Mitsubishi Corporation Life Sciences ตีพิมพ์ผลการศึกษาใหม่เกี่ยวกับผลของการกินซิสเทอีนเปปไทด์ที่มีกลูตาไธโอนต่อความกระจ่างใสของผิว

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–12 มีนาคม 2024

Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited (สำนักงานใหญ่: เขตชิโยดะ โตเกียว ญี่ปุ่น คิชิโมโตะ โคจิ กรรมการตัวแทนและประธาน) ได้ทำการศึกษาทางคลินิก เรื่องความกระจ่างใสของผิวในซิสเทอีนเปปไทด์และตีพิมพ์ใน Cosmetics 2023, 10, 72 ในการศึกษานี้ บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ไลฟ์ ไซเอนซ์ ให้คำจำกัดความของกลูตาไธโอน (GSH), ซิสเทนิลไกลซีน (Cys-Gly) และกลูตามิลซิสเทอีน (-Glu-Cys) เป็นเปปไทด์ซิสเทอีน และทำการศึกษาแบบสุ่ม ปกปิดทั้งสองด้านด้วยยาหลอกเพื่อตรวจสอบผลกระทบของซิสเทอีนเปปไทด์ที่รับประทานทางปากในความกระจ่างใสของผิวมนุษย์

การศึกษาแสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่รับประทานซีสเตอีนเปปไทด์ขนาด 45 มก. เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าแขนขาวขึ้นโดยขึ้นอยู่กับเวลา และสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกในสัปดาห์ที่ 12

รายละเอียดการวิจัย

การศึกษานี้ได้รับการออกแบบให้เป็นการศึกษาเปรียบเทียบแบบสุ่ม ปกปิดสองด้าน ควบคุมด้วยยาหลอก กลุ่มคู่ขนานกับชายและหญิงที่มีสุขภาพดี อายุระหว่าง 20 ถึง 65 ปี ผู้เข้าร่วมที่มีสิทธิ์ได้รับการสุ่มแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม (ซิสเทอีนเปปไทด์ 45 มก.: n = 16, 90 มก.: n = 15 และยาหลอก: n = 16) ผู้เข้ารับการทดลองแต่ละคนรับประทานยาหกเม็ดทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และวัดความสว่างของผิวหนัง (ค่า L) โดยใช้เครื่องสเปกโตรโฟโตมิเตอร์แบบพกพา CM-26d (Konica Minolta โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น) ที่การตรวจคัดกรอง 0 สัปดาห์ 4 สัปดาห์ 8 สัปดาห์ และ 12 สัปดาห์

ผลลัพธ์

ทุกกลุ่มแสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในความกระจ่างใสของแขนที่ 12 สัปดาห์ เทียบกับ 0 สัปดาห์ นอกจากนี้ ค่า ΔL ยังสว่างกว่าอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่ม 45 มก. เมื่อเทียบกับยาหลอก (p = 0.028) ที่ 12 สัปดาห์ ค่า ΔL 90 มก. สูงกว่ากลุ่มยาหลอกที่ 12 สัปดาห์

Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited มีบริษัทในเครือของ KOHJIN Life Sciences ซึ่งเป็นผู้ผลิตกลูตาไธโอนที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น KOHJIN Life Sciences มีประวัติการผลิตยาวนานกว่า 70 ปี และยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าใหม่โดยการรวมเทคโนโลยีการหมักขั้นสูงของบริษัทต่าง ๆ ของ Mitsubishi Corporation Life Sciences Group และผ่านการวิจัยและพัฒนาในด้านเทคโนโลยีชีวภาพ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53905938/en

ติดต่อ

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวนี้ โปรดติดต่อ:
kentaro.hamasaki@mcls-ltd.com
Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited
Tokyo Takarazuka Bldg 14F,
1-1-3 Yurakucho, Chiyoda-ku,
Tokyo 100-0006 Japan

ที่มา: Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited

Timeline เป็นเทคโนโลยีชีวภาพที่มีอายุยืนยาวของสวิส ได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่สําคัญ จากผู้นําอุตสาหกรรมระดับโลกเชิงกลยุทธ์ รวมถึง L’Oréal และ Nestlé

Logo

โลซาน, สวิตเซอร์แลนด์–(BUSINESS WIRE)–17 มกราคม 2024

Timeline เป็นบริษัท เทคโนโลยีชีวภาพด้านสุขภาพของผู้บริโภคในระดับแนวหน้า ในการพัฒนาโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อการสูงวัยอย่างมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว ได้ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทสามารถระดมทุนได้ 56 ล้านฟรังก์สวิส(66 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในการระดมทุน Series D ที่มีสมาชิกมากเกินไป นับเป็นก้าวสําคัญสําหรับบริษัท และรวมถึงการลงทุนเชิงกลยุทธ์จากสองผู้นําอุตสาหกรรมระดับโลก ได้แก่ L’Oréal และ Nestlé

Timeline Longevity Products (Photo: Timeline)

ผลิคภัณฑ์ที่มีอายุยืนยาวของ Timeline (ภาพ: Timeline)

การระดมทุนรอบนี้นําโดย BOLD (Business Opportunities for L'Oréal Development) ซึ่งเป็นกองทุนร่วมลงทุนด้านนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ของ L'Oréal Groupe ซึ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทอย่าง Mitopure® เพื่อช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีและยืนยาวขึ้น Mitopure® ได้รับการสนับสนุนในการวิจัยกว่า 15 ปี และได้ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้วว่า สามารถกําหนดเป้าหมายเส้นทางอายุยืนของเซลล์ที่สําคัญ โดยการรีไซเคิลและฟื้นฟูโรงไฟฟ้าของเซลล์ไมโตคอนเดรีย การทํางานของไมโตคอนเดรียอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับการรักษาพลังงานของเซลล์ ซึ่งสนับสนุนความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การรับรู้ ความยืดหยุ่นของภูมิคุ้มกัน พลังผิว และประโยชน์ที่สําคัญอื่น ๆ โดยนำเสนอแนวทางที่ครอบคลุมในการส่งเสริมสุขภาพที่ดี

การสนับสนุนจากผู้นําในอุตสาหกรรมเหล่านี้ และเงินทุนที่ระดมทุนได้จะถูกนํามาใช้ เพื่อสร้าง Timeline ให้เป็นแบรนด์สุขภาพผู้บริโภคที่มีอายุยืนยาวชั้นนํา โดยการขยายด้านวิทยาศาสตร์ หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ และตลาดในภาคอาหาร ความงาม และสุขภาพ

"ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางหลายมิติที่ก้าวหน้า ซึ่งเราเชื่อมาโดยตลอดว่า จําเป็นต่อความก้าวหน้าที่มีความหมายสําหรับการมีอายุยืนยาวและสุขภาพที่ดี" Patrick Aebischer ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของ Timeline กล่าว "ผมอยากจะขอบคุณ L’Oréal  Nestlé และนักลงทุนที่มีมายาวนานของเรา สําหรับความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาการมีอายุยืนที่มีรากฐานมาจากวิทยาศาสตร์ระดับสูงสุด"

"การมีอายุยืนยาวเป็นเรื่องของการมีสุขภาพที่ดีให้ยืนยาวขึ้น และ L’Oréal ได้ทํางานมาเป็นเวลาสิบปี เพื่อทําความเข้าใจและคาดการณ์ว่า สิ่งนี้อาจมีความหมายต่อความงามอย่างไร" Barbara Lavernos รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ดูแลฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยี ของ L’Oréal กล่าว "การมีอายุยืนยาวเป็นคําจํากัดความใหม่ของความงาม โดยเป็นการผสมผสานระหว่างสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การถอดรหัสเครื่องหมายทางชีวภาพ ไปจนถึงการวิเคราะห์การสัมผัสภายนอก การลงทุนของเราใน Timeline เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสําหรับศักยภาพในการเปลี่ยนลักษณะสําคัญของการมีอายุยืนยาวมาสู่สุขภาพผิวและความงาม"

"เราเป็นผู้ลงทุนใน Timeline มาตั้งแต่ปี 2019 และยังคงประทับใจทีมงานเป็นอย่างมาก และยืนหยัดอยู่เบื้องหลังศักยภาพที่เทคโนโลยี Mitopure ยึดมั่นในโภชนาการเพื่อช่วยให้ผู้คนมีอายุยืนและสุขภาพดีขึ้น" Anna Mohl ซีอีโอของ Nestlé Health Science กล่าว "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ L’Oréal เข้าร่วมในฐานะนักลงทุนและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อนําเทคโนโลยีนี้ไปสู่จุดสูงสุดใหม่และขยายการใช้งาน"

เกี่ยวกับ Timeline

Timeline (บริษัทแม่ Amazentis) เป็นบริษัทผู้บุกเบิกด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพของสวิส ซึ่งมุ่งมั่นที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมการมีอายุยืนยาวด้วยส่วนผสม Mitopure® ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่ได้ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้ว Timeline นําเสนอแนวทางที่ครอบคลุมเพื่อสุขภาพของเซลล์ โดยผสมผสานคุณประโยชน์ของ Mitopure ไว้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรุ่นต่อไป และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพผิวเฉพาะที่ ด้วยความเชี่ยวชาญกว่าทศวรรษในการวิจัยวิทยาศาสตร์การสูงวัย Timeline มุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดด้านสุขภาพของมนุษย์ โดยมีส่วนช่วยให้ทุกคนมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพที่ดีขึ้น บริษัทได้รับการสนับสนุนในการวิจัยกว่า 15 ปี โดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง การศึกษาทางคลินิกหลายครั้ง สิทธิบัตรมากกว่า 50 รายการ และ Nestlé Health Science เป็นนักลงทุนตั้งแต่ปี 2019 ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ www.timelinenutrition.com

ติดต่อ

โปรดติอต่อ:

Chris Rinsch ประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง Timeline

Federico Luna ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Timeline
press@timelinenutrition.com

ที่มา: Timeline

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53883838/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Xenco Medical เปิดตัว TrabeculeX Continuum ซึ่งเป็นการผสานรวมอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสุขภาพดิจิทัลและวัสดุชีวภาพ ในงาน CES 2024 ที่ลาสเวกัส ซึ่งเป็นการประชุมเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Logo

