ผู้ชนะการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ได้รับการยอมรับในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางสังคมและการมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมแฟชั่น

Logo

คณะกรรมการตัดสินซึ่งรวมถึง changemaker Yara Shahidi และ Mr. Tommy Hilfiger ได้มอบรางวัลมูลค่า 200,000 ยูโรและแพ็คเกจรางวัลการให้คำปรึกษาแก่บริษัทสตาร์ทอัพชาวรวันดาและชาวดัตช์ เพื่อสนับสนุนความพยายามในการพลิกโฉมภูมิทัศน์แฟชั่น

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–14 มกราคม 2565

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นเจ้าของโดย PVH Corp. [NYSE: PVH] ยินดีที่จะประกาศให้ Lalaland และ UZURI K&Y เป็นผู้ชนะการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นโปรแกรมระดับโลกที่ออกแบบมาเพื่อค้นหาและสนับสนุนแนวคิดที่นำไปสู่ภูมิทัศน์แฟชั่นที่ครอบคลุมมากขึ้น งานเสมือนจริงรอบสุดท้ายของโปรแกรมได้จัดขึ้นในวันที่ 12-13 มกราคม โดยผู้เข้ารอบ 6 คนสุดท้ายได้นำเสนอแนวคิดของตนต่อคณะกรรมการอันทรงเกียรติ ผู้ชนะจะแบ่งปันเงินรางวัลมูลค่า 200,000 ยูโร และได้รับคำปรึกษาเป็นเวลาหนึ่งปีกับผู้เชี่ยวชาญภายในจาก Tommy Hilfiger และจาก INSEAD หนึ่งในโรงเรียนธุรกิจระดับบัณฑิตศึกษาชั้นนำและใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขายังได้รับตำแหน่งในโปรแกรม INSEAD ที่นำผู้คน วัฒนธรรม และความคิดมารวมกันเพื่อปลูกฝังผู้นำที่มีนวัตกรรม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220113005825/en/

Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge (Photo: Business Wire)

Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge (ภาพ: Business Wire)

สตาร์ทอัพและสเกลอัพมากกว่า 430 รายจาก 22 ประเทศส่งแนวคิดของพวกเขาในเดือนมกราคม 2564 สำหรับความคิดริเริ่มนี้ ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ในเรื่อง Waste Nothing and Welcome All โปรแกรมในปีนี้มุ่งมั่นที่จะขยายและสนับสนุนผู้ประกอบการคนผิวดำ ชนพื้นเมือง และคนผิวสี (BIPOC) ที่ทำงานเพื่อพัฒนาชุมชนของตน ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมอนาคตที่ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่น นับเป็นครั้งแรกที่แฟน ๆ ของแบรนด์ TOMMY HILFIGER สามารถเข้าร่วมในช่วงเริ่มต้นของความท้าทาย โดยที่พวกเขาลงคะแนนเสียงแบบดิจิทัลเพื่อช่วยจำกัดการใช้งานให้แคบลงเพื่อระบุผู้เข้ารอบสุดท้าย นอกเหนือจากผู้ร่วมงานของ Tommy Hilfiger ในงานรอบชิงชนะเลิศแล้ว พวกเขายังได้รับเชิญให้ลงคะแนนเสียงสำหรับแนวคิดที่ชื่นชอบของพวกเขาเพื่อมอบรางวัลเพิ่มอีก 15,000 ยูโรให้กับหนึ่งในผู้เข้ารอบสุดท้าย

“ความท้าทายที่เพิ่มขีดความสามารถนี้นำพาผู้ที่มีความกระตือรือร้นและขยันหมั่นเพียรด้วยแนวคิดใหม่ ๆ เกี่ยวกับวิธีสร้างอนาคตของแฟชั่นที่เราทุกคนตั้งตารอ” Tommy Hilfiger กล่าว “ทั้งนี้เป็นงานรอบชิงชนะเลิศที่น่าประทับใจ และผมภูมิใจที่ได้เดินทางต่อร่วมกับผู้ประกอบการที่นำเสนอโซลูชั่นที่ก้าวล้ำและสร้างผลกระทบซึ่งท้าทายวิธีที่เราคิด สร้าง และรังสรรค์”

Lalaland เป็นแพลตฟอร์มจากเนเธอร์แลนด์ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างแบบจำลองสังเคราะห์ที่ปรับแต่งและครอบคลุมของชาติพันธุ์ที่แตกต่าง โดยได้รับรางวัลมูลค่า 100,000 ยูโร Michael Musandu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Lalaland กล่าวว่า “การสร้างเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้นนั้นเป็นหัวใจสำคัญของวิสัยทัศน์ของเราที่ Lalaland” “การเป็นส่วนหนึ่งของ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge นำมาซึ่งข้อมูลเชิงลึกที่น่าเหลือเชื่อ และจะยกระดับโซลูชัน A.I. เพื่อเข้าถึงผู้คนมากกว่าที่เราจะจินตนาการได้ จากการมอบความสำเร็จนี้ ทีมงานของเราแทบรอไม่ไหวที่จะเพิ่มขีดความสามารถของประสบการณ์การชอปปิงออนไลน์ที่เป็นมิตร ที่ไม่มีผู้บริโภครายใดรู้สึกว่าเป็นคนกลุ่มน้อย”

UZURI K&Y แบรนด์รองเท้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากรวันดาใช้ยางรถยนต์รีไซเคิลจากจากแอฟริกาใต้สะฮารา และจ้างงานเยาวชนในท้องถิ่น โดยได้รับรางวัล 100,000 ยูโรเช่นกัน “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ชนะการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge” Kevine Kagirimpundu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ UZURI K&Y กล่าว “ด้วยโอกาสนี้ได้ให้คำปรึกษา คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ และทำให้เรามีเวทีในการแบ่งปันความฝันในการนำเสนอทางเลือกของรองเท้าที่ยั่งยืนจากแอฟริกาสู่ตลาดโลก เราทุ่มเทเพื่อผลักดันผลกระทบที่แท้จริงและสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในวันนี้เพื่อสร้างอนาคตที่สะอาดขึ้น”

Clothes to Good เป็นกิจการเพื่อสังคมจากแอฟริกาใต้ที่สร้างโอกาสทางธุรกิจขนาดเล็กและงานสำหรับคนพิการผ่านการรีไซเคิลสิ่งทอ โดยได้รับรางวัล 15,000 ยูโร “เรารู้สึกมีความสุขที่ได้รับการยอมรับจากผู้ชม Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge มันเป็นประสบการณ์ที่เราจะไม่มีวันลืม” Tammy Greyling ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและนักอาชีวบำบัดของ Clothes to Good กล่าว “เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่รู้ว่าคนอื่นเชื่อในความฝันของเราที่จะสร้างความแตกต่างให้กับคนพิการและครอบครัวอย่างแท้จริง การได้รับรางวัลนี้จะช่วยให้ Clothes to Good สามารถสร้างธุรกิจขนาดเล็กและโอกาสในการทำงานต่อไปผ่านการรีไซเคิลสิ่งทอจากชุมชนแอฟริกาใต้"

กรรมการตัดสินที่ดูแลงาน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge รอบชิงชนะเลิศได้แก่:

  • Mr. Tommy Hilfiger
  • Martijn Hagman ซีอีโอของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe
  • Yara Shahidi นักแสดงหญิงที่ได้รับรางวัล โปรดิวเซอร์ และผู้นำการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
  • Esther Verburg, รองกรรมการผู้จัดการ (EVP) ธุรกิจและนวัตกรรมที่ยั่งยืนของTommy Hilfiger Global และ PVH Europe
  • Adrian Johnson, Entrepreneur ผู้ประกอบการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการเป็นผู้ประกอบการ เทคโนโลยีและสื่อที่ INSEAD
  • Katrin Ley กรรมการผู้จัดการของ Fashion for Good และผู้ก่อตั้ง Curator of the Amsterdam Global Shapers Hub
  • Yvonne Bajela สมาชิกผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทการลงทุน Impact X Capital

การสมัครสำหรับรอบที่สี่ของ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge จะเปิดรับในเดือนมีนาคม 2565 ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถรับข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อลงทะเบียนได้ที่นี่: https://platform.younoodle.com/competition/thffc_2022

พันธกิจของ Tommy Hilfiger คือการเป็นบริษัทด้านไลฟ์สไตล์ดีไซน์เนอร์ที่ยั่งยืนชั้นนำ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ Wastes Nothing and Welcomes All ผ่านวิธีการสร้างผลิตภัณฑ์ จัดการการดำเนินงาน และเชื่อมต่อกับชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางสู่ความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ซึ่งขับเคลื่อนโดยกลยุทธ์ Forward Fashion ของ PVH ได้ที่ https://responsibility.pvh.com/tommy/

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ได้ที่นี่: https://responsibility.pvh.com/tommy/fashion-frontier-challenge/

ขอเชิญเพื่อน ๆ และผู้ติดตามแบรนด์เข้าร่วมการสนทนาบนโซเชียลมีเดียโดยใช้ #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger

TOMMY HILFIGER ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ดีไซน์เนอร์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชันเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชันเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมถึงชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ Tommy Hilfiger ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกที่เชื่อมต่อกับผู้บริโภคในกว่า 40 ประเทศ แบรนด์ที่เป็นสัญลักษณ์ระดับโลกของเรา ได้แก่ Calvin Klein  และ  TOMMY HILFIGER  ประวัติความเป็นมาเวลา 140 ปีของเราได้สร้างขึ้นจากความแข็งแกร่งของแบรนด์ ทีมงานของเรา และความมุ่งมั่นของเราในการขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้าได้ตลอดไป และทั้งหมดนี้คือพลังของเรา คือพลังของ PVH

ติดตามเราบน FacebookInstagramTwitter และ LinkedIn

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220113005825/en/

ติดต่อ:

สื่อ Tommy Hilfiger
Virginia Ritchie
รองประธานฝ่ายสื่อสารระดับโลก (Vice President, Global Communications)
อีเมล: virginia.ritchie@tommy.com
โทร: +31 6 4318 4870

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย






Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ฉลองเหตุการณ์สำคัญส่งท้ายปี 2564

Logo

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–8 มกราคม 2565

Mary Kay Inc. บริษัทพัฒนาผู้ประกอบการระดับโลกและผู้สนับสนุนด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและความยั่งยืนขององค์กร เปิดเผยเหตุการณ์ที่สำคัญส่งท้ายปี 2564 Mary Kay Inc. ได้สานต่อคำมั่นสัญญาที่ยาวนานหลายทศวรรษในการทำให้ชีวิตของผู้หญิงทั่วโลกให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และสร้างชุมชนให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220107005500/en/

Mary Kay was named a Silver Globee® Winner in 3 categories at the 13th Annual 2021 Golden Bridge Business and Innovation Awards. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay ได้รับรางวัล Silver Globee® จาก 3 หมวดหมู่ในงาน Golden Bridge Business and Innovation Awards ประจำปี 2564 ครั้งที่ 13 (ภาพ: Mary Kay Inc.)

