ปลอดภัยและสะดวกมากยิ่งขึ้น – Nabla Works Corp. เปิดตัว “โซลูชันการเข้าถึงด้วยการจดจำใบหน้า”

Logo

Nabla Works Corp. มุ่งหมายมอบความสะดวกและประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยีไอทีให้กับหลากหลายอุตสาหกรรมผ่าน AI โดยได้เปิดตัวโซลูชันการเข้าถึงด้วยการจดจำใบหน้าที่ใช้เทคโนโลยีการจดจำภาพขั้นสูง

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–22 สิงหาคม 2024

โซลูชันการเข้าถึงด้วยการจดจำใบหน้าของ Nabla Works สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ เช่น การควบคุมการเข้าถึงของพนักงาน การควบคุมการเข้าร่วม และการต้อนรับเข้าสู่อาคารสถานที่ ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความปลอดภัยผ่านการจดจำใบหน้าที่แม่นยำสูง โซลูชันนี้ยังเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ดูแลระบบและผู้ใช้โดยการขจัดความจำเป็นในการที่จะต้องพกบัตร IC หรือสมาร์ทโฟนเพื่อยืนยันตัวตน

Configuration Image (Graphic: Business Wire)

รูปภาพการกำหนดค่า (ภาพ: Business Wire)

อุปกรณ์จดจำใบหน้า

อุปกรณ์จดจำใบหน้ามาพร้อมกับฟังก์ชันการจดจำใบหน้าระดับสูงสุดที่มีในโลก โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ภายใน 0.3 วินาทีด้วยความแม่นยำในการยืนยันตัวตนที่อย่างน้อย 99% ฟังก์ชันการตรวจจับไบโอเมตริกในตัวจะป้องกันการหลอกลวงผ่านการปลอมแปลงโดยใช้วิดีโอและรูปภาพ รวมถึงช่วยให้ควบคุมการเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
นอกจากนี้ยังมี SDK ที่ปรับมาเพื่ออุปกรณ์นี้โดยเฉพาะ ตลอดจนผสานการทำงานกับระบบและพัฒนา UI ได้อย่างง่ายดาย
 

ซอฟต์แวร์การจัดการ

ซอฟต์แวร์การจัดการการเข้าถึงด้วยการจดจำใบหน้าพร้อมให้ใช้ร่วมกับอุปกรณ์จดจำใบหน้าข้างต้น UI ภาพที่ใช้งานง่ายและฟังก์ชันแดชบอร์ดจะเอื้อต่อการจัดการอุปกรณ์ สิทธิ์ของผู้ใช้ และประวัติการยืนยันตัวตน
ซอฟต์แวร์นี้สามารถใช้ได้ทั้งภายในสถานที่และสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ เรายังให้บริการฟังก์ชัน API และการแจ้งเตือนแบบพุชที่สามารถเชื่อมโยงกับระบบและบริการการจัดการภายนอกอีกด้วย

แผนสำหรับอนาคต

บริษัทวางแผนที่จะทยอยเปิดตัว SDK สำหรับซอฟต์แวร์/ไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์การจดจำใบหน้า เทอร์มินัลโมดูลกล้องสำหรับการจดจำใบหน้า และเทอร์มินัลการรับสำหรับการจดจำใบหน้า

โอกาสสำหรับพันธมิตร

Nabla Works กำลังมองหาพันธมิตรตัวแทนจำหน่ายที่คุ้นเคยกับตลาดท้องถิ่นและสามารถทำงานร่วมกับเราในการจำหน่าย ติดตั้งใช้งาน และให้การสนับสนุนหลังการขายสำหรับโซลูชันของ Nabla Works ในแต่ละภูมิภาค
โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเราเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

* ตัวอย่างพันธมิตร

  • บริษัทจัดหาโซลูชันสำหรับอุตสาหกรรมสำนักงาน ร้านค้าปลีก และการบริการ
  • บริษัทจัดหาโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย เช่น ระบบควบคุมการเข้าถึง ล็อกไฟฟ้า กล้องวงจรปิด เป็นต้น
  • บริษัทจัดหาบริการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง (ทางไฟฟ้าและโทรคมนาคม)
  • บริษัทจัดหาบริการติดตั้งและการสนับสนุนสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้า

ภาพรวมบริษัท

ชื่อบริษัท: Nabla Works Corp.
ตัวแทน: Masayuki Motoshima
ก่อตั้งเมื่อ: มกราคม 2024
กิจการของธุรกิจ: การพัฒนาและการขายซอฟต์แวร์ AI และฮาร์ดแวร์
URL: https://www.nablaworks.co.jp/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54106396/en

ข้อมูลติดต่อ

ชื่อ: Haruka Kobiyama, Manami Nishimura
โทรศัพท์: (+81) 3 6721 8429
อีเมล: info@nablaworks.co.jp

แหล่งที่มา: Nabla Works Corp.

รางวัลอันน่าภาคภูมิใจ: Mary Kay Inc.เป็นแบรนด์ขายตรงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางแต่งหน้าอันดับ 1 ของโลกอีกครั้ง

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–19 สิงหาคม 2024

เราภูมิใจที่จะประกาศว่าแบรนด์ความงามระดับไอคอนและบริษัทผู้ประกอบการระดับโลกอย่าง Mary Kay Inc. ได้รับการยกย่องจาก Euromonitor International ให้เป็นแบรนด์ขายตรงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางอันดับ 1 ของโลก* อีกครั้ง

We’re tickled pink: iconic beauty brand and global entrepreneurship company Mary Kay Inc. has again been named #1 Direct Selling brand of Skin Care and Color Cosmetics in the World* by Euromonitor International. (Graphic: Mary Kay Inc.)

เราภูมิใจที่จะประกาศว่า แบรนด์ความงามระดับไอคอนและบริษัทผู้ประกอบการระดับโลกอย่าง Mary Kay Inc. ได้รับการยกย่องจาก Euromonitor International ให้เป็นแบรนด์ขายตรงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางอันดับ 1 ของโลก* อีกสมัย (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

Euromonitor International คือผู้ให้บริการชั้นนำด้านข้อมูลเชิงธุรกิจ การวิเคราะห์ตลาด และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคทั่วโลก โดยมีประสบการณ์ในการทำวิจัยตลาดในประเทศต่างๆ กว่า 100 ประเทศเป็นเวลามากกว่า 50 ปี การให้การยอมรับ Mary Kay ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพของแบรนด์ที่ไม่มีใครเทียบได้เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันว่าแบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเติบโตอย่างต่อเนื่องในเวทีระดับโลกอีกด้วย

นอกจากจะได้รับเกียรติระดับโลกแล้ว Mary Kay ยังได้รับการยกย่องให้เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าและลิปสติกอันดับ 1 ในลาตินอเมริกา*, แบรนด์เครื่องสำอางอันดับ 1 ในเม็กซิโก*, แบรนด์ขายตรงผลิตภัณฑ์ความงามและการดูแลร่างกายอันดับ 1 ในเม็กซิโก และแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอันดับ 1 ในคาซัคสถาน*

“Mary Kay Ash ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้งและคุณย่าของผมสอนพวกเราว่าจงอย่าหยุดที่จะพัฒนา” Ryan Rogers, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay กล่าว “ผมรู้ว่าท่านจะต้องภูมิใจไม่ต่างจากพวกเรา ที่ Mary Kay ได้รับการยกย่องอันทรงเกียรตินี้อีกครั้ง ความโดดเด่นที่แตกต่างนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการลงทุนทั้งในด้านคุณภาพและนวัตกรรม ตลอดจนชุมชนที่ปรึกษาด้านความงามอิสระอันน่าทึ่ง ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเรา”

กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Mary Kay ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง รวมถึงลูกค้าทุกวัย อีกทั้งผลิตภัณฑ์ตกแต่งสีของบริษัทก็ครอบคลุมโทนสีผิวที่หลากหลาย ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่ทำให้ Mary Kay เป็นที่ 1 ได้แก่ TimeWise® Miracle Set®, สกินแคร์ Mary Kay®, น้ำยาล้างเครื่องสำอางรอบดวงตาแบบไร้น้ำมัน Mary Kay®, อายชาโดว์ Mary Kay Chromafusion®, Mary Kay® Ultimate Mascara™, ลิปสติกเนื้อเจลกึ่งแมท Mary Kay®, ลิปกลอส Mary Kay Unlimited® และอายไลเนอร์กันน้ำ Mary Kay® ผลิตภัณฑ์ของ Mary Kay สามารถหาซื้อได้ผ่านที่ปรึกษาด้านความงามอิสระ ซึ่งจะเสนอบริการที่เหมาะกับแต่ละบุคคลทางออนไลน์ บนโซเชียลมีเดีย และแบบตัวต่อตัว

Mary Kay มีความมุ่งมั่นในการยกระดับสุขภาพผิว การวิจัยและพัฒนา ตลอดจนโภชนาการมาอย่างยาวนาน โดยเป็นแบรนด์ที่มีสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายไปทั่วโลกมากกว่า 1,600 ฉบับ

* “แหล่งข้อมูล: Euromonitor International Limited; Beauty and Personal Care ฉบับปี 2024, มูลค่ายอดขายในราคาขายปลีก, ข้อมูลปี 2023”

About Mary Kay

“มุ่งมั่นในอดีต ปัจจุบัน และตลอดไป” Mary Kay Ash ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ทำลายขีดจำกัดด้านความงามรายแรกๆ ก่อตั้งแบรนด์ความงามที่ตนวาดฝันไว้ที่รัฐเท็กซัสในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือ เพื่อยกระดับวิถีชีวิตของผู้หญิง ซึ่งความฝันนี้ก็ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีสมาชิกนักขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลา 60 ปีแล้วที่โอกาสที่ Mary Kay มอบให้ได้ช่วยส่งเสริมให้ผู้หญิงสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริม และน้ำหอมที่ล้ำสมัย Mary Kay เชื่อในการอนุรักษ์โลกใบนี้เพื่อลูกหลานของเรารุ่นต่อไป ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการใช้ความรุนแรงในครอบครัว และส่งเสริมให้เยาวชนเดินตามความฝันของตัวเอง เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com, พบกับเราได้บน FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้บน Twitter

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54110401/en

ข้อมูลติดต่อ

Mary Kay Inc. แผนก Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Inc.

Boomi ยืนยันความมุ่งมั่นในการรักษาความปลอดภัยด้วยการประเมิน IRAP ใหม่ที่ประสบความสําเร็จสําหรับแพลตฟอร์มองค์กรทั้งหมด

Logo

Boomi เสร็จสิ้นการประเมินใหม่โดยอิสระ สําหรับการควบคุมความปลอดภัยของระบบคลาวด์ภายใต้กรอบ IRAP ของรัฐบาลออสเตรเลีย

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–20 สิงหาคม 2024

Boomi™ ผู้นําด้านบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ได้ประกาศในวันนี้ว่าประสบความสําเร็จในการประเมิน Boomi Enterprise Platform ใหม่ภายใต้กรอบ IRAP ของรัฐบาลออสเตรเลีย การประเมินนี้เป็นการยืนยันว่าแพลตฟอร์มทั้งหมดเป็นไปตามการควบคุมระดับการจําแนกประเภทที่ได้รับการปกป้อง

Boomi Reaffirms Commitment to Security with Successful IRAP Reassessment for Entire Enterprise Platform (Graphic: Business Wire)

Boomi ยืนยันความมุ่งมั่นในการรักษาความปลอดภัยด้วยการประเมิน IRAP ใหม่ที่ประสบความสําเร็จสําหรับแพลตฟอร์มองค์กรทั้งหมด(กราฟิก: Business Wire)

การประเมินดําเนินการภายใน Australian Signals Directorate (ASD) Information Security Registered Assessors Program (IRAP) ซึ่งเป็นกรอบการทํางานทั่วไปที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานรัฐบาลออสเตรเลียสําหรับการประเมินความมั่นคงความปลอดภัยของผู้ขาย

“ด้วยอุณหภูมิของสภาพแวดล้อมด้านความปลอดภัยของออสเตรเลียเพิ่มสูงขึ้น การรักษามาตรฐานที่เข้มงวดสําหรับการปกป้องข้อมูลและความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่กําหนดไว้ภายใต้กรอบ IRAP จึงมีความสําคัญมากกว่าที่เคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความร่วมมือระหว่างหน่วยงานและระดับโลกมีความจําเป็นมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง” David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว

“ความสําเร็จของ Boomi ในการประเมิน IRAP เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการมอบความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลในระดับสูงสุดให้กับองค์กรในออสเตรเลีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาครัฐและโครงสร้างพื้นฐานที่สําคัญ ความสําเร็จนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการปฏิบัติตามข้อกําหนดที่เข้มงวดในการจัดการข้อมูลที่ละเอียดอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่รัฐบาลกําลังเผชิญกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นทั้งในระดับท้องถิ่นและทั่วโลก” Carl Siva ผู้บริหารความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศกล่าว

การประเมินในระดับ PROTECTED ตระหนักถึงความสามารถของ Boomi ในการจัดหาการควบคุมความปลอดภัยที่ครอบคลุมในการออกแบบระบบ และประสิทธิภาพการดำเนินงานทั่วทั้งการให้บริการแพลตฟอร์มบูรณาการ (iPaaS) ที่ได้รับการประเมินใหม่ ได้แก่ Managed Cloud Service, B2B/EDI Management และ Event Streams พร้อมด้วย การบูรณาการ การจัดการ API, DataHub และ Flow workflow management ที่ได้รับการประเมินใหม่ว่า “มีประสิทธิภาพ”

มาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งของ Boomi สําหรับการจัดเก็บ ประมวลผล และสื่อสารข้อมูลไม่เพียงแต่เป็นไปตามข้อกําหนดที่เข้มงวดของกรอบ IRAP ของรัฐบาลออสเตรเลียเท่านั้น แต่ยังช่วยให้หน่วยงานของรัฐสามารถซื้อบริการ Boomi Enterprise Platform ได้โดยไม่ต้องทําการประเมินอิสระด้วยตนเอง ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรของผู้เชี่ยวชาญภาครัฐ นอกจากนี้ยังสนับสนุนการเข้าถึงเชิงพาณิชย์ โดยองค์กรในออสเตรเลียหลายแห่งยอมรับ IRAP เป็นมาตรฐานทองคําสําหรับการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นําด้านการบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ช่วยให้องค์กรต่างๆ ทั่วโลกจัดการกระบวนการที่สําคัญเป็นไปโดยอัตโนมัติและปรับปรุงเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เร็วขึ้น ด้วย แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise Platform ใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI ขั้นสูง จึงเชื่อมต่อระบบและจัดการการไหลของข้อมูลได้อย่างราบรื่นด้วยการจัดการ API การบูรณาการ การจัดการข้อมูล และการประสานงาน AI ในโซลูชันที่ครอบคลุมเพียงโซลูชันเดียว ด้วยฐานลูกค้ามากกว่า 20,000 บริษัททั่วโลกและเครือข่ายพันธมิตรที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว มากกว่า 800 ราย Boomi กําลังปฏิวัติวิธีที่องค์กรทุกขนาดบรรลุความคล่องตัวทางธุรกิจและความเป็นเลิศในการดําเนินงาน ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2024 Boomi, LP Boomi, โลโก้ 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ:
Jasmine Ee

Head of Influencer Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54110573/en

SMART Modular Technologies เปิดตัว DDR5 RDIMM ที่มาพร้อมกับการเคลือบฟิล์มโพลีเมอร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์แบบจมใต้น้ำ

Logo

กระบวนการเคลือบฟิล์มโพลีเมอร์จะปกป้องแผงวงจรจากการกัดกร่อน รวมถึงเพิ่มเสถียรภาพและลดต้นทุนสำหรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูล

นวร์ก, แคลิฟอร์เนีย –(BUSINESS WIRE)–13 สิงหาคม 2024

SMART Modular Technologies, Inc. (“SMART”) แผนกหนึ่งของ SGH (Nasdaq: SGH) และผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ โซลิดสเตตไดรฟ์ และหน่วยความจำขั้นสูง ได้เปิดตัวสายสินค้า DDR5 Registered DIMM (RDIMM) ใหม่ที่มาพร้อมกับการเคลือบฟิล์มโพลีเมอร์ ซึ่งออกแบบมาสำหรับใช้งานในเซิร์ฟเวอร์แบบจมใต้น้ำโดยเฉพาะ สายสินค้าล้ำนวัตกรรมนี้ผสมผสานสมรรถนะเหนือระดับของเทคโนโลยี DDR5 พร้อมการปกป้องประสิทธิภาพสูง จึงรับรองเสถียรภภาพและอายุการใช้งานในสภาพแวดล้อมศูนย์ข้อมูลที่มีความต้องการสูงสุดได้

SMART Modular's RDIMMs with conformal coating protects modules used in liquid immersion servers which leads to higher reliability and reduced costs for data center applications. (Graphic: Business Wire)

RDIMM ของ SMART Modular มาพร้อมกับการเคลือบฟิล์มโพลีเมอร์เพื่อปกป้องแผงวงจรที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์แบบจมใต้น้ำ ทำให้มีเสถียรภาพสูงขึ้นและลดต้นทุนสำหรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูล (กราฟิก: Business Wire)

Arthur Sainio ผู้อำนวยการกลุ่มสินค้า DRAM จาก SMART อธิบายความสำคัญของการเปิดตัวนี้ว่า “DDR5 RDIMM ใหม่ของเรามาพร้อมกับการเคลือบฟิล์มโพลีเมอร์ ซึ่งเป็นการผสมผสานสมรรถนะล้ำสมัยและเสถียรภาพอันเหนือชั้นสำหรับศูนย์ข้อมูลสมัยใหม่ที่ระบายความร้อนใต้น้ำได้อย่างลงตัว ด้วยการนำเอาความเร็วและประสิทธิภาพของเทคโนโลยี DDR5 มารวมเข้ากับการเคลือบป้องกันขั้นสูง เราจึงสามารถช่วยให้ลูกค้ายกระดับเพดานของพลังในการประมวลผล พร้อมกับรับรองความทนทานระยะยาวในสภาพแวดล้อมการใช้งานใต้น้ำ สินค้ากลุ่มนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการคิดค้นนวัตกรรมและแรงผลักดันของเราเพื่อตอบสนองความต้องการการใช้งานคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา”

ต่อไปนี้คือข้อดีสามประการของการออกแบบ DDR5 RDIMM ที่มาพร้อมกับการเคลือบฟิล์มโพลีเมอร์

  1. ป้องกันการกัดกร่อน – การเคลือบฟิล์มโพลีเมอร์สามารถป้องกันการกัดกร่อนได้โดยการปกป้องส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ที่ละเอียดอ่อนจากสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนและให้การป้องกันอันตรายจากสภาพแวดล้อม เช่น ปฏิกิริยาออกซิเดชัน อีกหนึ่งชั้น จึงยืดอายุการใช้งานของแผงวงจรหน่วยความจำได้
  2. ลดการบำรุงรักษา – การเคลือบแผงวงจรมีส่วนช่วยในด้านการบำรุงรักษา เนื่องจากการป้องกันการกัดกร่อนประสิทธิภาพสูง ทำให้มีเสถียรภาพสูงขึ้นและลดต้นทุนด้านการบำรุงรักษา
  3. เสถียรภาพทางความร้อน – การเคลือบแผงวงจรด้วยฟิล์มโพลีเมอร์ช่วยมอบเสถียรภาพทางความร้อน ซึ่งเหมาะสมกับระบบระบายความร้อนแบบจมใต้น้ำโดยเฉพาะ อีกทั้งยังได้รับความนิยมในด้านประสิทธิภาพและความทนทานอีกด้วย ระบบระบายความร้อนแบบจมใต้น้ำมีความร้อนแวดล้อมที่คงที่ จึงลดความเสี่ยงของการสะสมความร้อนและปรับปรุงเสถียรภาพโดยรวมของระบบ

DDR5 RDIMM ที่มาพร้อมกับการเคลือบฟิล์มโพลีเมอร์ของ SMART ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับปริมาณที่มีความต้องการสูงสุด ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI), การเรียนรู้ของเครื่อง (ML), การประมวลผลสมรรถนะสูง (HPC) และการวิเคราะห์ฐานข้อมูลปริมาณสูง โดยรองรับสูงสุด 256GB ต่อแผงวงจร และแผงวงจรเหล่านี้ยังเหมาะสมกับการใช้งานในเซิร์ฟเวอร์แบบจมใต้น้ำ ซึ่งจำเป็นต้องมีความจุหน่วยความจำและรองรับปริมาณข้อมูลสูง

DDR5 RDIMM ที่มาพร้อมกับการเคลือบฟิล์มโพลีเมอร์ของ SMART จะวางจำหน่ายทันทีผ่านเครือข่ายการขายทั่วโลกของเรา ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้า RDIMM แบบจมใต้น้ำของ SMART

*ตัวอักษร “S” ที่มีรูปแบบเฉพาะและ “SMART” รวมถึง “SMART Modular Technologies” เป็นเครื่องหมายการค้าและ/หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SMART Modular Technologies, Inc. เครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับ SMART Modular Technologies, Inc.

เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่ SMART Modular Technologies ได้ช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในด้านการประมวลผลสมรรถนะสูงผ่านการออกแบบ การพัฒนา และการบรรจุโซลูชันหน่วยความจำเฉพาะทางขั้นสูง สินค้ามากมายของเรามีตั้งแต่เทคโนโลยีล้ำสมัยของยุคนี้ไปจนถึงสินค้าอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล DRAM และ Flash แบบมาตรฐานและดั้งเดิม เราจัดหาโซลูชันหน่วยความจำและการจัดเก็บข้อมูลแบบมาตรฐาน ทนทาน และแบบกำหนดเองที่ตอบสนองความต้องการในการใช้งานที่หลากหลายในตลาดที่มีการเติบโตสูง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54108350/en

ข้อมูลติดต่อ

ผู้ติดต่อฝ่ายการตลาดสินค้า
Arthur Sainio
SMART Modular Technologies
Director, DRAM Product Marketing
39870 Eureka Dr., Newark, CA 94583
arthur.sainio@smartm.com

ผู้ติดต่อฝ่ายสื่อ
John Crook
SMART Modular Technologies
Marketing Communications
+1 (510) 474 8326
john.crook@smartm.com

Maureen O’Leary
Penguin Solutions
Director, Communications
pr@sghcorp.com

ที่มา: SMART Modular Technologies, Inc.

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พลิกโฉมแบบจำลองภาษาด้วยสถาปัตยกรรมใหม่

Logo

• Falcon Mamba 7B เป็นแบบจำลองภาษาระดับโลกที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในหมวดหมู่ SSLM แบบเปิด (Open Source State Space Language Model) โดยได้รับการยืนยันจาก Hugging Face

• SSLM มีค่าใช้จ่ายด้านหน่วยความจำต่ำ และไม่ต้องใช้หน่วยความจำเพิ่มเติมในการสร้างข้อความยาวๆ ตามต้องการ

• Falcon Mamba 7B มีประสิทธิภาพดีกว่าแบบจำลองสถาปัตยกรรม Transformer แบบดั้งเดิม เช่น Llama 3.1 8B ของ Meta และ Mistral 7B

แบบจำลองใหม่นี้สะท้อนถึงความคิดริเริ่มและนวัตกรรมของอาบูดาบีในด้านการวิจัยและพัฒนา AI

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–12 สิงหาคม 2024

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี  (TII) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ชั้นนำระดับโลกและเสาหลักของการวิจัยประยุกต์ของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งอาบูดาบี (Advanced Technology Research Council) (ATRC) ได้เปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่รุ่นใหม่ในซีรีส์ Falcon ชื่อว่า Falcon Mamba 7B โมเดลนี้เป็น State Space Language Model (SSLM) แบบโอเพนซอร์สอันหนึ่งของโลก โดยได้รับการยืนยันจาก Hugging Face

UAE’s Technology Innovation Institute Revolutionizes AI Language Models With New Architecture (Photo: AETOSWire)

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของ UAE ปฏิรูปโมเดลภาษา AI ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ (ภาพ: AETOSWire)

ในฐานะที่เป็น SSLM รุ่นแรกสำหรับซีรีส์ Falcon ทำให้โมเดลนี้แตกต่างจากโมเดล Falcon รุ่นก่อนหน้าทั้งหมดที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Transformer ซึ่ง Falcon Mamba 7B รุ่นใหม่นี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างหนึ่งของการวิจัยบุกเบิกที่สถาบันกำลังดำเนินการ ตลอดจนเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยที่สถาบันเปิดให้ชุมชนเข้าถึงได้ในรูปแบบโอเพนซอร์ส

Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC และที่ปรึกษาประธานาธิบดี UAE ด้านการวิจัยเชิงกลยุทธ์และกิจการเทคโนโลยีขั้นสูง กล่าวว่า “Falcon Mamba 7B ถือเป็นโมเดล AI อันดับหนึ่งต่อเนื่องเป็นรุ่นที่สี่ของ TII ซึ่งเสริมสร้างให้อาบูดาบีเป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านการวิจัยและพัฒนา AI ความสำเร็จนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งของ UAE ในด้านนวัตกรรม”

สำหรับโมเดลสถาปัตยกรรม Transformer Falcon Mamba 7B มีประสิทธิภาพดีกว่า Llama 3.1 8B, Llama 3 8B ของ Meta และ Mistral 7B ในเกณฑ์มาตรฐานใหม่จาก HuggingFace ในขณะที่ SSLM อื่นๆ Falcon Mamba 7B มีประสิทธิภาพดีกว่าโมเดลโอเพนซอร์สทั้งหมดในเกณฑ์มาตรฐานเก่า และจะเป็นโมเดลแรกในตารางผู้นำเกณฑ์มาตรฐานใหม่ที่เข้มงวดกว่าของ HuggingFace

ดร. Najwa Aaraj ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TII กล่าวว่า “สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยียังคงผลักดันขีดจำกัดของเทคโนโลยีด้วยโมเดล AI ซีรีส์ Falcon Falcon Mamba 7B เป็นผลงานบุกเบิกที่แท้จริงและปูทางไปสู่นวัตกรรม AI ในอนาคตที่จะเสริมสร้างความสามารถของมนุษย์และพัฒนาคุณภาพชีวิต”

โมเดล State Space มีประสิทธิภาพสูงมากในการทำความเข้าใจสถานการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งพัฒนาไปตามเวลา เช่น การอ่านหนังสือทั้งเล่ม เนื่องจาก SSLM ไม่ต้องการหน่วยความจำเพิ่มเติมในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่เช่นนี้

ในทางกลับกัน โมเดลที่ใช้สถาปัตยกรรม Transformer มีประสิทธิภาพสูงมากในการจดจำและใช้ข้อมูลที่เคยประมวลผลไว้ก่อนหน้านี้ในลำดับ ทำให้โมเดลพวกนี้เหมาะสมกับงานอย่างการสร้างเนื้อหา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกมันเปรียบเทียบทุกคำกับทุกคำอื่นๆ จึงต้องใช้พลังการคำนวณอย่างมาก

SSLM สามารถนำไปใช้ในหลายสาขา เช่น การประเมิน การพยากรณ์ และงานควบคุม เช่นเดียวกับโมเดล Transformer โมเดลพวกนี้ยังมีความเชี่ยวชาญในงานประมวลผลภาษาธรรมชาติ และสามารถนำไปใช้ในการแปลภาษา สรุปข้อความ การประมวลผลภาพ และเสียงได้อีกด้วย

ดร. Hakim Hacid หัวหน้าฝ่ายวิจัยชั่วคราวของหน่วย AI Cross-Center ของ TII กล่าวว่า “เมื่อเราเปิดตัว Falcon Mamba 7B ผมรู้สึกภูมิใจในระบบนิเวศการทำงานร่วมกันของ TII ที่สนับสนุนการพัฒนาแบบจำลองนี้ การเปิดตัวครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดมุมมองใหม่ๆ และกระตุ้นการค้นหาระบบอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง ที่ TII เรากำลังผลักดันขีดจำกัดของทั้งแบบจำลอง SSLM และ Transformer เพื่อจุดประกายนวัตกรรมเพิ่มเติมในด้าน AI เชิงสร้างสรรค์”

โมเดล LLM ของ Falcon ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 45 ล้านครั้ง ซึ่งพิสูจน์ถึงความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมของโมเดลเหล่านี้ Falcon Mamba 7B จะเปิดตัวภายใต้ใบอนุญาต TII Falcon 2.0 ซึ่งเป็นใบอนุญาตซอฟต์แวร์ที่อนุญาตตามแบบ Apache 2.0 ที่มีกฎการใช้งานที่ยอมรับได้ซึ่งส่งเสริมการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโมเดลใหม่สามารถดูได้ที่ FalconLLM.TII.ae

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54107705/en

*ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jennifer Dewan ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร
Jennifer.dewan@tii.ae

ที่มา: The Technology Innovation Institute

.


กองทุนเพื่อการพัฒนาซาอุดีอาระเบียประกาศงานเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี Global Impact

Logo

RIYADH, Saudi Arabia–(BUSINESS WIRE)–07 สิงหาคม 2024

กองทุนเพื่อการพัฒนาซาอุดีอาระเบีย (SFD) จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำกาลาดินเนอร์ในวันที่ 1 เดือนกันยายน ปี 2024 ภายใต้หัวข้องานเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี Global Impact เพื่อรำลึกห้าทศวรรษแห่งการขับเคลื่อนการพัฒนาและความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนระดับโลก

Saudi Fund for Development Announces Celebration of 50 Years of Global Impact with Anniversary Event (Photo: AETOSWire)

กองทุนเพื่อการพัฒนาซาอุดีอาระเบียประกาศงานเฉลิมฉลองครบรอบ Celebration of 50 Years of Global Impact (ภาพถ่าย: AETOSWire)

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1974 SFD เป็นหน่วยงานพัฒนาระหว่างประเทศหลักของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย โดยมีการสนับสนุนโครงการพัฒนาอย่างยั่งยืนในแอฟริกา เอเชีย และแปซิฟิก ละตินอเมริกาและแคริบเบียน และยุโรปตะวันออก ด้วยความร่วมมือและพันธมิตร งานของ SFD สามารถเข้าถึงผู้ที่มีความต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดทั่วโลก  SFD ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนประเทศด้อยพัฒนาและรัฐเกาะที่กำลังพัฒนาขนาดเล็ก โดยตระหนักถึงความท้าทายและจุดอ่อนเฉพาะตัวของกลุ่มประเทศเหล่านี้

“เป็นเวลา 50 ปีแล้วที่ SFD มีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนและพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาที่สร้างการเปลี่ยนแปลง โปรแกรมของเรามีความเกี่ยวข้องแทบทุกแง่มุมของสังคม ตั้งแต่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมที่จำเป็น เช่น ถนน โรงพยาบาล และโรงเรียน ไปจนถึงการเสริมพลังให้กับชุมชนผ่านความคิดริเริ่มด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ น้ำและสุขาภิบาล พลังงานหมุนเวียน เกษตรกรรม การขนส่งและการสื่อสาร อุตสาหกรรมและเหมืองแร่ และอื่นๆ อีกมากมาย” นาย Sultan Al-Marshad, CEO ของ SFD กล่าว “ในช่วงเวลาอันสำคัญนี้ เราขอเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการกระตุ้นความร่วมมือและความสามัคคีระดับโลก การสร้างกรอบการทำงานที่ครอบคลุมสำหรับการพัฒนาทางสังคม เศรษฐกิจ และมนุษย์ และการส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก”

งานเลี้ยงอาหารค่ำกาลาดินเนอร์ครอบรอบ 50 ปีเป็นการรวมพันธมิตรและผู้นำด้านการพัฒนาระดับโลก รวมถึงตัวแทนรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก และนักวิชาการ เพื่อเฉลิมฉลอง SFD และมรดกด้านการพัฒนาของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ตลอดจนความมุ่งมั่นที่จะช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเท่าเทียมกันมากขึ้นสำหรับทุกคนในอนาคต

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.sfd.gov.sa

*แหล่งข้อมูลAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54105208/en

ติดต่อ

Abeer Alqahtani
มือถือ: +966580089661
อีเมลaalqahtani@apcoworldwide.com

แหล่งข้อมูล: Saudi Fund for Development

โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คาลาบังกาโดย บริษัท เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี ได้เริ่มดำเนินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว

Logo

คาลาบังกา ฟิลิปปินส์–(BUSINESS WIRE)–07 สิงหาคม 2024

บริษัทร่วมทุน เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานอิสระชั้นนำด้านพลังงานหมุนเวียนยินดีที่จะแจ้งว่า โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนพี้นดิน คาลาบังกา ขนาดกำลังการผลิต 74.2 แมกกะวัตต์ ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2024  หลังจากที่ National Grid Corporation of the Philippines ได้ดำเนินการทดสอบและทดลองระบบแล้วเสร็จ 

โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คาลาบังกา ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดคามารีเนสซูร์ บริเวณตอนใต้ของเกาะลูซอน เป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่โครงการแรกในเขตบีโคล ซึ่งผลิตพลังงานไฟฟ้าให้แก่โครงข่ายไฟฟ้าของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์  งพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะจำหน่ายให้บริษัทย่อยในกลุ่มของ Aboitiz Power Corporation ผ่านสัญญาซึ้อขายไฟระยะเวลา 10 ปี

สำหรับสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ บริษัทร่วมทุน เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี มุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อตอบสนองนโยบายพลังงานเพื่อความยั่งยืน ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นีกรอส ขนาดกำลังการผลิต 145 เมกะวัตต์ ในเขตวิซายัส  และการพัฒนาโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานลมอีก 2 แห่ง ได้แก่ โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานลมใกล้ชายฝั่งบริเวณอ่าวซานมิเกล ที่คาดว่าจะมีศักยภาพในการผลิตสูงถึง 500 เมกะวัตต์ และโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งในเมืองลูเซนา ที่คาดว่าจะมีศักยภาพในการผลิตสูงถึง 450 เมกะวัตต์

นายไซริล ดิเซคคู กรรมการผู้จัดการบริษัท เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี กล่าวว่า “ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะแจ้งว่า โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คาลาบังกาได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์สำเร็จแล้ว  โครงการนี้เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแรกของเราใน สาธารณรัฐฟิลิปปินส์  เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนเพื่ออนาตคที่ยั่งยืน”

นายซูรินเดอร์ ซิงค์ ประธานกรรมการ บริษัท เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณคณะรัฐบาลสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ที่ได้ให้ความไว้วางใจ และสนับสนุนบริษัทฯ ในการพัฒนาโครงการคาลาบังกา นอกจากนี้ผมขอขอบคุณ คู่ค้าและชุมชนท้องถิ่นในคามารีเนสซูร์  บริษัทฯ ยินดีที่จะแจ้งว่าพัฒนาโครงการอื่นๆ ก็มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”

ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทร่วมทุน เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี และโครงการในแผนพัฒนาได้ที่ www.nexifratch.com

ข้อมูลเพื่มเติมของบริษัทร่วมทุน เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี:

บริษัท เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี จัดเป็นผู้ผลิตพลังงานอิสระด้านพลังงานหมุนเวียน ที่พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ และมีสำนักงานระดับภูมิภาคตั้งอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงการภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทฯ ประกอบด้วยโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำ และโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานลมขนาด  บริษัทฯ มีกำลังการผลิตของโครงการที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์รวม 378 เมกะวัตต์ และ กำลังการผลิตของโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา การก่อสร้าง และพร้อมดำเนินงาน รวมกว่า 6 กิกะวัตต์

บริษัท เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัทเนกซิฟ เอนเนอจี ประเทศสิงค์โปร์ และ  บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

ชริยา ภู่พิสิฐ

บริษัท เนกซิฟ-ราช เอนเนอจี

info@nexifratch.com

เทคโนโลยี RAID Offload ที่ใช้ SSD จาก Kioxia ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘Best of Show’ ในงาน Future of Memory and Storage (FMS) 2024

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–08 สิงหาคม 2024

Kioxia Corporation ประกาศในวันนี้ว่าเทคโนโลยี RAID Offload บน SSD ได้รับรางวัล FMS 'Best of Show' ในประเภทเทคโนโลยี SSD the ‘Most Innovative Technology’ รางวัลเหล่านี้เป็นการยกย่องผลิตภัณฑ์และบริษัทที่สําคัญที่สุดทั่วโลก ในอุตสาหกรรมหน่วยความจําและการจัดเก็บข้อมูล

SSD-Based RAID Offload Technology from Kioxia Named ‘Best of Show’ at Future of Memory and Storage (FMS) 2024 (Photo: Business Wire)

เทคโนโลยี RAID Offload ที่ใช้ SSD จาก Kioxia ได้รับการยกย่องให้เป็น 'Best of Show' ในงาน Future of Memory and Storage (FMS) 2024 (ภาพ: Business Wire)

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มอบรางวัล 'Best of Show' ให้กับเทคโนโลยีการปกป้องข้อมูล RAID Offload ที่ก้าวล้ำของ Kioxia ด้วยรางวัล ” Jay Kramer ประธานโครงการรางวัลและประธานของ Network Storage Advisors Inc. กล่าว “นี่เป็นความสําเร็จที่โดดเด่น ที่ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสามารถทางเทคโนโลยีของ Kioxia เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการรับมือกับความท้าทายที่สําคัญในอุตสาหกรรมด้วยโซลูชันที่ล้ำสมัยอีกด้วย”

เมื่อเทคโนโลยีการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูลมีการพัฒนามากขึ้น การปกป้องข้อมูลผ่าน RAID หรือ Erasure Coding (EC) จึงมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้โซลูชัน RAID และ Erasure Coding ของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์แบบดั้งเดิมก็ยังต้องดิ้นรน เพื่อให้ทันกับความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของประสิทธิภาพของ SSD ซึ่งเพิ่มขึ้นตามรุ่นใหม่แต่ละรุ่น ปัญหาเหล่านี้เน้นย้ำถึงความจําเป็นในการใช้แนวทางที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อจัดการกับความท้าทายในการปกป้องข้อมูลที่เซิร์ฟเวอร์และระบบจัดเก็บข้อมูลสมัยใหม่ต้องเผชิญ

SSDs ของ Kioxia พร้อม RAID Offload มอบโซลูชันที่ยั่งยืนและปรับขนาดได้ตามมาตรฐานที่โฮสต์เป็นผู้ควบคุม เพื่อถ่ายโอนการการประมวลผล RAID แบบแพริตี้ ซึ่งจะช่วยปลดปล่อยทรัพยากร CPU หน่วยความจํา และแคชของโฮสต์ที่มีค่า ซึ่งขณะนี้สามารถใช้เพื่อเร่งความเร็วแอปพลิเคชันหลักได้ สิ่งนี้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุนระบบ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในเซิร์ฟเวอร์และระบบจัดเก็บข้อมูลได้อย่างมาก

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นําระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจํา ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา ผลิต และจําหน่ายหน่วยความจําแฟลชและโซลิดสเตตไดร์ฟ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory รุ่นก่อนได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจําแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจํา” โดยนําเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและคุณค่าจากหน่วยความจําสําหรับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจําแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมของ Kioxia ที่เรียกว่า BiCS FLASH™ กําลังกําหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจําเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54106417/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลสื่อ:

Kioxia Corporation

ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย

Satoshi Shindo

โทรศัพท์: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

NHN เปิดตัว ‘วูปารูโอดิสซี่’ เกม SNG (Social Network Game) แนวคอลเลคชั่นใหม่ในประเทศไทย… “ยินดีต้อนรับสู่โลกของวูปารู!”

Logo

เกม SNG (Social Network Game) แนวคอลเลคชั่นที่ผสมผสานองค์ประกอบ RPG และระบบการต่อสู้เชิงกลยุทธ์เข้ากับคอลเลกชันสุดโปรดของเมืองวูปารู

พบกับ ‘กิจกรรมของขวัญต้อนรับ 7 วันจากรูป้า’ และ ‘กิจกรรมภารกิจ 7 วัน’ พร้อมรางวัลมากมาย

ซองนัม เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–08 สิงหาคม 2024

NHN (KRX: 181710, CEO Ujin Chung) ได้เปิดตัว SNG แนวคอลเลคชั่น ‘วูปารูโอดิสซี่’ ในตลาดโลก รวมถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 8

NHN launches new collection SNG ‘Wooparoo Odyssey’ in global market including Thailand. The new SNG incorporates RPG elements and a strategic battle system into the beloved Wooparoo Land collection. (Photo: NHN)

NHN ได้เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ SNG ‘วูปารูโอดิสซี่’ ในตลาดโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย โดยคอลเลกชันใหม่นี้ได้นำเอาองค์ประกอบของ RPG และระบบการต่อสู้เชิงกลยุทธ์มาผสมผสานเข้ากับคอลเลกชันเมืองวูปารูอันเป็นที่รัก (ภาพ: NHN)

วูปารูโอดิสซี่คือเกมภาคต่อของเมืองวูปารูซึ่งเป็นเกม SNG แนวคอลเลคชั่นยอดนิยมที่มียอดดาวน์โหลดทั่วโลกถึง 11 ล้านครั้ง โดยอิงจากตัวละครวูปารูสุดน่ารักหลายร้อยตัว และความสนุกในการตกแต่งหมู่บ้านที่สวยงามของตัวเอง

ในวูปารูโอดิสซี่มีทั้งวูปารูดั้งเดิมและวูปารูออริจินอลหน้าใหม่ๆ ที่จะนำเสนอความสนุกให้ทั้งแฟนวูปารูดั้งเดิมและผู้เล่นใหม่ โดยได้เพิ่มระบบการต่อสู้เชิงกลยุทธ์ให้กับระบบหลักของเมืองวูปารู– การอัญเชิญและคอนเทนต์รวบรวมวูปารู – มอบประสบการณ์การเล่นที่หลากหลาย

ในตอนเริ่มต้นของเกม เมื่อผู้ใช้ทำเควสต์ต่างๆ ให้สำเร็จและอัญเชิญวูปารูออกมาเพื่อให้เลเวลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว ผู้ใช้จะสามารถเปิดใช้งานเนื้อหาการต่อสู้สองแบบ ได้แก่ 'สำรวจ (PvE)' และ 'สนามแข่ง (PvP)' 'สำรวจ' เป็นโหมดการแข่งขันกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งทุกระดับได้รับการออกแบบมาเพื่อแสดงความสัมพันธ์ของธาตุแต่ละอย่างของวูปารู ผู้เล่นสามารถรับหินอัญเชิญวูปารูพิเศษเป็นรางวัลจากการเคลียร์ด่าน ' สนามแข่ง' เป็นโหมดการต่อสู้กับผู้เล่นรายอื่น โหมดนี้นําเสนอความรู้สึกถึงความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ โดยการยกระดับเทียร์ขึ้นเป็นขั้นๆ และรับทรัพย์สิน ไอเทม ถ้วยรางวัลลิมิเต็ดอิดิชั่น ของตกแต่งโปรไฟล์ และอื่นๆ อีกมากมาย

เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวเกม วูปารูโอดิสซี่ได้เปิดกิจกรรมต่างๆ พร้อมของขวัญมากมาย ‘กิจกรรมของขวัญต้อนรับ 7 วันจากรูป้า’ มอบไอเทมต่างๆ เช่น อัญมณี มานาบอลและอาหารทุกวัน เมื่อผู้เล่นเข้าสู่ระบบเกมในช่วง 7 วันแรก ‘กิจกรรมภารกิจ 7 วัน’ มอบวูปารู 3 ธาตุหายาก 'โรซ่า' ซึ่งเป็นวูปารูที่ผู้เล่นวูปารูไอพีชื่นชอบ โดยเคลียร์ภารกิจรายวันเป็นเวลา 7 วัน ‘กิจกรรมอัญเชิญ’ กระตุ้นให้ผู้เล่นสะสมวูปารูอย่างสนุกสนาน

“เราได้เปิดตัว ‘วูปารูโอดิสซี่’ ซึ่งมีเนื้อหาที่หลากหลายและระบบการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นที่ยิ่งขึ้นจาก ‘เมืองวูปารู’ ซึ่งประสบความสําเร็จอย่างมากในตลาดโลก” SangHo Kim หัวหน้าฝ่ายธุรกิจเกมของ NHN กล่าว “เราจะอัปเดตเกมต่อไปเพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจให้กับทั้งแฟนๆ ที่คิดถึงวูปารู และผู้เล่นใหม่”

วูปารูโอดิสซี่เปิดตัวแล้วผ่าน Google Play และ Apple Appstore ผู้เล่นสามารถตรวจสอบข้อมูลของเกมและกิจกรรมต่างๆ ผ่านหน้า Facebook และ Instagram อย่างเป็นทางการของวูปารูโอดิสซี่

[วูปารูโอดิสซี่ใน App Market]
Google Play: https://play.google.com/store/apps/details?id=com.nhn.wooparoo
Apple Appstore: https://apps.apple.com/us/app/wooparoo-odyssey/id1645242780

[SNS]
Facebook: https://www.facebook.com/wooparoo.odyssey.global
Instagram: https://www.instagram.com/wooparooodyssey_official

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54104026/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

NHN
Ju Seong Hong +82 31-8038-1067
juseong.hong@nhn.com

ที่มา: NHN

Kioxia พัฒนา SSD บรอดแบนด์พร้อมอินเทอร์เฟซแบบออปติคอลสำหรับศูนย์กลางข้อมูลสีเขียว (Green Data Center) แห่งยุคต่อไป

Logo

การสาธิตเทคโนโลยีในงานสัมมนา Future of Memory and Storage ที่บูธ Kioxia หมายเลข 307

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 สิงหาคม 2024

Kioxia Corporation บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ จะจัดแสดงต้นแบบของ SSD บรอดแบนด์พร้อมอินเทอร์เฟซแบบออปติคอลสำหรับศูนย์กลางข้อมูลแห่งยุคต่อไปในงานประชุม “FMS: the Future of Memory and Storage” ซึ่งจะจัดขึ้นในเมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างวันที่ 6 ถึง 8 สิงหาคม เทคโนโลยี SSD ช่วยเพิ่มระยะห่างทางกายภาพระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลได้อย่างมาก โดยเปลี่ยนอินเทอร์เฟซการเดินสายไฟฟ้าเป็นแบบออปติคัล ลดขนาดสายไฟลง แต่ยังคงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานและคุณภาพสัญญาณที่สูงเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังเพิ่มความยืดหยุ่นสูงให้กับการออกแบบและการใช้งานระบบศูนย์ข้อมูลอีกด้วย

การใช้อินเทอร์เฟซแบบออปติคัลทำให้สามารถรวบรวมส่วนประกอบแต่ละชิ้นที่ประกอบเป็นระบบ เช่น SSD และ CPU และเชื่อมต่อเข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่น นับเป็นการพัฒนาต่อยอดของ “ระบบคอมพิวเตอร์แบบแยกส่วน” ที่สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพตามปริมาณงานที่เฉพาะเจาะจง นอกจากนี้ ด้วยความสมบูรณ์ของสัญญาณที่สูง อินเทอร์เฟซแบบออปติคัลจึงสามารถทำให้สภาพแวดล้อมการประมวลผล เช่น อวกาศ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้

ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากโครงการ “การพัฒนาเทคโนโลยีศูนย์กลางข้อมูลสีเขียวแห่งยุคต่อไป” ของญี่ปุ่น JPNP21029 ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนจากองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEDO) ซึ่งอยู่ภายใต้ “โครงการกองทุนนวัตกรรมสีเขียว: การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยุคถัดไป”  ในโครงการทุนนี้ เทคโนโลยีรุ่นต่อไปได้รับการพัฒนาโดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ประหยัดพลังงานมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลในปัจจุบัน ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการนี้ Kioxia กำลังพัฒนา SSD บรอดแบนด์ที่มีอินเทอร์เฟซออปติคัลสำหรับการจัดเก็บข้อมูลในศูนย์กลางข้อมูลสีเขียวรุ่นต่อไป

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งมุ่งมั่นในการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตทไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นบริษัทก่อนหน้าได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “ความจำ” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าอีกทั้งยังสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำสำหรับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติอันล้ำสมัยของ Kioxia หรือ BiCS FLASH™ กำลังกำหนดทิศทางของอนาคตของระบบจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

*ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ เช่น ราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Satoshi Shindo
Tel: +81-3-6478-2404

แหล่งที่มา: Kioxia Corporation

The Bangkok Reporter