NTT Com เปิดตัวบริการกล้องติดรถ LINKEETH แบบรองรับการใช้งานเว็บไซต์ในประเทศไทย

Logo

ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยและลดอุบัติเหตุได้

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–22 พฤศจิกายน 2024

NTT Communications Corporation (NTT Com) ซึ่งดำเนินงานภายใต้แบรนด์ธุรกิจองค์กร “ธุรกิจโดโคโม” ภายในกลุ่มธุรกิจ DOCOMO ได้ประกาศวันนี้ว่าบริษัท Mobile Innovation จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มประเทศไทย จะเริ่มจำหน่ายกล้องติดรถ LINKEETH แบบรองรับการใช้งานเว็บไซต์ในประเทศไทยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

LINKEETH Service Outline (Graphic: Business Wire)

LINKEETH Service Outline (รูปภาพ: Business Wire)

ประเทศไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่อประชากร 100,000 คนอยู่อันดับที่ 9 ของโลก* นอกเหนือจากชีวิตที่สูญเสียไปจำนวนมากแล้ว อุบัติเหตุจำนวนมากยังส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งก่อภาระอย่างใหญ้หลวงต่อสังคม รวมถึงการสูญเสียทางเศรษฐกิจและค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย การขับขี่ยานพาหนะขณะเมาสุราและการขับรถเร็วเกินกำหนดเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่พบบ่อยที่สุด แม้ว่าความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เช่น กฎหมายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นและการนำกฎหมายมาบังคับใช้ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจร และการศึกษาความปลอดภัยทางการจราจรจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็จำเป็นต้องมีความคืบหน้าเพิ่มเติมอยู่

* แหล่งข้อมูล: สำนักงานรัฐบาลเทศบาลนครไอจิประจำประเทศไทย

บริการ LINKEETH จะช่วยจัดการการทำงานของยานพาหนะด้วยข้อมูลตำแหน่งและวินิจฉัยการขับขี่ที่ปลอดภัยโดยวิเคราะห์จากข้อมูลการขับขี่ บริษัททั้งสอง ตั้งเป้าที่จะมีส่วนช่วยให้เกิดการขับขี่อย่างปลอดภัยและลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยผ่านการให้บริการนี้

ฟีเจอร์สำคัญ

1.

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistance Systems/ADAS) และระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ (Driver Monitoring System/DMS)

ระบบเหล่านี้ใช้ AI เพื่อตรวจสอบสภาวะการขับขี่โดยใช้ภาพจากกล้องในรถ ซึ่งจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุด้วยการตรวจจับพฤติกรรมขับขี่ที่เสี่ยงและเตือนผู้ขับขี่ นอกจากช่วยเพิ่มความปลอดภัยแล้ว ระบบเหล่านี้ยังช่วยช่วยป้องกันพฤติกรรมขับขี่อย่างประมาทหรือก้าวร้าวอีกด้วย ระบบ ADAS ออกแบบมาเพิ่อให้ผู้ขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการใช้เซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมของรถยนต์ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนและคำเตือนแก่ผู้ขับขี่อย่างทันท่วงที และช่วยควบคุมรถเมื่อจำเป็น บริการใหม่จะวิเคราะห์วิดีโอที่บันทึกจากกล้องหน้ารถและเตือนผู้ขับขี่หากอยู่ใกล้รถคันข้างหน้าเกินไปหรือขับรถออกนอกเลน ส่วนระบบ DMS จะคอยตรวจสอบสภาวะของผู้ขับขี่ผ่านกล้องที่ติดอยู่ภายในตัวยานพาหนะเพื่อช่วยป้องกันพฤติกรรมขับขี่อย่างก้าวร้าวหรือเป็นอันตรายและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

2.

แสดงภาพข้อมูลสภาวะการขับขี่

ระบบจะนำข้อมูล เช่น อัตราการเร่ง การเบรก การหักพวงมาลัย และความเร็วมาวิเคราะห์และนำมาแสดงผลเป็นบันทึกพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ผลการวินิจฉัยจะแสดงในรูปแบบรายงานเพื่อระบบบริหารจัดการยานพาหนะ (Fleet Management) สามารถให้คำแนะนำการขับขี่ที่ปลอดภัยได้อย่างง่ายดาย

3.

ตรวจจับอุบัติเหตุและส่งวิดีโออัตโนมัติ

เมื่อระบบตรวจจับการขับขี่ที่เป็นอันตรายหรืออุบัติเหตุได้ ระบบจะส่งข้อมูลวิดีโอไปที่เซิร์ฟเวอร์คลาวด์อัตโนมัติ พร้อมส่งอีเมลแจ้งเตือนไปยังผู้รับที่ลงทะเบียนไว้ โดยสามารถดูวิดีโอแบบเรียลไทม์และที่บันทึกไว้ก่อนหน้าจากระยะไกลได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถเข้าถึงหลักฐานวิดีโอในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นได้

4.

จัดการตำแหน่งยานพาหนะ

ข้อมูลตำแหน่งยานพาหนะจะแสดงบนแผนที่ในแบบเรียลไทม์ โดยสามารถตรวจสอบยานพาหนะหลายคันอย่างรวมศูนย์ได้ จึงช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการส่งมอบและป้องกันการโจรกรรมได้ ระบบจะเก็บประวัติการขับขี่สำหรับยานพาหนะแต่ละคันไว้สูงสุดหนึ่งปี

5.

การค้นหาข้อมูลเชิงปริภูมิกาล

เมื่อระบุวันที่ เวลา และพื้นที่ลงในระบบ ยานพาหนะทั้งหมดภายในระยะดังกล่าวก็จะแสดงบนแผนที่ ซึ่งช่วยให้สามารถหายานพาหนะที่เกี่ยวข้องพบและดูในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ จึงช่วยปรับปรุงบริการลูกค้าและประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นได้

NTT Com และ MI มีแผนที่จะขยายการให้บริการไปยังอินโดนีเซีย เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายบริการให้สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก โดยจะวิเคราะห์ความต้องการของประเทศอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ บริษัท Sumitomo Mitsui Auto Leasing & Service (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการเช่าซื้อรถยนต์ กำลังวางแผนที่จะใช้บริการนี้เพื่อให้บริการเช่าซื้อรถยนต์รูปแบบใหม่ในประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย จึงถือเป็นพันธมิตรรายแรกของทั้งสองบริษัท

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54155695/en

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับข้อมูลติดต่อ
สำหรับลูกค้า:
Mobility Service, 5G & IoT Service Dept., Platform and Service Div.
NTT Communications Corporation
ms-3g2t@ntt.com

Mobile Innovation Co., Ltd. (ในประเทศไทย)
+66 (0)2129 3800
support@mobileinnovation.co.th

สำหรับสื่อ
Public Relations Office
NTT Communications Corporation
pr-cp@ntt.com

แหล่งข้อมูล: NTT Communications Corporation

DeepGreenX และ Veea ประกาศข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระดับโลก

Logo

Veea จะสนับสนุนการนําโครงข่ายพลังงานเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ระดับโลกของ DeepGreenX ไปใช้ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับเงินสนับสนุนจากสัญญาเช่าซื้อมูลค่า 140 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า

นิวยอร์กและปารีส

Pallion Group ผนวกความยืดหยุ่นและประสบการณ์ลูกค้าเข้ากับธุรกิจทองและเครื่องประดับที่เต็มไปด้วยพลวัตด้วย Boomi

Logo

กลุ่มแบรนด์ผลิตภัณฑ์โลหะมีค่าและเครื่องประดับของออสเตรเลียทั้งหกแบรนด์เสริมความแข็งแกร่งด้านประสบการณ์ลูกค้า ผ่านการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้และการมองเห็นข้อมูล (data visibility) เป็นการช่วยวางรากฐานสำหรับ AI ช่วยสร้าง

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–22 พฤศจิกายน 2024

วันนี้ Boomi™ ผู้นำด้านการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ประกาศว่า Pallion Group บริษัทผลิตภัณฑ์โลหะมีค่าและเครื่องประดับของออสเตรเลีย ได้เสริมความแข็งแกร่งด้านความยืดหยุ่นและประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience : CX) ในทุกแบรนด์ของบริษัท และวางรากฐานสำหรับ AI ช่วยสร้าง (generative AI) โดยใช้ Boomi Enterprise Platform เป็นฐานสำหรับกลยุทธ์ด้านข้อมูล

Pallion Group Welds Resilience and Customer Experience Into Dynamic Gold and Jewellery Business With Boomi (Graphic: Business Wire)

Pallion Group ผนวกความยืดหยุ่นและประสบการณ์ลูกค้าเข้ากับธุรกิจทองและเครื่องประดับที่เต็มไปด้วยพลวัตด้วย Boomi (กราฟิก : Business Wire)

Pallion ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในซิดนีย์ เป็นบริษัทที่ประกอบด้วยแบรนด์ทั้งหมดหกแบรนด์ ที่จัดหา ผลิต จัดจำหน่าย ขาย และให้บริการการจัดเก็บที่ปลอดภัย สำหรับทองคำ เงิน และเครื่องประดับที่ผลิตตามสั่ง โดยให้บริการแก่องค์กรและบุคคล ในออสเตรเลีย ฮ่องกง และจีน  บริษัทได้นำแพลตฟอร์มการบูรณาการในรูปแบบบริการ (Integration Platform as a Service : iPaaS) ของ Boomi มาใช้ เพื่อทำให้การเชื่อมต่อระหว่างระบบเทคโนโลยีง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้เกิดการมองเห็นข้อมูลทางการเงิน การค้า และห่วงโซ่อุปทานผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความอ่อนไหวอย่างมาก

Simon Smith ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศกลุ่ม (Group Chief Information Officer : CIO) ของ Pallion Group กล่าวว่า “Pallion จัดหาโลหะมีค่าและเครื่องประดับมูลค่าสูง ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการกำหนดราคาแบบพลวัตและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งยังมีข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เราดูแลเงินของผู้คนและบริษัทต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงธนาคาร กองทุนบำนาญ และผู้ค้าปลีกรายใหญ่”  “นั่นหมายความว่าเราต้องการให้มีช่วงเวลาให้บริการที่มีความต่อเนื่อง (consistent uptime) สำหรับระบบของเราและระหว่างระบบของเรา เพื่อให้มีการโฟลว์ของข้อมูลไปกลับแบบเรียลไทม์ ในขณะที่ทีมของเราสามารถดูข้อมูลลูกค้าแบบรวมศูนย์ในหน้าจอเดียวได้  Boomi ขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านข้อมูลของเราด้วยการมอบเฟรมเวิร์กการบูรณาการแบบ Hub-and-Spoke ที่สะอาด เพื่อเชื่อมต่อแพลตฟอร์มที่สำคัญต่อธุรกิจและรวมศูนย์ข้อมูลเพื่อให้ความต้องการนี้เป็นไปได้”

ตามที่คุณ Smith กล่าวนั้น Pallion ได้นำ Boomi Enterprise Platform มาใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เพื่อให้การสนับสนุนฐานรากของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (digital transformation) และเพื่อแทนที่ “ความยุ่งเหยิงแบบเส้นสปาเกตตี” (“spaghetti mess”) นับร้อยรายการ ของการบูรณาการในรูปแบบจุดต่อจุด (point-to-point integration) ที่ล้าสมัย  แพลตฟอร์ม Boomi ได้ถูกใช้เพื่อเชื่อมต่อชุดการวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning : ERP) Microsoft Dynamics 365 และระบบการเงินและทรัพยากรบุคคล (Human Resources : HR) ของ Pallion และบริษัทยืนยันว่าการใช้ iPaaS จะปรับขนาดขึ้นได้ (scale up) เมื่อกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลพัฒนาไป  ในขณะเดียวกัน ข้อมูลที่ถูกนำเข้าโดยระบบของ Pallion ได้ถูกรวมศูนย์ไว้ใน Boomi DataHub แล้ว

คุณ Smith กล่าวว่า “Boomi ได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เรามั่นใจว่าเราสามารถวางใจได้ ในการส่งข้อมูลไปยังบุคคลและสถานที่ที่ถูกต้อง อย่างปลอดภัย โดยไม่มีช่วงเวลาหยุดทำงาน (downtime) ครอบคลุมตั้งแต่การดำเนินงานด้านการผลิตไปจนถึงเว็บไซต์ที่ลูกค้าของเราใช้ในการซื้อโลหะมีค่าและเครื่องประดับ”  “สิ่งนี้ได้ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เนื่องจากข้อมูลที่ผู้ซื้อและทีมของเราเห็นจะมีความถูกต้องเสมอ หากมีปัญหาใด ๆ โมเดลการบูรณาการของ Boomi จะช่วยให้เราสามารถระบุและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว – กระบวนการที่เคยใช้เวลาหลายวันตอนนี้เสร็จสิ้นได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง”

Pallion ยังพบว่า ผลิตภาพเพิ่มขึ้นสูงมาก เนื่องจาก Boomi ช่วยให้บริษัทลดเวลาที่ต้องใช้ในการบำรุงรักษาและแก้ไขการบูรณาการแบบจุดต่อจุดลงได้อย่างมาก

นอกจากนี้ คุณ Smith กล่าวว่า Boomi Enterprise Platform ยังทำหน้าที่เป็น “ชั้นการเชื่อมต่อ” (abstraction layer) ทำให้มั่นใจได้ว่า การลงทุนด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติมจะถูกบูรณาการเข้ากับกลุ่มบริษัทได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น โดยมีข้อมูลพร้อมใช้งานผ่าน Boomi DataHub  สิ่งนี้มีความสำคัญในแผนกลยุทธ์ของ Pallion โดยบริษัทวางแผนที่จะนำ AI ช่วยสร้าง มาใช้ เพื่อให้พนักงานสามารถค้นข้อมูลของบริษัทโดยใช้ภาษาธรรมชาติได้ และในท้ายที่สุดเพื่อเร่งกระบวนการภายในต่าง ๆ และการบริการลูกค้า

David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าวว่า “Pallion Group เป็นผู้ให้บริการแบรนด์ค้าปลีกที่มีชื่อเสียงที่สุดหลายแบรนด์ ตั้งแต่ Tiffany & Co ไปจนถึง Michael Hill Jewellery รวมถึงให้บริการแก่สถาบันการเงิน และประชาชนชาวออสเตรเลีย  บริษัทเองยังได้ร่วมทำถ้วยรางวัล Melbourne Cup และ Australian Open และรถม้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ด้วย  ลูกค้าของบริษัทย่อมคาดหวังประสบการณ์ที่ราบรื่นเมื่อต้องทำการตัดสินใจครั้งสำคัญในการซื้อผลิตภัณฑ์  Boomi ได้ช่วย Pallion ในการสร้างสภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้และยืดหยุ่น สำหรับแบรนด์ทุกแบรนด์ เพื่อให้ประสบการณ์ลูกค้าที่เหมาะสมที่สุด ในขณะเดียวกันก็รองรับข้อผูกพันด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด ซึ่งกลุ่มบริษัทต้องปฏิบัติตาม”

ทรัพยากรเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกสามารถปรับให้กระบวนการสำคัญต่าง ๆ เป็นระบบอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เร็วขึ้น ด้วยการใช้ความสามารถขั้นสูงของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) Boomi Enterprise Platform เชื่อมต่อระบบและจัดการโฟลว์ของข้อมูลด้วยการจัดการ API (API Management) การบูรณาการ (Integration) การจัดการข้อมูล (Data Management) และการประสานงานปัญญาประดิษฐ์ (AI Orchestration) ในโซลูชันครบวงจรเดียว ด้วยฐานลูกค้าที่กว่า 20,000 บริษัททั่วโลก และเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่า 800 ราย Boomi กำลังปฏิวัติวิธีการที่องค์กรทุกขนาดบรรลุความคล่องตัวทางธุรกิจและความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ค้นพบเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

ลิขสิทธิ์ของ Boomi, LP ปีค.ศ. 2024 “Boomi”, โลโก้ “B” และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP, บริษัทในเครือ หรือบริษัทย่อย ชื่อหรือเครื่องหมายอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับสื่อ :
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นjasmine.ee@boomi.com

แหล่งที่มา : Boomi

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152750/en

Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล APJ Customer Innovation Award ประจำปี 2024

Logo

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–21 พฤศจิกายน 2024

ในวันนี้ Boomi™ ผู้นำด้านการบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล Asia Pacific and Japan (APJ) Customer Innovation Awards ประจำปี 2024 โดยมอบที่งาน Boomi World Tour ประจำปี 2024 ที่เมืองซิดนีย์

Boomi Announces 2024 APJ Customer Innovation Award Winners (Photo: Business Wire)

Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล APJ Customer Innovation Award ประจำปี 2024 (รูปภาพ: Business Wire)

ผู้ชนะได้รับเกียรติจากการคิดค้นนวัตกรรมด้วยการบูรณาการแอปพลิเคชันและข้อมูลลงในระบบปรับปรุงธุรกิจด้วย Boomi Enterprise Platform ผู้ชนะรางวัลในปีนี้ได้รับเลือกจากผลงานที่โดดเด่นในเกณฑ์ต่อไปนี้ คือ การแสดงผลกระทบต่อธุรกิจผ่านผลลัพธ์ที่โดดเด่นและใช้วัดผลได้ การผันเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล โปรเจคต์นวัตกรรม ผลกระทบต่อสังคม การปรับปรุงให้ทันสมัย ​​ความเป็นเลิศด้านการบูรณาการ และความเป็นเลิศด้านระบบอัตโนมัติ

ผู้ชนะรางวัลในปีนี้ได้แก่

  • Norths Collective – รางวัลลูกค้าแห่งปีของ APJ (APJ Customer of the Year Award) — Norths Collective ขับเคลื่อนกลยุทธ์การผันเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลของตนไปกับ Boomi โดยเชื่อมต่อระบบแยก รวมถึงรวมศูนย์กลางข้อมูลการดำเนินงานและสมาชิกของตน การบูรณาการนี้ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจและมอบประสบการณ์สมาชิกแบบเฉพาะบุคคลอย่างยิ่งให้กับกลุ่มธุรกิจบริการที่ตั้งอยู่ในนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม รวมถึงอัตราการคลิกอีเมลที่เพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า
  • HEB Construction (HEB) – รางวัลความเป็นเลิศด้านธุรกิจ (Business Excellence Award) — HEB เพิ่มระดับการใช้งานแพลตฟอร์ม Boomi ของตนเพื่อดึงประสิทธิภาพเครื่องมือตรวจสอบถนนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของบุคคลที่สามที่มีอยู่ให้ได้อย่างสูงสุด HEB ใช้ Boomi เพื่อบูรณาการเครื่องมือ AI เข้ากับระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) และแพลตฟอร์มการจัดการงานและทรัพย์สิน (WAM) ของรัฐบาลกลางและท้องถิ่น เพื่อให้ฝ่ายบำรุงรักษาและลูกค้าได้ข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำและทันท่วงทียิ่งขึ้น ซึ่งตามมาด้วยความสำเร็จขององค์กรในการนำ Boomi เข้ามาใช้เพื่อสร้างความสอดคล้องให้กับระบบการดำเนินงานในพื้นที่นิวซีแลนด์และบริษัทแม่ในระดับโลก

Uniting Care Queensland (UCQ) – รางวัลความเป็นเลิศด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare Excellence Award) — Uniting Care Queensland สามารถมอบบริการที่พึ่งพาและสเกลระดับได้ทั่วทั้งโรงพยาบาลทั้งสี่แห่งด้วย Boomi การตัดสินใจของ UCQ ในการเปลี่ยนแพลตฟอร์มบูรณาการแบบเดิมของตนไปเป็นแพลตฟอร์มของ Boomi ช่วยให้บริการตั้งแต่แผนกรังสีวิทยา แผนกพยาธิวิทยา และแผนกสูติกรรม ไปจนถึงบริการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของรัฐบาล การรายงานตามกฎหมาย และบริการด้านอาหารได้รับการยกระดับและสามารถนำกลับมาใช้ได้ทั่วทั้งสถานที่ของบริษัท ในบรรดาระบบบูรณาการกว่า 110 ระบบนั้น แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ยังรองรับการประมวลผลทางการเงินในด้านการเรียกเก็บเงิน การขอเคลมสินไหม และการคืนเงินอีกด้วย

Toyota Motors Corporation Australia (TMCA) – รางวัลความเป็นเลิศด้านนวัตกรรม (Innovation Award) — TMCA ใช้แพลตฟอร์ม Boomi เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเชื่อมต่อระหว่างระบบธุรกิจองค์กร รวมถึงการบูรณาการกับระบบบางระบบในเครือข่ายแฟรนไชส์ ​​TMCA ในออสเตรเลีย ทั้งยังเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ดิจิทัลบางประเภทให้กับลูกค้าโตโยต้าอีกด้วย ซึ่งช่วยให้กลุ่มยานยนต์สามารถสร้างมุมมองรวมของข้อมูลลูกค้า และรองรับการเก็บบันทึกที่แม่นยำเพื่อให้เกิดกำกับดูแลที่ดีขึ้นและปรับปรุงผลลัพธ์ของประสบการณ์ลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมระบบ Back-End แบบนำมาใช้ซ้ำได้ในระบบบูรณาการ และ API รวมถึงการพัฒนาโค้ดด้วยรูปแบบ Asynchronous

  • Toowoomba Regional Council (TRC) – รางวัลความเป็นเลิศด้านการส่งผลต่อสังคม (Social Impact Award) —TRC นำแพลตฟอร์ม Boomi มาใช้เพื่อปรับปรุงการส่งมอบบริการดิจิทัลให้แก่ผู้อยู่อาศัย รวมถึงคำขอด้านการบำรุงรักษา การชำระค่าน้ำ และแอปพลิเคชันพัฒนาที่อยู่อาศัย ด้วยการบูรณาการแบบฟอร์มบริการเข้ากับระบบต่างๆ มากมายของสภา ในตอนนี้ ผู้อยู่อาศัยจึงได้รับประโยชน์จากกระบวนการบนแอปพลิเคชันที่รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่และช่วยกรอกข้อมูลให้ล่วงหน้า ซึ่งช่วยลดเวลาในการกรอกคำร้องขอและปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับเจ้าหน้าที่สภาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โทมัส ไล รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของ APJ ที่ Boomi กล่าวว่า “ในช่วงปีที่ผ่านมา ระบบบูรณาการและระบบอัตโนมัติถือเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังของการผันเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล ซึ่งให้ความสำคัญไปที่ลูกค้าของเรา” ผู้ชนะรางวัล APJ ประจำปี 2024 เป็นตัวอย่างของบริษัทที่มีความมุ่งมั่นต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่การตัดสินใจที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ไปจนถึงการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มผลผลิต เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงปฏิรูปภายในโปรเจกต์นวัตกรรมที่ได้รับการยกย่องในปีนี้”

เพื่อตอบสนองต่อจำนวนผู้ส่งผลงานที่มีคุณสมบัติสูงอย่างล้นหลามที่ส่งผลงานเข้าชิงรางวัล APJ Customer Innovation Awards ของปีนี้ Boomi จึงรู้สึกยินดีที่ได้ให้ความยอมรับและให้เกียรติผู้เข้าชิงทุกคนด้วยเช่นกัน ซึ่งลูกค้าที่ส่งผลงานแต่ละรายแสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศและงานที่โดดเด่นจากการใช้แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise Platform

“ลูกค้าของเราสามารถสร้างผลกระทบในอุตสาหกรรมของตน ส่งมอบประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมในด้านผลผลิต และปรับปรุงประสบการณ์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการเชื่อมการลงทุนทางดิจิทัลของพวกเขากับแพลตฟอร์ม Boomi และการปรับปรุงการมองเห็นข้อมูลของพวกเขาให้ดีขึ้น” ไลกล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi เป็นผู้นำด้านระบบบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ซึ่งช่วยองค์กรทั่วโลกบูรณาการระบบอัตโนมัติและพัฒนากระบวนการที่สำคัญให้เป็นไปอย่างราบรื่นเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เร็วยิ่งขึ้น Boomi Enterprise Platform สามารถเชื่อมต่อระบบและจัดการกระแสข้อมูลด้วยการจัดการ API ระบบบูรณาการ การจัดการข้อมูล และการสั่งการ AI ได้อย่างไร้รอยต่อลงในโซโลชันครบวงจรเดียวด้วยการดึงความสามารถขั้นสูงของ AI Boomi ช่วยปฏิวัติวิธีการที่องค์กรทุกขนาดบรรลุความคล่องตัวทางธุรกิจและความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานให้กับฐานลูกค้ามากกว่า 20,000 บริษัททั่วโลก และเครือข่ายพันธมิตรมากกว่า 800 รายที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2024 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152745/en

ข้อมูลติดต่อ

ข้อมูลติดต่อนักประชาสัมพันธ์
แจสมิน อี
หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลทางความคิดของ APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งข้อมูล: Boomi.

Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลพาร์ทเนอร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ประจำปี 2024

Logo

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2024

วันนี้ Boomi™ ผู้นำด้านการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลพาร์ทเนอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (APJ Partner Awards) ประจำปี 2024 ในงาน 2024 APJ Boomi Partner Summit ซึ่งจัดขึ้น ณ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย  รางวัลในปีนี้มอบให้แก่ Atturra (ASX : ATA), LTIMindtree (NSE : LTIM, BSE : 540005) และ Adaptiv ในฐานะพาร์ทเนอร์ผู้ทรงคุณค่าและมีวิสัยทัศน์ก้าวไกล ซึ่งประสบความสำเร็จในการใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์กับ Boomi เพื่อเร่งผลลัพธ์ทางธุรกิจให้แก่ลูกค้า

Boomi Announces 2024 APJ Partner Award Winners (Graphic: Business Wire)

Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลพาร์ทเนอร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ประจำปี 2024 (กราฟิก : Business Wire)

ผู้ชนะรางวัลได้รับการคัดเลือกจากการใช้ความสามารถทั้งหมดของ Boomi Enterprise Platform เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม แก้ไขความท้าทายที่ซับซ้อน และสร้างผลกระทบเชิงบวกในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมให้แก่ลูกค้า

Jim Fisher รองประธานฝ่ายพันธมิตรและช่องทางการจัดจำหน่าย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าวว่า “พาร์ทเนอร์ของเราทั่วภูมิภาคกำลังยกระดับขีดความสามารถของ Boomi สู่จุดสูงสุดใหม่”  “ด้วยความเชี่ยวชาญอันลึกซึ้ง พวกเขาได้มอบสภาพแวดล้อมข้อมูลที่มีการบูรณาการและมีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแค่สามารถขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติ แต่ยังช่วยให้สามารถทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลนำ และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า  ความมุ่งมั่นในระดับนี้เป็นสิ่งจำเป็นต่อความสำเร็จของโครงการการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ทุกโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการขนาดใหญ่หรือเล็ก  พาร์ทเนอร์ผู้ทรงคุณค่าของเรายังคงเป็นผู้เปิดทาง แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทอย่างไม่หยุดยั้งในการสร้างโลกที่เชื่อมต่อกันมากขึ้นและส่งเสริมความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี”

“รางวัลเหล่านี้เป็นโอกาสให้ Boomi ได้ยกย่องพาร์ทเนอร์ที่เคารพและฉลองให้กับผลงานอันน่าทึ่งในการส่งเสริมแบรนด์ของเราและส่งมอบสิ่งที่ Boomi สัญญา และเรามุ่งหวังที่จะสานต่อแรงขับเคลื่อนแห่งความสำเร็จนี้ไปพร้อมกับผู้ชนะรางวัลและผู้เข้าชิงทุกราย เพื่อเข้าสู่ปีอันน่าตื่นเต้นที่รอเราอยู่”

ผู้ชนะรางวัลประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ปี 2024 แบ่งตามประเภท มีดังนี้ :

  • พาร์ทเนอร์แห่งปี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น – Atturra
  • พาร์ทเนอร์แห่งปี ประจำภูมิภาคออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ – Atturra
  • พาร์ทเนอร์แห่งปี ประจำภูมิภาคเอเชีย – LTIMindtree
  • พาร์ทเนอร์เติบโตโดดเด่นแห่งปี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น – Adaptiv
  • พาร์ทเนอร์ด้านบริการแห่งปี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น – Atturra

Boomi นำเสนอโซลูชันการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติแบบครบวงจรที่ช่วยองค์กรดิจิทัลสมัยใหม่ในการเร่งผลลัพธ์ทางธุรกิจ  บริษัทให้บริการลูกค้ากว่า 20,000 ราย มีชุมชนผู้ใช้ที่เติบโตขึ้นกว่า 250,000 ราย และมีเครือข่ายพาร์ทเนอร์ทั่วโลกประมาณ 800 ราย

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมพาร์ทเนอร์ของ Boomi หรือค้นหาพาร์ทเนอร์จากทั่วโลกผ่านระบบนิเวศของ Boomi โดยเยี่ยมชมที่ Boomi.com/partners

ติดตาม Boomi ได้บน X (Twitter), LinkedIn, Facebook และ YouTube

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกสามารถปรับให้กระบวนการสำคัญต่าง ๆ เป็นระบบอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เร็วขึ้น  ด้วยการใช้ความสามารถขั้นสูงของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) Boomi Enterprise Platform เชื่อมต่อระบบและจัดการโฟลว์ของข้อมูลด้วยการจัดการ API (API Management) การบูรณาการ (Integration) การจัดการข้อมูล (Data Management) และการประสานงานปัญญาประดิษฐ์ (AI Orchestration) ในโซลูชันครบวงจรเดียว  ด้วยฐานลูกค้าที่กว่า 20,000 บริษัททั่วโลก และเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่า 800 ราย  Boomi กำลังปฏิวัติวิธีการที่องค์กรทุกขนาดบรรลุความคล่องตัวทางธุรกิจและความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ค้นพบเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

ลิขสิทธิ์ของ Boomi, LP ปีค.ศ. 2024  “Boomi”, โลโก้ “B” และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP, บริษัทในเครือ หรือบริษัทย่อย  ชื่อหรือเครื่องหมายอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152732/en

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับสื่อ :
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งที่มา : Boomi

SBC Medical Group Holdings Inc. รายงานงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2024

Logo

เออร์ไวน์ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2024

SBC Medical Group Holdings Incorporated (“SBC Medical” หรือ “บริษัท”) ซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้ดําเนินการ และผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการและผลิตภัณฑ์สำหรับศูนย์บำบัดความงามระดับโลก ในวันนี้ได้ประกาศงบการเงินก่อนตรวจสอบไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024

งบการเงินที่สำคัญไตรมาส 3 ปี 2024

  • รายได้รวม ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 53 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% จาก 47 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023
  • รายได้รวม ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 23% จาก 131 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023
  • รายได้จากการดําเนินงาน ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 13 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2023
    • ผลลัพธ์นี้ได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนตามหุ้น 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจดทะเบียนของบริษัท
  • รายได้จากการดําเนินงาน ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 65.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 40.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023
    • ผลลัพธ์นี้ได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนตามหุ้น 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจดทะเบียนของบริษัท
  • EBITDA1 ซึ่งคํานวณโดยการนำค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่ายมาบวกกับรายได้จากการดําเนินงาน ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 68 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 EBITDA margin อยู่ที่ 42% ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024
  • รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 8 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023
  • รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 60% จาก 25 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023
  • จํานวนคลินิกพันธมิตร อยู่ที่ 224 แห่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 เพิ่มขึ้น 24 แห่งจากวันที่ 30 กันยายน 2023

1 EBITDA และ EBITDA Margin เป็นการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP (ไม่ได้อยู่ในมาตรฐานบัญชี) สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  โปรดดูหัวข้อ “การใช้การวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP ” และตารางที่มีชื่อว่า “การกระทบยอดก่อนตรวจสอบของผลลัพธ์แบบ GAAP (ตามมาตรฐานบัญชี) และแบบ non-GAAP  “

  • จํานวนลูกค้า ในงวดสิบสองเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 4.3 ล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  • อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ต่อปี) ซึ่งหมายถึงกําไรสุทธิต่อปีที่เป็นของบริษัทหารด้วยค่าเฉลี่ยของส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 และ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 31% ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 1 จุดเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  • กําไรต่อหุ้น (พื้นฐาน) ซึ่งหมายถึงกําไรสุทธิที่เป็นของบริษัทหารด้วยจํานวนหุ้นที่ชำระแล้วเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักอยู่ที่ 0.42 เหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

“การประกาศผลประกอบการครั้งแรกของเราในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถือเป็นก้าวสําคัญสําหรับ SBC Medical หลังจากประสบความสำเร็จในการควบรวมธุรกิจกับ Pono Capital Two แล้ว SBC Medical เริ่มซื้อขายบน Nasdaq ภายใต้สัญลักษณ์ 'SBC' เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2024” Yoshiyuki Aikawa ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SBC Medical กล่าว “ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 161 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 59% เน้นย้ำถึงผลกระทบเชิงบวกของแผนริเริ่มเชิงกลยุทธ์ของเรา เช่น การปรับโครงสร้างค่าสิทธิและการขยายเครือข่ายคลินิก นอกจากนี้ ด้วยงบดุลที่แข็งแกร่งซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเงินสด 137 ล้านเหรียญสหรัฐ เราจึงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนโดยมีนโยบายเงินทุนที่ชัดเจน เราให้ความสําคัญกับผู้ถือหุ้นเป็นอย่างยิ่ง และยังคงให้ความสําคัญกับมูลค่าของผู้ถือหุ้นต่อไปผ่านผลตอบแทนที่สม่ำเสมอด้วยการเติบโตของธุรกิจที่แข็งแกร่ง การลงทุนต่อเชิงกลยุทธ์ และฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ถือหุ้นทุกคนรวมถึงนักลงทุนรายย่อยของเรา จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตและความสําเร็จของเรา”

งบการเงินไตรมาส 3 ปี 2024

รายได้รวมในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 23% จาก 131 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 รายได้รวมในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 53 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% จาก 47 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023 การเพิ่มขึ้นนี้มีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทเริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าจากคลินิกแฟรนไชส์ของเรา และเนื่องจากการขยายของจํานวนคลินิกแฟรนไชส์ของเรา ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 56 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 20% จาก 47 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเที่ยบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 29 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 118% จาก 13 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023 การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดนั้นมีสาเหตุหลักมาจากการให้คําปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ ค่าตอบแทนตามหุ้น และค่าใช้จ่ายสํานักงานที่สูงขึ้น

EBITDA ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 68.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22% จาก 56.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้ แต่หักล้างไปบางส่วนด้วยค่าปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ EBITDA ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 14.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 36% จาก 23.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023 สาเหตุหลักมาจากการให้คําปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ ค่าตอบแทนตามหุ้น และค่าใช้จ่ายสํานักงานที่สูงขึ้น

รายได้สุทธิในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 40.1 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 24.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้รวม แต่หักล้างไปบางส่วนจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมด รายได้สุทธิในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 8.1 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2023 การลดลงมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่สูงขึ้น

ข้อมูลกระแสเงินสดและสภาพคล่องที่สำคัญ

ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 SBC Medical ยังคงรักษาสถานะสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวม 137.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 103.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 การเพิ่มขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างเงินสดที่แข็งแกร่งจากกิจกรรมดําเนินงาน การจัดการการลงทุนอย่างรอบคอบ กลยุทธ์การจัดสรรเงินทุนที่มีวินัย

กระแสเงินสดจากการดําเนินงาน

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดําเนินงานอยู่ที่ 27 ล้านเหรียญสหรัฐสในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 เพิ่มขึ้น 23% จาก 22 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนหลักจากรายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้น 15 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนตามหุ้น 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ล่าสุดของบริษัท และการปรับปรุงในการจัดเก็บบัญชีลูกหนี้ ปัจจัยเชิงบวกเหล่านี้ถูกหักล้างไปบางส่วนด้วยการเปลี่ยนแปลงของบัญชีเจ้าหนี้และหนี้สินภาษี ซึ่งสะท้อนถึงการมุ่งเน้นของบริษัทในการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมการดําเนินงานที่กําลังเติบโต

กระแสเงินสดจากการลงทุน

เงินสดสุทธิที่ใช้ในกิจกรรมการลงทุนมีมูลค่ารวม 5 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 ลดลงจาก 8 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 ปัจจัยหลักหลักที่ส่งผลให้ลดลงนี้ ได้แก่ การชําระเงินในนามของบุคคลที่เกี่ยวข้องมูลค่า 5.2 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทยังคงจัดสรรเงินทุนอย่างมีกลยุทธ์เพื่อใช้กับสินทรัพย์ที่มีผลกระทบสูงซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตในระยะยาว

กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน

เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมจัดหาเงินมีมูลค่ารวม 11 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 เพิ่มขึ้นจาก 6 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เพิ่มขึ้นนี้ ได้แก่ รายได้จากการปรับโครงสร้างทุนแบบย้อนกลับ สุทธิจากต้นทุนธุรกรรม 11.7 ล้านเหรียญสหรัฐ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสําคัญกับการเติบโตแบบยั่งยืนของบริษัทฯ ผ่านกระแสเงินสดจากการดําเนินงานมากกว่าการจัดหาเงินทุนจากภายนอก โดยไม่มีหนี้สินใหม่ที่มีนัยสำคัญเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน

กระแสเงินสดของ SBC Medical ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากค่าเงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ บริษัทฯ ยังคงติดตามความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และใช้กลยุทธ์เพื่อบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของสกุลเงิน

ด้วยเงินสดสํารองที่แข็งแกร่งและกระแสเงินสดจากการดําเนินงานที่ดี SBC Medical มั่นใจในความสามารถในการตอบสนองความต้องการสภาพคล่องในระยะสั้น และจัดหาเงินทุนสําหรับความคิดริเริ่มการเติบโตในอนาคต ฝ่ายบริหารเชื่อว่าสถานะเงินสดในปัจจุบันควบคู่ไปกับกระแสเงินสดจากการดําเนินงานที่วางแผนไว้จะเพียงพอที่จะรองรับการดําเนินธุรกิจและการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในอีก 12 เดือนข้างหน้า

เกี่ยวกับ SBC Medical

SBC Medical ซึ่งมีสํานักงานใหญ่ในเมืองเออร์ไวน์ แคลิฟอร์เนีย และโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าของและให้บริการด้านการจัดการและผลิตภัณฑ์แก่ศูนย์เสริมความงาม บริษัทมุ่งเน้นที่การให้บริการด้านการบริหารจัดการอย่างครบวงจรแก่คลินิกแฟรนไชส์เป็นหลัก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงความต้องการด้านการโฆษณาและการตลาดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ (เช่น เครือข่ายโซเชียลมีเดีย) การบริหารจัดการพนักงาน (เช่น การสรรหาและการฝึกอบรม) การจองคิวสําหรับลูกค้าคลินิกแฟรนไชส์ การช่วยเหลือในการเช่าที่พักและการเช่าสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานแฟรนไชส์ การก่อสร้างและการออกแบบคลินิกแฟรนไชส์ การจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (ขายต่อ) การจัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางให้กับคลินิกแฟรนไชส์เพื่อขายต่อให้กับลูกค้าคลินิก  การออกใบอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่อยู่ระหว่างรอรับสิทธิบัตรและไม่ได้จดสิทธิบัตร การใช้เครื่องหมายการค้าและตราสินค้า โซลูชั่นซอฟต์แวร์ไอที (รวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงการให้คําปรึกษาทางการแพทย์ทางไกล) การจัดการโปรแกรมรางวัลสำหรับลูกค้าของคลินิกแฟรนไชส์ (โปรแกรมคะแนนความภักดีของลูกค้า)  และเครื่องมือการชําระเงินสําหรับคลินิกแฟรนไชส์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://sbc-holdings.com/

การใช้การวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP

บริษัทใช้การวัดผลแบบ non-GAAP  เช่น EBITDA ในการประเมินผลการดําเนินงานและเพื่อวัตถุประสงค์ในการตัดสินใจทางการเงินและการดําเนินงาน บริษัทเชื่อว่าการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  ช่วยระบุแนวโน้มที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทเชื่อว่าการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับผลการดําเนินงานของบริษัท เพิ่มความเข้าใจโดยรวมเกี่ยวกับผลการดําเนินงานในอดีตของบริษัทและแนวโน้มในอนาคต และช่วยให้มองเห็นตัวชี้วัดหลักที่ฝ่ายบริหารของบริษัทใช้ในการตัดสินใจทางการเงินและการดําเนินงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

การวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  ไม่ได้ถูกกําหนดไว้ภายใต้มาตรฐานบัญชีของสหรัฐอเมริกา (U.S. GAAP) และไม่ได้นําเสนอแบบ GAAP ของสหรัฐอเมริกาการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  มีข้อจํากัดในเรื่องเครื่องมือวิเคราะห์ และเมื่อประเมินผลการดําเนินงาน กระแสเงินสด หรือสภาพคล่องของบริษัท นักลงทุนไม่ควรพิจารณาแยกออก หรือพิจารณาแทนผลขาดทุนสุทธิ กระแสเงินสดจากกิจกรรมการดําเนินงาน หรืองบกำไรขาดทุนอื่นๆ และข้อมูลกระแสเงินสดที่จัดทําขึ้นแบบ GAAP ของสหรัฐอเมริกา

บริษัทบรรเทาข้อจํากัดเหล่านี้โดยการกระทบยอดการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  เข้ากับการวัดผลการดําเนินงานแบบ GAAP ของสหรัฐอเมริกาที่เทียบเคียงได้มากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ควรนำมาพิจารณาเมื่อประเมินผลการดําเนินงานของบริษัท

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP  โปรดดูตารางที่หัวข้อ “การกระทบยอดก่อนตรวจสอบของผลลัพธ์แบบ GAAP  และแบบ non-GAAP”

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีตหรือข้อความเกี่ยวกับสภาวะปัจจุบัน  แต่เป็นเพียงการแสดงความเชื่อของบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์และผลการดําเนินงานในอนาคตเท่านั้น ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วหลายสิ่งมีความไม่แน่นอนโดยและอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้สะท้อนถึงมุมมองปัจจุบันของบริษัท เกี่ยวกับผลการดําเนินงานทางการเงินของบริษัท การเติบโตของรายรับและรายได้ แนวโน้มและโอกาสทางธุรกิจ และแผนการจัดสรรเงินทุนและสภาพคล่อง ในบางกรณี ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตสามารถระบุได้ด้วยการใช้คําต่างๆ เช่น “อาจ” “ควร” “คาดหมายว่า” “คาดการณ์ว่า” “พิจารณา” “ประมาณการ” “เชื่อว่า” “มีแผนจะ” “คาดว่า” “ทำนาย” “อาจเป็นไปได้” หรือ “หวังว่า” หรือความหมายเชิงลบของคําเหล่านี้หรือคําที่คล้ายคลึงกัน บริษัทขอเตือนผู้อ่านว่าอย่าพึ่งพาข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตใดๆ มากเกินไป ซึ่งเป็นปัจจุบัน ณ วันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เท่านั้น และอาจมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน สมมติฐาน หรือการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่างๆ ที่ยากต่อการคาดการณ์หรือวัดผลได้ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเป็นความคาดหวังในปัจจุบันของฝ่ายบริหาร มิได้เป็นการรับรองการดําเนินงานในอนาคต บริษัทไม่มีภาระผูกพันหรือยอมรับภาระผูกพันใดๆ ในการเผยแพร่ข้อมูลอัปเดต หรือการแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตต่อสาธารณะ เพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์ หรือการเปลี่ยนแปลงในเหตุการณ์ เงื่อนไข หรือสถานการณ์ที่ข้อความดังกล่าวอ้างถึง เว้นแต่ตามที่กฎหมายกําหนด ปัจจัยที่อาจทําให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญจากการคาดการณ์ในปัจจุบันอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และบริษัทไม่สามารถคาดการณ์ได้ทั้งหมด ปัจจัยดังกล่าวรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ ธุรกิจ การแข่งขัน การตลาด และข้อกำหนดด้านกฎระเบียบในระดับโลก ระดับภูมิภาค หรือระดับท้องถิ่น รวมถึงปัจจัยต่างๆ ที่ระบุไว้ภายใต้หัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยง” และที่อื่นๆ ในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา (“SEC”) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้บนเว็บไซต์ของ SEC ที่ www.sec.gov

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED

งบดุลรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

30 กันยายน

31 ธันวาคม

2024

2023

สินทรัพย์

สินทรัพย์หมุนเวียน:

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด

$

137,393,070

$

103,022,932

บัญชีลูกหนี้

1,944,604

1,437,077

บัญชีลูกหนี้– กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

27,835,179

33,676,672

สินค้าคงเหลือ

1,985,883

3,090,923

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

8,443,338

6,143,564

ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมลูกค้า หมุนเวียน

16,125,086

8,484,753

ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น 

8,372,668

10,050,005

รวมสินทรัพย์หมุนเวียน

202,099,828

165,905,926

สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน:

ทรัพย์สินและอุปกรณ์สุทธิ

13,194,414

13,582,017

สินทรัพย์ไม่มีตัวตนสุทธิ

16,218,233

19,739,276

การลงทุนระยะยาว

4,905,115

849,434

ค่าความนิยมสุทธิ

3,545,391

3,590,791

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน ไม่หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

4,629,047

3,420,489

สินทรัพย์สิทธิการใช้สัญญาเช่าดําเนินงาน

5,251,418

5,919,937

สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

624,564

ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมลูกค้า ไม่หมุนเวียน

6,590,301

6,444,025

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

4,308,810

4,099,763

การลงทุนระยะยาวใน MCs – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

19,561,069

19,811,555

ทรัพย์สินอื่น

15,550,402

15,442,058

รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน

94,378,764

92,899,345

รวมสินทรัพย์

$

296,478,592

$

258,805,271

หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

หนี้สินหมุนเวียน:

บัญชีเจ้าหนี้

$

14,873,829

$

26,531,944

ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี

136,683

156,217

ตั๋วเงินจ่าย หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

10,202,360

3,369,203

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า

565,495

2,074,457

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

18,994,015

23,058,175

ภาษีเงินได้ค้างจ่าย

8,000,808

8,782,930

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน หมุนเวียน

4,060,844

3,885,812

หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น

12,054,047

21,009,009

เนื่องจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

3,532,453

3,583,523

รวมหนี้สินหมุนเวียน

72,420,534

92,451,270

หนี้สินไม่หมุนเวียน:

เงินให้กู้ยืมระยะยาว

686,470

1,062,722

ตั๋วเงินจ่าย ไม่หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

11,659,022

11,948,219

หนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

3,515,825

6,013,565

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน ไม่หมุนเวียน

1,528,972

2,444,316

หนี้สินอื่น

1,147,345

1,074,930

รวมหนี้สินไม่หมุนเวียน

18,537,634

22,543,752

รวมหนี้สิน

90,958,168

114,995,022

ส่วนของผู้ถือหุ้น:

หุ้นบุริมสิทธิ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 เหรียญสหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 20,000,000 หุ้น ไม่มีหุ้นที่ออกและชำระแล้ว ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 และ 31 ธันวาคม 2023) (1)

หุ้นสามัญ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 เหรียญสหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 400,000,000 หุ้น หุ้นที่ออกและชำระแล้ว  103,020,816 หุ้น และ 94,192,433 หุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 และ 31 ธันวาคม 2023) (1)

10,302

9,419

ส่วนเกิน (ต่ำกว่า) มูลค่าหุ้น (1)

60,825,115

36,879,281

ลูกหนี้หุ้นทุนซื้อคืน (หุ้นสามัญ 270,000 หุ้น) – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(2,700,000

)

กำไรสะสม

182,923,786

142,848,732

ขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นสะสม

(36,078,149

)

(37,578,255

)

รวมส่วนของผู้ถือหุ้นของ Total SBC Medical Group Holdings Incorporated

204,981,054

142,159,177

ส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

539,370

1,651,072

รวมส่วนของผู้ถือหุ้น

205,520,424

143,810,249

รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

$

296,478,592

$

258,805,271

(1)

ปรับปรุงย้อนหลังสําหรับผลกระทบของการปรับโครงสร้างทุนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเนื่องจากการรวมธุรกิจแบบย้อนกลับมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2024

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED

งบกําไรขาดทุนและงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

2024

2023

2024

2023

รายได้สุทธิ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

$

51,209,243

$

45,119,709

$

152,718,488

$

125,336,653

รายได้สุทธิ

1,875,640

2,158,976

8,276,517

5,856,076

รวมรายได้สุทธิ

53,084,883

47,278,685

160,995,005

131,192,729

ต้นทุนรายได้ตามจริง

9,845,793

13,780,309

38,816,865

37,256,066

กําไรขั้นต้น

43,239,090

33,498,376

122,178,140

93,936,663

ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน:

ค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไปและการบริหาร

16,597,032

13,446,618

43,784,637

46,885,138

ค่าตอบแทนตามหุ้น

12,807,455

12,807,455

ขาดทุนจากการยักยอก

28,516

380,766

รวมค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน

29,404,487

13,475,134

56,592,092

47,265,904

รายได้จากการดําเนินงาน

13,834,603

20,023,242

65,586,048

46,670,759

รายได้อื่น (ค่าใช้จ่าย):

รายได้จากดอกเบี้ย

7,950

10,234

37,283

86,345

ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย

(5,466

)

(3,978

)

(15,898

)

(37,380

)

รายได้อื่น

65,922

1,138,869

721,894

3,875,723

ค่าใช้จ่ายอื่น 

(795,158

)

(98,314

)

(2,746,450

)

(581,239

)

กําไรจากการจําหน่ายของบริษัทย่อย

3,813,609

รวมรายได้อื่น (ค่าใช้จ่าย)

(726,752

)

1,046,811

1,810,438

3,343,449

กำไรก่อนภาษีเงินได้

13,107,851

21,070,053

67,396,486

50,014,208

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้

10,273,384

13,012,262

27,254,478

25,683,244

กำไรสุทธิ

2,834,467

8,057,791

40,142,008

24,330,964

หัก: กําไรสุทธิ (ขาดทุน) ที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม

1,573

(298,623

)

66,954

(696,812

)

กําไรสุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

$

2,832,894

$

8,356,414

$

40,075,054

$

25,027,776

กําไร (ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น:

ส่วนปรับปรุงจากการแปลงค่าสกุลเงินต่างประเทศ

20,783,646

(974,249

)

1,543,245

(19,825,222

)

การจําแนกประเภทกําไรทียังไม่เกิดขึ้นจากตราสารหนี้เผื่อขายเป็นกําไรสุทธิตามจริง สุทธิจากผลกระทบทางภาษีเป็นศูนย์และ (97,856) เหรียญสหรัฐ ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 และ 2023 ตามลําดับ ไม่มีและ (97,856) เหรียญสหรัฐ ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 และ 2023 ตามลําดับ

(205,383

)

(8,760

)

รวมกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ

23,618,113

6,878,159

41,685,253

4,496,982

หัก: กําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม

180,093

(387,948

)

110,093

(1,129,475

)

กําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

$

23,438,020

$

7,266,107

$

41,575,160

$

5,626,457

กําไรสุทธิต่อหุ้นที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated (1)

กำไรต่อหุ้นปรับลด

$

0.03

$

0.09

$

0.42

$

0.27

จำนวนหุ้นเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ชำระแล้ว (1)

กำไรต่อหุ้นปรับลด

95,095,144.00

94,192,433.00

94,495,533.00

94,192,433.00

(1)

ปรับปรุงย้อนหลังสําหรับผลกระทบของการปรับโครงสร้างทุนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเนื่องจากการรวมธุรกิจแบบย้อนกลับมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2024

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED

งบกระแสเงินสดรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่

30 กันยายน

2024

2023

กระแสเงินสดจากกิจกรรมดําเนินงาน

กำไรสุทธิ

$

40,142,008

$

24,330,964

การปรับเพื่อกระทบยอดกำไรสุทธิกับเงินสดสุทธิที่ได้จากกิจกรรมดําเนินงาน:

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย

2,867,781

9,688,640

ค่าใช้จ่ายการเช่าที่ไม่ใช่เงินสด

2,908,990

2,424,220

สํารองหนี้เสีย (กลับรายการ)

(127,196

)

282,934

ค่าตอบแทนตามหุ้น

12,807,455

ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของทรัพย์สินและอุปกรณ์

204,026

กําไรที่เกิดขึ้นจริงจากเงินลงทุนระยะสั้น

(223,164

)

การเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนระยะยาว

1,682,282

กําไรจากการจําหน่ายของบริษัทย่อย

(3,813,609

)

ขาดทุน (กําไร) จากการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์และสินทรัพย์ไม่มีตัวตน

185,284

(249,532

)

ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

(2,154,837

)

(1,379,922

)

การเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดําเนินงาน

บัญชีลูกหนี้

(804,000

)

(924,061

)

บัญชีลูกหนี้ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

4,971,911

(19,979,099

)

สินค้าคงเหลือ

763,075

(4,038,874

)

ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(3,430,267

)

17,241,740

ลูกหนี้สินเชื่อของลูกค้า

12,860,220

ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น

902,230

8,173,153

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

432,380

(1,991,626

)

สินทรัพย์อื่น

(348,178

)

(1,884,352

)

บัญชีเจ้าหนี้

(10,511,619

)

6,712,977

ตั๋วเงินจ่าย – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(14,030,092

)

ความก้าวหน้าจากลูกค้า

(1,401,437

)

(681,973

)

รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(3,565,778

)

(7,430,332

)

ภาษีเงินได้ค้างจ่าย

(549,446

)

16,518,062

หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน

(2,971,946

)

(2,335,113

)

หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น

(9,010,270

)

298,743

ค่าใช้จ่ายชดเชยการเกษียณอายุค้างจ่าย – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(22,082,643

)

หนี้สินอื่น

81,290

79,215

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดําเนินงาน

27,886,231

22,753,983

กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน

การซื้อทรัพย์สินและอุปกรณ์

(1,974,285

)

(2,299,045

)

การซื้อสินทรัพย์ไม่มีตัวตน

(1,683,030

)

การซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ

(1,700,000

)

(1,000,000

)

การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าสําหรับทรัพย์สินและอุปกรณ์

(843,740

)

(417,353

)

รายได้รับล่วงหน้าจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(617,804

)

(1,017,292

)

การชําระเงินในนามของบุคคลที่เกี่ยวข้องกัน

(5,245,990

)

การซื้อเงินลงทุนระยะสั้น

(2,106,720

)

การซื้อเงินลงทุนระยะยาว

(331,496

)

เงินลงทุนระยะยาวใน MCs – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(26,780

)

เงินสดที่ได้รับจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัทย่อย สุทธิจากเงินสดที่ได้รับ

722,551

เงินกู้ยืมระยะยาวแก่ผู้อื่น

(80,793

)

(421,429

)

การชําระคืนจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

5,990,990

734,358

การชําระคืนจากผู้อื่น

62,927

47,356

รายได้จากการขายเงินลงทุนระยะสั้น

4,125,813

รายได้จากการเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต

3,954,760

การจําหน่ายบริษัทย่อย สุทธิจากเงินสดที่จําหน่ายไป

(815,819

)

รายได้จากการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

1,971

8,046,007

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน (ใช้ใน)

(5,554,039

)

8,659,196

กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน

การกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน

12,310,106

รายได้จากการปรับโครงสร้างทุนแบบย้อนกลับ สุทธิจากต้นทุนการทําธุรกรรม

11,707,417

รายได้จากการออกหุ้นสามัญ

10

รายได้จากการใช้สิทธิของใบสําคัญแสดงสิทธิ

31,374

การชําระคืนเงินกู้ยืมระยะยาว

(89,448

)

(8,691,462

)

การชําระคืนให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน

(65,305

)

(7,619,266

)

ถือว่าเป็นเงินสมทบที่เกี่ยวข้องกับการกําจัดทรัพย์สินและอุปกรณ์

9,620,453

ถือว่าเป็นเงินสมทบที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างองค์กร

642,748

เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน

11,584,038

6,262,589

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

453,908

(11,982,793

)

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่เพิ่มขึ้นสุทธิ

34,370,138

25,692,975

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ ต้นงวด

103,022,932

51,737,994

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นงวด

$

137,393,070

$

77,430,969

การเปิดเผยข้อมูลกระแสเงินสดเพิ่มเติม

เงินสดที่จ่ายดอกเบี้ยจ่าย

$

15,898

$

37,380

เงินสดที่จ่ายภาษีเงินได้

$

31,332,123

$

12,608,072

กิจกรรมจัดหาเงินและกิจกรรมลงทุนที่ไม่ใช่เงินสด

ทรัพย์สินและอุปกรณ์ที่โอนจากการชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

$

164,781

$

7,681,830

สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่โอนจากการชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว

$

$

17,666,115

การชําระหนี้ให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกันเกี่ยวกับการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

$

$

4,163,604

สินทรัพย์สิทธิการเช่าดําเนินงานที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนกับหนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน

$

$

1,029,518

การวัดค่ามูลค่าใหม่ของหนี้สินตามสัญญาเช่าดำเนินงานและสินทรัพย์สิทธิการใช้อันเนื่องมาจากการแก้ไขสัญญาเช่า

$

2,408,752

$

2,110,079

การออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกันที่เกี่ยวข้องในการให้บริการสินเชื่อ

$

20,398,301

$

การออกหุ้นสามัญให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันจากการแปลงหุ้นกู้แปลงสภาพ

$

2,700,000

$

การออกหุ้นสามัญเป็นหุ้นจูงใจ

$

34

$

การชําระคืนเงินกู้ให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกับการออกหุ้นสามัญ

$

$

795

การพิจารณาซื้อที่ไม่ใช่เงินสดสําหรับการซื้อสินทรัพย์

$

$

705,528

SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED

การกระทบยอดผลของ GAAP และ Non-GAAP ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ

สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

2024

2023

2024

2023

รายได้จากการดําเนินงาน

13,834,603

20,023,242

65,586,048

46,670,759

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย

1,018,359

3,287,809

2,867,781

9,688,640

EBITDA

14,852,962

23,311,051

68,453,829

56,359,399

อัตรากําไร EBITDA

28

%

49

%

42

%

43

%

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ในเอเชีย:

SBC Medical Group Holdings Incorporated

Hikaru Fukui / Head of Investor Relations

E-mail: ir@sbc-holdings.com

ในสหรัฐอเมริกา:

ICR LLC

Bill Zima / Managing Partner

Email: bill.zima@icrinc.com

ที่มา: SBC Medical Group Holdings Incorporated.

STEERLife และ Callidus Research Laboratories สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการพัฒนายาเชิงนวัตกรรม

Logo

เบงกาลูรู อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

STEERLife ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการพัฒนายา และ Callidus Research Laboratories ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการพัฒนาสูตรยาที่มีประสบการณ์มากมายในการพัฒนายารักษาโรคอย่างครอบคลุม ได้สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการพัฒนายาสำหรับตลาดทั่วโลก STEERLife เป็นแผนกหนึ่งของ STEER World

ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีการอัดรีดด้วยความร้อน (HME) ขั้นสูงและการผลิตแบบต่อเนื่องของ STEERLife เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนายารักษาโรคของ Callidus เพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลกสำหรับสูตรยาและการพัฒนายาเชิงนวัตกรรม

STEERLife และ Callidus จะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งร่วมกันเพื่อให้บริการพัฒนายาขั้นสูงแก่ลูกค้าทั่วโลกโดยใช้เทคโนโลยีการอัดรีดด้วยความร้อน (HME) ความร่วมมือนี้ทำให้ทั้งสององค์กรสามารถผสมผสานความรู้และทักษะเฉพาะทางของตนเข้าด้วยกันได้ ซึ่งนำไปสู่โซลูชันเชิงนวัตกรรมและข้อเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ความร่วมมือยังช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนเครือข่าย การติดต่อ และการเข้าถึงตลาด ทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถเข้าสู่ภูมิภาคและกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้ ความร่วมมือนี้จะตอบสนองความต้องการทั่วโลกสำหรับสูตรยารักษาโรครุ่นถัดไป โดยให้บริการแก่บริษัทยาสามัญและบริษัทยาที่มีแบรนด์

ความร่วมมือนี้ยังช่วยให้สามารถพัฒนายาแบบครบวงจรสำหรับสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (API) ที่ออกฤทธิ์แรงได้ด้วย นอกเหนือจากความสามารถที่เสริมซึ่งกันและกันแล้ว ความร่วมมือระหว่างองค์กรยังได้รับการขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นร่วมกันในการผลักดันขอบเขตของนวัตกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์แห่งอนาคตสำหรับตลาดทั่วโลก

“ความร่วมมือของเรากับ Callidus Research Laboratories ถือเป็นก้าวสำคัญในด้านนวัตกรรมเภสัชกรรม” Indu Bhushan ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ STEERLife กล่าว “ความร่วมมือนี้ช่วยให้ลูกค้ามีเทคโนโลยีสุดล้ำ ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม และความสามารถในการขยายขนาดที่ราบรื่น”

“การพัฒนานี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ STEERLife ในด้านความเป็นเลิศ นวัตกรรม และการส่งมอบคุณค่าที่ยอดเยี่ยม” คุณ Bhushan กล่าวเสริม

“การร่วมมือกับ STEERLife ช่วยเพิ่มความสามารถของเรา ทำให้เราสามารถนำเสนอโซลูชันเชิงนวัตกรรมที่ครอบคลุมให้กับบริษัทด้านเภสัชกรรมต่างๆ ทั่วโลกได้” Vardhaman Bafna ผู้ก่อตั้งร่วมและผู้อำนวยการของ Callidus Research Laboratories กล่าว “ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการผลักดันขอบเขต ส่งเสริมการเติบโต และปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ป่วยผ่านโซลูชันทางเภสัชกรรมที่เปลี่ยนแปลงชีวิต”

เกี่ยวกับ STEERLife

STEERLife ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ STEER World เป็นบริษัทด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพชั้นนำที่ปฏิวัติการผลิตและการบริโภคยารักษาโรคผ่านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์สุดล้ำ ในฐานะบริษัทด้านเภสัชกรรมชั้นนำในอินเดียที่เปลี่ยนจากการผลิตเป็นชุดแบบดั้งเดิมเป็นการผลิตแบบต่อเนื่องและไม่มีการหยุดชะงัก STEERLife มอบโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่ยอดเยี่ยม โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพ ประสิทธิภาพ และการให้ความสำคัญกับผู้ป่วย ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเชิงนวัตกรรม

เกี่ยวกับ Callidus Research Laboratories

Callidus Research Laboratories เป็นบริษัทให้บริการพัฒนาสูตรยาที่ก่อตั้งและบริหารโดยทีมงานมืออาชีพจากอุตสาหกรรมเภสัชกรรม ซึ่งมีประวัติการให้บริการตลาดทั่วโลกที่ยอดเยี่ยม

ทีมงานของ Callidus ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความสามารถในการพัฒนารูปแบบยาต่างๆ และให้บริการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยารักษาโรคครบวงจรแก่ลูกค้าทั่วโลก

เราให้บริการครบวงจรในโปรแกรมพัฒนายาแก่พันธมิตรทั่วโลกของเรา ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาสูตรยา การพัฒนาเชิงวิเคราะห์ การศึกษาความคงตัว การถ่ายโอนเทคโนโลยี สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และการสนับสนุนด้านกฎระเบียบ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Amit Jain, Myo Brand Partners, +91-9886062866

แหล่งข้อมูล: STEERLife

Medidata คว้าตำแหน่งสุดยอดผู้นำในการประเมิน PEAK Matrix® สำหรับผลิตภัณฑ์ระบบการจัดการการทดลองทางคลินิกด้านวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตที่ Everest Group จัดขึ้นเป็นครั้งแรก

Logo

นิวยอร์ก –(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

Medidata (แบรนด์ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำในวงการวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิต) ได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำในการประเมิน PEAK Matrix® สำหรับผลิตภัณฑ์ระบบการจัดการการทดลองทางคลินิกด้านวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตประจำปี 2024 ที่ Everest Group จัดขึ้นเป็นครั้งแรก รายงานนี้ได้ประเมินผู้ให้บริการ 13 รายโดยอิงตามผลลัพธ์ที่ผลิตภัณฑ์ของผู้ให้บริการเหล่านี้มีต่อตลาด และขีดความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและประสบผลสำเร็จ

Rave CTMS จาก Medidata เป็นผู้นำวงการในการมอบบริการส่งข้อมูลผู้ป่วยแบบเรียลไทม์และราบรื่นที่พลิกโฉมระบบการติดตามผลการลงทะเบียน และช่วยให้สามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นและมีข้อมูลประกอบ ทั้งนี้ Rave CTMS ช่วยยกระดับการทำงานร่วมกัน ทำให้ไม่จำเป็นต้องลงรายการข้อมูลด้วยตนเอง และทำให้การทดลองเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นพร้อมความแม่นยำที่เหนือชั้น โดยช่วยให้ทีมศึกษาวิจัยเห็นข้อมูลต่าง ๆ ได้ในทันที

คุณ Tom Doyle ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Medidata กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำสูงสุดในด้าน CTMS จากทาง Everest Group” และ “รางวัลนี้ถือเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราในการพลิกโฉมการวิจัยและตอกย้ำถึงกลยุทธ์ของเราในการนำเสนอประสบการณ์รูปแบบใหม่ผ่าน AI ที่จะปฏิวัติวิธีการออกแบบ วางแผน และจัดการการทดลองแบบครบวงจรขององค์กรต่าง ๆ พร้อมมอบผลลัพธ์สูงสุด”

คุณ Tom Doyle ยังกล่าวเสริมด้วยว่า “ในปี 2025 Medidata จะนำข้อมูลเชิงลึกจาก AI เข้ามาผสานรวมกับโซลูชันด้านการวางแผนและการดำเนินการวิจัย ช่วยให้สามารถจำลองการออกแบบการทดลอง ลดความยุ่งยากของกระบวนการ และยกระดับประสิทธิภาพให้ดีขึ้นได้”

Medidata เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำในการประเมิน CTMS, การบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) และการทดลองทางคลินิกแบบแยกจากศูนย์ (DCT) จาก Everest Group สำหรับ Rave EDC ของ Medidata, แพลตฟอร์ม Medidata และผลงานของทางบริษัทใน DCT

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของเรา

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata มุ่งพัฒนาการรักษาให้มีความอัจฉริยะยิ่งขึ้นและช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata ได้พัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาแล้ว 25 ปีจากการทดลองกว่า 34,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย บริษัทนี้จึงมีความเชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของวงการ ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกที่ผ่าน ๆ มาในระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก แพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ราบรื่นของ Medidata ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้ที่ลงทะเบียนกว่า 1 ล้านคนจากลูกค้าประมาณ 2,200 ราย เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งคิดค้นนวัตกรรมทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ Dassault Systèmes(Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นิวยอร์กซิตี และได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.medidata.com และติดตามเราที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes ช่วยเร่งให้มนุษย์มีความก้าวหน้ามากขึ้น เราให้บริการสภาพแวดล้อมเสมือนในการทำงานร่วมกับแก่ธุรกิจและผู้คนเพื่อคิดค้นนวัตกรรมที่ยั่งยืน เมื่อมีการสร้างประสบการณ์แบบ Virtual Twin ที่เหมือนกับโลกความเป็นจริงด้วยแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ของเรา ลูกค้าของเราก็จะสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการสร้างสรรค์ ผลิต และจัดการวงจรการใช้งานสำหรับผลิตภัณฑ์ของตนได้ และช่วยให้โลกใบนี้ยั่งยืนยิ่งขึ้นได้เป็นอย่างดี ความสวยงามของเศรษฐกิจประสบการณ์ (Experience Economy) ก็คือเศรษฐกิจแบบนี้จะคำนึงถึงมนุษย์เป็นสำคัญเพื่อประโยชน์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ป่วย และประชาชน ทั้งนี้ Dassault Systèmes ได้สร้างคุณค่าให้กับลูกค้ากว่า 350,000 รายการในทุกขนาด ทุกวงการ และในกว่า 150 ประเทศ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนสิทธิ์ทุกประการ 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอน Compass, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS คือเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งภายใต้กฎหมายของฝรั่งเศส และมีการจดทะเบียนกับ Versailles Trade และหน่วยงานทะเบียนบริษัทภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ เครื่องหมายการค้าอื่นทั้งหมดจะเป็นของเจ้าของรายนั้น ๆ การใช้เครื่องหมายการค้าใด ๆ ของ Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือจะต้องได้รับการอนุมัติอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรโดยชัดแจ้ง

เกี่ยวกับ Everest Group

Everest Group เป็นบริษัทด้านการวิจัยชั้นนำของโลก ซึ่งช่วยให้ผู้นำทางธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ การประเมิน PEAK Matrix® ของ Everest Group มาพร้อมการวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกที่องค์กรต่าง ๆ ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจครั้งสำคัญในการเลือกผู้ให้บริการระดับสากล ตำแหน่งที่ตั้ง รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันภายในส่วนตลาดต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน ผู้ให้บริการ ผลิตภัณฑ์ และโซลูชันเหล่านี้เองก็เลือกใช้ PEAK Matrix® ในการวัดและเทียบผลิตภัณฑ์ของตนกับผู้อื่นในวงการหรือตลาด โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมและเนื้อหาเชิงลึกที่ www.everestgrp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

ประชาสัมพันธ์ของ Medidata
Medidata.PR@3ds.com

นักวิเคราะห์สัมพันธ์
Medidata.AR@3ds.com

แหล่งที่มา: Medidata

Medidata และ Bioforum เสริมสร้างความสัมพันธ์ยาวนานกว่าทศวรรษเพื่อพัฒนาข้อมูลทางคลินิกและโซลูชันไบโอเมตริกสำหรับการทดลองทางคลินิก

Logo

ความร่วมมือที่ขยายขึ้นใช้ประโยชน์จาก Clinical Data Studio และไบโอเมตริกที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อมอบบริการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงสำหรับลูกค้าของ Bioforum

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024 

Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ได้ประกาศข้อตกลงองค์กรฉบับใหม่กับ Bioforum ซึ่งเป็น CRO ด้านไบโอเมตริกที่ให้บริการแก่ผู้สนับสนุนการทดลองทางคลินิกทั่วโลก

ความร่วมมือที่ขยายขึ้นจากการทำงานร่วมกันมากกว่าทศวรรษจะช่วยให้ลูกค้าด้านเทคโนโลยีชีวภาพของ Bioforum เข้าถึงเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Medidata ได้กว้างขวางขึ้น ทำให้ประสบการณ์การพัฒนาทางคลินิกมีความคล่องตัวมากขึ้น นอกเหนือจากโซลูชัน Medidata เช่น Medidata Rave EDC และ Medidata Rave RTSM ซึ่ง Bioforum ได้ใช้ประโยชน์เพื่อจัดทำการศึกษาวิจัย 60 รายการในด้านการรักษาที่หลากหลาย CRO ยังเพิ่ม Medidata Clinical Data Studio และ Medidata eConsent เพื่อปรับปรุงการไหลของข้อมูล รักษาความสมบูรณ์ของข้อมูล และให้เป็นไปตามข้อกำหนด

“ทีมผู้เชี่ยวชาญ บริการไบโอเมตริกชั้นนำของอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราส่งผลให้ Bioforum ช่วยให้ผู้สนับสนุนสามารถจัดการข้อมูลทางคลินิกได้อย่างราบรื่นในที่เดียว และมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะปลอดภัย ถูกต้อง และพร้อมสำหรับการวิเคราะห์” Amir Malka ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งร่วมของ Bioforum กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เสริมสร้างความร่วมมือกับ Medidata และร่วมกันมอบโซลูชันขั้นสูงที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าเพื่อเติบโตได้”

“ความร่วมมือที่ขยายขึ้นกับ Bioforum จะนำการจัดการการทดลองทางคลินิกที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาสู่บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่คล่องตัว ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเหล่านั้นออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น” Janet Butler รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายขายทั่วโลกของ Medidata กล่าว “การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการเฝ้าระวังข้อมูลผู้ป่วยและ RBQM จะช่วยให้เราเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้กับ Bioforum และมอบสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลคุณภาพสูงที่ราบรื่นให้กับลูกค้าของพวกเขาได้”

Bioforum จะสนับสนุนงาน NEXT New York ของ Medidata ที่กำลังจะจัดขึ้น ซึ่งเป็นการประชุมการทดลองทางคลินิกชั้นนำที่บริษัทจัดขึ้น โดยกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 13 ถึง 14 พฤศจิกายน ณ นครนิวยอร์ก

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและทำให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata เฉลิมฉลอง 25 ปีของนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำในการทดลองมากกว่า 34,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย โดยนำเสนอความเชี่ยวชาญระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านรายในลูกค้าประมาณ 2,200 รายไว้วางใจในแพลตฟอร์มที่ไร้รอยต่อและครบวงจรของ Medidata ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งการค้นพบทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์ก และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC ค้บหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเราได้ที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความก้าวหน้าของมนุษย์ เรามอบสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่ทำงานร่วมกันให้กับธุรกิจและผู้คนเพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน การสร้างประสบการณ์เสมือนจริงที่เป็นคู่ขนานกับโลกแห่งความเป็นจริงด้วยแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE และแอปพลิเคชั่นต่างๆ ของเราจะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถกำหนดนิยามใหม่ให้กับกระบวนการสร้างสรรค์ การผลิต และการจัดการวงจรชีวิตของข้อเสนอของลูกค้าได้ และด้วยเหตุนี้จึงมีผลอย่างมากในการทำให้โลกยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ความงามของเศรษฐกิจประสบการณ์คือเศรษฐกิจที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นหลักเพื่อประโยชน์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ป่วย และพลเมือง Dassault Systèmes มอบคุณค่าให้กับลูกค้ามากกว่า 350,000 รายในอุตสาหกรรมทุกขนาดในกว่า 150 ประเทศ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอนเข็มทิศ, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS เป็นเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส และจดทะเบียนกับสำนักงานทะเบียนการค้าและบริษัทแวร์ซายส์ภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้าของ Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน

เกี่ยวกับ Bioforum the Data Masters

Bioforum the Data Masters เป็นองค์กรวิจัยทางคลินิกชั้นนำระดับโลก (CRO) ที่เชี่ยวชาญด้านบริการและโซลูชันด้านไบโอเมตริกสำหรับอุตสาหกรรมยา เทคโนโลยีชีวภาพ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์และเทคโนโลยีสุดล้ำช่วยให้ Bioforum ให้บริการต่างๆ มากมาย รวมถึงการจัดการข้อมูล ชีวสถิติ การเขียนโปรแกรมเชิงสถิติ และการเขียนทางการแพทย์ เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ นำยาและการรักษาใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเราและบริการของเรา โปรดไปที่ www.bioforumgroup.com หรือค้นหาเราบน LinkedIn ได้ที่ https://il.linkedin.com/company/bioforum-ltd

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Medidata PR
Medidata.PR@3ds.com

ความสัมพันธ์กับนักวิเคราะห์
Medidata.AR@3ds.com

แหล่งข้อมูล: Medidata

VentureOne ของ ATRC เปิดตัว QuantumGate เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับยุคควอนตัมที่งาน CyberQ

Logo

  • บริษัทน้องใหม่เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลขั้นสูงเพื่อปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น
  • เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทได้รับการพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งอาบูดาบี (Abu Dhabi’s Technology Innovation Institute)

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

VentureOne ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการค้าของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology Research Council) ได้เปิดตัว QuantumGate บริษัทใหม่ที่ให้นำเสนอชุดผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลขั้นสูงเพื่อปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลขององค์กรต่างๆ ในยุคควอนตัมที่งาน CyberQ ซึ่งจัดที่เมืองอาบูดาบีในวันนี้

ATRC’s VentureOne Launches QuantumGate to Secure Data for the Quantum Era at CyberQ (Photo: AETOSWire)

VentureOne ของ ATRC เปิดตัว QuantumGate เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับยุคควอนตัมที่งาน CyberQ (ภาพ: AETOSWire)

ท่าน Faisal Al Bannai เลขาธิการของ ATRC กล่าวว่า “ยุคควอนตัมไม่ใช่ภัยคุกคามที่อยู่ไกลตัวอีกต่อไป ยุคดังกล่าวได้มาถึงแล้ว การเปิดตัว QuantumGate ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลอันล้ำค่าจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โซลูชันภายในประเทศของ QuantumGate จะช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของประเทศและองค์กรของเราจะยังคงปลอดภัยอยู่เสมอ”

“องค์กรแทบทุกแห่งต่างก็ใช้อัลกอริทึมการเข้ารหัสเพื่อเข้ารหัสและปกป้องข้อมูล” ดร. Najwa Aaraj ซึ่งเป็น CEO ของสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีกล่าว “แต่ความก้าวหน้าในการประมวลผลแบบควอนตัมจะทำให้อัลกอริทึมจำนวนมากตกยุคในเวลาเพียงแค่ 5 ถึง 10 ปีเท่านั้น ถึงแม้จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยในปัจจุบัน แต่ผู้ไม่ประสงค์ดีก็สามารถรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลขององค์กรไว้เพื่อถอดรหัสในภายหลังเมื่อควอนตัมคอมพิวเตอร์มีให้ใช้งานอย่างแพร่หลายมากกว่านี้ นั่นหมายความว่าความเสี่ยงอยู่ใกล้แค่เอื้อม ข้อมูลขององค์กรตกอยู่ในความเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว”

ผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลของ QuantumGate ใช้เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์จากสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยให้องค์กรต่างๆ ปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลของตนจากภัยคุกคามที่มีอยู่ในปัจจุบันและภัยคุกคามใหม่ๆ ในขณะเดียวกันก็มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะสอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับด้านการเข้ารหัสข้อมูลที่จะมีการประกาศใช้ ชุดผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย:

  • QSphere ซึ่งประกอบด้วย VPN สำหรับยุคควอนตัม และอีเมล โฟลเดอร์ไฟล์ และแอปพลิเคชันเข้ารหัส-ถอดรหัสข้อความสำหรับยุคควอนตัม
  • Salina เครื่องมือจัดการตัวตนและการเข้าถึงที่ออกแบบมาเพื่อลดความยุ่งยากของขั้นตอนการยืนยันตัวตนโดยตัดความจำเป็นในการใช้รหัสผ่านออกไป 

“ความก้าวหน้าล่าสุดในการประมวลผลแบบควอนตัมทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยทุกคนเห็นตรงกันว่าโซลูชันการเข้ารหัสในปัจจุบันจะถูกท้าทายอย่างรุนแรงในอีกไม่ช้า” คุณ Reda Nidhakou รักษาการ CEO ของ VentureOne ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ QuantumGate กล่าว “เพื่อป้องกันความสูญเสียครั้งใหญ่ ธุรกิจที่มีความละเอียดอ่อนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับยุคควอนตัมในทันที ซึ่งภารกิจของเราก็คือการทำให้กระบวนการนี้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผ่านโซลูชันที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และล้ำสมัย”

นอกจากจะมอบผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลแล้ว QuantumGate จะให้บริการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ในการเปลี่ยนผ่านจากการใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเก่าไปใช้ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับยุคควอนตัม พร้อมทั้งรับประกันว่าการดำเนินงานจะเกิดการหยุดชะงักน้อยที่สุด

QuantumGate เป็นบริษัทลำดับที่สามที่ VentureOne เปิดตัวต่อจาก SteerAI บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีการเดินทางแบบอัตโนมัติซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2024 และ AI71 บริษัทที่สร้างโซลูชันทางธุรกิจโดยใช้โมเดล AI ช่วยสร้างของ Falcon ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2023

LinkedIn

ที่มาAETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54151175/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Menna Massoud
Menna.massoud@edelman.com

ที่มา: QuantumGate

The Bangkok Reporter