Fetch.ai Ocean Protocol และ SingularityNET ผนึกกำลัง เพื่อสร้าง Artificial Superintelligence Alliance

Logo

ผู้บุกเบิกปัญญาประดิษฐ์รวมตัวกันเพื่อสร้างทางเลือกแบบกระจายอํานาจ ให้กับโครงการ AI ที่มีอยู่ซึ่งควบคุมโดยเทคโนโลยีขนาดใหญ่

มูลค่ารวมของโทเค็น $FET, $OCEAN และ $AGIX อยู่ที่ 7.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ณ วันที่ 26 มีนาคม 2024

ซูก สวิตเซอร์แลนด์ และสิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–27 มีนาคม 2024

SingularityNET (SNET) เครือข่ายปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบบกระจายอํานาจแห่งแรกของโลก Fetch.ai แพลตฟอร์ม Web3 สําหรับเศรษฐกิจ AI ใหม่ และ Ocean Protocol แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบกระจายอํานาจเพื่อปกป้องข้อมูล วันนี้ประกาศเปิดตัว  Artificial Superintelligence Alliance การสร้างเครือข่ายแบบโอเพ่นซอร์สและกระจายอํานาจที่ใหญ่ที่สุด ผ่านการควบรวมกิจการโทเค็นมูลค่าหลายพันล้านเป็นก้าวสําคัญที่เร่งการแข่งขันไปสู่ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI)

Alliance เป็นผลงานของสามผู้นําด้าน AI แบบกระจายอํานาจ Dr. Ben Goertzel ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะ “บิดาแห่ง AGI” ได้ก่อตั้ง SNET ขึ้นมา ในฐานะตลาดกลางและกรอบการทำงานบนบล็อคเชนสําหรับบริการ AI Humayun Sheikh นักลงทุนผู้ก่อตั้ง DeepMind สร้าง Fetch.ai ให้เป็นแพลตฟอร์มหลายตัวแทนแบบกระจายอํานาจ เพื่อปรับใช้และจำหน่ายแอปพลิเคชัน AI Trent McConaghy สถาปนิกของซอฟต์แวร์ที่ใช้ AI ซึ่งนักออกแบบชิปส่วนใหญ่ใช้เพื่อขับเคลื่อนกฎของมัวร์ ได้ก่อตั้ง Ocean Protocol เพื่อเป็นแพลตฟอร์มสําหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ข้อมูลโทเค็นอย่างราบรื่น

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการก่อตั้ง Alliance, โทเค็น $FET $OCEAN และ $AGIX ที่ขับเคลื่อนเครือข่ายสมาชิก Alliance ทั้งสาม จะถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นโทเค็น $ASI เดียวที่จะทํางานในครือข่าย AI แบบกระจายอํานาจที่รวมกัน ซึ่งให้ขนาดและพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน

สร้างมาเพื่อ Super Intelligence

“ในขณะที่การปฏิวัติ AI ทวีความรุนแรงขึ้น จําเป็นอย่างยิ่งที่ AGI และ ASI จะต้องไม่เป็นเจ้าของและควบคุมโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีผลประโยชน์แบบอคติของตนเอง” Dr. Ben Goertzel ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง SNET กล่าว “พวกเขาควรเปิดตัวในลักษณะที่เปิดกว้าง เป็นประชาธิปไตย และกระจายอํานาจ นี่เป็นวิสัยทัศน์ร่วมกันของ SNET Fetch.ai และ Ocean Protocol ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง และด้วยเหตุนี้จึงสมเหตุสมผลอย่างยิ่งที่ทั้งสามโครงการของเรามารวมกัน เพื่อสร้างเครือข่ายเศรษฐศาสตร์ของโทเค็น ที่มีพลังมากขึ้นในการรับมือกับ Big Tech และเปลี่ยนจุดศูนย์กลางของโลก AI ไปสู่ระบบนิเวศแบบกระจายอํานาจ”

“ในโลกแก่งนวัตกรรม AI แบบก้าวกระโดด ยักษ์ใหญ่ของ Big Tech ครองพาดหัวข่าวและการสนทนา'” Humayun Sheikh ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Fetch.ai กล่าว “เรากําลังสร้างเส้นทางที่แตกต่างออกไป ภารกิจของเราในการควบรวมโทเค็นนี้ คือการรวมแพลตฟอร์มของเราเพื่อให้แน่ใจว่า AI มีจริยธรรมและโปร่งใส ซึ่งอํานวยความสะดวกในการโต้ตอบโดยตรงระหว่างนักพัฒนาและผู้ใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงผู้เฝ้าประตูแบบดั้งเดิมของหน่วยงานที่รวมศูนย์ สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและปูทางไปสู่ระบบนิเวศ AI ที่เป็นประชาธิปไตยและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น และสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมทั่วโลกมีส่วนร่วม”

เหตุผลเชิงกลยุทธ์ที่น่าสนใจ

  • แรงกระตุ้นจากการเพิ่มขึ้นของ AI และการเติบโตของโครงการ AI สามโครงการ: การรวมกันนี้เกิดจากช่วงเวลาแห่งการเติบโตอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนสําหรับโครงการ AI ข้อตกลงดังกล่าวมอบโอกาสที่ไม่มีใครเทียบได้สําหรับผู้นําที่ทรงอิทธิพลทั้งสามนี้ ในการสร้างทางเลือกที่ทรงพลังแทนการควบคุมการพัฒนา AI การใช้งาน และการสร้างรายได้ของ Big Tech
  • สร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบกระจายอํานาจตามขนาด: AI แบบกระจายอำนาจ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อเปลี่ยนระบบ AI ซึ่งการทํางานภายในถูกซ่อนไม่ให้เปิดเผยต่อสาธารณะ ให้เป็นเครือข่ายแบบเปิดสำหรับประสานงานความฉลาดของเครื่องจักรไปสู่วัตถุประสงค์ร่วมกัน การผสมผสานระหว่างการวิจัย แบรนด์ เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ของ SNET Fetch.ai และ Ocean Protocol ทำให้เกิดรากฐานในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ปรับขนาดได้ ซึ่งรับประกันแนวทางปฏิบัติที่มีจริยธรรมและน่าเชื่อถือ
  • เร่งการลงทุนใน AGI: Goertzel Sheikh และ McConaghy เป็นผู้ติดตาม และผู้สนใจนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้งานรายแรกๆ มาช้านาน ทั้งหมดนี้มุ่งเน้นไปที่การทําให้ AGI เป็นจริง Superintelligence Alliance นี้อํานวยความสะดวกในเชิงพาณิชย์ของเทคโนโลยีของแต่ละมูลนิธิ และช่วยให้สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์ม AI ที่ล้ำสมัยและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในวงกว้าง การเคลื่อนไหวที่ก้าวล้ำนี้ทําให้เส้นทางสู่ AGI บนบล็อกเชนก้าวหน้ายิ่งขึ้น

รายละเอียดการทําธุรกรรม

Bruce Pon ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Ocean Protocol เชื่อว่าการรวมกันนี้สามารถส่งมอบตามคํามั่นสัญญาของเทคโนโลยีการกระจายอํานาจแบบบูรณาการในแนวตั้ง พร้อมขนาดที่สามารถแข่งขันได้ทั่วโลก “การผสมผสานเทคโนโลยีของเราสร้างผู้นําด้านการวิจัยและพัฒนา การใช้งาน และการพาณิชย์ของ AGI” Pon กล่าว “โทเค็น $ASI แบบครบวงจรเป็นกาวในการประสานนักแสดงทุกคนด้วยสิ่งจูงใจร่วมกัน โทเค็น $ASI ใช้เพื่อรักษาความปลอดภัยเครือข่ายสาธารณะ เป็นโทเค็นการเข้าถึงข้อมูล และเพื่อปลดล็อกการคํานวณโดยไม่ต้องใช้ระบบธนาคาร และการชําระเงินแบบเดิม มันเป็นสกุลเงินท้องถิ่นสําหรับเศรษฐกิจเครื่องจักร”

หากข้อเสนอได้รับการอนุมัติส่วนใหญ่จากชุมชนที่เกี่ยวข้อง จะเกิดสิ่งต่อไปนี้:

– $FET จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น $ASI โดยมีปริมาณโทเค็นทั้งหมด2.63055 พันล้านโทเค็น

– โทเค็น $AGIX ย้ายไปยัง $ASI ที่อัตราการแปลง 0.433350:1

– โทเค็น $OCEAN ย้ายไปยัง $ASI ที่อัตราการแปลง 0.433226:1

– หาก FDV ของโทเค็นทั้งสาม ณ วันที่ 26 มีนาคม 2024 ถูกโอนไปยัง $ASI อย่างสมบูรณ์ จะมียอดรวม FDV อยู่ที่ 7.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ภาวะผู้นําและการอภิบาลระบบ

เมื่อปิดการควบรวมโทเค็นนี้ สภาปกครองของ Artificial Superintelligence Alliance จะจัดตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบและแนะนําการดําเนินงานของเครือข่ายเศรษฐศาสตร์โทเค็นที่เพิ่งควบรวมกิจการ พันธมิตรจะนําโดย Ben Goertzel, Humayun Sheikh, Bruce Pon และ Trent McConaghy องค์กรที่เป็นแนวทางในการพัฒนาเครือข่ายที่ควบรวมทั้งสาม ได้แก่ Fetch.ai, Ocean Protocol Foundation และ SNET Foundation จะยังคงดําเนินการเป็นหน่วยงานที่แยกจากกัน แต่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในระบบนิเวศเศรษฐศาสตร์โทเค็น $ASI ที่ใช้ร่วมกัน และในการดําเนินงานของ Alliance

“ในบรรดาเป้าหมายทางการค้าและการวิจัยมากมายของเรา เพื่อให้เครือข่ายที่รวมกันนี้ทํางานได้ คือการเปิดตัวระบบ AGI ประสาทสัญญลักษณ์แบบกระจายอํานาจ ที่มีความสามารถที่เหนือกว่าทั่วโลกในด้านสําคัญ เช่น การให้เหตุผลเชิงตรรกะและวิทยาศาสตร์ และความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะ” Goertzel กล่าวต่อ “ผลกระทบของระบบดังกล่าวอาจเกินกว่าสิ่งที่เราแคยห็นจาก LLM ที่สําคัญอย่างมาก และนําเศรษฐกิจโลกไปสู่ยุคใหม่ของ AGI และ ASI แบบกระจายอํานาจที่เป็นประโยชน์”

เกี่ยวกับ SingularityNET

SingularityNET ก่อตั้งโดย Dr. Ben Goertzel โดยมีภารกิจในการสร้างปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) แบบกระจายอํานาจ เป็นประชาธิปไตย ครอบคลุม และเป็นประโยชน์ ตามที่ Dr. Goertzel กล่าว AGI ควรเป็นอิสระจากหน่วยงานกลางใด ๆ เปิดกว้างสําหรับทุกคน และไม่จํากัดอยู่เพียงเป้าหมายแคบๆ ของบริษัทเดียว หรือแม้แต่ประเทศเดียว ทีม SNET ประกอบด้วยวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ผู้ประกอบการ และนักการตลาดที่มีประสบการณ์ แพลตฟอร์มหลักและทีม AI ได้รับการเสริมกำลังเพิ่มเติมโดยทีมงานเฉพาะทางที่ทุ่มเทให้กับการใช้งานด้านต่างๆ เช่น การเงิน หุ่นยนต์ AI ชีวการแพทย์ สื่อ ศิลปะ และความบันเทิง

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SNET โปรดไปที่: https://singularitynet.io/

เกี่ยวกับ Fetch.ai

Fetch.ai บริษัท AI ในเคมบริดจ์ กําลังกําหนดนิยามใหม่ให้กับความเป็นไปได้ของโลกอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกันผ่านเทคโนโลยีที่ใช้ตัวแทน AI เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานของ Fetch.ai ช่วยให้นักพัฒนาและธุรกิจสามารถสร้าง ปรับใช้ และสร้างรายได้ผ่านแพลตฟอร์มโมดูลาร์ที่ใช้ตัวแทนสําหรับแอปพลิเคชัน AI รุ่นใหม่ ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท DeltaV ได้หลอมรวมโมเดลภาษา (LLM) และตัวแทน AI เข้าด้วยกันเพื่อสร้างตลาดที่เปิดกว้างและมีไดนามิกที่เชื่อมโยงผู้ใช้กับบริการ และพลิกโฉมประสบการณ์การค้นหาในปัจจุบัน

เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.fetch.ai และบน X

เกี่ยวกับ Ocean Protocol

Ocean ก่อตั้งขึ้นเพื่อยกระดับการแข่งขันด้าน AI และข้อมูล เครื่องมือ Ocean ช่วยให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไปสามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ข้อมูลโทเค็นได้อย่างราบรื่น เพื่อจัดการข้อมูลตลอดวงจรชีวิตของโมเดล AI แอปที่ขับเคลื่อนโดย Ocean ประกอบด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลระดับองค์กร การแข่งขันวิทยาศาสตร์ข้อมูล และ DAO ข้อมูล ผลิตภัณฑ์ Ocean Predictoor มีปริมาณมากกว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน หลังเปิดตัวเป็นเวลาหกเดือน พร้อมแผนงานในการปรับขนาดโมเดลพื้นฐานทั่วโลก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ
การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อมวลชน

FTI Consulting
Fetch.ai@fticonsulting.com

ที่มา: Fetch.ai, Ocean Protocol และ SingularityNET

DNP เร่งการพัฒนากระบวนการผลิตโฟโต้มาสก์สำหรับกลวิธีพิมพ์หิน EUV รุ่น 2nm

Logo

เข้าร่วมโครงการ NEDO R&D ในฐานะผู้รับเหมาช่วง Rapidus –

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–27 มีนาคม 2024

Dai Nippon Printing Co., Ltd. (DNP, TOKYO: 7912) ได้เริ่มการพัฒนากระบวนการผลิตโฟโต้มาสก์สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ลอจิกรุ่น 2 นาโนเมตร (10-9 เมตร) ที่รองรับรังสีอุลตร้าไวโอเลต (EUV) ระดับรุนแรงจากกลวิธีพิมพ์หิน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ล้ำสมัยมากสำหรับกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

Image of EUV lithography with pellicle, a protective film for the photomask (Photo: Business Wire)

รูปภาพเกี่ยวกับภาพพิมพ์หินพร้อมเพลลิเคิล ซึ่งเป็นฟิล์มบางสำหรับป้องกันโฟโต้มาสก์ (ภาพถ่าย: Business Wire)

DNP จะทำหน้าที่เป็นผู้รับเหมาช่วงและจัดหาเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นใหม่ให้กับ Rapidus Corporation (Rapidus) ในโตเกียวด้วยเช่นกัน Rapidus จะเข้าร่วมในโครงการวิจัยและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีการปรับแปลงสำหรับระบบสารสนเทศและการสื่อสารหลังยุค 5G ซึ่งริเริ่มโดย New Energy and Industrial Technology Development Organization (NEDO)

[ปูมหลัง]

เรามีการเสร้างสร้างความสามารถของเราในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ล้ำสมัยด้วยผลผลิตและคุณภาพสูง และในปี 2016 DNP เป็นผู้ผลิตโฟโต้มาสก์สำหรับผู้ค้ารายแรกของโลกที่แนะนำเครื่องมือการเขียนมาสก์แบบมัลติบีม (MBMW)
ในปี 2023 เราได้เสร็จสิ้นการพัฒนากระบวนการผลิตโฟโต้มาสก์สำหรับภาพพิมพ์หิน EUV รุ่น 3 นาโนเมตร และเริ่มต้นการพัฒนาเทคโนโลยีรุ่น 2 นาโนเมตร เพื่อตอบสนองความต้องการในการย่อส่วน เราจะเริ่มการพัฒนากระบวนการผลิตโฟโต้มาสก์สำหรับภาพพิมพ์หิน EUV รุ่น 2 นาโนเมตรอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการดำเนินงานสำหรับระบบภาพพิมพ์หินมาสก์รุ่นสองและสามในปีงบประมาณ 2024
DNP วางแผนที่จะนำระบบภาพพิมพ์หินมาสก์ MBMW รุ่นสองและสามมาสู่ระบบออนไลน์ในปีงบประมาณ 2024 โดยเร่งการพัฒนาโฟโต้มาสก์สำหรับภาพพิมพ์หิน EUV รุ่น 2 นาโนเมตร
DNP จะทำหน้าที่เป็นผู้รับเหมาช่วงในการพัฒนาเทคโนโลยีกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง (การดำเนินงาน) โดย Rapidus โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ R&D ของ NEDO ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้

[อนาคต]
ในปีงบประมาณ 2025 DNP จะเสร็จสิ้นการพัฒนากระบวนการผลิตสำหรับโฟโต้มาสก์สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ลอจิกรุ่น 2 นาโนเมตรที่รองรับภาพพิมพ์หิน EUV นับจากปีงบประมาณ 2026 เป็นต้นไป เราจะผลักดันการจัดตั้งเทคโนโลยีการผลิตโดยมีเป้าหมายที่จะเริ่มต้นการผลิตปริมาณมากในปีงบประมาณ 2027
นอกจากนี้ เรายังเริ่มการพัฒนาโดยมุ่งเน้นที่รุ่น 2 นาโนเมตรและรุ่นถัดไป และเรามีการลงนามข้อตกลงกับ imec ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยระดับนานาชาติที่ล้ำสมัย ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Leuven, Belgium โดยร่วมกันพัฒนาโฟโต้มาสก์ EUV รุ่นถัดไป DNP จะยังคงสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่น โดยส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ภายในขอบเขตงานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับนานาชาติ

รายละเอียดเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ DNP

DNP ก่อตั้งขึ้นในปี 1876 และได้กลายเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ใช้ประโยชน์จากโซลูชันด้านการพิม์เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ ในขณะเดียวกัน จะมีการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสร้างโลกที่มีชีวิตชีวายิ่งขึ้นสำหรับทุกคน เราใช้ประโยชน์จากความสามารถหลักในการผลิตไมโครแฟบริเคชั่นและเทคโนโลยีการเคลือบที่มีความแม่นยำสูง เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดจอแสดงผล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และฟิล์มกรองแสง เรายังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ห้องไอน้ำ และอาร์เรย์สะท้อนที่นำเสนอโซลูชันการสื่อสารยุคใหม่สำหรับข้อมูลที่เป็นมิตรต่อผู้คนยิ่งขึ้น

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53912205/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
DNP: Yusuke Kitagawa, +81-3-6735-0101
kitagawa-y3@mail.dnp.co.jp

แหล่งข้อมูล: Dai Nippon Printing Co., Ltd.

Toshiba เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ Arm® Cortex®-M4 สําหรับการควบคุมมอเตอร์

Logo

– เพิ่มไปยังกลุ่ม M4K ใน TXZ+ ™ Family Advanced Class พร้อมเพิ่มหน่วยความจําแฟลชรหัสเป็น 512KB/1MB

คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–26 มีนาคม 2024

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่แปดรายการที่มีความจุหน่วยความจําแฟลช 512KB/1MB และแพ็คเกจสี่ประเภทให้กับ กลุ่ม M4K  ของ TXZ+ ™ Family Advanced Class ไมโครคอนโทรลเลอร์ 32 บิต ที่ติดตั้งคอร์ Cortex®-M4 พร้อม FPU

Toshiba: TXZ+™ Family Advanced Class Arm® Cortex®-M4 microcontrollers for motor control (Graphic: Business Wire)

Toshiba: ไมโครคอนโทรลเลอร์ TXZ+ ™ Family Advanced Class Arm® Cortex®- M4 สําหรับควบคุมมอเตอร์ (กราฟิก: Business Wire)

ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในการทํางานของแอปพลิเคชันมอเตอร์ที่รองรับ IoT กําลังเพิ่มความต้องการความจุโปรแกรมขนาดใหญ่ และการรองรับเฟิร์มแวร์แบบ over-the-air

ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ขยายความจุหน่วยความจําแฟลชรหัสจากสูงสุด 256KB ของผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของ Toshiba เป็น 512KB[1]/1MB[2], ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ และความจุ RAM จาก 24KB เป็น 64KB คุณสมบัติอื่นๆ เช่น คอร์ Arm® Cortex®-M4 ที่ทํางานได้ถึง 160MHz แฟลชรหัสในตัว และหน่วยความจําแฟลชข้อมูล 32KB พร้อมความทนทานของรอบโปรแกรม/การลบ 100K ได้รับการบํารุงรักษา

ไมโครคอนโทรลเลอร์ยังมีอินเทอร์เฟซและตัวเลือกการควบคุมมอเตอร์ที่หลากหลาย เช่น ตัวขับมอเตอร์แบบตั้งโปรแกรมล่วงหน้าได้ (A-PMD) ตัวเข้ารหัสขั้นสูง 32 บิต (A-ENC32) เอ็นจิ้นเวกเตอร์ขั้นสูงพลัส (A-VE+) และตัวแปลงอนาล็อก/ดิจิตอล 12 บิตความเร็วสูง ความละเอียดสูงสามยูนิต ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม M4K จึงมีส่วนช่วยในการประยุกต์ใช้ IoT ในวงกว้าง และนําฟังก์ชันขั้นสูงมาสู่มอเตอร์ AC มอเตอร์ DC แบบไร้แปรงถ่าน และตัวควบคุมอินเวอร์เตอร์

ผลิตภัณฑ์ใหม่ใช้แฟลชรหัส 1MB ในพื้นที่ 512KB แยกกันสองพื้นที่ สิ่งนี้ทําให้เกิดการหมุนเฟิร์มแวร์ด้วยวิธีสลับหน่วยความจํา [3] ทําให้สามารถอ่านคำสั่งจากพื้นที่หนึ่งในขณะที่รหัสที่อัปเดตถูกตั้งโปรแกรมไปยังอีกพื้นที่หนึ่งแบบขนาน

อุปกรณ์ในกลุ่ม M4K มี UART, TSPI และ I2C รวมเป็นอินเทอร์เฟซการสื่อสารทั่วไป ฟังก์ชันการวินิจฉัยตนเองที่รวมอยู่ในอุปกรณ์สําหรับหน่วยความจําแฟลช RAM ADC และนาฬิกา ช่วยให้ลูกค้าได้รับการรับรองความปลอดภัยในการใช้งาน IEC 60730 Class B

เอกสารประกอบ ซอฟต์แวร์ตัวอย่างพร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง และซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ที่ควบคุมอินเทอร์เฟซสําหรับอุปกรณ์ต่อพ่วงแต่ละรายการ บอร์ดประเมินผลและสภาพแวดล้อมการพัฒนา จัดทําขึ้นโดยความร่วมมือกับพันธมิตรระบบนิเวศทั่วโลกของ Arm®

Toshiba กําลังวางแผนที่จะเพิ่มความจุของหน่วยความจําแฟลชสําหรับกลุ่ม M4M ด้วยอินเทอร์เฟซ CAN

หมายเหตุ:

[1] ความจุหน่วยความจําแฟลชรหัสของ TMPM4KxFDAxxG คือ 512KB พร้อมพื้นที่เดียว

[2] ความจุหน่วยความจําแฟลชรหัสของ TMPM4KxF10AxxG คือ 1MB ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ 512KB สองพื้นที่

[3] TMPM4KxFDAxxG ไม่รองรับฟังก์ชันนี้

การใช้งาน

  • การควบคุมมอเตอร์และอินเวอร์เตอร์ของสินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์อุตสาหกรรม
  • IoT ของสินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์อุตสาหกรรม ฯลฯ

คุณสมบัติ

  • คอร์ Cortex®-M4 ประสิทธิภาพสูงพร้อม FPU สูงสุด 160MHz
  • เพิ่มความจุของหน่วยความจําภายใน

หน่วยความจําแฟลชรหัส: 512KB/1MB

RAM: 64KB

  • ฟังก์ชั่นการหมุนเฟิร์มแวร์วิธีการสลับหน่วยความจํา รองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์ในขณะที่ไมโครคอนโทรลเลอร์ยังคงทํางาน[4]
  • ฟังก์ชันการวินิจฉัยตนเองเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน IEC 60730 คลาส B
  • แพ็คเกจสี่ประเภท

ข้อมูลจําเพาะหลัก

กลุ่มผลิตภัณฑ์

กลุ่ม M4K

หมายเลขชิ้นส่วน[5]

TMPM4KNF10AFG

TMPM4KNFDAFG

TMPM4KLF10AUG

TMPM4KLFDAUG

TMPM4KNF10ADFG

TMPM4KNFDADFG

TMPM4KLF10AFG

TMPM4KLFDAFG

คอร์ CPU

Arm® Cortex®-M4

  • (FPU)

-หน่วยป้องกันหน่วยความจํา (MPU)

ความถี่ในการทํางานสูงสุด

160MHz

ออสซิลเลเตอร์ภายใน

ความถี่การสั่น

10MHz (±1%)

ความจำภายใน

แฟลช (รหัส)

1024KB/512KB[5] (รอบโปรแกรม/การลบ: สูงสุด 100,000 ครั้ง)

ฟังก์ชั่นการหมุนเฟิร์มแวร์วิธีการสลับหน่วยความจําพร้อมพื้นที่แฟลชรหัสแยกกันสองพื้นที่ของแต่ละ 512KB[4]

แฟลช (ข้อมูล)

32KB (รอบโปรแกรม/การลบ: สูงสุด 100,000 ครั้ง)

แรม

64KB พร้อมความเท่าเทียมกัน

พอร์ต I/O

87 พิน

51 พิน

การขัดจังหวะภายนอก

20 ปัจจัย 32 พิน

15 ปัจจัย 20 พิน

ตัวควบคุม DMA (DMAC)

32 ช่อง

30 ช่อง

ฟังก์ชั่นจับเวลา

Timer Event Counter 32 บิต (T32A)

6 ช่อง (12 ช่องหากใช้เป็นตัวจับเวลา 16 บิต)

ฟังก์ชั่นการสื่อสาร

UART

4 ช่อง

ฟังก์ชั่นการสื่อสาร

อินเทอร์เฟซ I2C/EI2C (I2C/EI2C)

2 ช่อง

TSPI

2 ช่อง

ฟังก์ชั่นอนาล็อก

ตัวแปลง AD 12 บิต

(ADC)

อินพุต 11/5/6 ใน 3 ยูนิต

ฟังก์ชั่นอนาล็อก

Operational Amplifier

(OPAMP)

3 ยูนิต

วงจรควบคุมมอเตอร์

วงจรควบคุมมอเตอร์แบบตั้งโปรแกรมได้ขั้นสูง

(A-PMD)

ช่อง 3

วงจรควบคุมมอเตอร์

เวคเตอร์ เอ็นจิ้น พลัส ขั้นสูง

(A-VE+)

1 ช่อง

วงจรอินพุตเอ็นโค้ดเดอร์ขั้นสูง (32 บิต)

(A-ENC32)

ช่อง 3

1 channel

วงจรคํานวณ CRC (CRC)

1 ช่อง CRC32 CRC16

ฟังก์ชั่นระบบ

Watchdog Timer (SIWDT)

1 ช่อง

วงจรตรวจจับแรงดันไฟฟ้า (LVD)

1 ช่อง

เครื่องตรวจจับความถี่การสั่น (OFD)

1 ช่อง

บนฟังก์ชัน Chip Debug

JTAG / SW

TRACE(4bits)

NBDIF

SW

แรงดันไฟฟ้าใช้งาน

2.7 ถึง 5.5V, แหล่งจ่ายไฟแรงดันเดียว

4.5 ถึง 5.5 V (ฟังก์ชั่นทั้งหมด), 2.7 ถึง 4.5 V (ไม่มี OPAMP, ADC)

แพ็คเกจ / พิน

LQFP100

(14 มม. x 14 มม., ระยะพิทช์ 0.5 มม.)

LQFP64

(10 มม. x 10 มม. ระยะพิทช์ 0.5 มม.)

คิวเอฟพี 100

(14 มม. x 20 มม., ระยะพิทช์ 0.65 มม.)

LQFP64

(14 มม. x 14 มม., ระยะพิทช์ 0.8 มม.)

หมายเหตุ:

[4] สําหรับผลิตภัณฑ์ที่มีหน่วยความจําแฟลชรหัส 1MB(1024KB) เท่านั้น

[5] “F10” ในหมายเลขชิ้นส่วน ระบุหน่วยความจําแฟลชรหัส 1024KB และ “FD” ระบุ 512KB

[6] TMPM4KLFxxAxxG ไม่มีพิน OVVx

ตามลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่ม M4K
กลุ่ม M4K

คลิกลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครคอนโทรลเลอร์ของ Toshiba
ไมโครคอนโทรลเลอร์

* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm Limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือที่อื่นๆ

* TXZ+ ™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจําเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ  เป็นขัอมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ชั้นนําด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง อาศัยประสบการณ์และนวัตกรรมกว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อนําเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน ระบบ LSI และ HDD ที่โดดเด่น ให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ พนักงานของบริษัท 21,500 คนทั่วโลก มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้า ในการร่วมสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่ใกล้ถึง 800 พันล้านเยน (6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ตั้งตารอที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสําหรับผู้คนทั่วโลก

 ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่www.businesswire.com/news/home/53914468/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลลูกค้า:
MCU & Digital Device Sales &Marketing Dept.

Tel: +81-44-548-2233
ติดต่อเรา

สอบถามข้อมูลสื่อ:
Chiaki Nagasawa

ฝ่ายการตลาดดิจิทัล

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices &; Storage Corporation

Medisca เปิด MAZ® Lab ในรัฐแอริโซนา: ศูนย์นวัตกรรมและทรัพยากรลูกค้า

Logo

แพลตต์สเบิร์ก, นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–26 มีนาคม 2024

Medisca ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันห่วงโซ่อุปทานด้านยาและเวชภัณฑ์เฉพาะบุคคล ได้ประกาศอย่างภาคภูมิใจในการเปิด Medisca MAZ Lab ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา MAZ Lab เป็นศูนย์นวัตกรรมและทรัพยากรลูกค้าที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนาและขยายระบบนิเวศของ MAZ

MAZ technology เปิดตัวในปี 2016 ในฐานะเครื่องผสม planetary mixer เครื่องแรกที่เข้าสู่ตลาดการผสมยา และขณะนี้กำลังสร้างชื่อเสียงในอุตสาหกรรมกัญชาและอุตสาหกรรมด้านสุขภาพอื่นๆ เทคโนโลยีดังกล่าวได้กำหนดนิยามใหม่ของวิธีการผลิตยาเฉพาะบุคคลและสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเชื่อมช่องว่างในกระบวนการผลิตซึ่งทำให้เกิดมิติใหม่ มีมาตรฐานด้านความแม่นยำ อเนกประสงค์ และมีประสิทธิภาพ

“จากการต่อยอดจากการวิจัยและพัฒนามากว่า 10 ปี ขั้นตอนการดำเนินงานที่เป็นเอกสิทธิ์ สูตรมากกว่า 200 สูตร และสิทธิบัตรมากกว่า 8 ฉบับ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเข้าสู่บทต่อไปของนวัตกรรมและการขยายตัวด้วยการเปิด MAZ Lab” คุณ Panagiota Danopoulos รองประธานอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมระดับโลกที่ Medisca กล่าว “ทั้งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับการวิจัย การสำรวจ การทดสอบ และการพัฒนา โดย MAZ Lab จะมอบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเติบโตและโอกาส ในขณะเดียวกันก็สร้างพื้นที่ในการเชื่อมต่อและให้ความรู้แก่พันธมิตรและลูกค้าของเราที่ทรงคุณค่าของเรา”

เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการลดช่องว่างด้านการดูแลสุขภาพ Medisca MAZ Lab จะทุ่มเทพยายามอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาและโซลูชันการทดสอบลูกค้าแบบตัวต่อตัว พร้อมด้วยวิสัยทัศน์ในการเสริมศักยภาพผู้เชี่ยวชาญในภาคส่วนด้านสุขภาพที่หลากหลาย เพื่อออกแบบด้วยความแม่นยำ ผลิตอย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงการทำให้สามารถเข้าถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมว่า Medisca ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของเทคโนโลยี MAZ อย่างไร คลิกที่นี่ — click here.

เกี่ยวกับ Medisca

Medisca ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันห่วงโซ่อุปทานด้านยาเฉพาะบุคคลและด้านเภสัชกรรม โดยมีผลิตภัณฑ์มากมายกว่า 2,000 รายการอีกทั้งยังจัดทำคลังสูตรยาที่ปรับแต่งตามความต้องการมากกว่า 10,000 รายการ ความเชี่ยวชาญ และบริการด้านการผสมยา การศึกษาด้านการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง การวิเคราะห์ การทดสอบ และอื่นๆ อีกมากมาย มอบโซลูชันที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างประณีตให้กับภาคส่วนด้านสุขภาพที่หลากหลายทั่วโลก — Medisca กำลังเชื่อมช่องว่างในการดูแลสุขภาพและเพิ่มขีดความสามารถด้านสุขภาพส่วนบุคคลสำหรับทุกคน  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.medisca.com และติดตามเราได้ที่ LinkedInFacebook, และ YouTube

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Adam Pinsky
ผู้จัดการฝ่ายการสื่อสาร Medisca
apinsky@medisca.com

ที่มา: Medisca

Toshiba เปิดตัวเทคโนโลยีควบคุมการประเมินตำแหน่งใหม่สำหรับชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ควบคุมมอเตอร์ เพื่อลดความซับซ้อนในการควบคุมมอเตอร์ภาคสนาม

Logo

– วันนี้ขอนำเสนอ "MCU Motor Studio Ver.3.0" และ "เครื่องมือปรับแต่งพารามิเตอร์มอเตอร์" ใหม่-

KAWASAKI, Japan–(BUSINESS WIRE)–19 มีนาคม 2024

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") ได้มีการปรับปรุงความสามารถในการควบคุมมอเตอร์ โดยมีการเปิดตัวเครื่องมือนวัตกรรมสองรายการ มีการเพิ่มเทคโนโลยีควบคุมการประเมินตำแหน่งใหม่สำหรับการควบคุมภาคสนาม (FOC) เข้าในชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ควบคุมมอเตอร์เวอร์ชันล่าสุด “MCU Motor Studio Ver.3.0” ในขณะที่ “Motor Tuning Studio Ver.1.0” จะมีการคำนวณพารามิเตอร์ของมอเตอร์โดยอัตโนมัติ โดยสามารถเลือกใช้งานทั้งสองรายการแล้วในวันนี้

Toshiba: motor control software development Kit "MCU Motor Studio Ver.3.0" (Graphic: Business Wire)

Toshiba: ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ควบคุมมอเตอร์ "MCU Motor Studio Ver.3.0" (กราฟิก: Business Wire)

FOC เป็นวิธีการควบคุมมอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ยากในการใช้งานเนื่องจากมีความซับซ้อนในการใช้เกนควบคุมสัดส่วน-อินทิกรัล (PI) สำหรับการปรับจูนตัวขับมอเตอร์ โดยปกติแล้ว จะมีการใช้ระบบควบคุม PI สำหรับการควบคุมตำแหน่ง การควบคุมความเร็ว และการควบคุมกระแสไฟ โดยจะมีพารามิเตอร์เกนควบคุม PI สามรายการที่มีการทำงานร่วมกัน จะสามารถปรับเปลี่ยนได้โดยการลองผิดลองถูกเท่านั้น ในขณะเดียวกัน MCU Motor Studio จะดำเนินการควบคุมมอเตอร์โดยใช้พารามิเตอร์มอเตอร์ที่เป็นที่รู้จักกันดี แต่ปัญหาคือ ไม่มีฟังก์ชันในการแยกพารามิเตอร์ออกจากมอเตอร์

วิธีการควบคุมการประเมินตำแหน่งใหม่ของ Toshiba นี้จะขึ้นกับระบบตรวจสอบฟลักซ์ และไม่มีการใช้ระบบควบคุม PI สำหรับการประเมินตำแหน่ง ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายยิ่งขึ้นในระหว่างการประเมินมอเตอร์ วิธีการใหม่นี้ช่วยทำให้มีความเสถียรในระหว่างการทำงานที่มีโหลดสูงมากยิ่งขึ้นกว่าระบบควบคุมการประเมินตำแหน่งแบบเดิม MCU Motor Studio Ver.3.0 ที่มีการผสานรวมวิธีการใหม่นี้ยังรองรับวิธีการควบคุมตำแหน่งแบบเดิมอีกด้วย

การผสานรวม MCU Motor Studio และ MCU Motor Tuning Studio ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้พารามิเตอร์มอเตอร์ตั้งต้นและเริ่มต้นการประเมินค่าได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น จะสามารถเรียกใช้ Motor Tuning Studio ได้โดยใช้ฟอร์มแบบสอบถามจากลูกค้าของ Toshiba ได้ที่นี่ (ติดต่อ)

Toshiba มีความก้าวหน้าในการตระหนักถึงความเป็นกลางของคาร์บอนและเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน และจะยังคงมีการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ไมโครคอนโทรลเลอร์สำหรับ FOC และชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ควบคุมมอเตอร์ และเพื่อรองรับมอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MCU Motor Studio
MCU Motor Studio

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครคอนโทรลเลอร์ของ Toshiba
ไมโครคอนโทรลเลอร์

* TXZ+™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาด้านบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดัคเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง โดยใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมที่มีมากว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอเซมิคอนดัคเตอร์แบบแยกชิ่นส่วน ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ที่โดดเด่นแก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ
พนักงานของบริษัทจำนวน 21,500 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีเกือบ 8 แสนล้านเยน (6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation มุ่งมั่นในการสร้างและมีส่วนร่วมเพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้คนในทุกที่
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53911084/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลด้านลูกค้า:
MCU & Digital Device Sales & Marketing Dept.
โทร: +81-44-548-2233
ติดต่อเรา

สอบถามข้อมูลด้านสื่อ:
Chiaki Nagasawa
Digital Marketing Dept.
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

แหล่งข้อมูล: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Mitsubishi Corporation Life Sciences ตีพิมพ์ผลการศึกษาใหม่เกี่ยวกับผลของการกินซิสเทอีนเปปไทด์ที่มีกลูตาไธโอนต่อความกระจ่างใสของผิว

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–12 มีนาคม 2024

Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited (สำนักงานใหญ่: เขตชิโยดะ โตเกียว ญี่ปุ่น คิชิโมโตะ โคจิ กรรมการตัวแทนและประธาน) ได้ทำการศึกษาทางคลินิก เรื่องความกระจ่างใสของผิวในซิสเทอีนเปปไทด์และตีพิมพ์ใน Cosmetics 2023, 10, 72 ในการศึกษานี้ บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ไลฟ์ ไซเอนซ์ ให้คำจำกัดความของกลูตาไธโอน (GSH), ซิสเทนิลไกลซีน (Cys-Gly) และกลูตามิลซิสเทอีน (-Glu-Cys) เป็นเปปไทด์ซิสเทอีน และทำการศึกษาแบบสุ่ม ปกปิดทั้งสองด้านด้วยยาหลอกเพื่อตรวจสอบผลกระทบของซิสเทอีนเปปไทด์ที่รับประทานทางปากในความกระจ่างใสของผิวมนุษย์

การศึกษาแสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่รับประทานซีสเตอีนเปปไทด์ขนาด 45 มก. เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าแขนขาวขึ้นโดยขึ้นอยู่กับเวลา และสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกในสัปดาห์ที่ 12

รายละเอียดการวิจัย

การศึกษานี้ได้รับการออกแบบให้เป็นการศึกษาเปรียบเทียบแบบสุ่ม ปกปิดสองด้าน ควบคุมด้วยยาหลอก กลุ่มคู่ขนานกับชายและหญิงที่มีสุขภาพดี อายุระหว่าง 20 ถึง 65 ปี ผู้เข้าร่วมที่มีสิทธิ์ได้รับการสุ่มแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม (ซิสเทอีนเปปไทด์ 45 มก.: n = 16, 90 มก.: n = 15 และยาหลอก: n = 16) ผู้เข้ารับการทดลองแต่ละคนรับประทานยาหกเม็ดทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และวัดความสว่างของผิวหนัง (ค่า L) โดยใช้เครื่องสเปกโตรโฟโตมิเตอร์แบบพกพา CM-26d (Konica Minolta โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น) ที่การตรวจคัดกรอง 0 สัปดาห์ 4 สัปดาห์ 8 สัปดาห์ และ 12 สัปดาห์

ผลลัพธ์

ทุกกลุ่มแสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในความกระจ่างใสของแขนที่ 12 สัปดาห์ เทียบกับ 0 สัปดาห์ นอกจากนี้ ค่า ΔL ยังสว่างกว่าอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่ม 45 มก. เมื่อเทียบกับยาหลอก (p = 0.028) ที่ 12 สัปดาห์ ค่า ΔL 90 มก. สูงกว่ากลุ่มยาหลอกที่ 12 สัปดาห์

Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited มีบริษัทในเครือของ KOHJIN Life Sciences ซึ่งเป็นผู้ผลิตกลูตาไธโอนที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น KOHJIN Life Sciences มีประวัติการผลิตยาวนานกว่า 70 ปี และยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าใหม่โดยการรวมเทคโนโลยีการหมักขั้นสูงของบริษัทต่าง ๆ ของ Mitsubishi Corporation Life Sciences Group และผ่านการวิจัยและพัฒนาในด้านเทคโนโลยีชีวภาพ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53905938/en

ติดต่อ

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวนี้ โปรดติดต่อ:
kentaro.hamasaki@mcls-ltd.com
Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited
Tokyo Takarazuka Bldg 14F,
1-1-3 Yurakucho, Chiyoda-ku,
Tokyo 100-0006 Japan

ที่มา: Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited

Cargill แบ่งปันผลลัพธ์ของการเดินทางครั้งแรกของ เรือเดินสมุทรพลังงานลมลําแรกของโลก

Logo

ผลการวิจัยเผยให้เห็นการประหยัดเชื้อเพลิงอย่างมีนัยสําคัญ โดยเน้นย้ำถึงศักยภาพในการขับเคลื่อนด้วยลม เพื่อสนับสนุนความพยายามในการลดคาร์บอนของอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือ

เจนีวา–(BUSINESS WIRE)–13 มีนาคม 2024

วันนี้ Cargill เปิดเผยผลลัพธ์ที่น่าตื่นเต้นของการทดสอบ Pyxis Ocean ในระยะเวลา 6 เดือน โดยเน้นย้ำถึงศักยภาพของเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยลมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน เรือ MC Shipping Kamsarmax ที่ได้ปรับปรุงใหม่ด้วยการติดตั้ง WindWings® สองใบ – ใบเรือลมแข็งขนาดใหญ่ที่พัฒนาโดย BAR Technologies – – ได้รับประสิทธิภาพที่สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเทียบเท่ากับเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย 3 ตันต่อวัน

Pyxis Ocean sailing through the English Channel from Spain to Amsterdam, March 2024 (Photo: Business Wire)

เรือบรรทุกสินค้า Pyxis Ocean เดินเรือจากสเปนไปยังอัมสเตอร์ดัมผ่านช่องแคบอังกฤษ เดือนมีนาคม 2024

"เราได้รับกำลังใจจากผลลัพธ์ที่ได้ และได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับการนำระบบขับเคลื่อนที่ใช้แรงลม มาใช้กับเรือสินค้าเทกองแห้ง" Jan Dieleman ประธานธุรกิจการขนส่งทางทะเลของ Cargill กล่าว "เราไม่สามารถทําสิ่งนี้ได้โดยลําพัง – BAR Technologies และ MC Shipping เป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมในการทําให้ Pyxis Ocean เป็นจริง เช่นเดียวกับกัปตันและลูกเรือ เราเป็นผู้นําของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือ และเชื่อว่าเทคโนโลยีที่ควบคุมพลังงานลมอาจเป็นวิธีที่สําคัญและคุ้มค่า ในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนในระยะสั้น กลาง และระยะยาว"

Pyxis Ocean เข้าสู่น่านน้ำเปิดในเดือนสิงหาคมปี 2023 และในช่วงหกเดือนแรกของการทดสอบ ได้แล่นไปในมหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแปซิฟิก แอตแลนติกเหนือและใต้ และผ่านแหลมฮอร์นและแหลมกู๊ดโฮป เรือได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยการติดตั้ง WindWings® สองใบ ซึ่งมีความสูง 37.5 เมตรและมีลักษณะคล้ายปีกเครื่องบินขนาดใหญ่ ปีกถูกติดตั้งในแนวตั้งเพื่อรับลมและขับเคลื่อนเรือไปข้างหน้า ทําให้เครื่องยนต์ของเรือดับลง เพื่อให้เรือสามารถเดินทางด้วยความเร็วเท่ากับเรือทั่วไปโดยใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่า ปีกถูกควบคุมโดยแผงสัมผัสบนสะพาน ระบบสัญญาณไฟจราจรแบบเรียบง่ายจะบอกลูกเรือว่าเมื่อใดควรยกหรือลดใบเรือ เมื่อยกขึ้นแล้วการทํางานจะเป็นไปโดยอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์: เซ็นเซอร์บนเรือจะตรวจวัดลมอย่างต่อเนื่อง และใบเรือจะปรับตัวเองเพื่อให้ได้การกําหนดค่าที่เหมาะสมที่สุด

การขับเคลื่อนด้วยแรงลมมีศักยภาพที่จะเป็นวิธีที่ประหยัดต้นทุนในการสนับสนุนกลยุทธ์ลดก๊าซเรือนกระจกใหม่ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) หนึ่งในเป้าหมายของ IMO 2030 คือการมีพลังงานที่มาจากแหล่งคาร์บอนที่ต่ำมากให้ได้ 5 เปอร์เซ็นต์ โดยมุ่งมั่นให้ได้ 10 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2030: การขับเคลื่อนด้วยลมอาจเป็นวิธีสําคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้

การเดินทางในช่วงแรกได้ให้ข้อมูลเชิงลึกมากกว่าแค่การใช้ใบเรือบนเรือเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงความท้าทายด้านลอจิสติกส์ที่กว้างขึ้นในระบบการเดินเรือทั่วโลก เนื่องจากท่าเรือ ท่าเทียบเรือ และท่าเทียบเรือทุกแห่งมีความแตกต่างกัน การมีส่วนร่วมของท่าเรือเหล่านี้จึงมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อการบูรณาการเทคโนโลยี Wind Assisted Propulsion (WAP) เข้ากับระบบการเดินเรือทั่วโลกในวงกว้าง

John Cooper ซีอีโอของ BAR Technologies กล่าวเสริมว่า "ผลลัพธ์ของการเดินทางครั้งแรกของ Pyxis Ocean ที่ติดตั้ง WindWings® แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการขับเคลื่อนด้วยลมสามารถประหยัดเชื้อเพลิง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น ในสภาวะการเดินเรือที่เหมาะสมที่สุด ในระหว่างการเดินทางในทะเลเปิด Pyxis Ocean สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ 11 ตันต่อวัน และในขณะที่ Pyxis Ocean มี WindWings® สองอันเราคาดว่าเรือ Kamsarmax ส่วนใหญ่จะมีปีกสามปีก ซึ่งจะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษได้ถึง 1.5 เท่า ด้วย Cargill ตอนนี้เราสามารถตรวจสอบการคาดการณ์ประสิทธิภาพ และการสร้างแบบจําลองในสภาพการใช้งานจริงได้ ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นเมื่อเราเปิดตัวการผลิต WindWings® ทั่วโลก"

" Cargill กําลังสร้างแนวทางสําหรับเรือ WAP ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ Pyxis Ocean เท่านั้น เพื่อปฎิบัติการบนเส้นทางการค้าโลก" Dieleman กล่าว "จนถึงตอนนี้ เราได้ร่วมมือกับท่าเรือมากกว่า 250 แห่ง เพื่อค้นหาวิธีในการทําให้เรือที่มี WAP ขนาดใหญ่เข้าเทียบท่าได้ ความซับซ้อนนี้เป็นจุดที่ Cargill มีความเป็นเลิศอย่างแท้จริง และวิธีที่เราสามารถใช้ประโยชน์จากบทบาทเฉพาะของเราในอุตสาหกรรมการเดินเรือได้ เราไม่กลัวที่จะเป็นพันธมิตรด้านการพัฒนาและลงทุน แบ่งปันความเสี่ยงกับพันธมิตร และสร้างความแตกต่างในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม"

คาร์กิลล์จะดําเนินการทดสอบและทดลองด้านปฏิบัติงาน ด้านเทคนิค และเชิงพาณิชย์ของ Pyxis Ocean ต่อไป เพื่อรวมการเรียนรู้จํานวนสูงสุดเข้ากับการออกแบบศักยภาพของสถานที่ปฎิบัติงานในอนาคตก่อนที่จะขยายขนาด

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:

[1]

  • BAR Technolgies และ Cargill ประมาณการว่าจะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้โดยเฉลี่ยต่อปีที่ 3 ตันต่อวัน (ซึ่งเท่ากับ 11,2/ตัน/วัน CO2e การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตั้งแต่การผลิตจนจบกระบวนการ ซึ่งเท่ากับประหยัดประมาณ 14 เปอร์เซ็นต์สําหรับ Pyxis Ocean
  • ประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยที่วัดได้จนถึงขณะนี้อยู่ภายใน 10% ของการคาดการณ์ โดยใช้การจําลองพลศาสตร์ของไหลเชิงคํานวณ (CFD) โดย BAR Technologies เพื่อประเมินว่าแรงขับเคลื่อนด้วยลมจะทํางานได้ดีเพียงใดบนเส้นทางของ Cargill
  • ในช่วงสภาวะการเดินเรือที่เหมาะสม Pyxis Ocean สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า 11 ตัน/วัน ซึ่งแปลว่าปล่อย CO2e น้อยลงถึง 41 ตัน/วัน ตั้งแต่การผลิตจนจบกระบวนการ หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 37%
  • ค่าเฉลี่ย CO2e ที่11.2 ตัน/วัน ข้างต้นอยู่ที่ประมาณ 2650CO2e/ปี (11.2 ตัน x 237 วันเดินเรือโดยเฉลี่ยต่อปี = 2650 ตัน ตั้งแต่การผลิตจนจบกระบวนการ) ซึ่งเทียบเท่ากับการนํารถยนต์ 480 คันออกจากถนน (อ้างอิง: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากรถยนต์โดยสารทั่วไป | EPA ของสหรัฐอเมริกา)
  • Cargill และ MC Shipping ได้ว่าจ้าง DNV ในฐานะบุคคลที่สามที่เป็นอิสระ เพื่อทบทวนผล และทวนสอบผลการคํานวณการประหยัดเชื้อเพลิง

เกี่ยวกับ WindWings

  • Cargill เป็นคนแรกที่ติดตั้ง "WindWings" ใบเรือปีกแข็งขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นเปอร์เซ็นต์เป็นตัวเลขสองหลัก
  • การทํางานร่วมกับพันธมิตร BAR Technologies Cargill ได้ติดตั้ง WindWings บนเรือ Kamsarmax Pyxis Ocean ซึ่งเราเช่าเหมาลําจาก MC Shipping
  • การติดตั้งเสร็จสิ้นที่ COSCO ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนในปี 2023
  • ปัจจุบัน Pyxis Ocean เป็น Kamsarmax ที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดในกองเรือเช่าเหมาลําของ Cargill
  • Pyxis Ocean จะถูกนำมาใช้เพื่อแจ้งถึงศักยภาพในการขยายขนาดการติดตามยานพาหนะและอุตสาหกรรม Cargill วางแผนที่จะเรียนรู้วิธีการปรับปรุงการออกแบบ การปฎิบัติงาน และประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
  • โครงการ WindWing เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ได้รับเงินทุนจากโครงการวิจัยและนวัตกรรม Horizon 2020 ของสหภาพยุโรปภายใต้ข้อตกลงการให้ทุนหมายเลข 955286

เกี่ยวกับ Cargill Ocean Transportation

Cargill Ocean Transportation เป็นองค์กรการค้าการขนส่งสินค้าชั้นนําที่เช่าเหมาลําเรือประมาณ 650 ลําทั่วโลกในคราวเดียว ก่อตั้งขึ้นในปี 1956 ในเจนีวา เราได้รับประโยชน์จากมรดกอันยาวนานและความสามารถของผู้เชี่ยวชาญในการดําเนินงานทั่วโลกของคาร์กิลล์ ในด้านการค้าอาหาร การเกษตร และสินค้าโภคภัณฑ์ ลูกค้าของเรารวมถึงบริษัทอื่น ๆ ตลอดจนธุรกิจภายในของ Cargill ถือเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทํา เราให้บริการที่ผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัลล่าสุดเข้ากับโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อทำให้การขนส่งปลอดภัยและยั่งยืนยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ Cargill

Cargill มุ่งมั่นที่จะจัดหาอาหาร ส่วนผสม โซลูชั่นทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อหล่อเลี้ยงโลกด้วยวิธีที่ปลอดภัย มีความรับผิดชอบ และยั่งยืน ในฐานะหัวใจสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน เราร่วมมือกับเกษตรกรและลูกค้าในการจัดหา ผลิต และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความสําคัญต่อการดํารงชีวิต

สมาชิกในทีม 160,000 คนของเราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างมีจุดมุ่งหมาย โดยมอบสิ่งจําเป็นในชีวิตให้กับลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโต ชุมชนเจริญรุ่งเรือง และผู้บริโภคมีชีวิตที่ดี ด้วยประสบการณ์ 159 ปีในฐานะบริษัทครอบครัว เรามองไปข้างหน้าในขณะที่ยังคงยึดมั่นในค่านิยมของเรา เราให้ความสําคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก เราไปถึงที่สูงขึ้น เราทําในสิ่งที่ถูกต้อง—ในวันนี้และสําหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ Cargill.com และศูนย์ข่าวของเรา

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53907921/en

Contacts

Nicole Marlor
media@cargill.com

ที่มา: Cargill




Epicor ฉลองความสำเร็จของพันธมิตรด้วยรางวัล International Partner Excellence Awards ประจำปี 2024

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–12 มีนาคม 2024

Epicor ผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรในกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะเพื่อการส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ ได้แสดงความยินดีกับบรรดาผู้ชนะรางวัล International Partner Excellence Awards ในงานประชุมสัมมนา Momentum Partner Conference ประจำปีของบริษัทที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

รางวัลในงานนี้แสดงถึงความสำเร็จของพันธมิตรช่องทางการขายต่างประเทศ โดยให้การยกย่องพันธมิตรที่สามารถยกระดับคุณค่าที่มอบให้แก่ลูกค้า รวมถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทที่จะสร้างการเติบโตให้ธุรกิจของ Epicor ได้อย่างน่าประทับใจ

“พันธมิตรช่องทางการขายของ Epicor ทั่วทั้งภูมิภาคของเรายกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้าและช่วยเหลือองค์กรต่าง ๆ ในระบบเศรษฐกิจที่ประกอบด้วยการผลิต การเคลื่อนย้าย และการขาย ให้สามารถเดินหน้าไปบนเส้นทางการเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและความสำเร็จ” Paul Flannery รองประธานฝ่ายช่องทางขายต่างประเทศของ Epicor กล่าว “เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้แสดงการยกย่องแก่พันธมิตรของเราส่วนหนึ่งที่มีผลงานโดดเด่นและเป็นนวัตกรรมใหม่ในการให้บริการลูกค้าที่เรามีร่วมกัน”

ผู้ที่ได้รับรางวัลในปีนี้มีดังต่อไปนี้

  • รางวัลด้านผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม (Industry Specialist Award)Data World Solutions Limited สร้างผลลัพธ์ที่โดดเด่นให้ลูกค้าโดยมุ่งเน้นการพัฒนาความเชี่ยวชาญและแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตของเล่น พลาสติก และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมทั้งจัดหาโซลูชันให้ลูกค้าระดับแนวหน้าของตลาดหลายราย
  • รางวัลด้านการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ (Business Transformation Award)MIB Company Limited ได้รับการยกย่องจากการให้ความสำคัญกับแนวทาง “แหล่งข้อมูลจริงเพียงแห่งเดียว” (Single Source of Truth) และการนำแนวทางนี้มาใช้งานจริงกับลูกค้ารายหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้ามีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และสามารถดำเนินการ ตลอดจนหาโอกาสลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศได้
  • รางวัลด้านการเปลี่ยนไปใช้ระบบคลาวด์ (Cloud Transformation Award)Mindbox S.A. ช่วยให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมการผลิตสามารถเปลี่ยนไปใช้ระบบคลาวด์ได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติและกระบวนการต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ประโยชน์จาก Epicor Kinetic จนกระทั่งช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในกระบวนการเปลี่ยนไปใช้ระบบคลาวด์ได้ทั่วโลก
  • รางวัลดาวรุ่งดวงใหม่ (Rising Star Award)ตัวแทนจากทั้ง Grand Target และ Inycom ได้รับรางวัลดาวรุ่งดวงใหม่ โดยแต่ละรายได้ทุ่มลงทุนกับหน่วยงานฝ่ายขายและการตลาดของตนเอง ตลอดจนการนำบริการมาใช้งานจริง แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพจากการใช้ Epicor Kinetic
  • รางวัลพันธมิตรช่องทางการขายต่างประเทศแห่งปี (International Partner of the Year Award)Precise เดินหน้าทำผลงานสร้างความยั่งยืนในทุก ๆ ปี โดยรวมถึงการเพิ่มยอดขายพ่วง การส่งเสริมการใช้โมเดลระบบคลาวด์ทั้งภายในธุรกิจของตนเองและกับฐานลูกค้า และการสร้างกระแสเงินรายงวดให้แข็งแกร่งเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

Andy Coussins รองกรรมการผู้จัดการต่างประเทศของ Epicor กล่าวปิดท้ายว่า “เรามีผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลที่เก่งกาจกันมาก ๆ และแนวคิดหลักก็คือว่าพันธมิตรช่องทางการขายต่างประเทศของเราหาวิธีมอบประสบการณ์และผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีที่สุดให้ลูกค้าของตนเองอย่างไร ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะรางวัลมากความสามารถของเราทุกราย การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันจากผู้ชนะรางวัลเหล่านี้ทำให้เราสามารถให้การสนับสนุนลูกค้าในอุตสาหกรรมการผลิต การเคลื่อนย้าย และการขายของเราได้อย่างต่อเนื่อง”

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุมชนพันธมิตรของ Epicor ได้โดยเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

เกี่ยวกับ Epicor

Epicor จัดหาโซลูชันขับเคลื่อนโลกสำหรับองค์กรให้แก่บรรดาธุรกิจที่มุ่งมั่นทำงานอย่างแข็งขัน ลูกค้าของ Epicor ในอุตสาหกรรมยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง การจัดจำหน่าย การผลิต และการค้าปลีก ล้วนวางใจให้ Epicor ช่วยปรับปรุงการทำธุรกิจให้ดียิ่งขึ้นมาเป็นเวลา 50 ปีแล้ว ชุดโซลูชันล้ำสมัยของ Epicor ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้า อีกทั้งยังออกแบบมาให้สามารถรับมือกับการใช้งานจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่งได้อย่างยืดหยุ่น Epicor มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง จึงช่วยลูกค้าขับเคลื่อนสู่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าลูกค้าจะต้องการสร้างการเติบโตหรือการเปลี่ยนแปลง หรือเพียงต้องการให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลเพิ่มขึ้นก็ตาม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยไปที่ www.epicor.com

Epicor และโลโก้ Epicor เป็นเครื่องหมายการค้าของ Epicor Software Corporation ซึ่งจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ เครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ที่อ้างถึงนั้นถือเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีจำหน่ายซึ่งได้บรรยายไว้ในเอกสารนี้ผลิตขึ้นโดย Epicor Software Corporation ทั้งนี้ จะไม่มีการรับประกันผลลัพธ์ และประสบการณ์ของผู้ใช้แต่ละคนจะแตกต่างกันไป

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Charlotte Stretton
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ
Charlotte.stretton@epicor.com
+44 (0) 1344 468261

Epicor เฉลิมฉลอง 30 ปีแห่งการขับเคลื่อนนวัตกรรมและความสำเร็จของลูกค้าทั่วเอเชียที่งาน Asia Connect ประจำปี

Logo

กรุงเทพฯ –(BUSINESS WIRE)–11 มีนาคม 2024

Epicor ซึ่งเป็นผู้นำซอฟต์แวร์ระดับองค์กรระดับโลกเฉพาะอุตสาหกรรม (global industry-specific enterprise software leader) ได้เฉลิมฉลองความสำเร็จอย่างมากมายในงาน Asia Connect ซึ่งเป็นงานฉลองสำหรับลูกค้าประปีของบริษัท โดยจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ประเทศไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา งานดังกล่าวยังถือเป็นวาระครบรอบ 30 ปีของการดำเนินงานของ Epicor ทั่วเอเชียเหนือและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแสดงให้เห็นว่า Epicor ได้สนับสนุนลูกค้าและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมในการขับเคลื่อนการเติบโตและความสำเร็จในการดำเนินงานอย่างไรบ้างอีกด้วย

คุณ Vincent Tang รองประธานฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียของEpicor กล่าวว่า “เราไม่ต้องการปล่อยให้ช่วงเวลาสำคัญนี้ผ่านไป และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความมุ่งมั่นและความภักดีของเราต่อภูมิภาคหลักนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลยังคงเติบโตทั่วเอเชีย เราจะสนับสนุนลูกค้าของเราด้วยการแนะนำโครงการริเริ่มด้าน AI และการปรับปรุงอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อสร้างการเชื่อมต่อทางดิจิทัลเพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น เรามีความกระตือรือร้นในการให้ความรู้และดึงดูดคนหนุ่มสาวเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พวกเขามีรากฐานดิจิทัลที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจการผลิต การเคลื่อนย้าย และการขาย”

Epicor มองเห็นการเติบโตของ SaaS อย่างมีนัยสำคัญในช่วงสามปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการนำระบบคลาวด์มาใช้เพิ่มขึ้นทั่วเอเชีย โดยธุรกิจในภูมิภาคจำนวนมากปรับใช้หรือโยกย้ายไปยัง Epicor Kinetic ในระบบคลาวด์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์เฉพาะและปรับขนาดได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตแข่งขันได้ดีขึ้นและทำให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโต

คุณ Andy Coussins รองประธานบริหารฝ่ายต่างประเทศของ Epicor กล่าวถึงความสำเร็จของบริษัท โดยให้ความเห็นว่า "ประสิทธิภาพที่โดดเด่นในด้านการเติบโตของระบบคลาวด์เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงทีมงาน Epicor ในพื้นที่ ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้ SaaS และช่วยเหลือพวกเขาในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การเดินทางไม่ควรมองข้าม เรามีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาในการขยายการดำเนินงานระดับภูมิภาคของเรา ดื่มด่ำไปกับตลาด อุตสาหกรรม และสินค้าเฉพาะทางในท้องถิ่น และขับเคลื่อนการลงทุนที่สำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าของเราจะได้รับประสบการณ์ระดับชี่นหนึ่ง เราหวังว่าจะสานต่อแรงผลักดันนี้ต่อไปในภูมิภาคที่สำคัญนี้”

งานดังกล่าวเป็นการยกย่องนวัตกรรมและความเป็นเลิศของลูกค้าสำหรับผู้ที่เป็นเลิศในการใช้ประโยชน์จากโซลูชันของ Epicor เพื่อเปลี่ยนแปลงและเร่งความทะเยอทะยานทางธุรกิจของตน

ผู้ชนะรางวัล Epicor Champion Award ได้แก่:

ชนะเลิศด้านการผลิตEssons Global Industrial Company มีข้อจำกัดด้านการมองเห็นที่พื้นของโรงงาน และต้องพึ่งพาการรวบรวมและป้อนข้อมูลด้วยตนเอง ด้วยการใช้ Epicor Kinetic และ MES Essons ทำให้กระบวนการลดลงจาก 20 – 25 วัน เหลือเพียง 3 – 5 วันเท่านั้น และยังลดความล่าช้าในการปฏิบัติงานลงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ฝ่ายบริหารมีอิสระในการมุ่งเน้นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์มากขึ้น

ชนะเลิศด้านนวัตกรรมThong Guan Industries Berhad เป็นลูกค้าของ Epicor มาตั้งแต่ปี 2015 โดยใช้ประโยชน์จาก Epicor ทั่วทั้งองค์กร ซึ่งรวมถึงฝ่ายปฏิบัติการ การเงิน ฝ่ายผลิต และการจัดการคลังสินค้า ด้วยการใช้ Epicor Kinetic พวกเขากำลังก้าวไปสู่ความคิดริเริ่ม Net Zero และติดตามการใช้วัสดุในการผลิตอย่างใกล้ชิด แนวทางเชิงกลยุทธ์นี้ช่วยลดขยะพลาสติกได้อย่างมากโดยการลดปริมาณสินค้าและวัสดุที่เสียหายเมื่อมาถึงให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งนำไปสู่แนวทางการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับลูกค้า

