Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge รุ่นที่สามเน้นที่ผู้ประกอบการระดับโลกหกรายเร่งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมแฟชั่น

Logo

Changemaker Yara Shahidi และ Tommy Hilfiger จะทำหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินการแข่งขัน ตามที่ผู้ประกอบการได้นำเสนอแนวคิดทางธุรกิจด้วยเงินรางวัล 200,000 ยูโรที่จะแบ่งให้ระหว่างผู้ชนะสองคน

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม พ.ศ. 2564

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นเจ้าของโดย PVH Corp. [NYSE: PVH] ยินดีที่จะประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบสุดท้ายจำนวนหกคนของการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ปี 2021 ซึ่งได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีจากแอปพลิเคชันกว่า 430 รายการที่ได้รับจากบริษัทสตาร์ทอัพและสเกลอัพทั่วโลก โดยสร้างจากวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ในการไม่สูญเปล่าและยินดีต้อนรับทุกคน หรือ Waste Nothing and Welcome All โปรแกรมรุ่นที่สามมุ่งมั่นที่จะขยายและสนับสนุนผู้ประกอบการคนผิวดำ ชนพื้นเมือง และคนผิวสี (BIPOC) ที่กำลังพัฒนาชุมชนของตน ในขณะที่ส่งเสริมอนาคตของแฟชั่นที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยความจำเป็นในการขับเคลื่อนผลกระทบในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม ปีที่สามของการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ได้ดำเนินการในรูปแบบเสมือนอย่างสมบูรณ์เพื่อเอาชนะข้อจำกัดและความท้าทายของการระบาดใหญ่ของโควิด-19

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211213005214/en/

ในกระบวนการที่มีหลายขั้นตอนตลอดทั้งปี แอปพลิเคชันได้ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญภายในและภายนอกโดยอิงตามเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งรวมถึงผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นและการเติบโตของตลาด ผู้เข้ารอบหกคนสุดท้ายจะนำเสนอแนวคิดทางธุรกิจของตนต่อคณะกรรมการตัดสินที่ประกอบด้วยผู้นำทางธุรกิจและความยั่งยืนที่งานรอบชิงชนะเลิศ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ระดับโลกเสมือนในวันที่ 12-13 มกราคม พ.ศ. 2565

Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge รวบรวมภารกิจที่มีมาอย่างยาวนานของเราในการควบคุมพลังของแฟชั่นที่ส่งเสริมการรวมตัว การเป็นตัวแทน และการเปลี่ยนแปลง” Tommy Hilfiger กล่าว “อุตสาหกรรมของเราจะก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยแนวคิดใหม่ ๆ ที่ท้าทายวิธีการคิด สร้างและรังสรรค์ของเรา ในฐานะแบรนด์สิ่งสำคัญคือเราใช้แพลตฟอร์มของเราเพื่อให้ผู้ประกอบการอย่างเช่นผู้เข้ารอบสุดท้ายของเราได้มีเสียงและโอกาสในการสร้างผลกระทบที่แท้จริงและยาวนาน”

ผู้เข้ารอบ 6 คนสุดท้ายได้แก่:

  • Clothes to Good: กิจการเพื่อสังคมจากแอฟริกาใต้ที่สร้างโอกาสและงานในธุรกิจขนาดเล็กสำหรับคนพิการและครอบครัวของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เป็นมารดาผ่านการรีไซเคิลสิ่งทอ
  • Haelixa: เทคโนโลยีตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์จากสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกไปสู่ห่วงโซ่อุปทานสินค้าอุปโภคบริโภคที่โปร่งใส
  • MAFI MAFI: แบรนด์แฟชั่นที่ยั่งยืนจากเอธิโอเปียที่รังสรรค์คอลเลกชั่นเสื้อผ้าสำเร็จรูป อนุรักษ์ประเพณีโบราณ และส่งเสริมช่างฝีมือที่ถูกลดสำคัญลง
  • Lalaland: แพลตฟอร์มจากเนเธอร์แลนด์ซึ่งใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างแบบจำลองสังเคราะห์ที่ปรับแต่งและครอบคลุมสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ อายุ และขนาดที่แตกต่าง ทั้งหมดด้วยรูปแบบท่าทางต่าง ๆ มากกว่า 35 แบบ
  • SOKO: ธุรกิจเครื่องประดับจากเคนยาแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีมือถือเพื่อเชื่อมต่อช่างฝีมือชาวเคนยาที่ถูกลดความสำคัญลงให้เข้ากับตลาดโลกโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มมือถือ
  • UZURI K&Y: แบรนด์รองเท้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากรวันดาแห่งนี้ใช้ยางรถยนต์รีไซเคิลจากแอฟริกาใต้สะฮารา และจ้างงานเยาวชนในท้องถิ่นเพื่อเตรียมความพร้อมให้พวกเขามีทักษะและความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ

กรรมการตัดสินการแข่งขันในรอบสุดท้ายได้แก่:

  • Mr. Tommy Hilfiger
  • Martijn Hagman ซีอีโอของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe
  • Yara Shahidi นักแสดงหญิงที่ได้รับรางวัล โปรดิวเซอร์ และผู้นำการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
  • Esther Verburg, รองกรรมการผู้จัดการ (EVP) ธุรกิจและนวัตกรรมที่ยั่งยืนของTommy Hilfiger Global และ PVH Europe
  • Adrian Johnson, Entrepreneur ผู้ประกอบการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการเป็นผู้ประกอบการ เทคโนโลยีและสื่อที่ INSEAD
  • Katrin Ley กรรมการผู้จัดการของ Fashion for Good และผู้ก่อตั้ง Curator of the Amsterdam Global Shapers Hub
  • Yvonne Bajela สมาชิกผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทการลงทุน Impact X Capital

ด้วยการสนับสนุนจาก Tommy Hilfiger และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของ INSEAD ผู้เข้ารอบทั้ง 6 คนสุดท้ายได้พัฒนาและปรับปรุงแผนธุรกิจ ซึ่งพวกเขาจะนำเสนอในการแข่งขันรอบสุดท้าย Arooj Aftab ผู้สร้างเนื้อหา นักวาดภาพประกอบ นักเขียนและผู้ก่อตั้งของ #DonewithDiversity จะจัดงานแข่งขันรอบสุดท้ายซึ่งกรรมการตัดสินจะมอบเงินรางวัล 200,000 ยูโร โดยแบ่งให้ระหว่างผู้ชนะสองคนที่ได้รับเลือกตามลำดบเพื่อสนับสนุนการลงทุนของพวกเขา ผู้ชนะยังจะได้รับคำปรึกษาเป็นเวลาหนึ่งปีกับผู้เชี่ยวชาญของ Tommy Hilfiger และ INSEAD ทั้งสองตลอดจนได้รับตำแหน่งในโปรแกรม INSEAD Social Entrepreneurship Program (ISEP) นอกจากนี้จะมีการมอบรางวัลเพิ่มเติมอีก 15,000 ยูโรให้กับผู้เข้ารอบสุดท้ายที่ Tommy Hilfiger ร่วมเลือกการโหวต 'Audience Favorite' ของพวกเขา

“ในฐานะผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมแฟชั่น ทั้งนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของเราในการสนับสนุน เพิ่มขีดความสามารถ และส่งเสริมการรวมกลุ่ม Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีความหมายและยั่งยืนต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นที่ดีขึ้น” Martijn Hagman ซีอีโอของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe กล่าว “เป็นธรรมชาติของเราที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง แม้ในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุด เราภูมิใจที่ได้ขยายแนวคิดของผู้ประกอบการที่กำลังสร้างภูมิทัศน์ด้านแฟชั่นที่เราต้องการและจำเป็นต้องเห็นต่อไป”

พันธกิจของ Tommy Hilfiger คือการเป็นบริษัทด้านไลฟ์สไตล์ดีไซน์เนอร์ที่ยั่งยืนชั้นนำ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ Wastes Nothing and Welcomes All ผ่านวิธีการสร้างผลิตภัณฑ์ จัดการการดำเนินงาน และเชื่อมต่อกับชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางสู่ความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ซึ่งขับเคลื่อนโดยกลยุทธ์ Forward Fashion ของ PVH ได้ที่ https://global.tommy.com/en_int/about-us-corporate-responsibility

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ได้ที่นี่: https://responsibility.pvh.com/tommy/fashion-frontier-challenge/ ขอเชิญเพื่อน ๆ และผู้ติดตามของแบรนด์เข้าร่วมการสนทนาบนโซเชียลมีเดียโดยใช้ #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger

TOMMY HILFIGER ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ดีไซน์เนอร์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชันเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชันเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมถึงชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ Tommy Hilfiger ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER  และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของTOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกที่เชื่อมต่อกับผู้บริโภคในกว่า 40 ประเทศ แบรนด์ที่เป็นสัญลักษณ์ระดับโลกของเรา ได้แก่ Calvin Klein และ TOMMY HILFIGER  ประวัติความเป็นมาเวลา 140 ปีของเราได้สร้างขึ้นจากความแข็งแกร่งของแบรนด์ ทีมงานของเรา และความมุ่งมั่นของเราในการขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้าได้ตลอดไป และทั้งหมดนี้คือพลังของเรา คือพลังของ PVH

ติดตามเราบน FacebookInstagramTwitter และ LinkedIn.

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211213005214/en/

ติดต่อ:

สื่อ Tommy Hilfiger
Virginia Ritchie
รองประธานฝ่ายสื่อสารระดับโลก (Vice President, Global Communications)
อีเมล: virginia.ritchie@tommy.com
โทร: +31 6 4318 4870

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Wella Company ฉลองปีแรกในฐานะบริษัทเอกเทศด้วยการก้าวข้ามเป้าหมายการเติบโตในการแนะนำนวัตกรรมที่ก้าวล้ำและขยายขีดความสามารถในการเป็นผู้นำ

Logo

นิวยอร์ก & เจนีวา–(BUSINESS WIRE)–01 ธันวาคม 2564

Wella Company ผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมความงามมูลค่า 1 แสนล้านเหรียญ ในวันนี้ฉลองครบรอบหนึ่งปีในฐานะบริษัทแบบสแตนด์อโลน Wella Company มีความเชี่ยวชาญและการค้าปลีกในด้านผลิตภัณฑ์ทำสีและดูแลเส้นผม กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีความงามและสีทาเล็บที่สุดแห่งแบรนด์ รวมถึง Wella Professionals, Clairol, OPI, Nioxin, Sebastian Professional และ ghd บริษัทก่อตั้งขึ้นที่ประเทศเยอรมันนีในปี 2423 และกลับสู่สถานะการดำเนินงานอิสระในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ซึ่งนำโดย Kohlberg Kravis and Roberts (“KKR”) บริษัทด้านการลงทุนระดับโลกที่ลงทุนในหุ้นส่วนใหญ่โดยเพิ่มขึ้นสองเท่าในปีที่ผ่านมา

Wella Company ได้ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทั่วโลก ในระหว่างนั้นอุตสาหกรรมร้านเสริมสวยมืออาชีพเกือบทั้งหมดที่เป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัทได้ถูกล็อกดาวน์ แม้จะมีสภาพแวดล้อมระดับโลกที่ท้าทายเช่นนี้ บริษัทได้กำหนดกลยุทธ์การเติบโตที่มุ่งเน้นในการสร้างรากฐานการดำเนินงานเพื่อความสำเร็จแบบสแตนด์อโลน และรับสมัครพนักงานเกือบ 1,100 คนทั่วโลก รวมถึงรายชื่อผู้นำด้านความงาม ร้านค้าปลีก และสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำมาร่วมในทีมผู้บริหาร

“ในปีแรกของบริษัท ทีมงานของเรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เราได้รับสถานะอิสระในช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับอุตสาหกรรมความงามและมีรายได้เติบโตที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับทั้งปี 2563 และ 2562 โดยปีงบประมาณของเราซึ่งเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคมนั้นได้เริ่มต้นอย่างมั่นคง ธุรกิจโดยรวมของเราอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก และผลประกอบการทางการเงินของเรากำลังส่งมอบเกินเป้าหมายประจำปีในทุกธุรกิจและทุกภูมิภาค” Annie Young-Scrivner ซีอีโอของ Wella Company กล่าว “เราพร้อมแล้วสำหรับการเติบโตไปยังทั่วโลก และยังคงมุ่งเน้นในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและผู้บริโภคด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง โดยจะเดินหน้าขยายช่องทางและภูมิศาสตร์ต่อไปในขณะที่ปลดล็อกศักยภาพแบรนด์ของเรา”

ประสิทธิภาพและนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์

Wella Company มีกระบวนการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งในการผลิตผลงานในปีแรกนี้

หัวข้อเด่นจากผลิตภัณฑ์ที่ออกภายใต้แบรนด์ที่ดีที่สุดของ Wella Professionals ได้แก่:

  1. True Grey ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคที่ยอมรับผมสีเทาของพวกเขา มีการลงทะเบียนร้านเสริมสวย 10 แห่งทุก ๆ ชั่วโมงในช่วงสองเดือนแรกทั่วภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA)
  2. Koleston Perfect ผลิตภัณฑ์ทำสีผมถาวรสำหรับมืออาชีพที่ขายดีที่สุดในโลก ได้มาถึงจุดที่ใช้อ้างอิงใหม่ – ทั้งนี้มีการซื้อหนึ่งหลอดทุก ๆ วินาทีทั่วโลก
  3. ยอดขายผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม Wella Professional Hair Care ยังคงเติบโตในอัตราเลขสองหลักอย่างแข็งแกร่งทั่วโลก

Clairol และ Wella ซึ่งเป็นสองแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำสีและดูแลเส้นผมสำหรับค้าปลีกของบริษัท โดยได้รับประโยชน์จากการลงทุนใหม่และการปรับเปลี่ยนแบรนด์ ทั้งนี้ Clairol กำลังประกาศผลกำไรที่แข็งแกร่งกว่าเจ็ดเดือนติดต่อกัน ในส่วนของทาง Wella Retail แบรนด์ดังกล่าวมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 24% ในเม็กซิโก และปัจจุบันครองตำแหน่งทางการตลาดอันดับ 1 ในตะวันออกกลาง และเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมอันดับ 1 ในบราซิลอีกด้วย

OPI แบรนด์ผลิตภัณฑ์ทาเล็บชั้นนำจากลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นที่รู้จักจากชื่อเฉดสีที่น่าจดจำ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ทาเล็บวีแก้นที่มีต้นกำเนิดจากธรรมชาติอย่าง Nature Strong ในตลาดกว่า 20 แห่งในช่วงซัมเมอร์นี้ Nature Strong ดำเนินการได้ดีเกินคาด ช่วยให้ผลงานเติบโตในอัตราตัวเลขสองหลัก

ตลอดปี 2564 Nioxin มีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นในอัตราตัวเลขสองหลักในปี 2563 เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองและการบำรุงรักษาที่บ้านมากขึ้น รวมถึงการดูแลหนังศีรษะและผมร่วงในช่วงที่มีการระบาดใหญ่

Ghd (good hair day) ในลอนดอน ซึ่งกำลังนิยามเทคโนโลยีความงามใหม่ ghd ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเส้นผมที่เป็นเอกสิทธิ์ของตนเองเพื่อเปิดตัว Unplugged เครื่องจัดแต่งทรงผมไร้สายที่เป็นที่ต้องการทั่วโลก การเติบโตในอัตราตัวเลขสองหลักอย่างสม่ำเสมอของพวกเขาเพิ่มขึ้นเมื่อพวกเขาเปิดตัวสู่ตลาดจีน โดยขายเครื่องจัดแต่งทรงผม 2,500 เครื่องได้ในห้านาที

ความมุ่งมั่นของอุตสาหกรรม

การสนับสนุนให้ศิลปินในอุตสาหกรรมเสริมสวยอยู่นำหน้าเทรนด์และฝึกฝนฝีมือและทักษะต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งของตัวตน Wella Company ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา Wella Company ได้เปิดสอนชั้นเรียนการศึกษาออนไลน์หลายร้อยชั้นเรียนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและฝึกอบรมสไตลิสต์ ในเดือนเมษายนเมื่อโลกส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะล็อกดาวน์ บริษัทได้จัดงานเสมือนจริงระดับโลกขึ้นเป็นครั้งแรกชื่อว่า “WeCreate” ซึ่งจัดประชุมสไตลิสต์และนักการศึกษาระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมเพื่อสัมผัสทักษะใหม่ ๆ และค้นพบความหลงใหลในงานฝีมืออีกครั้ง เพื่อให้สามารถเปิดร้านใหม่ได้สำเร็จหลังจากการล็อกดาวน์ WeCreate เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านความงามมากกว่า 100,000 คนใน 100 ประเทศ และบริษัทได้บริจาคค่าเล่าเรียนเพื่อตอบแทนอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งเป็นการลงทุนมูลค่าประมาณ 30 ล้านดอลลาร์

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สนับสนุนอุตสาหกรรมเสริมสวยและเชื่อมั่นในพลังของการยกระดับสไตลิสต์และช่างเทคนิคที่ทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว” Young-Scrivner กล่าว “เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กเหล่านี้เป็นกำลังที่สำคัญของชุมชนของพวกเขา เราเชื่อว่าเมื่ออุตสาหกรรมประสบความสำเร็จ เราก็ประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน การสนับสนุนของเราสำหรับเจ้าของร้านเสริมสวยทั่วโลกเป็นเพียงวิธีหนึ่งที่เรากำลังสร้างธุรกิจที่มีจุดมุ่งหมาย”

ความเป็นผู้นำ

ทีมผู้นำของ Wella Company ประกอบด้วยผู้บริหารจากทั่วทั้งยุโรป เอเชีย บราซิล และสหรัฐอเมริกา และเกือบครึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิง บริษัทยังคงลงทุนในความสามารถระดับสูง การนัดหมายครั้งล่าสุดในเดือนพฤศจิกายนเพื่อขยายขีดความสามารถของอุตสาหกรรมความงามทั่วโลกของทีมผู้บริหารดังนี้:

Yannis Rodocanachi ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งประธานบริษัทของอเมริกา Yannis นำประสบการณ์ด้านความงามระดับโลกที่ละเอียดครอบคลุม โดยได้ร่วมงานกับทั้งบริษัทผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคที่มีมูลค่าตลาดสูง และการเริ่มธุรกิจใหม่ด้านความงามและเส้นผมที่ได้รับการสนับสนุนจากหุ้นนอกตลาดที่มีการเติบโตสูง เขาใช้เวลาเกือบ 20 ปีที่ L’Oréal ขยายผลงานผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมและความงามไปทั่วโลก และทำงานด้านการขาย การตลาด และการจัดการทั่วไปในยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกา ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเขาดำรงตำแหนงซีอีโอของ BH Cosmetics ในแอลเอ ซึ่งเขาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของบริษัทที่กำหนดเป้าหมาย Gen Z ไปสู่ธุรกิจที่หลากหลาย ยุติธรรม และยั่งยืน พร้อมปรับขนาดเพื่อการเติบโตในการขายสินค้าแบบปลีกผ่านช่องทางการขายเฉพาะที่เป็นของแบรนด์เอง

Emmanuel Miran ได้เข้าร่วมในบทบาทที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีระดับโลก โดยเป็นการบูรณาการและเร่งรัดความมุ่งมั่นด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีของบริษัทภายใต้องค์กรเดียวกัน Miran นำประสบการณ์ด้านความงาม, CPG, สื่อ และการดูแลสุขภาพมาอย่างละเอียดครอบคลุม และเคยดำรงตำแหน่งผู้นำหลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึง CIO, CTO และ CDO การใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยีในการสร้างรายได้เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต โดยใช้เวลามากกว่า 16 ปีที่ L’Oréal ในตำแหน่งผู้นำด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี ก่อนหน้านั้นเขาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและดิจิทัลของ Mondelez International, News Corp. และครั้งล่าสุดที่ International SOS

ทีมผู้บริหารของบริษัทยังรวมถึงการเพิ่ม Virginie Costa ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินระดับโลก Gretchen Koback Pursel ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลระดับโลก และ Hugh Dineen ประธานของ Global Brands และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดระดับโลก ซึ่งทั้งหมดได้เข้าร่วมในเดือนสิงหาคม Costa เป็นหนึ่งในเจ็ด CFO ระดับโลกที่เป็นผู้หญิงจาก 25 บริษัทด้านความงามชั้นนำ

Wella Company มีพนักงานมากกว่า 6,000 คนในกว่า 100 ประเทศ ในปัจจุบันพนักงานของ Wella 57 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลกเป็นผู้หญิง และ 45 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่ Wella อยู่ในระดับตำแหน่งผู้อำนวยการขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 การจ้างงานใหม่เกือบ 70% เป็นผู้หญิง และประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของการเลื่อนตำแหน่งทั้งหมดที่ได้รับก็เป็นผู้หญิง

“เราเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างขึ้นบนกำลังสำคัญของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นช่างทำสีผม สไตลิสต์ ช่างทำเล็บ ในความเป็นจริงแล้วเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของอุตสาหกรรมร้านเสริมสวยมืออาชีพในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรประกอบด้วยผู้หญิง แต่เป็นเจ้าของธุรกิจจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น” Young-Scrivner กล่าว “เราต้องการสนับสนุนความสำเร็จของอุตสาหกรรมทั้งหมด และเชื่อว่านั่นหมายถึงการทำในส่วนของเราเพื่อสนับสนุนผู้หญิงในอุตสาหกรรมนี้”

เกี่ยวกับ Wella Company

Wella Company เป็นหนึ่งในบริษัทด้านความงามชั้นนำของโลก ซึ่งประกอบด้วยที่สุดแห่งแบรนด์ดังต่าง ๆ เช่น Wella Professionals, Clairol, OPI, Nioxin, Sebastian Professional และ ghd ที่ Wella Company เราเป็นนวัตกรที่พยายามสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคและผู้เชี่ยวชาญด้านความงามผ่านแบรนด์ของเราเพื่อให้มีรูปลักษณ์ สัมผัส และเป็นตัวตนที่แท้จริง เรามุ่งมั่นที่จะสร้างบริษัทด้านความงามที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม โดยที่พนักงานกว่า 6,000 คนของเราในกว่า 100 ประเทศสามารถทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการทำงาน ด้วยค่านิยมของบริษัทและนำโดยวัตถุประสงค์ในการส่งผลลัพธ์เชิงบวกต่อผู้คนผ่านผลิตภัณฑ์และต่อโลกและสังคม เรามอบการเติบโตอย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wella Company สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.wellacompany.com และติดตามเราบน LinkedInInstagram และ Facebook

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211201005310/en/

ติดต่อ:

Hilary Crnkovich
+1 646 217 1700
Hilary.crnkovich@wella.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. เผยแพร่รายงานสรุปกลยุทธ์ความยั่งยืนและผลกระทบทางสังคมประจำปี 2563-64 โดยเน้นที่เป้าหมายความยั่งยืนระดับโลกและผลกระทบทางสังคมจนถึงปี 2573

Logo

ในหัวข้อ “Enriching Lives Today for A Sustainable Tomorrow” รายงานสรุปฉบับแรกที่เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคม

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–13 กันยายน 2564

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนระดับโลกด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร ในวันนี้ได้เผยแพร่กลยุทธ์ความยั่งยืนในหัวข้อ Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow และรายงานสรุปกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและผลกระทบทางสังคมประจำปี 2563-64

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210913005253/en/

Enriching Lives Today For A Sustainable Tomorrow logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ Enriching Lives Today For A Sustainable Tomorrow (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

“มันเป็นเรื่องที่มากกว่าคำว่าเรา—และมันเป็นแบบนั้นมาโดยตลอด” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและการดูแลส่วนบุคคลกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเมื่อบริษัทต่าง ๆ พัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานที่โปร่งใส และผลิตภัณฑ์ที่สะอาดและมีจริยธรรม Mary Kay เชื่อและสนับสนุนในวิวัฒนาการนี้”

Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow ขยายวิสัยทัศน์ของ Mary Kay ไปสู่ปี 2573 และปีต่อ ๆ ไป โดยสร้างภาพลักษณ์ว่าอะไรที่ดี "หน้าตาเป็นอย่างไร" สำหรับ Mary Kay ที่ปรึกษาด้านความงามอิสระ ลูกค้า และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือโลกใบนี้ Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow ได้รับการพัฒนาร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักของ Mary Kay และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ทำให้ Mary Kay เป็นส่วนสำคัญของกลุ่มพันธมิตรระดับโลกเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า

“ในขณะที่มีการริเริ่มที่มีความหมายเกิดขึ้นทั่วทั้งอุตสาหกรรม—และในตัวของ Mary Kay—ยังมีงานอีกมากในการค้นหาแนวทางแก้ไขระยะยาวสำหรับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจและสังคมที่รออยู่ข้างหน้า” Gibbins กล่าวเสริม “เป็นเวลาเกือบ 60 ปีที่ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างชีวิตของผู้หญิง พัฒนาด้านสุขภาพผิว และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนทั่วโลก เราตื่นเต้นมากที่ได้ก้าวต่อไปที่สำคัญในการเดินทางของเรา”

จุดเด่นของรายงานความยั่งยืนประกอบด้วย:

  • Mary Kay ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลก: Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow แนวทางแบบองค์รวมของเราครอบคลุมสามเสาหลักของความยั่งยืน—เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม—ผ่านห้าเสาหลัก ขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่น 15 ประการเพื่อส่งมอบทศวรรษแห่งการดำเนินการที่ยั่งยืน
  • Mary Kay จะมีส่วนร่วมใน 15 จาก 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่กำหนดโดยสหประชาชาติ และได้ดำเนินการตามลำดับความสำคัญและภาระผูกพันในบริบทของการมอบอำนาจชั้นนำระดับโลก ซึ่งรวมถึง: หลักการสิบประการของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ หลักการสร้างเสริมอำนาจสตรีเจ็ดประการ CEO Water Mandate, and the Sustainable Ocean Principles หรือ หลักการฟื้นฟูมหาสมุทรอย่างยั่งยืน
  • เป้าหมายความมุ่งมั่นที่สำคัญเพื่อให้บรรลุภายในปี 2573:
    • ลดปริมาณ 30%: ความเข้มของพลาสติก คาร์บอน (ขอบเขต 1 และ 2) และการใช้น้ำ
    • ส่งเสริมผู้หญิงจำนวน 5 ล้านคนทั่วโลกผ่านการพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการ
    • ให้การสนับสนุนผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงทางเพศและในครอบครัวมากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก

จุดเด่นที่สำคัญ:

ในปี 2563 และครึ่งแรกของปี 2564 Mary Kay ยังคงสานต่อมรดกแห่งความยั่งยืนและการสนับสนุน ด้านล่างนี้คือจุดเด่นที่สำคัญบางส่วน

ความเป็นเลิศทางธุรกิจ

  • 100% ของผู้อำนวยการที่อยู่ในสหรัฐฯ และตำแหน่งสูงกว่านั้นสำเร็จการฝึกอบรมภาคบังคับเรื่องความมีอคติโดยไม่รู้ตัว
  • ความหลากหลายทางเพศในสถานที่ทำงาน: 54% ของทีมผู้บริหารทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง 61% ของพนักงานทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง และ 54% ของรองประธานระดับโลกขึ้นไปเป็นผู้หญิง 59% ของกรรมการขึ้นไปเป็นผู้หญิง (มีนาคม 2564)
  • ดำเนินการตรวจสอบธุรกิจบุคคลที่สามและรายงานข้อมูลความหลากหลายเพื่อแจ้งห่วงโซ่อุปทานปัจจุบันของเราที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ผู้หญิง ชนกลุ่มน้อย หรือทหารผ่านศึกเป็นเจ้าของ: ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 (ข้อมูลห่วงโซ่อุปทานในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น): 12% ของผู้ซัพพลายเออร์ทางอ้อมของ Mary Kay เป็นผู้หญิง ชนกลุ่มน้อย หรือทหารผ่านศึกที่เป็นเจ้าของ; 5% ของซัพพลายเออร์โดยตรงของ Mary Kay เป็นผู้หญิง ชนกลุ่มน้อย หรือทหารผ่านศึก
  • ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับโลกของเรา ปัจจุบันเรานำเสนอรองพื้นมากกว่า 80 ชนิด—ในเฉดสีและฟินิชที่หลากหลาย—เพื่อให้เข้ากับสเปกตรัมที่สวยงามของโทนสีผิวได้ดีที่สุด
  • 77% ของศิลปินที่มีส่วนร่วมในแคมเปญการตลาดทั่วโลกของเราเป็นธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของ (ช่างภาพ ผู้อำนวยการ นักออกแบบ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม โปรดิวเซอร์ ฯลฯ)

การดูแลผลิตภัณฑ์

  • เข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มผู้ผลักดันบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนในกลุ่มอุตสาหกรรมความงาม หรือSustainable Packaging Initiative for Cosmetics (SPICE) ภารกิจของ SPICE คือการขับเคลื่อนอนาคตของบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนสำหรับเครื่องสำอางให้มีความก้าวหน้าที่สำคัญในสามด้านหลัก: กำหนดนโยบายบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ขับเคลื่อนนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ และให้ความโปร่งใสในผู้บริโภค
  • เข้าร่วมมูลนิธิ Ellen MacArthur Foundation ในฐานะสมาชิกของเครือข่าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการเป็นธุรกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

การผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ

  • สำนักงานใหญ่ระดับโลก โรงงานผลิตทั่วโลก และการจัดจำหน่ายทั่วโลกและระบบการจัดเก็บและดึงข้อมูลอัตโนมัติ (ASRS) ของ Mary Kay ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา โดยใช้พลังงานหมุนเวียน 100 เปอร์เซ็นต์
  • การวิเคราะห์พื้นฐานโดยละเอียดเริ่มต้นขึ้นในปี 2562 และดำเนินต่อไปในปี 2563 เพื่อกำหนดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเรา จากระยะแรกของการวิเคราะห์ เป้าหมายของการลดก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด (GHG) 30% สำหรับขอบเขต 1 และ 2 ได้ถูกนำมาใช้เป็นเป้าหมายด้านความยั่งยืน ในปี 2564 ระยะที่ 2 ซึ่งประกอบด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจกสำหรับขอบเขตที่ 3 ได้เริ่มต้นขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเป้าหมายภายในไตรมาสแรกของปี 2565
  • สมาชิกผู้ก่อตั้งโครงการริเริ่มระดับโลกสองโครงการร่วมกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation: Evergreen Alliance และ Time for Trees Initiative; และเป็นสมาชิกของ Trillion Tree Initiative
  • เป็นผู้ลงนามในสาเหตุสำคัญสองประการในการปกป้องน่านน้ำของโลก: โครงการ CEO Water Mandate และหลักการมหาสมุทรที่ยั่งยืนของ United Nations Global Compact

การเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้หญิง

  • กลายเป็นผู้ให้คำมั่นสัญญาของกลุ่มพันธมิตรปฏิบัติการในแนวร่วมปฏิบัติด้านความเท่าเทียมรุ่นที่สี่: ความรุนแรงบนฐานของเพศสภาพ; ความยุติธรรมและสิทธิทางเศรษฐกิจ; ปฏิบัติการสตรีนิยมเพื่อความยุติธรรมด้านสภาพอากาศ; และเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ (ปี 2564-2569)
  • เปิดตัว Women's Entrepreneurship Accelerator ในปี 2562 ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มระดับโลกเพื่อนำผู้ประกอบการผ่านการศึกษาและส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีผ่านเส้นทางสู่การสร้างเสริมพลัง 4 เส้นทาง ได้แก่ การศึกษา การให้ทุน การสนับสนุน และการมีส่วนร่วม ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการเป็นผู้ประกอบการสำหรับผู้หญิงทุกคนในทุกที่
  • สนับสนุนข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Global Compact ในการพัฒนาชุดเครื่องมือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สำหรับหลักการเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้หญิงตั้งแต่ องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Women ไปจนถึงการเป็นสมาชิก SMEs จำนวน 6,000 ราย และการใช้งานทั่วไปสำหรับบริษัททั่วโลกเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมกันของผู้หญิง

ผลกระทบทางสังคมระดับโลกและชุมชนท้องถิ่น

  • มูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation มีโครงการวิจัยด้านมะเร็งและการทดลองทางคลินิกเกือบ 40 โครงการ และนักวิจัยที่อยู่ในขั้นตอนของโครงการ 42% ของโครงการวิจัยมะเร็งที่เป็นนวัตกรรมใหม่นำโดยผู้หญิง และในขณะที่ 100 เปอร์เซ็นต์ของการทดลองทางคลินิกนำโดยผู้หญิง
  • Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation สนับสนุนองค์กร 667 แห่งที่มุ่งมั่นทำงานช่วยชีวิตขององค์กรที่สนับสนุนการขจัดความรุนแรงบนฐานเพศสภาพและให้ทุนแก่สถานพักพิงสตรีที่ให้บริการความช่วยเหลือที่สำคัญ โดยเข้าถึงผู้หญิงและเด็กผู้หญิงกว่า 2 ล้านคนผ่านโครงการที่ไม่ซ้ำกัน 786 โครงการ ในกว่า 138 ประเทศ
  • ตั้งแต่ปี 2551 โครงการ Pink Changing Lives ทั่วโลกของ Mary Kay ได้ก่อให้เกิดโปรแกรมสร้างพลังอำนาจส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่าหกล้านคนและครอบครัวของพวกเขาด้วยการเป็นพันธมิตรกับองค์กรกว่า 3,000 แห่งทั่วโลก โดยบริจาคเงินกว่า 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 มีการบริจาคมากกว่า 775,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก

เติมเต็มชีวิตในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ภาพรวม 5 เสาหลักและพันธสัญญา 15 ข้อ
ความเป็นเลิศทางธุรกิจ

  • คนของเรา: ปลูกฝังการมีส่วนร่วมของพนักงาน หรือ EMPLOYEE ENGAGEMENT โดยดำเนินชีวิตตามค่านิยมของบริษัทและหล่อเลี้ยงวัฒนธรรมองค์กรของเรา
  • ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการรวมเข้าด้วยกัน: ทำความเข้าใจผ่านความรู้ หรือ KNOWLEDGE เรียกร้องให้ดำเนินการ หรือ ACTION  รับรองการเปลี่ยนแปลง หรือ CHANGE ที่ยั่งยืนและยาวนาน
  • ความโปร่งใสและการสนับสนุน: นำไปสู่ความโปร่งใส หรือ TRANSPARENCY และการช่วยเหลือผ่านผู้สนับสนุนสัมพันธ์ หรือ ADVOCACY

การดูแลผลิตภัณฑ์

  • พลาสติกและบรรจุภัณฑ์: ลด หรือ REDUCE ความเข้มของพลาสติกลง 30%
  • การรีไซเคิลและเศรษฐกิจหมุนเวียน: 90% ของบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ทำจากการใช้วัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก หรือ RECYCLED CONTENT
  • การจัดหาที่ยั่งยืน: ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเราให้เหลือน้อยที่สุด หรือ MINIMIZE สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก และส่งเสริมผลประโยชน์ของชุมชน

การผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ

  • คาร์บอน: ลด หรือ REDUCE คาร์บอน (ขอบเขต 1 และ 2) 30%
  • น้ำ: ลด หรือ REDUCE การใช้น้ำ 30%
  • ของเสียจากการปฏิบัติงาน: เบี่ยงเบน หรือ DIVERT 60% ของของเสียจากการปฏิบัติงานจากการฝังกลบ

การเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้หญิง

  • ความเท่าเทียมกัน: พัฒนา หรือ DEVELOP วาระนโยบาย 10 ปีเพื่อแก้ไขปัญหาสิทธิสตรี
  • การเสริมสร้างพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ: เพิ่มพลังอำนาจ หรือ EMPOWER ให้ผู้หญิง 5 ล้านคนทั่วโลก
  • การศึกษา: เข้าถึง หรือ ACCESS การศึกษาสำหรับเด็กหญิงและสตรี 250,000 คนทั่วโลก

ผลกระทบทางสังคม

  • การวิจัยโรคมะเร็ง: กองทุน หรือ FUND รวมกว่า 400,000 ชั่วโมงในการวิจัย
  • ความรุนแรงตามเพศสภาพ: สนับสนุน หรือ SUPPORT ผู้หญิงกว่า 10 ล้านคนทั่วโลกด้วยบริการความช่วยเหลือ
  • การสนับสนุนชุมชนและผลกระทบทางสังคมทั่วโลก: ร่วมมือกัน หรือ COLLABORATE เพื่อการเปลี่ยนแปลงกับองค์กรกว่า 500 แห่ง

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อ 58 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย และยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKayGlobal.com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210913005253/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
Marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com








Champion® Athleticwear เปิดตัวการปล่อยสินค้าแบบแคปซูลครั้งที่สองในคอลเลกชันมูฮัมหมัดอาลี

Logo

แบรนด์ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้ได้เหรียญทอง และได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ทุกคนดูเหมือนและรู้สึกเหมือนเป็น แชมป์คนหนึ่ง

วินสตัน ซาเล็ม รัฐนอร์ทแคโรไลนา.–(BUSINESS WIRE)–6 ส.ค. 2564

Champion ผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬาของแท้ตั้งแต่ปี 2462 และ Muhammad Ali Enterprises ได้ปล่อยแคปซูลรุ่นลิมิเต็ดชุดที่สองในคอลเลกชัน Muhammad Ali ของ Champion โดยที่ดีไซน์และสีสันใหม่ของแคปซูลชุดนี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อให้นึกถึงความเป็นตำนานด้านกีฬาในช่วงเวลาที่เขาได้รับเหรียญทอง ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนในระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคปี 2503 ที่กรุงโรม ขณะอายุ 18 ปี

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210805005624/en/

With details based on the 1960 Games historic location and team uniforms, Champion's Muhammad Ali collection features unique athletic accents, iconic silhouettes, luxe fabrics and voluminous draping. The men’s and women’s apparel includes Reverse Weave® hoodies, quarter-zip pullovers, joggers, shorts, graphic T-shirts, crop tops, bike shorts, hats and a special satin boxing robe. The collection is being distributed via Champion.com and Champion retail stores with distribution in the United States, Europe, Asia, Mexico and South America. A third drop is scheduled for later this year to be followed by additional capsules in 2022. (Photo: Business Wire)

ด้วยรายละเอียดที่อิงตามสถานที่และเครื่องแบบของทีมตามประวัติศาสตร์ของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 1960  คอลเลคชัน Muhammad Ali ของ Champion โดดเด่นด้วยการเน้นย้ำความเป็นนักกีฬาอันเป็นเอกลักษณ์ ซิลลูเอทอันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ ผ้าที่หรูหรา และการเดรปขนาดใหญ่ เครื่องแต่งกายสำหรับบุรุษและสตรีประกอบด้วยเสื้อฮู้ด Reverse Weave® เสื้อสวมหัวซิปสี่ส่วน กางเกงวิ่ง กางเกงขาสั้น เสื้อยืดลายกราฟิก เสื้อครอป กางเกงจักรยาน หมวก และเสื้อคลุมชกมวยผ้าซาตินแบบพิเศษ คอลเลกชั่นนี้จำหน่ายผ่าน Champion.com และ ร้านค้าปลีก Champion โดยจัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย เม็กซิโก และอเมริกาใต้ การปล่อยสินค้าครั้งที่สามมีกำหนดในปลายปีนี้และจะมีแคปซูลเพิ่มเติมตามมาในปี 2565 (ภาพ: Business Wire)

ด้วยรายละเอียดที่อิงจากสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของการแข่งขันกีฬา และเครื่องแบบของทีมในโอลิมปิกปี 1960  แบรนด์เครื่องแต่งกายของเราจะนำเสนอความเป็นนักกีฬาที่โดดเด่น ซิลลูเอทอันเป็นเอกลักษณ์ ผ้าที่หรูหรา และการเดรปที่มีโวลุ่มใหญ่ โดยคอลเลกชั่นสำหรับบุรุษและสตรี ซึ่งจะขายปลีกตั้งแต่ราคา 35-125 ดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐอเมริกา จะมีตั้งแต่ขนาด XS ถึง 2XL และรวมถึงเสื้อฮู้ด Reverse Weave® เสื้อสวมหัวซิปสี่ส่วน กางเกงวิ่ง กางเกงขาสั้น เสื้อยืดลายกราฟิก เสื้อครอปท็อป กางเกงปั่นจักรยาน หมวก และชุดชกมวยผ้าซาตินพิเศษ ผลงานเหล่านี้จะมีการพิมพ์คำพูดในตำนานของ อาลี ลงไปซึ่งรวมถึง “I am the greatest, I said that even before I knew I was,” พร้อมกับสติ๊กเกอร์แบรนด์ที่ได้แรงบันดาลใจจากการแข่งขันโอลิมปิค อีกด้วย

“มูฮัมหมัด อาลีเป็นศิลปินที่อยู่บนสังเวียนและเป็นแชมป์ของผู้คนนอกสังเวียนด้วย ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้แฟน ๆ ของเขาทั่วโลกในการเป็นเวอร์ชันของตัวเองที่ดีที่สุด” Jon Ram ประธานกลุ่มเสื้อผ้าแอคทีฟแวร์ระดับโลกของ HanesBrands กล่าว “การปล่อยสินค้าระลอกที่สองของคอลเลกชันนี้ทำให้ทุกคน ตั้งแต่นักกีฬามืออาชีพไปจนถึงผู้ที่ชื่นชอบกีฬา และผู้เก็บสะสมที่รักวัฒนธรรม สามารถเป็นแชมเปี้ยน หรือ Champion ของตัวเองอย่างแท้จริง โดยค้นหาความสุขในการแต่งตัวเพื่อแสดงตัวตน พร้อม ๆ กับความรู้สึกมั่นใจและสบายตัว”

การปล่อยสินค้าครั้งที่สอง ซึ่งอยู่ในความร่วมมือหลายปี กับ Muhammad Ali Enterprises ซึ่งมี Authentic Brands Group (ABG) เป็นเจ้าของ ร่วมกับ Lonnie Ali ผู้ดูแลทรัพย์สินของ Muhammad Ali Family Trust (MAFT) จะรวมการบูรณาการทั่วโลกในแพลตฟอร์มแบรนด์ของ Champion ทั้งนี้ คอลเลกชั่นนี้จำหน่ายผ่าน Champion.com และร้านค้าปลีก Champion โดยจัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย เม็กซิโก และอเมริกาใต้ การปล่อยสินค้าครั้งที่สามมีกำหนดในปลายปีนี้และตามด้วยแคปซูลเพิ่มเติมในปี 2565

“อาลี พูดว่า: 'แชมป์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในโรงยิม แชมเปี้ยนถูกสร้างขึ้นจากสิ่งที่พวกเขามีอยู่ลึกลงไปในตัวพวกเขา ซึ่งมาจาก ความปรารถนา ความฝัน วิสัยทัศน์'” Katie Jones รองประธานอาวุโสฝ่ายบันเทิง ABG กล่าว “การเป็นพันธมิตรครั้งนี้ยังคงเป็นการยกย่องสิ่งที่อาลีมองว่าสำคัญที่สุดตลอดช่วงชีวิตของเขา”

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการปล่อยคอลเลกชันมูฮัมหมัด อาลี ทาง Champion จะบริจาคเงินให้กับศูนย์มูฮัมหมัดอาลีในหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ไม่แสวงหาผลกำไรและศูนย์วัฒนธรรมที่ทำงานอุทิศให้กับการยกย่องชายที่มีความหมายต่อผู้คนมากมายคนนี้

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคอลเลคชันและแบรนด์ Champion โปรดไปที่ Champion.com และติดตามแบรนด์ได้ที่ Instagram, Twitter, TikTok และ Facebook.

Champion® Athleticwear

ตั้งแต่ปี 2462 Champion ได้นำเสนอชุดกีฬาที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งรวมถึงชุดออกกำลังกาย เสื้อสเวตเตอร์ เสื้อยืด สปอร์ตบรา ชุดทีม รองเท้า และเครื่องประดับต่าง ๆ Champion ใช้การออกแบบระดับนวัตกรรมและการทดสอบผลิตภัณฑ์อันล้ำสมัยเพื่อให้มั่นใจถึงคุณภาพของเครื่องแต่งกายที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับผู้บริโภค เครื่องแต่งกายของ Champion สามารถหาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้า สินค้ากีฬา ร้านค้าปลีกเฉพาะทาง และที่ Champion.com สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1-800-315-0563 หรือที่ Facebook.com/Champion, ติดตามเราบน Twitter @Championusa หรือบนอินสตาแกรม@Champion. Champion เป็นแบรนด์ภายใต้ HanesBrands (NYSE:HBI).

มูฮัมหมัด อาลี

มูฮัมหมัด อาลีเป็นหนึ่งในนักกีฬาและนักมนุษยธรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 และได้สร้างช่วงเวลาอันเป็นตำนานที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬาและสิทธิมนุษยชน  ห้าสิบปีหลังจากที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์เหรียญทองในกีฬาชกมวยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโรมปี 2503 มรดกของอาลีได้ขยายออกไปนอกสังเวียน และเขายังคงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในไอคอนที่โด่งดังและเป็นที่รักมากที่สุดตลอดกาล

จรรยาบรรณในการทำงานที่หาตัวจับได้ยากของเขา เทคนิคการชกมวยที่เป็นเอกลักษณ์ และความกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อความเชื่อของตัวเอง ล้วนมีส่วนทำให้เกิดตำนานมูฮัมหมัด อาลี ในบรรดารางวัลและเกียรติยศมากมายของเขา เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็น "นักกีฬาแห่งศตวรรษ หรือ Sportsman of the Century" จาก Sports Illustrated "นักกีฬาแห่งศตวรรษ หรือ Athlete of the Century" จาก GQ ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผู้ส่งสารสันติภาพแห่งสหประชาชาติ และได้รับรางวัล Presidential Medal of Freedom และ Amnesty International Lifetime Achievement Award อีกด้วย มรดกของมูฮัมหมัด อาลีได้รับการเฉลิมฉลองในหลายวัฒนธรรมและเขายังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬา ศิลปิน นักดนตรี และนักมนุษยธรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปัจจุบันทั่วโลก

Authentic Brands Group

Authentic Brands Group (ABG) เป็นบริษัทพัฒนาแบรนด์ การตลาดและความบันเทิง ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์สื่อ ความบันเทิงและไลฟ์สไตล์ระดับโลก ABG ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนิวยอร์กซิตี้ ทำงานเพื่อยกระดับและสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับแบรนด์สำหรับผู้บริโภคต่าง ๆ และทรัพย์สินต่าง ๆ มากกว่า 30 รายการ โดยการร่วมมือกับผู้ผลิต ผู้ค้าส่ง และผู้ค้าปลีกที่ดีที่สุดในวงการ แบรนด์ต่างๆ ของบริษัทมีฐานการค้าปลีกทั่วโลก ทั้งที่เป็นสินค้าหรูหรา สินค้าพิเศษ ห้างสรรพสินค้า สินค้าระดับกลาง ระดับมวลชน และอีคอมเมิร์ซ และในร้านค้าอิสระและร้านค้าในห้างมากกว่า 6,000 แห่ง ทั่วโลก

ABG มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงแบรนด์ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ เนื้อหา ธุรกิจ และประสบการณ์ที่น่าดึงดูดใจ  ABG สร้างและใช้งานกลยุทธ์การตลาดของตัวเองเพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จของแบรนด์ในทุกจุดสัมผัสของผู้บริโภค แพลตฟอร์มและสื่อที่เกิดขึ้นใหม่ กลุ่มผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังและมีชื่อเสียงระดับโลกของ ABG ได้แก่ Marilyn Monroe®, Elvis Presley®, Muhammad Ali®, Shaquille O'Neal®, Dr. J®, Greg Norman®, Neil Lane®, Thalia®, Sports Illustrated®, Eddie Bauer ®, Spyder®, Volcom®, Airwalk®, Nautica®, Izod®*, Forever 21®, Aéropostale®, Juicy Couture®, Vince Camuto®, Lucky Brand®, Nine West®, Jones New York®, Frederick's of Hollywood® , Adrienne Vittadini®, Van Heusen®*, Arrow®*, Tretorn®, Tapout®, Prince®, Vision Street Wear®, Brooks Brothers®, Barneys New York®, Judith Leiber®, Herve Leger®, Frye®, Hickey Freeman ®, Hart Schaffner Marx®, Thomasville®, Drexel® และ Henredon® นอกจากนี้ยังมีที่อยู่ระหว่างรอการเข้าซื้อกิจการในไตรมาสที่ 3 ปี 2564*

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ authenticbrands.com.

ติดตาม ABG บน Twitter, LinkedIn และ Instagram.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210805005624/en/

ติดต่อ:

Carole Crosslin

HanesBrands

carole.crosslin@hanes.com

Suzanne Joyella

Current Global

sjoyella@currentglobal.com

Michelle Ciciyasvili

Authentic Brands Group –

Muhammad Ali Enterprises

mciciyasvili@abg-nyc.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้ง Glamhive ร่วมกับเจ้าภาพร่วมสไตลิสต์ชื่อดัง Johnny Wujek และ Nicole Chavez แฮร์สไตลิสต์ชื่อดัง Andrew Fitzsimons และแฟชันอินฟลูเอนเซอร์ Claire Sulmers ประกาศการประชุมสุดยอด Digital Spring Style and Beauty Summit

Logo

การประชุมจะนำผู้นำในอุตสาหกรรมด้านสไตล์และความงามมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเรื่องแฟชั่น ความงาม การออกแบบเครื่องแต่งกาย การเสริมพลังของผู้หญิง ความยั่งยืนและหัวข้ออื่นๆ

ลอสแอนเจลิสและซีแอตเทิล–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2564

สิ่งที่เริ่มทำให้สไตล์คอมมูนิตี้มารวมตัวกันเมื่อการระบาดของโรคได้หยุดยั้งอุตสาหกรรมและได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นการรวมตัวกันที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมด้านแฟชั่นทั่วโลก ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศในตอนนี้ได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งการประชุม Digital Spring Style and Beauty Summit ของ Glamhive ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้จะเป็นการประชุมสุดยอดด้านดิจิทัล 100% ครั้งสุดท้าย โดย Glamhive จะเปิดตัวกิจกรรมในอนาคตทั้งหมดเป็นการสร้างประสบการณ์ทางกายภาพ – ดิจิทัลแบบผสมผสาน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210520005908/en/

Glamhive's Digital Spring Style and Beauty Summit will bring together industry professionals and beauty and style enthusiasts to discuss spring style. (Graphic: Mary Kay Inc.)

การประชุมสุดยอด Digital Spring Style and Beauty Summit ของ Glamhive จะนำผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและผู้ที่ชื่นชอบความงามและสไตล์มารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสไตล์ฤดูใบไม้ผลิ (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

การประชุม Spring Summit จะเป็นประสบการณ์ด้านดิจิทัลระดับโลกครั้งที่ 5 ของบริษัท และจะนำผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและผู้ที่ชื่นชอบความงามและสไตล์มารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อหารือเกี่ยวกับสไตล์ฤดูใบไม้ผลิ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในช่วงเดือนที่หนาวเย็น การเริ่มต้นธุรกิจแฟชัน และอื่นๆ อีกมากมาย

โดยตลอดทั้งวันงานที่จำหน่ายตั๋วจะแสดงลักษณะ 19 กลุ่มพร้อมผู้อภิปรายมากกว่า 66 คน ด้านล่างนี้คือภาพรวมของหัวข้อที่จะกล่าวถึงโดยรายชื่อผู้อภิปรายประกอบด้วยบุคคลที่มีชื่อเสียง

หัวข้อ:

  • ใครทำสิ่งนี้ขึ้นมา? ผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่มาอย่างยั่งยืนเสริมพลังแก่ผู้หญิงในการซื้อทุกครั้งได้อย่างไร
  • สไตล์ 411: ภายในโลกแห่งสไตล์
  • การออกแบบเครื่องแต่งกายร่วมสมัย: บทบาท ความท้าทาย และอิทธิพลต่อแฟชั่น
  • รายงานพรมแดง
  • บทสัมภาษณ์พิเศษ “A Star Is Born” กับนักโหราศาสตร์ Susan Miller
  • บทสัมภาษณ์พิเศษกับ Ellen Mirojnick นักออกแบบเครื่องแต่งกายของ Bridgerton
  • วิธีสร้างความประทับใจครั้งแรกในทุกเวลา
  • การสร้างแบรนด์สำหรับครีเอทีฟและผู้ประกอบการ

ระหว่างการอภิปรายหัวข้อ ใครทำสิ่งนี้ขึ้นมา? ผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่มาอย่างยั่งยืนเสริมพลังแก่ผู้หญิงในแผนการซื้อทุกครั้งได้อย่างไร Sheryl Adkins-Green ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Mary Kay Inc. จะเป็นเจ้าภาพในการอภิปรายเกี่ยวกับที่มาของสินค้าภายในห้องเสื้อผ้าแต่ละชิ้นของเรา และเราสามารถทำความรู้จักกับผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่เบื้องหลังให้ดีขึ้นได้อย่างไร ผู้ร่วมอภิปรายได้แก่ Jane Mosbacher ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ TO THE MARKET, Matilda Payne Boakye-Ansah นักออกแบบ นักประท้วงทางสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการเพื่อสังคม ผู้ก่อตั้งของ MH Couture และผู้ร่วมก่อตั้งของ Xtreme Upcycle, Christelle C. Paul ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของ Atelier Calla; และTara Swennen สไตลิสต์ชื่อดัง

 “ในทุกๆ วัน เรามีโอกาสในการเลือกที่จะช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมของเรา” Sheryl Adkins-Green กล่าว “และสิ่งสำคัญคือต้องรู้จักเกี่ยวกับผู้คนและผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสร้างความแตกต่าง”

เจ้าภาพร่วม

Stephanie Sprangers – ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Glamhive

Johnny Wujek – นักออกแบบเครื่องแต่งกายและสไตลิสต์ชื่อดังของ Katy Perry และ Mariah Carey

Nicole Chavez – สไตลิสต์ชื่อดังของ Kristen Bell และ Jessica Simpson

Andrew Fitzsimons – แฮร์สไตลิสต์ชื่อดังของ The Kardashians

Claire Sulmers – ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Fashion Bomb Daily

ผู้อภิปราย:

ผู้อภิปรายของเราคือสไตลิสต์ที่มีชื่อเสียง ช่างแต่งหน้า และอิมเมจเมคเกอร์ที่ทำงานกับคนในวงการชื่อดังในฮอลลีวูดและอื่น ๆ รวมถึง Kristen Stewart, Angelina Jolie, Matthew McConaughey, Emily Blunt, Gabrielle Union, Zendaya, Sophie Turner, Amanda Seyfried, Margot Robbie , Lupita Nyong'o, Emma Watson, Rosie Huntington-Whiteley, Claire Danes, Carmen Electra

เซเลบริตี้สไตลิสต์:

Jen Rade, Tara Swennen, Jessica Paster, Nicole Chavez, Sonia Young, Dana Asher Levine, Mimi Lombardo, Joiee Thorpe, Franzy Staedter.

เซเลบริตี้เมคอัพอาร์ติส+แฮร์สไตลิสต์:

Sheridan Ward, Matey Denno, Matin Maulawizada, Christian Wood, Halley Brisker, Larry Sims

ผู้ดำเนินรายการ:

Brian Underwood (นิตยสาร Oprah), Brooke Jaffe (Penske Media), Alexis Bennett (Vogue), Sarah Ball (นิตยสาร PEOPLE), Flavia Nunez (Real Simple), Alana Peden (StyleCaster) และ Sheryl Adkins-Green (Mary Kay Inc.)

ตั๋วในการประชุมราคา $149 สำหรับตั๋วตลอดวัน ผู้สนับสนุนสำหรับการประชุม Glamhive Digital Spring Style and Beauty Summit คือ Mary Kay Inc. และ Mary Kay Global Design Studio

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.glamhive.com/live

เกี่ยวกับ Glamhive: Glamhive ก่อตั้งขึ้นโดยนักธุรกิจที่ชื่อ Stephanie Sprangers ในปี 2560 พร้อมวิสัยทัศน์ที่จะให้ผู้คนสามารถเข้าถึงบริการสร้างภาพลักษณ์เฉพาะบุคคลได้อย่างเท่าเทียม และข้อสนับสนุนที่ว่าความมั่นใจทีเกิดจากความงามจะต้องไม่ถูกจำกัดไว้เฉพาะกลุ่มคนมีฐานะและผู้ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น

ประสบการณ์สร้างบุคลิกภาพออนไลน์ให้ใครก็ตามที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้สามารถเข้าถึงสไตล์ลิสต์ที่จะคอยให้การสนับสนุนต่าง ๆ ตามที่พวกเขาต้องการเพื่อพัฒนาตัวเองในแบบที่ดีที่สุด สำหรับสไตล์ลิสต์ นี่คือแพลตฟอร์มที่มีความครบวงจรและไร้รอยต่อ ที่ช่วยให้พวกเขาขยายเครือข่ายและธุรกิจให้เติบโตได้แบบ 100%

เกี่ยวกับ Mary Kay

หนึ่งในผู้ทลายเพดานแก้วรายแรก Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามของเธอเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้วโดยมีเป้าหมาย 3 ประการคือ พัฒนาโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น  ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีสมาชิกฝ่ายขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการถูกล่วงละเมิดในครอบครัว สร้างความสวยงามให้ชุมชนของเรา และสนับสนุนให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายในทุกลิปสติก

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210520005908/en/

ติดต่อ:

Stephanie Sprangers
stephanie@glamhive.com
+1.206.851.0446

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Mary Kay เผยก้าวสำคัญในสุขภาพผิวเกี่ยวกับการวิจัยเรตินอลให้แก่การประชุม Society for Investigative Dermatology ปี 2564

Logo

แดลลัส–(บิสิเนสไวร์)–10 พ.ค. 2564

Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมการดูแลผิวยังได้มอบการสนับสนุนแก่ชุมชนด้านความงามและวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเร็วๆ นี้ได้สนับสนุนการประชุม Society for Investigative Dermatology (SID) ปี 2564  ในการประชุม Mary Kay ได้เปิดเผยผลงานวิจัยด้านสุขภาพผิวที่ก้าวหน้าเกี่ยวกับสารสกัดจากพืชที่ช่วยลดการระคายเคืองจากเรตินอลผ่านตัวรับ TRPV1  นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังรู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศการให้ทุนครั้งแรกแก่นักวิจัยที่ทำการศึกษานวัตกรรมใหม่ๆ ในด้านสุขภาพผิวหนังและโรคผิวหนัง

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210510005069/en/

Mary Kay recently unveiled skin health grants and breakthrough research at the 2021 Society for Investigative Dermatology Conference.

เมื่อเร็วๆ นี้ Mary Kay ได้เปิดตัวทุนด้านสุขภาพผิวและการวิจัยที่ก้าวหน้าในการประชุมวิชาการด้านผิวหนังในปี 2564

Mary Kay จะมอบเงินช่วยเหลือจำนวน $25,000 จำนวนสี่ทุนให้กับนักวิจัยที่ทำการศึกษานวัตกรรมใหม่ๆ ด้านสุขภาพผิวหนังหรือโรคผิวหนัง ซึ่งผู้มีสิทธิ์สามารถสมัครได้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564  โดยจะประกาศผู้ชนะของทุน Mary Kay ในการประชุมประจำปีของ SID ใน 2565  ด้วยเงินทุนนี้ Mary Kay หวังว่าจะช่วยให้นักวิจัยค้นพบมุมมองใหม่ๆ และกลยุทธ์ทางวิทยาศาสตร์ของโรคผิวหนัง

“Mary Kay เชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าความพยายามในการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญในการค้นพบและนวัตกรรมใหม่ๆ” ดร. Lucy Gildea หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของแมรี่เคย์กล่าว “งานต่างๆ เช่นการประชุมประจำปีของ Society for Investigative Dermatology เป็นการรวบรวมความคิดที่ล้ำหน้าที่สุดเพื่อพัฒนาอนาคตของอุตสาหกรรม  May Kay รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนวิทยาศาสตร์แห่งนี้และเราทราบดีว่าทุนวิจัยเหล่านี้จะช่วยให้การวิจัยผิวหนังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง  เราตื่นเต้นที่จะได้เห็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบต่อไป”

งานวิจัยล่าสุดของ Mary Kay ได้สำรวจการรวมกันของเรตินอลกับสารต่อต้าน TRPV1 ที่ได้จากพืชและสารสกัดจากพืชที่ต้านการอักเสบในการบรรเทาอาการระคายเคืองที่เกิดจากเรตินอยด์ ด้วยการใช้สูตรเครื่องสำอาง นักวิจัยของ Mary Kay สามารถแสดงให้เห็นถึงการปรับสภาพใหม่ทีละน้อยในช่วงแปดสัปดาห์  ผู้ที่ใช้สูตรนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความทนทานสูงเท่านั้น แต่ยังช่วยลดอาการผื่นแดง บวมน้ำ และความแห้งกร้านหลังการใช้โดยแพทย์ผิวหนัง

“ทีมวิจัยและพัฒนาของเรากำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวใหม่ๆ สำหรับผู้หญิงทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง” ดร. กิลเดียกล่าว “การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่นการประชุมประจำปีของ SID ทำให้เราได้เรียนรู้และแบ่งปันงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เราสามารถส่งมอบประโยชน์ที่มีความหมายและผลิตภัณฑ์ที่น่าทึ่งให้กับผู้บริโภคได้ต่อไป”

การประชุมประจำปีของ Society of Investigative Dermatology เป็นงานล่าสุดที่ Mary Kay ได้เข้าร่วมในปี 2564 โดยร่วมกับชุมชนทางวิทยาศาสตร์และการศึกษาที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นอันยาวนานของแบรนด์ในการพัฒนาและวิจัยด้านสุขภาพผิว  Mary Kay ถือสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีและการออกแบบบรรจุภัณฑ์มากกว่า 1,600 รายการในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับโลก

เกี่ยวกับ MARY KAY

หนึ่งในผู้ทลายเพดานแก้วรายแรก Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามของเธอเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้วโดยมีเป้าหมาย 3 ประการคือ พัฒนาโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น  ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีสมาชิกฝ่ายขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ  Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการถูกล่วงละเมิดในครอบครัว สร้างความสวยงามให้ชุมชนของเรา และสนับสนุนให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายในทุกลิปสติก  เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210510005069/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications (ฝ่ายสื่อสารองค์กร) 
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Tommy Hilfiger แต่งตั้ง Alegra O’Hare เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด

Logo

อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์–(BUSINESS WIRE)–25 มีนาคม 2564

Tommy Hilfiger ซึ่งมี PVH Corp. [NYSE: PVH] เป็นเจ้าของ มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง Alegra O'Hare เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Tommy Hilfiger Global มีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 เมษายน 2564 โดยบทบาทและหน้าที่ของ O'Hare จะพัฒนาและดำเนินกลยุทธ์การตลาดเพื่อเข้าถึงและมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค TOMMY HILFIGER ในรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อ ๆ ไป

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210325005086/en/

Alegra O’Hare, Chief Marketing Officer, Tommy Hilfiger Global (Photo: Business Wire)

Alegra O’Hare ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Tommy Hilfiger Global (ภาพ: Business Wire)

 “การแต่งตั้งของ Alegra ถือเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญในยุคใหม่ของ TOMMY HILFIGER” Avery Baker ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตราสินค้าของ Tommy Hilfiger Global กล่าว “เธอจะเป็นแรงผลักดันในการนำวิสัยทัศน์ใหม่ของแบรนด์เราให้ดูมีชีวิตชีวาผ่านการสร้างสรรค์ระดับโลก กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลและการตลาดแบบบูรณการทุกช่องให้รวมเป็นหนึ่งเดียว การเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งด้วยวัฒนธรรมและประสบการณ์ที่พิสูจน์แล้วของเธอที่จะช่วยในการเติบโตที่มีความเกี่ยวข้องและธุรกิจกับผู้บริโภคทั่วโลกจะเป็นทรัพย์สินที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับเรา ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ Alegra ได้เข้าร่วมทีมของเราเพื่อเป็นผู้นำในการสร้างแฟนๆ ของ Tommy ในรุ่นต่อไป”

 “TOMMY HILFIGER เป็นแบรนด์ที่ก้าวนำหน้ามาโดยตลอด และฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่กับทีมท่ามกลางภูมิทัศน์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก” O’Hare กล่าว “เมื่อร่วมมือกันแล้วเราจะพบกับความเป็นจริงใหม่ ๆ เหล่านี้ โดยมุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์แบรนด์ที่น่าดึงดูดและน่าประหลาดใจให้กับผู้บริโภคและพัฒนาตำแหน่งของเราในฐานะนักการตลาดระดับโลกด้วยการผลักดันขอบเขตทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์”

ด้วยประสบการณ์ด้านการตลาดกว่า 25 ปีของ O’Hare เธอได้ร่วมงานกับแบรนด์ผู้บริโภคระดับโลกเช่น adidas, Bang & Olufsen, Champion, Lee และ Wrangler และล่าสุดเธอดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ GAP ซึ่งเธอเป็นผู้นำทีมการตลาดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคในทุกช่องทางติดต่อของแบรนด์รวมถึงการสื่อสาร การค้าปลีก ดิจิทัล โซเชียลมีเดียและการประชาสัมพันธ์ ผ่านการตลาดดิจิทัลเป็นอันดับแรกและการค้าปลีกทุกช่องทาง ก่อนหน้านี้ O’Hare เป็นผู้นำด้านการตลาดให้กับแบรนด์ Adidas Originals โดยเธอรับผิดชอบแคมเปญของแบรนด์ทั้งหมด การร่วมมือกับพันธมิตร เช่น Pharrell Williams, Alexander Wang และ Childish Gambino และการกระตุ้นการสื่อสารการตลาดทั้งหมดทั่วโลก

TOMMY HILFIGER เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลกด้วยเอกลักษณ์เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ความคิดริเริ่มทางการตลาดของบริษัทมีส่วนช่วยในการเพิ่มจำนวนฟุตพริ้นท์ของ TOMMY HILFIGER โดยผ่านการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการรับรู้แบรนด์ทั่วโลกและกลยุทธ์ที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางซึ่งสร้างและรักษาฐานแฟน ๆ ที่เหนียวแน่น ปัจจุบันการนำออกแสดงของแบรนด์อยู่ในระดับสูงสุดตลอดเวลาอันเป็นผลมาจากคอลเลกชันที่โดดเด่น แคมเปญ การเป็นพันธมิตรและการกระตุ้นผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger

TOMMY HILFIGER ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชันเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชันเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER  และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของTOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นผู้กำหนดมาตรฐานให้กับสไตล์ ในฐานะหนึ่งในบริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เราสนับสนุนแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นให้เดินหน้า ผลงานที่โดดเด่นของเราประกอบด้วยแบรนด์ต่าง ๆ อย่างเช่น Calvin KleinTOMMY HILFIGERVan HeusenIZOD, ARROW, Warner’sOlga และ Geoffrey Beene รวมถึงแบรนด์ชุดชั้นในที่มีความเป็นดิจิทัลสูงอย่าง True&Co. เราจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายสู่ผู้บริโภคภายใต้แบรนด์เหล่านี้ และแบรนด์เป็นเจ้าของและได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่าย ซึ่งมีชื่อเสียงทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศกว่า 40 ประเทศ ทั้งหมดนี่คือพลังของเรา และนี่คือพลังของ PVH

แถลงการณ์ด้านความปลอดภัยภายใต้พระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องกฎหมายหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 1995 (SAFE HARBOR STATEMENT UNDER THE PRIVATE SECURITIES LITIGATION REFORM ACT OF 1995): แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแผนกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ ความคาดหวัง และความตั้งใจในอนาคตของ บริษัท ของพระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องกฎหมายหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 1995  นักลงทุนพึงระวังว่าข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ด้วยความแม่นยำและบางส่วนอาจคาดการณ์ไม่ถึงซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดแค่ (i) แผนกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ ความคาดหวัง และความตั้งใจของบริษัทที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามดุลยพินิจของ บริษัท ; (ii) บริษัท อาจได้รับการพิจารณาว่าได้รับการยกระดับอย่างสูงและใช้กระแสเงินสดเป็นส่วนสำคัญในการบริหารหนี้สินอันเป็นผลมาจากการที่บริษัทอาจไม่มีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินธุรกิจในลักษณะที่ บริษัทตั้งใจหรือที่เคยมีการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา; (iii) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่น ๆ ที่ระบุเป็นครั้งคราวในเอกสารที่ บริษัทยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

บริษัทไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ ในการแก้ไขแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ต่อสาธารณะไม่ว่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากการรับข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

รับชมเวอรชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210325005086/en/

ติดต่อ:

Tommy Hilfiger:
Virginia Ritchie
Vice President, Global Communications
E-mail: virginia.ritchie@tommy.com
Tel: +31 6 4318 4870

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้ง Glamhive และ Nicole Chavez สไตลิสต์คนดังประกาศเรื่องการประชุมสุดยอด Digital Winter Style and Beauty Summit

Logo

การประชุมจะเป็นการรวมตัวกันของผู้นำในอุตสาหกรรมสไตล์และความงาม เพื่อพูดคุยเรื่องแฟชั่น ความงาม และการเป็นผู้ประกอบการ

ซีแอตเติล และ ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–24 ก.พ. 2564

Glamhive ประกาศการประชุมออนไลน์ครั้งที่ 4 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 การประชุมสุดยอด Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit (การประชุมสุดยอดสไตล์ฤดูหนาวด้านความงามออนไลน์)  จะรวบรวมผู้นำแฟชั่นและความงามชั้นนำตั้งแต่ Cindy Eckert สไตลิสต์ของ Kristen Bell ที่กลายมาเป็นเป็นผู้ประกอบการและนักลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยเหล่าผู้นำด้านนวัตกรรมจะพูดคุยเกี่ยวกับแฟชั่น ความงาม การเป็นผู้ประกอบการและอื่น ๆ ซึ่ง Stephanie Sprangers และ Nicole Chavez จะร่วมเป็นเจ้าภาพในงานนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005275/en/

The Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit will bring together top fashion and beauty leaders (Graphic: Mary Kay Inc.)

งานประชุม Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit จะรวบรวมผู้นำแฟชั่นและความงามชั้นนำมาไว้ด้วยกัน (กราฟฟิค: Mary Kay Inc. )

"ฉันชอบที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสุดยอดด้านสไตล์และความงามของ Glamhive โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ การประชุมสุดยอดจะก่อให้เกิดความรู้สึกของความกลมเกลียวเป็นชุมชน ซึ่งปัจจุบันยังเป็นสิ่งที่ขาดไปในโลกของนักทำงานสร้างสรรค์ นอกจากนี้ฉันยังได้ทำความรู้จักสร้างคอนเนคชันกับศิลปินคนอื่น ๆ เรื่อยมา" Nicole Chavez สไตลิสต์คนดังกล่าว Nicole เป็นหนึ่งในสไตลิสต์ที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในปัจจุบัน ลูกค้าของเธอรวมถึงดาราระดับ A-List อาทิเช่น Kristen Bell, Rachel Bilson, Jessica Simpson, Ellie Bamber, Scarlett Johansson, Catherine Zeta-Jones และอื่น ๆ อีกมากมาย ผลงานของเธอได้รับการนำเสนอในสิ่งพิมพ์หลายฉบับรวมถึง W, InStyle และ Harper's Bazaar

"วิสัยทัศน์ของ Glamhive คือการให้สร้างประโยชน์จากการทำงานร่วมกับสไตลิสต์ส่วนตัวที่มีให้กับทุกคนทุกที่ ส่วนงานดิจิทัลต่าง ๆ ของเราก็ถือเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยม สิ่งดี ๆ ที่เกิดจากวิกฤตปีที่ผ่านมาก็คือการที่เราสามารถนำการประชุมสุดยอดด้านสไตล์ของเราไปสู่โลกดิจิทัล ซึ่งจะทำให้ทุกคนในทุก ๆ ที่สามารถพบปะและเรียนรู้จากสิ่งที่ดีที่สุดในธุรกิจได้" Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Glamhive กล่าว โดย Sprangers เป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Glamhive ซึ่งเป็นบริการจัดแต่งสไตล์ส่วนตัวออนไลน์ที่นำเสนอสไตลิสต์ส่วนตัวและช่างแต่งหน้าผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับคัดเลือกโดยตรงจากฮอลลีวูดและอินสตาแกรมให้กับทุกคน โดย Glamhive ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทซึ่งช่วยให้สไตลิสต์สามารถแนะแนวทางให้แก่ลูกค้าผ่านประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมแบบออนไลน์ได้ 100% ทำให้ผู้คนสามารถทำงานกับสไตลิสต์ได้ทุกที่ในโลก

ตั๋วสำหรับกิจกรรมตลอดทั้งวันจะทำให้คนเข้าถึงวิทยากรกว่า 60 ท่าน ด้านล่างนี้แสดงภาพรวมของหัวข้อบางส่วนที่วิทยากรระดับ All-Star นี้จะได้พูดถึง

ภาพรวมของหัวข้อ:

ประกอบด้วยสองแทร็ก และ 22 เซ็กเมนท์ ภาพรวม:

  • สไตล์สำหรับพรมแดง: สร้างช่วงเวลาแบบไอคอน
  • แนวโน้มปี 2021: สไตล์หลังโควิด
  • การเอาชนะเกมสไตล์วินเทจ คือ อาวุธลับของคุณ
  • คู่มือสไตลิสต์: จะสร้างสไตล์ทีดีที่สุดในชีวิตได้อย่างไร
  • Beauty Boss Babe: บทสัมภาษณ์กับ Jamie Kern Lima
  • สุดยอดคำแนะนำสำหรับผม "แบบง่าย ๆ "
  • เข้าสังคมกันเถอะ: เทรนด์ความงาม Instagram และ TikTok ที่ดีที่สุด
  • โหราศาสตร์แห่งแฟชั่น กับ Susan Miller
  • มากกว่าที่ตาเห็น: เสื้อผ้าของคุณบอกอะไรเกี่ยวกับคุณ
  • ROI ของสไตล์: การแต่งตัวให้ดีสร้างความคุ้มค่าแค่ไหน
  • ฉันสร้างสิ่งนี้ได้อย่างไร: ขอคำแนะนำที่ดีจากผู้หญิงที่ก้าวสู่จุดสูงสุด

วิทยากร:

วิทยากร ได้แก่ สไตลิสต์คนดัง ช่างแต่งหน้า ผู้สร้างอิมเมจที่ทำงานกับบุคคลชื่อดังในฮอลลีวูดและอีกมากมาย รวมถึง

Angelina Jolie, Serena Williams, Mandy Moore, Sarah Jessica Parker, Kristen Bell, Khloe Kardashian, Robert Downey Jr., Keanu Reeves, Sharon Stone, Miranda Lambert, Julianne Moore และอีกมากมาย

สไตลิสต์คนดัง:

Nicole Chavez, Jill + Jordan, Jeanne Yang, Jennifer Rade, Tara Swennen, Janelle Miller, Lindsey Dupuis, Tiffany Gifford, Kesha McLoud, และ Sonia Young.

ช่างแต่งหน้า + ช่างทำผมที่มีชื่อเสียง:

Tommy Buckett, Todd Harris, Diana Madison, Danny Moon, AJ Crimson และ Helen Reavey.

ผู้ประกอบ การนักออกแบบ และผู้นำทางธุรกิจ:

Claire Sulmers (Fashion Bomb Daily), Hillary Kerr (WhoWhatWear), Tara Rudes Dann (L'Agence), Steven Dann (Designer), Cindy Eckert (The Pink Ceiling Fund), Helen Ravey (Act+Acre), Cassandra Cadwell (Violet Grey), Michelle Waugh (Designer), Clarissa Egana (Port De Bras), Amy Rosoff Davis (Celebrity Trainer), Jamie Kern Lima (IT Cosmetics).

โมเดอเรเตอร์:

Brian Underwood (O Magazine), Brooke Jaffe (Penske Media), Pandora Amoratis (Daily Mail), Andrea Lavanthal (PEOPLE), Robin Nazzaro (O Magazine), Alexis Bennett (Vogue) and Kibwe Chase-Marshall (The Kelly Initiative).

ตั๋วเข้าร่วมการประชุมตลอดทั้งวันราคา 149 ดอลลาร์ ผู้สนับสนุนการนำเสนอของ Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit ได้แก่ Mary Kay Inc. และ Mary Kay Global Design Studio

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.glamhive.com/upcoming.

เกี่ยวกับ Glamhive

Glamhive ก่อตั้งขึ้นโดย Stephanie Sprangers ผู้ประกอบการในปี 2560 โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้การตกแต่งเสริมสไตล์เข้าถึงปัจเจกชน และยังมีหลักการว่า ความเชื่อมั่นที่มาพร้อมกับความเย้ายวนใจไม่ควรเป็นเฉพาะของคนรวยและคนดังเท่านั้น

ประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมออนไลน์ช่วยให้ทุกคนที่สามารถเข้าถึงการเชื่อมต่อ WiFi ได้พบกับสไตลิสต์ที่จะให้การสนับสนุนแก่พวกเขาเพื่อสร้างเวอร์ชันที่ดีที่สุดของพวกเขา แพลตฟอร์ม Glamhive เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ไร้รอยต่อสำหรับสไตลิสต์ เพื่อช่วยให้พวกเขาขยายเครือข่ายและธุรกิจของพวกเขาได้บนโลกออนไลน์ 100%

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 57 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมที่ MaryKay.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005275/en/

Stephanie Sprangers, ผู้ก่อตั้ง + ซีอีโอ, Glamhive

stephanie@glamhive.com

+1.206.851.0446

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย






ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ เชิญชวนผู้ประกอบการด้านสังคมสมัครร่วมกิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์

Logo

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งที่สามนี้ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ สนับสนุนให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะที่เป็นคนผิวดำ ชนพื้นเมือง และชาวผิวสี (BIPOC) สมัครเข้าร่วม รวมถึงเชิญชวนให้ผู้บริโภคลงทะเบียนเพื่อร่วมตัดสินผลงานที่ส่งเข้ามา

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–06 มกราคม 2564

ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ซึ่งมี พีวีเอช คอร์ป [NYSE: PVH] เป็นเจ้าของ มีความยินดีที่จะประกาศให้ทราบถึงการเปิดรับสมัครเข้าร่วมกิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ครั้งที่สาม ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม ไปจนถึง 8 มีนาคม 2564 กิจกรรมระดับโลกนี้มีเป้าหมายสนับสนุนผู้เริ่มต้นธุรกิจและธุรกิจที่กำลังขยายในการพัฒนาโซลูชันที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนเชิงบวกในวงการแฟชั่น โดยนับตั้งแต่เริ่มต้นขึ้นในปี 2561 กิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ได้มอบรางวัลแด่ผู้ประกอบการที่ยืนหยัดในความเชื่อและมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงภายในชุมชนของตนไปแล้วกว่า 350,000 ยูโร สำหรับปีที่สามของกิจกรรมซึ่งเกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของ  ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ที่ว่า Waste Nothing and Welcome All นี้ ทางโครงการมุ่งมั่นที่จะขยายขนาดและสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็นคนผิวดำ ชนพื้นเมือง และชาวผิวสี (BIPOC) ที่ทำงานเพื่อยกระดับชุมชนของตนให้ก้าวหน้า รวมถึงก่อร่างอนาคตที่เท่าเทียมยิ่งขึ้นสำหรับคนทุกกลุ่มให้กับวงการแฟชันที่ โดยมีการเชิญชวนให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินผลงานที่ส่งเข้ามาด้วย

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210105006033/en/

“กิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ มุ่งเน้นความสนใจไปยังผู้ประกอบการที่ทุ่มทั้งหัวใจและวิญญาณให้กับการสร้างผลกระทบทางสังคมในเชิงบวกในอุตสาหกรรมของเรา” ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ กล่าว “สำหรับปีนี้ เราต้องการแสดงให้เห็นถึงมุมมอง แนวคิด และชุมชนที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่ม BIPOC เรามีหน้าที่รับผิดชอบในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นทั่วทั้งวงการแฟชั่น และผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สานต่อพันธกิจในเรื่องความเท่าเทียมที่ครอบคลุมคนทุกกลุ่มของเราผ่านกิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้

ธุรกิจที่สนใจสามารถส่งข้อเสนอโครงการที่มุ่งเน้นเรื่องการสร้างห่วงโซ่คุณค่าในวงการแฟชันที่มีความเท่าเทียมมากขึ้นสำหรับคนทุกกลุ่ม ผู้สมัครจะถูกคัดเลือกให้ผ่านเข้ารอบหกคนสุดท้าย ซึ่งจะได้รับเชิญให้ร่วมพัฒนาแผนโครงการของตนทางออนไลน์ โดยจะได้รับการสนับสนุนจาก ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ และทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องจากภายนอก หลังจากได้รับการฝึกอบรมจากโค้ชผู้มากประสบการณ์แล้ว ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะต้องนำเสนอแนวคิดสุดท้ายของตนต่อคณะกรรมการตัดสินผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ชมที่เข้ามาเป็นผู้ช่วยตัดสินในรอบตัดสินของกิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงต้นปี 2565

เพื่อเป็นการต่อยอดความมุ่งมั่นในเรื่องความเท่าเทียมสำหรับคนทุกกลุ่ม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ได้เพิ่มคำเชิญสำหรับผู้บริโภคที่จะเข้าร่วมเป็นกรรมการตัดสินและช่วยคัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้ายสำหรับกิจกรรมปีนี้ กรรมการที่เป็นตัวแทนจากผู้บริโภคจะได้รับมอบหมายให้คัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้ายให้เหลือเพียง 50 คนจากทั้งหมด 200 คน โดยแต่ละคนจะได้รับผลงานจากผู้สมัครอย่างน้อยสี่คนเพื่อทำการตัดสินผ่านเว็บเฉพาะกิจของแบรนด์ ผู้บริโภคที่ต้องร่วมเป็นกรรมการตัดสินสามารถสมัครได้ที่ https://responsibility.pvh.com/tommy/fashion-frontier-challenge/ ภายในวันที่ 8 กุมภาพันธ์

ในปีนี้ มีการเพิ่มรางวัลขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยผู้ชนะจะได้รับทั้งเงินรางวัลและความรู้สำหรับต่อยอดไอเดียธุรกิจของตน โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • บรรดาผู้ชนะจะได้รับรางวัลรวม 200,000 ยูโร รวมถึงโอกาสคว้าเงินรางวัลเพิ่มเติมถึง 15,000 ยูโร ในกรณีที่เป็นผู้ชนะ “การโหวตผลงานที่ชื่นชอบจากผู้ชม”
  • คำปรึกษาตลอดเวลาหนึ่งปีจาก ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ และผู้เชี่ยวชาญภายนอก
  • พื้นที่ในโครงการผู้ประกอบการเพื่อสังคม (ISEP) ของ INSEAD
  • คำปรึกษาตลอดเวลาหนึ่งปีจาก INSEAD

“แม้อุตสาหกรรมแฟชันกำลังเดินหน้าสู่การยอมรับความหลากหลายและความเท่าเทียมสำหรับคนทุกกลุ่ม แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่รอให้เราลงมือทำ” Martijn Hagman ซีอีโอประจำ Tommy Hilfiger Global กล่าว “เราจะใช้กิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ต่อยอดความมุ่งมั่นของเราต่อเรื่องบทบาทที่เท่าเทียมและความหลากหลาย และช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่พวกเราปรารถนาและต้องการเห็นมากที่สุด”

พันธกิจของ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ คือการเป็นบริษัทแฟชันที่ลดการสร้างขยะและเปิดรับผู้คนทุกกลุ่ม และบริษัทเครื่องแต่งกายไลฟ์สไตล์ชั้นนำที่สร้างความยั่งยืนผ่านกระบวนการผลิตสินค้า การดำเนินธุรกิจ และการสร้างสัมพันธ์กับชุมชนและผู้มีส่วนได้เสีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเส้นทางสู่ความยั่งยืนของ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ซั่งสนับสนุนโดยกลุยทธ์ Forward Fashion ของพีวีเอช สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://global.tommy.com/en_int/about-us-corporate-sustainability

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ รวมถึงวิธีสมัคร สามรถดูได้ที่นี้: https://responsibility.pvh.com/tommy/fashion-frontier-challenge/

ขอเชิญเพื่อน ๆ และผู้ที่ติดตามแบรนด์ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาผ่านสื่อสังคมโดยใช้แฮชแท็ก #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

# # #

เกี่ยวกับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์

ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชันเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชันเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ พีวีเอชคอร์ป

พีวีเอช เป็นผู้กำหนดมาตรฐานให้กับสไตล์ ในฐานะหนึ่งในบริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เราสนับสนุนแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นให้เดินหน้า ผลงานที่โดดเด่นของเราประกอบด้วยแบรนด์ต่าง ๆ อย่างเช่น Calvin KleinTOMMY HILFIGERVan HeusenIZOD, ARROW, Warner’sOlga และ Geoffrey Beene รวมถึงแบรนด์ชุดชั้นในที่มีความเป็นดิจิทัลสูงอย่าง True&Co. เราจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายภายใต้แบรนด์เหล่านี้ และแบรนด์ตนเป็นเจ้าของและได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายซึ่งมีชื่อเสียงทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ พีวีเอช มีพนักงานกว่า 40,000 คนในกว่า 40 ประเทศ และมีรายรับต่อปีราว 9.9 พันล้านดอลลาร์ฯ ทั้งหมดนี่คือพลังของ พีวีเอช

ติดตามเราได้ที่ FacebookInstagramTwitter และ LinkedIn

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210105006033/en/

ข้อมูลติดต่อ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์
Baptiste Blanc
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารสากล
อีเมล: baptiste.Blanc@tommy.com
โทร: +31 62904 2334

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Tommy Hilfiger แต่งตั้ง Avery Baker เป็นประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตราสินค้า

Logo

อัมสเตอร์ดัม, เนเธอแลนด์–(BUSINESS WIRE)–19 พฤศจิกายน 2563

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นกิจการของ PVH Corp. [NYSE: PVH] มีความยินดีอย่างยิ่งในการประกาศแต่งตั้ง Avery Baker เป็นประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตราสินค้า โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ในตำแหน่งใหม่ที่ได้รับนี้ Baker มีบทบาทความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ การตลาด และประสบการณ์การใช้สินค้าทุกประเภท ทุกภูมิภาค และทุกช่องทาง

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201119005356/en/

Avery Baker, President and Chief Brand Officer, Tommy Hilfiger Global (Photo: Business Wire)

Avery Baker ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตราสินค้า Tommy Hilfiger Global (รูปภาพ: Business Wire)

นับตั้งแต่ร่วมงานกับ Tommy Hilfiger ในปี 2541 เป็นต้นมา Baker มีบทบาทหน้าที่หลากหลายในสำนักงานของบริษัททั่วโลก รวมถึงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินค้า ในช่วงกลางปี 2562 Baker ได้ลาออกจากตำแหน่งเพื่อใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น และปัจจุบันเธอก็ย้ายกลับสู่อ้อมกอดขององค์กรอีกครั้งเพื่อช่วยวางแผนอนาคตของบริษัทและแบรนด์ที่เธอเป็นห่วงเป็นใยมาก ในช่วงที่ Baker ดำรงตำแหน่งในบริษัท เธอมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแบรนด์ TOMMY HILFIGER ให้เป็นหนึ่งในแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์พรีเมี่ยมที่มีชื่อเสียงระดับโลก เธอมีประวัติผลงานในการพัฒนาและวางกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตและเพิ่มมูลค่าการลงทุน

Martijn Hagman ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe กล่าวว่า “Avery Baker มีความรู้ลึกซึ้งในสิ่งที่เป็นมรดกตกทอดและดีเอ็นเอของแบรนด์ TOMMY HILFIGER ด้วยผลงานการสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่ลูกค้าที่ช่วยขับเคลื่อนทั้งแบรนด์และธุรกิจ พันธะสัญญาการสร้างแบรนด์ในฝันและการตลาดระดับโลกยังเป็นหัวใจแห่งวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นแบรนด์ระดับโลกและเดินหน้าอย่างมีเป้าหมาย เรารู้สึกตื่นเต้นที่มีโอกาสต้อนรับ Avery Baker เข้าสู่ครอบครัว Tommy Hilfiger อีกครั้ง เพื่อนำพาแบรนด์เดินหน้าในพื้นที่บริเวณนี้ และเพิ่มศักยภาพไปไกลระดับโลกอย่างเต็มกำลัง”

Avery Baker กล่าวว่า “ในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ แบรนด์ต่าง ๆ มีโอกาสและความรับผิดชอบในการสร้างความแตกต่างแก่ชีวิตของผู้บริโภค ฉันเชื่อว่า Tommy Hilfiger สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมหาศาลในฐานะบริษัทที่ได้รับความรักจากการกระทำของเรามากพอ ๆ กับผลิตภัณฑ์อันโดดเด่นที่เราออกแบบ ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาทำงานร่วมกับ Tommy, Martijn และทีมผู้บริหารของเราในยุโรป เอเชียแปซิฟิค และอเมริกาอีกครั้ง เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวในแต่ละภูมิภาค และปรับเปลี่ยนบริษัทจากภายในสู่ภายนอก ตั้งแต่วัฒนธรรมองค์กรไปยังผู้บริโภค เพื่อเป็นบริษัททันสมัยแห่งปี 2563”

Baker ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินค้าในปี 2557 และได้บริหารจัดการธุรกิจไปพร้อมกับการสร้างสรรค์แบรนด์เพื่อส่งต่อวิสัยทัศน์ใหม่ มีการผลักดันการผสมผสานของวัฒนธรรมป๊อบ แฟชั่น เทคโนโลยี และความบันเทิงเข้าด้วยกัน เธอได้ขับเคลื่อนโครงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น TOMMYNOW ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ใหญ่และประสบความสำเร็จที่สุดด้วยแฟชั่นโชว์แบบ “See Now, Buy now” หรือดูเสร็จซื้อเลย และนำสินค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยุค 90 ยี่ห้อ TOMMY JEANS กลับมา โครงการเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อสืบสานมรดกให้เป็นที่ชื่นชอบแก่ผู้บริโภคหนุ่มสาวยุคใหม่ ในช่วงที่เธอดำรงตำแหน่ง พันธมิตรทางธุรกิจชื่อดังและเหล่าผู้มีรสนิยมทรงอิทธิพล เช่น Lewis Hamilton, Zendaya, Gigi Hadid, KITH และ Vetements ได้ช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและขยายความน่าสนใจของแบรนด์ไปยังแฟน ๆ รุ่นใหม่อีกด้วย

TOMMY HILFIGER เป็นหนึ่งในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำ มีชื่อเสียงและอัตลักษณ์อันเป็นที่รู้จักทั่วโลก โครงการด้านการตลาดของบริษัทได้ช่วยเพิ่มฟุตพริ้นท์ของ TOMMY HILFIGER ผ่านการเติบโตที่สอดคล้องกันระหว่างการรับรู้แบรนด์และกลยุทธ์การเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลางระดับโลกที่ช่วยสร้างกลุ่มลูกค้าและรักษากลุ่มแฟน ๆ ที่ภักดีไว้ ปัจจุบัน ชื่อเสียงของแบรนด์ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นเพราะคอลเล็กชั่นที่โดดเด่น แคมเปญ พันธมิตรทางธุรกิจ และกิจกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวกแก่ลูกค้า

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger

Tommy Hilfiger ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชันเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชั่นเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เราเป็นแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้ามาโดยตลอด ผลงานที่โดดเด่นของเราประกอบด้วย CALVIN KLEINTOMMY HILFIGERVan HeusenIZOD, ARROW, Warner’sOlga และ Geoffrey Beene ตลอดไปจนถึงแบรนด์ชุดชั้นใน True&Co. ที่มีความเป็นดิจิทัลสูง เราทำการตลาดสินค้าที่หลากหลายภายใต้แบรนด์เหล่านี้และเป็นที่รู้จักในระดับประเทศและต่างประเทศ และเป็นแบรนด์ที่ได้รับอนุญาตลิขสิทธิ์ของตนเอง PVH มีพนักงานมากกว่า 40,000 คนในกว่า 40 ประเทศ และมีรายรับต่อปีเกือบ 9,900 ล้านดอลลาร์ฯ ทั้งหมดนี้คือพลังของเรา พลังของ PVH

ติดตามเราได้ที่ FacebookInstagramTwitter และ LinkedIn

แถลงการณ์ด้านความปลอดภัยภายใต้พระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องกฎหมายหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 1995 (SAFE HARBOR STATEMENT UNDER THE PRIVATE SECURITIES LITIGATION REFORM ACT OF 1995): แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแผนกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ ความคาดหวัง และความตั้งใจในอนาคตของ บริษัท ของพระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องกฎหมายหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 1995  นักลงทุนพึงระวังว่าข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ด้วยความแม่นยำและบางส่วนอาจคาดการณ์ไม่ถึงซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดแค่ (i) แผนกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ ความคาดหวัง และความตั้งใจของบริษัทที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามดุลยพินิจของ บริษัท ; (ii) บริษัท อาจได้รับการพิจารณาว่าได้รับการยกระดับอย่างสูงและใช้กระแสเงินสดเป็นส่วนสำคัญในการบริหารหนี้สินอันเป็นผลมาจากการที่บริษัทอาจไม่มีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินธุรกิจในลักษณะที่ บริษัทตั้งใจหรือที่เคยมีการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา; (iii) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่น ๆ ที่ระบุเป็นครั้งคราวในเอกสารที่ บริษัทยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

บริษัทไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ ในการแก้ไขแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ต่อสาธารณะไม่ว่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากการรับข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201119005356/en/

ติดต่อ:

Tommy Hilfiger
Dana Perlman
เหรัญญิกและรองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์
(212) 381-3502 office
(917) 579 1374 cell
investorrelations@pvh.com

Virginia Ritchie
รองประธานฝ่ายสื่อสารองค์กรการตลาด
virginia.ritchie@tommy.com
โทร: +31 6 4318 4870

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter