Falcon 3: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัวโมเดล AI ขนาดเล็กที่ทรงพลังที่สุดในโลก ซึ่งสามารถทํางานบนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อปได้ด้วย

Logo

ฟังก์ชันมัลติโมดอลพร้อมโหมดเสียงที่จะตามมาในเดือนมกราคม 2025

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–17 ธันวาคม 2024

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี (TII) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยประยุกต์ชั้นนําระดับโลกภายใต้สภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ของอาบูดาบี ได้เปิดตัว Falcon 3 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของซีรีส์โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) แบบโอเพ่นซอร์ส การเปิดตัวครั้งสำคัญนี้กําหนดมาตรฐานประสิทธิภาพใหม่สําหรับ LLM ขนาดเล็ก และทําให้การเข้าถึงปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงเป็นประชาธิปไตย โดยทําให้โมเดลทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อป Falcon 3 นําเสนอการใช้เหตุผลที่เหนือกว่าและความสามารถในการปรับแต่งขั้นสูง ทําให้เป็นโมเดล AI ที่ทรงพลังและใช้งานได้มากขึ้น

Falcon 3: UAE’s Technology Innovation Institute Launches World’s most Powerful Small AI Models that can also be run on Light Infrastructures, including Laptops (Photo: AETOSWire)

Falcon 3: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัวโมเดล AI ขนาดเล็กที่ทรงพลังที่สุดในโลก ซึ่งสามารถทํางานบนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อปได้ด้วย (ภาพ: AETOSWire)

Falcon 3 ได้รับการออกแบบมาเพื่อทําให้การเข้าถึง AI ประสิทธิภาพสูงเป็นประชาธิปไตย โดยนําเสนอโมเดลที่ทั้งทรงพลังและมีประสิทธิภาพ Falcon 3 ซึ่งฝึกด้วยโทเค็น 14 ล้านล้านโทเค็น ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่มี 5.5 ล้านล้านโทเค็นถึงสองเท่า แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าในเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Falcon 3 ติดอันดับหนึ่งในรุ่นชั้นนําของโลกที่สามารถทํางานบน GPU ตัวเดียวได้ เมื่อเปิดตัว Falcon 3 ก็สามารถครองตําแหน่งอันดับหนึ่งในลีดเดอร์บอร์ด LLM ของบุคคลที่สามทั่วโลกของ Hugging Face โดยแซงหน้ารุ่นโอเพ่นซอร์สอื่นๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน รวมถึงรุ่น Llama ของ Meta โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเดล Falcon 3-10B เป็นผู้นําในหมวดหมู่นี้ โดยมีประสิทธิภาพเหนือกว่าทุกโมเดลที่มีพารามิเตอร์ต่ำกว่า 13 พันล้านตัว

ฯพณฯ Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC และที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้านการวิจัยเชิงกลยุทธ์และกิจการเทคโนโลยีขั้นสูงกล่าวว่า “พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของ AI นั้นไม่อาจปฏิเสธได้ ในวันนี้ เราได้พัฒนาการมีส่วนร่วมของเราในชุมชน AI โดยเฉพาะภาคโอเพ่นซอร์ส ด้วยการเปิดตัวโมเดลข้อความตระกูล Falcon 3 การเปิดตัวครั้งนี้ต่อยอดจากรากฐานที่เราสร้างขึ้นกับ Falcon 2 ซึ่งถือเป็นก้าวสําคัญสู่โมเดล AI รุ่นใหม่ ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของเราในการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเครื่องมืออันทรงพลังเหล่านี้ได้ทุกที่ สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทของเราเพื่อความเท่าเทียมระดับโลกและนวัตกรรมที่ครอบคลุม”

ตระกูล Falcon 3

ซีรีส์ Falcon 3 มีสี่ขนาด ได้แก่ Falcon3-1B, -3B, -7B และ -10B เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ๆ จะพบว่ามีการให้ความสำคัญกับการบูรณาการที่ราบรื่นเป็นอย่างมาก โมเดลเหล่านี้เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับ API (Application Programming Interfaces) และไลบรารีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งช่วยลดความพยายามในการบูรณาการได้อย่างมาก และทําให้มั่นใจได้ถึงความสะดวกในการใช้งาน ในที่สุดสิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกโซลูชันที่เหมาะกับความต้องการของตนมากที่สุด ด้วย Falcon 3 ที่มอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในด้านการใช้เหตุผล ความเข้าใจภาษา การปฎิบัติตามคําสั่ง การสร้างโค้ด และงานทางคณิตศาสตร์ จึงพร้อมที่จะกําหนดมาตรฐานใหม่ในความสามารถของ AI

Falcon 3 ขนาดเล็กแต่ละโมเดลมี Base และ Instruct ซึ่งแต่ละโมเดลอยู่ในอันดับที่ทรงพลังที่สุดในโลกตามขนาดของมัน โมเดล Base อนุญาตให้ทํางานสร้างเอนกประสงค์ ในขณะที่ Instruct เป็นโมเดลที่ปรับแต่งมาอย่างดีสําหรับแอปพลิเคชันการสนทนา Falcon 3 มีให้บริการในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน และโปรตุเกส โมเดล Falcon 3 ยังมีเวอร์ชันเชิงปริมาณที่ช่วยให้สามารถบูรณาการเข้ากับสถาปัตยกรรมเฉพาะทางได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและมีน้ำหนักเบา จึงสามารถนำไปใช้และอนุมานได้อย่างรวดเร็ว

ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอของ TII กล่าวว่า “ความทุ่มเทของเราในการบุกเบิกการวิจัยและดึงดูดผู้มีความสามารถระดับแนวหน้าได้มาถึงจุดสูงสุดในการพัฒนา Falcon 3 ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือโมเดลที่แสดงให้เห็นถึงการแสวงหาความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์ โดยนําเสนอประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น และกําหนดเกณฑ์มาตรฐานใหม่ในด้านเทคโนโลยี AI”

Dr. Hakim Hacid หัวหน้านักวิจัยของศูนย์วิจัย AI และวิทยาศาสตร์ดิจิทัล (AIDRC) ของ TII กล่าวว่า “AI มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเรายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้ Falcon 3 ผลักดันขอบเขตของ LLM ขนาดเล็กให้ไกลขึ้น โดยมีส่วนสนับสนุนชุมชนโอเพ่นซอร์สโดยให้การเข้าถึง AI ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น เรามั่นใจว่าการเปิดตัวล่าสุดนี้จะเปิดโอกาสอันไม่จํากัด และจะมีประโยชน์มากมาย ช่วยให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไปสามารถใช้ AI ในรูปแบบที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าถึงได้”

Falcon 3 พร้อมให้ดาวน์โหลดทันทีบน HuggingFace และที่ FalconLLM.TII.ae พร้อมกับรายละเอียดเกี่ยวกับเกณฑ์มาตรฐาน

นอกจากนี้ TII ยังเปิดตัว Falcon Playground ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมการทดสอบสําหรับผู้ใช้ปลายทาง โปรแกรมเมอร์ ผู้เขียนโค้ด และนักวิจัย เพื่อสํารวจ Falcon 3 ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยเปิดโอกาสให้ทดลองและให้ข้อเสนอแนะ

Falcon 3 ได้รับอนุญาตภายใต้ TII Falcon License ซึ่งเป็นใบอนุญาตซอฟต์แวร์แบบ Apache 2.0 ซึ่งรวมถึงนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ซึ่งส่งเสริมการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ

ต้นเดือนมกราคม 2025 โมเดลตระกูล Falcon 3 จะเปิดตัวสมาชิกใหม่ โดยเน้นที่ฟังก์ชันมัลติโมดอล รวมถึงโหมดข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเสียง

ที่มา: AETOWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54167979/en

ติดต่อ

Victoria Meven
victoria.meven@edelman.com

ที่มา: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี


ข้อมูลล่าสุดของ OAG เผยว่าเส้นทางการบินจากฮ่องกง (HKG) ไป ไทเป (TPE) เป็นเส้นทางการบินระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดในโลกในปี 2024

Logo

เอเชียแปซิฟิกครองอันดับประจําปีอีกครั้ง

การค้นพบที่สําคัญ:

