เพิ่มหมวดสาเกญี่ปุ่นใน “ASI Bootcamp in Malaysia 2022”

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–04 ตุลาคม 2565

Association de la Sommellerie Internationale (ASI) ได้จัดสัมมนา “ASI Bootcamp in Malaysia 2022” ตลอดสามวันที่ “DoubleTree by Hilton Kuala Lumpur” ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 14 กันยายน เพื่อให้ความรู้แก่ซอมเมลิเยร์รุ่นเยาว์ที่จะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20221002005097/en/

ASI Bootcamp (Photo: Business Wire)

ASI Bootcamp (ภาพ: Business Wire)

Japan Sake and Shochu Makers Association (JSS) ได้สรุปความร่วมมือกับ ASI ในปีนี้ JSS ได้จัด Sake Masterclass ที่เกี่ยวข้องกับเหล้าสาเกห้าชนิดเพื่อแสดงความมหัศจรรย์ของเหล้าสาเกแก่ซอมเมลิเยร์รุ่นเยาว์ในแคมป์ โดย JSS ยังให้โอกาสในการลิ้มรสสาเก 12 ชนิดที่โต๊ะชิม

ASI Bootcamp เป็นโปรแกรมด้านการศึกษาที่พัฒนาและส่งเสริมโดย ASI โดยปีนี้นับเป็นครั้งที่สองที่จัดขึ้นหลังจากงานเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว งานสามวันคุณภาพสูงและเข้มข้นนี้ประกอบด้วย 27 เซสชันของมาสเตอร์คลาส เวิร์กช็อป และการลิ้มรสสำหรับซอมเมลิเยร์รุ่นเยาว์ 47 คนที่ได้รับการคัดเลือกจาก 22 ประเทศทั่วโลก

ความนิยมของสาเกทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และซอมเมลิเยร์ที่เข้าร่วมหลายคนต่างก็ตั้งตารอที่จะแนะนำหมวดสาเก มาสเตอร์คลาสความยาว 40 นาทีในหัวข้อ “Sake -Ingredients, techniques, styles” ได้จัดขึ้นเพื่อดูแลเรื่องนี้ โดยครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น รายละเอียดที่จำเป็น ความแตกต่างพื้นฐานระหว่างไวน์และสาเก บทบาทของโคจิ (ข้าวมอลต์) อูมามิ และความแตกต่างในวิธีการจับคู่สาเกกับอาหารที่เฉพาะเจาะจง

ผู้เข้าร่วมมีคำถามมากมาย และมาสเตอร์คลาสยังได้รับความสนใจจากผู้สอนคนอื่น ๆ พวกเขาทั้งหมดแสดงความสนใจอย่างมากในขอบเขตศักยภาพของสาเกที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก

ซอมเมลิเยร์จำเป็นต้องมีความรู้กว้างขวางในด้านเครื่องดื่มและไวน์โดยเฉพาะ การรวมหมวดหมู่สาเกไว้ในบูตแคมป์แบบเข้มข้นตลอดสามวันนี้จะช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ถึงสาเกได้อย่างมากและส่งผลดีต่อพลังของแบรนด์

JSS จะยังคงดำเนินกิจกรรมร่วมกับ ASI และสมาคมซอมเมลิเยร์อื่น ๆ ทั่วโลก เพื่อสร้างเอกลักษณ์ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับโลก

ลิงก์ SNS ของ Japan Sake and Shochu Makers Association มีดังต่อไปนี้
FB: https://www.facebook.com/japansakeshochu
IG: https://www.instagram.com/japansakeshochu_en/
YouTube: https://www.youtube.com/user/JapanSakeOfficial
Twitter: https://twitter.com/jss_sake_en

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20221002005097/en/

ติดต่อ:

Japan sake PR Secretariat
Contact person: Satoru Suzuki
Mail: Japansake@jk-soken.co.jp
FAX: 81-3-5441-2587

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ชิคาโกโอแฮร์ แทนที่ ลอนดอนฮีทโธรว์ ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อมากที่สุด

Logo

สหรัฐฯ ครองตำแหน่งศูนย์กลางระดับโลกที่ชะลอสู่การฟื้นตัวหลังเกิดโรคระบาด

การค้นพบที่สำคัญ:

  • ชิคาโกโอแฮร์ (ORD) เป็นท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อกันมากที่สุดในโลก
  • ลอนดอนฮีทโธรว์ (LHR) ร่วงมาอยู่อันดับที่ 22 ทั่วโลก แต่ยังคงครองอันดับ 1 ของยุโรปไว้
  • ท่าอากาศยานนานาชาติเม็กซิโกซิตี้ (MEX) เป็นท่าอากาศยานนอกสหรัฐอเมริกาที่มีการเชื่อมต่อมากที่สุด
  • โตเกียวฮาเนดะ (HND) ขึ้นจากอันดับที่ 22 ในปี 2562 เป็นอันดับที่ 14 ในปี 2565
  • ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี (DEL) เป็นท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อกันมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2565

OAG แพลตฟอร์มข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางชั้นนำของโลก ในวันนี้เปิดเผย Megahubs 2022 ในการเป็นสนามบินที่มีการเชื่อมต่อระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก 50 อันดับแรก อัปเดตล่าสุดในปี 2562 โดย Megahubs ให้ข้อมูลเชิงลึกใหม่ว่าการหยุดชะงักของการเดินทางอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อการเชื่อมต่อทั่วโลกได้อย่างไร

ในขณะที่ ลอนดอนฮีทโธรว์ (LHR) ยังคงรักษาอันดับที่หนึ่งในบรรดายุโรปฮัป แต่จากอันดับทั่วโลกร่วงจากอันดับที่ 1 ในปี 2562 มาอยู่อันดับที่ 22 ในปีนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล (CDG) และ ท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต (FRA) ประสบปัญหาคล้ายกัน โดยร่วงจาก 10 อันดับแรกมาอยู่อันดับที่ 27 และอันดับที่ 30

ท่าอากาศยานของสหรัฐฯ ครองการเป็น Megahubs ระดับโลก โดยชิคาโกโอแฮร์ (ORD; อันดับ 1), ท่าอากาศยานนานาชาติดัลลาส-ฟอร์ตเวิร์ธ (DFW; อันดับ 2) และ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาร์ทสฟิลด์–แจ็คสัน แอตแลนตา (ATL; อันดับ 3) อยู่ในสามอันดับแรกของท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อมากที่สุดในโลก ท่าอากาศยานนานาชาติเม็กซิโกซิตี้ (MEX) อยู่ที่อันดับสูงสุดนอกสหรัฐอเมริกาในส่วนของการเป็น Megahub อันดับที่ 8 เพิ่มขึ้น 7 ตำแหน่งจากอันดับที่ 15 ในปี 2562

“ตลาดโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่หลังเกิดโรคระบาด ในขณะที่สหรัฐฯ ครองตลาดเนื่องจากตลาดภายในประเทศที่แข็งแกร่ง เราอาจเห็นยุโรปและศูนย์กลางระดับโลกอื่น ๆ ไล่ตามได้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากอุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่การฟื้นตัวเต็มที่” John Grant ประธานฝ่ายบริหารด้านวิเคราะห์ของ OAG กล่าว

Megahub ที่เชื่อมต่อมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคือ ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี (DEL) เนื่องจากท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงร่วงจาก 50 อันดับแรก ท่าอากาศยานนานาชาติมุมไบ (BOM) อยู่ในอันดับที่ 6 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี (SIN) ร่วงมาอยู่อันดับที่ 12

สำหรับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมจาก Megahubs 2022 และระเบียบวิธีการทั้งหมด โปรดดูบทวิเคราะห์ที่นี่

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางชั้นนำของโลก ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ปี 2472 มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหราชอาณาจักร ทั้งนี้ OAG ดำเนินงานในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และลิทัวเนีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: www.oag.com และติดตามเราบน Twitter @OAG Aviation

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220927005042/en/

ติดต่อ:

Chrissy Azevedo, Corporate Ink for OAG
pressoffice@oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

OAG เปิดให้มีการเข้าถึงข้อมูลเที่ยวบินตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดการเดินทางผ่านแพลตฟอร์มข้อมูลอเนกประสงค์

Logo

ข้อมูลเที่ยวบินและการเดินทางแบบองค์รวมจะทำให้สามารถมองเห็นประสบการณ์ของผู้โดยสารทั้งหมด รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าที่หาจากที่ไหนไม่ได้ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–19 กรกฎาคม 2565

OAG ผู้ให้บริการข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกด้านการเดินทางชั้นนำของโลก ประกาศว่าได้เผยแพร่ข้อมูลสถานะเที่ยวบินในโซลูชัน Flight Info Direct ของตนซึ่งเปิดให้มีการเข้าถึงข้อมูลเที่ยวบินตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดการเดินทางได้แบบทันที โซลูชัน Flight Info Direct ซึ่งขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์มข้อมูล OAG Metis ที่ทำงานบน Snowflake ให้การเข้าถึงฐานข้อมูลที่มีมูลค่าสูงของ OAG แบบทันที ประกอบด้วย ข้อมูลตารางการบินของสายการบินทั่วโลก ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และข้อมูลการต่อเที่ยวบิน การเผยแพร่ข้อมูลสถานะเที่ยวบินซึ่งเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะช่วยให้ลูกค้าสามารถดูเที่ยวบินได้อย่างต่อเนื่องลื่นไหล ตั้งแต่ตารางที่กำหนดไว้ไปจนถึงเวลาลงจอด ณ จุดหมายปลายทาง

จากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของข้อมูลเชิงลึกที่มีมูลค่าสูงและข้อมูลด้านการให้บริการ การสามารถดูข้อมูลเที่ยวบินได้พร้อมกันในครั้งเดียวจากการเข้าถึง การบูรณาการ และการรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เข้าด้วยกันจะทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ทางธุรกิจที่มีคุณค่าและมีประสิทธิภาพ เช่น การกำจัดกำแพงข้อมูลของระบบที่มีความล้าสมัย การให้ข้อมูลการเดินทางแบบครบวงจร และแก้ปัญหาด้านการไกล่เกลี่ยและปัญหาด้านคุณภาพ

Phil Callow ซีอีโอของ OAG กล่าวว่า “โซลูชันที่มีการปรับให้ทำงานเร็วขึ้นของเราและความเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Snowflake และ Microsoft Azure ทำให้เราเป็นพาร์ทเนอร์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าก้าวข้ามระบบเทคโนโลยีที่มีความล้าสมัยและซับซ้อน โอกาสที่เกิดจากข้อมูลในทั้งระบบนิเวศการเดินทาง ทั้งการค้นหาและการจอง การต้อนรับ การชำระเงิน รวมถึงการค้าปลีกและอื่น ๆ นั้นมากมายมหาศาล แพลตฟอร์มข้อมูลบนระบบคลาวด์ซึ่งมีความอเนกประสงค์ของเราเชื่อมทั้งระบบนิเวศนี้เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ และผ่านมุมมองเพียงหนึ่งเดียว เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราเติบโต ปรับปรุงการให้บริการให้ทันสมัย และทำงานที่มีปริมาณมากได้อย่างยืดหยุ่น”

การเผยแพร่ข้อมูลบนแพลตฟอร์มที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้เป็นวิวัฒนาการล่าสุดของเส้นทางการเติบโตของผลิตภัณฑ์จาก OAG เพื่อเชื่อมระบบนิเวศและตลาดกับข้อมูลที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นรวมถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

Callow เสริมว่า “เรากำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ไปข้างหน้าโดยเปิดให้มีการเข้าถึงข้อมูลการเดินทางคุณภาพสูงอย่างไม่ติดขัด การสามารถดูข้อมูลแบบองค์รวมของเที่ยวบินด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่มีตอนนี้ได้คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการดูข้อมูลจากตารางแบบเก่าและการแยกแสดงสถานะแบบในอดีต”

OAG มีลูกค้าอยู่ในทั้งระบบนิเวศการเดินทางและฝังอยู่ในเครื่องมือการจอง แอปด้านการเดินทางและธุรกิจต้อนรับต่าง ๆ แอปสายการบิน ตัวแทนด้านการเดินทางที่ให้บริการแบบออนไลน์ เครื่องมือสืบค้นข้อมูลเมตา เครื่องมือสืบค้นข้อมูล และแอปติดตามเที่ยวบินอีกมากมาย

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลสถานะเที่ยวบินที่ https://www.oag.com/status-direct

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่เสริมสร้างการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ ปี 2472 OAG มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร มีการดำเนินงานทั่วโลกทั้งในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และลิทัวเนีย เยี่ยมชม www.oag.com และติดตามเราทาง Twitter ที่ @OAG Aviation

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220719005065/en/

ติดต่อสื่อ: 
Glenn Simpson – Harvard ตัวแทนของ OAG 
pressoffice@oag.com 

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mom’s Touch ขยายตลาดอาหารฟาสต์ฟู้ดสู่ระดับโลกโดยใช้กลยุทธ์ความสำเร็จที่ทำให้ร้านขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในเกาหลี แซงหน้าแบรนด์ระดับโลกรายใหญ่

Logo

แบรนด์เบอร์เกอร์และไก่ของเกาหลีได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทชั้นแนวหน้าในตลาดภายในประเทศที่บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด

เบอร์เกอร์สะโพกไก่พร้อมก้อนเนื้อสะโพกไก่ที่อัดแน่นด้วยผักจะมอบรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ผ่านวิธีการ 'ปรุงตามสั่ง'

ปัจจุบันได้เปิดสาขาในตลาดสหรัฐอเมริกาโดยใช้ความรู้ความชำนาญในการครองตลาดเกาหลี ที่ถ่ายทอด DNA แห่งความสำเร็จสู่ตลาดระดับโลก

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–18 กรกฎาคม 2565

แฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชุมชนทั่วโลก มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าในช่วงแรกจะได้รับการคิดค้นขึ้นในประเทศเยอรมนี แต่ก็เป็นที่ยอมรับมานานแล้วว่าเป็นอาหารแห่งจิตวิญญาณสำหรับคนอเมริกัน โดยทั่วไปแล้ว แบรนด์แฮมเบอร์เกอร์ระดับโลกในปัจจุบันส่วนใหญ่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงมีการส่งออกแฮมเบอร์เกอร์ยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ของสหรัฐฯ กลับไปยังสหรัฐฯ มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เป็นที่สนใจมาก และหนึ่งในแบรนด์เหล่านี้คือ 'Mom's Touch' ที่มาจากเกาหลี

Mom’s Touch แบรนด์แฮมเบอร์เกอร์และไก่สัญชาติเกาหลี กำลังขยายธุรกิจแฟรนไชส์ไปยังตลาดต่างประเทศอย่างเต็มกำลังผ่านการส่งออกผลิตภัณฑ์กลับไปยังตลาดสหรัฐฯ

ในประเทศเกาหลี Mom’s Touch เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยผลิตภัณฑ์ "เบอร์เกอร์สะโพกไก่" ที่มาพร้อมกับคุณภาพยอดเยี่ยมและความคุ้มค่า ได้รับความนิยมจากเจเนอเรชั่น MZ (การจับคู่กันระหว่าง Millennials กับ Z) ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดกับแบรนด์ระดับโลก เมื่อเร็ว ๆ นี้ Mom’s Touch ได้รับการบันทึกว่ามีจำนวนร้านค้ามากที่สุดในเกาหลีจากการเพิ่มพลังของแบรนด์ผ่านการจัดการคุณภาพ และวางตำแหน่งตัวเองเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจแฟรนไชส์

'เบอร์เกอร์สะโพกไก่' เอาใจผู้บริโภคในอเมริกา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์

เบอร์เกอร์สะโพกไก่จะมอบความลงตัวระหว่างเนื้อไก่ฉ่ำ ๆ จากส่วนขาทั้งหมดที่ปรุงรสเผ็ดและผักกาดหอม หัวหอม และซอสสดใหม่ในปริมาณที่พอเหมาะ เบอร์เกอร์สะโพกไก่ได้สร้างความประทับใจด้านรสชาติให้แก่ผู้บริโภคตั้งแต่เด็กจนถึงวัยกลางคน จนได้ยืนอยู่ในตำแหน่งเบอร์เกอร์ไก่ยอดนิยมในเกาหลีโดยมียอดขาย 390 ล้านชิ้นนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2548

การอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครเทียบได้ท่ามกลางแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกหลายแห่ง Mom's Touch ประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่สหรัฐอเมริกาในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์และไก่

จากข้อสรุปของสัญญาแฟรนไชส์ตัวแทนกับพันธมิตรท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา Mom's Touch ได้เปิดร้านสาขาแรกในลอสแอนเจลิสเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2564 ด้วยการจัดรายการเมนูโดยคำนึงถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น เมนูตามสั่งและการเลือกส่วนต่าง ๆ ของไก่ที่ชื่นชอบ Mom's Touch ได้เพิ่มรายรับถึง 120,000 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม และ 150,000 ดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม ปี 2564 ซึ่งเฉลี่ยประมาณ 120,000 ดอลลาร์ต่อเดือนในปี 2564

นอกจากนี้ Mom's Touch ยังประสบความสำเร็จในการรักษาตำแหน่งในลอสแอนเจลิส เนื่องจากร้านได้รับการประเมินว่าเป็นร้านอาหารที่ต้องไปเยือนจากสื่อท้องถิ่นที่ทรงอิทธิพล เช่น Los Angeles Times และ Eater LA โดยสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้านักชิมในถิ่นกำเนิดของไก่และแฮมเบอร์เกอร์ ที่ซึ่งเบอร์เกอร์ไก่ (แซนด์วิชไก่) ได้รับการยอมรับว่าเป็นเทรนด์ขนาดใหญ่ที่มีรสชาติและบริการที่แตกต่างตามความรู้ความชำนาญเฉพาะตัว

จากประสบการณ์ทางธุรกิจของร้านแรก Mom's Touch ได้เปิดร้านที่สองซึ่งเป็นไดรฟ์ทรูในลองบีช โดยกลยุทธ์ในการเลือกของบริษัทจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ยอดขายในร้านแบบไดรฟ์ทรูคิดเป็นประมาณ 70% ของยอดขายทั้งหมดในอุตสาหกรรมฟาสต์ฟู้ดของสหรัฐฯ บริษัทมีแผนจะเปิดร้านสาขาที่สามในสหรัฐอเมริกาภายในสิ้นปีนี้ และตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาทั้งหมด 100 แห่งในสหรัฐอเมริกาภายในปี 2568

Mom’s Touch แฟรนไชส์แฮมเบอร์เกอร์และไก่ของเกาหลี ครองอันดับ 1 ในเกาหลี แซงหน้าแฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่

เมื่อสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2565 แบรนด์ Mom’s Touch ครองอันดับ 1 ในเกาหลีในด้านจำนวนร้านค้าโดยบริหารจัดการร้านแฟรนไชส์ทั้งหมด 1,354 แห่ง ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและความสามารถในการดำเนินงาน แบรนด์สัญชาติเกาหลีนี้จึงอยู่ในจุดที่ไม่มีใครเทียบได้ในตลาดแฟรนไชส์อาหารฟาสต์ฟู้ดในเกาหลี ซึ่งองค์กรขนาดใหญ่และแบรนด์ระดับโลกกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร้าน Mom's Touch จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของผู้บริโภคโดยใช้วิธีการ 'ปรุงตามสั่ง' ซึ่งอาหารทั้งหมดจะปรุงหลังจากได้รับคำสั่งซื้อ ไม่ว่าจะสั่งเมื่อไร ลูกค้าก็สามารถเพลิดเพลินกับรสชาติอันกรุบกรอบและชุ่มฉ่ำของแต่ละเมนูได้แบบไม่ซ้ำใคร เหมือนปรุงเสร็จเมื่อสักครู่นี้เอง

ซึ่งแตกต่างจากเบอร์เกอร์อื่น ๆ ที่ใช้ก้อนเนื้อไก่บดและแช่แข็ง ขณะที่เบอร์เกอร์สะโพกไก่ไร้กระดูกจะมาแบบสดและแช่เย็น ซึ่งได้รับการประเมินด้านรสชาติและคุณภาพในระดับสูง ปัจจัยในการเติบโตอีกประการของแบรนด์คือขนาดที่ใหญ่โต ซึ่งเห็นแล้วชวนมองและมาพร้อมกับผักสดอัดแน่นเพื่อเพิ่มความอิ่มหนำ เช่น ผักกาดและมะเขือเทศ ที่อยู่บนก้อนเนื้อไก่ ทำให้ชายหนุ่มในช่วงอายุ 10-29 ปีติดใจ กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของแฮมเบอร์เกอร์ได้สำเร็จ

Mom’s Touch ตอกย้ำความสามารถในการแข่งขันด้วยการจัดการคุณภาพและสุขอนามัยผ่านการขยายระบบคลังอาหาร ศูนย์กลางด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และความก้าวหน้าของกระบวนการ M-QMS ที่จัดการคุณภาพและสุขอนามัยของผลิตภัณฑ์ในเชิงรุกในทุกขั้นตอนตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงการขาย

Mom's Touch ยังสร้างสถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจแฟรนไชส์ด้วยการมอบความคุ้มค่าอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ผู้รับสัมปทานแฟรนไชส์ทั่วไปต้องการเงินลงทุนเริ่มแรกสูงมาก แต่ Mom's Touch ยังคงเป็นแบรนด์แฟรนไชส์อันเป็นที่ต้องการของผู้รับสัมปทานแฟรนไชส์ที่มีศักยภาพ เพราะใช้เงินลงทุนในขั้นตอนแรกอย่างสมเหตุสมผลและสร้างผลกำไรที่มั่นคงได้

ผู้รับสัมปทานแฟรนไชส์จะได้รับผลประโยชน์ด้านเงินลงทุนเริ่มต้นที่ลดลงและคงที่ผ่านการตั้งร้านค้าขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีพื้นที่ประมาณ 83 ~ 100 ตร.ม. ริมถนนหรือตรอกในเขตธุรกิจหลัก ๆ หรือสถานที่เชิงกลยุทธ์บนชั้นสองของศูนย์การค้าต่าง ๆ นอกจากนี้ Mom's Touch ยังเสนอนโยบายที่เป็นมิตรกับเจ้าของร้าน เช่น การไม่เรียกเก็บค่าส่วนต่างสำหรับการตกแต่งภายในร้าน หรือค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ หรือค่าฝึกอบรม

และจากความต้องการด้านการบริการจัดส่งที่เพิ่มขึ้นหลังจากการระบาดของโรค โมเดลธุรกิจที่คุ้มค่าของ Mom's Touch จึงกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น

เร่งขยายสู่ตลาดโลกโดยใช้ ‘DNA ที่ประสบความสำเร็จของ Mom's Touch'

หลังจากยืนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครเทียบได้ท่ามกลางแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก Mom's Touch จะรุกเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนในปีนี้ โดยต่อยอดความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์

ในการเข้าร่วมตลาดบริการอาหารในประเทศไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้ Mom's Touch ได้ทำสัญญาแฟรนไชส์แบบตัวแทนกับ Mom's Touch Thailand Co., Ltd. เจ้าของคือ RS Group ซึ่งเป็นบริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะทำหน้าที่เป็นหนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการของบริษัท

จากการใช้ประเทศไทยเป็นฐานหลักในการขยายสู่ภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากบริการส่งอาหารเติบโตอย่างรวดเร็ว Mom's Touch จึงตั้งเป้าที่จะยกระดับชื่อเสียงแบรนด์ไปยังระดับโลกด้วยความสามารถในการแข่งขันเบอร์เกอร์ไก่ที่แตกต่าง ซึ่งครองตลาดในเกาหลี

การมุ่งเจาะกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยที่ชื่นชอบไก่ Mom’s Touch จะนำเสนอ 'เบอร์เกอร์สะโพกไก่' โดยมีก้อนสะโพกไก่ทอดชิ้นหนาเป็นเมนูหลัก และจะร่วมกับพันธมิตรเปิดตัวเมนูท้องถิ่นที่หลากหลายและเหมาะสำหรับผู้บริโภคในท้องถิ่น ได้แก่ แฮมเบอร์เกอร์ ไก่ และ เครื่องเคียง

Mom's Touch จะเปิดร้านสาขาแรกในไทยเร็ว ๆ นี้ด้วยแฟรนไชส์แบบตัวแทน เพื่อตอบรับผู้บริโภคในท้องถิ่น และตั้งใจที่จะเปิดร้าน 6 แห่งภายในสิ้นปีนี้ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพและการรับรู้ในตลาดท้องถิ่นด้วยการทดสอบเมนูและบริการที่ปรับให้เหมาะสม นอกจากนี้บริษัทยังกำลังหารือเกี่ยวกับสัญญาแฟรนไชส์แบบตัวแทนกับพันธมิตรในหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนและตะวันออกกลางอีกด้วย

ผู้จัดการของ Mom’s Touch กล่าวว่า “เราก้าวขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมอาหารด้วยเบอร์เกอร์สะโพกไก่ ซึ่งเป็นราชาในตลาดเบอร์เกอร์ไก่ของเกาหลีและเป็นตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มเปลี่ยนตามเทรนด์ตลอดเวลา เราตั้งเป้าที่จะแสดงศักยภาพของ 'K-Burger' หรือเบอร์เกอร์เกาหลี โดยส่งต่อ DNA ความสำเร็จของเราไปยังประเทศอื่น ๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์ด้วยพลังของผลิตภัณฑ์และความรู้ความชำนาญในการดำเนินงานแฟรนไชส์ของเรา”

ติดต่อ:

MOM'S TOUCH&Co. 
Subin Yun 
+82 2 6933 7175 
subinyun3@momstouch.co.kr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แพลตฟอร์ม Around the World of Care ของ Hyatt แบ่งปันความคืบหน้าในด้านความมุ่งมั่นและความคิดริเริ่มทางสังคมและธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม

Logo

ความคืบหน้านี้ ยังรวมถึงเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ในปี 2573 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องสู่เป้าหมาย DE&I ปี 2568

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–14 ก.ค. 2565

เพื่อแชร์ความคืบหน้าใน World of Care แพลตฟอร์มด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของบริษัท Hyatt Hotels Corporation (NYSE: H) ได้มีการเผยแพร่รายงาน 2021 World of Care Highlights กับรายงาน Diversity, Equity and Inclusion (DE&I) Report เพื่อแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่  Hyatt กำลังสร้างความก้าวหน้าในด้านการดูแลโลก ผู้คน และธุรกิจต่าง ๆ

“การดูแลผู้คนเพื่อช่วยให้พวกเขาเป็นเวอร์ชันของตนที่ดีที่สุด คือแก่นแท้ของเรื่องราวของ Hyatt ตลอด 65 ปีที่ผ่านมา เราเต็มที่ในด้านความรับผิดชอบและการหาโอกาสในการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อสร้างโลกและอนาคตที่ยั่งยืนผ่านโครงการ World of Care” Margaret Egan รองประธานบริหารและที่ปรึกษาทั่วไปของ Hyatt กล่าว “ด้วยการมุ่งความสนใจไปที่การขับเคลื่อนความก้าวหน้าตามพันธกิจ ESG หลัก ๆ เช่น กรอบงานด้านสิ่งแวดล้อม และเป้าหมาย Change Starts Here เรากำลังรับผิดชอบต่อการดำเนินการและการสร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรม สังคม และโลกของเรา”

Hyatt ส่งเสริมการมีแรงงานที่หลากหลาย

ตามรายงานของ DE&I ครั้งแรกของปีที่แล้ว ข้อมูลความหลากหลายของคนงาน หรือ workforce diversity data ในปี 2564 ของ Hyatt แสดงให้เห็นว่าสัดส่วนของคนผิวสีเพิ่มขึ้นทั่วภาคแรงงานในสหรัฐฯ ตลอดจนการเติบโตของเพื่อนร่วมงาน ผู้จัดการ และผู้นำในเกือบทุกสีผิวและทุกเชื้อชาติ ความมุ่งมั่นของ Hyatt ที่จะแบ่งปันความคืบหน้าเป็นประจำทุกปีทำหน้าที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานที่สำคัญในการวัดความก้าวหน้าไปสู่สภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เท่าเทียมกัน และครอบคลุมมากขึ้นสำหรับภาคแรงงาน

Hyatt ยังคงทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย DE&I ในปี 2568 ว่าด้วย ผู้ถูกว่าจ้าง ผู้ได้รับการสนับสนุน และผู้ร่วมทำงาน ซึ่งระบุไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญา Change Starts Here ทั้งนี้ ด้วยการมุ่งเน้นที่การพัฒนาตัวแทนผู้จำหน่ายที่หลากหลายในห่วงโซ่อุปทาน Hyatt ได้ต้อนรับซัพพลายเออร์ผิวดำรายใหม่จำนวน 220 รายในปี 2564 โดยมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องในการสร้างความก้าวหน้าจากการมองไปข้างหน้า ตัวอย่างเช่น Revival Baltimore ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ JdV by Hyatt ได้ทำงานร่วมกับ Black Acres Roastery เพื่อจัดหากาแฟให้กับห้องพักในโรงแรมและร้านกาแฟในสถานที่ทั้งหมด ส่วน 'Dashery และ Hyatt Centric The Pike Long Beach ก็เพิ่งได้ให้การต้อนรับโรงเบียร์ที่คนผิวสีเป็นเจ้าของอย่าง Crowns & Hops ณ Watercraft Lounge

“ที่ Hyatt เราเชื่อในพลังของการเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ในการทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดในโลก เราพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะสะท้อนโลกที่เราห่วงใยด้วยทีมที่จะประสบความสำเร็จและเติบโตไปด้วยกัน” Malaika Myers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของHyatt กล่าว “เพื่อให้วิสัยทัศน์ของเราก้าวไปสู่โลกแห่งความเข้าใจและความเอาใจใส่ เราต้องจัดลำดับความสำคัญของ DE&I ต่อไปในทุกมิติของธุรกิจของเรา และดำเนินการเพื่อสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมายต่อเป้าหมายของเรา”

Hyatt ประกาศการบริจาคเพื่อเปิดตัวกองทุนผู้รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์

ในความพยายามที่จะขยายงานต่อเนื่องของอุตสาหกรรมโรงแรมเพื่อสนับสนุนการการป้องกันการค้ามนุษย์และสนับสนุนผู้รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์ มูลนิธิโรงแรม Hyatt ได้ประกาศบริจาคเงินจำนวน 500,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อเปิดตัว "กองทุน No Room for Trafficking Survivors Fund" โดยความร่วมมือกับ American Hotel & Lodging Association (AHLA) ด้วยการบริจาคและการสนับสนุนเพิ่มเติมจากอุตสาหกรรมนี้ กองทุน Survivors Fund จะจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับองค์กรในชุมชนในการมีส่วนร่วมและสนับสนุนผู้รอดชีวิต ตั้งแต่การสนับสนุนทางการเงินโดยตรงสำหรับความต้องการพื้นฐานระยะสั้น ไปจนถึงการสนับสนุนด้านอาชีพที่สามารถเสริมศักยภาพและเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับเส้นทางข้างหน้า

Hyatt ทำงานเพื่อส่งเสริมการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

Hyatt เร่งความพยายามในการมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของกรอบการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยเน้นที่ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการอนุรักษ์น้ำ ของเสีย และการหมุนเวียนของเสีย การจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ และจุดหมายปลายทางที่เจริญรุ่งเรือง

ในปี 2564 Hyatt ได้รับการอนุมัติจากโครงการ Science Based Targets Initiative (SBTi) เกี่ยวกับเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ในปี 2573 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป้าหมายของ Hyatt รวมไปถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 การมีส่วนร่วมกับซัพพลายเออร์หลักในการกำหนดเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ภายในปี 2568 และลดการปล่อยก๊าซในขอบเขตที่ 3 เพิ่มเติม

Hyatt ยังคงหมั่นเพียรในการส่งเสริมโครงการที่สนับสนุนความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์พลังงาน เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ระบบอัตโนมัติในอาคาร การพิจารณาการออกแบบที่ยั่งยืน และอื่น ๆ อีกมากมาย การมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องที่สำคัญคือการเพิ่มจำนวนโรงแรมที่มีแผงโซลาร์เซลล์ในสถานที่ หรือใช้ไฟฟ้าหมุนเวียนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น Hyatt Regency อัมสเตอร์ดัม และ Hyatt Regency ฟีนิกซ์ ความพยายามในโครงการ ณ สถานที่ตั้ง อย่างต่อเนื่องก็เป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ เช่น แล็บความยั่งยืน ที่ Alila Villas Uluwatu

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความพยายามและความคืบหน้า ESG ของ Hyatt โปรดไปที่ Hyatt.com/WorldofCare หรือที่ 2021 World of Care Highlights, 2021 DE&I Report กับที่ 2021 GRI Index

คำว่า “Hyatt” ใช้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นไปเพื่อความสะดวกในการอ้างถึง Hyatt Hotels Corporation และ/หรือ บริษัทในเครือ

เกี่ยวกับ Hyatt Hotels Corporation

Hyatt Hotels Corporation ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในชิคาโก เป็นบริษัทด้านการบริการชั้นนำระดับโลกที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อดูแลผู้คนเพื่อให้พวกเขาสามารถทำหน้าที่ของตนได้ดีที่สุด โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 กลุ่มบริษัทมีโรงแรมและที่พักแบบเพรียบพร้อมทุกอย่างมากกว่า 1,150 แห่ง ใน 71 ประเทศ ในหกทวีป ข้อเสนอของบริษัท รวมถึง Park Hyatt®, Miraval®, Grand Hyatt®, Alila®, Andaz®, The Unbound Collection by Hyatt®, Destination by Hyatt™, Hyatt Regency®, Hyatt®, Hyatt Ziva™, Hyatt Zilara™, Thompson Hotels®, Hyatt Centric®, Caption by Hyatt, JdV by Hyatt™, Hyatt House®, Hyatt Place®, UrCove และ Hyatt Residence Club® ตลอดจนแบรนด์รีสอร์ทและโรงแรมภายใต้ AMR™ Collection รวมถึง Secrets® Resorts & Spas, Dreams® Resorts & Spas, Breathless Resorts & Spas®, Zoëtry® Wellness & Spa Resorts, Vivid Hotels & Resorts®, Alua Hotels & Resorts® และ Sunscape® Resorts & Spas บริษัทในเครือของบริษัทดำเนินการโปรแกรมสมาชิก World of Hyatt®, ALG Vacations®, Unlimited Vacation Club®, บริการจัดการปลายทาง Amstar DMC และบริการเทคโนโลยี Trisept Solutions® ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.hyatt.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220713005967/en/

ติดต่ิด:

Megen DiSanto

megen.disanto@hyatt.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การกลับมาของ Tommy Hilfiger สู่งาน New York Fashion Week

Logo

การเปิดตัว Tommy Hilfiger Fall 2022 ดึงดูดผู้ชมในการสำรวจแบรนด์ที่เชื่อมโยง IRL และการเชื่อมต่อเมตาเวิร์ส ในความต่อเนื่องของแพลตฟอร์ม “ดูเลย ซื้อเลย” หรือ “See Now, Buy Now” ที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม

ประสบการณ์ของแบรนด์แบบเรียลไทม์ปรากฏบนภูมิทัศน์มัลติมีเดียที่มีพลังสูงที่ย้ายผู้เข้าร่วมจากงาน Brooklyn waterfront event ไปยังโลกแห่งเกม Roblox gaming world และเข้าสู่แนวคิด phygital เชิงพาณิชย์แบบใหม่ทั่วโลก

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–14 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นเจ้าของโดย PVH Corp. [NYSE: PVH] ประกาศการกลับมาที่งาน New York Fashion Week เป็นครั้งแรกในรอบสามปีด้วยงานรันเวย์เชิงประสบการณ์ที่จะเผยโฉมล่าสุด “See Now, Buy Now” คอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 ในขณะที่ดึงดูดผู้ชมทั้งทางกายภาพและทางดิจิทัลเข้าสู่โลกของแบรนด์ที่มีชีวิตชีวา

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่:: https://www.businesswire.com/news/home/20220714005034/en/

Tommy Hilfiger (Photo: Business Wire)

Tommy Hilfiger (ภาพ: Business Wire)

โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 11 กันยายน เวลา 19.00 น. ตามเวลาออมแสงตะวันออก (EDT) ประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟได้รับแรงบันดาลใจจากฉากสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใครของนิวยอร์ก ศูนย์กลางของผู้คนและวัฒนธรรมย่อย การปะทะกันของ lo-fi และ hi-tech และการผสมผสานของสไตล์และความคิดสร้างสรรค์ อบอวลไปด้วยบรรยากาศและความเคร่งขรึมของมหานครนิวยอร์กที่เป็นบ้านเกิดของแบรนด์ TOMMY HILFIGER ซึ่งงานนี้จะเชื่อมโยงผู้คนผ่านช่วงเวลาแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติในงานแสดง IRL ที่ Skyline Drive-In ใน Brooklyn และในการเปิดใช้งานเมตาเวิร์สแบบคู่ขนาน

“เมื่อนึกถึงสถานที่ที่จะกลับเข้าสู่แฟชั่นวีคของเรา หัวใจของฉันได้ไปสู่วัฒนธรรมอันสร้างสรรค์ที่โดดเด่นของนิวยอร์กในทันที” Tommy Hilfiger กล่าว “นี่คือจุดที่แฟชั่น ศิลปะ ดนตรี และความบันเทิงมารวมกันเมื่อฉันเริ่มเข้าสู่วงการนี้ครั้งแรก และทุกวันนี้ แนวทางนี้ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันมีส่วนร่วมกับชุมชนอันล้ำสมัยที่สร้างประสบการณ์สร้างสรรค์ใหม่ ๆ ฤดูกาลนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการปะทะกันของการเก็บประวัติแรงบันดาลใจที่ฉันโปรดปรานด้วยแนวคิดงานไลฟ์สดใหม่และโลกเสมือนจริง ซึ่งเป็นการแสดงออกที่สมบูรณ์แบบของสิ่งที่เรายืนหยัดในขณะที่เราแสดงความเคารพต่อรากเหง้าของเราด้วยการกลับมาที่งาน NYFW”

การเปิดตัวแบรนด์มัลติมีเดียที่เป็นนวัตกรรมจะทำให้ TOMMY HILFIGER คอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 มีชีวิตชีวาขึ้น จากนิวยอร์กซิตี้สู่เมืองหลวงของยุโรปสู่เฉิงตู และสถานที่อื่น ๆ แนวคิดการค้าปลีกแบบใหม่ในร้านของ TOMMY HILFIGER ที่ได้รับการคัดเลือก และการเข้าซื้อกิจการกับพันธมิตรผู้ค้าส่งรายสำคัญทั่วโลกจะช่วยเสริมการแสดงสินค้าแบบ phygital ความร่วมมือกับผู้มีความสามารถระดับโลกจะเปิดตัวทั้งในและนอกรันเวย์ เพื่อเป็นเกียรติแก่รากฐานของ TOMMY HILFIGER

ในรายแรกของอุตสาหกรรม แคทวอล์ก “See Now, Buy Now” จะถูกสตรีมสดไปยังชุมชน Roblox ทั่วโลกที่มีผู้ใช้มากกว่า 50 ล้านคนต่อวัน พร้อมด้วยอวทาร์ที่แต่งกายใน TOMMY HILFIGER สไตล์ฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 ซึ่งจะเข้าครอบครองเมืองเสมือนจริงที่รีมิกซ์ของนิวยอร์ก ทุกสไตล์ที่ฮิตบนรันเวย์แบบ physical จะสามารถซื้อได้ทั่วโลกผ่านแนวคิด “See Now, Buy Now” ของ Tommy Hilfiger รวมถึงผลิตภัณฑ์ดิจิทัลสุดพิเศษบน Roblox การเป็นพันธมิตรของแบรนด์กับแพลตฟอร์มลิขสิทธิ์ระดับโลกที่เปิดตัวในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องผ่านเฟสใหม่

เข้าร่วมการสนทนาบนโซเชียลมีเดียโดยใช้ #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

เกี่ยวกับ TOMMY HILFIGER

TOMMY HILFIGER เป็นหนึ่งในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก โดยยกระดับจิตใจและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริโภคมาตั้งแต่พ.ศ. 2528 แบรนด์ได้สร้างสรรค์สไตล์ที่มีความโดดเด่นมีชีวิตชีวาที่มาบรรจบกันของความคลาสสิกและความแปลกใหม่ ซึ่งสร้างสรรค์ร่วมกับผู้ที่กำลังหล่อหลอมวัฒนธรรมรอบโลก TOMMY HILFIGER เฉลิมฉลองแก่นแท้ของสไตล์อเมริกันคลาสสิกด้วยความทันสมัย Tommy Hilfiger นำเสนอคุณภาพและความคุ้มค่าระดับพรีเมียมแก่ผู้บริโภคทั่วโลกภายใต้ไลฟ์สไตล์ของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ด้วยคอลเลกชันที่หลากหลาย เช่น ชุดกีฬา ยีนส์ เครื่องประดับ และรองเท้าสำหรับสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีและเด็ก Tommy Hilfiger มีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อความยั่งยืนและการรวมความหลากหลาย

ยอดขายปลีกผลิตภัณฑ์ TOMMY HILFIGER ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 9.3 พันล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ. 2564 และแบรนด์ขับเคลื่อนโดยพนักงานกว่า 16,000 รายทั่วโลก นำเสนอใน 100 ประเทศและร้านค้าปลีกมากกว่า 2,000 แห่ง รวมถึงร้าน flagship ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดที่ tommy.com  โดย PVH เข้าซื้อกิจการ Tommy Hilfiger ในปี พ.ศ. 2553 และยังคงดูแลแนวทางที่มุ่งเน้นเพื่อเพิ่มความเกี่ยวข้อง การแสดงตน และการเติบโตในระยะยาวทั่วโลกของแบรนด์

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นแพลตฟอร์มการเติบโตสำหรับ Calvin Klein และ TOMMY HILFIGER ด้วยการผลักดันความแข็งแกร่งและความเกี่ยวข้องของแบรนด์ เรากำลังเชื่อมโยงแบรนด์ที่เป็นสัญลักษณ์ระดับโลกของเราให้ใกล้ชิดกับที่ที่ผู้บริโภคกำลังไปมากกว่าที่เคยเป็นมา ทั้งในปัจจุบันและกับคนรุ่นอนาคต ด้วยค่านิยมของเราและเปิดใช้งานโดยขนาดและการเข้าถึงทั่วโลก เรากำลังขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้าให้คงอยู่ถาวร เป็นทีมที่มีวิสัยทัศน์เดียวและแผนเดียว นั่นคือพลังของเรา นั่นคือพลังของ PVH+

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220714005034/en/

ติดต่อ:

Tommy Hilfiger
Lyndsey Anderson
Senior Manager Global Communications & PR
Lyndsey.anderson@tommy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter