EGGDROP ได้รับความสนใจจากการสนับสนุนซีรีส์ระดับโลก ‘Love Next Door’ และ ‘Romance in the House’

Logo

  • ซีรีส์ 'Love Next Door' และ 'Romance in the House' ที่ได้รับการสนับสนุนจาก EGGDROP ทั้งสองเรื่อง ติด 10 อันดับแรกของซีรีส์บน Netflix

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–29 ตุลาคม 2024

บริษัท โกลเด้น ไฮน์ จำกัด (Golden Hind Co., Ltd.)  (โดยมี Young-woo Noh เป็น CEO) บริษัทอาหารและเครื่องดื่มผู้อยู่เบื้องหลังแบรนด์แซนด์วิชไข่พรีเมียมสัญชาติเกาหลี EGGDROP ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากการสนับสนุนการผลิตซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ทางช่อง tvN เรื่อง 'Love Next Door' และซีรีส์ดราม่าครอบครัวทางช่อง JTBC เรื่อง 'Romance in the House'

Korean drama series ‘LOVE NEXT DOOR’ and ‘ROMANCE in the HOUSE’, supported by EGGDROP, achieve Netflix No. 1 TV series in the Non-English category. (Image: Netflix)

ซีรีส์เกาหลี 'LOVE NEXT DOOR' และ 'ROMANCE in the HOUSE' ที่ได้รับการสนับสนุนจาก EGGDROP คว้าอันดับ 1 ซีรีส์ภาษาต่างประเทศบน Netflix (ภาพ : Netflix)

'Love Next Door' ทะยานขึ้นอยู่ใน 5 อันดับแรกในหมวดซีรีส์ทีวีภาษาต่างประเทศบน Netflix ระดับโลกภายในสัปดาห์แรกที่ออนแอร์ พร้อมติด 10 อันดับแรกใน 75 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ขณะที่ 'Romance in the House' ก็สามารถคว้าอันดับหนึ่งใน 10 อันดับแรก ในหมวดซีรีส์ทีวี (ภาษาต่างประเทศ) ของ Netflix ระดับโลกได้ ภายในเวลาเพียงสองสัปดาห์หลังออนแอร์ ทั้งสองซีรีส์ยังครองกระแสความนิยมในประเทศอื่น ๆ อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน และฮ่องกง ซึ่งตอกย้ำกระแสความนิยมของซีรีส์เกาหลีที่ยังคงแรงไม่หยุด

ปรัชญาแบรนด์ของ EGGDROP ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์มื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพและอิ่มอร่อย ได้ถูกถ่ายทอดผ่านแซนด์วิชไข่อุ่น ๆ ที่นุ่มละมุน ซึ่งผสานเข้ากับฉากชีวิตประจำวันในซีรีส์ได้อย่างกลมกลืน ขณะที่แนวคิด “EGG MAKES BETTER” (ไข่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น) ของแบรนด์ ก็ได้ถูกสื่อสารไปยังผู้ชมทั่วโลกอย่างแนบเนียน Hundo Lee ตัวแทนของ EGGDROP กล่าวว่า “เรารู้สึกปลาบปลื้มที่ซีรีส์ทั้งสองเรื่องที่เราให้การสนับสนุนประสบความสำเร็จในตลาดโลก และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นคุณค่าของแบรนด์ EGGDROP เป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลก” พร้อมเสริมว่า “เรามุ่งมั่นที่จะตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคทั่วโลก โดยวางแผนขยายสู่ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกาในปีนี้

EGGDROP มีแผนสนับสนุนการผลิตผลงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างการรับรู้แบรนด์ในตลาดโลก พร้อมมุ่งสู่การเติบโตในฐานะแบรนด์ระดับนานาชาติผ่านความร่วมมือกับคอนเทนต์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ EGGDROP

Egg Makes Better, EGGDROP EGGDROP คือแบรนด์แซนด์วิชไข่ระดับพรีเมียมที่ได้แรงบันดาลใจจาก “ไข่ซึ่งเป็นอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน” โดยสร้างสรรค์มื้ออาหารเพื่อสุขภาพ ที่ใช้ไข่คน (scrambled eggs) ที่ทำจากไข่เกรด A+ และวัตถุดิบสดใหม่เป็นหัวใจหลัก

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ โกลเด้น ไฮนด์

โกลเด้น ไฮนด์ คือบริษัทรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ด้าน “Food Venture” (การร่วมทุนทางอาหาร) บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2017 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ในฐานะบริษัทแฟรนไชส์ร้านอาหาร ปัจจุบันมี EGGDROP เป็นธุรกิจหลักและกำลังบ่มเพาะแบรนด์อื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย

(ลิงก์วิดีโอ) ขั้นตอนการทำแฟรนไชส์ EGGDROP บน EGGDROP.co.kr (เว็บไซต์ทางการ)

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54142150/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

บริษัท โกลเด้น ไฮนด์

ทีมปฏิบัติการ

Hundo Lee

+82-1670-4809

anchor@goldenhind.co.kr

แหล่งที่มา : บริษัท โกลเด้น ไฮนด์ จำกัด

บริษัท Starr Insurance ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการสาขาในกรุงโซลได้

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–28 ตุลาคม 2024

 บริษัท Starr Insurance ได้ประกาศว่าคณะกรรมการด้านบริการการเงินของเกาหลีใต้ได้ให้ใบอนุญาตแก่บริษัท Starr International Insurance (Singapore) Pte. Ltd. สาขาเกาหลี เพื่อดำเนินกิจการในกรุงโซลและสามารถเริ่มต้นจำหน่ายประกันภัยทรัพย์สินเชิงพาณิชย์/อุบัติเหตุทั่วประเทศเกาหลีได้

Paul Choi ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น CEO ของบริษัท Starr สาขาเกาหลีในเดือนพฤษภาคม 2024 เขามีประสบการณ์ด้านการประกันภัยและนายหน้ารวมถึงผู้ให้บริการมามากกว่า 30 ปี อีกทั้งยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาการจัดการความเสี่ยงและประกันภัยจากมหาวิทยาลัย Georgia State อีกด้วย

Phil Finley ผู้เป็นประธานของบริษัท Starr Asia Pacific กล่าวว่า: “เกาหลีเป็นตลาดประกันภัยเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย และ Starr มีประวัติการดำเนินงานในภูมิภาคนี้มายาวนาน เราคาดว่าเกาหลีจะกลายเป็นแหล่งการเติบโตของเบี้ยประกันภัยที่ทำกำไรได้ดีสำหรับ Starr ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”

เกี่ยวกับ Starr Insurance

บริษัท Starr Insurance (หรือ Starr) เป็นชื่อทางการตลาดสำหรับบริษัทประกันภัยและความช่วยเหลือด้านการเดินทางที่ดำเนินงานและบริษัทในเครือของ Starr International Company, Inc. และสำหรับธุรกิจการลงทุนของ C. V. Starr & Co., Inc. และบริษัทในเครือ Starr เป็นองค์กรประกันภัยและการลงทุนชั้นนำที่มีสำนักงานอยู่ใน 6 ทวีป บริษัท Starr ให้บริการผลิตภัณฑ์ประกันภัยทรัพย์สิน ความเสียหาย อุบัติเหตุและสุขภาพ ตลอดจนความคุ้มครองเฉพาะทางต่างๆ เช่น การบิน ทางทะเล พลังงาน และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนเกินผ่านบริษัทประกันภัยที่ดำเนินงานร่วม บริษัทประกันภัยในเครือของ Starr ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในสหรัฐอเมริกา เบอร์มิวดา จีน ฮ่องกง มอลตา สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร ต่างก็ได้รับการจัดอันดับ A.M. Best ในระดับ “A” (ยอดเยี่ยม) ส่วนสมาคม Starr's Lloyd's นั้นได้รับการจัดอันดับ Standard & Poor's ในระดับ “A+” (แข็งแกร่ง)

เยี่ยมเยียนเราได้ที่ www.starrcompanies.com หรือติดตามที่ LinkedIn และ X

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย
ติดต่อ

Charlie Armstrong
รองประธานฝ่ายการตลาด
charlie.armstrong@starrcompanies.com, 646.758.8308

แหล่งที่มา: Starr Insurance

Xsolla เปิดตัวระบบควบคุมโดยผู้ปกครองที่รับประกันความเป็นส่วนตัวจาก COPPA และ GDPRkids™ ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาสามารถดำเนินการกลยุทธ์การขายตรงถึงผู้บริโภคโดยเป็นไปตามข้อกำหนด

Logo

LOS ANGELES–(BUSINESS WIRE)–28 ตุลาคม 2024

Xsolla บริษัทเกมพาณิชย์ระดับโลกที่จำหน่ายวิดีโอเกม มีความภูมิใจที่จะแนะนำโซลูชันระบบควบคุมโดยผู้ปกครอง ซึ่งผ่านการรับรอง COPPA (Children's Online Privacy Protection Rule) พร้อมรับประกันความเป็นส่วนตัวจาก GDPRkids™ Xsolla มาพร้อมโซลูชันเชิงบูรณาการสำหรับนักพัฒนาเกมเพื่อปกป้องเกมเมอร์รุ่นเยาว์ ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถจัดการและควบคุมการเข้าถึงการชำระเงินดิจิทัลของบุตรหลานได้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าธุรกรรมจะปลอดภัย

(Graphic: Xsolla)

(กราฟิก: Xsolla)

เมื่อนักพัฒนาเริ่มนำกลยุทธ์การขายตรงถึงผู้บริโภคมาใช้ เช่น ร้านค้าออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการขายบนแพลตฟอร์ม โดยพวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนด ในขณะที่แพลตฟอร์มต้องจัดการกับปัญหาด้านกฎระเบียบต่างๆ เกมที่ขายตรงถึงผู้บริโภคจะต้องรับมือกับความซับซ้อนที่เกิดขึ้นในแพลตฟอร์ม และกลายเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากคณะกรรมการการค้าแห่งสหพันธรัฐ (FTC) มีการดำเนินการกับนักพัฒนาเกมและผู้ให้บริการเนื้อหาดิจิทัลหลายรายที่ละเมิด COPPA (Children's Online Privacy Protection Act)

การปฏิบัติตามมาตรฐานทางกฎหมาย เช่น COPPA และ GDPR เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดของเขตอำนาจศาลในทุกประเทศ เน้นย้ำถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับโซลูชันระบบควบคุมโดยผู้ปกครองที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มที่ผู้เล่นอายุน้อยมีความเสี่ยงในการใช้จ่ายมากเกินไป Xsolla จึงได้พัฒนาชุดเครื่องมือระบบควบคุมโดยผู้ปกครองที่แข็งแกร่ง โดยร่วมมือกับ PRIVO เมื่อปีที่แล้ว

คุณสมบัติหลักของระบบควบคุมโดยผู้ปกครอง Xsolla ได้แก่:

  • การกำหนดอายุ: ตรวจสอบอายุของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้แน่ใจในการปฏิบัติตามกฏระเบียบ และปกป้องผู้เยาว์จากธุรกรรมที่ไม่ได้รับการอนุญาต
  • การยินยอมของผู้ปกครองและการแจ้งเตือนและการอนุมัติแบบเรียลไทม์: อนุญาตให้ผู้ปกครองได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมลหรือ SMS ทันทีเพื่ออนุมัติหรือปฏิเสธธุรกรรมที่ผู้เยาว์ดำเนินการ ช่วยให้สามารถรักษาความปลอดภัยและมีการควบคุมเพิ่มอีกชั้นหนึ่ง
  • ประวัติการทำธุรกรรมที่ครอบคลุม: ตัวเลือกนี้จะแสดงธุรกรรมทั้งหมดในบัญชี Xsolla ของผู้ปกครอง ช่วยแสดงความโปร่งใสและง่ายต่อการตรวจสอบ
  • ขีดจำกัดการใช้จ่าย: อนุญาตให้ผู้ปกครองกำหนดขีดจำกัดการใช้จ่ายและการอนุญาตที่เฉพาะเจาะจงสำหรับผู้เยาว์ โดยสามารถปรับแต่งประสบการณ์เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของครอบครัว

Anton Zelenin ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Fintech ที่ Xsolla แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปิดตัวในครั้งนี้ว่า: “ที่ Xsolla เราเชื่อว่าการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับเกมเมอร์รุ่นเยาว์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ ระบบควบคุมโดยผู้ปกครองที่ผ่านการรับรอง COPPA ของเราช่วยให้ผู้ปกครองและนักพัฒนามีอำนาจโดยการรับรองความโปร่งใสและความปลอดภัยในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับเกม เราทุ่มเทเพื่อช่วยให้นักพัฒนนาปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฏระเบียบ พร้อมสร้างความอุ่นใจให้กับครอบครัว”

โซลูชันระบบควบคุมโดยผู้ปกครองของ Xsolla ช่วยให้นักพัฒนาเกมสามารถปฏิบัติตามกฏระเบียบระดับโลกได้ พร้อมทั้งให้ผู้ปกครองสามารถมองเห็นและควบคุมธุรกรรมในเกมได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการผสานรวมฟีเจอร์นี้ Xsolla จึงสามารถแก้ไขปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการปกป้องเด็กๆ จากการซื้อที่ไม่ได้รับการอนุญาตหรือมากเกินไป ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการเล่นเกมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกครอบครัวทั่วโลก

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบควบคุมโดยผู้ปกครองของ Xsolla และวิธีที่สามารถเพิ่มความปลอดภัยในการชำระเงินและการปฏิบัติตามข้อกำหนดในเกมของคุณได้ที่ Xsolla | บล็อก Xsolla

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทการค้าเกมวิดีโอระบบโลกที่มีชุดเครื่องมือและบริการที่แข็งแกร่งและทรงพลัง ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรม ตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 Xsolla ได้ช่วยให้นักพัฒนาเกมและผู้จัดจำหน่ายเกมหลายพันรายในทุกขนาดการระดมทุน ทำการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมทั่วโลกและบนแพลตฟอร์มต่างๆ ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมในการค้าเกม ภารกิจของ Xsolla คือการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนโดยธรรมชาติของการจัดจำหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราสามารถเข้าถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้มากขึ้น สร้างรายได้สูงขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับเกมเมอร์ทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนที่ลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานอยู่ที่ลอนดอน เบอร์ลิน โซล ปักกิ่ง กัวลาลัมเปอร์ ราลี โตเกียว มอนทรีออล และเมืองต่างๆ ทั่วโลก Xsolla ให้การสนับสนุนพันธมิตรด้านเกมชั้นนำ เช่น Valve, Twitch, Epic Games, Take-Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo และอื่นๆ อีกมากมาย

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/54140843/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Derrick Stembridge
Global Director of Public Relations, Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

แหล่งข้อมูล: Xsolla

NIQ เปิดตัวโซลูชันแบบจำลองส่วนประสมการตลาด พร้อมขยายธุรกิจด้านสื่อ

Logo

  • ข้อมูลระดับร้านค้าที่ละเอียดและเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ ที่ดีที่สุดในวงการ
  • ความเชี่ยวชาญอิสระระดับสากล พร้อมฐานการดำเนินงานในพื้นที่ ในกว่า 75 ประเทศ
  • การบูรณาการข้อมูลสื่อดิจิทัลที่ไร้รอยต่อ ผ่านความร่วมมือกับผู้ให้บริการสื่อชั้นนำ

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–26 ตุลาคม 2024

NIQ บริษัทด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคระดับสากลชั้นนำ ประกาศเปิดตัวโซลูชันแบบจำลองส่วนประสมการตลาด (Marketing Mix Modeling : MMM) เพื่อช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถบริหารการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดได้ดียิ่งขึ้น การเปิดตัวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจด้านสื่อระดับสากลของ NIQ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการนำเสนอ Full View™ (มุมมองแบบรอบด้าน) และเสริมความแข็งแกร่งด้านการตลาดให้กับลูกค้า ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมกว่า 75 ประเทศ MMM ของ NIQ วางอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลระดับร้านค้าที่เชื่อถือได้และเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ ที่ขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมและการวิเคราะห์กว่า 100 ปี

ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือนนับจากการขยายธุรกิจ MMM ของ NIQ ขณะนี้มีโครงการที่ดำเนินการอยู่กับลูกค้ามากกว่า 30 รายทั่วโลก ครอบคลุมภาคธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งผู้ค้าปลีก ผู้ให้บริการสื่อ และผู้ผลิตจากบริษัทในกลุ่ม Fortune 500

เพิ่มผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ด้วยวิธีการที่พิสูจน์แล้วและโซลูชันชั้นนำ :

  • NIQ นำเสนอมุมมองแบบรอบด้าน Full View™ : ครอบคลุมข้อมูลในระดับโลก ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลการขาย ณ จุดขายระดับร้านค้า และข้อมูลสื่อดิจิทัล เพื่อข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำและนำไปสู่การดำเนินการได้จริง
  • การบูรณาการข้อมูลสื่อแบบไร้รอยต่อ : บูรณาการข้อมูลผ่านความร่วมมือที่ปลอดภัยต่อความเป็นส่วนตัวกับผู้ให้บริการสื่อชั้นนำและระบบเชื่อมต่อข้อมูลโดยตรง
  • การผสานความเชี่ยวชาญด้านการตลาดเข้ากับความเป็นเลิศด้านการให้คำปรึกษา :
    • ทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและทีมวิทยาศาสตร์การตลาดทั้งในระดับสากลและในพื้นที่
    • แบบจำลองข้อมูลที่ละเอียดเป็นเอกลักษณ์ ที่ช่วยปรับผลกระทบของการตลาดทั้งแบบ Below the Line (BTL) และ Above the Line (ATL) ให้เหมาะสมที่สุด
    • มอดูลสำหรับวัดผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาวของสื่อ รวมถึงเฮโลเอฟเฟกต์ (Halo effect) ในทุกผลิตภัณฑ์
    • วัดการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากแคมเปญสื่อและพื้นที่เฉพาะ เพื่อประเมินประสิทธิภาพ
    • แอปพลิเคชันที่มุ่งเน้นอนาคตบนคลาวด์ ที่ช่วยในการจำลองสถานการณ์และปรับแต่งแผนสื่อให้เหมาะสมที่สุด

“เรารู้สึกตื่นเต้นกับการขยายธุรกิจครั้งนี้ เราได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในแผนกสื่อของเรา NIQ มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี ในการนำเสนอโซลูชันด้านการตลาดและการวิเคราะห์ที่ดีที่สุดในวงการ โดยอาศัยข้อมูลระดับโลกที่เหนือชั้น ทีมผู้เชี่ยวชาญ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในแบรนด์ของลูกค้า เราประสบความสำเร็จในการสร้างความร่วมมือกับผู้ให้บริการสื่อชั้นนำ และจะยังคงลงทุนในแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ รวมถึงขยายการครอบคลุมและฐานข้อมูลเพื่อนำเสนอโซลูชันการวัดผลด้านการตลาดระดับโลกให้กับลูกค้าของเรา” Lana Busignani ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายสื่อระดับโลก ของ NIQ กล่าว

การเปิดตัว MMM ในฐานะส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอด้านสื่อของ NIQ สอดคล้องกับพันธกิจของเราในการมอบความเข้าใจที่ครบถ้วนที่สุดเกี่ยวกับผู้บริโภค และช่วยให้ลูกค้าสามารถแปลงข้อมูลเชิงลึกไปสู่การดำเนินการได้จริง นอกจากนี้ เรายังได้ขยายบริการให้ครอบคลุมการทดสอบตลาดแบบจับคู่ (Matched Market Testing : MMT) ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถวัดผลกระทบด้านยอดขายของแคมเปญสื่อในสภาพแวดล้อมจริงก่อนเริ่มใช้งานจริง NIQ จะยังคงพัฒนาโซลูชันสนับสนุนผ่านระบบนิเวศข้อมูลที่สมบูรณ์ เทคโนโลยีชั้นนำ ความสามารถด้าน AI และความเชี่ยวชาญ เพื่อผลักดันการเติบโตให้กับลูกค้าและพันธมิตรค้าปลีกของเรา

เกี่ยวกับ NIQ :

NIQ เป็นบริษัทด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคระดับสากลชั้นนำ ที่มอบความเข้าใจที่ครบถ้วนที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและเผยเส้นทางในการเติบโตใหม่ ๆ ในปี 2023 NIQ ได้ควบรวมกิจการกับ GfK เป็นการรวมสองผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีเครือข่ายระดับสากล ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน NIQ ดำเนินงานในกว่า 95 ประเทศ ครอบคลุม 97% ของ GDP โลก NIQ ใช้ข้อมูลค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ผสานเข้ากับการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัย เพื่อนำเสนอมุมมองแบบรอบด้าน Full View™

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.niq.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ :
Sweta Patra
Sweta.patra@nielseniq.com

แหล่งที่มา : NIQ

Xsolla ขยายโซลูชั่นการชำระเงินครั้งใหญ่ในกัมพูชาและอินโดนีเซียเพื่อให้นักพัฒนาเกมเข้าถึงตลาดท้องถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั่วถึง

Logo

Xsolla เปิดตัววิธีการชำระเงินในประเทศใหม่ 8 แบบในกัมพูชาและตัวเลือกการชำระเงินใหม่ 12 แบบในอินโดนีเซีย เพื่อช่วยให้นักพัฒนาเกมเข้าถึงตลาดที่กำลังเติบโตทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ลอสแองเจลิส–(Business Wire)–24 ตุลาคม 2024

Xsolla บริษัทพาณิชย์วิดีโอเกมระดับโลก ดีใจที่ได้เปิดตัวการขยายโซลูชั่นการชำระเงินในกัมพูชาและอินโดนีเซีย ทำให้ผู้ใช้ในทั้งสองประเทศนี้มีวิธีการชำระเงินในประเทศที่ออกแบบมาเป็นพิเศษและเหมาะกับแต่ละภูมิภาค โครงการริเริ่มนี้สอดคล้องกับแผนการใหญ่ของ Xsolla ที่มุ่งเป้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินงานของบริษัททั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) และสนับสนุนให้นักพัฒนาเกมสามารถสร้างรายได้และจัดจำหน่ายเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเหล่านี้

(Graphic: Xsolla)

(ภาพประกอบ: Xsolla)

Xsolla เปิดตัววิธีการชำระเงินใหม่ 8 แบบในกัมพูชา ซึ่งประกอบด้วยตัวเลือกการโอนเงินผ่านธนาคารทางอินเทอร์เน็ตและดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งออกแบบมาให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ชาวกัมพูชา การขยายตัวเชิงกลยุทธ์นี้ครอบคลุมตลาดการชำระเงินมากถึง 90% ช่วยให้ผู้เล่นเกือบทุกรายในกัมพูชาสามารถชำระเงินโดยใช้วิธีที่ตนต้องการได้ ตัวอย่างเช่น Bakong KHQR ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินที่ใช้รหัส QR ครองส่วนแบ่งการตลาด 45% ในขณะที่ Acleda Bank มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 15% เนื่องจากกัมพูชามีแรงหนุนจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกรรมการชำระเงินดิจิทัลพุ่งสูงขึ้น 28.7% โซลูชั่นทั้งหลายเหล่านี้ ซึ่งรวมถึง Wing Money, Pi Pay และอื่นๆ จะช่วยให้นักพัฒนาเกมเข้าถึงผู้เล่นเกมในประเทศได้มากเกือบ 2 ล้านคน ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นชำระเงินกันได้สะดวกมากขึ้นและเป็นการกระตุ้นยอดขาย

