Kirin Holdings เริ่มเตรียมข้อเสนอซื้อ FANCL A เข้าเป็นบริษัทย่อยในเครือ โดยมีการถือหุ้นทั้งหมด

Logo

  • ส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภคทั่วโลกผ่านธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • มุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในบริษัทด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก
  • เมื่อรวมเข้ากับการเข้าซื้อกิจการของ Blackmores จะช่วยเพิ่มมูลค่าของกลุ่มบริษัทและเสริมสร้างฐานการดำเนินงานทั่วโลกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 มิถุนายน 2024

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings) (TOKYO: 2503) ตัดสินใจซื้อหุ้นสามัญของ FANCL Corporation (FANCL) (TOKYO: 4921) เพิ่มเติมผ่านข้อเสนอซื้อหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้น ภายใต้พระราชบัญญัติระบบทางการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน (พระราชบัญญัติฉบับที่ 25 ปี 1948 และข้อแก้ไขเพิ่มเติม) โดยจัดให้ FANCL เป็นบริษัทในเครือ โดยถือหุ้นทั้งหมด

  • ภูมิหลัง

ภายใต้วิสัยทัศน์การบริหารระยะยาวของ Kirin Group Vision 2027 นั้น Kirin Holdings มุ่งมั่นที่จะ “กลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV โดยการสร้างมูลค่าในภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่อาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนถึงเภสัชกรรม” ด้วยการเปิดตัวธุรกิจในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ เพิ่มเติมจากภาคส่วนอาหารและเภสัชกรรม และด้วยการเปลี่ยนปัญหาด้านสุขภาพของผู้บริโภคให้เป็นโอกาสในการเติบโต ด้วยความสามารถด้านการวิจัยและการพัฒนาในเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงภูมิคุ้มกันวิทยา ช่วยให้ Kirin Holdings สามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งสำหรับธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เพื่อพัฒนาให้เป็นหน่วยธุรกิจที่จะรับผิดชอบการเติบโตในระยะยาวของ Kirin Group ในปี 2019 Kirin Holdings ได้เข้าซื้อหุ้นของ FANCL ประมาณ 33% (ตามสิทธิในการออกสิทธิและเสียง) และได้ทำข้อตกลงด้านการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ ในปี 2023 Kirin Holdings เข้าซื้อกิจการของ Blackmores Limited (Blackmores) ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติออสเตรเลียซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ   (สุขภาพเชิงธรรมชาติ) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงทำให้สามารถสร้างรากฐานธุรกิจที่มั่นคงในตลาดต่างประเทศ

ภายใต้วิสัยทัศน์ของ FANCL Group VISION2030 FANCL มุ่งมั่นที่จะทำให้โลกมีสุขภาพที่ดีขึ้นและสวยงามยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็กลายเป็นบริษัทที่ได้รับความนิยมชมชอบทั่วโลก ด้วยการตอบสนองต่อการเปลี่ยนเปลงในสภาพแวดล้อมทางสังคมผ่านมาตรการต่างๆ อาทิเช่น การรับมือกับปัญหาใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจาก COVID-19 FANCL ได้กระชับความสัมพันธ์กับผู้บริโภคและเสริมสร้างรากฐานสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืน นับจากนี้ไป FANCL ตั้งเป้าที่จะเสร้มสร้างความมั่นคงให้กับรากฐานการดำเนินงานภายในประเทศ และลงทุนเพื่อกระแสเงินสดในญี่ปุ่นอย่างจริงจังในการดำเนินงานในต่างประเทศของ FANCL เพื่อพัฒนาให้เป็นตัวขับเคลื่อนในการเติบโต

ด้วยปรัชญาและทิศทางเดียวกันในการมุ่งสู่การเติบโตผ่านการแก้ไขปัญหาสังคมด้านสุขภาพ Kirin Holdings และ FANCL ได้กระชับความเข้าใจในแนวเดียวกันโดยการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ นับตั้งแต่มีการสรุปข้อตกลงด้านการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจในปี 2019 นอกเหนือจากนี้ ในขณะที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมภายนอกร่วมกัน เช่น COVID-19 ทั้งสองบริษัทมีการร่วมมือกันในด้านวัสดุ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และแบรนด์ การวิจัยและพัฒนาธุรกิจร่วมกัน และการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน

  • วัตถุประสงค์ในการจัดให้ FANCL เป็นบริษัทในเครือที่มีการถือหุ้นทั้งหมด

จุดแข็งของ Kirin Holding ได้แก่ การวิจัยด้านภูมิคุ้มกันวิทยาที่มีการดำเนินงานมาอย่างยาวนาน โดยมีความสามารถในการพัฒนาและผลิตส่วนผสมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงสำหรับเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพ และฐานธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีการเข้าซื้อกิจการผ่านการเข้าซื้อกิจการของ Blackmores

จุดแข็งของ FANCL อยู่ที่ความสามารถในการเชื่อมต่อและเข้าใจผู้บริโภคผ่านช่องทาง D2C (การจำหน่ายผ่านร้านค้าออนไลน์และทางร้านค้าที่มีการบริหารโดยตรง) ซึ่งคิดเป็น 70% ของยอดขาย และในด้านเทคโนโลยีสำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ โดยใช้ความคิดเห็นจากผู้บริโภคในการวิจัยและพัฒนา เพื่อลดข้อคิดเห็นใน “แง่ลบ” โดยมีความเป็นกลาง ซึ่งมีการดำเนินการมาตลอดอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

ในการจัดให้ FANCL เป็นบริษัทในเครือที่มีการถือหุ้นทั้งหมด จะช่วยให้ Kirin Holdings สามารถเร่งสร้างโมเดลธุรกิจที่โดดเด่นด้วยการเสริมสร้างจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบริษัทเข้าด้วยกัน และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในการบริหารร่วมกัน และการส่งเสริมการจัดการเชิงบูรณาการ โดยการจำหน่ายส่วนผสมที่สร้างขึ้นผ่านเทคโนโลยีการหมักแบบธรรมชาติ และการใช้ประโยชน์จากความเข้าใจของลูกค้าที่มีความสัมพันธ์อันดีกับ Kirin Holdings และ FANCL และนำเสนอแก่ผู้บริโภคผ่านหลากหลายช่องทางในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Kirin Group ยังมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสุขภาพของผู้บริโภคทั้งในธุรกิจเครื่องสำอางค์และอาหารเพื่อสุขภาพ และยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดโลกนอกเหนือจากตลาดในญี่ปุ่นอีกด้วย

การเปลี่ยนให้ FANCL เป็นบริษัทในเครือที่มีการถือหุ้นทั้งหมดนี้ คาดว่า จะช่วยให้สามารถสร้างความสามารถที่หลากหลายซึ่งอยู่นอกขอบเขตปัจจุบันในการลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น การเสริมสร้างการใช้ประโยชน์จากฐานการดำเนินงานและข้อมูลการสั่งซื้อในญี่ปุ่นและต่างประเทศ การส่งเสริมการวิจัยร่วมกัน และการปรับใช้เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมเชิงกว้าง ในฐานะบริษัทหลักที่ดำเนินงานในธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพของ Kirin Group FANCL จะมีการเสริมเพิ่ม “ความเป็น FANCL” ในแบรนด์ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงปรัชญาการก่อตั้ง ซึ่งเป็นที่มาของความแข็งแกร่ง นอกเหนือจากการเพิ่มมูลค่าองค์กรของ FANCL แล้ว ทั้งสองบริษัทจะทำงานร่วมกันนอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ เพื่อให้กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และบรรลุเป้าหมายในการเติบโตสำหรับ Kirin Group โดยรวมและเสริมสร้างมูลค่าองค์กรให้ดียิ่งขึ้น

  • โครงร่างการทำธุรกรรม

บริษัทที่จะเข้าซื้อกิจการ

FANCL Corporation (รหัสหลักทรัพย์: 4921)

วิธีการเข้าซื้อกิจการและกระบวนการ

การประมูลเข้าซื้อกิจการ (TOB รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิในหุ้น)

*หาก TOB ประสบความสำเร็จ และไม่ส่งผลให้ได้มาซึ่งหุ้นทั้งหมด จะมีการดำเนินการ “ความต้องการซื้อหุ้น เช่น การจ่ายเงินสด” หรือ “การรวมบัญชีหุ้น”

ระยะเวลา TOB

ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 เดือนมิถุนายน ปี 2024

ถึงวันจันทร์ที่ 29 เดือนกรกฎาคม ปี 2024 (30 วันทำการ)

ราคา TOB

หุ้นสามัญ: 2,690 ต่อหุ้น

(ราคาปิดระดับพรีเมียมในวันที่ 13 เดือนมิถุนายน: 42.74% ค่าเฉลี่ย 3 เดือน: 37.17%, EV/EBITDA 17.8 เท่าของปีงบประมาณ สิ้นสุดเดือนมีนาคม ปี 2024)

สิทธิในการซื้อหุ้น: หนึ่งต่อหนึ่งเยน

จำนวนหุ้นที่จะซื้อ

จำนวนหุ้นที่จะซื้อ: 82,051,400 หุ้น

จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่จะซื้อ: 41,117,700 หุ้น (จำนวนหุ้นจะต้องผ่านมติพิเศษในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของ FANCL สำหรับหุ้นจำนวนนี้ รวมกับจำนวนหุ้นที่ถือครองโดย Kirin Holdings)

จำนวนหุ้นสูงสุดที่จะซื้อ: N/A

ราคาซื้อรวม

ประมาณ 220.0 พันล้านเยน

วิธีการระดมทุน

กู้เงินผ่านระบบหนี้แบบมีดอกเบี้ย *จะไม่มีการจัดหาเงินทุนจากตราสารทุน

ผลลัพธ์สำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 เดือนมีนามคม ปี 2024

รายได้ 110.9 พันล้านเยน กำไรจากการดำเนินงาน 12.6 พันล้านเยน (Japan GAAP)

อื่นๆ

ตามรายงานจากคณะกรรมการพิเศษที่จัดตั้งขึ้นโดย FANCL คณะกรรมการฝ่ายบริหารของ FANCL ในวันที่ 14 เดือนมิถุนายน ปี 2024 ได้มีมติให้ (i) แสดงความเห็นยืนยันเกี่ยวกับข้อเสนอซื้อหุ้น (ii) แนะนำให้ผู้ถือหุ้นทำการประมูลหุ้นในข้อเสนอซื้อหุ้น และ (iii) ให้สิทธิในการตัดสินใจแก่ผู้ถือสิทธิในการเข้าซื้อหุ้นว่า จะเสนอซื้อสิทธิในการเข้าซื้อหุ้นในข้อเสนอซื้อหุ้นหรือไม่

สำหรับข้อสอบถามเกี่ยวกับข้อเสนอซื้อหุ้น

NOMURA SECURITIES CO., LTD (ตัวแทนสำหรับข้อเสนอซื้อหุ้น)

+81-(0)120-043-335

เวลาทำการ 8:40-17:10 JST ในวันธรรมดา, 9:00-17:00 JST ในวันเสาร์ (ยกเว้นวันหยุด)

สามารถดูรายละเอียดได้ที่ “ประกาศเกี่ยวกับการเตรียมข้อเสนอซื้อใบหุ้น เป็นต้น ของ FANCL CORPORATION (รหัสหลักทรัพย์ 4921)” ลงวันที่ 14 เดือนมิถุนายน ปี 2024

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทต่างชาติที่มีการดำเนินงานในภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ภาคส่วนเภสัชกรรม (ธุรกิจยา) และภาคส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 โดย Japan Brewery ได้เปลี่ยนเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 จากนั้น บริษัทมีการขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจยาในปี 1980 โดยยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 มีการก่อตั้ง Kirin Holdings ขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งเต็มรูปแบบ และในปัจจุบัน มุ่งเน้นในการขยายธุรกิจภาคส่วนวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่มีการเปิดตัวในปี 2019 โดย Kirin Group มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกใน CSV* โดยสร้างมูลค่าทั่วโลกทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงธุรกิจยา นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของบริษัทเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในมูลค่าองค์กร

* การสร้างมูลค่าร่วม: เป็นการผสานรวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคและสังคมร่วมกันโดยรวม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Corporate Communication Department Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited

ซาอุดีอาระเบียจัดแสดงโอกาสการลงทุนที่พลิกโฉมในการประชุมการลงทุนด้านการบริการระหว่างประเทศประจําปีครั้งที่ 46 ของราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย

Logo

นิวยอร์ก


สมาคมผู้ผลิตสาเกและโซจูของญี่ปุ่นจะมีการจัดงาน “Japanese Sake Fair 2024” ที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนกรกฎานี้!!

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2024

ในทุกปี สมาคมผู้ผลิตสาเกและโซจูของญี่ปุ่นจะมีการจัดงานสาเกแฟร์ โดยมีผู้ผลิตสาเกมากกว่า 400 รายจากเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่นเข้าร่วมงาน งาน All Japan Sake Fair ครั้งที่ 16 นี้จะมีการจัดขึ้นที่ Ikebukuro Sunshine City กรุงโตเกียว ในวันที่ 5 และ 6 เดือนกรกฏาคม ปี 2024 ซึ่งเป็นงานแสดงสาเกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยคุณสามารถลิ้มลองสาเกได้มากกว่า 1,000 แบรนด์และสามารถพูดคุยกับผู้ผลิตสาเกได้โดยตรง จะมีการจัดบูธแยกเป็น 45 ภูมิภาค และคุณจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิภาคการผลิตในเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่น ลักษณะเฉพาะ และแนวโน้มของผู้ผลิตสาเก นอกจากนี้ ยังมีบริการเปิดให้ชิมสาเกที่ระดับอุณหภูมิต่างๆ และการอภิปรายเกี่ยวกับเทคนิคการผลิตสาเกโดยผู้ผลิตสาเกอีกด้วย

All Japan Sake Fair (The photo shows the event in 2023) (Photo: Business Wire)

All Japan Sake Fair (ภาพแสดงงานเมื่อปี 2023) (ภาพถ่ายo: Business Wire)

ในเวลาเดียวกัน จะมีการเปิดให้ชิมสาเก Daiginjo  ซึ่งเป็นสาเกที่คว้ารางวัลกว่า 390 รายการจากงาน Annual Japan Sake Awards 2024 ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันวิจัยการกลั่นสุราแห่งชาติและสมาคมผู้ผลิตสาเกและโซจูของญี่ปุ่น ปีนี้เป็นการแข่งขันครั้งที่ 112 โดยมีประวัติศาสตร์และมีประสบการณ์มายาวนานกว่า 100 ปี ที่งาน Annual Japan Sake Awards 2024 จะมีการตัดสินรางวัลผู้ชนะเลิศสำหรับสาเก Ginjo ที่ผลิตตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2023 จนถึงเดือนมีนาคม ปี 2024 โดยผู้เชี่ยวชาญในการชิมสาเกแบบไม่มีการระบุชื่อ โดยการตัดสินจากกลิ่นหอม รสชาติ และคุณภาพโดยรวม

ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป จะมีการเปิดจำหน่ายบัตรเข้าร่วมงานแต่ละประเภทให้กับผู้ชื่นชอบสาเกญี่ปุ่นและผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในโอกาสพิเศษนี้ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ของสาเกญี่ปุ่นในปัจจุบัน อย่าลืมวางแผนที่จะเข้าร่วมงาน 2025 Japan Sake Fair ที่จะมีการจัดขึ้นในเดือนมิถุนายนปีหน้าด้วยเช่นกัน

เว็บไซต์จำหน่ายบัตรเข้าร่วมงาน: https://ars-sunshine.triplabo.jp/home?lang=en

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54020058/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

LINKTIVITY, Inc.
helpcenter@linktivity.co.jp

แหล่งข้อมูล: The Japan Sake and Shochu Makers Association


Cvent ประกาศสถานที่จัดประชุมชั้นนำและโรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำในเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2024

Logo

การจัดอันดับประจำปีที่ได้รับการยกย่องในอุตสาหกรรมแนะนำโรงแรมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจ MICE รวมถึงสถานที่จัดประชุมที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก

SINGAPORE–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

ในวันนี้ Cvent ผู้ให้บริการเทคโนโลยีในการจัดการประชุม จัดอีเว้นท์ ชั้นนำในอุตสาหกรรม และการประชาสัมพันธ์ ประกาศรายชื่อ สถานที่จัดประชุมยอดนิยม และ โรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำสำหรับเอเชียแปซิฟิก (APAC) รายการเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงการจัดอันดับภูมิภาคสำหรับอเมริกาเหนือ ยุโรป และตะวันออกกลาง และแอฟริกา จะได้รับการรวบรวมจากการจัดกิจกรรมผ่านการจัดหา เครือข่ายซัพพลายเออร์ Cvent ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการจัดหาสถานที่จัดงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะมีการจัดหาธุรกิจ MICE ที่มีมูลค่าสูงกว่า 16 พันล้านเหรียญสหรัฐผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของ Cvent ในปี 2023

รายชื่อยอดนิยมประจำปีของ Cvent กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับผู้จัดงานอีเว้นท์ทั่วโลกที่กำลังมองหาโรงแรมและสถานที่สำหรับจัดอีเว้นท์ บริษัทมีการจัดงานแถลงข่าวสดที่ IMEX Frankfurt เพื่อแชร์รายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติม และแนะนำโรงแรมและสถานที่ด้วยตัวเอง

สถานที่จัดประชุมยอดนิยมของ Cvent | ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เมืองติดอันดับยอดนิยม 10 อันดับแรกยังคงรักษาอันดับไว้ได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยสิงคโปร์ยังคงรักษาอันดับ 1 จากปี 2023 เมืองที่ติด 10 อันดับแรกแห่งใหม่คือ เซี่ยงไฮ้ (อันดับ 10) กรุงเทพมหานคร (อันดับ 2) โตเกียว (อันดับ 4) กัวลาลัมเปอร์ (อันดับ 7) และภูเก็ต (อันดับ 9) ต่างก็ติดอันดับที่ดีขึ้นใน 10 อันดับแรกจากปี 2023

สถานที่จัดประชุมยอดนิยม 10 อันดับแรก

1. สิงคโปร์

2. กรุงเทพ ประเทศไทย

3. ซิดนีย์ นิวเซาธ์เวลส์ (ออสเตรเลีย)

4. โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

5. เมลเบิร์น วิกตอเรีย (ออสเตรเลีย)

6. โซล เกาหลีใต้

7. กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

8. บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

9. ภูเก็ต ประเทศไทย

10. เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

Dr Edward Koh กรรมการบริหาร ฝ่ายการจัดประชุม และการเดินทาง คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสถานที่จัดการประชุมระดับต้นๆ ในเอเชียของ Cvent เป็นครั้งที่หก นับตั้งแต่ปี 2016 สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ความปลอดภัย ความสามารถในการเข้าถึงสูง และการมุ่งเน้นในนวัตกรรม และความยั่งยืนของสิงคโปร์ ช่วยให้นครรัฐสามารถสร้างชื่อเสียงในฐานะสถานที่จัดอีเว้นท์ทางธุรกิจที่มีชีวิตชีวาและน่าสนใจ ด้วยการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นและพันธมิตรโดยเฉพาะในอุตสาหกรรม เรามุ่งมั่นที่จะอำนวยความสะดวกและมีส่วนร่วมในความสำเร็จสำหรับผู้วางแผนการประชุมในสิงคโปร์ ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนผลที่มีความหมายและยั่งยืนผ่านธุรกิจการจัดประชุม”

“ช่างเป๋นการรับรองที่ยอดเยี่ยมสำหรับซิดนีย์ที่ได้รับเกียรติให้เป็นเมืองเจ้าภาพงานธุรกิจชั้นนำ 3 อันดับแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” Lyn Lewis-Smith, CEO ของ Business Events Sydney (BESydney) กล่าว “Cvent มีบทบาทสำคัญในการแนะนำสถานที่ที่น่าประทับใจ เช่น ซิดนีย์ มาสู่มือนักวางแผนโดยตรง การได้รับเกียรตินี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงเครือข่ายที่น่าประทับใจของโรงแรม สถานที่จัดงาน และซัพพลายเออร์ โดยร่วมมือกับนักวางแผนงานอีเว้นท์เพื่อทำให้อีเว้นท์เป็นจริงขึ้นมา ซิดนีย์เป็นเมืองที่สวยงามตามธรรมชาติและเป็นมิตร มีการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของมรดก First Nations วัฒนธรรมร่วมสมัย และการวิจัยที่เจริญรุ่งเรือง รวมถึงภาคส่วนอุตสาหกรรม – เป็นส่วนผสมที่เหมาะสมทั้งหมดที่จะจุดประกายแรงบันดาลใจและเชื่อมโยงสำหรับตัวแทนในท้องถิ่นและระดับโลกที่มีลักษณะเหมือนกัน”

โรงแรมสำหรับจัดประชุมติดอันดับยอดนิยมของ Cvent | ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

JW Marriott Hotel Singapore South Beach ก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ในปีนี้ โรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับย่านศูนย์กลางธุรกิจ มีการแสดงภาพและเสียงที่ล้ำสมัย พร้อมพื้นที่จัดประชุมที่มีความยืดหยุ่น ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับนักวางแผนงานอีเว้นท์ โรงแรมใหม่ที่ติด 10 อันดับแรก ได้แก่ Hilton Tokyo (อันดับ 4), Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park (อันดับ 5), voco Orchard Singapore (อันดับ 7), Hilton Kuala Lumpur (อันดับ 8) และ Sheraton Grand Sydney Hyde Park (อันดับ 9)

โรงแรมสำหรับจัดประชุม 10 อันดับยอดนิยม

1. JW Marriott Hotel Singapore South Beach

2. Shangri-La Singapore

3. Hyatt Regency Sydney

4. Hilton Tokyo

5. Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park

6. Fairmont Singapore

7. voco Orchard Singapore

8. Hilton Kuala Lumpur

9. Sheraton Grand Sydney Hyde Park

10. Hilton Singapore Orchard

หากต้องการดูข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่จัดประชุมยอดนิยมทั้งหมดของ Cvent และโรงแรมสำหรับจัดประชุมยอดนิยมของ Cvent ระดับโลก คลิกที่นี่

ระเบียบวิธีการ

สำหรับ สถานที่จัดประชุมยอดนิยมของ Cvent Cvent มีการประเมินเมืองต่างๆ กว่า 12,500 แห่งทั่วโลกที่จดทะเบียนไว้ใน เครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent (CSN) มีการติดตามกิจกรรมต่างๆ ระหว่างเดือนมกราคม ปี 2023 ถึงเดือนธันวาคม ปี 2023 มีการจัดอันดับโดยพิจารณาตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ได้แก่ จำนวนคืนที่พักในห้องพักทั้งหมดที่มีการจองไว้ จำนวนคำขอใบเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (RFPs) เฉพาะที่ส่งผ่าน marketplace ไปยังสถานที่ต่างๆ ภายในเมือง มูลค่ารวมของ RFP ที่มีการนำส่ง และมูลค่ารางวัลตามจริงสำหรับการประชุมที่มีการจองไว้

สำหรับ โรงแรมสำหรับจัดประชุมยอดนิยมของ Cvent Cvent มีการประเมินโรงแรมที่มีการดำเนินธุรกิจผ่าน CSN ระหว่างเดือนมกราคม ปี 2023 ถึงเดือนธันวาคม ปี 2023 โดยมีการจัดอันดับที่พักตามเกณฑ์ต่างๆ รวมถึงคำขอใบเสนอราคาทั้งหมด (RFPs) RFP ที่ได้รับรางวัล จำนวนคืนที่พักในห้องพักทั้งหมด จำนวนคืนที่พักในห้องพักที่ได้รับรางวัล ส่วนแบ่งการตลาดหลักๆ ในเขตเมืองใหญ่ อัตราการแปลงสกุลเงิน และอัตราการตอบรับ เกณฑ์ดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สะท้อนถึงโรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำในอเมริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้อย่างแม่นยำที่สุด

เกี่ยวกับเครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent

เครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent ประกอบด้วยโรงแรม รีสอร์ท และสถานที่จัดอีเว้นท์พิเศษมากกว่า 300,000 แห่ง เป็นฐานข้อมูลรายละเอียดสถานทีที่ใหญ่ที่สุดและแม่นยำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีการจัดหาธุรกิจ MICE มูลค่ามากกว่า 16 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านเครือข่ายการจัดหาของ Cvent ในปี 2023 CSN มีรายชื่อของโรงแรมและสถานที่อื่นๆ ใน 18 ภาษา ซึ่งสามารถค้นหาและกรองตามลักษณะและเกณฑ์มากกว่า 200 รายการ CSN เป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม Cvent ที่ครอบคลุม ซึ่งนำเสนอโซลูชันที่โรงแรมและสถานที่ต่างๆ ใช้เพื่อดำเนินธุรกิจ MICE และธุรกิจการเดินทางขององค์กร และมีส่วนร่วมกับเครือข่ายนักวางแผนทั่วโลกกว่า 125,000 รายที่ไว้วางใจ Cvent การจัดหาโรงแรมและสถานที่ และจัดการอีเว้นท์ต่างๆ