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำเร็จในปี 2564 ของ Mary Kay ในรายงานนี้

เหตุการณ์สำคัญส่งท้ายปี 2564

ความเป็นเลิศทางธุรกิจ

  • Mary Kay ได้รับ 58 รางวัลและเกียรติยศในปี 2564 ซึ่งรวมถึง: การรับมือกับโควิด (22 รางวัล) การยกย่องจากพันธมิตรในรายงานผลกระทบทางสังคม/รายงานประจำปี (4) ผู้บริหารของ Mary Kay ได้รับการยอมรับในด้านความเป็นผู้นำ (7) ความเป็นเลิศทางธุรกิจ (10) และสารคดีที่ได้รับรางวัล (4 รางวัล; 5 เรื่องคัดเลือก) นอกจากนี้ Mary Kay และ/หรือ Mary Kay Ash ผู้ก่อตั้งที่เป็นสัญลักษณ์ของบริษัท ยังได้แสดงไว้ในหนังสือ Harvard Business Case Studies 2 ฉบับ หนังสือเรียน 3 เล่ม และรายงานการวิจัย 1 ฉบับ
  • ประกาศแต่งตั้ง Wendy Wang เป็นประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยร้อยละ 54 ของทีมผู้บริหารทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง
  • ฉลองครบรอบตลาดของ Mary Kay: Mary Kay ลิทัวเนีย (10 ปี) และ Mary Kay เยอรมนี (35 ปี)
  • ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในนายจ้างขนาดกลางที่ดีที่สุดในอเมริกาประจำปี 2564 (America's Best Mid-Sized Employers 2021) โดยนิตยสาร Forbes

Mary Kay Global Design Studio & Digital Innovation เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

  • Mary Kay Global Design Studio และ Glamhive ได้ประกาศในรายการเรียลลิตี้โชว์ของ TikTok ระดับโลกครั้งแรกตามสไตล์โดย Step & Repeat การประกวดแสดงความสามารถด้านห้องเสื้อผ้า การแต่งหน้า และทรงผมจากผู้ใช้ TikTok ทั่วโลก ผู้เข้าร่วมได้แสดงความสามารถของตนจากกว่า 30 ประเทศ และแคมเปญที่เป็นนวัตกรรมดังกล่าวได้นำเสนอใน UK Daily Mail, The Daily Front Row และ Vogue Business ซึ่งเน้นย้ำถึงแนวทางที่เป็นนวัตกรรมในการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ค่อนข้างใหม่
  • เปิดตัว Suite 13 ซึ่งเป็นประสบการณ์ด้านความงามที่ใช้ความเป็นจริงเสมือนเพื่อแปลงโฉมโชว์รูมเสมือนจริงแห่งแรกของบริษัทในรูปแบบดิจิทัล Mary Kay MirrorMe™ สำหรับการแต่งหน้าเสมือนจริง และแอป Mary Kay® Skin Analyzer เพื่อสแกนใบหน้าของคุณสำหรับกิจวัตรประจำวันในการดูแลผิวที่ปรับแต่งได้
  • เฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีในการร่วมมือกับ Luis Casco แอมบาสเดอร์ความงามระดับโลก

วิทยาศาสตร์เบื้องหลังแห่งความงาม

  • เปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Clinical Solutions™ ซึ่งประกอบด้วย Mary Kay Clinical Solutions™ Retinol 0.5 และ Mary Kay Clinical Solutions™ Calm + Restore Facial Milk และได้รับการรับรองของสภาแพทย์ผิวหนัง
  • Dr. Michelle Hines, Ph.D. ผู้อำนวยการด้านการกำหนดสูตรผลิตภัณฑ์ของ Mary Kay ได้รับการประกาศให้เป็นประธานเลือกของสมาคมนักเคมีเครื่องสำอาง (SCC)
  • ในความร่วมมือกับ Society for Investigative Dermatology (SID) ได้ประกาศเงินช่วยเหลือด้านสุขภาพ/โรคผิวหนัง เงินช่วยเหลือจะมอบให้กับนักวิจัยที่ทำการศึกษานวัตกรรมด้านสุขภาพผิวหนังและโรคผิวหนังที่แปลกใหม่เพื่อค้นพบมุมมองใหม่และกลยุทธ์การหนุนเสริม
  • ประกาศรายชื่อผู้ได้รับทุนสนับสนุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์หลายทุน รวมถึง Society of Cosmetic Chemists และ Mary Kay Inc. – Madam CJ Walker Scholarships เพื่อสนับสนุนนักศึกษาชนกลุ่มน้อยที่ด้อยโอกาสซึ่งกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีหรือบัณฑิตสาขาเคมี กายภาพ การแพทย์ เภสัชกรรม ชีวภาพ หรือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และมอบทุน Girls in STEAM จำนวนห้าทุนให้กับเยาวชนหญิงที่กำลังมีส่วนร่วมในการวิจัยเชิงนวัตกรรม ผู้รับปี 2564 ได้แก่ Mylana Brodovska จากยูเครน; Selin Alara Ornek จากตุรกี; Jordan Reeves จากสหรัฐอเมริกา; Ivanna Hernandez จากโคลอมเบีย; และAllie Weber จากสหรัฐอเมริกา
  • เปิดตัวงานวิจัยในการประชุมด้านวิทยาศาสตร์เสมือนจริงหลายครั้ง งานวิจัยนี้รวมถึง: แบ่งปันงานวิจัยเกี่ยวกับกระบวนการปรับสภาพผิวแบบค่อยเป็นค่อยไปซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานต่อเรตินอลที่บริสุทธิ์ที่มีความเข้มข้นสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ยังคงมอบคุณประโยชน์ต่อผิวที่สำคัญของเรตินอล นำเสนอข้อค้นพบสำหรับการใช้เฉพาะเรตินอลที่บริสุทธิ์เพื่อปรับปรุงจุดด่างดำที่เกิดจากการอักเสบของผิวในประชากรชาวเอเชีย และกลไกการปรับที่สัมพันธ์กับการทำงานของผิวชั้นนอกสุดที่ถือเป็นปราการปกป้องผิวในการช่วยบรรเทา 2 ความกังวลทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับผิวแพ้ง่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลกระทบทางสังคม/ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร (CSR)

  • ในปี 2564 Pink Changing LivesSM ทั่วโลกของ Mary Kay ได้ก่อให้เกิดโปรแกรมเสริมพลังสนับสนุนองค์กรนอกภาครัฐกว่า 15 แห่งทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2551 โปรแกรมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่า 6 ล้านคนและครอบครัวโดยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ กว่า 3,000 แห่ง ด้วยเงินบริจาคกว่า 16 ล้านดอลลาร์
  • Mary Kay จีน: มณฑลเหอหนานของจีนได้รับผลกระทบจากอุทกภัยรุนแรงเนื่องจากน้ำท่วม ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 ราย สูญหายอีก 8 ราย อพยพผู้คน 200,000 ราย ผู้คนที่ได้รับผลกระทบ 3 ล้านคน และการสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยตรงอยู่ที่ประมาณ 1.22 พันล้านหยวน Mary Kay จีน บริจาคผลิตภัณฑ์มูลค่า 1 ล้านหยวนให้กับสหพันธ์การกุศลมณฑลเหอหนาน
  • Mary Kay เยอรมนี: น้ำท่วมในยุโรปส่งผลกระทบต่อเยอรมนี ออสเตรีย เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ และติดอันดับภัยอันตรายทางธรรมชาติที่ทำลายล้างมากที่สุดในยุโรปเหนือ Mary Kay เยอรมนีให้คำมั่นในการบริจาคเงิน 100,000 ยูโรเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
  • Mary Kay สเปน: ในปี 2563-64 ร่วมมือกับ Fundación Vicente Ferrer เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพแก่เด็กและครอบครัวในอินเดีย ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 (ในปี 2561) Mary Kay สเปนได้ให้เงินสนับสนุนในการสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กในหมู่บ้านปากาดาลาวาริปัลลิ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตกาดิริ (อนันตปูร์) ของอินเดีย

การส่งเสริมพลังของผู้หญิง

  • ประกาศความมุ่งมั่นในการพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศโดยเผยแพร่เอกสารแสดงจุดยืนต้อนรับกลยุทธ์ความเท่าเทียมทางเพศของคณะกรรมาธิการยุโรปสำหรับปี 2563 – 2568 และโดยการเข้าร่วมการประชุมยุคสมัยแห่งความเท่าเทียม (Generation Equality Forum) ในปารีสและ 5 แนวร่วมปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเร่งความเท่าเทียมทางเพศภายในปี 2569
  • ในความร่วมมือกับองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women), องค์การแรงงานระหว่างประเทศ(ILO) & WE Empower ได้มีการเผยแพร่เรื่อง “เสริมสร้างการสนับสนุนสำหรับผู้ประกอบการสตรีในการตอบสนองและการฟื้นตัวของโควิด-19 หรือ Strengthening Support for Women Entrepreneurs in COVID-19 Response and Recovery” ที่คณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (CSW65)
  • Mary Kay และมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้รับการยอมรับในรายงานของหน่วยงานสหประชาชาติเพื่อความเท่าเทียมทางเพศและการส่งเสริมพลังของผู้หญิงในกิจกรรมของกองทุนแห่งสหประชาชาติเพื่อสนับสนุนการดำเนินการเพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงต่อคณะกรรมาธิการว่าด้วย สถานภาพสตรี (CSW65) และสภาสิทธิมนุษยชน

ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI)

  • ประกาศร้อยละ 100 ตำแหน่งผู้อำนวยการขึ้นไปที่ประจำในสหรัฐฯ เสร็จสิ้นการฝึกอบรมอคติใต้สำนึกภาคบังคับ
  • เปิดเผยความหลากหลายทางเพศในข้อมูลสถานที่ทำงาน: ร้อยละ 54 ของทีมผู้บริหารทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง; ร้อยละ 61 ของพนักงานทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง และร้อยละ 54 ของตำแหน่งรองประธานขึ้นไปเป็นผู้หญิง; ร้อยละ 59 ของตำแหน่งผู้อำนวยการขึ้นไปเป็นผู้หญิง
  • ในความร่วมมือกับ Equal Rights Trust พันธมิตรระดับโลก ได้ประกาศเปิดตัวการวิจัยเชิงนวัตกรรมเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในอัลกอริทึมและปัญญาประดิษฐ์ที่มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับความเท่าเทียมและผลกระทบทางเพศของระบบอัลกอริทึมที่นำเสนอโดย Mary Kay

ความยั่งยืน

  • ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลก: เติมเต็มชีวิตในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน แนวทางแบบองค์รวมของเราครอบคลุมเสาหลักสามประการของความยั่งยืน—เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม—ผ่านเสาหลัก 5 ประการ โดยกระตุ้นด้วยความมุ่งมั่น 15 ประการเพื่อส่งมอบทศวรรษแห่งการดำเนินการที่ยั่งยืน
  • เป็นผู้ลงนามในสาเหตุสำคัญสองประการในการปกป้องน่านน้ำของโลก: CEO Water Mandate และหลักการฟื้นฟูมหาสมุทรอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations Global Compact’s Sustainable Ocean Principles
  • เข้าร่วมมูลนิธิ Ellen MacArthur Foundation ในฐานะสมาชิกของเครือข่าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการเป็นธุรกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
  • Mary Kay เปิดตัวสารคดีเรื่องที่สอง Forest of Hope ในเดือนตุลาคมระหว่างการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติปี 2564 (COP26) สารคดีดังกล่าวเน้นย้ำถึงผลงานของ Angelica นักต่อสู้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในวัย 70 ​​ปี และผู้นำกลุ่มผู้ประกอบการสตรีที่มุ่งมั่นในการรักษาป่าไม้ของเมืองมอนเตร์เรย์
  • ด้วยความร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation ในการริเริ่ม Time for Trees® initiative ได้ประกาศบรรลุความมุ่งมั่นในการปลูกต้นไม้ 100 ล้านต้นและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ปลูกต้นไม้รายใหม่ 5 ล้านคนภายในเดือนเมษายน 2565 ซึ่งสำเร็จลุล่วงไปหนึ่งปีก่อนกำหนด
  • Mary Kay ร่วมมือกับ Nature Conservancy มาตั้งแต่ปี 2534 ทั้งนี้ในปี 2564 Mary Kay สนับสนุนเจ็ดโครงการในหมู่เกาะโซโลมอน ออสเตรเลียตอนเหนือ นิวซีแลนด์ เขตชนบทของจีน เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และแคนาดา

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 60 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay Inc. ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกาย – และนำพาสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ www.MaryKayGlobal.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220107005500/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc.
Global Communications
newsroom.marykay.com
+1 972.687.5332
media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย





AJC จะจัด “สัมนาการท่องเที่ยว BIMP-EAGA – ข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มของตลาดญี่ปุ่นหลังโควิด-19” ในวันที่ 12 มกราคม 2565

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–06 ม.ค. 2565

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) จะจัดสัมมนาผ่านเว็บสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการท่องเที่ยวในบรูไน ดารุสซาลาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เขตพัฒนาอาเซียนตะวันออกหรือ BIMP-EAGA ในวันพุธที่ 12 มกราคม 2565  การสัมมนาผ่านเว็บนี้ออกแบบมาเพื่อนำเสนอ ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับตลาดการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นและแนะนำวิธีการส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวของ BIMP-EAGA ให้กับประเทศญี่ปุ่น

BIMP-EAGA เปิดตัวในปี 2537 เพื่อกระตุ้นการพัฒนาในพื้นที่ห่างไกลและด้อยพัฒนาในสี่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วม  ประเทศเหล่านี้อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของประเทศในเชิงภูมิศาสตร์ แต่ก็อยู่ใกล้กันในเชิงกลยุทธ์  รัฐและจังหวัดเหล่านี้มีสัดส่วนมากกว่า 60% ของพื้นที่แผ่นดินของประเทศ BIMP-EAGA แต่พวกเขาคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 20% ของประชากรและ 18% ของกำลังแรงงาน

ห้าเสาหลักเชิงกลยุทธ์ของ BIMP-EAGA VISION 2025 ได้แก่ ความเชื่อมโยง ตะกร้าอาหาร สิ่งแวดล้อม และสังคมวัฒนธรรมและการศึกษา และการท่องเที่ยว  AJC ได้จัดการประชุมสัมมนาที่มุ่งเน้นไปที่สี่เสาหลักข้างการท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2564 โดยการสัมมนาผ่านเว็บเกี่ยวกับการท่องเที่ยวนี้จะครอบคลุมเสาหลักเชิงกลยุทธ์ทั้งหมดของวิสัยทัศน์

การสัมมนาผ่านเว็บด้านการท่องเที่ยวที่กำลังจะจัดขึ้นจะนำเสนอข้อมูลอัปเดตและแนวโน้มที่น่าสนใจของตลาดญี่ปุ่น เช่น ความรู้สึกของผู้บริโภคนักเดินทางชาวญี่ปุ่น และมุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดแข็งของภูมิภาค พร้อมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตลาดดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

การสัมมนาผ่านเว็บเกี่ยวกับการท่องเที่ยว BIMP-EAGA

-ข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มของตลาดญี่ปุ่นหลังโควิด-19-

วันที่/เวลา:

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 15:00น. – 17:00น. (เวลาประเทศญี่ปุ่น)

สถานที่:

Zoom

โปรแกรม:

เปิดงาน

  • Dr. Kunihiko Chris Hirabayashi , เลขาธิการศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น
  • Mr. Shu Kawano ผู้อำนวยการ กรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สอง กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น
  • Ms. Salinah Md. Salleh รักษาการอธิบดีกรมการท่องเที่ยว บรูไนดารุสซาลาม/ประธานศูนย์พัฒนาการท่องเที่ยว BIMP-EAGA

การนำเสนอ

  1. นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมองประเทศ BIMP อย่างไร?
    – อ่านแนวโน้มผ่านการสำรวจการรับรู้ถึงการเดินทางในอาเซียน1
    วิทยากร: Ms. Haruna Chinzei, Account Manager, Marketing Voice Ltd.
     
  2. บทใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศหลังโควิด 19
    – กรณีของญี่ปุ่นและอื่น ๆ –
    วิทยากร: คุณ Masaru Takayama ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเอเชีย
     
  3. วิธีดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นด้วยการตลาดดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ
    วิทยากร: Mr. Kei Shibata, ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Venture Republic – TRAVEL jp & Trip101

ผู้จัดงาน:

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

องค์กรสนับสนุน:

ศูนย์อำนวยการ BIMP-EAGA

ภาษา:

อังกฤษ

ค่าลงทะเบียน:

ฟรี

กรุณาลงทะเบียนจากลิงค์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วม: https://bit.ly/3rLorpu

(คลิกที่ “ภาษาอังกฤษ” ที่มุมบนขวาของเว็บไซต์)


1แบบสำรวจความตระหนักด้านการเดินทางของอาเซียนจัดทำโดย AJC ในเดือนมกราคม 2564 สำหรับชาวญี่ปุ่นใน 20s-60s. รายงานอาเซียน (โดยรวม) และข้อมูลสมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศมีอยู่ในเว็บไซต์ AJC ที่ด้านล่างของ URL ต่อไปนี้: https://www.asean.or.jp/en/tourism-info/20210617/

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220105006054/en/

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC)

ติดต่อ:

Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean. or.jp/en/
โทร: +81-3-5402-8118
อีเมล: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การเฉลิมฉลองนับถอยหลังสู่ปีใหม่ของฮ่องกงต้อนรับปี 2022 ด้วยการแสดงศิลปะอันตระการตาครั้งแรกทั่วทั้งอ่าววิคตอเรีย

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–4 มกราคม พ.ศ. 2565

อ่าววิคตอเรียอันโด่งดังของฮ่องกงสว่างไสวเป็นพิเศษในขณะที่เมืองนี้ส่งเสียงดังก้องในปี 2022 โดยนำฉากศิลปะที่เฟื่องฟูมาสู่เวทีกลางระดับโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211231005124/en/

Hong Kong rang in 2022 with an arts spectacular highlighted by a special edition of A Symphony of Lights, which lit up the city’s iconic skyline with searchlights, lasers and pyrotechnic effects. (Photo: Business Wire)

ฮ่องกงส่งเสียงดังก้องในปี 2022 ด้วยงานศิลปะที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยเน้นที่การแสดง A Symphony of Lights ฉบับพิเศษ ซึ่งส่องสว่างของเส้นขอบฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองด้วยแสงจากไฟฉาย แสงเลเซอร์ และเอฟเฟกต์พลุดอกไม้ไฟ (ภาพ: Business Wire)

เมื่อเวลา 23:59 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ไฟ LED สูง 65.8 เมตรตกแต่งบนฟาซาดของ M+ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมทางสายตาร่วมสมัยระดับโลกแห่งแรกของเอเชียในเขตวัฒนธรรมเกาลูนตะวันตกได้เปลี่ยนเป็นนาฬิกานับถอยหลังที่เดินทางข้ามเมืองอันอุดมสมบูรณ์ของฮ่องกง

เมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน การแสดงมัลติมีเดียฉบับพิเศษที่ชื่อว่า A Symphony of Lights จะนำเสนอวิชวลเอฟเฟกต์อันตระการตาทั่วเส้นขอบฟ้าอันโด่งดังของฮ่องกง พร้อมด้วยพลุดอกไม้ไฟบนชั้นดาดฟ้าและเอฟเฟกต์แสงสีที่เปิดตัวตามระดับความสูงต่าง ๆ พร้อมคำอวยพรวันปีใหม่ใน 15 ภาษา บนฟาซาดของพิพิธภัณฑ์ M+ พร้อมส่งคำอวยพรอย่างจริงใจไปยังที่อื่น ๆ ของโลก

มหกรรมศิลปะการแสดงแสงสีที่ตระการตาทั่วทั้งท่าเรือประสานกับดนตรีที่มีชีวิตชีวาและสนุกสนานโดย Hong Kong Philharmonic Orchestra ซึ่งเป็นวงออเคสตราที่สำคัญที่สุดของเมืองที่เป็นคอนเสิร์ตกลางแจ้งในเขตวัฒนธรรมเกาลูนตะวันตก

ข้อมูลการดาวน์โหลดวิดีโอและรูปภาพ

  • สามารถดาวน์โหลดฟุตเทจวิดีโอและภาพถ่ายของการเฉลิมฉลองการนับถอยหลังสู่วันปีใหม่ของฮ่องกงได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 03:00 น. ตามเวลาฮ่องกง (31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 19:00 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช) สื่อที่สนใจในการถ่ายทอดงานสามารถดาวน์โหลดเอกสารได้จากลิงก์ด้านล่าง

    ลิงก์สำหรับดาวน์โหลด: https://assetlibrary.hktb.com/assetbank-hktb/action/browseItems?categoryId=728&categoryTypeId=2&cachedCriteria=1

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบนbusinesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211231005124/en/

ติดต่อ:

Mr Cameron Tong
โทร: (852) 2807 6367
อีเมล: cameron.tong@hktb.com

Ms Vivian Li
โทร: (852) 2807 6206
อีเมล: vivian.li@hktb.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


GOOD Meat ได้รับการอนุมัติตามกฎข้อบังคับสำหรับผลิตภัณฑ์ไก่ตัวใหม่ในสิงคโปร์ โดยบริษัทวางแผนการผลิตขนาดใหญ่ขึ้น

Logo

บริษัทจะนำเสนอตัวอย่างผลิตภัณฑ์อกไก่ในสัปดาห์หน้า

สิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–16 ธ.ค. 2564

Eat Just, Inc. บริษัทที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสร้างอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีและยั่งยืนมากขึ้นได้ประกาศว่าแผนก GOOD Meat ได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบให้จำหน่ายเนื้อไก่เพาะพันธุ์ใหม่ในประเทศสิงคโปร์  จะมีการนำเสนออกไก่รูปแบบใหม่นี้ที่ JW Marriott Singapore South Beach ในสัปดาห์หน้า โดยกลุ่มคนหนุ่มสาวจาก Camp Asia’s Super Chef Camp จะนั่งรับประทานอาหารค่ำกับไก่นี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211215006131/en/

GOOD Meat Chicken Breast & Greens (Photo: Eat Just, Inc.)

อกไก่ GOOD Meat และผัก (ภาพ: Eat Just, Inc.)

การรับรองล่าสุดโดย Singapore Food Agency (SFA) เนื่องในโอกาสครบรอบหนึ่งปีของของ GOOD Meat เป็น การเปิดตัวเนื้อสัตว์แท้คุณภาพสูงครั้งแรกในโลกซึ่งผลิตขึ้นโดยตรงจากเซลล์สัตว์และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความมุ่งมั่นของประเทศในการใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาที่ส่งเสริมการดูแลสิ่งแวดล้อม  การสนับสนุนภาคส่วนเนื้อสัตว์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ "30 By 30" ของสิงคโปร์เพื่อสร้างความสามารถในการอุปทาน 30 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการทางโภชนาการในท้องถิ่นอย่างยั่งยืนภายในปี 2573

GOOD Meat ยังคงลงทุนในอนาคตของสิงคโปร์ด้วยการออกแบบและระบบการผลิตที่จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตเนื้อสัตว์เพาะพันธุ์ได้อย่างสำคัญ โดยมีเป้าหมายที่จะให้อุปกรณ์ติดตั้งและใช้งานได้ในอีกสองปีข้างหน้า  บริษัทจะยังคงจ้างวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต และอื่นๆ ในท้องถิ่นเพื่อดำเนินการโรงงานและขับเคลื่อนธุรกิจ

“โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมากมายในปีที่แล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิม: สิงคโปร์ยังคงเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงระบบอาหารระดับโลกที่ชาญฉลาดและยั่งยืนมากขึ้น  เราภูมิใจที่จะเฉลิมฉลองการครบรอบหนึ่งปีของเราในการขายเนื้อสัตว์เพาะพันธุ์ครั้งแรกด้วยการประกาศกฎระเบียบและผลิตภัณฑ์ที่สำคัญซึ่งเกิดขึ้นอีกครั้งในสิงคโปร์” Josh Tetrick ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Eat Just กล่าว

GOOD Meat กำลังจัดเตรียมโอกาสใหม่ๆ สำหรับผู้บริโภคในการซื้อเมนูไก่เพาะพันธุ์ที่ศูนย์หาบเร่ที่มีชื่อเสียงของสิงคโปร์ในปี 2565 โดยที่แรกจะเป็นร้าน Loo's Hainanese Curry Rice ซึ่งเป็นธุรกิจที่ดำเนินกิจการโดยครอบครัวมากว่า 74 ปี  โซนแผงลอยหาบเร่เป็นพื้นที่ขนาดเล็กที่มีชื่อเสียงของสังคมพหุวัฒนธรรมของสิงคโปร์ และการดำรงชีวิตของพวกเขาได้รับผลกระทบจากการตกต่ำของธุรกิจในช่วงการระบาดใหญ่ เพื่อสนับสนุนวัฒนธรรมพ่อค้าหาบเร่และชุมชน GOOD Meat จะบริจาคเงินเพื่อสิ่งนี้ผ่านศูนย์อาสาสมัคร National Volunteer and Philanthropy Centre (NVPC)

GOOD Meat ยังได้ประกาศเมื่อวันพุธว่า José Andrés เชฟผู้มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านมนุษยธรรมได้เข้าร่วมคณะกรรมการบริหาร และให้คำมั่นว่าจะให้บริการไก่ที่เพาะพันธุ์ของบริษัทที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งของเขาในสหรัฐอเมริกาหลังการตรวจสอบกฎระเบียบที่นั่น  Andrés ซึ่ง ThinkFoodGroup ดำเนินธุรกิจร้านอาหารมากกว่า 30 แห่งในสหรัฐอเมริกา จะให้คำปรึกษาด้านการทำอาหารแก่ทีมเชฟและนักวิทยาศาสตร์ของบริษัทขณะที่พวกเขาทำงานเพื่อปรับปรุงรสชาติ เนื้อสัมผัส และความเก่งกาจของผลิตภัณฑ์ของตน ซึ่งจะวางจำหน่ายในสิงคโปร์และทั่วโลกในที่สุด

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211215006131/en/

ติดต่อ:

Andrew Noyes
press@goodmeat.co

Upcycle Communications
goodmeat@upcyclecomms.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge รุ่นที่สามเน้นที่ผู้ประกอบการระดับโลกหกรายเร่งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมแฟชั่น

Logo

Changemaker Yara Shahidi และ Tommy Hilfiger จะทำหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินการแข่งขัน ตามที่ผู้ประกอบการได้นำเสนอแนวคิดทางธุรกิจด้วยเงินรางวัล 200,000 ยูโรที่จะแบ่งให้ระหว่างผู้ชนะสองคน

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม พ.ศ. 2564

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นเจ้าของโดย PVH Corp. [NYSE: PVH] ยินดีที่จะประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบสุดท้ายจำนวนหกคนของการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ปี 2021 ซึ่งได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีจากแอปพลิเคชันกว่า 430 รายการที่ได้รับจากบริษัทสตาร์ทอัพและสเกลอัพทั่วโลก โดยสร้างจากวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ในการไม่สูญเปล่าและยินดีต้อนรับทุกคน หรือ Waste Nothing and Welcome All โปรแกรมรุ่นที่สามมุ่งมั่นที่จะขยายและสนับสนุนผู้ประกอบการคนผิวดำ ชนพื้นเมือง และคนผิวสี (BIPOC) ที่กำลังพัฒนาชุมชนของตน ในขณะที่ส่งเสริมอนาคตของแฟชั่นที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยความจำเป็นในการขับเคลื่อนผลกระทบในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม ปีที่สามของการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ได้ดำเนินการในรูปแบบเสมือนอย่างสมบูรณ์เพื่อเอาชนะข้อจำกัดและความท้าทายของการระบาดใหญ่ของโควิด-19

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211213005214/en/

ในกระบวนการที่มีหลายขั้นตอนตลอดทั้งปี แอปพลิเคชันได้ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญภายในและภายนอกโดยอิงตามเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งรวมถึงผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นและการเติบโตของตลาด ผู้เข้ารอบหกคนสุดท้ายจะนำเสนอแนวคิดทางธุรกิจของตนต่อคณะกรรมการตัดสินที่ประกอบด้วยผู้นำทางธุรกิจและความยั่งยืนที่งานรอบชิงชนะเลิศ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ระดับโลกเสมือนในวันที่ 12-13 มกราคม พ.ศ. 2565

Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge รวบรวมภารกิจที่มีมาอย่างยาวนานของเราในการควบคุมพลังของแฟชั่นที่ส่งเสริมการรวมตัว การเป็นตัวแทน และการเปลี่ยนแปลง” Tommy Hilfiger กล่าว “อุตสาหกรรมของเราจะก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยแนวคิดใหม่ ๆ ที่ท้าทายวิธีการคิด สร้างและรังสรรค์ของเรา ในฐานะแบรนด์สิ่งสำคัญคือเราใช้แพลตฟอร์มของเราเพื่อให้ผู้ประกอบการอย่างเช่นผู้เข้ารอบสุดท้ายของเราได้มีเสียงและโอกาสในการสร้างผลกระทบที่แท้จริงและยาวนาน”

ผู้เข้ารอบ 6 คนสุดท้ายได้แก่:

  • Clothes to Good: กิจการเพื่อสังคมจากแอฟริกาใต้ที่สร้างโอกาสและงานในธุรกิจขนาดเล็กสำหรับคนพิการและครอบครัวของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เป็นมารดาผ่านการรีไซเคิลสิ่งทอ
  • Haelixa: เทคโนโลยีตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์จากสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกไปสู่ห่วงโซ่อุปทานสินค้าอุปโภคบริโภคที่โปร่งใส
  • MAFI MAFI: แบรนด์แฟชั่นที่ยั่งยืนจากเอธิโอเปียที่รังสรรค์คอลเลกชั่นเสื้อผ้าสำเร็จรูป อนุรักษ์ประเพณีโบราณ และส่งเสริมช่างฝีมือที่ถูกลดสำคัญลง
  • Lalaland: แพลตฟอร์มจากเนเธอร์แลนด์ซึ่งใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างแบบจำลองสังเคราะห์ที่ปรับแต่งและครอบคลุมสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ อายุ และขนาดที่แตกต่าง ทั้งหมดด้วยรูปแบบท่าทางต่าง ๆ มากกว่า 35 แบบ
  • SOKO: ธุรกิจเครื่องประดับจากเคนยาแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีมือถือเพื่อเชื่อมต่อช่างฝีมือชาวเคนยาที่ถูกลดความสำคัญลงให้เข้ากับตลาดโลกโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มมือถือ
  • UZURI K&Y: แบรนด์รองเท้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากรวันดาแห่งนี้ใช้ยางรถยนต์รีไซเคิลจากแอฟริกาใต้สะฮารา และจ้างงานเยาวชนในท้องถิ่นเพื่อเตรียมความพร้อมให้พวกเขามีทักษะและความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ

กรรมการตัดสินการแข่งขันในรอบสุดท้ายได้แก่:

  • Mr. Tommy Hilfiger
  • Martijn Hagman ซีอีโอของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe
  • Yara Shahidi นักแสดงหญิงที่ได้รับรางวัล โปรดิวเซอร์ และผู้นำการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
  • Esther Verburg, รองกรรมการผู้จัดการ (EVP) ธุรกิจและนวัตกรรมที่ยั่งยืนของTommy Hilfiger Global และ PVH Europe
  • Adrian Johnson, Entrepreneur ผู้ประกอบการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการเป็นผู้ประกอบการ เทคโนโลยีและสื่อที่ INSEAD
  • Katrin Ley กรรมการผู้จัดการของ Fashion for Good และผู้ก่อตั้ง Curator of the Amsterdam Global Shapers Hub
  • Yvonne Bajela สมาชิกผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทการลงทุน Impact X Capital

ด้วยการสนับสนุนจาก Tommy Hilfiger และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของ INSEAD ผู้เข้ารอบทั้ง 6 คนสุดท้ายได้พัฒนาและปรับปรุงแผนธุรกิจ ซึ่งพวกเขาจะนำเสนอในการแข่งขันรอบสุดท้าย Arooj Aftab ผู้สร้างเนื้อหา นักวาดภาพประกอบ นักเขียนและผู้ก่อตั้งของ #DonewithDiversity จะจัดงานแข่งขันรอบสุดท้ายซึ่งกรรมการตัดสินจะมอบเงินรางวัล 200,000 ยูโร โดยแบ่งให้ระหว่างผู้ชนะสองคนที่ได้รับเลือกตามลำดบเพื่อสนับสนุนการลงทุนของพวกเขา ผู้ชนะยังจะได้รับคำปรึกษาเป็นเวลาหนึ่งปีกับผู้เชี่ยวชาญของ Tommy Hilfiger และ INSEAD ทั้งสองตลอดจนได้รับตำแหน่งในโปรแกรม INSEAD Social Entrepreneurship Program (ISEP) นอกจากนี้จะมีการมอบรางวัลเพิ่มเติมอีก 15,000 ยูโรให้กับผู้เข้ารอบสุดท้ายที่ Tommy Hilfiger ร่วมเลือกการโหวต 'Audience Favorite' ของพวกเขา

“ในฐานะผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมแฟชั่น ทั้งนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของเราในการสนับสนุน เพิ่มขีดความสามารถ และส่งเสริมการรวมกลุ่ม Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีความหมายและยั่งยืนต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นที่ดีขึ้น” Martijn Hagman ซีอีโอของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe กล่าว “เป็นธรรมชาติของเราที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง แม้ในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุด เราภูมิใจที่ได้ขยายแนวคิดของผู้ประกอบการที่กำลังสร้างภูมิทัศน์ด้านแฟชั่นที่เราต้องการและจำเป็นต้องเห็นต่อไป”

พันธกิจของ Tommy Hilfiger คือการเป็นบริษัทด้านไลฟ์สไตล์ดีไซน์เนอร์ที่ยั่งยืนชั้นนำ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ Wastes Nothing and Welcomes All ผ่านวิธีการสร้างผลิตภัณฑ์ จัดการการดำเนินงาน และเชื่อมต่อกับชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางสู่ความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ซึ่งขับเคลื่อนโดยกลยุทธ์ Forward Fashion ของ PVH ได้ที่ https://global.tommy.com/en_int/about-us-corporate-responsibility

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ได้ที่นี่: https://responsibility.pvh.com/tommy/fashion-frontier-challenge/ ขอเชิญเพื่อน ๆ และผู้ติดตามของแบรนด์เข้าร่วมการสนทนาบนโซเชียลมีเดียโดยใช้ #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger

TOMMY HILFIGER ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ดีไซน์เนอร์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชันเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชันเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมถึงชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ Tommy Hilfiger ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER  และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของTOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกที่เชื่อมต่อกับผู้บริโภคในกว่า 40 ประเทศ แบรนด์ที่เป็นสัญลักษณ์ระดับโลกของเรา ได้แก่ Calvin Klein และ TOMMY HILFIGER  ประวัติความเป็นมาเวลา 140 ปีของเราได้สร้างขึ้นจากความแข็งแกร่งของแบรนด์ ทีมงานของเรา และความมุ่งมั่นของเราในการขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้าได้ตลอดไป และทั้งหมดนี้คือพลังของเรา คือพลังของ PVH

ติดตามเราบน FacebookInstagramTwitter และ LinkedIn.

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211213005214/en/

ติดต่อ:

สื่อ Tommy Hilfiger
Virginia Ritchie
รองประธานฝ่ายสื่อสารระดับโลก (Vice President, Global Communications)
อีเมล: virginia.ritchie@tommy.com
โทร: +31 6 4318 4870

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Wella Company ฉลองปีแรกในฐานะบริษัทเอกเทศด้วยการก้าวข้ามเป้าหมายการเติบโตในการแนะนำนวัตกรรมที่ก้าวล้ำและขยายขีดความสามารถในการเป็นผู้นำ

Logo

นิวยอร์ก & เจนีวา–(BUSINESS WIRE)–01 ธันวาคม 2564

Wella Company ผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมความงามมูลค่า 1 แสนล้านเหรียญ ในวันนี้ฉลองครบรอบหนึ่งปีในฐานะบริษัทแบบสแตนด์อโลน Wella Company มีความเชี่ยวชาญและการค้าปลีกในด้านผลิตภัณฑ์ทำสีและดูแลเส้นผม กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีความงามและสีทาเล็บที่สุดแห่งแบรนด์ รวมถึง Wella Professionals, Clairol, OPI, Nioxin, Sebastian Professional และ ghd บริษัทก่อตั้งขึ้นที่ประเทศเยอรมันนีในปี 2423 และกลับสู่สถานะการดำเนินงานอิสระในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ซึ่งนำโดย Kohlberg Kravis and Roberts (“KKR”) บริษัทด้านการลงทุนระดับโลกที่ลงทุนในหุ้นส่วนใหญ่โดยเพิ่มขึ้นสองเท่าในปีที่ผ่านมา

Wella Company ได้ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทั่วโลก ในระหว่างนั้นอุตสาหกรรมร้านเสริมสวยมืออาชีพเกือบทั้งหมดที่เป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัทได้ถูกล็อกดาวน์ แม้จะมีสภาพแวดล้อมระดับโลกที่ท้าทายเช่นนี้ บริษัทได้กำหนดกลยุทธ์การเติบโตที่มุ่งเน้นในการสร้างรากฐานการดำเนินงานเพื่อความสำเร็จแบบสแตนด์อโลน และรับสมัครพนักงานเกือบ 1,100 คนทั่วโลก รวมถึงรายชื่อผู้นำด้านความงาม ร้านค้าปลีก และสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำมาร่วมในทีมผู้บริหาร

“ในปีแรกของบริษัท ทีมงานของเรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เราได้รับสถานะอิสระในช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับอุตสาหกรรมความงามและมีรายได้เติบโตที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับทั้งปี 2563 และ 2562 โดยปีงบประมาณของเราซึ่งเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคมนั้นได้เริ่มต้นอย่างมั่นคง ธุรกิจโดยรวมของเราอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก และผลประกอบการทางการเงินของเรากำลังส่งมอบเกินเป้าหมายประจำปีในทุกธุรกิจและทุกภูมิภาค” Annie Young-Scrivner ซีอีโอของ Wella Company กล่าว “เราพร้อมแล้วสำหรับการเติบโตไปยังทั่วโลก และยังคงมุ่งเน้นในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง โดยจะเดินหน้าขยายช่องทางและภูมิศาสตร์ต่อไปในขณะที่ปลดล็อกศักยภาพแบรนด์ของเรา”

ประสิทธิภาพและนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์

Wella Company มีกระบวนการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งในการผลิตผลงานในปีแรกนี้

หัวข้อเด่นจากผลิตภัณฑ์ที่ออกภายใต้แบรนด์ที่ดีที่สุดของ Wella Professionals ได้แก่:

  1. True Grey ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคที่ยอมรับผมสีเทาของพวกเขา มีการลงทะเบียนร้านเสริมสวย 10 แห่งทุก ๆ ชั่วโมงในช่วงสองเดือนแรกทั่วภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA)
  2. Koleston Perfect ผลิตภัณฑ์ทำสีผมถาวรสำหรับมืออาชีพที่ขายดีที่สุดในโลก ได้มาถึงจุดที่ใช้อ้างอิงใหม่ – ทั้งนี้มีการซื้อหนึ่งหลอดทุก ๆ วินาทีทั่วโลก
  3. ยอดขายผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม Wella Professional Hair Care ยังคงเติบโตในอัตราเลขสองหลักอย่างแข็งแกร่งทั่วโลก

Clairol และ Wella ซึ่งเป็นสองแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำสีและดูแลเส้นผมสำหรับค้าปลีกของบริษัท โดยได้รับประโยชน์จากการลงทุนใหม่และการปรับเปลี่ยนแบรนด์ ทั้งนี้ Clairol กำลังประกาศผลกำไรที่แข็งแกร่งกว่าเจ็ดเดือนติดต่อกัน ในส่วนของทาง Wella Retail แบรนด์ดังกล่าวมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 24% ในเม็กซิโก และปัจจุบันครองตำแหน่งทางการตลาดอันดับ 1 ในตะวันออกกลาง และเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมอันดับ 1 ในบราซิลอีกด้วย

OPI แบรนด์ผลิตภัณฑ์ทาเล็บชั้นนำจากลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นที่รู้จักจากชื่อเฉดสีที่น่าจดจำ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ทาเล็บวีแก้นที่มีต้นกำเนิดจากธรรมชาติอย่าง Nature Strong ในตลาดกว่า 20 แห่งในช่วงซัมเมอร์นี้ Nature Strong ดำเนินการได้ดีเกินคาด ช่วยให้ผลงานเติบโตในอัตราตัวเลขสองหลัก

ตลอดปี 2564 Nioxin มีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นในอัตราตัวเลขสองหลักในปี 2563 เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองและการบำรุงรักษาที่บ้านมากขึ้น รวมถึงการดูแลหนังศีรษะและผมร่วงในช่วงที่มีการระบาดใหญ่

Ghd (good hair day) ในลอนดอน ซึ่งกำลังนิยามเทคโนโลยีความงามใหม่ ghd ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเส้นผมที่เป็นเอกสิทธิ์ของตนเองเพื่อเปิดตัว Unplugged เครื่องจัดแต่งทรงผมไร้สายที่เป็นที่ต้องการทั่วโลก การเติบโตในอัตราตัวเลขสองหลักอย่างสม่ำเสมอของพวกเขาเพิ่มขึ้นเมื่อพวกเขาเปิดตัวสู่ตลาดจีน โดยขายเครื่องจัดแต่งทรงผม 2,500 เครื่องได้ในห้านาที

ความมุ่งมั่นของอุตสาหกรรม

การสนับสนุนให้ศิลปินในอุตสาหกรรมเสริมสวยอยู่นำหน้าเทรนด์และฝึกฝนฝีมือและทักษะต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งของตัวตน Wella Company ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา Wella Company ได้เปิดสอนชั้นเรียนการศึกษาออนไลน์หลายร้อยชั้นเรียนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและฝึกอบรมสไตลิสต์ ในเดือนเมษายนเมื่อโลกส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะล็อกดาวน์ บริษัทได้จัดงานเสมือนจริงระดับโลกขึ้นเป็นครั้งแรกชื่อว่า “WeCreate” ซึ่งจัดประชุมสไตลิสต์และนักการศึกษาระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมเพื่อสัมผัสทักษะใหม่ ๆ และค้นพบความหลงใหลในงานฝีมืออีกครั้ง เพื่อให้สามารถเปิดร้านใหม่ได้สำเร็จหลังจากการล็อกดาวน์ WeCreate เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านความงามมากกว่า 100,000 คนใน 100 ประเทศ และบริษัทได้บริจาคค่าเล่าเรียนเพื่อตอบแทนอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งเป็นการลงทุนมูลค่าประมาณ 30 ล้านดอลลาร์

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สนับสนุนอุตสาหกรรมเสริมสวยและเชื่อมั่นในพลังของการยกระดับสไตลิสต์และช่างเทคนิคที่ทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว” Young-Scrivner กล่าว “เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กเหล่านี้เป็นกำลังที่สำคัญของชุมชนของพวกเขา เราเชื่อว่าเมื่ออุตสาหกรรมประสบความสำเร็จ เราก็ประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน การสนับสนุนของเราสำหรับเจ้าของร้านเสริมสวยทั่วโลกเป็นเพียงวิธีหนึ่งที่เรากำลังสร้างธุรกิจที่มีจุดมุ่งหมาย”

ความเป็นผู้นำ

ทีมผู้นำของ Wella Company ประกอบด้วยผู้บริหารจากทั่วทั้งยุโรป เอเชีย บราซิล และสหรัฐอเมริกา และเกือบครึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิง บริษัทยังคงลงทุนในความสามารถระดับสูง การนัดหมายครั้งล่าสุดในเดือนพฤศจิกายนเพื่อขยายขีดความสามารถของอุตสาหกรรมความงามทั่วโลกของทีมผู้บริหารดังนี้:

Yannis Rodocanachi ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งประธานบริษัทของอเมริกา Yannis นำประสบการณ์ด้านความงามระดับโลกที่ละเอียดครอบคลุม โดยได้ร่วมงานกับทั้งบริษัทผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคที่มีมูลค่าตลาดสูง และการเริ่มธุรกิจใหม่ด้านความงามและเส้นผมที่ได้รับการสนับสนุนจากหุ้นนอกตลาดที่มีการเติบโตสูง เขาใช้เวลาเกือบ 20 ปีที่ L’Oréal ขยายผลงานผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมและความงามไปทั่วโลก และทำงานด้านการขาย การตลาด และการจัดการทั่วไปในยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกา ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเขาดำรงตำแหนงซีอีโอของ BH Cosmetics ในแอลเอ ซึ่งเขาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของบริษัทที่กำหนดเป้าหมาย Gen Z ไปสู่ธุรกิจที่หลากหลาย ยุติธรรม และยั่งยืน พร้อมปรับขนาดเพื่อการเติบโตในการขายสินค้าแบบปลีกผ่านช่องทางการขายเฉพาะที่เป็นของแบรนด์เอง

Emmanuel Miran ได้เข้าร่วมในบทบาทที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีระดับโลก โดยเป็นการบูรณาการและเร่งรัดความมุ่งมั่นด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีของบริษัทภายใต้องค์กรเดียวกัน Miran นำประสบการณ์ด้านความงาม, CPG, สื่อ และการดูแลสุขภาพมาอย่างละเอียดครอบคลุม และเคยดำรงตำแหน่งผู้นำหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึง CIO, CTO และ CDO การใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยีในการสร้างรายได้เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต โดยใช้เวลามากกว่า 16 ปีที่ L’Oréal ในตำแหน่งผู้นำด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี ก่อนหน้านั้นเขาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและดิจิทัลของ Mondelez International, News Corp. และครั้งล่าสุดที่ International SOS

ทีมผู้บริหารของบริษัทยังรวมถึงการเพิ่ม Virginie Costa ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินระดับโลก Gretchen Koback Pursel ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลระดับโลก และ Hugh Dineen ประธานของ Global Brands และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดระดับโลก ซึ่งทั้งหมดได้เข้าร่วมในเดือนสิงหาคม Costa เป็นหนึ่งในเจ็ด CFO ระดับโลกที่เป็นผู้หญิงจาก 25 บริษัทด้านความงามชั้นนำ

Wella Company มีพนักงานมากกว่า 6,000 คนในกว่า 100 ประเทศ ในปัจจุบันพนักงานของ Wella 57 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลกเป็นผู้หญิง และ 45 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่ Wella อยู่ในระดับตำแหน่งผู้อำนวยการขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 การจ้างงานใหม่เกือบ 70% เป็นผู้หญิง และประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของการเลื่อนตำแหน่งทั้งหมดที่ได้รับก็เป็นผู้หญิง

“เราเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างขึ้นบนกำลังสำคัญของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นช่างทำสีผม สไตลิสต์ ช่างทำเล็บ ในความเป็นจริงแล้วเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของอุตสาหกรรมร้านเสริมสวยมืออาชีพในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรประกอบด้วยผู้หญิง แต่เป็นเจ้าของธุรกิจจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น” Young-Scrivner กล่าว “เราต้องการสนับสนุนความสำเร็จของอุตสาหกรรมทั้งหมด และเชื่อว่านั่นหมายถึงการทำในส่วนของเราเพื่อสนับสนุนผู้หญิงในอุตสาหกรรมนี้”

เกี่ยวกับ Wella Company

Wella Company เป็นหนึ่งในบริษัทด้านความงามชั้นนำของโลก ซึ่งประกอบด้วยที่สุดแห่งแบรนด์ดังต่าง ๆ เช่น Wella Professionals, Clairol, OPI, Nioxin, Sebastian Professional และ ghd ที่ Wella Company เราเป็นนวัตกรที่พยายามสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคและผู้เชี่ยวชาญด้านความงามผ่านแบรนด์ของเราเพื่อให้มีรูปลักษณ์ สัมผัส และเป็นตัวตนที่แท้จริง เรามุ่งมั่นที่จะสร้างบริษัทด้านความงามที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม โดยที่พนักงานกว่า 6,000 คนของเราในกว่า 100 ประเทศสามารถทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการทำงาน ด้วยค่านิยมของบริษัทและนำโดยวัตถุประสงค์ในการส่งผลลัพธ์เชิงบวกต่อผู้คนผ่านผลิตภัณฑ์และต่อโลกและสังคม เรามอบการเติบโตอย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wella Company สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.wellacompany.com และติดตามเราบน LinkedInInstagram และ Facebook

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211201005310/en/

ติดต่อ:

Hilary Crnkovich
+1 646 217 1700
Hilary.crnkovich@wella.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

งานแสดง HKTDC Lifestyle Sourcing Show เปิดวันที่ 1 ธันวาคมนี้

Logo

งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ทางออนไลน์และกายภาพ

ช่วยให้ธุรกิจคว้าโอกาสใหม่ ๆ

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–29 พฤศจิกายน 2564

ด้วยการจัดซื้อทั่วโลกกลายเป็นรูปแบบดิจิทัลมากขึ้นหลังจากเกิดการแพร่ระบาดใหญ่ องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) กำลังจัดแสดง HKTDC Lifestyle Sourcing Show | Physical + Online งานมหกรรมการค้าที่จัดขึ้นทั้งในรูปแบบออนไลน์และทางกายภาพ เพื่อช่วยให้ธุรกิจปรับตัวเข้ากับรูปแบบการจัดซื้อใหม่และเอาชนะความท้าทายที่เกิดจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนือหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211128005240/en/

HKTDC Lifestyle Sourcing Show (Photo: Business Wire)

งานแสดง HKTDC Lifestyle Sourcing Show (ภาพ: Business Wire)

ด้วยธีม "การจัดซื้ออย่างมีสไตล์ หรือ Sourcing in Style" งานแสดงนี้จะรวบรวมผู้แสดงสินค้ามากกว่า 580 รายจาก 9 ประเทศและภูมิภาค โดยจัดแสดงของเล่น ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ของขวัญและสินค้าพรีเมียม ของใช้ภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสายตา ไวน์และสุราใหม่ล่าสุด งานแสดงทางกายภาพจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 3 ธันวาคมศูนย์การประชุมและนิทรรศการฮ่องกง (HKCEC) หลังจากเข้าร่วมงานแสดงทางกายภาพแล้ว ผู้ซื้อและซัพพลายเออร์สามารถมีส่วนร่วมผ่านแพลตฟอร์มนิทรรศการออนไลน์ที่จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 6 ถึง 10 ธันวาคม

งานแสดง Lifestyle Sourcing Show ฉบับกายภาพของ HKCEC จะจัดแสดงสินค้าอุปโภคบริโภคและไลฟ์สไตล์และโซลูชั่นในรูปแบบ showcase สำหรับการแสดงออนไลน์ ผู้แสดงสินค้าจะได้รับบูธ 3 มิติเพื่อใช้โปรโมตแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของตนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สร้างสรรค์ด้วยภาพ ผู้ซื้อและผู้แสดงสินค้าสามารถหารือเกี่ยวกับข้อตกลงผ่านแพลตฟอร์มการจับคู่ธุรกิจของ HKTDC ที่ Click2Match ซึ่งใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการจับคู่อัตโนมัติระหว่างคู่ค้าทางธุรกิจที่มีศักยภาพ แพลตฟอร์มนี้ยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมจัดกำหนดการประชุม ประชุมทางวิดีโอ สนทนาแบบเรียลไทม์ และแลกเปลี่ยนนามบัตร e-business ได้ตามความต้องการในการจัดซื้อ

การแสดงจะติดตามเทรนด์ไลฟ์สไตล์ล่าสุดอย่างเต็มที่ โดยจะประกอบไปด้วยซุ้มนิทรรศการ 12 กลุ่ม อย่างเช่น Fujian, Jiangsu, Jiaxing, Pinghu และ Zhejiang จากจีนแผ่นดินใหญ่ Fukui Optical Industrial Association ของญี่ปุ่น KOTRA จากเกาหลี และสมาคมต่าง ๆ ของไต้หวัน ซึ่งรวมถึงของขวัญ ของใช้ภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ของเล่น ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสายตาและการศึกษา

เพื่อเติมเต็มงานแสดงผู้นำและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมได้รับเชิญให้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกของพวกเขาที่งานในระหว่างการออกอากาศ งานสัมมนาหัวข้อเรื่อง "Stay Ahead in a Reshaped Business Landscape" จัดขึ้นในระหว่างการแสดงทางกายภาพ โดยมีหัวข้อที่ครอบคลุมในเรื่อง "we-media" เกี่ยวกับการตลาดแบบใช้อินฟลูเอนเซอร์ การจับโอกาสทางธุรกิจด้วยกลยุทธ์แบบผสมผสาน และโซลูชันออนไลน์สู่ออฟไลน์สำหรับสนับสนุนกิจกรรมแบบผสมผสาน มีการสัมมนาและการสัมมนาทางออน์ไลน์เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์อีคอมเมิร์ซ และหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของเล่นและออปติคอล

เว็บไซต์: https://LSShow.hktdc.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211128005240/en/

สอบถามสื่อ

กรุณาติดต่อฝ่ายนิทรรศการ HKTDC:
Clavel Mui
โทร: (852) 2240 4136
อีเมล: clavel.sl.mui@hktdc.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีเปิดตัวแคมเปญ ‘Come Play with Korea K-VIBE FESTA’ แคมเปญระดับโลกใหม่ที่ใช้เมตาเวิร์ส

Logo

– ประสบการณ์การเดินทางแบบใหม่ที่จะพาไปเยือนสถานที่ที่ได้รับความนิยมในเกาหลีผ่านโลกเสมือนจริง

– เผยแพร่เสน่ห์ของประเทศเกาหลีไปทั่วโลกด้วย K-Travelog, K-VIBE in ZEPETO และ K-VIBE CONCERT

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–23 พฤศจิกายน 2564

กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (รัฐมนตรี Hee Hwang) และ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (ประธาน Young-bae Ahn) เปิดตัวแคมเปญใหม่ 'Come Play with Korea, K-VIBE FESTA' โดยใช้แพลตฟอร์มเมตาเวิร์สกับเทคโนโลยีความเป็นจริงขยาย (extended reality หรือ XR) เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางสู่เกาหลีแบบใหม่ก่อนที่จะได้เดินทางมาเยือนด้วยตัวเอง ซึ่งเกาหลีได้รับความสนใจขึ้นมากหลังเปิดตัวซีรีส์ “Feel the Rhythm of Korea” ไปเมื่อปีที่แล้วพร้อมบทเพลงอย่าง “Tiger is Coming Down”

A new campaign 'Come Play with Korea, K-VIBE Festa' using the metaverse platform on an extended reality (XR) to provide a new traveling experience to Korea is launched. As part of the campaign, Korea Tourism Organization introduces Korea's diverse attractions with 'K-Travelog', the Korean virtual travel experience platform, and provides the 'K-VIBE in ZEPETO' program that connects 3D avatars to Korea’s representative tourist destination Gyeongju. In addition, a 'K-VIBE Concert' with top K-pop artists will be held with Korean local attractions (K-Local) implemented on XR in the background, to display the charms of Korea. (Graphic: Business Wire)

แคมเปญใหม่ที่ชื่อ 'Come Play with Korea, K-VIBE FESTA' โดยใช้แพลตฟอร์มเมตาเวิร์สกับเทคโนโลยี XR เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางสู่เกาหลีในรูปแบบใหม่ได้รับการเปิดตัว โดยองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีได้แนะนำความน่าสนใจของประเทศเกาหลีที่หลากหลายผ่าน 'K-Travelog', แพลตฟอร์มประสบการณ์การเดินทางสู่เกาหลีแบบเสมือน และโปรแกรม 'K-VIBE in ZEPETO' ที่จะพาอวทาร์แบบสามมิติมาเยือนจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่เป็นเมืองตัวแทนของเกาหลีอย่างคยองจู นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม 'K-VIBE CONCERT' ที่จะได้พบกับศิลปินเคป๊อปของเกาหลีโดยมีสถานที่ท่องเที่ยวของเกาหลี (K-Local) ที่นำเสนอผ่านเทคโนโลยี XR เป็นฉากหลังเพื่อถ่ายทอดเสน่ห์ของเกาหลี (กราฟิก: Business Wire)

สำหรับแคมเปญใหม่นี้ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) จะใช้เทคโนโลยีเมตาเวิร์สในการแนะนำเอกลักษณ์และเสน่ห์ของแต่ละภูมิภาคให้กับผู้ใช้ที่อยู่ทั่วโลก

นอกจากนั้น องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลียังจะแนะนำความน่าสนใจของประเทศเกาหลีที่หลากหลายผ่าน 'K-Travelog', แพลตฟอร์มประสบการณ์การเดินทางสู่เกาหลีแบบเสมือน และโปรแกรม 'K-VIBE in ZEPETO' ที่จะพาอวทาร์แบบสามมิติมาเยือนจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่เป็นเมืองตัวแทนของเกาหลีอย่างคยองจู รวมถึงกิจกรรม 'K-VIBE CONCERT' ที่จะได้พบกับศิลปินเคป๊อปแถวหน้าของเกาหลีโดยมีสถานที่ท่องเที่ยวของเกาหลี (K-Local) ที่นำเสนอผ่านเทคโนโลยี XR เป็นฉากหลังเพื่อถ่ายทอดเสน่ห์ของเกาหลี

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีจะใช้ K-Travelog เพื่อมอบโอกาสที่จะได้สัมผัสประเทศเกาหลีโดยตรงและยังให้สามารถกำหนดแผนการเดินทางได้เอง นอกจากนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจและร้านอาหารหลายแห่งในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทั้งในปูซาน อันดง คยองจู แทกู ยางยาง โซล และอีกมากมายโดยสามารถเลือกชมได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ (www.kvibefesta.com) ซึ่งเปิดตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถออกแบบและวางแผนการเดินทางในฝันครั้งใหม่ในการมาเยือนประเทศเกาหลี

ไม่เพียงเท่านั้น องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีจะนำรูปภาพของผู้เข้าร่วมแคมเปญมาสร้างสรรค์เป็นวิดีโอท่องเที่ยวเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับพวกเขาต่อไป ในวิดีโอ ผู้เข้าร่วมจะรู้สึกราวกับว่าได้มาเยือนเกาหลีจริง ๆ และยังมีโอกาสที่จะได้รับ 'K-Random Box' ซึ่งภายในกล่องประกอบไปด้วยสิ่งของที่ผลิตขึ้นมาพิเศษในจำนวนจำกัด โดยมีทั้งของที่ระลึกที่สื่อถึงวัฒนธรรมเกาหลีและของที่ระลึกจากศิลปินเคป๊อป และในหน้าแคมเปญจะมีการจัดกิจกรรม 'Fan Letter Event' ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกศิลปินและสถานที่ในเกาหลีที่ต้องการไปเยือนพร้อมกับศิลปินได้ด้วย

สำหรับกิจกรรม K-VIBE in ZEPETO ซึ่งเชื่อมกับ ZEPETO แพลตฟอร์มเมตาเวิร์สที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเกาหลี องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีได้จำลองเมืองคยองจู ซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมรดกแห่งอาณาจักรชิลลาอันน่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมา โดยผู้ใช้จะได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างถนนฮวังริดังอิลและหมู่บ้านบุกชอนฮันอก รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เช่น หอดูดาวชอมซองแด สุสานชอนมาชง และศาลาโพซอกจอง พร้อมกับมีการแสดงรายชื่อสถานที่ในท้องถิ่นที่ได้รับความนิยมอย่างร้าน Hwangnam Bakery และ Yangji Dabang เพื่อสนับสนุนเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้

ในส่วนของกิจกรรม K-VIBE CONCERT ซึ่งจะจัดขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี XR ที่เป็นเทคโนโลยีหลักของเมตาเวิร์สนั้น จะแสดงความงดงามของประเทศเกาหลีในที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเพื่อชวนผู้ใช้จากทั่วโลกดำดิ่งไปในเสน่ห์อันน่าหลงใหลของประเทศเกาหลี คอนเสิร์ตซึ่งเตรียมจัดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้จะเผยแพร่ผ่านการสตรีมสดแบบเรียลไทม์จากสตูดิโอเป็นเวลาราว 80 นาที เพื่อให้ได้ชมศิลปินเคป๊อปไปพร้อมสถานที่ท่องเที่ยวรอบ ๆ เกาหลีอย่างอาคารลอตเต้ ย่านอินซาดง และหาดเซิร์ฟยางยาง

Choongsub Oh ผู้อำนวยการฝ่าย Brand Marketing ขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี กล่าวว่า "เมตาเวิร์สคือระบบนิเวศใหม่ที่ทำให้เส้นแบ่งเขตแดนหายไปและทำให้ฝันและประสบการณ์ของทุกคนกลายเป็นจริง ด้วยแคมเปญเมตาเวิร์สนี้ เราจะสามารถมอบโอกาสให้กับผู้คนทั่วโลกได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางสู่เกาหลีและความฝันที่จะได้มาเยือนเกาหลีในรูปแบบใหม่ และยังมอบโอกาสให้ประเทศของเราได้อวดความเป็นผู้นำในตลาดเมตาเวิร์สอีกด้วย"

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ดูภาพ/แกลเลอรี่สื่อมัลติมีเดียที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/52528824/en

ติดต่อ:

Korea Tourism Organization

Brand Marketing Team

Choongsub Oh

+82-33-738-3331

ocs@knto.or.kr

Kichan Nam

+82-33-738-3335

yuki4@knto.or.kr 

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

งานเทศกาล Jeonju Kimchi Culture Festival ประจำปี 2564 จัดขึ้นที่จอนจู เมืองแห่งรสชาติ

Logo

จอนจู เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–18 พฤศจิกายน 2564

งานเทศกาลที่ผู้เข้าร่วมสามารถเรียนรู้การทำกิมจิซึ่งเปิดในจอนจู เมืองแห่งรสชาติ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211116006491/en/

A festival where participants can learn Kimchi making in Jeonju, the city of taste, 2021 Jeonju Kimchi Culture Festival is held online and across Jeonju city from November 2 to 30. The festival offers various programs including Kimchi making, Kimchi sharing, Kimchi culture tour, and other specialized programs. (Photo: Business Wire)

งานเทศกาลที่ผู้เข้าร่วมสามารถเรียนรู้การทำกิมจิในจอนจู เมืองแห่งรสชาติ Jeonju Kimchi Culture Festival ประจำปี 2564 จัดขึ้นทางออนไลน์และทั่วทั้งเมืองจอนจู ตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 30 พฤศจิกายน เทศกาลนำเสนอโปรแกรมที่หลากหลาย รวมถึงการทำกิมจิ การแบ่งปันกิมจิ ทัวร์วัฒนธรรมกิมจิ และโปรแกรมที่มีความชำนาญพิเศษอื่น ๆ (ภาพ: Business Wire)

เมืองจอนจูประกาศว่างานเทศกาล Jeonju Kimchi Culture Festival ประจำปี 2564 ที่จัดงานโดยศูนย์ Jeonju Food Integrated Support Center จะมีขึ้นทางออนไลน์และทั่วทั้งบริเวณเมืองรวมถึงสนามกีฬา Jeonju Stadium ตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 30 พฤศจิกายน

เทศกาล Jeonju Kimchi Culture Festival จัดขึ้นเป็นครั้งที่สามของปีนี้ ซึ่งจัดแสดงในสถานที่ต่าง ๆ ในเวลาที่แตกต่างกันโดยคำนึงถึงสถานการณ์ของโควิด-19 แม้ว่าเทศกาลปีที่แล้วได้จัดให้มีโปรแกรมที่มอบประสบการณ์การทำกิมจิ (กิมจัง หรือ Kimjang) ให้เป็นงาน Drive-Thru เท่านั้น แต่ในปีนี้จะจัดขึ้นทั้งแบบ Drive-Thru และจัดงานนอกสถานที่อีกด้วย

งานเทศกาลนี้นำเสนอทั้งหมด 12 โปรแกรม รวมถึงการทำกิมจิ การแบ่งปันกิมจิ ทัวร์วัฒนธรรมกิมจิ และโปรแกรมที่มีความชำนาญพิเศษอื่น ๆ

Kimjang experience ซึ่งเป็นโปรแกรมหลักที่จะจัดขึ้นเป็นงาน Drive-Thru ในวันที่ 19 พฤศจิกายน โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวน 450 ครอบครัว ในวันที่ 20 และ 21 จำนวน 150 ครอบครัว แบ่งเป็นกลุ่มละ 25 ครอบครัวต่อการเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์การทำกิมจิที่สนามกีฬา Jeonju Stadium นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์ Kimjang experience สำหรับครอบครัวหลากหลายทางวัฒนธรรมและนักเรียนต่างชาติ ซึ่งจัดขึ้นให้ที่ศูนย์ Jeonju Kimchi Cultural Center และมหาวิทยาลัยในแต่ละแห่ง

ในวันที่ 19 และ 20 จะมีการจัดกิจกรรมแบ่งปันกิมจิ องค์กรและกลุ่มต่าง ๆ ในจอนจูจะมอบกิมจิให้กับชั้นเรียนที่ถูกละเลยไป โปรแกรมนี้ยังรวมกิจกรรม 'การแบ่งปันกิมจิด้วยเรื่องราว หรือ Kimchi Sharing with Story' ที่ผู้เข้าร่วมสามารถส่งกิมจิไปยังคนที่พวกเขาต้องการแสดงความขอบคุณหรือเพื่อนบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือ

Two-day Kimchi culture tour ประกอบด้วยโปรแกรม 'นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์กิมจัง หรือ Kimjang Experience for Tourists' ซึ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์การทำกิมจิไปพร้อม ๆ กับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม รวมทั้ง 'โรงเรียนกิมจิที่แสนอร่อย หรือ Delicious Kimchi School' และโปรแกรมการทำกิมจิสุดพิเศษ 1 กิโลกรัม โดยผู้เข้าร่วมสามารถลองทำกิมจิหลากหลายชนิดที่ใช้ผลิตผลจากฟาร์มท้องถิ่นของจอนจู

นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย อย่างเช่น การประกวดกิมจิกำหนดไว้ที่ 20 ครอบครัว สัมผัสประสบการณ์การนวดข้าว และโซนภาพถ่าย

ผักกะหล่ำปลีที่ใช้ในช่วงเทศกาลจะจัดหามาจากบ้านไร่ทั่วจอนจูและนำไปหมักเกลือที่โรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน HACCP ส่วนเครื่องปรุงต่าง ๆ อย่างเช่น พริกแดงและหัวไชเท้า จะใช้เฉพาะที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยสำหรับสินค้าเกษตรเท่านั้น หลังจากเสร็จสิ้นงานเทศกาลผักกะหล่ำปลีและเครื่องปรุงรสที่เหลือจะวางขายที่ตลาด Kimchi Street Farmers’ Market ซึ่งจะเปิดให้บริการในวันที่ 25-27 พฤศจิกายนในร้าน Jeonju Food store

เจ้าหน้าที่ศูนย์ Jeonju Agricultural Technology Center กล่าวว่า “ท่ามกลางการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ความเป็นเลิศของกิมจิที่มีต่อสุขภาพของมนุษย์ได้รับการตรวจสอบยืนยันทั่วโลก เราได้เตรียมเทศกาลนี้เพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสประสบการณ์และเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการทำกิมจิแบบดั้งเดิมของเกาหลี ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางด้านวัฒนธรรมที่ของมนุษยชาติขององค์การยูเนสโก (UNESCO Intangible Cultural Heritage of Humanity)”

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211116006491/en/

ติดต่อ:

JEONJU CITY
Inuk Hwang
+82-63-281-2226
inuk0614@korea.kr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter