บริษัทในเครือฝ่ายพัฒนาระบบของ Rakuten Card ในเวียดนามย้ายที่ตั้งสำนักงานไปยังออฟฟิศที่ขยายใหม่

Logo

เพิ่มผลผลิตด้วยสภาพแวดล้อมสำนักงานแบบเปิด เนื่องจากงานพัฒนาระบบมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สามารถใช้ภาพถ่ายและเนื้อหาดิจิทัลอื่นๆ สำหรับสื่อได้ที่นี่: https://rak.box.com/s/p0wbv8tjj9hmavigta4dde51dtuxfuh5

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

Rakuten Fintech Vietnam Co., Ltd. บริษัทในเครือฝ่ายพัฒนาระบบของ Rakuten Card Co., Ltd. ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ย้ายที่ตั้งสำนักงานไปยังที่ตั้งใหม่ในนครโฮจิมินห์ในวันที่ 13 เดือนพฤศจิกายน เพื่อเอื้อให้บริษัทมีพื้นที่กว้างขึ้นในการรองรับบุคลากรและขยายการดำเนินธุรกิจ และรองรับงานพัฒนาระบบที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

Rakuten Card ก่อตั้ง Rakuten Fintech Vietnam ขึ้นเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2021 โดยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน เร่งการพัฒนาระบบสำหรับบริการที่ขยายวงกว้างยิ่งขึ้น และรองรับการวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจสำหรับระบบไอที ซึ่งเป็นรากฐานบริการของ Rakuten Card รัฐบาลเวียดนามได้ดำเนินมาตรการสำคัญเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอุตสาหกรรมไอที มุ่งเน้นความคาดหวังในระยะยาวเพื่อรักษาและปรับใช้ผู้มีความสามารถด้านเทคโนโลยีระดับสูงในเวียดนาม นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นที่จะลดเขตเวลาที่แตกต่างกันระหว่างญี่ปุ่นและเวียดนามเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในญี่ปุ่น

นับตั้งแต่การก่อตั้งขึ้น Rakuten Fintech Vietnam ได้ว่าจ้างผู้มีความสามารถด้านวิศวกรรมไอทีในท้องถิ่นเพื่อพัฒนาบริการสำหรับแอปที่ใช้สำหรับผู้ใช้โดยทั่วไป รวมถึงระบบสำหรับร้านค้าในเครือและเครื่องมืออัตโนมัติทางธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เนื่องจากการดำเนินงานของบริษัทยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงย้ายไปยังอาคารสำนักงานใหม่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับองค์กร โดยมีโครงสร้างสำนักงานแบบเปิดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการสื่อสารและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับพนักงาน

Takao Shiono ผู้อำนวยการทั่วไปของ Rakuten Fintech Vietnam แสดงความเห็นว่า "ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศในวันนี้ว่า Rakuten Fintech Vietnam ได้เข้าสู่เฟสใหม่ในการพัฒนาของเราอย่างเป็นทางการ ทีมงานของเราในเวียดนามเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2021 ด้วยการสนับสนุนที่เต็มเปี่ยมสำหรับผู้มีความสามารถด้านเทคโนโลยีในท้องถิ่นและชุมชนโดยรอบ Rakuten Card เป็นผู้นำอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นด้วยจำนวนบัตรที่มีการให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 29 ล้านใบ จากที่ตั้งสำนักงานแห่งใหม่ของเราในนครโฮจิมินห์ เราพร้อมที่จะยกระดับความสำเร็จของ Rakuten Card และมีส่วนร่วมในการเป็นผู้นำธุรกิจฟินเทคของ Rakuten”

สำนักงานแห่งใหม่ตั้งอยู่ในเขต 1 ของนครโฮจิมินห์ โดยอยู่บนชั้นบนสุดของอาคารสูง 26 ชั้นที่สามารถมองเห็นวิวเมืองได้โดยรอบ สำนักงานได้รับการออกแบบให้มีห้องโถงแบบสองขั้น และตกแต่งด้วยผนังกระจกเต็มบานเพื่อสร้างความรู้สึกพื้นที่ที่กว้างขวาง พร้อมอำนวยความสะดวกในการสื่อสารและส่งเสริมความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน ด้วยพื้นที่ที่สามารถจุพนักงานได้ถึง 200 คนโดยประมาณ พร้อมห้องประชุม พื้นที่ส่วนรวม และบูธต่างๆ สำนักงานแห่งใหม่นี้เป็นออฟฟิศที่เหมาะสำหรับเพื่อนร่วมงานในการทำงานร่วมกันในโครงการต่างๆ นอกเหนือจากนี้ โรงอาหารและพื้นที่รับประทานอาหารและเครื่องดื่มยังเป็นสถานที่น่าพักผ่อนหย่อนใจสำหรับพนักงานด้วยเช่นกัน และมีพื้นที่สำหรับประชุมกลุ่มใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม ปี 2005 เป็นต้นมา Rakuten Card ได้มีการดำเนินการส่งเสริมการใช้งานร่วมกับบริการต่างๆ ของ Rakuten Group และผลักดันให้มีการชำระเงินแบบไร้เงินสดทั้งภายในและภายนอกกลุ่มบริษัท จากความคิดริเริ่มเหล่านี้ เป็นผลให้มีการให้บริการ Rakuten Cards มากขึ้นกว่า 29.54 ล้านใบ (ณ สิ้นเดือนกันยายน ปี 2023) ในเวลาเดียวกัน จำนวนธุรกรรมการซื้อต่อปีของ Rakuten Card ภายในช่วงเวลา 12 เดือน นับจากเดือนตุลาคม ปี 2022 จนถึงเดือนกันยายน ปี 2023 ทะลุถึง 20 ล้านล้านเยน เนื่องจากบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำในอุตสาหกรรมบัตรเครดิตของญี่ปุ่น

Rakuten Card ยังคงเสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กรและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถชั้นเยี่ยมระดับโลก ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงปรับปรุงบริการบัตรเครดิตและฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อให้บริการทางการเงินสะดวกยิ่งขึ้นและเข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

ข้อมูลโดยรวมของสำนักงานแห่งใหม่ของ Rakuten Fintech Vietnam Co., Ltd.

ที่ตั้ง: นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
จำนวนชั้น: 2 ชั้น
จำนวนที่นั่งในสำนักงาน: ประมาณ 200 ที่นั่ง

เกี่ยวกับ Rakuten Card

Rakuten Card เป็นบริษัทผู้ให้บริการฟินเทค ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคม ปี 2005 ด้วยการขยายบริการและคุณสมบัติของบัตรเครดิต Rakuten Card มุ่งเน้นที่จะมอบความพึงพอใจแก่ลูกค้าด้วยบริการทางการเงินที่สะดวก ใช้งานง่าย และเป็นส่วนตัว สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rakuten-card.co.jp/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Corporate Communications Department
Rakuten Group, Inc.
global-pr@mail.rakuten.com

แหล่งข้อมูล: Rakuten Group, Inc.

PHC Corporation ประกาศว่า บริษัทในเครืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพฐานที่ตั้งประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีการก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมโดย PHC Group มีการเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบแล้ว

Logo

— PT PHC Sales Indonesia จะสนับสนุนการขยายธุรกิจของอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ PHCbi ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ —

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

แผนกชีวการแพทย์ของ PHC Corporation (สำนักงานใหญ่: Minato-ku, Tokyo, President: Nobuaki Nakamura ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า แผนกชีวการแพทย์) ผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ PHCbi รวมถึงตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษและตู้อบ CO2 มีการประกาศว่า บริษัทในเครือแห่งใหม่ในอินโดนีเซียที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมเพื่อจำหน่ายและให้บริการอุปกรณ์ รวมถึงสาขาวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพมีการเปิดดำเนินการธุรกิจแล้วในวันนี้ หลังจากผ่านข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น ได้รับใบอนุญาตจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ บริษัท PT PHC Sales Indonesia (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCSI) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ SciMed (Asia) Pte Ltd (สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า SciMed) โดย PHC Holdings Corporation เป็นเจ้าของทั้งหมด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCHD) จะเสริมสร้างรากฐานและส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจวิทยาศาสตร์เชิงขีวภาพของแผนกชีวการแพทย์ในประเทศอินโดนีเซีย

ตลาดอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นด้านการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาสำหรับชีวเภสัชภัณฑ์และการเติบโตของสถาบันทางการแพทย์ใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซีย ซึ่งระบบประกันสุขภาพแห่งชาติรองรับประชากรมากเป็นอันดับสี่ของโลก ซึ่งนับเป็นจำนวน 279 ล้าน *1 คนโดยประมาณ และมีการคาดการณ์การเติบโตของตลาดที่สูงในอนาคต เนื่องจากเกิดโรคที่เกี่ยวกับวิถีการใช้ชีวิตที่เพิ่มขึ้น เช่น โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคด้านการบริการทางแพทย์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

แผนกชีวการแพทย์ ภายใต้การนำของ SciMed ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ PHCHD ในประเทศสิงคโปร์ มีการเปิดดำเนินการเพื่อจำหน่ายและบริการสำรหับอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย PT PHC Indonesia (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCI) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตในเครือของ PHCHD ก็มีการดำเนินการในภูมิภาคนี้เป็นฐานการผลิตรองจากญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองความต้องผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงทั่วโลก เช่น ตู้แช่แข็งชีวการแพทย์ และตู้อบ CO2 เป็นต้น

การจัดตั้ง PHCSI นี้จะช่วยให้แผนกชีวการแพทย์สามารถสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการจำหน่ายและบริการในอินโดนีเซีย เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ที่มีความเป็นไปได้ และขยายเครือข่ายผู้จัดจำหร่าย ในขณะเดียวกัน ก็เสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบริการลูกค้าด้วยเช่นกัน ด้วยการติดตามตลาดนี้อย่างใกล้ชิด แผนกชีวการแพทย์นี้จึงมีจุดยืนที่ดียิ่งขึ้นในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า พัฒนาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจในอินโดนีเซีย และเสริงการเติบโตของธุรกิจโดยใช้ความสามารถในการผลิตที่สูงเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง

Nobuaki Nakamura ประธานกรรมการฝ่ายตัวแทนจำหน่ายของ PHC Corporation และผู้อำนวยการแผนกชีวการแพทย์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทใหม่ของเราในอินโดนีเซียได้เปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบแล้วในวันนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานธุรกิจด้านชีววิทยาศาสตร์ของแผนกชีวการแพทย์ของในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเสริมศักยภาพในการเติบโตของตลาดที่สูง เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งบริษัทเพื่อจัดจำหน่ายแห่งใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวธุรกิจในอินโดนีเซีย ภายหลังจากการเข้าซื้อกิจการ SciMed*2 โดยเป็นเจ้าของ 100% เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า PHCSI พร้อมด้วย SciMed จะมีจุดยืนที่มั่นคงเพื่อเป็นที่ตั้งการดำเนินการแห่งสำคัญในเอเชียสำหรับ PHC Group และจะขยายธุรกิจที่มีอยู่ในอินโดนีเซียเป็นการต่อไป และส่งเสริมการรักษาพยาบาลขั้นสูงอย่างเต็มรูปแบบ เช่น การบำบัดด้วยเซลล์และยีน และด้วยการทำงานข้ามธุรกิจร่วมกันกับ PHC Group เรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมศักยภาพของนักวิจัยเพื่อการพัฒนาวิธีการรักษาขั้นสูง และเพื่อเสริมสร้างการดูแลสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต”

ภาพรวมของ PT PHC Sales Indonesia
ชื่อบริษัท: PT PHC Sales Indonesia
ประเภทธุรกิจ: จัดจำหน่ายและบริการสนับสนุนด้านอุปกรณ์ รวมถึงสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
ก่อตั้งขึ้นเมื่อ: วันที่ 3 เดือนมีนาคม ปี 2023
ที่อยู่: จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
ตัวแทนจำหน่าย: Sachihiko Kataoka
เงินทุน: 10 พันล้าน IDR (ประมาณ 95 ล้าน JPY) *3

(*1) องค์กรการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น www.jetro.go.jp/world/asia/idn/
(*2) www.phchd.com/global/news/2023/0615
(*3) คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1IDR = 0.0095JPY

เกี่ยวกับแผนกชีวการแพทย์ของ PHC Corporation

PHC Corporation ก่อตั้งขึ้นในปี 1969 โดยเป็นบริษัทในเครือที่ญี่ปุ่นของ PHC Holdings Corporation (โตเกียว: 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกซึ่งมีการพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันต่างๆ ทั้งการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันการดูแลสุขภาพ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ และการวินิจฉัยโรค แผนกชีวการแพทย์สนับสนันอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพเพื่อช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยในกว่า 110 ประเทศและภูมิภาคโดยใช้อุปกรณ์และบริการในห้องปฎิบัติการ รวมถึงตู้อบ CO2 ภายใต้แบรนด์ของ PHCbi และตู้แช่แข็งอุณภูมิต่ำพิเศษ
www.phchd.com/apac/biomedical

เกี่ยวกับ PHC Holdings Corporation

PHC Holdings Corporation (โตเกียว: 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีพันธกิจในการมีส่วนร่วมเพื่อสุขภาพของสังคมผ่านโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่ส่งผลเชิงบวกและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คน บริษัทในเครือ ได้แก่ PHC Corporation, Ascensia Diabetes Care Holdings AG, Epredia Holdings Ltd., LSI Medience Corporation, Wemex Corporation และ Mediford Corporation บริษัทนี้เหล่านี้ร่วมกันพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันด้านการบริการเกี่ยวกับการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันด้านการดูแลสุขภาพ การวินิจฉัยโรค และวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ โดยมียอดขายสุทธิรวมใน FY2022 อยู่ที่ประมาณ JPY 356.4 พันล้าน โดยมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการทั่วโลกในกว่า 125 ประเทศและภูมิภาค PHC Group เป็นคำเรียกรวมที่อ้างอิงถึง PHC Holdings Corporation และบริษัทในเครือทั้งหมด
www.phchd.com

เกี่ยวกับ SciMed (Asia) Pte Ltd

SciMed (Asia) Pte Ltd มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ เป็นบริษัทผู้ให้บริการชั้นนำในผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับชีวการแพทย์ วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ การดูแลสุขภาพ การค้นคว้าด้านยา เภสัชกรรม ห้องปฏิบัติการ การทดสอบทางอุตสาหกรรม และตลาดการเกษตร SciMed กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในเครือ PHC Holdings Corporation อย่างเต็มรูปแบบในปี 2023 โดยมีการพัฒนาการจำหน่ายและการตลาดในธุรกิจวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชีย และโอเชียเนีย
https://scimed.com.sg/about-scimed/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Hiroko Arai
Investor Relations & Corporate Communications Department
PHC Holdings Corporation
+81-3-6778-5311
อีเมลphc-pr@gg.phchd.com
Masayo Okada
Marketing Department, Biomedical Division
PHC Corporation
+81-80-4816-3259

อีเมลmasayo.okada@phchd.com

แหล่งข้อมูล: PHC Corporation

Boomi ประกาศผู้ชนะเลิศได้รับรางวัล APJ 2023 Partner Award

Logo

Boomi ยกย่องพันธมิตรที่อุทิศตนช่วยเหลือลูกค้าในการสร้างผลประกอบการที่ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น

SYDNEY–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

Boomi™ ผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัล 2023 Asia-Pacific and Japan (APJ) Partner Awards ในงาน Boomi World Tour Sydney รางวัลนี้เพื่อเชิดชูพันธมิตรด้านนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จในการใช้ประโยชน์จาก Boomi เพื่อสร้างผลประกอบการที่ดียิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า

Boomi Announces APJ 2023 Partner Award Winners (Graphic: Business Wire)

Boomi ประกาศผู้ชนะเลิศได้รับรางวัล APJ 2023 Partner Award (ภาพถ่าย: Business Wire)

การคัดเลือกผู้ชนะเลิศจะพิจารณาจากวิธีการในการใช้ แพลตฟอร์ม Boomi ในวงกว้าง เพื่อสร้างสรรค์ความคิดและนวัตกรรม ขอบเขต และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสังคม

Atturra (ASX:ATA) ผู้ให้บริการด้านไอทีสัญชาติออสเตรเลีย ได้รับรางวัล APJ Partner of the Year, A/NZ Partner of the Year และ APJ Practice Excellence Partner of the Year โดย Atturra เป็นพันธมิตรของ Boomi มาอย่างยาวนาน และมีการนำเสนอโครงการต่างๆ ด้วยความร่วมมือกับ Boomi ในด้านการบูรณาการ การเชื่อมต่อข้อมูล และระบบอัตโนมัติ แก่องค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงสาธารณูปโภค ภาครัฐ และการศึกษา

ผู้ชนะเลิศรางวัลพันธมิตรในปีนี้เพิ่มเติม ได้แก่:

  • Asia Partner of the Year: Deloitte HK
  • Japan Partner of the Year: NRI
  • APJ Partner on Boomi: LTI Mindtree

“พันธมิตรของเราเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโลกที่เชื่อมโยงกันในโครงการที่มีการนำเสนอทั่วทั้ง APJ” Jim Fisher รองประธานฝ่าย Alliances & Channels ของ APJ ที่ Boomi กล่าว “โครงการปรับแปลงทางดิจิทัลทุกโครงการต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเชิงลึกเพื่อนำเสนอสภาพแวดล้อมเชิงบูรณาการ เสริมสร้างระบบอัตโนมัติ และส่งเสริมการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีที่สุด และมีผลเชิงบวกสำหรับผู้ประกอบการ ผู้ชนะเลิศรางวัล APJ Partner Award เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและรับประกันความสำเร็จของลูกค้า”

ในฐานะบริษัทซอฟท์แวร์และบริการ (SaaS) ชั้นนำระดับโลก Boomi นำเสนอโซลูชันระบบอัตโนมัติอัจฉริยะแบบครบวงจรที่ช่วยให้องค์กรดิจิทัลที่ทันสมัยสามารถเพิ่มผลลัพธ์ทางธุรกิจให้เร็วยิ่งขึ้น ปัจจุบันนี้ บริษัทมีการบริการแก่ลูกค้าประมาณ 20,000 ราย มีเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย และทำงานร่วมกับผู้ให้บริการระบบคลาวด์ระดับไฮเปอร์สเกลรายใหญ่ที่สุด

Boomi ได้รับการนำเสนออยู่ในรายชื่อบริษัทเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมและเติบโตเร็วที่สุดใน Deloitte Technology Fast 500™ และ Inc. 5000 ในอเมริกา โดย Boomi ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้นำใน Gartner® Magic Quadrant™ for Integration Platform as a Service (iPaaS), Worldwide สำหรับ IDC MarketScape: Worldwide Cloud Integration Software and Services (iPaaS) 2023 Vendor Assessment ถึงเก้าครั้งติดต่อกัน และได้รับตำแหน่งผู้นำด้านการดำเนินการใน Forrester Wave™: Integration Platforms As A Service, Q3 2023 นอกจากนี้ Boomi ยังได้รับ การจัดอันดับ 5 ดาว อันทรงเกียรติเป็นเวลาสองปีติดต่อกันใน CRN Partner Program Guide ซึ่งเป็นโปรแกรมที่โดดเด่นที่สุดจากผู้จำหน่ายเทคโนโลยีชั้นนำในอุตสาหกรรมที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและบริการที่ยืดหยุ่นผ่านช่องทางไอที

สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมพันธมิตรของ Boomi หรือค้นหาพันธมิตรจากระบบนิเวศทั่วโลกของ Boomi ได้ที่ boomi.com/partners

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi มีเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นด้วยการเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่งจากทุกที่ เป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มบูรณาการระบบคลาวด์แบบบริการ (iPaaS) และในปัจจุบัน เป็นบริษัทซอฟท์แวร์ที่ให้บริการ (SaaS) ชั้นนำระดับโลก Boomi มีฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มบูรณาการและมีเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย – รวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และประสานรวมข้อมูล ในขณะเดียวกัน ก็มีการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2023 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘B’, และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขา หรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53790748/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
Head of Media and Analyst Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งข้อมูล: Boomi

บริษัท Trilliant มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงาน การพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และสมาร์ทมิเตอร์ AMI ที่ Enlit Asia

Logo

ผู้บริหารแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในระหว่างการอภิปรายแบบกลุ่มและอื่น ; บริษัทผู้สนับสนุนระดับไดมอนด์ในงานประชุมประจำปี

จาการ์ตา อินโดนีเซีย–(BUSINESS WIRE)–9 พฤศจิกายน 2023

Trilliant ผู้นำในการจัดหาโซลูชันสำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานเครื่องวัดหน่วยขั้นสูง (AMI) ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (smart grid) เมืองอัจฉริยะ และการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมด้วยอินเทอร์เน็ต จะเข้าร่วมงานในฐานะผู้สนับสนุนระดับไดมอนด์ที่ Enlit Asia ติดต่อกันเป็นปีที่ห้า โดยงานประชุมนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2023 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอินโดนีเซีย (ICE) ในกรุงจาการ์ตา

Enlit Asia เป็นงานประชุมประจำปีและงานจัดแสดงสำหรับภาคส่วนด้านไฟฟ้าและพลังงาน ซึ่งจะแสดงความรู้อันเชี่ยวชาญ โซลูชันทางนวัตกรรมที่ก้าวหน้า และวิสัยทัศน์จากผู้นำในอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ ASEAN เพื่อทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตแห่งพลังงานคาร์บอนต่ำเป็นไปอย่างราบรื่น

ผู้บริหารของ Trilliant และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้จะเข้าร่วมในการประชุมเต็มคณะและการอภิปรายกลุ่มตลอดงาน:

  • คุณ Andrew C. White ซึ่งเป็นประธานและ CEO ของบริษัท Trilliant จะเข้าร่วมใน CEO Dialogue เพื่อเริ่มพิธีเปิดงาน Enlit Asia 2023/Indonesian Electricity Day ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ณ เวลา 9.00 น.
  • คุณ White จะเป็นผู้กล่าวเปิดการประชุมอภิปรายกลุ่มในหัวข้อ สร้างสมดุลการเปลี่ยนผ่านพลังงานและความมั่นคงสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน (Balancing Energy Transition and Security for a Sustainable Future) คุณ Eugene Loke กรรมการผู้จัดการ APAC ของ Trilliant จะเข้าร่วมในการอภิปรายกลุ่ม โดยจะเน้นไปที่การเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่อนาคตที่ยั่งยืนจำเป็นต้องมีความสมดุลระหว่างความมั่นคงและราคาที่เข้าถึงได้ของพลังงานอย่างไร การปภิปรายจะกล่าวถึงประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การเชื่อมโยงขีดความสามารถพื้นฐาน การสร้างวิวัฒนาการระบบพลังงาน นโยบายและการริเริ่ม และบทเรียนที่ได้เรียนรู้ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน ณ เวลา 13.40 น.
  • ในส่วน Knowledge Hub ของการประชุม ทาง Trilliant จะมีการนำเสนอในหัวข้อ การพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย: ความสำคัญและกลยุทธ์สำหรับสาธารณูปโภค กรณีศึกษาเกี่ยวกับสมาร์ทมิเตอร์ AMI ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ณ เวลา 12.20 น.
  • คุณ Vincent Thankachan ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าของ Trilliant ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) และสมาชิกอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม เข้าร่วมอภิปรายกลุ่มในหัวข้อ ปลดล็อกศักยภาพเต็มรูปแบบของสมาร์ทมิเตอร์ AMI โดยจะอภิปรายถึงข้อปฏิบัติที่ดีที่สุดและการพิจารณาการจัดการสมาร์ทมิเตอร์ AMI ให้เหมาะสมได้อย่างประสบความสำเร็จ เชื่อถือได้ ในราคาที่เข้าถึงได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในบริเวณหมู่เกาะ ประเด็นที่จะกล่าวถึง ได้แก่ ความสำคัญในการสร้างความเป็นมาตรฐาน ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ เพื่อการผลิตสมาร์ทมิเตอร์ที่ประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพ และวิธีการใช้ประโยชน์สมรรภาพของสมาร์ทมิเตอร์เพื่อขับเคลื่อนและส่งเสริมการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและการริเริ่มสู่ระบบดิจิทัล โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน ณ เวลา 15.20 น.

“สาธารณูปโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังมุ่งเป้าไปที่นวัตกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอุตสาหกรรมเคลื่อนเข้าสู่อนาคตพลังงานคาร์บอนต่ำ” คุณ White กล่าว “เทคโนโลยีเครือข่ายยุคใหม่ของ Trilliant พร้อมกับแพลตฟอร์มที่ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ของเราเป็นองค์ประกอบหลักในการเติบโตนี้ และเราก็ภูมิใจที่จะให้การสนับสนุนลูกค้าของเราต่อไปในทุก ๆ ขั้นตอนบนเส้นทางการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด เราหวังว่าจะได้พบกับผู้นำด้านพลังงานที่งานประชุม และวางผังเส้นทางสู่ความสำเร็จสำหรับสาธารณูปโภค เมืองอัจฉริยะ ธุรกิจ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ ในท้องถิ่น”

Trilliant จะอยู่ที่ส่วนการแสดงงานในบูท 401 ซึ่งผู้เข้าร่วมสามารถสัมผัสประสบการณ์ตัวอย่างโซลูชันนวัตกรรมที่ก้าวหน้าและพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในประเด็นต่าง ๆ เช่น วิธีการเลือกโซลูชันแยกส่วนอันยืดหยุ่นโดยไม่ต้องผูกติดกับผู้ค้ารายเดียว การเพิ่มประสิทธิภาพให้สมาร์ทมิเตอร์ AMI และกลยุทธ์ในการวิเคราะห์ข้อมูล การลงทุนในอนาคตกับสมาร์ทมิเตอร์ การสร้างและการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมด้วยอินเทอร์เน็ต และการบรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนผ่านพลังงานและความยั่งยืน

หากต้องการจองตัวอย่างและการประชุมแบบตัวต่อตัวกับ Trilliant ที่ Enlit Asia หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ info@trilliant.com

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Enlit Asia เข้าไปที่: https://www.enlit-asia.com/live-event/

เกี่ยวกับ Trilliant

Trilliant® ส่งเสริมพลังความสำเร็จให้กับอุตสาหกรรมด้านพลังงานทั่วโลกด้วยแพลตฟอร์มการสื่อสารที่เข้าถึงได้โดยสะดวกผ่านอุปกรณ์ ซึ่งช่วยให้สาธารณูปโภคและเมืองต่าง ๆ สามารถจัดการการใช้งานให้เหมาะสมอย่างมั่นคงและเชื่อถือได้ผ่านเครือข่ายอันมีประสิทธิภาพเครือข่ายเดียว ผลงานที่สร้างตามวัตถุประสงค์ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นตัวเลือกด้านพลังงาน โดยลูกค้าไม่มีความเสี่ยงในการต้อง “ผูกติด” กับผู้ให้บริการเทคโนโลยีรายเดียว เราภูมิใจในการเสนอโซลูชันอันเป็นภารกิจสำคัญที่เป็นการสนับสนุนสมาร์ทมิเตอร์ AMI ข้อมูลและการวิเคราะห์ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และเมืองอัจฉริยะ ลูกค้าจากทั่วโลกได้รับประโยชน์จากการผสมผสานอันโดดเด่นในด้านความยืนหยุ่น ความยั่งยืน และความสามารถในการปรับเปลี่ยนขนาดของ Trilliant ที่ช่วยเชื่อมต่อสาธารณูปโภคและเมืองเข้ากับการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมด้วยอินเทอร์เน็ต และเส้นทางที่มีกลยุทธ์มากขึ้นในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน โดยสามารถเข้าเยี่ยมชมข้อมูลของเราได้ที่ www.trilliant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Tracey Mitchell
tracey.mitchell@trilliant.com

Cindy Watson/Anita Wong
StrategicAmpersand Inc.
TrilliantPR@stratamp.com

ที่มา: Trilliant

Toshiba เปิดตัว MOSFET แบบเดรนร่วม ชนิด N-Channel กำลังไฟ 30 โวลต์ ที่เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อด้วย USB และการปกป้องชุดแบตเตอรี่

Logo

KAWASAKI, Japan–(BUSINESS WIRE)–7 พฤศจิกายน 2023

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") ได้เปิดตัว “SSM10N961L” MOSFET แบบเดรนร่วม ชนิด N-channel กำลังไฟ 30 โวลต์ ซึ่งมีค่าความต้านทานในสถานะเปิดต่ำ ที่เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อด้วย USB และการปกป้องชุดแบตเตอรี่ เริ่มการจัดส่งแล้ววันนี้

Toshiba: SSM10N961L, a 30V N-channel common-drain MOSFET in a new, small, thin package. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: SSM10N961L, MOSFET แบบเดรนร่วม ชนิด N-channel กำลังไฟ 30V ในแพ็กเกจใหม่ ขนาดเล็กและบาง (กราฟฟิก: Business Wire)

ในช่วงที่ผ่านมา อุปกรณ์ MOSFET แบบเดรนร่วม ชนิด N-channel ของ Toshiba เน้นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีกำลังไฟ 12 โวลต์ ซึ่งส่วนใหญ่มีไว้เพื่อใช้ในการปกป้องชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนของสมาร์ทโฟน การเปิดตัวของผลิตภัณฑ์กำลังไฟ 30 โวลต์นี้ได้คำนึงถึงการเลือกใช้กับอุปกรณ์ที่ขยายกว้างขึ้นซึ่งต้องการกำลังไฟมากกว่า 12 โวลต์ เช่น โหลดสวิตชิ่งสายไฟสำหรับอุปกรณ์ที่ชาร์จไฟด้วย USB และการปกป้องชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในเครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป และแท็บเล็ต

ด้วยความตระหนักถึงสวิตช์แบบสองทิศทางซึ่งมีค่าความต้านทานในสถานะเปิด (RDS(ON)) ระหว่าง drain-source ต่ำ ซึ่งจะต้องใช้ MOSFET อย่างน้อยสองตัว ไม่ว่าจะเป็นขนาด 3.3×3.3 มม. หรือ 2×2 มม. ที่มีค่า RDS(ON)  ต่ำ ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Toshiba ใช้แพ็กเกจใหม่ TCSPAG-341​501 (ขนาด 3.37 มม. ​× 1.47 มม. (typ.), t=0.11 มม. (typ.)) ซึ่งมีขนาดเล็กและบาง ทั้งยังมีคุณสมบัติค่าความต้านทานในสถานะเปิด (RSS(ON)) ของ source-source ต่ำ ที่ 9.9mΩ (typ.) ในรูปแบบเดรนร่วมที่รวมในแพ็กเกจเดียว

เทคโนโลยีสายชาร์จเร็ว (USB Power Delivery – USB PD) ซึ่งรองรับกำลังไฟในช่วงตั้งแต่ 15 วัตต์ (5V / 3A) ถึงกำลังไฟสูงสุดที่ 240 วัตต์ (48V / 5A) ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่ออุปกรณ์ที่ต้องการแหล่งจ่ายไฟที่สูง โดยสายชาร์จ USB PD กำหนดฟังก์ชันการสลับหน้าที่สำหรับการสลับเปลี่ยนแหล่งจ่ายและรับไฟ และต้องใช้อุปกรณ์ที่มีสายชาร์จ USB ที่รองรับการจ่ายไฟแบบสองทิศทาง เพื่อให้สามารถจ่ายและรับไฟได้ทั้งสองด้าน ซึ่งผลิตภัณฑ์ MOSFET ใหม่แบบเดรนร่วมชนิด N-channel นี้รองรับการจ่ายไฟแบบสองทิศทางและใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อย

เมื่อใช้รวมกับผลิตภัณฑ์ที่มีวงจรไดรเวอร์ในกลุ่ม TCK42xG series ของ Toshiba จะกลายเป็นวงจรสวิตช์ไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันป้องกันการไหลย้อนกลับ หรือวงจรไฟฟ้ามัลติเพล็กซ์เซอร์ ซึ่งสามารถสลับการทำงานระหว่างสวิตช์แบบ Make-Before-Break (MBB) และ Break-Before-Make (BBM) ได้ และในวันนี้ Toshiba ได้เปิดตัว ดีไซน์อ้างอิงสำหรับวงจรไฟฟ้ามัลติเพล็กซ์เซอร์ (โดยใช้ MOSET แบบเดรนร่วม) จากการผสมผสามผลิตภัณฑ์นี้ ในการใช้ดีไซน์อ้างอิงนี้จะช่วยให้สามารถลดเวลาในการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้

Toshiba จะดำเนินการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์และพัฒนาคุณลักษณะต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นด้านการออกแบบ

การใช้งานกับอุปกรณ์

  • สมาร์ทโฟน
  • เครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป
  • แท็บเล็ต และอื่น ๆ

คุณสมบัติ

  • ค่าพิกัดแรงดันไฟฟ้าสูง: VSSS=30V
  • ค่าความต้านทานในสถานะเปิดต่ำ: RSS(ON)=9.9mΩ (typ.) (VGS=10V)
  • โครงสร้างการเชื่อมต่อแบบเดรนร่วมสำหรับการนำไฟฟ้าสองทิศทาง
  • แพ็กเกจ TCSPAG-341501 ขนาดเล็กและบาง: 3.37 มม. × 1.47 มม. (typ.), t=0.11มม. (typ.)

ข้อมูลจำเพาะหลัก

(หากไม่มีการระบุไว้, Ta=25°C)

หมายเลขชิ้นส่วน

SSM10N961L

ลักษณะขั้ว

N-channel×2

การเชื่อมต่อภายใน

เดรนร่วม

อันดับแรงดันไฟฟ้า

สูงสุด

สัมบูรณ์

แรงดันไฟฟ้า Source-source VSSS (V)

30

แรงดันไฟฟ้า Gate-source VGSS (V)

±20

แหล่งกำลังไฟฟ้า (DC) IS (A)[1]

9.0

แหล่งกำลังไฟฟ้า (DC) IS (A)[2]

14.0

คุณลักษณะ

ทางไฟฟ้า

แรงดันไฟฟ้าเบรกดาวน์ Source-source       V(BR)SSS (V)

VGS=0V

min

30

ความต้านทานในสถานะเปิดของ Source–source RSS(ON) (mΩ)

VGS=10V

typ.

9.9

VGS=4.5V

typ.

13.6

แพ็กเกจ

ชื่อ

TCSPAG-341501

ขนาด (มม.)

typ.

3.37×1.47, t=0.11

ดูตัวอย่างและตรวจสอบสินค้า

สั่งซื้อออนไลน์

หมายเหตุ:
[1] อุปกรณ์ติดตั้งบนแผ่นลามิเนตใยแก้ว FR4 ขนาด 25 มม. × 27.5 มม., t=1.6 มม., Cu Pad: 18µm, 407 มม.2
[2] อุปกรณ์ติดตั้งบนแผ่นลามิเนตใยแก้ว FR4 ขนาด 25 มม. × 27.5 มม., t=1.6 มม., Cu Pad: 70µm, 687.5 มม.2

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ โปรดเข้าไปที่ลิงก์ด้านล่างนี้
SSM10N961L

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MOSFET ของ Toshiba โปรดเข้าไปที่ลิงก์ด้านล่างนี้
MOSFETs

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอด้านโซลูชันของ Toshiba โดยใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ โปรดเข้าไปที่ลิงก์ด้านล่างนี้  
การใช้งานกับอุปกรณ์
สมาร์ทวอทช์
Action Camera
อุปกรณ์แท็บเล็ต

หากต้องการตรวจสอบสถานะของผลิตภัณฑ์ใหม่จากตัวแทนจำหน่ายออนไลน์ โปรดไปที่:
SSM10N961L
สั่งซื้อออนไลน์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ
* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ ข้อมูลด้านการบริการและการติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบันตามวันที่ของประกาศนี้ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นบริษัทผู้จัดหาโซลูชันชั้นนำในด้านเซมิคอนดักเตอร์และพื้นที่ในการจัดเก็บ ซึ่งนำเสนอประสบการณ์และนวัตกรรมด้านเซมิคอนดักเตอร์ชนิดแยกชิ้น ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจมากกว่าครึ่งศตวรรษ

พนักงานของบริษัทกว่า 21,500 รายทั่วโลกมีความมุ่งมั่นในการเพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์สูงสุด และส่งเสริมการร่วมมือกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดในการร่วมสร้างสรรค์คุณค่าและตลาดใหม่ ด้วยยอดขายต่อปีที่เฉียด 8 แสนล้านเยน (6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation มุ่งหน้าในการสร้างและสนับสนุนอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับผู้คนทุกหนแห่ง
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53738996/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:
Small Signal Device Sales & Marketing Dept.
Tel: +81-44-548-2215
ติดต่อเรา

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
Digital Marketing Dept.
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

แหล่งข้อมูล: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation


Parse Biosciences ขยายการเข้าถึงทั่วโลกด้วยความร่วมมือกับ Spinco Biotech ในอินเดีย

Logo

SEATTLE–(BUSINESS WIRE)–7 พฤศจิกายน 2023 

Parse Biosciences ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการจัดลำดับเซลล์เดี่ยวที่เข้าถึงได้และปรับขนาดได้ ประกาศข้อตกลงกับ Spinco Biotech ในอินเดียในวันนี้ ในการขยายขอบเขตการเข้าถึงในเอเชีย นี่คือการขยายธุรกิจครั้งล่าสุดของ Parse ในภูมิภาค APAC ตามข้อตกลงเมื่อปีที่แล้วกับ Research Instruments Pte Ltd เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“เราเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับโซลูชันการจัดลำดับเซลล์เดี่ยว Evercode ของ Parse ทั่วเอเชีย และเราเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์ของเราพร้อมสำหรับการนำไปใช้อย่างแพร่หลายในอินเดียเช่นกัน” ด็อกเตอร์ Alex Rosenberg, CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Parse Biosciences กล่าว “ด้วยความร่วมมือกับ Spinco เรากำลังช่วยให้กลุ่มการวิจัยของพวกเขาให้สามารถมีวิธีการนำเทคโนโลยีการจัดลำดับเซลล์เดี่ยวชั้นนำมาใช้งานได้อย่างง่ายดาย”

ข้อตกลงของบริษัทกับ Spinco Biotech จะช่วยให้นักวิจัยในอินเดียสามารถเข้าถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์เซลล์เดี่ยวของบริษัทได้อย่างเต็มที่ รวมถึง Evercode™ Whole Transcriptome, Evercode TCR, Evercode Cell Fixation, Evercode Nuclei Fixation, Gene Capture, CRISPR Detect และโซลูชันการวิเคราะห์ข้อมูลของ Parse Biosciences ข้อตกลงนี้เป็นความต่อเนื่องของการแนะนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทในตลาดต่างประเทศที่สำคัญอย่างต่อเนื่องของ Parse โดยปัจจุบันมีจำหน่ายในอเมริกาเหนือ ยุโรป ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อิสราเอล และนิวซีแลนด์

Thyagarajan Srinivasan ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Spinco Biotech กล่าวว่า “Parse เป็นผู้บุกเบิกที่สำคัญในการจัดลำดับเซลล์เดี่ยว และนักวิจัยที่นี่จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากเทคโนโลยี Evercode เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นพันธมิตรกับ Parse เพื่อแนะนำเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้แก่ชุมชมเทคโนโลยีชีวภาพของอินเดีย”

เกี่ยวกับ Spinco Biotech

Spinco เป็นบริษัทผู้ให้บริการโซลูชันและจัดจำหน่ายชั้นนำในอินเดีย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องมือการวิเคราะห์และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ตั้งแต่ปี 1981 Spinco มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในทุกฟังก์ชันของธุรกิจ โดยการนำบุคลากร องค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีมารวมกัน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงสุดและบริการระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้แก่ลูกค้า

ก่อตั้งขึ้นบนปรัชญาที่แข็งแกร่งในการปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้า ความเป็นเลิศที่ Spinco ไม่เพียงการดำเนินการในระยะสั้นๆ แต่เป็นวิถีชีวิตที่แน่วแน่ Spinco มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในตลาดเฉพาะด้าน พร้อมนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและนวัตกรรมชั้นนำจากผู้บุกเบิกระดับโลกมาสู่วงการวิทยาศาสตร์ในอนาคตของอินเดีย

เกี่ยวกับ Parse Biosciences

Parse Biosciences เป็นบริษัทด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพระดับโลกที่มีภารกิจเพื่อเร่งความก้าวหน้าด้านสุขภาพของมนุษย์และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แนวทางการบุกเบิกดังกล่าวช่วยให้นักวิจัยสามารถจัดลำดับเซลล์เดี่ยวในขนาดที่ไม่เคยมีมาก่อน ช่วยให้สามารถค้นพบวิธีการใหม่ๆ ในการรักษาโรคมะเร็ง การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การบำบัดด้วยสเต็มเซลล์ โรคไตและตับ การพัฒนาสมอง และระบบภูมิคุ้มกัน

ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นที่ The University of Washington โดยผู้ร่วมก่อตั้ง Alex Rosenberg และ Charles Roco ช่วยให้ Parse สามารถระดมทุนได้มากกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ และปัจจุบันมีลูกค้าใช้งานมากกว่า 1,000 รายทั่วโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่กำลังเติบโต ได้แก่ Evercode Whole Transcriptome, Evercode TCR, Gene Capture, CRISPR Detect และซอฟต์แวร์สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล

สำนักงานใหญ่ของ Parse Biosciences และห้องปฎิบัติการอันล้ำสมัยตั้งอยู่ในย่าน South Lake Union ที่มีชีวิตชีวาของ Seattle หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ https://www.parsebiosciences.com/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jay Roberts, SRPR
jay@shevrushpr.com | 917.696.2142

แหล่งข้อมูล: Parse Biosciences

Lynk และ bmobile Solomon Islands Limited เริ่มให้บริการ Sat2Phone สำหรับผู้ใช้บริการ bmobile

Logo

bmobile เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายที่ 3 ของโลกที่เริ่มให้บริการ sat2phone

FALLS CHURCH, Va.–(BUSINESS WIRE)–7 พฤศจิกายน 2023

 Lynk Global, Inc. (Lynk) ผู้ให้บริการโทรคมนาคม sat2phone ชั้นนำของโลก และ bmobile Solomon Islands Limited (bmobile) ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำในหมู่เกาะโซโมอน ได้ประกาศในวันนี้เกี่ยวกับการเริ่มให้บริการสัญญาณดาวเทียมเข้าสู่โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยตรงแก่ผู้ใช้บริการ โดยใช้ “เสาสัญญาณจากอวกาศ” ของ Lynk โดย Bmobile กลายเป็น MNO รายล่าสุดในโลกที่เปิดตัวเทคโนโลยี sat2phone ของ Lynk โดยเป็นบริการสำหรับผู้ใช้ในเครือข่าย

bmobile ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 โดยเป็นผู้นำในการให้บริการข้อมูลความเร็วสูง การโทรคมนาคมด้วยเสียง และ SMS ที่เชื่อถือได้ทั่วหมู่เกาะโซโลมอน ปัจจุบัน bmobile มีให้บริการในสี่จังหวัดทั่วประเทศ นั่นคือ Guadalcanal; Malaita; Western และ Central โดยมีฐานให้บริการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว bmobile จึงเป็นผู้นำในการนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมมาสู่หมู่เกาะโซโลมอน

“Bmobile มีความตื่นเต้นที่จะประกาศความร่วมมือกับ Lynk ในครั้งนี้ ปัจจุบันนี้ Bmobile มีความสามารถในการขยายขอบเขตครอบคลุมเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทางภูมิศาสตร์เพิ่มเติมสำหรับชาวหมู่เกาะโซโลมอน เราคิดว่า Lynk เป็นบริการที่ขาดไม่ได้ ซึ่งจะสามารถช่วยชีวิตและช่วยเหลือผู้คนได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม Bmobile เริ่มต้นโดยขยายขอบเขตครอบคลุมสำหรับเครือข่ายแก่ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่ว Makira ในทันที เมื่อบริการ Lynk ขยายกว้างขึ้น ก็จะช่วยให้สามารถขยายการเชื่อมต่อแห่งศตวรรษที่ 21 นี้ไปสู่ผู้คนทั่วหมู่เกาะโซโลมอนทั้งประเทศ” Devan Kula, CEO ของ bmobile กล่าว

Lynk มีการพิสูจน์ในบริการด้าน SMS การกระจายเสียงเตือนเหตุฉุกเฉิน และการโทรด้วยเสียง ภายในทั้งเจ็ดทวีป และคาดว่า จะสามารถเริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ โดยมี MNO มากมายทั่วโลกภายในปี 2023

“Lynk มีความตื่นเต้นที่จะนำเสนอบริการเชื่อมต่อ sat2phone มาสู่ผู้คนทั่วเกาะโซโลมอน” Dan Dooley ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการค้าของ Lynk กล่าว “สำหรับผู้ใช้บริการ bmobile บริการนี้จะไม่เหมือนใคร บริการ Sat2Phone เริ่มต้นของเราจะเป็นบริการระดับเบต้าใน Makira และจะขยายขอบเขตครอบคลุมทั่วทั้งเกาะในปีหน้า รวมถึงพื้นที่ห่างไกล และเขตยกเว้นทางเศรษฐกิจทางทะเลของหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 1.6 ล้านกิโลเมตร จะมีการนำบริการของ Lynk มาใช้เป็นบริการสำรอง เมื่อเครือข่ายภาคพื้นดินหลักเกิดความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อคงรักษาเครือข่ายบริการให้ยังสามารถทำงานได้เหมือนเดิม” Dooley กล่าว “เนื่องจากผู้อาศัยในหมู่เกาะโซโลมอนกว่า 75% นั้นอาศัยอยู่นอกเขตเมืองในชุมชนเล็กๆ บริการโดยส่วนใหญ่ของ Lynk มีศักยภาพในการรองรับผู้อยู่อาศัยทั้งหมด รวมถึงผู้มาเยือนด้วยเข่นกัน'' Dooley กล่าวต่อ

Lynk ยังตั้งเป้าที่จะเปิดตัวบริการพร้อมความร่วมมือกับ Telikom Ltd. บริษัทแม่ของ bmobile ในปาปัวนิวกีนีภายในปีนี้อีกด้วย

เกี่ยวกับ bmobile

bmobile ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 โดยเป็นผู้นำในการให้บริการข้อมูลความเร็วสูง การโทรคมนาคมด้วยเสียง และ SMS ที่เชื่อถือได้ทั่วหมู่เกาะโซโลมอน ปัจจุบัน bmobile มีให้บริการในสี่จังหวัดทั่วประเทศ นั่นคือ Guadalcanal; Malaita; Western และ Central โดยมีฐานให้บริการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว bmobile จึงเป็นผู้นำในการนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมมาสู่หมู่เกาะโซโลมอน

เกี่ยวกับ Lynk

Lynk เป็นระบบโทรศัพท์มือถือผ่านดาวเทียมตรงเข้าสู่โทรศัพท์เคลื่อนที่พื้นฐานเพียงระบบเดียวในโลกที่ได้รับการจดสิทธิบัติ และได้การพิสูจน์แล้ว รวมถึงได้รับใบอนุญาตเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันนี้ Lynk มีความโดดเด่นในการให้บริการส่งและรับข้อความไปยังและจากอวกาศแก่ผู้ใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่มาตรฐานที่ไม่มีการปรับแต่ง เรามีการสาธิตบริการนี้ในกว่า 20 ประเทศ และปัจจุบันนี้มีการเริ่มใช้งานเชิงพาณิชย์แล้ว โดยอิงตามสัญญาบริการเชิงพาณิชย์ MNO มากกว่า 30 สัญญา โดยครอบคลุมมากกว่า 50 ประเทศ ปัจจุบัน Lynk มีการให้บริการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ฉุกเฉิน) และการส่งข้อความ SMS สองทาง และจะเปิดตัวบริการเครือข่ายบรอดแบนด์ระบบเสียงและโทรศัพท์เคลื่อนที่ในอนาคต โดยมีการร่วมมือกับ Lynk ผ่านข้อตกลงการโรมมิ่งมาตรฐาน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เปิดช่องทางสู่รายได้ใหม่ในตลาดใหม่ รับประกันการเชื่อมต่อที่หลากหลายสำหรับผู้ใช้บริการ และเปิดเส้นทางสู่ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจนับพันล้าน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ www.lynk.world หรือติดตามเราได้ที่ @lynktheworld

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53747275/en

ติดต่อ

Tony DeTora
tdetora@lynk.world

แหล่งข้อมูล: Lynk Global, Inc.

Milrem Robotics จัดแสดง RCV ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ล้ำสมัยที่สุดในนิทรรศการ Defense & Security ในกรุงเทพ

Logo

กรุงเทพ–(BUSINESS WIRE)–6 พฤศจิกายน 2023

ในนิทรรศการ Defense & Security ที่กรุงเทพ Milrem Robotics ผู้พัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติชั้นนำของยุโรป มีการจัดแสดงยานรบหุ่นยนต์ต่อสู้อัตโนมัติ (RCV) THeMIS ที่ล้ำสมัยที่สุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการสนับสนุนการต่อสู้และการรบในสนามรบ เช่น การอพยพผู้บาดเจ็บ การขนส่ง และ ISR และช่วยลดความต้องการกำลังคนในขณะเดียวกัน

The THeMIS Robotic combat vehicle with MIFIK can be utilized for a wide range of missions, including logistics  support, casualty evacuation, reconnaissance, and combat operations, making it an invaluable asset for modern armed forces. The vehicle can be found an stand number J17. (Photo: Business Wire)

ยานรบหุ่นยนต์ต่อสู้ THeMIS พร้อม MIFIK สามารถนำไปใช้ในภารกิจต่างๆ รวมถึงการสนับสนุนด้านการขนส่ง การอพยพผู้บาดเจ็บ การลาดตระเวน และการปฏิบัติการรบ ช่วยให้เป็นทรัพย์สินที่ประเมินค่าไม่ได้สำหรับทางกองทัพสมัยใหม่ ยานรบนี้สามารถพบได้ที่บูธหมายเลข J17 (Photo: Business Wire)

ตั้นแต่ปี 2019 เมื่อ THeMIS RCV เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย และต่อมาได้ผ่านการทดสอบโดยสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศและกองทัพบกไทย Milrem Robotics ได้รวบรวมความคิดเห็นของลูกค้าในการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ เพื่อให้สามารถใช้งาน RCV ในสนามรบแบบอัตโนมัติ

THeMIS RCV เปิดตัวในนิทรรศการ Defense & Security 2023 ได้รับการพัฒนาความสามารถด้านการใช้งานอัตโนมัติจากชุดฟังก์ชันอัจฉริยะของ Milrem Robotics หรือเรียกย่อว่า MIFIK โดยใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์และอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องจักรที่ล้ำสมัย และช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดการดำเนินงานของยานพาหนะให้ทำงานอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ช่วยลดความจำเป็นในการสั่งงานจากมนุษย์ลงได้เป็นอย่างมาก

ยานรบหุ่นยนต์พร้อม MIFIK สามารถนำไปใช้ในภารกิจต่างๆ รวมถึงการสนับสนุนด้านการขนส่ง การอพยพผู้บาดเจ็บ การลาดตระเวน และการปฏิบัติการรบ ช่วยให้เป็นทรัพย์สินที่ประเมินค่าไม่ได้สำหรับทางกองทัพสมัยใหม่ THeMIS RCV จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการทางทหาร ในขณะเดียวกัน ก็จะลดความจำเป็นในการใช้กำลังคนจำนวนมากด้วยเช่นกัน ด้วยการทำงานตามปกติที่เป็นไปแบบอัตโนมัติและการเสริมขีดความสามารถในการสู้รบ

นอกจากนี้ ยังรวมถึงมาตรการด้านความปลอดภัยที่ได้รับการปรับปรุงโดยเซ็นเซอร์ขั้นสูง ระบบจดจำและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง และความสามารถในการสื่อสารแบบเรียลไทม์ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของยานพาหนะและบรรลุภารกิจให้สำเร็จ

ความมุ่งมั่นของ Milrem Robotics ในด้านนวัตกรรมและความเป็นเลิศส่งผลให้เกิดการพัฒนา RCV เพื่อเปลี่ยนแปลงการดำเนินการงานด้านการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยทั่วโลก เป้าหมายของเราคือ การเสริมกำลังกองทัพด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยซึ่งรับรองความปลอดภัยของบุคลากรและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินภารกิจ” Kuldar Väärsi, CEO ของ Milrem Robotics กล่าว

"RCV ระบบอัตโนมัติขั้นสูงของเราแสดงถึงอนาคตของการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและการรักษาความปลอดภัย ด้วยระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้สามารถลดความต้องการกำลังคนลงได้ และเพิ่มขีดความสามารถของการปฏิบัติภารกิจ จึงทำให้สามารถช่วยให้ทางกองทัพสามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น" เขากล่าวเสริม

Milrem Robotics คือ ผู้พัฒนาและผู้วางระบบหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติชั้นนำของยุโรป มีสำนักงานในเอสโตเนีย ฟินแลนด์ สวีเดน เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา บริษัทมีชื่อเสียงในด้าน THeMIS และ Multiscope UGV รวมถึง Type-X Robotic Combat Vehicle และ MIFIK

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53715047/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Gert Hankewitz
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและควบคุมการส่งออก
gert.hankewitz@milrem.com

แหล่งข้อมูล: Milrem Robotics

Powered by Business Wire

Bolt.Earth และ Taizhou Chinv Science and Technology Development Co., Ltd กระชับความร่วมมือที่มีมายาวนาน เพื่อปฏิวัติระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า

Logo

ขับเคลื่อนอย่างชาญฉลาด เชื่อมต่อการขับขี่ อนาคตของระบบการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ากำลังจะเปิดเผย

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–2 พฤศจิกายน 2023

Bolt.Earth บริษัทในสิงคโปร์ที่เป็นผู้บุกเบิกตลาดระบบปฏิบัติการ EV ที่เชื่อมต่อกัน ได้กระชับความร่วมมือกับ Chinv ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการออกแบบและผลิตรถจักรยานยนต์ EV 2 ล้อ พวกเขาตั้งเป้าที่จะกำหนดนิยามใหม่แห่งอนาคตของการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในงาน EICMA 2023 ที่ Fiera Milano-Rho Milan ในปีนี้ ร่วมเป็นสักขีพยานในการทำงานร่วมกันของความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบของ Chinv และหน่วยปฏิบัติการอันชาญฉลาดของ Bolt.Earth ซึ่งผสานความร่วมมือกันมานานหลายปีเพื่อสร้างประสบการณ์ EV ที่ไม่เคยมีมาก่อน

Driving Innovation: Bolt.Earth and Chinv Redefine the Future of Electric Mobility at EICMA 2023 (Graphic: Business Wire)

การขับเคลื่อนนวัตกรรม: Bolt.Earth และ Chinv กำหนดนิยามใหม่แห่งอนาคตของการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในงาน EICMA 2023 (รูปภาพ: Business Wire)

เนื่องจากความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนาน จึงคาดว่าการเปิดตัว Bolt.Earth Blaze ใหม่ที่งาน EICMA 2023 จะเป็นช่วงเวลาสำคัญของวงการรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก Bolt.Earth Blaze คือแพลตฟอร์มการชาร์จที่รวดเร็วที่ออกแบบมาเพื่อกำหนดกระบวนทัศน์การชาร์จ EV ใหม่ นวัตกรรมนี้ช่วยลดระยะเวลาการชาร์จลงอย่างมาก ทำให้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสะดวกและเข้าถึงได้มากขึ้น

Jyotiranjan Harichandan ผู้ร่วมก่อตั้ง Bolt.Earth กล่าวว่า "การเดินทางของเรากับ Chinv ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ความร่วมมือครั้งนี้สร้างขึ้นจากวิสัยทัศน์ร่วมกันและนวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง ถือเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของการขนส่งที่ยั่งยืน ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมของ Chinv ในการออกแบบและพัฒนาฮาร์ดแวร์ ผสมผสานกับการชาร์จและการทำงานของยานพาหนะของเรา กำลังวางรากฐานสำหรับอนาคต"

การบรรจบกันของโซลูชันซอฟต์แวร์ขั้นสูงของ Bolt.Earth และความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาฮาร์ดแวร์ของ Chinv แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของช่วงการเปลี่ยนแปลงเพื่อการขนส่งที่ยั่งยืน การร่วมทุนครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์เหล่านี้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและมีความเหนือกว่าใครทางเทคโนโลยี

Ms. Xu Duo (Rita) ประธาน Chinv กล่าวว่า "การเป็นพันธมิตรของเรากับ Bolt.Earth แสดงให้เห็นถึงการก้าวไปสู่อีกระดับที่ชาญฉลาดและยั่งยืนยิ่งขึ้นอย่างกล้าหาญ ศักยภาพในการปฏิวัติวงการ EV นั้นยิ่งใหญ่ และเราพร้อมที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยกัน"

เข้าร่วมกับเราที่ EICMA 2023 ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนถึง 12 พฤศจิกายนที่ Fiera Milano-Rho Milan โดยที่ Bolt.Earth จะจัดแสดงข้อเสนอล่าสุดของพวกเขาที่บูธหมายเลข C-49 ในฮอลล์หมายเลข 14 ร่วมกับ Chinv พร้อมด้วยประสบการณ์เสมือนจริงที่น่าทึ่ง

เกี่ยวกับ Chinw

Chinv ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงเมื่อปี 2006 และดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ต่างๆ มากมาย รวมถึง "OKLA" สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า, "Motrac" สำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน, "O-Town" สำหรับเสื้อผ้า, "OKLATEC" สำหรับการวิจัยและพัฒนา และ "CHINV" สำหรับไฟและชิ้นส่วนไฟฟ้า เรากำหนดแนวทางการขับเคลื่อนของเราใหม่และกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก และมีเป้าหมายในการพัฒนาโซลูชันการขนส่งที่สะอาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

OKLATEC มีประสบการณ์ด้านการวิจัยและพัฒนาในการออกแบบรถจักรยานยนต์มากกว่า 50 คัน (ตั้งแต่ ICE ไปจนถึง EV) สำหรับลูกค้าทั่วโลก จากการสำเร็จเป้าหมายที่สำคัญเหล่านี้ Chinv ประสบความสำเร็จในการสนับสนุนการเปิดตัวแบรนด์หลายแบรนด์ในระดับการบูรณาการที่หลากหลายทั้งด้านไฟฟ้าและเครื่องกล ครอบคลุมตั้งแต่รถจักรยานยนต์ EV ความเร็วต่ำไปจนถึงประสิทธิภาพสูง ด้วยเหตุนี้ Chinv จึงกลายเป็นโซลูชันแบบครบวงจรในห่วงโซ่อุปทานของรถจักรยานยนต์ EV

เกี่ยวกับ Bolt.Earth

Bolt.Earth มีภารกิจในการผลักดันตลาดเกิดใหม่ไปสู่การขับเคลื่อนที่สะอาดยิ่งขึ้น บริษัทใช้กลุ่มมาตรวัดความเร็วอัจฉริยะแบบฝังที่ล้ำสมัยซึ่งจะกำหนดประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าของคุณใหม่ กลุ่มมาตรวัดความเร็วและหน่วยแสดงผลของ Bolt.Earth ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย โดยใช้ระบบปฏิบัติการของ Bolt.Earth เพื่อนำเสนอเครื่องมือการจัดการยานพาหนะ ข้อมูลสำคัญ ข้อควรระวังในการป้องกันการโจรกรรม และตัวเลือกการปรับแต่งเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ชาญฉลาด เชื่อมต่อ และทันสมัย นอกจากนี้ Bolt.Earth ยังเปิดใช้งานเครือข่ายการชาร์จ EV แบบ peer-to-peer ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย โดยมีจุดชาร์จมากกว่า 30,000 แห่งใน 1,100 เมือง พวกเขานำเสนอโซลูชันการชาร์จสำหรับบุคคล ธุรกิจ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการยานพาหนะ และรัฐบาล หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชัน โปรดไปที่ bolt.earth

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53723980/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสำหรับสื่อMarketing@bolt.earth

ที่มา: Bolt.Earth

Resolian เข้าซื้อกิจการ Denali Medpharma บริษัทให้บริการวิจัยทางคลินิก (CRO) ด้านการวิเคราะห์ทางชีวภาพในจีน

Logo

MALVERN, Pa. & CHONGQING, จีน–(BUSINESS WIRE)–1 พฤศจิกายน 2023

Resolian บริษัทให้บริการวิจัยทางคลินิก (CRO) ด้านการวิเคราะห์ทางชีวภาพระดับโลกที่เชี่ยวชาญการเมแทบอลิซึมของยาและเภสัชจลนศาสตร์สำหรับโมเลกุลขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ได้เข้าซื้อกิจการ Denali Medpharma ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการวิจัยทางคลินิก (CRO) ด้านการวิเคราะห์ทางชีวภาพชั้นนำของจีน ขณะนี้ Resolian จึงมีห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทางชีวภาพในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และจีน บริษัทสามารถริเริ่มโครงการใน 4 ทวีป และถ่ายโอนวิธีการที่ผ่านการตรวจสอบแล้วไปยังห้องปฏิบัติการต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้การทดลองรักษาโรคสามารถขยายไปยังปลายทางทั้งหมด โดยไม่ต้องเปลี่ยนบริษัทให้บริการวิจัยทางคลินิก (CRO) ด้านการวิเคราะห์ทางชีวภาพ

"กลยุทธ์ของ Denali ที่เพิ่มเข้ามาจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของเราอย่างมีนัยสำคัญและเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของเราในตลาดโลก" Patrick Bennett ซีอีโอของ Resolian กล่าว "ผู้ก่อตั้งและทีมนักวิทยาศาสตร์หลักของ Denali ได้รับการยอมรับในระดับสากลในด้านการวิจัยทางเภสัชกรรมและการวิเคราะห์การพัฒนา และเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้นำความเชี่ยวชาญด้านโอลิโก, mRNA และไลโปโซมของ Denali มาพัฒนาผลงานบริการของ Resolian เราหวังว่าจะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของบริษัทที่กำลังเติบโตของเราเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราต่อไปได้"

"ทีม Denali รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับ Resolian" ดร. Min Meng ซีอีโอของ Denali กล่าว "Denali ก่อตั้งขึ้นในจีนโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ทางชีวภาพที่ได้รับการฝึกอบรมจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทมีห้องปฏิบัติการอันล้ำสมัย เพื่อให้บริการที่เป็นเลิศแก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราตั้งตารอที่จะสานต่อประวัติผลงานนี้ และนำเสนอขีดความสามารถและความยืดหยุ่นในการวิจัยที่เหนือชั้นยิ่งขึ้นในฐานะส่วนหนึ่งของ Resolian"

เกี่ยวกับ Resolian

Resolian (เดิมทีมีชื่อว่า Alliance Pharma Inc. และ Drug Development Solutions Ltd.) เป็นบริษัทที่ให้บริการปฏิบัติการวิจัยชั้นนำระดับโลกด้าน GxP และการวิเคราะห์ทางชีวภาพแบบไม่ควบคุม การเมแทบอลิซึมของยา/เภสัชจลนศาสตร์ (DMPK) และการวิเคราะห์ GMP CMC และวัสดุศาสตร์โดยเฉพาะ บริษัทมีผู้เชี่ยวชาญกว่า 500 รายทั่วสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร จีน และออสเตรเลีย ช่วยให้รับรองผลลัพธ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสูงสุดในการปฏิบัติตามกฎระเบียบตลอดกระบวนการพัฒนายา ห้องปฏิบัติการเฉพาะของ Resolian มีการติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ตอบสนองความต้องการของโครงการขั้นก่อนการวิจัยและการวิจัยทางคลินิกทุกขนาด

เกี่ยวกับ Denali Medpharma

Denali เป็นบริษัทผู้ให้บริการวิจัยทางคลินิก (CRO) ด้านการวิเคราะห์ทางชีวภาพที่ตั้งอยู่ในจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Resolian Bioanalytics บริษัทมีพนักงานประจำ 70 คน โดยทีมผู้บริหารหลักมีประสบการณ์การทำงานอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรม CRO ของสหรัฐอเมริกาและจีน และมีเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดในโลก ระบบประกันคุณภาพของ Denali ได้รับการจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ทางชีวภาพในประเทศและต่างประเทศอย่างเคร่งครัด Denali มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมในด้านการวิเคราะห์ทางชีวภาพของยาโอลิโกนิวคลีโอไทด์และวัคซีน mRNA (PK/PD และ ADA), ยาไลโปโซม (ยาในรูปอิสระและเอนแคปซูเลชัน), การตรวจวิเคราะห์ที่มีความไวสูงเป็นพิเศษสำหรับยาสูดดม และการตรวจตัวชี้วัดทางชีวภาพ เป็นต้น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20231101490232/en/

ติดต่อ

Lindsey Langemeier
ฝ่ายการตลาด SCORR
+1 402-405-4269
lindsey@scorrmarketing.com

แหล่งข้อมูล: Resolian

The Bangkok Reporter