การประชุมเชิงปฏิบัติการระดับนานาชาติด้านวัสดุขั้นสูงครั้งที่ 15th ที่ Ras Al Khaimah

Logo

ผู้เข้าร่วมประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และอาจารย์ด้านวิทยาศาสตร์วัสดุขั้นสูงที่มีชื่อเสียงระดับโลกกว่า 200 คน

RAS AL KHAIMAH, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–20 กุมภาพันธ์ 2024

วันนี้ การประชุมเชิงปฏิบัติการระดับนานาชาติด้านวัสดุขั้นสูง (IWAM) ครั้งที่ 15th จัดขึ้นโดยศูนย์ Ras Al Khaimah สำหรับวัสดุขั้นสูง (RAKCAM) ที่ Mövenpick Resort บนเกาะ Al Marjan

HH Saud bin Saqr attends the opening of the 15th #IWAMRasAlKhaimah and takes part in a fireside discussion that highlights Ras Al Khaimah’s commitment to scientific progress and innovation. #Science (Photo: AETOSWire)

HH Saud bin Saqr เข้าร่วมพิธีเปิดงาน #IWAMRasAlKhaimah ครั้งที่ 15 และเข้าร่วมในการอภิปรายโต๊ะกลมที่เน้นย้ำความมุ่งมั่นของ Ras Al Khaimah ในความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม #Science (ภาพถ่าย: AETOSWire)

IWAM ครั้งที่ 15 รวบรวมนักวิทยาศาสตร์ ศาสตราจารย์ นักวิจัย และนักศึกษาที่มีชื่อเสียงกว่า 200 คนจากสถาบันการศึกษาที่ได้รับการยกย่องระดับนานาชาติ และผู้เข้าร่วมกว่า 100 คนจากมหาวิทยาลัยใน UAE เพื่อเข้าร่วมหารือเกี่ยวกับการที่วัสดุขั้นสูงจะสามารถกำหนดอนาคตได้อย่างไร งานนี้มีการจัดขึ้นภายใต้การสนับสนุนจากชีค Saud bin Saqr Al Qasimi สมาชิกสภาสูงสุดของ UAE และผู้ปกครองเมือง Ras Al Khaimah ซึ่งเข้าร่วมในการอภิปรายโต๊ะกลมเกี่ยวกับความสำคัญของวัสดุขั้นสูงในการช่วยแก้ไขปัญหาที่มีความท้าทายยิ่งของโลกด้วยเช่นกัน

วัสดุขั้นสูงนี้สามารถพบได้ในโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบพลังงาน รวมถึงโลหะ เซรามิก และโพลีเมอร์ ซึ่งอาจเป็นวัสดุใหม่หรือผ่านการปรับปรุงให้ดีกว่าสภาพเดิม นวัตกรรมในวัสดุขั้นสูงเหล่านี้มีศักยภาพในการปฏิวัติอุตสาหกรรมหลายประเภท รวมถึงการบินและอวกาศ การขนส่ง การก่อสร้างและการดูแลสุขภาพ โดยช่วยให้ภาคส่วนเหล่านี้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการใช้พลังงานได้

IWAM ยินดีต้อนรับนักวิทยาศาสตร์ด้านวัสดุขั้นสูงที่มีชื่อเสียงจากสถาบันต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ และสถาบัน Max Planck รวมถึงศาสตราจารย์ Andre Geim จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ผู้ชนะเลิศได้รับรางวัลโนเบล

โดยเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของ IWAM ที่นำเยาวชนเข้ามีส่วนร่วมในด้านวิทยาศาสตร์ นักเรียนนักศึกษากว่า 500 คนจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยใน Ras Al Khaimah ได้เข้าร่วมในโครงการ ‘Innovation and Sustainability Challenge’ โดยร่วมสร้างโซลูชันนวัตกรรมเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลก จะมีการประกาศผลผู้ชนะการแข่งขันสำหรับความท้าทายในครั้งนี้และรวมถึงรางวัล Sheikh Saud International Prize สาขาวิทยาศาสตร์ด้านวัสดุอันทรงเกียรติประจำปี (โดยจะได้รับรางวัลมูลค่า 100,000 เหรียญสหรัฐ) ในปลายสัปดาห์นี้

Sir Anthony Cheetham ประธานของศูนย์ Ras Al Khaimah สำหรับวัสดุขั้นสูง ให้ความเห็นว่า “ชีค Saud ทรงอุทิศตนเพื่อใช้ประโยชน์จากการศึกษาและวิทยาศาสตร์เป็นตัวขับเคลื่อนนวัตกรรมที่มีส่วนช่วยในการพัฒนามนุษยชาติ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสาขาวิทยาศาสตร์ด้านวัสดุให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น IWAM มีบทบาทสำคัญในวิสัยทัศน์นี้ โดยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนหนุ่มสาว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับ Ras Al Khaimah และเมืองอื่นๆ รวมทั้งช่วยสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป”

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IWAM ได้ที่นี่

*แหล่งข้อมูล: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53897910/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Steven McCombe
Media@rakmediaoffice.ae

แหล่งข้อมูล: Ras Al Khaimah Government Media Office

สตาร์ทอัปกับความท้าทายในการช่วยพัฒนาเทคโนโลยีดักจับคาร์บอนสำหรับการผลักดันคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ของอุตสาหกรรมทั่วโลก

Logo

ลอนดอน –(BUSINESS WIRE)–20 กุมภาพันธ์ 2024

โครงการนานาชาติบุกเบิกที่นำสตาร์ทอัปด้านเทคโนโลยีมาพบกับผู้ผลิตชั้นนำในการดักจับคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์  (Net Zero) นั้นเริ่มต้นขึ้นแล้ว

Innovandi Open Challenge 2024 บริหารงานโดย Global Cement and Concrete Association (GCCA) หน่วยงานระดับนานาชาติชั้นนำของอุตสาหกรรมซึ่งมุ่งเน้นไปที่การช่วยให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ทั่วโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรลุเป้าหมายบรรลุเป้าหมายคอนกรีตที่มีคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในที่สุด

การสมัครกำลังได้รับความสนใจจากสตาร์ทอัปทั่วโลก ที่สนใจในการทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาการติดตามการใช้และการจัดเก็บคาร์บอน สำหรับซีเมนต์และคอนกรีตที่มีคาร์บอนต่ำ มีการแสวงหาเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรม ซึ่งรวมถึงกระบวนการที่ถูกรวบรวมและการใช้และการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปลายท่อ และช่วยป้องกันไม่ให้คาร์บอนถูกปล่อยออกไปที่ชั้นบรรยากาศ

นี่จะเป็น Innovandi Open Challenge ครั้งที่สามและสร้างขึ้นมาจากความสำเร็จของปีก่อนๆ ชาเลนจ์ครั้งแรกในปี 2022 ก็มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน และมีสตาร์ทอัปสองรายได้ไปถึงขั้นตอนนำร่องแล้ว สตาร์ทอัป 15 รายที่ได้รับเลือกใน Innovandi Challenge ครั้งที่ 2 เมื่อปีที่แล้ว ที่จะทำงานในการพัฒนาคอนกรีตที่มีคาร์บอนต่ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับผู้ผลิตในการจัดตั้งพันธมิตร

Claude Loréa ผู้อำนวยการ GCCA’s Cement, Innovation and ESG กล่าวว่า “อุตสาหกรรมของเรามีพันธะในการบรรลุคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์และการพัฒนาเทคโนโลยีดักจับคาร์บอนเป็นส่วนสำคัญของงานนั้น โครงการ Innovandi Opem Challenge ขั้นนำระดับโลกของเราได้มีความคืบหน้าที่สำคัญทั้งที่เพิ่งผ่านไปได้สองปี ด้วยความร่วมมือกันของเหล่าสตาร์ทอัปและบริษัทสมาชิกของเรา เราเฝ้ารอที่จะดูว่าผู้สมัครปีนี้จะนำพาอะไรมา เพื่อสร้างผลงานอันแพร่หลายที่กำลังดำเนินอยู่ทั่วโลก”

สมาชิก GCCA ทั้งหมดที่คิดเป็นสัดส่วน 80% ของกำลังการผลิตซีเมนต์ทั่วโลกนอกประเทศจีน และผู้ผลิตจีนชั้นนำจำนวนหนึ่ง มีความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ด้วยกลยุทธ์  Concrete Future 2050 Net Zero ของ GCCA อุตสาหกรรมระดับโลกแห่งแรกที่กำหนดแผนที่มีรายละเอียดชัดเจน นอกจากนี้ GCCA ยังเพิ่งลงนามสัญญาใหม่ในการทำงานร่วมกันเกี่ยวกับการลดคาร์บอนกับ China Cement Association (CCA)

การพัฒนาเทคโลยีใหม่เป็นส่วนสำคัญในกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และเทคโนโลยีการจับและกักเก็บคาร์บอนคาดว่าจะคิดเป็นประมาณ 36% ของการลดการปล่อยก๊าซทั้งหมดภายในปี 2050

โรงงานซีเมนต์ระดับอุตสาหกรรมแห่งแรกของอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนมีกำหนดจะแล้วเสร็จด้วยเครื่องจักรที่ไซต์งาน Heidelberg Materials ในเมืองเบรวิค ประเทศนอร์เวย์ ภายในปี 2024 ด้วยการคาดการณ์ว่าจะมีโรงงานเปิดเพิ่มอีกหลายแห่งภายในปี 2030

Thomas Guillot ผู้บริหารระดับสูงของ GCCA กล่าวว่า “เรารู้อยู่แล้วว่าเทคโนโลยีของ CCUS ใช้งานได้ ด้วยโครงการนำร่องและโครงการอื่นๆ ที่กำลังดำเนินการทั่วโลก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการดูว่ามีนวัตกรรมอื่นอะไรบ้างที่นอกเหนืออุตสาหกรรมของเรา ที่อาจช่วยเร่งภารกิจคาร์บอนเป็นศูนย์ของเรา

“เราสนับสนุนการสมัครจากสตาร์ทอัปตัวโลกให้เข้าร่วมในการต่อสู่อันเร่งด่วนเพื่อจำกัดภาวะโลกร้อน ถ้าคุณเป็นสตาร์ทอัปจากออสเตรียไปจนถึงออสเตรเลีย จากบราซิลไปจนถึงบังกลาเทศ ที่มีแนวคิดนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีเพื่อพัฒนา CCUS ให้ดียิ่งขึ้น ถ้าแบบนั้นคุณก็ควรสมัคร”

Jonathan Cool ซีอีโอแห่ง Ultra High Materials บริษัทสตาร์ทอัปแห่งหนึ่งที่เข้าร่วมเมื่อปีที่แล้ว ได้สนับสนุนให้บริษัทอื่นๆ มาสมัคร “การสนับสนุน คำแนะนำ การเปิดรับสมาชิก GCCA และการอำนวยความสะดวกในโอกาสในการทำงานร่วมกันกับ GCCA เป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และส่งผลที่มีประโยชน์แก่พวกเราทุกคน ถ้ามีโอกาสให้ทำทั้งหมดอีกครั้ง เราก็คงจะทำแน่นอน”

สตาร์ทอัปที่สนใจในการสมัคร Innovandi Open Challenge ครั้งที่ 3 สามารถคลิกที่นี่ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม ระยะเวลาสมัครสิ้นสุด 15 เมษายน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

รายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอสัมภาษณ์ ให้ติดต่อ:
Simon Thomson, Head of Media, GCCA simon.thomson@gccassociation.org / +44 7380 972282

ที่มา: Global Cement and Concrete Association

Norths Collective มีการปรับแต่งประสบการณ์เฉพาะตัวสำหรับสมาชิกกว่า 61,000 ราย และเร่งการขยายตัวด้วย Boomi

Logo

กลุ่มฝ่ายต้อนรับและการออกกำลังกายแบบไดนามิกใน NSW มีการใช้ Boomi เพื่อเชื่อมต่อสภาพแวดล้อมดิจิทัลและสร้างรากฐานสำหรับการวิเคราะห์ธุรกิจ

SYDNEY–(BUSINESS WIRE)–20 กุมภาพันธ์ 2024

Boomi™ ผู้นำด้านการบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ มีการประกาศในวันนี้ว่า Norths Collective มีการใช้ แพลตฟอร์ม Boomi เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์เฉพาะตัวสำหรับสมาชิก ส่งเสริมการดำเนินงานในแต่ละวัน และเร่งการขยายตัวโดยการควบรวมอุตสาหกรรม

Norths Collective Personalizes 61,000 Members’ Experiences, Expedites Expansion With Boomi (Graphic: Business Wire)

Norths Collective มีการปรับแต่งประสบการณ์เฉพาะตัวสำหรับสมาชิกกว่า 61,000 ราย และเร่งการขยายตัวด้วย Boomi (กราฟิก: Business Wire)

Norths Collective คือกลุ่มสถานบริการแปดแห่งและศูนย์ออกกำลังกายอีกสองแห่งที่สมาชิกเป็นเจ้าของ โดยตั้งอยู่ที่ชายฝั่งทางเหนือของ Sydney และทางตอนเหนือของ New South Wales ในฐานะธุรกิจที่แสวงหาผลกำไร ผลกำไรของ Norths Collective จะได้รับการคืนกลับไปสู่สมาชิกและชุมชน โดยบริการดิจิทัล Norths Collective มีการใช้แพลตฟอร์มบูรณาการของ Boomi ในฐานะบริการ (iPaaS) เพื่อช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล โดยอนุญาตให้สามารถเชื่อมต่อระบบที่แยกจากกัน รวมศูนย์ข้อมูลการปฏิบัติงานและข้อมูลสมาชิกที่ศูนย์กลาง และปรับปรุงการตัดสินใจทางธุรกิจ

ปีนี้จะเป็น ‘ปีแห่งการเพิ่มประสิทธิภาพการบูรณาการ’ สำหรับ Norths เพื่อสร้างแนวทางปฏิบัติด้านการวิเคราะห์ธุรกิจที่จะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้ากว่า 61,000 ทั่วทั้งฐานสมาชิกที่มีอยู่ โดยจะช่วยให้เราสามารถปรับปรุงวิธีการบริหารสถานที่ของเรา ตรวจสอบให้แน่ใจว่า มีการปรับการมีส่วนร่วมให้เหมาะกับความต้องการของสมาชิก และทำให้การเข้าถึงสถานที่และศูนย์ออกกำลังกายของเราได้อย่างง่ายดายเท่าที่เป็นไปได้” Robert Lopez ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายแบรนด์เพื่อสร้างประสบการณ์ของลูกค้าและนวัตกรรมที่ Norths Collective กล่าว “การบรรลุเป้าหมายทั้งหมดนี้เริ่มต้นและสิ้นสุดด้วยการบูรณาการของเรา  Boomi เป็นตัวกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของเรา ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำเสนอมุมมองแบบ 360 องศา ใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น และขับเคลื่อนการตัดสินใจทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น”

Boomi ช่วยเสริมให้ Norths Collective สามารถบูรณาการ Salesforce เข้ากับแอปพลิเคชันที่ใช้สำหรับสถานที่ให้บริการและร้านอาหาร ฟิตเนสเซ็นเตอร์ การจองตั๋วและอีเว้นท์ต่างๆ จุดขาย และที่สำคัญที่สุดคือ โปรแกรมการเป็นสมาชิก และแอปมือถือรุ่นใหม่ ล่าสุด Norths Collective มีการบูรณาการ Tableau เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การวิเคราะห์ธุรกิจ และวางแผนที่จะรวมทรัพยากรบุคคล (HR) และบัญชีรายชื่อ ฝ่ายการเงินและการบัญชี ระบบซัพพลายเออร์ การจัดการความเสี่ยงขององค์กร (ERM) ระบบโทรศัพท์ และโซเชียลมีเดียในอนาคตอันใกล้นี้

ก่อนที่จะมี Boomi Norths Collective มีการจัดการการบูรณาการแบบจุดต่อจุดจำนวนมากด้วยตัวเอง แม้ว่าหลายระบบจะมีการดำเนินการอย่างเป็นอิสระต่อกันอย่างสมบูรณ์ก็ตาม ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความสามารถของบริษัทในการเข้าถึงพฤติกรรมของสมาชิก และทำให้การนำเสนอบริการใหม่ๆ ได้ช้าลง

สภาพแวดล้อมที่เชื่อมต่อกับ Boomi ของ Norths Collective สร้างข้อได้เปรียบหลายประการ ปัจจุบันนี้ อีเมลทุกฉบับที่ส่งถึงสมาชิกจะได้รับการปรับแต่งเฉพาะสำหรับแต่ละสมาชิก ส่งผลให้มีการคลิกเพิ่มขึ้นถึง 10 เปอร์เซนต์ ด้วยการเปิดเผยข้อมูลที่สมบูรณ์ ช่วยให้ Norths Collective สามารถพัฒนาและแบ่งปันนโยบายการปรับเปลี่ยนเฉพาะตัวบุคคลอย่างมีจริยธรรมแก่ชุมชน พร้อมรายละเอียดวิธีการที่องค์กรใช้ข้อมูลอย่างมีจริยธรรม ในแผนงานอนาคต สถานที่จัดงานของ Norths Collective จะช่วยให้ผู้จัดการตามระดับขั้นสามารถมองเห็นภาพการจัดสรรพนักงานด้วยธุรกรรมแบบเรียลไทม์ เพื่อให้แน่ใจว่า มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ Boomi จะให้การสนับสนุนความมุ่งมั่นของ Norths Collective ในการผสานรวม Apple Pay และ Google Pay เข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถปรับเสริมและปรับปรุงการสมัครสมาชิกได้อย่างง่ายดาย โดยมีขั้นตอนการชำระเงินที่รวดเร็วและง่ายดาย

Boomi ยังมีบทบาทสำคัญในการขยายตัวของ Norths Collective โดยการเร่งดำเนินการเพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ อย่างรวดเร็วหลังการควบรวมกิจการ ดังที่กล่าวมา Norths Collective มีการวางแผนการควบรวมกิจการเพิ่มเติมในปีต่อๆ ไป โดยที่สมาชิกใหม่ที่ควบรวมเข้าด้วยกันจะสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์แบบเดียวกันกับสมาชิกที่มีอยู่อย่างรวดเร็ว

“ความสามารถในการขยายขนาดของเราได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ เราใช้เวลา 10 สัปดาห์ในการเปิดใช้สถานที่ใหม่และรวมเข้าในภูมิทัศน์ดิจิทัลของเรา” Lopez กล่าว “ปัจจุบันนี้ เราสามารถลดระยะเวลาลงได้เหลือสามสัปดาห์ – นั่นหมายถึง เราลดระยะเวลาในการเปิดตัวสู่ตลาดถึง 70 เปอร์เซนต์ Boomi ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อระบบที่แยกจากกันก่อนหน้านี้เข้ากับ Salesforce ได้แบบเรียลไทม์ ดังนั้น จึงไม่ต้องแยกข้อมูลออกจากกันอีกต่อไป และด้วยการบูรณาการแบบเรียลไทม์นี้ สมาชิกใหม่ก็สามารถเข้าถึงแอปของเราได้ในทันทีที่เข้าร่วม”

Nathan Gower ผู้อำนวยการของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่ Boomi กล่าว “ประสบการณ์ของลูกค้าสามารถสร้างหรือทำลายธุรกิจของเราได้ คุณภาพในทุกการปฏิสัมพันธ์ ไม่ว่าจะต่อหน้า ผ่านแอป หรือออนไลน์ ล้วนเป็นตัวกำหนดแนวโน้มในการกลับมาอีกครั้งของผู้บริโภค Norths Collective มีการกำหนดมาตรฐานสำหรับประสบการณ์ของลูกค้าว่าควรเป็นเช่นไร ด้วยการเชื่อมต่อ Boomi เข้ากับระบบดิจิทัลทั้งหมด กลุ่มสมาชิกจึงมีความเข้าใจอย่างแท้จริงในความต้องการของลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน เพื่อให้แน่ใจว่า การเข้าใช้งานแต่ละครั้งของลูกค้าจะได้รับความประทับใจในเชิงบวก”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ขับเคลื่อนอนาคตของธุรกิจด้วยการบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ในฐานะบริษัทซอฟต์แวร์และบริการชั้นนำ (SaaS) ระดับโลก Boomi เฉลิมฉลองในวาระที่มีลูกค้าทั่วโลกกว่า 20,000 คนและมีเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลก 800 ราย องค์กรต่างๆ หันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi ในการเชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชัน ข้อมูล และผู้คน เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2024 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘B’, และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทในเครือ หรือบริษัทสาขา สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53893507/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ:
Jasmine Ee
Head of Influencer Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งข้อมูล: Boomi, Inc.

Cessna Skycourier ของ Textron Aviation ได้รับเลือกจาก Hinterland Aviation สําหรับการขยายฝูงบิน ปฏิวัติการเชื่อมต่อระดับภูมิภาคในออสเตรเลีย

Logo

เมืองวิชิทอ รัฐแคนซัส–(BUSINESS WIRE)–19 กุมภาพันธ์ 2024

วันนี้ Textron Aviation ได้ประกาศข้อตกลงซื้อเครื่องบินโดยสาร Cessna SkyCourier ลำแรกในออสเตรเลีย ให้กับสายการบินระดับภูมิภาค Hinterland Aviation เครื่องบินลำดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะส่งมอบในปี 2026 จะเพิ่มเข้าในฝูงบิน Cessna Grand Caravans ที่กว้างขวางของ Hinterland เพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้มากขึ้นและเพิ่มที่นั่งผู้โดยสาร การขยายฝูงบินนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อชุมชนห่างไกล ตลอดจนภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจในรัฐควีนส์แลนด์

Cessna SkyCourier (Photo: Business Wire)

Cessna SkyCourier (ภาพ: Business Wire)

Cessna SkyCourier ได้รับการออกแบบและผลิตโดย Textron Aviation Inc. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Textron Inc. (NYSE:TXT)

"ประสิทธิภาพที่น่าทึ่งของ SkyCourier ทําให้เป็นเครื่องมือทางธุรกิจที่เชื่อถือได้สําหรับลูกค้าทั่วโลก" Lannie O'Bannion รองประธานอาวุโสฝ่ายขายและปฏิบัติการการบินทั่วโลกกล่าว "ด้วยความสามารถในการบรรทุก บิน ขนถ่าย และทําซ้ำ — พร้อมด้วยต้นทุนการดําเนินงานที่ต่ำและความยืดหยุ่นในห้องโดยสารสูงสุด — SkyCourier เป็นผู้เปลี่ยนเกมในการเชื่อมต่อระดับภูมิภาค คําสั่งซื้อนี้ไม่เพียงแต่แสดงความสามารถที่ไม่มีใครเทียบได้ของ SkyCourier ทั่วโลก แต่ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Textron Aviation ในการนําเสนอโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของอุตสาหกรรมการบิน"

Cessna SkyCourier ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ความน่าเชื่อถือที่ไม่เปลี่ยนแปลง และการบํารุงรักษาที่คุ้มค่า ด้วยความสามารถในการควบคุมโดยนักบินคนเดียว และความสามารถในการบรรทุกสินค้าได้มาก SkyCourier จึงเป็นโซลูชั่นที่ดีที่สุดสําหรับการขนส่งสินค้าทางอากาศ ผู้โดยสาร และภารกิจพิเศษ เครื่องบินสามารถปรับตัวได้สูง และสามารถปรับการกําหนดค่าได้อย่างง่ายดายเพื่อให้ภารกิจต่างๆ สําเร็จลุล่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรับประกันผลตอบแทนจากการลงทุนที่สําคัญ

"เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศคําสั่งซื้อ Cessna SkyCourier ใหม่ของเรา เครื่องบินลํานี้จะเป็นส่วนเสริมอันทรงคุณค่าสําหรับฝูงบินของเรา ช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ด้วยพื้นที่สําหรับผู้โดยสาร 19 คน และสามารถเข้าถึงรันเวย์ระยะไกลได้" Andrew Clair ซีอีโอของ Hinterland Aviation กล่าว "SkyCourier จะทําหน้าที่เป็นเครื่องมือสําคัญในการช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโต และเราจะภูมิใจที่ได้เป็นลูกค้าสายการบินรายแรกในออสเตรเลียที่ใช้งานเครื่องบินลํานี้"

เกี่ยวกับ Cessna SkyCourier

Cessna SkyCourier เครื่องยนต์เทอร์โบพร็อป 2 เครื่องยนต์ ปีกสูง นําเสนอการผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพและต้นทุนการดําเนินงานที่ต่ำกว่า สําหรับการขนส่งทางอากาศ ผู้โดยสาร และผู้ปฏิบัติภารกิจพิเศษ มีให้เลือกทั้งแบบขนส่งสินค้าและรุ่นผู้โดยสาร รุ่นผู้โดยสาร 19 คนประกอบด้วยประตูลูกเรือและผู้โดยสาร เพื่อการขึ้นเครื่องที่ราบรื่น รวมถึงหน้าต่างห้องโดยสารขนาดใหญ่สําหรับรับแสงธรรมชาติและทิวทัศน์ การกําหนดค่าทั้งสองแบบมีการเติมเชื้อเพลิงด้วยแรงดันจุดเดียวเพื่อให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

รุ่นบรรทุกสินค้ามีประตูขนาดใหญ่และห้องโดยสารพื้นราบที่มีขนาดเพื่อรองรับตู้ขนส่งสินค้า LD3 ได้ถึงสามตู้ โดยสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 6,000 ปอนด์

เครื่องบินลํานี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบพร็อป Pratt & Whitney PT6A-65SC สองเครื่องติดปีก และมี McCauley Propeller C779 ซึ่งเป็นใบพัดอะลูมิเนียมสี่ใบขนาด 110 นิ้วสําหรับงานหนักและเชื่อถือได้ ซึ่งเป็นใบพัดชนิดความเร็วรอบคงที่พร้อมระยะพิชท์ที่พลิกกลับได้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องบินในขณะที่บรรทุกสิ่งของจำนวนมหาศาล SkyCourier ทํางานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์การบิน Garmin G1000 NXi และมีความเร็วในการบินไปเรื่อยๆ สูงสุดมากกว่า 200 ktas SkyCourier มีพิสัยบินสูงสุด 900 ไมล์ทะเล

เกี่ยวกับ Textron Aviation

เราเป็นแรงบันดาลใจในการเดินทางของการบิน เป็นเวลากว่า 95 ปีที่ Textron Aviation Inc. ซึ่งเป็น บริษัทในเครือ Textron Inc. ได้เพิ่มศักยภาพให้กับผู้มีความสามารถโดยรวมของเราในแบรนด์ Beechcraft, Cessna และ Hawker เพื่อออกแบบและมอบประสบการณ์การบินที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีทุกอย่างตั้งแต่เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว เทอร์โบพร็อป และลูกสูบมรรถนะสูง ไปจนถึงภารกิจพิเศษ ผู้ฝึกสอนทางทหาร และผลิตภัณฑ์ด้านการป้องกัน Textron Aviation มีกลุ่มผลิตภัณฑ์การบินที่หลากหลายและครอบคลุมมากที่สุดในโลก และมีพนักงานที่ผลิตเครื่องบินการบินทั่วไปมากกว่าครึ่งหนึ่งทั่วโลก ลูกค้าในกว่า 170 ประเทศไว้วางใจในประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความเก่งกาจที่เป็นตํานานของเรา พร้อมด้วยเครือข่ายการบริการลูกค้าทั่วโลกที่เชื่อถือได้ของเรา สําหรับเที่ยวบินราคาประหยัดและยืดหยุ่น สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.txtav.com | www.defense.txtav.com | www.scorpionjet.com

เกี่ยวกับ Textron Inc.

Textron Inc. เป็นบริษัทที่มีอุตสาหกรรมหลากหลายซึ่งใช้ประโยชน์จากเครือข่ายทั่วโลกของธุรกิจเครื่องบิน การป้องกันอุตสาหกรรม และการเงิน เพื่อมอบโซลูชั่นและบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่แก่ลูกค้า Textron เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากแบรนด์ที่ทรงพลัง เช่น Bell, Cessna, Beechcraft, Pipstrel, Jacobsen, Kautex, Lycoming, E-Z-GO, Arctic Cat, Textron Systems และ TRU Simulation + Training สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: www.textron.com

ข้อความบางอย่างในข่าวประชาสัมพันธ์นี้อาจคาดการณ์รายได้ หรืออธิบายกลยุทธ์ เป้าหมาย แนวโน้ม หรือเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่อิงประวัติศาสตร์ ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้กล่าวถึง ณ วันที่จัดทำเท่านั้น และเราไม่มีข้อผูกมัดในการปรับปรุงข้อความดังกล่าว ข้อความเหล่านี้อยู่ภายใต้ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ ที่ทราบและไม่ทราบ ซึ่งอาจทําให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงของเราแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญ จากข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่แสดงหรือบอกเป็นนัย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเฉพาะ การเปลี่ยนแปลงกําหนดการส่งมอบเครื่องบิน หรือการยกเลิก หรือการเลื่อนคําสั่งซื้อ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53897724/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ:
Lauren Loughran
+1.316.213.1325
Lloughran@txtav.com
txtav.com

ที่มา: Textron Aviation

Cessna Grand Caravan EX Amphibian ขยายพื้นที่ครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการจัดส่งภายในมาเลเซีย

Logo

WICHITA, Kan.–(BUSINESS WIRE)–18 กุมภาพันธ์ 2024

Textron Aviation ประกาศในวันนี้เกี่ยวกับการจัดส่งเครื่องบินพร็อพสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก Cessna Grand Caravan EX Amphibian ให้กับบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของมาเลเซีย Ikhasas Sdn Bhd ผ่าน Oriental Sky Sdn Bhd ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ โดยมีการบริหารเครื่องบินและการดำเนินงานโดย Systematic Aviation Services (SAS) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเช่าเหมาลำในท้องถิ่น โดยจะมีการใช้เครื่องบินนี้ในการขนส่งผู้โดยสารระหว่างเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์และรีสอร์ทริมน้ำแห่งใหม่บนเกาะ Perhentian นอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีบ โดยจะเป็นการดำเนินงานด้วยเครื่องบินสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกครั้งแรกของประเทศในประวัติการณ์ หลังจากได้รับการอนุมัติจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งมาเลเซียให้เริ่มดำเนินงานภายในประเทศได้ในปี 2024 นี้

Oriental Sky’s Grand Caravan EX Amphibian (Photo: Business Wire)

Grand Caravan EX Amphibian สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกของ Oriental Sky (ภาพถ่าย: Business Wire)

Cessna Grand Caravan EX Amphibian ได้รับการออกแบบและผลิตโดย Textron Aviation Inc. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Textron Inc. (NYSE:TXT)

Ir. Tan Chee Kian กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท Ikhasas กล่าวว่า “เครื่องบินสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกเป็นวิธีการเดินทางไปยังหมู่เกาะ Perhentian ที่สะดวกที่สุด ปัจจุบัน ใช้เวลาเดินทางบนถนน 6 ชั่วโมง ตามด้วยการนั่งเรือเฟอร์รรี่ข้ามฟากจากท่าเรือใน Kuala Besut อีกหนึ่งชั่วโมง โดยเครื่องบินโดยสาร 11 ที่นั่งของเรานี้ จะช่วยให้ผู้โดยสารประหยัดเวลาในการเดินทางได้มากขึ้น เนื่องจากจะมีการขนส่งผู้โดยสารจากกัวลาลัมเปอร์ไปยังหมู่เกาะใกล้กับรีสอร์ทริมชายหาดได้โดยตรง ในขณะเดียวกัน ก็ยังสามารถรักษาสภาพแวดล้อมที่บริสุทธิ์และป่าธรรมชาติของเกาะ โดยไม่มีการโค่นต้นไม้เพื่อสร้างสนามบินในพื้นที่ดังกล่าว”

“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ Grand Caravan EX Amphibian ได้รับการคัดเลือก ความคล่องตัวและเศรษฐกิจพร้อมการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมทำให้ Ikhasas กลายเป็นพันธมิตรที่สมบูรณ์แบบเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้วยห้องโดยสารที่สะดวกสบาย หน้าต่างบานใหญ่สำหรับเที่ยวชมรอบๆ และลอยตัวอยู่ ทำให้สามารถขึ้นและลงได้ทุกที่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับภารกิจของพวกเขา” Tony Jones รองประธานฝ่ายขายระหว่างประเทศ (เอเชียแปซิฟิก) กล่าว “มาเลเซียยังเป็นตลาดที่สำคัญของ Textron Aviation โดยผลิตภัณ์ของเราเป็นผู้นำฐานการติดตั้ง และคิดเป็นจำนวนกว่า 40% ของเครื่องบินการบินทั่วไปของประเทศ ลูกค้าของเราในมาเลซียใช้ผลิตภัณฑ์ของเราในการดำเนินงานที่หลากหลาย รวมถึงการขนส่งผู้โดยสารระดับ VIP การท่องเที่ยว และภารกิจพิเศษอื่นๆ เช่น รถพยาบาลทางอากศ และการดิ่งพสุธา”

เกี่ยวกับ Cessna Grand Caravan EX 
แพลตฟอร์ม Cessna Caravan มีการจัดส่งเครื่องบินกว่า 3,000 ลำที่ผ่านการรับรองใน 100 ประเทศ โดยมีชั่วโมงบินเกือบ 24 ล้านชั่วโมงทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดตัวเครื่องบิน Caravans มีบทบาทหลักในภารกิจต่างๆ ทั้งการฝึกบินไปจนถึงเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ เป็นทั้งสายการบินโดยสารไปจนถึงการขนส่งผู้โดยสารระดับ VIP การขนส่งสินค้า และภารกิจด้านมนุษยธรรม เครื่องบิน Grand Caravan EX เป็นที่รู้จักกันในด้านประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้และมีความสามารถมากในกลุ่มสายการบินระดับภูมิภาค ผู้ดำเนินการเช่าเหมาลำ ผู้ขนส่งสินค้า และผู้ปฏิบัติงานภารกิจพิเศษทั่วโลก เครื่องบินลำนี้มีกำลัง 867 แรงม้า และอัตราการไต่ระดับอยู่ที่ 1,275 ฟุตต่อนาที

ความเป็นไปได้ของภารกิจพิเศษที่ไม่มีที่สิ้นสุด 
เมื่อลูกค้าภาครัฐ การทหาร และเชิงพาณิชย์มีความต้องการโซลูชันทางอากาศสำหรับภารกิจสำคัญ ทุกคนจะมาที่ Textron Aviation โซลูชันทางการบินของบริษัทมีสมรรถนะสูงและมีคุณสมบัติที่จำเป็นและรองรับความต้องการสำหรับความท้าทายเฉพาะตัวใยการปฏิบัติการภารกิจพิเศษ ด้วยคุณภาพที่เหนือชั้น ความคล่องตัว และต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำ ผลิตภัณฑ์ของ Textron Aviation จึงได้รับเลือกสำหรับรถพยาบาลทางอากศ ISR การขนส่งด้านสาธารณูปโภค การสำรวจทางอากาศ การตรวจสอบเที่ยวบิน การฝึกอบรม และการปฏิบัติการพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย

เกี่ยวกับ Textron Aviation 
เราสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางทางอากาศ เป็นเวลากว่า 95 ปี ที่ Textron Aviation ได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้เชี่ยวชาญของเราสำหรับแบรนด์ Beechcraft, Cessna และ Hawker โดยมีการออกแบบและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าของเรา ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกอย่าง ตั้งแต่เครื่องบินไอพ่น เทอร์โบพร็อพ และลูกสูบสมรรถนะสูง ไปจนถึงภารกิจพิเศษ การฝึกอบรมทางการทหาร และผลิตภัณฑ์สำหรับการป้องกัน Textron Aviation มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการบินที่ครอบคลุมและหลากหลายมากที่สุดในโลก และมีกำลังในการผลิตเครื่องบินโดยทั่วไปมากกว่าครึ่งหนึ่งของเครื่องบินทั่วโลก ลูกค้าในกว่า 170 ประเทศไว้วางใจในประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความคล่องตัวที่เป็นตำนานของเรา พร้อมด้วยเครือข่ายการบริการลูกค้าระดับโลกที่เชื่อถือได้ เพื่อรองรับเที่ยวบินราคาประหยัด มีประสิทธิผล และมีความยืดหยุ่น

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.txtav.com defense.txtav.com scorpion.txtav.com

เกี่ยวกับ Textron 
Textron เป็นบริษัทที่รอบรับอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ซึ่งใช้ประโยชน์จากเครือข่ายทั่วโลกสำหรับธุรกิจเครื่องบิน ระบบการป้องกัน อุตสาหกรรม และการเงิน เพื่อโซลูชันและบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่แก่ลูกค้า Textron เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เช่น Bell, Cessna, Beechcraft, Pipistrel, Jacobsen, Kautex, Lycoming, E-Z-GO, Arctic Cat และ Textron Systems สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.textron.com

ข้อความบางส่วนในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งอาจเป็นการคาดการณ์รายได้หรืออธิบายถึงกลยุทธ์ของโครงการ เป้าหมาย แนวโน้ม หรืออื่นๆ ที่ไม่อิงประวัติศาสตร์ ข้อความเหล่านี้อ้างอิงเฉพาะวันที่ที่รายงานเท่านั้น และเราไม่มีข้อผูกพันในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความที่คาดการณ์ใดๆ ข้อคามนี้อาจเปลี่ยนแปลงตามความเสี่ยงที่อาจมีหรืออาจไม่ได้คาดการณ์ไว้ รวมถึงความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงของเราเกิดความแตกต่างเป็นอย่างมากจากข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่แสดงไว้หรือเป็นนัย รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะการเปลี่ยนแปลงในตารางการส่งมอบเครื่องบินหรือการยกเลิกหรือการเลื่อนคำสั่งซื้อ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53897660/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ:
Doug Scott
+1.316.347.0116
dscott2@txtav.com
txtav.com

แหล่งข้อมูล: Textron Aviation

Celigo และ Netizen นําเสนอโซลูชันการบูรณาการ ที่ได้รับการปรับปรุงทั่วทั้ง APAC

Logo

เรดวูดซิตี้ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–16 กุมภาพันธ์ 2024

Celigo, ผู้นําในภาค Integration Platform as a Service (iPaaS) ประกาศความสําเร็จอย่างต่อเนื่องในเอเชียแปซิฟิก (APAC) ผ่านการเป็นพันธมิตรกับ Netizen ซึ่งเป็น SAP Platinum Partner ระดับแนวหน้า ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องนี้สัญญาว่าจะช่วยยกระดับสถานะทางการตลาดของ Celigo ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการบูรณาการแพลตฟอร์มขั้นสูงของ Celigo ไว้ในวาระการปฏิรูปเทคโนโลยีทางธุรกิจ (BTX) ของ Netizen ความร่วมมือดังกล่าวได้ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการดําเนินงานและนวัตกรรมสําหรับผู้ใช้ SAP ทั่วทั้งภูมิภาคแล้ว

"เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Celigo ซึ่งระบบบูรณาการสอดคล้องกับระบบปฏิบัติการ SAP ของเราอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการรวมระบบเหล่านี้ เราสามารถเพิ่มมูลค่าและสร้างมูลค่าทางธุรกิจในโดเมนต่างๆ ได้โดยไม่มีข้อจํากัดในการเชื่อมต่อข้อมูล" Seree Satukijchai ซีอีโอของ Netizen กล่าว

ความร่วมมือซึ่งได้ประกาศไปเมื่อปีที่แล้วได้ช่วยให้ Netizen ปรับปรุงกระบวนการภายในและปรับปรุงบริการที่มอบให้กับลูกค้า Celigo มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ Netizen ขยายส่วนแบ่งการตลาด ปรับปรุงความคิดริเริ่มในการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนปรับแต่งกลยุทธ์การขายและการตลาด

นอกจากนี้ Netizen ยังสามารถเปลี่ยนทรัพยากรไปสู่กิจกรรมสร้างรายได้ที่ขับเคลื่อนการเติบโต แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาการบูรณาการภายใน แต่ตอนนี้พวกเขาใช้ประโยชน์จากความสามารถแบบบูรณาการของ Celigo เพื่อช่วยเหลือลูกค้าของตนได้อย่างราบรื่น การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้ Netizen สามารถเริ่มต้นการเดินทาง Business Technology Transformation (BTX) ที่แท้จริงได้

"ด้วยข้อจํากัดที่น้อยลง เราสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่สําคัญของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ของเรา ขณะนี้ทีมงานของเรามีอิสระในการใช้ความเชี่ยวชาญของพวกเขากับความคิดริเริ่มที่ไม่เพียง แต่สนับสนุนธุรกิจของเราเท่านั้น แต่ยังขยายการให้บริการของเราด้วย ความร่วมมือของ Celigo ไม่เพียงแต่ปรับปรุงการดําเนินงานในแต่ละวันของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราปรับขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถส่งมอบคุณค่าที่มากขึ้นให้กับลูกค้าของเรา”

ลูกค้าของ Netizen ได้รับประโยชน์อย่างมากจากการใช้ Celigo ผ่านโซลูชัน "HoneyConn" ที่พัฒนาร่วมกัน การบูรณาการ Celigo เข้ากับการดําเนินงานของพวกเขาได้ลดเวลาที่ต้องใช้ในการทำงาน ลดจํานวนบุคลากรที่ต้องการ ปรับปรุงประสิทธิภาพการทํางาน ลดข้อผิดพลาดในการบูรณาการข้อมูล และเพิ่มมูลค่าให้กับงานของพวกเขา

หนึ่งในลูกค้าดังกล่าวคือ Do Day Dream PLC ผู้ผลิตและจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามรายใหญ่ Netizen ประสบความสําเร็จในการใช้ HoneyConn เพื่อเชื่อมต่อระบบบันทึกข้อมูล POS กับ SAP เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกรรมของพวกเขาจะอัปเดตแบบเรียลไทม์ หัวหน้าฝ่ายการจัดจําหน่ายทางกายภาพและ MIS &IT ของ Do Day Dream ให้ความเห็นว่า "HoneyConn (Celigo) เป็นเครื่องมือที่ทําให้งานยากเป็นเรื่องง่าย”

ในปีหน้า Netizen และ Celigo วางแผนที่จะขยายโครงการ HoneyConn ผ่านโซลูชัน HoneyConn Out of the Box ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการบูรณาการ HoneyConn เข้ากับระบบอีคอมเมิร์ซต่างๆ โซลูชันนี้จะใช้ได้กับลูกค้าทั่วเอเชีย รวมถึงแพลตฟอร์มอย่าง TikTok, Shopee และ Lazada เพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตของการขายสินค้าออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น

"ด้วยการเป็นพันธมิตรและความร่วมมือของเรา เราสามารถปรับปรุงการบูรณาการข้อมูลสําหรับลูกค้า SAP ทําให้พวกเขาสามารถเชื่อมต่อ SAP กับการทํางานของระบบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย" George Polyzos รองประธาน APAC ของ Celigo กล่าว "เราภูมิใจกับงานที่เราทําสําเร็จกับ Netizen จนถึงตอนนี้ และตั้งตารอที่จะนํานวัตกรรมใหม่ๆ  มาปรับปรุงระบบอัตโนมัติทางธุรกิจสู่ตลาด APAC "

เมื่อมองไปข้างหน้า Netizen มีแผนระยะยาวสําหรับระบบอัตโนมัติ รวมถึงการสอน Celigo ให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยปีสุดท้าย การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศ (COE) สําหรับเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ และขยายโครงการริเริ่มด้านระบบอัตโนมัติไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น

Netizen ยังคงสร้างสรรค์และพัฒนาโซลูชันที่รวมระบบ SAP เข้ากับระบบปฏิบัติการต่างๆ เพื่อรองรับการขยายและการเติบโตของธุรกิจ การเป็นพันธมิตรกับ Celigo เป็นส่วนสําคัญของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่กำลังดำเนินอยู่นี้

"ตลอดการเป็นพันธมิตรของเรา การสนับสนุนของ Celigo ยังคงไม่มีอะไรพิเศษเลย" Seree Satukijchai ให้ความเห็น "พวกเขาให้วิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็ว และให้ความช่วยเหลือเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยส่งเสริมความยืดหยุ่นในการดําเนินงานของเรา และรับประกันความต่อเนื่องที่ราบรื่นของกระบวนการทางธุรกิจของเรา การสนับสนุนของพวกเขาได้กลายเป็นรากฐานที่สําคัญที่ขาดไม่ได้ของความสําเร็จที่ครอบคลุมของเรา"

เกี่ยวกับ Celigo

Celigo เป็นแพลตฟอร์มบูรณาการชั้นนําที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในฐานะบริการ (iPaaS) ที่ Celigo เราเข้าใจตลาดที่กําลังพัฒนาและเชื่อว่าทุกคนในองค์กรของคุณควรเข้าถึงการบูรณาการได้ แพลตฟอร์มของเราสร้างขึ้นสําหรับทั้งผู้ใช้สายงานธุรกิจและทีมงานด้านเทคนิค ส่งเสริมระบบอัตโนมัติในทุกระดับของธุรกิจ และทำให้เกิดการเติบโตและนวัตกรรมในวงกว้าง สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.celigo.com ติดตามเราได้ที่ LinkedIn,  X,  Facebook และ Instagram

เกี่ยวกับ Netizen

Netizen เป็น SAP Platinum Partner ชั้นนําที่ให้คําปรึกษาและนำระบบ SAP มาใช้มานานกว่า 20 ปี บริษัทให้ความสำคัญกับ Business Technology Transformation (BTX) บูรณาการเทคโนโลยีเพื่อรองรับการดําเนินงานของลูกค้าในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.netizen.co.th

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สื่อ
Alex Miller
fama PR for Celigo
Celigo@famapr.com

ที่มา: Celigo

การออกแบบเพื่อเท่าเทียม: แบบจําลองสําหรับการจัดการความเสี่ยงที่เลือกปฏิบัติของ AI

Logo

Mary Kay สนับสนุนมาตรฐานทางกฎหมายชุดใหม่เกี่ยวกับการออกแบบเพื่อเท่าเทียมที่บุกเบิกโดย Equal Rights Trust

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)--16 กุมภาพันธ์ 2024

ตั้งแต่ปี 2021 Mary Kay Inc. ได้ร่วมมือกับ Equal Rights Trust (ERT) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีภารกิจในการพัฒนาความเท่าเทียมกันผ่านกฎหมายทั่วโลก ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือนี้ Mary Kay Inc. ได้สนับสนุนการวิจัยใหม่ ที่มุ่งเน้นไปที่การทําความเข้าใจ และจัดการกับผลกระทบที่เลือกปฏิบัติของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และผลกระทบต่อความเท่าเทียมทางเพศ และการพัฒนา "แนวทางการออกแบบเพื่อเท่าเทียม" ใหม่

“Our collaboration with Equal Rights Trust underscores our dedication to ensuring that technological advancements, especially in AI, champion gender equality. The impact of the Principles on Equality by Design in Algorithmic Decision-Making has already been transformative for key stakeholders in AI and echoes our commitment to helping create an inclusive digital economy where women entrepreneurs can excel without bias or barriers,” said Melinda Foster Sellers, Chief People Officer at Mary Kay Inc. (Photo: Mary Kay Inc.)

"ความร่วมมือของเรากับ Equal Rights Trust ตอกย้ำถึงความทุ่มเทของเราในการสร้างความมั่นใจว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน AI สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ ผลกระทบของหลักการว่าด้วยการออกแบบเพื่อเท่าเทียมในการตัดสินใจด้วยอัลกอริทึมได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วสําหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักใน AI และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเรา ในการช่วยสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่ครอบคลุม ซึ่งผู้ประกอบการสตรีสามารถเป็นเลิศได้โดยปราศจากอคติหรืออุปสรรค” Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของ Mary Kay Inc. กล่าว (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

ความคิดริเริ่มนี้จบลงด้วยการเปิดตัวมาตรฐานทางกฎหมายชุดใหม่ – หลักการว่าด้วยการออกแบบเพื่อเท่าเทียมในการตัดสินใจด้วยอัลกอริทึม – พัฒนาโดย Equal Rights Trust และได้รับการรับรองโดยกลุ่มองค์กรความเสมอภาคระหว่างประเทศชั้นนํา หลักการนี้อธิบายอย่างละเอียดว่าเหตุใดรัฐบาลและภาคธุรกิจของประเทศต่างๆ จึงต้องนําแนวทางดังกล่าวมาใช้ และให้คําแนะนําโดยละเอียดสําหรับการนําไปปฏิบัติ

Jim Fitzgerald ผู้อํานวยการ Equal Rights Trust เพิ่งเผยแพร่บทความที่เน้นย้ำถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงของปัญญาประดิษฐ์ ในขณะเดียวกันก็เตือนเกี่ยวกับผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ และภัยคุกคามที่เลือกปฏิบัติที่ระบบอัลกอริทึมที่ไม่ได้รับการควบคุมอาจก่อให้เกิด

  • อ่านบทความของ Jim Fitzgerald เรื่อง การออกแบบเพื่อเท่าเทียม: แบบจำลองสำหรับการจัดการความเสี่ยงที่เลือกปฏิบัติของ AI ที่นี่

คําแถลงจาก Jim Fitzgerald ผู้อํานวยการ Equal Rights Trust และ Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของ Mary Kay Inc. มีดังต่อไปนี้:

  •      "ในช่วงสามปีที่ผ่านมา Mary Kay ได้สนับสนุนการวิจัย การวิเคราะห์ และการให้คําปรึกษาของเราเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติด้วยอัลกอริทึม และช่วยให้เราสามารถพัฒนาหลักการว่าด้วยการออกแบบเพื่อเท่าเทียม" Jim Fitzgerald ผู้อํานวยการ Equal Rights Trust กล่าว  "ตอนนี้ Mary Kay กําลังทํางานร่วมกับเราในขณะที่เราก้าวไปสู่ขั้นตอนต่อไป: ความพยายามร่วมกันในการพัฒนาแนวทางปฏิบัติสําหรับธุรกิจ เกี่ยวกับวิธีการนําการออกแบบเพื่อเท่าเทียมมาใช้ ในการทําเช่นนั้น มันกําลังก้าวไปอีกขั้นในการเดินทางซึ่งเริ่มต้นด้วยนโยบายความเท่าเทียมภายในและการไม่เลือกปฏิบัติที่แข็งแกร่ง ย้ายไปที่การทำงานร่วมกันและสนับสนุนเราและผู้มีบทบาทอื่นๆ ในสาขานี้ และตอนนี้มุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะ และนําร่องแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ในการเดินทางครั้งนี้ Mary Kay กําลังช่วยสร้างแบบจําลองว่าธุรกิจต่างๆ สามารถมีบทบาทเชิงรุกในการพัฒนาแนวทางที่ได้รับการปรับปรุง เพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติและพัฒนาความเท่าเทียมกันได้"
  •      "ที่ Mary Kay เราตระหนักถึงผลกระทบอันลึกซึ้งที่ AI มีต่อการกําหนดอนาคตของธุรกิจและสังคม" Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของ Mary Kay Inc. กล่าว "ความร่วมมือของเรากับ Equal Rights Trust ตอกย้ำถึงความทุ่มเทของเราในการสร้างความมั่นใจว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน AI สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ ผลกระทบของหลักการว่าด้วยการออกแบบเพื่อเท่าเทียมในการตัดสินใจด้วยอัลกอริทึมได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วสําหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักใน AI  และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเรา ในการช่วยสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่ครอบคลุม ซึ่งผู้ประกอบการสตรีสามารถเป็นเลิศได้โดยปราศจากอคติหรืออุปสรรค ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจที่ยั่งยืนของเรา ในการส่งเสริมผู้หญิงเป็นผู้นำ และส่งเสริมความเท่าเทียมกันในทุกด้าน"

เกี่ยวกับ Equal Rights Trust

Equal Rights Trust เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศที่เป็นอิสระ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติและรับรองว่าทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ องค์กรจึงทํางานร่วมกับเพื่อให้การสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญแก่ผู้ที่อยู่ในแนวหน้าในการต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติ ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถผลักดันให้มีการพัฒนา การยอมรับ และการบังคับใช้กฎหมายความเท่าเทียมกัน และใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ปี 2007 Trust ได้สนับสนุนนักเคลื่อนไหวด้านความเท่าเทียมในกว่า 50 ประเทศ ขณะเดียวกันก็พัฒนาฉันทามติในระดับสากล เกี่ยวกับความต้องการและเนื้อหาของกฎหมายความเท่าเทียมที่ครอบคลุม เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ equalrightstrust.org

เกี่ยวกับ Mary Kay

ตั้งแต่นั้นมา  เดี๋ยวนี้  เสมอ  Mary Kay Ash หนึ่งในผู้ที่สามารถทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จได้ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือการยกระดับชีวิตของผู้หญิง ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลก ที่มีสมาชิกพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่โอกาสของ Mary Kay ได้เพิ่มศักยภาพให้กับผู้หญิงในการกําหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คําปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสําอางตกแต่งสี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และน้ำหอมที่ทันสมัย Mary Kay เชื่อในการอนุรักษ์โลกของเราสําหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการล่วงละเมิดในครอบครัว และสนับสนุนให้เยาวชนทําตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน Facebook, Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้ที่ X (เดิมชื่อ Twitter)

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53896783/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Mary Kay Inc. ฝ่ายสื่อสารองค์กร
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc




เชิญเข้าสู่ยุค 5G ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดย GIGABYTE จะนำเสนอเซิร์ฟเวอร์ สำหรับยุคถัดไปเพื่อ AI/HPC, โทรคมนาคม และ แนวคิดคอมพิวเตอร์สีเขียวที่งาน MWC 2024

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–16 กุมภาพันธ์ 2024

GIGABYTE Technology ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกด้านไอทีที่มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับโลกผ่านระบบคลาวด์และคอมพิวเตอร์ AI จะมาร่วมงาน MWC 2024 พร้อมด้วยเซิร์ฟเวอร์สำหรับยุคถัดไปที่จะเสริมศักยภาพให้กับการโทรคมนาคม ผู้ให้บริการคลาวด์ องค์กร รวมไปถึง SMB เพื่อควบคุมค่าของ 5G และ AI จุดเด่นคือเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ล้ำสมัยซึ่งมี AMD Instinct™ MI300X 8-GPU และเซิร์ฟเวอร์รุ่น AI/HPC ที่ครอบคลุมซึ่งจะสนับสนุนเทคโนโลยีชิปล่าสุดจาก AMD, Intel และ NVIDIA นอกจากนั้น งานแสดงนี้ยังจะนำเสนอโซลูชันคอมพิวเตอร์สีเขียวแบบบูรณาการอันยอดเยี่ยมในการรับมือกับความร้อน การกระจายตัวและยังลดพลังงานลง

Inviting the AI-powered 5G Era, GIGABYTE will Present Next-Gen Servers for AI HPC, Telecom, and Green Computing Solutions at MWC 2024

เชิญเข้าสู่ยุค 5G ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดย GIGABYTE จะนำเสนอเซิร์ฟเวอร์ สำหรับยุคถัดไปเพื่อ AI/HPC, โทรคมนาคม และ แนวคิดคอมพิวเตอร์สีเขียวที่งาน MWC 2024 (รูปภาพ: Business Wire)

การนำเสนอของ GIGABYTE จะสานต่อธีมบูธอันได้แก่  “Future of COMPUTING” โดยจะครอบคลุม servers สำหรับ AI/HPC ,เครือข่าย RAN และ Core ,แพลตฟอร์ม edge แบบโมดูลาร์ ,โซลูชันคอมพิวเตอร์สีเขียวแบบออลอินวัน และเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเองที่ขับเคลื่อนด้วย AI การจัดแสดงจะสาธิตวิธีที่อุตสาหกรรมต่างๆ ขยายแอปพลิเคชัน AI จากคลาวด์ไปยัง Edge และอุปกรณ์ปลายทางผ่านการเชื่อมต่อ 5G ซึ่งจะขยายโอกาสในอนาคตด้วยเวลาในการออกสู่ตลาดที่เร็วขึ้นและการดำเนินงานที่ยั่งยืน โดยการจัดแสดงจะเป็นระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 26 ถึง 29 กุมภาพันธ์ที่บูธ  #5F60 ฮอลล์ 5 เมืองฟีร่า กรานเวีย, บาร์เซโลนา

'ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์' (AI supercomputer) แห่งอนาคต

ความต้องการสำหรับ AI-ready infrastructure และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลความเร็วสูงกำลังเพิ่มขึ้นภายในกรอบงาน 5G การดำเนินธุรกิจ และการวิจัยทางวิชาการ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตแบบทวีคูณของปริมาณข้อมูลและความซับซ้อนของโมเดล AI ซึ่ง GIGABYTE จะจัดแสดงซีรีส์ล่าสุดของ AI/HPC servers และเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลแบบ all-flash array (AFA) ซิร์ฟเวอร์เหล่านี้รองรับโมดูล GPU AMD Instinct™ MI300X OAM, MI300A APUs, 5th Gen Intel® Xeon® Scalable Processors, NVIDIA HGX H100 8-GPU, และ NVIDIA Grace Hopper Superchip ยังใช้ประโยชน์จาก next-gen HBM3 เพื่อให้มั่นใจในการส่งข้อมูลความเร็วสูง เทคโนโลยีนี้นไปสู่ก้าวกระโดดซึ่งพร้อมที่จะพัฒนาปริมาณงานของ AI ระดับ exascale และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์

สถาปัตยกรรมเซิร์ฟเวอร์ที่ยืดหยุ่นสำหรับเครือข่าย 5G ที่ใช้ AI

การใช้งานแอปพลิเคชัน 5G จำนวนมากจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ได้รับการกำหนดค่าอย่างยืดหยุ่นซึ่งสามารถรองรับระบบนิเวศไอทีที่หลากหลายได้ GIGABYTE จะเปิดตัวหนึ่งในแพลตฟอร์ม Edge แบบโมดูลาร์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการปริมาณงานที่หลากหลาย รวมถึงการทำเครือข่าย, AI inferencing และการประมวลผลแบบคลาวด์ แพลตฟอร์มนี้ให้การอัพเกรดอย่างราบรื่นเพื่อรองรับเทคโนโลยีชิปและส่วนประกอบหลายรุ่น ทำให้มั่นใจได้ถึงการปรับตัวที่คล่องตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วพร้อมค่าบำรุงรักษาที่ลดลง

เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับแอปพลิเคชัน 5G และ AI ในธุรกิจที่มีขนาดแตกต่างกัน GIGABYTE จะเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ล่าสุดที่ปรับแต่งสำหรับเครือข่าย RAN และ Core ได้ เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้นำเสนอประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งรองรับความต้องการด้านการประมวลผลที่หลากหลายจาก cloud-native ขนาดใหญ่ ปริมาณงานและบริการโทรคมนาคมสำหรับการดำเนินงานด้าน IT ของ SMB เป็นเลิศในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานและให้โอกาสในการขยายสำหรับ AI-accelerated computing

AI ที่ยั่งยืนและการประมวลผลบนคลาวด์ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า TCO จะได้รับการปรับปรุงอย่างเหมาะสม

ที่ MWC, GIGABYTE ถูกกำหนดให้จัดแสดงโซลูชันคอมพิวเตอร์สีเขียวแบบออลอินวันที่ครอบคลุม ซึ่งประกอบไปด้วย immersion cooling tank ขนาดใหญ่และ immersion-ready servers สองเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการปรับแต่งสำหรับ AI และการประมวลผลแบบคลาวด์ การจัดแสดงเน้นย้ำความสามารถในการกระจายความร้อนที่โดดเด่นและ การใช้พลังงานลดลงอย่างเห็นได้ชัดคุณสมบัติเหล่านี้แปลเป็นต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่ดีโดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ GIGABYTE ในด้านโซลูชั่นคอมพิวเตอร์ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

Future-Proof E-mobility ขับเคลื่อนโดย Edge AI

ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย 5G และอัลกอริธึม AI ขั้นสูง เทคโนโลยียานยนต์อัตโนมัติของ GIGABYTE มอบประสบการณ์การขับขี่อัจฉริยะล้ำสมัยที่ขับเคลื่อนโดย Edge AI ประสิทธิภาพการส่งข้อมูลความเร็วสูงช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) และระบบ telematics จะประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลจาก กล้อง เรดาร์ และเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกช่วยให้ระบบสามารถตัดสินใจขับขี่แบบเรียลไทม์ได้อย่างแม่นยำแม้ในสภาพถนนที่ซับซ้อน

ที่บูธของ GIGABYTE องค์กรต่างๆ สามารถสำรวจโซลูชันการประมวลผลที่เป็นนวัตกรรมและยืดหยุ่น ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของพวกเขาเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในอนาคตแบบ AI-accelerated 5G ได้

เยี่ยมชม GIGABYTE’s MWC event page.

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/53889993/en

เนื้อหาใจความในภาษาตน้ ฉบับของขา่ วประชาสัมพันธฉ์ บับนี้เป็นฉบับทเี่ ชอื่ ถอื ไดแ้ละเป็นทางการ การแปลต ้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออ านวยความสะดวกเท่านั้น และควรน าไปเทียบเคียงอ ้างอิง กับเนื้อหาในภาษาต ้นฉบับ ซงึ่ เป็นฉบับเดยี วทมี่ ผี ลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

แหล่งที่มา: GIGABYTE

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัว “Falcon Foundation” เพื่อสนับสนุนโอเพ่นซอร์สของโมเดลเจนเนอเรทีฟเอไอ

Logo

มูลนิธิเพื่อการแบ่งปันความรู้และก่อให้เกิดการประชาภิวัตน์ของเอไอ

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี TII มอบเงิน 300 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนโครงการในอนาคต

ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–13 กุมภาพันธ์ 2024

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี (TII) ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ขั้นนำระดับโลกและเสาหลักการวิจัยประยุกต์ของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ของอาบูดาบี ได้ประกาศในวันนี้ถึงการเปิดตัว “Falcon Foundation” ซึ่งทางFalcon Foundation มุ่งมั่นในการพัฒนาโมเดลเจนเนอเรทีฟเอไอแบบโอเพ่นซอร์สและเพื่อการสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนของโครงการโอเพ่นซอร์สที่ช่วยเร่งการพัฒนาเทคโนโลยี ทาง TII จะมอบเงินจำนวน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเป็นทุนให้โครงการเหล่านี้ในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้ง

การเปิด Falcon Foundation เกิดขึ้นในการประชุมสุดยอดรัฐบาลโลกปี 2024 (WGS) อันทรงเกียรติและถือเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญในการประชุมความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อสร้างโมเดลการกำกับดูแลที่โปร่งใส และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ ในขณะที่ AI ยังคงกำหนดเส้นทางการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง

ทางมูลนิธิจะเรียกตัวผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นักพัฒนา นักวิชาการ และอุตสาหกรรม รวมถึงบุคคลทั่วไป โดยเริ่มต้นด้วยโมเดล Falcon AI อันทรงพลังของ TII และจะช่วยให้ตระหนักถึงพลังของการตัดสินใจแบบร่วมมือกันระหว่างผู้ร่วมให้ข้อมูล โดยจะช่วยเร่งการทำให้ AI เป็นประชาภิวัตน์ด้วยความช่วยเหลือจาก Falcon Foundation Ambassadors อันมีชื่อเสียง ซึ่งเป็นอาจารย์ด้าน AI ที่มีชื่อเสียงจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก รวมถึงผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมในสาขา AI

มูลนิธินี้มีไว้เพื่อสนับสนุนการปรับแต่งโมเดล Falcon เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมหรือภาคส่วนเฉพาะ ด้วยการเปิดใช้งานทรัพยากรคอมพิวเตอร์แบบเปิดสำหรับการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Falcon AI มูลนิธิจะจัดให้มีระบบนิเวศที่แข็งแกร่งเพื่อให้แน่ใจว่ามีความสามารถในการปรับตัวของโมเดลนี้ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ และบริบทที่หลากหลาย

Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC มีความเห็นว่า "ในโลกที่เอไอยังคงก้าวหน้าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โครงการริเริ่มต่างๆ เช่น Falcon Foundation มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนวิถีการพัฒนา AI ไปสู่ความโปร่งใสและการเข้าถึงที่มากขึ้น"

Dr. Ray O. Johnson, CEO ของ TII กล่าวว่า: "เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความโปร่งใสและความร่วมมือในด้าน AI ด้วยการขยายจิตวิญญาณแห่งความร่วมมือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปสู่การพัฒนา AI เราได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการเปิดกว้าง และเรายังสนับสนุนให้หน่วยงานอื่นๆ ทั้งหมดที่สนับสนุนโอเพ่นซอร์สจากทั่วโลกเข้าร่วมกับเรา”

ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากมูลนิธิจะครอบคลุมหน่วยงานทั้งหมดที่ทำงานร่วมกับและเป็นผู้สนับสนุน AI ที่มีความรับผิดชอบแบบโอเพ่นซอร์ส ในการลดการพึ่งพาผู้จำหน่ายภายนอกนั้น ทาง Falcon Foundation จะต้องรับประกันความต่อเนื่องทางธุรกิจผ่านการเปิดใช้งานทางเลือกทางเทคโนโลยีที่เป็นอิสระ ในฐานะองค์กรที่เปิดกว้างสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนที่มีความมุ่งมั่นต่อโอเพ่นซอร์ส มูลนิธิจะใช้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลกโดยเป็นส่วนหนึ่งของกรอบการกำกับดูแลและกฎหมายสำหรับปัญญาประดิษฐ์

ความมุ่งมั่นของมูลนิธิ Falcon Foundation ในด้านโอเพ่นซอร์สและนวัตกรรมในด้าน AI จะสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการคิดไปข้างหน้าที่จะช่วยให้อาบูดาบีและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก้าวกระโดดไปสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และสนับสนุนชุมชนทั่วโลกในการเก็บเกี่ยวความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรมเพื่อความก้าวหน้าที่สำคัญด้าน AI

ที่มาAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jennifer Dewan, Senior Director of Communications
jennifer.dewan@tii.ae.

ที่มา: The Technology Innovation Institute

ETT | iByond™ ลงนามในสัญญามูลค่า 888 ล้านเหรียญสหรัฐกับ Capstone เพื่อมอบการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลทั่วโลกให้กับอุตสาหกรรมประกันภัย

Logo

ปาล์มบีช ฟลอริดา –(BUSINESS WIRE)–14 กุมภาพันธ์ 2024

เทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ “ETT | iByond™” (ETT) ได้ทำข้อตกลงการให้บริการซอฟต์แวร์และใบอนุญาตเป็นเวลาห้าปี ("ข้อตกลง") กับ Capstone Management Group ("Capstone" และ "บริษัท") ซึ่งมีมูลค่า 888 ล้านเหรียญสหรัฐตลอดอายุสัญญา ความร่วมมือครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมประกันภัยผ่านโซลูชันการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ล้ำสมัย

Christopher Condon | Chairman and CEO of ETT | iByond™ (Photo: Business Wire)

Christopher Condon | ประธานและซีอีโอของ ETT | iByond™ (รูปภาพ: Business Wire)

ETT | iByond™ ผู้ให้บริการระบบปฏิบัติการ Intelligent Platform as a Service (iPaaS) ในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก แพลตฟอร์มนี้มอบความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการอัปเกรดระบบเดิมได้อย่างราบรื่น โดยไม่ต้อง 'ตัดทิ้งและเปลี่ยนใหม่' ทํางานในทุกอุตสาหกรรมเพื่อช่วยบริษัทหลายพันล้าน ขณะเดียวกันก็ปรับปรุงเทคโนโลยีให้ทันสมัยด้วยปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง (AI) แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และความเร็วของนวัตกรรมในหลายอุตสาหกรรม

Capstone เป็นบริษัทที่ปรึกษาและโฮลดิ้ง ซึ่งมีสินทรัพย์ที่หลากหลายในทุกสายงานของอุตสาหกรรมประกันภัยและการประกันภัยต่อ ผู้ก่อตั้ง Capstone มีประสบการณ์มากกว่า 90 ปีในด้านการประกันภัยและการประกันภัยต่อ และมีบทบาทสําคัญในการจัดตั้งโปรแกรมการดูแลสุขภาพที่ใช้ทุนตนเองสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ หลังจากการผ่าน ERISA ในปี 1974 ด้วยข้อตกลง Capstone ตอนนี้ ETT จะนําชุดเทคโนโลยีที่พลิกโฉมมาสู่อุตสาหกรรมประกันภัยและการประกันภัยต่อ ความร่วมมือระหว่าง Capstone Management Group และ ETT | iByond™ ส่งสัญญาณถึงก้าวสําคัญในนวัตกรรมภาคประกันภัย

การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม 'Intelligence Beyond' ของ ETT | iByond Capstone สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการทํางานร่วมกันของข้อมูล และใช้ปัญญาประดิษฐ์ แมชชีนเลิร์นนิง และการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเปลี่ยนแปลงการประเมินความเสี่ยงและการรับประกันภัย ความก้าวหน้าเหล่านี้ช่วยปรับปรุงความแม่นยําของราคา การคาดการณ์ได้ และเวลาแฝงในการประมวลผล ด้วยความเชี่ยวชาญของ Capstone ในด้านโซลูชันการประกันภัย และการดูแลสุขภาพ แพลตฟอร์มของ iByond ลูกค้าสามารถคาดหวังโซลูชันความเสี่ยงแบบหลายทิศทางที่ปรับแต่งได้ ETT | iByond™ เพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทํางานร่วมกันของข้อมูล ซึ่งจําเป็นในภาคการประกันภัย สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของปัญญาประดิษฐ์ แมชชีนเลิร์นนิง และการวิเคราะห์ข้อมูลในการประเมินความเสี่ยงและขั้นตอนการรับประกันภัย แพลตฟอร์มของ ETT | iByond อํานวยความสะดวกในการบูรณาการระหว่างการควบรวมและซื้อกิจการ Capstone สามารถควบคุมเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ Artificial Intelligence of Things (AIOT) ที่ล้ำสมัยสําหรับข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ เสริมศักยภาพในการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วยความเชี่ยวชาญของ Capstone ในด้านโซลูชันการประกันภัยและการดูแลสุขภาพ บูรณาการกับแพลตฟอร์มของ ETT | iByond ลูกค้าสามารถคาดหวังโซลูชันความเสี่ยงแบบหลายทิศทางที่ปรับแต่งได้

ตลาดประกันภัยต่อทั่วโลกมีมูลค่า 498.7 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2021 และคาดว่าจะสูงถึง 1344.3 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2031 โดยเติบโตที่ CAGR 10.8% ตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2031

Christopher Condon ประธานและซีอีโอของ ETT I iByond™ เน้นย้ำถึงคุณค่ามหาศาลที่ความร่วมมือนี้มอบให้กับนักลงทุนและลูกค้า โดยกล่าวว่า "ความร่วมมือของเรากับ Capstone Management Group ถือเป็นช่วงเวลาสําคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรมประกันภัย ด้วยนวัตกรรมที่มีความคิดก้าวหน้า ยกระดับการปฏิบัติงาน เพื่อให้บริการผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราได้ดียิ่งขึ้น"

ในทํานองเดียวกัน Nino Pedrini ซีอีโอของ Capstone Management Group ได้เน้นย้ำถึงลักษณะการทํางานร่วมกันของการเป็นหุ้นส่วน โดยกล่าวว่า "ที่ Capstone เรามุ่งมั่นที่จะมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา เราได้ทำตรวจสอบวิเคราะห์สถานะอย่างหนัก และเลือกแพลตฟอร์มของ the ETT | iByond เพื่อให้เราสามารถนําเสนอโซลูชันดิจิทัลที่เหนือชั้นและเป็นหนึ่งใน AI Data Engine ที่ทันสมัยที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของอุตสาหกรรมประกันภัย"

สัญญามูลค่า 888 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นการลงทุนครั้งสําคัญในอนาคตของการประกันภัย ซึ่งส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่กล้าหาญในระดับโลก

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.ettworld.com หรือ www.capstonemg.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53895972/en

ติดต่อ

สําหรับสื่อมวลชนกรุณาติดต่อ:
jczelusniak@ettworld.com

ที่มา: Economic Transformation Technologies

 


The Bangkok Reporter