SAN DIEGO–(BUSINESS WIRE)–16 มกราคม 2024

วันที่ 11 เดือนมกราคม Xenco Medical บริษัทเทคโนโลยีการแพทย์บุกเบิกได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่ผสานรวมระหว่างสุขภาพดิจิทัลและวัสดุชีวภาพ โดยมีการจัดแสดง TrabeculeX Continuum™ ในงาน 2024 Consumer Electronics Show ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา TrabeculeX Continuum เป็นสะพานเทคโนโลยีเชื่อมระหว่างออร์โธไบโอโลจิกส์และสุขภาพดิจิทัลแห่งแรก โดยเป็นการผสมผสานการปลูกถ่ายวัสดุชีวภาพและการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วย ประกอบด้วย TrabeculeX Bioactive Matrix™ และ TrabeculeX Recovery App™ ที่ผ่านการรับรองจาก FDA เพื่อเพิ่มศักยภาพสำหรับศัลยแพทย์ในการปลูกถ่าย TrabeculeX Bioactive Matrix ที่ผ่านการรับรองจาก FDA ของ Xenco Medical เพื่อลงทะเบียนผู้ป่วยใน TrabeculeX Recovery App และสามารถใช้ในการตรวจสอบเพื่อการรักษาจากระยะไกล ตลอดจนวิดีโอและการส่งข้อความแบบอะซิงโครนัส TrabeculeX Continuum เป็นการผสานรวมเวชศาสตร์ฟื้นฟูและสุขภาพดิจิทัลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

On January 11th, trailblazing medical technology company Xenco Medical unveiled its convergent technology bridging Digital Health and Biomaterials by showcasing its TrabeculeX Continuum™ at the 2024 Consumer Electronics Show in Las Vegas, Nevada. Comprising the TrabeculeX Bioactive Matrix™ and the TrabeculeX Recovery App™, the TrabeculeX Continuum is the first technology-enabled bridge between orthobiologics and digital health, unifying a patient’s biomaterial implantation and postoperative journey. (Graphic: Business Wire)

เมื่อวันที่ 11 เดือนมกราคม Xenco Medical บริษัทเทคโนโลยีการแพทย์บุกเบิก ได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่ผสานรวมระหว่างสุขภาพดิจิทัลและวัสดุขีวภาพ โดยมีการจัดแสดง TrabeculeX Continuum™ ในงาน 2024 Consumer Electronics Show ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา TrabeculeX Continuum เป็นสะพานเทคโนโลยีเชื่อมระหว่างออร์โธไบโอโลจิกส์และสุขภาพดิจิทัลแห่งแรก โดยเป็นการผสมผสานการปลูกถ่ายวัสดุชีวภาพและการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วย ประกอบด้วย TrabeculeX Bioactive Matrix™ และ TrabeculeX Recovery App™ (กราฟิก: Business Wire)

โดยมีการออกแบบมาเพื่อเพิ่มพูนความสามารถในการขึ้นรูปแบบไฮดรอกซีคาร์บอเนตอะพาไทต์ใน TrabeculeX Bioactive Matrix วัสดุชีวภาพที่สร้างขึ้นใหม่ใน TrabeculeX Continuum ได้รับการออกแบบมาอย่างประณีตโดย Xenco Medical เพื่อช่วยในการสร้างรูปกระดูกแบบสามมิติ โดยสถาปัตกรรมใหม่ของ TrabeculeX Bioactive Matrix เป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นผิวที่ซับซ้อน เริ่มต้นที่ขนาดต่ำกว่าไมครอน และขยายไปยังโครงสร้างเนื้อเยื่อทั้งหมด TrabeculeX Recovery App เป็นการผสานรวมวิธีการปลูกถ่ายวัสดุชีวภาพเข้ากับการฟื้นฟูกายภาพอย่างเต็มรูปแบบ โดยเอื้อให้ศัลยแพทย์ที่ใช้ TrabeculeX Bioactive Matrix ในผู้ป่วยสามารถสั่งจ่ายยาและติดตามแผนการฟื้นฟูกายภาพเฉพาะด้านจากระยะไกล พร้อมความสามารถในการวิดีโอ และส่งข้อความแบบอะซิงโครนัส

“ในฐานะที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ไม่เพียงทุ่มเทให้กับการดูแลระหว่างการผ่าตัดของผู้ป่วยเท่านั้น แต่เรายังมุ่งเน้นการฟื้นตัวในระยะยาวด้วยเช่นกัน เรามุ่งมั่นที่จะขจัดอุปสรรคต่างๆ ที่เรามีอยู่ในปัจจุบันตั้งแต่การผ่าตัดไปจนถึงการฟื้นฟูกายภาพ ด้วย TrabeculeX Continuum เราขอแนะนำเทคโนโลยีการผสานรวมที่สามารถบันทึกทุกขั้นตอนในการรักษาผู้ป่วย แทนที่จะเป็นเพียงเฉพาะการดูแล” Jason Haider ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Xenco Medical กล่าว

ผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้งานวิทยาศาสตร์การผลิตวัสดุขั้นสูงและเครื่องมือสำหรับการผ่าตัด รวมถึงการออกแบบการปลูกถ่าย นวัตกรรมวิทยาศาสตร์การผลิตวัสดุของ Xenco Medical รวมถึงระบบการผ่าตัดคอมโพสิตโพลีเมอร์และการปลูกถ่ายไขสันหลังแบบโฟมไทเทเนียมไบโอมิเมติกได้รับการรับรองจากสถานพยาบาลทั่วประเทศ Xenco Medical ได้รับการยอมรับและเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมากที่สุดในโลกจาก Fast Company Magazine ในปี 2023

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53882026/en

ติดต่อ

Melissa Russell
858-202-1505
info@xencomedical.com

แหล่งข้อมูล: Xenco Medical

Kirin iMUSE Immune Care และ Healthya Visceral Fat Down จะวางจำหน่ายในวันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน!

Logo

ผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชันแบบดูอัลแคร์พิเศษจาก iMUSE ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลภูมิคุ้มกันของเรา และ Healthya ที่เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลไขมันในช่องท้อง

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–27 พฤศจิกายน 2023

Kirin Holdings Company, Limited (TOKYO:2503) จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารฟังก์ชันแบบดูอัลแคร์ในชื่อผลิตภัณฑ์ Kirin iMUSE Immuno-Care และ Healthya Visceral Fat Down ในวันที่ 28 พฤศจิกายน (วันอังคาร) ผลิตภัณฑ์นี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Kirin iMUSE แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลภูมิคุ้มกันแห่งแรก*1 ของญี่ปุ่น และ Kao Healthya แบรนด์เครื่องดื่มดูแลไขมันภายในร่างกายแบรนด์แรก*1 ของญี่ปุ่นจาก Kao Corporation (TOKYO:4452) และจะวางจำหน่ายที่ร้านขายยาทั่วประเทศและผ่านการสั่งซื้อทางไปรษณีย์ Kirin Kyowa Hakko Bio

Figure 1: Area of health concern (Graphic: Business Wire)

รูปที่ 1: ประเด็นปัญหาด้านสุขภาพ (กราฟิก: Business Wire)

ในวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม Kao จะวางจำหน่าย “Healthya Green Tea Plus Immunity Care” ในจำนวนจำกัดในร้านขายยาที่กำหนด

*1

Kirin iMUSE เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลภูมิคุ้มกันแบรนด์แรกของญี่ปุ่นในด้านอาหารฟังก์ชัน (อ้างอิงจากงานวิจัยของเราผ่านการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับอาหารฟังก์ชันที่ได้รับการจดทะเบียน)

Kao Healthya คือแบรนด์ชาเขียวดูแลไขมันภายในร่างกายแบรนด์แรกของญี่ปุ่นในหมวดอาหารจำเพาะเพื่อสุขภาพ (ได้รับการอนุมัติให้ติดฉลากว่าเป็นหมวดอาหารจำเพาะเพื่อสุขภาพซึ่งมีสารคาเทชินในชาจากการวิจัยของ Kao)

ความพยายามของทั้งสองบริษัทในการรับมือกับปัญหาด้านสุขภาพ

[งานวิจัยด้านภูมิคุ้มกันวิทยาของ Kirin]

ภูมิคุ้มกันคือระบบป้องกันของร่างกายที่ต่อสู้กับศัตรูภายนอกเพื่อรักษาสุขภาพและสามารถเรียกได้ว่าเป็น “รากฐานของสุขภาพ” แม้ว่าระบบภูมิคุ้มกันที่ล้มเหลวอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ ภูมิคุ้มกันเป็นเรื่องยากสำหรับแต่ละคนที่จะเฝ้าติดตาม ดังนั้นความล่าช้าในการรับมือกับปัญหานี้จึงเป็นปัญหาสังคมที่สำคัญ (รูปที่ 1)

ในระยะเวลากว่า 35 ปีของการวิจัยเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน Kirin ได้ค้นพบ “พลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus lactis” เป็นครั้งแรกในโลก*2 โดยออกฤทธิ์โดยตรงกับเซลล์ Plasmacytoid Dendritic (pDCs) ซึ่งเป็นศูนย์กลางภูมิคุ้มกัน ด้วยการรวบรวมผลการวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับพลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus Lactis ทำให้แบรนด์ “iMUSE” กลายเป็นแบรนด์แรกในญี่ปุ่น*3 ที่ได้รับการยอมรับให้จดแจ้งต่อหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคในปี 2020 ว่าเป็นอาหารที่อ้างอิงสรรพคุณด้านการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

เรากำลังพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารฟังก์ชันที่หลากหลายซึ่งอ้างอิงสรรพคุณเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าแก้ไขปัญหาสุขภาพ ด้วยการเปิดตัวอาหารเสริมตัวนี้และ "Healthya Green Tea Plus Immuno-Care" ทำให้จำนวนบริษัทพาร์ทเนอร์และจำนวนอาหารที่มีการอ้างอิงสรรพคุณรวม 57 ผลิตภัณฑ์

*2

มีการรายงานถึงพลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus Lactis ซึ่งออกฤทธิ์ต่อ pDCs ในมนุษย์เป็นครั้งแรกในโลก (ตามข้อมูลที่เผยแพร่ใน PubMed และเว็บไซต์ Japan Medical Abstracts Society)