ชนะเลิศด้านโครงการKenny Tang จาก Volex ได้รับการยอมรับจากความยืดหยุ่นและแรงผลักดันในความก้าวหน้าของโครงการ Kenny ช่วยนำระบบปฏิบัติการเจนเนอเรชั่นใหม่ทั่วโลกมาใช้ โดยดูแลการใช้งาน Epicor ในโรงงานสามแห่งในประเทศจีน โดยมีการวางแผนการใช้งานเพิ่มเติมอีก 10 รายการในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ชนะเลิศด้านผู้บริหาร: ทีมNTN Medical ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Herbert Thailand Group ได้พัฒนาจากการประชุมเชิงปฏิบัติการขนาดเล็กไปสู่ผู้เล่นระดับโลกที่ใช้ Epicor Kinetic ในระบบคลาวด์เพื่อมุ่งเน้นธุรกิจของตนได้ดียิ่งขึ้น บริษัทมีความก้าวหน้าอย่างมากในด้านระบบอัตโนมัติ เพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกรรมระหว่างบริษัท และช่วยให้ประหยัดทางการเงินได้อย่างมาก

เกี่ยวกับ Epicor

Epicor จัดเตรียมโซลูชันระดับองค์กรให้กับธุรกิจที่ทำงานหนักเพื่อให้โลกเปลี่ยนแปลงไป เป็นเวลากว่า 50 ปีที่ลูกค้าของ Epicor ในอุตสาหกรรมยานยนต์ การจัดหาอาคาร การจัดจำหน่าย การผลิต และการค้าปลีกไว้วางใจให้ Epicor ช่วยให้พวกเขาทำธุรกิจได้ดีขึ้น ชุดโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของ Epicor ได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้า และสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างยืดหยุ่น ด้วยความรู้และประสบการณ์เชิงลึกในอุตสาหกรรม Epicor ช่วยเร่งความทะเยอทะยานของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตและเปลี่ยนแปลง หรือเพียงแค่มีประสิทธิผลและประสิทธิผลมากขึ้นเท่านั้น

เยี่ยมชม www.epicor.com เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

Epicor และโลโก้ Epicor เป็นเครื่องหมายการค้าของ Epicor Software Corporation ซึ่งจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ที่อ้างถึงเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง ผลิตภัณฑ์และบริการที่นำเสนอในเอกสารนี้จัดทำโดย Epicor Software Corporation ไม่รับประกันผลลัพธ์ และประสบการณ์ของผู้ใช้แต่ละคนจะแตกต่างกันไป

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อสื่อมวลชน:
Charlotte Stretton
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
Charlotte.stretton@epicor.com

LAVA เปิดตัวแพลตฟอร์มตลาดสินเชื่อแบบกระจายศูนย์เพื่อลดการขาดทุนชั่วคราว

Logo

การเปิดตัวแพลตฟอร์มเพื่อสนับสนุนผู้ให้บริการสภาพคล่องผ่านการค้ำประกันและการให้ยืมสถานะสภาพคล่อง

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–7 มีนาคม 2024

LAVA ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มตลาดสินเชื่อแบบกระจายศูนย์ ได้ประกาศเปิดตัวบริการเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ให้บริการสภาพคล่องและอำนวยความสะดวกในตลาดที่เป็นเชิงลึกมากขึ้น LAVA ที่ได้รับการลงทุนจากกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัลของ Recharge Capital ซึ่งเป็นบริษัทการลงทุนชั้นนำที่เน้นเฉพาะการลงทุนแบบธีมนั้น ได้เปิดใช้งานโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสถานะสภาพคล่องของผู้ดูแลสภาพคล่องแบบอัตโนมัติ (AMM) เพื่อลดการขาดทุนชั่วคราว และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสภาพคล่องในเครือข่ายบล็อกเชนหลากหลายเครือข่าย

LAVA เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกแพลตฟอร์มแรกที่แก้ไขปัญหาการขาดทุนชั่วคราวในการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) โดยเปิดให้ใช้งานการเก็งกำไรแบบข้ามอัตราการสร้างตลาดต่างๆ ผ่านการค้ำประกันและการให้ยืมสถานะสภาพคล่อง โครงสร้างพื้นฐานหลักของแพลตฟอร์มช่วยให้ผู้ยืมสามารถเก็งกำไรจากอัตราการจัดเตรียมสภาพคล่องระหว่าง DeFi กับการเงินแบบรวมศูนย์ (CeFi) เพื่อหาอัตราตลาดที่มีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ทำให้การเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทนสำหรับผู้ให้บริการสภาพคล่องเชิงรับกลายเป็นสิ่งที่ง่ายขึ้น

“การขาดทุนชั่วคราวยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับนักลงทุนในการจัดหาสภาพคล่อง และสร้างความไม่สมดุลทางความเสี่ยงอันรุนแรงที่เกิดจากความผันผวนของการประเมินมูลค่าในตลาดคริปโตเคอร์เร็นซี” John Lo (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Omakase ซึ่งเดิมชื่อ SushiSwap) หุ้นส่วนผู้จัดการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่ Recharge Capital รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้ง Omakase Labs และที่ปรึกษา LAVA กล่าว “แพลตฟอร์มดังกล่าวช่วยให้ผู้ให้บริการสภาพคล่องเชิงรับสามารถจับอัตราการปรับความเสี่ยงแบบออนเชนที่เหมาะสมที่สุดได้ การเก็งกำไรที่ซับซ้อนด้วย LAVA ในตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ให้บริการสภาพคล่อง แทนที่จะให้โทษ”

เมื่อครั้งที่ LAVA เปิดตัว ทางแพลตฟอร์มยังได้เปิดตัวเครื่องมือ Zap-In เพื่อช่วยให้สามารถจัดการสภาพคล่องได้อย่างเหมาะสมที่สุด รวมถึงเครื่องมือโอนย้ายรูปแบบใหม่เพื่อให้สามารถโอนหลักประกันและหนี้ที่มีอยู่จากตลาดสินเชื่ออื่นได้ “ในอดีต สถานะการให้กู้ยืมเป็นสิ่งที่โอนย้ายจากโปรโตคอลหนึ่งไปยังอีกโปรโตคอลหนึ่งได้ยาก” Lo กล่าว “แต่ในตอนนี้ ผู้ใช้สามารถดำเนินการนี้ได้ผ่านขั้นตอนการคลิกสองครั้งง่ายๆ ซึ่งนำไปสู่กระบวนทัศน์ใหม่ๆ สำหรับการกู้ยืมแบบออนเชนที่มีประสิทธิภาพ”

“ทีมงาน LAVA ได้สร้างโซลูชันที่สำคัญเพื่อจัดการกับหนึ่งในอุปสรรคอันจีรังยั่งยืนของนักลงทุนในการเงินแบบกระจายศูนย์” Lo กล่าว “การเปิดตัวโปรโตคอลได้ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้กับนักลงทุนในระบบนิเวศ DeFi และเราภูมิใจมากที่ได้สนับสนุนภารกิจในการเอื้อให้เกิดประชาธิปไตยทางการเงินผ่านสภาพคล่องแบบออนเชนที่โปร่งใส โดยผละออกจากระบบการสร้างตลาดแบบออฟเชนที่คลุมเครือ”

LAVA ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มแบบมัลติเชน และปัจจุบันมีให้บริการบน Arbitrum และ Base โดยโปรโตคอลมีแผนที่จะเพิ่มฟังก์ชันการทำงานด้วยบล็อกเชนเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้ และนำแอปพลิเคชันโทเค็นมาใช้งานเพื่อกระตุ้นการเติบโตในตลาดสินเชื่อ

เกี่ยวกับ LAVA

LAVA เป็นแพลตฟอร์มตลาดสินเชื่อแบบกระจายศูนย์ที่มุ่งเน้นไปที่การบรรเทาการขาดทุนชั่วคราว และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสภาพคล่องในเครือข่ายบล็อกเชนหลากหลายแห่ง โดยตั้งอยู่ในฮ่องกง ยุโรป และสิงคโปร์ ภารกิจของโปรโตคอลคือการจัดการกับอุปสรรคที่จีรังยั่งยืนของผู้ให้บริการสภาพคล่องในการเงินแบบกระจายศูนย์ผ่านการดำเนินการแบบออนเชนที่โปร่งใสและเป็นประชาธิปไตย

เกี่ยวกับ Recharge Capital

Recharge Capital เป็นบริษัทการลงทุนชั้นนำที่เน้นเฉพาะการลงทุนแบบธีมของเอกชนที่มุ่งเน้นไปที่การขับเคลื่อนนวัตกรรม รวมถึงสร้างผลกระทบในภาคส่วนและกลยุทธ์ต่างๆ บริษัทใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการลงทุน ขยายขนาด และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอผ่านธีมหลักของสินทรัพย์ดิจิทัล การดูแลสุขภาพของผู้หญิง โครงสร้างพื้นฐานฟินเทค การเปิดใช้งานเซมิคอนดักเตอร์ และชีววิทยาสังเคราะห์ Recharge Capital ดำเนินงานจากสำนักงานในนิวยอร์กและสิงคโปร์ และทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในภูมิทัศน์การลงทุนทั่วโลก หากต้องการรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Recharge Capital และโครงการริเริ่มระดับโลกของบริษัท โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ www.rechargecapital.com หรือติดต่อสำนักงานข่าวสารของเราที่ media@rechargecapital.com

เนื้อหาใจความในภาษาตน้ ฉบับของขา่ วประชาสัมพันธฉ์ บับนี้เป็นฉบับทเี่ ชอื่ ถอื ไดแ้ละเป็นทางการ การแปลต ้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออ านวยความสะดวกเท่านั้น และควรน าไปเทียบเคียงอ ้างอิง กับเนื้อหาในภาษาต ้นฉบับ ซงึ่ เป็นฉบับเดยี วทมี่ ผี ลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ด้านสื่อต่างๆ
Recharge Capital
John Lo
omakase@rechargecapital.com

แหล่งข้อมูล: Recharge Capital

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53906725/en

The Bangkok Reporter