ClinChoice ขยายความร่วมมือ 13 ปีกับ Medidata ด้วยการเพิ่ม Clinical Data Studio เพื่อปรับปรุงการจัดการข้อมูลและเสริมศักยภาพการทดลองทางคลินิก

Logo

ข้อตกลงใหม่จะผสานรวมแพลตฟอร์ม Medidata ขจัดขั้นตอนการศึกษาที่ซับซ้อน และเร่งการวิจัยผ่าน AI ระบบอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ขั้นสูง

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–18 ธันวาคม 2024

Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ได้ขยายความร่วมมือทางธุรกิจระยะยาวกับ ClinChoice ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยตามสัญญา (CRO) ระดับโลก ภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ ClinChoice จะใช้แพลตฟอร์ม Medidata เพื่อปรับปรุงข้อมูลการศึกษาและการจัดการการจัดหา เพิ่มประสิทธิภาพการทดลอง และเร่งการเติบโตในฐานะ CRO แบบครบวงจรในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ClinChoice ยังวางแผนที่จะให้ความสำคัญกับการรับรอง Clinical Data Studio เป็นหลัก โดยการเพิ่มขีดความสามารถให้มากขึ้นผ่านประสบการณ์การจัดการคุณภาพข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เชิงปฏิรูป

ClinChoice มุ่งมั่นที่จะใช้โซลูชันของ Medidata มานานกว่าทศวรรษ โดยช่วยอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยระหว่างผู้ป่วย สถานที่ และผู้สนับสนุนภายในสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบรวมศูนย์ ในฐานะผู้ใช้รายแรกๆ ClinChoice มีบทบาทสำคัญในช่วงการระบาดใหญ่จากการนำโมเดล Direct-to-Patient ของ Rave RTSM มาใช้ ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างต่อเนื่องและปรับปรุงสินค้าคงคลังให้เหมาะสมในหลายๆ ภูมิภาคและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบต่างๆ การผสานรวมโซลูชันของ Medidata ช่วยให้ ClinChoice เสริมศักยภาพในการดำเนินงานและพร้อมสำหรับการเติบโตในสภาพแวดล้อมการทดลองทางคลินิกที่ซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน

“ตั้งแต่ที่เราเริ่มนำ Medidata Rave EDC มาใช้ครั้งแรกในปี 2011 ความร่วมมือระหว่างเรากับ Medidata ได้ช่วยสนับสนุนการพัฒนาของเรา โดยเริ่มต้นที่สหรัฐอเมริกา จากนั้นที่จีน และในที่สุดก็ขยายไปสู่ระดับโลก” Ling Zhen ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับโลกของ ClinChoice กล่าว “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะขยายความร่วมมือเพื่อนำ Clinical Data Studio ของ Medidata และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ มาใช้เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของเราต่อไป”

“ความมุ่งมั่นของ ClinChoice ในด้านนวัตกรรมและแนวทางที่ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยเป็นหลักทำให้พวกเขาเป็นพันธมิตรที่ล้ำค่า” Edwin Ng รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Medidata กล่าว “ด้วยความร่วมมือใหม่นี้ เรามุ่งหวังที่จะเสริมศักยภาพให้กับ ClinChoice ด้วยโซลูชันขั้นสูงของ Medidata เพื่อส่งเสริมกระบวนการทดลองให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ขยายการเข้าถึงทั่วโลก และเร่งการเข้าถึงการรักษาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตสำหรับผู้ป่วยทั่วโลก”

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและทำให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata เฉลิมฉลอง 25 ปีของนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำในการทดลองมากกว่า 35,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย โดยนำเสนอความเชี่ยวชาญระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านรายในลูกค้าประมาณ 2,300 รายไว้วางใจในแพลตฟอร์มที่ไร้รอยต่อและครบวงจรของ Medidata ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งการค้นพบทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์ก และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC ค้บหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเราได้ที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความก้าวหน้าของมนุษย์ ตั้งแต่ปี 1981 บริษัทได้ริเริ่มโลกเสมือนจริงเพื่อพัฒนาชีวิตจริงสำหรับผู้บริโภค ผู้ป่วย และพลเมือง แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ของ Dassault Systèmes ช่วยให้ลูกค้า 350,000 รายในอุตสาหกรรมทั้งหมดและทุกขนาดสามารถทำงานร่วมกัน จินตนาการ และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืนซึ่งส่งผลกระทบที่มีคุณค่าได้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่: www.3ds.com

เกี่ยวกับ ClinChoice

ClinChoice เป็นองค์กรวิจัยตามสัญญา (CRO) ชั้นนำระดับโลกที่มุ่งมั่นจัดหาโซลูชันบริการครบวงจรและฟังก์ชันการทำงานตลอดวงจรชีวิตการพัฒนาสำหรับบริษัทเภสัชกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก ClinChoice ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 และมีพนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมากกว่า 4,000 คนใน 30 ประเทศทั่วเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ

ClinChoice คือแหล่งข้อมูลโซลูชันไบโอเมตริกที่ครอบคลุมซึ่งออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลการทดลองทางคลินิกของคุณเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพสูงสุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราสร้างชื่อเสียงในฐานะพันธมิตรที่ลูกค้าทั่วโลกเลือก ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่เหนือกว่าซึ่งช่วยลดความซับซ้อนและเร่งเวลาในการนำผลิตภัณฑ์ของคุณออกสู่ตลาด ClinChoice ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจระเบียบวิธีล่าสุดในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านกฎระเบียบและวิทยาศาสตร์การพัฒนาทางคลินิกได้อย่างลึกซึ้ง

ในอนาคต ClinChoice จะยังคงสร้างระบบนิเวศทางคลินิกระดับโลกต่อไปโดยมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทั่วโลก

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.clinchoice.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Medidata PR
Medidata.PR@3ds.com

ความสัมพันธ์กับนักวิเคราะห์
medidata.AR@3ds.com

แหล่งข้อมูล: Medidata

MRI-Simmons เข้าร่วมกับ Truthset Data Collective เพื่อตรวจสอบคุณภาพข้อมูลยิ่งขึ้น

Logo

ผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อความถูกต้องและความโปร่งใสของข้อมูล

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–17 ธันวาคม 2024

MRI-Simmons ผู้นำด้านผู้ให้บริการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคชาวอเมริกันได้ประกาศวันนี้ว่าตนได้เข้าร่วมกลุ่มกับ Truthset Data Collective ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ให้บริการข้อมูลที่รวมตัวกันเพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมการตลาดทำธุรกรรมกับข้อมูลด้วยความแม่นยำและมีคุณภาพในระดับที่สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การเข้าร่วมกลุ่ม Data Collective ได้แสดงให้เห็นว่าผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในความโปร่งใสและความถูกต้องแม่นยำ ซึ่งเป็นคุณลักษณะ 2 ประการที่บริษัทยึดมั่นมาเป็นเวลากว่า 70 ปี

Truthset Data Collective เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2022 โดยก่อตั้งขึ้นเพื่อมอมบริการแบบหลายแหล่งที่มีความแม่นยำและเป็นกลางให้กับอุตสาหกรรมเพื่อสร้างมาตรฐานความแม่นยำถูกต้องตามข้อมูลประชากรให้กับการกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและการการวัดผลสื่อ ซึ่งกลุ่มนี้ใช้ประโยชน์จากการตรวจสอบที่เป็นอิสระจาก Truthset ในระดับขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหาความถูกต้องของข้อมูลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้แน่ใจได้ว่าจะมีความแตกต่างและความสามารถในการดำเนินการสำหรับผู้ให้บริการด้านข้อมูลรายต่าง ๆ ที่เข้าร่วม

สำหรับ MRI-Simmons แล้ว การร่วมมือกับ Truthset จะช่วยมอบการตรวจสอบเพิ่มเติมได้ว่าชุดข้อมูลจะมีคุณภาพสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งทั้งอุตสาหกรรมโดยรวมสามารถไว้วางใจได้ การบูรณาการผลิตภัณฑ์สี่รายการของ MRI-Simmons ที่ได้รับการรับรองจากสภาจัดเรทสื่อ (Media Rating Council/MRC) รวมถึงการศึกษาวิจัยผู้บริโภคหลัก 'USA' หรือการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา การเข้าไปเป็นสมาชิกของ Data Collective จึงช่วยเพิ่มระดับความโปร่งใสอีกชั้นหนึ่งให้กับกระบวนการที่ค่อนข้างยากลำบากอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบประจำปีอย่างเข้มงวดที่บริษัท CPA อิสระเป็นผู้ดำเนินการ

MRI-Simmons ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรักษาความโปร่งใสและคุณภาพข้อมูลที่ไม่มีใครเทียบได้ในอุตสาหกรรม”  Lana Busignani หัวหน้าแผนกสื่อระดับโลกของ NIQ ซึ่งเป็นเจ้าของส่วนใหญ่ของ MRI-Simmons กล่าว “การเข้าร่วมกลุ่ม Truthset Data Collective ถือเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นและส่งสัญญาณไปยังอุตสาหกรรมว่าเราสามารถไว้วางใจข้อมูลคุณภาพสูงของเราในการขับเคลื่อนผลลัพธ์การแปลงข้อมูลเชิงดิจิทัลที่สามารถปรับให้เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น””