*3

แบรนด์แรกในญี่ปุ่นที่ได้รับการรายงานต่อสาธารณะว่าเป็นอาหารที่มีการอ้างอิงสรรพคุณเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน

[งานวิจัยของ Kao เกี่ยวกับการเผาผลาญของไขมัน]

ไขมันเกิดการสะสมเนื่องจากความไม่สมดุลในการออกกำลังกาย รวมถึงพฤติกรรมการกินในแต่ละวันรวมถึงการออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสะสมของไขมันในช่องท้องถือเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญสำหรับชาวญี่ปุ่น และการปรับปรุงพฤติกรรมการกินและการสร้างพฤติกรรมการออกกำลังกายถือเป็นมาตรการที่จำเป็น

Kao ทำการวิจัยเกี่ยวกับการเผาผลาญไขมันในร่างกายและไขมันในช่องท้องมาเป็นเวลากว่า 30 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 โดยค้นพบว่าสารโพลีฟีนอล 2 ชนิด ได้แก่ สารคาเทชินในชาเขียวและกรดคลอโรจีนิกที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟต่างมีประสิทธิภาพในการลดไขมันในช่องท้อง Kao ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้สารคาเทชินจากชาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2003 บริษัทได้เปิดตัว “Healthya Green Tea” ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องดื่มดูแลไขมันในร่างกายแบรนด์แรกของญี่ปุ่น ให้เป็นอาหารจำเพาะเพื่อสุขภาพ (Tokuho) จากความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องดื่มที่ดื่มง่ายได้ทุกวัน Kao ได้สนับสนุนการพัฒนาพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวัน รวมถึงพฤติกรรมการกิน บริษัทจึงมีส่วนช่วยรักษาสุขภาพของผู้คนเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีได้อย่างยืนยาว

ความเป็นมาของการพัฒนาร่วมกัน

ด้วยการรวมการวิจัยด้านภูมิคุ้มกันวิทยาของ Kirin เข้ากับความรู้ของ Kao ในด้านการวิจัยการเผาผลาญไขมัน ทั้งสองบริษัทจึงตระหนักว่าสามารถมอบคุณค่าด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าได้ ดังนั้นในเดือนพฤศจิกายน 2022 ทั้งสองบริษัทจึงได้เข้าร่วมโครงการวิจัย “Wakayama Health Promotion Study” เพื่อเริ่มการวิจัยร่วมกันในด้านภูมิคุ้มกันวิทยาและไขมันในช่องท้อง

“Kirin iMUSE Immunity Care และ Healthya Visceral Fat Down” ที่กำลังจะวางจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการร่วมโครงการวิจัย การร่วมมือกันของแบรนด์ชั้นนำของทั้งสองบริษัทนี้ จะทำให้เกิดการเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับไขมันในช่องท้องและภูมิคุ้มกันในวงกว้าง และจะนำไปสู่การเติบโตต่อไปของทั้งแบรนด์ Kirin iMUSE และแบรนด์ Healthya

คุณสมบัติของ Kirin iMUSE Immuno-Care และ Healthya Visceral Fat Down

  • แคปซูลหกแคปซูลประกอบด้วยพลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus lactis นับแสนล้านตัว ซึ่งเป็นวัสดุที่เป็นกรรมสิทธิ์ของกลุ่มบริษัท Kirin และกรดคลอโรจีนิกจากเมล็ดกาแฟ 267 มก. ซึ่งช่วยลดไขมันในช่องท้อง
  • ทั้งการ “การดูแลภูมิคุ้มกัน” และ “การลดไขมันในช่องท้อง” นับเป็นอาหารสองฟังก์ชัน

อาหารที่อ้างอิงสรรพคุณ

[การติดฉลากแจ้งเตือน]

ผลิตภัณฑ์นี้มีพลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus Lactis ซึ่งออกฤทธิ์กับ pDCs (เซลล์ Plasmacytoid Dendritic) และมีรายงานว่าสามารถช่วยรักษาการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในคนที่มีสุขภาพดีได้
ผลิตภัณฑ์นี้มีกรดคลอโรเจนิกจากเมล็ดกาแฟ ซึ่งมีรายงานว่าสามารถลดไขมันในช่องท้องในผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงได้

  • คุณควรรับประทานอาหารอย่างสมดุลซึ่งประกอบด้วยอาหารหลัก อาหารจานหลัก และเครื่องเคียง
  • ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล
  • ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัย รักษา หรือป้องกันโรค

พลาสมาสายพันธุ์ Lactococcus Lactis คืออะไร

สายพันธุ์พลาสมา Lactococcus Lactis เป็นแบคทีเรียกรดแลคติกที่ช่วยรักษาภูมิคุ้มกันในคนที่มีสุขภาพดี มีรายงานทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นพลาสสายพันธุ์แรกที่ตรวจพบว่าทำงานบน pDCs (เซลล์ Plasmacytoid Dendritic) ซึ่งเป็นศูนย์กลางภูมิคุ้มกัน Kirin, Koiwai Nyugyo และ Kyowa Hakko Bio ได้ทำการวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ และได้ตีพิมพ์บทความจำนวนมาก รวมถึงนำเสนอในการประชุมวิชาการด้วยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยในญี่ปุ่นและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์นี้ยังได้รับรางวัลมามากมาย ซึ่งรวมถึงรางวัล National Commendation for Invention และ Imperial Invention ปี 2023 โดยเป็นการยกย่องการจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ในฐานะอาหารมื้อแรกของญี่ปุ่นที่มีการอ้างอิงสรรพคุณและได้รับการยืนยันว่าประสบความสำเร็จในการบ่งชี้ถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

กรดคลอโรจีนิกจากเมล็ดกาแฟคืออะไร

เมล็ดกาแฟมีสารโพลีฟีนอลหลายชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกรดคลอโรจีนิก ซึ่งมีรายงานว่าสามารถลดไขมันในช่องท้องในผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงได้ Kao ได้คัดเลือกกรดคลอโรจีนิกที่เป็นผลจากการวิจัยเกี่ยวกับการเผาผลาญไขมันมาเป็นเวลาประมาณ 30 ปี ซึ่งบริษัทได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยและการนำเสนอผลงานในการประชุมจำนวนมาก

1. ชื่อผลิตภัณฑ์

Kirin iMUSE Immuno-Care/Healthya Visceral Fat Down

2. ปริมาตรยา

(1) รับประทานสำหรับ 7 วัน (42 แคปซูล) (2) รับประทานสำหรับ 15 วัน (90 แคปซูล) *วันละ 6 แคปซูล

3. แหล่งจำหน่าย

1) ร้านขายยาทั่วประเทศ

2) การสั่งซื้อทางไปรษณีย์ Kirin Kyowa Hakko Bio

(https://kirin-kyowahakko-bio.kirin.co.jp/)

(โทร: 0120-80-7733, แฟกซ์: 0120-80-2227)

4. วันที่เผยแพร่

วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2023

5. ราคา (ราคาขายปลีกที่แนะนำไม่รวมภาษีเพื่อการบริโภค) 

(1) รับประทานสำหรับ 7 วัน: 1,780 เยน (2) รับประทานสำหรับ 15 วัน: 3,685 เยน

6. จำหน่ายโดย

Kirin Holdings Company, Limited

7. เลขที่จดแจ้ง

I208

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทระหว่างประเทศที่ดำเนินงานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) อุตสาหกรรมเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานบริษัทมาจาก Japan Brewery ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1885 Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจโดยใช้การหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชภัณฑ์ในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งทั้งหมดยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ถูกก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งเต็มรูปแบบ และในปัจจุบันได้มุ่งเน้นไปที่การขยายอุตสาหกรรมสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้  Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* โดยสร้างมูลค่าทั่วโลกทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงเภสัชกรรม นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนในมูลค่าองค์กร
* การสร้างคุณค่าร่วมกัน: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/53862598/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Kirin Holdings Company, Limited

Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku โตเกียว
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

ฝ่ายประชาสัมพันธ์องค์กร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร Kao Corporation
1-14-10, Nihonbashi Kayabacho, Chuo-ku, โตเกียว
https://www.kao.com/global/en/
corporate_pr@kao.com

แหล่งที่มา: Kirin Holdings Company, Limited



การค้นพบครั้งแรกของญี่ปุ่น*1 เกี่ยวกับการทำงานของไขมันในอวัยวะภายในและภูมิคุ้มกันในการวิจัยร่วมกันของ Kirin Holdings และ Kao

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–27 พฤศจิกายน 2023

Kirin Holdings Company, Limited (TOKYO:2503) และ Kao Corporation (TOKYO:4452) จะเข้าร่วมในการศึกษาเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ Wakayama ซึ่งเป็นการศึกษาตามรุ่น*2 ซึ่งนำโดย Wakayama Medical University และจัดขึ้นโดย Health Promotion Research Center (HPRC) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Kao และ Kirin Holdings ทำการศึกษาร่วมกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2022 เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในกับการทำงานของเซลล์พลาสมาไซตอยด์เดนไตรติก (pDC*3)*4 ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมการสร้างภูมิคุ้มกัน

Joint Research Results (Summary) (Graphic: Business Wire)

ผลการวิจัยร่วม (สรุป) (กราฟิก: Business Wire)

ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการมุ่งเน้นความสนใจไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและภูมิคุ้มกัน เนื่องจากมีรายงานว่า โรคอ้วนทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสที่รุนแรงมากขึ้น*5 การศึกษานี้เป็นการศึกษาครั้งแรกในญี่ปุ่น*1 เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของคุ้มภูมิกัน และยืนยันว่าระดับไขมันในอวัยวะภายในสูงมีความสัมพันธ์กับการทำงานของ pDC ที่ต่ำ (การทำงานของภูมิคุ้มกันต่ำ) และระดับไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโคโรนาไวรัสและไข้หวัดใหญ่ การค้นพบนี้ยังไม่มีการรายงานในเอกสารใดๆ ในโลก*6 จะมีการแสดงผลลัพธ์ในการประชุมประจำปีครั้งที่ 44 ของสมาคมญี่ปุ่นเพื่อการศึกษาเรื่องโรคอ้วน และการประชุมประจำปีครั้งที่ 41 ของสมาคมญี่ปุ่นเพื่อการรักษาโรคอ้วน ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในจังหวัดมิยางิ ในวันที่ 25 (เสาร์) และ 26 (อาทิตย์) เดือนพฤศจิกายน ปี 2023

