคลึงกัน บริษัทขอเตือนผู้อ่านอย่าพึ่งพาคำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าอย่างมากเกินไป ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดในวันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เท่านั้น และอาจมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน สมมติฐาน หรือการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่างๆ ที่ยากต่อการคาดเดาหรือวัดผลได้ คำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้มีพื้นฐานมาจากการคาดการณ์ปัจจุบันของฝ่ายบริหาร และไม่รับประกันผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัทไม่ดำเนินการหรือยอมรับภาระผูกพันใดๆ ที่จะเผยแพร่ข้อมูลอัปเดตหรือแก้ไขคำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าต่อสาธารณะเพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์ของบริษัทหรือการเปลี่ยนแปลงในเหตุการณ์ เงื่อนไข หรือสถานการณ์ที่คำกล่าวดังกล่าวอ้างอิง ยกเว้นในกรณีที่กฎหมายกำหนด ปัจจัยที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปจากการคาดการณ์ปัจจุบันอย่างมากอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และบริษัทไม่สามารถคาดการณ์ปัจจัยทั้งหมดได้ ปัจจัยดังกล่าวรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก ระดับภูมิภาค หรือระดับท้องถิ่น สภาวะเศรษฐกิจ ธุรกิจ การแข่งขัน การตลาด และกฎระเบียบ และปัจจัยต่างๆ ที่ระบุไว้ภายใต้หัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยง” และในที่อื่นๆ ในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (the “SEC”) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้บนเว็บไซต์ของ SEC ที่ www.sec.gov.

1 EBITDA และอัตรากำไร EBITDA เป็นมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP โปรดดูหัวข้อ “การใช้มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP” และตารางที่มีชื่อว่า “การปรับยอดผลการดำเนินงานที่ไม่ได้ตรวจสอบตาม GAAP และที่ไม่ใช่ GAAP”

2 ตัวเลขรวมแฟรนไชส์คลินิกแบรนด์ SBC, Rize Clinic, Gorilla Clinic, AHH Clinic และ JUN CLINIC

3 จำนวนลูกค้าซึ่งนับรวมลูกค้าคลินิกแบรนด์ SBC, Rize Clinic, Gorilla Clinic และ AHH Clinic แต่ไม่นับรวมลูกค้าของ JUN CLINIC และไม่รวมการให้คำปรึกษาฟรี ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2024 ถึง 30 มิถุนายน 2025

4 ตัวเลขรวมแฟรนไชส์คลินิกแบรนด์ SBC, Rize Clinic และ Gorilla Clinic แต่ไม่นับรวมลูกค้าของ AHH Clinic และ JUN CLINIC และไม่รวมการให้คำปรึกษาฟรี เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าที่กลับมาใช้บริการซ้ำอย่างน้อยสองครั้ง

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
งบดุลรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

 30 มิถุนายน

 2025

 31 ธันวาคม

 2024

 สินทรัพย์

 สินทรัพย์หมุนเวียน:

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด

$

152,740,882

$

125,044,092

บัญชีลูกหนี้

2,350,368

1,413,433

บัญชีลูกหนี้– กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

48,920,843

28,846,680

สินค้าคงเหลือ

1,705,237

1,494,891

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

9,128,931

5,992,585

ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมลูกค้า หมุนเวียน

10,552,623

10,382,537

ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น

14,051,746

11,276,802

บัญชีลูกหนี้อื่น– กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

1,891,408

 รวมสินทรัพย์หมุนเวียน

 241,342,038

 184,451,020

 สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน:

ทรัพย์สินและอุปกรณ์สุทธิ

8,058,016

8,771,902

สินทรัพย์ไม่มีตัวตนสุทธิ

1,584,543

1,590,052

การลงทุนระยะยาวสุทธิ

3,593,087

3,049,972

ค่าความนิยมสุทธิ

5,011,511

4,613,784

สกุลเงินดิจิทัล (คริปโต)

535,882

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน ไม่หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

13,197,979

8,397,582

สินทรัพย์สิทธิการใช้สัญญาเช่าดําเนินงาน

4,583,393

5,267,056

สินทรัพย์สิทธิการใช้สัญญาเช่าทางการเงิน

516,932

สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

2,343,302

9,798,071

ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมลูกค้า ไม่หมุนเวียน

5,934,636

5,023,551

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

1,755,292

1,745,801

การลงทุนระยะยาวใน MCs – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

19,381,422

17,820,910

สินทรัพย์อื่น

7,461,224

15,553,453

 รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน

 73,957,219

 81,632,134

 รวมสินทรัพย์

 $

 315,299,257

 $

 266,083,154

 หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

 หนี้สินหมุนเวียน:

บัญชีเจ้าหนี้

$

16,290,206

$

13,875,179

บัญชีเจ้าหนี้ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

3,245,989

659,044

ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี

69,420

96,824

ตั๋วเงินและเจ้าหนี้อื่นหมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

3,272,048

26,255

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า

512,123

820,898

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

10,333,007

11,739,533

ภาษีเงินได้ค้างจ่าย

14,133,163

18,705,851

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน หมุนเวียน

3,623,871

4,341,522

หนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงิน หมุนเวียน

161,340

หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น

6,229,797

8,103,194

เจ้าหนี้จากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

2,810,647

2,823,590

 รวมหนี้สินหมุนเวียน

 60,681,611

 61,191,890  

 
 
 
SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
งบดุลรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ — (ต่อ)

 30 มิถุนายน

 2025

 31 ธันวาคม

 2024

 31 มีนาคม 2025 31 ธันวาคม 2024 หนี้สินไม่หมุนเวียน:

เงินให้กู้ยืมระยะยาว

7,031,506

6,502,682

ตั๋วเงินและเจ้าหนี้อื่นไม่หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

5,334

หนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

353,517

926,023

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน ไม่หมุนเวียน

1,208,516

1,241,526

หนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงิน ไม่หมุนเวียน

164,721

หนี้สินอื่น

1,206,815

1,193,541

 รวมหนี้สินไม่หมุนเวียน

 9,965,075

 9,869,106

 รวมหนี้สิน

 70,646,686

 71,060,996

 ส่วนของผู้ถือหุ้น:

หุ้นบุริมสิทธิ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 20,000,000 หุ้น ไม่มีหุ้นที่ออกและชำระแล้ว ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 และ 31 ธันวาคม 2024)

หุ้นสามัญ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 400,000,000 หุ้น หุ้นที่ออกและชำระแล้ว 103,881,251 และ 103,020,816 หุ้น, 103,098,442 และ 102,750,816 หุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 และ 31 ธันวาคม 2024 ตามลำดับ)

10,388

10,302

ส่วนเกิน (ต่ำกว่า) มูลค่าหุ้น

72,196,114

62,513,923

หุ้นทุนซื้อคืน (ราคาทุน 782,809 และ 270,000 หุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 และ 31 ธันวาคม 2024 ตามลำดับ)

(5,115,262

)

(2,700,000

)

กำไรสะสม

213,423,693

189,463,007

ขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นสะสม

(35,922,942

)

(54,178,075

)

 รวมส่วนของผู้ถือหุ้นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

 244,591,991

 195,109,157

ส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

60,580

(86,999

)

 รวมส่วนของผู้ถือหุ้น

 244,652,571

 195,022,158

 รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

 $

 315,299,257

 $

 266,083,154

หมายเหตุประกอบเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินรวมที่ไม่ได้รับการตรวจสอบเหล่านี้
 
 
 
SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
งบกำไรขาดทุนรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบและ
งบกำไรขาดทุนรวม

 สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่
30 มิถุนายน

 สําหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่
 30 มิถุนายน

 2025

 2024

 2025

 2024

รายได้สุทธิ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

$

38,944,898

$

51,039,038

$

84,202,043

$

101,509,245

รายได้สุทธิ

4,413,949

2,063,042

6,485,505

6,400,877

รวมรายได้สุทธิ

 43,358,847

 53,102,080

 90,687,548

 107,910,122

ต้นทุนรายได้ (รวมต้นทุนรายได้จากกิจการที่เกี่ยวข้องกันจำนวน 4,669,602 ดอลลาร์สหรัฐและ 3,616,103 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับงวดสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2025 และ 2024, และ 8,126,530 ดอลลาร์สหรัฐและ 5,413,462 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับงวดหกเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2025 และ 2024 ตามลำดับ)

13,348,270

13,682,405

22,943,887

28,971,072

กําไรขั้นต้น

 30,010,577

 39,419,675

 67,743,661

 78,939,050

ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน:

ค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไปและค่าใช้จ่ายในการบริหาร (รวมค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไป และค่าใช้จ่ายในการบริหารจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน 415,767 ดอลลาร์สหรัฐและ 0 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2025 และ 2024, และ 415,767 ดอลลาร์สหรัฐและ 0 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2025 และ 2024 ตามลำดับ)

15,456,385

12,129,115

28,987,395

27,187,605

รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

 15,456,385

 12,129,115

 28,987,395

 27,187,605

รายได้จากการดำเนินงาน

 14,554,192

 27,290,560

 38,756,266

 51,751,445

รายได้อื่น (ค่าใช้จ่าย):

