Altimetrik และ SLK Software ร่วมมือกันเพื่อสร้างศูนย์รวมบริการด้านวิศวกรรมที่เน้น AI เป็นอันดับแรก

Logo

DETROIT–(BUSINESS WIRE)–28 มิถุนายน 2025

Altimetrik บริษัทผู้ให้บริการโซลูชัน AI ด้านข้อมูลและดิจิทัลแบบครบวงจร ประกาศในวันนี้เกี่ยวกับการลงนามในข้อตกลงขั้นสุดท้ายเพื่อเข้าซื้อกิจการ SLK Software (“SLK”) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลกที่มุ่งเน้นในการจัดหาโซลูชันด้าน AI ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ และการวิเคราะห์ การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริการเปิดใช้งานแบบครบวงจรของ Altimetrik และขยายการเข้าถึงลูกค้า โดยมีเส้นทางที่ชัดเจนในการเร่งไปสู่เป้าหมายของ Altimetrik ที่จะสร้างรายได้ต่อปีถึง 1 พันล้านดอลลาร์ การทำธุรกรรมดังกล่าวยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขข้อตกลง และคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยรายละเอียดทางการเงินยังไม่ได้รับการเปิดเผย

SLK ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 และได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และจากความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์โซลูชันดิจิทัลที่สร้างสรรค์ การเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ Altimetrik อย่างมีนัยสำคัญ โดยนำโมเดลวิศวกรรมที่เน้น AI เป็นอันดับแรกและเน้นแพลตฟอร์มของ Altimetrik เข้ากับกลุ่มบริการเทคโนโลยีเต็มรูปแบบของ SLK เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยเร่งกระบวนการปรับปรุงแพลตฟอร์มระดับองค์กรให้ทันสมัยสำหรับลูกค้าของบริษัท

Altimetrik เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการดิจิทัลที่มีการพัฒนาและก้าวหน้าที่สุดด้วยข้อมูลขั้นสูงและความสามารถด้านวิศวกรรมดิจิทัล แนวทางการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนสูงให้กับลูกค้าและประวัติการใช้งานข้อมูลและ AI ที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ Altimetrik ยังจะใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับลูกค้า การดำเนินงานทั่วโลก และบุคลากรผู้นำที่มีความสามารถเสริมของ SLK เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมสำหรับลูกค้าต่อไป

“ในโลกปัจจุบัน ระบบ AI โดยเฉพาะ Generative AI และ Machine Learning คือกลไกที่ขับเคลื่อนมูลค่าทางธุรกิจที่แท้จริง” Raj Sundaresan ซีอีโอของ Altimetrik กล่าว “เพื่อเอื้อธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับ AI เป็นหลัก โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ข้อมูลที่แข็งแกร่งซึ่งยึดตามความเข้มงวดด้านวิศวกรรมผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การลงทุนของเราใน SLK สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของเราที่จะเสริมสร้างความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อลูกค้าที่กำลังมองหาโซลูชันดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งช่วยให้สร้างมูลค่าทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้ เรารู้สึกตื่นเต้นมากและรอคอยที่จะต้อนรับ SLK Software สู่ครอบครัว Altimetrik”

“นี่ไม่ใช่การบูรณาการแบบเดิมๆ แต่เป็นการเร่งความเร็วเชิงกลยุทธ์” Parth Amin ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท SLK Software กล่าว “เรามีความยินดีที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ Altimetrik ซึ่งยึดมั่นในคุณค่าในความสัมพันธ์กับลูกค้าเช่นเดียวกับเรา ให้ความสำคัญกับผู้คน และมีความหลงใหลในนวัตกรรมและความคล่องตัว เราจะร่วมกันปลดล็อกศักยภาพที่ยิ่งใหญ่กว่าให้กับลูกค้าของเราในขณะที่รักษาความเร็วและการตอบสนองที่พวกเขาไว้วางใจไว้”

เมื่อการทำธุรกรรมเสร็จสิ้น บริษัทที่รวมกันนี้จะให้บริการธุรกิจที่มีฐานลูกค้าทั่วโลกที่มีมากกว่า 150 ราย ซึ่งรวมถึงบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 และบริษัทเทคโนโลยีที่มีความสร้างสรรค์อย่างยิ่งบางแห่ง นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเครือข่ายพันธมิตรที่รวมถึงผู้บุกเบิกที่กำหนดยุคสมัย เช่น OpenAI, Amazon Web Services, Snowflake และ Databricks เมื่อรวมกันแล้ว ธุรกิจจะจ้างมืออาชีพมากกว่า 10,000 คนทั่วโลกเพื่อสนับสนุนลูกค้าที่อยู่ในเส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและกำลังมองหาโซลูชันที่สร้างสรรค์เพื่อปรับปรุงระบบเก่าให้ทันสมัยโดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลและ AI ขณะเดียวกันก็รับรองการกำกับดูแล การปฏิบัติตามข้อกำหนด และความปลอดภัยของแพลตฟอร์มระดับโลก ซึ่งรวมถึงองค์กรต่างๆ ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่บริการทางการเงินและการชำระเงิน ไปจนถึงเภสัชกรรมและชีววิทยาศาสตร์ รวมถึงเทคโนโลยีและการผลิต

“การที่ Altimetrik และ SLK ร่วมมือกันถือเป็นก้าวกระโดดเชิงกลยุทธ์สำหรับอุตสาหกรรมนี้” Puneet Bhatia หุ้นส่วนผู้จัดการร่วมและหัวหน้าฝ่ายประเทศอินเดียของ TPG Capital Asia และสมาชิกคณะกรรมการของ Altimetrik กล่าว “การรวมตัวกันนี้จะสร้างแพลตฟอร์มวิศวกรรมดิจิทัลที่เน้น AI เป็นหลัก โดยมีสเกล ความเป็นผู้นำ และความสามารถในการดำเนินการเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่มีความหมายในทุกอุตสาหกรรม ด้วยผลงานและประสบการณ์ของ TPG ในการสนับสนุนธุรกิจเทคโนโลยีระดับองค์กร เราภูมิใจที่มีส่วนสนับสนุนการเติบโตและการสร้างมูลค่าในขั้นต่อไปนี้”

“การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ตอกย้ำแนวคิดการลงทุนของ TPG ในด้านบริการด้านเทคโนโลยี ซึ่งให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ให้บริการเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลและ AI สำหรับลูกค้า โดยมีรูปแบบธุรกิจ ราคา และการจัดส่งที่แตกต่างกัน” Vivek Mohan หุ้นส่วนหน่วยธุรกิจที่ TPG Capital Asia และสมาชิกคณะกรรมการของ Altimetrik กล่าว

Raj Vattikuti สมาชิกคณะกรรมการและผู้ก่อตั้ง Altimetrik เน้นย้ำถึงขอบเขตและเชิงลึกของธุรกิจที่รวมกัน โดยกล่าวว่า “นอกเหนือจากการรวมความสามารถเข้าด้วยกันแล้ว การนำทั้งสองธุรกิจมารวมกันยังหมายถึงการขยายขอบเขตสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด นั่นคือ การแก้ไขปัญหาทางธุรกิจจริงด้วยความแม่นยำและรวดเร็ว ด้วย SLK เรากำลังขยายความสามารถในการนำบริบทของอุตสาหกรรมมาใช้ ลดความซับซ้อน และส่งมอบการเปลี่ยนแปลงที่เป็น AI”

Ajay Kumar ซีอีโอของ SLK Software กล่าวเสริมว่า “แนวทางที่เน้นลูกค้าเป็นอันดับแรกของ SLK นำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อมอบผลลัพธ์ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าของเรา ในฐานะบริษัทที่ควบรวมกัน SLK และ Altimetrik พร้อมที่จะปลดล็อกมูลค่าที่โดดเด่นและสร้างผลกระทบที่วัดผลได้ในระดับขนาดใหญ่สำหรับลูกค้าของเรา”

Avendus Capital ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเฉพาะของ SLK Software ส่วน EY ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเฉพาะของ Altimetrik และ TPG

เกี่ยวกับ Altimetrik

Altimetrik เป็นบริษัทที่ให้บริการ AI ด้านข้อมูล และดิจิทัล เรามุ่งเน้นที่การส่งมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจด้วยแนวทางที่เน้นผลิตภัณฑ์เป็นลำดับขั้นตอน วิธีการทางธุรกิจดิจิทัลที่พิสูจน์แล้วของเราเป็นแห่งแรกในอุตสาหกรรมนี้มอบแนวทางในการพัฒนา ปรับขนาด และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดได้เร็วขึ้น ทีมงานของเรามีพนักงานมากกว่า 6,000 คนซึ่งมีทักษะด้านซอฟต์แวร์ ข้อมูล และคลาวด์ และสร้างวัฒนธรรมทางวิศวกรรมที่คล่องตัวของการทำงานร่วมกันและนวัตกรรมที่ทำให้เทคโนโลยีทันสมัยและสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ ทีละเล็กทีละน้อย ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และตัวเร่งปฏิกิริยา Altimetrik ส่งมอบผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดชะงัก Altimetrik ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้แข่งขันหลักในการประเมิน PEAK Matrix® ของ Everest Group สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านบริการไอที BFSI ประจำปี 2025 และเป็นผู้ท้าชิงผลิตภัณฑ์ใน ISG Provider Lens™ ประจำปี 2024 สำหรับการวิเคราะห์ขั้นสูงและบริการ AI และยังคงเป็นผู้นำในการส่งมอบการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ล้ำสมัย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ altimetrik.com

เกี่ยวกับ SLK Software

SLK Software เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลกที่มุ่งเน้นในการนำ AI ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ และการวิเคราะห์มารวมกันเพื่อสร้างโซลูชันเทคโนโลยีล้ำสมัยให้กับลูกค้าของเราผ่านวัฒนธรรมแห่งความเป็นหุ้นส่วนกับพวกเขา โดยมุงเน้นแนวคิดเชิงวิวัฒนาการ เป็นเวลา 25 ปีแล้วที่เราได้ช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการประกันภัย องค์กรบริการทางการเงิน บริษัทจัดการการลงทุน และผู้ผลิต ในการสร้างแนวคิดใหม่ให้กับธุรกิจและแก้ปัญหาความต้องการในปัจจุบันและอนาคตของพวกเขา ได้รับการรับรองให้เป็น Great Place To Work® เราสนับสนุนแนวทางในการรับมือกับความท้าทายอย่างสร้างสรรค์ในทุกสิ่งที่เราทำเพื่อให้ลูกค้าและตัวเราเองสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ นวัตกรรมประยุกต์ และระบบอัตโนมัติที่มีจุดประสงค์เฉพาะ สามารถข้อมูลวิธีการที่เราสามารถช่วยให้องค์กรชั้นนำสร้างแนวคิดใหม่ให้กับธุรกิจของพวกเขาได้ที่ www.slksoftware.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
 
Altimetrik
Gurvinder Singh Sahni
GSahni@altimetrik.com
 
Matt McLoughlin
Gregory FCA ในนามของ Altimetrik
altimetrik@GregoryFCA.com
+1 610-228-2123
 
SLK Software
Mohsina Faiz
mohsina.faiz@slksoftware.com
+91 8805008702

ที่มา: Altimetrik

Expensify ขยายการสนับสนุนทั่วโลกสำหรับบัตรองค์กร ภาษา การเรียกเก็บเงิน และการจ่ายเงินคืน

Logo

ปัจจุบัน SuperApp ทางการเงินรองรับบัตรองค์กรจากธนาคารหลายพันแห่งทั่วโลก รวมถึงการอัปเกรดระหว่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ จำนวนมาก

พอร์ตแลนด์, รัฐออริกอน –(BUSINESS WIRE)–25 มิถุนายน 2025

Expensify, Inc (Nasdaq: EXFY), ซึ่งเป็น SuperApp จัดการทางการเงินสำหรับการใช้จ่าย การเดินทาง และบัตรองค์กร ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ขยายการสนับสนุนระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมทั่วทั้งแพลตฟอร์ม การเปิดตัวครั้งนี้รวมถึงการรองรับการนำเข้าบัตรองค์กรจากธนาคารมากกว่า 10,000 แห่งทั่วโลก มีความสามารถในหลากหลายภาษา การเรียกเก็บเงินตามสกุลเงินยูโร การจ่ายเงินคืนระหว่างประเทศใน Expensify ใหม่ รวมถึงการเข้าถึงเวอร์ชันเบต้าสำหรับบัตร Expensify ทั่วสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และเร็วๆ นี้ในแคนาดา

การอัปเดตเหล่านี้ถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ระดับโลกของ Expensify ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกสามารถจัดการค่าใช้จ่ายและบัตรได้รวดเร็วและราบรื่นมากกว่าที่เคยเป็นโดยอยู่ภายในแพลตฟอร์มเดียว

“ขณะนี้ บริษัทต่างๆ ทั่วโลกสามารถจัดการค่าใช้จ่าย บัตร การจ่ายเงินคืน และอื่นๆ ได้ทั้งหมดภายใน Expensify” กล่าวโดย David Barrett ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Expensify

ไฮไลท์ของการขยายตัวระหว่างประเทศในปัจจุบัน:

  •  ขยายการรองรับบัตรองค์กรด้วยธนาคารใหม่มากกว่า 10,000 แห่งทั่วโลกที่บูรณาการเพื่อการนำเข้าและการกระทบยอดที่ราบรื่น
  •  การแปลภาษาที่นอกเหนือจากภาษาอังกฤษและภาษาสเปนใน Expensify ใหม่ ยังมีการรองรับภาษาเพิ่มอีก 10 ภาษา รวมถึงภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่น
  •  การเรียกเก็บเงินตามสกุลเงินยูโร สมาชิกสามารถชำระค่าสมัครสมาชิก Expensify เป็นสกุลเงินยูโรได้ (นอกเหนือจาก USD, GBP, AUD และ NZD)
  •  การสนับสนุนการจ่ายเงินคืนทั่วโลก เพื่อถอนเงินจากบัญชีธนาคารธุรกิจในสกุลเงิน USD, CAD, GBP, EUR และ AUD และฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารใน (เกือบทุกประเทศ) ประเทศใดก็ได้ที่ Expensify ใหม่
  •  Expensify Card เวอร์ชันเบต้า เปิดให้บริการแล้วในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป และกำลังจะมีการสนับสนุนในแคนาดาเร็วๆ นี้

“วันนี้เป็นวันสำคัญ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าทุกอย่างที่เราทำมาหลายปีล้วนเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้ โดยนำเสนอวิธีที่เร็วที่สุดในการจัดการค่าใช้จ่ายของคุณ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม” Barrett กล่าวเสริม

สมาชิกสามารถเลือกใช้เวอร์ชันเบต้าที่เกี่ยวข้องได้โดยติดต่อผู้จัดการบัญชีของตนหรือติดต่อได้ที่ concierge@expensify.com

เกี่ยวกับ Expensify

Expensify ช่วยให้ผู้คนกว่า 15 ล้านคนทั่วโลกติดตามค่าใช้จ่าย จองการเดินทาง คืนเงินให้กับพนักงาน จัดการบัตรองค์กร ส่งใบแจ้งหนี้ และชำระค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมดในที่เดียว ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพอิสระ ดำเนินธุรกิจขนาดเล็ก กำลังจัดการทีม หรือดูแลการเงินระดับโลก ให้ Expensify จัดการการเดินทางและค่าใช้จ่ายของคุณอย่างรวดเร็วในการแชท

คำชี้แจงเชิงคาดการณ์

คำชี้แจงบางข้อในข่าวเผยแพร่ฉบับนี้ถือเป็นคำชี้แจงเชิงคาดการณ์ตามความหมายของบทบัญญัติ “safe harbor” ของ Private Securities Litigation Reform Act of 1995 คำชี้แจงทั้งหมดที่อยู่ในข่าวเผยแพร่ฉบับนี้ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงในอดีตควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นคำชี้แจงเชิงคาดการณ์ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง คำชี้แจงเกี่ยวกับการเปิดตัว ความสำเร็จ และผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากความพยายามขยายกิจการทั่วโลกของ Expensify คำชี้แจงเชิงคาดการณ์เหล่านี้มีพื้นฐานมาจากความคาดหวังในปัจจุบันของฝ่ายบริหาร คำชี้แจงเหล่านี้ไม่ใช่คำมั่นสัญญาหรือการรับประกัน แต่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ทราบและไม่ทราบ ความไม่แน่นอน และปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่อาจทำให้ผลลัพธ์ ประสิทธิภาพ หรือความสำเร็จที่แท้จริงของ Expensify แตกต่างไปจากผลลัพธ์ ประสิทธิภาพ หรือความสำเร็จในอนาคตใดๆ ที่ระบุหรือเป็นนัยในคำชี้แจงเชิงคาดการณ์ รวมถึงความเสี่ยงที่กล่าวถึงในเอกสารที่ Expensify ยื่นต่อ SEC รวมถึงรายงานประจำปีของ Expensify ในแบบฟอร์ม 10-K และรายงานไตรมาสที่ตามมาในแบบฟอร์ม 10-Q Expensify ไม่ผูกพันที่จะอัปเดตคำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากเหตุการณ์ในอนาคต ข้อมูลใหม่ หรืออื่นใด ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Daniel Vidal, press@expensify.com

ที่มา: Expensify, Inc.

Newpark Fluids Systems เสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้นำฝ่ายบริหารและคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

Logo

HOUSTON–(BUSINESS WIRE)–26 มิถุนายน 2025

Newpark Fluids Systems (“Newpark” หรือ “บริษัท”) ผู้ให้บริการโซลูชันของเหลวสำหรับการขุดเจาะและการผลิตชั้นนำระดับโลก และ SCF Partners (“SCF”) มีความยินดีที่จะประกาศการเพิ่มบุคลากรสำคัญหลายตำแหน่งในกลุ่มผู้นำฝ่ายบริหารและคณะกรรมการบริหารของบริษัท การแต่งตั้งเชิงกลยุทธ์เหล่านี้ รวมถึงการลงทุนด้านสินทรัพย์จำนวนมาก รวมถึงการพัฒนาโรงงานโคลนเหลวชั้นนำในเท็กซัสตะวันตกและศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีแห่งใหม่ในซาอุดีอาระเบีย เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Newpark ในความเป็นเลิศด้านการดำเนินงาน การมุ่งเน้นคุณค่าของลูกค้า และการเติบโตทั่วโลกที่เร่งตัวขึ้นหลังจากการเข้าซื้อกิจการในปี 2024

  •  Nathan Snoke ได้เข้าร่วม Newpark Fluids Systems ในตำแหน่ง รองประธานอาวุโส, Western Hemisphere โดยนำประสบการณ์เกือบสองทศวรรษด้านแหล่งน้ำมันในอเมริกาเหนือมาสู่บทบาทล่าสุดของเขา โดยดำรงตำแหน่งผู้นำด้านปฏิบัติการและเชิงพาณิชย์สำหรับ Halliburton และ Flotek เขามีประสบการณ์การทำงานในแหล่งน้ำมันเชลล์หลักทุกแห่งของสหรัฐฯ ตั้งแต่ Rockies และ Permian ไปจนถึง Marcellus และ Haynesville ทำให้เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความท้าทายเฉพาะของแหล่งน้ำมันแต่ละแห่งและความต้องการของลูกค้า

นอกเหนือจากการจัดสรรผู้บริหารระดับสูงสำคัญตำแหน่งนี้แล้ว Newpark ยังได้ขยาย คณะกรรมการบริหาร โดยมีผู้นำระดับสูงในอุตสาหกรรมดังต่อไปนี้:

  •  Robert West – อดีต CEO ของ Anchor Drilling Fluids, Robert เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซมานานกว่า 50 ปี ในระหว่างดำรงตำแหน่งที่ Anchor เขาทำรายได้ของบริษัทจาก 25 ล้านเหรียญสหรัฐไปสู่เกือบ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยดูแลการเติบโตที่สำคัญและการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์
  •  W. Quentin Dyson – Quentin ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการที่ Southwestern Energy โดยมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในการเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมและปฏิบัติการภาคสนามในด้านการขุดเจาะ การดำเนินการก่อสร้าง และการบริการแบบบูรณาการ นอกจากนี้ Quentin ยังดำรงตำแหน่งอาวุโสที่ EP Energy, BP และ Schlumberger อีกด้วย
  •  Richard Barker – Richard ดำรงตำแหน่ง EVP และ CFO ของ Noble Corporation เขามีประสบการณ์ด้านการเงินและกลยุทธ์จากการทำงานด้านธนาคารเพื่อการลงทุนมาเป็นเวลาอันยาวนานถึง 15 ปีที่ Moelis & Company และ JPMorgan

David Paterson , CEO ของ Newpark Fluids Systems กล่าวว่า
เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Nathan, Robert, Quentin และ Richard มาร่วมทีมงานของ Newpark แต่ละคนล้วนมีทักษะและประสบการณ์เฉพาะตัวที่เข้ากันได้อย่างลงตัวกับกลยุทธ์การขยายตัว นวัตกรรม การจัดแนวทางลูกค้า และการสร้างมูลค่าในระยะยาวทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ ความเป็นผู้นำของพวกเขาจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดก้าวต่อไปในการเติบโตของเรา

“Newpark เป็นผู้นำระดับโลกในด้านของเหลวสำหรับการขุดเจาะและการผลิตมาอย่างยาวนาน โดยเป็นที่รู้จักในด้านความเป็นเลิศทางเทคนิค การมุ่งเน้นที่ลูกค้า และความน่าเชื่อถือในการดำเนินงาน ผู้นำใหม่กลุ่มนี้ เมื่อรวมกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์ของเรา จะทำให้ความสามารถของเราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่จะเติบโตไปพร้อมกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำมันที่เพิ่งขุดเจาะแล้วหรือในตลาดเกิดใหม่ก็ตาม
 — Deviyani Misra-Godwin , กรรมการผู้จัดการที่ SCF Partners และสมาชิกคณะกรรมการ, Newpark Fluids Systems

เกี่ยวกับ Newpark Fluids Systems

Newpark Fluids Systems เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันของเหลวสำหรับการขุดเจาะและการผลิต โดยให้บริการแก่ผู้ประกอบการด้านน้ำมันและก๊าซทั่วโลกที่มีฐานการผลิตที่เติบโตอย่างรวดเร็วในพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพ ด้วยความมุ่งมั่นในด้านประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และนวัตกรรม Newpark จึงสามารถให้บริการระบบของเหลวและบริการด้านวิศวกรรมที่ปรับแต่งได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขุดเจาะและผลผลิตของหลุมเจาะให้สูงสุด สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.newpark.com

เกี่ยวกับ SCF Partners

SCF ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 โดยให้บริการเงินทุนและความช่วยเหลือด้านการเติบโตเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างและขยายบริษัทด้านบริการด้านพลังงาน อุปกรณ์ และเทคโนโลยีชั้นนำที่ดำเนินงานทั่วโลก SCF ได้ลงทุนในบริษัทแพลตฟอร์มมากกว่า 80 แห่ง เข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมมากกว่า 400 แห่ง และพัฒนาบริษัทด้านบริการด้านพลังงานและอุปกรณ์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 18 แห่งตลอดประวัติศาสตร์ของบริษัท บริษัทมีสำนักงานใหญ่ใน Houston, Texas และมีสำนักงานใน Aberdeen และประเทศออสเตรเลีย

www.scfpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ: Kassie Harris ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และการตลาด kharris@newpark.com

ที่มา: Newpark Fluids Systems

Gradiant ประกาศเปิดตัวโรงงานผลิตลิเธียมแบบครบวงจรแห่งแรกของโลกจากน้ำที่ผลิตจากแหล่งน้ำมัน

Logo

โรงงานในรัฐเพนซิลเวเนียจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ของลิเธียมเกรดแบตเตอรี่ลิเธียมภายในต้นปี 2026
โดยทำข้อตกลงซื้อขายระยะยาวกับผู้ผลิตแบตเตอรี่ในสหรัฐฯ

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–24 มิถุนายน 2025

Gradiant ผู้นำระดับโลกด้านการกู้คืนทรัพยากรและน้ำขั้นสูง ประกาศในวันนี้ว่าธุรกิจลิเธียมของบริษัทalkaLi จะออกแบบ สร้าง เป็นเจ้าของ และดำเนินการโรงงานผลิตลิเธียมเชิงพาณิชย์ในชั้นหินดินดาน Marcellus ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งโรงงานนี้เป็นแห่งแรกของโลกที่ทำการสกัด ทำให้เข้มข้น และแปลงลิเธียม (EC²) ในกระบวนการครบวงจรจากน้ำที่ผลิตจากแหล่งน้ำมัน

alkaLi's commercial lithium production facility in the Marcellus Shale Formation of Pennsylvania is the world’s first to Extract, Concentrate, and Convert (EC²) lithium in a fully integrated, end-to-end process from oilfield produced water.

โรงงานผลิตลิเธียมเชิงพาณิชย์ของ alkaLi ในชั้นหินดินดาน Marcellus ในรัฐเพนซิลเวเนีย เป็นแห่งแรกของโลกที่ทำการสกัด แยกเข้มข้น และแปลงลิเธียม (EC²) ในกระบวนการบูรณาการครบวงจรจากน้ำที่ผลิตจากแหล่งน้ำมัน

การประกาศครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการเปิดตัวแพลตฟอร์ม EC² ของ alkaLi เมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง รับประกันการกู้คืนลิเธียมขั้นต่ำ 95%ที่ไซต์ของลูกค้า ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถส่งมอบลิเธียมคาร์บอเนตเกรดแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น ราคาถูกกว่า และยั่งยืนมากขึ้น

บริษัท alkaLi ของ Gradiant เป็นเจ้าของและดำเนินการโรงงานในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ ที่ดิน น้ำ และสิทธิในแร่ธาตุ รวมถึงใบอนุญาตต่างๆ โมเดลที่บูรณาการในแนวตั้งนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีอุปทานลิเธียมในสหรัฐฯ ในระยะยาว ขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงความล่าช้าในการขออนุญาตและการเป็นเจ้าของซึ่งมักจะทำให้โครงการแร่ธาตุที่สำคัญต้องหยุดชะงัก

ปัจจุบันระบบอยู่ระหว่างการทดสอบและได้พิสูจน์มาตรฐานสำคัญแล้ว ได้แก่ การกู้คืนลิเธียมจากน้ำที่ผลิตได้ 97% และความบริสุทธิ์ 99.5% สำหรับลิเธียมคาร์บอเนตเกรดแบตเตอรี่ โดยจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบในช่วงต้นปี 2026

alkaLi ได้ลงนามในข้อตกลงซื้อขายระยะยาวหลายปีเพื่อจัดหาลิเธียมคาร์บอเนตเกรดแบตเตอรี่สูงสุด 5,000 เมตริกตันต่อปีให้กับผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในสหรัฐฯ สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ข้อตกลงดังกล่าวยืนยันถึงความต้องการที่แข็งแกร่งของตลาดและความพร้อมเชิงพาณิชย์ของโซลูชันของ alkaLi

alkaLi นำเสนอโมเดลหลากหลายรูปแบบให้กับพันธมิตรและลูกค้า เช่น

  • นำโซลูชัน EC² ไปใช้กับผู้ผลิตลิเธียม
  • ออกแบบ สร้าง และใช้งานระบบบูรณาการสำหรับพันธมิตร
  • ผลิตและจำหน่ายลิเธียมจากสินทรัพย์ที่ alkaLi เป็นเจ้าของ

“ขณะนี้เรามีสินทรัพย์การผลิตลิเธียมที่ดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในสหรัฐฯ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงสิ่งที่ EC² สามารถทำได้” Anurag Bajpayee ซีอีโอของ Gradiant กล่าว “นี่ไม่ใช่แนวคิด แต่เป็นโรงงานที่ดำเนินการจริงเพื่อแสดงให้เห็นว่าการผลิตลิเธียมในประเทศที่สะอาดนั้นสามารถทำได้จริงและปรับขนาดได้ เป้าหมายของเราไม่ใช่การแข่งขันกับลูกค้า แต่เพื่อเพิ่มพลังให้กับลูกค้าและอุตสาหกรรมโดยรวมให้สามารถตอบสนองความต้องการลิเธียมเกรดแบตเตอรี่ที่พุ่งสูงขึ้นและเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด การลงทุนเชิงกลยุทธ์ใน Marcellus Shale ซึ่งสามารถจัดหาลิเธียมให้กับสหรัฐฯ ได้ 50% เป็นการพิสูจน์ถึงความครบถ้วนสมบูรณ์ของเทคโนโลยีของ alkaLi และช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีอุปทานในประเทศในระยะยาว”

กระบวนการ EC² ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ alkaLi ผสมผสานการสกัดลิเธียมโดยตรง (DLE) การทำให้เข้มข้น และการแปลงขั้นสุดท้ายเข้าไว้ในระบบเดียวที่คล่องตัว เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการทั่วไปแล้ว กระบวนการ EC² จะนำเสนอ:

  • การลดต้นทุนการลงทุนและการดำเนินการสูงสุดถึง 50%
  • ระบบโมดูลาร์ที่ออกแบบไว้ล่วงหน้าสำหรับการใช้งานทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
  • ประสิทธิภาพที่ปรับให้เหมาะสมด้วย AI สำหรับการควบคุมแบบเรียลไทม์และการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์
  • การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมีการอนุญาตที่คล่องตัว
  • ความยืดหยุ่นของน้ำป้อน – รวมถึงน้ำเกลือจากความร้อนใต้พิภพ การรีไซเคิลแบตเตอรี่ และแหล่งน้ำที่ผลิตได้

Gradiant ขอเชิญชวนลูกค้า พันธมิตร และนักลงทุนที่สนใจเข้าร่วมเชื่อมต่อกับ alkaLi เพื่อสำรวจว่าแพลตฟอร์มอันล้ำสมัยนี้สามารถเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดทั่วโลกได้อย่างไร

เกี่ยวกับ alkaLi

alkaLi เป็นผู้บุกเบิกอนาคตของการกู้คืนแร่ธาตุที่สำคัญเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดย alkaLi เป็นบริษัทที่แยกตัวจาก Gradiant และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในบอสตัน ผสมผสานความเชี่ยวชาญขั้นสูงด้านการบำบัดน้ำและน้ำเสียเข้ากับนวัตกรรมรุ่นต่อไปในการสกัดแร่ธาตุ โซลูชัน EC² ที่ก้าวล้ำของบริษัทช่วยให้สามารถผลิตลิเธียมเกรดแบตเตอรี่และองค์ประกอบสำคัญอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และคุ้มต้นทุน ด้วยการสนับสนุนจากการลงทุนที่สำคัญและผลงานที่พิสูจน์แล้ว alkaLi จึงอยู่แถวหน้าในการปฏิวัติแหล่งแร่ธาตุที่สำคัญเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ alkaLi3.com

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นบริษัทน้ำประเภทที่แตกต่าง ด้วยชุดโซลูชันครบวงจรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและเป็นกรรมสิทธิ์สำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านน้ำ บริษัทให้บริการการดำเนินงานที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่จำเป็นของโลก รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญ และพลังงานหมุนเวียน โซลูชันอันสร้างสรรค์ของ Gradiant ช่วยลดการใช้น้ำและน้ำเสียที่ถูกปล่อยออก นำทรัพยากรที่มีค่ากลับคืนมา และเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด บริษัทซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในบอสตันก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และมีพนักงานมากกว่า 1,400 คนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250624673369/en

Contacts

ติดต่อองค์กร
Felix Wang
Gradiant หัวหน้าฝ่ายแบรนด์ระดับโลก
fwang@gradiant.com

ที่มา: Gradiant

Toshiba เริ่มจัดส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ตัวที่สองในซีรีส์ “SmartMCD™” ซึ่งเป็นไดรเวอร์ควบคุมมอเตอร์อัจฉริยะ

Logo

ไดรเวอร์รีเลย์และไมโครคอนโทรลเลอร์จะมอบโซลูชันแบบบูรณาการสำหรับการควบคุมมอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านในยานยนต์

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–24 มิถุนายน 2025

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เริ่มจัดส่งตัวอย่าง “TB9M001FTG” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ตัวที่สองในซีรีส์ Smart Motor Control Driver “SmartMCD™ [1]” ไมโครคอนโทรลเลอร์ใน SmartMCD™ ประกอบด้วยฟังก์ชันไดรเวอร์รีเลย์[2]และฟังก์ชันตัวรับส่งสัญญาณ LIN[3] โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้สามารถขับเคลื่อนรีเลย์และควบคุมมอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านได้สองตัว และเหมาะสำหรับการควบคุมมอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านในแอปพลิเคชันยานยนต์

Toshiba: TB9M001FTG, the second product in the Smart Motor Control Driver “SmartMCD™” series.

Toshiba: TB9M001FTG ผลิตภัณฑ์ตัวที่สองในซีรีส์ “SmartMCD™” ซึ่งเป็นไดรเวอร์ควบคุมมอเตอร์อัจฉริยะ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการใช้พลังงานไฟฟ้าในอุปกรณ์ยานยนต์มีความก้าวหน้า อุปกรณ์รอง[4] จึงมีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ต้องมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ฟังก์ชันการทำงานที่เพิ่มขึ้น การออกแบบที่กะทัดรัดมากขึ้น และส่วนประกอบที่น้อยลง Toshiba จึงตอบสนองต่อข้อกำหนดเหล่านี้ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่

SmartMCD™ ใหม่มีไดรเวอร์ตัวล่างในตัวสี่ตัวที่สามารถใช้กับไดรเวอร์รีเลย์และการใช้งานอื่นๆ ช่วยให้สามารถควบคุมการเดินหน้าและถอยหลัง[5] ของมอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านสองตัวได้ นอกจากนี้ยังมีไมโครคอนโทรลเลอร์ในตัว (แกน Arm® Cortex® -M0) หน่วยความจำแฟลชความจุสูง ไดรเวอร์ตัวบนสองตัวสำหรับการใช้งานแหล่งจ่ายไฟ, ตัวรับส่งสัญญาณ LIN และระบบแหล่งจ่ายไฟที่สามารถทำงานได้ในระดับแบตเตอรี่รถยนต์ ฟังก์ชันทั้งหมดเหล่านี้รวมเข้าไว้ในแพ็กเกจ VQFN48 ขนาดกะทัดรัด (ขนาดทั่วไป 7×7 มม.)

นอกจากการควบคุมมอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านในแอปพลิเคชันยานยนต์ เช่น ซันรูฟไฟฟ้า ที่ปัดน้ำฝนไฟฟ้า กระจกไฟฟ้า และเบาะนั่งไฟฟ้าแล้ว ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมเซนเซอร์และตัวกระตุ้นต่างๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ การควบคุมแบบ LIN จาก ECU หลักยังสามารถใช้เป็นอุปกรณ์รองสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทำให้สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของยานยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรองรับการใช้งานยานยนต์ในวงกว้าง

Toshiba จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ซีรีส์ SmartMCD™ ต่อไป และจะช่วยลดขนาดของระบบยานยนต์และลดจำนวนส่วนประกอบที่ใช้

หมายเหตุ:
[1] SmartMCD™: ชุดวงจรรวมที่พัฒนาโดย Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซึ่งผสานรวมฟังก์ชันการควบคุมมอเตอร์และไมโครคอนโทรลเลอร์เข้าด้วยกัน
[2] ไดรเวอร์รีเลย์: วงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมรีเลย์ (สวิตช์แม่เหล็กไฟฟ้า) อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ ซึ่งควบคุมกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่โดยใช้สัญญาณกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าขนาดเล็กจากไมโครคอนโทรลเลอร์หรือวงจรควบคุม
[3] Local interconnect network (LIN): โปรโตคอลการสื่อสารแบบอนุกรมที่ใช้เป็นหลักในการสื่อสารระหว่างหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) ในยานพาหนะ
[4] อุปกรณ์รอง: อุปกรณ์ที่รับผิดชอบในการรองรับ ECU หลัก
[5] เมื่อใช้รีเลย์แบบขั้วเดี่ยวสองขั้ว (SPDT) สองตัว

การใช้งาน

อุปกรณ์ยานยนต์

  • ซันรูฟไฟฟ้า
  • ที่ปัดน้ำฝนไฟฟ้า
  • กระจกไฟฟ้า
  • เบาะนั่งไฟฟ้า
    และอื่นๆ

คุณสมบัติ

  •  MCU 32 บิต (Arm® Cortex® -M0) ความถี่การทำงาน: 40MHz (ออสซิลเลเตอร์บนชิปความเร็วต่ำ ความเร็วสูง)
  •  หน่วยความจำในตัว (incECC SEC/DED[6] )
     โค้ดแฟลช: 192 กิโลไบต์, หน่วยความจำแฟลช: 16 กิโลไบต์, SRAM: 16 กิโลไบต์
  • ไดรเวอร์ตัวล่างสี่ช่อง: มอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านสองตัวสามารถควบคุมการหมุนไปข้างหน้าและถอยหลังได้ด้วยรีเลย์
  • วิธีการสื่อสาร: การสื่อสารแบบ LIN ฯลฯ (ประเภทการเลือกการสื่อสาร PWM, UART)

หมายเหตุ:
[6] incECC SEC/DED: ฟังก์ชัน ECC (รหัสแก้ไขข้อผิดพลาด) ในตัวรองรับการแก้ไขข้อผิดพลาด 1 บิต (SEC) และการตรวจจับข้อผิดพลาด 2 บิต (DED)

ข้อมูลจำเพาะหลัก

หมายเลขชิ้นส่วน

 TB9M001FTG

ไดรเวอร์รีเลย์

ไดรเวอร์ตัวล่าง: 4 ช่อง (OUTL0-3)

(มอเตอร์ DC แบบแปรงถ่าน 2 ตัวที่สามารถควบคุมด้วยรีเลย์ได้)

ฟังก์ชันหลัก

ชั้นกายภาพ LIN: 1 ช่อง (ตัวตอบสนองเท่านั้น)

อินพุตลอจิกแรงดันไฟฟ้าสูง: อินพุตสวิตช์ 5 ช่อง (SWIN0-4), อินพุตเซนเซอร์ฮอลล์ 4 ช่อง (HPIN0-3)

ไดรเวอร์ตัวบน: 2 ช่อง (OUTH0(VB) (เอาต์พุต VB (แรงดันไฟฟ้า)), OUTH1(VCC) (เอาต์พุต VCC (แรงดันไฟฟ้า))

วิธีการสื่อสาร

การสื่อสารแบบ LIN, ประเภทการเลือกการสื่อสาร PWM, UART

การตรวจจับข้อผิดพลาด

การตรวจจับกระแสไฟเกิน (ไดรเวอร์ตัวล่าง, ไดรเวอร์ตัวบน)

การตรวจจับแรงดันไฟเกิน (VCC (Generated 5V), VDD (Generated 1.5V)),

การตรวจจับแรงดันไฟฟ้าตก (VCC (Generated 5V)), การปิดระบบความร้อน

ค่าสูงสุด
ที่ยอมรับ
ได้

แรงดันไฟจ่าย VB (V)

-0.3 ถึง 40

ช่วง
การทำงาน

แรงดันไฟจ่าย VB (V)

6 ถึง 18

อุณหภูมิในการทำงาน
 Topr (°C)

Ta=-40 ถึง 90

Tj=-40 ถึง 150

แพ็กเกจ

ชื่อ

P-VQFN48-0707-0.50-005

ขนาด (มม.)

ทั่วไป

7.0 × 7.0

ความน่าเชื่อถือ

ผ่านการรับรอง AEC-Q100 ระดับ 1

 ASIL-A[7]ผ่านการรับรอง

การผลิตจำนวนมาก

ธันวาคม 2025 (ตามกำหนดการ)

หมายเหตุ:
[7] ASIL-A: ASIL ย่อมาจาก Automotive Safety Integrity Level ซึ่งเป็นระดับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยในการทำงานที่กำหนดขึ้นตามมาตรฐาน ISO 26262 ด้านความปลอดภัยในการทำงานในยานยนต์ ASIL-A เป็นระดับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่ต่ำที่สุดภายในการจำแนกประเภทนี้ และจะใช้เมื่อประเมินว่าความผิดปกติของฟังก์ชันดังกล่าวมีผลกระทบต่อชีวิตของมนุษย์หรือยานพาหนะในระดับต่ำ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TB9M001FTG
ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไดรเวอร์มอเตอร์ยานยนต์ของ Toshiba
อุปกรณ์แอนะล็อก

* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm Limited (หรือบริษัทย่อย) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือที่อื่น
* SmartMCD™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัทอื่นๆ ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชั่นเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง มีประสบการณ์และนวัตกรรมมากกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ

โดยมีพนักงานกว่า 19,400 คนทั่วโลกที่มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน บริษัทมุ่งหวังที่จะสร้างและมีส่วนสนับสนุนเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนโดยทั่วไป

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250623500012/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

การสอบถามจากลูกค้า:
แผนกขายและการตลาดอุปกรณ์แอนะล็อก
โทร.: +81-44-548-2219
ติดต่อเรา
 
การสอบถามจากสื่อ:
Chiaki Nagasawa
แผนกการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

‘Lost Sword’ ของ Wemade Max เปิดตัวทั่วโลกด้วยยอดลงทะเบียนล่วงหน้ากว่า 500,000 ราย

Logo

  • 'Lost Sword' เกม RPG แนวย่อยวัฒนธรรมสุดฮิตของเกาหลี กำลังจะเปิดตัวให้ผู้เล่นทั่วโลกได้เล่นกัน
  •  มีผู้ลงทะเบียนล่วงหน้ามากกว่า 500,000 รายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน จากการให้ความสนใจอย่างล้นหลามจากอเมริกาเหนือและยุโรป
  •  ผู้เล่นที่ลงทะเบียนล่วงหน้าทุกคนจะได้รับเพชร ทอง และตัวละคร 5 ดาว 'Guinevere'

ซองนัม เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–24 มิถุนายน 2025

Wemade Max (KRX: 101730 ตัวแทนกรรมการอิสระ Sohn Myun-seok และ Lee Gil-hyung) ได้ประกาศเปิดตัวทั่วโลกอย่างเป็นทางการของเกม RPG บนมือถือแนวย่อยวัฒนธรรม “Lost Sword” ซึ่งกำหนดเปิดตัวในวันที่ 10 กรกฎาคม เกมนี้พัฒนาโดย Codecat (ซีอีโอ Kim Je-hun) และเผยแพร่โดยบริษัทในเครือ Wemade Max Wemade Connect (ซีอีโอ Lee Ho-dae)

Announcement of the official global launch date for ‘Lost Sword’ (Image: Wemade Max)

ประกาศวันเปิดตัวทั่วโลกอย่างเป็นทางการของ 'Lost Sword' (รูปภาพ: Wemade Max)

เปิดตัวครั้งแรกในตลาดเกาหลีเมื่อเดือนมกราคม เกม RPG แนวย่อยวัฒนธรรม Lost Sword ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากการนำเสนอที่มีชีวิตชีวา การออกแบบตัวละครที่โดดเด่น และการปรับแต่งขั้นสูง จากความสำเร็จภายในประเทศนี้ เกมนี้กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวทั่วโลกในอเมริกาเหนือ ยุโรป และตลาดสำคัญอื่นๆ

หลังจากการประกาศเปิดตัวทั่วโลก โปรโมชั่นลงทะเบียนล่วงหน้าได้ดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม โปรโมชั่นนี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยมียอดผู้ลงทะเบียนมากกว่า 200,000 ราย ภายในสัปดาห์แรกเพียงสัปดาห์เดียว และมียอดผู้ลงทะเบียนล่วงหน้าทั้งหมดทะลุ 500,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยพบว่ามีผู้ลงทะเบียนมากที่สุดในอเมริกาเหนือและยุโรป ซึ่งความสนใจในประเภท RPG ที่เป็นวัฒนธรรมย่อยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 เพื่อเป็นการฉลองยอดลงทะเบียนล่วงหน้าครบ 500,000 คน ผู้เข้าร่วมทุกคนจะได้รับรางวัลพิเศษในเกมเมื่อเปิดตัว ซึ่งรวมไปถึงเพชร ทอง และตัวละครฮีลเลอร์ 5 ดาว Guinevere โดยผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้าเสร็จสิ้นภายในวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกิจกรรมก็จะมีสิทธิ์ได้รับรางวัลเช่นเดียวกัน

Song Moon-ha ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจของ Wemade Connect กล่าวว่า “องค์ประกอบ RPG ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Lost Sword ได้รับความสนใจจากผู้เล่นทั่วโลกจากหลากหลายภูมิภาค” เขากล่าวเสริมว่า “เราจะยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบเนื้อหาที่น่าสนใจและโปรโมชั่นที่ปรับแต่งตามความต้องการของผู้เล่นหลังจากการเปิดตัวทั่วโลกอย่างเป็นทางการ”

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดตัวทั่วโลกของ 'Lost Sword' สามารถดูได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแบรนด์และผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย รวมถึง X, YouTube, Discord, Facebook, TikTok และ Reddit

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: 

https://www.businesswire.com/news/home/20250624117071/en

Contacts

Wemade Max
Sylvia Byun
sooki@wemade.com

Jaemin Choi
cdm495220@madngine.com

Hyunsu Kim
zeitgeist2599@wemadeconnect.com

ที่มา: Wemade Max

หนึ่ง สอง สามซ้ำอีก: Mary Kay Inc. ได้รับการขนานนามให้เป็นแบรนด์ขายตรงอันดับ 1 ของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางตกแต่งสีของโลกสามปีติดต่อกัน

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–23 มิถุนายน 2025

สิ่งดีๆ มักมาในสามประการ: แบรนด์ความงามระดับไอคอนและบริษัทผู้ประกอบการระดับโลก Mary Kay Inc. ได้รับการขนานนามให้เป็นแบรนด์ขายตรงอันดับ 1 ของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางตกแต่งสีของโลก1 จาก Euromonitor International อีกครั้งเป็นปีที่สามติดต่อกัน

Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay กล่าวว่า “การได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์ขายตรงอันดับ 1 ของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางตกแต่งสีของโลกติดต่อกันสามปีซ้อนจาก Euromonitor International ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของ Mary Kay ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่นี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการวิจัยและพัฒนาและการตลาดตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและความงามที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลก เหนือสิ่งอื่นใด ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของที่ปรึกษาความงามอิสระของเราที่ขับเคลื่อนความสำเร็จนี้ไปทั่วโลก” (เครดิตภาพโดย: Mary Kay Inc.)

Euromonitor International เป็นผู้ให้บริการข้อมูลเชิงธุรกิจระดับโลก การวิเคราะห์ตลาด และข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคชั้นนำ โดยมีประสบการณ์ในการทำการวิจัยตลาดในกว่า 100 ประเทศมานานกว่า 50 ปี

“การได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์ขายตรงอันดับ 1 ของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางตกแต่งสีของโลกจาก Euromonitor International สามปีติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของ Mary Kay” กล่าวโดย Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay “ความสำเร็จที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการวิจัยและพัฒนาตลอดหลายปีที่ผ่านมาและความพยายามทางการตลาดเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและความงามที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลก เหนือสิ่งอื่นใด ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของที่ปรึกษาความงามอิสระของเราที่ขับเคลื่อนความสำเร็จนี้ไปทั่วโลก”

นอกจากจะได้รับการยอมรับในระดับโลกแล้ว Mary Kay ยังได้รับการยกย่องให้เป็น:

  • แบรนด์เครื่องสำอางสำหรับใบหน้าอันดับ 1 ในลาตินอเมริกา*
  • แบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปากอันดับ 1 ในลาตินอเมริกา*
  • แบรนด์เครื่องสำอางตกแต่งสีอันดับ 1 ในเม็กซิโก*
  • แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางตกแต่งสีอันดับ 1 ในเม็กซิโก*

Sarah Boumphrey ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยระดับโลกของ Euromonitor International กล่าวว่า “รางวัลที่เรามอบให้สะท้อนถึงมาตรฐานความเป็นเลิศสูงสุดในอุตสาหกรรมที่เราติดตาม รวมถึงอุตสาหกรรมความงามและการขายตรง ผู้ได้รับรางวัลได้รับการยอมรับผ่านกระบวนการประเมินที่เข้มงวดซึ่งขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่มีจากการวิจัยอิสระ การวิเคราะห์ตลาดระดับโลก และความเชี่ยวชาญในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ ทาง Euromonitor รู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับบริษัทชั้นนำ เช่น Mary Kay และความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานและคุณภาพในภูมิทัศน์ที่มีการแข่งขันสูง”

ด้วยการมีสาขาอยู่ในกว่า 40 ตลาดและที่ปรึกษาความงามอิสระหลายล้านคนทั่วโลก Mary Kay ยังคงกำหนดมาตรฐานด้านความงามที่โดดเด่นและส่งมอบผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยมีผลิตภัณฑ์ยอดนิยมหลายรายการที่มีส่วนทำให้ Mary Kay ขึ้นแท่นอันดับ 1 รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิว TimeWise® อันโด่งดัง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว Clinical Solutions® ที่ได้รับการรับรองจากแพทย์ผิวหนัง น้ำยาล้างเครื่องสำอางรอบดวงตาแบบปราศจากน้ำมัน Mary Kay® ที่เหล่าอินฟลูเอนเซอร์และคนมีชื่อเสียงต่างชื่นชอบ มาสคาร่า Mary Kay® Ultimate Mascara™ ลิปกลอส Mary Kay Unlimited® และอายไลเนอร์กันน้ำ Mary Kay® เป็นต้น

ในปี 2024 เพียงปีเดียว Mary Kay ได้รับรางวัลความงามถึง 65 รางวัลทั่วโลก นอกจากการได้รับการยอมรับอันดับ 1 จาก Euromonitor International แล้ว ล่าสุด Mary Kay ติดอันดับที่ 11 ใน Women’s Wear Daily Beauty Inc. จาก 100 บริษัทความงามชั้นนำประจำปี 2024

ผลิตภัณฑ์ Mary Kay จำหน่ายโดยที่ปรึกษาความงามอิสระชั้นนำที่ให้บริการเฉพาะบุคคลแก่ลูกค้าทั้งแบบตัวต่อตัวและออนไลน์ที่ www.MaryKay.com และบนช่องทางโซเชียลและสื่อดิจิทัล

รางวัล Euromonitor เป็นการตอกย้ำให้ Mary Kay เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในโลก โดยมีรูปแบบธุรกิจและภารกิจขององค์กรที่มุ่งเน้นในการส่งเสริมศักยภาพผู้หญิง เปลี่ยนแปลงชีวิต และช่วยปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของเรา

คุณรู้หรือไม่ว่า :

  •  น้ำยาล้างเครื่องสำอางรอบดวงตาแบบปราศจากน้ำมัน Mary Kay® หนึ่งชิ้นจะถูกขายออกไปทั่วโลกทุกๆ 5 นาที2
  •  Mary Kay ถือครองสิทธิบัตรเกือบ 1,500 ฉบับทั่วโลกสำหรับผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอระดับโลก3
  • ศูนย์การผลิต/R&D ระดับโลก Richard R. Rogers (R3) อันทันสมัยของ Mary Kay ที่ตั้งอยู่ในเมืองลูอิสวิลล์ รัฐเท็กซัส มีกำลังการผลิตสูงถึง 1.1 ล้านชิ้นต่อวัน
  •  62% ของทีมวิจัยและพัฒนาของ Mary Kay ทั่วโลกเป็นผู้หญิง 4
  •  81% ของทีมการตลาดและสตูดิโอสร้างสรรค์ระดับโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง5
  •  30% ของสมาชิกฝ่ายขายที่เริ่มต้นธุรกิจ Mary Kay ในปีที่ผ่านมามีอายุต่ำกว่า 35 ปี6

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash ผู้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือการทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 40 ตลาด เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่โอกาสของ Mary Kay ได้ส่งเสริมให้ผู้หญิงกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay มุ่งมั่นที่จะลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอมที่ล้ำสมัย Mary Kay เชื่อในการอนุรักษ์โลกของเราไว้สำหรับคนรุ่นต่อไป ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการล่วงละเมิดในครอบครัว และสนับสนุนให้เยาวชนเดินตามความฝันของตนเอง เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้บน Facebook, Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราบน X.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

_____________________________

1 “ที่มา Euromonitor International Limited; Beauty and Personal Care ฉบับปี 2025, ยอดขายตามมูลค่าที่ RSP, ข้อมูลปี 2024”

* “ที่มา Euromonitor International Limited; Beauty and Personal Care ฉบับปี 2025, ยอดขายตามมูลค่าที่ RSP, ข้อมูลปี 2024”

2 ที่มา: Mary Kay Inc., ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2024 สำหรับ 12 เดือนที่ผ่านมา โดยอิงตามจำนวนหน่วยที่ขาย

3 ที่มา: Mary Kay Inc., ณ ปี 2025

4 ที่มา: Women Representation and Leadership at Mary Kay (พฤษภาคม 2025)

5 ที่มา: Women Representation and Leadership at Mary Kay (พฤษภาคม 2025)

6 ที่มา: Mary Kay Inc., ข้อมูลสหรัฐฯ ปี 2024

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/20250623000452/en

Contacts

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.


KKV ขยายกิจการในประเทศไทย เปิดร้านใหม่ร่วมกับยักษ์ใหญ่ในท้องถิ่น

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–24 มิถุนายน 2025

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2025 KKV แบรนด์ค้าปลีกระดับโลกได้เปิดร้านใหม่ที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ในกรุงเทพฯ ในวันเปิดร้าน สุนทรียศาสตร์เชิงพื้นที่อันเป็นเอกลักษณ์ของ KKV ที่มีภายนอกเป็นทรงตู้คอนเทนเนอร์สีเหลืองสดใสและชั้นวางสินค้าที่แบ่งตามสีสำหรับหมวดหมู่สินค้าต่างๆ ผสมผสานกับการแสดงที่มีชีวิตชีวาและสนุกสนาน ดึงดูดผู้บริโภคหลายร้อยคนให้เข้าแถวยาวเพื่อถ่ายรูปเช็คอิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมอย่างล้นหลามของแบรนด์ นับตั้งแต่เข้าสู่ตลาดประเทศไทยในเดือนตุลาคม 2024 ทาง KKV ได้ขยายสาขาในท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว โดยเปิดร้านไปแล้วกว่า 10 ร้านในเมืองสำคัญๆ เช่น กรุงเทพฯ นครราชสีมา และหาดใหญ่ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี โดยแบรนด์ได้ประกาศแผนการที่จะลงทุนต่อไปในย่านการค้าหลักของประเทศไทยและจะเปิดร้านใหม่เพิ่มเติมในปี 2025

Customers are lining up in front of KKV stores

ลูกค้ากำลังต่อแถวอยู่หน้าร้าน KKV

นอกจากนี้ KK Group ยังเป็นเจ้าของ The Colorist (ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม) และ X11 (ร้านจำหน่ายของเล่นแนวเทรนด์) อีกด้วย วิสัยทัศน์ “อยู่อย่างไร้ขอบเขต” ของบริษัทเป็นแรงผลักดันให้บริษัทมีสาขาอยู่ทั่วโลก โดยมีร้านค้ามากกว่า 1,000 แห่งในหกประเทศ ในฐานะแบรนด์หลัก KKV ยึดมั่นในปรัชญา “สำรวจไลฟ์สไตล์ 100 แบบ” โดยนำเสนอสินค้ากว่า 20,000 รายการใน 8 หมวดหมู่ รวมถึงของเล่นแนวเทรนด์ สินค้าใช้ในบ้าน ของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องสำอาง และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งสำรวจความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมอย่างแข็งขัน

จับมือกับยักษ์ใหญ่ท้องถิ่นเพื่อปลดล็อกตลาดคนรุ่น Gen Z ของประเทศไทย

ตลาดในประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งนับตั้งแต่มีการขยายตัว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ KKV จนถึงขณะนี้ KKV ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ชั้นนำของไทย เช่น Central Group, The Mall Group และ LH Mall&Hotel โดยได้ทำเลในย่านการค้าที่สำคัญของเมืองหลักๆ เช่น กรุงเทพฯ และหาดใหญ่ ด้วยการใช้ความเชี่ยวชาญด้านการดำเนินงานในพื้นที่และข้อได้เปรียบด้านการไหลเวียนของลูกค้าของพันธมิตร ทำให้ KKV สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ของไทยได้อย่างรวดเร็ว

เพื่อเป็นการตระหนักถึงความกระตือรือร้นของเยาวชนไทยที่มีต่อวัฒนธรรมไอดอล KKV จึงได้เชิญคนดังและ KOL มาเป็นแขกรับเชิญของแบรนด์ในงานเปิดตัว กลยุทธ์การส่งเสริมการขายเหล่านี้ทำให้แฟนๆ มีส่วนร่วมอย่างล้นหลาม โดยมีการโต้ตอบกันอย่างคึกคักในสถานที่ ซึ่งเน้นย้ำถึงความร่วมมืออันทรงพลังระหว่างเอฟเฟกต์ของคนดังและความหลงใหลของเยาวชนไทยที่มีต่อประสบการณ์ที่ทันสมัย

ในขณะเดียวกัน การวางตำแหน่งแบรนด์และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของ KKV สอดคล้องกับความต้องการบริโภคสามประการของเยาวชนไทย ได้แก่ “ความสดใหม่” “ความน่าดึงดูดใจทางสังคม” และ “ความคุ้มทุน” ซึ่งทำให้ KKV กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ในพื้นที่

มุ่งมั่นเพื่อประเทศไทย ขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาด

ประชากรของประเทศไทยที่ขับเคลื่อนโดยเยาวชนและแนวโน้มการบริโภคที่เพิ่มขึ้นเป็นแรงผลักดันการเติบโตในระยะยาวของ KKV ตามข้อมูลของ Kadence (2025) คนรุ่น Gen Z คิดเป็น 20% ของประชากรของประเทศไทย โดยการค้าปลีกแฟชั่นและการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์เติบโตที่ 5.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดมาก

“ตลาดเยาวชนที่คึกคักและวัฒนธรรมผู้บริโภคที่เปิดกว้างของประเทศไทยทำให้เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งถึงอนาคตระยะยาวของเรา” Rojen Wu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการโครงการต่างประเทศของ KK Group กล่าว “KK เชื่อเสมอมาว่าแก่นแท้ของการค้าปลีกที่ทันสมัยอยู่ที่การตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ เราต้องการให้ KKV เป็นมากกว่าจุดหมายปลายทางในการจับจ่ายซื้อของสำหรับคนหนุ่มสาว แต่ควรเป็นศูนย์กลางที่พวกเขาสามารถแสดงออกถึงตัวตนและสำรวจวิถีชีวิตที่หลากหลาย”

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ KKV ในประเทศไทยไม่เพียงแต่ให้การสนับสนุนที่สำคัญต่อกลยุทธ์ระดับโลกของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังจุดประกายความมีชีวิตชีวาของนวัตกรรมในตลาดค้าปลีกในท้องถิ่นอีกด้วย ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเชื่อว่าการเข้าถึงเทรนด์การบริโภคของวัยรุ่นและการขยายความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจชั้นนำในท้องถิ่นจะทำให้ KKV เป็นผู้นำในการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตลาดค้าปลีกที่ทันสมัยของประเทศไทยต่อไป

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250618759219/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

molly.song@kkgroup.cn

ที่มา: KKV

Tigo Energy และ BayWa r.e. ขับเคลื่อนระบบโซลาร์ C&I กำลังวัตต์สูงในประเทศไทย

Logo

ในงาน ASEAN Sustainable Energy Week ประจำปี 2025 Tigo และ BayWa r.e. ร่วมมือกันในการเพิ่มประสิทธิภาพ การติดตาม และโซลูชันการปิดระบบอย่างรวดเร็วสำหรับระบบโซลาร์ C&I ในประเทศไทย

CAMPBELL, Calif.–(BUSINESS WIRE)–23 มิถุนายน 2025

Tigo Energy, Inc. (NASDAQ: TYGO) (“Tigo” หรือ “Company”) ผู้ให้บริการโซลูชันซอฟต์แวร์พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานอัจฉริยะชั้นนำ ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทจะแชร์บูธแสดงสินค้าร่วมกับBayWa r.e. ในงาน ASEAN Sustainable Energy Week ประจำปี 2025 ระหว่างวันที่ 2-4 กรกฎาคม ที่ QSNCC ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย ในงานแสดงนี้ Tigo จะมุ่งเน้นการสนับสนุนผู้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I) และผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม จัดซื้อ และผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง (EPC) เนื่องจากการบังคับใช้ข้อกำหนดการปิดระบบอย่างรวดเร็วฉบับใหม่เริ่มขึ้น การติดตั้งโมดูลกำลังไฟฟ้าสูงในพื้นที่ที่มีความเข้มของแสงสูง และการรับประกันคุณภาพพลังงานแสงอาทิตย์โดยรวม (TQS) ผ่านโปรแกรมบริการของ Tigo

สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในภูมิภาคที่มีอากาศร้อน ชื้น และมีความเข้มแสงสูง (>1000W/m2 ) เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Tigo TS4-X ตระกูลของอุปกรณ์ MLPE มาพร้อมบริการปรับแต่ง การตรวจสอบ และความปลอดภัยล่าสุดสำหรับผู้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งโมดูลกำลังไฟฟ้าสูง รวมถึงรองรับการเพิ่มกำลังไฟฟ้าด้านหลังของโมดูลแบบสองหน้าสมัยใหม่ สายผลิตภัณฑ์ TS4-X ช่วยให้ผู้ติดตั้งมีอิสระมากขึ้นในการติดตั้งโมดูลที่ให้พลังงานและประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานของลูกค้า ลดต้นทุนแรงงานด้วยการออกแบบที่ไม่ใช้สลักเกลียวและไม่ต้องเดินสายดินเพิ่มเติม และมีส่วนช่วยในการปรับปรุงต้นทุนพลังงานเฉลี่ย (LCOE) ในภาคส่วนโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ อุปกรณ์ Tigo MLPE จับคู่กับรายการอินเวอร์เตอร์โซลาร์ของบริษัทอื่นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อมอบความยืดหยุ่นในการออกแบบและการติดตั้งสำหรับผู้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และ EPC

“ตลาดโซลาร์ที่ติดตั้งบนหลังคาในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และความต้องการระบบที่ปลอดภัยและชาญฉลาดยิ่งขึ้นก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน” Junrhey Castro กรรมการผู้จัดการของ BayWa r.e. Solar Systems กล่าว “ในฐานะผู้จัดจำหน่ายในภูมิภาค เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตนี้ด้วยโซลูชันที่เชื่อถือได้ซึ่งปกป้องทั้งประสิทธิภาพและการลงทุนสำหรับลูกค้าของเรา การมี Tigo อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราสะท้อนให้เห็นถึงการมุ่งเน้นที่คุณภาพและนวัตกรรมสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านโซลาร์ทั่วประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ในประเทศไทย Tigo จะเชิญชวนผู้ติดตั้งให้ลงทะเบียนเข้าใช้งานโดยตรงในโปรแกรมบริการของ Tigo Green Glove ที่บูธ BayWa r.e. โปรแกรมบริการ Green Glove เป็นประสบการณ์การสนับสนุนระดับพรีเมียมสำหรับผู้ติดตั้งระบบเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I) ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ของผู้ติดตั้งและขับเคลื่อนคุณภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่าของพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยกระบวนการที่รวมถึงการมีส่วนร่วมสนับสนุนอย่างเป็นทางการสำหรับผู้ติดตั้ง Tigo C&I ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการติดตั้ง

“ความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างบริษัทระดับโลกอย่าง BayWa r.e. และ Tigo ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบนิเวศพลังงานแสงอาทิตย์เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ติดตั้งและ EPC ทั่วโลกได้มากขึ้น” Jing Tian หัวหน้าฝ่ายการเติบโตและรายได้ของ Tigo Energy กล่าว “เช่นเดียวกับประเทศที่สนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์จำนวนมากในเอเชีย เราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ เช่น TS4-X และโปรแกรม เช่น Green Glove จะช่วยผลักดันให้ค่า LCOE ลดลงและ Total Quality Solar เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีค่าความเข้มของแสงสูงกว่าปกติ พลวัตเหล่านี้ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ผลิตอุปกรณ์ไปจนถึงผู้ติดตั้ง และตลอดจนถึงผู้ปฏิบัติการและเจ้าของสินทรัพย์”

ผู้เข้าร่วมงาน ASEAN Sustainable Energy Week ประจำปี 2025 ได้รับเชิญให้เข้าเยี่ยมชมบูธของ BayWa r.e. และ Tigo ที่บูธหมายเลข F11 ตั้งแต่วันที่ 2-4 กรกฎาคม ในงาน QSNCC ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพ ประเทศไทย หากต้องการนัดหมายการจองเพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของ Tigo ในงานแสดงนี้ สามารถลงทะเบียนแสดงความจำนงของคุณได้ ที่นี่

เกี่ยวกับ Tigo Energy

Tigo Energy, Inc. (NASDAQ: TYGO) ก่อตั้งในปี 2007 เป็นผู้นำระดับโลกในการพัฒนาและจัดหาโซลูชันฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เพิ่มผลผลิตพลังงาน และลดต้นทุนการดำเนินงานของระบบโซลาร์เซลล์สำหรับที่อยู่อาศัย เชิงพาณิชย์ และระดับสาธารณูปโภค Tigo ผสมผสานเทคโนโลยี Flex MLPE (Module Level Power Electronics) และตัวเพิ่มประสิทธิภาพโซลาร์เซลล์เข้ากับความสามารถของซอฟต์แวร์บนคลาวด์อัจฉริยะสำหรับการตรวจสอบและควบคุมพลังงานขั้นสูง ผลิตภัณฑ์ Tigo MLPE ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด เปิดใช้งานการตรวจสอบพลังงานแบบเรียลไทม์ พร้อมการปิดระบบอย่างรวดเร็วตามข้อกำหนดของรหัสที่ระดับโมดูล นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาและจัดหาผลิตภัณฑ์ เช่น อินเวอร์เตอร์และระบบกักเก็บแบตเตอรี่สำหรับตลาดโซลาร์เซลล์และระบบกักเก็บสำหรับที่อยู่อาศัย สามารถเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tigoenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Technica Communications for Tigo Energy
Luis de Leon
อีเมล: tigoenergy@technica.inc

ที่มา: Tigo

Kioxia ขยายพอร์ตโฟลิโอ SSD BiCS FLASH™ รุ่นที่ 8 ด้วย SSD NVMe™ สำหรับศูนย์ข้อมูลประสิทธิภาพสูงเพื่อเพิ่มการใช้ GPU ให้สูงสุดในเวิร์กโหลด AI และ HPC (การประมวลผลประสิทธิภาพสูง)

Logo

SSD PCIe® 5.0 ซีรีส์ KIOXIA CD9P มาพร้อมสถาปัตยกรรม CBA ขั้นสูงและแฟลช TLC มอบประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพ และความจุที่ก้าวล้ำ

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–20 มิถุนายน 2025

Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ วันนี้ประกาศเปิดตัวต้นแบบและสาธิต SSD PCIe® 5.0 NVMe™ ซีรีส์ CD9P ของ KIOXIA ไดรฟ์รุ่นใหม่เหล่านี้เป็น SSD ล่าสุดที่สร้างขึ้นด้วยหน่วยความจำแฟลช 3D แบบ TLC BiCS FLASH™ รุ่นที่ 8 ของ Kioxia โดย BiCS FLASH™ รุ่นที่ 8 นี้มาพร้อมเทคโนโลยี CBA (CMOS directly Bonded to Array) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ก้าวล้ำที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ประสิทธิภาพการทำงาน และความหนาแน่นของพื้นที่จัดเก็บได้อย่างมาก[1] โดยมีการเพิ่มความจุที่ใช้ได้ต่อ SSD เป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า[2]

KIOXIA CD9P Series High-Performance Data Center NVMe SSDs to Maximize GPU Utilization in AI and HPC Workloads

SSD NVMe ซีรีส์ KIOXIA CD9P สำหรับศูนย์ข้อมูลประสิทธิภาพสูงเพื่อเพิ่มการใช้ GPU ให้สูงสุดในเวิร์กโหลด AI และ HPC

เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ AI ที่เร่งความเร็วด้วย GPU ทำให้ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดเก็บเพิ่มมากขึ้น การรักษาปริมาณงานสูง ความหน่วงเวลาต่ำ และประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอจึงมีความสำคัญ รวมถึงการทำให้ GPU ที่มีค่าการถูกใช้งานเป็นอย่างสูง ซีรีส์ KIOXIA CD9P นี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับสภาพแวดล้อมถัดไปเหล่านี้ โดยมอบความเร็วและการตอบสนองที่จำเป็นสำหรับเวิร์กโหลด AI, แมชชีนเลิร์นนิ่ง และ HPC (การประมวลผลประสิทธิภาพสูง) เพื่อให้แน่ใจว่า GPU จะได้รับข้อมูลและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ซีรีส์ CD9P ใช้ประโยชน์จากหน่วยความจำแฟลช 3D ขั้นสูงที่สุดของ Kioxia ในปัจจุบัน ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่ใช้ CBA ซึ่งช่วยลดการเกิดความร้อน เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการความร้อน และมอบมูลค่ารวมที่สูงขึ้นผ่านประสิทธิภาพและมาตรวัดพลังงานที่ได้รับการปรับปรุง รวมถึงต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ

ไดรฟ์ซีรีส์ KIOXIA CD9P มอบการปรับปรุงประสิทธิภาพ 4 ด้าน อาทิ การเขียนแบบสุ่มสูงถึงประมาณ 125%, การอ่านแบบสุ่มสูงถึง 30%, การอ่านแบบต่อเนื่องสูงถึง 20% และความเร็วในการเขียนแบบต่อเนื่องสูงถึง 25% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า[2]

นอกจากนี้ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ของการใช้พลังงานได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นประมาณ 60% ในการอ่านแบบต่อเนื่อง, 45% ในการเขียนแบบต่อเนื่อง, 55% ในการอ่านแบบสุ่ม และ 100% (2 เท่า) ในการเขียนแบบสุ่ม[2] (ใช้กับรุ่น 15.36 เทราไบต์ (TB))

ไฮไลท์ SSD ซีรีส์ KIOXIA CD9P ได้แก่ (เบื้องต้นและอาจมีการเปลี่ยนแปลง):

  •  รองรับ PCIe® 5.0, NVMe™ 2.0, NVMe-MI™ 1.2c
  • รองรับข้อมูลจำเพาะ SSD NVMe™ สำหรับศูนย์ข้อมูลโครงการ Open Compute เวอร์ชัน 2.5 (ไม่ใช่ข้อกำหนดทั้งหมด)
  • ฟอร์มแฟกเตอร์: ความหนา 2.5 นิ้ว 15 มม. EDSFF E3.S
  • ความทนทานต่อการอ่านที่เข้มข้น (1 DWPD) และการใช้งานแบบผสมผสาน (3 DWPD)
  • ประสิทธิภาพการทำงานแบบต่อเนื่อง (128 KiB/QD32) – อ่าน 14.8 GB/s และเขียน 7 GB/s
  • ประสิทธิภาพแบบสุ่ม (4KiB) – อ่าน 2,600 KIOPS (QD512) และเขียน 750 KIOPS (QD32)
  • ความจุ 2.5 นิ้ว สูงสุด 61.44 TB และความจุ E3.S สูงสุด 30.72 TB
  • รองรับอัลกอริทึม CNSA 2.0 [3]
     (เตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม)

ขณะนี้ SSD ซีรีส์ KIOXIA CD9P กำลังทำการสุ่มตัวอย่างให้กับลูกค้าที่เลือกไว้ และจะนำไปจัดแสดงในงาน HPE Discover 2025 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 23-26 มิถุนายนที่ลาสเวกัส

หมายเหตุ
[1] เมื่อเทียบกับ BiCS FLASH™ รุ่นที่ 6
[2] เมื่อเทียบกับซีรีส์ KIOXIA CD8P
[3] ซีรีส์ KIOXIA CD9P รองรับอัลกอริทึม Leighton-Micali Signature (LMS) ที่ได้รับการยอมรับโดย CNSA 2.0 [4] เป็นอัลกอริทึมลายเซ็นดิจิทัลเพื่อป้องกันการดัดแปลงเฟิร์มแวร์เพื่อเตรียมรับมือกับภัยคุกคามต่ออัลกอริทึมการเข้ารหัสแบบเดิมที่เกิดจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม มาตรฐานการเข้ารหัสขั้นสูง (AES-256) ที่มีความยาวคีย์ 256 บิต ซึ่งเป็นอัลกอริทึมการเข้ารหัสข้อมูลที่ใช้ใน CD9P ได้รับการยอมรับจาก CNSA 2.0 เช่นกัน
[4] CNSA2.0: ชุดอัลกอริทึมความมั่นคงแห่งชาติเชิงพาณิชย์ 2.0

*2.5 นิ้วบ่งบอกถึงขนาดของ SSD ไม่ใช่ขนาดทางกายภาพ
*ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อุปกรณ์โฮสต์ ซอฟต์แวร์ (ไดรเวอร์ ระบบปฏิบัติการ ฯลฯ) และสภาวะการอ่าน/การเขียน
*ประสิทธิภาพการทำงานยังเป็นเพียงเบื้องต้นและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

*คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation กำหนดให้กิโลไบต์ (KB) เท่ากับ 1,000 ไบต์ เมกะไบต์ (MB) เท่ากับ 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เท่ากับ 1,000,000,000 ไบต์ เทราไบต์ (TB) เท่ากับ 1,000,000,000,000 ไบต์ และกิบิไบต์ (KiB) เท่ากับ 1,024 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์จะรายงานความจุของหน่วยเก็บข้อมูลโดยใช้เลขยกกำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของหน่วยเก็บข้อมูลที่น้อยกว่า ความจุในการจัดเก็บที่พร้อมใช้งาน (รวมถึงตัวอย่างไฟล์สื่อต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป
*1 กิบิไบต์ (KiB) หมายถึง 2^10 หรือ 1,024 ไบต์
*IOPS: อินพุตเอาต์พุตต่อวินาที (หรือจำนวนการดำเนินการ I/O ต่อวินาที)

*NVMe และ NVMe-MI เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG
*HPE เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท Hewlett Packard Enterprise และ/หรือบริษัทในเครือ
*ชื่อบริษัทอื่น ๆ ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia
Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อก่อนหน้าของบริษัทได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำให้กับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D เชิงนวัตกรรมของ Kioxia อย่าง BiCS FLASH™ กำลังสร้างอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี ระบบยานยนต์ ศูนย์ข้อมูล และระบบ AI เชิงสร้างสรรค์

 การสอบถามจากลูกค้า:
 Kioxia Group
 สำนักงานขายทั่วโลก
 https://www.kioxia.com/en-jp/business/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ มีความถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย  

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250619775105/en

Contacts

การสอบถามสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายจัดการด้านการส่งเสริมการขาย
Koji Takahata
โทร.: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

The Bangkok Reporter