*1 อ้างอิงจากบทความและข้อมูลบทคัดย่อที่ตีพิมพ์ใน Pubmed และ Journal of Health Care and Society Web (ณ วันที่ 22 เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 ตามข้อมูลจาก KnowledgeWire)
*2 หนึ่งในวิธีการวิจัยเชิงสังเกตทางระบาดวิทยาเชิงวิเคราะห์ โดยการสร้างกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเฉพาะของโรคและกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้อง และการคำนวณอัตราอุบัติการณ์ของโรคเป้าหมายภายในแต่ละกลุ่ม ช่วยให้สามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยของโรคและการระบาดได้
*3 เซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมเมื่อมีแบคทีเรียหรือไวรัสเข้าสู่ร่างกาย การทำให้ pDC ทำงานจะช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันต่างๆ เช่น เซลล์ NK ทีเซลล์ และบีเซลล์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส
*4 เปอร์เซ็นต์ของ pDC ที่สร้างปัจจัยต้านไวรัสตามการกระตุ้นที่เลียนแบบการติดเชื้อไวรัส
*5 Ghilotti F et al. J Epidemiol. 2019; 48(6): 1783-1794
Popkin BM et al. Obes Rev. 2020; 21(11): e13128
*6 อ้างอิงจากข้อมูลบทความที่ตีพิมพ์ใน Pubmed และ Journal of Health Care and Society Web (ณ วันที่ 22 เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 ตามข้อมูลจาก KnowledgeWire)

ผลลัพธ์การวิจัยร่วม (บทสรุป)

การค้นพบครั้งแรกของญี่ปุ่น*1
(1) มีการค้นพบว่า การทำงานของ pDC จะลดลงในบุคคลที่มีไขมันในอวัยวะภายในสูง
(2) มีเปอร์เซ็นต์สูงที่ผู้มีไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำจะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่และไข้หวัดใหญ่ เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีไขมันในอวัยวะภายในสูง

ผลกระทบที่ได้รับ
ขอแนะนำว่า การรักษามวลไขมันในอวัยวะภายในต่ำและการทำงานของ pDC สูงนั้น มีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสและไข้หวัดใหญ่

ผลการวิจัยร่วม

ความเป็นมาและวัตถุประสงค์

มีการระบุโรคอ้วนโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่า เป็น “ภาวะที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการสะสมไขมันที่ผิดปกติหรือมากเกินไป” และมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเกิดโรคเรื้อรัง มีการศึกษาผลกระทบจากโรคอ้วนที่มีต่อสุขภาพในหลายประเทศ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและภูมิคุ้มกันได้รับความสนใจ เนื่องจากมีการรายงานว่า โรคอ้วนนำไปสู่การติดเชื้อไวรัสที่รุนแรงยิ่งขึ้น*7

การวิจัยนี้จัดทำขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิจัยเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ Wakayama โดยมีการตั้งเป้าไปที่ผู้อยู่อาศัยใน Wakayama มาตั้งแต่ปี 2011 Kao ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยเรื่องโรคอ้วนจากไขมันในอวัยวะภายใน ซึ่งถือว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับโรคที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต และ Kirin Holdings ซึ่งมีการวิจัยในสาขาภูมิคุ้มกันวิทยามานานกว่า 35 ปี ได้ร่วมมือกันเพื่อชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC
*7 Pranata R et al. Clin Nutr ESPEN. 2021; 43: 163-168

การศึกษาเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ Wakayama คืออะไร

นี่เป็นการศึกษาตามรุ่นที่นำโดย Wakayama Medical University ตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งปัจจุบันกำลังดำเนินการร่วมกับ HPRC เพื่อระบุปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของโรคต่างๆ ในหมู่ประชากรที่อาศัยอยู่ใน Wakayama

ในปัจจุบัน มีการวิจัยที่ดำเนินการในโครงการเกี่ยวกับวิถีชีวิต โรคที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต และมวลกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดการค้นพบมากมาย รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและการพัฒนาของหลอดเลือด และความสัมพันธ์ระหว่างประวัติในการหกล้อมและการทำงานด้านกายภาพโดยสมัครใจ นี่เป็นครั้งแรกที่โครงการทำการวิจัยเกี่ยวกับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

Kirin Holdings และ Kao ดำเนินงานร่วมกันเพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างมวลไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC ในการศึกษาการส่งเสริมสุขภาพใน Wakayama เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภคในอนาคต

วิธีการวิจัย

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 มีการจัดการตรวจสุขภาพเฉพาะสำหรับ Wakayama ที่มีผู้อยู่อาศัย 223 คน ช่วงอายุ 50–55 ปี จากการดำเนินการนี้ ช่วยให้ Kao ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมตามวิถีชีวิตและบริเวณไขมันในอวัยวะภายใน ในขณะที่ Kirin มีการวัดข้อมูลจากการทำงานของ pDC ในเลือด จะมีการแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ระหว่างทั้งสองทีม และมีการศึกษาและวิเคราะห์ร่วมกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC มีการแบ่งกลุ่มที่ศึกษาออกเป็นดังนี้

บริเวณไขมันในอวัยวะภายใน: จากค่ามัธยฐานที่ 77 ซม.2 สำหรับค่าทั้งหมด จะมีการกำหนดให้ระดับไขมันในอวัยวะภายในที่น้อยกว่า 77 ซม.2 ให้เป็นกลุ่มไขมันในอวัยวะภายในต่ำ และกลุ่มที่มีระดับไขมันในอวัยวะภายในสูงกว่า 77 ซม.2 จะถือว่าเป็นกลุ่มไขมันในอวัยวะภายในสูง

การทำงานของ pDC: ขึ้นอยู่กับค่ามัธยฐานที่ 9.52% สำหรับค่าทั้งหมด จะมีการกำหนดให้กลุ่มที่มีการทำงานของ pDC อยู่ที่ 9.52% หรือน้อยกว่าเป็นกลุ่มที่มีการทำงานของ pDC ต่ำ และกลุ่มที่มีการทำงานของ pDC อยู่ที่ 9.52% หรือสูงกว่าเป็นกลุ่มที่มีการทำงานของ pDC สูง

ผลลัพธ์

ผลลัพธ์ที่ 1: ความสัมพันธ์ระหว่างบริเวณไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC
กลุ่มที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงจะมีการทำงานของ pDC ต่ำกว่ากลุ่มที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในต่ำอย่างมีนัยสำคัญ (ภาพที่ 1)

ผลลัพธ์ที่ 2: ผลกระทบของบริเวณไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC ต่อการติดโรคติดเชื้อ
กลุ่มที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงมีอุบัติการณ์ในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่สูงกว่ากลุ่มที่มีค่าต่ำ โดยมีอัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 7 เท่า*8 ในขณะเดียวกัน กลุ่มที่มีการทำงานของ pDC ต่ำมีอุบัติการณ์ในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่สูงกว่ากลุ่มที่มีการทำงานของ pDC สูง โดยมีอัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 5 เท่า (ภาพที่ 2)

ยังมีการแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็นสี่กลุ่ม เพื่อยืนยันผลเสริมฤทธิ์สำหรับบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงหรือต่ำ และการทำงานของ pDC และพบว่า กลุ่มที่มีบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำ มีอุบัติการณ์ในการติดเชื้อไวรัสโคโรนนาสายพันธุ์ใหม่สูงกว่ากลุ่มที่มีบริเวณไขมันอวัยวะภายในต่ำและการทำงานของ pDC สูง โดยมีอัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงถึง 20 เท่า และมีการตรวจพบผลลัพธ์เช่นเดียวกันสำหรับไข้หวัดใหญ่ (ภาพที่ 3)
*8 อัตราส่วนโอกาสที่จะเกิดขึ้นเป็นค่าที่ใช้เพื่อแสดงความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น อัตราส่วนโอกาสที่จะเหิดขึ้นและความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นมีความสัมพันธ์เชิงบวก

ผลการวิจัยเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน

นับเป็นครั้งแรกในโลกที่การทำงานร่วมกันนี้ มีการวิจัยพบว่า ผู้ที่มีระดับบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงมีการทำงานของ pDC ต่ำ นอกจากนี้ ยังมีการแนะนำว่า บริเวณไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของ pDC ตามลำดับ ส่งผลต่อความไวในการติดเชื้อโคโรนาไวรัสและไข้หวัดใหญ่ และผู้ที่มีบริเวณไขมันอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำ จะมีความเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้เป็นพิเศษ

ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีค่าบริเวณไขมันในอวัยวะภายในสูงและการทำงานของ pDC ต่ำเพื่อการจัดการมวลไขมันในอวัยวะภายในและการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทระดับโลกที่ดำเนินงานในภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ภาคส่วนเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาคส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 Japan Brewery ได้เปลี่ยนเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจเกี่ยวกับการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในปี 1980 โดยยังคงเป็นศูนย์กลางระดับโลกที่ยังคงเติบโตอยู่ ในปี 2007 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทโฮลดิ้ง และปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การขยายขอบเขตภาคส่วนวิทยาสาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการบริหารระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV*9 เพื่อสร้างมูลค่าในโลกของอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงภาคส่วนเภสัชกรรม นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนในคุณค่าขององค์กร
*9 การสร้างคุณค่าร่วมกัน: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

เกี่ยวกับ Kao Corporation

Kao สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งนำเสนอการดูแลและเติมเต็มให้กับชีวิตของผู้คนทั้งหมดและโลกใบนี้ Kao เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนในเอเชีย โอเชียเนีย อเมริกาเหนือ และยุโรป ผ่านผลงานของแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 แบรนด์ เช่น Attack, Bioré, Goldwell, Jergens, John Frieda, Kanebo, Laurier, Merries, และ Molton Brown เมื่อมีการรวมเข้ากับธุรกิจเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีส่วนช่วยในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย Kao สร้างรายได้ประมาณ 1,420 พันล้านเยนจากยอดขายต่อปี Kao มีพนักงานประมาณ 33,500 คนทั่วโลก และมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 135 ปีในด้านนวัตกรรม โปรดเข้าชมข้อมูลที่อัปเดตในเว็บไซต์ของ Kao Group https://www.kao.com/global/en/

Kao มีการก่อตั้งกลยุทธ์ ESG คือ Kirei Lifestyle Plan ในเดือนเมษายน ปี 2019 ตั้งแต่ปี 2021 Kao มีการส่งเสริมแผนระยะกลางตาม “การปกป้องขีวิตในอนาคต” และส่งเสริม “ความยั่งยืนเป็นหลัก” เป็นวิสัยทัศน์ Kao จะยังคงบูรณาการมุมมอง ESG เข้ากับการบริหารจัดการบริษัท โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาธุรกิจและจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภคและสังคม และทำงานตามจุดประสงค์ “เพื่อสร้างโลก Kirei เพื่อทุกชีวิตสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53862302/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Corporate Communication Department
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

Corporate PR, Corporate Strategy
Kao Corporation
1-14-10, Nihonbashi Kayabacho, Chuo-ku, Tokyo
https://www.kao.com/global/en/
corporate_pr@kao.com

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited




AstraZeneca เปิดตัว Evinova ธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมในภาคส่วนวิทยาศาสตร์ชีวภาพ การนำเสนอการทดลองทางคลินิก และผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น

Logo

Evinova จะดำเนินการธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพแยกต่างหากภายใต้ AstraZeneca

โซลูชันสุขภาพดิจิตัลระดับโลกของ Evinova ขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์ของมนุษย์และอิงหลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อให้บริการผู้สนับสนุนการทดลองทางคลินิก องค์กรวิจัยทางคลินิก (CROs) ทีมงานดูแลสถานีทดลองทางคลินิก และผู้ป่วย

ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งแรกกับ CROs Parexel และ Fortrea ชั้นนำระดับโลก ช่วยให้สามารถนำเสนอโซลูชันสุขภาพดิจิทัลของ Evinova แก่ฐานลูกค้าในวงกว้างขึ้น

WILMINGTON, Del.–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2023

AstraZeneca เปิดตัว Evinova วันนี้ โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันสุขภาพดิจิทัล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ หน่วยงานกำกับดูแล และผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการสนับสนุนระยะยาวจาก AstraZeneca และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Parexel และ Fortrea ช่วยให้ Evinova สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลระดับโลกแก่ภาคส่วนวิทยาศาสตร์ชีวภาพและการดูแลสุขภาพ

Evinova จะให้ความสำคัญกับการนำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นที่ยอมรับในตลาด ซึ่ง AstraZeneca มีการใช้อยู่แล้วทั่วโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบและนำเสนอการทดลองทางคลินิก โดยจะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนในการพัฒนายาใหม่ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการดูแลได้ใกล้ขึ้น และลดภาระด้านระบบการดูแลสุขภาพ Evinova ยังแสวงหาโอกาสในการติดตามผู้ป่วยจากระยะยาวแบบดิจิทัลและการบำบัดรักษาแบบดิจิทัลด้วยเช่นกันด้วยนวัตกรรมระบบดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้

ด้วยประสบการณ์ที่มีมายาวนานของ AstraZeneca ในการพัฒนาการบำบัดรักษาโรคใหม่ๆ และด้วยข้อมูลเชิงลึกจากผู้ป่วยและนักวิจัยทางคลินิกนับพันราย ช่วยให้ Evinova สามารถจัดหาโซลูชันเทคโนโลยีที่เป็นที่ยอมรับสำหรับเภสัชภัณฑ์ เทคโนโลยีชีวภาพ และ CRO เพื่อรองรับงานวิจัยทางคลินิกทั่วโลก และมีการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการนำเสนอการทดลองทางคลินิกต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก AstraZeneca ในกว่า 40 ประเทศ

Pascal Soriot ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ AstraZeneca กล่าวว่า: “เราสามารถเร่งการพัฒนายาในอนาคตให้สำเร็จเร็วยิ่งขึ้นได้ด้วยโซลูชันดิจิทัล เราเชื่อมั่นว่า การผสมผสานความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลบันทึกของ Evinova ในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใช้ AI ในวงกว้าง มอบโอกาสที่แท้จริงในการปรับปรุงการดูแลผู้ป่วยขั้นพื้นฐาน ขับเคลื่อนการปรับแปลงด้านการดูแลสุขภาพ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน”

Cristina Duran ประธานของ Evinova กล่าวว่า: “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้นำเสนอผลงานโซลูชันดิจิทัลระดับโลกที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการพัฒนายาของ AstraZeneca สู่ชุมชนวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตในวงกว้าง เราเชื่อมั่นว่า ผลงานนี้จะช่วยขับเคลื่อนภาคส่วนนี้ให้ก้าวไปข้างหน้าสำหรับสุขภาพดิจิทัล ดังที่เราทราบกันดีว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและหน่วยงานกำกับดูแลต้องการโซลูชันดิจิทัลที่ใช้ได้กับเภสัชภัณฑ์และให้การสนับสนุนผู้ป่วยในวงกว้าง จากภายในภาคส่วนนี้ และด้วยประสบการณ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว Evinova เป็นบริษัทที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในการนำเสนอโซลูชันที่อิงตามผลทางวิทยาศาสตร์ มีหลักฐานเชิงประจักษ์ และขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์ของมนุษย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงประสบการณ์และผลัพธ์ของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น”

CROs Parexel และ Fortrea ชั้นนำระดับโลกได้ทำข้อตกลงเพื่อนำเสนอโซลูชันสุขภาพดิจิทัลของ Evinovaข สำหรับฐานลูกค้าในวงกว้าง เพื่อให้มีการยอมรับในอุตสาหกรรมที่ดียิ่งขึ้น มีความยั่งยืน และขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ดิจิทัลได้ทั่วโลก Evinova จึงร่วมมือกับ Accenture และ Amazon Web Services

Evinova จะผสานรวมประสบการณ์ทางเทคนิคและการกำกับดูแลจาก AstraZeneca เข้ากับความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงในกลยุทธ์และการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดิจิทัล วิทยาศาสตร์เชิงข้อมูลและ AI การออกแบบประสบการณ์ของลูกค้าและวิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรม นอกเหนือจากโซลูชันดิจิทัล Evinova จะนำเสนอโซลูชันเชิงวิทยาศาสตร์ที่กำหนดได้เอง รวมถึงการติดตามผู้ป่วยจากระยะไกลและโซลูชันพื้นฐาน รวมถึงการออกแบบการทดลองและบริการให้คำปรึกษา

หมายเหตุ

ผลิตภัณฑ์และโซลูชันของ Evinova

Evinova ร่วมสร้างสรรค์ชุดการพัฒนายา Evinova ร่วมกับผู้ป่วย โดยเป็นชุดโซลูชันดิจิทัลที่สร้างประโยชน์ให้กับผู้เข้าร่วมทุกคน ทั้งผู้ป่วย ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และนักวิจัย โดยชุดจะประกอบด้วย:

โซลูชันการทดลองแบบครบวงจรของ Evinova: โซลูชันระดับโลกที่ได้รับการตรวจสอบแบบ GxP สำหรับผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ในสถานที่ทดลองทางคลินิก และสปอนเซอร์การทดลองทางคลินิก เพื่อปรับปรุงการนำเสนอการทดลองทางคลินิก เพื่อปรับปรุงการนำเสนอการทดลองทางคลินิก ช่วยให้สามารถนำเสนอการทดลองทางคลินิกแบบดั้งเดิม แบบผสมผสาน และแบบกระจายศูนย์ พร้อมยกระดับประสบการณ์ของผู้ป่วย โซลูชันการทดลองแบบรวมศูนย์รองรับการรวบรวมข้อมูลปลายทางหลักและรองโดยตรง รวมถึงอุปกรณ์ปลายทางที่เปิดใช้งานดิจิทัลแบบใหม่ และอุปกรณ์ทางการแพทย์และเซ็นเซอร์ที่เชื่อมต่อทั้งสถานีทดลองและที่บ้านของผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังรองรับบริการเยี่ยมเยือนเสมือนจริง เช่น การส่งยาถึงผู้ป่วยโดยตรง การดูแลสุขภาพจากระยะไกล การติดตามผู้ป่วยจากระยะไกล และการติดตามตัวอย่างทางชีวภาพของมนุษย์ การโต้ตอบกับผู้ป่วยสามารถทำได้ผ่านแอปที่ใช้งานง่ายและมีส่วนร่วม โดยให้บริการในกว่า 40 ประเทศ และ 80 ภาษา การโต้ตอบกับไซต์งานสามารถทำได้ผ่านพอร์ทัลการลงชื่อเข้าใช้ระบบเพียงครั้งเดียว

การออกแบบและการวางแผนการศึกษาของ Evinova: ใช้ AI และอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องจักรเพื่อช่วยทีมในการพัฒนาทางคลินิก และปฏิบัติการออกแบบการศึกษาที่เหมาะสมที่สุด โดยพิจารณาตัวแปรในการออกแบบที่สำคัญ ทีมงานสามาถออกแบบการศึกษา รับการคิดต้นทุนอัตโนมัติ และประเมินความเป็นไปได้ในการดำเนินงาน โดยอิงตามข้อมูลจริงจากตัวบ่งชี้ในระดับประเทศและระดับไซต์งาน สามารถดูข้อมูลในอดีตและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตได้ โมดูลนี้ยังมีแบบจำลองเพื่อประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของการศึกษา และผลกระทบต่อประสบการณ์ของผู้ป่วย ทีมงานสามารถนำเสนอการตัดสินใจผ่านการทำงานร่วมกันและความสามารถในการเปรียบเทียบสถานกรณ์

การจัดการพอร์ตโฟลิโอของ Evinova: รองรับโปรแกรมทางคลินิกและการจัดการการทดลอง การรายงานและการกำกับดูแล ผ่านข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ที่โปร่งใส และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ โดยแสดงภาพรวมที่สมบูรณ์ของพอร์ตโฟลิโอในทุกระยะ และช่วยให้สามารถติดตามโปรแกรมทางคลินิกและการทดลองในระดับโลก ภูมิภาค ประเทศ และไซต์งาน ใช้อัลกอริทึมการคาดการณ์เพื่อกำหนดเหตุการณ์สำคัญในอนาคต ช่วยให้ผู้นำการศึกษาสามารถเข้าใจความแตกต่างกันจากแผนการและรองรับการแทรกแซงที่เหมาะสม

สุขภาพดิจิทัล

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสุขภาพดิจิทัลถือเป็นการแก้ไขปัญหาในการลดต้นทุนด้านการรักษาพยาบาล ขณะเดียวกัน ก็ช่วยในการปรับปรุงประสบการณ์และผลลัพธ์ของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เริ่มจากประมาณ 6%ของ GDP ในปี 2006-10 ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขและการดูแลในระยะยาวรวมกันสำหรับประเทศ OECD คาดว่าจะสูงถึงอย่างน้อย 9.5% ในปี 2060 ในประเทศ BRIICS อัตราส่วนการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยอยู่ที่ประมาณ 10% ของ GDP ภายในปี 2060 เว้นแต่จะมีการนำนโยบายการควบคุมต้นทุนมาใช้1 จากข้อมูลการใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพในปี 2018 McKinsey ประเมินว่าการแทรกแซงด้านสุขภาพดิจิทัลเพียงรายการเดียวมีศักยภาพที่จะช่วยรักษาระบบการดูแลสุขภาพของสหรัฐอเมริกาได้เกือบ 500 พันล้านเหรียญสหรัฐ หากมีการนำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ2

สุขภาพดิจิทัลเป็นตลาดที่ใหญ่ (+900 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2032) และกำลังเติบโต (13.6% CAGR 2022-2032) ตลาดสำหรับการดูแลสุขภาพดิจิทัล R&D และการดูแลพร้อมการติดตามผลผู้ป่วยจากระยะไกล รวมกันคิดเป็นประมาณ 60% ของตลาดสุขภาพดิจิทัลโดยรวม3 ส่วนที่เหลืออีก 40% ประกอบด้วยการตรวจคัดกรองและการวินิจฉัย สุขภาพและการป้องกันการเกิดโรค การจัดหาวิธีการรักษา และร้านขายยาดิจิทัล

เทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพดิจิทัลและการวิจัยทางคลินิก

ส่วนสำคัญของต้นทุนและเวลาของกระบวนการพัฒนายาอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิก มากกว่าเพียงการออกแบบระดับโมเลกุล อย่างไรก็ตาม ส่วนสำคัญเหล่านี้มีความสำคัญต่อกระบวนการพัฒนาและอนุมัติยาก และมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงยาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้ การศึกษาประเมินว่า ขณะนี้มีค่าใช้จ่ายในการนำยาใหม่ออกสู่ตลาดสูงถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ4 และจากการศึกษางานวิจัยระยะเวลาเฉลี่ยตั้งแต่เริ่มต้นการทดสอบทางคลินิกจนถึงการอนุมัติอยู่ที่ 7.1 ปี5 เกือบ 80% ของการทดลองทางคลินิกทั่วทั้งอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถดำเนินการตามเวลาในการรับสมัคร6 และมีเพียง 3-5% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เข้าเกณฑ์เท่านั้นที่จะสามารถเข้าร่วมการทดลองทางคลินิก7 กลุ่มต่างๆ รวมถึงกลุ่มเชื้อชาติและชาติพันธุ์ ผู้หญิง และประชากรอื่นๆ มีบทบาทน้อยในการทดลองทางคลินิก8

บทความล่าสุดของ AstraZeneca ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Medicine จากผู้เขียน Cristina Duran แสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีสุขภาพดิจิทัลทางคลินิกมาเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้นด้วยระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้นและลดต้นทุนลง9

AstraZeneca

AstraZeneca เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ โดยมุ่งเน้นที่การค้นพบ การพัฒนา และการจำหน่ายยาตามใบสั่งโดยแพทย์ในด้านเนื้องอกวิทยา โรคหายาก และเภสัชภัณฑ์ชีวภาพ รวมถึงระบบหัวใจและหลอดเลือด ไตและระบบเผาผลาญ และระบบทางเดินหายใจและวิทยาภูมิคุ้มกัน AstraZeneca มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร มีการดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศ และมีผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลกที่ใช้ยาซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของบริษัท โปรดเข้าเยี่ยมชม astrazeneca.com และติดตามบริษัทได้บนโซเชียลมีเดีย @AstraZeneca

Evinova

Evinova เป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพที่นำเสนอผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยการขับเคลื่อนภาควิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตให้ก้าวไปข้างหน้าในส่วนสุขภาพดิจิทัลจากภายใน โดยการประยุกต์ใช้ความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ หลักฐานเชิงประจักษ์ และข้อมูลเชิงลึกตามประสบการณ์ของมนุษย์ โซลูชันดิจิทัลของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นร่วมกัน Evinova เป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพภายใน AstraZeneca Group

ติดต่อ

สามารถดูรายละเอียดวิธีการติดต่อทีมงานนักลงทุนสัมพันธ์ได้ ที่นี่ หากต้องการติดต่อสำหรับสื่อ โปรดคลิก ที่นี่

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. OECD. What future for health spending? Available at: https://www.oecd.org/economy/health-spending.pdf ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  2. McKinsey & Company. Healthtech in the fast lane: What is fueling investor excitement? Available at: https://www.mckinsey.com/industries/life-sciences/our-insights/healthtech-in-the-fast-lane-what-is-fueling-investor-excitement ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  3. Precedence Research​. Digital Health Market (By Component: Software, Hardware, and Services; By Technology: Telehealthcare [Telehealth and Telecare], mHealth [Apps and Wearables], Digital Health Systems [E-prescribing Systems and Electronic Health Records], and Health Analytics) – Global Market Size, Trends Analysis, Segment Forecasts, Regional Outlook 2023 – 2032. Available at: https://www.precedenceresearch.com/digital-health-market ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  4. Deloitte. Deloitte pharma study: Drop-off in returns on R&D investments. Available at: https://www2.deloitte.com/ch/en/pages/press-releases/articles/deloitte-pharma-study-drop-off-in-returns-on-r-and-d-investments-sharp-decline-in-peak-sales-per-asset.html ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  5. Deloitte. Deloitte pharma study: Drop-off in returns on R&D investments. Available at: https://www2.deloitte.com/ch/en/pages/press-releases/articles/deloitte-pharma-study-drop-off-in-returns-on-r-and-d-investments-sharp-decline-in-peak-sales-per-asset.html ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  6. Clinical Trials Arena. Clinical trial delays: America’s patient recruitment dilemma. Available at: https://www.clinicaltrialsarena.com/features/featureclinical-trial-patient-recruitment/ ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  7. Baquet, C.R., Commiskey, P., Daniel Mullins, C., Mishra, S.I., Recruitment and participation in clinical trials: socio-demographic, rural/urban, and health care access predictors. Cancer Detect Prev. 2006;30(1):24-33. Available at: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3276312/ ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  8. Schwartz, A.L, Aslan, M., Morris, A.M., Halpern, S.D., Why diverse clinical trial participation matters. N Engl J Med 2023; 388:1252-1254. Available at: https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMp2215609#article_references ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023
  9. Durán, C.O., Bonam, M., Björk, E. et al. Implementation of digital health technology in clinical trials: the 6R framework. Nat Med (2023). Available at: https://doi.org/10.1038/s41591-023-02489-z ตรวจสอบข้อมูลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023

ดูรายละเอียดแหล่งข้อมูลได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20231120504578/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Brendan McEvoy
1-302-885-2677

แหล่งข้อมูล: AstraZeneca

SMK ลงนามในข้อตกลงในการลงทุนและพันธมิตรธุรกิจกับ Canary Speech (US)

Logo

พร้อมสิทธิพิเศษทางการค้าและการจัดจำหน่ายสำหรับเทคโนโลยีการวิเคราะห์คำพูดสำหรับการติดตามโรคต่างๆ เช่น โรคสมองเสื่อม ในตลาดญี่ปุ่นและเอเชีย

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–16 พฤศจิกายน 2023

SMK Corporation (โตเกียว: 6798) (https://www.smk.co.jp/) (ประธาน CEO และ COO: Yasumitsu Ikeda ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า SMK) มีการประกาศว่า บริษัทมีการลงนามในข้อตกลงในการลงทุนและพันธมิตรธุรกิจกับ Canary Speech, Inc. (https://canaryspeech.com/) (CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง: Henry O’Connell ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า Canary Speech) โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายขอบข่ายธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ โดยได้รับสิทธิพิเศษในประเทศญี่ปุ่นและเอเชียในการทำการค้าและจัดจำหน่ายอัลกอริทึมโดยใช้คำพูดเพื่อการวิเคราะห์โรคและสภาวะที่เกี่ยวข้องกับสมอง โดยใช้เทคโนโลยี Canary Speech

ความเป็นมาของการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ

SMK และ Canary Speech มีการร่วมมือกันกับ National Cerebral and Cardiovascular Center เพื่อพัฒนาอัลกอริทึมสำหรับการวิเคราะห์ MCI (ความบกพร่องทางสติปัญญาระดับเล็กน้อย) แนวโน้มภาวะซึมเศร้า และระดับความเหนื่อยล้า โดยการใช้ข้อมูลคำพูดภาษาญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2022 (*1) SMK วางแผนที่จะดำเนินการ PoC กับบริษัทประกันภัย โรงพยาบาล และบริษัทผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร เป็นต้น ก่อนเปิดให้บริการในญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2024

ภาวะสมองเสี่อมและภาวะซึมเศร้าเป็นปัญหาสังคมที่สำคัญในญี่ปุ่น ซึ่งมีประชากรสูงวัย รวมถึงในประเทศอื่นๆ ในเอเชียด้วยเช่นกัน และคาดว่าเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถตรวจพบโรคเหล่านี้ได้ง่ายแต่เนิ่นๆ จะมีศักยภาพที่ดีในอนาคต ด้วยการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจนี้ ช่วยให้ SMK สามารถกระชับความสัมพันธ์และการร่วมมือกันกับ Canary Speech และได้รับสิทธิพิเศษในการทำการค้าและการจัดจำหน่ายในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ในการทำงานร่วมกันกับ Canary Speech ทาง SMK มีแผนที่จะแปลอัลกอริทึ่มการวิเคราะห์ที่พัฒนาขึ้นในประเทศญี่ปุ่นให้สามารถใช้งานในประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เพื่อขยายธุรกิจ รวมถึงเพื่อการพัฒนาอัลกอริทึ่มใหม่ๆ โดย Canary Speech สำหรับโรคและภาวะอาการอื่นๆ

อีเว้นท์อื่นๆ ในอนาคต

  • ปรับใช้ PoC ที่หลากหลายโดยใช้แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน หรือการเชื่อมโยง API
  • เปิดตัวบริการสำหรับอัลกอริทึ่มการวิเคราะห์ MCI แนวโน้มภาวะซึมเศร้า ระดับความเหนื่อยล้า ในประเทศญี่ปุ่น
  • เสริมสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาแบบจำลองภาษาท้องถิ่นในประเทศอื่นๆ แถบเอเชีย
  • เสริมสร้างพันธมิตรสำหรับการตลาดในประเทศอื่นๆ แถบเอเชีย
  • พัฒนาอัลกอริทึ่มสำหรับการวิเคราะห์โรคและภาวะอาการอื่นๆ

(*1) ข่าวประชาสัมพันธ์ในเดือนมีนาคม ปี 2022
https://www.smk.co.jp/news/press_release/2022/0308/

เกี่ยวกับ Canary Speech

สำนักงานใหญ่: Utah, U.S. ก่อตั้งขึ้นในปี 2015

Canary Speech ช่วยให้ผู้คนสามารถตรวจสอบสุขภาพของตนเองได้ด้วยวิธีการที่รวดเร็ว และแม่นยำผ่านเสียงได้ง่ายดายยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยีตัวชี้วัดทางชีวภาพของเสียงที่ปฏิวัติวงการซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรของ Canary Speech โดยสามารถบันทึกและประมวลผลคำพูดในการสนทนาได้ถึง 40 วินาทีเพื่อช่วยในการติดตามโรคที่เกิดขึ้นและความรุนแรงของโรคต่างๆ เช่น อาการซึมเศร้าและวิตกกังวล การดำเนินการทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์แบบเรียลไทม์ โดย Canary Speech มีการให้คะแนนเสียงพูดแทนที่การวัดเชิงอัตนัยด้วยโซลูชันที่สามารถนำไปปฏิบัติการได้ และยังสามารถสร้างคุณค่าเพิ่มเติมโดยสามารถติดตามและวัดผลแนวนอน
Canary Speech นำเสนอโซลูชันแบบปรับขนาดได้ เพื่อประเมินและติดตามผลด้านสุขภาพของผู้ป่วยได้จากระยะไกล หรือวัดผลสุขภาพส่วนบุคคลโดยอิงจากการวิเคราะห์ตัวชี้วัดทางชีวภาพของเสียงโดยใช้ ML และ AI

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

SMK Corporation
Marketing Department
Mail: supp-sp@smk.co.jp
Tel: +81-3-3785-4651

แหล่งข้อมูล: SMK Corporation

Nagoya Anesthesia Clinic: คลินิกเคตามีนในญี่ปุ่นเพื่อการรักษาทางการแพทย์

Logo

นาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

Nagoya Anesthesia Clinic (https://nagoyamasui.com/2-2) ตั้งอยู่ในเมืองนาโกย่า ซิตี้ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น เปิดให้บริการรักษาทางการแพทย์สำหรับภาวะโรคซึมเศร้าชนิดต่อต้านการรักษา ภาวะผิดปกติทางจิตอื่นๆ หรือภาวะเจ็บปวดเรื้อรังที่ยากต่อการรักษา โดยใช้ยาซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่อย่างเคตามีน กว่า 15 ปีที่ผ่านมา คลินิกแห่งนี้ได้ให้การบำบัดด้วยเคตามีนโดยการฉีดเคตามีนเข้าหลอดเลือดดำมาแล้วกว่า 1,300 ครั้ง เรามีวิธีการที่ไม่เหมือนใครในการระงับอาการเจ็บปวดและภาวะซึมเศร้า ได้แก่ การให้ยาทางช่องเหนือไขสันหลังส่วนคอ ซึ่งได้ผลสำเส็จในคนไข้มาแล้วกว่า 250 ราย พร้อมกับการสะกดจิตบำบัดระหว่างการฉีดยาเคตามีนเข้าหลอดเลือดดำ นอกจากนั้น ทางคลินิกยังมีนวัตกรรมการรักษาใหม่ เช่น การรักษาด้วย Echo-Guided Botox  สำหรับอาการคอแข็ง และการรักษาด้วย Echo-Guided PRP สำหรับอาการกล้ามเนื้ออักเสบบริเวณข้อศอก

เคตามีน เป็นยาระงับความรู้สึกที่ใช้กันแพร่หลาย มีประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปกว่า 50 ปี นอกจากนั้นยังมีการใช้ในสหรัฐอเมริกาเพื่อรักษาภาวะผิดปกติทางจิตการอาการเจ็บปวดชนิดเรื้อรังในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ต่างจากการให้ยาแบบเดิมๆ ที่อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่อาการจะค่อยทุเลา แต่เคตามีนกลับช่วยให้อาการทุเลาลงอย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมงถึง 3 สัปดาห์ในการบริหารจัดการยา อีกทั้งมีผลข้างเคียงในระยะยาวน้อยมาก จึงนับว่าเป็นทางเลือกในการรักษาที่ดีผลดีเยี่ยม

จากประสบการณ์ด้านการฉีดเคตามีนเข้าหลอดเลือดดำในการรักษาอาการเจ็บปวดและภาวะผิดปกติทางจิตต่างๆ Nagoya Anesthesia Clinic ได้จัดตั้งคลินิกเคตามีนขึ้นตามคุณสมบัติของยาเคตามีนในการระงับปวดชนิดรุนแรงและคุณสมบัติในการต้านภาวะซึมเศร้า ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ในการบริหารจัดการยาจะมีการฉีดเคตามีนเป็นชุดๆ ชุดละ 3 ถึง 6 เซสขั่น ในช่วงระยะ 1 ถึง 3 สัปดาห์ ตามด้วยการทำจิตบำบัดต่อเนื่องเดือนละครั้ง ส่วนการเกิดผลข้างเคียงในระยะยาวมีน้อยมาก

Nagoya Anesthesia Clinic มุ่งมั่นในการให้การดูแลและรักษาเชิงนวัตกรรมแก่ผู้ป่วยในญี่ปุ่นและบุคคลทั่วไป พร้อมต้อนรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาทางการแพทย์สำหรับภาวะซึมเศร้าชนิดต่อต้านการรักษา โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคเครียดหลังเผชิญกับเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ และอาการเจ็บปวดเรื้อรังที่ยากจะรักษา นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา ด้วยประสบการณ์ด้านการรักษาโดยการฉีดเคตามีน คลินิกแห่งนี้มีเป้าหมายในการส่งเสริมให้บุคคลทั่วไปจัดการกับภาวะต่อต้านการรักษาผ่านวิธีการรักษาแบบใหม่ มีหลักฐานรองรับ และใส่ใจในผู้ป่วย

 เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถาม โปรดติดต่อ:
JTB Medical & Healthcare:
jmhc_info@j-medical-healthcare.com

ที่มา: Nagoya Anesthesia Clinic

PHC Corporation ประกาศว่า บริษัทในเครืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพฐานที่ตั้งประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีการก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมโดย PHC Group มีการเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบแล้ว

Logo

— PT PHC Sales Indonesia จะสนับสนุนการขยายธุรกิจของอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ PHCbi ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ —

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

แผนกชีวการแพทย์ของ PHC Corporation (สำนักงานใหญ่: Minato-ku, Tokyo, President: Nobuaki Nakamura ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า แผนกชีวการแพทย์) ผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ PHCbi รวมถึงตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษและตู้อบ CO2 มีการประกาศว่า บริษัทในเครือแห่งใหม่ในอินโดนีเซียที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมเพื่อจำหน่ายและให้บริการอุปกรณ์ รวมถึงสาขาวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพมีการเปิดดำเนินการธุรกิจแล้วในวันนี้ หลังจากผ่านข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น ได้รับใบอนุญาตจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ บริษัท PT PHC Sales Indonesia (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCSI) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ SciMed (Asia) Pte Ltd (สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า SciMed) โดย PHC Holdings Corporation เป็นเจ้าของทั้งหมด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCHD) จะเสริมสร้างรากฐานและส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจวิทยาศาสตร์เชิงขีวภาพของแผนกชีวการแพทย์ในประเทศอินโดนีเซีย

ตลาดอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นด้านการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาสำหรับชีวเภสัชภัณฑ์และการเติบโตของสถาบันทางการแพทย์ใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซีย ซึ่งระบบประกันสุขภาพแห่งชาติรองรับประชากรมากเป็นอันดับสี่ของโลก ซึ่งนับเป็นจำนวน 279 ล้าน *1 คนโดยประมาณ และมีการคาดการณ์การเติบโตของตลาดที่สูงในอนาคต เนื่องจากเกิดโรคที่เกี่ยวกับวิถีการใช้ชีวิตที่เพิ่มขึ้น เช่น โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคด้านการบริการทางแพทย์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

แผนกชีวการแพทย์ ภายใต้การนำของ SciMed ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ PHCHD ในประเทศสิงคโปร์ มีการเปิดดำเนินการเพื่อจำหน่ายและบริการสำรหับอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย PT PHC Indonesia (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCI) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตในเครือของ PHCHD ก็มีการดำเนินการในภูมิภาคนี้เป็นฐานการผลิตรองจากญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองความต้องผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงทั่วโลก เช่น ตู้แช่แข็งชีวการแพทย์ และตู้อบ CO2 เป็นต้น

การจัดตั้ง PHCSI นี้จะช่วยให้แผนกชีวการแพทย์สามารถสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการจำหน่ายและบริการในอินโดนีเซีย เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ที่มีความเป็นไปได้ และขยายเครือข่ายผู้จัดจำหร่าย ในขณะเดียวกัน ก็เสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบริการลูกค้าด้วยเช่นกัน ด้วยการติดตามตลาดนี้อย่างใกล้ชิด แผนกชีวการแพทย์นี้จึงมีจุดยืนที่ดียิ่งขึ้นในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า พัฒนาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจในอินโดนีเซีย และเสริงการเติบโตของธุรกิจโดยใช้ความสามารถในการผลิตที่สูงเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง

Nobuaki Nakamura ประธานกรรมการฝ่ายตัวแทนจำหน่ายของ PHC Corporation และผู้อำนวยการแผนกชีวการแพทย์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทใหม่ของเราในอินโดนีเซียได้เปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบแล้วในวันนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานธุรกิจด้านชีววิทยาศาสตร์ของแผนกชีวการแพทย์ของในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเสริมศักยภาพในการเติบโตของตลาดที่สูง เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งบริษัทเพื่อจัดจำหน่ายแห่งใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวธุรกิจในอินโดนีเซีย ภายหลังจากการเข้าซื้อกิจการ SciMed*2 โดยเป็นเจ้าของ 100% เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า PHCSI พร้อมด้วย SciMed จะมีจุดยืนที่มั่นคงเพื่อเป็นที่ตั้งการดำเนินการแห่งสำคัญในเอเชียสำหรับ PHC Group และจะขยายธุรกิจที่มีอยู่ในอินโดนีเซียเป็นการต่อไป และส่งเสริมการรักษาพยาบาลขั้นสูงอย่างเต็มรูปแบบ เช่น การบำบัดด้วยเซลล์และยีน และด้วยการทำงานข้ามธุรกิจร่วมกันกับ PHC Group เรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมศักยภาพของนักวิจัยเพื่อการพัฒนาวิธีการรักษาขั้นสูง และเพื่อเสริมสร้างการดูแลสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต”

ภาพรวมของ PT PHC Sales Indonesia
ชื่อบริษัท: PT PHC Sales Indonesia
ประเภทธุรกิจ: จัดจำหน่ายและบริการสนับสนุนด้านอุปกรณ์ รวมถึงสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
ก่อตั้งขึ้นเมื่อ: วันที่ 3 เดือนมีนาคม ปี 2023
ที่อยู่: จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
ตัวแทนจำหน่าย: Sachihiko Kataoka
เงินทุน: 10 พันล้าน IDR (ประมาณ 95 ล้าน JPY) *3

(*1) องค์กรการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น www.jetro.go.jp/world/asia/idn/
(*2) www.phchd.com/global/news/2023/0615
(*3) คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1IDR = 0.0095JPY

เกี่ยวกับแผนกชีวการแพทย์ของ PHC Corporation

PHC Corporation ก่อตั้งขึ้นในปี 1969 โดยเป็นบริษัทในเครือที่ญี่ปุ่นของ PHC Holdings Corporation (โตเกียว: 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกซึ่งมีการพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันต่างๆ ทั้งการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันการดูแลสุขภาพ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ และการวินิจฉัยโรค แผนกชีวการแพทย์สนับสนันอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพเพื่อช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยในกว่า 110 ประเทศและภูมิภาคโดยใช้อุปกรณ์และบริการในห้องปฎิบัติการ รวมถึงตู้อบ CO2 ภายใต้แบรนด์ของ PHCbi และตู้แช่แข็งอุณภูมิต่ำพิเศษ
www.phchd.com/apac/biomedical

เกี่ยวกับ PHC Holdings Corporation

PHC Holdings Corporation (โตเกียว: 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีพันธกิจในการมีส่วนร่วมเพื่อสุขภาพของสังคมผ่านโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่ส่งผลเชิงบวกและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คน บริษัทในเครือ ได้แก่ PHC Corporation, Ascensia Diabetes Care Holdings AG, Epredia Holdings Ltd., LSI Medience Corporation, Wemex Corporation และ Mediford Corporation บริษัทนี้เหล่านี้ร่วมกันพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันด้านการบริการเกี่ยวกับการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันด้านการดูแลสุขภาพ การวินิจฉัยโรค และวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ โดยมียอดขายสุทธิรวมใน FY2022 อยู่ที่ประมาณ JPY 356.4 พันล้าน โดยมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการทั่วโลกในกว่า 125 ประเทศและภูมิภาค PHC Group เป็นคำเรียกรวมที่อ้างอิงถึง PHC Holdings Corporation และบริษัทในเครือทั้งหมด
www.phchd.com

เกี่ยวกับ SciMed (Asia) Pte Ltd

SciMed (Asia) Pte Ltd มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ เป็นบริษัทผู้ให้บริการชั้นนำในผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับชีวการแพทย์ วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ การดูแลสุขภาพ การค้นคว้าด้านยา เภสัชกรรม ห้องปฏิบัติการ การทดสอบทางอุตสาหกรรม และตลาดการเกษตร SciMed กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในเครือ PHC Holdings Corporation อย่างเต็มรูปแบบในปี 2023 โดยมีการพัฒนาการจำหน่ายและการตลาดในธุรกิจวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชีย และโอเชียเนีย
https://scimed.com.sg/about-scimed/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Hiroko Arai
Investor Relations & Corporate Communications Department
PHC Holdings Corporation
+81-3-6778-5311
อีเมลphc-pr@gg.phchd.com
Masayo Okada
Marketing Department, Biomedical Division
PHC Corporation
+81-80-4816-3259

อีเมลmasayo.okada@phchd.com

แหล่งข้อมูล: PHC Corporation

Parse Biosciences ขยายการเข้าถึงทั่วโลกด้วยความร่วมมือกับ Spinco Biotech ในอินเดีย

Logo

SEATTLE–(BUSINESS WIRE)–7 พฤศจิกายน 2023 

Parse Biosciences ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการจัดลำดับเซลล์เดี่ยวที่เข้าถึงได้และปรับขนาดได้ ประกาศข้อตกลงกับ Spinco Biotech ในอินเดียในวันนี้ ในการขยายขอบเขตการเข้าถึงในเอเชีย นี่คือการขยายธุรกิจครั้งล่าสุดของ Parse ในภูมิภาค APAC ตามข้อตกลงเมื่อปีที่แล้วกับ Research Instruments Pte Ltd เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“เราเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับโซลูชันการจัดลำดับเซลล์เดี่ยว Evercode ของ Parse ทั่วเอเชีย และเราเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์ของเราพร้อมสำหรับการนำไปใช้อย่างแพร่หลายในอินเดียเช่นกัน” ด็อกเตอร์ Alex Rosenberg, CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Parse Biosciences กล่าว “ด้วยความร่วมมือกับ Spinco เรากำลังช่วยให้กลุ่มการวิจัยของพวกเขาให้สามารถมีวิธีการนำเทคโนโลยีการจัดลำดับเซลล์เดี่ยวชั้นนำมาใช้งานได้อย่างง่ายดาย”

ข้อตกลงของบริษัทกับ Spinco Biotech จะช่วยให้นักวิจัยในอินเดียสามารถเข้าถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์เซลล์เดี่ยวของบริษัทได้อย่างเต็มที่ รวมถึง Evercode™ Whole Transcriptome, Evercode TCR, Evercode Cell Fixation, Evercode Nuclei Fixation, Gene Capture, CRISPR Detect และโซลูชันการวิเคราะห์ข้อมูลของ Parse Biosciences ข้อตกลงนี้เป็นความต่อเนื่องของการแนะนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทในตลาดต่างประเทศที่สำคัญอย่างต่อเนื่องของ Parse โดยปัจจุบันมีจำหน่ายในอเมริกาเหนือ ยุโรป ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อิสราเอล และนิวซีแลนด์

Thyagarajan Srinivasan ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Spinco Biotech กล่าวว่า “Parse เป็นผู้บุกเบิกที่สำคัญในการจัดลำดับเซลล์เดี่ยว และนักวิจัยที่นี่จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากเทคโนโลยี Evercode เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นพันธมิตรกับ Parse เพื่อแนะนำเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้แก่ชุมชมเทคโนโลยีชีวภาพของอินเดีย”

เกี่ยวกับ Spinco Biotech

Spinco เป็นบริษัทผู้ให้บริการโซลูชันและจัดจำหน่ายชั้นนำในอินเดีย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องมือการวิเคราะห์และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ตั้งแต่ปี 1981 Spinco มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในทุกฟังก์ชันของธุรกิจ โดยการนำบุคลากร องค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีมารวมกัน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงสุดและบริการระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้แก่ลูกค้า

ก่อตั้งขึ้นบนปรัชญาที่แข็งแกร่งในการปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้า ความเป็นเลิศที่ Spinco ไม่เพียงการดำเนินการในระยะสั้นๆ แต่เป็นวิถีชีวิตที่แน่วแน่ Spinco มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในตลาดเฉพาะด้าน พร้อมนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและนวัตกรรมชั้นนำจากผู้บุกเบิกระดับโลกมาสู่วงการวิทยาศาสตร์ในอนาคตของอินเดีย

เกี่ยวกับ Parse Biosciences

Parse Biosciences เป็นบริษัทด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพระดับโลกที่มีภารกิจเพื่อเร่งความก้าวหน้าด้านสุขภาพของมนุษย์และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แนวทางการบุกเบิกดังกล่าวช่วยให้นักวิจัยสามารถจัดลำดับเซลล์เดี่ยวในขนาดที่ไม่เคยมีมาก่อน ช่วยให้สามารถค้นพบวิธีการใหม่ๆ ในการรักษาโรคมะเร็ง การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การบำบัดด้วยสเต็มเซลล์ โรคไตและตับ การพัฒนาสมอง และระบบภูมิคุ้มกัน

ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นที่ The University of Washington โดยผู้ร่วมก่อตั้ง Alex Rosenberg และ Charles Roco ช่วยให้ Parse สามารถระดมทุนได้มากกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ และปัจจุบันมีลูกค้าใช้งานมากกว่า 1,000 รายทั่วโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่กำลังเติบโต ได้แก่ Evercode Whole Transcriptome, Evercode TCR, Gene Capture, CRISPR Detect และซอฟต์แวร์สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล

สำนักงานใหญ่ของ Parse Biosciences และห้องปฎิบัติการอันล้ำสมัยตั้งอยู่ในย่าน South Lake Union ที่มีชีวิตชีวาของ Seattle หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ https://www.parsebiosciences.com/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jay Roberts, SRPR
jay@shevrushpr.com | 917.696.2142

แหล่งข้อมูล: Parse Biosciences