  • ·  ฮ่องกง (HKG) -ไทเป (TPE) มีกําลังการผลิตเพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบเป็นรายปี
  • ·  7 ใน 10 เส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
  • ·  เส้นทางภายในประเทศที่พลุกพล่านที่สุดคือ เชจู (CJU)-โซล กิมโป (GMP), 14 ล้านที่นั่ง
  • ·  นิวยอร์ก (JFK)- ลอนดอน ฮีทโธรว์ (LHR) เส้นทางบินที่พลุกพล่านที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก โดยมี 4 ล้านที่นั่ง

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–17 ธันวาคม 2024

OAG แพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนําสําหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก ได้เปิดเผยเส้นทางที่พลุกพล่นที่สุด ในโลกประจำปี 2024 ในวันนี้ การวิเคราะห์นี้ขับเคลื่อนโดยข้อมูลตารางการบินของสายการบินทั่วโลกของ OAG และให้ภาพรวมของประสิทธิภาพและแนวโน้มของเส้นทางบินทั้งในและต่างประเทศ

เอเชียแปซิฟิกครองอันดับประจําปีอีกครั้งด้วยเส้นทางบินระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุด 7 เส้นทางจาก 10 เส้นทาง และเส้นทางภายในประเทศที่พลุกพล่านที่สุด 9 เส้นทางจาก 10 เส้นทาง เส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดอันดับ 1 ของปี 2024 และเส้นทาง 10 อันดับแรกที่มีการเติบโตมากที่สุดคือฮ่องกง (HKG)-ไทเป (TPE) โดยมีที่นั่ง 6.8 ล้านที่นั่ง และความจุเพิ่มขึ้น 48% ระหว่างปี 2023-2024 ทำให้ขยับขึ้นจากอันดับที่ 3 ของปีที่แล้ว

ไคโร (CAI)-เจดดาห์ (JED) ครองอันดับ 2 ด้วยที่นั่ง 5.5 ล้านที่นั่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสองเส้นทางที่ให้บริการในตะวันออกกลางที่ติด 10 อันดับแรกตั้งแต่ปี 2019 CAI-JED เติบโต 68% ใน 5 ปี ในขณะที่ ดูไบ (DBX)-ริยาด (RUH) อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยที่นั่ง 4.3 ล้านที่นั่งและความจุเพิ่มขึ้น 37% ตั้งแต่ปี 2019

เส้นทางระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่มีการเติบโตที่น่าประทับใจเมื่อเทียบเป็นรายปี ได้แก่ โซล อินชอน (ICN)-โตเกียว นาริตะ (NRT) ขยับจากอันดับที่ 5 ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ด้วยความจุเพิ่มขึ้น 30% และกรุงเทพฯ (BKK)-ฮ่องกง (HKG) ซึ่งกลับเข้าสู่ 10 อันดับแรกอีกครั้งในอันดับที่ 7 หลังจากเคยอยู่ในอันดับที่ 11 เมื่อปี 2023

นิวยอร์ก (JFK)- ลอนดอน ฮีทโธรว์ (LHR) ครองอันดับ 1 ของเส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดในยุโรปและในอเมริกาเหนือ ไคโร (CAI)-เจดดาห์ (JED) เป็นเส้นทางระหว่างประเทศอันดับ 1 ทั้งในแอฟริกาและตะวันออกกลาง และ ออร์แลนโด (MCO)-ซานฮวน (SJU) เป็นเส้นทางบินระหว่างประเทศอันดับ 1 ในละตินอเมริกา

John Grant หัวหน้านักวิเคราะห์ของ OAG ให้ความเห็นว่า ” เนื่องจากภูมิภาค ASPAC ใกล้จะฟื้นตัวเต็มที่แล้ว เส้นทางที่พลุกพล่านที่สุดจึงกระจุกตัวอยู่ในศูนย์กลางการบินหลักที่คุ้นเคยอย่างฮ่องกง โซล อินชอน และสิงคโปร์ แม้ว่าองค์ประกอบของอุปทานในเส้นทางเหล่านั้นจะเปลี่ยนไป เนื่องจากภาคส่วนต้นทุนต่ำยังคงเติบโตในอัตราที่เร็วกว่าภาคส่วนเดิม

การพัฒนาที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งคือการเติบโตของตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเน้นที่ซาอุดีอาระเบียเป็นพิเศษ ซึ่งโครงการ Vision 2030 ยังคงขับเคลื่อนความต้องการทั้งทางธุรกิจและการพักผ่อน”

ค้นหาอันดับเส้นทางการบินที่พลุกพล่านที่สุดในโลกของปี 2024 และวิธีการจัดอันดับระดับโลกและระดับภูมิภาค ได้ที่เว็บไซต์ของ OAG

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนําสําหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยนําเสนอแหล่งข้อมูลด้านอุปทาน อุปสงค์ และราคา แห่งแรกในอุตสาหกรรม

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OAG โปรดไปที่ www.oag.com.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามสื่อมวลชน: pressoffice@oag.com

ที่มา: OAG

Japan Fruit and Vegetables Export Promotion Council: แคมเปญ Smile Japanese Fruits Gift

Logo

เพลิดเพลินกับผลไม้จากประเทศญี่ปุ่นด้วยฟิลเตอร์ AR จาก Hello Kitty!

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 ธันวาคม 2024

Japan Fruit and Vegetables Export Promotion Council พร้อมกับ The Japan Food Product Overseas Promotion Center (JFOODO) ร่วมมือกับตัวการ์ตูนยอดนิยมจาก Sanrio Co., Ltd. “Hello Kitty” ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศด้วยเช่นกัน เฉลิมฉลองวันครบรอบปีที่ 50 เพื่อส่งเสริมผลไม้และพืชผักจากทั่วประเทศญี่ปุ่น เราจึงมีการจัดแคมเปญบนโซเชียลมีเดีย โดยคุณสามารถโพสต์รูปภาพบน Instagram ในธีมเทศกาลสำคัญต่างๆ เช่น คริสต์มาส ปีใหม่ ตรุษจีน และวันวาเลนไทน์ พร้อมสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลพิเศษ “Smile Japanese Fruits Gift” ของขวัญสุดพิเศษที่สามารถเพลิดเพลินด้วยกันทั้งครอบครัวได้

Note: The actual gift will be processed Japanese fruits. (Photo: Business Wire)

หมายเหตุ: ของขวัญที่แท้จริงมาพร้อมผลไม้จากประเทศญี่ปุ่น (ภาพถ่าย: Business Wire)

ความร่วมมือพิเศษระหว่างฉลาก “Japan-grown Fruit”* กับ Hello Kitty
*ฉลาก “Japan-grown Fruit” เป็นแบรนด์ฉลากสำหรับผลไม้และพืชผักที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งตรงตามมาตรฐานคุณภาพที่ควบคุมอย่างเข้มงวดจากกระทรวงการเกษตร ป่าไม้ และประมง

ระยะเวลาของแคมเปญ:

  • คริสต์มาส: วันที่ 14 เดือนธันวาคม ปี 2024 ถึงวันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2024
  • ปีใหม่: วันที่ 1 เดือนมกราคม ปี 2025 ถึงวันที่ 10 เดือนมกราคม ปี 2025
  • ตรุษจีน: วันที่ 29 เดือนมกราคม ปี 2025 ถึงวันที่ 14 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2025
  • วันวาเลนไทน์: วันที่ 14 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2025 ถึงวันที่ 22 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2025

วิธีการเข้าร่วม:

  1. ติดตาม Instagram japanesefruit_official
  2. โพสต์วิดีโอที่ตรงตามเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งจากสองเงื่อนไขด้านล่าง และระบุ japanesefruit_official
    *สำหรับตรุษจีนและวันวาเลนไทน์ คุณสามารถสมัครได้โดยดำเนินการตามเงื่อนไขที่ 2 เท่านั้น

(1) วิดีโอที่ใช้ฟิลเตอร์สนุกๆ จาก japanesefruit x Hello Kitty
**คลิกที่ลิงก์ในโปรไฟล์เพื่อดูเอฟเฟกต์
(2) วิดีโอหรือภาพคนยิ้มและเพลิดเพลินกับผลไม้ญี่ปุ่น

สินค้าเป้าหมาย:
ลูกพีช องุ่น แอปเปิ้ล ลูกพลับ ผลไม้รสเปรี้ยว สตรอว์เบอร์รี่ มันเทศ

ผู้เข้าร่วมแคมเปญเป้าหมาย:
ผู้ที่อยู่อาศัยในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฮ่องกง และไต้หวัน

รางวัล:
ชุด “Smile Japanese Fruits Gift” พิเศษ

บัญชี Instagram อย่างเป็นทางการ:
https://www.instagram.com/japanesefruit_official/

คลิกที่นี่สำหรับสถานที่จัดจำหน่ายในแต่ละประเทศ:
https://jpfruit-export.jp/promotion/en/shop/

หน่วยงานดำเนินการ

Japan Fruit and Vegetables Export Promotion Council (JFEC)
https://jpfruit-export.jp/english.html

The Japan Food Product Overseas Promotion Center (JFOODO)
https://www.jetro.go.jp/en/jfoodo/

ความร่วมมือ

เกี่ยวกับ Sanrio
Sanrio เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับ Hello Kitty ซึ่งมีการก่อตั้งขึ้นในปี 1974 และเป็นบ้านของแบรนด์ตัวการ์ตูนชื่อดังสุดโปรดอีกมากมาย เช่น My Melody, Kuromi, LittleTwinStars, Cinnamoroll, Pompompurin, gudetama, Aggretsuko, Chococat, Bad Badtz-Maru และ Kerokerokeroppi Sanrio ก่อตั้งขึ้นบนปรัชญาที่ว่า ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สามารถนำมาซึ่งความสุขและมิตรภาพสู่ผู้คนทุกวัย นับตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมา ปรัชญาดังกล่าวได้เป็นแรงบันดาลใจในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมที่มีคุณภาพ และส่งเสริมการสื่อสาร และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคทั่วโลก ทุกวันนี้ ธุรกิจของ Sanrio ได้ขยายตัวไปสู่ภาคอุตสาหกรรมบันเทิงด้วยซีรีส์คอนเทนต์ เกม และสวนสนุกมากมาย Sanrio นำเสนอผลิตภัณฑ์มากมาย โดยมีการวางจำหน่ายในกว่า 130 ประเทศ Sanrio ต้องการที่จะนำรอยยิ้มมาสู่ทุกคนด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า “One World, Connecting Smiles” หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sanrio สามารถติดตาม @sanriosingapore ได้บน Instagram และ @SanrioSG บน Facebook

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54166397/en

ติดต่อ

ทีมประชาสัมพันธ์สำหรับ Japan Fruit and Vegetables Export Promotion Council
อีเมล: jpfruits_imc2024@group.dentsuprc.co.jp

แหล่งข้อมูล: The Japan Fruit and Vegetables Export Promotion Council


AI เจเนอเรชันใหม่กำลังรออยู่ GIGABYTE ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับ HPC ในงาน CES 2025

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2024

GIGABYTE Technology ขึ้นชื่อในด้านนวัตกรรมล้ำสมัยด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และยังคงเดินหน้าพัฒนาความก้าวหน้าต่างๆ ที่กำหนดนิยามใหม่ให้กับอุตสาหกรรมต่อไป โดยตั้งแต่วันที่ 7 ถึง 10 มกราคม 2025 GIGABYTE จะเข้าร่วมงาน CES เพื่อจัดแสดงความก้าวหน้าล่าสุดในด้านการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและโซลูชันคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลต่างๆ

The Next Gen of AI Awaits, GIGABYTE Sets the Benchmark for HPC at CES 2025 (Photo: Business Wire)

AI เจเนอเรชันใหม่กำลังรออยู่ GIGABYTE ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับ HPC ในงาน CES 2025 (ภาพ: Business Wire)

โดยในบูธของ GIGABYTE จะมีการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยที่หลากหลายภายใต้ธีม “ACCEVOLUTION” ที่มีไฮไลท์ ได้แก่:

โซลูชันการประมวลผลคลัสเตอร์แบบแร็คสเกลสำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

เซิร์ฟเวอร์ AI ที่รองรับ “ซูเปอร์ชิป” รุ่นถัดไป

เทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและ ประสิทธิภาพการทำงาน

เวิร์กสเตชันที่ออกแบบมาสำหรับเวิร์กโหลดขนาดเล็ก

Mini-PC ระบบฝังตัว และแพลตฟอร์มในรถยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานปลายทางและการใช้งานเชิงพาณิชย์

ด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ GIGABYTE แสดงให้เห็นว่าพลังการประมวลผลได้ช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าของ AI ซึ่งจะช่วยให้องค์กร สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และบุคคลทั่วไปบรรลุเป้าหมายใหม่ๆ ในด้านนวัตกรรม AI ในทุกสาขาวิชา และทุกๆ ขนาดได้อย่างไร

ความมุ่งมั่นของ GIGABYTE ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงได้เร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระดับโลกและนวัตกรรม AI ขั้นสูง ด้วยความร่วมมืออันแข็งแกร่งกับผู้นำในอุตสาหกรรม GIGABYTE จึงสามารถส่งมอบโซลูชันเซิร์ฟเวอร์ AI ล้ำสมัยได้อย่างสม่ำเสมอพร้อมกับการปรับใช้ที่รวดเร็วหลังจากการอัปเกรดในแต่ละรุ่น โดยในงาน CES 2025 GIGABYTE จะเปิดตัว:

• เซิร์ฟเวอร์ AI ซีรีส์ AMD Instinct™ MI300, ตัวเร่งความเร็ว Intel® Gaudi® 3 และ NVIDIA HGX™

• โมดูล NVIDIA GB200 NVL72 ที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “เซิร์ฟเวอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก” สำหรับการประมวลผลของ AI โดยมอบประสิทธิภาพที่สูงกว่า GPU H100 ถึง 30 เท่า

ด้วยสถาปัตยกรรม “rack-as-a-GPU” ที่เป็นนวัตกรรม โดย NVIDIA GB200 NVL72 ได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการประมวลผล AI ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมงานจะมีโอกาสได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนี้ด้วยตนเองและมีส่วนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของ GIGABYTE เพื่อกำหนดอนาคตของโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI

การประมวลผลประสิทธิภาพสูงกับความยั่งยืน

เพื่อเร่งวิวัฒนาการของ AI ให้เร็วขึ้น GIGABYTE กำลังกำหนดนิยามประสิทธิภาพการระบายความร้อนใหม่ด้วยโซลูชันการระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง (DLC) แบบครบวงจร ระบบที่ครอบคลุมนี้จะผสานรวมกับเซิร์ฟเวอร์ ชุดระบายความร้อนแบบกำหนดเอง และแร็คที่มีความเข้ากันได้อย่างราบรื่นกับ CDU จากผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น CoolIT และ Motivair ด้วยการจัดการกับข้อจำกัดของการระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิม GIGABYTE จึงรับประกันความหนาแน่นในการคำนวณที่เหมาะสมที่สุด ความเสถียรของระบบที่เพิ่มขึ้น และการทำงานที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานในศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัย

เซิร์ฟเวอร์ของ GIGABYTE ที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD, Intel และ NVIDIA รุ่นล่าสุด ใช้ประโยชน์จาก DLC เพื่อสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพที่ล้ำสมัยกับการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนและเปิดใช้งานเอาต์พุตการคำนวณที่สูงขึ้น โซลูชันเหล่านี้จึงตอบสนองกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความยั่งยืนในทั้งสองด้าน

ขับเคลื่อนการนำ AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์และนวัตกรรมแบบฝังตัว

ความเชี่ยวชาญของ GIGABYTE ในการออกแบบเมนบอร์ดทำให้ GIGABYTE กลายเป็นผู้เล่นหลักในการประมวลผลอุตสาหกรรมและการนำ AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ด้วยความร่วมมือกับ NVIDIA ช่วยให้ GIGABYTE นำเสนอระบบฝังตัวที่ขับเคลื่อนด้วยโมดูล Jetson Orin™ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ให้บริการด้านระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม การตรวจสอบด้วยแสงอัตโนมัติ (AOI) การตรวจจับข้อบกพร่อง การประมวลผลแบบเอจ และหุ่นยนต์ ในขณะเดียวกัน ซีรีส์ BRIX mini-PC ที่มีโปรเซสเซอร์พร้อมหน่วยประมวลผลนิวรอล (NPU) แบบบูรณาการ จะส่งมอบประสบการณ์ผู้ใช้ AI ขั้นสูงในดีไซนกะทัดรัด