Scott McKinley ซีอีโอของ Truthset กล่าวว่า “MRI-Simmons มีประวัติในการส่งมอบข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาดที่เชื่อถือได้ให้กับอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน” “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะต้อนรับพวกเขาเข้าสู่กลุ่ม Data Collective และทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับมาตรฐานความถูกต้องแม่นยำของอุตสาหกรรมการตลาด

Truthset ได้เข้าร่วมกลุ่ม Data Collective หลังจากที่ MRI-Simmons ขยายโซลูชันการเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูล ซึ่งช่วยให้นักการตลาดปรับปรุงคุณภาพและประโยชน์ใช้สอยของข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งได้ ซึ่งความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของชุดข้อมูลของบุคคลที่สามที่ใช้ในการเสริมประสิทธิภาพการตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากนักการตลาดมีหน้าที่ขับเคลื่อนประสิทธิภาพสื่อและผลตอบแทนจากการลงทุนโฆษณาให้มากขึ้น  การเข้าร่วมกลุ่ม Data Collective จึงช่วยให้นักทำการตลาดมั่นใจได้มากขึ้นว่า MRI-Simmons และชุดข้อมูลผู้บริโภคจะมีคุณสมบัติเหมาะสมในการขับเคลื่อนผลลัพธ์การตลาดที่พวกเขาตั้งเป้าเอาไว้ได้

เกี่ยวกับ MRI-Simmons

MRI-Simmons เป็นผู้นำด้านด้านการให้บริการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคชาวอเมริกัน MRI-Simmons ได้ทำให้ข้อมูลผู้บริโภคฉลาดขึ้นและส่งเสริมการดำเนินการจากข้อมูลเชิงลึกด้วยความโปร่งใสและความเข้มงวดเชิงวิธีการ ซึ่งเป็นรากฐานบริษัท MRI-Simmons เป็นผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคมาเป็นเวลากว่า 60 ปี โดยมีชุดข้อมูลจากแหล่งเดียวที่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องความเป็นส่วนตัวจำนวนหนึ่ง ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในการจัดทำโปรไฟล์ผู้บริโภค การวางแผนสื่อ การปรับแต่งข้อมูลให้เหมาะสม และการแปลงข้อมูล MRI-Simmons ใช้วิธีการสุ่มวัดประชากรจริงในรูปแบบต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ด้วยสุ่มกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ความน่าจะเป็น ผลลัพธ์จึงมาจากชุดข้อมูลที่มีตัวแทนระดับประเทศและมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งช่วยให้มุมมองเกี่ยวกับผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ครอบคลุมและถูกต้องแม่นยำที่สุด

Catalyst ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดข้อมูลเชิงลึกและการแปลงข้อมูลผู้บริโภคของบริษัทจะช่วยทำหน้าที่แจ้งถึงกลยุทธ์การตลาดและปรับปรุงการใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ Catalyst ซึ่งสร้างขึ้นจากชุดข้อมูลจริงของผู้บริโภคที่เป็นตัวแทนระดับประเทศของ MRI-Simmons จะมอบชุดโมดูลต่าง ๆ ให้แก่ผู้ทำการตลาด ตั้งแต่การจัดทำโปรไฟล์ผู้บริโภคไปจนถึงการแปลงข้อมูลเชิงดิจิทัลและปรับแต่งข้อมูลให้เหมาะสมได้ โดยออกแบบมาเพื่อให้มอบประสบการณ์แบบบริการตนเองที่มีความโปร่งใสอย่างสมบูรณ์

MRI-Simmons เปิดตัวในรูปแบบบริษัทร่วมทุนในปี 2019 โดยมี GfK และ SymphonyAI Group ร่วมเป็นเจ้าของ และมีมี GfK เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ GfK ได้รวมตัวกับ NIQ เพื่อรวบรวมผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีการเข้าถึงระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้สองรายในปี 2023 ดูเพิ่มเติมได้ที่ mrisimmons.com

เกี่ยวกับ Truthset

Truthset เป็นบริษัทด้านข้อมูลเชิงลึกที่มุ่งเน้นเฉพาะการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้บริโภคเท่านั้น บริษัทนี้ทำหน้าที่ช่วยให้แบรนด์สร้างความเชื่อมั่นในข้อมูล และปรับปรุงประสิทธิภาพในการตัดสินใจด้วยข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น Truthset รวบรวมความน่าจะเป็นของความจริงสำหรับบันทึกแต่ละรายการที่สามารถใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและส่งเสริมการโต้ตอบกับผู้บริโภคที่แม่นยำยิ่งขึ้น Truthset ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดยผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมจาก Nielsen, Salesforce, LiveRamp และ Procter & Gamble ซึ่งปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ในซานฟรานซิสโก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สื่อ:

MRI-Simmons
Matt Cumello รองประธานฝ่ายการตลาด
press.ms@mrisimmons.com

Truthset
Mike Gasbara, Fabric Media
mike@fabricmedia.net

แหล่งข้อมูล: MRI-Simmons

Falcon 3: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัวโมเดล AI ขนาดเล็กที่ทรงพลังที่สุดในโลก ซึ่งสามารถทํางานบนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อปได้ด้วย

Logo

ฟังก์ชันมัลติโมดอลพร้อมโหมดเสียงที่จะตามมาในเดือนมกราคม 2025

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–17 ธันวาคม 2024

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี (TII) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยประยุกต์ชั้นนําระดับโลกภายใต้สภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ของอาบูดาบี ได้เปิดตัว Falcon 3 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของซีรีส์โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) แบบโอเพ่นซอร์ส การเปิดตัวครั้งสำคัญนี้กําหนดมาตรฐานประสิทธิภาพใหม่สําหรับ LLM ขนาดเล็ก และทําให้การเข้าถึงปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงเป็นประชาธิปไตย โดยทําให้โมเดลทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อป Falcon 3 นําเสนอการใช้เหตุผลที่เหนือกว่าและความสามารถในการปรับแต่งขั้นสูง ทําให้เป็นโมเดล AI ที่ทรงพลังและใช้งานได้มากขึ้น

Falcon 3: UAE’s Technology Innovation Institute Launches World’s most Powerful Small AI Models that can also be run on Light Infrastructures, including Laptops (Photo: AETOSWire)

Falcon 3: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัวโมเดล AI ขนาดเล็กที่ทรงพลังที่สุดในโลก ซึ่งสามารถทํางานบนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อปได้ด้วย (ภาพ: AETOSWire)

Falcon 3 ได้รับการออกแบบมาเพื่อทําให้การเข้าถึง AI ประสิทธิภาพสูงเป็นประชาธิปไตย โดยนําเสนอโมเดลที่ทั้งทรงพลังและมีประสิทธิภาพ Falcon 3 ซึ่งฝึกด้วยโทเค็น 14 ล้านล้านโทเค็น ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่มี 5.5 ล้านล้านโทเค็นถึงสองเท่า แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าในเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Falcon 3 ติดอันดับหนึ่งในรุ่นชั้นนําของโลกที่สามารถทํางานบน GPU ตัวเดียวได้ เมื่อเปิดตัว Falcon 3 ก็สามารถครองตําแหน่งอันดับหนึ่งในลีดเดอร์บอร์ด LLM ของบุคคลที่สามทั่วโลกของ Hugging Face โดยแซงหน้ารุ่นโอเพ่นซอร์สอื่นๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน รวมถึงรุ่น Llama ของ Meta โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเดล Falcon 3-10B เป็นผู้นําในหมวดหมู่นี้ โดยมีประสิทธิภาพเหนือกว่าทุกโมเดลที่มีพารามิเตอร์ต่ำกว่า 13 พันล้านตัว

ฯพณฯ Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC และที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้านการวิจัยเชิงกลยุทธ์และกิจการเทคโนโลยีขั้นสูงกล่าวว่า “พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของ AI นั้นไม่อาจปฏิเสธได้ ในวันนี้ เราได้พัฒนาการมีส่วนร่วมของเราในชุมชน AI โดยเฉพาะภาคโอเพ่นซอร์ส ด้วยการเปิดตัวโมเดลข้อความตระกูล Falcon 3 การเปิดตัวครั้งนี้ต่อยอดจากรากฐานที่เราสร้างขึ้นกับ Falcon 2 ซึ่งถือเป็นก้าวสําคัญสู่โมเดล AI รุ่นใหม่ ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของเราในการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเครื่องมืออันทรงพลังเหล่านี้ได้ทุกที่ สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทของเราเพื่อความเท่าเทียมระดับโลกและนวัตกรรมที่ครอบคลุม”

ตระกูล Falcon 3

ซีรีส์ Falcon 3 มีสี่ขนาด ได้แก่ Falcon3-1B, -3B, -7B และ -10B เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ๆ จะพบว่ามีการให้ความสำคัญกับการบูรณาการที่ราบรื่นเป็นอย่างมาก โมเดลเหล่านี้เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับ API (Application Programming Interfaces) และไลบรารีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งช่วยลดความพยายามในการบูรณาการได้อย่างมาก และทําให้มั่นใจได้ถึงความสะดวกในการใช้งาน ในที่สุดสิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกโซลูชันที่เหมาะกับความต้องการของตนมากที่สุด ด้วย Falcon 3 ที่มอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในด้านการใช้เหตุผล ความเข้าใจภาษา การปฎิบัติตามคําสั่ง การสร้างโค้ด และงานทางคณิตศาสตร์ จึงพร้อมที่จะกําหนดมาตรฐานใหม่ในความสามารถของ AI

Falcon 3 ขนาดเล็กแต่ละโมเดลมี Base และ Instruct ซึ่งแต่ละโมเดลอยู่ในอันดับที่ทรงพลังที่สุดในโลกตามขนาดของมัน โมเดล Base อนุญาตให้ทํางานสร้างเอนกประสงค์ ในขณะที่ Instruct เป็นโมเดลที่ปรับแต่งมาอย่างดีสําหรับแอปพลิเคชันการสนทนา Falcon 3 มีให้บริการในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน และโปรตุเกส โมเดล Falcon 3 ยังมีเวอร์ชันเชิงปริมาณที่ช่วยให้สามารถบูรณาการเข้ากับสถาปัตยกรรมเฉพาะทางได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและมีน้ำหนักเบา จึงสามารถนำไปใช้และอนุมานได้อย่างรวดเร็ว

ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอของ TII กล่าวว่า “ความทุ่มเทของเราในการบุกเบิกการวิจัยและดึงดูดผู้มีความสามารถระดับแนวหน้าได้มาถึงจุดสูงสุดในการพัฒนา Falcon 3 ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือโมเดลที่แสดงให้เห็นถึงการแสวงหาความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์ โดยนําเสนอประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น และกําหนดเกณฑ์มาตรฐานใหม่ในด้านเทคโนโลยี AI”

Dr. Hakim Hacid หัวหน้านักวิจัยของศูนย์วิจัย AI และวิทยาศาสตร์ดิจิทัล (AIDRC) ของ TII กล่าวว่า “AI มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเรายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้ Falcon 3 ผลักดันขอบเขตของ LLM ขนาดเล็กให้ไกลขึ้น โดยมีส่วนสนับสนุนชุมชนโอเพ่นซอร์สโดยให้การเข้าถึง AI ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น เรามั่นใจว่าการเปิดตัวล่าสุดนี้จะเปิดโอกาสอันไม่จํากัด และจะมีประโยชน์มากมาย ช่วยให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไปสามารถใช้ AI ในรูปแบบที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าถึงได้”

Falcon 3 พร้อมให้ดาวน์โหลดทันทีบน HuggingFace และที่ FalconLLM.TII.ae พร้อมกับรายละเอียดเกี่ยวกับเกณฑ์มาตรฐาน

นอกจากนี้ TII ยังเปิดตัว Falcon Playground ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมการทดสอบสําหรับผู้ใช้ปลายทาง โปรแกรมเมอร์ ผู้เขียนโค้ด และนักวิจัย เพื่อสํารวจ Falcon 3 ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยเปิดโอกาสให้ทดลองและให้ข้อเสนอแนะ

Falcon 3 ได้รับอนุญาตภายใต้ TII Falcon License ซึ่งเป็นใบอนุญาตซอฟต์แวร์แบบ Apache 2.0 ซึ่งรวมถึงนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ซึ่งส่งเสริมการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ

ต้นเดือนมกราคม 2025 โมเดลตระกูล Falcon 3 จะเปิดตัวสมาชิกใหม่ โดยเน้นที่ฟังก์ชันมัลติโมดอล รวมถึงโหมดข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเสียง

ที่มา: AETOWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54167979/en

ติดต่อ

Victoria Meven
victoria.meven@edelman.com

ที่มา: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี


AI เจเนอเรชันใหม่กำลังรออยู่ GIGABYTE ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับ HPC ในงาน CES 2025

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2024

GIGABYTE Technology ขึ้นชื่อในด้านนวัตกรรมล้ำสมัยด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และยังคงเดินหน้าพัฒนาความก้าวหน้าต่างๆ ที่กำหนดนิยามใหม่ให้กับอุตสาหกรรมต่อไป โดยตั้งแต่วันที่ 7 ถึง 10 มกราคม 2025 GIGABYTE จะเข้าร่วมงาน CES เพื่อจัดแสดงความก้าวหน้าล่าสุดในด้านการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและโซลูชันคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลต่างๆ

The Next Gen of AI Awaits, GIGABYTE Sets the Benchmark for HPC at CES 2025 (Photo: Business Wire)

AI เจเนอเรชันใหม่กำลังรออยู่ GIGABYTE ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับ HPC ในงาน CES 2025 (ภาพ: Business Wire)

โดยในบูธของ GIGABYTE จะมีการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยที่หลากหลายภายใต้ธีม “ACCEVOLUTION” ที่มีไฮไลท์ ได้แก่:

โซลูชันการประมวลผลคลัสเตอร์แบบแร็คสเกลสำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

เซิร์ฟเวอร์ AI ที่รองรับ “ซูเปอร์ชิป” รุ่นถัดไป

เทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและ ประสิทธิภาพการทำงาน

เวิร์กสเตชันที่ออกแบบมาสำหรับเวิร์กโหลดขนาดเล็ก

Mini-PC ระบบฝังตัว และแพลตฟอร์มในรถยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานปลายทางและการใช้งานเชิงพาณิชย์

ด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ GIGABYTE แสดงให้เห็นว่าพลังการประมวลผลได้ช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าของ AI ซึ่งจะช่วยให้องค์กร สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และบุคคลทั่วไปบรรลุเป้าหมายใหม่ๆ ในด้านนวัตกรรม AI ในทุกสาขาวิชา และทุกๆ ขนาดได้อย่างไร

ความมุ่งมั่นของ GIGABYTE ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงได้เร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระดับโลกและนวัตกรรม AI ขั้นสูง ด้วยความร่วมมืออันแข็งแกร่งกับผู้นำในอุตสาหกรรม GIGABYTE จึงสามารถส่งมอบโซลูชันเซิร์ฟเวอร์ AI ล้ำสมัยได้อย่างสม่ำเสมอพร้อมกับการปรับใช้ที่รวดเร็วหลังจากการอัปเกรดในแต่ละรุ่น โดยในงาน CES 2025 GIGABYTE จะเปิดตัว:

• เซิร์ฟเวอร์ AI ซีรีส์ AMD Instinct™ MI300, ตัวเร่งความเร็ว Intel® Gaudi® 3 และ NVIDIA HGX™

• โมดูล NVIDIA GB200 NVL72 ที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “เซิร์ฟเวอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก” สำหรับการประมวลผลของ AI โดยมอบประสิทธิภาพที่สูงกว่า GPU H100 ถึง 30 เท่า

ด้วยสถาปัตยกรรม “rack-as-a-GPU” ที่เป็นนวัตกรรม โดย NVIDIA GB200 NVL72 ได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการประมวลผล AI ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมงานจะมีโอกาสได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนี้ด้วยตนเองและมีส่วนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของ GIGABYTE เพื่อกำหนดอนาคตของโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI

การประมวลผลประสิทธิภาพสูงกับความยั่งยืน

เพื่อเร่งวิวัฒนาการของ AI ให้เร็วขึ้น GIGABYTE กำลังกำหนดนิยามประสิทธิภาพการระบายความร้อนใหม่ด้วยโซลูชันการระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง (DLC) แบบครบวงจร ระบบที่ครอบคลุมนี้จะผสานรวมกับเซิร์ฟเวอร์ ชุดระบายความร้อนแบบกำหนดเอง และแร็คที่มีความเข้ากันได้อย่างราบรื่นกับ CDU จากผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น CoolIT และ Motivair ด้วยการจัดการกับข้อจำกัดของการระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิม GIGABYTE จึงรับประกันความหนาแน่นในการคำนวณที่เหมาะสมที่สุด ความเสถียรของระบบที่เพิ่มขึ้น และการทำงานที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานในศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัย

เซิร์ฟเวอร์ของ GIGABYTE ที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD, Intel และ NVIDIA รุ่นล่าสุด ใช้ประโยชน์จาก DLC เพื่อสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพที่ล้ำสมัยกับการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนและเปิดใช้งานเอาต์พุตการคำนวณที่สูงขึ้น โซลูชันเหล่านี้จึงตอบสนองกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความยั่งยืนในทั้งสองด้าน

ขับเคลื่อนการนำ AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์และนวัตกรรมแบบฝังตัว

ความเชี่ยวชาญของ GIGABYTE ในการออกแบบเมนบอร์ดทำให้ GIGABYTE กลายเป็นผู้เล่นหลักในการประมวลผลอุตสาหกรรมและการนำ AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ด้วยความร่วมมือกับ NVIDIA ช่วยให้ GIGABYTE นำเสนอระบบฝังตัวที่ขับเคลื่อนด้วยโมดูล Jetson Orin™ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ให้บริการด้านระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม การตรวจสอบด้วยแสงอัตโนมัติ (AOI) การตรวจจับข้อบกพร่อง การประมวลผลแบบเอจ และหุ่นยนต์ ในขณะเดียวกัน ซีรีส์ BRIX mini-PC ที่มีโปรเซสเซอร์พร้อมหน่วยประมวลผลนิวรอล (NPU) แบบบูรณาการ จะส่งมอบประสบการณ์ผู้ใช้ AI ขั้นสูงในดีไซนกะทัดรัด

เร่งความเร็วให้กับเทคโนโลยีอัตโนมัติ

การบรรจบกันของพลังการคำนวณและ AI กำลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าในเทคโนโลยีอัตโนมัติ รวมถึงรถยนต์ไร้คนขับ รถโดยสาร และยานยนต์ผิวน้ำไร้คนขับ (USV) โดย GIGABYTE ยังคงเป็นผู้บุกเบิกโซลูชันที่ชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้นในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และเทเลเมติกส์ ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ที่สำคัญ

การปฏิวัติประสบการณ์พีซีระดับไฮเอนด์

พีซี AI AORUS ของ GIGABYTE กำลังสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับเกมเมอร์และเหล่าบรรดามืออาชีพทั้งหลาย โดยนำเสนอคุณสมบัติต่างๆ เช่น:

AI Boost: การโอเวอร์คล็อกแบบไดนามิกสำหรับเซสชันการเล่นเกมที่เข้มข้น

AI Power Gear: การสลับ GPU อัจฉริยะเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ระหว่างการใช้งานมือถือ

AI Generator: ความสามารถ AI ที่สร้างได้บนอุปกรณ์เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ราบรื่น

ในงาน CES 2025 GIGABYTE ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยี กำหนดทิศทางของ AI ในอนาคต และนำเสนอโซลูชันที่ก้าวล้ำสำหรับระบบนิเวศการประมวลผล

เยี่ยมชมหน้ากิจกรรม CES ของ GIGABYTE ได้ที่ https://www.gigabyte.com/Events/CES

ข้อมูลผู้ติดต่อ

ข้อมูลผู้ติดต่อด้านสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE Technology

AI เจเนอเรชันใหม่กำลังรออยู่ GIGABYTE ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับ HPC ในงาน CES 2025 (ภาพ: Business Wire)

ไทเป–(BUSINESS WIRE)– GIGABYTE Technology ขึ้นชื่อในด้านนวัตกรรมล้ำสมัยด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และยังคงเดินหน้าพัฒนาความก้าวหน้าต่างๆ ที่กำหนดนิยามใหม่ให้กับอุตสาหกรรมต่อไป โดยตั้งแต่วันที่ 7 ถึง 10 มกราคม 2025 GIGABYTE จะเข้าร่วมงาน CES เพื่อจัดแสดงความก้าวหน้าล่าสุดในด้านการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและโซลูชันคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลต่างๆ

โดยในบูธของ GIGABYTE จะมีการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยที่หลากหลายภายใต้ธีม “ACCEVOLUTION” ที่มีไฮไลท์ ได้แก่:

โซลูชันการประมวลผลคลัสเตอร์แบบแร็คสเกลสำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

เซิร์ฟเวอร์ AI ที่รองรับ “ซูเปอร์ชิป” รุ่นถัดไป

เทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและ ประสิทธิภาพการทำงาน

เวิร์กสเตชันที่ออกแบบมาสำหรับเวิร์กโหลดขนาดเล็ก

Mini-PC ระบบฝังตัว และแพลตฟอร์มในรถยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานปลายทางและการใช้งานเชิงพาณิชย์

ด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ GIGABYTE แสดงให้เห็นว่าพลังการประมวลผลได้ช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าของ AI ซึ่งจะช่วยให้องค์กร สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และบุคคลทั่วไปบรรลุเป้าหมายใหม่ๆ ในด้านนวัตกรรม AI ในทุกสาขาวิชา และทุกๆ ขนาดได้อย่างไร

ความมุ่งมั่นของ GIGABYTE ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงได้เร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระดับโลกและนวัตกรรม AI ขั้นสูง ด้วยความร่วมมืออันแข็งแกร่งกับผู้นำในอุตสาหกรรม GIGABYTE จึงสามารถส่งมอบโซลูชันเซิร์ฟเวอร์ AI ล้ำสมัยได้อย่างสม่ำเสมอพร้อมกับการปรับใช้ที่รวดเร็วหลังจากการอัปเกรดในแต่ละรุ่น โดยในงาน CES 2025 GIGABYTE จะเปิดตัว:

• เซิร์ฟเวอร์ AI ซีรีส์ AMD Instinct™ MI300, ตัวเร่งความเร็ว Intel® Gaudi® 3 และ NVIDIA HGX™

• โมดูล NVIDIA GB200 NVL72 ที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “เซิร์ฟเวอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก” สำหรับการประมวลผลของ AI โดยมอบประสิทธิภาพที่สูงกว่า GPU H100 ถึง 30 เท่า

ด้วยสถาปัตยกรรม “rack-as-a-GPU” ที่เป็นนวัตกรรม โดย NVIDIA GB200 NVL72 ได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการประมวลผล AI ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมงานจะมีโอกาสได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนี้ด้วยตนเองและมีส่วนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของ GIGABYTE เพื่อกำหนดอนาคตของโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI

การประมวลผลประสิทธิภาพสูงกับความยั่งยืน

เพื่อเร่งวิวัฒนาการของ AI ให้เร็วขึ้น GIGABYTE กำลังกำหนดนิยามประสิทธิภาพการระบายความร้อนใหม่ด้วยโซลูชันการระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง (DLC) แบบครบวงจร ระบบที่ครอบคลุมนี้จะผสานรวมกับเซิร์ฟเวอร์ ชุดระบายความร้อนแบบกำหนดเอง และแร็คที่มีความเข้ากันได้อย่างราบรื่นกับ CDU จากผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น CoolIT และ Motivair ด้วยการจัดการกับข้อจำกัดของการระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิม GIGABYTE จึงรับประกันความหนาแน่นในการคำนวณที่เหมาะสมที่สุด ความเสถียรของระบบที่เพิ่มขึ้น และการทำงานที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานในศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัย

เซิร์ฟเวอร์ของ GIGABYTE ที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD, Intel และ NVIDIA รุ่นล่าสุด ใช้ประโยชน์จาก DLC เพื่อสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพที่ล้ำสมัยกับการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนและเปิดใช้งานเอาต์พุตการคำนวณที่สูงขึ้น โซลูชันเหล่านี้จึงตอบสนองกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความยั่งยืนในทั้งสองด้าน

ขับเคลื่อนการนำ AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์และนวัตกรรมแบบฝังตัว

ความเชี่ยวชาญของ GIGABYTE ในการออกแบบเมนบอร์ดทำให้ GIGABYTE กลายเป็นผู้เล่นหลักในการประมวลผลอุตสาหกรรมและการนำ AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ด้วยความร่วมมือกับ NVIDIA ช่วยให้ GIGABYTE นำเสนอระบบฝังตัวที่ขับเคลื่อนด้วยโมดูล Jetson Orin™ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ให้บริการด้านระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม การตรวจสอบด้วยแสงอัตโนมัติ (AOI) การตรวจจับข้อบกพร่อง การประมวลผลแบบเอจ และหุ่นยนต์ ในขณะเดียวกัน ซีรีส์ BRIX mini-PC ที่มีโปรเซสเซอร์พร้อมหน่วยประมวลผลนิวรอล (NPU) แบบบูรณาการ จะส่งมอบประสบการณ์ผู้ใช้ AI ขั้นสูงในดีไซนกะทัดรัด

เร่งความเร็วให้กับเทคโนโลยีอัตโนมัติ

การบรรจบกันของพลังการคำนวณและ AI กำลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าในเทคโนโลยีอัตโนมัติ รวมถึงรถยนต์ไร้คนขับ รถโดยสาร และยานยนต์ผิวน้ำไร้คนขับ (USV) โดย GIGABYTE ยังคงเป็นผู้บุกเบิกโซลูชันที่ชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้นในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และเทเลเมติกส์ ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ที่สำคัญ

การปฏิวัติประสบการณ์พีซีระดับไฮเอนด์

พีซี AI AORUS ของ GIGABYTE กำลังสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับเกมเมอร์และเหล่าบรรดามืออาชีพทั้งหลาย โดยนำเสนอคุณสมบัติต่างๆ เช่น:

AI Boost: การโอเวอร์คล็อกแบบไดนามิกสำหรับเซสชันการเล่นเกมที่เข้มข้น

AI Power Gear: การสลับ GPU อัจฉริยะเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ระหว่างการใช้งานมือถือ

AI Generator: ความสามารถ AI ที่สร้างได้บนอุปกรณ์เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ราบรื่น

ในงาน CES 2025 GIGABYTE ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยี กำหนดทิศทางของ AI ในอนาคต และนำเสนอโซลูชันที่ก้าวล้ำสำหรับระบบนิเวศการประมวลผล

เยี่ยมชมหน้ากิจกรรม CES ของ GIGABYTE ได้ที่ https://www.gigabyte.com/Events/CES

ข้อมูลผู้ติดต่อ

ข้อมูลผู้ติดต่อด้านสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE Technology

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Descope และ 8×8 ร่วมมือกัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในประสบการณ์ของลูกค้า

Logo

การผสานรวม CPaaS API 8×8 ใหม่เข้ากับแพลตฟอร์ม การจัดการข้อมูลประจําตัวและการเข้าถึงลูกค้า (CIAM) แบบลากและวางของ Descope ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและปรับแต่งการเดินทางของผู้ใช้ได้อย่างง่ายดาย พร้อมมอบการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมที่สุด

แคมป์เบลล์ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2024

8×8, Inc. (NASDAQ: EGHT) แพลตฟอร์มสำหรับ CX ที่บูรณาการมากที่สุดในอุตสาหกรรมซึ่งรวม Contact Center, Unified Communication และ CPaaS APIs ประกาศความร่วมมือกับ Descope ในวันนี้ ในฐานะพันธมิตรแต่เพียงผู้เดียวในเอเชียแปซิฟิกของ Descope 8×8® จะผสานรวมแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลประจําตัวและการเข้าถึงลูกค้า (CIAM) แบบลากและวางของ Descope เข้ากับ CPaaS APIs ของ 8×8 ได้อย่างราบรื่น การผสานรวมนี้ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและปรับแต่งการเดินทางของผู้ใช้ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายผ่านเวิร์กโฟลว์ภาพที่ใช้งานง่ายของ Descope

การผสมผสานระหว่างความสามารถ 8×8 และ Descope ช่วยให้องค์กรมีโซลูชันที่สมบูรณ์ซึ่งสามารถมอบกระบวนการตรวจสอบสิทธิ์ที่สม่ำเสมอ ปลอดภัย และไร้ปัญหา เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น ด้วยการเพิ่มโซลูชันเวิร์กโฟลว์ภาพแบบไม่มีโค้ด/โค้ดน้อยที่ผสานรวมของ Descope 8×8 จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับแต่งการเดินทางของผู้ใช้และสร้างประสบการณ์การใช้งานแบบเฉพาะบุคคลได้ ตลอดจนปรับใช้กระบวนการเข้าสู่ระบบที่ทันสมัยได้อย่างง่ายดาย เช่น การเข้าสู่ระบบทางโซเชียล รหัสผ่าน รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (OTP) และลิงก์วิเศษ ซึ่งล้วนเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าการเข้าสู่ระบบแบบใช้รหัสผ่านแบบดั้งเดิม ทั้งในแง่ของความปลอดภัยและประสบการณ์ของผู้ใช้

“ความมุ่งมั่นของ 8×8 ต่อประสบการณ์ของลูกค้าและความเป็นเลิศของลูกค้า เป็นหนึ่งในเหตุผลสําคัญที่เราต้องการเป็นพันธมิตรกับพวกเขา” Rishi Bhargava ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ของ Descope กล่าว “สําหรับเรา นี่เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้เราสามารถผสมผสานการยืนยันตัวตนและการอนุญาตการเข้าถึงกับการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้ โดยมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นและปลอดภัยให้กับธุรกิจ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ 8×8 ในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งธุรกิจต่างๆ พร้อมที่จะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไปอีกระดับ”

องค์กรต่างๆ ที่ใช้ Descope ได้ลดจํานวนตั๋วสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการยืนยันตัวตนลง 50% และลดต้นทุนได้อย่างมาก (30-40 เท่า) โดยไม่จําเป็นต้องสร้างระบบการยืนยันตัวตนภายในองค์กร

“การยืนยันตัวตนและการอนุญาตการเข้าถึงที่ปลอดภัยจะต้องเป็นลำดับความสำคัญสูงสุดของของบริษัทอยู่เสมอ แต่ไม่จําเป็นต้องแลกกับประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า” Stephen Hamill ผู้จัดการทั่วไป CPaaS ที่ 8×8, Inc. กล่าว “ความร่วมมือของเรากับ Descope ช่วยให้องค์กรได้รับประสบการณ์ที่ปลอดภัย ราบรื่น และใช้งานได้ดีเยี่ยม ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ  ปลดล็อกศักยภาพของทุกปฏิสัมพันธ์ นอกจากนี้ ความสามารถของ Descope ยังช่วยเสริมและปรับปรุงโซลูชันการสื่อสารที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของเรา ช่วยให้มีส่วนร่วมได้อย่างชาญฉลาดและราบรื่นยิ่งขึ้นตลอดการเดินทางของลูกค้า”

8×8 CPaaS API ขับเคลื่อนฟังก์ชันทางธุรกิจที่สำคัญ เช่น การยืนยันตัวตนและการป้องกันการฉ้อโกง การตลาดและการสื่อสาร การสนับสนุนลูกค้า และการดําเนินงาน ด้วยการส่งข้อความแบบ Omnichannel ซึ่งรวมถึง SMS แอปส่งข้อความ เสียง และการโต้ตอบด้วยวิดีโอ  ทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการสื่อสารทางธุรกิจและประสบการณ์ของลูกค้าในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา เป็นองค์ประกอบหลักของแพลตฟอร์ม 8×8 สําหรับ CX ซึ่งรวมศูนย์ติดต่อ การสื่อสารแบบครบวงจร และ CPaaS APIs เข้าด้วยกันอย่างราบรื่น เพื่อช่วยให้องค์กรเชื่อมต่อลูกค้าและทีมทั่วโลก เสริมศักยภาพให้กับผู้นำ CX ด้วยประสิทธิภาพและข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อการตัดสินใจที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และขับเคลื่อนผลกระทบทางธุรกิจที่ยั่งยืน

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง 8×8 และ Descope รวมถึงโซลูชันทางธุรกิจแบบบูรณาการโดย:

ข้อควรระวังเกี่ยวกับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า รวมถึงข้อความที่เกี่ยวข้องกับการเปิดตัวความร่วมมือใหม่กับ Descope และการบูรณาการ Descope กับ API การสื่อสารของ 8×8 ผู้อ่านควรระวังว่าข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนซึ่งอาจทําให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือผลลัพธ์ที่แท้จริงของเราแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญจากที่แสดงไว้ในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าว ผู้อ่านควรอ่านรายงานตามระยะเวลาและรายงานอื่นๆ ของ 8×8 ที่ยื่นต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เพื่อทราบถึงคําอธิบายเกี่ยวกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าว ความเสี่ยงเหล่านี้อาจลดการเติบโตของธุรกิจ CX และโมเมนตัมของศูนย์ติดต่อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการทํากําไรของเรา 8×8 ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ

เกี่ยวกับ 8×8 Inc.

8×8, Inc. (NASDAQ: EGHT) เชื่อมโยงผู้คนและองค์กรต่างๆ ผ่านการสื่อสารที่ราบรื่นบนแพลตฟอร์มที่บูรณาการมากที่สุดในอุตสาหกรรมสําหรับประสบการณ์ลูกค้า โดยรวม Contact Center, Unified Communication และ CPaaS APIs ไว้ด้วยกัน แพลตฟอร์ม 8×8® สําหรับ CX ผสานรวม AI ในทุกระดับเพื่อช่วยให้การเดินทางของลูกค้าเป็นส่วนตัวขับเคลื่อนความเป็นเลิศในการดําเนินงานและข้อมูลเชิงลึก และอํานวยความสะดวกในการทํางานร่วมกันเป็นทีม เราช่วยให้ประสบการณ์ของลูกค้าและผู้นําด้านไอทีกลายเป็นหัวใจสําคัญขององค์กร เสริมศักยภาพให้พวกเขาปลดล็อกศักยภาพของทุกปฏิสัมพันธ์ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.8×8.com หรือติดตาม 8×8 บน LinkedIn, X และ Facebook

8×8 และโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ 8×8, Inc.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

8×8, Inc. ติดต่อ:

สื่อ:
PR@8×8.com

นักลงทุนสัมพันธ์:
Investor.Relations@8×8.com

ที่มา: 8×8, Inc.

NIQ Research พบทัศนคติที่ซ่อนเร้นของผู้บริโภคที่มีต่อโฆษณาที่สร้างโดย AI

Logo

งานวิจัยใหม่ที่จะนำเสนออย่างเป็นทางการที่งาน Consumer Electronics Show (CES) ปี 2025

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2024

ในขณะที่ AI ช่วยสร้างยังคงผลักดันขอบเขตของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ NielsenIQ (NIQ) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภคได้เปิดเผยงานวิจัยสร้างความฮือฮาใหม่เกี่ยวกับวิธีการที่สมองของผู้บริโภคประมวลผลโฆษณาที่สร้างโดย AI โดยงานวิจัยนี้มีผลกระทบที่สำคัญสำหรับผู้ลงโฆษณาที่ต้องรับมือกับโอกาสและความท้าทายของเทคโนโลยีเกิดใหม่นี้ NIQ จะพูดถึงผลการวิจัยนี้โดยคำนึงถึงกลุ่มวัยต่างๆ ใน CES 2025 เซสชั่นพาแนลที่มีชื่อว่า การปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง: การเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ในกลยุทธ์การโฆษณา ในวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม เวลา 10:00 น. ตามเวลาแปซิฟิก (PST)

Ramon Melgarejo ประธานฝ่ายการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์และข้อมูลเชิงลึกของ NIQ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานวิจัยนี้ไว้ว่า “แบรนด์และหน่วยงานต่างๆ กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วด้วยการใช้ประโยชน์จากเนื้อหาที่สร้างโดย AI ในการโฆษณาของตน แบรนด์และหน่วยงานเหล่านี้ต้องระมัดระวัง เพราะงานวิจัยของเราเปิดเผยว่าผู้บริโภคค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องความเป็นของแท้ของงานโฆษณา ทั้งในระดับโดยนัย (ไม่รู้สึกตัว) และระดับชัดเจน (รู้สึกตัว) แบรนด์จะต้องจัดลำดับความสำคัญกสรประเมินชิ้นงานโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเชิงลึกเพื่อสร้างโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ”

  การวิจัยที่สำคัญเกี่ยวกับโฆษณาที่สร้างโดย AI พบว่า:
  1. อิทธิพลเชิงลบต่อแบรนด์
    ผู้บริโภคสามารถระบุโฆษณาที่สร้างด้วย AI ได้ในทันที โดยมีความเห็นว่าโฆษณาเหล่านี้ไม่ค่อยน่าดึงดูด และให้ความรู้สึกว่า “น่ารำคาญ,” “น่าเบื่อ,” และ “ชวนให้สับสน” มากกว่าโฆษณาแบบดั้งเดิม ความรู้สึกเหล่านี้บ่งบอกว่าโฆษณาที่สร้างโดย AI อาจสร้างอิทธิพลเชิงลบที่อาจทำให้ผู้บริโภคมองทั้งโฆษณาและแบรนด์ในแง่ลบ

     
  2. การกระตุ้นความทรงจำที่อ่อน
    โฆษณาที่สร้างโดย AI แม้กระทั่งโฆษณาที่ถูกมองมี “คุณภาพสูง” ทำให้เกิดการกระตุ้นความทรงจำที่อ่อนในสมองเมื่อเทียบกับโฆษณาแบบดั้งเดิม การตอบสนองนี้บ่งบอกถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่างเนื้อหาและโครงสร้างความทรงจำที่มีอยู่ ซึ่งเป็นช่องว่างที่อาจขัดขวางแรงจูงใจในการดำเนินการของผู้บริโภค

     
  3. ข้อดีและข้อเสียในแง่ของการเสริมสร้างแบรนด์
    เดิมด้วยการดึงข้อมูลจากภาพและแนวคิดที่มีอยู่ก่อนแล้ว โฆษณาที่สร้างโดย AI สามารถเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับแบรนด์ที่มีอยู่ได้สำเร็จ แต่เมื่อรวมเข้ากับอิทธิพลเชิงลบต่อแบรนด์ ผลประโยชน์นี้อาจถูกกลบโดยการรับรู้เชิงลบแบบโดยรวม

     
  4. ภาพที่สร้างภาระทางการรับรู้
    งานภาพคุณภาพต่ำในโฆษณาที่สร้างโดย AI เพิ่มความพยายามทางการรับรู้ที่จำเป็นต้องใช้ในการประมวลผลโฆษณาเหล่านั้น ซึ่งเป็นการเบียงเบนความสนใจจากข้อความที่ต้องการสื่อ การดำเนินการคุณภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเล่าเรื่องที่มีประสิทธิภาพและการสื่อสารของแบรนด์

แนวโน้มที่เปลี่ยนแปลง

Marta Cyhan-Bowles ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารและหัวหน้าฝ่ายการตลาดทั่วโลกของ NIQ กล่าวว่า “งานในขณะที่ผู้โฆษณาทดลองกับ AI ช่วยสร้างเพื่อปรับปรุงการสร้างโฆษณาและลดค่าใช้จ่าย งานวิจัยนี้จะช่วยให้แนวทางที่สำคัญ” “แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยประสาทวิทยาศาสตร์ของเราเปิดเผยวิธีที่ผู้บริโภคประมวลผลเนื้อหาที่สร้างด้วย AI โดยไม่รู้ตัวและเน้นให้เห็นเส้นแบ่งระหว่างนวัตกรรมและความรู้สึกไม่สบายใจ”

Cyhan-Bowles เตือนว่าถึงแม้ว่า AI จะนำเสนอศักยภาพที่น่าตื่นเต้นสำหรับการสร้างแนวคิดในระยะแรกเริ่มและการทดสอบองค์ประกอบของแบรนด์ เนื้อหา AI ที่ดำเนินการได้ไม่ดีอาจทำลายคุณค่าแบรนด์ของคุณ แม้ว่าเทคโนโลยีเกิดใหม่นี้จะไม่มาแทนที่การสร้างโฆษณาแบบดั้งเดิมในทันที แต่ความสามารถของเทคโลยีนี้ก็ยังคงสามารถยกระดับกระบวนการสร้างสรรค์เมื่อนำไปผสานงานอย่างรอบคอบได้

นอกจากนี้ AI ยังขับเคลื่อนแระสิทธิภาพการตลาดในการพัฒนาสินค้าที่มุ่งเน้นไปที่ผู้บริโภคในระยะยาว โดยจะมอบข้อมูลเชิงลึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความชอบของลูกค้า AI กำลังอุดช่องว่างระหว่างธุรกิจและลูกค้าด้วยการยกระดับความเข้าใจในเรื่องความชอบของลูกค้า เครื่องมือใหม่ที่สร้างความฮือฮาอย่าง NIQ’s Ad Explorer กำลังช่วยให้นักการตลาดเพิ่มคุณค่าแบรนด์ด้วยการใช้ประโยชน์จากการรับรู้แบบไม่รู้สึกตัวของลูกค้าเพื่อจัดลำดับความสำคัญข้อมูลเชิงลึกความสร้างสรรค์ ทดสอบหลายเวอร์ชันของโฆษณา และทำให้ทันเวลาโดยไม่เสียคุณภาพ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัยโดยละเอียด ที่นี่ และติดตามสถานการณ์ในอนาคตในเรื่องของการโฆษณาที่สร้างโดย AI

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) คือบริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนำระดับโลก ซึ่งทำหน้าที่ส่งมอบความเข้าใจที่ครบถ้วนในเรื่องของพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและเปิดเผยเส้นทางใหม่ในการเติบโต NIQ โตรวมเข้ากับรวมเข้ากับ GfK ในปี 2023 ซึ่งเป็นการนำผู้นำอุตสาหกรรมทั้งสองที่มีการเข้าถึงระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้มาร่วมมือกัน ในวันนี้ NIQ นี้มีการปฏิบัติงานในกว่า 95 ประเทศ ครอบคลุม 97% ของ GDP ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลการค้าปลีกแบบครบวงจรและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครบถ้วนที่สุด ซึ่งนำเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัย NIQ ส่งมอบ Full View™

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.niq.com

เกี่ยวกับงานวิจัย NIQ

งานวิจัยมีผู้มีส่วนร่วมมากกว่า 2,000 คนที่ดูโฆษณาที่สร้างโดย AI ตั้งแต่คุณภาพต่ำไปจนถึงคุณภาพสูง โดยมีการวัดกิจกรรมสมองด้วยการใช้อิเล็กโทรเอนซาโลแกรม (EEG) สำหรับผู้มีส่วนร่วมประมาณ 150 คน หลังจากดูโฆษณา ผู้มีส่วนร่วมทุกคนจะถูกขอให้แบ่งปันข้อคิดเห็นอย่างชัดเจนผ่านแบบสำรวจ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Sweta Patra
sweta.patra@nielseniq.com

แหล่งที่มา: NielsenIQ

Nabat บริษัทร่วมทุนด้านเทคโนโลยีสภาพอากาศแห่งใหม่ในอาบูดาบีจะใช้ AI และหุ่นยนต์เพื่อฟื้นฟูป่าชายเลนและเพิ่มความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพอากาศ

Logo

สตาร์ทอัพใหม่จาก VentureOne ของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology Research Council/ATRC) จะใช้ AI และหุ่นยนต์อัตโนมัติเพื่ออนุรักษ์ระบบนิเวศธรรมชาติ โดยเริ่มจากป่าชายเลนและขยายไปยังแหล่งที่อยู่อาศัยอื่น ๆ

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2024

VentureOne ของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology Research Council/ATRC) เปิดตัว Nabat ในงานประชุมการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนนานาชาติที่จัดขึ้นในอาบูดาบี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านเทคโนโลยีสภาพอากาศแห่งใหม่ที่จะอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนและระบบนิเวศอื่น ๆ ทั่วภูมิภาคโดยใช้ AI และหุ่นยนต์

Nabat, New Abu Dhabi Climate Tech Venture, to use AI and Robotics to Restore Mangroves and Boost Climate Resilience (Photo: AETOSWire)

Nabat บริษัทร่วมทุนด้านเทคโนโลยีสภาพอากาศแห่งใหม่ในอาบูดาบีจะใช้ AI และหุ่นยนต์เพื่อฟื้นฟูป่าชายเลนและเพิ่มความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพอากาศ (รูปภาพ: AETOSWire)

Nabat ได้จัดแสดงเทคโนโลยีขั้นสูงของบริษัท ซึ่งรวมถึงโดรนที่ขับเคลื่อนด้วยซอร์ฟแวร์ AI และมาพร้อมกับกลไกเพาะปลูกแบบยืดหยุ่น ซึ่งจะนำไปใช้ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนหลายพันเฮกตาร์ทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในอีกเจ็ดปีข้างหน้า ป่าชายเลนนั้นจะกักเก็บคาร์บอนมากกว่าต้นไม้ในป่าฝนถึงห้าเท่า ทั้งยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบนิเวศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเป็นส่วนสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกอีกด้วย

“Nabat ได้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติได้อย่างไร” ฯพณฯ Faisal Al Bannai เลขาธิการสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) กล่าว “เราสามารถขับเคลื่อนความพยายามในการฟื้นฟูระบบนิเวศ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และเสริมสร้างความสามารถในการรับมือสภาพอากาศเพื่อเร่งเส้นทางสู่เป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซในประเทศของเราให้เป็นศูนย์ได้ด้วยการผสานนวัตกรรมเข้ากับวิทยาศาสตร์”

“ผู้คนมักมองว่าเทคโนโลยีกับธรรมชาติเป็นสองสิ่งที่ไม่ลงรอยกัน แต่เมื่อเราผสานเทคโนโลยีเข้ากับการวิจัยตามหลักวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาสำคัญ ๆ เทคโนโลยีก็สามารถกลายเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ทรงพลังของธรรมชาติได้” ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอของ Technology Innovation Institute ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยประยุกต์ของ ATRC และผู้พัฒนาเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง Nabat กล่าว “ระบบของเราช่วยแก้ไขปัญหาในการอนุรักษ์ได้หลายประการ และหนึ่งในประการสำคัญก็คือการเก็บรวบรวมข้อมูล ไม่มีระบบนิเวศใดที่เหมือนกัน ดังนั้น แต่ละระบบนิเวศจึงจำเป็นต้องใช้แนวทางที่ออกแบบให้เหมาะสมกับระบบนิเวศโดยใช้ข้อมูลสนับสนุน

ระบบ AI และหุ่นยนตร์ของ Nabat ช่วยจัดทำแผนที่ หว่านเมล็ดพันธุ์ และช่วยตรวจสอบได้อย่างแม่นยำ จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าการอนุรักษ์และฟื้นฟูจะได้รับการออกแบบตามความต้องการเฉพาะและความซับซ้อนของระบบนิเวศแต่ละแห่ง โดยระบบของ Nabat จะแตะต้องแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะต่างจากการปลูกป่าชายเลนแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้แรงงานมากและอาจทำอันตรายต่อระบบนิเวศโดยรอบได้

เทคโนโลยีของ Nabat จะช่วยมอบข้อมูลด้านดิน รวมถึงความหนาแน่น ระดับความสูง และอุทกวิทยาของแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติได้เป็นจำนวนมากในระหว่างขั้นตอนการจัดทำแผนที่ โดยกลไกหว่านเมล็ดพันธุ์ของโดรนจะใช้การวางแผนวิถีที่เหมาะสมที่สุดและรูปแบบการหว่านเมล็ดที่ยืดหยุ่นเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถหว่านเพาะเมล็ดพันธุ์ได้อย่างแม่นยำและหว่านเพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ ระบบยังมาพร้อมความสามารถในการช่วยให้แน่ใจว่าต้นไม้ที่ปลูกจะเติบโตอย่างปลอดภัยด้วย

เทคโนโลยีของ Nabat ทำงานได้แม้ในพื้นที่ห่างไกลที่เข้าถึงได้ยาก ช่วยให้ความพยายามในการอนุรักษ์และฟื้นฟูสามารถไล่ระดับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ช่วยลดต้นทุนให้เหลือน้อยที่สุด

Reda Nidhakou รักษาการ CEO ของ VentureOne บริษัทแม่ของ Nabat กล่าวว่า “จิตวิญญาณของ VentureOne คือการเปิดตัวสตาร์ทอัพที่นำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาสู่โลก เพราะเทคโนโลยีที่มีคุณค่าที่สุดไม่เพียงแต่เป็นนวัตกรรม มีประสิทธิภาพ หรือสร้างกำไรเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องสร้างผลกระทบเชิงบวกที่สามารถวัดผลได้ด้วย ถือเป็นอภิสิทธิ์อย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับทีมงานและระบบนิเวศน์ที่กว้างขึ้นของเราในการมีส่วนสนับสนุนเส้นทางสู่ความยั่งยืนของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลักษณะพื้นฐานเช่นนี้”

แม้ว่าในช่วงแรกบริษัทจะเน้นที่ป่าชายเลนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่บริษัทก็มีแผนที่จะขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในภูมิภาคและให้บริการระบบนิเวศอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมถึงพื้นที่ทะเลทราย พื้นที่เกษตรกรรม ป่าไม้ และแนวปะการังอีกด้วย

*แหล่งข้อมูล: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54165310/en

ข้อมูลติดต่อ

Audrey Fernandes
Audrey.fernandes@edelman.com

แหล่งข้อมูล: Nabat

โมดูลเข้ารหัส NVMe SSD ของ KIOXIA ผ่านการตรวจสอบ FIPS 140-3 ระดับ 2

Logo

โมดูลเข้ารหัสคอนโทรลเลอร์ SSD สำหรับองค์กรซีรีส์ KIOXIA CM7 ตรงตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยล่าสุดของโปรแกรมตรวจสอบโมดูลเข้ารหัสของ NIST

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2024

Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ประกาศในวันนี้ว่าโมดูลเข้ารหัสที่ใช้ใน SSD สำหรับองค์กร PCIe® 5.0 NVMe™ ซีรีส์ KIOXIA CM7 ได้รับการรับรองว่าเป็นไปตามมาตรฐานการประมวลผลข้อมูลของรัฐบาลกลาง (FIPS) 140-3 ระดับ 2 สำหรับโมดูลเข้ารหัส

KIOXIA CM7 Series PCIe 5.0 NVMe Enterprise SSD (Photo: Business Wire)

KIOXIA CM7 Series PCIe 5.0 NVMe Enterprise SSD (รูปภาพ: Business Wire)

มาตรฐาน FIPS 140-3 กำหนดชุดข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของโปรแกรมตรวจสอบโมดูลเข้ารหัสที่บริหารโดยสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (NIST) ซึ่งใช้เป็นมาตรวัดความปลอดภัยสำหรับหน่วยงานของรัฐบาลกลางในการจัดหาอุปกรณ์ไอทีที่ผ่านการตรวจสอบ บริษัทและหน่วยงานของรัฐบาลกลางอาจต้องการหรืออาจจำเป็นต้องปรับใช้มาตรฐานของรัฐบาลที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่ง SSD ที่ได้รับการรับรองตามข้อกำหนด FIPS 140-3 จะต้องเป็นไปตามนั้น เมื่อเทียบกับข้อกำหนด FIPS 140-2 ก่อนหน้านี้ ข้อกำหนด 140-3 จะให้มาตรฐานที่สูงกว่าสำหรับ SSD รวมถึงวิธีการตรวจสอบที่เข้มงวดยิ่งขึ้นและแนวทางการใช้งานที่อัปเดต

Kioxia นำเทคโนโลยี PCIe 5.0 มาสู่แอปพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์และที่เก็บข้อมูลด้วย SSD NVMe ซีรีส์ KIOXIA CM7 ซึ่งมุ่งเป้าไปที่แอปพลิเคชันและกรณีการใช้งานขององค์กร รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ การประมวลผลประสิทธิภาพสูง ฐานข้อมูลการประมวลผลธุรกรรมออนไลน์ และคลังข้อมูล ไดรฟ์ซีรีส์ KIOXIA CM7 นำประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยระดับองค์กรมาสู่เซิร์ฟเวอร์และที่เก็บข้อมูลของศูนย์ข้อมูล คุณสมบัติหลักของ SSD ซีรีส์ KIOXIA CM7 ประกอบด้วย:

• SSD NVMe ที่เข้ากันได้กับ PCIe 5.0 ในรูปแบบ 2.5 นิ้ว(1) และ E3.S

• รองรับพอร์ตคู่และพอร์ตเดี่ยว

• ความทนทานต่อการอ่านข้อมูลจำนวนมากและการใช้งานแบบผสมผสาน

• ความจุตั้งแต่ 1.6 เทราไบต์ (TB) ถึง 30.72 TB (15.36 TB ในรูปแบบ E3.S)

• ตัวเลือกด้านความปลอดภัย ได้แก่: การลบข้อมูลทันที (SIE) (2), ไดรฟ์เข้ารหัสด้วยตนเอง TCG Opal (SED) (3) และ SED ที่ใช้โมดูล FIPS 140-3 ระดับ 2

หมายเหตุ:

(1) “2.5 นิ้ว” หมายถึงรูปแบบของ SSD ไม่ได้ระบุถึงขนาดทางกายภาพของไดรฟ์

(2) รุ่นเสริม SIE ที่รองรับ Crypto Erase ซึ่งเป็นคุณสมบัติมาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการเทคนิค (SCSI) ของ INCITS (คณะกรรมการมาตรฐานเทคโนโลยีสารสนเทศระหว่างประเทศ)

(3) โมเดลเสริม SED รองรับ TCG Opal และ Ruby SSC แต่ไม่รองรับฟีเจอร์บางอย่างของ TCG Opal SSC

* คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation กำหนดให้เมกะไบต์ (MB) เท่ากับ 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เท่ากับ 1,000,000,000 ไบต์ และเทราไบต์ (TB) เท่ากับ 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์จะรายงานความจุของหน่วยเก็บข้อมูลโดยใช้เลขยกกำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของหน่วยเก็บข้อมูลที่น้อยกว่า ความจุที่จัดเก็บได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์สื่อต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

* รุ่นเสริมด้านความปลอดภัยไม่มีจำหน่ายในทุกประเทศเนื่องจากข้อบังคับด้านการส่งออกและท้องถิ่น

* PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

* NVMe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งมุ่งมั่นในการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและไดรฟ์โซลิดสเตต (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นบริษัทก่อนหน้าที่ได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 โดย Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำให้กับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D ที่เป็นนวัตกรรมของ Kioxia ที่เรียกว่า BiCS FLASH™ ที่กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์และศูนย์ข้อมูลต่างๆ

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลที่ถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54164556/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อผู้ติดต่อ

การสอบถามข้อมูลลูกค้า:

Kioxia Group

สำนักงานขายทั่วโลก

https://www.kioxia.com/en-jp/business/buy/global-sales.html

การสอบถามข้อมูลด้าน  สื่อ:

Kioxia Corporation

ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย

Satoshi Shindo

โทรศัพท์: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

Material ได้รับรางวัล Splash Award สําหรับผลงานดีเด่นใน Drupal Website

Logo

 ผลงานที่ยอดเยี่ยมร่วมกับ INSEAD แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมและมีอิทธิพลอันโดดเด่นต่อโซลูชันการมีส่วนร่วมแบบดิจิทัล –

ลอสแองเจลิส–(BUSINESS WIRE)–10 ธันวาคม 2024

Material คือ บริษัทข้อมูลเชิงลึก การตลาด และเทคโนโลยีชั้นนํา มีความยินดีที่จะประกาศว่าบริษัทได้รับรางวัล Splash Award ในหมวด “การศึกษา” จากการทํางานร่วมกับ INSEAD – The Business School for the World® และรางวัลรองชนะเลิศในหมวด “องค์กร” จากการทํางานร่วมกับ Stuff Limited โดยรางวัล Splash Awards ครั้งแรกนี้ของ DrupalCon Singapore จัดขึ้นเพื่อยกย่องเว็บไซต์และประสบการณ์ดิจิทัลที่โดดเด่นที่จัดขึ้นด้วย Drupal โดยเน้นที่ความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นเลิศทางเทคนิค และโซลูชันนวัตกรรมที่เอเจนซี่และนักพัฒนานํามาสู่อุตสาหกรรมรวมถึงความท้าทายที่หลากหลาย

สําหรับรางวัลในหมวด “การศึกษา” นั้น Material ได้ร่วมมือกับ INSEAD เพื่อยกระดับสถานะดิจิทัลโดยรวมของโรงเรียน ปรับปรุงการมีส่วนร่วมและเสริมสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยปรับเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและความสําเร็จด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Drupal ล่าสุด Material ช่วยให้ INSEAD เพิ่มอัตราการแปลงและการรักษาลูกค้า ปรับปรุงการทำงานของผู้ใช้งานและการใช้งานไซต์

“การได้รับรางวัล Splash Awards แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Material ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล้ําสมัยและนําเสนอแนวทางแบบบูรณาการด้วยโซลูชันที่ปรับขนาดได้และสร้างผลกระทบ” Anutosh Yadav รองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีด้านบริการการตลาดและเทคโนโลยีกล่าว “เราภูมิใจกับการยอมรับนี้และความร่วมมือที่ยอดเยี่ยมในการร่วมกันสร้างกับลูกค้า ในขณะที่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ดิจิทัลส่วนบุคคลที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจสำหรับลูกค้าของเรา”

“เรายินดีที่ได้เห็นความร่วมมือของเรากับ Material ที่ได้รับการยอมรับ” Dov Campbell ผู้อํานวยการฝ่ายสื่อสารดิจิทัลของ INSEAD กล่าว “ที่ INSEAD เรามุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่ราบรื่นและมีส่วนร่วมสําหรับชุมชนคณาจารย์ นักศึกษา ศิษย์เก่า และพันธมิตรต่างๆ ทั่วโลกของเรา ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูง เรายังคงกําหนดมาตรฐานใหม่ในการส่งมอบข้อเสนอด้านการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ”  

นี่เป็นปีที่สองติดต่อกันที่ Material ได้รับรางวัลจากการทํางานร่วมกับ INSEAD ในปี 2023 Material ได้รับรางวัล Acquia Engage Award ในหมวด “การบูรณาการสแต็กทางด้านเทคที่ส่งอิทธิพลมากที่สุด (Most Impactful Tech Stack Integration)” สําหรับประสบการณ์ดิจิทัลของ INSEAD ในปี 2024 Material ยังได้รับการเสนอชื่อให้เข้ารอบสุดท้ายใน CX Asia Excellence Awards จากงานด้านเทคโนโลยีประสบการณ์ลูกค้าร่วมกับ INSEAD

Material ได้รับรางวัลรองชนะเลิศในหมวด “องค์กร” ของ Splash Award โดยร่วมมือกับ Stuff Limited เพื่อส่งมอบระบบมัลติเทแนนท์ที่ทันสมัยซึ่งสามารถรองรับคำขอได้มากถึง 200 ล้านคำขอต่อวัน ช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานและลดต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการปรับขนาด ด้วยการใช้งาน Drupal Material ได้ช่วยให้ Stuff Limited ลดต้นทุนในด้านคลาวด์และการดำเนินงานได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์

เกี่ยวกับ Material

Material เป็นพันธมิตรด้านกลยุทธ์ระดับโลกที่ผสมผสานข้อมูลเชิงลึกของมนุษย์เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยเร่งการมีส่วนร่วมและการเติบโตให้กับแบรนด์และบริษัทนวัตกรรมให้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก เราออกแบบ + สร้างโมเดลธุรกิจและประสบการณ์ที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางเพื่อเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและผู้คนที่พวกเขาให้บริการ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.materialplus.io

เกี่ยวกับ DrupalCon

DrupalCon เป็นกิจกรรมชั้นนําสําหรับชุมชน Drupal ที่รวมนักพัฒนา นักออกแบบ ผู้จัดการโครงการ และผู้นําธุรกิจจากทั่วโลก การประชุมนี้จัดโดย Drupal Association เปิดโอกาสให้ทํางานร่วมกัน คิดค้น และสํารวจความก้าวหน้าล่าสุดในการพัฒนาเว็บและประสบการณ์ดิจิทัล โดยมีวิทยากรหลัก เซสชันภาคปฏิบัติ พิธีมอบรางวัล Splash Awards และกิจกรรมเครือข่าย DrupalCon ทําหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการแบ่งปันความรู้และสร้างการเชื่อมต่อที่ขับเคลื่อนแพลตฟอร์ม Drupal ไปข้างหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

ผู้ติดต่อสื่อ

Casey Colesworthy, Material
casey.colesworthy@materialplus.io
208.720.0862

ที่มา: Material

The Bangkok Reporter