สายการบิน Royal Brunei Airlines พร้อมติดตั้งระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง Inflight Connectivity (IFC) จาก Intelsat

Logo

ผู้โดยสารจะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมต่อแบบหลายวงโคจรที่เชื่อถือได้

แมคลีน รัฐเวอร์จิเนีย–(BUSINESS WIRE)–03 มิถุนายน 2025

Intelsat ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายดาวเทียมและภาคพื้นดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับเลือกจากสายการบิน Royal Brunei Airlines (RB) ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติบรูไน ให้ติดตั้งระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง Inflight Connectivity (IFC) แบบหลายวงโคจรบนฝูงบิน Airbus A320neo ซึ่งช่วยตอกย้ำสถานะของ Intelsat ในฐานะผู้ให้บริการบรอดแบนด์ชั้นนำรายหนึ่งในบรรดาสายการบินในเอเชียแปซิฟิก

Mike DeMarco ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของ Intelsat กล่าวว่า “ในไม่ช้านี้ ผู้โดยสารของสายการบิน Royal Brunei จะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้แบบหลายวงโคจร ซึ่งจะให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วและเชื่อถือได้เช่นเดียวกับที่พวกเขาได้รับที่บ้าน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือเมื่อใดก็ตาม” “ทีมงานของ Intelsat รู้สึกภูมิใจที่ได้รับเลือกจาก RB ให้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้สายการบินก้าวล้ำนำสมัยต่อไป”

RB ให้บริการทั่วเอเชีย ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร Intelsat จะเริ่มติดตั้งระบบแบบหลายวงโคจรใหม่บน A320 ในไตรมาสที่สี่ของปี 2025 รวมถึงเสาอากาศอาเรย์แบบปรับทิศทางด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (ESA) ใหม่ซึ่งมีความสูงน้อยกว่า 7 เซนติเมตรและให้ความน่าเชื่อถือที่ไม่มีใครเทียบได้ในการเชื่อมต่อทั้งดาวเทียมค้างฟ้า (GEO) และดาวเทียมวงโคจรระยะต่ำของโลก (LEO) ของ Intelsat

กัปตัน Sabirin Haji Abdul Hamid ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RB กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้นำการเชื่อมต่อรุ่นใหม่นี้มาสู่ฝูงบิน Airbus A320neo ของเรา เพื่อให้แน่ใจว่าผู้โดยสารของเราเชื่อมต่อได้อย่างราบรื่นไม่ว่าพวกเขาจะเดินทางไปที่ใด เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับอินเทอร์เน็ตบนเที่ยวบินเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับนักเดินทางทั่วภูมิภาคอีกด้วย เราเชื่อว่าการเชื่อมต่อบนเครื่องบินเป็นสิ่งจำเป็น และเรารู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ Intelsat เพื่อยกระดับประสบการณ์ให้กับนักเดินทางของเราทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”

เกี่ยวกับ Intelsat

ทีมงานระดับมืออาชีพทั่วโลกของ Intelsat จะให้ความสำคัญกับการติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียมแบบต่อเนื่องและปลอดภัยให้กับรัฐบาล, NGO และลูกค้าแบบเชิงพาณิชย์ผ่านเครือข่ายระดับโลกยุคใหม่และการบริการที่มีการจัดการของบริษัท เชื่อมโยงความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลการดำเนินงานหนึ่งในระบบดาวเทียมติดตามและโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อที่ใหญ่ที่สุดและล้ำหน้าที่สุดของโลก ทาง Intelsat ช่วยให้ผู้คนและเครื่องมือของพวกเขาเหล่านั้นสามารถสื่อสารกันข้ามมหาสมุทร มองเห็นกันได้ทั่วทั้งทวีป และรับฟังผ่านท้องฟ้าเพื่อสื่อสาร ร่วมมือ และอยู่ร่วมกันได้ นับตั้งแต่ที่ทางบริษัทได้ก่อตั้งขึ้นมาถึง 6 ทศวรรษ ตัวของบริษัทเองก็มีลักษณะที่เหมือนกันกับอุตสาหกรรมดาวเทียม “firsts (รายแรก)” ที่ได้บริการแก่ลูกค้าและโลกใบนี้ การเรียนรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมที่เป็นมรดกตกทอดกันมาของบริษัทจากรุ่นสู่รุ่นและการให้ความสำคัญในการรับมือกับความท้าทายของคนรุ่นใหม่ ในตอนนี้สมาชิกภายในทีมของ Intelsat ก็มีเป้าหมายอยู่ที่ “next firsts (รายแรกต่อไป)” ในอวกาศ เนื่องจากพวกเขาสร้างการเปลี่ยนแปลงในสาขานี้และเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรม

เกี่ยวกับสายการบิน Royal Brunei Airlines

สายการบิน Royal Brunei Airlines (RB) ก่อตั้งขึ้นในปี 1974 เป็นสายการบินประจำชาติของบรูไนดารุสซาลาม RB ให้บริการเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 Dreamliner จำนวน 5 ลำ และเครื่องบินแอร์บัส A320NEO จำนวน 7 ลำ ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 TripAdvisor ยกย่อง RB ให้เป็นสายการบินระดับภูมิภาค Travellers' Choice (เอเชีย) ติดต่อกัน 3 ปี ในปี 2019 RB ได้รับการจัดอันดับเป็นระดับ 5 ดาวจาก APEX และได้รับรางวัล 4 ดาวจาก SKYTRAX Awards ความมุ่งมั่นของ RB ต่อความปลอดภัยและการบริการได้รับการยืนยันอีกครั้งในปี 2021 ด้วยการจัดอันดับความปลอดภัย COVID-19 ระดับ 7 ดาวจาก AirlineRatings.com ในปี 2021 RB ยังได้รับรางวัลพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชั้นนำของเอเชียและระดับโลกจาก World Travel Awards (WTA) ซึ่งเป็นรางวัลที่สายการบินได้รับมาจนถึงปี 2022 ในปี 2024 Crescent Rating ได้ยกย่อง RB ให้เป็นสายการบินที่เป็นมิตรกับมุสลิมแห่งปี และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชั้นนำของโลกจาก WTA เป็นปีที่ห้าติดต่อกัน RB ได้รับรางวัล APEX Best in Cabin Service & Food and Beverage Award ประจำปี 2025 ในเอเชียตะวันออก และได้รับการยอมรับให้เป็นสายการบินหลักระดับสี่ดาวของ APEX ประจำปี 2025 ในขณะที่สายการบินเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของการเชื่อมโยงบรูไนกับโลก RB ยังคงมอบบริการที่ยอดเยี่ยมโดยยึดหลักการดูแล ชุมชน และอิคลาศ จากใจจริง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: www.flyrb.com

ติดตามเราบนโซเชียลมีเดีย :
LinkedIn
Instagram
YouTube

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ติดต่อสื่อ:
Melissa Longo – melissa.longo@intelsat.com; +1 240-308-1881

ฝ่ายสื่อสารองค์กรของสายการบิน Royal Brunei Airlines
อีเมล: media@rba.com.bn
Website: www.flyrb.com

ที่มา: Intelsat

คุณพร้อมหรือยัง “Right Now” ของ Grindr ได้เผยแพร่ทั่วโลกแล้ว

Logo

สถานที่มากขึ้น ผู้คนที่มากขึ้นคุณสมบัติการเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์ของ Grindr ทำให้การเชื่อมต่อเร็วขึ้นกว่าที่เคย

เวสต์ ฮอลลีวู้ด, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–30 พฤษภาคม 2025

Grindr เว็บไซต์หาคู่แบบเกย์ระดับโลกที่มีผู้ใช้งานเฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 14.6 ล้านคน ได้ประกาศเปิดตัว Right Now ทั่วโลกแล้ว โดยเป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่อิงตามความตั้งใจของบริษัทที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อผู้คนที่กำลังมองหาการพบปะแบบทันที

Grindr's Right Now feature.

ฟีเจอร์ Right Now ของ Grindr

Right Now คือ ฟีดแบบเรียลไทม์ที่แยกออกจากกริดหลักของแอปที่แสดงโปรไฟล์ โดยผู้ใช้ Grindr สามารถโพสต์ข้อความและแชร์รูปภาพที่แสดงเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ที่มีแนวคิดเหมือนกันคนอื่นๆ ทราบได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขากำลังมองหาอะไร

“Right Now ช่วยให้ผู้ใช้ของเราสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างแท้จริง โดยไม่ต้องคาดเดา” กล่าวโดย AJ Balance ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Grindr “เราได้สร้างฟีเจอร์ตามความตั้งใจนี้ขึ้นโดยอิงจากคำติชมจากชุมชนของเรา เพื่อให้พวกเขาสามารถเชื่อมต่อกับผู้ที่มีแนวคิดเดียวกันได้โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับความคาดหวังที่ไม่ตรงกัน โดยการตอบรับต่อการเปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคมของเรานั้นดีมากจนเราเร่งเปิดตัวทั่วโลกก่อนกำหนด เพราะเห็นได้ชัดว่าผู้คนต้องการสิ่งนี้… ในตอนนี้เลย”

หลังจากประสบความสำเร็จในการนำร่องในออสเตรเลียและวอชิงตัน ดี.ซี. และได้มีการขยายไปยังภูมิภาคต่างๆ ในช่วงต้นปี 2025 ปัจจุบัน Right Now พร้อมให้บริการแก่ผู้ใช้ทั่วโลกแล้วบน iOS และ Android โดยสามารถเข้าถึง Right Now ได้โดยตรงจากปุ่มเข้าใหม่บนกริดหลัก ผ่านแถบนำทางด้านล่าง หรือจากลิ้นชักด้านข้างโปรไฟล์ของแอป นำไปสู่ฟีดเฉพาะที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับการมีส่วนร่วมทันที

เมื่อเปิดขึ้นมา ผู้คนจะได้รับเซสชัน Right Now ฟรีหนึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์ (รีเฟรชทุกวันศุกร์) ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้ง พร้อมตัวเลือกในการซื้อเซสชันเพิ่มเติมหลังจากใช้เซสชันฟรีแล้ว

สำรวจแผนงานผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อดูฟีเจอร์ใหม่ที่จะมาถึงใน Grindr ในปี 2025 อย่างใกล้ชิด

เกี่ยวกับ Grindr Inc.

ด้วยจำนวนผู้ใช้งานเฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 14.6 ล้านคน Grindr (NYSE: GRND) ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็น Global Gayborhood in Your Pocket™ โดยมีภารกิจในการสร้างโลกที่ชีวิตของชุมชนทั่วโลกเป็นอิสระ เสมอภาค และยุติธรรม โดย Grindr มีให้บริการใน 190 ประเทศ ในเขตพื้นที่ต่างๆ และมักเป็นช่องทางหลักที่ผู้คนในกลุ่ม LGBTQ+ สามารถเชื่อมต่อ แสดงออก และค้นพบโลกที่อยู่รอบตัวพวกเขาได้ ตั้งแต่ปี 2015 Grindr for Equality ได้ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน สุขภาพ และความปลอดภัยของผู้คนในกลุ่ม LGBTQ+ หลายล้านคน โดยร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ทั่วโลก Grindr มีสำนักงานอยู่ในเวสต์ฮอลลีวูด พื้นที่เบย์แอเรีย ชิคาโก และนิวยอร์ก โดยแอป Grindr มีให้บริการบน App Store และ Google Play

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250530651954/en

Contacts

Hayley Richard
Press@grindr.com

ที่มา: Grindr Inc.

Kinaxis นำความก้าวหน้าด้านห่วงโซ่อุปทานที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาสู่โตเกียวที่งาน Kinexions 25

Logo

ผู้นำระดับภูมิภาคร่วมแชร์ว่าการวางแผนที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะช่วยลดระยะเวลาดำเนินการ การปรับปรุงการตอบสนอง และการจัดการความเสี่ยงในระดับขนาดใหญ่ได้อย่างไร

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–29 พฤษภาคม 2025

Kinaxis® (TSX: KXS) ผู้นำระดับโลกด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจร ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทจะจัดงาน Kinexions Japan 25 ในวันอังคารที่ 3 มิถุนายน 2025 ที่โตเกียว โดยงานประจำปีนี้จะเน้นไปที่ความสามารถของผลิตภัณฑ์ใหม่และกลยุทธ์สำหรับลูกค้าที่ออกแบบมาสำหรับสภาพแวดล้อมห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทาง Kinexions Japan ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์งานระดับโลกของ Kinexions ได้รวบรวมผู้นำด้านห่วงโซ่อุปทาน ผู้ตัดสินใจทางธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน เพื่อเปิดเผยว่าองค์กรต่างๆ จะเร่งกระบวนการตัดสินใจ การปรับปรุงการทำงานร่วมกัน และการปรับขนาดการดำเนินงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นได้อย่างไร

ด้วยแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ความต้องการด้านความยั่งยืน และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ งานในปีนี้จึงส่งมอบข้อมูลเชิงลึกในเชิงปฏิบัติ เรื่องราวความสำเร็จของลูกค้า และกลยุทธ์ต่างๆ ที่ช่วยให้องค์กรดำเนินการได้ในปัจจุบัน ผู้เข้าร่วมงานจะได้เห็นฟีเจอร์ Maestro™ ก่อนใคร รวมถึงการสร้างแบบจำลองสถานการณ์ที่เร็วขึ้น การวางแผนแบบบูรณาการ และการประสานงานแบบเรียลไทม์ระหว่างการดำเนินงานทั่วโลก

“Kinexions Japan 25 เป็นสถานที่ที่บริษัทที่มีแนวคิดก้าวหน้ามาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดและดูว่าอะไรเป็นไปได้จริงกับการจัดการห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่” กล่าวโดย Masa Kogure ประธาน Kinaxis Japan “งานในปีนี้จะมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเรื่องราวการเปลี่ยนแปลง ความยั่งยืน และการประสานงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมตัวอย่างในโลกแห่งความเป็นจริง เซสชันปฏิบัติจริง และผลลัพธ์เชิงปฏิบัติสำหรับทีมห่วงโซ่อุปทาน”

ผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำจะร่วมแชร์ว่าพวกเขาปรับปรุงวงจรการวางแผน ลดความเสี่ยง และเพิ่มการมองเห็นห่วงโซ่อุปทานได้อย่างไร ไฮไลท์บางส่วนของงาน รวมถึง:

  • Kazuya Saito, ผู้จัดการทั่วไปของ SCM, Fujirebio Inc. – แชร์เส้นทางการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับกระบวนการวางแผนให้สอดคล้องกัน การปรับกระบวนการตัดสินใจให้มีประสิทธิภาพ และได้รับการมองเห็นแบบครบวงจรโดยใช้ Maestro
  • Masashi Onozuka, พาร์ทเนอร์, Roland Berger – นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอนาคตของการจัดการความเสี่ยงและความยั่งยืนผ่านแพลตฟอร์มห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมต่อกัน
  • Masa Kogure, ประธาน, Kinaxis Japan K.K. – กล่าวคำต้อนรับและเปิดงาน
  • Mark Morgan, ประธาน, ฝ่ายปฏิบัติการเชิงพาณิชย์, Kinaxis – แชร์ข้อมูลอัปเดตล่าสุดของบริษัทและกลยุทธ์ระดับโลก
  • Phillip Teschemacher, ประธาน, APAC, Kinaxis – ให้มุมมองระดับภูมิภาคและข้อมูลอัปเดตทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
  • Isao Sugiyama, ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาธุรกิจ, Kinaxis Japan – นำการประชุมแผนงานผลิตภัณฑ์ที่เน้นการประสานงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI และนวัตกรรม Maestro ที่กำลังจะเกิดขึ้น

การหารือจะเน้นที่กลยุทธ์ในโลกแห่งความเป็นจริงสำหรับการจัดการความซับซ้อน การปรับตัวให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลง และปรับปรุงการทำงานร่วมกันแบบหลายชั้น โดยหัวข้อที่จะสำรวจ ได้แก่:

  • การเปลี่ยนแปลงจากห่วงโซ่อุปทานเชิงเส้นเป็นเครือข่ายบนเว็บที่คล่องตัว
  • การจัดการในด้านการดำเนินงานระดับโลกและระดับภูมิภาคแบบเรียลไทม์
  • การวางแผนพร้อมกันด้วย Maestro จะช่วยปลดล็อกความเร็ว ความคล่องตัว และการทำงานร่วมกันได้อย่างไร
  • การใช้ AI และการแปลงเป็นดิจิทัลเพื่อพัฒนาความยั่งยืนและการจัดการความเสี่ยง

Kinexions Japan 25 จะเน้นย้ำถึงวิธีที่องค์กรต่างๆ ทั่วญี่ปุ่นใช้การสร้างแบบจำลองสถานการณ์แบบเรียลไทม์ การวางแผนพร้อมกัน และการมองเห็นแบบครบวงจรเพื่อตัดสินใจได้เร็วขึ้นและชาญฉลาดขึ้น และสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยงานนี้จะมีการสาธิต Maestro แบบสด เซสชันผลิตภัณฑ์แบบโต้ตอบ และโต๊ะกลมที่นำโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อการเรียนรู้และการสร้างเครือข่ายของเพื่อนร่วมงาน

ลงทะเบียนได้แล้วตอนนี้และสำรวจวาระการประชุมทั้งหมด ได้ที่: https://www.kinaxis.com/KinexionsJapan

เกี่ยวกับ Kinaxis

Kinaxis เป็นผู้นำระดับโลกด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่ ที่ขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานระดับโลกที่ซับซ้อนและสนับสนุนผู้ที่จัดการห่วงโซ่อุปทานเหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ แพลตฟอร์มการประสานงานห่วงโซ่อุปทานที่ผสาน AI ของเรา Maestro™ ผสมผสานเทคโนโลยีและเทคนิคเฉพาะที่ให้ความโปร่งใสและความคล่องตัวอย่างสมบูรณ์ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์หลายปีไปจนถึงการจัดส่งในระยะสุดท้าย เราได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ระดับโลกที่มีชื่อเสียงในการมอบความคล่องตัวและความสามารถในการคาดเดาที่จำเป็นในการรับมือกับความผันผวนและการหยุดชะงักในปัจจุบัน สำหรับข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ kinaxis.com หรือติดตามเราได้บน LinkedIn

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ฝ่ายสื่อสารมวลชน
Matt Tatham | Kinaxis
Mtatham@kinaxis.com
+1 917-446-7227
 
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์
Rick Wadsworth | Kinaxis
rwadsworth@kinaxis.com
+1 613-907-7613

ที่มา: Kinaxis Inc.

EDOTCO และ Sitetracker ร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานภาคสนามทั่วเอเชียสู่ระบบดิจิทัล

Logo

กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และมอนต์แคลร์ นิวเจอร์ซีย์–(BUSINESS WIRE)–29 พฤษภาคม 2025

EDOTCO Group (“EDOTCO”) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อดิจิทัลชั้นนำของเอเชีย และ Sitetracker ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการจัดการวงจรชีวิตสินทรัพย์แบบครบวงจร ได้ประกาศความร่วมมือทางยุทธศาสตร์เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของการดำเนินงานภาคสนามของ EDOTCO ทั่วทั้งภูมิภาคในวันนี้

ความร่วมมือนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในภาคส่วนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของเอเชีย โดย EDOTCO เตรียมนำแพลตฟอร์ม Operations & Maintenance (O&M)ที่ได้รับการขยายใหม่ของ Sitetracker ไปใช้กับเสาสัญญาณมากกว่า 55,000 เสาในเก้าตลาดในเอเชีย ซึ่งถือเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมในด้านความสามารถในการปรับขนาดการทำงาน ประสิทธิภาพ และนวัตกรรม

“ที่ EDOTCO เรามุ่งมั่นที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะและยืดหยุ่นที่รองรับอนาคตของการเชื่อมต่อดิจิทัล” กล่าวโดย Adlan Tajudin ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ EDOTCO “ความร่วมมือของเรากับ Sitetracker จะช่วยให้เราปรับมาตรฐานและปรับปรุงการดำเนินงานภาคสนามของเราให้ทันสมัยทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งจะทำให้ทีมงานของเรามีเครื่องมือในการส่งมอบบริการในระดับที่สูงขึ้น ความคล่องตัวในการดำเนินงาน และการตัดสินใจตามข้อมูลในระดับขนาดใหญ่”

