Xenco Medical เปิดตัว TrabeculeX Continuum ซึ่งเป็นการผสานรวมอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสุขภาพดิจิทัลและวัสดุชีวภาพ ในงาน CES 2024 ที่ลาสเวกัส ซึ่งเป็นการประชุมเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Logo

SAN DIEGO–(BUSINESS WIRE)–16 มกราคม 2024

วันที่ 11 เดือนมกราคม Xenco Medical บริษัทเทคโนโลยีการแพทย์บุกเบิกได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่ผสานรวมระหว่างสุขภาพดิจิทัลและวัสดุชีวภาพ โดยมีการจัดแสดง TrabeculeX Continuum™ ในงาน 2024 Consumer Electronics Show ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา TrabeculeX Continuum เป็นสะพานเทคโนโลยีเชื่อมระหว่างออร์โธไบโอโลจิกส์และสุขภาพดิจิทัลแห่งแรก โดยเป็นการผสมผสานการปลูกถ่ายวัสดุชีวภาพและการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วย ประกอบด้วย TrabeculeX Bioactive Matrix™ และ TrabeculeX Recovery App™ ที่ผ่านการรับรองจาก FDA เพื่อเพิ่มศักยภาพสำหรับศัลยแพทย์ในการปลูกถ่าย TrabeculeX Bioactive Matrix ที่ผ่านการรับรองจาก FDA ของ Xenco Medical เพื่อลงทะเบียนผู้ป่วยใน TrabeculeX Recovery App และสามารถใช้ในการตรวจสอบเพื่อการรักษาจากระยะไกล ตลอดจนวิดีโอและการส่งข้อความแบบอะซิงโครนัส TrabeculeX Continuum เป็นการผสานรวมเวชศาสตร์ฟื้นฟูและสุขภาพดิจิทัลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

On January 11th, trailblazing medical technology company Xenco Medical unveiled its convergent technology bridging Digital Health and Biomaterials by showcasing its TrabeculeX Continuum™ at the 2024 Consumer Electronics Show in Las Vegas, Nevada. Comprising the TrabeculeX Bioactive Matrix™ and the TrabeculeX Recovery App™, the TrabeculeX Continuum is the first technology-enabled bridge between orthobiologics and digital health, unifying a patient’s biomaterial implantation and postoperative journey. (Graphic: Business Wire)

เมื่อวันที่ 11 เดือนมกราคม Xenco Medical บริษัทเทคโนโลยีการแพทย์บุกเบิก ได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่ผสานรวมระหว่างสุขภาพดิจิทัลและวัสดุขีวภาพ โดยมีการจัดแสดง TrabeculeX Continuum™ ในงาน 2024 Consumer Electronics Show ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา TrabeculeX Continuum เป็นสะพานเทคโนโลยีเชื่อมระหว่างออร์โธไบโอโลจิกส์และสุขภาพดิจิทัลแห่งแรก โดยเป็นการผสมผสานการปลูกถ่ายวัสดุชีวภาพและการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วย ประกอบด้วย TrabeculeX Bioactive Matrix™ และ TrabeculeX Recovery App™ (กราฟิก: Business Wire)

โดยมีการออกแบบมาเพื่อเพิ่มพูนความสามารถในการขึ้นรูปแบบไฮดรอกซีคาร์บอเนตอะพาไทต์ใน TrabeculeX Bioactive Matrix วัสดุชีวภาพที่สร้างขึ้นใหม่ใน TrabeculeX Continuum ได้รับการออกแบบมาอย่างประณีตโดย Xenco Medical เพื่อช่วยในการสร้างรูปกระดูกแบบสามมิติ โดยสถาปัตกรรมใหม่ของ TrabeculeX Bioactive Matrix เป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นผิวที่ซับซ้อน เริ่มต้นที่ขนาดต่ำกว่าไมครอน และขยายไปยังโครงสร้างเนื้อเยื่อทั้งหมด TrabeculeX Recovery App เป็นการผสานรวมวิธีการปลูกถ่ายวัสดุชีวภาพเข้ากับการฟื้นฟูกายภาพอย่างเต็มรูปแบบ โดยเอื้อให้ศัลยแพทย์ที่ใช้ TrabeculeX Bioactive Matrix ในผู้ป่วยสามารถสั่งจ่ายยาและติดตามแผนการฟื้นฟูกายภาพเฉพาะด้านจากระยะไกล พร้อมความสามารถในการวิดีโอ และส่งข้อความแบบอะซิงโครนัส

“ในฐานะที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ไม่เพียงทุ่มเทให้กับการดูแลระหว่างการผ่าตัดของผู้ป่วยเท่านั้น แต่เรายังมุ่งเน้นการฟื้นตัวในระยะยาวด้วยเช่นกัน เรามุ่งมั่นที่จะขจัดอุปสรรคต่างๆ ที่เรามีอยู่ในปัจจุบันตั้งแต่การผ่าตัดไปจนถึงการฟื้นฟูกายภาพ ด้วย TrabeculeX Continuum เราขอแนะนำเทคโนโลยีการผสานรวมที่สามารถบันทึกทุกขั้นตอนในการรักษาผู้ป่วย แทนที่จะเป็นเพียงเฉพาะการดูแล” Jason Haider ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Xenco Medical กล่าว

ผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้งานวิทยาศาสตร์การผลิตวัสดุขั้นสูงและเครื่องมือสำหรับการผ่าตัด รวมถึงการออกแบบการปลูกถ่าย นวัตกรรมวิทยาศาสตร์การผลิตวัสดุของ Xenco Medical รวมถึงระบบการผ่าตัดคอมโพสิตโพลีเมอร์และการปลูกถ่ายไขสันหลังแบบโฟมไทเทเนียมไบโอมิเมติกได้รับการรับรองจากสถานพยาบาลทั่วประเทศ Xenco Medical ได้รับการยอมรับและเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมากที่สุดในโลกจาก Fast Company Magazine ในปี 2023

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53882026/en

ติดต่อ

Melissa Russell
858-202-1505
info@xencomedical.com

แหล่งข้อมูล: Xenco Medical

Aramco Digital และ Intel ตั้งเป้าที่จะร่วมมือกันจัดตั้งศูนย์พัฒนา Open RAN แห่งแรกของซาอุดิอาระเบีย

Logo

ดาห์ราน, ซาอุดิอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–15 มกราคม 2024

Aramco Digital และ Intel ประกาศเจตนารมณ์ที่จะจัดตั้งศูนย์พัฒนา Open RAN (Radio Access Network) แห่งแรกของซาอุดิอาระเบีย สิ่งอํานวยความสะดวกนี้คาดว่าจะขับเคลื่อนนวัตกรรม ส่งเสริมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และมีส่วนสนับสนุนภูมิทัศน์การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในราชอาณาจักร

ความร่วมมือนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งการพัฒนาและปรับใช้เทคโนโลยี Open RAN ซึ่งช่วยให้ราชอาณาจักรสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่แข็งแกร่งและคล่องตัว โดยมุ่งเน้นที่การเร่งการแปลงเป็นดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ 2030 ของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความหลากหลายทางเศรษฐกิจ

Open RAN ซึ่งเป็นกระบวนทัศน์ที่พัฒนาขึ้นในสถาปัตยกรรมเครือข่ายไร้สาย ช่วยให้เกิดความยืดหยุ่น ความสามารถในการทํางานร่วมกัน และนวัตกรรมที่มากขึ้น Aramco Digital นําเสนอความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการ และความทะเยอทะยานในการพัฒนาของราชอาณาจักร ตลอดจนโอกาสในการปรับใช้เทคโนโลยี Open RAN ควบคู่ไปกับมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของราชอาณาจักร Intel ผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร นําความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยี Open RAN มาสู่ความร่วมมือกัน

จุดเด่นของความร่วมมือกัน:

1. **ศูนย์กลางนวัตกรรม:** ศูนย์พัฒนา Open RAN มีจุดมุ่งหมายที่จะทําหน้าที่เป็นศูนย์กลางนวัตกรรม ส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง Aramco Digital กับวิศวกร นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของ Intel

2. **การพัฒนาบุคคลากรในท้องถิ่น:** ศูนย์มีจุดมุ่งหมายที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาบุคลากรในท้องถิ่น โดยจัดให้มีการฝึกอบรมและประสบการณ์ตรงในสาขาที่พัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี Open RAN และการประมวลผลแบบเอดจ์

3. **ผลกระทบทางเศรษฐกิจ:** ความร่วมมือนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น ผ่านความคิดริเริ่มที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กว้างขึ้นของวิสัยทัศน์ 2030

4. **ความร่วมมือระดับโลก:** ความร่วมมือใน Open RAN ระหว่าง Aramco Digital และ Intel คาดว่าจะขยายออกไปเกินขอบเขต โดยเชื่อมโยงซาอุดิอาระเบียเข้ากับภูมิทัศน์ระดับโลก ของการพัฒนาและการปรับใช้ Open RAN และ Edge

Tareq Amin ซีอีโอของ Aramco Digital กล่าวว่า "ความร่วมมือครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเรา ในการช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมในราชอาณาจักร ศูนย์พัฒนา Open RAN คาดว่าจะเป็นตัวเร่งให้เกิดวิวัฒนาการทางดิจิทัล โดยเป็นแพลตฟอร์มสําหรับการทํางานร่วมกัน การพัฒนาทักษะ และการสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีที่มีชีวิตชีวา หัวใจสําคัญของความร่วมมือนี้ คือการสร้างกลุ่มความสามารถในท้องถิ่นสำหรับเทคโนโลยี 5G ขั้นสูง และเทคโนโลยี 6G ในอนาคต"

"เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมมือกันใน Open RAN กับ Aramco Digital และเพื่อรวมความสามารถทางเทคโนโลยีของ Intel ในด้านเครือข่าย การประมวลผลแบบเอดจ์ และซอฟต์แวร์ เข้ากับข้อมูลเชิงลึกในท้องถิ่นและความเป็นผู้นําในอุตสาหกรรมของ Aramco Digital เรามุ่งมั่นที่จะเร่งการปรับใช้โซลูชัน Open RAN แบบ edge-native ในซาอุดิอาระเบียและที่อื่น ๆ" [Sachin Katti รองประธานอาวุโสของ Intel และผู้จัดการทั่วไปของ Network and Edge Group] กล่าว

ศูนย์พัฒนา Open RAN มีแผนที่จะเริ่มดําเนินการในปี 2024 ซึ่งนับเป็นก้าวสําคัญในการเดินทางของซาอุดิอาระเบียสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

เกี่ยวกับ Aramco Digital:

Aramco Digital เป็นบริษัทด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีในเครือของ Aramco ซึ่งเป็นบริษัท พลังงานและเคมีภัณฑ์ครบวงจรระดับโลก Aramco Digital มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในภาคส่วนต่างๆ

เกี่ยวกับ Intel:

Intel (NASDAQ: INTC) เป็นผู้นําระดับโลกในด้านนวัตกรรมการประมวลผล บริษัทออกแบบและสร้างเทคโนโลยีที่จําเป็น ซึ่งทําหน้าที่เป็นรากฐานสําหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของโลก

*ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53882082/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Hosam M. Al-Gharib
media.inquires@aramcodigital.com

ที่มา: Aramco Digital

SingPost เปิดใช้งานการขนส่งโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซแบบเรียลไทม์ทั่วเอเชียแปซิฟิกด้วย Boomi

Logo

ทีมงาน SingPost ผู้ให้บริการไปรษณีย์และโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซชั้นนำ ร่วมมือกับ Boomi เพื่อเสริมการให้บริการแก่ลูกค้าใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น 75  เปอร์เซนต์

SINGAPORE & CHESTERBROOK, Pa.–(BUSINESS WIRE)–10 มกราคม 2024

Boomi™ ผู้นำด้านการเชื่อมต่อและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ประกาศในวันนี้ว่า  Singapore Post Limited (SingPost) มีการร่วมมือกับ แพลตฟอร์ม Boomi เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและเพิ่มความเร็วในการให้บริการแก่ลูกค้าใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อตอบรับเป้าหมายการปรับแปลงเป็นระบบดิจิทัล

SingPost Enables Real-Time eCommerce Logistics Delivery Across Asia Pacific With Boomi (Graphic: Business Wire)

SingPost เปิดใช้งานการขนส่งโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซแบบเรียลไทม์ทั่วเอเชียแปซิฟิกด้วย Boomi (กราฟิก: Business Wire)

ในขณะที่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลกคาดว่า จะมีมูลค่าสูงถึง 6.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 รายได้จากอีคอมเมิร์ซเฉพาะในเอเชียคาดว่าจะสูงถึง 1.92 ล้านล้านเหรียญในปี 2024 ในฐานะผู้ให้บริการไปรษณีย์และโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก SingPost ให้บริการ 13 ตลาดทั่วจุดหมายปลายทางทั่วโลกถึง 220 แห่ง ด้วยเป้าหมายที่มุ่งเน้นการจัดส่งพัสดุอีคอมเมิร์ซทั้งในประเทศและต่างประเทศ SingPost ได้เริ่มโครงการปรับแปลงเป็นระบบดิจิทัล พร้อมกับการใช้งานเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงแพลตฟอร์มบูรณการข้อมูลที่ปรับแต่งได้ และ AI เชิงสร้างสรรค์

เพื่อปรับปรุงธุรกิจให้ทันสมัยท่ามกลางภูมิทัศน์ห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อน พร้อมการปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น SingPost จึงต้องการโซลูชันที่ปรับขนาดได้และมีประสิทธิภาพสำหรับการปรับแปลงข้อมูลและแผนที่ข้อมูล รวมถึงการจัดการบูรณาการและอินเทอร์เฟซโปรแกรมมิ่งสำหรับแอปพลิเคชัน (API)

“ข้อมูลเป็นรากฐานสำคัญสำหรับธุรกิจของเรา เราใช้ข้อมูลเพื่อประสานการจัดส่งโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซแบบครบวงจร โดยคำนึงถึงประสบการณ์ของลูกค้าเป็นหลัก เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ลูกค้าของเราได้รับข้อมูลที่อัปเดตในทุกขั้นตอน ตั้งแต่สั่งซื้อสินค้าออนไลน์จนถึงสินค้ามาถึงหน้าประตูบ้าน” Noel Singgih, Group CIO ของ SingPost กล่าว

ในการตรวจสอบให้แน่ใจว่า ข้อมูลพร้อมใช้งาน และสามารถใช้งานได้แบบเรียลไทม์ เป็นส่วนสำคัญในเป้าหมายการปรับแปลงเป็นระบบดิจิทัลของ SingPost บริษัทต้องการยกเลิกการใช้ข้อมูลแบบแนวดิ่ง ปรับปรุงการกำกับดูแลข้อมูล และเปลี่ยนจากระบบเดิมที่ซ้ำซ้อน เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ SingPost ต้องการแพลตฟอร์มบูรณาการที่เสถียรและเชื่อถือได้สำหรับบริการ (iPaaS)

“เราต้องการแพลตฟอร์มบูรณาการเชิงกลยุทธ์สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI) และการผสานข้อมูลแบบ API เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและมีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดสำหรับธุรกิจของเราและความต้องการตามฤดูกาล” Singgih กล่าว “ด้วยแพลตฟอร์ม Boomi ในปัจจุบัน เราสามารถเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าใหม่ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นถึง 75 เปอร์เซนต์ จากที่เราต้องใช้เวลาห้าถึงหกสัปดาห์ ปัจจุบันเราใช้เวลาน้อยกว่าสองสัปดาห์ ความร่วมมือของเรากับ Boomi ช่วยให้เราสามารถปรับปรุงความโปร่งใสในการจัดส่งและการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ช่วยให้เรามีความคล่องตัวยิ่งขึ้น และมีโอกาสทางการตลาดสูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดกลางและผู้ค้าปลีกอีคอมเมิร์ซ”

“ในโลกดิจิทัลที่เราเชื่อมต่อถึงกันโดยทั่ว การก้าวนำหน้าเป็นกุญแจสำคัญ Boomi ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างรวดเร็วและในวงกว้าง เพื่อให้บรรลุการปรับแปลงให้เป็นระบบดิจิทัลและสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นพันธมิตรกับ SingPost ในการปรับแปลงบริษัทดิจิทัลแห่งแรก โดยมุ่งเน้นที่ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์” Thomas Lai รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi
Boomi มีเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นโดยการเชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกันกับทุกสิ่งและจากทุกที่ ในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มบูรณาการบนระบบคลาวด์ในฐานะบริการ (iPaaS) และปัจจุบันเป็นบริษัทซอฟท์แวร์ที่ให้บริการ (SaaS) ชั้นนำระดับโลก Boomi มีฐานข้อมูลลูกค้าขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มบูรณาการและเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย – รวมถึง Accenture, Capgemini, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi ในการค้นหา จัดการ และผสานรวมข้อมูล ในขณะเดียวกัน ก็เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2023 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘B’, และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53866937/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ:
Jasmine Ee
Head of Media and Analyst Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งข้อมูล: Boomi, LP

GIGABYTE ปลดปล่อยความมหัศจรรย์ของ AI ในงาน CES 2024: ผู้บุกเบิกเซิร์ฟเวอร์ AI/HPC, เทคโนโลยีสีเขียว, AIoT และGaming Powerhouses

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–10 มกราคม 2024

GIGABYTE Technology ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกด้านไอทีที่มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับโลกผ่านระบบคลาวด์และคอมพิวเตอร์ AI และยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ด้วยนวัตกรรมฮาร์ดแวร์ กำลังเป็นศูนย์กลางที่งาน CES 2024 ด้วยซีรีส์เซิร์ฟเวอร์ AI/HPC ที่ล้ำสมัย ซึ่งเน้นโดยเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ AMD Instinct™ MI300A APU, NVIDIA Grace Hopper Superchip, และ NVIDIA HGX H100 8-GPU ชิปใหม่เหล่านี้จากผู้นำในอุตสาหกรรมได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการเติบโตแบบทวีคูณของ AI โดยจัดการพารามิเตอร์โมเดลและชุดข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้น จึงถือเป็นก้าวสำคัญใหม่ในภูมิทัศน์ของ AI

GIGABYTE's presentation at CES includes cutting-edge AI/HPC servers, servers for advanced data centers, green computing solutions, AIoT, and AI-powered flagship computers, embodying the booth theme "Future of COMPUTING". (Photo: Business Wire)

การนำเสนอของ GIGABYTE ที่งาน CES มีทั้งเซิร์ฟเวอร์เทคโนโลยี HPC/AI สุดล้ำ, เซิร์ฟเวอร์สำหรับศูนย์ข้อมูลขั้นสูง, โซลูชันการประมวลผลสีเขียว, AIoT, และคอมพิวเตอร์รุ่นเรือธงที่ประมวลผลด้วยเทคโนโลยี AI, โดยรวมอยู่ในบูธที่มาในธีม “อนาคตแห่งระบบประมวลผล” (รูป: Business Wire)

ที่บูธ GIGABYTE ยังจัดแสดงโซลูชั่นระบบประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับเวิร์กโหลด AI จำนวนมากพร้อมลดการใช้พลังงานลง บรรลุเป้าหมายแห่งความยั่งยืนด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยลง

นิทรรศการของ GIGABYTE ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมที่หลากหลาย เซิร์ฟเวอร์ โซลูชันadvanced cooling solutions AIoT และคอมพิวเตอร์รุ่นเรือธงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งออกแบบมาสำหรับนักเล่นเกมและผู้สร้าง โดยรวบรวมบูธต่างๆ ในหัวข้อ "Future of COMPUTING" แบ่งเป็นห้าส่วนที่โดดเด่น

เซิร์ฟเวอร์ AI/HPC: คอมพิวเตอร์ระดับ Exascale

GIGABYTE และบริษัทในเครือ Giga Computing กำลังเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AI/HPC ระดับท็อปสี่ตัวที่งาน CES เซิร์ฟเวอร์ G383-R80 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมล่าสุด รองรับ AMD Instinct™ MI300A APU ซึ่งผสานรวม CPU, GPU และหน่วยความจำ HBM3 แบบรวมขนาด 128GB เพื่อรองรับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์

ความโดดเด่นอีกอย่างคือ AI server ซีรีส์ G593 ที่มาพร้อมกับ NVIDIA HGX H100 8-GPU ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในการฝึกฝนโมเดล AI และการอนุมานภายในการกำหนดค่า 5U ความหนาแน่นสูงที่ไม่มีใครเทียบได้ เซิร์ฟเวอร์นี้มีความเป็นเลิศในเกณฑ์มาตรฐานการฝึกอบรม MLPerf และพิสูจน์ให้เห็นถึงความเก่งกาจของเวิร์กโหลด AI ที่หลากหลาย

สำหรับความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ที่ปรับขนาดได้และยืดหยุ่น GIGABYTE ขอแนะนำ XH23-VG0 ซึ่งขับเคลื่อนโดย NVIDIA Grace Hopper Superchip ซึ่งยึดตามการออกแบบโมดูลาร์ MGX โดยมอบสล็อตขยาย FHFL สำหรับแอปพลิเคชัน AI/HPC ขนาดใหญ่ G493-SB0 รองรับ GPU Gen5 สล็อตคู่ 8 ช่อง รองรับปริมาณงานที่หลากหลาย รวมถึง generative AI การจำลองเสมือน การเรนเดอร์ และกราฟิก 3D

ศูนย์ข้อมูลที่ยั่งยืน: ระบบประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อม

โซลูชันการประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อมของ GIGABYTE ช่วยให้อุตสาหกรรมสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ท่ามกลางการดำเนินงานที่ต้องใช้การประมวลผลสูงและเวิร์กโหลด AI เซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมระบายความร้อนด้วยของเหลวและแบบ immersion cooling-ready servers ได้รับการรับประกันประสิทธิภาพด้วยการออกแบบระบายความร้อนชั้นนำของอุตสาหกรรมของ GIGABYTE ซึ่งรับประกันประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยม (PUE) และต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่ได้เปรียบ GIGABYTE ยังนำเสนอระบบ direct liquid cooling (DLC) และโซลูชันการทำความเย็นแบบ single-phase immersion cooling ซึ่งรวมทั้งหมดในหนึ่งเดียว สำหรับนิทรรศการพร้อมตู้เซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กรและถังแช่ A1P0-EA0

การใช้งานไอทีแบบ Agile

ที่บูธ GIGABYTE ขอแนะนำเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูล S183-SH0 ซึ่งได้รับการปรับแต่งสำหรับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) โดยมี E1.S NVMe SSD จำนวน 32 ตัวสำหรับการจัดเก็บและเรียกค้นข้อมูลความเร็วสูง นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ R163-P32 พร้อมโปรเซสเซอร์ตระกูล AmpereOne™ ที่รองรับสูงสุด 192 คอร์ และเซิร์ฟเวอร์ Edge ความหนาแน่นสูง E163-S30 ที่สร้างขึ้นสำหรับสภาพแวดล้อมเครือข่าย 5G เซิร์ฟเวอร์ที่ล้ำสมัยเหล่านี้ช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถปรับตัวเข้ากับแนวโน้มของตลาดที่กำลังพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว

IoT ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และความคล่องตัวทางอิเล็กทรอนิกส์

GIGABYTE นำเสนอโซลูชั่นอัจฉริยะที่ครอบคลุมสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมด้วย  Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) และระบบเทเลเมติกส์ของยานพาหนะช่วยให้ขับขี่อัตโนมัติในสภาพถนนที่ซับซ้อน คอมพิวเตอร์แบบแล็ปท็อปที่ทนทานเป็นพิเศษและพีซีอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่มีความทนทานสูงและประสิทธิภาพที่เสถียรในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นในสถานการณ์ของสถานีตรวจอากาศที่บูธ

การเล่นเกมและการสร้างสรรค์

GIGABYTE ได้รับการยกย่องด้าน gaming and creator computers รวมถึง AORUS AERO และ แล็ปท็อป เมนบอร์ด การ์ดกราฟิก และจอภาพ 4K OLED ของ GIGABYTE Gaming series แสดงให้เห็นถึงพลังและเสน่ห์ในงาน CES กลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม AI ในปี 2024 ของ GIGABYTE มีคอร์ AI เจเนอเรชันถัดไปและ AI Nexus ที่เป็นกรรมสิทธิ์สำหรับประสบการณ์ AI ที่ราบรื่นในด้านประสิทธิภาพ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และ AI กำเนิด นอกจากนี้ ผู้ชื่นชอบงานสร้างสรรค์ยังสามารถสำรวจการออกแบบที่มีน้ำหนักเบาราวขนนก 1.49 กก. ของแล็ปท็อป AERO 14 OLED และจอแสดงผล OLED HDR 2.8K ที่ปรับเทียบสี ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานไปสู่อีกระดับหนึ่ง

เยี่ยมชมหน้าเวบเพจของ GIGABYTE’s CES event page.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53876542/en

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE Technology


Sharp เตรียมเข้าร่วมงาน CES 2024 ซึ่งเป็นงานกิจกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่สำคัญในอเมริกา

Logo

ลาสเวกัส–(BUSINESS WIRE)–4 มกราคม 2024

Sharp Corporation จะเข้าร่วมในงาน CES 2024 ซึ่งเป็นหนึ่งในงานกิจกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก ตามสโลแกนที่ว่า “Toward the Future for a Better Life (ก้าวล้ำไปในอนาคต)” Sharp จะส่งเสริมเทคโนโลยีระดับเวิร์ลคลาสที่หลากหลายในตลาดโลกด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้กรรมสิทธิ์ของเรา

  • ไฮไลท์
  1. การใช้ชีวิตแบบสมาร์ท
    เทคโนโลยีที่ลดข้อกังวลต่างๆ มากมายภายในบ้านและทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณ
    ผู้สอนเสมือนจริง (บอตอธิบายรายละเอียด) ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบบ Edge AI ที่ทาง Sharp ได้พัฒนาขึ้นมาชื่อว่า CE-LLM*1 (Communication Edge-LLM) จะทำการแนะนำนิทรรศการผ่านการสนทนาแบบอินเตอร์แอคทีฟอย่างไร้ที่ติ นอกจากนี้เตาอบความความเร็วสูงที่ลดเวลาในการปรุงอาหารลงอย่างมากด้วยเทคโนโลยีการทำความร้อนที่มีลักษณะเฉพาะตัวและการควบคุมแหล่งจ่ายความร้อนได้อย่างลงตัวที่สุด นิทรรศการนี้ยังมีทั้งเครื่องเป่าผมและเครื่องดูดฝุ่นทรงตั้งที่มาพร้อมกับเสียงรบกวนต่ำและทรงพละกำลังสูง
  2. การปฏิวัติทางอุตสาหกรรม
    แนวคิดที่จะมอบความเร็วและประสิทธิภาพต่อแวดวงอุตสาหกรรมต่างๆ นิทรรศการนี้จึงประกอบไปด้วยเทคโนโลยีกล้องที่รองรับเทคโนโลยี XR นอกจากการนำเสนอภาพเสมือนจริงในการสนทนาและแนวคิดต่างๆ ต่อการดำเนินธุรกิจโดยใช้แว่นตา XR*2 และระบบ AI และจอแสดงข้อมูลที่สามารถใช้งานได้กับสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น คำแนะนำในการใช้งานของตู้เสื้อผ้า นอกจากนี้ เซ็นเซอร์รับกลิ่น Olfactory ที่ใช้ระบบ AI ที่ได้รับการพัฒนาด้วยการปรับเทคโนโลยีพื้นผิวของจอแสดงผล ช่วยในการตรวจจับกลิ่นโดยการเลียนแบบสิ่งมีชีวิต และอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ก๊าซ IMS (ion Mobility Spectrometry) ที่ใช้องค์ประกอบการปล่อยอิเล็กตรอนในชั้นบรรยากาศจะนำใช้ในการจัดแสดง
  3. ความยั่งยืน
    เทคโนโลยีต่างๆ ที่สร้างพลังงานหมุนเวียนแห่งโลกอนาคตและแก้ไขปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้ดียิ่งขึ้น การจัดแสดงป้าย LCD แบบใช้การสะท้อนแสงสำหรับจอกระดาษอิเล็กทรอนิกส์ชนิดสีที่ใช้ภายนอกอาคารและ ePoster ที่มีการใช้พลังงานต่ำ Sharp จะยังทำการเปิดตัวอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้ภายในอาคารอย่าง LC-LH ที่ใช้แสงสว่างภายในอาคารและให้ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูง และสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ IoT ได้อีกด้วย รีโมตคอนโทรลของ TV ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ LC-LH ก็นำมาแสดงด้วยเช่นเดียวกัน
  • ตำแหน่งบูทของ Sharp: 17229 เซ็นทรัลฮอล์ ลาสเวกัสคอนเวนชันเซ็นเตอร์ (เนวาดา สหรัฐอเมริกา)
  • วันและเวลาจัดนิทรรศการ: 9 ถึง 12 มกราคม 2024 (วันอังคารถึงวันศุกร์) เวลา: 10:00 – 18:00 น.
    สำหรับรายละเอียด: Dates and Hours (ces.tech)

*1

ระบบจะตอบการสนทนาและการโต้ตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบไร้ที่ติด้วยการตัดสินใจจัดการกับคำถามในทันทีโดยใช้ Edge AI เช่น LLM ที่ติดตั้งมาพร้อมกับระบบ หรือ AI บนคลาวด์ เช่น Chat GPT สำหรับการตอบคำถามจากผู้ใช้งาน

*2

เทคโนโลยี XR/เทคโนโลยี CR: เทคโนโลยีที่ใช้สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านการผสานระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนจริง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53873296/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ทีมประชาสัมพันธ์และการสร้างแบรนด์ของ Sharp Corporation
pr-brand@sharp.co.jp

แหล่งข้อมูล: Sharp Corporation





Tim Liu CTO ของ Hillstone Networks แชร์แนวโน้มความปลอดภัยทางไซเบอร์ประจำปี 2024

Logo

CTO’s Corner: การนำทางภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่กำลังพัฒนากับ Tim Liu

ซานตาคลารา แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–22 ธันวาคม 2023

Hillstone Networks ภูมิทัศน์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปี 2024 นั้นถูกเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งนำเสนอทั้งความท้าทายและโอกาส ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกำลังติดตามแนวโน้มสำคัญหลายประการอย่างใกล้ชิดซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงกลยุทธ์ด้านไอทีที่เป็นนวัตกรรมเพื่อรับมือกับพวกมัน Tim Liu CTO แบ่งปันแนวโน้มสูงสุดของเขาในปี 2024:

ผลกระทบของ AI ต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์

การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้นั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยได้รับแรงกระตุ้นจากการเปิดตัว ChatGPT และเทคโนโลยี AI อื่นๆ ในปี 2023 ทั้งยังได้เปลี่ยนรูปแบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า AI จะสัญญาว่าจะปรับปรุงความคิดสร้างสรรค์ ประสิทธิภาพการทำงาน และการปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ทั่วไป แต่ก็ยังนำมาซึ่งเวกเตอร์ภัยคุกคามใหม่แบบใหม่อีกด้วย ธรรมชาติของ 'wild West' ในขอบเขตของ AI ร่วมกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล ความอ่อนแอของ AI ต่อการหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ตและการหาประโยชน์ทางวิศวกรรมสังคมที่มีการเสริมพลังด้วยกลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เป็นผลให้เกิดความซับซ้อนอีกชั้นต่อภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ เมื่อ AI เข้าถึงได้มากขึ้น ยิ่งก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับศักยภาพของ AI ทั้งในวัตถุประสงค์ด้านดีและด้านที่เป็นอันตราย อีกทั้งเราต้องยังคงตื่นตัวเสมอเกี่ยวกับผลกระทบที่ตามมา

ความท้าทายด้านความปลอดภัยบนคลาวด์

การนำระบบคลาวด์มาใช้ยังคงไม่หยุดยั้งโดยส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการริเริ่มด้าน AI ขององค์กร อย่างไรก็ตาม รูปแบบความรับผิดชอบร่วมกันด้านความปลอดภัยบนคลาวด์และการปฏิบัติตามข้อกำหนดนั้นไม่เป็นที่เข้าใจในระดับสากลโดยเฉพาะในระดับผู้บริหารระดับสูงและระดับคณะกรรมการ ปัญหาต่างๆ เช่น ข้อกังวลด้านความปลอดภัยของอินสแตนซ์บนคลาวด์ที่มีการจัดการแบบระบบไอทีเงาและการขาดการดูแลโดยทีมไอทีที่มีประสบการณ์ มีส่วนทำให้เกิดความท้าทายด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ที่ยังคงอยู่

การขยายพื้นที่โจมตี

การแพร่หลายของอุปกรณ์ Edge รวมถึงอุปกรณ์ IoT สิ่งอำนวยความสะดวกที่เชื่อมต่อกับ 5G และยานพาหนะไฟฟ้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายกำลังขยายขอบเขตภัยคุกคามด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้นอย่างรวดเร็ว การป้องกันเครือข่ายแบบดั้งเดิมจะต้องพัฒนาเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ของการโจมตีใหม่ ๆ และจุดเข้าใช้งานใหม่เหล่านี้โดยต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมสู่ความปลอดภัยทางไซเบอร์

ปัจจัยมนุษย์ในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

ท่ามกลางการมุ่งเน้นไปที่ AI Cloud และอุปกรณ์ปลายทาง ปัจจัยมนุษย์ยังคงเป็นเวกเตอร์การโจมตีที่แพร่หลาย เหตุการณ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์มักเกิดจากการกระทำของมนุษย์โดยเน้นน้ำหนักไปที่ของการปฏิบัติด้านความปลอดภัยพื้นฐาน การอัปเดตการฝึกอบรมพนักงานและการจัดการอย่างระมัดระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการหลีกเลี่ยงภัยคุกคามทางไซเบอร์ และทำให้ชัดเจนว่าการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นเป็นปัญหาของผู้คนมากพอ ๆ กับเทคโนโลยี

การแปลงความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยดิจิตอล

ในขณะที่ธุรกิจพึ่งพาการทำธุรกรรมดิจิตอลมากขึ้นการสร้างและการรักษาความไว้วางใจดิจิทัลจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น กลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มีส่วนทำให้ความไว้วางใจดิจิทัลโดยเน้นที่ท่าทางความปลอดภัยแบบองค์รวมและการพัฒนาที่พัฒนาเช่นการดำเนินงานด้านความปลอดภัย (SECOPS) เครื่องมือเช่น SIEM และ XDR มีบทบาทสำคัญในการย้ายจากการรื้อล่วงหน้าไปยังท่าโพสต์ที่ผ่านมาโดยมุ่งเน้นไปที่การตรวจจับการตอบสนองและการบรรเทา แนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่เช่น SASE และ SSE เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับวิธีการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรและแบบบูรณาการ

ภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปี 2024 ต้องการการปรับตัวและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เทคโนโลยีวิวัฒนาการไปอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนองค์กรจะต้องระมัดระวังการจัดลำดับความสำคัญของมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เน้นผู้คนเป็นศูนย์กลางและยอมรับกลยุทธ์ความปลอดภัยแบบองค์รวมเพื่อนำทางภูมิทัศน์การคุกคามที่พัฒนาขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

สุขสันต์วันหยุดจาก Hillstone Networks

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ส่งมอบทั้งความลึกและความกว้างของการป้องกันให้กับบริษัททุกขนาดตั้งแต่ Edge ไปจนถึง Cloud ตลอดจนทั่วทั้งภาระงาน แนวทางการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แบบบูรณาการของ Hillstone Networks นำมาซึ่งความครอบคลุม การควบคุมและการรวมเข้าด้วยกันให้กับองค์กรกว่า 26,000 แห่งทั่วโลกwww.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งที่มา: Hillstone Networks

Dr. Akira Yoshino ได้รับเลือกเป็นผู้ชนะได้รับรางวัล Grand Prize ของ VinFuture Prize

Logo

TOKYO & HANOI, Vietnam–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2023

Dr. Akira Yoshino ผู้ทรงคุณวุฒิกิตติมศักดิ์ของ Asahi Kasei ได้รับเลือกเป็นผู้ชนะได้รับรางวัล Grand Prize สำหรับ VinFuture Prize ประจำปี 2023 เพื่อยกย่องการมีส่วนร่วมในการประดิษฐ์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (LIB)

Dr. Yoshino at the Award Ceremony (Photo: Business Wire)

Dr. Yoshino ในงานเฉลิมฉลองรางวัล (ภาพถ่าย: Business Wire)

Dr. Yoshino ได้มีการคิดค้นวิธีการผสมผสานคาร์บอนใหม่สำหรับอิเล็กโทรดเชิงลบ และ LiCoO2 (ลิเธียมโคบอลต์ออกไซด์) สำหรับอิเล็กโตรดขั้วบวก พัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับ LIB ซึ่งใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุสำหรับสะสมกระแสบวก และสร้างเซลล์ LIB เซลล์แรกของโลก นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ ที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์สำหรับ LIB รวมถึงเทคโนโลยีสำหรับการผลิตอิเล็กโตรด เทคโนโลยีสำหรับการประกอบแบตเตอรี่ และเทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งเสริมให้ LIB เป็นแบตเตอรี่แบบชาร์จใหม่ได้ขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา

Dr. Akira Yoshino ผู้ทรงคุณวุฒิกิตติมศักดิ์ของ Asahi Kasei กล่าวว่า "รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่คิดค้นขึ้นนี้ไม่เพียงทำให้ไอทีระบบเคลื่อนที่สามารถเป็นไปได้ในสังคมเท่านั้น แต่ยังสร้างความยั่งยืนสำหรับอนาคตอีกด้วย LIB จะมีบทบาทที่สำคัญมากยิ่งขึ้นในการใช้พลังงานทดแทนสำหรับการขนส่งและการใช้งานอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น"

รางวัล VinFuture Prize ซึ่งมีการจัดตั้งขึ้นในปี 2020 โดยมูลนิธิ VinFuture ในเวียดนาม เป็นรางวัลที่เชิดชูนักประดิษฐ์และนักวิจัยที่มีความสามารถโดดเด่นจากสถาบันการศึกษา ศูนย์การวิจัย และภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกย่องการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวล้ำและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่นำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเชิงบวกสู่ชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก

LIB มีส่วนในการนำอุปกรณ์เคลื่อนที่สำหรับข้อมูลและการสื่อสารไปใช้งานทั่วโลกเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีการใช้ยานพาหนะระบบไฟฟ้าและระบบจัดเก็บพลังงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสนับสนุนความยั่งยืนระดับโลก

พิธีมอบรางวัล VinFuture Prize ประจำปี  2023 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เดือนธันวาคม ปี 2023 ที่กรุงฮานอย เวียดนาม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://vinfutureprize.org/

เกี่ยวกับ Asahi Kasei

Asahi Kasei Group มีส่วนร่วมในการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1922 เนื่องโดยธุรกิจแอมโมเนียและเส้นโยเซลลูโลส โดย Asahi Kasei มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการปรับแปลงพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจในเชิงรุก เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของคนในทุกยุคทุกสมัย ด้วยพนักงานกว่า 48,000 คนทั่วโลก บริษัทมีส่วนสนับสนุนสังคมที่ยั่งยืนด้วยการจัดหาแนวทางแก้ไขปัญหาความท้าทายของโลกผ่านสามภาคส่วนของธุรกิจ ได้แก่ วัสดุ บ้าน และการดูแลสุขภาพ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.asahi-kasei.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53873584/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Asahi Kasei Corp.
Ryo Kobayashi
อีเมล: ak-houdou@om.asahi-kasei.co.jp

แหล่งข้อมูล: Asahi Kasei

NIQ กระตุ้นการเติบโตด้วยการแต่งตั้งผู้นําเชิงกลยุทธ์ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมใน Consumer Panel Services

Logo

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–19 ธันวาคม 2023

NIQ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกด้านข่าวกรองผู้บริโภคและตลาด มีความภูมิใจที่จะประกาศแต่งตั้ง Kris Ewing เป็นประธานระดับโลกฝ่าย Consumer Panel Services (CPS) เพื่อกระตุ้นการเติบโต ส่งเสริมนวัตกรรมและนำเสนอโซลูชันที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การแต่งตั้งผู้นําครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของ NIQ ในการขยายการวัดผลที่มาจากผู้บริโภคผ่านช่องทาง และหมวดหมู่ที่หลากหลาย ซึ่งตอกย้ำบทบาทสําคัญของบริษัทในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค (CPG) เนื่องจาก NIQ ถือเป็นก้าวสำคัญครบรอบหนึ่งร้อยปี การแต่งตั้งครั้งนี้แสดงถึงความทุ่มเทในการขับเคลื่อนธุรกิจ Consumer Panel ไปสู่ยุคใหม่ที่แข็งแกร่ง ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับความสําเร็จของอุตสาหกรรม CPG

การเลื่อนฐานะของ Ewing สู่ตําแหน่งประธานระดับโลกฝ่าย Consumer Panel Services เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ NIQ ในการยกระดับข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลให้สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน Ewing ได้รับมอบหมายให้รายงานตรงต่อ Tracey Massey ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ NIQ เพื่อขับเคลื่อนการขยายกิจกรรม Consumer Panel ของบริษัทไปทั่วโลก ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การนําเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างเทคโนโลยีที่ทันสมัย และทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านนักช้อปและผู้บริโภคที่มีทักษะ ความเป็นผู้นําของ Ewing มีเป้าหมายที่จะสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่

โดย 76% ของผู้นําอาวุโสจากอุตสาหกรรม FMCG ระบุว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคและคนรุ่นใหม่ ถือเป็นความท้าทายและโอกาสในการเติบโตในอนาคต NIQ มุ่งเน้นไปที่การส่งมอบความมุ่งมั่นให้กับลูกค้า ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคในอนาคต ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างการเติบโตในระยะยาว

"ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อเกี่ยวกับโอกาสที่จะเป็นผู้นําในภูมิทัศน์ที่ไม่หยุดนิ่งนี้" Kris Ewing ประธานระดับโลกฝ่าย Consumer Panel Services ของ NIQ กล่าว "ความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนา และเพิ่มขีดความสามารถของเราเป็นสิ่งสําคัญยิ่งในการให้บริการลูกค้าของเราให้ดีขึ้น และบรรลุเป้าหมายที่ทะเยอทะยานของเรา ผมตั้งตารอที่จะเป็นหัวหอกในการเดินทางแห่งนวัตกรรมและการเติบโตนี้ เพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์ของเราสอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของลูกค้าและอุตสาหกรรมของเรา"

NIQ กําลังจัดลําดับความสําคัญของความก้าวหน้าของ Consumer Panel Services ทั่วทั้งองค์กรอย่างมีกลยุทธ์ โดยริเริ่มการดําเนินการที่สําคัญหลายประการ:

  • ส่งเสริมความชัดเจนให้กับลูกค้ามากขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของบริการการวัดผลการค้าปลีก และบริการแผงผู้บริโภคผ่านมุมมองแบบบูรณาการแบบไดนามิกบน NIQ Discover (เปิดตัวในปี 2024)
  • เสริมสร้างความครอบคลุม การเป็นตัวแทน และคุณภาพของข้อมูล CPS ในตลาดทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มตัวอย่างชั้นนําในสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เยอรมนี ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และแคนาดา
  • ให้การสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นผ่านการฝึกอบรม การประชุมเชิงปฏิบัติการ และความเป็นผู้นําทางความคิดโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านชั้นนําของอุตสาหกรรม เพื่อเปิดเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต โดยใช้ประโยชน์จากการวัดผลการค้าปลีก และข้อมูลเชิงลึกของแผงผู้บริโภคที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน
  • นําเสนอการอ่านแนวโน้มที่แม่นยําและเชื่อถือได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องทางการเติบโตที่สําคัญ รวมถึงการขยายความครอบคลุม Omnichannel หมวดหมู่ และลักษณะเฉพาะ

NIQ กําลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าในการวัดผลอย่างรวดเร็ว โดยได้รับการสนับสนุนจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สําคัญ ในด้านความครอบคลุมและเทคโนโลยี บริษัทได้ใช้แนวทางการคิดล่วงหน้า  โดยระบุความคิดริเริ่มที่สําคัญเพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างมีนัยสําคัญ โดยมี CPS ทําหน้าที่เป็นเสาหลักในการดำเนินตามกลยุทธ์นี้ NIQ ยึดมั่นในพันธกิจในการบุกเบิกข้อมูลเชิงลึกและนวัตกรรมภายในขอบเขตข่าวกรองผู้บริโภคและตลาด ขับเคลื่อนเราไปสู่อนาคตของความก้าวหน้าที่ไม่มีใครเทียบได้และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม

เกี่ยวกับ NIQ
NIQ เป็นบริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนําของโลก ซึ่งนำเสนอความเข้าใจที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเผยให้เห็นเส้นทางใหม่สู่การเติบโต ในปี 2023 NIQ ได้ควบรวมกิจการกับ GfK โดยนําผู้นําอุตสาหกรรมทั้งสองมารวมกันพร้อมการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยการอ่านข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวม และข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งส่งมอบด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ําสมัย-NIQ จึงมอบ Full ViewTM

NIQ เป็น บริษัทในเครือ Advent International ที่มีการดําเนินงานในตลาดมากกว่า 100 แห่ง ครอบคลุมประชากรมากกว่า 90% ของโลก สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม NIQ.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Media
Gillian Mosher
รองประธานฝ่ายสื่อสาร
(gillian.mosher@NIQ.com)

ที่มา: NIQ

พันธมิตรความร่วมมือระหว่าง ADIO และ Gradiant ในโครงการรักษ์น้ำ

Logo

  • Gradiant บริษัทบำบัดน้ำและน้ำเสียที่ก่อตั้งโดย MIT ได้เข้าร่วมศูนย์รวมนักพัฒนานวัตกรรมของ Abu Dhabi ซึ่งเป็นหัวหอกในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศระดับโลก
  • Gradiant ตัดสินใจเลือก Abu Dhabi เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ใน EMEA และร่วมมือกันกับ ADIO สำหรับ CleanTech และเป้าหมายด้านการรักษ์น้ำ
  • ข้อตกลงลงนามใน COP28 ระหว่างการประชุมด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่จัดขึ้นโดยสหประชาชาติ

ABU DHABI, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–20 ธันวาคม 2023

สำนักงานการลงทุนอาบูดาบี (Abu Dhabi Investment Office ADIO) ประกาศในวันนี้ว่า Gradiant ยูนิคอร์นด้านโซลูชันน้ำและน้ำเสียที่ก่อตั้งโดย MIT ได้ตัดสินใจเลือกเมืองหลวงของ UAE เป็นที่ตั้งของสำหนักงานใหญ่และศูนย์นวัตกรรมระดับโลกแห่งใหม่ของ EMEA ADIO และ Gradiant มีการร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือใน COP28 ระหว่างการประชุมด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่จัดขึ้นโดยสหประชาชาติ โดยบริษัทได้เข้าร่วมศูนย์รวมนักพัฒนานวัตกรรมของ Abu Dhabi ซึ่งเป็นหัวหอกในการพัฒนาและการจำหน่ายโซลูชันด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทั่วโลก

The partnership between ADIO and Gradiant underscores their joint commitment to advancing water security and climate change solutions, marking a significant step in establishing Abu Dhabi as a pivotal center for global environmental innovation. (Graphic: Business Wire)

“ความร่วมมือระหว่าง ADIO และ Gradiant ตอกย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันในการพัฒนาความมั่นคงทางน้ำและโซลูชันการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นก้าวสำคัญในการจัดตั้งให้ Abu Dhabi เป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก (กราฟิก: Business Wire)”

ADIO สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจใน Abu Dhabi โดยการดึงดูดบริษัทที่มีการพัฒนานวัตกรรมในภาคส่วนเศรษฐกิจที่มีการเติบโตสูง ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะยาวของ Emirate ในความร่วมมือกับ Gradiant ซึ่งมีมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ Abu Dhabi ก้าวสู่แนวหน้าของอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มูลค่าของตลาดการบำบัดน้ำและน้ำเสียทั่วโลกคาดว่าจะสูงถึง 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030

ADIO ให้การสนับสนุนการเติบโตของ Gradiant อย่างครอบคลุม และเชื่อมโยงกับระบบนิเวศของ Abu Dhabi รวมถึงโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศ บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Boston มีพนักงานทั่วโลกกว่า 900 คน ปัจจุบันมีความโดดเด่นในการรับมือกับความท้าทายด้านน้ำที่เพิ่มขึ้นของโลก ซึ่งเกิดจากการพัฒนาอุตสาหกรรม การเติบโตของประชากร และปริมาณน้ำที่ขาดแคลนมากขึ้น เทคโนโลยีของบริษัทช่วยส่งเสริมตสาหกรรมที่สำคัญต่างๆ ของโลก รวมถึงเซมิคอนดัคเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม พลังงานหมุนเวียน การกลั่นและเคมีภัณฑ์ และพลังงาน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานตามภารกิจที่สำคัญ และลดปริมาณการใช้น้ำ

Badr Al-Olama ผู้อำนวยการทั่วไปของ ADIO กล่าวว่า "การเพิ่มบริษัทมูลค่าพันล้านเหรียญสหรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภารภิจสำคัญระดับโลก ถือเป็นการส่งเสริมอย่างมีนัยสำคัญต่อระบบนิเวศนวัตกรรมของ Emirate และความมุ่งมั่นใน net zero Gradiant ให้ความสำคัญกับการให้บริการลูกค้าทั่วทุกภาคส่วนหลัก โดยสอดคล้องกับลำดับความสำคัญทางเศรษฐกิจของ Abu Dhabi และการดำเนินธุรกิจใน Emirate จะเป็นตัวเร่งการเติยโตในหลายๆ ด้าน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านการรักษ์น้ำในวงกว้าง UAE มุ่งมั่นที่จะมีการนำน้ำหลังการบำบัดกลับมาใช้ใหม่ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ ADIO มีความภูมิใจที่ได้สนับสนุนผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับผู้ดำเนินการหลักระดับโลกอย่าง Gradiant”

Gradiant นำเสนอกระบวนการและโซลูชันดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมน้ำและน้ำเสีย และปัจจุบันมีสิทธิบัตรถึง 250 ฉบับโดยประมาณซึ่งครอบคลุมเทคโนโลยีต่างๆ บริษัทรวบรวมเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมเข้ากับพลังของ AI เพื่อสร้างโซลูชันแบบครบวงจรเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านน้ำที่สำคัญที่สุดของโลก โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีขื่อว่า SmartOps สำหรับการปรับเพิ่มประสิทธิภาพของโรงงานและการจัดการทรัพย์สินของระบบบำบัด โดยใช้การเรียนรู้ของเครื่องจักรและปัญญาประดิษฐ์

Prakash Govindan, COO ของ Gradiant กล่าว "ความร่วมมือของเรากับ ADIO ขยายความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาโซลูชันน้ำอย่างยั่งยืนทั่วภูมิภาค EMEA ในการต่อยอดความสำเร็จที่ผ่านการพิสูจน์แล้วใน Singapore เราตั้งเป้าที่จะทำให้ Abu Dhabi และ UAE ก้าวสู่แถวหน้าด้านนวัตกรรมในเทคโนโลยีน้ำ แนวทางของเราสอดคล้องกับวิสัยทัศน์เศรษฐกิจของ Abu Dhabi ในปี 2030 และเราทุ่มเทเพื่อยกระดับความเพียงพอของน้ำและพลังงานในภูมิภาคผ่านโซลูชันที่ล้ำสมัยของเรา"

ศูนย์นวัตกรรมระดับโลกของ Gradiant ใน Abu Dhabi จะพัฒนาและจำหน่ายเทคโนโลยีการบำบัดน้ำใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังมีการทำงานกับ Khalifa University, Masdar และสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับปรุงระบบนิเวศของ Abu Dhabi ความร่วมมือกันนี้จะช่วยกระตุ้นและเสริมความก้าวล้ำในเทคโนโลยี RO Infinity และ Carrier Gas Extraction (CGE) ของ Gradiant และโซลูชันการบำบัดน้ำที่พัฒนาขึ้นใหม่อื่นๆ

ADIO มีส่วนร่วมในการพัฒนาโซลูชันพลังงานที่ยั่งยืนใน Abu Dhabi รวมถึงการร่วมมือกับ Siemens Energy AG ในการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมเพื่อลูกค้าตะวันออกกลางใน Emirate ศูนย์นี้เป็นหนึ่งในสี่ศูนย์นวัตกรรมระดับโลกที่จะช่วยสนับสนุนการจำหน่ายโซลูชันเชิงนวัตกรรมเพื่อก้าวสู่ net zero ใน UAE และทั่วโลก

เกี่ยวกับ ADIO

สำนักงานการลงทุนอาบูดาบี (Abu Dhabi Investment Office — ADIO) ช่วยเอื้อให้นักลงทุนท้องถิ่น ภูมิภาค และนานาชาติประสบความสำเร็จและธุรกิจเติบโตในเมืองหลวงของ UAE ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรภาครัฐ นักลงทุนภาครัฐ และนักลงทุนระดับประเทศ ADIO เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของ Abu Dhabi ที่เสริมการเติบโตให้กับภาคเอกชน พันธมิตร และสามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ระดับโลกได้ โดยส่งเสริมโอกาสในการเติบโต มีการร่วมมือกันเชิงกลยุทธ์ และเปิดตลาดใหม่ๆ ทั่วภาคส่วนหลักตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน จนถึงอุตสาหกรรมและธุรกิจการเกษตร และยกระดับการลงทุนในประเทศทั้งความสามารถ นวัตกรรม และความยั่งยืน ด้วยเครือข่ายสำนักงานทั่วโลกที่กำลังเติบโต นักลงทุนสามารถติดต่อ ADIO ได้โดยสามารถไปที่สำนักงานใหญ่ใน Abu Dhabi หรือสำนักงานในต่างประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ที่ปักกิ่ง แฟรงก์เฟิร์ต ลอนดอน นิวยอร์ก ปารีส ซานฟรานซิสโก โซล และเทลอาวีฟ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.investinabudhabi.gov.ae/

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการด้านโซลูชันระดับโลกเกี่ยวกับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ด้วยชุดโซลูชันแบบครบวงจรเต็มรูปแบบที่แตกต่างและมีเอกสิทธิ์เต็มรูปแบบ ซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำระดับแนวหน้า บริษัทให้บริการเพื่อการดำเนินงานที่สำคัญต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่สำคัญต่างๆ ของโลก รวมถึงน้ำมันและก๊าซ เซมิคอนดัคเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุสำคัญ และพลังงานหมุนเวียน โซลูชันนวัตกรรมของ Gradiant ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำและปล่อยน้ำเสีย เรียกคืนทรัพยากรอันมีค่า และเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืดได้ บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Boston ก่อตั้งโดย MIT และมีพนักงานทั่วโลกกว่า 1000 คน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53867804/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Felix Wang
Gradiant, VP of Marketing
fwang@gradiant.com

แหล่งข้อมูล: Gradiant

foodpanda จับมือกับ Qwikcilver จาก Pine Labs เปิดตัวบัตรของขวัญ

Logo

ประเทศสิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–14 ธันวาคม 2023

Qwikcilver จาก Pine Labs ผู้ให้บริการชั้นนำด้านบัตรของขวัญแบบครบวงจร และโซลูชั่นที่มีมูลค่าสะสมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย กับ foodpanda เครือข่ายจัดส่งอาหารและของชำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย (นอกประเทศจีน) ได้ร่วมมือกันเปิดตัวบัตรของขวัญ foodpanda –โซลูชั่นที่ได้รับการปรับปรุงซึ่งช่วยให้ลูกค้า foodpanda สามารถแลกและซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย

ฟีเจอร์บัตรของขวัญใหม่จะพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรของ foodpanda เป็นครั้งแรกภายใต้ 'foodpanda สำหรับธุรกิจ' ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นระดับองค์กรโดยเฉพาะของบริษัท การบูรณาการบัตรของขวัญทำให้กระบวนการบริหารจัดการสำหรับลูกค้าองค์กรของ foodpanda ง่ายขึ้น เนื่องจากทำให้พวกเขาซื้อและแบ่งปันบัตรของขวัญกับพนักงานได้อย่างง่ายดายผ่านทางพอร์ทัลของ foodpanda สำหรับธุรกิจ ทำให้พวกเขาสามารถติดตามการซื้อและการใช้จ่ายก่อนหน้านี้ได้อย่างง่ายดาย

สำหรับพนักงาน บัตรของขวัญยังให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากบัตรกำนัล บัตรของขวัญช่วยให้ลูกค้าสามารถเก็บยอดคงเหลือที่ไม่ได้ใช้เพื่อใช้ในภายหลัง บัตรของขวัญยังสามารถใช้ได้กับคำสั่งซื้อหลายรายการ ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นในการแลกบัตรของขวัญในบริการต่างๆ ของ foodpanda รวมถึงการซื้อของชำบน pandamart และการขายปลีกสินค้าพิเศษบนร้านค้าของ foodpanda บัตรของขวัญที่ขับเคลื่อนโดย Pine Labs Qwikcilver ปัจจุบันมีวางจำหน่ายในประเทศไทยและสิงคโปร์ และจะเปิดตัวในตลาดทั้งหมด 11 แห่งที่ foodpanda ดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะจำหน่ายบัตรของขวัญให้กับลูกค้าทุกคน (รวมถึงลูกค้าที่ไม่ใช่องค์กรด้วย)

Abhishek Ahuja ผู้อำนวยการฝ่าย Fintechของ foodpanda กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า "เนื่องจากการทำงานที่ยืดหยุ่นกลายเป็นบรรทัดฐาน เราจึงต้องการให้บริษัทต่างๆ สามารถมอบสิทธิประโยชน์แก่พนักงานของตนได้ทุกที่ทุกเวลา เมื่อร่วมมือกับ Qwikcilver จาก Pine Labs แล้ว ขณะนี้เราสามารถเสนอวิธีที่เป็นมิตรกับผู้ใช้แก่บริษัทต่างๆ โดยพวกเขาสามารถแสดงความขอบคุณต่อพนักงานผ่านบัตรของขวัญ โดยไม่ต้องมีภาระในการจัดการและการชำระเงินเพิ่มเติม”

“ด้วยการปรากฏตัวในกว่า 400 เมือง foodpanda จึงเป็นชื่อที่ทำให้นึกถึงพื้นที่จัดส่งอาหารและร้านขายของชำออนไลน์ สำหรับแบรนด์ Qwikcilver จาก Pine Labs ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับบริษัท foodpanda ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี และขับเคลื่อนโครงการบัตรของขวัญและบัตรกำนัลใน 11 ประเทศ APAC และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในอนาคตระหว่างทั้งสองหน่วยงาน” Dheeraj Chowdhry กล่าว, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ – ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, Pine Labs

“ปัจจุบันแพลตฟอร์มบัตรของขวัญของเราขับเคลื่อนธุรกิจข้ามชาติทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็กหลายแห่งในอุตสาหกรรมแนวตั้งและภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย จากลูกค้าเหล่านี้ เราสังเกตเห็นว่าการใช้บัตรของขวัญหรือบัตรกำนัลเป็นรูปแบบธุรกิจที่ดี โดยให้ผลประโยชน์ทางการเงินที่น่าดึงดูด ด้วยการทำธุรกรรมผ่านบัตรใบเดียว พันธมิตรแบรนด์ของเราจะมีลูกค้าสองราย ได้แก่ ผู้ส่งและผู้รับ นอกจากนี้เรายังสังเกตเห็นว่าลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อมากกว่ามูลค่าบัตร ส่งผลให้ยอดขายและขนาดตะกร้าเพิ่มขึ้นสำหรับลูกค้าของเรา” Dheeraj Chowdhry กล่าวเสริม

เกี่ยวกับ foodpanda

foodpanda เป็นแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ชั้นนำในเอเชียที่มุ่งนำเสนออาหาร ของชำ และอื่นๆ อีกมากมายแก่ผู้บริโภคอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน foodpanda กำลังเป็นหัวหอกในการเติบโตของการค้าด่วน (q-commerce) ทั่วภูมิภาค ด้วยเครือข่ายพันธมิตรผู้ค้าปลีก รวมถึงร้านค้าบนคลาวด์ของ pandamart เพื่อมอบทางเลือกตามความต้องการที่มากกว่าบริการจัดส่งอาหารนับล้านรายการ foodpanda ดำเนินธุรกิจในกว่า 400 เมืองใน 11 ตลาดในเอเชีย – สิงคโปร์ ฮ่องกง ไทย มาเลเซีย ปากีสถาน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์ foodpanda เป็นบริษัทในเครือของ Delivery Hero ผู้นำระดับโลกด้านอุตสาหกรรมบริการส่งอาหาร หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.foodpanda.com

เกี่ยวกับ Pine Labs

Pine Labs เป็นแพลตฟอร์มการค้าขายแบบหลายช่องทางชั้นนำ ที่ดำเนินงานทั่วทั้งอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Pine Labs ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการชำระเงินดิจิทัล และมุ่งเน้นไปที่การทำให้ง่ายขึ้นที่ส่วนหน้า มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ธุรกิจจำนวนมากยอมรับผลิตภัณฑ์ Fintech ในวงกว้าง

ในการชำระเงินแบบดิจิทัล ซอฟต์แวร์การชำระเงินออนไลน์บนคลาวด์ Plural ของเรา แสดงถึงปลายทางการชำระเงินแบบครบวงจรในช่องทางต่างๆ

ธุรกิจการออกบัตรเครดิตของเราขับเคลื่อนโดย Qwikcilver – Qwikcilver นำเสนอโซลูชันบริการเทคโนโลยีแบบครบวงจรที่ล้ำสมัย เต็มรูปแบบในการจัดการธุรกรรมแบบชำระเงินล่วงหน้า บัตรของขวัญ และพื้นที่การขาย/การจัดจำหน่าย โดยมีสถานะที่แข็งแกร่งในหลากหลายประเทศ และการให้บริการไลฟ์สดกับแบรนด์ชั้นนำและลูกค้ารายใหญ่จากอุตสาหกรรมค้าปลีก การบริการ และสายการบิน ทั่วทั้งภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ต่อไปนี้: เอเชียใต้ – อินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกไกล – สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา – ดูไบ อาบูดาบี แอฟริกาใต้ ยุโรป – ลักเซมเบิร์กและสาธารณรัฐเช็ก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และฮาวาย ในสหรัฐอเมริกา ในปัจจุบัน

ในแอปสำหรับผู้บริโภค Fave เป็นแพลตฟอร์ม fintech สำหรับผู้บริโภครุ่นต่อไป โดยให้การชำระเงินและการออมที่ชาญฉลาด ในขณะเดียวกันก็เสริมศักยภาพให้กับร้านค้าด้วยโซลูชันความภักดี เพื่อเติบโตและมีส่วนร่วมกับลูกค้าในรูปแบบใหม่ทั้งหมด

หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.pinelabs.com และ www.qwikcilver.com.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การติดต่อ

ช่องทางการติดต่อ

สำหรับ Pine Labs

Swati Chauhan
Ruder Finn Asia
chauhans@ruderfinn.com
+91- 8505947705

สำหรับ foodpanda

Katrina Khoe
foodpanda
Katrina.khoe@foodpanda.com
+65 9726 9199

ที่มา: Pine Labs

The Bangkok Reporter