BAT ประกาศว่า 70% ของผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายยังคงมีความคิดเห็นที่ไม่ถูกต้องว่า นิโคตินเป็นสาเหตุหลักของโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่

Logo

  •  การสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายจากหลายตลาด 450 ราย1 แสดงให้เห็นว่า พวกเขายังคงมองว่า นิโคตินเป็นสาเหตุหลักของโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ แม้จะมีหลักฐานที่ขัดแย้งกันเพิ่มมากขึ้น
  •  งานวิจัยนี้ดำเนินการในปี 2024 และ 2025 จาก 15 ตลาดที่แตกต่างกัน พร้อมเน้นย้ำถึงความแตกต่างในระดับภูมิภาคในการรับรู้ความเสี่ยงจากนิโคติน อันเนื่องมาจากอุปสรรคด้านกฎระเบียบและการขาดคำแนะนำทางการแพทย์
  •  ข้อมูลที่เผยแพร่ก่อนการเริ่มต้นการประชุม Global Tobacco and Nicotine Forum (GTNF) ประจำปีนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ โดย Kingsley Wheaton ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายองค์กรของ BAT เป็นผู้บรรยาย

LONDON–(BUSINESS WIRE)–05 ตุลาคม 2025

BAT ประกาศว่าผลสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายหลายตลาดใหม่จาก 15 พื้นที่ที่แตกต่างกันเผยให้เห็นว่า การรับรู้ที่ผิดพลาดเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพจากนิโคตินยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความเห็นพ้องต้องกันทางวิทยาศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้นว่า นิโคตินไม่ใช่สาเหตุหลักของโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ และมีทางเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดควันสำหรับบุหรี่แบบเดิมให้เลือกใช้มากขึ้นก็ตาม

การสำรวจซึ่งได้รับมอบหมายจาก British American Tobacco (BAT) และเผยแพร่ก่อนเริ่มต้นการประชุม GTNF ประจำปีนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ในสัปดาห์นี้ เผยให้เห็นว่าผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย 7 ใน 10 คนยังคงมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้องว่านิโคตินเป็นสาเหตุหลักของโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่

นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยซึ่งดำเนินการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง 3 กลุ่ม (ผู้ใช้นิโคติน2 ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย และผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์3 ) ในปี 2024 และ 2025 – ยังพบอีกว่า ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ครึ่งหนึ่งหารือกับคนไข้เกี่ยวกับทางเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดควันแทนบุหรี่เป็นประจำทุกสัปดาห์ มีเพียงร้อยละ 21 เท่านั้นที่รู้สึกว่าได้รับข้อมูลเพียงพอและแนะนำทางเลือกดังกล่าว

Kingsley Wheaton ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายองค์กรของ BAT กล่าวว่า:

“ผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่า แม้การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน เรากำลังเห็นความก้าวหน้าเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราได้เปิดตัวนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และลงทุนในการสื่อสารที่ชัดเจนและขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ แต่ข้อมูลยังบอกเราว่าเราต้องก้าวไปให้ไกลกว่าและรวดเร็วกว่า และเตรียมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไร้ควันให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจ

“เรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข หน่วยงานกำกับดูแล และนักวิทยาศาสตร์ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้บริโภคจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง”

งานวิจัยซึ่งดำเนินการโดยบุคคลที่สามในนามของ BAT แสดงให้เห็นถึงการรับรู้ที่ดีขึ้น4 เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดควัน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ไอระเหยในกลุ่มผู้ใช้สารนิโคติน

ตลาดสำคัญหลายแห่ง5 ผลการค้นพบ:

  •  ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนิโคตินถือเป็นเรื่องสูงที่สุด6ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย โดยร้อยละ 70 ยังคงระบุอย่างผิดพลาดว่าโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่นั้นเกิดจากนิโคตินเป็นหลัก
  • ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ร้อยละ 50 มีการหารือเป็นประจำทุกสัปดาห์เกี่ยวกับทางเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดควันแทนบุหรี่ แต่มีเพียงร้อยละ 21 เท่านั้นที่รู้สึกว่าได้รับข้อมูลเพียงพอและแนะนำทางเลือกดังกล่าว
  • ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์มากกว่า 75% เชื่อถือข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และสาธารณสุขเกี่ยวกับการลดอันตรายจากยาสูบ (THR) แต่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับ THR ของพวกเขายังต่ำ โดยมีเพียงประมาณ 20% เท่านั้นที่รู้สึกว่าได้รับข้อมูล คุ้นเคยกับบทความทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง หรือสามารถใช้เวลาในการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ THR ได้
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายร้อยละ 65 สนับสนุนให้มีการควบคุมเทียบเท่าบุหรี่หรือเข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดควัน ซึ่งเป็นมาตรการที่ขัดต่อเป้าหมาย THR
  • เมื่อพิจารณาจากกลุ่มต่างๆ พบว่าซองนิโคตินแบบรับประทานมีการรับรู้ THR ที่ดีที่สุด รองลงมาคือผลิตภัณฑ์ไอระเหยและความร้อน

ข้อมูลสำคัญประจำภูมิภาค:

  •  ญี่ปุ่น & ปากีสถาน : ข้อบ่งชี้การปรับปรุง4 การรับรู้ถึงอันตรายจากถุงนิโคตินแบบรับประทานในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย
  •  ออสเตรเลีย & นิวซีแลนด์ : แนวโน้มเชิงลบ4 ในการรับรู้เกี่ยวกับ THR ของผลิตภัณฑ์ไอระเหยในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ อาจเชื่อมโยงกับกฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
  •  สวีเดน : ประมาณ 80% ของผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และผู้ใช้งานหมวดหมู่นี้7 มีการรับรู้ THR ที่ดีต่อซองนิโคตินแบบรับประทาน
  •  ฝรั่งเศส : 89% ของผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ไอระเหยอาจเป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่
  •  สหราชอาณาจักร : ผู้สูบบุหรี่มากกว่าร้อยละ 608 มองว่าถุงนิโคตินแบบรับประทานอาจเป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา
  •  สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส & สหราชอาณาจักร : ระดับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากนิโคตินที่สูงที่สุดในบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย (>85%) ในตลาดที่วัดผล

เกี่ยวกับการสำรวจ

การสำรวจการลดอันตรายจากยาสูบเป็นการวิจัยตามความคิดเห็นที่ได้รับมอบหมายจาก BAT และดำเนินการโดยบริษัทวิจัยตลาดบุคคลที่สามอย่าง Kantar ในปี 2024 และ 2025 โดยอิงจากความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสำรวจประเภทต่างๆ ได้แก่ ผู้ใช้นิโคติน (n=6,000) ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย (n+450) และผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ (n+600) จาก 15 ตลาด ได้แก่ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ โรมาเนีย สวีเดน บราซิล ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ปากีสถาน และนิวซีแลนด์

BAT ได้นำความเข้าใจในบทความทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับผลการสำรวจ THR เพื่อสรุปความเข้าใจและความตระหนักรู้ทั่วไปของผู้เข้าร่วมการสำรวจเกี่ยวกับ THR งานวิจัยนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BAT ในการลดผลกระทบต่อสุขภาพจากธุรกิจ และส่งเสริมการหารือเชิงวิทยาศาสตร์กับหน่วยงานสาธารณสุข หน่วยงานกำกับดูแล และนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการลดอันตรายจากยาสูบ

เกี่ยวกับ BAT

BAT คือธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายประเภทชั้นนำระดับโลก ด้วยรากฐานทางวิทยาศาสตร์ การวิจัยและพัฒนาชั้นนำของโลก จุดมุ่งหมายของเราคือการสร้าง A Better Tomorrow™ โดยการสร้างโลกที่ไร้ควัน

หัวใจสำคัญของการบรรลุเป้าหมายนี้คือแนวคิดการลดอันตรายจากยาสูบ (THR) ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนผู้สูบบุหรี่ที่ปกติจะยังคงสูบบุหรี่อยู่ ไปสู่ผลิตภัณฑ์ยาสูบและนิโคตินที่ลดความเสี่ยง แนวคิดนี้ได้รับการสรุปเพิ่มเติมใน Omni™ ซึ่งเป็นปฏิญญาเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่อิงหลักฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความก้าวหน้าของ BAT ในด้าน THR

BAT มีพนักงานกว่า 48,000 คน และในปี 2024 มีรายได้ 25.9 พันล้านปอนด์ โดยมีกำไรที่ปรับแล้วจากการดำเนินงาน 11.9 พันล้านปอนด์

BAT มีเป้าหมายที่จะให้ผู้บริโภคที่เป็นผู้ใหญ่จำนวน 50 ล้านคนบริโภคผลิตภัณฑ์ไร้ควันภายในปี 2030 และสร้างรายได้ 50% จากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ภายในปี 2035 ปัจจุบันมีผู้ใช้ 30.5 ล้านคน ซึ่งรวมถึงแบรนด์ไอระเหย Vuse แบรนด์ผลิตภัณฑ์ให้ความร้อน glo และแบรนด์ยาอมนิโคตินแบบซองสมัยใหม่ Velo รายได้ของหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ BAT เพิ่มขึ้นเป็น 3.4 พันล้านปอนด์ในปี 2024 โดยมีการเติบโตอย่างมากในด้านผลกำไร

BAT ยังคงมุ่งมั่นที่จะลดการใช้วัตถุดิบบริสุทธิ์ พัฒนาชุมชนที่ดำเนินธุรกิจ และมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตลอดห่วงโซ่คุณค่าภายในปี 2050 BAT ได้รับการจัดอันดับ “Triple-A” จาก CDP สำหรับข้อมูลที่เผยแพร่ในปี 2024 เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงด้านน้ำ และป่าไม้ และเมื่อเร็วๆ นี้ BAT ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศของ Financial Times เป็นปีที่ห้าติดต่อกัน

ข้อความเชิงคาดการณ์

การเผยแพร่ข้อมูลฉบับนี้มีข้อความเชิงคาดการณ์บางประการ รวมถึงข้อความเชิงคาดการณ์ซึ่งมีความหมายตามพระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลของสหรัฐอเมริกา .. 1995 ข้อความเหล่านี้มักถูกนำมาใช้โดยการใช้คำหรือวลี เช่นเชื่อว่า” “คาดการณ์” “อาจ” “อาจจะ” “น่าจะ” “ควร” “ตั้งใจ” “วางแผน” “ศักยภาพ” “ทำนาย” “จะ” “คาดหวัง” “ประมาณการ” “โครงการ” “วางตำแหน่ง” “กลยุทธ์” “แนวโน้ม” “เป้าหมายและคำอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งรวมถึงข้อความเกี่ยวกับเป้าหมายลูกค้า เป้าหมายรายได้ของหมวดหมู่ใหม่ และเป้าหมาย ESG ของเรา

ข้อความเชิงคาดการณ์ทั้งหมดเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการประมาณการและสมมติฐานซึ่งขึ้นอยู่กับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ เป็นที่เชื่อกันว่าความคาดหวังที่ปรากฏในการเผยแพร่ข้อมูลฉบับนี้มีความสมเหตุสมผล แต่อาจได้รับผลกระทบจากตัวแปรมากมายที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน คุณสามารถศึกษาเหตุผลประกอบการพิจารณาว่าเหตุใดผลลัพธ์ที่แท้จริงและเหตุการณ์ต่างๆ อาจแตกต่างอย่างมากจากความคาดหวังที่เปิดเผยหรือโดยนัยในข้อความเชิงคาดการณ์ได้โดยอ้างอิงข้อมูลที่อยู่ในหัวข้อข้อควรพึงระวังและความเสี่ยงหลักของกลุ่มในรายงานประจำปี 2024 และแบบฟอร์ม 20-F ของ British American Tobacco p.l.c. (BAT)

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยเหล่านี้และปัจจัยอื่นๆ ได้ในเอกสารที่ BAT ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (“SEC”) รวมถึงรายงานประจำปีในแบบฟอร์ม 20-F และรายงานปัจจุบันในแบบฟอร์ม 6-K ซึ่งสามารถขอรับได้ฟรีที่เว็บไซต์ของ SEC http://www.sec.gov และรายงานประจำปีของ BAT ซึ่งสามารถรับได้ฟรีจากเว็บไซต์ BAT www.bat.com

ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่ได้เป็นเครื่องบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคต และผู้ที่ต้องการคำแนะนำควรปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าสะท้อนถึงความรู้และข้อมูลที่มีอยู่ วันที่จัดทำข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ และ BAT ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรือสาเหตุอื่นๆ ผู้อ่านควรระมัดระวังอย่าเชื่อถือข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้มากเกินไป

___________________

1 อดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาล ผู้นำจากภาควิชาการและการวิจัย สมาชิกขององค์กรพัฒนาเอกชนและกลุ่มสนับสนุน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระดับสูง สมาชิกจากสถาบันที่ไม่ใช่ภาครัฐ (NGI) ที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายและการสนับสนุน

2 ผู้ใช้สารนิโคติน (ใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง) ตระหนักถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดควันอย่างน้อยหนึ่งชนิด (บุหรี่ไฟฟ้าหรือผลิตภัณฑ์สำหรับสูบบุหรี่ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์สำหรับให้ความร้อน ซองนิโคตินแบบรับประทาน)

3 บุคลากรทางการแพทย์ (แพทย์ทั่วไป แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านปอด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ) ผู้เชี่ยวชาญทางคลินิกผู้ป่วยนอก เภสัชกร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชุมชน ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพจิต และพยาบาล

4 จุดข้อมูลในช่วงสองปีนั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้โดยตรงเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในคำถาม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังคงรักษามาตราส่วนการตอบสนองไว้ ข้อมูลเหล่านี้อาจยังคงให้ข้อมูลเชิงลึกที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่เกี่ยวข้อง

5 ผลการวิจัยหลายตลาดโดยอิงจากคะแนนเฉลี่ยที่ได้จาก 15 ตลาด ได้แก่ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ โรมาเนีย สวีเดน บราซิล ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ปากีสถาน และนิวซีแลนด์

6 เมื่อเทียบกับคะแนนของกลุ่มอื่นๆ (ผู้ใช้นิโคตินและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์)

7 ผู้ที่ใช้งานอยู่ของหมวดหมู่ หมายถึง ผู้ใช้งานหมวดหมู่ดังกล่าวอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

8 ผู้สูบบุหรี่ หมายถึง ผู้สูบบุหรี่เป็นประจำทุกวัน ซึ่งได้ลองหรือเปิดใจที่จะลองผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่อย่างน้อยหนึ่งประเภท (บุหรี่ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความร้อน หรือผลิตภัณฑ์แบบซองนิโคติน) ในอนาคต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สอบถาม
ศูนย์สื่อ
press_office@bat.com | @BATplc
ฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์
IR_team@bat.com

ที่มา: British American Tobacco

Marjan ประกาศเปิดตัวเมืองชายหาดแห่งใหม่ Marjan Beach ที่มีการผสมผสานพื้นที่การใช้งานที่หลากหลาย

Logo

ราสอัลไคมาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–02 ตุลาคม 2025

Marjan ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบกรรมสิทธิ์ในราสอัลไคมาห์ ประกาศเปิดตัว Marjan Beach ที่เป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ในเมืองชายหาดที่มีการผสมผสานพื้นที่การใช้งานที่หลากหลาย โครงการนี้ตั้งเป้าดึงดูดการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในหลากหลายด้าน อาทิ ไลฟ์สไตล์ อสังหาริมทรัพย์ และการบริการ และช่วยเร่งผลักดันวิสัยทัศน์ RAK 2030 โดย Marjan Beach จะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนา RAK ในฐานะจุดหมายปลายทางการลงทุนและเป็นประตูสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนอันดับหนึ่งของภูมิภาค และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการใช้ชีวิตริมน้ำในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC)

Marjan Announces New Mixed-Use Beach Town Destination, Marjan Beach (Photo: AETOSWire)

Marjan ประกาศเปิดตัวเมืองชายหาดแห่งใหม่ Marjan Beach ที่มีพื้นที่การใช้งานแบบผสมผสาน (ภาพ: AETOSWire)

จุดหมายปลายทางแห่งนี้ได้รับการออกแบบอย่างมีกลยุทธ์เพื่อมอบการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างการเข้าถึงและการอยู่อาศัย มอบไลฟ์สไตล์สุดหรูให้กับทั้งผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยว เมื่อโครงการแล้วเสร็จ โครงการนี้จะมีห้องพักโรงแรม 12,000 ห้อง และที่พักอาศัย 22,000 ยูนิต โดยคาดว่าจะมีประชากรกว่า 74,000 คน และแรงงาน 32,000 คนในโครงการ โดยโครงการพัฒนาที่มีการผสมผสานพื้นที่การใช้งานที่หลากหลายนี้ได้รับการออกแบบให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากถึง 180,000 คนต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงบทบาททั้งในฐานะชุมชนที่อยู่อาศัยที่เจริญรุ่งเรืองและจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ โครงการนี้ประกอบด้วยแปดทำเลที่โดดเด่น ครอบคลุมพื้นที่ 85 ล้านตารางฟุตของผังเมืองหลัก มีพื้นที่ติดชายหาดยาวสามกิโลเมตร และพื้นที่สีเขียวเปิดโล่ง 6.5 ล้านตารางฟุต เพื่อให้มั่นใจว่าธรรมชาติและความสะดวกสบายในเมืองจะคงอยู่อย่างสมดุล

Marjan Beach ตั้งอยู่เหนืออ่าวอาหรับและเกาะอัลมาร์จัน ใกล้กับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังมากมาย อาทิ เกาะวินน์ อัลมาร์จัน, หมู่บ้านอัลฮัมรา และเขตเศรษฐกิจราสอัลไคมาห์ นอกจากนี้ จุดหมายปลายทางแห่งนี้ยังสามารถเดินทางสู่ทางหลวงสายหลักได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมงานปรับปรุงถนนที่กำลังดำเนินการอยู่ ที่จะช่วยยกระดับการเชื่อมต่อกับทุกพื้นที่ของประเทศ การพัฒนาอย่างยั่งยืนนี้ประกอบด้วยที่พักอาศัย โรงแรม สำนักงาน ศูนย์รวมความบันเทิง และสถาบันการศึกษา เพื่อมอบวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพและมุ่งเน้นความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน

เกี่ยวกับ Marjan

Marjan เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบกรรมสิทธิ์ในราสอัลไคมาห์ระดับมืออาชีพ รับผิดชอบการพัฒนาโครงการที่ก้าวล้ำ เช่น เกาะอัลมาร์จัน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับราสอัลไคมาห์ให้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนชั้นนำของภูมิภาค ด้วยพันธกิจในการพัฒนาพื้นที่ริมน้ำ เมือง และภูเขา ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเอมิเรตส์ Marjan จึงใช้กลยุทธ์การวางผังแม่บทเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของราสอัลไคมาห์ และวางรากฐานสำหรับการขยายตัวในอนาคตของเอมิเรตส์ โดย Marjan สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านชุมชนที่ได้รับการวางแผนแม่บทระดับโลกในราสอัลไคมาห์ และทำให้เอมิเรตส์กลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนและการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งได้

ที่มา : AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20251002312828/en

Contacts

Nivine William
Burson
nivine.william@bursonglobal.com
 

ForeverGone ของ Gradiant ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการกำจัด PFAS ด้วยต้นทุนและประสิทธิภาพที่ก้าวล้ำ

Logo

การปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ที่สนามบินนานาชาติมิวนิค ได้ช่วยเน้นย้ำถึงความสามารถของเทคโนโลยีในการกำจัด PFAS ที่แหล่งกำเนิด และในขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองต่อแรงกดดันด้านต้นทุนและกฎระเบียบระดับโลกได้

บอสตัน, แมสซาชูเซตส์–(BUSINESS WIRE)–29 กันยายน 2025

Gradiant ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ประกาศถึงความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มกำจัด PFAS ของ ForeverGone ในวันนี้ และตอกย้ำถึงความเป็นหนึ่งในโซลูชันที่คุ้มค่าและยั่งยืนที่สุดสำหรับการกำจัด “สารเคมีอันตราย” ในน้ำเสียอุตสาหกรรม

Gradiant has announced advancements in its ForeverGone PFAS destruction platform and the commissioning of a ForeverGone system at Munich International Airport to address complex, legacy PFAS challenges.

Gradiant ได้ประกาศความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มทำลาย PFAS ForeverGone และเปิดตัวระบบ ForeverGone ที่สนามบินนานาชาติมิวนิค เพื่อจัดการกับความท้าทายเกี่ยวกับ PFAS ที่ซับซ้อนและล้าสมัย

การกำจัด PFAS ที่แหล่งกำเนิด

ForeverGone เป็นแพลตฟอร์มครบวงจรแรกที่สามารถทำลายสารประกอบ PFAS ในพื้นที่ได้ ระบบนี้จะผสานการแยกส่วนด้วยไมโครโฟมกับอิเล็กโทรออกซิเดชันขั้นสูง เพื่อให้สามารถกำจัดสารประกอบ PFAS ได้ถึง 99–99.9% รวมถึง PFAS สายสั้นที่เทคโนโลยีรุ่นเก่ามักจะมองข้าม ซึ่งแตกต่างจากคาร์บอนกัมมันต์แบบเม็ด (GAC), เรซินแลกเปลี่ยนไอออน (IX หรือ IER) และวิธีการ “ดักจับและกำจัด” อื่นๆ โดย ForeverGone สามารถกำจัด PFAS ได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถลบความจำเป็นในการกำจัดที่มีค่าใช้จ่ายสูงออกไปได้ รวมถึงกำจัดความเสี่ยงในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

เกณฑ์มาตรฐานต้นทุนใหม่

ด้วยราคาเพียง 0.10–0.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อลูกบาศก์เมตร ForeverGone ได้มอบความก้าวหน้าด้านราคาที่สามารถเข้าถึงได้ โดยมีต้นทุนรวมต่ำกว่า 0.50–2.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อลูกบาศก์เมตรสำหรับการบำบัดด้วย GAC หรือ IX ทั่วไปอย่างมาก ด้วยการใช้พลังงานเพียง ~0.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง/ลูกบาศก์เมตรที่เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหลัก ระบบนี้จึงสามารถช่วยลดต้นทุนได้ ในขณะที่การบำบัดในสถานที่จริงนั้นจะช่วยลดต้นทุนและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการขนส่งและการกำจัดได้อีกด้วย

“ForeverGone คือโมเดลใหม่ในการจัดการกับ PFAS ของภาคอุตสาหกรรม” กล่าวโดย Anurag Bajpayee ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Gradiant “ด้วยการกำจัด PFAS ที่แหล่งกำเนิด เราสามารถลดภาระในการกำจัดและปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ทั้งคุ้มค่าและยั่งยืน โดยกฎระเบียบต่างๆ ในยุโรปและเอเชียต่างกำลังเร่งให้มีการใช้งาน ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกากำลังเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่ง ForeverGone ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในการปฏิบัติตามมาตรฐานต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้ และเมื่อความสนใจหันไปที่สารประกอบอย่างกรดไตรฟลูออโรอะซิติก (TFA) แพลตฟอร์มนี้จะสร้างรากฐานสำหรับการเป็นผู้นำในระยะยาวด้านสารปนเปื้อนเกิดใหม่ได้อีกด้วย”

การปรับใช้ใหม่ที่สนามบินนานาชาติมิวนิค

Gradiant ได้ติดตั้งระบบ ForeverGone ที่สนามบินนานาชาติมิวนิค เพื่อจัดการกับการปนเปื้อนจากโฟมดับเพลิงที่สร้างขึ้นจากฟิล์มน้ำ (AFFF) การติดตั้งครั้งนี้ได้ช่วยเน้นย้ำให้เห็นถึงความคล่องตัวของแพลตฟอร์มในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ PFAS ที่ซับซ้อนและล้าสมัย ปัจจุบัน ForeverGone รุ่นล่าสุดได้ปฏิบัติงานในพื้นที่จริงแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่มีโปรไฟล์สูงและมีความต้องการสูง

กะทัดรัดและเคลื่อนย้ายได้

หลังจากโครงการพัฒนาสี่ปี Gradiant ได้ลดขนาดพื้นที่การทำงานของเครื่อง Destruction Engine electrooxidation ลงมากกว่า 100 เท่า เหลือเพียง 2% ของปริมาตรระบบเดิม เมื่อผสานรวมกับเทคโนโลยี Micro-Foam Fractionation ผลลัพธ์ที่ได้คือเทคโนโลยีที่มีขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก และปรับใช้งานได้ทั้งการติดตั้งแบบถาวรและการแก้ไขปัญหาแบบชั่วคราว

ปัจจัยขับเคลื่อนด้านกฎระเบียบ

ความต้องการกำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลกเนื่องจากกฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

  •  ไต้หวัน : ขีดจำกัดการปล่อยสารกึ่งตัวนำอยู่ที่ 1.2 ppb โดยปฏิบัติตามระเบียบการด้วยสุ่มตัวอย่างสองครั้ง
  •  เกาหลีใต้ : การปล่อยสาร PFAS ในภาคอุตสาหกรรมอยู่ภายใต้การตรวจสอบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
  •  จีน : จำกัดปริมาณ PFAS ในน้ำดื่มที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

ในยุโรปมีข้อจำกัดที่เข้มงวดเกี่ยวกับสาร PFAS อยู่แล้ว ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา การพัฒนามาตรฐานต่างๆ มีความก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ กฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับพื้นที่น้ำชะขยะมูลฝอยกำลังผลักดันโครงการต่างๆ ให้ก้าวหน้า และคาดว่าแนวทางของ EPA ที่จะออกมาเร็วๆ นี้จะช่วยเร่งการนำไปสู่การปฏิบัติทั่วประเทศ และก่อให้เกิดตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอนาคตสำหรับการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ PFAS

นอกเหนือจาก PFAS

ลูกค้าในอุตสาหกรรมยายังร่วมมือกับ Gradiant ในการผลิตกรดไตรฟลูออโรอะซิติก (TFA) ซึ่งเป็นสารประกอบที่เชื่อมโยงกับผลพลอยได้จากการผลิตยา คาดว่าสหภาพยุโรปจะตัดสินใจเกี่ยวกับกฎระเบียบ TFA ในปี 2026 ซึ่งอาจเปิดตลาดใหม่ที่สำคัญสำหรับ ForeverGone และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง

เชื่อมต่อกับ Gradiant ที่งาน WEFTEC

Gradiant จะเข้าร่วมงาน WEFTEC Chicago ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม โดยผู้เข้าชมสามารถเข้าร่วมทัวร์เพื่อชมระบบของแพลตฟอร์ม ForeverGone และรับชมการนำเสนอภายในบูทได้ พบกับเราได้ที่บูท 3867

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นบริษัทน้ำที่แตกต่าง ด้วยชุดโซลูชันครบวงจรที่แตกต่างและเป็นกรรมสิทธิ์สำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านน้ำ บริษัทให้บริการการดำเนินงานที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่จำเป็นของโลก อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ เภสัชกรรม อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญ และพลังงานทดแทน โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของ Gradiant จะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำและน้ำเสียที่ถูกปล่อยออกมา รวมถึงการนำทรัพยากรที่มีค่ากลับคืนมาและเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในบอสตันแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 1,300 คนทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250929038872/en

Contacts

รายชื่อผู้ติดต่อองค์กร
Felix Wang
Gradiant, หัวหน้าฝ่ายการตลาดระดับโลก
fwang@gradiant.com 

ที่มา: Gradiant

Mohammed Ben Sulayem ประธานสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) จะเป็นผู้นำด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และนวัตกรรมในการประชุม Asia Pacific Congress ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย

Logo

ปารีส–(BUSINESS WIRE)–02 ตุลาคม 2025

สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลกและสหพันธ์องค์กรโมบิลิตี้ทั่วโลก จะเดินทางมายังเชียงใหม่ ประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุม FIA Asia Pacific Congress ประจำปี

FIA Asia Pacific Congress Logo

โลโก้การประชุม FIA Asia Pacific Congress

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นโดยราชสมาคมยานยนต์แห่งประเทศไทย ที่ได้รวบรวมผู้นำด้านโมบิลิตี้ของยานยนต์และมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก มาร่วมหารือเกี่ยวกับโครงการริเริ่มสำคัญๆ ด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โมบิลิตี้อย่างยั่งยืน การเติบโตของกีฬาในระดับภูมิภาค รวมถึงนวัตกรรมด้านการขนส่ง โดยมี Mohammed Ben Sulayem ประธาน FIA เข้าร่วมด้วย

Mohammed Ben Sulayem ประธาน FIA กล่าวก่อนการเยือนประเทศไทยว่า: ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เข้าร่วมการประชุม FIA Asia Pacific Congress กับสมาชิกและพันธมิตรของเราที่เชียงใหม่ และผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะสานต่อความก้าวหน้าอันน่าประทับใจของภูมิภาคนี้ ทั้งในด้านโมบิลิตี้และกีฬา

เอเชียและแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดของสหพันธ์ฯ และความมุ่งมั่นของสมาชิกของเราที่นี่กำลังสร้างผลกระทบอย่างแท้จริง ตั้งแต่ถนนที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นและการขนส่งที่ยั่งยืน ไปจนถึงโอกาสใหม่ๆ สำหรับการแข่งขันในระดับรากหญ้าและในระดับอีลิท

การรวมตัวกันครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือทั่วภูมิภาค แบ่งปันความเชี่ยวชาญด้านโมบิลิตี้และมอเตอร์สปอร์ต และช่วยผลักดันลำดับความสำคัญร่วมกันของเราในด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และนวัตกรรม

ธีมของการประชุม FIA Asia Pacific Congress ปีนี้คือ สร้างสรรค์ บูรณาการ เร่งรัด: ขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับโมบิลิตี้และกีฬา โดยโปรแกรมดังกล่าวออกแบบมาเพื่อให้สโมสรสมาชิกมีกลยุทธ์ใหม่ๆ และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มโมบิลิตี้และกีฬาที่กำลังพัฒนา รวมถึงการมุ่งเน้นไปที่แนวปฏิบัติที่ยั่งยืน เส้นทางสู่ระดับรากหญ้าที่เข้าถึงได้ รวมถึงวิวัฒนาการของ AI และบทบาทของ AI ในภาคส่วนต่างๆ ของ FIA

งานนี้จัดขึ้นในขณะที่นวัตกรรมมอเตอร์สปอร์ตและโมบิลิตี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วภูมิภาค

ศรีลังกาเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิก โดยมี 18 ชาติ และนักแข่ง 204 คนเข้าร่วม ขณะที่มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน FIA ‘Arrive and Drive’ Karting World Cup ครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยในปี 2026 Formula 1 จะกลับมาจัดที่ออสเตรเลีย จีน และญี่ปุ่น ร่วมกับ WRC และ WEC ในญี่ปุ่น และ Formula E ในเซี่ยงไฮ้และโตเกียว ในส่วนของโมบิลิตี้ Safe Helmets for Asia Pacific Initiative (SHAP) ได้จัดเวิร์กช็อปครั้งแรกที่มะนิลาเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีตัวแทนจากกัมพูชา จีน เนปาล ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม มาร่วมกันวางแผนเส้นทางใหม่สำหรับหมวกนิรภัยที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

โครงสร้างสโมสรสมาชิก FIA ถือเป็นแกนหลักของการกำกับดูแลและการดำเนินงานของสหพันธ์ โดยสโมสรสมาชิกแต่ละแห่งจะมีสิทธิ์ออกเสียงในการเลือกตั้งและการตัดสินใจด้านกฎระเบียบของ FIA สโมสรจะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก โดยบางสโมสรทำหน้าที่ทั้งสองบทบาท:

  • สโมสรโมบิลิตี้ – ให้บริการด้านการเดินทางและเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของผู้ใช้ถนน โดยมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยทางถนน การเดินทางและการท่องเที่ยว สิทธิผู้บริโภค และการเดินทางอย่างยั่งยืน
  • หน่วยงานกีฬาระดับชาติ (ASN) – กำกับดูแลและพัฒนากีฬามอเตอร์สปอร์ตในระดับชาติ รับผิดชอบกิจกรรมกีฬา ออกใบอนุญาต และมีส่วนร่วมในกฎระเบียบต่างๆ

ภายใน FIA มี 4 ภูมิภาคด้านโมบิลิตี้ และ 6 โซนกีฬา โดยการประชุม Asia Pacific Congress จะต้อนรับสโมสรสมาชิกจาก FIA ภูมิภาค II สมาชิก FIA ทั่วโลกประกอบด้วย 245 สโมสร ใน 149 ประเทศ เชื่อมโยงสมาชิกกว่า 80 ล้านคน

จบ

สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) เป็นองค์กรกำกับดูแลกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลก และเป็นสหพันธ์องค์กรด้านโมบิลิตี้ทั่วโลก โดนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนนวัตกรรมและส่งเสริมความปลอดภัย ความยั่งยืน และความเท่าเทียมกันในกีฬามอเตอร์สปอร์ตและโมบิลิตี้

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251002874909/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

หากต้องการสอบถามข้อมูลสื่อ โปรดติดต่อ:
Geri Sherwin ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารของประธานและโมบิลิตี้: gsherwin@fia.com
Joseph Kidd เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารของประธาน: jkidd@fia.com

ที่มา: FIA

MidOcean Energy ของ EIG เตรียมเข้าซื้อหุ้นใน LNG Canada จาก PETRONAS

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–30 กันยายน 2025

MidOcean Energy (“MidOcean”) บริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศเมื่อวันนี้ว่าได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการซื้อหุ้นร้อยละ 20 ในนิติบุคคลสำคัญของ PETRONAS ในประเทศแคนาดา

ธุรกรรมนี้รวมถึงการถือหุ้นร้อยละ 20 ใน North Montney Upstream Joint Venture (“NMJV”) ซึ่งถือการลงทุนด้านต้นน้ำของ PETRONAS ในแคนาดา และถือหุ้นร้อยละ 20 ใน North Montney LNG Limited Partnership (“NMLLP”) ซึ่งถือส่วนแบ่งร้อยละ 25 ของ PETRONAS ในโครงการ LNG Canada

LNG Canada เป็นโครงการส่งออก LNG แห่งแรกของแคนาดา และถือเป็นการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการจัดหา LNG สู่เอเชียด้วยต้นทุนการจัดหาที่สามารถแข่งขันได้ โดย LNG Canada ได้ส่งสินค้า LNG ล็อตแรกไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

NMJV เป็นหุ้นส่วนที่ถือครองสิทธิแร่ธาตุรวมมากกว่า 800,000 เอเคอร์ โดยมีปริมาณสำรองและทรัพยากรสำรองฉุกเฉิน 53 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต

หลังจากเสร็จสิ้นธุรกรรมแล้ว MidOcean จะมีบทบาทในห่วงโซ่คุณค่าแบบบูรณาการ ที่ครอบคลุมการพัฒนาแหล่งทรัพยากรต้นน้ำใน North Montney รวมถึงกระบวนการแปลงสภาพเป็นของเหลวและส่งออกปลายน้ำผ่าน LNG Canada ผ่านการเข้าร่วมใน NMLLP ด้วยความร่วมมือกับ PETRONAS ครั้งนี้ MidOcean จะสามารถรักษาปริมาณ LNG ที่เกี่ยวข้องไว้ที่ 0.7 ล้านตันต่อปี และมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปผ่านโครงการ LNG Canada ในเฟสที่ 2

R. Blair Thomas ประธาน MidOcean และซีอีโอ EIG กล่าวว่า “ธุรกรรมนี้ถือเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางการเติบโตของ MidOcean เรามีความภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ PETRONAS ในความพยายามที่จะส่งมอบ LNG ที่เชื่อถือได้และมีต้นทุนต่ำสู่ตลาดโลก การมีส่วนร่วมของเราจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของ MidOcean และสร้างความมั่นใจในการซื้อ LNG อย่างมีนัยสำคัญ และได้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างธุรกิจ LNG ที่หลากหลายและยืดหยุ่นสำหรับทศวรรษข้างหน้า”

De la Rey Venter ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MidOcean กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรระยะยาวกับ PETRONAS ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเป็นบริษัทที่เราให้ความเคารพเป็นอย่างสูง การลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความเชื่อมั่นของเราในอนาคตของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และบทบาทระยะยาวของก๊าซธรรมชาติเหลวในการช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานระดับโลก รวมถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่สามารถทำได้จริงและมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม”

ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามระเบียบข้อบังคับปกติ

RBC Capital Markets ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ MidOcean และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารอยู่ที่ 23.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 โดย EIG มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 42 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า 51.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับภาคพลังงาน ผ่านโครงการหรือบริษัท 420 โครงการ ใน 44 ประเทศ ครอบคลุม 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำมากมาย อาทิ กองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนรวมเพื่อการออม มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป โดย EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานสาขาในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดอจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy

MidOcean Energy เป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่หลากหลาย ยืดหยุ่น และสามารถแข่งขันด้านต้นทุนและคาร์บอนได้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะองค์ประกอบสำคัญของระบบพลังงานโลกที่มีคาร์บอนต่ำ มีความสามารถในการแข่งขัน และมีความมั่นคงมากขึ้น MidOcean Energy มีผลประโยชน์ด้าน LNG ที่หลากหลาย รวมถึง Gorgon LNG, Pluto LNG, QCLNG และ Peru LNG โดยบริษัทนั้นบริหารโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมนี้มากว่า 27 ปี และเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่ง รวมถึงหัวหน้าฝ่าย LNG ระดับโลกของ Shell Plc. ด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com หรือเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ข้อมูลติดต่อ EIG/MidOcean
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ที่มา: EIG

มหาวิทยาลัย Hamad Bin Khalifa เป็นผู้นำการประชุมการสนทนาระดับโลกเกี่ยวกับอนาคตของจริยธรรม AI

Logo

โดยการประชุมจะเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการจัดทำแนวปฏิบัติทางจริยธรรมที่สอดคล้องใน 6 ประเด็นหลักที่ได้รับผลกระทบจากความก้าวหน้าของ AI ได้แก่ การดูแลสุขภาพ การออกแบบเมือง ความปลอดภัย การศึกษา การเงิน และอนาคตของสถานที่ทำงาน

โดฮา, กาตาร์–(BUSINESS WIRE)–29 กันยายน 2025

การประชุมของมหาวิทยาลัย Hamad Bin Khalifa (HBKU)จริยธรรม AI: การบรรจบกันของเทคโนโลยีและขนบธรรมเนียมทางศีลธรรมที่หลากหลายปิดท้ายด้วยการเรียกร้องให้มีกรอบการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียวและครอบคลุมทางวัฒนธรรมสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยการประชุมครั้งสำคัญนี้จัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ที่ถือเป็นก้าวสำคัญในการอภิปรายเกี่ยวกับ AI และผลกระทบทางจริยธรรมต่างๆ

The opening plenary session from HBKU's AI Ethics conference (Photo: AETOSWire)

การประชุมเปิดงานสัมมนาจริยธรรม AI ของ HBKU (ภาพ: AETOSWire)

การประชุมครั้งนี้ได้รวบรวมนักวิชาการชั้นนำต่างๆ ในระดับนานาชาติ ผู้กำหนดนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี นักจริยธรรม และบุคคลต่างๆ อีกมากมาย ผลงานของพวกเขาเหล่านี้ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสนใจในสหวิทยาการในการแก้ปัญหาเชิงร่วมมือที่เชื่อมโยงปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับขนบธรรมเนียมประเพณีทางศีลธรรมที่หลากหลาย การเจรจายังช่วยจุดประกายความร่วมมือข้ามภาคส่วนใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและกำหนดอนาคตของสาขาต่างๆ นี้ หัวข้อหลักทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ การดูแลสุขภาพ การออกแบบเมือง ความปลอดภัย การศึกษา การเงิน และอนาคตของสถานที่ทำงาน ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบูรณาการประเด็นทางด้านจริยธรรมกับการนำปัญญาประดิษฐ์ที่จะนำไปใช้ในทุกภาคส่วน

แม้ว่าแต่ละประเด็นเหล่านี้จะก่อให้เกิดบทสนทนาที่กระตุ้นความคิดต่างๆ มากมาย แต่หนึ่งในการอภิปรายที่ทันท่วงทีที่สุดกลับเป็นการพิจารณาการใช้ AI ในความขัดแย้งทางอาวุธ โดยมีการเน้นย้ำถึงมิติทางกฎหมาย จริยธรรม และนโยบายของระบบสนับสนุนการตัดสินใจด้วยปัญญาประดิษฐ์ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ AI ที่มีต่อค่านิยมของมนุษย์และทางเลือกทางจริยธรรมในสถานการณ์ที่ซับซ้อนนั้นจะได้รับการเน้นย้ำมากขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยในยุค AI โดยการอภิปรายเผยให้เห็นถึงความท้าทายทางจริยธรรมอันลึกซึ้งในการปกป้องความไว้วางใจ ความเป็นอิสระ รวมถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

หลังจากการสนทนาเชิงสร้างสรรค์เป็นเวลาสองวัน การประชุมได้นำเสนอข้อเสนอแนะสำหรับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สอดคล้องกับภูมิทัศน์ทางศีลธรรมที่หลากหลายของสังคมโลกทั้งหมด การดำเนินการเช่นนี้จำเป็นต้องมีกรอบการทำงานที่ครอบคลุม ซึ่งก้าวข้ามบทสนทนาที่ส่วนใหญ่ถูกครอบงำโดยชาวตะวันตก ไปสู่การประเมินคุณลักษณะทางวัฒนธรรมและศีลธรรมทั้งหมดอย่างยุติธรรม สมดุล และครอบคลุมทั่วโลก

งานนี้ยังเรียกร้องให้มีการบูรณาการเทคโนโลยีและวิธีการปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากขึ้นในสาขาต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับคนรุ่นต่อไป โดยควรดำเนินการควบคู่ไปกับการประสานกรอบนโยบายระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมผลกระทบเชิงบวกของเทคโนโลยีเกิดใหม่ต่างๆ ควบคู่ไปกับการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

การประชุมจริยธรรม AI ได้ทำหน้าที่เป็นจุดนัดพบสำหรับการสนทนาที่หลากหลายและมองการณ์ไกลในวาทกรรม AI ระดับโลก ในฐานะผู้จัดและศูนย์กลางความรู้สำหรับการอภิปรายที่สร้างผลกระทบ ทาง HBKU ได้วางตัวเองในตำแหน่งสถาบันการศึกษาที่เป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญสำหรับโซลูชันที่ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในระดับโลก

 *ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250929755596/en

Contacts

นส. Taiba Saoud Al-Rodaini
media@hbku.edu.qa
โทร.: +974 44540934

ที่มา: Hamad Bin Khalifa University

Serco Asia Pacific ปรับปรุงการบูรณาการอย่างมีนัยสำคัญโดยใช้ Boomi AI Agents

Logo

Serco ได้เร่งกระบวนการส่งมอบการผสานการทำงานด้วย Boomi Scribe และ DesignGen ที่สามารถช่วยลดเวลาในการจัดทำเอกสารแบบบูรณาการได้เป็นอย่างมาก

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–29 กันยายน 2025

Boomi™ ซึ่งเป็นผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศในวันนี้ว่า Serco ผู้ให้บริการสาธารณะระดับโลกกำลังใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise เพื่อปลดล็อกนวัตกรรมที่รวดเร็วผ่าน AI เชิงสร้างสรรค์ เร่งการพัฒนาการบูรณาการ และส่งเสริมให้ผู้ใช้ทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบสามารถสร้างการบูรณาการพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว

ด้วยความมุ่งมั่นหลักในการให้บริการแก่รัฐบาลทั่วโลก การดำเนินงานของ Serco ในเอเชียแปซิฟิกนั้นครอบคลุมด้านการป้องกันประเทศ การดูแลสุขภาพ กระบวนการยุติธรรม รวมถึงบริการต่างๆ ในชุมชน โดย Serco ได้นำ Boomi มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้การดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อช่วยปรับปรุงการไหลของข้อมูล ปรับปรุงการจัดการข้อมูลหลัก และลดความซับซ้อนของการเชื่อมต่อ API โดยแพลตฟอร์ม Boomi เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งเนื่องจากความง่ายในการเขียนโค้ด ใช้งานง่าย และความรวดเร็วในการสร้างและตรวจสอบการบูรณาการ

“เราใช้ Boomi สำหรับการบูรณาการระบบหลักมาโดยตลอด แต่สิ่งที่เราค้นพบในงาน Boomi World Tour Sydney ปีที่แล้วได้เปลี่ยนกรอบความคิดของสิ่งที่เป็นไปได้อย่างสิ้นเชิง” กล่าว โดย Kiran Narayan ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และความสามารถด้านดิจิทัลของ Serco “เราตระหนักว่าเอเจนต์ AI ที่ทรงพลังของ Boomi อย่าง Boomi Scribe และ Boomi DesignGen อยู่ในลิขสิทธิ์ Boomi Enterprise Platform ของเราแล้ว ภายในเพียงไม่กี่นาที เราก็ได้ทดลองใช้งานจริง ช่วงเวลานั้นได้จุดประกายแนวคิดและการทำงานแบบใหม่ของเรา”

หลังจากงาน Serco ได้ระดมทีมงานบูรณาการอย่างรวดเร็วเพื่อทดสอบและนำ Boomi AI Agents มาใช้ ซึ่งใช้คำสั่งภาษาธรรมชาติเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถออกแบบและนำไปใช้ในการบูรณาการได้เร็วขึ้น

Boomi Scribe ได้ถูกนำมาใช้เป็นฐานเอกสารประกอบสำหรับการบูรณาการ โดยสร้างเอกสารที่เข้าใจง่ายเพื่อดูสิ่งที่อยู่เบื้องหลังอินเทอร์เฟซเฉพาะ ในขณะที่ Boomi DesignGen จะอนุญาตให้มีการสื่อสารระหว่างทีมต่างๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านภาพ ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ

“ก่อนหน้านี้ นักพัฒนาระบบบูรณาการต้องใช้เวลาประมาณสองถึงสามชั่วโมงในการเขียนเอกสารที่จัดรูปแบบให้เข้าใจง่ายสำหรับลูกค้า แต่ด้วย Boomi Scribe จะใช้เวลาเพียงแค่ 10 ถึง 15 นาที เท่านั้น” Kiran กล่าว

เมื่อเร็วๆ นี้ Serco ได้เสร็จสิ้นโครงการบูรณาการขนาดใหญ่สองโครงการ ซึ่งช่วยลดเวลาการจัดทำเอกสารลงอย่างมาก ซึ่งรวมถึงการประชุม การสนทนา และการสร้างเอกสารต่างๆ ก่อนหน้านี้ กระบวนการนี้ใช้เวลา 40 ถึง 60 ชั่วโมง แต่ด้วย Boomi AI Agents ปัจจุบัน Serco สามารถลดเวลาเฉลี่ยในการดำเนินการให้เสร็จสิ้นลงภายในเวลาเพียงแค่ 6 ถึง 12 ชั่วโมง

การบูรณาการเครื่องมือเหล่านี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ Serco APAC ได้เปลี่ยนเวิร์กโหลดการบูรณาการจากคลัสเตอร์รันไทม์ Boomi ที่โฮสต์ด้วยตนเองไปเป็น Boomi Managed Cloud Service (MCS) โดยมีแผนที่จะเปิดใช้งาน Boomi Event Streams สำหรับการรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์และการแจ้งเตือน โดยปัจจุบันผู้ให้บริการสาธารณะรายนี้กำลังมุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จาก Boomi AI Agents ผ่าน Boomi Agentstudio

วิสัยทัศน์ของ Kiran ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และความสามารถด้านดิจิทัลของ Serco คือการช่วยให้ผู้นำธุรกิจสามารถใช้ Boomi สำหรับการบูรณาการร่างเบื้องต้น เร่งกระบวนการส่งมอบ และปลดปล่อยทีมเทคนิคให้มุ่งเน้นไปที่งานที่ซับซ้อน “ด้วย Boomi เราสามารถขจัดปัญหาคอขวดได้โดยไม่สูญเสียการควบคุม” Kiran กล่าว “การเสริมศักยภาพให้ผู้ใช้ทางธุรกิจสามารถสร้างโมเดลในกรอบการทำงานที่มีการควบคุม จะช่วยเร่งความเร็วในการส่งมอบคุณค่าได้เป็นอย่างมาก”