เร่งความเร็วให้กับเทคโนโลยีอัตโนมัติ

การบรรจบกันของพลังการคำนวณและ AI กำลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าในเทคโนโลยีอัตโนมัติ รวมถึงรถยนต์ไร้คนขับ รถโดยสาร และยานยนต์ผิวน้ำไร้คนขับ (USV) โดย GIGABYTE ยังคงเป็นผู้บุกเบิกโซลูชันที่ชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้นในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และเทเลเมติกส์ ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ที่สำคัญ

การปฏิวัติประสบการณ์พีซีระดับไฮเอนด์

พีซี AI AORUS ของ GIGABYTE กำลังสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับเกมเมอร์และเหล่าบรรดามืออาชีพทั้งหลาย โดยนำเสนอคุณสมบัติต่างๆ เช่น:

AI Boost: การโอเวอร์คล็อกแบบไดนามิกสำหรับเซสชันการเล่นเกมที่เข้มข้น

AI Power Gear: การสลับ GPU อัจฉริยะเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ระหว่างการใช้งานมือถือ

AI Generator: ความสามารถ AI ที่สร้างได้บนอุปกรณ์เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ราบรื่น

ในงาน CES 2025 GIGABYTE ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยี กำหนดทิศทางของ AI ในอนาคต และนำเสนอโซลูชันที่ก้าวล้ำสำหรับระบบนิเวศการประมวลผล

เยี่ยมชมหน้ากิจกรรม CES ของ GIGABYTE ได้ที่ https://www.gigabyte.com/Events/CES

ข้อมูลผู้ติดต่อ

ข้อมูลผู้ติดต่อด้านสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE Technology

AI เจเนอเรชันใหม่กำลังรออยู่ GIGABYTE ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับ HPC ในงาน CES 2025 (ภาพ: Business Wire)

ไทเป–(BUSINESS WIRE)– GIGABYTE Technology ขึ้นชื่อในด้านนวัตกรรมล้ำสมัยด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และยังคงเดินหน้าพัฒนาความก้าวหน้าต่างๆ ที่กำหนดนิยามใหม่ให้กับอุตสาหกรรมต่อไป โดยตั้งแต่วันที่ 7 ถึง 10 มกราคม 2025 GIGABYTE จะเข้าร่วมงาน CES เพื่อจัดแสดงความก้าวหน้าล่าสุดในด้านการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและโซลูชันคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลต่างๆ

โดยในบูธของ GIGABYTE จะมีการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยที่หลากหลายภายใต้ธีม “ACCEVOLUTION” ที่มีไฮไลท์ ได้แก่:

โซลูชันการประมวลผลคลัสเตอร์แบบแร็คสเกลสำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

เซิร์ฟเวอร์ AI ที่รองรับ “ซูเปอร์ชิป” รุ่นถัดไป

เทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและ ประสิทธิภาพการทำงาน

เวิร์กสเตชันที่ออกแบบมาสำหรับเวิร์กโหลดขนาดเล็ก

Mini-PC ระบบฝังตัว และแพลตฟอร์มในรถยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานปลายทางและการใช้งานเชิงพาณิชย์

ด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ GIGABYTE แสดงให้เห็นว่าพลังการประมวลผลได้ช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าของ AI ซึ่งจะช่วยให้องค์กร สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และบุคคลทั่วไปบรรลุเป้าหมายใหม่ๆ ในด้านนวัตกรรม AI ในทุกสาขาวิชา และทุกๆ ขนาดได้อย่างไร

ความมุ่งมั่นของ GIGABYTE ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงได้เร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระดับโลกและนวัตกรรม AI ขั้นสูง ด้วยความร่วมมืออันแข็งแกร่งกับผู้นำในอุตสาหกรรม GIGABYTE จึงสามารถส่งมอบโซลูชันเซิร์ฟเวอร์ AI ล้ำสมัยได้อย่างสม่ำเสมอพร้อมกับการปรับใช้ที่รวดเร็วหลังจากการอัปเกรดในแต่ละรุ่น โดยในงาน CES 2025 GIGABYTE จะเปิดตัว:

• เซิร์ฟเวอร์ AI ซีรีส์ AMD Instinct™ MI300, ตัวเร่งความเร็ว Intel® Gaudi® 3 และ NVIDIA HGX™

• โมดูล NVIDIA GB200 NVL72 ที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “เซิร์ฟเวอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก” สำหรับการประมวลผลของ AI โดยมอบประสิทธิภาพที่สูงกว่า GPU H100 ถึง 30 เท่า

ด้วยสถาปัตยกรรม “rack-as-a-GPU” ที่เป็นนวัตกรรม โดย NVIDIA GB200 NVL72 ได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการประมวลผล AI ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมงานจะมีโอกาสได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนี้ด้วยตนเองและมีส่วนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของ GIGABYTE เพื่อกำหนดอนาคตของโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI

การประมวลผลประสิทธิภาพสูงกับความยั่งยืน

เพื่อเร่งวิวัฒนาการของ AI ให้เร็วขึ้น GIGABYTE กำลังกำหนดนิยามประสิทธิภาพการระบายความร้อนใหม่ด้วยโซลูชันการระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง (DLC) แบบครบวงจร ระบบที่ครอบคลุมนี้จะผสานรวมกับเซิร์ฟเวอร์ ชุดระบายความร้อนแบบกำหนดเอง และแร็คที่มีความเข้ากันได้อย่างราบรื่นกับ CDU จากผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น CoolIT และ Motivair ด้วยการจัดการกับข้อจำกัดของการระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิม GIGABYTE จึงรับประกันความหนาแน่นในการคำนวณที่เหมาะสมที่สุด ความเสถียรของระบบที่เพิ่มขึ้น และการทำงานที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานในศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัย

เซิร์ฟเวอร์ของ GIGABYTE ที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD, Intel และ NVIDIA รุ่นล่าสุด ใช้ประโยชน์จาก DLC เพื่อสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพที่ล้ำสมัยกับการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนและเปิดใช้งานเอาต์พุตการคำนวณที่สูงขึ้น โซลูชันเหล่านี้จึงตอบสนองกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความยั่งยืนในทั้งสองด้าน

ขับเคลื่อนการนำ AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์และนวัตกรรมแบบฝังตัว

ความเชี่ยวชาญของ GIGABYTE ในการออกแบบเมนบอร์ดทำให้ GIGABYTE กลายเป็นผู้เล่นหลักในการประมวลผลอุตสาหกรรมและการนำ AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ด้วยความร่วมมือกับ NVIDIA ช่วยให้ GIGABYTE นำเสนอระบบฝังตัวที่ขับเคลื่อนด้วยโมดูล Jetson Orin™ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ให้บริการด้านระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม การตรวจสอบด้วยแสงอัตโนมัติ (AOI) การตรวจจับข้อบกพร่อง การประมวลผลแบบเอจ และหุ่นยนต์ ในขณะเดียวกัน ซีรีส์ BRIX mini-PC ที่มีโปรเซสเซอร์พร้อมหน่วยประมวลผลนิวรอล (NPU) แบบบูรณาการ จะส่งมอบประสบการณ์ผู้ใช้ AI ขั้นสูงในดีไซนกะทัดรัด

เร่งความเร็วให้กับเทคโนโลยีอัตโนมัติ

การบรรจบกันของพลังการคำนวณและ AI กำลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าในเทคโนโลยีอัตโนมัติ รวมถึงรถยนต์ไร้คนขับ รถโดยสาร และยานยนต์ผิวน้ำไร้คนขับ (USV) โดย GIGABYTE ยังคงเป็นผู้บุกเบิกโซลูชันที่ชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้นในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และเทเลเมติกส์ ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ที่สำคัญ

การปฏิวัติประสบการณ์พีซีระดับไฮเอนด์

พีซี AI AORUS ของ GIGABYTE กำลังสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับเกมเมอร์และเหล่าบรรดามืออาชีพทั้งหลาย โดยนำเสนอคุณสมบัติต่างๆ เช่น:

AI Boost: การโอเวอร์คล็อกแบบไดนามิกสำหรับเซสชันการเล่นเกมที่เข้มข้น

AI Power Gear: การสลับ GPU อัจฉริยะเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ระหว่างการใช้งานมือถือ

AI Generator: ความสามารถ AI ที่สร้างได้บนอุปกรณ์เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ราบรื่น

ในงาน CES 2025 GIGABYTE ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยี กำหนดทิศทางของ AI ในอนาคต และนำเสนอโซลูชันที่ก้าวล้ำสำหรับระบบนิเวศการประมวลผล

เยี่ยมชมหน้ากิจกรรม CES ของ GIGABYTE ได้ที่ https://www.gigabyte.com/Events/CES

ข้อมูลผู้ติดต่อ

ข้อมูลผู้ติดต่อด้านสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE Technology

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Capcom ประกาศเปิดตัว Onimusha Way of the Sword ซึ่งเป็นเกมภาคใหม่เกมแรกในรอบกว่า 20 ปี! โปรเจกต์ภาคต่อของ Okami เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

Logo

โอซาก้า ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม 2024

Capcom Co., Ltd. (TOKYO:9697) ได้ประกาศในวันนี้ว่า Onimusha Way of the Sword ซึ่งเป็นเกมภาคใหม่เกมแรกในซีรีส์เกม Onimusha ในรอบกว่า 20 ปี มีกําหนดวางจําหน่าย ในขณะเดียวกันการทำงานในโปรเจกต์ภาคต่อของ Okami ก็เริ่มขึ้นเช่นกัน

Onimusha Way of the Sword (Graphic: Business Wire)

Onimusha Way of the Sword (กราฟิก: Business Wire)

ซีรีส์  Onimusha ประกอบด้วยเกมแอคชั่นที่ต่อสู้ด้วยดาบที่ผู้เล่นสวมบทบาทเป็นนักรบที่มีพลังเหนือมนุษย์อย่าง Oni และต่อสู้กับปีศาจที่มุ่งหมายจะครองโลก Onimusha Way of the Sword มีกําหนดวางจําหน่ายทั่วโลกในปี 2026 เป็นเกมดาร์กแฟนตาซีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น โดยมีฉากหลังเป็นเมืองเกียวโตในยุคเอโดะตอนต้น ซึ่งถูกเมฆหมอกแห่งความชั่วร้ายเปลี่ยนโฉมไปอย่างน่าขนลุก ในเกม ตัวเอกคือซามูไรผู้ครอบครอง Oni Gauntlet และเข้าร่วมในการต่อสู้ด้วยดาบครั้งยิ่งใหญ่กับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดจากนอกโลกที่รู้จักกันในชื่อ Genma Capcom หวังว่าผู้เล่นจะตั้งตารอเกมแอคชั่นที่ต่อสู้ด้วยดาบสุดตื่นเต้น ที่ผู้เล่นจะได้ฟันฝ่าฝูง Genma

นอกจากนี้ Capcom ได้เริ่มดำเนินการกับโครงการภาคต่อของ Okami แล้ว ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2006 และมีฉากเป็นโลกสไตล์ญี่ปุ่น ใน Okami ผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็น Amaterasu และออกผจญภัยเพื่อนําชีวิตกลับคืนมาในเกมแอคชั่นผจญภัยนี้ โปรเจกต์ใหม่นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่ของ Okami ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ว่าเป็นโลกที่ไม่เหมือนใคร การผจญภัยอันน่าตื่นเต้น และเรื่องราวที่อบอุ่นหัวใจ โปรเจกต์นี้ได้รับการพัฒนาร่วมกับผู้กํากับและสมาชิกของทีมพัฒนาจาก Okami ดั้งเดิม Capcom หวังว่าผู้เล่นจะตั้งตารอการอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่จาก Amaterasu และบริษัท

นอกเหนือจากการเปิดตัวเกมใหม่ที่สําคัญเป็นประจําทุกปีแล้ว Capcom ยังมุ่งเน้นไปที่ปลุก IP ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วงหลังๆ ขึ้นมาใหม่ บริษัทกําลังพยายามเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กรโดยใช้ประโยชน์จากไลบรารีเนื้อหาที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการนำ IP ในอดีตกลับมาใช้ใหม่ เช่น สองชื่อที่ประกาศไว้ข้างต้น เพื่อให้สามารถผลิตเกมที่มีประสิทธิภาพสูงและคุณภาพสูงได้อย่างต่อเนื่อง

Capcom ยังคงมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะตอบสนองความคาดหวังของผู้ใช้ทุกคน โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในการพัฒนาเกมชั้นนําของอุตสาหกรรม เพื่อสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่สนุกสนานอย่างยิ่ง

เกี่ยวกับ CAPCOM

Capcom เป็นผู้พัฒนา ผู้เผยแพร่ และผู้จัดจําหน่ายความบันเทิงแบบอินเทอร์แอคทีฟชั้นนําระดับโลกสําหรับเกมคอนโซล พีซี อุปกรณ์พกพา และอุปกรณ์ไร้สาย บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1983 และได้สร้างเกมหลายร้อยเกม รวมถึงแฟรนไชส์ที่ก้าวล้ำอย่าง Resident Evil™, Monster Hunter™, Street Fighter™, Mega Man™, Devil May Cry™ และ Ace Attorney™ Capcom มีการดําเนินงานในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และโตเกียว โดยมีสํานักงานใหญ่ตั้งอยู่ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Capcom ได้ที่ https://www.capcom.co.jp/ir/english/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54166378/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ของ Capcom

Daniel Levine

+81-6-6920-3623
daniel-levine@capcom.com

Yoshiko Ikeda

+81-6-6920-3623
yoshiko-ikeda@capcom.com

ที่มา: Capcom Co., Ltd..



Kao Corporation: ว่าด้วยเรื่องแถลงการณ์ผู้ถือหุ้น

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม 2024

บริษัท Oasis Management Company จำกัด (หลังจากนี้จะเรียกว่า “Oasis Management”) ซึ่งเป็นบริษัทด้านการจัดการการลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัทของเราได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับผู้สมัครเข้ารับตำแหน่งกรรมการที่จะมีการเสนอชื่อในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 119 ของเรา

คณะกรรมการและทีมผู้บริหารของบริษัท Kao มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นจากมุมมองในระยะยาวตามตามกลยุทธ์ทางธุรกิจของเรา เรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดของเราโดยตรงและในเชิงสร้างสรรค์เพื่อวัตถุประสงค์ในการเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กรของเรา และเรายินดีที่จะเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ ในการรับมือกับความท้าทายด้วย

Kao ได้พัฒนากระบวนการคัดเลือกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจได้ว่าเราจะสามารถจัดหาองค์คณะในคณะกรรมการบริหารของเราได้เหมาะสมที่สุด ในปีนี้นั้น คณะกรรมการตรวจสอบผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมการและสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลได้ใช้เวลาปรึกษาหารือถึงเรื่องนี้มากกว่า 6 ก่อนที่จะตัดสินใจในขั้นสุดท้าย และได้มีการตัดสินใจก่อนที่ Oasis Management จะเสนอชื่อบุคคลผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นกรรมการ

วันประกาศชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการและผู้ตรวจสอบบัญชีได้มีการกำหนดไว้ในวันที่ 2 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันประกาศชื่อเจ้าหน้าที่บริหารตามที่ยึดกันเป็นมาตรฐาน จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า David Muenz กรรมการซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารด้วยจะเกษียณจากตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ และจะยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการต่อไปจนกว่าจะมีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในเดือนมีนาคม

โดยที่ Oasis Manangement ได้รับการอธิบายให้ทราบถึงกระบวนการคัดเลือกของเราโดยละเอียดแล้ว นอกจากนี้ ในส่วนของผู้สมัครเป็นกรรมการบริษัทที่เราได้รับการเสนอชื่อจากบริษัทเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนมาโดยเฉพาะนั้น เรากำลังดำเนินการคัดกรองอย่างเหมาะสมตามกระบวนการคัดเลือกของคณะกรรมการตรวจสอบผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมการบริษัทและสมาชิกคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแล และเราได้แจ้งเรื่องนี้ไปยังทาง Oasis Management โดยตรงแล้ว อย่างไรก็ตาม การกล่าวอ้างเมื่อไม่นานมานี้ประกอบด้วยถ้อยแถลงที่ไม่ถูกต้อง เช่น คำกล่าวอ้างที่ว่า “กรรมการปฏิเสธที่จะโปร่งใส” “ข้อเสนอในการสัมภาษณ์ผู้สมัครของ Kao นั้น… เป็นการหลอกลวงอย่างชัดเจน” และคำกล่าวอ้างที่ว่า Kao “ได้ใช้วิธีการเสนอชื่อกรรมการที่ไม่สอดคล้องกับกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งบริษัทมหาชนคาดหวัง”

