ForeverGone ของ Gradiant ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการกำจัด PFAS ด้วยต้นทุนและประสิทธิภาพที่ก้าวล้ำ

Logo

การปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ที่สนามบินนานาชาติมิวนิค ได้ช่วยเน้นย้ำถึงความสามารถของเทคโนโลยีในการกำจัด PFAS ที่แหล่งกำเนิด และในขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองต่อแรงกดดันด้านต้นทุนและกฎระเบียบระดับโลกได้

บอสตัน, แมสซาชูเซตส์–(BUSINESS WIRE)–29 กันยายน 2025

Gradiant ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ประกาศถึงความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มกำจัด PFAS ของ ForeverGone ในวันนี้ และตอกย้ำถึงความเป็นหนึ่งในโซลูชันที่คุ้มค่าและยั่งยืนที่สุดสำหรับการกำจัด “สารเคมีอันตราย” ในน้ำเสียอุตสาหกรรม

Gradiant has announced advancements in its ForeverGone PFAS destruction platform and the commissioning of a ForeverGone system at Munich International Airport to address complex, legacy PFAS challenges.

Gradiant ได้ประกาศความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มทำลาย PFAS ForeverGone และเปิดตัวระบบ ForeverGone ที่สนามบินนานาชาติมิวนิค เพื่อจัดการกับความท้าทายเกี่ยวกับ PFAS ที่ซับซ้อนและล้าสมัย

การกำจัด PFAS ที่แหล่งกำเนิด

ForeverGone เป็นแพลตฟอร์มครบวงจรแรกที่สามารถทำลายสารประกอบ PFAS ในพื้นที่ได้ ระบบนี้จะผสานการแยกส่วนด้วยไมโครโฟมกับอิเล็กโทรออกซิเดชันขั้นสูง เพื่อให้สามารถกำจัดสารประกอบ PFAS ได้ถึง 99–99.9% รวมถึง PFAS สายสั้นที่เทคโนโลยีรุ่นเก่ามักจะมองข้าม ซึ่งแตกต่างจากคาร์บอนกัมมันต์แบบเม็ด (GAC), เรซินแลกเปลี่ยนไอออน (IX หรือ IER) และวิธีการ “ดักจับและกำจัด” อื่นๆ โดย ForeverGone สามารถกำจัด PFAS ได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถลบความจำเป็นในการกำจัดที่มีค่าใช้จ่ายสูงออกไปได้ รวมถึงกำจัดความเสี่ยงในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

เกณฑ์มาตรฐานต้นทุนใหม่

ด้วยราคาเพียง 0.10–0.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อลูกบาศก์เมตร ForeverGone ได้มอบความก้าวหน้าด้านราคาที่สามารถเข้าถึงได้ โดยมีต้นทุนรวมต่ำกว่า 0.50–2.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อลูกบาศก์เมตรสำหรับการบำบัดด้วย GAC หรือ IX ทั่วไปอย่างมาก ด้วยการใช้พลังงานเพียง ~0.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง/ลูกบาศก์เมตรที่เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหลัก ระบบนี้จึงสามารถช่วยลดต้นทุนได้ ในขณะที่การบำบัดในสถานที่จริงนั้นจะช่วยลดต้นทุนและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการขนส่งและการกำจัดได้อีกด้วย

“ForeverGone คือโมเดลใหม่ในการจัดการกับ PFAS ของภาคอุตสาหกรรม” กล่าวโดย Anurag Bajpayee ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Gradiant “ด้วยการกำจัด PFAS ที่แหล่งกำเนิด เราสามารถลดภาระในการกำจัดและปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ทั้งคุ้มค่าและยั่งยืน โดยกฎระเบียบต่างๆ ในยุโรปและเอเชียต่างกำลังเร่งให้มีการใช้งาน ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกากำลังเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่ง ForeverGone ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในการปฏิบัติตามมาตรฐานต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้ และเมื่อความสนใจหันไปที่สารประกอบอย่างกรดไตรฟลูออโรอะซิติก (TFA) แพลตฟอร์มนี้จะสร้างรากฐานสำหรับการเป็นผู้นำในระยะยาวด้านสารปนเปื้อนเกิดใหม่ได้อีกด้วย”

การปรับใช้ใหม่ที่สนามบินนานาชาติมิวนิค

Gradiant ได้ติดตั้งระบบ ForeverGone ที่สนามบินนานาชาติมิวนิค เพื่อจัดการกับการปนเปื้อนจากโฟมดับเพลิงที่สร้างขึ้นจากฟิล์มน้ำ (AFFF) การติดตั้งครั้งนี้ได้ช่วยเน้นย้ำให้เห็นถึงความคล่องตัวของแพลตฟอร์มในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ PFAS ที่ซับซ้อนและล้าสมัย ปัจจุบัน ForeverGone รุ่นล่าสุดได้ปฏิบัติงานในพื้นที่จริงแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่มีโปรไฟล์สูงและมีความต้องการสูง

กะทัดรัดและเคลื่อนย้ายได้

หลังจากโครงการพัฒนาสี่ปี Gradiant ได้ลดขนาดพื้นที่การทำงานของเครื่อง Destruction Engine electrooxidation ลงมากกว่า 100 เท่า เหลือเพียง 2% ของปริมาตรระบบเดิม เมื่อผสานรวมกับเทคโนโลยี Micro-Foam Fractionation ผลลัพธ์ที่ได้คือเทคโนโลยีที่มีขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก และปรับใช้งานได้ทั้งการติดตั้งแบบถาวรและการแก้ไขปัญหาแบบชั่วคราว

ปัจจัยขับเคลื่อนด้านกฎระเบียบ

ความต้องการกำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลกเนื่องจากกฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

  •  ไต้หวัน : ขีดจำกัดการปล่อยสารกึ่งตัวนำอยู่ที่ 1.2 ppb โดยปฏิบัติตามระเบียบการด้วยสุ่มตัวอย่างสองครั้ง
  •  เกาหลีใต้ : การปล่อยสาร PFAS ในภาคอุตสาหกรรมอยู่ภายใต้การตรวจสอบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
  •  จีน : จำกัดปริมาณ PFAS ในน้ำดื่มที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

ในยุโรปมีข้อจำกัดที่เข้มงวดเกี่ยวกับสาร PFAS อยู่แล้ว ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา การพัฒนามาตรฐานต่างๆ มีความก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ กฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับพื้นที่น้ำชะขยะมูลฝอยกำลังผลักดันโครงการต่างๆ ให้ก้าวหน้า และคาดว่าแนวทางของ EPA ที่จะออกมาเร็วๆ นี้จะช่วยเร่งการนำไปสู่การปฏิบัติทั่วประเทศ และก่อให้เกิดตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอนาคตสำหรับการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ PFAS

นอกเหนือจาก PFAS

ลูกค้าในอุตสาหกรรมยายังร่วมมือกับ Gradiant ในการผลิตกรดไตรฟลูออโรอะซิติก (TFA) ซึ่งเป็นสารประกอบที่เชื่อมโยงกับผลพลอยได้จากการผลิตยา คาดว่าสหภาพยุโรปจะตัดสินใจเกี่ยวกับกฎระเบียบ TFA ในปี 2026 ซึ่งอาจเปิดตลาดใหม่ที่สำคัญสำหรับ ForeverGone และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง

เชื่อมต่อกับ Gradiant ที่งาน WEFTEC

Gradiant จะเข้าร่วมงาน WEFTEC Chicago ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม โดยผู้เข้าชมสามารถเข้าร่วมทัวร์เพื่อชมระบบของแพลตฟอร์ม ForeverGone และรับชมการนำเสนอภายในบูทได้ พบกับเราได้ที่บูท 3867

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นบริษัทน้ำที่แตกต่าง ด้วยชุดโซลูชันครบวงจรที่แตกต่างและเป็นกรรมสิทธิ์สำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านน้ำ บริษัทให้บริการการดำเนินงานที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่จำเป็นของโลก อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ เภสัชกรรม อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุที่สำคัญ และพลังงานทดแทน โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของ Gradiant จะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำและน้ำเสียที่ถูกปล่อยออกมา รวมถึงการนำทรัพยากรที่มีค่ากลับคืนมาและเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในบอสตันแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 1,300 คนทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250929038872/en

Contacts

รายชื่อผู้ติดต่อองค์กร
Felix Wang
Gradiant, หัวหน้าