เครื่องชาร์จรถไฟฟ้ารุ่น MaxiCharger DC Compact 47KW ของ Autel Energy ได้รับฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ระดับ สูงที่สุด

Logo

ปากเกร็ด ประเทศไทย–(BUSINESS WIRE)–29 กันยายน 2023

Autel Energy บริษัทชั้นนำที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีความยินดีที่จะประกาศว่า เครื่องชาร์จรถไฟฟ้ารุ่น MaxiCharger DC Compact 47KW ของบริษัทได้รับฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของการรับรองประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าแบบกระแสตรงที่มีกำลังไฟต่ำกว่า 60KW ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Autel Energy ในการนำเสนอโซลูชันการชาร์จที่ล้ำสมัยและประหยัดพลังงานให้กับอุตสาหกรรมการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

MaxiCharger DC Compact awarded EGAT Label No. 5 with 3-star rating (Photo: Business Wire)

MaxiCharger DC Compact คว้าฉลาก กฟผ. หมายเลข 5 ระดับ 3 ดาว (Photo: Business Wire)

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้ให้และเสนอการรับรองนี้ตามเกณฑ์ประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เข้มงวดที่ระบุไว้ในเกณฑ์ประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับเครื่องชาร์จชาร์จรถไฟฟ้า ปี 2024 เกณฑ์เหล่านี้ระบุว่าเครื่องชาร์จกระแสไฟตรงที่มีกำลังไฟต่ำกว่า 60KW จะต้องได้รับคะแนนประสิทธิภาพเกิน 93.738% จึงจะได้คะแนน 3 ดาวอันเป็นที่ปรารถนา เครื่องชาร์จรถไฟฟ้ารุ่น MaxiCharger DC Compact 47KW ของ Autel มีประสิทธิภาพการทำงานอันน่าประทับใจสูงถึง 95.293% ในระดับการใช้งานเต็มกำลัง ซึ่งเกินกว่าข้อกำหนดเหล่านี้

เครื่องชาร์จรถไฟฟ้ารุ่น MaxiCharger DC Compact 47KW ได้รับการออกแบบโดยเน้นที่ประสิทธิภาพ ความเร็ว และความสะดวกสบาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโซลูชันการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV):

รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ: MaxiCharger DC Compact มาพร้อมกับพอร์ตคู่ที่สามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 47KW สามารถชาร์จรถยนต์สองคันพร้อมกันได้ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 130 กิโลเมตรในเวลาเพียง 30 นาที ทำให้กลายเป็นโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสำหรับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

การออกแบบที่กะทัดรัด: MaxiCharger DC Compact ได้รับการออกแบบเพื่อความคล่องตัว โดยมีขนาดกะทัดรัดเป็นพิเศษพร้อมทั้งจ่ายไฟกระแสตรงได้มหาศาล ตัวเลือกการติดตั้งที่ยืดหยุ่นรองรับทั้งการวางตำแหน่งในตำแหน่งตายตัวและเคลื่อนย้ายได้ โดยมีต้นทุนการติดตั้งต่ำทำให้ผู้ให้บริการในสถานีชาร์จได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างรวดเร็ว

แพลตฟอร์มการโฆษณาและการสื่อสารอัจฉริยะ: MaxiCharger DC Compact มาพร้อมหน้าจอสัมผัส LCD ขนาด 21.5 นิ้วที่ใช้งานง่าย ขับเคลื่อนโดย Android 10 ช่วยยกระดับประสบการณ์การชาร์จด้วยการแสดงโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับเป้าหมาย ผู้ให้บริการสถานีชาร์จสามารถสื่อสาร โปรโมท หรือดึงดูดลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดแหล่งรายได้ใหม่

"การที่ MaxiCharger DC Compact 47KW ของเราได้รับฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ระดับ 3 ดาว ถือเป็นก้าวสำคัญของ Autel" Henry He กรรมการผู้จัดการฝ่ายขายของ Autel Energy APAC กล่าว "เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ของกฟผ. ที่ทุ่มเทเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโซลูชันประหยัดพลังงานมากขึ้นสำหรับตลาดประเทศไทย การเลือกใช้ MaxiCharger DC Compact 47KW ของ Autel ช่วยให้ผู้บริโภคและธุรกิจมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เพลิดเพลินกับประโยชน์ของโซลูชันการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ประสิทธิภาพสูง"

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53565459/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ติดต่อสำหรับสื่อ
Jia Hui Huang
marketing.jp@autel.com

ที่มา: Autel Energy

 

AnglicareSA สร้างรากฐานสำหรับบริการเฉพาะบุคคลด้วย Boomi

Logo

  • AnglicareSA องค์กรไม่แสวงผลกำไรในรัฐเซาท์ออสเตรเลียลดเวลาในการบูรณาการลง 30 เปอร์เซ็นต์ด้วยแพลตฟอร์มบูรณาการที่ได้รับรางวัลของ Boomi ซึ่งเข้ามาแทนที่ Microsoft Azure Integration Services เพื่อพัฒนามุมมองลูกค้าแบบองค์รวมและรอบด้านสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 62,500 คน
  • AnglicareSA ร่วมกับองค์กรประมาณ 20,000 แห่งทั่วโลกในการเลือกแพลตฟอร์มบูรณาการชั้นนำของ Boomi ในฐานะบริการ (iPaaS) เพื่อผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–28 กันยายน 2023

Boomi™ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติได้ประกาศในวันนี้ว่า AnglicareSA องค์กรไม่แสวงหากำไร (NFP) ได้เลือกแพลตฟอร์ม Boomi Platform เพื่อปูทางในการปรับปรุงบริการเฉพาะบุคคลโดยการรวมศูนย์ข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 62,500 คนที่บริษัทสนับสนุนได้ดียิ่งขึ้น

AnglicareSA Creates Foundation for Personalised Services With Boomi (Graphic: Business Wire)

AnglicareSA สร้างรากฐานสำหรับบริการเฉพาะบุคคลด้วย Boomi (กราฟิก: Business Wire)

AnglicareSA ได้ให้บริการโปรแกรมที่หลากหลายแก่ชาวออสเตรเลียใต้มานานกว่า 150 ปี ซึ่งรวมถึงการจัดหาที่อยู่อาศัย บริการโครงการประกันความพิการแห่งชาติ (NDIS) บริการของชาวอะบอริจิน การดูแลผู้สูงอายุ การอุปถัมภ์ ความช่วยเหลือฉุกเฉิน และการให้คำปรึกษาทางด้านการเงิน การให้บริการนี้จำเป็นต้องมีการจัดการและใช้งานระบบและแอปพลิเคชันจำนวนมาก โดยมีข้อมูลที่ไม่เชื่อมต่อกันทั่วทั้งระบบคลาวด์และสภาพแวดล้อมภายในองค์กร หลังจากประเมินตัวเลือกต่างๆ แล้ว AnglicareSA ได้เลือก Boomi Platform เพื่อบูรณาการการลงทุนด้านเทคโนโลยี และเป็นการรับประกันว่าข้อมูลจะพร้อมใช้งานสำหรับพนักงานและอาสาสมัคร 1,800 คนเมื่อพวกเขาต้องการ

“การให้บริการที่หลากหลายทำให้เราต้องมีระบบที่หลากหลาย ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสื่อสารระหว่างกัน ทำให้เรามีข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน และทำให้เป็นการยากที่จะเข้าใจผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ต้องพึ่งพาเรา” Brett Rowe ผู้จัดการฝ่ายสนับสนุนแอปพลิเคชันของ AnglicareSA กล่าว “Boomi ทำหน้าที่เป็นรากฐานอันมั่นคงที่เราต้องการเพื่อรับประกันการบูรณาการระบบที่เชื่อถือได้ เพื่อให้เราสามารถปรับปรุงบริการของเราต่อไป และปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของชาวออสเตรเลียใต้ได้”

AnglicareSA ใช้แพลตฟอร์มบูรณาการของ Boomi เป็นบริการ (iPaaS) เพื่อเชื่อมต่อแอปพลิเคชันที่สำคัญต่อธุรกิจ รวมถึงการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ของ TechnologyOne, Salesforce Lumary, ซอฟต์แวร์การจัดการแรงงาน Rapid Global, ซอฟต์แวร์ทรัพยากรบุคคล (HR) ของ ELMO และฐานข้อมูล Microsoft ActiveDirectory และฐานข้อมูล SQL หลังจากยกระดับทักษะผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมของ Boomi ทีมแอปพลิเคชันของ AnglicareSA ได้ทำการพัฒนาและปัจจุบันได้จัดการการบูรณาการภายใน ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนได้อย่างมาก

AnglicareSA เลือก Boomi มาแทนที่บริการบูรณาการ Microsoft Azure และในกระบวนการนี้ได้ขจัดการบูรณาการแบบจุดต่อจุดที่ซับซ้อน ซึ่งพิสูจน์ได้ว่ายากต่อการบำรุงรักษาและการสนับสนุน

“สถาปัตยกรรมแบบใช้โค้ดน้อยของแพลตฟอร์ม Boomi ทำให้การบูรณาการเร็วขึ้นอย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ และจะช่วยให้เราสามารถปรับขนาดความสามารถในการบูรณาการของเราได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายเมื่อมีแอปพลิเคชันคลาวด์เข้าสู่ธุรกิจมากขึ้น” Rowe กล่าว “บางโครงการที่ก่อนหน้านี้ใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือน ตอนนี้แล้วเสร็จแล้วภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์”

“นอกจากนี้ ความสมบูรณ์ของแพลตฟอร์ม Boomi ยังทำให้เรามีความสามารถที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และการจัดการการบูรณาการภายในซึ่งหมายความว่าเงินทุนที่ก่อนหน้านี้เคยถูกใช้ไปในการสนับสนุนสามารถถูกอัดฉีดกลับเข้าสู่บริการชุมชนของเราได้ นับตั้งแต่เราเปิดตัว Boomi เมื่อต้นปี 2023 เราก็มีความคล่องตัวมากขึ้น ตอบสนองต่อคำขอจากธุรกิจและพนักงานได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลาของทีมในการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง และแก้ไขปัญหาการบูรณาการที่ซับซ้อนได้” Rowe กล่าวเสริม

“ในภาคส่วนที่ทุกรายละเอียดมีความสำคัญ พนักงานของโปรแกรมการดูแลจำเป็นต้องวางใจได้ว่าระบบดิจิทัลที่สนับสนุนธุรกิจของตนสามารถให้บริการข้อมูลที่หลากหลายได้อย่างถูกต้อง” Nathan Gower ผู้อำนวยการออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ของ Boomi กล่าว “การเปลี่ยนไปใช้ Boomi ช่วยให้ AnglicareSA เข้าใจความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ดีขึ้น และทำให้ทีมไอทีสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและขจัดการบูรณาการที่ซับซ้อนได้”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi มีเป้าหมายจะทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นด้วยการเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่งในทุกๆ ที่ Boomi เป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มบูรณาการบนคลาวด์ในฐานะบริการ (iPaaS) และปัจจุบันเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ให้บริการ (SaaS) ชั้นนำระดับโลก โดยเป็นฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มบูรณาการและเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย รวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และประสานข้อมูล พร้อมเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและเร็วขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://boomi.com

© 2023 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53554870/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

สื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสื่อและนักวิเคราะห์สัมพันธ์ APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi

งานแสดงสินค้านวัตกรรมไฟฟ้าและแสงสว่างอัจฉริยะภายใต้การสนับสนุนจากกรมการค้ามณฑลเจ้อเจียงประจำปี 2023 เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทย

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2023

เมื่อวันที่ 20 กันยายน "งานแสดงสินค้านวัตกรรมไฟฟ้าและแสงสว่างอัจฉริยะภายใต้การสนับสนุนจากกรมการค้ามณฑลเจ้อเจียง (ประเทศไทย)" ซึ่งจัดโดยกระทรวงพาณิชย์เจ้อเจียงได้เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี ประเทศไทย งานนี้จัดขึ้นถึงวันที่ 22 กันยายน

The Zhejiang International Trade Exhibition 2023 opens grandly in Thailand (Photo: Business Wire)

งานแสดงสินค้านวัตกรรมไฟฟ้าและแสงสว่างอัจฉริยะภายใต้การสนับสนุนจากกรมการค้ามณฑลเจ้อเจียงประจำปี 2023 เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทย (รูปภาพ: Business Wire)

มีผู้เข้าร่วมพิธีเปิดได้แก่ นายเพทาย หมุดธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงพลังงาน ประเทศไทย นายโจว ซีฉี เลขานุการเอกของสำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย นายเอกชัย ประสงค์ ผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมือง (กปท.) และนายสมศักดิ์ ปรางทอง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการด้านอุปสงค์และกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แขกที่เข้าร่วมงานต่างชื่นชมผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์และตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ "สินค้าเจ้อเจียงคุณภาพ" สื่อหลายสำนักได้ทำการสัมภาษณ์และรายงานเกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์เจ้อเจียงและบริษัทแบรนด์ในเจ้อเจียง

งานแสดงนี้เป็นการต่อยอดจากงานแสดงครั้งล่าสุด โดยผสมผสานระบบแสงสว่าง เมืองอัจฉริยะ บ้านอัจฉริยะ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของเจ้อเจียงเข้าด้วยกันอย่างเต็มรูปแบบ โดยเน้นธีม "สินค้าเจ้อเจียงคุณภาพสูงสู่ตลาดโลก" และนำเสนอการพัฒนาต่างๆ ในตลาดไทย องค์กรการผลิตอัจฉริยะของแบรนด์เจ้อเจียง ซึ่งนำเสนอโดย Hikvision, Dahua, Yuzhong Gaohong และ Sky-lighting มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเมืองอัจฉริยะ โดยเน้นย้ำถึงความสำเร็จของอุตสาหกรรมดั้งเดิมของเจ้อเจียงในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี

นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนและไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างจีนและไทย ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างทั้งสองประเทศก็ได้ขยายตัวมากขึ้น งานปีนี้ตรงกับวันครบรอบ 10 ปีของโครงการ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" การใช้ประโยชน์จากแนวโน้มของการสร้างชุมชนแห่งอนาคตร่วมกันระหว่างจีนและไทยในยุคใหม่ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเจ้อเจียงและไทยได้นำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ เจ้อเจียงเป็นมณฑลที่แข็งแกร่งในด้านเศรษฐกิจของจีนและเป็นมณฑลสำคัญในการค้าต่างประเทศ หลังการแพร่ระบาด เจ้อเจียงได้ส่งเสริมแบรนด์เจ้อเจียงว่าเป็น "สินค้าเจ้อเจียงคุณภาพสูงที่จำหน่ายทั่วโลก" ในตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ ฝ่ายไทยให้การต้อนรับบริษัทจากเจ้อเจียงอย่างมาก ประเทศไทยยังหวังว่าผู้ประกอบการชาวจีนและไทยจะสามารถใช้ประโยชน์จากงานแสดงนี้ได้อย่างเต็มที่ผ่านสายสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นระหว่างรัฐบาล รวมถึงมีการติดต่ออย่างกว้างขวาง แลกเปลี่ยนข้อมูลอุตสาหกรรม และเจรจาความร่วมมือเพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจต่อไป

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53562325/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ติดต่อสำหรับสื่อ: Ms. Robby Keshan, 011-46464830

ที่มา: งานแสดงสินค้านวัตกรรมไฟฟ้าและแสงสว่างอัจฉริยะภายใต้การสนับสนุนจากกรมการค้ามณฑลเจ้อเจียง

Kioxia เปิดตัว e-MMC Ver. 5.1 ผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังรุ่นใหม่

Logo

อุปกรณ์ใหม่มีหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นใหม่ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพการอ่านและเขียนข้อมูล

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2023

Kioxia Corporation ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ได้ประกาศการสุ่มตัวอย่าง[1]ของ JEDEC e-MMC Ver. 5.1[2] ผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นสำหรับการใช้งานของผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ได้รวมหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นใหม่ของบริษัท[3] และตัวควบคุมไว้ในแพ็กเกจเดียว ซึ่งช่วยลดภาระงานของโปรเซสเซอร์และปรับปรุงความสะดวกในการใช้งาน จะมีการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้ง 64 และ 128 กิกะไบต์ (GB)

Kioxia: e-MMC Ver. 5.1 Embedded Flash Memory Device (Photo: Business Wire)

Kioxia: e-MMC Ver. 5.1 อุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝัง (รูปภาพ: Business Wire)

เนื่องจากตลาดยังคงเปลี่ยนมาใช้ UFS[4] จึงมีบางกรณีที่ e-MMC ยังคงใช้งานได้ ซึ่งรวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลระดับกลาง เช่น แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล อุปกรณ์ ณ จุดขาย และอุปกรณ์มือถือแบบพกพาอื่นๆ ตลอดจนสมาร์ททีวีและ NIC อัจฉริยะ Kioxia ยังคงเสริมความแข็งแกร่งในตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยการนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กว้างขวางและมีประสิทธิภาพสูง และขยายตัวเลือกที่มีให้สำหรับการใช้งานเหล่านี้ อุปกรณ์ Kioxia ใหม่ปรับปรุงประสิทธิภาพการเขียนข้อมูลตามลำดับและแบบสุ่มประมาณ 2.5 เท่า และประสิทธิภาพการอ่านข้อมูลแบบสุ่มประมาณ 2.7 เท่า เมื่อเทียบกับอุปกรณ์รุ่นก่อนหน้า[3] นอกจากนี้ เทราไบต์ที่เขียน (TBW)[5] ได้รับการปรับปรุงประมาณ 3.3 เท่า เมื่อเทียบกับอุปกรณ์รุ่นก่อนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับการตั้งค่าพื้นที่ที่ได้รับการปรับปรุง[6] สำหรับพื้นที่ e-MMC ทั้งหมด

ขณะนี้ Kioxia กำลังสุ่มตัวอย่างอุปกรณ์ e-MMC รุ่นใหม่ โดยคาดว่าจะมีการผลิตจำนวนมากในฤดูใบไม้ผลิปี 2024

หมายเหตุ:

[1]: อุปกรณ์ใหม่ล่าสุดของบริษัทรองรับในสองความจุได้แก่ 64GB และ 128GB การจัดส่งตัวอย่างอุปกรณ์ 64GB เริ่มต้นในเดือนนี้ โดยอุปกรณ์ 128GB มีกำหนดจัดส่งหลังเดือนตุลาคม ข้อมูลจำเพาะของตัวอย่างอาจแตกต่างจากผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์
[2]: e-MMC (การ์ดมัลติมีเดียแบบฝัง): หนึ่งในข้อกำหนดมาตรฐานของหน่วยความจำแฟลชแบบฝังที่กำหนดโดย JEDEC ผลิตภัณฑ์ใหม่รองรับการจัดคิวคำสั่งและฟังก์ชันการป้องกันการเขียนข้อมูลที่ปลอดภัยซึ่งระบุไว้เป็นตัวเลือกใน JEDEC Ver. 5.1.
[3]: เปรียบเทียบกับอุปกรณ์รุ่นก่อนหน้าของ Kioxia "THGAMSG9T24BAIL", "THGAMST0T24BAIL"
[4]: Universal Flash Storage (UFS) เป็นหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สำหรับประเภทผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแบบฝังที่สร้างขึ้นตามข้อกำหนดมาตรฐาน JEDEC UFS เนื่องจากอินเทอร์เฟซแบบอนุกรม UFS จึงรองรับการสื่อสารสองทางเต็มอัตรา (full duplexing) ซึ่งช่วยให้สามารถอ่านและเขียนข้อมูลพร้อมกันระหว่างโปรเซสเซอร์โฮสต์และอุปกรณ์ UFS
[5]: TBW หรือเทราไบต์ที่เขียนจะวัดจำนวนการเขียนข้อมูลสะสมที่ไดรฟ์คาดว่าจะเสร็จสิ้นตลอดอายุการใช้งาน
[6]: หากตั้งค่า Enhanced Area ความจุที่ผู้บริโภคสามารถใช้งานได้ทั้งหมดที่กำหนดค่าได้จะลดลง

ความเร็วในการอ่าน เขียนข้อมูลและ TBW เป็นค่าที่ดีที่สุดที่ได้รับในสภาพแวดล้อมการทดสอบเฉพาะที่ Kioxia และ Kioxia รับประกันทั้งความเร็วในการอ่านหรือเขียนข้อมูลหรือ TBW ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง ความเร็วในการอ่าน เขียนข้อมูล และ TBW อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้และขนาดไฟล์ที่อ่านหรือเขียนข้อมูล

โปรดทราบว่าความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์ Kioxia จะถูกระบุโดยอิงตามความหนาแน่นของชิปหน่วยความจำภายในผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่จำนวนความจุหน่วยความจำที่ผู้ใช้ปลายทางสามารถจัดเก็บข้อมูลได้ ความจุที่ผู้บริโภคใช้งานได้จะลดลงเนื่องจากพื้นที่ข้อมูลโอเวอร์เฮด การจัดรูปแบบ บล็อกที่เสียหาย และข้อจำกัดอื่นๆ และอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุปกรณ์โฮสต์และการใช้งาน สำหรับรายละเอียด โปรดดูข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง คำจำกัดความของ 1KB = 2^10 ไบต์ = 1,024 ไบต์ คำจำกัดความของ 1Gb = 2^30 บิต = 1,073,741,824 บิต คำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ 1Tb = 2^40 บิต = 1,099,511,627,776 บิต

ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นบริษัทชั้นระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายนปี 2017 บริษัท Toshiba Memory ได้แยกตัวออกจากบริษัท Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย "หน่วยความจำ" โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบหน่วยความจำที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและคุณค่าแก่สังคม BiCS FLASH™ เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D ที่เป็นนวัตกรรมของ Kioxia กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในการใช้งานที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ มีความถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53560476/en

รายชื่อติดต่อ

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:
Kioxia Corporation
สำนักงานขายทั่วโลก
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
แผนกวางแผนกลยุทธ์การขาย
Satoshi Shindo
โทร: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

 

JAIMA: ข้อมูลการประชุมสัมมนาหัวข้อ “สังคมคาร์บอนเป็นกลางและพลังงานชีวมวล” (ที่จัดขึ้นในประเทศไทย)

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–26 กันยายน 2023

Japan Analytical Instruments Manufacturers' Association (JAIMA ที่อยู่: 2-5-16 Kanda Nishiki-cho, Chiyoda-ku, Tokyo 101-0054 ประธาน: Masayuki Adachi/ประธานบริษัท Horiba, Ltd.) จะจัดการประชุมสัมมนาหัวข้อ "สังคมคาร์บอนเป็นกลางและพลังงานชีวมวล'' ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย

สังคมยุคใหม่กำลังเผชิญกับราคาพลังงานที่สูงขึ้นและการขาดแคลนแหล่งพลังงานที่ถือเป็นความท้าทายสำคัญ จึงได้ทำงานอย่างแข็งขันเพื่อให้บรรลุสังคมคาร์บอนเป็นกลางรวมถึงรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ในขณะเดียวกัน ดังนั้น JAIMA จึงได้ตัดสินใจจัดการประชุมสัมมนาในหัวข้อนี้โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันวิจัย รัฐบาล และบริษัทที่เกี่ยวข้องของญี่ปุ่นและไทย

หัวข้อเรื่อง: "สังคมคาร์บอนเป็นกลางและพลังงานชีวมวล"
วันที่และเวลา: 20 ตุลาคม 2023 (วันศุกร์) 9.00-17.00 น. ตามเวลาประเทศไทยและ 11.00-19.00 น. ตามเวลาญี่ปุ่น
สถานที่: โรงแรม Best Western Nada DonMueang Airport (สถานที่จัดงานในกรุงเทพฯ ประเทศไทย)
(https://bwnadadonmueang.com)
วิธีการจัดงาน: ห้องประชุมที่โรงแรม Best Western Nada Don Mueang Airport และเชื่อมต่อผ่าน ZOOM
ภาษา: อังกฤษ
ค่าธรรมเนียมการเข้าร่วม: ฟรี (มีอาหารกลางวันและกาแฟ/เครื่องดื่มให้บริการ)
การสมัครเข้าร่วม: โปรดสมัครเข้าร่วมจาก URL ด้านล่างนี้
https://www.jaima.or.jp/en/event/apply_cnbs/

ความร่วมมือ: JASTIP Japan-ASEAN Science, Technology and Innovation Platform/NEDO New Energy and Industrial Technology Surgery Research Organization/สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)/สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)/สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติประเทศญี่ปุ่น (JST)/METI-KANSAI Bureau of Economy, Trade and Industry/JEMIMA Japan Electric Measuring Instruments Manufacturer’s Association/สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย/สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี TPA (ไทย-ญี่ปุ่น)/สมาคมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ญี่ปุ่น-ไทย (JTECS)/มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์/สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC)

โปรแกรม:

กล่าวต้อนรับ:

JAIMA สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (TPA)

การบรรยายสำคัญ:

นโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนและพลังงานชีวมวลในประเทศไทยและญี่ปุ่น โดย สวทช./ENTEC และ NEDO

กรณีศึกษา:

ความพยายามในการใช้พลังงานชีวมวล – โดย ENTEC/สวทช.

"การปรับปรุงกระบวนการแปรสภาพเป็นแก๊สและก๊าซชีวภาพด้วยกระบวนการแปรสภาพเป็นแก๊สสามขั้นตอนและก๊าซชีวภาพสองขั้นตอน" โดย วว.

"ไพโรไลซิส เทคโนโลยีทางเลือกในการกลั่นชีวภาพและกิจกรรมหน่วยวิจัยด้านพลังงานชีวภาพและการเร่งปฏิกิริยา (BCRU) แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

"การแปลงขยะลิกโนเซลลูโลสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นพลังงานชีวภาพ: ควบคุมการย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจนด้วยจุลินทรีย์เขตร้อน" โดย VISTEC

ประสบการณ์ด้านพลังงานชีวมวลของญี่ปุ่นโดย Maniwa Biomass Power Plant และ J&T Environment Company

การนำเสนอทางเทคนิคโดย JAIMA และ JEMIMA และบริษัทที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลการติดต่อ
JAIMA Dr. Naoki Hamada
อีเมล: hamada@jaima.or.jp  โทร: +81-3-3292-0642

ที่มา: Japan Analytical Instrument Manufacturers Association

แอสตร้าเซนเนก้าเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสะอาดและความร้อนของสหราชอาณาจักรด้วยเงินลงทุน 100 ล้านปอนด์

Logo

ทำข้อตกลงระยะเวลา 15 ปีกับ Future Biogas เพื่อจัดหาก๊าซสีเขียว (ไบโอมีเทน) 100 GWh ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับความต้องการความร้อนของบ้านกว่า 8,000 ครัวเรือน

โครงการนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนให้กับโครงข่ายก๊าซแห่งชาติ และนับเป็นระบบไบโอมีเทนเชิงพาณิชย์แห่งแรกในสหราชอาณาจักร

ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่โรงงานผลิตยาที่ใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรในเมืองแมคเคิลฟิลด์ ผ่านการติดตั้งระบบผลิตความร้อนและไฟฟ้าร่วม

แคมบริดจ์, สหราชอาณาจักร–(BUSINESS WIRE)–23 กันยายน 2023

แอสตร้าเซนเนก้าเดินหน้าสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ โดยการร่วมมือกับ Future Biogas เป็นเวลา 15 ปี เพื่อจัดหาก๊าซไบโอมีเทนเชิงอุตสาหกรรมแห่งแรกในสหราชอาณาจักรที่ไม่ต้องอาศัยเงินอุดหนุน และลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการดำเนินงานของบริษัท รวมเป็นเงินลงทุน 100 ล้านปอนด์

A Future Biogas biomethane plant (Photo: Business Wire)

Future Biogas โรงงานก๊าซชีวภาพไบโอมีเทนแห่งอนาคต (รูปภาพ: Business Wire)

พลังงานจากโรงงานผลิตไบโอมีเทนจะจัดหาก๊าซไบโอมีเทน 100 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ต่อปีให้กับโรงงานของแอสตร้าเซนเนก้าในเมืองแมคเคิลฟิลด์ แคมบริดจ์ ลูตัน และสเปก ซึ่งเทียบเท่ากับความต้องการพลังงานความร้อนของบ้านกว่า 8,000 ครัวเรือน เมื่อโครงการนี้เริ่มดำเนินการในต้นปี 2025 จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 20,000 ตัน CO เทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2e) และเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนให้กับโครงข่ายก๊าซแห่งชาติ

โรงงานย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์และความร่วมมือระยะยาวกับ Future Biogas เป็นต้นแบบสำหรับการนำก๊าซหมุนเวียนมาใช้ในเชิงพาณิชย์ในสหราชอาณาจักร ตลาดไบโอมีเทนที่แข่งขันได้จะมีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กลายเป็นศูนย์ii

สำหรับการเปลี่ยนผ่านเพื่อนำไปสู่การใช้ความร้อนสะอาดในสหราชอาณาจักร จะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่วิทยาเขตแมคเคิลฟิลด์ของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นสถานที่พัฒนาและผลิตยาที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร รวมถึงการปรับปรุงครั้งใหญ่ของโรงไฟฟ้าผลิตความร้อนและไฟฟ้าร่วม (CHP) ของไซต์ ซึ่งจะประหยัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2e) เพิ่มเติมได้ 16,000 ตันต่อปี นอกเหนือจากการปรับปรุงอาคารและปรับปรุงพื้นที่สำหรับการผลิตและบรรจุยาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพเหล่านี้จะสนับสนุนการดำเนินงานที่ยั่งยืนในระยะยาวของวิทยาเขตแมคเคิลฟิลด์ที่ส่งมอบยามากกว่า 90 ล้านแพ็คไปสู่กว่า 130 ประเทศ

การก้าวสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% เป็นพันธกิจสำคัญในโครงการ Ambition Zero Carbon ที่ผลักดันเป้าหมายของแอสตร้าเซนเนก้ามุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีนัยยะสำคัญ โดยการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในวงโคจรทั้งหมดของบริษัท (ขอบเขต 1 ถึง 3) ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ตามหลักวิทยาศาสตร์ภายในปี 2045 อย่างช้าที่สุด แอสตร้าเซนเนก้ากำลังดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) จากการดำเนินงานทั่วโลก (ขอบเขต 1 และ 2) ลง 98% ภายในปี 2026

จูเลียต ไวท์ รองประธานฝ่ายความยั่งยืน ความปลอดภัย สุขภาพ และสิ่งแวดล้อมระดับโลกของแอสตร้าเซนเนก้า กล่าวว่า "ความมุ่งมั่นจากการทุ่มงบประมาณ 100 ล้านปอนด์แสดงให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอนในการคิดค้น พัฒนา และผลิตยา และการสานต่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับไซต์งานของเราทั่วทั้งสหราชอาณาจักรและทั่วโลก โดยการเป็นผู้นำในการนำความร้อนสะอาดมาใช้ในเชิงพาณิชย์ เรากำลังคิดค้นนวัตกรรมเพื่อขยายการใช้พลังงานหมุนเวียน ให้เป็นส่วนหนึ่งในเศรษฐกิจหมุนเวียน และขับเคลื่อนการดำเนินงานของเราสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์"

ฟิลลิป ลูคัส ซีอีโอของ Future Biogas กล่าวว่า “ความร่วมมือของเราและแอสตร้าเซนเนก้าได้ตอกย้ำสถานะผู้นำระดับโลกในการก้าวสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์" ทั้งนี้ประโยชน์ของโครงการนี้ยังนำไปสู่ความมั่นคงอันเกิดจากความร่วมมือทางการเกษตรระยะยาว ยังสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่แนวทางปฏิบัติทางการเกษตรแบบฟื้นฟู ทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการเกษตรที่ส่งเสริมการดูแลรักษาดินของสหราชอาณาจักร เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะกลายเป็นต้นแบบที่องค์กรนวัตกรรมอื่นๆ จะนำไปปรับใช้ในทิศทางเดียวกัน”

ไซต์นี้จะใช้ประโยชน์จากพืชที่ปลูกในท้องถิ่นเป็นวัตถุดิบ และส่งเสริมฟาร์มด้วยแนวทางการจัดการที่ดินแบบยั่งยืน ซึ่งจะเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตรแบบหมุนเวียน การปลูกพืชพลังงานชีวภาพเป็นส่วนหนึ่งของการปลูกพืชหมุนเวียนที่หลากหลายตามแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งจะช่วยการหมุนเวียนของธาตุและสารอาหาร และปรับปรุงสุขภาพดิน

ใบรับรองการรับประกันแหล่งกำเนิดก๊าซหมุนเวียน (RGGO) จะถูกส่งไปยังแอสตร้าเซนเนก้าเพื่อรับรองว่าจะไม่มีการนับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซ้ำซ้อน

โรงงานแห่งใหม่นี้มีประสิทธิภาพในการดักจับและกักเก็บคาร์บอนพลังงานชีวภาพ (BECCS) ซึ่งอำนวยความสะดวกการดำเนินงานที่เป็นคาร์บอนลบของโรงงานแอสตร้าเซนเนก้า มีเป้าหมายที่จะแยกคาร์บอนผ่านโครงการ "Northern Lights" ในนอร์เวย์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลนอร์เวย์

ความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในสหราชอาณาจักรล่าสุดในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากความร่วมมือด้านนวัตกรรมอื่นๆ ที่ประกาศไปเมื่อต้นปีนี้ ในสหรัฐอเมริกา แอสตร้าเซนเนก้ากำลังร่วมมือกับ Vanguard Renewables เพื่อเริ่มใช้งานการจัดส่งไบโอมีเทนไปยังไซต์งานทั้งหมดในสหรัฐฯ ภายในสิ้นปี 2026 นอกจากนี้บริษัทยังได้ลงนามในข้อตกลงกับ Statkraft ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดของยุโรป เพื่อเพิ่มการจัดหาไฟฟ้าหมุนเวียนในสวีเดน

หมายเหตุ

ก๊าซชีวภาพและไบโอมีเทนiii

ก๊าซชีวภาพผลิตโดยการหมักอินทรียวัตถุในถังย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจน ไบโอมีเทนเป็นก๊าซชีวภาพที่นำผลพลอยได้ของคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป ส่งผลให้ไบโอมีเทนมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติ และช่วยให้สามารถฉีดเข้าสู่โครงข่ายก๊าซแห่งชาติได้ ในโรงงานของ Future Biogas วัตถุดิบตั้งต้นจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์หรือเป็นลบ และหมายความว่าไบโอมีเทนเป็นพลังงานหมุนเวียน 100% ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก

พืชพลังงานที่ปลูกสำหรับ Future Biogas จะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากชั้นบรรยากาศในระหว่างการเจริญเติบโต เมื่อเก็บเกี่ยวและจัดเก็บแล้ว พืชพลังงานจะถูกป้อนเข้าไปในถังย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งแบคทีเรียจะสลายอินทรียวัตถุโดยปราศจากออกซิเจน และปล่อยก๊าซชีวภาพออกมา กากที่เหลือเป็นปุ๋ยอินทรีย์ (ย่อย) ซึ่งร่วมกับการเปลี่ยนแปลงหมุนเวียนการทำฟาร์มช่วยเร่งการดักจับคาร์บอนในดิน

พลังงานชีวภาพที่มีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (BECCS)iv

พลังงานชีวภาพที่มีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (BECCS) เป็นเทคนิคการกำจัดคาร์บอนเพื่อกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศ ชีวมวล (วัสดุอินทรีย์) จะถูกแปลงเป็นความร้อน ไฟฟ้า ของเหลวหรือเชื้อเพลิงก๊าซ และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการแปลงพลังงานชีวภาพนี้จะถูกดักจับและเก็บไว้ในรูปแบบทางธรณีวิทยาหรือฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่อยู่ได้นาน จะไม่ใช้ CO2 ที่ฉีดเข้าไปเพื่อการนำน้ำมันกลับมาใช้ใหม่

เกี่ยวกับ Future Biogas

Future Biogas คือบริษัทอุตสาหกรรมระดับแนวหน้าในการย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจน (AD) บริษัทเป็นผู้พัฒนาและผู้ดำเนินการโรงงาน AD ที่มีประสบการณ์สูงทั่วสหราชอาณาจักร และให้บริการการพัฒนา การก่อสร้าง การดำเนินงาน การปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง และการจัดการสินทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ ให้กับโครงการที่เป็นเจ้าของและแก่บุคคลที่สาม โรงงาน Future Biogas แห่งอนาคตจะเปลี่ยนวัตถุดิบตั้งต้นหลายประเภทให้กลายเป็นพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด ผ่านกระบวนการย่อยแบบไม่ใช้ออกซิเจนซึ่งผลิตก๊าซชีวภาพให้สามารถนำมาใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าสีเขียวหรืออัปเกรดเป็นไบโอมีเทนและฉีดเข้าไปในเครือข่ายก๊าซแห่งชาติของสหราชอาณาจักร

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.futurebiogas.com.*

เกี่ยวกับ Northern Lights

Northern Lights กำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบเปิดและยืดหยุ่นในการขนส่ง CO2 จากผู้ปล่อยก๊าซอุตสาหกรรมทางเรือไปยังสถานีรับทางตะวันตกของนอร์เวย์เพื่อจัดเก็บระดับกลาง ก่อนที่จะขนส่งทางท่อเพื่อจัดเก็บถาวรในอ่างเก็บน้ำทางธรณีวิทยาที่ลึก 2,600 เมตรใต้ก้นทะเล โดยการดำเนินการมีกำหนดจะเริ่มในปี 2024 สิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะช่วยให้ Northern Lights สามารถให้บริการขนส่งพร้อมการจัดเก็บที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้แก่ผู้ปล่อยก๊าซอุตสาหกรรมจากทั่วยุโรป ซึ่งให้ความสนใจเพิ่มขึ้นจากภาคอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ ความสามารถในการขนส่งและการจัดเก็บเพิ่มเติมจะได้รับการพัฒนาตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://northernlightsccs.com/.*

เกี่ยวกับ AstraZeneca

แอสตร้าเซนเนก้า (ชื่อย่อหลักทรัพย์ AZN ในตลาดหลักทรัพย์ LSE/ STO/ Nasdaq) เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก มุ่งเน้นทางด้านการคิดค้น พัฒนา และจำหน่ายยาเพื่อการรักษาโรค โดยเฉพาะในกลุ่มยาโรคมะเร็ง กลุ่มยาโรคหัวใจ ไต และระบบเผาผลาญ และกลุ่มยาโรคทางเดินหายใจ แอสตร้าเซนเนก้า มีฐานอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร และดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศ และมีผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมยาต่างๆ จากแอสตร้าเซนเนก้า

ด้วยมรดกอันน่าภาคภูมิใจที่มีมายาวนานกว่า 100 ปีในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ของสหราชอาณาจักร ปัจจุบันแอสตร้าเซนเนก้าคือบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำของสหราชอาณาจักร แอสตร้าเซนเนก้ามีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในห้าแห่งทั่วประเทศ โดยมีสำนักงานใหญ่ระดับโลกตั้งอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ ในสหราชอาณาจักร พนักงานประมาณ 8,700 คนทำงานในด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิต การจัดหา การขาย และการตลาด เราจัดหายาเพื่อการรักษาโรคชนิดต่างๆ ประมาณ 35 รายการให้กับ NHS

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปยังเว็บไซต์ www.astrazeneca.co.uk และช่องทางทวิตเตอร์ @AstraZenecaUK

อ้างอิง

ข่าวประชาสัมพันธ์

1:

ค่าการบริโภคภายในประเทศโดยทั่วไปของ Ofgem (TDCV) อยู่ที่ 12,000 kWh สำหรับอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง

2:

การเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน – การทบทวนพลังงานชีวภาพ (2023) รายงานพลังงานชีวภาพของ IEA ปี 2023

ดูได้ที่: https://www.ieabioenergyreview.org/transitioning-towards-sustainability/ [เข้าถึงล่าสุด: 06 กันยายน 2023]

3:

IEA (มีนาคม 2020) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับก๊าซชีวภาพและไบโอมีเทน ออนไลน์: https://www.iea.org/reports/outlook-for-biogas-and-biomethane-prospects-for-organic-growth/an-introduction-to-biogas-and-biomethane [เข้าถึงล่าสุด: 07 กันยายน 2023 ]

4:

IEA (2023) พลังงานชีวภาพที่มีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน – ระบบพลังงาน, IEA ดูได้ที่: https://www.iea.org/energy-system/carbon-capture-utilisation-and-storage/bioenergy-with-carbon-capture-and-storage [เข้าถึงล่าสุด: 07 กันยายน 2023]

_________________________________

*บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ที่เป็นผลหรือสืบเนื่องจากการที่ผู้ใช้บริการเข้าใช้เว็บไซต์นี้หรือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์นี้

รายชื่อติดต่อ

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการติดต่อทีมนักลงทุนสัมพันธ์ กรุณาคลิก ที่นี่ สำหรับการติดต่อสื่อ คลิก ที่นี่

ที่มา: AstraZeneca

Huawei และสมาคมวิจัยและอนุรักษ์มหาสมุทร (ORCA) แสดงให้เห็นว่าพวกเขาดำเนินการอย่างไรในการปกป้องชีวิตสัตว์ทะเลในไอร์แลนด์

Logo

ข้อมูลที่รวบรวมใหม่เผยให้เห็นปลาโลมาและวาฬจำนวนมากในเส้นทางเดินเรือนอกชายฝั่งทางใต้ของไอร์แลนด์

ดับลิน–(BUSINESS WIRE)–20 กันยายน 2023

สมาคมวิจัยและอนุรักษ์มหาสมุทร (ORCA) ของไอร์แลนด์และ Huawei Ireland เปิดเผยข้อค้นพบสำคัญล่าสุดเกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งมีชีวิตทางทะเลในไอร์แลนด์ ที่ถูกค้นพบระหว่างการทำงานร่วมกันในโครงการ Smart Whales Sound การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการประชุมสุดยอด OceanTech ที่ปราสาทบัลติมอร์ของไอร์แลนด์ในไอร์แลนด์

On September 14, 2023, Huawei and the Ireland Ocean Research and Conservation Association (ORCA) jointly released the latest research on the marine life conservation in Ireland. (Photo: Huawei)

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2023 Huawei และสมาคมวิจัยและอนุรักษ์มหาสมุทรแห่งไอร์แลนด์ (ORCA) ร่วมกันเผยแพร่งานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับการอนุรักษ์ชีวิตทางทะเลในไอร์แลนด์ (รูปภาพ: Huawei)

การศึกษาร่วมพบว่าช่องทางเดินเรือในทะเลเซลติกทางตอนใต้ของไอร์แลนด์มีส่วนทำให้เกิดมลพิษทางเสียงในสภาพแวดล้อมทางทะเลอย่างมีนัยสำคัญ การวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าเสียงจากมหาสมุทรอาจส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลหลายชนิด รวมถึงแมวน้ำ ปลา และแม้แต่ปลาหมึก และอาจคุกคามความอยู่รอดของวาฬได้

จนถึงขณะนี้ ระบบตรวจจับสิ่งมีชีวิตหลายชนิดแบบเรียลไทม์แสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ทางทะเล โดยสามารถแจ้งเตือนเรือในพื้นที่ที่มีวาฬแบบเรียลไทม์ได้ ด้วยระบบเก็บข้อมูลเสียงแบบใหม่ ระบบนี้อาจช่วยในการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานทางทะเลที่สำคัญ เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงานหมุนเวียนนอกชายฝั่ง เพื่อลดผลกระทบทางเสียงต่อชีวิตทางทะเลในระหว่างขั้นตอนการก่อสร้าง             

Emer Keaveney ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริหารของ ORCA Ireland กล่าวว่า:

เสียงรบกวนจากการเดินเรือและกิจกรรมอื่น ๆ ของมนุษย์ในน่านน้ำของเราอาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล เช่น วาฬและโลมา เสียงของเรือ เช่น เสียงฮัมต่ำของเรือคอนเทนเนอร์สามารถบดบังเสียงเรียกของวาฬ ส่งผลกระทบต่อการสื่อสารของสัตว์ และกลยุทธ์ด้านประวัติชีวิตที่สำคัญ เช่น การให้อาหารที่ประสานกัน หรือการย้ายสัตว์ออกจากแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญ

"ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีล่าสุดให้โอกาสเพิ่มมากขึ้นในการใช้นวัตกรรมเหล่านี้เพื่อประโยชน์และเพื่อเพิ่มความเข้าใจของเราเกี่ยวกับโลกธรรมชาติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เรากำลังใช้ [แพลตฟอร์มการพัฒนา AI] ModelArts ของ Huawei และพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ของเครื่อง เพื่อทำให้การตรวจสอบสัตว์ป่าเพื่อการอนุรักษ์ทางทะเลเป็นไปโดยอัตโนมัติ”

Luis Neves ซีอีโอของ Global Enabling Sustainability Initiative ได้แสดงความคิดเห็นว่า

งานจับเสียงในมหาสมุทรและควบคุมพลังของ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มความเข้าใจของเราเกี่ยวกับระบบนิเวศทางทะเลและการโต้ตอบที่ซับซ้อนกับภัยคุกคามต่าง ๆ มีความสำคัญอย่างยิ่ง ความพยายามนี้ไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการมีส่วนร่วมของสาธารณะในวงกว้างเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประสิทธิผลของความคิดริเริ่มในการอนุรักษ์ ซึ่งท้ายที่สุดก็มีส่วนช่วยในการอยู่รอดและความเป็นอยู่ที่ดีของพันธุ์สัตว์ทะเล

"ที่ GeSI เราภูมิใจที่ได้สมาชิกของ Huawei มาเป็นผู้นำและใช้นวัตกรรมและโมเดล AI/การเรียนรู้เชิงลึกที่ซับซ้อน เพื่อตรวจจับและระบุชนิดของสัตว์จำพวกวาฬโดยอัตโนมัติ และสนับสนุนการอนุรักษ์โลมาและวาฬ"

Luke McDonnell หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Huawei Ireland กล่าว

"Huawei เชื่อว่าไม่มีใครควรถูกทิ้งไว้ข้างหลังในโลกดิจิทัล และเราได้ทำให้ภารกิจของเราคือการนำเอาดิจิทัลมาสู่แถวหน้าและเป็นศูนย์กลางของธุรกิจของเรา นอกเหนือจากการปกป้องสิ่งแวดล้อมแล้ว เราเชื่อว่าเทคโนโลยีดิจิทัลยังมีบทบาทสำคัญในด้านอื่น ๆ อีกด้วย เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น AI, คลาวด์ และ 5G ได้รับการบูรณาการอย่างรวดเร็วและนำไปใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ สิ่งนี้อำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน และนำผลประโยชน์ที่จับต้องได้มาสู่สังคมโดยรวม"

เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 โครงการ ORCA Ireland Smart Whale Sounds ดำเนินการโดยความร่วมมือกับ Rainforest Connection (RFCx) และได้รับการสนับสนุนจาก Huawei Ireland ผ่านโครงการริเริ่ม TECH4ALL โดยถือเป็นการศึกษาชีวอะคูสติกทางทะเลแบบเรียลไทม์ครั้งแรกในไอร์แลนด์ การวิเคราะห์เบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าชายฝั่งทางใต้ของไอร์แลนด์เป็น 'ฮอตสปอต' สัตว์จำพวกวาฬ โลมา และพอร์พอยส์ สัตว์จำพวกวาฬเป็นสัตว์เกือบครึ่งหนึ่งของสัตว์ทั้งหมดที่อยู่ในเขตแดนทางทะเลและทางบกของไอร์แลนด์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลทั่วโลกเป็นหนึ่งในสามของสัตว์บนโลก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53555531/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Olivia Zhang
corporate.comms@huawei.com

แหล่งที่มา: Huawei

NIQ ขยายการแบ่งปันข้อมูลภายในแพลตฟอร์ม Connect ด้วย Snowflake

Logo

ความพร้อมใช้งานผ่านการแบ่งปันข้อมูล Snowflake ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–19 กันยายน 2023

NIQผู้นำระดับโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภค มีความยินดีที่จะประกาศว่า ได้ขยายความสามารถของแพลตฟอร์ม NIQ Connect ด้วย Snowflake Secure Data Sharing ความสามารถนี้ถือเป็นความสำเร็จสำคัญสำหรับแพลตฟอร์ม Connect ของ NIQ ซึ่งเพิ่มศักยภาพให้กับลูกค้าในตลาดโลก 84 แห่ง ด้วยความสามารถในการแบ่งปันข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุง และการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่ราบรื่น ด้วยเหตุนี้จึงสามารถลดเวลาในการรอในการประมวลผลและการโหลด มอบประสิทธิภาพและความคล่องตัวที่เหนือชั้นในสภาพแวดล้อมของผู้บริโภคที่ซับซ้อน

"การขยายความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลหลายช่องทางทั่วโลกอย่างง่ายดาย ช่วยให้เราสามารถช่วยให้ลูกค้าค้นพบเส้นทางใหม่สู่การเติบโตได้ แม้จะอยู่ในภูมิทัศน์ของผู้บริโภคที่ซับซ้อนมาก" Troy Treangen ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ NIQ กล่าว "นวัตกรรมคือเข็มทิศของเรา และความมุ่งมั่นของเราในการรื้อแพลตฟอร์ม Connect ได้สร้างแนวทางใหม่ การลงทุนเชิงกลยุทธ์ของเราช่วยให้เราปลดล็อกพลังความสามารถในการแบ่งปันข้อมูลที่ทันสมัย โดยนำลูกค้าของเราไปสู่อนาคตที่สดใสและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล"

NIQ Connect เป็นทรัพย์สินที่สำคัญสำหรับองค์กรต่างๆ ช่วยให้องค์กรควบคุมข้อมูลของตนในทุกแง่มุมขององค์กรได้ ด้วยสินทรัพย์ข้อมูลที่บูรณาการ ธุรกิจสามารถระบุแนวโน้มที่เกิดขึ้น ระบุช่องว่างด้านประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อโอกาสในการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ความร่วมมือระดับโลกนี้พร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมและความชอบของลูกค้า

ประเด็นสำคัญเพิ่มเติมของการบูรณาการแพลตฟอร์ม Connect ของ NIQ เข้ากับ Retail Data Cloud ของ Snowflake ได้แก่:

  • การบูรณาการข้อมูลที่ราบรื่น: บริษัทต่างๆ จะได้รับประโยชน์จากการบูรณาการข้อมูลผู้บริโภคและการตลาดที่หลากหลายของ NIQ เข้ากับสภาพแวดล้อมของ Snowflake ได้อย่างราบรื่น การบูรณาการนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ และขับเคลื่อนการปรับปรุงความเร็วที่สำคัญสำหรับลูกค้าของเราเมื่อเข้าถึงข้อมูล
  • การแบ่งปันข้อมูลอย่างปลอดภัย: ความพร้อมใช้งานผ่าน Snowflake ช่วยอำนวยความสะดวกในการแบ่งปันข้อมูลแบบเกือบเรียลไทม์ ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงและสืบค้นข้อมูลของ NIQ ได้ทันที การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบไดนามิกนี้ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถก้าวนำหน้าในภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
  • ความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่น: แพลตฟอร์ม Connect ของ NIQ ร่วมกับ Snowflake Secure Data Sharing ได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับขนาดได้อย่างง่ายดายตามความต้องการข้อมูลที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจ ไม่ว่าบริษัทจะเป็นสตาร์ทอัพหรือองค์กรที่ติดอันดับ Fortune 500 แพลตฟอร์มนี้ก็จะมอบความยืดหยุ่นในการปรับตัวและเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  • ความสามารถด้าน AI และแมชชีนเลิร์นนิ่งที่ได้รับการปรับปรุง: ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ขั้นสูงและแมชชีนเลิร์นนิ่งภายในแพลตฟอร์มของ Snowflake เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้จากข้อมูลของ NIQ การทำงานร่วมกันนี้ส่งเสริมนวัตกรรม ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลได้อย่างแม่นยำ
  • ความปลอดภัยของข้อมูลและการปฏิบัติตามข้อกำหนด: ทั้ง NIQ และ Snowflake ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลและการปฏิบัติตามข้อกำหนด โซลูชันที่ร่วมมือกันนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้รับการปกป้อง มอบความอุ่นใจให้กับธุรกิจและลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้พวกเขาปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไป

"NIQ มุ่งมั่นที่จะช่วยให้บริษัทต่างๆ มีความคล่องตัวมากขึ้นในช่วงเวลาที่ความสามารถในการดำเนินการอย่างรวดเร็วโดยอาศัยข้อมูลที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง" Treangen กล่าวเสริม "แนวทางการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้จะช่วยให้ลูกค้า Connect มีความได้เปรียบทางการแข่งขันในปัจจุบัน และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตได้ดียิ่งขึ้น เรากำลังปรับปรุงแพลตฟอร์ม Connect ของเราทุกระดับให้ทันสมัย และเรารู้สึกตื่นเต้นกับการปรับปรุงเพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จ"

"ในฐานะผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกด้านการค้าปลีกและผู้บริโภค NIQ ถือเป็นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมค้าปลีกในการส่งข้อมูลที่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับผู้ค้าปลีกและบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค" Rosemary DeAragon หัวหน้าฝ่ายการค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคระดับโลกของ Snowflake กล่าว "เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้รวบรวมพลังเต็มรูปแบบของ Snowflake Retail Data Cloud และแพลตฟอร์ม NIQ Connect เข้าด้วยกัน ช่วยให้ทั่วโลกเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างราบรื่นผ่านการแบ่งปันข้อมูล Snowflake"

NIQ ทุ่มเทให้กับการส่งเสริมนวัตกรรมและทำให้องค์กรต่างๆ เจริญเติบโตในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การทำงานร่วมกันระหว่าง NIQ และ Snowflake แสดงให้เห็นถึงก้าวการเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งการแบ่งปันข้อมูล และจะกำหนดอนาคตของการวิเคราะห์ข้อมูล เนื่องจากองค์กรต่างๆ ตระหนักถึงคุณค่าของข้อมูลในการดำเนินงานมากขึ้น แพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้พวกเขาแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ รวมถึงปลดล็อกโอกาสใหม่ๆ และจัดการภูมิทัศน์ของข้อมูลได้อย่างง่ายดาย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NIQ Connect นี้และคุณประโยชน์ โปรดดูที่ https://nielseniq.com/global/en/solutions/nielseniq-connect/

เกี่ยวกับ NIQ

NIQ เป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภค ซึ่งนำเสนอความเข้าใจที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเผยให้เห็นเส้นทางใหม่สู่การเติบโต ในปี 2023 NIQ ได้รวมตัวกับ GfK เพื่อรวมผู้นำอุตสาหกรรมทั้งสองที่มีการเข้าถึงได้ทั่วโลกเข้าด้วยกันอย่างไม่มีใครเทียบได้ NIQ ให้บริการ Full ViewTM ด้วยการอ่านข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งมาพร้อมกับการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย

NIQ เป็นบริษัทในเครือ Advent International ซึ่งมีการดำเนินงานในตลาดมากกว่า 100 แห่ง ครอบคลุมประชากรมากกว่า 90% ของโลก โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ NIQ.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ฝ่ายสื่อ
Gillian Mosher
รองประธานฝ่ายสื่อสาร
(gillian.mosher@nielseniq.com)

ที่มา: NIQ

Hytera เปิดตัวอุปกรณ์ทวนสัญญาณ Ad-Hoc DMR รุ่นใหม่

Logo

เซินเจิ้น จีน–(BUSINESS WIRE)–19 กันยายน 2023

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก เพิ่งเปิดตัว E-pack200 และ E-pole200 ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทวนสัญญาณเครือข่าย Ad-Hoc (WANET) รุ่นล่าสุด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบวิทยุสองทางที่ปรับใช้ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งสองรุ่นรองรับเครือข่ายแบบ Dual Channel และเครือข่ายสองทางเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อตามความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ E-pack200 ได้รับการออกแบบสำหรับการพกพา และ E-pole200 สามารถติดตั้งในตำแหน่งประจำที่ได้

Hytera Latest Dual-channel DMR Ad-hoc Repeater E-pack200 & E-pole200 (Graphic: Business Wire)

Hytera Dual-channel DMR Ad-hoc Repeater E-pack200 และ E-pole200 ล่าสุดของ Hytera (รูปภาพ: Business Wire)

E-pack200 และ E-pole200 สร้างการเชื่อมโยงโครงข่าย Ad-Hoc แบบหลายจุดในย่านความถี่ Narrowband ผ่านการเชื่อมต่อและให้บริการครอบคลุมขนาดใหญ่สำหรับการส่งข้อมูล เสียงและบริการอื่น ๆ ด้วยช่องสื่อสารสองช่องทางมีความคล่องตัวสูงในการใช้งานและไม่จำเป็นต้องเดินสายไฟ อุปกรณ์ทวนสัญญาณ Ad-Hoc เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับแผนกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเช่นเดียวกับหน่วยงานคุ้มครองสาธารณะและบรรเทาภัยพิบัติ (PPDR) เพื่อสร้าง ขยาย หรือปรับปรุงความครอบคลุมเครือข่ายส่วนตัวในพื้นที่ห่างไกล สถานที่ภัยพิบัติ และเหตุการณ์สำคัญ

ทั้งสองรุ่นรองรับโหนดได้สูงสุด 31 โหนดโดยไม่มีเครือข่ายส่วนกลาง หากโหนดใดโหนดหนึ่งล้มเหลวหรือเสียหาย การสื่อสารระหว่างโหนดอื่นๆ จะไม่ได้รับผลกระทบ ด้วยการเชื่อมต่อ IP เครือข่าย Ad-Hoc หลายเครือข่ายสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ โดยไม่คำนึงว่าเครือข่าย Ad-Hoc อาจทำงานด้วยความถี่ที่แตกต่างกัน

E-pack200 มาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบถอดได้ 148Wh ซึ่งสามารถรองรับการทำงานได้นานกว่า 8 ชั่วโมง E-pole200 ทำงานร่วมกับแหล่งพลังงานต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ สถานีฐานทรั้งค์ (-48V) ฯลฯ และมาพร้อมกับตัวเลือกการติดตั้งที่หลากหลาย เช่น เสา ชั้นวาง หรือติดผนัง

ด้วยขนาดที่กะทัดรัด ความยืดหยุ่นของเครือข่าย และความง่ายในการติดตั้ง อุปกรณ์ทวนทั้งสองจึงนำเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดจุดบอดของเครือข่ายวิทยุสองทางบนฐานชั่วคราวหรือถาวรในสถานที่ เช่น อุโมงค์ โรงจอดรถใต้ดิน และอาคารสูง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ลิงก์ด้านล่าง

E-pack200 Dual-channel DMR Ad-hoc Portable Repeater: https://www.hytera.com/en/product-new/emergency-response/emergency-response/e-pack200.html

E-pole200 Dual-channel DMR Ad-hoc Repeater: https://www.hytera.com/en/product-new/emergency-response/emergency-response/e-pole200.html

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) คือผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เรามอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ปลอดภัยยิ่งขึ้น และหลากหลายยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ทางธุรกิจและภารกิจที่สำคัญ เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53554985/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

lele.yao@hytera.com

ที่มา: Hytera Communications

Toshiba ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Thermoflagger™ ซึ่งเป็นโซลูชันง่ายๆ ที่ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

Logo

คาวาซากิ ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–14 กันยายน 2023

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ "TCTH0xxxE series" Thermoflagger™ วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน ซึ่งสามารถใช้ในวงจรทั่วไปที่มีเทอร์มิสเตอร์ค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิเป็นบวก (PTC) เพื่อตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การจัดส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง 6 รายการเริ่มตั้งแต่วันนี้

Toshiba: Thermoflagger(TM), a simple solution that detects temperature rises in electronic equipment (Graphic: Business Wire)

Toshiba: Thermoflagger(TM) โซลูชันง่ายๆ ที่ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (รูปภาพ: Business Wire)

เพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำงานได้ตามที่ระบุไว้ เซมิคอนดักเตอร์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จะต้องทำงานภายในพารามิเตอร์การออกแบบ อุณหภูมิภายในเป็นพารามิเตอร์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอุณหภูมินั้นสูงกว่าที่คาดไว้ในระหว่างกระบวนการออกแบบ ซึ่งอาจเป็นปัญหาด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือที่สำคัญ และจำเป็นต้องใช้โซลูชันการตรวจสอบความร้อนสูงเกินไปเพื่อตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น

วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน Thermoflagger™ ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเมื่อกำหนดค่าในวงจรทั่วไปด้วยเทอร์มิสเตอร์ PTC ซึ่งค่าความต้านทานจะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิ นอกจากนี้ วงจรรวมยังตรวจจับการเปลี่ยนแปลงความต้านทานของเทอร์มิสเตอร์ PTC ที่วางใกล้แหล่งความร้อน และส่งสัญญาณ FLAG ในกรณีที่อุณหภูมิสูงเกินไป เมื่อ Thermoflagger™ ตรวจพบการสร้างความร้อนที่ผิดปกติและส่ง FLAG ไปยัง MCU เป็นต้น MCU จะปิดอุปกรณ์หรือเปลี่ยนการทำงานของอุปกรณ์หรือเซมิคอนดักเตอร์ที่สร้างความร้อน การเชื่อมต่อเทอร์มิสเตอร์ PTC แบบอนุกรมทำให้มีการตรวจจับอุณหภูมิเกินสำหรับหลายตำแหน่ง

ผลิตภัณฑ์ใหม่ 6 รายการได้แก่ TCTH011AETCTH012AETCTH021AETCTH022AETCTH011BE และ TCTH012BE ซึ่งรวมกับผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวไปแล้ว TCTH021BE และ TCTH022BE ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ "TCTH0xxxE series" มีมากถึงแปดรายการ ผลิตภัณฑ์ใหม่ขยายขอบเขตของเทอร์มิสเตอร์ PTC ที่สามารถเลือกได้โดยการรองรับกระแสเอาต์พุต PTCO สองประเภท[1] สามารถเลือกประเภทเอาต์พุตสัญญาณ FLAG แบบ Push-pull หรือ Open-drain[2] ได้ เช่นเดียวกับการใช้หรือไม่ใช้ฟังก์ชันสลักสัญญาณ FLAG[3] การขยายขอบเขตการเลือกผลิตภัณฑ์ทำให้สามารถออกแบบวงจรได้อย่างยืดหยุ่นและสิ้นเปลืองกระแสไฟต่ำ

ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้บรรจุอยู่ใน SOT-553 ขนาดเล็กที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม (ชื่อแพ็กเกจของ Toshiba: ESV) ทำให้มั่นใจได้ว่า "TCTH0xxxE series" รองรับการกำหนดค่าการตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินได้ง่ายสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งชุด และช่วยลดขนาดและการใช้พลังงาน

นอกเหนือจากข้อมูลอ้างอิงการออกแบบ Thermoflagger™ วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน (TCTH021BE/เวอร์ชัน Open Drain) ที่เผยแพร่แล้ว Toshiba ยังได้จัดทำข้อมูลอ้างอิงการออกแบบใหม่ Thermoflagger™ วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน (TCTH021AE​/เวอร์ชัน Push-Pull​) ซึ่งดูได้บนเว็บไซต์แล้ว

Toshiba ใช้ข้อมูลทางเทคนิคจาก Murata Manufacturing Co., Ltd. เกี่ยวกับเทอร์มิสเตอร์ PTC สำหรับโซลูชันการตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินไป Murata แนะนำการใช้ Thermoflagger™ ร่วมกับเทอร์มิสเตอร์ PTC

รายการวงจรรวมที่แนะนำของ Murata

เทอร์มิสเตอร์ PTC ของ Murata

Toshiba จะยังคงขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อไปด้วยแพ็กเกจที่หลากหลายและการปรับปรุงคุณลักษณะของอุปกรณ์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้การออกแบบมีความยืดหยุ่นและความเป็นกลางของคาร์บอน

หมายเหตุ:

[1] กระแสเอาท์พุต PTCO: กระแสคงที่ที่จ่ายจากวงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินไปยังเทอร์มิสเตอร์ PTC

[2] เมื่อวงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินตรวจพบข้อผิดพลาด จะส่งสัญญาณ FLAG ประเภท Push-pull ประกอบด้วย MOSFET สองตัวซ้อนกันในแนวตั้ง กระแสไฟขาออกไหลเข้าและออกในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ประเภท Open-drain ประกอบด้วย MOSFET หนึ่งตัว กระแสไฟขาออกไหลไปในทิศทางเดียวเท่านั้น

[3] ฟังก์ชันสลักสัญญาณ FLAG จะเก็บสัญญาณ FLAG หลังจากที่วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินตรวจพบข้อผิดพลาดแม้เพียงครั้งเดียว วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินไม่สามารถกู้คืนตัวเองได้ จะต้องกู้คืนโดยป้อนสัญญาณจาก MCU เป็นต้น ไปที่พินรีเซ็ต

การใช้งาน

  • อุปกรณ์เคลื่อนที่ (แล็ปท็อปพีซี ฯลฯ)
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
  • อุปกรณ์อุตสาหกรรม ฯลฯ

คุณสมบัติ

  • การกำหนดค่าอย่างง่ายร่วมกับเทอร์มิสเตอร์ PTC[1]
  • การตรวจสอบอุณหภูมิเกินสามารถทำได้หลายจุดโดยการเชื่อมต่อเทอร์มิสเตอร์ PTC[1] แบบอนุกรม
  • การสิ้นเปลืองกระแสไฟต่ำ:
  • IDD=1.8μA (typ.) (TCTH011AE, TCTH012AE, TCTH011BE, TCTH012BE)
  • IDD=11.3μA (typ.) (TCTH021AE, TCTH022AE)
  • แพ็กเกจมาตรฐานขนาดเล็ก: SOT-553 (ESV)
  • ขอบเขตตัวเลือกเทอร์มิสเตอร์ PTC[1] ที่ขยายเพิ่มขึ้น พร้อมกระแสเอาต์พุต PTCO สองประเภท:
  • IPTCO=1.00μA (typ.) (TCTH011AE, TCTH012AE, TCTH011BE, TCTH012BE)
  • IPTCO=10.0μA (typ.) (TCTH021AE, TCTH022AE)
  • ความแม่นยำกระแสเอาต์พุต PTCO สูง: ±8%
  • สามารถเลือกแบบ Push-pull และ Open-drain สำหรับเอาต์พุตสัญญาณ FLAG (PTCGOOD)
  • สามารถเลือกฟังก์ชันสลักสัญญาณ FLAG ได้

ข้อมูลจำเพาะที่สำคัญ

(เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น Tj=25°C) 

หมายเลขชิ้นส่วน

แพ็กเกจ

ช่วงการทำงาน

คุณลักษณะทางไฟฟ้า

เอาท์พุต

สัญญาณ

FLAG

(PTCGOOD)

ฟังก์ชัน

สลัก

สัญญาณ

FLAG

เมื่อ

ตรวจจับ

สถานะ

ผิด

ปกติ

ตัวอย่าง

การตรวจสอบและ

ความพร้อม

ชื่อ

ขนาด

(mm)

แรงดัน

แรงดันไฟฟ้า

VDD

(V)

อุณหภูมิ

ขณะใช้งาน

Topr

(°C)

PTCO

กระแสไฟ

เอาท์พุต

IPTCO

(μA)

แรงดันไฟฟ้า

แรงดันไฟฟ้า

VDET

(V)

ความสิ้นเปลือง

กระแสไฟฟ้า

IDD

(μA)

UVLO

แรงดันไฟฟ้า

VUVLO

(V)

typ.

typ.

typ.

typ.

typ.

TCTH011AE

SOT-553

(ESV)

1.6×1.6,

t=0.55

1.7 ถึง

5.5

-40 ถึง 125

1.00

0.50

1.8

1.5

ประเภท

Push-pull

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH012AE

ใช่

ซื้อออนไลน์

TCTH021AE

10.0

11.3

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH022AE

ใช่

ซื้อออนไลน์

TCTH011BE

1.00

1.8

ประเภท

Open-drain

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH012BE

ใช่

ซื้อออนไลน์

TCTH021BE[4]

10.0

11.3

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH022BE[4]

ใช่

ซื้อออนไลน์

[4] ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายก่อนหน้านี้

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

TCTH011AE

TCTH012AE

TCTH021AE

TCTH022AE

TCTH011BE

TCTH012BE

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Thermoflagger™ ของ Toshiba

วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน Thermoflager™

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอโซลูชันของ Toshiba

การใช้งาน
โซลิดสเตตไดรฟ์
เซิร์ฟเวอร์
อุปกรณ์แท็บเล็ต

หากต้องการตรวจสอบการจัดจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ร้านผู้จัดจำหน่ายออนไลน์ โปรดไปที่:

TCTH011AE
ซื้อออนไลน์

TCTH012AE
ซื้อออนไลน์

TCTH021AE
ซื้อออนไลน์

TCTH022AE
ซื้อออนไลน์

TCTH011BE
ซื้อออนไลน์

TCTH012BE
ซื้อออนไลน์

* Thermoflagger™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บขั้นสูง ที่ประยุกต์ใช้ประสบการณ์กว่าครึ่งศตวรรษและนวัตกรรมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ชนิดแยกชิ้น ผลิตภัณฑ์ระบบ LSI และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัท 21,500 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ร่วมกัน Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation คาดหวังที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีขึ้นเพื่อทุกคนทั่วโลก โดยมียอดขายต่อปีเกือบ 800 พันล้านเยน (6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/53552921/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ช่องทางสอบถามสำหรับลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก
โทร: +81-44-548-2215
ติดต่อเรา

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation


The Bangkok Reporter