Oasis Management กล่าวอ้างว่า “Kao ได้ประกาศว่าได้มอบอำนาจให้กับฝ่ายบริหารอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น จึงเป็นการละทิ้งหน้าที่ในการกำกับดูแล” ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อถ้อยแถลงการณ์ในประกาศที่ Kao เผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม นี่จึงเป็นการสะท้อนถึงแนวทางปัจจุบันของเราในการมอบอำนาจภายในขอบเขตที่พระราชบัญญัติบริษัทของญี่ปุ่นบัญญัติไว้ ขณะเดียวกันก็เสริมหน้าที่ในการกำกับดูแลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ทั้งนี้ ไม่เป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อโครงสร้างการกำกับดูแลของเรา

Kao จะยังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามแนวทางการกำกับดูแลที่โปร่งใสและมีประสิทธิผลสูงต่อไป ในขณะเดียวกันก็จะดำเนินการตามกลยุทธ์แผนระยะกลาง K27 และพยายามทุกวิถีทางเพื่อเพิ่มมูลค่าองค์กร

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สื่อสามารถสอบถามได้โดยตรงที่:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
Kao Corporation
corporate_pr@kao.com

แหล่งข้อมูล: Kao Corporation

Descope และ 8×8 ร่วมมือกัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในประสบการณ์ของลูกค้า

Logo

การผสานรวม CPaaS API 8×8 ใหม่เข้ากับแพลตฟอร์ม การจัดการข้อมูลประจําตัวและการเข้าถึงลูกค้า (CIAM) แบบลากและวางของ Descope ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและปรับแต่งการเดินทางของผู้ใช้ได้อย่างง่ายดาย พร้อมมอบการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมที่สุด

แคมป์เบลล์ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2024

8×8, Inc. (NASDAQ: EGHT) แพลตฟอร์มสำหรับ CX ที่บูรณาการมากที่สุดในอุตสาหกรรมซึ่งรวม Contact Center, Unified Communication และ CPaaS APIs ประกาศความร่วมมือกับ Descope ในวันนี้ ในฐานะพันธมิตรแต่เพียงผู้เดียวในเอเชียแปซิฟิกของ Descope 8×8® จะผสานรวมแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลประจําตัวและการเข้าถึงลูกค้า (CIAM) แบบลากและวางของ Descope เข้ากับ CPaaS APIs ของ 8×8 ได้อย่างราบรื่น การผสานรวมนี้ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและปรับแต่งการเดินทางของผู้ใช้ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายผ่านเวิร์กโฟลว์ภาพที่ใช้งานง่ายของ Descope

การผสมผสานระหว่างความสามารถ 8×8 และ Descope ช่วยให้องค์กรมีโซลูชันที่สมบูรณ์ซึ่งสามารถมอบกระบวนการตรวจสอบสิทธิ์ที่สม่ำเสมอ ปลอดภัย และไร้ปัญหา เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น ด้วยการเพิ่มโซลูชันเวิร์กโฟลว์ภาพแบบไม่มีโค้ด/โค้ดน้อยที่ผสานรวมของ Descope 8×8 จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับแต่งการเดินทางของผู้ใช้และสร้างประสบการณ์การใช้งานแบบเฉพาะบุคคลได้ ตลอดจนปรับใช้กระบวนการเข้าสู่ระบบที่ทันสมัยได้อย่างง่ายดาย เช่น การเข้าสู่ระบบทางโซเชียล รหัสผ่าน รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (OTP) และลิงก์วิเศษ ซึ่งล้วนเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าการเข้าสู่ระบบแบบใช้รหัสผ่านแบบดั้งเดิม ทั้งในแง่ของความปลอดภัยและประสบการณ์ของผู้ใช้

“ความมุ่งมั่นของ 8×8 ต่อประสบการณ์ของลูกค้าและความเป็นเลิศของลูกค้า เป็นหนึ่งในเหตุผลสําคัญที่เราต้องการเป็นพันธมิตรกับพวกเขา” Rishi Bhargava ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ของ Descope กล่าว “สําหรับเรา นี่เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้เราสามารถผสมผสานการยืนยันตัวตนและการอนุญาตการเข้าถึงกับการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้ โดยมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นและปลอดภัยให้กับธุรกิจ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ 8×8 ในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งธุรกิจต่างๆ พร้อมที่จะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไปอีกระดับ”

องค์กรต่างๆ ที่ใช้ Descope ได้ลดจํานวนตั๋วสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการยืนยันตัวตนลง 50% และลดต้นทุนได้อย่างมาก (30-40 เท่า) โดยไม่จําเป็นต้องสร้างระบบการยืนยันตัวตนภายในองค์กร

“การยืนยันตัวตนและการอนุญาตการเข้าถึงที่ปลอดภัยจะต้องเป็นลำดับความสำคัญสูงสุดของของบริษัทอยู่เสมอ แต่ไม่จําเป็นต้องแลกกับประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า” Stephen Hamill ผู้จัดการทั่วไป CPaaS ที่ 8×8, Inc. กล่าว “ความร่วมมือของเรากับ Descope ช่วยให้องค์กรได้รับประสบการณ์ที่ปลอดภัย ราบรื่น และใช้งานได้ดีเยี่ยม ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ  ปลดล็อกศักยภาพของทุกปฏิสัมพันธ์ นอกจากนี้ ความสามารถของ Descope ยังช่วยเสริมและปรับปรุงโซลูชันการสื่อสารที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของเรา ช่วยให้มีส่วนร่วมได้อย่างชาญฉลาดและราบรื่นยิ่งขึ้นตลอดการเดินทางของลูกค้า”

8×8 CPaaS API ขับเคลื่อนฟังก์ชันทางธุรกิจที่สำคัญ เช่น การยืนยันตัวตนและการป้องกันการฉ้อโกง การตลาดและการสื่อสาร การสนับสนุนลูกค้า และการดําเนินงาน ด้วยการส่งข้อความแบบ Omnichannel ซึ่งรวมถึง SMS แอปส่งข้อความ เสียง และการโต้ตอบด้วยวิดีโอ  ทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการสื่อสารทางธุรกิจและประสบการณ์ของลูกค้าในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา เป็นองค์ประกอบหลักของแพลตฟอร์ม 8×8 สําหรับ CX ซึ่งรวมศูนย์ติดต่อ การสื่อสารแบบครบวงจร และ CPaaS APIs เข้าด้วยกันอย่างราบรื่น เพื่อช่วยให้องค์กรเชื่อมต่อลูกค้าและทีมทั่วโลก เสริมศักยภาพให้กับผู้นำ CX ด้วยประสิทธิภาพและข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อการตัดสินใจที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และขับเคลื่อนผลกระทบทางธุรกิจที่ยั่งยืน

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง 8×8 และ Descope รวมถึงโซลูชันทางธุรกิจแบบบูรณาการโดย:

ข้อควรระวังเกี่ยวกับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า รวมถึงข้อความที่เกี่ยวข้องกับการเปิดตัวความร่วมมือใหม่กับ Descope และการบูรณาการ Descope กับ API การสื่อสารของ 8×8 ผู้อ่านควรระวังว่าข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนซึ่งอาจทําให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือผลลัพธ์ที่แท้จริงของเราแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญจากที่แสดงไว้ในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าว ผู้อ่านควรอ่านรายงานตามระยะเวลาและรายงานอื่นๆ ของ 8×8 ที่ยื่นต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เพื่อทราบถึงคําอธิบายเกี่ยวกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าว ความเสี่ยงเหล่านี้อาจลดการเติบโตของธุรกิจ CX และโมเมนตัมของศูนย์ติดต่อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการทํากําไรของเรา 8×8 ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ

เกี่ยวกับ 8×8 Inc.

8×8, Inc. (NASDAQ: EGHT) เชื่อมโยงผู้คนและองค์กรต่างๆ ผ่านการสื่อสารที่ราบรื่นบนแพลตฟอร์มที่บูรณาการมากที่สุดในอุตสาหกรรมสําหรับประสบการณ์ลูกค้า โดยรวม Contact Center, Unified Communication และ CPaaS APIs ไว้ด้วยกัน แพลตฟอร์ม 8×8® สําหรับ CX ผสานรวม AI ในทุกระดับเพื่อช่วยให้การเดินทางของลูกค้าเป็นส่วนตัวขับเคลื่อนความเป็นเลิศในการดําเนินงานและข้อมูลเชิงลึก และอํานวยความสะดวกในการทํางานร่วมกันเป็นทีม เราช่วยให้ประสบการณ์ของลูกค้าและผู้นําด้านไอทีกลายเป็นหัวใจสําคัญขององค์กร เสริมศักยภาพให้พวกเขาปลดล็อกศักยภาพของทุกปฏิสัมพันธ์ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.8×8.com หรือติดตาม 8×8 บน LinkedIn, X และ Facebook

8×8 และโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ 8×8, Inc.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

8×8, Inc. ติดต่อ:

สื่อ:
PR@8×8.com

นักลงทุนสัมพันธ์:
Investor.Relations@8×8.com

ที่มา: 8×8, Inc.

NIQ Research พบทัศนคติที่ซ่อนเร้นของผู้บริโภคที่มีต่อโฆษณาที่สร้างโดย AI

Logo

งานวิจัยใหม่ที่จะนำเสนออย่างเป็นทางการที่งาน Consumer Electronics Show (CES) ปี 2025

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2024

ในขณะที่ AI ช่วยสร้างยังคงผลักดันขอบเขตของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ NielsenIQ (NIQ) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภคได้เปิดเผยงานวิจัยสร้างความฮือฮาใหม่เกี่ยวกับวิธีการที่สมองของผู้บริโภคประมวลผลโฆษณาที่สร้างโดย AI โดยงานวิจัยนี้มีผลกระทบที่สำคัญสำหรับผู้ลงโฆษณาที่ต้องรับมือกับโอกาสและความท้าทายของเทคโนโลยีเกิดใหม่นี้ NIQ จะพูดถึงผลการวิจัยนี้โดยคำนึงถึงกลุ่มวัยต่างๆ ใน CES 2025 เซสชั่นพาแนลที่มีชื่อว่า การปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง: การเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ในกลยุทธ์การโฆษณา ในวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม เวลา 10:00 น. ตามเวลาแปซิฟิก (PST)

Ramon Melgarejo ประธานฝ่ายการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์และข้อมูลเชิงลึกของ NIQ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานวิจัยนี้ไว้ว่า “แบรนด์และหน่วยงานต่างๆ กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วด้วยการใช้ประโยชน์จากเนื้อหาที่สร้างโดย AI ในการโฆษณาของตน แบรนด์และหน่วยงานเหล่านี้ต้องระมัดระวัง เพราะงานวิจัยของเราเปิดเผยว่าผู้บริโภคค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องความเป็นของแท้ของงานโฆษณา ทั้งในระดับโดยนัย (ไม่รู้สึกตัว) และระดับชัดเจน (รู้สึกตัว) แบรนด์จะต้องจัดลำดับความสำคัญกสรประเมินชิ้นงานโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเชิงลึกเพื่อสร้างโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ”

  การวิจัยที่สำคัญเกี่ยวกับโฆษณาที่สร้างโดย AI พบว่า:
  1. อิทธิพลเชิงลบต่อแบรนด์
    ผู้บริโภคสามารถระบุโฆษณาที่สร้างด้วย AI ได้ในทันที โดยมีความเห็นว่าโฆษณาเหล่านี้ไม่ค่อยน่าดึงดูด และให้ความรู้สึกว่า “น่ารำคาญ,” “น่าเบื่อ,” และ “ชวนให้สับสน” มากกว่าโฆษณาแบบดั้งเดิม ความรู้สึกเหล่านี้บ่งบอกว่าโฆษณาที่สร้างโดย AI อาจสร้างอิทธิพลเชิงลบที่อาจทำให้ผู้บริโภคมองทั้งโฆษณาและแบรนด์ในแง่ลบ

     
  2. การกระตุ้นความทรงจำที่อ่อน
    โฆษณาที่สร้างโดย AI แม้กระทั่งโฆษณาที่ถูกมองมี “คุณภาพสูง” ทำให้เกิดการกระตุ้นความทรงจำที่อ่อนในสมองเมื่อเทียบกับโฆษณาแบบดั้งเดิม การตอบสนองนี้บ่งบอกถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่างเนื้อหาและโครงสร้างความทรงจำที่มีอยู่ ซึ่งเป็นช่องว่างที่อาจขัดขวางแรงจูงใจในการดำเนินการของผู้บริโภค

     
  3. ข้อดีและข้อเสียในแง่ของการเสริมสร้างแบรนด์
    เดิมด้วยการดึงข้อมูลจากภาพและแนวคิดที่มีอยู่ก่อนแล้ว โฆษณาที่สร้างโดย AI สามารถเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับแบรนด์ที่มีอยู่ได้สำเร็จ แต่เมื่อรวมเข้ากับอิทธิพลเชิงลบต่อแบรนด์ ผลประโยชน์นี้อาจถูกกลบโดยการรับรู้เชิงลบแบบโดยรวม

     
  4. ภาพที่สร้างภาระทางการรับรู้
    งานภาพคุณภาพต่ำในโฆษณาที่สร้างโดย AI เพิ่มความพยายามทางการรับรู้ที่จำเป็นต้องใช้ในการประมวลผลโฆษณาเหล่านั้น ซึ่งเป็นการเบียงเบนความสนใจจากข้อความที่ต้องการสื่อ การดำเนินการคุณภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเล่าเรื่องที่มีประสิทธิภาพและการสื่อสารของแบรนด์

แนวโน้มที่เปลี่ยนแปลง

Marta Cyhan-Bowles ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารและหัวหน้าฝ่ายการตลาดทั่วโลกของ NIQ กล่าวว่า “งานในขณะที่ผู้โฆษณาทดลองกับ AI ช่วยสร้างเพื่อปรับปรุงการสร้างโฆษณาและลดค่าใช้จ่าย งานวิจัยนี้จะช่วยให้แนวทางที่สำคัญ” “แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยประสาทวิทยาศาสตร์ของเราเปิดเผยวิธีที่ผู้บริโภคประมวลผลเนื้อหาที่สร้างด้วย AI โดยไม่รู้ตัวและเน้นให้เห็นเส้นแบ่งระหว่างนวัตกรรมและความรู้สึกไม่สบายใจ”

Cyhan-Bowles เตือนว่าถึงแม้ว่า AI จะนำเสนอศักยภาพที่น่าตื่นเต้นสำหรับการสร้างแนวคิดในระยะแรกเริ่มและการทดสอบองค์ประกอบของแบรนด์ เนื้อหา AI ที่ดำเนินการได้ไม่ดีอาจทำลายคุณค่าแบรนด์ของคุณ แม้ว่าเทคโนโลยีเกิดใหม่นี้จะไม่มาแทนที่การสร้างโฆษณาแบบดั้งเดิมในทันที แต่ความสามารถของเทคโลยีนี้ก็ยังคงสามารถยกระดับกระบวนการสร้างสรรค์เมื่อนำไปผสานงานอย่างรอบคอบได้

นอกจากนี้ AI ยังขับเคลื่อนแระสิทธิภาพการตลาดในการพัฒนาสินค้าที่มุ่งเน้นไปที่ผู้บริโภคในระยะยาว โดยจะมอบข้อมูลเชิงลึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความชอบของลูกค้า AI กำลังอุดช่องว่างระหว่างธุรกิจและลูกค้าด้วยการยกระดับความเข้าใจในเรื่องความชอบของลูกค้า เครื่องมือใหม่ที่สร้างความฮือฮาอย่าง NIQ’s Ad Explorer กำลังช่วยให้นักการตลาดเพิ่มคุณค่าแบรนด์ด้วยการใช้ประโยชน์จากการรับรู้แบบไม่รู้สึกตัวของลูกค้าเพื่อจัดลำดับความสำคัญข้อมูลเชิงลึกความสร้างสรรค์ ทดสอบหลายเวอร์ชันของโฆษณา และทำให้ทันเวลาโดยไม่เสียคุณภาพ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัยโดยละเอียด ที่นี่ และติดตามสถานการณ์ในอนาคตในเรื่องของการโฆษณาที่สร้างโดย AI

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) คือบริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนำระดับโลก ซึ่งทำหน้าที่ส่งมอบความเข้าใจที่ครบถ้วนในเรื่องของพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและเปิดเผยเส้นทางใหม่ในการเติบโต NIQ โตรวมเข้ากับรวมเข้ากับ GfK ในปี 2023 ซึ่งเป็นการนำผู้นำอุตสาหกรรมทั้งสองที่มีการเข้าถึงระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้มาร่วมมือกัน ในวันนี้ NIQ นี้มีการปฏิบัติงานในกว่า 95 ประเทศ ครอบคลุม 97% ของ GDP ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลการค้าปลีกแบบครบวงจรและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครบถ้วนที่สุด ซึ่งนำเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัย NIQ ส่งมอบ Full View™

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.niq.com

เกี่ยวกับงานวิจัย NIQ

งานวิจัยมีผู้มีส่วนร่วมมากกว่า 2,000 คนที่ดูโฆษณาที่สร้างโดย AI ตั้งแต่คุณภาพต่ำไปจนถึงคุณภาพสูง โดยมีการวัดกิจกรรมสมองด้วยการใช้อิเล็กโทรเอนซาโลแกรม (EEG) สำหรับผู้มีส่วนร่วมประมาณ 150 คน หลังจากดูโฆษณา ผู้มีส่วนร่วมทุกคนจะถูกขอให้แบ่งปันข้อคิดเห็นอย่างชัดเจนผ่านแบบสำรวจ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Sweta Patra
sweta.patra@nielseniq.com

แหล่งที่มา: NielsenIQ

ผู้ก่อตั้ง Xsolla ชื่อ Shurick Agapitov เปิดตัวเกาะ Fortnite ที่มีชื่อว่า Once Upon Tomorrow: ประสบการณ์ดื่มด่ำที่แหวกแนวที่ทำให้จักรวาลของนวนิยายมีชีวิตขึ้นมา

Logo

ความท้าทายปากัวร์สุดเร้าใจพบกับเกมเพลย์เน้นเนื้อเรื่องในแผนที่ Fortnite Creative ใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Once Upon Tomorrow

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2024

Shurick Agapitov ผู้ก่อตั้ง Xsolla และมีวิสัยทัศน์ในอุตสาหกรรมเกม ภูมิใจที่จะประกาศการเปิดตัวเกาะ Fortnite ที่มีชื่อว่า Once Upon Tomorrow แผนที่ Fortnite Creative แบบดื่มด่ำนี้จะพาผู้เล่นเข้าสู่โลกแห่งเรื่องราวอันเข้มข้นจากนวนิยายของเขา ประสบการณ์สุดสร้างสรรค์นี้ ซึ่งพัฒนาด้วย Unreal Editor for Fortnite (UEFN) ผสานความท้าทายปากัวร์ความเร็วสูงเข้ากับองค์ประกอบเชิงลึกจากธีมของ Once Upon Tomorrow ได้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นการเชิญชวนผู้เล่นให้มาทดสอบทักษะของตนในขณะที่เดินทางผ่านทิวทัศน์อันสวยงามตระการตา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและการผจญภัยของตัวละครในหนังสือ

(Graphic: Xsolla)

(กราฟิก: Xsolla)

Shurick Agapitov ผู้ก่อตั้ง Xsolla กล่าวว่า “Once Upon Tomorrow ในโหมด Fortnite Creative เป็นวิธีการของเราในการขยายการเข้าถึงและความลึกของนวนิยาย ซึ่งจะเป็นการนำเสนอการผจญภัยแบบอินเทอร์แอคทีฟให้กับผู้เล่นซึ่งจะท้าทายทั้งทักษะและความเข้าใจที่ผู้เล่นมีต่อธีมของเนื้อเรื่อง” “เราออกแบบแผนที่นี้เพื่อดึงดูดผู้เล่นที่โหยหาความท้าทายที่ดีและทำให้ผู้เล่นเหล่านั้นดื่มด่ำไปกับโลกที่งดงามตระการตาและได้รับแรงบันดาลใจใกจากหนังสืออย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นการผจญภัยที่ใช้ความสามารถทางเทคนิคของ UEFN เพื่อยกระดับการเล่าเรื่องใน Fortnite ในลักษณะที่เปลี่ยนแปลงประสบการณ์การเล่นเกมอย่างแท้จริง”

Once Upon Tomorrow ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อผลักดันขอบเขตของ Fortnite Creative นำเสนอการผจญภัยปากัวร์แบบไดนามิกและขับด้วยเนื้อเรื่องซึ่งตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือและวิสัยทัศน์ของ Agapitov โดยแต่ละเส้นทางจะมีความท้าทายด้านความคล่องแคล่วต่างๆ ซึ่งต้องให้ผู้เล่นวิ่ง กระโดด และปีนด้วยความแม่นยำและความรวดเร็วในขณะที่ดื่มด่ำไปกับโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้นทางสายตาที่สะท้อนถึงธีมของความอดทนและการค้นพบที่เป็นหัวใจของหนังสือAgapitov ได้สร้างประสบการณ์ที่อยู่เหนือกว่าแผนที่ปากัวร์ดั้งเดิมโดยการผสมผสานเกมการเล่นเข้ากับการเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นการส่งมอบทั้งเกมการเล่นที่ตื่นเต้นและความเชื่อมโยงที่มีความหมายถึงโลกของนวนิยาย

Once Upon Tomorrow คือโปรเจ็คหนึ่งในโหมด Fortnite Creative ที่ผสานการปากัวร์ความเสี่ยงสูงเข้ากับการเล่าเรื่องที่ลึกซึ้ง แผนที่นี้เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงสิ่งที่สามารถทำได้ผ่านการใช้ UEFN ซึ่งนำเสนอประสบการณ์ที่น่าสนใจและมีหลายมิติซึ่งเป็นที่ดึงดูดสำหรับฐานผู้เล่นจำนวนมากของ Fortnite และแฟนๆ ของนวนิยายและประสบการณ์การเล่นเกมที่เต็มไปด้วยเนื้อเรื่องที่ ในทุกๆ ด้านของแผนที่นี้ ตั้งแต่กลไกเกมการเล่นที่เข้มข้นไปจนถึงการออกแบบที่ชวนดื่มด่ำและมีชีวิตชีวาถูกสร้างขึ้นเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในโหมด Fortnite Creative

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Once Upon Tomorrow และประสบการณ์โหมด Fortnite Creative ที่ชวนดื่มด่ำ โปรดไป xsolla.blog/outf

เกี่ยวกับ Shurick Agapitov

Shurick Agapitov คือผู้ก่อตั้ง Xsolla ผู้มีวิสัยทัศน์ผู้ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในวงการเกมเชิงพาณิชย์ในระดับโลก โดย Shurick Agapitov เป็นที่รู้จักในเรื่องของการมีส่วนร่วมในวงการเกม Web3 และเมตาเวิร์ส Agapitov ได้ขับเคลื่อน Xsolla ให้กลายเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญสำหรับนักพัฒนาเกมและผู้เผยแพร่ทั่วโลก ความอุทิศตัวของเขาที่มีให้กับการยกระดับประสบการณ์ดิจิทัลและอินเทอร์แอคทีฟนั้นมีการสะท้อนให้เห็นในการเปิดตัว Once Upon Tomorrow ซึ่งเป็นการขยายวิสัยทัศน์ของเขาให้กว้างออกไปเหนือกว่าหน้ากระดาษไปสู่โลกที่มีความไดนามิกของโหมด Fortnite Creative

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลกที่มีชุดเครื่องมือและบริการที่มีประสิทธิภาพและทรงพลังซึ่งออกแบบมาสำหรับอุตสาหกรรมเกมโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 Xsolla ได้ช่วยเหลือผู้พัฒนาเกมและผู้เผยแพร่ทุกขนาดหลายพันรายในการระดมทุน ทำการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมของพวกเขาทั่วโลกและบนหลายแพลตฟอร์ม ในฐานะผู้นำที่มีนวัตกรรมในวงการเกมเชิงพาณิชย์ ภารกิจของ Xsolla คือการแก้ไขปัญหาความซับซ้อนในตัวของการจัดจำหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลกเพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ของเราเข้าถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้มากขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับผู้เล่นเกมทั่วโลก Xsolla ซึ่งมีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานในลอนดอน เบอร์ลิน โซล ปักกิ่ง กัวลาลัมเปอร์ ราลี โตเกียว มอนทรีออล และเมืองต่างๆ ทั่วโลกสนับสนุนพาร์ทเนอร์วงการเกมชั้นนำอย่าง Valve, Twitch, Epic Games, Take-Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo, และอื่นๆ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/54165850/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ติดต่อสื่อสาร
Derrick Stembridge
ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ระดับโลก, Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

แหล่งที่มา: Xsolla

The Bangkok Reporter