Gradiant ประกาศเปิดตัวโรงงานผลิตลิเธียมแบบครบวงจรแห่งแรกของโลกจากน้ำที่ผลิตจากแหล่งน้ำมัน

Logo

โรงงานในรัฐเพนซิลเวเนียจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ของลิเธียมเกรดแบตเตอรี่ลิเธียมภายในต้นปี 2026
โดยทำข้อตกลงซื้อขายระยะยาวกับผู้ผลิตแบตเตอรี่ในสหรัฐฯ

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–24 มิถุนายน 2025

Gradiant ผู้นำระดับโลกด้านการกู้คืนทรัพยากรและน้ำขั้นสูง ประกาศในวันนี้ว่าธุรกิจลิเธียมของบริษัทalkaLi จะออกแบบ สร้าง เป็นเจ้าของ และดำเนินการโรงงานผลิตลิเธียมเชิงพาณิชย์ในชั้นหินดินดาน Marcellus ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งโรงงานนี้เป็นแห่งแรกของโลกที่ทำการสกัด ทำให้เข้มข้น และแปลงลิเธียม (EC²) ในกระบวนการครบวงจรจากน้ำที่ผลิตจากแหล่งน้ำมัน

alkaLi's commercial lithium production facility in the Marcellus Shale Formation of Pennsylvania is the world’s first to Extract, Concentrate, and Convert (EC²) lithium in a fully integrated, end-to-end process from oilfield produced water.

โรงงานผลิตลิเธียมเชิงพาณิชย์ของ alkaLi ในชั้นหินดินดาน Marcellus ในรัฐเพนซิลเวเนีย เป็นแห่งแรกของโลกที่ทำการสกัด แยกเข้มข้น และแปลงลิเธียม (EC²) ในกระบวนการบูรณาการครบวงจรจากน้ำที่ผลิตจากแหล่งน้ำมัน

การประกาศครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการเปิดตัวแพลตฟอร์ม EC² ของ alkaLi เมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง รับประกันการกู้คืนลิเธียมขั้นต่ำ 95%ที่ไซต์ของลูกค้า ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถส่งมอบลิเธียมคาร์บอเนตเกรดแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น ราคาถูกกว่า และยั่งยืนมากขึ้น

บริษัท alkaLi ของ Gradiant เป็นเจ้าของและดำเนินการโรงงานในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ ที่ดิน น้ำ และสิทธิในแร่ธาตุ รวมถึงใบอนุญาตต่างๆ โมเดลที่บูรณาการในแนวตั้งนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีอุปทานลิเธียมในสหรัฐฯ ในระยะยาว ขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงความล่าช้าในการขออนุญาตและการเป็นเจ้าของซึ่งมักจะทำให้โครงการแร่ธาตุที่สำคัญต้องหยุดชะงัก

ปัจจุบันระบบอยู่ระหว่างการทดสอบและได้พิสูจน์มาตรฐานสำคัญแล้ว ได้แก่ การกู้คืนลิเธียมจากน้ำที่ผลิตได้ 97% และความบริสุทธิ์ 99.5% สำหรับลิเธียมคาร์บอเนตเกรดแบตเตอรี่ โดยจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบในช่วงต้นปี 2026

alkaLi ได้ลงนามในข้อตกลงซื้อขายระยะยาวหลายปีเพื่อจัดหาลิเธียมคาร์บอเนตเกรดแบตเตอรี่สูงสุด 5,000 เมตริกตันต่อปีให้กับผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในสหรัฐฯ สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ข้อตกลงดังกล่าวยืนยันถึงความต้องการที่แข็งแกร่งของตลาดและความพร้อมเชิงพาณิชย์ของโซลูชันของ alkaLi

alkaLi นำเสนอโมเดลหลากหลายรูปแบบให้กับพันธมิตรและลูกค้า เช่น

  • นำโซลูชัน EC² ไปใช้กับผู้ผลิตลิเธียม
  • ออกแบบ สร้าง และใช้งานระบบบูรณาการสำหรับพันธมิตร
  • ผลิตและจำหน่ายลิเธียมจากสินทรัพย์ที่ alkaLi เป็นเจ้าของ

“ขณะนี้เรามีสินทรัพย์การผลิตลิเธียมที่ดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในสหรัฐฯ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงสิ่งที่ EC² สามารถทำได้” Anurag Bajpayee ซีอีโอของ Gradiant กล่าว “นี่ไม่ใช่แนวคิด แต่เป็นโรงงานที่ดำเนินการจริงเพื่อแสดงให้เห็นว่าการผลิตลิเธียมในประเทศที่สะอาดนั้นสามารถทำได้จริงและปรับขนาดได้ เป้าหมายของเราไม่ใช่การแข่งขันกับลูกค้า แต่เพื่อเพิ่มพลังให้กับลูกค้าและอุตสาหกรรมโดยรวมให้สามารถตอบสนองความต้องการลิเธียมเกรดแบตเตอรี่ที่พุ่งสูงขึ้นและเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด การลงทุนเชิงกลยุทธ์ใน Marcellus Shale ซึ่งสามารถจัดหาลิเธียมให้กับสหรัฐฯ ได้ 50% เป็นการพิสูจน์ถึงความครบถ้วนสมบูรณ์ของเทคโนโลยีของ alkaLi และช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีอุปทานในประเทศในระยะยาว”

กระบวนการ EC² ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ alkaLi ผสมผสานการสกัดลิเธียมโดยตรง (DLE) การทำให้เข้มข้น และการแปลงขั้นสุดท้ายเข้าไว้ในระบบเดียวที่คล่องตัว เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการทั่วไปแล้ว กระบวนการ EC² จะนำเสนอ:

  • การลดต้นทุนการลงทุนและการดำเนินการสูงสุดถึง 50%
  • ระบบโมดูลาร์ที่ออกแบบไว้ล่วงหน้าสำหรับการใช้งานทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
  • ประสิทธิภาพที่ปรับให้เหมาะสมด้วย AI สำหรับการควบคุมแบบเรียลไทม์และการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์
  • การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมีการอนุญาตที่คล่องตัว
  • ความยืดหยุ่นของน้ำป้อน – รวมถึงน้ำเกลือจากความร้อนใต้พิภพ การรีไซเคิลแบตเตอรี่ และแหล่งน้ำที่ผลิตได้

Gradiant ขอเชิญชวนลูกค้า พันธมิตร และนักลงทุนที่สนใจเข้าร่วมเชื่อมต่อกับ alkaLi เพื่อสำรวจว่าแพลตฟอร์มอันล้ำสมัยนี้สามารถเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดทั่วโลกได้อย่างไร

เกี่ยวกับ alkaLi

alkaLi เป็นผู้บุกเบิกอนาคตของการกู้คืนแร่ธาตุที่สำคัญเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดย alkaLi เป็นบริษัทที่แยกตัวจาก Gradiant และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในบอสตัน ผสมผสานความเชี่ยวชาญขั้นสูงด้านการบำบัดน้ำและน้ำเสียเข้ากับนวัตกรรมรุ่นต่อไปในการสกัดแร่ธาตุ โซลูชัน EC² ที่ก้าวล้ำของบริษัทช่วยให้สามารถผลิตลิเธียมเกรดแบตเตอรี่และองค์ประกอบสำคัญอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และคุ้มต้นทุน ด้วยการสนับสนุนจากการลงทุนที่สำคัญและผลงานที่พิสูจน์แล้ว alkaLi จึงอยู่แถวหน้าในการปฏิวัติแหล่งแร่ธาตุที่สำคัญเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ alkaLi3.com

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นบริษัทน้ำประเภทที่แตกต่าง ด้วยชุดโซลูชันครบวงจรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและเป็นกรรมสิทธิ์สำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านน้ำ บริษัทให้บริการการดำเนินงานที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่จำเป็นของโลก รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญ และพลังงานหมุนเวียน โซลูชันอันสร้างสรรค์ของ Gradiant ช่วยลดการใช้น้ำและน้ำเสียที่ถูกปล่อยออก นำทรัพยากรที่มีค่ากลับคืนมา และเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด บริษัทซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในบอสตันก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และมีพนักงานมากกว่า 1,400 คนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250624673369/en

Contacts

ติดต่อองค์กร
Felix Wang
Gradiant หัวหน้าฝ่ายแบรนด์ระดับโลก
fwang@gradiant.com

ที่มา: Gradiant

Toshiba เริ่มจัดส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ตัวที่สองในซีรีส์ “SmartMCD™” ซึ่งเป็นไดรเวอร์ควบคุมมอเตอร์อัจฉริยะ

Logo

ไดรเวอร์รีเลย์และไมโครคอนโทรลเลอร์จะมอบโซลูชันแบบบูรณาการสำหรับการควบคุมมอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านในยานยนต์

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–24 มิถุนายน 2025

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เริ่มจัดส่งตัวอย่าง “TB9M001FTG” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ตัวที่สองในซีรีส์ Smart Motor Control Driver “SmartMCD™ [1]” ไมโครคอนโทรลเลอร์ใน SmartMCD™ ประกอบด้วยฟังก์ชันไดรเวอร์รีเลย์[2]และฟังก์ชันตัวรับส่งสัญญาณ LIN[3] โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้สามารถขับเคลื่อนรีเลย์และควบคุมมอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านได้สองตัว และเหมาะสำหรับการควบคุมมอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านในแอปพลิเคชันยานยนต์

Toshiba: TB9M001FTG, the second product in the Smart Motor Control Driver “SmartMCD™” series.

Toshiba: TB9M001FTG ผลิตภัณฑ์ตัวที่สองในซีรีส์ “SmartMCD™” ซึ่งเป็นไดรเวอร์ควบคุมมอเตอร์อัจฉริยะ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการใช้พลังงานไฟฟ้าในอุปกรณ์ยานยนต์มีความก้าวหน้า อุปกรณ์รอง[4] จึงมีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ต้องมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ฟังก์ชันการทำงานที่เพิ่มขึ้น การออกแบบที่กะทัดรัดมากขึ้น และส่วนประกอบที่น้อยลง Toshiba จึงตอบสนองต่อข้อกำหนดเหล่านี้ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่

SmartMCD™ ใหม่มีไดรเวอร์ตัวล่างในตัวสี่ตัวที่สามารถใช้กับไดรเวอร์รีเลย์และการใช้งานอื่นๆ ช่วยให้สามารถควบคุมการเดินหน้าและถอยหลัง[5] ของมอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านสองตัวได้ นอกจากนี้ยังมีไมโครคอนโทรลเลอร์ในตัว (แกน Arm® Cortex® -M0) หน่วยความจำแฟลชความจุสูง ไดรเวอร์ตัวบนสองตัวสำหรับการใช้งานแหล่งจ่ายไฟ, ตัวรับส่งสัญญาณ LIN และระบบแหล่งจ่ายไฟที่สามารถทำงานได้ในระดับแบตเตอรี่รถยนต์ ฟังก์ชันทั้งหมดเหล่านี้รวมเข้าไว้ในแพ็กเกจ VQFN48 ขนาดกะทัดรัด (ขนาดทั่วไป 7×7 มม.)

นอกจากการควบคุมมอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านในแอปพลิเคชันยานยนต์ เช่น ซันรูฟไฟฟ้า ที่ปัดน้ำฝนไฟฟ้า กระจกไฟฟ้า และเบาะนั่งไฟฟ้าแล้ว ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมเซนเซอร์และตัวกระตุ้นต่างๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ การควบคุมแบบ LIN จาก ECU หลักยังสามารถใช้เป็นอุปกรณ์รองสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทำให้สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของยานยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรองรับการใช้งานยานยนต์ในวงกว้าง

Toshiba จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ซีรีส์ SmartMCD™ ต่อไป และจะช่วยลดขนาดของระบบยานยนต์และลดจำนวนส่วนประกอบที่ใช้

หมายเหตุ:
[1] SmartMCD™: ชุดวงจรรวมที่พัฒนาโดย Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซึ่งผสานรวมฟังก์ชันการควบคุมมอเตอร์และไมโครคอนโทรลเลอร์เข้าด้วยกัน
[2] ไดรเวอร์รีเลย์: วงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมรีเลย์ (สวิตช์แม่เหล็กไฟฟ้า) อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ ซึ่งควบคุมกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่โดยใช้สัญญาณกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าขนาดเล็กจากไมโครคอนโทรลเลอร์หรือวงจรควบคุม
[3] Local interconnect network (LIN): โปรโตคอลการสื่อสารแบบอนุกรมที่ใช้เป็นหลักในการสื่อสารระหว่างหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) ในยานพาหนะ
[4] อุปกรณ์รอง: อุปกรณ์ที่รับผิดชอบในการรองรับ ECU หลัก
[5] เมื่อใช้รีเลย์แบบขั้วเดี่ยวสองขั้ว (SPDT) สองตัว

การใช้งาน

อุปกรณ์ยานยนต์

  • ซันรูฟไฟฟ้า
  • ที่ปัดน้ำฝนไฟฟ้า
  • กระจกไฟฟ้า
  • เบาะนั่งไฟฟ้า
    และอื่นๆ

คุณสมบัติ

  •  MCU 32 บิต (Arm® Cortex® -M0) ความถี่การทำงาน: 40MHz (ออสซิลเลเตอร์บนชิปความเร็วต่ำ ความเร็วสูง)
  •  หน่วยความจำในตัว (incECC SEC/DED[6] )
     โค้ดแฟลช: 192 กิโลไบต์, หน่วยความจำแฟลช: 16 กิโลไบต์, SRAM: 16 กิโลไบต์
  • ไดรเวอร์ตัวล่างสี่ช่อง: มอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านสองตัวสามารถควบคุมการหมุนไปข้างหน้าและถอยหลังได้ด้วยรีเลย์
  • วิธีการสื่อสาร: การสื่อสารแบบ LIN ฯลฯ (ประเภทการเลือกการสื่อสาร PWM, UART)

หมายเหตุ:
[6] incECC SEC/DED: ฟังก์ชัน ECC (รหัสแก้ไขข้อผิดพลาด) ในตัวรองรับการแก้ไขข้อผิดพลาด 1 บิต (SEC) และการตรวจจับข้อผิดพลาด 2 บิต (DED)

ข้อมูลจำเพาะหลัก

หมายเลขชิ้นส่วน

 TB9M001FTG

ไดรเวอร์รีเลย์

ไดรเวอร์ตัวล่าง: 4 ช่อง (OUTL0-3)

(มอเตอร์ DC แบบแปรงถ่าน 2 ตัวที่สามารถควบคุมด้วยรีเลย์ได้)

ฟังก์ชันหลัก

ชั้นกายภาพ LIN: 1 ช่อง (ตัวตอบสนองเท่านั้น)

อินพุตลอจิกแรงดันไฟฟ้าสูง: อินพุตสวิตช์ 5 ช่อง (SWIN0-4), อินพุตเซนเซอร์ฮอลล์ 4 ช่อง (HPIN0-3)

ไดรเวอร์ตัวบน: 2 ช่อง (OUTH0(VB) (เอาต์พุต VB (แรงดันไฟฟ้า)), OUTH1(VCC) (เอาต์พุต VCC (แรงดันไฟฟ้า))

วิธีการสื่อสาร

การสื่อสารแบบ LIN, ประเภทการเลือกการสื่อสาร PWM, UART

การตรวจจับข้อผิดพลาด

การตรวจจับกระแสไฟเกิน (ไดรเวอร์ตัวล่าง, ไดรเวอร์ตัวบน)

การตรวจจับแรงดันไฟเกิน (VCC (Generated 5V), VDD (Generated 1.5V)),

การตรวจจับแรงดันไฟฟ้าตก (VCC (Generated 5V)), การปิดระบบความร้อน

ค่าสูงสุด
ที่ยอมรับ
ได้

แรงดันไฟจ่าย VB (V)

-0.3 ถึง 40

ช่วง
การทำงาน

แรงดันไฟจ่าย VB (V)

6 ถึง 18

อุณหภูมิในการทำงาน
 Topr (°C)

Ta=-40 ถึง 90

Tj=-40 ถึง 150

แพ็กเกจ

ชื่อ

P-VQFN48-0707-0.50-005

ขนาด (มม.)

ทั่วไป

7.0 × 7.0

ความน่าเชื่อถือ

ผ่านการรับรอง AEC-Q100 ระดับ 1

 ASIL-A[7]ผ่านการรับรอง

การผลิตจำนวนมาก

ธันวาคม 2025 (ตามกำหนดการ)

หมายเหตุ:
[7] ASIL-A: ASIL ย่อมาจาก Automotive Safety Integrity Level ซึ่งเป็นระดับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยในการทำงานที่กำหนดขึ้นตามมาตรฐาน ISO 26262 ด้านความปลอดภัยในการทำงานในยานยนต์ ASIL-A เป็นระดับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่ต่ำที่สุดภายในการจำแนกประเภทนี้ และจะใช้เมื่อประเมินว่าความผิดปกติของฟังก์ชันดังกล่าวมีผลกระทบต่อชีวิตของมนุษย์หรือยานพาหนะในระดับต่ำ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TB9M001FTG
ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไดรเวอร์มอเตอร์ยานยนต์ของ Toshiba
อุปกรณ์แอนะล็อก

* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm Limited (หรือบริษัทย่อย) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือที่อื่น
* SmartMCD™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัทอื่นๆ ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชั่นเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง มีประสบการณ์และนวัตกรรมมากกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ

โดยมีพนักงานกว่า 19,400 คนทั่วโลกที่มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน บริษัทมุ่งหวังที่จะสร้างและมีส่วนสนับสนุนเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนโดยทั่วไป

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250623500012/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

การสอบถามจากลูกค้า:
แผนกขายและการตลาดอุปกรณ์แอนะล็อก
โทร.: +81-44-548-2219
ติดต่อเรา
 
การสอบถามจากสื่อ:
Chiaki Nagasawa
แผนกการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Tigo Energy และ BayWa r.e. ขับเคลื่อนระบบโซลาร์ C&I กำลังวัตต์สูงในประเทศไทย

Logo

ในงาน ASEAN Sustainable Energy Week ประจำปี 2025 Tigo และ BayWa r.e. ร่วมมือกันในการเพิ่มประสิทธิภาพ การติดตาม และโซลูชันการปิดระบบอย่างรวดเร็วสำหรับระบบโซลาร์ C&I ในประเทศไทย

CAMPBELL, Calif.–(BUSINESS WIRE)–23 มิถุนายน 2025

Tigo Energy, Inc. (NASDAQ: TYGO) (“Tigo” หรือ “Company”) ผู้ให้บริการโซลูชันซอฟต์แวร์พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานอัจฉริยะชั้นนำ ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทจะแชร์บูธแสดงสินค้าร่วมกับBayWa r.e. ในงาน ASEAN Sustainable Energy Week ประจำปี 2025 ระหว่างวันที่ 2-4 กรกฎาคม ที่ QSNCC ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย ในงานแสดงนี้ Tigo จะมุ่งเน้นการสนับสนุนผู้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I) และผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม จัดซื้อ และผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง (EPC) เนื่องจากการบังคับใช้ข้อกำหนดการปิดระบบอย่างรวดเร็วฉบับใหม่เริ่มขึ้น การติดตั้งโมดูลกำลังไฟฟ้าสูงในพื้นที่ที่มีความเข้มของแสงสูง และการรับประกันคุณภาพพลังงานแสงอาทิตย์โดยรวม (TQS) ผ่านโปรแกรมบริการของ Tigo

สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในภูมิภาคที่มีอากาศร้อน ชื้น และมีความเข้มแสงสูง (>1000W/m2 ) เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Tigo TS4-X ตระกูลของอุปกรณ์ MLPE มาพร้อมบริการปรับแต่ง การตรวจสอบ และความปลอดภัยล่าสุดสำหรับผู้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งโมดูลกำลังไฟฟ้าสูง รวมถึงรองรับการเพิ่มกำลังไฟฟ้าด้านหลังของโมดูลแบบสองหน้าสมัยใหม่ สายผลิตภัณฑ์ TS4-X ช่วยให้ผู้ติดตั้งมีอิสระมากขึ้นในการติดตั้งโมดูลที่ให้พลังงานและประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานของลูกค้า ลดต้นทุนแรงงานด้วยการออกแบบที่ไม่ใช้สลักเกลียวและไม่ต้องเดินสายดินเพิ่มเติม และมีส่วนช่วยในการปรับปรุงต้นทุนพลังงานเฉลี่ย (LCOE) ในภาคส่วนโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ อุปกรณ์ Tigo MLPE จับคู่กับรายการอินเวอร์เตอร์โซลาร์ของบริษัทอื่นที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อมอบความยืดหยุ่นในการออกแบบและการติดตั้งสำหรับผู้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และ EPC

“ตลาดโซลาร์ที่ติดตั้งบนหลังคาในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และความต้องการระบบที่ปลอดภัยและชาญฉลาดยิ่งขึ้นก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน” Junrhey Castro กรรมการผู้จัดการของ BayWa r.e. Solar Systems กล่าว “ในฐานะผู้จัดจำหน่ายในภูมิภาค เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตนี้ด้วยโซลูชันที่เชื่อถือได้ซึ่งปกป้องทั้งประสิทธิภาพและการลงทุนสำหรับลูกค้าของเรา การมี Tigo อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราสะท้อนให้เห็นถึงการมุ่งเน้นที่คุณภาพและนวัตกรรมสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านโซลาร์ทั่วประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ในประเทศไทย Tigo จะเชิญชวนผู้ติดตั้งให้ลงทะเบียนเข้าใช้งานโดยตรงในโปรแกรมบริการของ Tigo Green Glove ที่บูธ BayWa r.e. โปรแกรมบริการ Green Glove เป็นประสบการณ์การสนับสนุนระดับพรีเมียมสำหรับผู้ติดตั้งระบบเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I) ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ของผู้ติดตั้งและขับเคลื่อนคุณภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่าของพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยกระบวนการที่รวมถึงการมีส่วนร่วมสนับสนุนอย่างเป็นทางการสำหรับผู้ติดตั้ง Tigo C&I ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการติดตั้ง

“ความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างบริษัทระดับโลกอย่าง BayWa r.e. และ Tigo ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบนิเวศพลังงานแสงอาทิตย์เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ติดตั้งและ EPC ทั่วโลกได้มากขึ้น” Jing Tian หัวหน้าฝ่ายการเติบโตและรายได้ของ Tigo Energy กล่าว “เช่นเดียวกับประเทศที่สนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์จำนวนมากในเอเชีย เราเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ เช่น TS4-X และโปรแกรม เช่น Green Glove จะช่วยผลักดันให้ค่า LCOE ลดลงและ Total Quality Solar เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีค่าความเข้มของแสงสูงกว่าปกติ พลวัตเหล่านี้ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ผลิตอุปกรณ์ไปจนถึงผู้ติดตั้ง และตลอดจนถึงผู้ปฏิบัติการและเจ้าของสินทรัพย์”

ผู้เข้าร่วมงาน ASEAN Sustainable Energy Week ประจำปี 2025 ได้รับเชิญให้เข้าเยี่ยมชมบูธของ BayWa r.e. และ Tigo ที่บูธหมายเลข F11 ตั้งแต่วันที่ 2-4 กรกฎาคม ในงาน QSNCC ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพ ประเทศไทย หากต้องการนัดหมายการจองเพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของ Tigo ในงานแสดงนี้ สามารถลงทะเบียนแสดงความจำนงของคุณได้ ที่นี่

เกี่ยวกับ Tigo Energy

Tigo Energy, Inc. (NASDAQ: TYGO) ก่อตั้งในปี 2007 เป็นผู้นำระดับโลกในการพัฒนาและจัดหาโซลูชันฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เพิ่มผลผลิตพลังงาน และลดต้นทุนการดำเนินงานของระบบโซลาร์เซลล์สำหรับที่อยู่อาศัย เชิงพาณิชย์ และระดับสาธารณูปโภค Tigo ผสมผสานเทคโนโลยี Flex MLPE (Module Level Power Electronics) และตัวเพิ่มประสิทธิภาพโซลาร์เซลล์เข้ากับความสามารถของซอฟต์แวร์บนคลาวด์อัจฉริยะสำหรับการตรวจสอบและควบคุมพลังงานขั้นสูง ผลิตภัณฑ์ Tigo MLPE ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด เปิดใช้งานการตรวจสอบพลังงานแบบเรียลไทม์ พร้อมการปิดระบบอย่างรวดเร็วตามข้อกำหนดของรหัสที่ระดับโมดูล นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาและจัดหาผลิตภัณฑ์ เช่น อินเวอร์เตอร์และระบบกักเก็บแบตเตอรี่สำหรับตลาดโซลาร์เซลล์และระบบกักเก็บสำหรับที่อยู่อาศัย สามารถเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tigoenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Technica Communications for Tigo Energy
Luis de Leon
อีเมล: tigoenergy@technica.inc

ที่มา: Tigo

Kioxia ขยายพอร์ตโฟลิโอ SSD BiCS FLASH™ รุ่นที่ 8 ด้วย SSD NVMe™ สำหรับศูนย์ข้อมูลประสิทธิภาพสูงเพื่อเพิ่มการใช้ GPU ให้สูงสุดในเวิร์กโหลด AI และ HPC (การประมวลผลประสิทธิภาพสูง)

Logo

SSD PCIe® 5.0 ซีรีส์ KIOXIA CD9P มาพร้อมสถาปัตยกรรม CBA ขั้นสูงและแฟลช TLC มอบประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพ และความจุที่ก้าวล้ำ

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–20 มิถุนายน 2025

Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ วันนี้ประกาศเปิดตัวต้นแบบและสาธิต SSD PCIe® 5.0 NVMe™ ซีรีส์ CD9P ของ KIOXIA ไดรฟ์รุ่นใหม่เหล่านี้เป็น SSD ล่าสุดที่สร้างขึ้นด้วยหน่วยความจำแฟลช 3D แบบ TLC BiCS FLASH™ รุ่นที่ 8 ของ Kioxia โดย BiCS FLASH™ รุ่นที่ 8 นี้มาพร้อมเทคโนโลยี CBA (CMOS directly Bonded to Array) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ก้าวล้ำที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ประสิทธิภาพการทำงาน และความหนาแน่นของพื้นที่จัดเก็บได้อย่างมาก[1] โดยมีการเพิ่มความจุที่ใช้ได้ต่อ SSD เป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า[2]

KIOXIA CD9P Series High-Performance Data Center NVMe SSDs to Maximize GPU Utilization in AI and HPC Workloads

SSD NVMe ซีรีส์ KIOXIA CD9P สำหรับศูนย์ข้อมูลประสิทธิภาพสูงเพื่อเพิ่มการใช้ GPU ให้สูงสุดในเวิร์กโหลด AI และ HPC

เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ AI ที่เร่งความเร็วด้วย GPU ทำให้ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดเก็บเพิ่มมากขึ้น การรักษาปริมาณงานสูง ความหน่วงเวลาต่ำ และประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอจึงมีความสำคัญ รวมถึงการทำให้ GPU ที่มีค่าการถูกใช้งานเป็นอย่างสูง ซีรีส์ KIOXIA CD9P นี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับสภาพแวดล้อมถัดไปเหล่านี้ โดยมอบความเร็วและการตอบสนองที่จำเป็นสำหรับเวิร์กโหลด AI, แมชชีนเลิร์นนิ่ง และ HPC (การประมวลผลประสิทธิภาพสูง) เพื่อให้แน่ใจว่า GPU จะได้รับข้อมูลและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ซีรีส์ CD9P ใช้ประโยชน์จากหน่วยความจำแฟลช 3D ขั้นสูงที่สุดของ Kioxia ในปัจจุบัน ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่ใช้ CBA ซึ่งช่วยลดการเกิดความร้อน เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการความร้อน และมอบมูลค่ารวมที่สูงขึ้นผ่านประสิทธิภาพและมาตรวัดพลังงานที่ได้รับการปรับปรุง รวมถึงต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ

ไดรฟ์ซีรีส์ KIOXIA CD9P มอบการปรับปรุงประสิทธิภาพ 4 ด้าน อาทิ การเขียนแบบสุ่มสูงถึงประมาณ 125%, การอ่านแบบสุ่มสูงถึง 30%, การอ่านแบบต่อเนื่องสูงถึง 20% และความเร็วในการเขียนแบบต่อเนื่องสูงถึง 25% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า[2]

นอกจากนี้ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ของการใช้พลังงานได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นประมาณ 60% ในการอ่านแบบต่อเนื่อง, 45% ในการเขียนแบบต่อเนื่อง, 55% ในการอ่านแบบสุ่ม และ 100% (2 เท่า) ในการเขียนแบบสุ่ม[2] (ใช้กับรุ่น 15.36 เทราไบต์ (TB))

ไฮไลท์ SSD ซีรีส์ KIOXIA CD9P ได้แก่ (เบื้องต้นและอาจมีการเปลี่ยนแปลง):

  •  รองรับ PCIe® 5.0, NVMe™ 2.0, NVMe-MI™ 1.2c
  • รองรับข้อมูลจำเพาะ SSD NVMe™ สำหรับศูนย์ข้อมูลโครงการ Open Compute เวอร์ชัน 2.5 (ไม่ใช่ข้อกำหนดทั้งหมด)
  • ฟอร์มแฟกเตอร์: ความหนา 2.5 นิ้ว 15 มม. EDSFF E3.S
  • ความทนทานต่อการอ่านที่เข้มข้น (1 DWPD) และการใช้งานแบบผสมผสาน (3 DWPD)
  • ประสิทธิภาพการทำงานแบบต่อเนื่อง (128 KiB/QD32) – อ่าน 14.8 GB/s และเขียน 7 GB/s
  • ประสิทธิภาพแบบสุ่ม (4KiB) – อ่าน 2,600 KIOPS (QD512) และเขียน 750 KIOPS (QD32)
  • ความจุ 2.5 นิ้ว สูงสุด 61.44 TB และความจุ E3.S สูงสุด 30.72 TB
  • รองรับอัลกอริทึม CNSA 2.0 [3]
     (เตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม)

ขณะนี้ SSD ซีรีส์ KIOXIA CD9P กำลังทำการสุ่มตัวอย่างให้กับลูกค้าที่เลือกไว้ และจะนำไปจัดแสดงในงาน HPE Discover 2025 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 23-26 มิถุนายนที่ลาสเวกัส

หมายเหตุ
[1] เมื่อเทียบกับ BiCS FLASH™ รุ่นที่ 6
[2] เมื่อเทียบกับซีรีส์ KIOXIA CD8P
[3] ซีรีส์ KIOXIA CD9P รองรับอัลกอริทึม Leighton-Micali Signature (LMS) ที่ได้รับการยอมรับโดย CNSA 2.0 [4] เป็นอัลกอริทึมลายเซ็นดิจิทัลเพื่อป้องกันการดัดแปลงเฟิร์มแวร์เพื่อเตรียมรับมือกับภัยคุกคามต่ออัลกอริทึมการเข้ารหัสแบบเดิมที่เกิดจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม มาตรฐานการเข้ารหัสขั้นสูง (AES-256) ที่มีความยาวคีย์ 256 บิต ซึ่งเป็นอัลกอริทึมการเข้ารหัสข้อมูลที่ใช้ใน CD9P ได้รับการยอมรับจาก CNSA 2.0 เช่นกัน
[4] CNSA2.0: ชุดอัลกอริทึมความมั่นคงแห่งชาติเชิงพาณิชย์ 2.0

*2.5 นิ้วบ่งบอกถึงขนาดของ SSD ไม่ใช่ขนาดทางกายภาพ
*ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อุปกรณ์โฮสต์ ซอฟต์แวร์ (ไดรเวอร์ ระบบปฏิบัติการ ฯลฯ) และสภาวะการอ่าน/การเขียน
*ประสิทธิภาพการทำงานยังเป็นเพียงเบื้องต้นและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

*คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation กำหนดให้กิโลไบต์ (KB) เท่ากับ 1,000 ไบต์ เมกะไบต์ (MB) เท่ากับ 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เท่ากับ 1,000,000,000 ไบต์ เทราไบต์ (TB) เท่ากับ 1,000,000,000,000 ไบต์ และกิบิไบต์ (KiB) เท่ากับ 1,024 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์จะรายงานความจุของหน่วยเก็บข้อมูลโดยใช้เลขยกกำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของหน่วยเก็บข้อมูลที่น้อยกว่า ความจุในการจัดเก็บที่พร้อมใช้งาน (รวมถึงตัวอย่างไฟล์สื่อต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป
*1 กิบิไบต์ (KiB) หมายถึง 2^10 หรือ 1,024 ไบต์
*IOPS: อินพุตเอาต์พุตต่อวินาที (หรือจำนวนการดำเนินการ I/O ต่อวินาที)

*NVMe และ NVMe-MI เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ
*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG
*HPE เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท Hewlett Packard Enterprise และ/หรือบริษัทในเครือ
*ชื่อบริษัทอื่น ๆ ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia
Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อก่อนหน้าของบริษัทได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำให้กับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D เชิงนวัตกรรมของ Kioxia อย่าง BiCS FLASH™ กำลังสร้างอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี ระบบยานยนต์ ศูนย์ข้อมูล และระบบ AI เชิงสร้างสรรค์

 การสอบถามจากลูกค้า:
 Kioxia Group
 สำนักงานขายทั่วโลก
 https://www.kioxia.com/en-jp/business/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ มีความถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย  

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250619775105/en

Contacts

การสอบถามสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายจัดการด้านการส่งเสริมการขาย
Koji Takahata
โทร.: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

Toshiba เปิดตัวอุปกรณ์แยกสัญญาณดิจิทัลมาตรฐานยานยนต์ 2 ช่องที่เป็นไปตามมาตรฐาน AEC-Q100

Logo

ตระหนักถึงการทำงานที่เสถียรด้วยภูมิคุ้มกันชั่วคราวในโหมดทั่วไปสูงและการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–19 มิถุนายน 2025

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์ตัวแยกสัญญาณดิจิทัลมาตรฐานความเร็วสูง 2 ช่องสัญญาณสำหรับการใช้งานในยานยนต์ โดยผลิตภัณฑ์ “DCM32xx00 Series” ใหม่ประกอบด้วยอุปกรณ์ 4 ตัวที่รองรับการทำงานที่เสถียรพร้อมภูมิคุ้มกันชั่วคราวโหมดทั่วไป (CMTI) สูงที่ 100kV/μs (ทั่วไป) [1] และอัตราการส่งข้อมูลสูงถึง 50Mbps (สูงสุด) [2] ทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐาน AEC-Q100 ด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ เริ่มจัดส่งได้ตั้งแต่วันนี้

Toshiba: DCM32xx00 Series, automotive standard digital isolators compliant with AEC-Q100.

Toshiba: ซีรีส์ DCM32xx00 ตัวแยกสัญญาณดิจิทัลมาตรฐานยานยนต์ที่สอดคล้องกับ AEC-Q100

ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของเครื่องชาร์จออนบอร์ด (OBC) และระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) ในรถยนต์ไฮบริด-ไฟฟ้า (HEV) และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ต้องใช้อุปกรณ์ที่รับรองการแยกและป้องกันการแพร่กระจายของสัญญาณรบกวน ตัวแยกสัญญาณดิจิทัลมาตรฐานยานยนต์มอบโซลูชันสำหรับการสื่อสารความเร็วสูงหลายช่องทางและ ค่า CMTIสูงที่อุปกรณ์แยกสัญญาณเหล่านี้ต้องการ

ตัวแยกสัญญาณแบบใหม่ใช้ระบบส่งสัญญาณแบบแยกสัญญาณแบบแม่เหล็กเฉพาะของโตชิบาเพื่อให้ได้ค่า CMTI สูงถึง 100kV/μs (ทั่วไป) ซึ่งให้ความต้านทานระดับสูงต่อสัญญาณรบกวนไฟฟ้าระหว่างอินพุตและเอาต์พุตในการส่งสัญญาณแบบแยกสัญญาณ ช่วยให้ส่งสัญญาณควบคุมได้อย่างเสถียร และช่วยให้อุปกรณ์ทำงานได้อย่างเสถียร ความบิดเบือนความกว้างพัลส์ต่ำเพียง 0.8ns (ทั่วไป) [2] และอัตราการรับส่งข้อมูล 50Mbps (สูงสุด) [2] ก็ทำได้สำเร็จเช่นกัน ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เหมาะสำหรับการใช้งานการสื่อสารความเร็วสูงแบบ 2 ช่องสัญญาณ เช่น อินเทอร์เฟซ I/O ที่มี CAN[3] การสื่อสาร

Toshiba ได้ผลิตตัวแยกสัญญาณดิจิทัลมาตรฐานยานยนต์ 4 ช่องเป็นจำนวนมากแล้ว และขณะนี้ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เป็นแพ็กเกจ SOIC8-N ขนาดเล็ก 2 ช่องสัญญาณแล้ว โดยในอนาคต บริษัทจะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของช่องสัญญาณและแพ็กเกจสำหรับอุปกรณ์ยานยนต์และอุตสาหกรรม และจะยังคงจัดหาอุปกรณ์แยกสัญญาณและโฟโตคัปเปลอร์คุณภาพสูงที่รองรับความน่าเชื่อถือและการส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่อุปกรณ์ยานยนต์ต้องการต่อไป

[1] เงื่อนไขการทดสอบ: VDD1=VDD2=4.5 ถึง 5.5V, VCM=1500V, T opr =-40 ถึง 125°C
[2] เงื่อนไขการทดสอบ: VDD1=VDD2=4.5 ถึง 5.5V, T opr =-40 ถึง 125°C
[3] CAN (Controller Area Network): มาตรฐานการสื่อสารแบบอนุกรม ที่ใช้เป็นหลักในเครือข่ายการสื่อสารในรถยนต์

การใช้งาน
อุปกรณ์ยานยนต์

  • ระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS)
  • เครื่องชาร์จในรถยนต์ (OBC)
  • การควบคุมอินเวอร์เตอร์

คุณสมบัติ

  •  ภูมิคุ้มกันชั่วคราวในโหมดทั่วไปสูง: CMTI=100kV/μs (ทั่วไป) [1]
  •  อัตราข้อมูลความเร็วสูง: t bps =50Mbps (สูงสุด)[2]
  •  การบิดเบือนความกว้างของพัลส์ต่ำ: PWD=0.8ns (ทั่วไป)[2]
  •  รองรับ 2 ช่องสัญญาณ (ดูข้อมูลจำเพาะหลักสำหรับรายละเอียดของแต่ละอุปกรณ์):
     ช่องสัญญาณด้านหน้า 1 ช่อง และช่องสัญญาณด้านหลัง 1 ช่อง ช่องสัญญาณด้านหน้า 2 ช่อง และไม่มีช่องสัญญาณด้านหลัง

 ข้อมูลจำเพาะหลัก  

 (เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น Topr =-40 ถึง 125°C)

 หมายเลขชิ้นส่วน

 DCM321C00

 DCM321D00

 DCM320C00

 DCM320D00

จำนวนช่องสัญญาณ
(ทิศทางไปข้างหน้า: ทิศทางย้อนกลับ)

2
(1:1)

2
(2:0)

เอาต์พุตเริ่มต้น

ต่ำ

สูง

ต่ำ

สูง

การควบคุมอินพุต/เอาต์พุต

ไม่มี

แพ็กเกจ

SOIC8-N

ค่าพิกัด
สูงสุด
สัมบูรณ์

 ช่วงอุณหภูมิการทำงาน Topr (°C)

-40 ถึง 125

 ช่วงอุณหภูมิการจัดเก็บ Tstg (°C)

-65 ถึง 150

แรงดันไฟฟ้าแยก

 BVS (Vrms)

t=1 นาที,

Ta=25°C

ต่ำสุด

3000

ลักษณะ

ทางไฟฟ้า

ภูมิคุ้มกันชั่วคราว

โหมดทั่วไป

CMTI (kV/μs)

 VDD1 =VDD2 =

 4.5 ถึง 5.5V, VCM =1500V

ทั่วไป

100

อัตราข้อมูล

 tbps (Mbps)

 VDD1 =VDD2 =

4.5 ถึง 5.5V

สูงสุด

50

การบิดเบือนความกว้างของพัลส์

PWD (ns)

ทั่วไป

0.8

ความล่าช้าในการแพร่กระจาย

 tPHL, tPLH (ns)

10.9

การตรวจสอบตัวอย่างและความพร้อมใช้งาน

 ซื้อออนไลน์

 ซื้อออนไลน์

 ซื้อออนไลน์

 ซื้อออนไลน์

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

คำแนะนำการใช้งาน

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
DCM321C00
DCM321D00
DCM320C00
DCM320D00

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวแยกสัญญาณดิจิทัลมาตรฐานของ Toshiba
ตัวแยกสัญญาณดิจิทัลมาตรฐาน

หากต้องการตรวจสอบความพร้อมจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์ ให้ไปที่:
DCM321C00
ซื้อออนไลน์
DCM321D00
ซื้อออนไลน์
DCM320C00
ซื้อออนไลน์
DCM320D00
ซื้อออนไลน์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชั่นเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง มีประสบการณ์และนวัตกรรมมากกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ

โดยมีพนักงานกว่า 19,400 คนทั่วโลกที่มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน บริษัทมุ่งหวังที่จะสร้างและมีส่วนสนับสนุนเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนโดยทั่วไป

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/20250618436479/en

Contacts

การสอบถามจากลูกค้า
แผนกขายและการตลาดอุปกรณ์ออปโตอิเล็กทรอนิกส์
โทร.: +81-44-548-2218
ติดต่อเรา

การสอบถามจากสื่อ
Chiaki Nagasawa
แผนกการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Seveno Capital และ Borderless Healthcare Group เปิดตัวกิจการร่วมค้าเพื่อให้บริการ ‘การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม’ แก่เจ้าของธุรกิจโรงแรม

Logo

The Well Estate จะนำเสนอโซลูชันแบบครบวงจรให้กับเจ้าของสินทรัพย์ด้านการบริการ เพื่อให้สามารถนำเสนอประสบการณ์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่เปลี่ยนแปลงชีวิตให้กับแขกได้ เนื่องจากอุตสาหกรรมการบริการทั่วโลกกำลังพยายามใช้ประโยชน์จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมทั่วโลกมูลค่า 1.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

สิงคโปร์ –(BUSINESS WIRE)–17 มิถุนายน 2025

Seveno Capital และ Borderless Healthcare Group เปิดตัวบริษัทอสังหาริมทรัพย์เพื่อดูแลสุขภาพแบบองค์รวมแห่งแรกของโลก เพื่อเจาะตลาดสุขภาพโลกที่กำลังเติบโตซึ่งมีมูลค่า 1.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่โลกกำลังเข้าสู่ช่วง “การมีอายุยืนยาวแบบมีสุขภาพดี” ซึ่ง UBS รายงานว่ามูลค่าจะอยู่ที่ 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030

The Well Estate is a joint venture between Borderless Healthcare Group, led by Dr. Wei Siang Yu, and Seveno Capital, led by Allen Law.

The Well Estate เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Borderless Healthcare Group ซึ่งนำโดย Dr. Wei Siang Yu และ Seveno Capital ซึ่งนำโดย Allen Law

The Well Estate จะสนับสนุนเจ้าของโรงแรมและธุรกิจบริการเพื่อเปลี่ยนจากรูปแบบธุรกิจแบบ “ห้องพักคุ้มค่า” ไปเป็นแบบ “ห้องพักพิเศษ” โดยนำเสนอโซลูชั่นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมแบบครบวงจรที่ให้แขกสามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและการแพทย์ รวมถึงผู้สร้างคอนเทนต์ชื่อดังได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ แขกยังสามารถเข้าถึงโปรแกรมการรับประทานอาหารส่วนบุคคล ฟิตเนส โยคะ การฝึกสติ และการดูแลสุขภาพได้อีกด้วย

โซลูชัน Well Estate จะช่วยเปิดช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆ ให้กับเจ้าของสินทรัพย์ด้านการบริการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าธุรกรรมต่อการเข้าพัก รักษาลูกค้าได้นานขึ้น และใช้ประโยชน์จากสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีประสิทธิภาพต่ำ เช่น ยิมและสปา ได้อย่างเต็มที่ บริษัทใหม่นี้จะมุ่งเน้นไปที่เจ้าของทรัพย์สินภายใน “กลุ่มสถานบริการเพื่อสุขภาพ” ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย

อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่า มีมูลค่า 5.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 และคาดว่าจะเติบโตถึง 8.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2027 ตามข้อมูลของ Global Wellness Institute นอกจากนี้ คาดว่าเศรษฐกิจการดูแลสุขภาพจะเติบโต 8.6% ต่อปีจนถึงปี 2027 ซึ่งแซงหน้า GDP ทั่วโลก

โรงแรมมีบทบาทด้านการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น คิดเป็นมูลค่า 651 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั่วโลกในปี 2022 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2027 นักเดินทางแสวงหาประสบการณ์เพื่อสุขภาพมากขึ้น โดยกว่า 50% เลือกโรงแรมที่มีบริการสปา ฟิตเนส และโภชนาการ

รีสอร์ทเพื่อสุขภาพระดับหรูสามารถสร้างรายได้ต่อวันสูงกว่าโรงแรมทั่วไปถึง 30–50% โรงแรมต่างๆ ลงทุนอย่างหนักเพื่อตอบสนองความต้องการนี้และเพื่อครองส่วนแบ่งตลาดที่ทำกำไรมหาศาลนี้ โดยผนวกรวมห้องแล็บ การวินิจฉัยทางการแพทย์ การดริปวิตามิน และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเข้าไว้ในสิ่งอำนวยความสะดวก

The Well Estate เป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง Borderless Healthcare Group ซึ่งนำโดยผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีการดูแลสุขภาพ สื่อ โทรคมนาคม บริการ และเนื้อหาระดับโลก Dr Wei Siang Yuและ Seveno Capital ซึ่งนำโดยผู้ก่อตั้ง Park Hotel Group และผู้ประกอบการด้านสุขภาพเพื่อชีวิตยืนยาวอย่างมีสุขภาพดี, Allen Law.

Allen Lawกล่าวว่า

“The Well Estate จะช่วยให้เจ้าของสินทรัพย์ด้านบริการสามารถจัดการธุรกิจและข้อเสนอของลูกค้า ให้สอดคล้องกับการปฏิวัติด้านสุขภาพและอายุยืนยาวระดับโลก ซึ่งจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ไม่แพ้ AI”

Dr Wei กล่าวว่า

“นี่คือยุคใหม่สำหรับภาคส่วนการบริการและเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับประสบการณ์ที่ดื่มด่ำของลูกค้าซึ่งสร้างผลกำไร มีจุดมุ่งหมายและสามารถขยายตัวได้”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250616916281/en

Contacts

สามารถสอบถามเกี่ยวกับ The Well Estate ได้ที่impact@thewellestate.com

ที่มา: Seveno Capital

 


Zycus Horizon SEA 2025 ชู Agentic AI สำหรับก้าวสู่อนาคตของการจัดซื้อ

Logo

พอร์ตดิกสัน, มาเลเซีย–(BUSINESS WIRE)–17 มิถุนายน 2025

Horizon SEA 2025 ที่เป็นการประชุมหลักของ Zycus ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้จบลงด้วยแรงผลักดันที่แข็งแกร่ง ที่ได้รวบรวมผู้นำด้านการจัดซื้อระดับสูงทั้งจากมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินเดีย และภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชียแปซิฟิก โดยงานนี้จัดขึ้นในวันที่ 23–24 เมษายน 2025 ที่ Lexis Hibiscus ในพอร์ตดิกสัน ใกล้กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยเน้นที่การใช้งานจริงของ Agentic AI การประสานงานการรับข้อมูลขั้นสูง และการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ใน Source-to-Pay (S2P)

ในการกล่าวปาฐกถาสำคัญ Aatish Dedhia ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Zycus ได้เน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นว่า: “Agentic AI ไม่ใช่แค่สิ่งที่ปรารถนา แต่เป็นสิ่งที่ใช้งานได้จริง การจัดซื้อในปัจจุบันพร้อมแล้วในตอนนี้ที่จะนำการเปลี่ยนแปลงองค์กรผ่านการประสานงานอัจฉริยะและการบูรณาการข้อมูลเชิงลึก”

ด้วยข้อมูลเชิงลึกจากนักวิเคราะห์ของ Patrick Reymann จาก IDC Horizon SEA ได้นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับสาเหตุที่การรับข้อมูลกำลังก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วในฐานะแนวโน้มมูลค่าใหม่ของการจัดซื้อ โดยผู้นำจาก JG Summit, DRB-HICOM, Aboitiz Power , BDO Bank, Telekom Malaysia, Tata Play, Abdul Latif Jameel และอื่นๆ อีกมากมาย ได้นำเสนอเรื่องราวให้มีชีวิตชีวาขึ้น และมีการแชร์ว่า Agentic AI ได้มีการปรับเปลี่ยนการรับข้อมูล การจัดการความเสี่ยง และความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไร โดยการอภิปรายเหล่านี้ได้รับการเสริมด้วยการสนทนาแบบเป็นกันเองกับผู้นำทางความคิดจาก PASIA, CIPS, Microsoft, IBM, TCS, Trustpair เป็นต้น ซึ่งนำเสนอมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับอนาคตของ Source-to-Pay

โดยผู้เข้าร่วมงานได้มีส่วนร่วมกับ Merlin Agentic Platform และ Merlin Intake Agent ผ่านการสาธิตสด, กรณีการใช้งานจริง และฟอรัมการทำงาน เช่น AI Council และ ฟอรัมที่ปรึกษาสำหรับผู้ใช้หลัก (Key User Advisory Forum) พลังแห่งการลงมือปฏิบัติได้ขยายออกไปนอกห้องประชุมไปจนถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่คัดสรรมา เช่น งานเลี้ยงริมชายหาด งานกาลามอบรางวัลที่จุดไฟด้วยโดรน และแม้แต่การเปิดตัว CPONext: SEA Edition ที่มุ่งเน้นไปที่ดาวรุ่งด้านการจัดซื้อของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผู้นำทางความคิดได้รับความสนใจจากการเปิดตัว The Merlin Times ซึ่งเป็นสื่อสิ่งพิมพ์จาก Hackett เกี่ยวกับ Agentic AI และเรื่องบนหน้าปกที่โดดเด่นเกี่ยวกับ Zycus ในนิตยสาร Procurement “AI Agent Quest” ที่ท้าทายผู้เข้าร่วมงานให้กำหนดทิศทางการจัดซื้ออัจฉริยะในครั้งต่อไป โดยไอเดียที่ดีที่สุดจะได้รับรางวัลบนเวที

ตั้งแต่กลยุทธ์ไปจนถึงชุมชน เทคโนโลยีไป ตลอดจนการเล่าเรื่องต่างๆ งาน Horizon SEA 2025 ได้มอบประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีจุดมุ่งหมาย

ขอขอบคุณผู้สนับสนุน พันธมิตร และผู้เข้าร่วมงานที่ทำให้ Horizon 2025 ประสบความสำเร็จอย่างไม่มีใครเทียบได้

พบกับเราได้ในงาน Horizon US ระหว่างวันที่ 22–24 กันยายน ที่ Ritz Carlton, Dana Point: ลงทะเบียนได้แล้วตอนนี้
รับชมการรีเพลย์เซสชันได้ที่ www.zycus.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Rashika Chaudhary
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
rashika.chaudhary@zycus.com

ที่มา: Zycus

Black & Veatch เข้าร่วมการเสวนาในอุตสาหกรรม พิจารณาแนวทางที่เป็นไปได้เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของเอเชียในงาน Energy Asia 2025

Logo

กัวลาลัมเปอร์, ประเทศมาเลเซีย–(BUSINESS WIRE)–10 มิถุนายน 2025

Black & Veatch ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อมนุษย์ เตรียมนำเสนอแนวการประยุต์ใช้แนวปฏิบัติระดับสากลเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านพลังงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทภายในการประชุมงาน Energy Asia 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 16-18 มิถุนายนท ณ.ศูนย์การประชุมกัวลาลัมเปอร์

“ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและคลื่นความร้อนที่รุนแรงและยาวนานขึ้น ประเทศมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำเป็นต้องมีแนวทางการเปลี่ยนผ่านที่สามารถตอบโจทย์ทั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล“

“Black & Veatch มุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืนที่สั่งสมมายาวนาน มาช่วยสนับสนุนภูมิภาคนี้ในการตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น ด้วยแหล่งพลังงานที่ปล่อยคาร์บอนต่ำหรือไม่มีคาร์บอนเลย” กล่าวโดย Jerin Raj กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Black & Veatch

ความร่วมมืออย่างลึกซึ้งกับผู้นำในอุตสาหกรรมจากภาคส่วนพลังงานและภาคส่วนอื่นๆ รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ถือเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจดังกล่าว โดยในงานประชุมที่ประเทศมาเลเซีย Anand Pattani รองประธานและกรรมการผู้จัดการฝ่ายพลังงานระหว่างประเทศของ Black & Veatch จะร่วมอภิปรายเกี่ยวกับแนวทางที่โรงกลั่นแบบดั้งเดิมสามารถปรับตัวเพื่อแข่งขันได้ในโลกที่มีคาร์บอนต่ำ พร้อมนำเสนอแนวทางระดับโลกที่สามารถปรับใช้เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคด้านเทคนิค กฎระเบียบและการเงิน

สอดคล้องกับนโยบายของมาเลเซียในการลดการปล่อยคาร์บอน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร และส่ง้สริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน Black & Veatch ได้ให้การสนับสนุนโครงการพลังงานในมาเลเซียมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ  1990 ครอบคลุมตั้งแต่วางแผนกลยุทธ์ การจัดสรรทรัพยากรและการลงทุน ไปจนถึงการดำเนินงานและการส่งมอบโครงการ

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทวิศวกรรม จัดหา จัดการที่ปรึกษา และก่อสร้างระดับโลกที่พนักงานเป็นเจ้าของทั้งหมด มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืน นับตั้งแต่ปี 1915 บริษัทได้ช่วยลูกค้าทั่วโลกยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ด้วยการเสริมความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือให้กับโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรด้านพลังงานที่สำคัญที่สุดของโลก

ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และ LinkedIn, Facebook, X (Twitter) และ Instagram

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ข้อมูลผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 | Media@bv.com

ที่มา: Black & Veatch

Perma-Pipe International Holdings, Inc. ประกาศผลประกอบการทางการเงินไตรมาสแรกประจำปีงบประมาณ 2025

Logo

  •  บริษัทมีรายได้สุทธิอยู่ที่ 46.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับ 34.3 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2024
  •  มีรายได้ก่อนหักภาษีเงินได้อยู่ที่ 7.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับ 2.6 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2024
  •  มีงานค้างชำระอยู่ที่ 131.1 ล้านเหรียญสหรัฐ วันที่ 30 เมษายน 2025 เมื่อเทียบกับ 63.1 ล้านเหรียญสหรัฐ วันที่ 30 เมษายน 2024

สปริง, เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–13 มิถุนายน 2025

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (NASDAQ: PPIH) ประกาศผลประกอบการทางการเงินประจำไตรมาสแรกสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2025

“ยอดขายในไตรมาสแรกอยู่ที่ 46.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 36.2% เมื่อเทียบกับ 34.3 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว กำไรสุทธิที่เป็นของหุ้นสามัญอยู่ที่ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 243% เมื่อเทียบกับ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกของปีที่แล้ว” Saleh Sagr ประธานและซีอีโอกล่าว

“ปัจจุบันมีงานค้างชำระอยู่ที่ 131.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับ 138.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 มกราคม 2025 อย่างไรก็ตาม บริษัทมีงานค้างชำระเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 68.0 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 108% เมื่อเทียบกับ 63.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 30 เมษายน 2024 เรารู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นจากปริมาณงานค้างชำระที่เราได้รับ ซึ่งยังคงมากกว่าสองเท่าของปริมาณงานค้างชำระที่รายงานเมื่อสิ้นไตรมาสแรกของปีที่แล้ว” Mr. Sagr กล่าวต่อ

“ผลประกอบการไตรมาสแรกของเราแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของบริษัท เนื่องจากทั้งยอดขายและกำไรสุทธิที่เป็นของหุ้นสามัญถือเป็นผลงานระดับสูงสุดในไตรมาสแรกนับตั้งแต่เปลี่ยนจาก MFRI มาเป็น Perma-Pipe ในปี 2017 นอกจากนี้ กำไรสุทธิที่เป็นของหุ้นสามัญในไตรมาสแรกคิดเป็นประมาณ 55% ของผลประกอบการทั้งปีของปีงบประมาณ 2024 ของบริษัท” Saleh Sagr ประธานและซีอีโอกล่าว

“เรารู้สึกยินดีกับระดับกิจกรรมทางธุรกิจที่เรากำลังประสบอยู่ในตลาดต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ยอดขายและรายได้โดยรวมเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ นอกจากนี้ เรายังรู้สึกมีกำลังใจอย่างมากจากระดับการดำเนินงานในภูมิภาคอเมริกาและตะวันออกกลาง รวมถึงแอฟริกาเหนือ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่เปรียบเทียบได้ในไตรมาสแรก” Mr. Sagr แสดงความคิดเห็น

“ผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งของเราช่วยหนุนให้ผลประกอบการในไตรมาสที่เหลือของปีงบประมาณ 2025 ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราเชื่อมั่นว่าบริษัทจะใช้ประโยชน์จากโมเมนตัมนี้ต่อไป และผลักดันให้บริษัทมีส่วนร่วมในแผนพัฒนาในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือมากขึ้น และได้รับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเติมในภูมิภาคอเมริกาเหนือ” Mr. Sagr กล่าวสรุป

ผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2025

ยอดขายสุทธิอยู่ที่ 46.7 ล้านเหรียญสหรัฐและ 34.3 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2025 และ 2024 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 12.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 36% เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางและอเมริกาเหนือ

กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 16.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 36% ของยอดขายสุทธิ และ 10.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 31% ของยอดขายสุทธิในช่วงสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2025 และ 2024 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 6.2 ล้านเหรียญสหรัฐนั้นเกิดจากปริมาณกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก และอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากการผสมผสานผลิตภัณฑ์

ค่าใช้จ่ายทั่วไปและการบริหารอยู่ที่ 7.7 ล้านเหรียญสหรัฐและ 6.1 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2025 และ 2024 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐเกิดจากค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้

ค่าใช้จ่ายในการขายยังคงสม่ำเสมอและอยู่ที่ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐและ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2025 และ 2024 ตามลำดับ

ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสุทธิยังคงสม่ำเสมอและอยู่ที่ 0.4 ล้านเหรียญสหรัฐและ 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2025 และ 2024 ตามลำดับ

ค่าใช้จ่ายอื่นยังคงสม่ำเสมอและน้อยกว่า 0.1 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2025 และ 2024 ตามลำดับ

ETR ของบริษัทอยู่ที่ 21% และ 30% ในช่วงสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2025 และ 2024 ตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงใน ETR เกิดจากการผสมผสานระหว่างรายได้และการสูญเสียในเขตอำนาจศาลต่างๆ

กำไรสุทธิที่เป็นของหุ้นสามัญอยู่ที่ 5.0 ล้านเหรียญสหรัฐและ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2025 และ 2024 ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐนั้นส่วนใหญ่เกิดจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและการดำเนินโครงการที่ดีขึ้นในไตรมาสนี้

Perma-Pipe International Holdings, Inc.

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (“บริษัท”) เป็นผู้นำระดับโลกด้านระบบท่อหุ้มฉนวนและระบบตรวจจับการรั่วไหลสำหรับการรวบรวมน้ำมันและก๊าซ ระบบทำความร้อนและทำความเย็นในเขตพื้นที่ และการใช้งานอื่นๆ โดยบริษัทใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านวิศวกรรมและการประดิษฐ์เพื่อพัฒนาระบบท่อที่ช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการขนส่งของเหลวหลากหลายประเภทอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทมีการดำเนินงานทั้งหมดสิบสี่แห่งในหกประเทศ

คำชี้แจงเชิงคาดการณ์

คำชี้แจงและข้อมูลอื่นๆ บางส่วนที่อยู่ในข่าวเผยแพร่ฉบับนี้ ซึ่งสามารถระบุได้โดยการใช้คำศัพท์เชิงคาดการณ์ ถือเป็น “คำชี้แจงเชิงคาดการณ์” ตามความหมายของมาตรา 27A ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1933 แก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 21E ของพระราชบัญญัติการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ปี 1934 แก้ไขเพิ่มเติม และอยู่ภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัยที่สร้างขึ้นโดยมาตราดังกล่าว ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง คำชี้แจงเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและการดำเนินงานในอนาคตที่คาดหวังของบริษัท คำชี้แจงเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาว่าอยู่ภายใต้ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนมากมายที่มีอยู่ในการดำเนินงานและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของบริษัท ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงดังต่อไปนี้: (i) ความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและผลกระทบต่อปริมาณการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทจากลูกค้า (ii) ความสามารถของบริษัทในการซื้อวัตถุดิบในราคาที่เอื้ออำนวยและรักษาความสัมพันธ์อันดีกับซัพพลายเออร์ของบริษัท (iii) การลดลงของรายจ่ายของรัฐบาลในโครงการที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท และความท้าทายต่อสภาพคล่องและการเข้าถึงเงินทุนของลูกค้าที่ไม่ใช่ภาครัฐของบริษัท (iv) ความสามารถของบริษัทในการชำระหนี้และต่ออายุสินเชื่อระหว่างประเทศที่กำลังจะหมดอายุ (v) ความสามารถของบริษัทในการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลกำไรที่ยั่งยืนและกระแสเงินสดที่เป็นบวก (vi) ความสามารถของบริษัทในการเรียกเก็บเงินลูกหนี้ระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับโครงการในตะวันออกกลาง (vii) ความสามารถของบริษัทในการตีความการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบและกฎหมายภาษี (viii) ความสามารถของบริษัทในการใช้การนำผลขาดทุนจากการดำเนินงานสุทธิไปหักกลบ (ix) การกลับรายการของรายได้และกำไรที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้อันเป็นผลมาจากการประมาณการที่ไม่ถูกต้องซึ่งทำขึ้นโดยเกี่ยวข้องกับการรับรู้รายได้ “ล่วงเวลา” ของบริษัท (x) ความล้มเหลวของบริษัทในการสร้างและรักษาการควบคุมภายในที่มีประสิทธิผลต่อการรายงานทางการเงิน (xi) ช่วงเวลาของการรับคำสั่งซื้อ การดำเนินการ การจัดส่ง และการยอมรับสำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท (xii) ความสามารถของบริษัทในการเจรจาข้อตกลงเรียกเก็บเงินตามความคืบหน้าสำหรับสัญญาขนาดใหญ่ของบริษัทได้สำเร็จ (xiii) การกำหนดราคาที่ก้าวร้าวโดยคู่แข่งที่มีอยู่และการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ในตลาดที่บริษัทดำเนินการอยู่ (xiv) ความสามารถของบริษัทในการผลิตสินค้าที่ปราศจากข้อบกพร่องที่แฝงอยู่และในการกู้คืนจากซัพพลายเออร์ที่อาจจัดหาวัสดุที่มีข้อบกพร่องให้กับบริษัท (xv) การลดหรือยกเลิกคำสั่งซื้อที่รวมอยู่ในปริมาณงานรอดำเนินการของบริษัท (xvi) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เฉพาะเจาะจงกับการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัท (xvii) ความสามารถของบริษัทในการดึงดูดและรักษาผู้บริหารระดับสูงและบุคลากรสำคัญไว้ (xviii) ความสามารถของบริษัทในการบรรลุผลประโยชน์ที่คาดหวังจากการริเริ่มการเติบโต (xix) ผลกระทบของโรคระบาดและวิกฤตด้านสาธารณสุขอื่นๆ ต่อบริษัทและการดำเนินงานของบริษัท และ (xx) ผลกระทบของภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท ผู้ถือหุ้น นักลงทุนที่มีศักยภาพ และผู้อ่านรายอื่นๆ ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบในการประเมินคำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ และไม่ควรพึ่งพาคำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ดังกล่าวมากเกินไป คำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ที่ระบุไว้ในที่นี้จัดทำขึ้นเฉพาะในวันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เท่านั้น และเราไม่มีข้อผูกมัดที่จะต้องอัปเดตคำแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ใดๆ ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของเราสามารถดูได้จากเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสามารถดูได้ที่ https://www.sec.gov และภายใต้หัวข้อศูนย์นักลงทุนของเว็บไซต์ของเรา (http://investors.permapipe.com)

ปีงบประมาณของบริษัทสิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม โดยปี, ผลการดำเนินงาน และยอดคงเหลือที่ระบุคือ 2025, 2024 และ 2023 คือปีงบประมาณที่สิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม 2026, 2025 และ 2024 ตามลำดับ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทสำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม 2025 รวมถึง

การอภิปรายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการเกี่ยวกับสภาพทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท มีอยู่ในรายงานประจำปีของบริษัทในแบบฟอร์ม 10-K สำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม 2025 ซึ่งจะยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในหรือประมาณวันที่ระบุนี้ และสามารถเข้าถึงได้ที่ www.sec.gov และ www.permapipe.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ไปที่เว็บไซต์ของบริษัท

 PERMA-PIPE INTERNATIONAL HOLDINGS, INC. และบริษัทในเครือ

 งบกำไรขาดทุนรวมแบบย่อ

 (หน่วยพัน ยกเว้นข้อมูลต่อหุ้น)

 (ยังไม่ได้ตรวจสอบ)

 งวดสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน

 2025

 2024

ยอดขายสุทธิ

$

46,747

$

34,321

กำไรขั้นต้น

16,724

10,517

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวม

8,835

7,383

รายได้จากการดำเนินงาน

7,889

3,134

ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย

406

507

ค่าใช้จ่ายอื่น

47

67

รายได้ก่อนภาษีเงินได้

7,436

2,560

ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้

1,582

770

กำไรสุทธิ

$

5,854

$

1,790

หัก: กำไรสุทธิที่เป็นของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

902

347

กำไรสุทธิที่เป็นของหุ้นสามัญ

$

4,952

$

1,443

หุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ออกจำหน่าย

หุ้นพื้นฐาน

7,983

7,906

หุ้นที่ปรับลด

8,079

8,056

กำไรต่อหุ้นที่เป็นของหุ้นสามัญ

หุ้นพื้นฐาน

$

0.62

$

0.18

หุ้นที่ปรับลด

$

0.61

$

0.18

 PERMA-PIPE INTERNATIONAL HOLDINGS, INC. และบริษัทในเครือ

 งบดุลรวมแบบย่อ

 (หน่วยพัน)

 (ยังไม่ได้ตรวจสอบ)

 30 เมษายน 2025

 31 มกราคม 2025

 สินทรัพย์

สินทรัพย์หมุนเวียน

$

120,700

$

108,802

สินทรัพย์ระยะยาว

57,615

56,439

 สินทรัพย์รวม

$

178,315

$

165,241

 หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

หนี้สินหมุนเวียน

$

61,751

$

54,063

หนี้สินระยะยาว

26,459

28,073

หนี้สินรวม

88,210

82,136

ส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

12,238

10,967

ส่วนของผู้ถือหุ้น

77,867

72,138

หนี้สินรวมและส่วนของผู้ถือหุ้น

$

178,315

$

165,241

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย 

Contacts

Perma-Pipe International Holdings, Inc.
Saleh Sagr, ประธานและซีอีโอ

Perma-Pipe นักลงทุนสัมพันธ์
847.929.1200
investor@permapipe.com  

ที่มา: Perma-Pipe International Holdings, Inc.

Horizon3.ai ระดมทุน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างความเป็นผู้นำในด้านความปลอดภัยอัตโนมัติ

Logo

อนาคตของความปลอดภัยทางไซเบอร์คือ AI ต่อสู้กับ AI และ Horizon3.ai กำลังเป็นผู้นำ

ซานฟรานซิสโก –(BUSINESS WIRE)–10 มิถุนายน 2025

Horizon3.ai บริษัทที่อยู่เบื้องหลังแพลตฟอร์มความปลอดภัยอัตโนมัติ NodeZero® ประกาศในวันนี้ว่าได้รับเงินทุนรอบ Series D มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนำโดย NEA และการเข้าร่วมจาก SignalFire, Craft Ventures และ 9Yards Capital โดย Lila Tretikov หุ้นส่วนและหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ AI ของ NEA และอดีตรอง CTO ของ Microsoft จะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของ Horizon3.ai ด้วย ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน

“ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา เราได้พิสูจน์แล้วว่าการใช้ AI เพื่อแฮ็กบริษัทต่างๆ นั้นไม่ใช่เรื่องในนิยายวิทยาศาสตร์ แต่เป็นเรื่องจริง และให้ผลลัพธ์ที่วัดผลได้ในระดับขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีองค์กรมากกว่า 3,000 แห่งทั่วโลกที่ใช้ NodeZero เพื่อทำการทดสอบการเจาะระบบ เรารักษาอัตราการเติบโตของ ARR ต่อปีมากกว่า 100% และตอนนี้เราอยู่ในกฎ 40-positive ซึ่งหมายความว่าเราไม่ได้แค่เติบโตเท่านั้น แต่เรายังเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย” Snehal Antani ซีอีโอและผู้ก่อตั้งร่วมของ Horizon3.ai กล่าว “การระดมทุนครั้งนี้ถือเป็นบทต่อไปในภารกิจของเราในการเป็นผู้นำหมวดหมู่ความปลอดภัยอัตโนมัติ”

“ทีมรักษาความปลอดภัยเหนื่อยกับการไล่ตาม CVE ผลบวกปลอม และช่องกาเครื่องหมายการปฏิบัติตามข้อกำหนด พวกเขาต้องการค้นหาและแก้ไขสิ่งที่สำคัญจริงๆ ตรวจสอบว่าได้รับการแก้ไขแล้ว และกลับบ้านเร็วๆ” กล่าวโดย Antani “ส่วนที่ยากที่สุดของงานในฐานะ CIO คือการตัดสินใจว่าจะไม่แก้ไขอะไร ส่วนที่ยากเป็นอันดับสองคือการพิสูจน์ให้คณะกรรมการเห็นว่าแผนริเริ่มด้านความปลอดภัยของคุณช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดย NodeZero มีบทบาทสำคัญในการลดการเปิดเผยภัยคุกคามของคุณในระยะยาว”

ตั้งเป้าตลาดเป้าหมายมูลค่ารวม 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ: ความปลอดภัยอัตโนมัติ

ตลาดความปลอดภัยทางไซเบอร์กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากรุ่นสู่รุ่น NodeZero ประสบความสำเร็จในการเจาะระบบธนาคารได้ภายใน 4 นาทีโดยไม่ต้องใช้มนุษย์ ซึ่งเร็วกว่าเวลาตอบสนองของทีมรักษาความปลอดภัยของธนาคารและเครื่องมือที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันมาก ในทำนองเดียวกัน ฝ่ายตรงข้ามกำลังใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อเพิ่มความซับซ้อน ความยุ่งยาก ความเร็ว และขนาดของการโจมตีแบบทวีคูณ แนวคิดของ Horizon3.ai นั้นเรียบง่าย: อนาคตของไซเบอร์จะเป็นอัลกอริทึมที่ต่อสู้กับอัลกอริทึมด้วยความเร็วของเครื่องจักร ยกเว้นมนุษย์ ซึ่งต้องมีการสร้างระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ขึ้นใหม่ทุกส่วน และเพื่อให้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าผู้โจมตีทำงานอย่างไร และระบบ AI ที่สามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกในการโจมตีเพื่อขับเคลื่อนการปรับปรุงในการป้องกัน Horizon3.ai เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้

“Horizon3.ai ได้ตระหนักถึงสิ่งที่คนอื่นเพิ่งจะเริ่มจินตนาการได้แล้ว NodeZero เป็นระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ทำงานในสภาพแวดล้อมการผลิตจริง โดยทำการโจมตีจริง เปิดเผยความเสี่ยงจริง และส่งมอบผลลัพธ์จริง” กล่าวโดย Antani

ด้วยพลังของการเรียนรู้แบบเสริมกำลัง การใช้เหตุผลแบบกราฟ และAI NodeZero ไม่จำลองคู่ต่อสู้ แต่คิดและกระทำเหมือนคู่ต่อสู้ การโจมตีทางไซเบอร์แต่ละครั้งต่อระบบการผลิตที่ดำเนินการ โดย NodeZero จะรวบรวมข้อมูลการฝึกอบรมที่ใช้เพื่อปรับปรุงอัลกอริทึม ทำให้เกิดข้อได้เปรียบด้านข้อมูลแบบทบต้นที่ไม่มีแพลตฟอร์มอื่นใดเทียบได้ นี่คือรากฐานสำหรับยุคถัดไปของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่ง AI ไม่เพียงแต่ค้นหาความเสี่ยงเท่านั้น แต่ยังปรับปรุงการป้องกันอย่างต่อเนื่อง Horizon3.ai ไม่ได้ไล่ตามอนาคต แต่กำลังสร้างมันขึ้นมา

การใช้รายได้: เร่งสู่อนาคต

ด้วยเงินทุนนี้ Horizon3 กำลังเร่งดำเนินการในสามแนวทางเชิงกลยุทธ์:

  •  ขยายขนาดผ่านพันธมิตร – เพิ่มระบบนิเวศพันธมิตรเป็นสองเท่าเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วทวีปอเมริกา EMEA และ APAC
  •  นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ – ขยายไปสู่การทดสอบการเจาะระบบแอปพลิเคชันเว็บ การจัดการช่องโหว่ และการป้องกันที่แม่นยำ โดยที่ NodeZero สามารถแก้ไขการค้นพบและปรับแต่งเครื่องมือป้องกันได้
  •  ชนะตลาดรัฐบาลกลาง – ขยายขอบเขตความสำเร็จด้วยฐานอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศผ่านโปรแกรม Continuous Autonomous Pentesting (CAPT) ของ NSA เร่งการใช้งาน FedRAMP High และขยายไปสู่ภาระงานแบบ Secret และ Top Secret เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับระบบที่สำคัญที่สุดของประเทศ

“สิ่งที่ดึงดูดเราให้มาสนใจ Horizon3.ai คือความชัดเจนของภารกิจของพวกเขาและความรวดเร็วในการดำเนินการ” Aaron Jacobson หุ้นส่วนของ NEA กล่าว “พวกเขากำลังกำหนดหมวดหมู่ความปลอดภัยใหม่ นั่นคือความปลอดภัยอัตโนมัติ และเป็นโซลูชันที่ทีมสีแดงและสีน้ำเงินต่างเลือกใช้อยู่แล้ว เราตื่นเต้นมากที่จะได้เป็นผู้นำในรอบนี้และสนับสนุนการเติบโตในระยะต่อไปของบริษัท”

“Snehal และทีมงาน Horizon3.ai กำลังจัดการกับปัญหาใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ นั่นคือการทำให้ทั้งสองฝ่ายทำงานอัตโนมัติเพื่อให้มั่นใจว่ามีการป้องกันสูงสุดจากการโจมตีอัตโนมัติและที่ขับเคลื่อนโดย AI” กล่าวโดย Lila Tretikov หุ้นส่วนและหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ AI ของ NEA “ลูกค้าของพวกเขาชื่นชอบ NodeZero และทีมงานได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถดำเนินงานได้อย่างยอดเยี่ยมในระดับขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ Horizon3.ai กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินการด้านความปลอดภัย ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะเข้าร่วมคณะกรรมการและช่วยกำหนดบทต่อไป”

ผลกระทบนั้นเกิดขึ้นทันทีและวัดผลได้ ในการทดสอบการเจาะระบบครั้งล่าสุดครั้งหนึ่ง NodeZero สามารถเข้าถึงข้อมูลการออกแบบเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ที่ละเอียดอ่อนได้ผ่านทางซัพพลายเออร์บุคคลที่สาม ไม่มีมนุษย์คนใดเกี่ยวข้องในการทดสอบการเจาะระบบครั้งนี้ แพลตฟอร์มดังกล่าวจะเจาะเครือข่ายโดยอัตโนมัติ เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้ จากนั้นจึงแนะนำผู้ป้องกันว่าต้องแก้ไขอย่างไรเพื่อป้องกันการละเมิด

“เจ้านายเก่าของฉันมักจะพูดว่า ‘อย่ามาบอกฉันว่าเราปลอดภัยแล้ว แสดงให้ฉันดูก่อน แล้วแสดงให้ฉันดูอีกครั้งพรุ่งนี้และสัปดาห์หน้าอีกครั้ง เพราะสภาพแวดล้อมของเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และศัตรูก็มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเสมอ’” กล่าวโดย Antani

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ NodeZero ให้ไปที่ www.horizon3.ai

สำหรับการสอบถามและการสัมภาษณ์ของสื่อ โปรดดูผู้ติดต่อสำหรับสื่อด้านล่าง

เกี่ยวกับ Horizon3.ai

Horizon3.ai เป็นผู้นำในด้านความปลอดภัยอัตโนมัติ แพลตฟอร์ม NodeZero ของเราค้นหาและใช้ประโยชน์จากเส้นทางการโจมตีในโลกแห่งความเป็นจริงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ป้องกันสามารถแก้ไขสิ่งที่สำคัญและพิสูจน์ได้ว่าปลอดภัย Horizon3.ai ก่อตั้งโดยอดีตผู้ปฏิบัติการไซเบอร์ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐฯ และผู้นำด้านความปลอดภัยขององค์กร และได้รับความไว้วางใจจากองค์กรต่างๆ มากกว่า 3,000 แห่งทั่วโลก ตั้งแต่บริษัทในกลุ่ม Fortune 500 ไปจนถึงพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Ed Kraft
SourceCode Communications
horizon3@sourcecodecomms.com

ที่มา: Horizon3.ai

The Bangkok Reporter