แพลตฟอร์มนี้ยังรองรับเป้าหมายด้านคุณภาพของข้อมูลของ Serco ผ่านการใช้ Boomi DataHub และ Boomi API Management เพื่อความสมบูรณ์ของข้อมูลที่สม่ำเสมอและเรียบง่าย

“ความสำเร็จที่เราได้รับมาจนถึงตอนนี้ได้จุดประกายความตื่นเต้นให้กับผู้นำระดับสูงของเรา ไม่ว่าจะเป็น CIO ไปจนถึงหัวหน้าหน่วยธุรกิจต่างๆ” Kiran กล่าว

“เส้นทางของ Serco สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตของการบูรณาการ: การเขียนโค้ดน้อย ขับเคลื่อนด้วย AI และเสริมพลังธุรกิจ” David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับทีมที่ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว คิดอย่างมีกลยุทธ์ และมุ่งมั่นที่จะทำให้นวัตกรรมเป็นประชาธิปไตยทั่วทั้งองค์กร”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

  • รับฟังจากลูกค้าทั่วโลกของ Boomi
  • ติดตาม Boomi ได้ทาง X, LinkedIn, Facebook และ YouTube

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อทุกสิ่ง จัดการกระบวนการอัตโนมัติ และเร่งผลลัพธ์ได้ โดยแพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ซึ่งรวมถึง Boomi Agentstudio จะผสานรวมการบูรณาการและระบบอัตโนมัติเข้ากับการจัดการข้อมูล API และเอเจนต์ AI ไว้ในโซลูชันเดียวที่ครอบคลุม ด้วยความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 ราย ทำให้ Boomi ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบเอเจนต์ ช่วยให้องค์กรทุกขนาดสามารถบรรลุความคล่องตัว ประสิทธิภาพ และนวัตกรรมในระดับที่ดีขึ้นได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ตัว 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250928836452/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

รายชื่อผู้ติดต่อ
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

AWS และ SAP ขยายความร่วมมือเพื่อยกระดับอธิปไตยทางดิจิทัลทั่วทั้งยุโรป

Logo

ความร่วมมือครั้งใหม่กับ SAP Cloud ได้ผสานความเชี่ยวชาญด้านแอปพลิเคชันระดับองค์กรของ SAP เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์ของ AWS ที่ช่วยให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมที่มีกฎระเบียบสูงสามารถพัฒนานวัตกรรม AI ได้

ซีแอตเทิลและวอลล์ดอร์ฟ–(BUSINESS WIRE)–24 กันยายน 2025

Amazon Web Services (AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com (NASDAQ: AMZN) และ SAP SE (NYSE: SAP) ประกาศวันนี้ว่า มีแผนการนำความสามารถ SAP Sovereign Cloud มาใช้งานบน AWS European Sovereign Cloud ซึ่งเป็นระบบคลาวด์อิสระใหม่สำหรับยุโรปโดยได้รับการสนับสนุนจากแผนการลงทุนมูลค่า 7.8 พันล้านยูโรจาก Amazon

ความร่วมมือนี้ต่อยอดจากความร่วมมืออันยาวนานของทั้งสองบริษัท และแนวทางใหม่ที่ครอบคลุมของ SAP ในด้านอธิปไตยทางดิจิทัลและนวัตกรรม AI โดยความสามารถของ SAP Sovereign Cloud คือโซลูชันคลาวด์ที่เสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยจาก SAP ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับอุตสาหกรรมและหน่วยงานภาครัฐที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ความร่วมมือนี้จะมุ่งเน้นไปที่การผสานความสามารถเหล่านี้และความเชี่ยวชาญเชิงลึกด้านองค์กรของ SAP เข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน AWS และความเชี่ยวชาญด้านการดำเนินงาน เพื่อตอบสนองความต้องการด้านอธิปไตยทางดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าทั่วทั้งยุโรป

“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ความสามารถของ SAP Sovereign Cloud จะพร้อมใช้งานบน AWS European Sovereign Cloud ซึ่งจะทำให้องค์กรต่างๆ มีทางเลือกมากขึ้นในการตอบสนองต่อความต้องการด้านอธิปไตย พร้อมกับใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์ที่ดีที่สุด” กล่าวโดย David Brown รองประธานฝ่ายประมวลผลและแมชชีนเลิร์นนิ่งของ AWS กล่าว “SAP และ AWS มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน เราต้องการสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าของเราจะสามารถเข้าถึงโซลูชันด้านอธิปไตยที่ล้ำหน้าที่สุด เพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถมุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมและผลักดันผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้ เราตั้งตารอที่จะร่วมมือกับ SAP อย่างต่อเนื่อง และเห็นแนวทางที่องค์กรต่างๆ ทั่วยุโรปจะสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วย AWS European Sovereign Cloud”

AWS European Sovereign Cloud ซึ่งเตรียมเปิดตัว AWS Region แห่งแรกที่เมืองบรันเดินบวร์ก เยอรมนี ภายในสิ้นปี 2025 ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบทางเลือกเพิ่มเติมให้กับองค์กรภาครัฐและลูกค้าในอุตสาหกรรมที่มีกฎระเบียบควบคุมอย่างเข้มงวด บริการนี้จะช่วยให้องค์กรเหล่านี้สามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านอธิปไตยทางดิจิทัลที่เฉพาะเจาะจงได้ ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดด้านการเก็บรักษาข้อมูล ความเป็นอิสระในการดำเนินงาน และความยืดหยุ่น โดยความสามารถของ SAP Sovereign Cloud มีให้บริการบน AWS แล้วในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (ตั้งแต่ปี 2023) สหราชอาณาจักร (ตั้งแต่ปี 2024) แคนาดา และอินเดีย (ตั้งแต่ปี 2025) และการเพิ่มความสามารถของ SAP ให้กับ AWS European Sovereign Cloud ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับลูกค้าทั่วยุโรป

SAP Sovereign Cloud ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น และปรับขนาดได้ตามความต้องการ โซลูชัน SAP Sovereign Cloud บน AWS ของยุโรปจะประกอบด้วย SAP Business Technology Platform และ SAP Cloud ERP ในเบื้องต้น โซลูชันเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าบริหารจัดการได้อย่างปลอดภัยสำหรับกระบวนการทางธุรกิจที่สำคัญและข้อมูลที่ละเอียดอ่อน พร้อมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

“ด้วยบริการ SAP Sovereign Cloud ที่ขยายเพิ่มขึ้น เราจึงช่วยให้ลูกค้าในทุกอุตสาหกรรมสามารถใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมคลาวด์และ AI ได้อย่างเต็มที่” กล่าวโดย Thomas Saueressig สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ SAP SE ฝ่ายบริการลูกค้าและการจัดส่ง “การนำพอร์ตโฟลิโอ SAP Sovereign Cloud มาใช้งานบน AWS European Sovereign Cloud จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงชุดโซลูชัน Sovereign Cloud ที่ครอบคลุมของเรา ซึ่งยิ่งเสริมความแข็งแกร่งด้วยความร่วมมืออันยาวนานและเชื่อถือได้ของเรากับ Amazon Web Services”

 AWS European Sovereign Cloud จะแยกและเป็นอิสระจากภูมิภาคที่มีอยู่ของ AWS และจะไม่มีการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานนอกสหภาพยุโรปที่สำคัญ ด้วยการควบคุมทางเทคนิคที่เข้มงวด การรับรองอธิปไตยและการคุ้มครองทางกฎหมาย ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จาก AWS อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมด้วยความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และพอร์ตโฟลิโอบริการที่ครอบคลุมระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับที่มีอยู่ในภูมิภาคที่มีอยู่เดิม

AWS and SAP ได้ร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมบนคลาวด์มานานกว่า 16 ปี ความร่วมมือครั้งใหม่นี้ต่อยอดจากประวัติศาสตร์ดังกล่าว เพื่อสนับสนุนข้อกำหนดด้านอธิปไตยทางดิจิทัลของลูกค้า และเร่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในยุโรป

เกี่ยวกับ Amazon Web Services

ตั้งแต่ปี 2006 Amazon Web Services ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ที่ครอบคลุมและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุดในโลก AWS ได้ขยายบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับทุกเวิร์กโหลด และปัจจุบันมีบริการที่ครบครันเสมือนจริงกว่า 240 บริการสำหรับการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล ฐานข้อมูล ระบบเครือข่าย การวิเคราะห์ การเรียนรู้ของเครื่องและปัญญาประดิษฐ์ (AI) อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) อุปกรณ์เคลื่อนที่ ระบบรักษาความปลอดภัย ไฮบริด สื่อ และการพัฒนา การปรับใช้ และการจัดการแอปพลิเคชัน จาก 120 Availability Zone ใน 38 ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ พร้อมประกาศแผนการขยาย Availability Zone เพิ่มอีก 10 แห่ง และ AWS Region อีก 3 แห่งในชิลี ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และ AWS European Sovereign Cloud ลูกค้าหลายล้านคน ซึ่งรวมถึงสตาร์ทอัพที่เติบโตเร็วที่สุด องค์กรขนาดใหญ่ และหน่วยงานภาครัฐชั้นนำ ต่างไว้วางใจให้ AWS ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มความคล่องตัว และลดต้นทุน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AWS ได้ที่ aws.amazon.com

เกี่ยวกับ Amazon

Amazon ยึดถือหลักการ 4 ประการ ได้แก่ การให้ความสำคัญกับลูกค้ามากกว่าการมุ่งเน้นคู่แข่ง ความหลงใหลในการสร้างสรรค์ ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน และการคิดระยะยาว Amazon มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ามากที่สุดของโลก นายจ้างที่ดีที่สุดของโลก และที่ทำงานที่ปลอดภัยที่สุดของโลก บทวิจารณ์ลูกค้า การช้อปปิ้งแบบคลิกเดียว คำแนะนำเฉพาะบุคคล Prime บริการ Fulfillment by Amazon, AWS, Kindle Direct Publishing, Kindle, Career Choice, แท็บเล็ต Fire, Fire TV, Amazon Echo, Alexa, เทคโนโลยี Just Walk Out, Amazon Studios และ The Climate Pledge ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ Amazon ริเริ่มขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ amazon.com/about และติดตาม @AmazonNews

เกี่ยวกับ SAP

ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านแอปพลิเคชันสำหรับองค์กรและ AI ทางธุรกิจ SAP (NYSE: SAP) ยืนอยู่บนจุดเชื่อมต่อระหว่างธุรกิจและเทคโนโลยี กว่า 50 ปีที่องค์กรต่างๆ ไว้วางใจให้ SAP ดึงศักยภาพสูงสุดออกมา ด้วยการผสานรวมการดำเนินงานที่สำคัญทางธุรกิจ ครอบคลุมทั้งการเงิน การจัดซื้อ ทรัพยากรบุคคล ซัพพลายเชน และประสบการณ์ลูกค้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sap.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Amazon.com, Inc.
สายด่วนสื่อมวลชน
Amazon-pr@amazon.com
www.amazon.com/pr

ที่มา: Amazon.com, Inc.

Asana ประกาศเปิดตัว AI Teammates ใหม่: เอเจนต์ที่ร่วมมือกันเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ต่างๆ

Logo

Asana เชื่อว่าความสามารถของเอเจนต์ในการทำงานร่วมกันและการดำเนินงานอันละเอียดอ่อนควบคู่ไปกับมนุษย์ คือความลับของการทำงานเป็นทีมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่ใช่เพียงแค่การดำเนินการอย่างอิสระเท่านั้น

AI Teammates ของ Asana ได้ขยายการทำงานอัตโนมัติจากงานง่ายๆ ไปสู่เวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนที่จะช่วยเพิ่มความเร็วและคุณภาพงานของทีม

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–25 กันยายน 2025

Asana, Inc. (NYSE: ASAN) ที่เป็นแพลตฟอร์มการจัดการงานชั้นนำสำหรับความร่วมมือระหว่างมนุษย์และ AI ในวันนี้ได้ประกาศเปิดตัว AI Teammates: เอเจนต์ที่ร่วมมือกันที่เข้าใจบริบทของงานทั้งหมดภายในองค์กร รวมถึงวิธีการทำงานนั้น โดยเอเจนต์เดียวสามารถสนับสนุนหลายทีมได้พร้อมๆ กัน ผ่านการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องตามความคิดเห็นของมนุษย์ เพื่อเพิ่มความเร็วและคุณภาพของการทำงานร่วมกันทั่วทั้งองค์กร

 Asana กำลังแก้ไขข้อกังวลที่แพร่หลายเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเอเจนต์ในสถานที่ทำงาน: การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเอเจนต์อิสระนั้นล้มเหลวในงานพื้นฐานกว่า 70%1 ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พลังหรือความสามารถของ AI แต่เป็นเพราะว่าเอเจนต์นั้นมักจะสนับสนุนผู้ใช้แต่ละราย โดยไม่มีบริบท จุดตรวจสอบ และการควบคุมที่จำเป็นในการเป็นเพื่อนร่วมทีมที่มีประสิทธิภาพที่สามารถปรับตัวและเรียนรู้จากการโต้ตอบของมนุษย์ รวมถึงการดำเนินงานข้ามเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนได้

“ทุกคนกำลังสร้างเอเจนต์ที่เป็นอิสระ แต่เป้าหมายที่ผิดพลาดคือความเป็นอิสระ” Dan Rogers ซีอีโอของ Asana กล่าว “การทำงานมีความแตกต่างกันอย่างมาก เวิร์กโฟลว์ขององค์กรนั้นครอบคลุมถึงหลายๆ ทีม หลายๆ จุดข้อมูล และส่งผลกระทบต่อทุกระดับขององค์กร เอเจนต์จะสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถเข้าถึงกรอบการทำงานหรือ ‘พิมพ์เขียว’ ของบริษัทที่ระบุว่าใครทำอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร และทำไม โดยโมเดลข้อมูล Work Graph® ของเรามอบสิ่งนั้นให้ ซึ่งทำให้ AI Teammates มีประวัติความเป็นมาของบริบท กระบวนการ และข้อมูลอย่างละเอียด”

“ที่สำคัญ แนวทางของเรายังช่วยให้มนุษย์สามารถควบคุมวิธีที่เอเจนต์เข้าถึงข้อมูลและใช้ทรัพยากรได้ โดยผู้ดูแลระบบสามารถมองเห็นและจำกัดการใช้งานได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ซึ่งช่วยให้คาดการณ์ต้นทุนของ AI ได้ แม้ว่าการนำ AI Teammate มาใช้จะรวดเร็วและแพร่หลายก็ตาม”

AI Teammates ได้ขยายความสามารถของ AI ที่มีอยู่ของ Asana ออกไป ซึ่งรวมถึง AI Studio โปรแกรมสร้างเวิร์กโฟลว์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI แบบไม่ต้องเขียนโค้ดที่สามารถช่วยจัดการงานประจำที่ทำซ้ำได้ในปริมาณมาก

 อะไรที่ทำให้ AI Teammates มีความแตกต่าง

AI Teammates ถูกสร้างขึ้นเพื่อการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริงระหว่างมนุษย์และ AI ผ่านความสามารถที่สำคัญ 3 ประการต่อไปนี้

  •  บริบท: รู้จักธุรกิจของคุณ ไม่ใช่เพียงแค่คำสั่ง
     AI Teammates สามารถให้บริบทที่ครอบคลุมเกี่ยวกับเป้าหมายของทีม เวิร์กโฟลว์ และโครงสร้างองค์กรผ่าน Work Graph® ของ Asana ความจำที่ครอบคลุมทั้งทีมจะช่วยให้สามารถสร้างความรู้เชิงสถาบันและปรับตัวเข้ากับวิธีการทำงานของทีมได้อย่างต่อเนื่อง โดยรักษาบริบทของโครงการและการมีปฏิสัมพันธ์ต่างๆ ไว้ ขณะเดียวกันก็สามารถตัดสินใจอย่างชาญฉลาดที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจได้
  •  จุดตรวจสอบ: ความโปร่งใสและความรับผิดชอบในตัว
     ต่างจากเอเจนต์อื่นๆ ที่ทำงานแยกจากเวิร์กโฟลว์ของทีม AI Teammates จะทำงานภายในแพลตฟอร์มการจัดการงานของ Asana ซึ่งรับประกันถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบ เอเจนต์จะแสดงวิธีการทำงานแบบทีละขั้นตอน รับคำติชมจากทีม และทำซ้ำตามข้อมูลที่ได้รับ ผู้ใช้และผู้ดูแลระบบสามารถดูว่า AI Teammates ทำงานอย่างไร มีส่วนร่วมอย่างไร รวมถึงผลลัพธ์ที่ทำได้ เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีมที่เป็นมนุษย์ กุญแจสำคัญคือการให้ AI ทำงานในโครงสร้างเดียวกันกับที่คนอื่นๆ ใช้
  •  การควบคุม: การกำกับดูแลทีมเหนือระบบอัตโนมัติที่ไม่ดีพอ
     AI Teammates มีการกำกับดูแลระดับองค์กร ทีมงานสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูล สิทธิ์การใช้งาน พารามิเตอร์การดำเนินงาน และการใช้เครดิตได้ ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่า AI จะทำงานภายใต้กรอบการทำงานขององค์กร โดยไม่สูญเสียความน่าเชื่อถือหรือสร้างต้นทุนที่คาดเดาไม่ได้

AI เชิงร่วมมือในการดำเนินการ: ผลลัพธ์ที่แท้จริงในทุกฟังก์ชัน

AI Teammates มีความรวดเร็วในการส่งมอบผลลัพธ์และผลกระทบต่อฟังก์ชันที่สำคัญต่อภารกิจสำหรับลูกค้าของ Asana:

  •  การตลาด – AI Teammate สามารถทำหน้าที่เป็นนักวางกลยุทธ์แคมเปญที่ร่างสรุปแคมเปญ ติดตามผลงานที่ส่งมอบ รวมถึงรายงานผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้ นอกจากนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็นพันธมิตรด้านความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถช่วยเร่งการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้วยการร่างเนื้อหา ระดมความคิด และปรับปรุงเนื้อหาให้สอดคล้องกับแนวทางของแบรนด์
  •  IT – AI Teammate สามารถทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกตั๋วแก้ไขปัญหาด้าน IT ที่สามารถจัดการคำขอรับบริการโดยการจัดหมวดหมู่และกำหนดเส้นทางของตั๋วโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขปัญหา ระบุรูปแบบและแนวโน้มของปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำ รวมถึงบันทึกวิธีแก้ไขปัญหาไว้ในหน่วยความจำเพื่อให้ฐานข้อมูลองค์ความรู้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
  •  ผลิตภัณฑ์และวิศวกรรม – AI Teammates สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบข้อผิดพลาดซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันด่านแรกในการตีความรายงานข้อผิดพลาด รวบรวมรายงานข้อผิดพลาดที่ซ้ำซ้อน และประเมินถึงระดับความรุนแรง นอกจากนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็นตัวเร่งสปรินต์ของงาน เพื่อติดตามความคืบหน้าของเรื่องราว แจ้งเตือนรายการที่มีความเสี่ยง และสรุปผลลัพธ์ของสปรินต์ของงานได้อีกด้วย
  •  ฝ่ายปฏิบัติการและ PMO – AI Teammate สามารถทำหน้าที่เป็นตัวนำทางการเปิดตัวที่สามารถติดตามการเปิดตัวข้ามฟังก์ชัน ตรวจสอบความสัมพันธ์ และแจ้งเตือนความเสี่ยงต่างๆ ได้ นอกจากนี้ เอเจนต์ยังสามารถทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถรวบรวมข้อมูลโครงการโดยละเอียดลงในรายงานที่กระชับและเหมาะสำหรับผู้นำองค์กร

“สิ่งที่ผมตื่นเต้นที่สุดคือการที่ลูกค้าของเรามองเห็นคุณค่าของ AI Teammates ได้อย่างรวดเร็ว” Rogers กล่าว “ทีมงานจากทุกอุตสาหกรรมกำลังค้นพบวิธีใหม่ๆ ในการมอบหมายงานที่มีความหมาย รวมถึงกรณีการใช้งานต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาเห็นถึงศักยภาพที่แท้จริง องค์กรที่เชี่ยวชาญด้านการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI แทนที่จะมุ่งเน้นที่ความเป็นอิสระ องค์กรนี้จะเป็นองค์กรที่ก้าวไปข้างหน้า พวกเขาจะก้าวไปได้เร็วขึ้น บรรลุเป้าหมายที่ท้าทายยิ่งขึ้น และสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่ยากจะเลียนแบบ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้”

บริษัทระดับโลกเลือกความร่วมมือมากกว่าความเป็นอิสระ

“AI Teammates ของ Asana ช่วยให้เราได้ปลดล็อกองค์ความรู้เชิงสถาบันภายในข้อมูลการทำงานของเราได้อย่างปลอดภัย ช่วยสร้างข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งช่วยประกอบการตัดสินใจที่สำคัญทางธุรกิจ ในกรณีการใช้งานหนึ่ง สามารถช่วยทำการวิจัยที่ซับซ้อนที่ใช้เวลานานหลายสัปดาห์ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งช่วยพัฒนาวิธีการทำงานของทีมเรา และสนับสนุนความสามารถของเราในการส่งมอบผลลัพธ์ในวงกว้างได้”

– Laura Kohl, CIO, Morningstar

ความพร้อมใช้งาน

AI Teammates มีให้ใช้งานในเวอร์ชันเบต้าแล้ว และคาดว่าจะพร้อมใช้งานทั่วไปในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2027

เกี่ยวกับ Asana

Asana คือ แพลตฟอร์มการจัดการงานชั้นนำสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ลูกค้ากว่า 170,000 ราย เช่น Accenture, Amazon, Anthropic และ Suzuki ต่างไว้วางใจ Asana ในการจัดวางทีมงานและเร่งสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการจัดการโครงการเชิงกลยุทธ์ โครงการข้ามสายงาน หรือเป้าหมายระดับองค์กรต่างๆ Asana ได้ช่วยให้องค์กรต่างๆ สร้างความชัดเจนให้กับความซับซ้อน เปลี่ยนแผนงานให้เป็นการปฏิบัติจริงด้วย AI ที่ทำงานเคียงข้างทีมในทุกๆ ขั้นตอน หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.asana.com

1 TheAgentCompany: การเปรียบเทียบเอเจนต์ LLM ในงานโลกแห่งความเป็นจริงที่สำคัญ, มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon, 10 กันยายน 2025

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

การสอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Kaylee Hill
press@asana.com

ที่มา: Asana, Inc.

Sultan bin Ahmed ทรงวางศิลาฤกษ์หมู่บ้าน Al Reeh Al Mursala ที่ศรีลังกา

Logo

COLOMBO, Sri Lanka–(BUSINESS WIRE)–26 กันยายน 2025

Sheikh Sultan bin Ahmed bin Sultan Al Qasimi รองเจ้าผู้ครองนคร Sharjah และประธานสภา Sharjah Media ทรงวางศิลาฤกษ์หมู่บ้าน Al Reeh Al Mursala ในเขต Puttalam สาธารณรัฐศรีลังกา โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มด้านมนุษยธรรมที่ครอบคลุม ประกอบด้วยการก่อสร้างบ้าน 50 หลัง มัสยิดที่รองรับผู้ประกอบศาสนกิจได้ 200 คน ศูนย์บริการสุขภาพ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนท้องถิ่น

Sultan bin Ahmed lays foundation for Al Reeh Al Mursala Village (Photo: AETOSWire)

Sultan bin Ahmed ทรงวางศิลาฤกษ์สำหรับหมู่บ้าน Al Reeh Al Mursala (ภาพถ่าย: AETOSWire)

นอกจากเปิดตัวโครงการหมู่บ้านแล้ว พระองค์ยังทรงเปิดคลินิกแพทย์เคลื่อนที่พร้อมอุปกรณ์ครบครัน ซึ่งมุ่งให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและตรวจสุขภาพตามปกติ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่นี้จะให้บริการประชาชนในหมู่บ้าน Al Reeh Al Mursala และหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพในพื้นที่ห่างไกลและขาดแคลนอย่างมีนัยสำคัญ

โครงการริเริ่มนี้ได้รับการสนับสนุนจากรายการ Al Reeh Al Mursala ซึ่งอำนวยการสร้างและออกอากาศโดย Sharjah Broadcasting Authority (SBA) ร่วมกับ Sharjah Charity International (SCI) พระองค์ทรงยืนยันว่าโครงการการกุศลที่ดำเนินการในศรีลังกาเป็นผลมาจากความร่วมมืออันแข็งแกร่งนี้ และเป็นการสานต่อความมุ่งมั่นของ Sharjah ในการเผยแพร่คุณค่าด้านมนุษยธรรมและช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทั่วโลก

พระองค์ทรงเน้นย้ำว่า ความพยายามเหล่านี้สะท้อนถึงแนวทางและวิสัยทัศน์ของ Sheikh Dr Sultan bin Mohammed Al Qasimi สมาชิกสภาสูงสุดและผู้ปกครองรัฐ Sharjah ผู้ซึ่งทรงส่งเสริมการแสดงความเห็นอกเห็นใจและการช่วยเหลือชุมชนที่เปราะบางอย่างต่อเนื่อง พระองค์ทรงตรัสว่าการดำเนินการด้านมนุษยธรรมเป็นส่วนสำคัญของการมีส่วนร่วมระหว่างประเทศของรัฐ Sharjah ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วนเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาวอีกด้วย

ระหว่างการเสด็จเยือน พระองค์ทรงแสดงความซาบซึ้งอย่างสุดซึ้งต่อบุคคลและองค์กรทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจในงานด้านมนุษยธรรมครั้งนี้ พระองค์ทรงตรัสว่า ความพยายามร่วมกันของผู้บริจาค พันธมิตร และชุมชน นำมาซึ่งภาพลักษณ์อันสดใสและทรงเกียรติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และ Sharjah บนเวทีโลก ซึ่งช่วยเสริมสร้างคุณค่าแห่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่ประเทศชาติยึดมั่น

Mohammed Hassan Khalaf ผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักงานกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ Sharjah (Sharjah Broadcasting Authority) กล่าวถึงโครงการในศรีลังกาว่าเป็นก้าวสำคัญของรายการ Al Reeh Al Mursala ซึ่งออกอากาศเป็นประจำทุกปีในช่วงรอมฎอน โดยโครงการนี้สนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น หมู่บ้าน โรงเรียน และโรงพยาบาล ท่านยังยกย่องความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับ Sharjah Charity International ซึ่งเป็นแบบอย่างที่แข็งแกร่งของความร่วมมือด้านมนุษยธรรมที่มีประสิทธิภาพ Khalaf ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงพื้นที่เพื่อให้มั่นใจว่าความช่วยเหลือจะไปถึงผู้ที่ต้องการมากที่สุด และในการชี้นำความพยายามโดยอิงจากสภาพการณ์จริงในพื้นที่

หมู่บ้าน Al Reeh Al Mursala จะประกอบด้วยบ้านพลังงานแสงอาทิตย์ 50 หลัง มัสยิด ศูนย์สุขภาพ สวนสาธารณะสำหรับเด็ก ศูนย์เย็บผ้า และบ่อน้ำสะอาด จะมีคลินิกเคลื่อนที่ให้บริการดูแลสุขภาพที่ยืดหยุ่นและเข้าถึงได้ พระองค์ยังทรงพิจารณาการแจกจ่ายความช่วยเหลือต่างๆ ซึ่งรวมถึงอาหาร จักรเย็บผ้า จักรยาน และรถเข็น เพื่อสนับสนุนรายได้ของครอบครัวและการพึ่งพาตนเอง นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ 14 ปีที่แล้ว หมู่บ้าน Al Reeh Al Mursala สามารถระดมทุนได้ประมาณ 67 ล้านเดอร์แฮม เพื่อสนับสนุนโครงการด้านมนุษยธรรมในกว่า 110 ประเทศ โครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนประกอบด้วยโครงการ Little Hearts Campaign การผ่าตัดดวงตา การอุปถัมภ์เด็กกำพร้า การก่อสร้างมัสยิดและโรงเรียน ศูนย์การแพทย์ บ่อน้ำ และโครงการสร้างรายได้อีกมากมาย

พระองค์เสด็จพร้อมด้วย Sheikh Saqr bin Mohammed Al Qasimi ประธานคณะกรรมการบริหารของ Sharjah Charity International, Khalid Nasser Al Ameri เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำศรีลังกา, Mohammed Hassan Khalaf ผู้อำนวยการใหญ่ของ SBA, Tariq Saeed Allay ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานสื่อของรัฐบาล Sharjah, Hassan Yaqoub Al Mansouri เลขาธิการสภาสื่อ Sharjah และเจ้าหน้าที่ระดับสูงและผู้บริหารสื่อหลายคนจาก Sharjah

*ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/20250925201754/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Hussain Al Mulla
Hussain.AlMulla@SGMB.ae

ที่มา: Sharjah Government Media Bureau


The Bangkok Reporter