รายได้จากดอกเบี้ย

22,882

11,644

78,215

29,333

ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย

(49,651

)

(7,424

)

(55,858

)

(10,432

)

รายได้อื่น

33,771

306,291

185,099

655,972

ค่าใช้จ่ายอื่น

(1,132,465

)

(514,636

)

(2,829,724

)

(1,951,292

)

กำไรจากการไถ่ถอนกรมธรรม์ประกันชีวิต

8,746,138

การเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสกุลเงินดิจิทัล (คริปโต)

111,632

111,632

กําไรจากการจําหน่ายของบริษัทย่อย

3,813,609

รวมรายได้อื่น (ค่าใช้จ่าย)

 (1,013,831

 )

 (204,125

 )

 6,235,502

 2,537,190

กำไรก่อนภาษีเงินได้

 13,540,361

 27,086,435

 44,991,768

 54,288,635

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้

11,100,509

8,529,110

21,059,966

16,981,094

กำไรสุทธิ

 2,439,852

 18,557,325

 23,931,802

 37,307,541

หัก: กำไร (ขาดทุน) สุทธิที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม

(18,388

)

72,917

(28,884

)

65,381

กําไรสุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

 $

 2,458,240

 $

 18,484,408

 $

 23,960,686

 $

 37,242,160

กําไร (ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น:

ส่วนปรับปรุงจากการแปลงค่าสกุลเงินต่างประเทศ

$

8,623,269

$

(9,046,549

)

$

18,431,596

$

(19,240,401

)

รวมกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ

 11,063,121

 9,510,776

 42,363,398

 18,067,140

หัก: กำไร (ขาดทุน) เบ็ดเสร็จที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม

184,411

22,000

147,579

(70,000

)

กําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

 $

 10,878,710

 $

 9,488,776

 $

 42,215,819

 $

 18,137,140

กําไรสุทธิต่อหุ้นที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated*

กำไรต่อหุ้นพื้นฐานและปรับลดแล้ว

$

0.02

$

0.20

$

0.23

$

0.40

จำนวนหุ้นเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ชำระแล้ว*

จำนวนหุ้นพื้นฐานและปรับลดแล้ว

103,507,249

94,192,433

103,392,580

94,192,433

*

ปรับปรุงย้อนหลังสําหรับผลกระทบของการเพิ่มทุนแบบย้อนกลับในวันที่ 17 กันยายน 2024

หมายเหตุประกอบเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินรวมที่ไม่ได้รับการตรวจสอบเหล่านี้
 
 
 
SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
งบกระแสเงินสดรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

 สําหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่

 30 มิถุนายน

 2025

 2024

กระแสเงินสดจากกิจกรรมดําเนินงาน

กำไรสุทธิ

$

23,931,802

$

37,307,541

 การปรับปรุงเพื่อกระทบยอดกำไรสุทธิกับเงินสดสุทธิที่ได้จาก (ใช้ใน) กิจกรรมดำเนินงาน:

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย

1,264,405

1,849,422

ค่าใช้จ่ายการเช่าที่ไม่ใช่เงินสด

2,185,744

1,923,890

สํารองเผื่อขาดทุนสินเชื่อ

283,752

62,804

การเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนระยะยาว

384,523

1,045,557

กําไรจากการจําหน่ายของบริษัทย่อย

(3,813,609

)

กำไรจากการไถ่ถอนกรมธรรม์ประกันชีวิต

(8,746,138

)

กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

(10,804

)

(902

)

การเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสกุลเงินดิจิทัล (คริปโต)

(111,632

)

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอตัดบัญชี

7,452,983

(3,322,728

)

การเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดําเนินงาน:

บัญชีลูกหนี้

(789,577

)

(1,423,412

)

บัญชีลูกหนี้ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(17,039,113

)

5,843,499

สินค้าคงเหลือ

(717,972

)

561,921

ลูกหนี้สัญญาเช่าทางการเงิน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(6,482,967

)

(1,759,556

)

ลูกหนี้สินเชื่อของลูกค้า

8,081,703

7,521,267

ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น

(1,349,225

)

(1,488,347

)

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

211,988

(41,412

)

สินทรัพย์อื่น

85,907

(1,007,431

)

บัญชีเจ้าหนี้

1,165,217

(8,960,556

)

บัญชีเจ้าหนี้ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

2,455,865

ตั๋วเงินจ่ายและเจ้าหนี้อื่น – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(5,031,570

)

(5,101,368

)

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า

(369,616

)

(755,977

)

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(2,363,891

)

(4,663,233

)

ภาษีเงินได้ค้างจ่าย

(6,030,526

)

5,462,133

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน

(2,275,398

)

(1,998,196

)

หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น

(2,508,035

)

(4,444,172

)

หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น

(88,593

)

77,625

 เงินสดสุทธิที่ได้รับจาก (ใช้ใน) กิจกรรมดำเนินงาน

 (6,411,168

 )

 22,874,760

 กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน

การซื้อทรัพย์สินและอุปกรณ์

(560,431

)

(1,565,333

)

การซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ

(1,700,000

)

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าสําหรับทรัพย์สินและอุปกรณ์

(705,351

)

รายได้รับล่วงหน้าจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(617,804

)

การชำระเงินในนามของกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(1,836,541

)

(5,245,990

)

การซื้อเงินลงทุนระยะยาว

(652,555

)

การซื้อสกุลเงินดิจิทัล (คริปโต)

(424,250

)

เงินกู้ยืมระยะยาวแก่ผู้อื่น

(13,134

)

(62,489

)

การชําระคืนจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

70,000

555,000

การชําระคืนจากผู้อื่น

56,307

44,748

รายได้จากการไถ่ถอนกรมธรรม์ประกันชีวิต

17,735,717

การจําหน่ายบริษัทย่อย สุทธิจากเงินสดที่จําหน่ายไป

(815,819

)

รายได้จากการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

1,728,236

1,971

 เงินสดสุทธิที่ได้รับจาก (ใช้ใน) กิจกรรมการลงทุน

 15,397,998

 (9,405,716

   )

 
 
 
SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
งบกระแสเงินสดรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ — (ต่อ)

 สําหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่
30 มิถุนายน

 2025

 2024

 กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน

การกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

15,000

การชําระคืนเงินกู้ยืมระยะยาว

(74,256

)

(59,217

)

การชำระคืนหนี้สินเช่าซื้อทางการเงิน

(278,097

)

การชําระคืนให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(27,943

)

(50,124

)

การซื้อคืนหุ้นสามัญ

(2,415,262

)

เงินสมทบที่ถือว่าเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนราคาจากการจำหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

9,682,277

 เงินสดสุทธิที่ได้รับจาก (ใช้ใน) กิจกรรมจัดหาเงิน

 6,901,719

 (109,341

 )

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

11,808,241

(12,679,865

)

 การเปลี่ยนแปลงสุทธิในเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด

 27,696,790

 679,838

 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ต้นงวด

 125,044,092

 103,022,932

 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด สิ้นงวด

 $

 152,740,882

 $

 103,702,770

 การเปิดเผยข้อมูลกระแสเงินสดเพิ่มเติม

เงินสดที่จ่ายดอกเบี้ยจ่าย

$

55,858

$

10,432

เงินสดที่จ่ายภาษีเงินได้สุทธิ

$

19,637,454

$

16,191,178

 กิจกรรมจัดหาเงินและกิจกรรมลงทุนที่ไม่ใช่เงินสด

ทรัพย์สินและอุปกรณ์ที่โอนจากการชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

$

246,188

$

สินทรัพย์สิทธิการเช่าดําเนินงานที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนกับหนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน

$

104,437

$

สินทรัพย์สิทธิการเช่าทางการเงินที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนกับหนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงิน

$

612,466

$

การวัดค่ามูลค่าใหม่ของหนี้สินตามสัญญาเช่าดำเนินงานและสินทรัพย์สิทธิการใช้อันเนื่องมาจากการแก้ไขสัญญาเช่า

$

1,160,680

$

1,376,034

การออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกันที่เกี่ยวข้องในการให้บริการสินเชื่อ

$

8,175,342

$

16,085,387

การออกหุ้นสามัญเป็นหุ้นจูงใจ

$

86

$

หมายเหตุประกอบเป็นส่วนสำคัญของงบการเงินรวมที่ไม่ได้รับการตรวจสอบนี้
 
 
 
 การกระทบยอดระหว่าง GAAP กับมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP

 SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
 การกระทบยอดผลลัพธ์ของ GAAP และ Non-GAAP ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

 สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่
 30 มิถุนายน

 สําหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่

 30 มิถุนายน

 2025

 2024

 2025

 2024

รายได้รวมสุทธิ

$

43,358,847

$

53,102,080

$

90,687,548

107,910,122

รายได้จากการดำเนินงาน

14,554,192

27,290,560

38,756,266

51,751,445

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย

636,101

830,945

1,264,405

1,849,422

 EBITDA

15,190,293

28,121,505

40,020,671

53,600,867

 อัตรากำไร EBITDA

35

%

53

%

44

%

50

%

หมายเหตุประกอบเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินรวมที่ไม่ได้รับการตรวจสอบเหล่านี้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ในเอเชีย:
SBC Medical Group Holdings Incorporated
Hikaru Fukui / หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์
อีเมล: ir@sbc-holdings.com

ในสหรัฐอเมริกา:
ICR LLC
Bill Zima / หุ้นส่วนผู้จัดการ
อีเมล: bill.zima@icrinc.com

ที่มา: SBC Medical Group Holdings Incorporated

Seveno Capital และ Borderless Healthcare Group เปิดตัวกิจการร่วมค้าเพื่อให้บริการ ‘การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม’ แก่เจ้าของธุรกิจโรงแรม

Logo

The Well Estate จะนำเสนอโซลูชันแบบครบวงจรให้กับเจ้าของสินทรัพย์ด้านการบริการ เพื่อให้สามารถนำเสนอประสบการณ์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่เปลี่ยนแปลงชีวิตให้กับแขกได้ เนื่องจากอุตสาหกรรมการบริการทั่วโลกกำลังพยายามใช้ประโยชน์จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมทั่วโลกมูลค่า 1.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

สิงคโปร์ –(BUSINESS WIRE)–17 มิถุนายน 2025

Seveno Capital และ Borderless Healthcare Group เปิดตัวบริษัทอสังหาริมทรัพย์เพื่อดูแลสุขภาพแบบองค์รวมแห่งแรกของโลก เพื่อเจาะตลาดสุขภาพโลกที่กำลังเติบโตซึ่งมีมูลค่า 1.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่โลกกำลังเข้าสู่ช่วง “การมีอายุยืนยาวแบบมีสุขภาพดี” ซึ่ง UBS รายงานว่ามูลค่าจะอยู่ที่ 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030

The Well Estate is a joint venture between Borderless Healthcare Group, led by Dr. Wei Siang Yu, and Seveno Capital, led by Allen Law.

The Well Estate เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Borderless Healthcare Group ซึ่งนำโดย Dr. Wei Siang Yu และ Seveno Capital ซึ่งนำโดย Allen Law

The Well Estate จะสนับสนุนเจ้าของโรงแรมและธุรกิจบริการเพื่อเปลี่ยนจากรูปแบบธุรกิจแบบ “ห้องพักคุ้มค่า” ไปเป็นแบบ “ห้องพักพิเศษ” โดยนำเสนอโซลูชั่นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมแบบครบวงจรที่ให้แขกสามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและการแพทย์ รวมถึงผู้สร้างคอนเทนต์ชื่อดังได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ แขกยังสามารถเข้าถึงโปรแกรมการรับประทานอาหารส่วนบุคคล ฟิตเนส โยคะ การฝึกสติ และการดูแลสุขภาพได้อีกด้วย

โซลูชัน Well Estate จะช่วยเปิดช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้กับเจ้าของสินทรัพย์ด้านการบริการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าธุรกรรมต่อการเข้าพัก รักษาลูกค้าได้นานขึ้น และใช้ประโยชน์จากสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีประสิทธิภาพต่ำ เช่น ยิมและสปา ได้อย่างเต็มที่ บริษัทใหม่นี้จะมุ่งเน้นไปที่เจ้าของทรัพย์สินภายใน “กลุ่มสถานบริการเพื่อสุขภาพ” ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย

อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่า มีมูลค่า 5.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 และคาดว่าจะเติบโตถึง 8.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2027 ตามข้อมูลของ Global Wellness Institute นอกจากนี้ คาดว่าเศรษฐกิจการดูแลสุขภาพจะเติบโต 8.6% ต่อปีจนถึงปี 2027 ซึ่งแซงหน้า GDP ทั่วโลก

โรงแรมมีบทบาทด้านการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น คิดเป็นมูลค่า 651 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั่วโลกในปี 2022 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2027 นักเดินทางแสวงหาประสบการณ์เพื่อสุขภาพมากขึ้น โดยกว่า 50% เลือกโรงแรมที่มีบริการสปา ฟิตเนส และโภชนาการ

รีสอร์ทเพื่อสุขภาพระดับหรูสามารถสร้างรายได้ต่อวันสูงกว่าโรงแรมทั่วไปถึง 30–50% โรงแรมต่างๆ ลงทุนอย่างหนักเพื่อตอบสนองความต้องการนี้และเพื่อครองส่วนแบ่งตลาดที่ทำกำไรมหาศาลนี้ โดยผนวกรวมห้องแล็บ การวินิจฉัยทางการแพทย์ การดริปวิตามิน และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเข้าไว้ในสิ่งอำนวยความสะดวก

The Well Estate เป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง Borderless Healthcare Group ซึ่งนำโดยผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีการดูแลสุขภาพ สื่อ โทรคมนาคม บริการ และเนื้อหาระดับโลก Dr Wei Siang Yuและ Seveno Capital ซึ่งนำโดยผู้ก่อตั้ง Park Hotel Group และผู้ประกอบการด้านสุขภาพเพื่อชีวิตยืนยาวอย่างมีสุขภาพดี, Allen Law.

Allen Lawกล่าวว่า

“The Well Estate จะช่วยให้เจ้าของสินทรัพย์ด้านบริการสามารถจัดการธุรกิจและข้อเสนอของลูกค้า ให้สอดคล้องกับการปฏิวัติด้านสุขภาพและอายุยืนยาวระดับโลก ซึ่งจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ไม่แพ้ AI”

Dr Wei กล่าวว่า

“นี่คือยุคใหม่สำหรับภาคส่วนการบริการและเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับประสบการณ์ที่ดื่มด่ำของลูกค้าซึ่งสร้างผลกำไร มีจุดมุ่งหมายและสามารถขยายตัวได้”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250616916281/en

Contacts

สามารถสอบถามเกี่ยวกับ The Well Estate ได้ที่impact@thewellestate.com

ที่มา: Seveno Capital

 


Medical Korea 2025 เพื่อการหารือเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วย AI

Logo

  • Medical Korea 2025 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 มีนาคม (พฤหัสบดี) ถึง 23 มีนาคม (อาทิตย์) 2025 ที่ COEX ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–17 มีนาคม 2025

Medical Korea 2025 (การประชุมด้านการดูแลสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ระดับโลกครั้งที่ 15) จัดขึ้นโดย MOHW และดูแลโดย KHIDI โดยจะจัดขึ้นที่ Coex กรุงโซล ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม (พฤหัสบดี) ถึง 23 มีนาคม (อาทิตย์) 2025

Medical Korea 2025 will take place at Coex, Seoul, from March 20 (Thu) to 23 (Sun), themed on ‘AI-powered Personalized Healthcare: Integrating into Our Daily Lives.’ (Image: Medical Korea)

Medical Korea 2025 จะจัดขึ้นที่ Coex กรุงโซล ระหว่างวันที่ 20 (พฤหัสบดี) ถึง 23 มีนาคม (อาทิตย์) โดยมีธีมว่า “การดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วย AI: การบูรณาการเข้ากับชีวิตประจำวันของเรา” (ภาพ: Medical Korea)

การประชุมที่กำลังจะมีขึ้นนี้อยู่ภายใต้หัวข้อ “การดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วย AI: การบูรณาการเข้ากับชีวิตประจำวันของเรา” โดยจะเป็นเวทีในการสำรวจกรณีตัวอย่างใหม่ๆ ของการบูรณาการ AI เข้ากับการแพทย์ ทิศทางนโยบายรัฐบาล และกลยุทธ์ต่างๆ ที่มุ่งเป้าไปที่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการดูแลสุขภาพของเกาหลีในระดับโลก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟอรัมในปีนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าประเด็นสำคัญของเซสชันทั้งหมดนั้นได้เชื่อมโยงกับ AI เพื่อสร้างหลักชัยใหม่ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพระดับโลก

การประชุมในสี่วันนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านการดูแลสุขภาพด้วย AI เข้าร่วมด้วย ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ในทั้ง 6 ฟอรัม โดยเริ่มตั้งแต่การกล่าวสุนทรพจน์สำคัญๆ

Alistair Erskine หัวหน้าฝ่ายข้อมูลและดิจิทัลของ Emory Healthcare และมหาวิทยาลัยเอโมรี จะกล่าวสุนทรพจน์สำคัญในหัวข้อ “การประยุกต์ใช้ AI เชิงสร้างสรรค์ในโลกแห่งความเป็นจริงเพื่อยกระดับประสบการณ์การดูแลสุขภาพดิจิทัล” Park Seung-min ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางและผู้ได้รับรางวัล Ig Nobel จากผลงานด้าน Precision Health Toilet (Smart Toilet) จะกล่าวสุนทรพจน์สำคัญในหัวข้อ “การผสานข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสุขภาพแม่นยำ”

ผู้ประกอบวิชาชีพทางด้านการดูแลสุขภาพคาดว่าจะมีความสนใจอย่างมากในฟอรัมที่จะหารือเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบกรณีตัวอย่างของเกาหลี สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย และมาเลเซีย

นอกเหนือจากฟอรัมที่มีความหลากหลายแล้ว Medical Korea 2025 ยังเป็นเจ้าภาพการประชุมทางธุรกิจในสองด้าน ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และการจัดซื้อด้านการดูแลสุขภาพสาธารณะระดับโลก โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเกาหลีเข้าร่วมและเชิญชวนผู้ซื้อจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการส่งเสริมการขายที่ประกอบด้วยโซน K-Beauty โซน Medical Industry และโซน Hospital ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดความสนใจจากผู้เยี่ยมชมจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

Andy Hong ผู้อำนวยการแผนกธุรกิจการดูแลสุขภาพระดับโลก (ขาเข้า) ของ KHIDI กล่าวว่า “Medical Korea 2025 จะเป็นเวทีสำหรับการแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกโดยนำนักวิชาการระดับโลกมารวมกันเพื่อค้นหาเส้นทางการพัฒนาในอนาคตของอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพระดับโลกที่ขับเคลื่อนโดยการบรรจบกันของการดูแลสุขภาพและ AI ซึ่งกำลังถูกบูรณาการเข้ากับชีวิตประจำวันของเรา”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ https://www.businesswire.com/news/home/20250317004265/en

Contacts

Medical Korea
+82-2-6215-0264
mkconf2025@gmail.com

ที่มา: Medical Korea
 

STEERLife และ Callidus Research Laboratories สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการพัฒนายาเชิงนวัตกรรม

Logo

เบงกาลูรู อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

STEERLife ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการพัฒนายา และ Callidus Research Laboratories ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการพัฒนาสูตรยาที่มีประสบการณ์มากมายในการพัฒนายารักษาโรคอย่างครอบคลุม ได้สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการพัฒนายาสำหรับตลาดทั่วโลก STEERLife เป็นแผนกหนึ่งของ STEER World

ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีการอัดรีดด้วยความร้อน (HME) ขั้นสูงและการผลิตแบบต่อเนื่องของ STEERLife เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนายารักษาโรคของ Callidus เพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลกสำหรับสูตรยาและการพัฒนายาเชิงนวัตกรรม

STEERLife และ Callidus จะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งร่วมกันเพื่อให้บริการพัฒนายาขั้นสูงแก่ลูกค้าทั่วโลกโดยใช้เทคโนโลยีการอัดรีดด้วยความร้อน (HME) ความร่วมมือนี้ทำให้ทั้งสององค์กรสามารถผสมผสานความรู้และทักษะเฉพาะทางของตนเข้าด้วยกันได้ ซึ่งนำไปสู่โซลูชันเชิงนวัตกรรมและข้อเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ความร่วมมือยังช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนเครือข่าย การติดต่อ และการเข้าถึงตลาด ทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถเข้าสู่ภูมิภาคและกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้ ความร่วมมือนี้จะตอบสนองความต้องการทั่วโลกสำหรับสูตรยารักษาโรครุ่นถัดไป โดยให้บริการแก่บริษัทยาสามัญและบริษัทยาที่มีแบรนด์

ความร่วมมือนี้ยังช่วยให้สามารถพัฒนายาแบบครบวงจรสำหรับสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (API) ที่ออกฤทธิ์แรงได้ด้วย นอกเหนือจากความสามารถที่เสริมซึ่งกันและกันแล้ว ความร่วมมือระหว่างองค์กรยังได้รับการขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นร่วมกันในการผลักดันขอบเขตของนวัตกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์แห่งอนาคตสำหรับตลาดทั่วโลก

“ความร่วมมือของเรากับ Callidus Research Laboratories ถือเป็นก้าวสำคัญในด้านนวัตกรรมเภสัชกรรม” Indu Bhushan ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ STEERLife กล่าว “ความร่วมมือนี้ช่วยให้ลูกค้ามีเทคโนโลยีสุดล้ำ ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม และความสามารถในการขยายขนาดที่ราบรื่น”

“การพัฒนานี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ STEERLife ในด้านความเป็นเลิศ นวัตกรรม และการส่งมอบคุณค่าที่ยอดเยี่ยม” คุณ Bhushan กล่าวเสริม

“การร่วมมือกับ STEERLife ช่วยเพิ่มความสามารถของเรา ทำให้เราสามารถนำเสนอโซลูชันเชิงนวัตกรรมที่ครอบคลุมให้กับบริษัทด้านเภสัชกรรมต่างๆ ทั่วโลกได้” Vardhaman Bafna ผู้ก่อตั้งร่วมและผู้อำนวยการของ Callidus Research Laboratories กล่าว “ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการผลักดันขอบเขต ส่งเสริมการเติบโต และปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ป่วยผ่านโซลูชันทางเภสัชกรรมที่เปลี่ยนแปลงชีวิต”

เกี่ยวกับ STEERLife

STEERLife ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ STEER World เป็นบริษัทด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพชั้นนำที่ปฏิวัติการผลิตและการบริโภคยารักษาโรคผ่านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์สุดล้ำ ในฐานะบริษัทด้านเภสัชกรรมชั้นนำในอินเดียที่เปลี่ยนจากการผลิตเป็นชุดแบบดั้งเดิมเป็นการผลิตแบบต่อเนื่องและไม่มีการหยุดชะงัก STEERLife มอบโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่ยอดเยี่ยม โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพ ประสิทธิภาพ และการให้ความสำคัญกับผู้ป่วย ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเชิงนวัตกรรม

เกี่ยวกับ Callidus Research Laboratories

Callidus Research Laboratories เป็นบริษัทให้บริการพัฒนาสูตรยาที่ก่อตั้งและบริหารโดยทีมงานมืออาชีพจากอุตสาหกรรมเภสัชกรรม ซึ่งมีประวัติการให้บริการตลาดทั่วโลกที่ยอดเยี่ยม

ทีมงานของ Callidus ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความสามารถในการพัฒนารูปแบบยาต่างๆ และให้บริการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยารักษาโรคครบวงจรแก่ลูกค้าทั่วโลก

เราให้บริการครบวงจรในโปรแกรมพัฒนายาแก่พันธมิตรทั่วโลกของเรา ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาสูตรยา การพัฒนาเชิงวิเคราะห์ การศึกษาความคงตัว การถ่ายโอนเทคโนโลยี สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และการสนับสนุนด้านกฎระเบียบ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Amit Jain, Myo Brand Partners, +91-9886062866

แหล่งข้อมูล: STEERLife

Medidata คว้าตำแหน่งสุดยอดผู้นำในการประเมิน PEAK Matrix® สำหรับผลิตภัณฑ์ระบบการจัดการการทดลองทางคลินิกด้านวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตที่ Everest Group จัดขึ้นเป็นครั้งแรก

Logo

นิวยอร์ก –(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

Medidata (แบรนด์ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำในวงการวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิต) ได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำในการประเมิน PEAK Matrix® สำหรับผลิตภัณฑ์ระบบการจัดการการทดลองทางคลินิกด้านวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตประจำปี 2024 ที่ Everest Group จัดขึ้นเป็นครั้งแรก รายงานนี้ได้ประเมินผู้ให้บริการ 13 รายโดยอิงตามผลลัพธ์ที่ผลิตภัณฑ์ของผู้ให้บริการเหล่านี้มีต่อตลาด และขีดความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและประสบผลสำเร็จ

Rave CTMS จาก Medidata เป็นผู้นำวงการในการมอบบริการส่งข้อมูลผู้ป่วยแบบเรียลไทม์และราบรื่นที่พลิกโฉมระบบการติดตามผลการลงทะเบียน และช่วยให้สามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นและมีข้อมูลประกอบ ทั้งนี้ Rave CTMS ช่วยยกระดับการทำงานร่วมกัน ทำให้ไม่จำเป็นต้องลงรายการข้อมูลด้วยตนเอง และทำให้การทดลองเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นพร้อมความแม่นยำที่เหนือชั้น โดยช่วยให้ทีมศึกษาวิจัยเห็นข้อมูลต่าง ๆ ได้ในทันที

คุณ Tom Doyle ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Medidata กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำสูงสุดในด้าน CTMS จากทาง Everest Group” และ “รางวัลนี้ถือเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราในการพลิกโฉมการวิจัยและตอกย้ำถึงกลยุทธ์ของเราในการนำเสนอประสบการณ์รูปแบบใหม่ผ่าน AI ที่จะปฏิวัติวิธีการออกแบบ วางแผน และจัดการการทดลองแบบครบวงจรขององค์กรต่าง ๆ พร้อมมอบผลลัพธ์สูงสุด”

คุณ Tom Doyle ยังกล่าวเสริมด้วยว่า “ในปี 2025 Medidata จะนำข้อมูลเชิงลึกจาก AI เข้ามาผสานรวมกับโซลูชันด้านการวางแผนและการดำเนินการวิจัย ช่วยให้สามารถจำลองการออกแบบการทดลอง ลดความยุ่งยากของกระบวนการ และยกระดับประสิทธิภาพให้ดีขึ้นได้”

Medidata เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำในการประเมิน CTMS, การบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) และการทดลองทางคลินิกแบบแยกจากศูนย์ (DCT) จาก Everest Group สำหรับ Rave EDC ของ Medidata, แพลตฟอร์ม Medidata และผลงานของทางบริษัทใน DCT

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของเรา

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata มุ่งพัฒนาการรักษาให้มีความอัจฉริยะยิ่งขึ้นและช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata ได้พัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาแล้ว 25 ปีจากการทดลองกว่า 34,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย บริษัทนี้จึงมีความเชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของวงการ ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกที่ผ่าน ๆ มาในระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก แพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ราบรื่นของ Medidata ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้ที่ลงทะเบียนกว่า 1 ล้านคนจากลูกค้าประมาณ 2,200 ราย เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งคิดค้นนวัตกรรมทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ Dassault Systèmes(Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นิวยอร์กซิตี และได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.medidata.com และติดตามเราที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes ช่วยเร่งให้มนุษย์มีความก้าวหน้ามากขึ้น เราให้บริการสภาพแวดล้อมเสมือนในการทำงานร่วมกับแก่ธุรกิจและผู้คนเพื่อคิดค้นนวัตกรรมที่ยั่งยืน เมื่อมีการสร้างประสบการณ์แบบ Virtual Twin ที่เหมือนกับโลกความเป็นจริงด้วยแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ของเรา ลูกค้าของเราก็จะสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการสร้างสรรค์ ผลิต และจัดการวงจรการใช้งานสำหรับผลิตภัณฑ์ของตนได้ และช่วยให้โลกใบนี้ยั่งยืนยิ่งขึ้นได้เป็นอย่างดี ความสวยงามของเศรษฐกิจประสบการณ์ (Experience Economy) ก็คือเศรษฐกิจแบบนี้จะคำนึงถึงมนุษย์เป็นสำคัญเพื่อประโยชน์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ป่วย และประชาชน ทั้งนี้ Dassault Systèmes ได้สร้างคุณค่าให้กับลูกค้ากว่า 350,000 รายการในทุกขนาด ทุกวงการ และในกว่า 150 ประเทศ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนสิทธิ์ทุกประการ 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอน Compass, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS คือเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งภายใต้กฎหมายของฝรั่งเศส และมีการจดทะเบียนกับ Versailles Trade และหน่วยงานทะเบียนบริษัทภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ เครื่องหมายการค้าอื่นทั้งหมดจะเป็นของเจ้าของรายนั้น ๆ การใช้เครื่องหมายการค้าใด ๆ ของ Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือจะต้องได้รับการอนุมัติอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรโดยชัดแจ้ง

เกี่ยวกับ Everest Group

Everest Group เป็นบริษัทด้านการวิจัยชั้นนำของโลก ซึ่งช่วยให้ผู้นำทางธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ การประเมิน PEAK Matrix® ของ Everest Group มาพร้อมการวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกที่องค์กรต่าง ๆ ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจครั้งสำคัญในการเลือกผู้ให้บริการระดับสากล ตำแหน่งที่ตั้ง รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันภายในส่วนตลาดต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน ผู้ให้บริการ ผลิตภัณฑ์ และโซลูชันเหล่านี้เองก็เลือกใช้ PEAK Matrix® ในการวัดและเทียบผลิตภัณฑ์ของตนกับผู้อื่นในวงการหรือตลาด โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมและเนื้อหาเชิงลึกที่ www.everestgrp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

ประชาสัมพันธ์ของ Medidata
Medidata.PR@3ds.com

นักวิเคราะห์สัมพันธ์
Medidata.AR@3ds.com

แหล่งที่มา: Medidata

Medidata และ Bioforum เสริมสร้างความสัมพันธ์ยาวนานกว่าทศวรรษเพื่อพัฒนาข้อมูลทางคลินิกและโซลูชันไบโอเมตริกสำหรับการทดลองทางคลินิก

Logo

ความร่วมมือที่ขยายขึ้นใช้ประโยชน์จาก Clinical Data Studio และไบโอเมตริกที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อมอบบริการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงสำหรับลูกค้าของ Bioforum

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024 

Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ได้ประกาศข้อตกลงองค์กรฉบับใหม่กับ Bioforum ซึ่งเป็น CRO ด้านไบโอเมตริกที่ให้บริการแก่ผู้สนับสนุนการทดลองทางคลินิกทั่วโลก

ความร่วมมือที่ขยายขึ้นจากการทำงานร่วมกันมากกว่าทศวรรษจะช่วยให้ลูกค้าด้านเทคโนโลยีชีวภาพของ Bioforum เข้าถึงเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Medidata ได้กว้างขวางขึ้น ทำให้ประสบการณ์การพัฒนาทางคลินิกมีความคล่องตัวมากขึ้น นอกเหนือจากโซลูชัน Medidata เช่น Medidata Rave EDC และ Medidata Rave RTSM ซึ่ง Bioforum ได้ใช้ประโยชน์เพื่อจัดทำการศึกษาวิจัย 60 รายการในด้านการรักษาที่หลากหลาย CRO ยังเพิ่ม Medidata Clinical Data Studio และ Medidata eConsent เพื่อปรับปรุงการไหลของข้อมูล รักษาความสมบูรณ์ของข้อมูล และให้เป็นไปตามข้อกำหนด

“ทีมผู้เชี่ยวชาญ บริการไบโอเมตริกชั้นนำของอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราส่งผลให้ Bioforum ช่วยให้ผู้สนับสนุนสามารถจัดการข้อมูลทางคลินิกได้อย่างราบรื่นในที่เดียว และมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะปลอดภัย ถูกต้อง และพร้อมสำหรับการวิเคราะห์” Amir Malka ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งร่วมของ Bioforum กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เสริมสร้างความร่วมมือกับ Medidata และร่วมกันมอบโซลูชันขั้นสูงที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าเพื่อเติบโตได้”

“ความร่วมมือที่ขยายขึ้นกับ Bioforum จะนำการจัดการการทดลองทางคลินิกที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาสู่บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่คล่องตัว ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเหล่านั้นออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น” Janet Butler รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายขายทั่วโลกของ Medidata กล่าว “การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการเฝ้าระวังข้อมูลผู้ป่วยและ RBQM จะช่วยให้เราเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้กับ Bioforum และมอบสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลคุณภาพสูงที่ราบรื่นให้กับลูกค้าของพวกเขาได้”

Bioforum จะสนับสนุนงาน NEXT New York ของ Medidata ที่กำลังจะจัดขึ้น ซึ่งเป็นการประชุมการทดลองทางคลินิกชั้นนำที่บริษัทจัดขึ้น โดยกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 13 ถึง 14 พฤศจิกายน ณ นครนิวยอร์ก

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและทำให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata เฉลิมฉลอง 25 ปีของนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำในการทดลองมากกว่า 34,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย โดยนำเสนอความเชี่ยวชาญระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านรายในลูกค้าประมาณ 2,200 รายไว้วางใจในแพลตฟอร์มที่ไร้รอยต่อและครบวงจรของ Medidata ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งการค้นพบทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์ก และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC ค้บหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเราได้ที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความก้าวหน้าของมนุษย์ เรามอบสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่ทำงานร่วมกันให้กับธุรกิจและผู้คนเพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน การสร้างประสบการณ์เสมือนจริงที่เป็นคู่ขนานกับโลกแห่งความเป็นจริงด้วยแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE และแอปพลิเคชั่นต่างๆ ของเราจะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถกำหนดนิยามใหม่ให้กับกระบวนการสร้างสรรค์ การผลิต และการจัดการวงจรชีวิตของข้อเสนอของลูกค้าได้ และด้วยเหตุนี้จึงมีผลอย่างมากในการทำให้โลกยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ความงามของเศรษฐกิจประสบการณ์คือเศรษฐกิจที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นหลักเพื่อประโยชน์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ป่วย และพลเมือง Dassault Systèmes มอบคุณค่าให้กับลูกค้ามากกว่า 350,000 รายในอุตสาหกรรมทุกขนาดในกว่า 150 ประเทศ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอนเข็มทิศ, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS เป็นเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส และจดทะเบียนกับสำนักงานทะเบียนการค้าและบริษัทแวร์ซายส์ภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้าของ Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน

เกี่ยวกับ Bioforum the Data Masters

Bioforum the Data Masters เป็นองค์กรวิจัยทางคลินิกชั้นนำระดับโลก (CRO) ที่เชี่ยวชาญด้านบริการและโซลูชันด้านไบโอเมตริกสำหรับอุตสาหกรรมยา เทคโนโลยีชีวภาพ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์และเทคโนโลยีสุดล้ำช่วยให้ Bioforum ให้บริการต่างๆ มากมาย รวมถึงการจัดการข้อมูล ชีวสถิติ การเขียนโปรแกรมเชิงสถิติ และการเขียนทางการแพทย์ เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ นำยาและการรักษาใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเราและบริการของเรา โปรดไปที่ www.bioforumgroup.com หรือค้นหาเราบน LinkedIn ได้ที่ https://il.linkedin.com/company/bioforum-ltd

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Medidata PR
Medidata.PR@3ds.com

ความสัมพันธ์กับนักวิเคราะห์
Medidata.AR@3ds.com

แหล่งข้อมูล: Medidata

โครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์ร่วมมือกับ Oxford Nanopore เพื่อพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับพันธุศาสตร์ของประชากรหลายเชื้อชาติของสิงคโปร์

Logo

โครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์จะจัดลําดับจีโนม 10,000 จีโนม เพื่อปรับปรุงความเข้าใจเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมทางพันธุกรรมและความหลากหลายในประชากรเอเชียที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติของสิงคโปร์ผ่านเทคโนโลยีการหาลําดับขั้นสูงที่ใช้นาโนพอร์

อ็อกซ์ฟอร์ด อังกฤษ–(BUSINESS WIRE)–05 สิงหาคม 2024

Oxford Nanopore Technologies (Oxford Nanopore) ได้ประกาศโครงการสําคัญร่วมกับโครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์ ซึ่งนําโดย Precision Health Research, Singapore (PRECISE) โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาแคตตาล็อกโครงสร้างที่มีการปรับเปลี่ยนที่ครอบคลุม ซึ่งแสดงถึงสามกลุ่มชาติพันธุ์หลักในสิงคโปร์ ได้แก่ ชาวจีน ชาวมาเลย์ และชาวอินเดีย ความแตกต่างทางพันธุกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสําคัญในการช่วยนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยทางการแพทย์ เข้าใจความหลากหลายทางพันธุกรรมและโรคของมนุษย์ ความคิดริเริ่มนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Oxford Nanopore ในการพัฒนาการวิจัยทางพันธุกรรมและผลลัพธ์ด้านการดูแลสุขภาพในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับประชากรที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักไม่ได้รับการเสนอในฐานข้อมูลจีโนม

ส่วนของโครงการ Oxford Nanopore จะมุ่งเน้นไปที่การจัดลําดับจีโนม 10,000 จีโนมที่เป็นตัวแทนของประชากรที่หลากหลายของสิงคโปร์ รวมถึงชุมชนมาเลย์ อินเดีย และจีนที่เข้าร่วมในกลุ่มประชากร PRECISE-SG100K โครงการนี้จะใช้เครื่องมือหาลําดับ PromethION 48 ที่มีเอาต์พุตสูงของ Oxford Nanopore เพื่อส่งมอบข้อมูลจีโนมที่มีรายละเอียดและครอบคลุมเพื่อพัฒนาการวิจัยและสนับสนุนการดูแลสุขภาพที่มีความแม่นยํา โครงการนี้เริ่มขึ้นในช่วงกลางปี 2024 และจะดําเนินการนานถึง 12 เดือน

แพลตฟอร์มของ Oxford Nanopore นําเสนอความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่นที่เหนือชั้นในการหาลําดับ DNA/RNA และสามารถระบุลักษณะชิ้นส่วน DNA/RNA ดั้งเดิมทั้งแบบสั้นและยาวพิเศษ รวมถึงการตรวจหาเมทิลเลชัน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่สําคัญที่พบใน DNA โดยไม่จําเป็นต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติมและด้วยความเร็วที่เร็วกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ความสามารถนี้ ซึ่งไม่สามารถทําได้ด้วยการอ่านสั้นๆ หรือวิธีการแบบดั้งเดิม ถือเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการระบุความแตกต่างทางพันธุกรรมที่หลากหลายได้อย่างแม่นยํา ซึ่งจําเป็นต่อการทําความเข้าใจโรคที่ซับซ้อนและปรับแต่งแผนการรักษาเฉพาะบุคคล

Oxford Nanopore ได้ทําการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้ขยายห้องปฏิบัติการในสิงคโปร์เพื่อรองรับกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นในการฝึกอบรม การถ่ายทอดความรู้ และการเพิ่มทักษะของเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคในท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงการปรับใช้ซีเควนเซอร์ภายในศูนย์วิทยาศาสตร์สิงคโปร์และสถาบันเทคโนโลยีสิงคโปร์เพื่อใช้ในโปรแกรมการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ปริญญาตรี และการศึกษาผู้ใหญ่

นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถเข้าถึงศูนย์กระจายสินค้าในสิงคโปร์ผ่านการขยายความร่วมมือกับ UPS Healthcare ซึ่งส่งผลให้การส่งมอบโฟลว์เซลล์ไปยังสิงคโปร์และทั่วเอเชียแปซิฟิกได้เร็วขึ้น

Gordon Sannghera ซีอีโอของ Oxford Nanopore กล่าวว่า:

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับโครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์ เพื่อสร้างชุดข้อมูลจีโนมอ้างอิงที่กว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุดชุดหนึ่งของโลก ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความมุ่งมั่นของเราในการดูแลสุขภาพที่แม่นยําเท่านั้น แต่ยังวางตําแหน่งทางยุทธศาสตร์ให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางสําคัญสําหรับจีโนมในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งส่งเสริมความก้าวหน้าที่สําคัญในการวิจัยทางการแพทย์และผลลัพธ์ด้านการดูแลสุขภาพ”

นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรอื่นๆ ในโครงการนี้ด้วย รวมถึง NovogeneAIT ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการทำงานร่วมกันอย่างแข็งแกร่งในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมในด้านจีโนมิกส์

Oxford Nanopore ได้ร่วมมือกับทีมวิทยาศาสตร์เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้อมูลจีโนมที่สมบูรณ์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยอุปกรณ์หาลําดับ Oxford Nanopore ซึ่งส่งผลให้เกิดชุดข้อมูล “เทโลเมียร์ถึงเทโลเมียร์” ที่ก้าวล้ำ และอยู่ในการเตรียมพร้อมสําหรับการเริ่มต้นโปรแกรมการหาลําดับที่ใหญ่ขึ้น

เกี่ยวกับ Oxford Nanopore Technologies

เป้าหมายของ Oxford Nanopore Technologies คือการมอบประโยชน์สูงสุดให้กับสังคมผ่านการเปิดใช้งานการวิเคราะห์ทุกสิ่งโดยทุกคนและทุกที่ บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีการตรวจจับแบบนาโนพอร์รุ่นใหม่สําหรับการวิเคราะห์ DNA และ RNA แบบเรียลไทม์ประสิทธิภาพสูง เข้าถึงได้ และปรับขนาดได้ เทคโนโลยีนี้ถูกนํามาใช้ในกว่า 120 ประเทศเพื่อทําความเข้าใจชีววิทยาของมนุษย์และโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง พืช สัตว์ แบคทีเรีย ไวรัส และสภาพแวดล้อมทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ของ Oxford Nanopore Technologies มีไว้สําหรับการใช้งานด้านอณูชีววิทยาและไม่ได้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการวินิจฉัย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://nanoporetech.com/

เกี่ยวกับ Precision Health Research, Singapore (PRECISE)

Precision Health Research, Singapore (PRECISE) เป็นหน่วยงานกลางที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประสานงานความพยายามทั้งหมดของสิงคโปร์ในการดําเนินการระยะที่ 2 ของโครงการ National Precision Medicine (NPM) สามระยะของสิงคโปร์

NPM ระยะที่ 2 มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงการดูแลสุขภาพในสิงคโปร์ และปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วยผ่านข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ เกี่ยวกับจีโนมเอเชียและโซลูชันการดูแลสุขภาพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ใน NPM ระยะที่ 2 PRECISE จะร่วมมือกับพันธมิตรด้านการวิจัยและทางคลินิกในสิงคโปร์ รวมถึง Agency for Science, Technology and Research (A*STAR), Lee Kong Chian School of Medicine, National Healthcare Group, National University Health System, National University of Singapore และ SingHealth Duke-NUS Academic Medical Centre เพื่อศึกษาโครงสร้างทางพันธุกรรมของชาวสิงคโปร์ที่มีสุขภาพดีจำนวน 100,000 คนและกลุ่มผู้ป่วยเฉพาะกลุ่ม ข้อมูลทางพันธุกรรมจะถูกบูรณาการเข้ากับข้อมูลวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม และข้อมูลทางคลินิกโดยละเอียด เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมากมายเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อโรคและสภาวะต่างๆ ของชาวเอเชีย

นอกจากนี้ NPM ระยะที่ 2 จะช่วยเพิ่มความกว้างและความลึกของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Precision Medicine โดยการดึงดูดและยึดบริษัทต่างชาติในสิงคโปร์ไว้ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสใหม่ๆ  ให้กับบริษัทในประเทศ เพื่อยกระดับและเร่งรัดภาคส่วนการแพทย์ที่แม่นยํา PRECISE ทํางานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ A*STAR สํานักงานความร่วมมืออุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ และคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นการเติบโตในระยะต่อไปสําหรับอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพและเทคโนโลยีชีวการแพทย์ของสิงคโปร์

PRECISE เป็นโครงการของ Consortium for Clinical Research and Innovation ประเทศสิงคโปร์ (CRIS) โดย PRECISE ได้รับการสนับสนุนจาก National Research Foundation ประเทศสิงคโปร์ (NRF) ภายใต้ RIE2020 White Space (MOH-000588 และ MOH-001264) และบริหารงานโดยกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ผ่าน National Medical Research Council (NMRC), MOH Holdings Pte Ltd

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.npm.sg

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

media@nanoporetech.com

ที่มา: Oxford Nanopore Technologies

Medisca เปิดศูนย์บรรจุหีบห่อยาแห่งใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายทั่วโลก

Logo

PLATTSBURGH, N.Y.–(BUSINESS WIRE)–27 มิถุนายน 2024

Medisca ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 20 เดือนมิถุนายน ปี 2024 สำหรับศูนย์บรรจุหีบห่อและกระจายสินค้าแห่งใหม่ใน Plattsburgh รัฐ New York งานนี้เป็นการเฉลิมฉลองสำหรับทีมงานอันทรงคุณค่าที่ Plattsburgh ของ Medisca รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐและรัฐบาลกลาง ประกอบด้วย สมาชิกสภาหญิง Elise Stefanik วุฒิสภา Dan Stec และสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร Billy Jones

Left to right: Mitchell Rubin, Medisca CFO | Assemblyman Billy Jones | Stephane Nizri, Medisca Head of Engineering | Sanjay Goorachurn, Medisca CEO | Antonio Dos Santos, Medisca Founder and Chairman | Maria Zaccardo, Medisca Co-Founder and Vice-Chair | Congresswoman Elise Stefanik | Panagiota Danopoulos, Medisca SVP Global Strategy and Innovation | Senator Dan Stec | Larry Harney, Medisca Operations Manager (Photo: Business Wire)

ซ้ายไปขวา: Mitchell Rubin, Medisca CFO | สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร Billy Jones | Stephane Nizri, หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของ Medisca | Sanjay Goorachurn, Medisca CEO | Antonio Dos Santos, ผู้ก่อตั้งและประธานของ Medisca | Maria Zaccardo, ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานของ Medisca | สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร Elise Stefanik | Panagiota Danopoulos, รองประธานผู้อาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมระดับโลกของ Medisca | วุฒิสมาชิก Dan Stec | Larry Harney, ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของ Medisca (ภาพถ่าย: Business Wire)

“งานนี้ถือเป็นการเสร็จสมบูรณ์ของโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่ Medisca เคยทำมาในประวัติศาสตร์ 35 ปีของเรา” Antonio Dos Santos ผู้ก่อตั้งและประธานของ Medisca กล่าว “ศูนย์แห่งใหม่นี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างขยันขันแข็งและการอุทิศตนของบุคลากรใน Medisca รวมถึงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราเพื่อรองรับความต้องการด้านยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

การลงทุนอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคทางภาคเหนือ

หลังจากการก่อตั้งและการลงทุนในภูมิภาคทางภาคเหนือมาเป็นเวลา 32 ปี การเปิดศูนย์แห่งใหม่ของ Medisca ใน Plattsburgh เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของพนักงานในภูมิภาคนี้

“ศูนย์แห่งใหม่ของ Medisca เป็นข้อพิสูจน์ถึงกลุ่มบุคลากรในท้องถิ่นที่มีทักษะความสามารถ โดยมีการจัดหางานในท้องถิ่นที่มีค่าตอบแทนดีจำนวน 65 ตำแหน่ง พร้อมแผนการขยายเพิ่มเติม” สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร Elise Stefanik กล่าว “การลงทุนครั้งสำคัญใน Plattsburgh นี้ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งในภูมิภาคของเรา ผมมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุน Medisca และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่มีการลงทุนในชุมชนของเรา และขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจสำหรับครอบครัวของกลุ่มบุคลากรที่ทำงานหนักในทางตอนเหนือและภูมิภาคทางภาคเหนือ”

กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อรองรับความต้องการด้านยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายที่เพิ่มขึ้น

การผสานรวมการดำเนินงานที่มีอยู่ให้เป็นศูนย์แห่งเดียว พร้อมเครื่องจักรนวัตกรรมใหม่และขั้นตอนการทำงานแบบอัตโนมัติ ศูย์แห่งใหม่นี้จะช่วยเสริมขีดความสามารถของบริษัทได้เป็นอย่างมาก เพื่อรองรับการบริการกลุ่มการดูแลสุขภาพที่หลากหลาย

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศูนย์แห่งใหม่นี้จะช่วยให้ Medisca สามารถขยายขีดความสามารถในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสำหรับเภสัชกรและผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ เพื่อให้พวกเขาสามารถจัดเตรียมยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายและยาที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยเช่นคุณและผม ไม่เพียงเฉพาะที่นี่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่สำหรับทั่วโลก” Sanjay Goorachurn, Medisca CEO กล่าว

การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่สามารถปรับขนาดได้ การเสริมคุณภาพสำหรับระบบที่จัดตั้งขึ้น และการให้ความสำคัญต่อสุขภาพ ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับบุคลากรของ Medisca เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจในทุกครั้งระหว่างการออกแบบและการสร้างศูนย์แห่งใหม่นี้ ข้อพิจารณาหลักที่สำคัญ ได้แก่ การเปิดตัวห้องการผลิตที่ได้รับมาตรฐาน ISO โดยมีการปรับแต่งตามความต้องการ และการใช้ประโยชน์จากระบบการจัดการคลังสินค้าแบบปรับแต่งเองเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

“เมื่อรวมทุกส่วนเข้าด้วยกัน ศูนย์แห่งใหม่นี้จึงเป็นตัวอย่างที่ล้ำสมัยซึ่งใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม ตลอดจนมาตรการด้านคุณภาพและความปลอดภัยที่เข้มงวด เพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์ บุคลากร และสิ่งแวดล้อมของเรา” Dos Santos กล่าว

ศูนย์แห่งใหม่ของ Medisca ที่ Plattsburgh นี้ผ่านการตรวจสอบของรัฐ New York และการตรวจสอบเอกสารและระบบโดยบุคคลที่สามเป็นที่สำเร็จ และยังผ่านการตรวจสอบจากผู้ให้สิทธิอนุญาตเพิ่มเติมและการตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริการแก่ตลาดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก หากต้องการดูรายละเอียดเกี่ยวกับศูนย์แห่งใหม่นี้ โปรดคลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Medisca

Medisca ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 และเป็นผู้นำระดับโลกในด้านยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายและโซลูชันห่วงโซ่อุปทานด้านยา โดยมีผลิตภัณฑ์หลากหลายกว่า 2,000 รายการ พร้อมเสริมด้วยคลังสูตรยาทั้งที่เป็นกรรมสิทธิ์และมีการปรับแต่งเองกว่า 10,000 รายการ บวกกับความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และการบริการด้านการผสมยา การให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง การทดสอบเชิงวิเคราะห์ และอื่นๆ อีกมากมาย Medisca นำเสนอโซลูชันที่มีการปรับแต่งอย่างประณีตเพื่อรองรับภาคส่วนด้านสุขภาพความเป็นอยู่ที่หลากหลายทั่วโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medisca.com และติดตามเราได้ที่ LinkedIn, Facebook และ YouTube

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Medisca Communications
communications@medisca.com
1-800-665-6334

แหล่งข้อมูล: Medisca

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54087780/en

การวิจัยวัคซีนที่ใช้ LC-Plasma ได้รับเลือกสำหรับโครงการ SCARDA

Logo

– มุ่งเน้นการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ –

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–08 พฤษภาคม 2024

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings)(TOKYO:2503) และ National Institute of Infectious Diseases (NIID) ร่วมมือกันดำเนินการศึกษาเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพในการป้องกันของพลาสม่าสายพันธุ์ L. lactis [โพสต์ไบโอติก] (LC-Plasma) สำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อ เราขอประกาศว่า ข้อเสนอสำหรับการร่วมมือในการวิจัยของเราได้รับการยอมรับให้เป็นโครงการสำหรับการวิจัยและการพัฒนาในรูปแบบใหม่ๆ ที่เอื้อต่อการพัฒนาวัคซีนโดยศูนย์ยุทธศาสตร์การวิจัยและการพัฒนาวัคซีนขั้นสูงทางชีวการแพทย์เพื่อการเตรียมความพร้อมและการตอบสนอง (Strategic Center of Biomedical Advanced Vaccine Research and Development for Preparedness and Response – SCARDA) ในหน่วยงานของญี่ปุ่น สำหรับการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ (Medical Research and Development – AMED)

ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการวิจัย

หัวข้อ: การพัฒนาวัคซีนโดยใช้พลาสม่าสายพันธุ์ Lactococcus ในโพรงจมูกเพื่อกระตุ้นความจำโดยธรรมชาติ

ตัวแทน: Tetsuro Matano รองอธิบดี NIID

ตัวแทน: Daisuke Fujiwara เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ผู้จัดการทั่วไป สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพ Kirin Holdings