ส่วนในฝั่งอินโดนีเซีย Xsolla กำลังเปิดตัววิธีการชำระเงินแบบใหม่หลากหลายรูปแบบเพื่อช่วยให้นักพัฒนาเกมเข้าสู่ตลาดเกมขนาดใหญ่ยักษ์ของประเทศ ซึ่งมีเกมเมอร์มากกว่า 185 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 275 ล้านคน ผู้บริโภคประมาณ 80% ในอินโดนีเซียไม่มีบัญชีธนาคารหรือมีธนาคารไม่เพียงพอ และเพราะชาวอินโดนีเซียใช้สมาร์ทโฟนในอัตราที่พุ่งสูงมากขึ้นถึง 80% วิธีการชำระเงินแบบทางเลือกหรือ APM จึงเป็นตัวเลือกที่ต้องการมากที่สุดในอินโดนีเซีย เมื่อนำ APM มาใช้ประโยชน์ Xsolla จะสามารถครอบคลุมตลาดได้สูงสุดถึง 90% ซึ่งรวมถึงกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีสัดส่วน 39% ของตลาด การโอนเงินผ่านธนาคาร 27% บัตร 17% และเงินสด 11% แพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น ShopeePay, Jenius และ Akulaku ถือเป็นตัวเลือกการชำระเงินรูปแบบใหม่ที่ช่วยลดความยุ่งยากในการทำธุรกรรมสำหรับเกมเมอร์ชาวอินโดนีเซีย และเพิ่มการเข้าถึงตลาดให้กับนักพัฒนาเกมในหนึ่งในตลาดดิจิทัลที่เติบโตรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

“ความมุ่งมั่นของ Xsolla ในการส่งเสริมให้นักพัฒนาเกมเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ถือเป็นเป้าหมายหลักในภารกิจของเรา การเปิดตัววิธีการชำระเงินในประเทศในกัมพูชาและอินโดนีเซียทำให้เราส่งต่อเครื่องมือที่จำเป็นให้กับพาร์ทเนอร์ของเรา เพื่อให้ประสบความสำเร็จในโลกแห่งการเล่นเกมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ การขยายตัวครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของเราที่ต้องการสนับสนุนนักพัฒนาทั่วโลกและช่วยให้พวกเขาเอาชนะความท้าทายในเรื่องการชำระเงิน” Chris Hewish, Chief Strategy Officer ของ Xsolla กล่าว

คาดกันว่าตลาดเกมในกัมพูชาคาดจะเติบโตถึง $75.21 ล้านในปี 2027 โดยเกมมือถือมีสัดส่วนรายได้ 66% เมื่อปี 2023 ในอินโดนีเซีย การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเปิดโอกาสครั้งสำคัญให้กับนักพัฒนาเกม โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นได้ผ่านโซลูชั่นการชำระเงินในประเทศที่ลดความยุ่งยากและเพิ่มอัตราความสำเร็จในการทำธุรกรรม

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นการชำระเงินของ Xsolla และวิธีที่โซลูชั่นเหล่านี้สามารถยกระดับกลยุทธ์การสร้างรายได้ของคุณในกัมพูชา อินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ โปรดไปที่ xsolla.pro/psrw

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทพาณิชย์วิดีโอเกมระดับโลกซึ่งมีชุดเครื่องมือและบริการที่แข็งแกร่งและทรงพลัง ซึ่งได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษให้เหมาะกับอุตสาหกรรมเกม Xsolla ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบริษัทก็ได้ช่วยให้นักพัฒนาเกมและผู้จัดจำหน่ายเกมหลายพันรายไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ระดมทุน ทำการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมทั่วโลกและผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ มากมาย ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมในด้านการพาณิชย์เกม ภารกิจของ Xsolla คือการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนของการจัดจำหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ของเราเข้าถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้มากขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับเกมเมอร์ทั่วโลกให้แน่นแฟ้นขึ้น Xsolla มีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานในลอนดอน เบอร์ลิน โซล ปักกิ่ง กัวลาลัมเปอร์ ราลี โตเกียว มอนทรีออล และเมืองต่างๆ ทั่วโลก โดยให้การสนับสนุนแก่พาร์ทเนอร์บริษัทเกมชั้นนำต่างๆ เช่น Valve, Twitch, Epic Games, Take-Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo และอื่นๆ อีกมากมาย

โปรดดูและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ xsolla.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54141666/en

ข้อมูลติดต่อ

Derrick Stembridge
Global Director of Public Relations, Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

แหล่งข้อมูล: Xsolla

วิทยาลัยเฟลตเชอร์ (Fletcher) แห่งมหาวิทยาลัยทัฟต์ส (Tufts) เปิดตัวสายวิชาในหลักสูตรเศรษฐศาสตร์การพัฒนาระหว่างประเทศ ที่ได้รับการกำหนดเป็นการศึกษาด้านสเตม (STEM)

Logo

หลักสูตรใหม่ให้ทักษะเชิงปริมาณขั้นสูงแก่นักศึกษาเพื่อรับมือความท้าทายทางเศรษฐกิจระดับโลก

เมดฟอร์ด, แมสซาชูเซตส์–(BUSINESS WIRE)–26 ตุลาคม 2024

วิทยาลัยเฟลตเชอร์ (The Fletcher School) บัณฑิตวิทยาลัยด้านกิจการทั่วโลก แห่งมหาวิทยาลัยทัฟต์ส ได้เปิดตัวสายวิชาที่ได้รับการกำหนดเป็นการศึกษาด้านสเตม ในหลักสูตรเศรษฐศาสตร์การพัฒนาระหว่างประเทศ (International and Development Economics : IDE) ภายใต้หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิตสาขากฎหมายและการทูต (Master of Arts in Law and Diplomacy : MALD) อันทรงเกียรติ สายวิชาใหม่ที่มีชื่อว่า MALD : IDE นี้ ได้ผสานการศึกษาเศรษฐศาสตร์เชิงปริมาณและเศรษฐมิติ (econometrics) เข้ากับการศึกษาการพัฒนาระหว่างประเทศ เป็นการให้เครื่องมือที่ก้าวล้ำแก่นักศึกษา เพื่อการจัดการกับปัญหาด้านเศรษฐกิจที่สำคัญต่าง ๆ

สายวิชา MALD : IDE เพิ่มการมุ่งเน้นด้านวิธีการเชิงปริมาณเข้าไปในหลักสูตร MALD แบบสหวิทยาการ นักศึกษาสามารถเลือกเน้นเฉพาะทางได้ ทั้งด้านการค้าและการเงินระหว่างประเทศ (International Trade & Finance) หรือการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) หลักสูตรประกอบด้วยวิชาที่จำเป็นด้านสถิติเศรษฐศาสตร์ เศรษฐมิติ และการสร้างแบบจำลองทั้งทางเศรษฐศาสตร์จุลภาคและมหภาค วิชาเหล่านี้เตรียมความพร้อมเพื่อให้บัณฑิตสามารถวิเคราะห์เศรษฐกิจขั้นสูงและพัฒนาแนวทางแก้ไขเชิงนโยบายสำหรับภาครัฐและเอกชนได้

ในฐานะของสายวิชาที่ได้รับการกำหนดเป็นการศึกษาด้านสเตม สายวิชา MALD : IDE เปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติสามารถสมัครขอรับการฝึกงานภาคปฏิบัติเพิ่มเติม (Optional Practical Training : OPT) ในสหรัฐอเมริกาได้อีกสองปี

บัณฑิตจากสายวิชา MALD : IDE จะสามารถ :

  • วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยใช้เทคนิคทางสถิติและเศรษฐมิติขั้นสูง
  • พัฒนาและประเมินนโยบายเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ เช่น การค้าระหว่างประเทศ การเงิน และการพัฒนาที่ยั่งยืน
  • สื่อสารแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่ซับซ้อนได้อย่างชัดเจน แก่ผู้กำหนดนโยบาย นักวิชาการ และผู้นำในภาคอุตสาหกรรม

สายวิชานี้เป็นการขยายหลักสูตรที่ได้รับการกำหนดเป็นการศึกษาด้านสเตมของวิทยาลัยเฟลตเชอร์ ซึ่งรวมถึงปริญญามหาบัณฑิต สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ : ด้านวิธีการเชิงปริมาณ (Master's in International Business : Quantitative Methods หรือ MIB : QM) ที่มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างแบบจำลองทางการเงิน เพื่อจัดการกับความท้าทายทางธุรกิจที่ซับซ้อนในตลาดโลก และปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และนโยบายสาธารณะ (Master of Science in Cybersecurity & Public Policy : CSPP) ซึ่งฝึกอบรมนักศึกษาให้จัดการกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และนโยบายดิจิทัล

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตร MALD-IDE ของวิทยาลัยเฟลตเชอร์ได้ที่นี่

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิทยาลัยเฟลตเชอร์

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Tully Sullivan
tully.sullivan@tufts.edu

ก้าวสู่เวทีระดับโลก: AITO จัดแสดงรถยนต์ SUV อัจฉริยะระดับไฮเอนด์ที่งาน Paris Motor Show 2024

Logo

AITO เข้าร่วมงาน Paris Motor Show ครั้งที่ 90 โดยนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับไฮเอนด์รุ่นล่าสุดภายใต้แนวคิด “Intelligence Redefining Luxury” ซึ่งภายในงานมีการจัดแสดงรถยนต์ 3 รุ่น ได้แก่ AITO 9, AITO 7 และ AITO 5 ซึ่งเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่าง “ความหรูหราแบบดั้งเดิมและความหรูหราทางเทคโนโลยี” ของแบรนด์ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีขั้นสูง การขับขี่อัจฉริยะ และคุณสมบัติความปลอดภัยที่ครอบคลุม โดยสะท้อนถึงความอเนกประสงค์สำหรับสถานการณ์การขับขี่ที่แตกต่างกัน การมาถึงของ AITO ในงานแสดงสินค้า ณ กรุงปารีสนี้เป็นจุดสิ้นสุดของ “ทัวร์ยูเรเซียกับ AITO” ซึ่งเป็นการเดินทางยาวนาน 38 วันในระยะทางประมาณ 15,000 กิโลเมตร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของรถยนต์ของแบรนด์

ปารีส–(BUSINESS WIRE)–26 ตุลาคม 2024

AITO แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับไฮเอนด์ เข้าร่วมงาน Paris Motor Show 2024 โดยจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้าระบบขยายระยะ (REEVs) ระดับหรู 3 รุ่น โดยผสมผสาน “ความหรูหราดั้งเดิมและความหรูหราทางเทคโนโลยี” เข้าด้วยกัน AITO เปิดตัวแนวคิดหรูหราใหม่ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางอัจฉริยะชั้นนำให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก AITO นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมต่างๆ เช่น AITO 9, AITO 7 และ AITO 5 พร้อมด้วยแพลตฟอร์ม AITO MF และเทคโนโลยีตัวขยายระยะทางพิเศษ ซึ่งเปิดตัวภายใต้แนวคิด “Intelligence Redefining Luxury”

Eurasian Tour with AITO (Photo: Business Wire)

ทัวร์ยูเรเซียกับ AITO (ภาพ: Business Wire)

“ทัวร์ยูเรเซียกับ AITO” เป็นการเดินทางสำรวจระยะทางประมาณ 15,000 กิโลเมตรจากโรงงาน AITO ในเมืองฉงชิ่งก่อนที่ AITO จะมาถึงงาน Paris Motor Show โดยการเดินทางครั้งนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของรถ AITO รุ่นต่างๆ ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและท้าทาย ตั้งแต่บริเวณโรงงานไปจนถึงงานแสดงรถยนต์ ขบวนรถซึ่งประกอบด้วยรถยนต์ AITO 9, AITO 7 และ AITO 5 เดินทางผ่าน 12 เมืองเป็นเวลา 38 วัน โดยมีเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะของ AITO ที่จัดการกับระยะทางกว่า 8,800 กิโลเมตร เพื่อช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ตลอดการเดินทาง

AITO 9 ซึ่งเป็นรถยนต์ SUV อัจฉริยะรุ่นเรือธงที่ใช้งานได้ในทุกสถานการณ์ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอันน่าทึ่งในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากระหว่างการเดินทาง โดยต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสภาพถนนที่เลวร้าย อุณหภูมิที่รุนแรง และภูมิประเทศที่ยากลำบาก ตั้งแต่ภูเขาสูงไปจนถึงทะเลทรายที่แห้งแล้ง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ครอบคลุม ความสามารถของ AITO 9 จึงได้รับทดสอบอย่างเข้มงวดในหลายมิติ AITO 9 ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคและตลาด โดยมียอดสั่งซื้อสะสมกว่า 140,000 คัน และส่งมอบแล้ว 100,000 คันภายในระยะเวลา 9 เดือนหลังจากเปิดตัว จนทำให้ขณะนี้ AITO 9 มียอดขายอยู่ในอันดับ 3 เมื่อเทียบกับรุ่นที่มีราคาสูงกว่า 60,000 ยูโรในตลาดรถหรูของจีน

AITO 7 เป็นรถยนต์ SUV ขนาดใหญ่ที่เน้นความสะดวกสบายและปรับให้เข้ากับสถานการณ์การเดินทางของครอบครัวอย่างราบรื่น รถยนต์รุ่นนี้ได้รับคำชมอย่างมากใน “ทัวร์ยูเรเซียกับ AITO” ในเรื่องของความกว้างขวางและความสะดวกสบาย โดยมาพร้อมเบาะนั่งแบบไร้แรงโน้มถ่วง พร้อมด้วยฟังก์ชันนวดที่นั่งด้านหน้าและด้านหลังเพื่อช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าระหว่างการเดินทาง รถคันนี้ผลิตจากเหล็กที่ขึ้นรูปด้วยความร้อนระดับเดียวกับที่ใช้ในเรือดำน้ำ โดยมาพร้อมกับถุงลมนิรภัย 8 จุดเป็นมาตรฐาน และแบตเตอรี่ที่มีฉนวนกันความร้อนเกรดการบิน 5 ชั้นเพื่อความปลอดภัยภายใต้ทุกสภาวะ

AITO 5 เป็นรถสปอร์ต SUV ขนาดกลางที่มีสไตล์สำหรับการขับขี่ในเมืองและมอบสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม โดดเด่นด้วยการออกแบบสไตล์สปอร์ตพร้อมรูปทรงที่สะอาดตาและทรงพลัง ผลิตจากโครงสร้างอะลูมิเนียมอัลลอยด์ทั้งหมด พร้อมปีกนกคู่ที่ด้านหน้าและระบบกันสะเทือนอิสระแบบมัลติลิงก์ด้านหลัง ซึ่งช่วยให้การควบคุมรถยอดเยี่ยมขณะที่ยังมีโครงสร้างน้ำหนักเบา สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 5 วินาที AITO 5 มอบสมรรถนะที่น่าประทับใจในระหว่างการเดินทางผ่านยุโรปตะวันออก ทีมงานได้สัมผัสกับช่วงเวลาที่เร้าใจหลังพวงมาลัย ในด้านฟีเจอร์อัจฉริยะ รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบช่วยการขับขี่ รวมถึงฟังก์ชันการจอดอัตโนมัติ การช่วยจอดจากระยะไกล และการถอยหลังแบบติดตาม เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่

ประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์อันยอดเยี่ยมของ AITO ขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์ม AITO MF ที่มีความหลากหลายและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเพียงหนึ่งเดียวในอุตสาหกรรมที่สามารถรองรับตัวเลือกพลังงานแบบขยายระยะทางพิเศษ พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ และพลังงานไฮบริดอัลตรา โดยมีคุณสมบัติหลัก 4 ประการ ได้แก่ ความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย พื้นที่ห้องโดยสารที่ปรับเปลี่ยนได้ และเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับชั้นนำ แพลตฟอร์มนี้เป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีตัวขยายระยะทางพิเศษ ด้วยประสิทธิภาพความร้อนที่น่าประทับใจที่ 45% และอัตราการแปลงเชื้อเพลิงเป็นไฟฟ้าชั้นนำในอุตสาหกรรมที่ 3.65 kWh/L เทคโนโลยีขยายระยะทางพิเศษจะปรับสมดุลพลังงานไฟฟ้าแบบ NVM ที่ปรับให้เหมาะสม เพื่อการขับขี่ในเมืองที่ราบรื่นและเงียบสงบ พร้อมกับการเติมเชื้อเพลิงระยะไกล นอกจากนี้ยังปรับกลยุทธ์การสร้างพลังงานตามพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้ เพื่อให้มั่นใจว่ามีการผสมผสานที่เหมาะสมระหว่างความสะดวกสบายและความประหยัดอีกด้วย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54135079/en

ข้อมูลติดต่อ

Joanna Gong
gongqiong@dsconsulting.com

ที่มา: AITO




จากพื้นโรงงานถึงงานแสดงรถ: ขบวนรถ “ทัวร์ยูเรเซียกับ AITO” เดินทางถึงปารีส

Logo

AITO ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับไฮเอนด์จากประเทศจีน นำความหรูหราแบบดั้งเดิมมาผสมผสานเข้ากับความหรูหราทางเทคโนโลยีเพื่อมอบประสบการณ์ในการเดินทางแบบอัจฉริยะแก่ผู้บริโภคทั่วโลก ขบวนรถ “ทัวร์ยูเรเซียกับ AITO” ซึ่งประกอบด้วย AITO 9, AITO 7 และ AITO 5 ได้เดินทางเป็นเวลา 38 วันซึ่งกินระยะทางถึง 15,000 กิโลเมตรจากเมืองฉงชิ่งสู่ปารีสเพื่อแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะของรถที่มีทั้งความยอดเยี่ยมและเชื่อถือได้ โดย AITO ได้แสดงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีภายใต้ธีม “ความอัจฉริยะที่นิยามถึงความหรูหรา” ซึ่งประกอบด้วยแพลตฟอร์ม AITO MF ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และเทคโนโลยี Super Range-extender ในงาน Paris Motor Show ปี 2024

ปารีส–(BUSINESS WIRE)–26 ตุลาคม 2024

จากพื้นโรงงานถึงงานแสดงรถ ขบวนรถ “ทัวร์ยูเรเซียกับAITO” ซึ่งประกอบด้วยรถยนต์รุ่น AITO 9, AITO 7 และ AITO 5 ได้เดินทางข้ามจากเอเชียถึงยุโรปเป็นระยะทางถึง 15,000 กิโลเมตรใน 38 วัน ผ่าน 12 ประเทศก่อนที่จะเข้าสู่ปารีสเพื่อร่วมงาน Paris Motor Show ครั้งที่ 90

Press Conference (Photo: Business Wire)

งานแถลงข่าว (ภาพ: Business Wire)

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา AITO ได้แสดงไลน์อัปผลิตภัณฑ์ชั้นนำของอุตสาหกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีภายใต้ธีม “ความอัจฉริยะที่นิยามถึงความหรูหรา” แก่ผู้ชมทั่วโลก โดยมี AITO 9 คันพิเศษหนึ่งเดียวซึ่งเป็นสมาชิกหลักของขบวนรถ “ทัวร์ยูเรเซียกับ AITO” ร่วมแสดงในงานด้วย การเดินทางอันยาวนานจากเมืองฉงชิ่งสู่ปารีสของรถแบรนด์นี้ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของรถยนต์ AITO รุ่นต่างๆ ในสภาพถนนที่มีความซับซ้อนและในสภาพแวดล้อมสุดหฤโหด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภูมิภาคที่มีโครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จไฟที่จำกัด แน่นอนว่าการรักษาแหล่งพลังที่เชื่อถือได้เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยากที่สุดสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ในระหว่างทริป “ทัวร์ยูเรเซียกับ AITO” ที่กินเวลานานนี้ แต่เทคโนโลยี Range-extender ของ AITO ก็สามารถเอาชนะข้อจำกัดในการชาร์จไฟไปพร้อมๆ กับมอบประสบการณ์ในการขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยเทคโนโลยีนี้แก้ปัญหาความกังวลเรื่องระยะทางได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้สามารถขับขี่ได้ไกลเป็นพิเศษ คุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุม อาทิเช่น โครงสร้างตัวถังที่แข็งแรง ฉนวนแบตเตอรี่ 5 ชั้น และฟังก์ชันความปลอดภัยเชิงรุกถึง 20 ฟังก์ชัน ช่วยให้ตลอดการเดินทางในครั้งนี้มีความปลอดภัยบนท้องถนนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะของ AITO ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความจำเป็นในการลดภาระและความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่เมื่อต้องเดินทางไกล โดยเข้ามาช่วยจัดการการขับขี่ถึง 8,800 กิโลเมตรจากระยะทางทั้งหมด 15,000 กิโลเมตร ยิ่งไปกว่านั้น ระบบจอดอัจฉริยะของ AITO ยังแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่หลากหลาย โดยมีโหมดจอดรถหลากหลายโหมดให้เลือกใช้ ซึ่งสามารถขับผ่านพื้นที่จอดรถแคบๆ ได้สบาย และด้วยโหมดช่วยจอดรถระยะไกล ผู้ขับขี่สามารถเลือกจุดจอดแล้วปล่อยให้รถเข้าจอดเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่ผู้คนในท้องถิ่นให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องตลอดการเดินทาง

ประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์จาก AITO ล้วนมีรากฐานมาจากแพลตฟอร์ม AITO MF ที่มีความสามารถรอบด้านและได้รับการพัฒนาอยู่เสมอ ซึ่งมอบคุณสมบัติหลักๆ 4 ด้าน ได้แก่ ความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบส่งกำลังที่มีความหลากหลาย พื้นที่ห้องโดยสารที่ปรับเปลี่ยนได้ และระบบอัจฉริยะชั้นนำ แพลตฟอร์มนี้รองรับตัวเลือกด้านพลังงานหลายแบบ ได้แก่ ระบบไฟฟ้า Super Range-extended, ระบบไฟฟ้าแบตเตอรี่ และอัลตร้าไฮบริด อีกทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มเดียวในอุตสาหกรรมที่สามารถใช้ร่วมกับระบบพลังงานใหม่ทั้ง 3 แบบ จึงให้ประสบการณ์ในการขับขี่ที่ “ขับสนุก สะดวกสบาย และปลอดภัย” แก่ผู้บริโภค

เทคโนโลยี Super Range-extender ที่ได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์ม AITO MF ให้ประสิทธิภาพเชิงความร้อนเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นถึง 45% และมีอัตราการแปลงเชื้อเพลิงเป็นไฟฟ้าอยู่ที่ 3.65 กิโลวัตต์ชั่วโมง/ลิตร เทคโนโลยีนี้ปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ขับขี่ได้ทุกประเภท ซึ่งจะให้พลังงานไฟฟ้าสำหรับการขับขี่ในเมือง และสามารถเติมเชื้อเพลิงสำหรับการเดินทางข้ามเมืองได้สะดวก การมอบ “สมรรถนะเท่ากันโดยใช้เชื้อเพลิงเพียงครึ่งเดียว” ให้พลังงานเทียบเท่ากับเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบ 3.0T ดั้งเดิม ประสบการณ์ในการขับขี่จะไม่ต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ซึ่งมาพร้อมกับห้องโดยสารที่เงียบ การเร่งความเร็วที่ราบรื่น และการบังคับรถที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานภายนอกระหว่างตั้งแคมป์กลางแจ้งได้อีกด้วย เทคโนโลยีนี้ยังปรับแต่งการสร้างพลังงานตามพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้ โดยจะปรับ NVH (เสียงรบกวน การสั่นสะเทือน และความกระด้าง) และประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงให้เหมาะสม เพื่อการเดินทางที่นุ่มนวลและประหยัดค่าใช้จ่าย

คุณภาพที่โดดเด่นของรถยนต์จาก AITO เกิดขึ้นจากการผลิตอัจฉริยะขั้นสูง AITO ได้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เป็นกรรมสิทธิ์หลัก โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการเชื่อมต่ออุปกรณ์การผลิตกับข้อมูล ด้วยหุ่นยนต์มากกว่า 3,000 ตัวและกระบวนการสำคัญที่ใช้ระบบอัตโนมัติ 100% ช่วยให้โรงงานที่ล้ำสมัยมีการผลิตที่มีประสิทธิภาพในระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรม โดยรองรับการผลิตที่ยืดหยุ่น โปร่งใส เป็นแบบอัตโนมัติ เชื่อมโยงถึงกัน และเป็นระบบอัจฉริยะ ในฐานะบริษัทแรกที่นำเครื่องจักรหล่อฉีดไดแคสต์ระดับ 10,000 ตันมาใช้ในการผลิต AITO รับประกันว่าการผลิตมีประสิทธิภาพ มีน้ำหนักเบา และปลอดภัย ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพและผลผลิตของผลิตภัณฑ์

ในฐานะแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับไฮเอนด์จากจีน AITO เป็นผู้บุกเบิกแนวหน้าด้านรถยนต์พลังงานใหม่อัจฉริยะ ซึ่งมาพร้อมกับแนวคิดด้านความหรูหราแบบใหม่ที่ผสมผสาน “ความหรูหราแบบดั้งเดิมและความหรูหราทางเทคโนโลยี” เพื่อมอบประสบการณ์ในการเดินทางแบบอัจฉริยะชั้นนำแก่ผู้บริโภคทั่วโลก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54135078/en

ข้อมูลติดต่อ

Joanna Gong
gongqiong@dsconsulting.com

ที่มา: AITO





MidOcean Energy ของ EIG ดำเนินการซื้อหุ้นเพิ่ม 15% ใน Peru LNG จาก Hunt Oil Company เสร็จสิ้นแล้ว

Logo

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–24 ตุลาคม 2024

MidOcean Energy (ต่อจากนี้เรียกว่า “MidOcean” หรือ “บริษัท”) บริษัทแก๊สธรรมชาติเหลว (LNG) ที่จัดตั้งและบริหารจัดการโดย EIG สถาบันลงทุนชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก ประกาศในวันนี้ว่าได้ดำเนินการตามข้อตกลงที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ในการซื้อหุ้นเพิ่มอีก 15% ใน Peru LNG (“PLNG”) จาก  Hunt Oil Company (ต่อจากนี้เรียกว่า “Hunt”) จนเสร็จสมบูรณ์แล้ว

ขณะนี้ หุ้นของ MidOcean ใน PLNG จึงคิดเป็น 35% โดยที่ Hunt จะยังคงเป็นผู้ดำเนินงานของ PLNG

PLNG เป็นเจ้าของและดำเนินงานเฉพาะโรงงานส่งออก LNG ในอเมริกาใต้ ซึ่งตั้งอยู่ใน Pampa Melchorita ห่างจากทางใต้ของกรุงลิมา ประเทศเปรู 170 กิโลเมตร สินทรัพย์ของ PLNG ประกอบด้วยโรงงานแปรสภาพแก๊สธรรมชาติให้เหลวที่มีขีดความสามารถในการแปรสภาพที่ 4.45 ล้านตันต่อปี (mmtpa), ระบบสายท่อ 408 กิโลเมตรภายใต้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ที่มีความสามารถอยู่ที่ 1,290 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (mmcf/d), ถังจัดเก็บขนาด 130,000 ลูกบาศก์เมตร (m3) จำนวน 2 ถัง, สถานีขนส่งทางทะเลภายใต้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ 1.4 กิโลเมตร และสถานที่บรรจุลงรถที่มีขีดความสามารถสูงสุดที่ 19.2 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (mmcf/d) PLNG อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ Hunt และเป็นหนึ่งในโรงงานผลิต LNG จำนวนเพียง 2 แห่งในลาตินอเมริกา

Morgan Stanley ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินแก่ MidOcean โดยเฉพาะเกี่ยวกับการทำธุรกรรมครั้งนี้ และ Latham & Watkins ก็เป็นผู้ให้คำปรึกษาทางกฎหมาย โดยที่ Bracewell LLP ทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาทางกฎหมายแก่ Hunt

เกี่ยวกับ MidOcean Energy

MidOcean Energy บริษัท LNG ที่จัดตั้งและบริหารจัดการโดย EIG มุ่งเป้าสร้างกลุ่มหลักทรัพย์ LNG ในระดับสากลที่มีความหลากหลาย ยืดหยุ่น และสามารถแข่งขันด้านต้นทุนและการปล่อยคาร์บอน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อของ EIG ที่เชื่อว่า LNG เป็นปัจจัยสำคัญที่จะเอื้อในการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานและเชื่อว่าความสำคัญของ LNG ในฐานะแหล่งพลังงานเชิงกลยุทธ์ภูมิรัฐศาสตร์จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ MidOcean Energy อยู่ภายใต้การบริหารของ De la Rey Venter ผู้ชำนาญการในอุตสาหกรรมเป็นระยะเวลา 26 ปีที่เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงมาอย่างหลากหลาย รวมถึง Global Head of LNG ที่ Shell Plc.

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นสถาบันลงทุนชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกที่มีมูลค่า 24.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายใต้การบริหารจัดการ ณ วันที่ 30 มิถุนายน โดย EIG มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านการลงทุนเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 42 ปีที่ดำเนินการมา EIG ลงทุนไปกว่า 48.6 พันล้านดอลลาร์ในภาคส่วนพลังงานผ่าน 413 โครงการหรือบริษัทใน 42 ประเทศ 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG รวมถึงบริษัทประกันบำนาญ ประกันชีวิต ประกันสะสมทรัพย์ มูลนิธิ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป สำนักงานใหญ่ของ EIG อยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานอยู่ในฮิวสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ Hunt Oil Company

Hunt ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1934 และเป็นหนึ่งในบริษัทเอกเทศที่เป็นเจ้าของโดยเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา บริษัทจัดตั้งอยู่ในแดลลัส รัฐเท็กซัส ซึ่งมีสถานที่ปฏิบัติการหลักอยู่ในเปรู สหรัฐอเมริกา และภูมิภาคเคอร์ดิสถานในอิรัก รวมถึงมีโครงการสำรวจในตูนิเซียและโมร็อกโก โดย Hunt นั้นเป็นบริษัทสำรวจที่ดำเนินการในระดับนานาชาติและได้ทำการขุดเจาะมาแล้วในทุกทวีป ยกเว้นแอนตาร์กติกา

หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com หรือเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ข้อมูลติดต่อ EIG/MidOcean
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ข้อมูลติดต่อ Hunt
Paul Schulze
+1 214-978-8534
publicaffairs@huntconsolidated.com

แหล่งที่มา: EIG

Tabreed คว้ารางวัลใหญ่ในสิงคโปร์ที่งาน Asian Power Awards ปี 2024

Logo

  • บริษัทได้รับรางวัลใหญ่สองรางวัลสําหรับโครงการริเริ่มที่ก้าวล้ำล่าสุดในด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพหมุนเวียนและความก้าวหน้าด้านประสิทธิภาพที่พลิกโฉม

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–25 ตุลาคม 2024

Tabreed บริษัทระบบทำความเย็นแบบรวมศูนย์ชั้นนําของโลกได้รับเกียรติจากงานประกาศรางวัล Asian Power Awards ประจําปี 2024 ซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์ในสัปดาห์นี้ คณะกรรมการยกย่องให้ Tabreed เป็นแชมป์ด้านการทําความเย็นที่ยั่งยืนมาอย่างยาวนาน จึงมอบรางวัลสําคัญสองรางวัลให้กับบริษัท: 'โครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพแห่งปี – ทองคํา' และ 'โครงการริเริ่มระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์แห่งปี – สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์'

Tabreed Wins Big in Singapore at the 2024 Asian Power Awards (Photo: AETOSWire)

Tabreed คว้ารางวัลใหญ่ในสิงคโปร์ที่งาน Asian Power Awards ปี 2024 (รูป: AETOSWire)

Asian Power Awards เป็นงานประกาศรางวัลอันทรงเกียรติที่ยกย่องโครงการและความคิดริเริ่มที่ล้ำสมัยและสร้างสรรค์โดยบริษัทกำลังและพลังงาน งานประกาศรางวัลนี้จัดขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติผู้ที่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพื่อจัดการกับผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น Irshad Hussain รองประธานฝ่ายโครงการซึ่งเป็นตัวแทนของ Tabreed รับทั้งสองรางวัลในคืนนั้น

โครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพแห่งปี

Tabreed เป็นผู้นําด้านการทําความเย็นอย่างยั่งยืนด้วยโครงการความร้อนใต้พิภพ 'G2COOL' ในเมืองมาสดาร์ อาบูดาบี ร่วมกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ADNOC โดยเริ่มดําเนินการในเดือนธันวาคม ปี 2023 โดยโรงงานนวัตกรรมแห่งนี้ใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพในการให้บริการทําความเย็นและบูรณการกับเครือข่ายทําความเย็นแบบรวมศูนย์ที่มีอยู่เดิม โดยเป็นโรงงานทําความเย็นแบบรวมศูนย์แห่งแรกในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ช่วยลดคาร์บอนในการทําความเย็นในเมืองมาสดาร์ และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์พลังงานแห่งชาติปี 2050 ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

โรงงานแห่งนี้ใช้น้ำร้อนจากแหล่งความร้อนใต้พิภพที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินเพื่อจ่ายไฟให้กับเครื่องทําความเย็นแบบดูดซึมพิเศษ ซึ่งให้ประสิทธิภาพทางไฟฟ้าที่น่าประทับใจที่ 0.5 ถึง 0.55 กิโลวัตต์ต่อตันทําความเย็น (RT) เมื่อเทียบกับ 0.85 กิโลวัตต์ต่อตันทำความเย็นทั่วไปในระบบทําความเย็นแบบรวมศูนย์ทั่วไป พลังงานความร้อนใต้พิภพก่อให้เกิดการปล่อยมลพิษน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีการแบบดั้งเดิม ซึ่งสนับสนุนเป้าหมายของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในการกระจายแหล่งพลังงานและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล

โครงการริเริ่มระบบทําความเย็นแบบรวมศูนย์แห่งปี – สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

รางวัลนี้เป็นเกียรติแก่การศึกษานําร่องที่โรงงานแห่งหนึ่งของ Tabreed ในอาบูดาบี ซึ่งร่วมมือกับ HT Materials Science (HTMS) ของไอร์แลนด์ เพื่อสํารวจศักยภาพของเทคโนโลยีนาโนฟลูอิดที่ปฏิวัติวงการที่เรียกว่า 'Maxwell' ซึ่งได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อปรับปรุงการถ่ายเทความร้อน Tabreed ค้นพบว่าการใช้ Maxwell ในลูปน้ำเย็นทําให้ประสิทธิภาพของระบบทําความเย็นเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจประมาณ 15%

Maxwell ตั้งชื่อตาม James Clerk Maxwell นักวิทยาศาสตร์ผู้บุกเบิกที่พัฒนาแนวคิดของของเหลวนาโนเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 19 เป็นวิศวกรรมการแขวนลอยของอนุภาคอะลูมิเนียมออกไซด์ขนาดเล็กกว่าไมครอนในของเหลวฐานพื้นฐานที่เป็นน้ำหรือน้ำ/ไกลคอล ('นาโนฟลูอิด') ซึ่งเป็นสารเติมแต่งแบบดรอปอินสําหรับระบบทําความเย็นและทําความร้อน ซึ่งทํางานโดยเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนในระบบทําความเย็นโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือที่ซับซ้อนหรือเปลี่ยนอุปกรณ์

 Khalid Al Marzooqi ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tabreed กล่าวว่ารางวัลเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจที่สําคัญว่าการแสวงหาการดําเนินงานที่ยั่งยืนของบริษัทเป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นที่มีต่ออนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น “การแสวงหาประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเราไม่มีขีดจํากัด” “เราเป็นผู้นําอุตสาหกรรมที่สําคัญนี้ด้วยแนวทางที่เป็นนวัตกรรมของเรา ซึ่งเราไม่ละเลยแม้แต่น้อยในการลดการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผมภูมิใจมากกับสิ่งที่ทุกคนใน Tabreed ประสบความสําเร็จ และการได้รับเกียรติจากรางวัลเหล่านี้เป็นการยอมรับถึงขั้นตอนสําคัญที่เรากําลังดําเนินการเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการก่อสร้าง”

ก่อนหน้านี้ Tabreed ได้ประกาศเป้าหมายที่จะขยายการดำเนินงานในระดับนานาชาติ โดยมุ่งเน้นไปที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ บริษัทซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1998 และดําเนินกิจการอยู่ใน 6 ประเทศโดยมีพอร์ตโฟลิโอของโรงงานระบบทําความเย็นแบบรวมศูนย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันมีจำนวน 91 แห่งเนื่องจากหลายประเทศประสบกับผลกระทบจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นความต้องการระบบทําความเย็นแบบรวมศูนย์จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในฐานะผู้นําระดับโลกด้านระบบทําความเย็นแบบรวมศูนย์อย่างยั่งยืน การดําเนินงานของ Tabreed สามารถป้องกันการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หลายล้านตันด้วยการประหยัดพลังงานอย่างมาก

เกี่ยวกับ Tabreed:

Tabreed ให้บริการระบบทําความเย็นแบบรวมศูนย์ที่จําเป็นและยั่งยืนให้กับโครงการสำคัญต่างๆ ในตะวันออกกลางและเอเชีย ซึ่งเป็นแรงผลักดันหลักในการพัฒนาผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมทั่วโลกสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 และจดทะเบียนในตลาดการเงินดูไบ เป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ด้วยการดำเนินงานที่กว้างขวางระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพที่เป็นผู้นําในอุตสาหกรรม โปรแกรมการวิจัยและพัฒนา  และการลงทุนในเทคโนโลยี AI ทำให้ Tabreed เป็นผู้นําระดับโลกในอุตสาหกรรมระบบทําความเย็นแบบรวมศูนย์ นอกเหนือจากระบบทําความเย็นแบบรวมศูนย์แล้ว บริการด้านประสิทธิภาพพลังงานของ Tabreed ยังช่วยขยายผลกระทบต่อความยั่งยืนของบริษัท ช่วยให้ธุรกิจและองค์กรต่างๆ ปรับปรุงการใช้พลังงานโดยรวมได้ ซึ่งจะช่วยป้องกันการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

LinkedIn

*ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54141284/en

ติดต่อ

Samer Al Tawil
ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการมีส่วนร่วม
saltawil@tabreed.ae

Kevin Hackett
ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารภายนอก
khackett@tabreed.ae

ที่มา: Tabreed

The Bangkok Reporter