MMA Offshore เริ่มต้นใช้งาน Boomi โดยอัตโนมัติ

Logo

Boomi ช่วยให้บริษัทผู้ให้บริการพาณิชย์นาวีและใต้ทะเลลดความซับซ้อนในการจัดการพนักงานและการขนส่ง

เพิร์ธ ออสเตรเลีย และซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–16 พฤศจิกายน 2023

Boomi™ ผู้นำการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติประกาศในวันนี้ว่า MMA Offshore (MMA) กำลังใช้แพลตฟอร์ม Boomi platform เพื่อมอบการจัดการข้อมูลหลักของพนักงานที่สอดคล้องกันทั่วทั้งแอปพลิเคชันทางธุรกิจ

MMA Offshore Automates Onboarding With Boomi (Graphic: Business Wire)

MMA Offshore เริ่มต้นใช้งาน Boomi โดยอัตโนมัติ (Graphic: Business Wire)

MMA มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเพิร์ท เป็นผู้ให้บริการทางพาณิชย์นาวีและใต้ทะเลระดับโลก ด้วยกองเรือนอกชายฝั่ง 19 ลำและมีพนักงานมากกว่า 1,100 คน องค์กรนี้กำลังขับเคลื่อนการเติบโต โดยได้เปลี่ยนจากผู้ให้บริการเรือเพียงอย่างเดียวมาเป็นผู้ให้บริการทางพาณิชย์นาวีแบบครบวงจรในปี 2019 การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ MMA เติบโตไปสู่ตลาดใหม่ เช่น ลมนอกชายฝั่งทะเล (offshore wind) รัฐบาลและกลาโหม รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานชายฝั่ง

ในการเป็นองค์กรที่มีความว่องไวในอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนา และเพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง MMA จำเป็นต้องเสริมสร้างการจัดการข้อมูลที่สำคัญ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจและปรับปรุงการตัดสินใจ

Jon Fowler ผู้จัดการทั่วไปด้าน ICT ของ MMA กล่าวว่าบริษัทต้องการกรอบงานดิจิทัลที่สามารถเชื่อมต่อระบบธุรกิจหลักได้อย่างง่ายดายและเชื่อถือได้ เพื่อปลดล็อกและควบคุมข้อมูลนั้น

“เราเป็นองค์กรที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมีพลวัต ซึ่งหมายความว่าการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องและสม่ำเสมออย่างรวดเร็วถือเป็นสิ่งจำเป็น” Fowler กล่าว “ด้วย Boomi ข้อมูลของพนักงานของเราจะถูกบันทึกไว้ที่แหล่งที่มาเพียงครั้งเดียว จากนั้นระบบอัตโนมัติจะทำงานเพื่อลดความยุ่งยากในการบริหารจัดการ ทำให้ข้อมูลหลักของพนักงานหลักพร้อมใช้งานได้ทันทีบนแพลตฟอร์มของเรา เพื่อช่วยในเรื่องบัญชีรายชื่อ การขนส่งการเดินทาง การจัดทำบันทึกเวลา และการประมวลผลบัญชีเงินเดือน”

MMA เลือกแพลตฟอร์ม Boomi จากความสะดวกในการใช้งานและความสามารถในการปรับขนาด ซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดของ MMA ในการรักษาความสมบูรณ์ของข้อมูล บริษัทใช้แพลตฟอร์มบูรณาการของ Boomi เป็นบริการ (iPaaS) เพื่อเชื่อมต่อคลาวด์และแอปพลิเคชันธุรกิจในองค์กร รวมถึงการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) การกำหนดเวลา ระบบการเดินทาง และบัญชีเงินเดือน

“เมื่อไม่นานมานี้ เราจำเป็นต้องจ้างงานพนักงานหลายคนในระยะเวลาอันสั้น ในอดีต การเริ่มต้นใช้งานในระดับและความเร็วนี้อาจใช้เวลานานพอสมควรในการป้อนข้อมูลด้วยตนเองในหลายระบบ แต่ด้วย Boomi ระบบที่เชื่อมต่อของเราตอนนี้ทำงานเพื่อธุรกิจ ไม่ใช่ขัดขวางธุรกิจ” Fowlerกล่าว

“การพิจารณาอีกประการหนึ่งสำหรับการจัดการพนักงานเกี่ยวข้องกับการทำให้มั่นใจว่าการรับรองพนักงานนั้นมีผลบังคับใช้และเป็นปัจจุบันในระหว่างแต่ละแพลตฟอร์มต่างๆ ของเรา ทุกโครงการมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และด้วยมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้นของข้อมูลพนักงาน เราจึงมั่นใจได้ว่าทีมบุคลากรโลจิสติกส์ของเรามีข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับการจัดกำหนดการได้อย่างทันท่วงที ช่วยให้เราสามารถร่วมงานกับพนักงานที่มีทักษะได้ในระยะเวลาอันสั้น"

องค์กรวางแผนที่จะพัฒนาประสบการณ์ผู้ใช้ด้วยความสามารถในการบริการตนเอง Flow MMA กำลังสำรวจการพัฒนาอินเทอร์เฟซแบบรวมที่ใช้งานง่ายโดยใช้โซลูชันเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติของ Boomi เพื่อปรับปรุงการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการรวมกลุ่มในแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง

“ก่อนหน้านี้เราได้ใช้เวลาอย่างมากในการสร้างการเชื่อมต่อหรือย้ายข้อมูลด้วยตนเอง กรอบการทำงานบูรณาการของเราช่วยให้เราทำงานเสร็จได้ในกรอบเวลาที่สั้นลงมากแทนที่จะใช้เวลาหลายสัปดาห์  ซึ่งทำให้การขยายธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยชุดข้อมูลปลั๊กอินที่ใช้งานง่าย” Fowler กล่าว

“การวางแผนและดำเนินโครงการทางพาณิชย์นาวีและใต้ทะเลต้องใช้โลจิสติกส์อย่างมาก ซึ่งรวมถึงการจัดการคนงานที่มีทักษะหลายสิบคนที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานแต่ละงาน” Nathan Gower ผู้อำนวยการออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ของ Boomi กล่าว “ในขณะที่ MMA แบ่งออกเป็นแผนกใหม่ ระบบอัตโนมัติและการเชื่อมต่อข้อมูลจะช่วยขจัดการคาดเดาออกจากการจัดเตรียมโครงการ เพิ่มผลผลิต ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผลกำไรและความพึงพอใจของลูกค้า”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi มีเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นด้วยการเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่งและทุกที่ Boomi เป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มบูรณาการบนคลาวด์ในฐานะบริการ (iPaaS) และปัจจุบันเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ให้บริการ (SaaS) ชั้นนำระดับโลก โดยเป็นฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มบูรณาการและเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย รวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และประสานข้อมูล ขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและเร็วขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม boomi.com

© 2023 ห้างหุ้นส่วนจำกัด บูมี. Boomi, โลโก้ 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทในเครือหรือบริษัทคู่ค้า สงวนลิขสิทธิ์. ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53825244/en

ติดต่อ

สื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสื่อและนักวิเคราะห์สัมพันธ์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งที่มา: Boomi

Tunisie Telecom ยกเครื่องระบบเรียกเก็บเงินใหม่ เตรียมใช้เทคโนโลยีปฏิวัติวงการ

Logo

ออตตาวา ออนตาริโอ และตูนิส ตูนิเซีย–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

Tunisie Telecom จ้าวตลาดด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในตูนิเซีย และ Telepin ผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุตสาหกรรมฟินเทคระดับโลกประกาศการลงนามข้อตกลงด้านความร่วมมือเพื่อเปิดตัวระบบการเรียกเก็บเงินแบบรวมศูนย์สำหรับลูกค้าผู้ประกอบการระดับชาติ

จุดประสงค์หลักของความร่วมมือในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อโยกย้ายระบบเรียกเก็บเงินของ Tunisie Telecom ที่มี
การให้บริการกับซัพพลายเออร์รายต่าง ๆ หลายราย ไปสู่แพลตฟอร์มการเรียกเก็บเงินแบบรวมศูนย์ของ Telepinการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มาพร้อมกับสัญญาที่จะมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าด้วยการมอบโซลูชันแบบรวมศูนย์ที่มีความปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับการเติมเงินให้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรศัพท์บ้าน

แพลตฟอร์มของ Telepin นั้นออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านการเรียกเก็บเงินของ Tunisie Telecom ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายบัตรกำนัลแบบดั้งเดิมไปจนถึงการสร้างบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์แบบตามต้องการ ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถรับประกันการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น และพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้งานสำหรับฐานข้อมูลลูกค้าขนาดใหญ่ของ Tunisie Telecom ได้เป็นอย่างดี

คุณ Lassâad Ben Dhiab ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tunisie Telecom กล่าวว่า “เราภูมิใจในโครงการที่จะประสานรวมแพลตฟอร์มต่าง ๆ เข้าสู่แพลตฟอร์มของ Telepin ซึ่งถือเป็นความริเริ่มครั้งสำคัญในการบรรลุวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของเรา การโยกย้ายในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และปรับปรุงการปฏิบัติงานของเราให้ดีขึ้น ทั้งยังเป็นการเปิดเส้นทางใหม่ ๆ สู่การเติบโตต่อไปของ Tunisie Telecom อีกด้วย”

ด้านคุณ Eric Feeley ซีอีโอของ Telepin ได้ให้ความเห็นว่า “การที่เรากระชับสายสัมพันธ์กับ Tunisie Telecom ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2007 นี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของภาคโทรคมนาคม โดยเรายังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบโซลูชันที่เหนือล้ำกว่าใคร ๆ ในวงการ และเรามั่นใจว่าแพลตฟอร์มของเราจะกำหนดมาตรฐานของประสบการณ์ลูกค้าในอุตสาหกรรมแห่งนี้ขึ้นใหม่ได้อย่างแน่นอน”

เกี่ยวกับ Tunisie Telecom:

ผู้บุกเบิกวงการโทรคมนาคมในตูนิเซียที่ให้บริการครบจบทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดย Tunisie Telecom มีผู้สมัครใช้งานมากกว่า 6 ล้านคน ซึ่งเป็นผู้ใช้งานทั้งในระดับองค์กรและส่วนบุคคล ทางบริษัทมีการให้บริการต่าง ๆ มากมายหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการโทรคมนาคมแบบใช้สายและโทรศัพท์เคลื่อนที่, ศูนย์ข้อมูล, ระบบคลาวด์, IoT, การจัดการระบบรักษาความปลอดภัย และอื่น ๆ อีกมากมาย

หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมของ Tunisie Telecom และบริการต่าง ๆ ที่พร้อมให้บริการ โปรดไปที่ www.tunisietelecom.tn

เกี่ยวกับ Telepin:

Telepin แพลตฟอร์มด้านการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำระดับโลกที่ให้บริการแก่ผู้ประกอบการแถวหน้าของวงการในตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชีย และอเมริกา โดยทางบริษัทนำเสนอโซลูชันด้านการเงินบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งมีความเสถียรสูง และสามารถปรับขนาดได้ตามต้องการ ซึ่งเป็นการมอบเครื่องมืออันมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ให้แก่ผู้ประกอบการด้านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และผู้ให้บริการด้านการเงินในการเพิ่มรายได้ให้ถึงขีดสุด และมอบแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่สุดล้ำสมัยที่ช่วยมอบอำนาจทางการเงินให้กับผู้คน

หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Telepin ให้ไปที่ www.telepin.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

เจ้าหน้าที่ด้านสื่อประชาสัมพันธ์:
Kaouther Khlifi
Kaouther.Khlifi@tunisietelecom.tn

งานด้านสื่อ:
Derek Sharpley
derek.sharpley@telepin.com

ที่มา: Telepin

Nagoya Anesthesia Clinic: คลินิกเคตามีนในญี่ปุ่นเพื่อการรักษาทางการแพทย์

Logo

นาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

Nagoya Anesthesia Clinic (https://nagoyamasui.com/2-2) ตั้งอยู่ในเมืองนาโกย่า ซิตี้ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น เปิดให้บริการรักษาทางการแพทย์สำหรับภาวะโรคซึมเศร้าชนิดต่อต้านการรักษา ภาวะผิดปกติทางจิตอื่นๆ หรือภาวะเจ็บปวดเรื้อรังที่ยากต่อการรักษา โดยใช้ยาซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่อย่างเคตามีน กว่า 15 ปีที่ผ่านมา คลินิกแห่งนี้ได้ให้การบำบัดด้วยเคตามีนโดยการฉีดเคตามีนเข้าหลอดเลือดดำมาแล้วกว่า 1,300 ครั้ง เรามีวิธีการที่ไม่เหมือนใครในการระงับอาการเจ็บปวดและภาวะซึมเศร้า ได้แก่ การให้ยาทางช่องเหนือไขสันหลังส่วนคอ ซึ่งได้ผลสำเส็จในคนไข้มาแล้วกว่า 250 ราย พร้อมกับการสะกดจิตบำบัดระหว่างการฉีดยาเคตามีนเข้าหลอดเลือดดำ นอกจากนั้น ทางคลินิกยังมีนวัตกรรมการรักษาใหม่ เช่น การรักษาด้วย Echo-Guided Botox  สำหรับอาการคอแข็ง และการรักษาด้วย Echo-Guided PRP สำหรับอาการกล้ามเนื้ออักเสบบริเวณข้อศอก

เคตามีน เป็นยาระงับความรู้สึกที่ใช้กันแพร่หลาย มีประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปกว่า 50 ปี นอกจากนั้นยังมีการใช้ในสหรัฐอเมริกาเพื่อรักษาภาวะผิดปกติทางจิตการอาการเจ็บปวดชนิดเรื้อรังในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ต่างจากการให้ยาแบบเดิมๆ ที่อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่อาการจะค่อยทุเลา แต่เคตามีนกลับช่วยให้อาการทุเลาลงอย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมงถึง 3 สัปดาห์ในการบริหารจัดการยา อีกทั้งมีผลข้างเคียงในระยะยาวน้อยมาก จึงนับว่าเป็นทางเลือกในการรักษาที่ดีผลดีเยี่ยม

จากประสบการณ์ด้านการฉีดเคตามีนเข้าหลอดเลือดดำในการรักษาอาการเจ็บปวดและภาวะผิดปกติทางจิตต่างๆ Nagoya Anesthesia Clinic ได้จัดตั้งคลินิกเคตามีนขึ้นตามคุณสมบัติของยาเคตามีนในการระงับปวดชนิดรุนแรงและคุณสมบัติในการต้านภาวะซึมเศร้า ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ในการบริหารจัดการยาจะมีการฉีดเคตามีนเป็นชุดๆ ชุดละ 3 ถึง 6 เซสขั่น ในช่วงระยะ 1 ถึง 3 สัปดาห์ ตามด้วยการทำจิตบำบัดต่อเนื่องเดือนละครั้ง ส่วนการเกิดผลข้างเคียงในระยะยาวมีน้อยมาก

Nagoya Anesthesia Clinic มุ่งมั่นในการให้การดูแลและรักษาเชิงนวัตกรรมแก่ผู้ป่วยในญี่ปุ่นและบุคคลทั่วไป พร้อมต้อนรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาทางการแพทย์สำหรับภาวะซึมเศร้าชนิดต่อต้านการรักษา โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคเครียดหลังเผชิญกับเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ และอาการเจ็บปวดเรื้อรังที่ยากจะรักษา นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา ด้วยประสบการณ์ด้านการรักษาโดยการฉีดเคตามีน คลินิกแห่งนี้มีเป้าหมายในการส่งเสริมให้บุคคลทั่วไปจัดการกับภาวะต่อต้านการรักษาผ่านวิธีการรักษาแบบใหม่ มีหลักฐานรองรับ และใส่ใจในผู้ป่วย

 เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถาม โปรดติดต่อ:
JTB Medical & Healthcare:
jmhc_info@j-medical-healthcare.com

ที่มา: Nagoya Anesthesia Clinic

Black & Veatch พัฒนาการผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศอินโดนีเซีย

Logo

Augustus Global Investment ร่วมมือกับ Black & Veatch สำหรับกรณีศึกษาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ทั้งด้านเทคนิคและทางเศรษฐกิจในการผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเขตจังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย

JAKARTA, Indonesia–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

Black & Veatch ผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันพื้นฐานที่สำคัญ ได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับ Augustus Global Investment (AGI) ในการผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศอินโดนีเซีย

โครงการนี้มุ่งมั่นในการผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้อิเล็กโตรไลเซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังานทดแทน

Black & Veatch จัดสร้างโรงงานและวิเคราะห์เทคโนโลยี ประมาณการต้นทุนตามลำดับความสำคัญสำหรับการผลิตและกักเก็บไฮโดรเจน การศึกษาพบว่า โครงการนี้มีความเป็นไปได้ทั้งด้านเทคนิคและทางเศรษฐกิจ และมีศักยภาพที่จะมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในประเทศอินโดนีเซีย

Narsingh Chaudhary ประธานบริษัท Black & Veatch ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดีย กล่าวว่า “ด้วยพลังงานมหาศาลและทรัพยากรหมุนเวียนในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงพลังงานความร้อนใต้ดิน โครงการนี้มีศักยภาพอย่างมากที่จะเป็นตัวเร่งในการเศรษฐกิจสำหรับไฮโดรเจนในระยะยาวสำหรับประเทศอินโดนีเซียในทศวรรษหน้า”

และเขาได้กล่าวเสริมว่า “Black & Veatch อยู่ในระดับแนวหน้าของห่วงโซ่คุณค่าไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างโรงงานผลิตและกักเก็บไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดแห่งของโลกแบบครบวงจรในปัจจุบันนี้ และเรายินดีที่จะนำความเชี่ยวชาญระดับโลกของเรามาสู่ภูมิภาคเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการเหล่านี้”

จะมีการสร้างโรงงานผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเขตเศรษฐกิจพิเศษ Arun Lhokseumawe Special Economic Zone (SEZ) ในเขตจังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีบ โรงงานแห่งนี้คาดว่า จะสามารถผลิตไฮโดรเจนได้ถึง 98.5 ตันต่อวัน (TPD) และมีกำลังการผลิต 300 เมกะวัตต์ (MW)

Fadi Krikor, CEO ของ AGI เป็นบริษัทการลงทุนในเยอรมนีที่มุ่งเน้นโครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน กล่าวว่า "Augustus มองเห็นโอกาสทั่วโลกสำหรับการลงทุนระยะยาวในโครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของประเทศไปสู่พลังงานสะอาดในอนาคต"

การพัฒนาโรงงานผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมคาดว่าจะมีมูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนหนึ่งของความพยายามในประเทศอินโดนีเซียเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางในระดับคาร์บอน รวมถึงการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญา โดยเน้นไปที่พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานความร้อนใต้ดิน รวมถึงไฮโดรเจน

Black & Veatch มีส่วนร่วมในการสร้างกำลังการผลิตอิเล็กโตรไลซิส 245 MW โดยมีการผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า รวมถึงในฐานะผู้ให้บริการด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ และการก่อสร้าง (EPC) สำหรับโรงงาน Advanced Clean Energy Storage ในเมืองเดลต้า รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตและกักเก็บไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ในงาน Enlit Asia 2023 Chaudhary จะนำเสนอแผนงานเพื่อให้บรรลุระดับการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ในระบบพลังงานอนาคตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ติดต่อ Black & Veatch หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

หมายเหตุจากบรรณาธิการ:

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทให้บริการด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราในการปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลก โดยมุ่งเน้นความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

มีเดีย:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA EMAIL | Media@bv.com

แหล่งข้อมูล: Black & Veatch

บริษัทในเครือฝ่ายพัฒนาระบบของ Rakuten Card ในเวียดนามย้ายที่ตั้งสำนักงานไปยังออฟฟิศที่ขยายใหม่

Logo

เพิ่มผลผลิตด้วยสภาพแวดล้อมสำนักงานแบบเปิด เนื่องจากงานพัฒนาระบบมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สามารถใช้ภาพถ่ายและเนื้อหาดิจิทัลอื่นๆ สำหรับสื่อได้ที่นี่: https://rak.box.com/s/p0wbv8tjj9hmavigta4dde51dtuxfuh5

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

Rakuten Fintech Vietnam Co., Ltd. บริษัทในเครือฝ่ายพัฒนาระบบของ Rakuten Card Co., Ltd. ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ย้ายที่ตั้งสำนักงานไปยังที่ตั้งใหม่ในนครโฮจิมินห์ในวันที่ 13 เดือนพฤศจิกายน เพื่อเอื้อให้บริษัทมีพื้นที่กว้างขึ้นในการรองรับบุคลากรและขยายการดำเนินธุรกิจ และรองรับงานพัฒนาระบบที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

Rakuten Card ก่อตั้ง Rakuten Fintech Vietnam ขึ้นเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2021 โดยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน เร่งการพัฒนาระบบสำหรับบริการที่ขยายวงกว้างยิ่งขึ้น และรองรับการวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจสำหรับระบบไอที ซึ่งเป็นรากฐานบริการของ Rakuten Card รัฐบาลเวียดนามได้ดำเนินมาตรการสำคัญเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอุตสาหกรรมไอที มุ่งเน้นความคาดหวังในระยะยาวเพื่อรักษาและปรับใช้ผู้มีความสามารถด้านเทคโนโลยีระดับสูงในเวียดนาม นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นที่จะลดเขตเวลาที่แตกต่างกันระหว่างญี่ปุ่นและเวียดนามเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในญี่ปุ่น

นับตั้งแต่การก่อตั้งขึ้น Rakuten Fintech Vietnam ได้ว่าจ้างผู้มีความสามารถด้านวิศวกรรมไอทีในท้องถิ่นเพื่อพัฒนาบริการสำหรับแอปที่ใช้สำหรับผู้ใช้โดยทั่วไป รวมถึงระบบสำหรับร้านค้าในเครือและเครื่องมืออัตโนมัติทางธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เนื่องจากการดำเนินงานของบริษัทยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงย้ายไปยังอาคารสำนักงานใหม่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับองค์กร โดยมีโครงสร้างสำนักงานแบบเปิดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการสื่อสารและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับพนักงาน

Takao Shiono ผู้อำนวยการทั่วไปของ Rakuten Fintech Vietnam แสดงความเห็นว่า "ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศในวันนี้ว่า Rakuten Fintech Vietnam ได้เข้าสู่เฟสใหม่ในการพัฒนาของเราอย่างเป็นทางการ ทีมงานของเราในเวียดนามเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2021 ด้วยการสนับสนุนที่เต็มเปี่ยมสำหรับผู้มีความสามารถด้านเทคโนโลยีในท้องถิ่นและชุมชนโดยรอบ Rakuten Card เป็นผู้นำอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นด้วยจำนวนบัตรที่มีการให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 29 ล้านใบ จากที่ตั้งสำนักงานแห่งใหม่ของเราในนครโฮจิมินห์ เราพร้อมที่จะยกระดับความสำเร็จของ Rakuten Card และมีส่วนร่วมในการเป็นผู้นำธุรกิจฟินเทคของ Rakuten”

สำนักงานแห่งใหม่ตั้งอยู่ในเขต 1 ของนครโฮจิมินห์ โดยอยู่บนชั้นบนสุดของอาคารสูง 26 ชั้นที่สามารถมองเห็นวิวเมืองได้โดยรอบ สำนักงานได้รับการออกแบบให้มีห้องโถงแบบสองขั้น และตกแต่งด้วยผนังกระจกเต็มบานเพื่อสร้างความรู้สึกพื้นที่ที่กว้างขวาง พร้อมอำนวยความสะดวกในการสื่อสารและส่งเสริมความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน ด้วยพื้นที่ที่สามารถจุพนักงานได้ถึง 200 คนโดยประมาณ พร้อมห้องประชุม พื้นที่ส่วนรวม และบูธต่างๆ สำนักงานแห่งใหม่นี้เป็นออฟฟิศที่เหมาะสำหรับเพื่อนร่วมงานในการทำงานร่วมกันในโครงการต่างๆ นอกเหนือจากนี้ โรงอาหารและพื้นที่รับประทานอาหารและเครื่องดื่มยังเป็นสถานที่น่าพักผ่อนหย่อนใจสำหรับพนักงานด้วยเช่นกัน และมีพื้นที่สำหรับประชุมกลุ่มใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม ปี 2005 เป็นต้นมา Rakuten Card ได้มีการดำเนินการส่งเสริมการใช้งานร่วมกับบริการต่างๆ ของ Rakuten Group และผลักดันให้มีการชำระเงินแบบไร้เงินสดทั้งภายในและภายนอกกลุ่มบริษัท จากความคิดริเริ่มเหล่านี้ เป็นผลให้มีการให้บริการ Rakuten Cards มากขึ้นกว่า 29.54 ล้านใบ (ณ สิ้นเดือนกันยายน ปี 2023) ในเวลาเดียวกัน จำนวนธุรกรรมการซื้อต่อปีของ Rakuten Card ภายในช่วงเวลา 12 เดือน นับจากเดือนตุลาคม ปี 2022 จนถึงเดือนกันยายน ปี 2023 ทะลุถึง 20 ล้านล้านเยน เนื่องจากบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำในอุตสาหกรรมบัตรเครดิตของญี่ปุ่น

Rakuten Card ยังคงเสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กรและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถชั้นเยี่ยมระดับโลก ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงปรับปรุงบริการบัตรเครดิตและฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อให้บริการทางการเงินสะดวกยิ่งขึ้นและเข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

ข้อมูลโดยรวมของสำนักงานแห่งใหม่ของ Rakuten Fintech Vietnam Co., Ltd.

ที่ตั้ง: นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
จำนวนชั้น: 2 ชั้น
จำนวนที่นั่งในสำนักงาน: ประมาณ 200 ที่นั่ง

เกี่ยวกับ Rakuten Card

Rakuten Card เป็นบริษัทผู้ให้บริการฟินเทค ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคม ปี 2005 ด้วยการขยายบริการและคุณสมบัติของบัตรเครดิต Rakuten Card มุ่งเน้นที่จะมอบความพึงพอใจแก่ลูกค้าด้วยบริการทางการเงินที่สะดวก ใช้งานง่าย และเป็นส่วนตัว สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rakuten-card.co.jp/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Corporate Communications Department
Rakuten Group, Inc.
global-pr@mail.rakuten.com

แหล่งข้อมูล: Rakuten Group, Inc.

PHC Corporation ประกาศว่า บริษัทในเครืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพฐานที่ตั้งประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีการก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมโดย PHC Group มีการเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบแล้ว

Logo

— PT PHC Sales Indonesia จะสนับสนุนการขยายธุรกิจของอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ PHCbi ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ —

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

แผนกชีวการแพทย์ของ PHC Corporation (สำนักงานใหญ่: Minato-ku, Tokyo, President: Nobuaki Nakamura ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า แผนกชีวการแพทย์) ผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ PHCbi รวมถึงตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำพิเศษและตู้อบ CO2 มีการประกาศว่า บริษัทในเครือแห่งใหม่ในอินโดนีเซียที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมเพื่อจำหน่ายและให้บริการอุปกรณ์ รวมถึงสาขาวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพมีการเปิดดำเนินการธุรกิจแล้วในวันนี้ หลังจากผ่านข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น ได้รับใบอนุญาตจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ บริษัท PT PHC Sales Indonesia (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCSI) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ SciMed (Asia) Pte Ltd (สำนักงานใหญ่: สิงคโปร์ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า SciMed) โดย PHC Holdings Corporation เป็นเจ้าของทั้งหมด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCHD) จะเสริมสร้างรากฐานและส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจวิทยาศาสตร์เชิงขีวภาพของแผนกชีวการแพทย์ในประเทศอินโดนีเซีย

ตลาดอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นด้านการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาสำหรับชีวเภสัชภัณฑ์และการเติบโตของสถาบันทางการแพทย์ใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซีย ซึ่งระบบประกันสุขภาพแห่งชาติรองรับประชากรมากเป็นอันดับสี่ของโลก ซึ่งนับเป็นจำนวน 279 ล้าน *1 คนโดยประมาณ และมีการคาดการณ์การเติบโตของตลาดที่สูงในอนาคต เนื่องจากเกิดโรคที่เกี่ยวกับวิถีการใช้ชีวิตที่เพิ่มขึ้น เช่น โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคด้านการบริการทางแพทย์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

แผนกชีวการแพทย์ ภายใต้การนำของ SciMed ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ PHCHD ในประเทศสิงคโปร์ มีการเปิดดำเนินการเพื่อจำหน่ายและบริการสำรหับอุปกรณ์วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และโอเชียเนีย PT PHC Indonesia (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า PHCI) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตในเครือของ PHCHD ก็มีการดำเนินการในภูมิภาคนี้เป็นฐานการผลิตรองจากญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองความต้องผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงทั่วโลก เช่น ตู้แช่แข็งชีวการแพทย์ และตู้อบ CO2 เป็นต้น

การจัดตั้ง PHCSI นี้จะช่วยให้แผนกชีวการแพทย์สามารถสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการจำหน่ายและบริการในอินโดนีเซีย เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ที่มีความเป็นไปได้ และขยายเครือข่ายผู้จัดจำหร่าย ในขณะเดียวกัน ก็เสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบริการลูกค้าด้วยเช่นกัน ด้วยการติดตามตลาดนี้อย่างใกล้ชิด แผนกชีวการแพทย์นี้จึงมีจุดยืนที่ดียิ่งขึ้นในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า พัฒนาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจในอินโดนีเซีย และเสริงการเติบโตของธุรกิจโดยใช้ความสามารถในการผลิตที่สูงเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง

Nobuaki Nakamura ประธานกรรมการฝ่ายตัวแทนจำหน่ายของ PHC Corporation และผู้อำนวยการแผนกชีวการแพทย์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทใหม่ของเราในอินโดนีเซียได้เปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบแล้วในวันนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานธุรกิจด้านชีววิทยาศาสตร์ของแผนกชีวการแพทย์ของในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเสริมศักยภาพในการเติบโตของตลาดที่สูง เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งบริษัทเพื่อจัดจำหน่ายแห่งใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวธุรกิจในอินโดนีเซีย ภายหลังจากการเข้าซื้อกิจการ SciMed*2 โดยเป็นเจ้าของ 100% เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า PHCSI พร้อมด้วย SciMed จะมีจุดยืนที่มั่นคงเพื่อเป็นที่ตั้งการดำเนินการแห่งสำคัญในเอเชียสำหรับ PHC Group และจะขยายธุรกิจที่มีอยู่ในอินโดนีเซียเป็นการต่อไป และส่งเสริมการรักษาพยาบาลขั้นสูงอย่างเต็มรูปแบบ เช่น การบำบัดด้วยเซลล์และยีน และด้วยการทำงานข้ามธุรกิจร่วมกันกับ PHC Group เรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมศักยภาพของนักวิจัยเพื่อการพัฒนาวิธีการรักษาขั้นสูง และเพื่อเสริมสร้างการดูแลสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต”

ภาพรวมของ PT PHC Sales Indonesia
ชื่อบริษัท: PT PHC Sales Indonesia
ประเภทธุรกิจ: จัดจำหน่ายและบริการสนับสนุนด้านอุปกรณ์ รวมถึงสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
ก่อตั้งขึ้นเมื่อ: วันที่ 3 เดือนมีนาคม ปี 2023
ที่อยู่: จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
ตัวแทนจำหน่าย: Sachihiko Kataoka
เงินทุน: 10 พันล้าน IDR (ประมาณ 95 ล้าน JPY) *3

(*1) องค์กรการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น www.jetro.go.jp/world/asia/idn/
(*2) www.phchd.com/global/news/2023/0615
(*3) คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1IDR = 0.0095JPY

เกี่ยวกับแผนกชีวการแพทย์ของ PHC Corporation

PHC Corporation ก่อตั้งขึ้นในปี 1969 โดยเป็นบริษัทในเครือที่ญี่ปุ่นของ PHC Holdings Corporation (โตเกียว: 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกซึ่งมีการพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันต่างๆ ทั้งการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันการดูแลสุขภาพ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ และการวินิจฉัยโรค แผนกชีวการแพทย์สนับสนันอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพเพื่อช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยในกว่า 110 ประเทศและภูมิภาคโดยใช้อุปกรณ์และบริการในห้องปฎิบัติการ รวมถึงตู้อบ CO2 ภายใต้แบรนด์ของ PHCbi และตู้แช่แข็งอุณภูมิต่ำพิเศษ
www.phchd.com/apac/biomedical

เกี่ยวกับ PHC Holdings Corporation

PHC Holdings Corporation (โตเกียว: 6523) เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีพันธกิจในการมีส่วนร่วมเพื่อสุขภาพของสังคมผ่านโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่ส่งผลเชิงบวกและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คน บริษัทในเครือ ได้แก่ PHC Corporation, Ascensia Diabetes Care Holdings AG, Epredia Holdings Ltd., LSI Medience Corporation, Wemex Corporation และ Mediford Corporation บริษัทนี้เหล่านี้ร่วมกันพัฒนา ผลิต จำหน่าย และให้บริการโซลูชันด้านการบริการเกี่ยวกับการจัดการโรคเบาหวาน โซลูชันด้านการดูแลสุขภาพ การวินิจฉัยโรค และวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ โดยมียอดขายสุทธิรวมใน FY2022 อยู่ที่ประมาณ JPY 356.4 พันล้าน โดยมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการทั่วโลกในกว่า 125 ประเทศและภูมิภาค PHC Group เป็นคำเรียกรวมที่อ้างอิงถึง PHC Holdings Corporation และบริษัทในเครือทั้งหมด
www.phchd.com

เกี่ยวกับ SciMed (Asia) Pte Ltd

SciMed (Asia) Pte Ltd มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ เป็นบริษัทผู้ให้บริการชั้นนำในผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับชีวการแพทย์ วิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพ การดูแลสุขภาพ การค้นคว้าด้านยา เภสัชกรรม ห้องปฏิบัติการ การทดสอบทางอุตสาหกรรม และตลาดการเกษตร SciMed กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในเครือ PHC Holdings Corporation อย่างเต็มรูปแบบในปี 2023 โดยมีการพัฒนาการจำหน่ายและการตลาดในธุรกิจวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชีย และโอเชียเนีย
https://scimed.com.sg/about-scimed/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Hiroko Arai
Investor Relations & Corporate Communications Department
PHC Holdings Corporation
+81-3-6778-5311
อีเมลphc-pr@gg.phchd.com
Masayo Okada
Marketing Department, Biomedical Division
PHC Corporation
+81-80-4816-3259

อีเมลmasayo.okada@phchd.com

แหล่งข้อมูล: PHC Corporation

Boomi ประกาศผู้ชนะเลิศได้รับรางวัล APJ 2023 Partner Award

Logo

Boomi ยกย่องพันธมิตรที่อุทิศตนช่วยเหลือลูกค้าในการสร้างผลประกอบการที่ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น

SYDNEY–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2023

Boomi™ ผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัล 2023 Asia-Pacific and Japan (APJ) Partner Awards ในงาน Boomi World Tour Sydney รางวัลนี้เพื่อเชิดชูพันธมิตรด้านนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จในการใช้ประโยชน์จาก Boomi เพื่อสร้างผลประกอบการที่ดียิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า

Boomi Announces APJ 2023 Partner Award Winners (Graphic: Business Wire)

Boomi ประกาศผู้ชนะเลิศได้รับรางวัล APJ 2023 Partner Award (ภาพถ่าย: Business Wire)

การคัดเลือกผู้ชนะเลิศจะพิจารณาจากวิธีการในการใช้ แพลตฟอร์ม Boomi ในวงกว้าง เพื่อสร้างสรรค์ความคิดและนวัตกรรม ขอบเขต และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสังคม

Atturra (ASX:ATA) ผู้ให้บริการด้านไอทีสัญชาติออสเตรเลีย ได้รับรางวัล APJ Partner of the Year, A/NZ Partner of the Year และ APJ Practice Excellence Partner of the Year โดย Atturra เป็นพันธมิตรของ Boomi มาอย่างยาวนาน และมีการนำเสนอโครงการต่างๆ ด้วยความร่วมมือกับ Boomi ในด้านการบูรณาการ การเชื่อมต่อข้อมูล และระบบอัตโนมัติ แก่องค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงสาธารณูปโภค ภาครัฐ และการศึกษา

ผู้ชนะเลิศรางวัลพันธมิตรในปีนี้เพิ่มเติม ได้แก่:

  • Asia Partner of the Year: Deloitte HK
  • Japan Partner of the Year: NRI
  • APJ Partner on Boomi: LTI Mindtree

“พันธมิตรของเราเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโลกที่เชื่อมโยงกันในโครงการที่มีการนำเสนอทั่วทั้ง APJ” Jim Fisher รองประธานฝ่าย Alliances & Channels ของ APJ ที่ Boomi กล่าว “โครงการปรับแปลงทางดิจิทัลทุกโครงการต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเชิงลึกเพื่อนำเสนอสภาพแวดล้อมเชิงบูรณาการ เสริมสร้างระบบอัตโนมัติ และส่งเสริมการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีที่สุด และมีผลเชิงบวกสำหรับผู้ประกอบการ ผู้ชนะเลิศรางวัล APJ Partner Award เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและรับประกันความสำเร็จของลูกค้า”

ในฐานะบริษัทซอฟท์แวร์และบริการ (SaaS) ชั้นนำระดับโลก Boomi นำเสนอโซลูชันระบบอัตโนมัติอัจฉริยะแบบครบวงจรที่ช่วยให้องค์กรดิจิทัลที่ทันสมัยสามารถเพิ่มผลลัพธ์ทางธุรกิจให้เร็วยิ่งขึ้น ปัจจุบันนี้ บริษัทมีการบริการแก่ลูกค้าประมาณ 20,000 ราย มีเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย และทำงานร่วมกับผู้ให้บริการระบบคลาวด์ระดับไฮเปอร์สเกลรายใหญ่ที่สุด

Boomi ได้รับการนำเสนออยู่ในรายชื่อบริษัทเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมและเติบโตเร็วที่สุดใน Deloitte Technology Fast 500™ และ Inc. 5000 ในอเมริกา โดย Boomi ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้นำใน Gartner® Magic Quadrant™ for Integration Platform as a Service (iPaaS), Worldwide สำหรับ IDC MarketScape: Worldwide Cloud Integration Software and Services (iPaaS) 2023 Vendor Assessment ถึงเก้าครั้งติดต่อกัน และได้รับตำแหน่งผู้นำด้านการดำเนินการใน Forrester Wave™: Integration Platforms As A Service, Q3 2023 นอกจากนี้ Boomi ยังได้รับ การจัดอันดับ 5 ดาว อันทรงเกียรติเป็นเวลาสองปีติดต่อกันใน CRN Partner Program Guide ซึ่งเป็นโปรแกรมที่โดดเด่นที่สุดจากผู้จำหน่ายเทคโนโลยีชั้นนำในอุตสาหกรรมที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและบริการที่ยืดหยุ่นผ่านช่องทางไอที

สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมพันธมิตรของ Boomi หรือค้นหาพันธมิตรจากระบบนิเวศทั่วโลกของ Boomi ได้ที่ boomi.com/partners

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi มีเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นด้วยการเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่งจากทุกที่ เป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มบูรณาการระบบคลาวด์แบบบริการ (iPaaS) และในปัจจุบัน เป็นบริษัทซอฟท์แวร์ที่ให้บริการ (SaaS) ชั้นนำระดับโลก Boomi มีฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มบูรณาการและมีเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย – รวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และประสานรวมข้อมูล ในขณะเดียวกัน ก็มีการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2023 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘B’, และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขา หรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53790748/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Jasmine Ee
Head of Media and Analyst Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งข้อมูล: Boomi

โครงการเร่งปลูกป่า (Accelerator) ที่เน้นความหลากหลายทางชีวภาพของ Terraformation ได้รับการสนับสนุนขยายการบุกเบิกสำหรับเฟสแรก และได้รับการยืนยันอีกสองเฟส

Logo

  • เฟสแรกในเอเชียแปซิฟิกเปิดตัวสี่โครงการทั่วฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ซึ่งครอบคลุมการฝึกอบรมด้านป่าไม้สำหรับโครงการ The Nature Conservancy Asia ในนิวซีแลนด์และอินโดนีเซียด้วยเช่นกัน
  • เฟสถัดไปในโครงการเร่งปลูกป่า (Accelerator) ของ Terraformation ต่อเนื่องไปจนถึงเฟสที่ 2 โดยได้รับเงินสนับสนุน 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการพัฒนาโครงการคาร์บอนเต็มรูปแบบ

WAIMEA, Hawaii–(BUSINESS WIRE)–9 พฤศจิกายน 2023

Terraformation บริษัทป่าไม้ระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นโดย Yishan Wong  อดีต CEO ของ Reddit ประกาศความคืบหน้าของเฟสแรกจากโครงการ Seed to Carbon Forest Accelerator เข้าสู่เฟสที่ 2 ซึ่งช่วยให้ทีมป่าไม้สามารถเริ่มต้นโครงการนำร่องได้ และมีการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น สถานอนุบาลพืชพันธุ์ และธนาคารเมล็ดพันธุ์ โครงการ Accelerator ของ Terraformation เป็นโครงการแรกของโลกที่มุ่งเน้นความหลากหลายทางชีวภาพ และได้รับทุนสนับสนุนโครงการคาร์บอนสำหรับผู้ปลูกป่าทั่วโลก โดยเสริมเงินทุนในส่วนที่สำคัญ เทคโนโลยี และทักษะที่จำเป็นเพื่อฟื้นฟูชุมชนพื้นเมืองที่มีความหลากหลาย

Terraformation’s biodiversity-focused forest accelerator gains momentum as the first cohort scales its operations and two more cohorts confirmed (Photo: Business Wire)

โครงการเร่งปลูกป่า (Accelerator) ที่เน้นความหลากหลายทางชีวภาพของ Terraformation ได้รับการสนับสนุนการบุกเบิกสำหรับเฟสแรก และได้รับการยืนยันอีกสองโครงการ (ภาพถ่าย: Business Wire)

หลังจากเสร็จสิ้นเฟสแรกของโครงการ Accelerator แล้ว รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้เพื่อประเมินศักยภาพของโครงการที่จะเติบโตเป็นโครงการคาร์บอนเต็มรูปแบบ รวมถึงการฝึกอบรมการดำเนินธุรกิจ ความหลากหลายทางชีวภาพ ตลาดคาร์บอน และป่าไม้ ขณะนี้ ทีมงานได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมให้เข้าสู่เฟสที่ 2 เป็นระยะเวลาสูงสุดสองปี ในระหว่างเฟสนี้ ทีมงานป่าจะมีการยื่นเอกสารการออกแบบโครงการ (PDD) กับสำนักทะเบียนคาร์บอน และเตรียมการสำหรับการขยายตลาดคาร์บอน นอกเหนือจากการติดตามข้อมูลระดับคาร์บอน และผลกระทบทางสังคมสำหรับโครงการฟื้นฟูป่าชุมชนพื้นเมือง โดย Terraformation จะทำงานร่วมกับทีมงานป่าไม้ เพื่อสร้างแหล่งรายได้ในอนาคต เช่น เครดิตคาร์บอนที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพระดับสูง และโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนอื่นๆ ในระหว่างที่พวกเขาก้าวเข้าสู่เฟสสุดท้ายของโครงการ Accelerator

ความคืบหน้าของทั้งสามโครงการที่ดำเนินเข้าสู่เฟสที่ 2 ของโครงการ Accelerator มีดังนี้:

  • การแก้ไขปัญหาน้ำทะเลโครงการฟื้นฟูป่าชายเลนในกานานี้ จะเป็นการฟื้นฟูป่าชายเลนกว่า 2,000 เฮกตาร์ในพื้นที่ชุ่มน้ำ Ramsar ที่มีความเสื่อมโทรมลง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดน้ำท่วมและการพังทลายของหน้าดิน ในขณะเดียวกัน ก็สร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืนในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเชิงฟื้นฟู เกษตรกรรม และการเลี้ยงผึ้ง โครงการนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้กับเจ้าของผืนดินและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย
  • Fundación Grupo Argosโครงการนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างเจ้าของผืนดินเอกชนขนาดเล็กและขนาดกลางในโคลอมเบีย เพื่อฟื้นฟูป่าดิบเขตร้อนพื้นที่ 1,150 เฮกตาร์ โดยมุ่งเน้นที่ความหลากหลายทางชีวภาพและการดักจับคาร์บอน พัฒนากิจกรรมวนเกษตรเพื่อปรับปรุงความเชื่อมโยงระหว่างป่าที่มีอยู่ และยกระดับการจัดการลุ่มน้ำในชุมชนท้องถิ่น
  • Eco2Libriumโครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูสายพันธุ์พื้นเมือง 45 สายพันธุ์ด้วยกัน (รวมถึงหลายสายพันธุ์ที่หายาก ถูกทำลาย และเป็นสายพันธุ์พื้นเมืองเฉพาะ) ในป่า Kakamega – ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพที่มากที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาตะวันออก และเป็นสายพันธุ์ที่หายากในป่าดงดิบ Guineo-Congolian ประโยชน์ของโครงการนี้ช่วยให้สามารถสร้างงานได้มากกว่า 500 ตำแหน่ง โดยเน้นที่ผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ และโครงการการศึกษาในท้องถิ่น

สองกลุ่มโครงการใหม่ที่เปิดตัวเข้าสู่เฟส 1

Terraformation ยังมีการเปิดตัวสองกลุ่มโครงการใหม่ที่เข้าสู่เฟส 1 โดยมีฐานตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกลุ่มโครงการ 2 นี้ประกอบด้วยหกโครงการที่มีศักยภาพในการฟื้นฟูป่าพื้นที่เกือบ 23,000 เฮกตาร์ทั่วทั้งป่าชายเลน พื้นที่แห้งแล้ง และป่าพรุ กลุ่มโครงการ 3 กำลังอยู่ระหว่างเตรียมการ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ของ Terraformation กำลังเข้าเยี่ยมชมสถานที่เพื่อพบกับทีมงานในแอฟริกาตะวันตกและตะวันออก และยังมีอีกกลุ่มโครงการปลูกป่าพื้นเมืองที่มีความหลากหลายทางชีวภาพในละตินอเมริกาซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตัวในต้นปีหน้า โดยจะเปิดให้ส่งใบสมัครได้ภายในวันที่ 30 เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 นี้

การเข้าร่วมการฝึกอบรมยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาที่ทีมงานป่าไม้ยังต้องเผชิญ ด้วยเหตุนี้ Terraformation จึงนำร่องความร่วมมือกับ The Nature Conservancy Asia-Pacific ในการจัดหลักสูตรการเสริมสร้างศักยภาพและการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกป่าเฉพาะทางสำหรับโครงการป่าไม้และทีมงานท้องถิ่นในนิวซีแลนด์และอินโดนีเซีย

โครงการ Seed to Carbon Forest แห่งแรกของ Terraformation มีการเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการของทีมงานปลูกป่าใหม่หลายพันทีม เพื่อการดักจับคาร์บอนในวงกว้างและจำกัดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โครงการ Accelerator จะมอบเงินทุนขั้นต้นที่จำเป็นให้แก่ทีมงานป่าไม้ จัดการฝึกอบรมในการฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นเมืองที่มีความยืดหยุ่น และชุดเครื่องมือเพื่อเพิ่มความโปร่งใสของโครงการ ในระหว่างขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของโครงการฟื้นฟูป่าไม้ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ

Yishan Wong ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Terraformation กล่าว: “เราจำเป็นที่จะต้องมีทีมงานป่าไม้ใหม่ให้ทันท่วงทีเพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับเครดิตคาร์บอนที่มีความหลากหลายทางชีวภาพคุณภาพสูง โดยการสร้างแหล่งเครดิตใหม่ที่มีความโปร่งใสสูงกว่ามาตรฐานปัจจุบัน เรากำลังดำเนินการเพื่อสร้างความไว้วางใจในตลาดโดยดำเนินการตรวจสอบคุณภาพควบคู่กับการเน้นเสริมผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ในพื้นที่ เพื่อให้มีโครงการที่มีความสมบูรณ์ซึ่งเน้นความสำคัญที่ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งให้ประโยชน์อย่างแท้จริง และสร้างสภาพภูมิอากาศที่เท่าเทียมกันสำหรับชุมชนท้องถิ่น