หัวข้อเฉพาะ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาวัคซีนโดยใช้ LC-Plasma ในโพรงจมูกเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ

ภูมิหลัง
SCARDA ก่อตั้งขึ้นที่ AMED เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2022 ตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพื่อเสริมเงินทุนการวิจัยเชิงกลยุทธ์และเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์การวิจัยและการพัฒนาระดับโลก (https://www.amed.go.jp/en/program/list/21/index.html) SCARDA สนับสนุนการวิจัยและการพัฒนาสำหรับวัคซีนรุ่นใหม่ มีความคาดหวังว่า วัคซีนแบบดั้งเดิมจะสามารถกระตุ้นการตอบสนองภูมิคุ้มกันแบบปรับสภาพ รวมถึงการตอบสนองของแอนติบอดีและทีเซลล์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสและแบคทีเรีย เมื่อไม่นานมานี้ มีการพูดคุยกันถึงแนวคิดการสร้างภูมิคุ้มกันที่ผ่านการฝึก และมีการทดลองพัฒนาวัคซีนที่มีการกระตุ้นการตอบสนองโดยธรรมชาติต่อโรคติดเชื้อให้มีประสิทธิผล ซึ่งยังไม่บรรลุผลสำเร็จ

LC-Plasma มีคุณลักษณะที่โดดเด่นในความสามารถกระตุ้นเซลล์พลาสมาซีตอยด์เดนไดรติก (plasmacytoid dendritic cells – pDCs) และกระตุ้นการผลิตอินเตอร์เฟอรอน ซึ่งนำไปสู่การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น จากการวิจัยร่วมกันกับ NIID ทาง Kirin Holdings มีการยืนยันว่า สามารถยับยั้งตัวจำลองแบบ SARS-CoV-2 ได้โดย pDC ส่วนลอยเหนือตะกอนจากการเพาะเลี้ยง ที่ได้รับการกระตุ้นด้วย LC-Plasma (Ishii et al, BBRC 662:26, 2023)

ในขณะนี้ Kirin Holdings และ NIID มีการดำเนินการวิจัยร่วมกันเพื่อพัฒนาวัคซีนที่กระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติต่อการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ โดยใช้ LC-Plasma สำหรับวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ โครงการนี้มีขึ้นเพื่อสำรวจศักยภาพของการฉีดวัคซีน LC-Plasma ในโพรงจมูกเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ รวมถึง SARS-CoV-2 และไวรัสไข้หวัดใหญ่

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทต่างชาติที่มีการดำเนินงานในภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ภาคส่วนเภสัชกรรม (ธุรกิจยา) และภาพส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 โดย Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับจากนั้นเป็นต้นมา บริษัทมีการขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจยาในช่วงทศวรรษที่ 1980 ซึ่งยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 มีการก่อตั้ง Kirin Holdings ขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันมุ่งเน้นการขยายภาคส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้ วิสัยทัศน์ของ Kirin Group ปี 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group ตั้งเป้าหมายที่จะกลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* โดยสร้างมูลค่าทั่วโลกทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่ม จนถึงด้านเภสัชกรรม นับจากนี้เป็นต้นไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของบริษัทเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถเติบอย่างยั่งยืนในองค์กร

* สร้างเสริมคุณค่าร่วมกัน ผสานรวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53976235/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Press Contact
Corporate Communication Department
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

National Institute of Infectious Diseases Contact
1-23-1 Toyama, Shinjuku-ku, Tokyo
+81-3-5285-1111
info@nih.go.jp

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited

การเดินทางบทใหม่ของ Medisca: Sanjay D. Goorachurn ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

Logo

มอนทรีออล –(BUSINESS WIRE)–17 เมษายน 2024

Medisca บริษัทระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านเภสัชภัณฑ์ส่วนบุคคลยินดีที่ได้ประกาศการแต่งตั้ง Sanjay D. Goorachurn เป็น CEO คนใหม่ของบริษัท ในฐานะผู้ก่อตั้ง Tony Dos Santos และ Maria Zaccardo ได้เปลี่ยนบทบาทของตนไปเป็นที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ในตำแหน่งประธานและรองประธานตามลำดับ ประจวบกับวันครบรอบ 35 ปีของบริษัท ทำให้การตัดสินใจครั้งนี้กลายเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Medisca

Left to right: Tony Dos Santos, Founder | Maria Zaccardo, Co-founder | Sanjay D. Goorachurn, CEO (Photo: Business Wire)

ซ้ายไปขวา: ผู้ก่อตั้ง Tony Dos Santos | ผู้ก่อตั้งร่วม Maria Zaccardo | ซีอีโอ Sanjay D. Goorachurn (รูปภาพ: Business Wire)

ในปี 1989 Medisca ได้เปิดประตูสู่โลกในฐานะทีมสามคนที่มีผลิตภัณฑ์เพียงสองอย่าง พร้อมกับวิสัยทัศน์ที่จะอุดช่องโหว่ในการดูแลผู้ป่วย และในทุกวันนี้ Medisca ก็ได้กลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเภสัชภัณฑ์ส่วนบุคคลที่มีสถานประกอบการมากกว่า 10 แห่งที่กระจายอยู่ใน 5 ประเทศ และมีบุคลากรกว่า 450 คน Medisca มีสินค้าที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์มากกว่า 2,000 รายการที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านการดูแลสุขภาพได้อย่างหลากหลาย

“ด้วยประสบการณ์กว่า 35 ปี Medisca ผ่านการพัฒนามาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยการยึดมั่นในบุคลากรและวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย” Dos Santos กล่าว “เมื่อมีประสบการณ์และทักษะอันเป็นเอกลักษณ์ของ Sanjay มาสมทบ เราจึงมั่นใจได้ว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางบทใหม่สำหรับ Medisca”

ในฐานะนักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ผู้ผ่านประสบการณ์มากว่า 30 ปี ทำให้ Goorachurn ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในนักวางกลยุทธ์ IP ชั้นนำของโลก ซึ่งได้ทำงานร่วมกับผู้บริหารระดับอาวุโสของบริษัทของรัฐและเอกชนหลายแห่งอย่างใกล้ชิดเพื่อเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ให้กับนวัตกรรมและสินทรัพย์ IP ของบริษัทจนถึงขีดสุด ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของ Goorachurn และประสบการณ์การทำงานในการขยายการเติบโตสำหรับบริษัทที่มีความซับซ้อนในระดับโลกทำให้ Dos Santos และ Zaccardo ต้องดึงตัวเขากลับมาในปี 2016 เมื่อเขาเข้าร่วมกับทีม Medisca ในฐานะที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์

“ความเป็นมาของ Sanjay กับ Medisca เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งเขาเป็น CEO คนใหม่ของเรา” Dos Santos กล่าว “ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา Sanjay ได้สร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับบุคลากรที่ Medisca หลายคนและแนะนำเราไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในบางครั้ง รวมถึงการพัฒนาและการปกป้องนวัตกรรมสำคัญของเรา ดังนั้น CEO คนใหม่ของบริษัทจึงไม่ได้เป็นเพียงบุคคลที่สามารถผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า แต่ยังต้องมีค่านิยมพื้นฐานเดียวกันที่กำหนดตัวตนของเราอีกด้วย”

“เป้าหมายของผมคือการอนุรักษ์มรดกสืบทอดการเป็นผู้ประกอบการของ Tony และ Maria รวมถึงนำวิสัยทัศน์ของบริษัทไปเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาสุขภาพสำหรับทุกคน” Goorachurn กล่าว “ผมจะมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรที่ Medisca สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นสัดส่วนมากขึ้นสำหรับการเติบโตเชิงกลยุทธ์ สร้างความร่วมมือที่สำคัญ และใช้ประโยชน์จากความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมที่ทำให้ Medisca โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง พร้อมไปถึงการขยายตัวตนของเราในระดับโลก”

เกี่ยวกับ Medisca

Medisca เป็นผู้นำระดับโลกด้านเภสัชภัณฑ์ส่วนบุคคลและโซลูชันห่วงโซ่อุปทานเภสัชภัณฑ์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1989 โดยมีผลิตภัณฑ์มากมายกว่า 2,000 รายการจากคลังสูตรยาที่คิดค้นขึ้นเองและเป็นกรรมสิทธิ์อีกกว่า 10,000 สูตร ประกอบกับความเชี่ยวชาญและการให้บริการการประกอบตัวยา การให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง การทดสอบเชิงวิเคราะห์ และอื่น ๆ อีกมากมาย การให้บริการโซลูชันที่เป็นเลิศในภาพส่วนด้านสุขภาพที่มีความหลากหลายทั่วโลก ทำให้ Medisca สามารถอุดช่องโหว่ในการดูแลสุขภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาสุขภาพสำหรับทุกคนได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medisca.com และติดตามเราบน LinkedInFacebook, และ YouTube

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53933380/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Medisca Communications
communications@medisca.com
1-800-665-6334

ที่มา: Medisca

The Bangkok Reporter