เกี่ยวกับ Cvent

Cvent เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีการประชุม อีเว้นท์ และการประชาสัมพันธ์ชั้นนำ โดยมีพนักงานมากกว่า 4,800 คน และลูกค้า 22,000 รายทั่วโลก ณ วันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2023 บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดยมีการนำเสนอแพลตฟอร์มการตลาดและการจัดการงานอีเว้นท์ที่ครอบคลุม และนำเสนอ marketplace ระดับโลกที่ผู้เชี่ยวชาญด้านงานอีเว้นท์มีการร่วมมือกันกับสถานที่ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูดและน่าประทับใจ แพลตฟอร์มการตลาดและการจัดการงานอีเว้นท์ Cvent ที่ครอบคลุมนำเสนอโซลูชันซอฟต์แวร์แก่ผู้จัดงานอีเว้นท์และนักการตลาดสำหรับการลงทะเบียนงานอีเว้นท์ออนไลน์ การเลือกสถานที่ การตลาดและการจัดการงานอีเว้นท์ โซลูชันเสมือนจริงและในสถานที่ และการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วม โรงแรมและสถานที่ต่างๆ ใช้โซลูชันซัพพลายเออร์และสถานที่ของ Cvent เพื่อเอาชนะใจลูกค้า MICE และธุรกิจการเดินทางขององค์กรผ่านแพลตฟอร์มการจัดหาของ Cvent สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Cvent.com/in

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สำหรับการสอบถามข้อมูลด้านสื่อ โปรดติดต่อ:
Sucharita Das
อีเมล: Sucharita.das@cvent.com
มือถือ: +91 9899128886

แหล่งข้อมูล: Cvent

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นเปิดตัวเว็บไซต์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยเพิ่มฐานข้อมูลใหม่และเนื้อหาการสัมภาษณ์

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 พฤษภาคม 2024

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) ต่ออายุเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ (https://www.asean.or.jp/) ในหน้าแรกของเว็บไซต์แสดงสโลแกนใหม่ของ AJC: “Building Bridges, Connecting Heart to Heart” พร้อมภาพประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและจิตวิญญาณของความร่วมมือระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น

The ASEAN-Japan Centre relaunches official website: New database and interview content added (Graphic: Business Wire)

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นเปิดตัวเว็บไซต์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง: เพิ่มฐานข้อมูลใหม่และเนื้อหาการสัมภาษณ์ (กราฟิก: Business Wire)

นอกจากการจัดแสดงและรายงานกิจกรรมของ AJC แล้ว เว็บไซต์ใหม่ยังนำเสนออินโฟกราฟิก 'ASEAN-Japan Basic Information at a Glance' ซึ่งเป็นฐานข้อมูลอาเซียนที่ให้การเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนของอาเซียน รวมถึงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจขั้นพื้นฐาน และค่าดัชนีความได้เปรียบที่ปรากฏRCA) รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ภาพรวมของจํานวนนักท่องเที่ยวในภูมิภาค  และเนื้อหาสัมภาษณ์ 'The People of ASEAN-Japan' ที่นําเสนอเรื่องราวของผู้คนที่เชื่อมโยงผู้คนในภูมิภาคอาเซียน-ญี่ปุ่น เว็บไซต์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้คนจํานวนมากขึ้นมีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่นบน พื้นฐานของความไว้วางใจจากมุมมองที่แตกต่างกัน เนื้อหาจะได้รับการอัปเดตเป็นครั้งคราว

เป็นเวลากว่า 40 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1981 AJC ได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองภูมิภาคผ่านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน การเปิดตัวเว็บไซต์อีกครั้งถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบหกปี AJC ได้ถือเอามิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่นปีที่ 50 ในปี 2023 เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ตามคําแถลงวิสัยทัศน์ “หุ้นส่วนที่เชื่อถือได้” ที่ผู้นําของประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นนํามาใช้ในการประชุมสุดยอดที่ระลึก AJC มีเป้าหมายที่จะกระชับความสัมพันธ์ “จากใจถึงใจ” ระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่นให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และร่วมกันสร้างสังคมที่สงบสุข ยั่งยืน ครอบคลุม และเจริญรุ่งเรือง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53966401/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) PR Unit

Tomoko Miyauchi (MS)

URL: https://www.asean.or.jp/
TEL: +81 (0)3-5402-8118

Email: toiawase_ga@asean.or.jp

ที่มา: ASEAN-Japan Centre

‘World of Coffee & World Barista Championship Busan 2024’ เตรียมเปิดตัวในวันที่ 1 เดือนพฤษภาคม

Logo

อีเว้นท์ Global Specialty Coffee จัดขึ้นที่ BEXCO, Busan เป็นครั้งแรกในเอเชีย

World of Coffee & World Barista Championship Busan จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 4 เดือนพฤษภาคม ที่ BEXCO

BUSAN, South Korea–(BUSINESS WIRE)–24 เมษายน 2024

บุคคลสำคัญในวงการกาแฟและบาริสต้าระดับโลกจะมารวมตัวกันที่ BEXCO, Busan ในเดือนพฤษภาคม

World of Coffee & World Barista Championship Busan is held from May 1st to 4th at BEXCO, Busan. (Graphic: EXPORUM)

World of Coffee & World Barista Championship Busan จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 4 เดือนพฤษภาคม ที่ BEXCO, Busan (กราฟิก: EXPORUM)

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกาแฟเฉพาะทางจากทั่วโลกจะมารวมตัวกันที่ BEXCO, Busan ตั้งแต่วันที่ 1-4 เดือนพฤษภาคม ปี 2024 เพื่อร่วมงาน World of Coffee ที่จัดขึ้นครั้งแรกในเอเชีย โดยอีเว้นท์นี้ยังมีการจัดการแข่งขัน 2024 World Barista Championship อีกด้วย โดยจะมีบาริสต้าระดับท็อปจากทั่วโลกมารวมตัวกัน Specialty Coffee Association (SCA) มีการดำเนินงานร่วมกันกับเมือง Busan ผู้เป็นเจ้าภาพ และผู้จัดงาน EXPORUM โดยได้รับการสนับสนุนจาก 2024 Portrait Country จากอินโดนีเซีย เพื่อเปิดตัว World of Coffee ใน Busan ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟในเอเชีย โดยคาดว่า จะมีผู้ร่วมงานจากทั่วโลกกว่า 20,000 คน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม 12,000 รายจากกว่า 70 ประเทศ มาร่วมอีเว้นท์นี้ที่ BEXCO โดยจะมีส่วนร่วมไม่เฉพาะสำหรับอีเว้นท์นี้เท่านั้น แต่ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นอีกด้วย

จะมีบริษัทกาแฟทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 280 แห่งจะมาเข้าร่วมงาน 'World of Coffee 2024' โดยจะมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และบริการที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ รวมถึงนิทรรศการ Roaster Village เพื่อแนะนำร้านกาแฟและแบรนด์โรงคั่วเมล็ดกาแฟทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากนี้ กิจกรรมต่างๆ เช่น การสร้างเครือข่ายกับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟทั่วโลกที่ 'SCA Community Lounge' สัมผัสประสบการณ์และประเมินกาแฟจากที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศใน 'Cupping Room' และจะมีการจัดสัมมนาเพื่อให้สามารถสัมผัสประสบการณ์และส่งเสริมวัฒนธรรมกาแฟใหม่ๆ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มสำหรับประสบการณ์ที่หลากหลายและแสดงเทรนด์ที่เป็นตัวแทนของกาแฟระดับโลก

World Barista Championship จะมีการจัดขึ้นอีกครั้งที่เกาหลีหลังจากที่มีการจัดขึ้นครั้งสุดท้ายที่ Cafe Show Seoul เจ็ดปี ผู้เข้าแข่งขันต่างแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์เอสเพรสโซที่เป็นนวัตกรรมใหม่ทั้งหลักสูตรเอสเพรสโซ นม และเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยแนวทางและเครื่องมือที่ล้ำสมัย ซึ่งมีผลสะท้อนที่ดีและยั่งยืนต่ออุตสาหกรรม

Yannis Apostolopoulos ประธาน Specialty Coffee Association ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดงาน 'World of Coffee & World Barista Championship Busan 2024' แสดงความคาดหวังในงานนี้ว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมกาแฟของเกาหลี และเป็นก้าวใหม่สำหรับ 'World of Coffee Asia' เพื่อกำหนดภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมและอนาคตของตลาดกาแฟในเอเชีย

จะมีการจำหน่ายบัตรเข้าร่วมงานล่วงหน้าบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ World of Coffee Asia จนถึงวันที่ 28 เดือนเมษายน และจากนั้น จะมีการจำหน่ายเฉพาะในงานเท่านั้น สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมนิทรรศการและซื้อบัตรได้ที่ https://asia.worldofcoffee.org/

[ข้อมูลอ้างอิง] ภาพรวม ‘World of Coffee & World Barista Championship Busan 2024’

  • หัวข้อ: World of Coffee & World Barista Championship Busan 2024
  • หมายกำหนดการ: วันที่ 1 (พุธ) ~ 4 (เสาร์) เดือนพฤษภาคม ปี 2024 เป็นเวลา 4 วัน เวลา 10:00~17:00
  • สถานที่: Exhibition Center 1, BEXCO, Busan, Republic of Korea
  • จัดงานโดย: Specialty Coffee Association (SCA)
  • เจ้าภาพในการจัดงานโดย: Busan Metropolitan City
  • ดำเนินงานโดย: Busan Technopark, EXPORUM

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53951815/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

EXPORUM
Togo Communication
Park Min
mint@togocomm.kr

แหล่งข้อมูล: EXPORUM

foodpanda และ The Trade Desk ร่วมมือกัน เพื่อมอบโซลูชันสื่อค้าปลีกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลให้กับแบรนด์

Logo

คอนเวอร์ชัน สําหรับ Knorr ในไต้หวันเพิ่มขึ้นกว่า 80% ด้วยความร่วมมือนี้

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–23 เมษายน 2024

foodpanda เครือข่ายจัดส่งอาหารและของชําชั้นนําในเอเชีย ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ The Trade Desk ผู้นําเทคโนโลยีการโฆษณาระดับโลก ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น และวัดความสําเร็จของแคมเปญโฆษณาดิจิทัลบนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด ความร่วมมือดังกล่าวจะครอบคลุม 7 ตลาด ได้แก่ ฮ่องกง มาเลเซีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทย

From left: Chris Mooney, GM, Data Partnerships APAC, The Trade Desk; Wen Zhe Lim, Director, Solutions, Advertising & Partnerships, foodpanda (Photo: Business Wire)

Chris Mooney ผู้จัดการทั่วไป Data Partnerships APAC, The Trade Desk; Wen Zhe Lim ผู้อำนวยการ โซลูชัน, Advertising &Partnerships, foodpanda (ภาพ: Business Wire)

ความร่วมมือครั้งนี้นําเสนอโซลูชันสื่อค้าปลีกที่หลากหลาย ซึ่งขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มโฆษณาแบบเป็นโปรแกรมของ The Trade Desk และข้อมูลการค้าปลีกของบุคคลที่หนึ่งของ foodpanda สิ่งนี้ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมกับลูกค้าของ foodpanda บนอินเทอร์เน็ตแบบเปิดผ่านแพลตฟอร์มของ The Trade Desk ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น OTT  การสตรีมเพลง แอพมือถือ เกม และเว็บไซต์ ซึ่งขยายขอบเขตการเข้าถึงนอกเหนือจากโซลูชันการโฆษณาแบบบูรณาการของ foodpanda หรือ โฆษณาแพนด้า ข้อมูลทั้งหมดจะถูกใช้เป็นนามแฝง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลประจําตัวของลูกค้าจะไม่เปิดเผยตัวตน

นอกจากนี้ยังช่วยให้แบรนด์สามารถวัดผลกระทบของแคมเปญโฆษณาต่อคอนเวอร์ชันได้อีกด้วย ด้วยข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ แบรนด์ต่างๆ สามารถตั้งเป้าที่จะเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาของตนแบบเรียลไทม์ ผ่านวิธีที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทําได้ ซึ่งช่วยให้พวกเขาตัดสินใจอย่างชาญฉลาดซึ่งจะช่วยเพิ่มวัตถุประสงค์ด้านประสิทธิภาพได้

กรณีศึกษา: การเปิดตัวเบต้าสําหรับ Knorr ในไต้หวัน

ในช่วงเบต้าในปี 2023 โซลูชันดังกล่าวช่วยให้ Knorr ของ Unilever เข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ และกระตุ้นให้เกิดคอนเวอร์ชันสำหรับสายผลิตภัณฑ์ใหม่บน foodpanda ในไต้หวัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ Knorr ได้ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ TTD และใช้ข้อมูลการค้าปลีกของ foodpanda เพื่อกําหนดเป้าหมายสมาชิก foodpanda ส่งผลให้อัตราการเพิ่มสินค้าลงรถเข็นเพิ่มขึ้น 229% และ Conversion เพิ่มขึ้น 81% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 87% ของผู้ซื้อเป็นลูกค้าใหม่ เน้นความสําเร็จของแคมเปญในการดึงดูดผู้ชมในวงกว้าง  ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และขยายการเข้าถึงตลาด

“เรามีภารกิจที่จะขยาย foodpanda ให้กลายเป็นเครือข่ายสื่อค้าปลีกที่เป็นตัวเลือก ความร่วมมือของเรากับ The Trade Desk เหมาะอย่างยิ่งสําหรับยุคของการโฆษณาตามความยินยอม ซึ่งข้อมูลบุคคลที่หนึ่งเป็นกุญแจสําคัญสําหรับการตลาดที่ตรงเป้าหมายและเฉพาะบุคคล ด้วยการใช้ประโยชน์จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของการค้าขายที่รวดเร็ว เราช่วยให้แบรนด์ต่างๆ เข้าถึงลูกค้าที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลายล้านคน และเชื่อมโยงพวกเขาด้วยวิธีที่ไม่เคยทําได้มาก่อน” Wen Zhe Lim ผู้อํานวยการฝ่ายโซลูชัน การโฆษณา และพันธมิตรของ foodpanda กล่าว

“ข้อมูลการค้าปลีกกําลังพลิกโฉมภูมิทัศน์ของการตลาด และการร่วมมือของเรากับ foodpanda แสดงถึงโอกาสอันเหลือเชื่อที่แบรนด์ต่างๆ ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้จ่ายในการโฆษณาผ่านการใช้กลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตแบบเปิด” Chris Mooney ผู้จัดการทั่วไป Data Partnerships APAC จาก The Trade Desk กล่าว “ข้อมูลการค้าปลีกช่วยให้แบรนด์กําหนดเป้าหมายและวัดประสิทธิภาพได้ดีขึ้น ช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าเงินค่าโฆษณาของพวกเขาส่งผลต่อยอดขายจริงอย่างไร เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับบริษัทที่บุกเบิกแนวทางใหม่ๆ ในการโฆษณาดิจิทัล”

“การเป็นพันธมิตรกับ The Trade Desk และ foodpanda มีบทบาทสําคัญในความสําเร็จของแคมเปญล่าสุดของเราสําหรับ Knorr ทําให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมใหม่ๆ บนอินเทอร์เน็ตแบบเปิดได้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับอัตราการเพิ่มสินค้าลงรถเข็น คอนเวอร์ชัน และผู้ซื้อรายใหม่ที่ดั้รับจากแคมเปญ” Sharon Liu ผู้จัดการฝ่ายการตลาดด้านโภชนาการ ยูนิลีเวอร์ไต้หวันกล่าว

เกี่ยวกับ foodpanda

foodpanda เป็นแพลตฟอร์มการจัดส่งชั้นนําในเอเชียที่อุทิศตนเพื่อนําเสนออาหาร ของชํา และอื่นๆ ที่หลากหลายแก่ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีและความเป็นเลิศในการดําเนินงาน foodpanda เป็นหัวหอกในการเติบโตของการค้าด่วน (q-commerce) ทั่วทั้งภูมิภาคด้วยเครือข่ายพันธมิตรค้าปลีก รวมถึงร้านค้าบนคลาวด์ของ pandamart เพื่อมอบตัวเลือกตามความต้องการที่มากขึ้นนอกเหนือจากตัวเลือกการจัดส่งอาหารนับล้าน foodpanda ดําเนินงานในกว่า 400 เมืองใน 11 ตลาดในเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไทย มาเลเซีย ปากีสถาน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ บังคลาเทศ ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์ foodpanda เป็นบริษัทในเครือของ Delivery Hero ซึ่งเป็นผู้นําระดับโลกด้านอุตสาหกรรมบริการส่งอาหาร สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.foodpanda.com

เกี่ยวกับ The Trade Desk

Trade Desk™ เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ให้อำนาจแก่ผู้ซื้อโฆษณา ผู้ซื้อโฆษณาสามารถสร้าง จัดการ และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาดิจิทัลในรูปแบบโฆษณาและอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มแบบบริการตนเองบนคลาวด์ การผสานรวมกับข้อมูลหลัก พื้นที่โฆษณา และพันธมิตรผู้เผยแพร่โฆษณาช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสามารถในการเข้าถึงและการตัดสินใจสูงสุด และ API ระดับองค์กรช่วยให้สามารถพัฒนาแบบกําหนดเองได้ที่ด้านบนของแพลตฟอร์ม The Trade Desk มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเวนทูรา รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานทั่วอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ thetradedesk.com หรือติดตามเราบน Facebook, Twitter, LinkedIn และ YouTube

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53939615/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Cheryl Tee, cheryl.tee@foodpanda.com

Jason Wang, yan.wang@thetradedesk.com

ที่มา: The Trade Desk

Hemohim ผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน จุดประกายความนิยมระดับโลก

Logo

SEOUL, South Korea–(BUSINESS WIRE)–22 เมษายน 2024

Hemohim กำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในตลาดโลก โดยเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพชั้นนำจากเกาหลี

Kolmar BNH Sejong Factory (Photo: Kolmar BNH)

โรงงาน Kolmar BNH Sejong (ภาพถ่าย: Kolmar BNH)

Hemohim ได้รับการพัฒนาขึ้นจากความร่วมมือของ Kolmar BNH (KOSDAQ: 200130) และสถาบันวิจัยพลังงานปรมาณูของเกาหลีเป็นระยะเวลาถึงแปดปี พร้อมเงินลงทุน 5 พันล้านวอน โดยมีสารสกัดจาก angelica gigas, cnidium officinale และ paeonia japonica ซึ่งมักใช้เป็นส่วนผสมในยาสมุนไพรโบราณ Kolmar BNH มีการดำเนินการทดสอบในมนุษย์ เพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพของส่วนผสมหลัก ‘สารสกัดใน HemoHIM จากส่วนผสมของ Angelica gigas เป็นต้น’ และได้รับการยอมรับจากกระทรวงฝ่ายรักษาความปลอดภัยอาหารและยาของเกาหลี ในปี 2006 ในคุณสมบัติด้านการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน

Hemohim ได้รับการจัดจำหน่ายโดย Atomy ซึ่งเป็นลูกค้าของ Kolmar BNH โดยมียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านวอนภายในเพียง 17 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ทำให้ Hemohim กลายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพที่ขายดีที่สุดระดับประเทศ และผ่านการรับรอง ด้วยความต้องการที่สูงขึ้นจากหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และไทย จึงมีการขยายการดำเนินงานและการจำหน่าย Hemohim ไปทั่วโลกกว่า 20 ประเทศ

หลังจากผ่านกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวด Hemohim ได้รับการรับรองจากกระทรวงฝ่ายรักษาความปลอดภัยอาหารและยาของเกาหลี ให้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมเพื่อสุขภาพรายการแรกที่ผ่านการรับรอง ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

Hemohim เป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดการส่งออกสูงในเกาหลีเป็นอันดับสองรองจากโสมแดง ซึ่งเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพชั้นนำที่ผ่านการรับรอง Kolmar BNH ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนความสำเร็จของ Hemohim ได้รับรางวัล '200 Million Dollar Export Tower' ในงาน 'Trade Day' เมื่อปี 2021 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมหอการค้าระหว่างประเทศของเกาหลี

Kolmar BNH ทุ่มเทในการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสกัดสารที่คุณภาพดีจากวัตถุดิบ โดยจะเห็นได้จาก 'โครงการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างยั่งยืนของ Hemohim' หลังจากความพยายามมาเป็นเวลาหกปี ในที่สุด เมื่อปีที่ผ่านมา ก็ได้ค้นพบคุณสมบัติที่สามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า จึงทำให้ Hemohim กลายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพที่มีผลควบคู่ทั้งการกระตุ้นเพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกันและการฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้า

เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดยุโรปที่สูงมากขึ้น Kolmar BNH ได้มีการพัฒนา HemohimG ขึ้น โดยมีการปรับแต่งให้เหมาะกับรสชาติและกลิ่นตามความชอบของชาวยุโรป HemohimG เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นเพื่อการส่งออก โดยสอดคล้องตามกฎระเบียบด้านอาหารของแต่ละประเทศ และในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์นี้พร้อมสำหรับการส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรและตุรกีแล้ว

Kolmar BNH มีการระบุอย่างเป็นทางการว่า “Hemohim เป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพชั้นนำของเกาหลี โดยได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยที่เข้มงวดและการผลิตที่มีความละเอียดในทุกขั้นตอน หลังจากที่ประสบความสำเร็จในเกาหลีตลอด 16 ปีที่ผ่านมา Hemohim พร้อมที่จะก้าวสู่ตลาดโลกแล้วตอนนี้”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53938951/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Kolmar BNH
Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

แหล่งข้อมูล: Kolmar BNH

เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติซอนจู ครั้งที่ 25 จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 เดือนพฤษภาคม ที่ Jeonju ประเทศเกาหลี

Logo

เทศกาลนี้จะมีการฉายภาพยนตร์ นิทรรศการพิเศษ และการแสดงต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 10 เดือนพฤษภาคม

JEONJU, South Korea–(BUSINESS WIRE)–19 เมษายน 2024

ในเดือนพฤษภาคมนี้ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติซอนจู ครั้งที่ 25 จะมีการจัดขึ้นที่ Jeonju เมืองที่มีคนเกาหลีมากที่สุด เทศกาลนี้จะมีการฉายภาพยนตร์ 232 เรื่อง หนังสั้น และภาพยนตร์อัลเทอร์เนทีฟ จาก 43 ประเทศ

The 25th Jeonju International Film Festival is to be held in Jeonju. (Photo: JEONJU CITY)

เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติซอนจู ครั้งที่ 25 จะมีการจัดขึ้นที่ Jeonju (ภาพถ่าย: JEONJU CITY)

เมือง JEONJU (นายกเทศมนตรี Woo Beom-ki) ประกาศว่า เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติซอนจู ซึ่งเป็นประเพณีประจำปีที่เป็นที่ชื่นชอบใน Jeonju ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักสำหรับนักท่องเที่ยวชาวเอเชียเพื่อเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์อันยาวนานและศาสตร์การทำอาหาร จะมีการนำเสนอโปรแกรมที่ได้รับการปรับปรุงในปีนี้เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 25 ปี

การเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีสำหรับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Jeonju ภายใต้ธีม “Beyond the Frame” โดยสโลแกนนี้สื่อถึงความมุ่งมั่นของเทศกาลเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดและเปิดกว้างสำหรับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ โดยจะมีการดูแลจัดการทั้งโปรแกรม สถานที่ และกิจกรรมต่างๆ พร้อมส่งเสริมเครือข่ายระหว่างผู้สร้างภาพยนตร์แต่ละค่ายและอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังเป็นการรักษาจิตวิญญาณแห่งการสำรวจและนวัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์

เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติซอนจูเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 10 เดือนพฤษภาคม โดยเปิดฉากด้วย “All the Long Nights” (2024) โดย Miyake Sho และปิดท้ายด้วย “Matt and Mara” (2024) โดย Kazik Radwanski ในระหว่างช่วงเทศกาลนี้ จะมีการฉายภาพยนตร์ทั้งหมด 232 เรื่อง รวมถึงภาพยนตร์สารคดี 162 เรื่อง และหนังสั้น 70 เรื่อง โดยทั้งหมดได้รับการคัดเลือกผ่านกระบวนการเข้าแข่งขัน การคัดเลือกในครั้งนี้มีภาพยนตร์ 10 เรื่องจากการแข่งขันระดับนานาชาติ การแข่งขันภายในเกาหลี และหมวดหมู่พิเศษสำหรับภาพยนตร์ที่ไม่มีการจำกัดข้อกำหนด

นิทรรศการพิเศษหัวข้อ “See Again: 25+50” ซึ่งจัดขึ้นร่วมกับหอภาพยนตร์เกาหลี เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของปีนี้ นิทรรศการนี้จะมีการจัดแสดงผลงานในช่วงแรกของผู้กำกับชาวเกาหลีชื่อดังอย่าง Ryu Seung-wan, Bong Joon-ho, Jeong Ji-woo, และ Hong Sang-soo ควบคู่ไปกับการบูรณะภาพยนตร์เกาหลีสุดคลาสสิกเป็นดิจิทัลล่าสุด รวมถึง “The Widow” (1955) โดยผู้กำกับหญิงนักบุกเบิกของเกาหลี Park Nam-ok และ “Mist” (1967) โดย Kim Su-yong

เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของนิทรรศการอันเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาล “'100 Films 100 Posters'” จะมีการนำเสนอผลงานพิเศษของ Pixar ที่สร้างสรรค์ร่วมกันกับ Disney

ยังมีการจัดกิจกรรมเสริมต่างๆ อันน่าประทับใจ เช่น นิทรรศการหอภาพยนตร์ ซึ่งจะจัดขึ้นที่สถานที่ท่องเที่ยวอันลือชื่อของ Jeonju

“เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Jeonju ได้กลายเป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่สำคัญในเอเชีย” Woo Beom-ki ประธานคณะกรรมการจัดเทศกาลภาพยนตร์กล่าว “เราตั้งเป้าที่จะเป็นตัวเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับโลก ซึ่งจะทำให้ Jeonju กลายเป็นสถานที่สำคัญในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติ”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

JEONJU CITY
Ho-jin Park
+82-63-281-2226
mirano10@korea.kr

แหล่งข้อมูล: JEONJU CITY

The Bangkok Reporter