แพลตฟอร์ม Sitetracker จะสนับสนุน EDOTCO ในการประสานเวิร์กโฟลว์ภาคสนาม ขับเคลื่อนการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ และปลดล็อกการมองเห็นการทำงานในโครงสร้างพื้นฐานเสาสัญญาณที่ครอบคลุมทั้งหมด โดยเปลี่ยนแปลงวิธีวางแผนป้องกันและแก้ไขงาน รวมถึงการดำเนินการ และติดตาม

การเขียนคู่มือใหม่สำหรับการปฏิบัติงานภาคสนามและการบำรุงรักษา

กลยุทธ์เชิงรุกของ EDOTCO มุ่งเน้นไปที่การพัฒนารูปแบบการดำเนินงานที่พร้อมสำหรับอนาคตซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการด้านดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปทั่วทั้งเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การใช้งานแพลตฟอร์ม Sitetracker จะช่วยให้ EDOTCO ลดความซับซ้อน ลดขั้นตอนการทำงานด้วยตนเอง และขยายขอบเขตแนวทางการดำเนินงานและการบำรุงรักษาที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันให้ครอบคลุมสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

ด้วยพันธมิตรเชิงกลยุทธ์นี้ EDOTCO จะ:

  •  บำรุงรักษาเชิงป้องกันและเชิงแก้ไขโดยอัตโนมัติ – ระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มั่นใจความน่าเชื่อถือของเครือข่ายและลดระยะเวลาหยุดทำงาน;
     
  •  ปรับปรุงเวิร์กโฟลว์การตรวจสอบสินทรัพย์ของกองยานและไซต์งาน – กำจัดข้อผิดพลาดในกระบวนการและอำนวยความสะดวกในการจัดการสินค้าคงคลังและการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ให้ถูกต้องมากขึ้น;
     
  •  เปิดใช้งานการเช็คอินออนไลน์ที่มีการติดตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์อย่างปลอดภัย – เพิ่มความปลอดภัยและความรับผิดชอบของกำลังคน;
     
  •  ติดตามประสิทธิภาพของข้อตกลงระดับการให้บริการ (SLA) แบบเรียลไทม์ – ปรับปรุงการส่งมอบและการตอบสนองด้านบริการ;
     
  •  บูรณาการกับระบบที่สำคัญได้อย่างราบรื่น – กำจัดข้อมูลที่ไม่เป็นระเบียบและจัดแนวทีมผ่านแพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบรวมศูนย์

“ความมุ่งมั่นของ EDOTCO ในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะทำให้พวกเขาเป็นพันธมิตรที่เหมาะสม” กล่าวโดย Giuseppe Incitti ซีอีโอของ Sitetracker “วิสัยทัศน์ของพวกเขาสอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบกับภารกิจของเราในการส่งมอบการจัดการวงจรชีวิตสินทรัพย์แบบครบวงจรที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นที่สุดของโลก”

กำหนดมาตรฐานสำหรับอนาคตที่ให้ความสำคัญกับดิจิทัลเป็นอันดับแรก

ด้วยการเปิดตัว Sitetracker EDOTCO จะเป็นหนึ่งใน TowerCos แห่งแรกในเอเชียที่นำแพลตฟอร์ม O&M บนอุปกรณ์พกพาที่บูรณาการอย่างเต็มรูปแบบมาปรับใช้ในระดับนี้ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ความยั่งยืน และความยืดหยุ่นในการดำเนินงานทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้ดียิ่งขึ้น

ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้งสองบริษัทในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับอนาคต ปรับปรุงการดำเนินการภาคสนาม และปรับปรุงคุณภาพของบริการดิจิทัลในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้

เกี่ยวกับ Sitetracker

Sitetracker ช่วยให้เจ้าของ ผู้ประกอบการ ผู้รับเหมา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ปรับกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพวงจรชีวิตสินทรัพย์แบบครบวงจรของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญได้ ในฐานะแพลตฟอร์มการจัดการวงจรชีวิตสินทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำระดับโลก Sitetracker ช่วยให้บริษัทนวัตกรรมต่างๆ เช่น Vodafone, Ericsson, ENGIE, Telefonica, Cypress Creek Renewables, Cox, Iberdrola, EVgo, Vantage Towers, Southern Company, Zayo, Tilson, Nextera, EDOTCO, E.On, Axione และ TEP วางแผน สร้าง ดำเนินการ และบำรุงรักษาโครงการ สถานที่ และสินทรัพย์นับล้านๆ แห่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ Sitetracker มอบความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานและสร้างความโปร่งใสอย่างเต็มรูปแบบในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล พลังงานหมุนเวียน การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า สาธารณูปโภค และอสังหาริมทรัพย์ โดยขับเคลื่อนทีมงานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ รับรองโครงการที่มีสุขภาพดี และช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถจัดการขนาด การเติบโต และความซับซ้อนได้ Sitetracker ได้รับความไว้วางใจจากผู้นำในอุตสาหกรรมหลายร้อยราย โดยมุ่งพัฒนาอนาคตที่เชื่อมต่อและยั่งยืนมากขึ้นทั่วโลก จัดการสิ่งที่สำคัญด้วย Sitetracker

เกี่ยวกับ EDOTCO Group

EDOTCO Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดยเป็นบริษัทผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อดิจิทัลชั้นนำในเอเชีย ซึ่งนำเสนอโซลูชันแบบบูรณาการครบวงจรในภาคส่วนบริการเสาส่งสัญญาณ พันธกิจของบริษัทคือช่วยให้ประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อด้วยโซลูชันที่ล้ำสมัยและบรรลุถึงการเชื่อมต่อที่เท่าเทียมกัน

บริษัทมีเสาส่งสัญญาณมากกว่า 58,000 เสาในเก้าประเทศ ซึ่งดำเนินการอยู่ในมาเลเซีย บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กัมพูชา ปากีสถาน เมียนมาร์ ศรีลังกา และลาว โดยตอบสนองความต้องการด้านการเชื่อมต่ออย่างสร้างสรรค์และยั่งยืนเพื่อช่วยให้ลูกค้าและพันธมิตรเร่งการเติบโตอย่างยั่งยืน EDOTCO ให้ความสำคัญกับการขยายพอร์ตโฟลิโออย่างรอบคอบสำหรับโอกาสทางธุรกิจทั้งแบบออร์แกนิกและอนินทรีย์ที่มีขนาด เศรษฐกิจ และผลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับผู้ถือหุ้น

EDOTCO Group ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทหอส่งสัญญาณโทรคมนาคมแห่งเอเชียแปซิฟิกแห่งปีเป็นเวลาหกปีติดต่อกันจาก Frost & Sullivan และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามบริษัทระดับยูนิคอร์นของอาเซียนที่มีฐานอยู่ในมาเลเซีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.edotcogroup.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อมวลชน
Kathleen Ojo
Sitetracker
press@sitetracker.com

ที่มา: Sitetracker

โครงการ Smiling Angel ของ OPPO มอบรางวัลให้แก่พนักงานแนวหน้าดีเด่นที่นำสัมผัสแห่งความเป็นมนุษย์มาสู่ประสบการณ์ทางเทคโนโลยี

Logo

เซินเจิ้น, จีน–(BUSINESS WIRE)–26 พฤษภาคม 2025

OPPO แบรนด์เทคโนโลยีระดับโลกเป็นเจ้าภาพจัดงานพิธีมอบรางวัล Smiling Angel ประจำปี 2025 ที่เมืองเซินเจิ้น เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา โดยมอบรางวัลให้แก่พนักงานแนวหน้าดีเด่น 163 คนจากทีมบริการลูกค้าและทีมขายปลีกที่มีผลงานโดดเด่น ด้วยความเชื่อของ OPPO ที่ว่าเทคโนโลยีไม่ใช่เป้าหมายในตัวเองแต่เป็นวิธีการในการให้บริการผู้คน Smiling Angel จึงเป็นรางวัลประจำปีที่สำคัญที่สุดที่มอบให้แก่พนักงานแนวหน้าที่เป็นแบบอย่างของความมุ่งมั่นของ OPPO ในการสร้างเทคโนโลยีและประสบการณ์ที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง

OPPO hosted the 2025 Smiling Angel Awards Ceremony

OPPO เป็นเจ้าภาพจัดงานพิธีมอบรางวัล Smiling Angel Awards ประจำปี 2025

ด้วยการทำงานร่วมกับร้านค้าและศูนย์บริการมากกว่า 300,000 แห่งทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญแนวหน้าของ OPPO 77,000 คนไม่เพียงแต่เป็นจุดติดต่อที่สำคัญระหว่าง OPPO และผู้ใช้ทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ที่ช่วยทำให้เทคโนโลยีและแบรนด์ของ OPPO มีชีวิตชีวาขึ้นมาผ่านการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ และเติมเต็มความอบอุ่นผ่านการดูแลเอาใจใส่

นอกเหนือจากข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค: ความเห็นอกเห็นใจและความคิดสร้างสรรค์จะช่วยกำหนดประสบการณ์ของ OPPO

จิตวิญญาณของ Smiling Angel อยู่ที่ “Benfen” (ปรัชญาหลักของ OPPO ในการทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอและก้าวข้ามสิ่งที่คาดหวัง) ทัศนคติเชิงบวก ความเต็มใจที่จะแบ่งปัน และความมุ่งมั่นในการให้บริการที่ยอดเยี่ยม โดยอิงจากค่านิยมเหล่านี้ โปรแกรม OPPO Smiling Angel จึงก้าวข้ามตัวชี้วัดตามประสิทธิภาพทั่วไปเพื่อเน้นย้ำถึงการประเมิน “ผลงานที่โดดเด่นต่อประสบการณ์ผู้ใช้” ของพนักงาน โดยมุ่งหวังที่จะเน้นย้ำถึงผู้ที่สร้างประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาให้กับลูกค้าผ่านบริการที่สร้างสรรค์และการเชื่อมโยงส่วนบุคคล

เรื่องราวดังกล่าวเรื่องหนึ่งมาจาก Trương Thị Hồng Nga ที่ปรึกษาฝ่ายบริการจากเวียดนาม โดยในช่วงฤดูฝนของเวียดนาม Hồng Nga ได้ช่วยเหลือพนักงานส่งอาหารซึ่งโทรศัพท์ OPPO A3x ของเขาหยุดทำงานเนื่องจากโดนฝนเป็นเวลานาน Hồng Nga สามารถระบุสาเหตุของปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทำให้โทรศัพท์ใช้งานได้อีกครั้งภายใน 30 นาที ด้วยการจัดเตรียมกระเป๋าใส่ของกันน้ำและคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการใช้โทรศัพท์ในช่วงฝนตกหนัก ช่วยให้เธอเปลี่ยนสถานการณ์ที่ตึงเครียดให้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความห่วงใยและการเชื่อมโยง การตอบสนองของเธอไม่เพียงแต่ทำให้ลูกค้าสามารถกลับมาทำงานได้ในวันเดียวกันเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการในซีรีส์ A ของ OPPO อีกด้วย

เรื่องราวที่คล้ายกันนี้สามารถพบได้ทั่วทั้งภูมิภาค ในมาเลเซีย Lim Chun ได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคอันแข็งแกร่งของเขาในการสำรองข้อมูลจากอุปกรณ์ที่ไม่ตอบสนองของผู้ใช้ได้สำเร็จ ในบังกลาเทศ Robiul Islam Rana ซึ่งเป็นพนักงานขายปลีกที่มีผลงานยอดเยี่ยม ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าผ่านการให้บริการที่ทุ่มเทและเอาใจใส่ของเขา แม้ว่าจะมาจากครอบครัวที่ด้อยโอกาสและมีรายได้ไม่มากนัก แต่เขาก็ยังให้บริการติดตั้งฟิล์มกันรอยหน้าจอและบริการทำความสะอาดโทรศัพท์ฟรีสำหรับลูกค้าที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยในครั้งหนึ่ง เขาเดินทางด้วยรถลากเป็นระยะทาง 47 กิโลเมตรเพื่อไปส่งมอบโทรศัพท์ให้กับลูกค้า

ผู้ชนะรางวัลอีกรายที่แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของ Smiling Angel ด้วยการสร้างความสัมพันธ์อันยั่งยืนกับลูกค้าของเธอ คือ Niluh Warniasih ผู้ช่วยฝ่ายขายปลีกในบาหลี เธอกล่าวว่า “ฉันรู้ว่าในโลกของการขาย ไม่ใช่แค่เรื่องของสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ด้วย ฉันสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าด้วยการให้บริการที่ดีที่สุด ฉันมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้ได้มากกว่าเดิม ไม่ใช่เพียงแค่การขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าด้วย” Niluh รักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าของเธอและติดตามพวกเขาอย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์ของพวกเขา

ตามที่ Roy Chen หัวหน้าแผนกช่องทางการจำหน่ายและค้าปลีกต่างประเทศของ OPPO กล่าวไว้ว่า “เราไม่ได้นั่งรออยู่ในร้านอีกต่อไป แต่เราโต้ตอบกับผู้บริโภคอย่างแข็งขันผ่านโซเชียลมีเดีย มอบคุณค่าทั้งในด้านการใช้งานและอารมณ์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการขายของเราในที่สุด” ซึ่งพนักงานแนวหน้าของ OPPO ทุกคนต่างยึดมั่นในความเชื่อเดียวกันนี้ในทุกวันไม่เพียงแต่จะเกินความคาดหวังเท่านั้น แต่ยังยกระดับการโต้ตอบกับลูกค้าทุกคนด้วยความเห็นอกเห็นใจ ความทุ่มเท และสัมผัสแห่งความเป็นมนุษย์ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของ Smiling Angel

การอยู่เคียงข้างลูกค้าตลอดเส้นทาง ตั้งแต่แนวหน้าจนถึงหัวใจของประสบการณ์

ในอุตสาหกรรมที่มักมองว่าข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่แท้จริงเพียงอย่างเดียว โครงการ Smiling Angel ได้สะท้อนถึงแนวทางระยะยาวของ OPPO ในการนำปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์จริงมาเป็นศูนย์กลางของผลิตภัณฑ์และบริการ โดยมีศูนย์บริการออฟไลน์มากกว่า 3,300 แห่งและพนักงานบริการที่ติดต่อกับลูกค้า 12,000 คนทั่วโลก โดยเครือข่ายบริการของ OPPO คือจุดที่บริษัทนำความเชื่อนี้ไปปฏิบัติจริงผ่านบริการที่สม่ำเสมอและเป็นมืออาชีพพร้อมสัมผัสแห่งความเป็นมนุษย์

OPPO เข้าใจดีว่าประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีเยี่ยมนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว “ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ขึ้นอยู่กับระบบมาตรฐานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความสามารถในการเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้แต่ละรายไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดก็ตาม” Samuel Fang หัวหน้าฝ่ายบริการหลังการขายทั่วโลกของ OPPO กล่าว

เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้ทั่วโลกจะได้รับประสบการณ์ที่เชื่อถือได้ ทาง OPPO จึงได้สร้างกรอบการบริการที่ครอบคลุมโดยเน้นมาตรฐานการบริการ 6S เป็นหลัก มาตรฐานนี้จะควบคุมกระบวนการทั้งหมดของลูกค้า ตั้งแต่การเตรียมบริการและการต้อนรับไปจนถึงการติดตามผลหลังการขาย เพื่อให้แน่ใจว่าทุกรายละเอียดจะได้รับการจัดการอย่างรอบคอบ

นอกจากนี้ OPPO ยังได้จัดทำกรอบการพัฒนาบุคลากรที่มีโครงสร้างชัดเจนโดยยึดตามปรัชญาการให้บริการระดับโลกของบริษัทที่เรียกว่า “Care & Reach” ตั้งแต่การสรรหาและฝึกอบรมไปจนถึงการสร้างความสามารถในระยะยาวและโปรแกรมจูงใจเช่น Smiling Angel ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และความเป็นเลิศในระดับมืออาชีพเข้าด้วยกัน

ด้วยความหลากหลายของตลาดทั่วโลก OPPO จึงมอบบริการที่ปรับแต่งให้เหมาะกับท้องถิ่นโดยอิงจากการเยี่ยมชมตลาดบ่อยครั้งและข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า บริษัทได้เป็นผู้นำในการเปิดตัวชุดโครงการ “Care & Reach Service” เช่น เครื่องดื่มเย็นฟรีในภูมิภาคที่มีสภาพอากาศร้อนกว่า รายละเอียดที่ปรับแต่งให้เหมาะกับท้องถิ่นเหล่านี้ช่วยให้บริการของ OPPO เหมาะกับชีวิตและนิสัยของผู้ใช้ในตลาดต่างๆ มากขึ้น ทำให้การเดินทางทุกครั้งไปยังศูนย์บริการของ OPPO กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจกับแบรนด์

แนวทางที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้เป็นอันดับแรกนี้ยังคงได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ในปี 2024 ทีมบริการของ OPPO ในอินโดนีเซียได้รับรางวัลประสบการณ์การบริการลูกค้าที่ดีที่สุดและรางวัลคุณภาพบริการจากงาน SWA ในปีเดียวกัน ทีมของ OPPO ในมาเลเซียได้รับรางวัลประสบการณ์ลูกค้าที่ดีที่สุดของ CXP และทีมบริการของบังกลาเทศได้รับรางวัล Deep to Award อันทรงเกียรติในประเภทการคุ้มครองผู้บริโภค

จากการได้รับการยอมรับนี้ OPPO จึงยังคงให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้ต่อไปผ่าน Smiling Angel และโครงการริเริ่มอื่นๆ โดยโครงการ Smiling Angel ไม่เพียงแต่เป็นโครงการมอบรางวัลให้กับพนักงานเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อที่กว้างขึ้นของ OPPO ที่ว่าเทคโนโลยีที่ดีที่สุดนั้นต้องมาจากการเชื่อมโยงและการดูแลเอาใจใส่ของมนุษย์เสมอ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Xuening Gong
gongxuening@oppo.com

ที่มา: OPPO

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250525200035/en

TII ผู้นำด้านการพัฒนา AI ในตะวันออกกลางเปิดตัวโมเดล AI ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ Falcon Arabic ที่เป็นโมเดลอาหรับรุ่นแรกในซีรีส์ Falcon และ Falcon-H1 ที่เป็นโมเดลประสิทธิภาพสูงที่ดีที่สุดในกลุ่ม

Logo

Falcon Arabic: นอกเหนือจากภาษาอังกฤษและภาษาต้นกำเนิดของยุโรปแล้ว Falcon ยังผสานภาษาอาหรับเข้าไปอีกด้วย ซึ่งจะช่วยขยายขอบเขตการใช้งานทั่วโลกสำหรับประเทศที่ใช้ภาษาอาหรับให้กลายเป็นโมเดล AI ภาษาอาหรับที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในภูมิภาค

Falcon-H1 กำหนดนิยามใหม่ให้กับประสิทธิภาพและความสามารถในการพกพา เหนือกว่า LlaMA ของ Meta และ Qwen ของ Alibaba เพื่อเปิดใช้งาน AI ในโลกแห่งความเป็นจริงบนอุปกรณ์ทั่วไปและในการตั้งค่าที่มีทรัพยากรจำกัด

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2025

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี (TII) ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยประยุกต์ของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ของอาบูดาบี เปิดตัวความก้าวหน้าทาง AI ที่สำคัญ 2 รายการในวันนี้: Falcon Arabic ที่เป็นโมเดลภาษาอาหรับรุ่นแรกในซีรีส์ Falcon โดยในปัจจุบันเป็นโมเดล AI ภาษาอาหรับที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในภูมิภาค และ Falcon-H1 ที่เป็นโมเดลใหม่ที่จะมานิยามประสิทธิภาพและความสะดวกในการพกพาผ่านการออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่ ในหมวดหมู่ขนาดเล็กถึงขนาดกลางของโมเดล AI (30 ถึง 70 พันล้านพารามิเตอร์) Falcon-H1 เหนือกว่าผลิตภัณฑ์ที่เทียบเคียงได้จาก LlaMA ของ Meta และ Qwen ของ Alibaba โดยช่วยให้สามารถใช้ AI ในโลกแห่งความเป็นจริงได้บนอุปกรณ์ทั่วไปและในสภาพแวดล้อมที่มีทรัพยากรจำกัด การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการกล่าวปราศรัยสำคัญโดย H.E. Faisal Al Bannai ที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเลขาธิการ ATRC ในงาน Make it in the Emirates

Falcon Arabic ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ Falcon 3-7B (7 พันล้านพารามิเตอร์) เป็นหนึ่งในโมเดล AI ที่เป็นภาษาอาหรับที่ได้รับการพัฒนามากที่สุดจนถึงปัจจุบัน ได้รับการฝึกฝนบนชุดข้อมูลภาษาอาหรับพื้นเมืองคุณภาพสูง (ไม่ได้รับการแปลมา) ครอบคลุมภาษาอาหรับมาตรฐานสมัยใหม่และภาษาถิ่นตามภูมิภาค โดยสามารถจับภาพความหลากหลายทางภาษาทั้งหมดของโลกอาหรับ จากผลการประเมินประสิทธิภาพของ Open Arabic LLM Leaderboard พบว่า Falcon Arabic เหนือกว่าโมเดลภาษาอาหรับอื่นๆ ที่มีอยู่ทุกภูมิภาค ซึ่งช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้าน AI หลายภาษาที่เป็นอิสระ ถือเป็นโมเดลอาหรับที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในระดับเดียวกัน โดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโมเดลที่มีขนาดใหญ่กว่าถึง 10 เท่า ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าสถาปัตยกรรมอัจฉริยะสามารถให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าขนาดที่แท้จริงได้

นอกจากนี้ โมเดล Falcon-H1 ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่นี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อขยายการเข้าถึง AI ประสิทธิภาพสูงด้วยการลดพลังการประมวลผลและความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคแบบเดิมเพื่อใช้สำหรับการประมวลผลระบบขั้นสูง โดยการประกาศนี้สร้างขึ้นจากความสำเร็จของซีรีส์ Falcon 3 ของ TII ซึ่งติดอันดับโมเดล AI ระดับโลกชั้นนำที่สามารถทำงานบนหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ตัวเดียว ความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่ช่วยให้นักพัฒนา สตาร์ทอัพ และสถาบันต่างๆ ที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานระดับไฮเอนด์สามารถปรับใช้ AI ล้ำสมัยได้ในราคาที่เอื้อมถึง

“เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ในที่สุดเราก็ได้นำภาษาอาหรับมาสู่ Falcon และภูมิใจยิ่งกว่าที่โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลกอาหรับถูกสร้างขึ้นในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” กล่าวโดย H.E. Faisal Al Bannai ในงาน Make it in the Emirates ในอาบูดาบี เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Falcon-H1 เขากล่าวว่า “ปัจจุบัน ความเป็นผู้นำด้าน AI ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดเพียงเพื่อให้เกิดขนาดเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับการสร้างเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพให้เป็นประโยชน์ ใช้งานได้ และเป็นสากล โดย Falcon-H1 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการส่งมอบ AI ที่เหมาะกับทุกคน ไม่ใช่แค่เพียงไม่กี่คน”

Falcon-H1 ยังคงรองรับภาษาที่มีต้นกำเนิดจากยุโรปและมีความสามารถปรับขนาดเพื่อรองรับได้มากกว่า 100 ภาษาเป็นครั้งแรก ขอบคุณโทเค็นไนเซอร์หลายภาษาที่ได้รับเทรนจากชุดข้อมูลที่หลากหลาย

ฉลาดกว่า เรียบง่ายกว่า และครอบคลุมมากขึ้น

Falcon-H1 ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการระบบ AI ที่มีประสิทธิภาพ ยืดหยุ่น และใช้งานง่าย และมีการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก Falcon-H1 ที่มีชื่อว่า “H” เนื่องมาจากสถาปัตยกรรมไฮบริดที่ผสมผสานจุดแข็งของ Transformers และ Mamba เข้าด้วยกัน ทำให้ความเร็วในการอนุมานเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและใช้หน่วยความจำน้อยลง ในขณะที่ยังคงประสิทธิภาพสูงในเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ

“เราพิจารณา Falcon-H1 ไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญด้านการวิจัยเท่านั้น แต่ยังเป็นความท้าทายด้านวิศวกรรมอีกด้วย: จะส่งมอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมโดยไม่มีใครเทียบเคียงได้อย่างไร” กล่าวโดย ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอ ของ TII “โมเดลนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างระบบที่มีความเข้มข้นทางเทคนิคพร้อมประโยชน์ใช้สอยในโลกแห่งความเป็นจริง Falcon ไม่ใช่แค่โมเดลเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานที่ส่งเสริมนักวิจัย นักพัฒนา และนักประดิษฐ์ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ทรัพยากรมีจำกัดแต่ความทะเยอทะยานกลับไม่มี”

โมเดลตระกูล Falcon-H1 มีหลายขนาด ได้แก่ 34B, 7B, 3B, 1.5B, 1.5B-deep และ 500M โมเดลเหล่านี้มอบอัตราส่วนประสิทธิภาพต่อประสิทธิผลที่หลากหลายแก่ผู้ใช้ ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเลือกโมเดลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์การปรับใช้ของตนได้ แม้ว่าโมเดลที่มีขนาดเล็กกว่าจะทำให้สามารถปรับใช้กับอุปกรณ์ขอบที่มีข้อจำกัดได้ แต่โมเดลเรือธง 34B ก็มีประสิทธิภาพเหนือกว่าโมเดลที่คล้ายกันจาก LlaMA ของ Meta และ Qwen ของ Alibaba ในงานที่ซับซ้อน

“ซีรีส์ Falcon-H1 แสดงให้เห็นว่าสถาปัตยกรรมใหม่สามารถปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ ในการเทรน AI ได้อย่างไร ในขณะเดียวกันก็สามารถแสดงศักยภาพของโมเดลในขนาดกะทัดรัดพิเศษได้อีกด้วย” กล่าวโดย ดร. Hakim Hacid หัวหน้านักวิจัยศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์และวิทยาศาสตร์ดิจิทัล TII “การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานนี้ทำให้สิ่งที่เป็นไปได้ในระดับเล็กที่สุดเกิดขึ้นได้ ช่วยให้เกิด AI ที่ทรงพลังบนอุปกรณ์ Edge ที่มีความเป็นส่วนตัว ประสิทธิภาพ และมีเวลาแฝงต่ำอย่างมีนัยสำคัญ โดยเรามุ่งเน้นที่การลดความซับซ้อนโดยไม่กระทบต่อความสามารถใดๆ”

โมเดลแต่ละรุ่นในตระกูล Falcon-H1 มีประสิทธิภาพเหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่าสองเท่า นับเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านอัตราส่วนประสิทธิภาพต่อประสิทธิผล นอกจากนี้ โมเดลเหล่านี้ยังมีความโดดเด่นในด้านคณิตศาสตร์ การให้เหตุผล การเขียนโค้ด การเข้าใจบริบทระยะยาว และงานหลายภาษาอีกด้วย

ผลกระทบระดับนานาชาติ

โมเดล Falcon กำลังถูกใช้เป็นพลังงานให้กับแอปพลิเคชันในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ด้วยความร่วมมือกับ Bill & Melinda Gates Foundation, Falcon ได้สนับสนุนการพัฒนา AgriLLM ซึ่งเป็นโซลูชันที่ช่วยให้เกษตรกรตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้นภายใต้สภาพภูมิอากาศที่ท้าทาย โดยระบบนิเวศ Falcon ของ TII ถูกดาวน์โหลดมากกว่า 55 ล้านครั้งทั่วโลก และได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นตระกูลโมเดล AI แบบเปิดที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพสูงอย่างต่อเนื่องมากที่สุดที่เกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ในขณะที่โมเดล AI จำนวนมากมุ่งเน้นไปที่กรณีการใช้งานของผู้บริโภคในวงแคบ TII ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างแบบจำลองพื้นฐานที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่เข้มข้นของอุตสาหกรรม การวิจัย และสาธารณประโยชน์ โดยไม่กระทบต่อการเข้าถึงต่างๆ โมเดลเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำไปใช้กับสถานการณ์จริงในโลกที่หลากหลาย โดยยังคงสามารถเข้าถึงได้ ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันได้

โมเดล Falcon ทั้งหมดเป็นโอเพ่นซอร์สและพร้อมใช้งานบน Hugging Face และ FalconLLM.TII.ae ภายใต้ใบอนุญาต TII Falcon ที่เป็นใบอนุญาตที่ใช้ Apache 2.0 ซึ่งส่งเสริมการพัฒนา AI ที่มีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม

ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20250521901857/en

Contacts

Jennifer Dewan
Jennifer.Dewan@tii.ae

ที่มา: Technology Innovation Institute

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีและ AI71 ร่วมมือกับ Amazon Web Services เพื่อขยายขอบเขตนวัตกรรม AI ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และที่อื่นๆ

Logo

ความร่วมมือนี้จะขยายการเข้าถึงโมเดล Falcon ของ TII และผลิตภัณฑ์ AI ระดับองค์กรของ AI71 ทั่วโลก โดยเน้นที่การเข้าถึง ความเป็นส่วนตัว และระบบอัตโนมัติที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ –(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2025

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งอาบูดาบี (TII) ซึ่งเป็นผู้สร้างโมเดล AI และโซลูชันการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวซีรีส์ Falcon ที่ได้รับการจัดอันดับในระดับโลก ตลอดจน AI71 ซึ่งเป็นบริษัท AI ชั้นนำแห่งอาบูดาบีที่มอบผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรแบบปรับแต่งได้ กำลังร่วมมือกับ Amazon Web Services (AWS) เพื่อขยายการเข้าถึงโมเดลและโซลูชัน AI ที่ผลิตในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

Technology Innovation Institute and AI71 Collaborate with Amazon Web Services to Scale AI Innovations in the UAE and Beyond (photo: AETOSWire)

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีและ AI71 ร่วมมือกับ Amazon Web Services เพื่อขยายขอบเขตนวัตกรรม AI ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และที่อื่นๆ (รูปภาพ: AETOSWire)

ด้วยการผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของ TII ในโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ความเชี่ยวชาญของ AI71 ในการสร้างตัวแทน AI ขั้นสูง และบริการ AI และการเรียนรู้ของเครื่องจักรบนคลาวด์ชั้นนำของโลกจาก AWS ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกจะสามารถเข้าถึง Falcon และโซลูชัน AI ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิตและการทำงานของผู้คน

TII เสนอ Falcon LLM หลายรุ่นผ่าน Amazon SageMaker แล้ว และรุ่นล่าสุดยังจะวางจำหน่ายผ่าน Amazon Bedrock Marketplace อีกด้วย ซีรีส์ Falcon มีโมเดลต่างๆ มากมายที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับแนวหน้าอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมอบโซลูชันที่ปรับขนาดได้สำหรับความต้องการ AI ที่หลากหลาย องค์กรธุรกิจและนักพัฒนาจะสามารถบูรณาการ Falcon เข้ากับแอปพลิเคชันของตนได้ผ่านทาง API แบบจ่ายตามการใช้งาน ที่จะช่วยลดความจำเป็นในการใช้พลังการประมวลผลจำนวนมาก

ผลิตภัณฑ์ของ AI71 ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมผู้เชี่ยวชาญในทุกภาคส่วนผ่านระบบอัตโนมัติแบบเลือกสรรและเวิร์กโฟลว์ของตัวแทน ซึ่งพร้อมให้บริการใน AWS Marketplace แล้ว โดยให้การเข้าถึงแก่ลูกค้าหลายล้านคนทั่วโลก โดย AI71 จะทำงานร่วมกับ AWS เพื่อเร่งการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์หลักผ่านการสร้างต้นแบบอย่างรวดเร็วและการเข้าถึงล่วงหน้า

นอกเหนือจากการนำโมเดลและผลิตภัณฑ์ AI มาใช้เพิ่มมากขึ้นแล้ว TII และ AI71 ยังตั้งเป้าที่จะส่งเสริมนวัตกรรมร่วมกันในหลายพื้นที่สำคัญโดยใช้เทคโนโลยีและโซลูชัน AWS:

  •  เพิ่มการเข้าถึงเครื่องมือด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์: การเพิ่มการเข้าถึงเครื่องมือด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์: PetalGuard ของ TII ที่เป็นโซลูชันการรักษาความเป็นส่วนตัวที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูล จะพร้อมให้บริการใน AWS Marketplace แล้ว โดยช่วยให้องค์กรต่างๆ ทั่วโลกนำเทคโนโลยีที่เน้นความเป็นส่วนตัวขั้นสูงมาใช้ได้ง่ายขึ้น
  •  เพิ่มความเป็นส่วนตัวของ AI : TII และ AWS จะทำงานร่วมกันในการวิจัยด้านการเข้ารหัส รวมถึงการเข้ารหัสแบบโฮโมมอร์ฟิกเต็มรูปแบบและการคำนวณหลายฝ่าย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่อง AI ที่ปลอดภัยและรักษาความเป็นส่วนตัว
  •  นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการขยายตัวทั่วโลก: AI71 และ AWS จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างต้นแบบและเปิดตัวโซลูชัน AI ตัวแทนใหม่ๆ ที่เหมาะกับความต้องการขององค์กรและรัฐบาลอย่างรวดเร็ว
  •  การพัฒนาทักษะด้าน AI : AWS ยังจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับโปรแกรมการฝึกอบรมของ AI71 โดยใช้การรับรองระดับผู้บริหารที่ได้รับการสนับสนุนจาก AWS เพื่อสร้างข้อมูลประจำตัวด้าน AI ที่เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรม

ทั้งสามองค์กรมีเป้าหมายร่วมกันที่จะเป็นพันธมิตรที่รัฐบาล สถาบัน และประเทศต่างๆ ไว้วางใจในการแสวงหาโซลูชัน AI แบบครบวงจรระดับโลก

“ที่ TII เรามุ่งมั่นที่จะขยายขอบเขตของการวิจัยประยุกต์เพื่อสร้างผลกระทบในโลกแห่งความเป็นจริง ด้วยการนำ Falcon และผลิตภัณฑ์ AI อื่นๆ มาสู่ AWS เรากำลังเชื่อมช่องว่างระหว่างนวัตกรรมล้ำสมัยและการประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง ส่วนสำคัญของภารกิจนี้คือการพัฒนาการเรียนรู้ของเครื่องจักรที่รักษาความเป็นส่วนตัวด้วยกรอบงานใหม่ๆ ที่ปกป้องข้อมูลตลอดวงจรชีวิตของ AI นอกจากนี้ เรายังทำให้ AI ที่ขับเคลื่อนด้วยการวิจัยที่ล้ำสมัยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และทำให้เทคโนโลยี UAE ดั้งเดิมเป็นที่รู้จักในตลาดที่มีผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย” ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอของ TII กล่าว

“ที่ AI71 เรากำลังสร้าง AI รุ่นต่อไปที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อกำหนดนิยามใหม่ให้กับการดำเนินงานของอุตสาหกรรม การเป็นพันธมิตรกับ AWS ช่วยให้เราปรับขนาดได้เร็วขึ้น ขยายข้อเสนอของเรา และพัฒนาในตลาดต่างประเทศด้วยความเร็วและผลกระทบที่มากขึ้น ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการทดสอบ ปรับแต่ง และเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ของเราให้เกินขอบเขตของภูมิภาค เร่งนวัตกรรม ปลดล็อกโมเดลธุรกิจใหม่ และร่วมมือกับบริษัท รัฐบาล และสถาบันต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการนำ AI มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ” Chiara Marcati หัวหน้าที่ปรึกษาด้าน AI และฝ่ายธุรกิจของ AI71 กล่าว

“AWS รู้สึกภูมิใจที่ได้ก้าวไปอีกขั้นในความร่วมมือกับ TII และ AI71 เพื่อนำพลังของโมเดล Falcon ไปสู่ผู้คนในวงกว้างมากขึ้น” กล่าวโดย Tanuja Randery รองประธานฝ่ายยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาของ AWS “เราร่วมกันส่งเสริมให้ลูกค้าสร้างแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่เป็นนวัตกรรมในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่บริการทางการเงินไปจนถึงการดูแลสุขภาพ ทั้งหมดนี้ขณะเดียวกันยังคงควบคุมข้อมูลของตนเองได้”

“การนำเสนอ Falcon ผ่าน Amazon Bedrock ช่วยให้เราให้ลูกค้ามีทางเลือกและความยืดหยุ่นในการใช้ประโยชน์จากโมเดลล้ำสมัยเหล่านี้ภายในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง โมเดล Falcon ที่ผ่านการฝึกอบรมบนโครงสร้างพื้นฐาน AWS ยังคงสร้างความประทับใจให้กับนักเทคโนโลยีทั่วโลก ทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อยู่แถวหน้าของการแข่งขันนวัตกรรม AI ระดับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ธุรกิจ วัฒนธรรม และสังคม”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250521645833/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ที่มา: AETOSWire

Contacts

Victoria Meven
Victoria.meven@edelman.com

ที่มา: Technology Innovation Institute

Toshiba เปิดตัว SiC MOSFET รุ่นที่ 3 ขนาด 650V ในแพ็กเกจ DFN8x8

Logo

สี่อุปกรณ์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความหนาแน่นของพลังงานสำหรับอุปกรณ์อุตสาหกรรม

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–20 พฤษภาคม 2025

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) เปิดตัวซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) MOSFET ขนาด 650V จำนวนสี่ตัวที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ใหม่ล่าสุด[1] ชิป SiC MOSFET รุ่นที่ 3 ซึ่งบรรจุอยู่ในแพ็กเกจ DFN8x8 ขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับอุปกรณ์อุตสาหกรรม เช่น แหล่งจ่ายไฟแบบสวิตช์โหมดและเครื่องปรับกำลังไฟฟ้าสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบโฟโตวอลเทอิก ปริมาณการจัดส่งอุปกรณ์ทั้งสี่ตัว “TW031V65C” “TW054V65C” “TW092V65C” และ “TW123V65C” เริ่มแล้ววันนี้

Toshiba: 650V 3rd generation SiC MOSFETs in DFN8x8 package

Toshiba: SiC MOSFET รุ่นที่ 3 ขนาด 650V ในแพ็กเกจ DFN8x8

ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็น SiC MOSFET รุ่นที่ 3 รุ่นแรกที่ใช้แพ็กเกจ DFN8x8 แบบติดพื้นผิวขนาดเล็ก ซึ่งลดปริมาตรได้มากกว่า 90% เมื่อเทียบกับแพ็กเกจแบบใส่ตะกั่ว เช่น TO-247 และ TO-247-4L(X) และปรับปรุงความหนาแน่นของพลังงานของอุปกรณ์ การติดตั้งบนพื้นผิวยังช่วยให้ใช้ค่าความต้านทานปรสิตได้อีกด้วย[2] ชิ้นส่วนมีขนาดเล็กกว่าแพ็กเกจแบบสอดตะกั่ว ซึ่งช่วยลดการสูญเสียในการสลับ โดย DFN8x8 เป็นแบบ 4 พิน[3] แพ็กเกจนี้ช่วยให้สามารถใช้การเชื่อมต่อแบบเคลวินของขั้วต่อแหล่งสัญญาณสำหรับไดรฟ์เกตได้ ซึ่งจะช่วยลดอิทธิพลของความเหนี่ยวนำในสายแหล่งสัญญาณภายในแพ็กเกจได้ ทำให้มีประสิทธิภาพในการสลับความเร็วสูง ในกรณีของ TW054V65C จะสามารถช่วยลดการสูญเสียการเปิดเครื่องได้ประมาณ 55% และลดการสูญเสียการปิดเครื่องได้ประมาณ 25%[4] เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ Toshiba ในปัจจุบัน[5] ช่วยลดการสูญเสียพลังงานในอุปกรณ์

Toshiba จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของตนต่อไปเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของอุปกรณ์และเพิ่มความจุพลังงาน

หมายเหตุ:
 [1] ณ เดือนพฤษภาคม 2025
 [2] ความต้านทาน ความเหนี่ยวนำ ฯลฯ
 [3] ผลิตภัณฑ์ที่มีพินแหล่งสัญญาณเชื่อมต่อใกล้กับชิป FET
 [4] ณ เดือนพฤษภาคม 2025 ค่าที่วัดโดย Toshiba สำหรับรายละเอียด โปรดดูรูปที่ 1 ในเวอร์ชันของรุ่นนี้บนเว็บไซต์ของ Toshiba
 [5] SiC MOSFET รุ่นที่ 3 ขนาด 650V ที่มีแรงดันไฟฟ้าเทียบเท่าและความต้านทานการเปิดที่ใช้แพ็กเกจ TO-247 โดยไม่มีการเชื่อมต่อแบบเคลวิน

แอปพลิเคชัน

  • แหล่งจ่ายไฟแบบสวิตช์โหมดในเซิร์ฟเวอร์ ศูนย์ข้อมูล อุปกรณ์สื่อสาร ฯลฯ
  • สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
  • อินเวอร์เตอร์โฟโตวอลเทอิก (อินเวอร์เตอร์โซลาร์เซลล์)
  • เครื่องจ่ายไฟสำรอง

คุณสมบัติ

  • แพ็กเกจติดตั้งบนพื้นผิว DFN8x8 ช่วยให้สามารถย่อขนาดอุปกรณ์และประกอบอัตโนมัติได้ การสูญเสียการสลับต่ำ
  • ทรานซิสเตอร์ SiC MOSFET รุ่นที่ 3 ของ Toshiba
  • การพึ่งพาอุณหภูมิของความต้านทานการเปิด-ปิดของแหล่งจ่ายได้ดีโดยการปรับความต้านทานการดริฟท์และอัตราส่วนความต้านทานของช่องสัญญาณให้เหมาะสม
  • ความต้านทานการเปิด-ปิดของแหล่งจ่ายต่ำ x ประจุเกต-ท่อระบาย
  • แรงดันไฟฟ้าไปข้างหน้าของไดโอดต่ำ: VDSF =-1.35V (ทั่วไป) (VGS =-5V)

คุณสมบัติหลัก

 (เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น, Ta =25℃)

หมายเลขชิ้นส่วน

 TW031V65C

 TW054V65C

 TW092V65C

 TW123V65C

แพ็กเกจ

ชื่อ

DFN8x8

ขนาด (มม)

ทั่วไป

8.0×8.0×0.85

ค่าพิกัดสูงสุดจริง

 แรงดันไฟเดรน-ซอร์ส VDSS (V)

650

 แรงดันไฟเกต-ซอร์ส VGSS (V)

-10 ถึง 25

 กระแสเดรน (DC) ID (A)

 Tc =25°C

53

36

27

18

คุณลักษณะทางไฟฟ้า

 ค่าความต้านทานสถานะเปิดเดรน-ซอร์ส R DS(ON) (mΩ)

 VGS =18V

ทั่วไป

31

54

92

123

 แรงดันไฟฟ้าเกณฑ์เกต Vth (V)

 VDS =10V

3.0 ถึง 5.0

 ประจุเกตทั้งหมด Qg (nC)

 VGS =18V

ทั่วไป

65

41

28

21

 ประจุเกต-เดรน Qgd (nC)

 VGS =18V

ทั่วไป

10

6.2

3.9

2.3

 ความจุอินพุต Ciss (pF)

 VDS =400V

ทั่วไป

2288

1362

873

600

 แรงดันเดินหน้าไดโอด VDSF (V)

 VGS =-5V

ทั่วไป

-1.35

การตรวจสอบตัวอย่างและความพร้อมใช้งาน

 ซื้อออนไลน์

 ซื้อออนไลน์

 ซื้อออนไลน์

 ซื้อออนไลน์

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
คุณสมบัติของ SiC MOSFET รุ่นที่ 3
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SiC MOSFET
การเปรียบเทียบ SiC MOSFET และ Si IGBT
ค่าพิกัดสูงสุดที่แน่นอนและคุณลักษณะทางไฟฟ้าของ SiC MOSFET

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TW031V65C
TW054V65C
TW092V65C
TW123V65C

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SiC Power Devices ของ Toshiba
SiC Power Devices

เพื่อตรวจสอบความพร้อมจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์ ให้ไปที่:
TW031V65C
ซื้อออนไลน์

TW054V65C
ซื้อออนไลน์

TW092V65C
ซื้อออนไลน์

TW123V65C
ซื้อออนไลน์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลล่าสุดในวันที่ประกาศ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชั่นเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง มีประสบการณ์และนวัตกรรมมากกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ

โดยมีพนักงานกว่า 19,400 คนทั่วโลกที่มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน บริษัทมุ่งหวังที่จะสร้างและมีส่วนสนับสนุนเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนโดยทั่วไป

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html  

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250519603867/en  

Contacts

การสอบถามสำหรับลูกค้า
แผนกขายและการตลาดอุปกรณ์ไฟฟ้าและสัญญาณขนาดเล็ก
โทร.: +81-44-548-2216
ติดต่อเรา

การสอบถามสำหรับสื่อ
Chiaki Nagasawa
แผนกการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Kioxia ประกาศเปิดตัว SSD NVMe™ ระดับองค์กรตัวแรกที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ TLC-Based เจเนอเรชันที่ 8

Logo

KIOXIA CM9 Series PCIe® 5.0 NVMe™ SSD ยกระดับมาตรฐานด้วยสถาปัตยกรรมชิป CBA

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–16 พฤษภาคม 2025

Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ประกาศเปิดตัวและสาธิตต้นแบบ SSD KIOXIA CM9 Series PCIe® 5.0 NVMe™ ใหม่ในวันนี้ ไดรฟ์รุ่นถัดไปเหล่านี้เป็น SSD ระดับองค์กรรุ่นแรกที่สร้างขึ้นโดยใช้หน่วยความจำแฟลช 3D BiCS FLASH™ TLC รุ่นที่ 8 ของ Kioxia 1 ซึ่งผสานรวมเทคโนโลยี CMOS แบบ Bonded to Array (CBA) โดยตรง ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรมที่มอบความก้าวหน้าอย่างมากในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ประสิทธิภาพการทำงาน ความหนาแน่น และความยั่งยืน พร้อมทั้งเพิ่มความจุที่มีอยู่เป็นสองเท่า 2 ต่ออุปกรณ์แฟลช

KIOXIA CM9 Series SSD

SSD ซีรีส์ CM9 ของ KIOXIA

เนื่องจากความต้องการในการประมวลผลสมัยใหม่เพิ่มมากขึ้น แอปพลิเคชันต่างๆ เช่น AI การเรียนรู้ของเครื่องจักร และการประมวลผลประสิทธิภาพสูงจึงต้องการโครงสร้างพื้นฐานการจัดเก็บข้อมูลโซลิดสเตตที่ซับซ้อน ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องมีประสิทธิภาพระดับองค์กรเท่านั้น แต่ยังต้องมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่สูงขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่ามีความสามารถในการปรับขนาดและต้นทุนการดำเนินงานที่จัดการได้ การตอบสนองความต้องการเหล่านี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบซีรีส์ KIOXIA CM9 ที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับเวิร์กโหลดของศูนย์ข้อมูลรุ่นถัดไป

หัวใจสำคัญของซีรีส์ CM9 คือ BiCS FLASH™ รุ่นที่ 8 ของ Kioxia ซึ่งเป็นหน่วยความจำแฟลช 3D ที่ล้ำหน้าที่สุดของบริษัทจนถึงปัจจุบัน เทคโนโลยีนี้ใช้สถาปัตยกรรมที่ใช้ CBA ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วของอินเทอร์เฟซ NAND ได้อย่างมาก เพิ่มความหนาแน่นและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และลดเวลาแฝง ซึ่งส่งผลดีต่อประสิทธิภาพของ SSD โดยตรง

SSD ซีรีส์ KIOXIA CM9 มอบการปรับปรุงประสิทธิภาพสูงสุดถึงประมาณ 65% ในการเขียนแบบสุ่ม 55% ในการอ่านแบบสุ่ม และ 95% ในการเขียนแบบต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับซีรีส์ KIOXIA CM7 รุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่เพิ่มขึ้นยังรวมถึงการอ่านแบบต่อเนื่องที่ดีขึ้นประมาณ 55% และประสิทธิภาพการเขียนแบบต่อเนื่องที่ดีขึ้น 75%

ไฮไลท์ของ SSD ซีรีส์ KIOXIA CM9 ได้แก่ (เบื้องต้นและอาจมีการเปลี่ยนแปลง):

  •  PCIe® 5.0, NVMe™ 2.0, NVMe-MI™ 1.2c และ OCP Datacenter NVMe™ SSD 2.5 ที่เป็นไปตามข้อกำหนด
  • รองรับพอร์ตคู่ในฟอร์มแฟกเตอร์ขนาด 2.5 นิ้วและ E3.S
  • ความทนทานในการอ่านข้อมูลแบบเข้มข้น (1 DWPD) และการใช้งานแบบผสมผสาน (3 DWPD)
  • ประสิทธิภาพการทำงานแบบต่อเนื่อง (128 กิบิไบต์ (KiB)/QD32) – อ่านได้ 14.8 GB/วินาที และเขียนได้ 11 GB/วินาที
  • ประสิทธิภาพการทำงานแบบสุ่ม (4KiB) – 3,400 KIOPS (QD512) และ 800 KIOPS (QD32)
  • 2.5 นิ้ว ความจุสูงสุด 61.44 เทราไบต์ (TB) และ E3.S ความจุสูงสุด 30.72 TB

ขณะนี้ SSD ซีรีส์ KIOXIA CM9 กำลังทำการสุ่มตัวอย่างให้กับลูกค้าที่เลือกไว้ และจะนำไปจัดแสดงที่งาน Dell Technologies World ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 22 พฤษภาคมที่ลาสเวกัส

หมายเหตุ
 1: ข้อมูล ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2025 ที่มา: Kioxia Corporation
 2: เปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

  • 2.5 นิ้ว หมายถึงชื่อฟอร์มแฟกเตอร์ ไม่ใช่ขนาดทางกายภาพ
  • ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อุปกรณ์โฮสต์ ซอฟต์แวร์ (ไดรเวอร์ ระบบปฏิบัติการ ฯลฯ) และเงื่อนไขการอ่าน/เขียน
  • ประสิทธิภาพเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • คำจำกัดความของความจุ: KIOXIA Corporation กำหนดให้กิโลไบต์ (KB) เท่ากับ 1,000 ไบต์ เมกะไบต์ (MB) เท่ากับ 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เท่ากับ 1,000,000,000 ไบต์ และเทราไบต์ (TB) เท่ากับ 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์รายงานความจุของพื้นที่เก็บข้อมูลโดยใช้เลขยกกำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ และกิบิไบต์ (KiB) เท่ากับ 1,024 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุที่น้อยกว่า ความจุที่มีอยู่ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การฟอร์แมต การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่ฟอร์แมตแล้วตามจริงอาจแตกต่างกันไป
  •  IOPS: อินพุตเอาต์พุตต่อวินาที (หรือจำนวนการดำเนินการ I/O ต่อวินาที)
     
  • Dell Technologies และ Dell เป็นเครื่องหมายการค้าของ Dell Inc. หรือบริษัทในเครือ
  • NVMe และ NVMe-MI เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
  • PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG
  • ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia
Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อก่อนหน้าของบริษัทได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำให้กับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D เชิงนวัตกรรมของ Kioxia อย่าง BiCS FLASH™ กำลังสร้างอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี ระบบยานยนต์ ศูนย์ข้อมูล และระบบ AI เชิงสร้างสรรค์

การสอบถามจากลูกค้า:
Kioxia Group
สำนักงานขายทั่วโลก
https://www.kioxia.com/en-jp/business/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ มีความถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250515911055/en

Contacts

การสอบถามสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Satoshi Shindo
โทร: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

GIGABYTE ในงาน COMPUTEX 2025: เร่งอนาคต AI ด้วยโครงสร้างพื้นฐานและโซลูชันคอมพิวเตอร์แบบครบวงจร

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–19 พฤษภาคม 2025

GIGABYTE ผู้นำระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและ AI เตรียมจัดแสดงโซลูชัน AI แบบครบวงจรในงาน COMPUTEX 2025 ระหว่างวันที่ 20–23 พฤษภาคม ภายใต้ธีม “Omnipresence of Computing: AI Forward” ด้วยนวัตกรรมแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั้งระบบคลาวด์ ศูนย์ข้อมูล ระบบเอดจ์ และแอปพลิเคชัน GIGABYTE กำลังกำหนดนิยามใหม่ว่าการประมวลผลสามารถบรรลุสิ่งใดได้บ้างในยุค AI

GIGABYTE at COMPUTEX 2025: Accelerating the AI Future With Total Infrastructure and Computing Solutions

GIGABYTE ในงาน COMPUTEX 2025: เร่งอนาคต AI ด้วยโครงสร้างพื้นฐานและโซลูชันคอมพิวเตอร์แบบครบวงจร

โซลูชันศูนย์ข้อมูลแบบครบวงจร: ตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ไปจนถึงการจัดการคลัสเตอร์

หัวใจสำคัญของการจัดแสดงนี้คือ GIGAPODความหนาแน่นสูงของ GIGABYTE ที่มีโครงสร้างพื้นฐานในระดับแร็คสำหรับเวิร์กโหลด AI โซลูชันนี้ผสานรวมกับ GPM ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการภายในของ GIGABYTE ทำให้สามารถจัดการทรัพยากรได้อย่างเป็นหนึ่งเดียว ตั้งแต่โหนดถึงแร็คจนถึงคลัสเตอร์ การผสมผสานอันทรงพลังนี้รองรับการปรับใช้ที่รวดเร็ว การเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโหลด และการตรวจสอบระบบแบบเรียลไทม์ ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ปรับขนาดได้

GIGABYTE ใช้เซิร์ฟเวอร์ DLC G4L3 และโมดูลแร็ค 4+1 เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของ GIGAPOD สำหรับการประมวลผลที่ความหนาแน่นสูง โดยใช้ประโยชน์จากการระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและประสิทธิภาพความร้อน ด้วยการบูรณาการและการตรวจสอบระดับระบบ GIGABYTE ช่วยให้การปรับใช้รวดเร็วขึ้นผ่านความร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรม

GIGABYTE วางตำแหน่งตัวเองในฐานะผู้สร้างโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูล AI โดยนำเสนอบริการศูนย์ข้อมูลระดับ L12 ที่ครอบคลุมการให้คำปรึกษา การออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวก การรวมระบบ การปรับใช้งาน และการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ด้วยเซิร์ฟเวอร์ AI และระบบระดับแร็คที่รองรับ AMD Instinct™, Intel® Gaudi® 3 และ NVIDIA HGX™ GIGABYTE จึงมอบความหนาแน่นของประสิทธิภาพที่เหมาะสมที่สุด สถาปัตยกรรมที่ปรับขนาดได้ และการรวมระบบเชิงลึก มอบโซลูชันแบบครบวงจรที่ลดระยะเวลาในการใช้ AI

เสริมพลังให้กับการฝึกอบรม AI ด้วยแพลตฟอร์มล้ำสมัย

ในด้านการฝึกอบรม AI GIGABYTE นำเสนอเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงที่ครอบคลุม ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรองรับสถาปัตยกรรม GPU ล่าสุดและเพิ่มปริมาณงานคำนวณให้สูงสุด:

แพลตฟอร์ม AMD: ขับเคลื่อนด้วยรุ่นล่าสุด AMD Instinct™ MI350 series GPU และ Pensando™ Pollara 400 (PCIe NIC) มอบความสามารถในการคำนวณ AI ที่ยอดเยี่ยมสำหรับเวิร์กโหลดรุ่นถัดไป

แพลตฟอร์ม Intel: ประกอบด้วยโพรเซสเซอร์ Intel® Xeon® รุ่นที่ 5 และ ตัวเร่งความเร็ว AI Gaudi® 3 แพลตฟอร์มเหล่านี้ได้รับการปรับแต่งมาสำหรับการใช้งาน AI ในระดับองค์กรและสถานการณ์อนุมานแบบเรียลไทม์

โรงงาน AI ขององค์กร NVIDIA: สำหรับเวิร์กโฟลว์ AI เชิงกายภาพและเชิงตัวแทน การตัดสินใจโดยอัตโนมัติ และอื่นๆ การออกแบบแบบฟูลสแต็กนี้ผสานรวม GIGABYTE XL44-SD1 กับ NVIDIA RTX PRO™ 6000 Blackwell Server Edition, NVIDIA Spectrum-X™ และ NVIDIA AI Enterprise

ไฮไลท์สำคัญคือแพลตฟอร์ม NVIDIA GB300 NVL72 ใหม่ ซึ่งประกอบด้วย GPU Blackwell 72 ตัวและ CPU Grace 36 ตัวในตู้ระบายความร้อนด้วยของเหลว ขับเคลื่อนด้วย ConnectX-8 SuperNIC สำหรับการอนุมาน AI จำนวนมาก แพลตฟอร์มอันแข็งแกร่งของ GIGABYTE ยังรวมถึงระบบระดับแร็คที่สอดคล้องกับ OCPและสถาปัตยกรรมหน่วยความจำขั้นสูงที่ใช้ CXL สำหรับการคำนวณและการจัดเก็บแบบแยกส่วน

GIGABYTE ยังร่วมมือกับพันธมิตรด้านการจัดเก็บชั้นนำเพื่อส่งมอบเทคโนโลยีการจัดเก็บรุ่นถัดไปที่ขับเคลื่อนเวิร์กโหลดขนาดเพตาไบต์และคลัสเตอร์ AI ด้วย IOPS สูงสุด

ที่ขอบและเหนือการอนุมาน

GIGABYTE เปิดตัวระบบฝังตัวและมินิพีซีAI ที่สร้างขึ้นบน NVIDIA Jetson, Intel และ AMD ช่วยให้ AI มีความหน่วงต่ำในการผลิตอัจฉริยะ การขนส่ง และพื้นที่เชิงพาณิชย์ การสาธิตโรงงานอัจฉริยะเน้นที่ระบบการมองเห็น AI ของ GIGABYTE สำหรับการนับคนแบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์การไหล

สำหรับผู้ใช้ปลายทาง GIGABYTE นำเสนอผลิตภัณฑ์ AI และเกมมิ่งเรือธง นำโดยเมนบอร์ด Z890และ X870 /X870E ที่มีการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ DDR5 ที่เร่งด้วย AI และการปรับแต่ง AI จับคู่กับ AI TOP Utility สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพโมเดลท้องถิ่น เปิดตัว GeForce RTX 50 และ Radeon RX 9000 พร้อมด้วยดีไซน์ของเหลว อากาศ และ SFF แล็ปท็อป Copilot+ AI มาพร้อมคุณลักษณะพิเศษ GIMATEAI Agent และระบบระบายความร้อน WINDFORCE Infinity EX สุดพิเศษ นอกจากนี้ยังมี FO32U2P จอภาพ QD-OLED DP2.1 UHBR20 ตัวแรกของโลกและ QD-OLED 500Hz ที่เร็วที่สุด จอภาพ OLED รุ่น FO27Q5P เดสก์ท็อป AORUS SUPREME 5 ใหม่มาพร้อม CPU AMD X3D และระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวระดับพรีเมียม

GIGABYTE กำลังขับเคลื่อนโลกที่ชาญฉลาดและเชื่อมต่อกันมากขึ้นด้วยการเร่งการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ ซึ่งการประมวลผลจะช่วยนำทางไปข้างหน้า

https://www.gigabyte.com/Events/Computex

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250514218509/en

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ: brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE


The Bangkok Reporter