ความร่วมมือใหม่ๆ พร้อมนำเสนอทรัพยากรและการเข้าถึงที่เพิ่มขึ้น

โครงการ Accelerator ได้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นในวงกว้างเมื่อ Terraformation บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้รับการยอมรับในฐานะพันธมิตรทางด้านเทคนิคโดย AFR100 ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มจากสหภาพแอฟริกา สถาบันทรัพยากรโลก รัฐบาลเยอรมนี และธนาคารโลก เพื่อฟื้นฟูป่าที่ถูกทำลายและเสื่อมโทรมเป็นพื้นที่ 100 ล้านเฮกตาร์ทั่วแอฟริกาภายในปี 2030

Terraformation ยังมีการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Forest Stewardship Council (FSC) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับนานาชาติ โดยมีผู้ดำเนินการหลายฝ่าย ที่ส่งเสริมการรับผิดชอบจัดการป่าไม้ของโลก โดยความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายกลุ่มผู้จัดการป่าของ FSC และผู้ให้ทุนสนับสนุนโอกาสใหม่ๆ ผ่านโครงการ Accelerator ของ Terraformation

Terraformation และ Restor ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการทำแผนที่เชิงพื้นที่แบบเปิดสำหรับบุคคลทั่วไปและองค์กรต่างๆ สามารถทำงานร่วมกัน โดยมุ่งเน้นการพื้นฟูป่าไม้ของโลกเพื่อรักษาเสถียรภาพของสภาพภูมิอากาศ ฟื้นฟูระบบนิเวศ และสร้างชุมชนที่เจริญรุ่งเรือง และร่วมมือกันเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งานในการเข้าถึงเงินทุนสนับสนุนด้านป่าไม้ และเป็นชุมชนออนไลน์เพื่อการฟื้นฟูและอนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุด ทีมงานป่าไม้บนแพลตฟอร์มระดับโลกของ Restor สามารถใช้โปรไฟล์ของโครงการที่มีอยู่เพื่อเริ่มขั้นตอนการสมัครสำหรับโครงการ Seed to Carbon Forest Accelerator ของ Terraformation ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นแล้วในวันนี้ การผสานข้อมูลที่ล้ำสมัยและเครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกันของ Restor บวกกับผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ของ Terraformation จะช่วยให้โครงการฟื้นฟูป่าต่อๆ ไปจะได้รับการเสริมศักยภาพให้สูงขึ้น”

Tom Elliot, CEO ของ Restor กล่าว: “การฟื้นฟูเป็นการสร้างสภาวะให้ผู้คนและธรรมชาติเจริญเติบโตไปคู่กัน เรามีความภูมิใจในการนำเสนอโครงการ Seed to Carbon Forest Accelerator ของ Terraformation สู่ชุมชนเพื่อการฟื้นฟู โดยการผสานเครื่องมือที่ล้ำสมัยและโปร่งใสของ Restor บวกกับผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ของ Terraformation จะช่วยให้เราสามารถสร้างโอกาสสำหรับโครงการต่อๆ ไปของเรา และสร้างผลตอบรับในวงกว้างยิ่งขึ้น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Seb Leman/Ella Hatfield
Headland Consultancy
SLeman@headlandconsultancy.com
ehatfield@headlandconsultancy.com

Angela Jo Tu
Head of PR & Brand, Terraformation
angela@terraformation.com

แหล่งข้อมูล: Terraformation

บริษัท Trilliant มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงาน การพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และสมาร์ทมิเตอร์ AMI ที่ Enlit Asia

Logo

ผู้บริหารแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในระหว่างการอภิปรายแบบกลุ่มและอื่น ; บริษัทผู้สนับสนุนระดับไดมอนด์ในงานประชุมประจำปี

จาการ์ตา อินโดนีเซีย–(BUSINESS WIRE)–9 พฤศจิกายน 2023

Trilliant ผู้นำในการจัดหาโซลูชันสำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานเครื่องวัดหน่วยขั้นสูง (AMI) ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (smart grid) เมืองอัจฉริยะ และการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมด้วยอินเทอร์เน็ต จะเข้าร่วมงานในฐานะผู้สนับสนุนระดับไดมอนด์ที่ Enlit Asia ติดต่อกันเป็นปีที่ห้า โดยงานประชุมนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2023 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอินโดนีเซีย (ICE) ในกรุงจาการ์ตา

Enlit Asia เป็นงานประชุมประจำปีและงานจัดแสดงสำหรับภาคส่วนด้านไฟฟ้าและพลังงาน ซึ่งจะแสดงความรู้อันเชี่ยวชาญ โซลูชันทางนวัตกรรมที่ก้าวหน้า และวิสัยทัศน์จากผู้นำในอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ ASEAN เพื่อทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตแห่งพลังงานคาร์บอนต่ำเป็นไปอย่างราบรื่น

ผู้บริหารของ Trilliant และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้จะเข้าร่วมในการประชุมเต็มคณะและการอภิปรายกลุ่มตลอดงาน:

  • คุณ Andrew C. White ซึ่งเป็นประธานและ CEO ของบริษัท Trilliant จะเข้าร่วมใน CEO Dialogue เพื่อเริ่มพิธีเปิดงาน Enlit Asia 2023/Indonesian Electricity Day ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ณ เวลา 9.00 น.
  • คุณ White จะเป็นผู้กล่าวเปิดการประชุมอภิปรายกลุ่มในหัวข้อ สร้างสมดุลการเปลี่ยนผ่านพลังงานและความมั่นคงสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน (Balancing Energy Transition and Security for a Sustainable Future) คุณ Eugene Loke กรรมการผู้จัดการ APAC ของ Trilliant จะเข้าร่วมในการอภิปรายกลุ่ม โดยจะเน้นไปที่การเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่อนาคตที่ยั่งยืนจำเป็นต้องมีความสมดุลระหว่างความมั่นคงและราคาที่เข้าถึงได้ของพลังงานอย่างไร การปภิปรายจะกล่าวถึงประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การเชื่อมโยงขีดความสามารถพื้นฐาน การสร้างวิวัฒนาการระบบพลังงาน นโยบายและการริเริ่ม และบทเรียนที่ได้เรียนรู้ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน ณ เวลา 13.40 น.
  • ในส่วน Knowledge Hub ของการประชุม ทาง Trilliant จะมีการนำเสนอในหัวข้อ การพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย: ความสำคัญและกลยุทธ์สำหรับสาธารณูปโภค กรณีศึกษาเกี่ยวกับสมาร์ทมิเตอร์ AMI ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ณ เวลา 12.20 น.
  • คุณ Vincent Thankachan ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าของ Trilliant ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) และสมาชิกอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม เข้าร่วมอภิปรายกลุ่มในหัวข้อ ปลดล็อกศักยภาพเต็มรูปแบบของสมาร์ทมิเตอร์ AMI โดยจะอภิปรายถึงข้อปฏิบัติที่ดีที่สุดและการพิจารณาการจัดการสมาร์ทมิเตอร์ AMI ให้เหมาะสมได้อย่างประสบความสำเร็จ เชื่อถือได้ ในราคาที่เข้าถึงได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในบริเวณหมู่เกาะ ประเด็นที่จะกล่าวถึง ได้แก่ ความสำคัญในการสร้างความเป็นมาตรฐาน ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ เพื่อการผลิตสมาร์ทมิเตอร์ที่ประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพ และวิธีการใช้ประโยชน์สมรรภาพของสมาร์ทมิเตอร์เพื่อขับเคลื่อนและส่งเสริมการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและการริเริ่มสู่ระบบดิจิทัล โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน ณ เวลา 15.20 น.

“สาธารณูปโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังมุ่งเป้าไปที่นวัตกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอุตสาหกรรมเคลื่อนเข้าสู่อนาคตพลังงานคาร์บอนต่ำ” คุณ White กล่าว “เทคโนโลยีเครือข่ายยุคใหม่ของ Trilliant พร้อมกับแพลตฟอร์มที่ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ของเราเป็นองค์ประกอบหลักในการเติบโตนี้ และเราก็ภูมิใจที่จะให้การสนับสนุนลูกค้าของเราต่อไปในทุก ๆ ขั้นตอนบนเส้นทางการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด เราหวังว่าจะได้พบกับผู้นำด้านพลังงานที่งานประชุม และวางผังเส้นทางสู่ความสำเร็จสำหรับสาธารณูปโภค เมืองอัจฉริยะ ธุรกิจ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ ในท้องถิ่น”

Trilliant จะอยู่ที่ส่วนการแสดงงานในบูท 401 ซึ่งผู้เข้าร่วมสามารถสัมผัสประสบการณ์ตัวอย่างโซลูชันนวัตกรรมที่ก้าวหน้าและพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในประเด็นต่าง ๆ เช่น วิธีการเลือกโซลูชันแยกส่วนอันยืดหยุ่นโดยไม่ต้องผูกติดกับผู้ค้ารายเดียว การเพิ่มประสิทธิภาพให้สมาร์ทมิเตอร์ AMI และกลยุทธ์ในการวิเคราะห์ข้อมูล การลงทุนในอนาคตกับสมาร์ทมิเตอร์ การสร้างและการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมด้วยอินเทอร์เน็ต และการบรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนผ่านพลังงานและความยั่งยืน

หากต้องการจองตัวอย่างและการประชุมแบบตัวต่อตัวกับ Trilliant ที่ Enlit Asia หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ info@trilliant.com

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Enlit Asia เข้าไปที่: https://www.enlit-asia.com/live-event/

เกี่ยวกับ Trilliant

Trilliant® ส่งเสริมพลังความสำเร็จให้กับอุตสาหกรรมด้านพลังงานทั่วโลกด้วยแพลตฟอร์มการสื่อสารที่เข้าถึงได้โดยสะดวกผ่านอุปกรณ์ ซึ่งช่วยให้สาธารณูปโภคและเมืองต่าง ๆ สามารถจัดการการใช้งานให้เหมาะสมอย่างมั่นคงและเชื่อถือได้ผ่านเครือข่ายอันมีประสิทธิภาพเครือข่ายเดียว ผลงานที่สร้างตามวัตถุประสงค์ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นตัวเลือกด้านพลังงาน โดยลูกค้าไม่มีความเสี่ยงในการต้อง “ผูกติด” กับผู้ให้บริการเทคโนโลยีรายเดียว เราภูมิใจในการเสนอโซลูชันอันเป็นภารกิจสำคัญที่เป็นการสนับสนุนสมาร์ทมิเตอร์ AMI ข้อมูลและการวิเคราะห์ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และเมืองอัจฉริยะ ลูกค้าจากทั่วโลกได้รับประโยชน์จากการผสมผสานอันโดดเด่นในด้านความยืนหยุ่น ความยั่งยืน และความสามารถในการปรับเปลี่ยนขนาดของ Trilliant ที่ช่วยเชื่อมต่อสาธารณูปโภคและเมืองเข้ากับการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมด้วยอินเทอร์เน็ต และเส้นทางที่มีกลยุทธ์มากขึ้นในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน โดยสามารถเข้าเยี่ยมชมข้อมูลของเราได้ที่ www.trilliant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Tracey Mitchell
tracey.mitchell@trilliant.com

Cindy Watson/Anita Wong
StrategicAmpersand Inc.
TrilliantPR@stratamp.com

ที่มา: Trilliant

ไวท์เปเปอร์ฉบับใหม่ของมูลนิธิ Tholos Foundation แสดงทางเลือกนิโคตินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลดอัตราการสูบบุหรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด

Logo

WASHINGTON–(BUSINESS WIRE)–8 พฤศจิกายน 2023

มูลนิธิ Tholos Foundation ร่วมมือกับ Pacific Alliance Institute ในญี่ปุ่น และองค์กรที่ปรึกษา Scantech Strategy Advisors ในสวีเดน เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับนโยบาย Safer Nicotine Works เกี่ยวกับวิธีการที่ สวีเดนและญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการลดอัตราการสูบบุหรี่ลง โดยการแนะนำ ผลิตภัณฑ์นิโคตินทางเลือกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

Safer Nicotine Works วิเคราะห์ผลกระทบของนิโคตินในช่องปากและยาสูบแบบให้ความร้อนต่ออัตราการสูบบุหรี่ในสวีเดนและญี่ปุ่น จากผลงาน Vaping Works ซึ่งศึกษาประสบการณ์การสูบไอควันจากสี่ประเทศ และพบว่า ประเทศต่างๆ ที่หันมาใช้การสูบไอควัน เช่น (สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส แคนาดา และนิวซีแลนด์) พบว่า อัตราการสูบบุหรี่ลดลงถึงสองเท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลก

ในญี่ปุ่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนสามารถลดอัตราการสูบบุหรี่ของผู้ชายลงได้ต่ำกว่า 30% ตั้งแต่ครั้งแรกอย่างน่าทึ่ง

ในสวีเดน ซึ่งมีอัตราการสูบบุหรี่ 5.6% 1 พร้อมกลายเป็นประเทศ ‘ปลอดบุหรี่’ ภายในปีนี้ อัตราการสูบบุหรี่ที่ลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นผลจากผลิตภัณฑ์นิโคตินที่เพิ่มขึ้นในปี 2019

ผลการวิจัยของมูลนิธิ Tholos Foundation ระบุว่า ผู้บริโภคในทั้งสองประเทศเป็นผู้นำไปสู่ทางเลือกการเปลี่ยนแปลงที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น บทบาทสำคัญของผู้กำหนดนโยบายเพื่อให้แน่ใจว่า ทางเลือกเหล่านี้สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ โดยมีข้อมูลยืนยันว่า นิโคตินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นนี้ช่วยให้สามารถเลิกการสูบบุหรี่ได้เป็นอย่างมาก ด้วยผลิตภัณฑ์นิโคตินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่น การสูบไอควัน ยาสูบแบบให้ความร้อน ถุงนิโคติน และสนัส อัตราการสูบบุหรี่จึงลดลงได้อย่างรวดเร็ว

Lorenzo Montanari รองประธานมูลนิธิ Tholos Foundation แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการค้นพบนี้ว่า:

นิโคตินที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นนี้ สามารถช่วยชีวิตผู้คนทั่วโลกได้อย่างแท้จริง ประสบการณ์ในสวีเดนและญี่ปุ่น รวมถึงสหราชอาณาจักร แคนาดา นิวซีแลนด์ และฝรั่งเศส พิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อผู้คนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น พวกเขาจะเลือกผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น ขณะนี้ เรามีอุปกรณ์ที่ช่วยเราในการต่อสู้กับอัตราการสูบบุหรี่ที่สูงขึ้นอย่างอันตราย ซึ่งรัฐบาลทั่วโลกจะต้องสนับสนุนพลเมืองของตนให้ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีกว่า

ความสำเร็จในสวีเดนและญี่ปุ่นที่สามารถลดอัตราการสูบบุหรี่ให้น้อยลงได้นั้น เน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์การควบคุมยาสูบอย่างครอบคลุม โดยมีการควบคุมผลิตภัณฑ์นิโคตินทางเลือก เน้นความสำคัญที่สุขภาพของประชาชน ประสบการณ์ในสวีเดนและญี่ปุ่นเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศต่างๆ ที่มุ่งลดอัตราการสูบบุหรี่และสนับสนุนทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องสูบบุหรี่ โดยการทำให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์นิโคตินทางเลือกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และการดำเนินการตามกฎระเบียบอย่างเหมาะสม ประเทศต่างๆ จึงสามารถปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสาธารณสุขและแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ได้อย่างมีนัยสำคัญ

สามารถดูลิงก์รายงานฉบับเต็มได้ที่นี่ https://tholosfoundation.org/wp-content/uploads/2023/10/Tholos-Safer-Nicotine-Works.pdf.

1 การใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบและนิโคตินสำหรับผู้ใหญ่ — สำนักงานสาธารณสุขแห่งสวีเดน (folkhalsomyndigheten.se)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53758339/en

ติดต่อ

Lorenzo Montanari
อีเมล: lmontanari@tholosfoundation.org

แหล่งข้อมูล: Tholos Foundation


The Bangkok Reporter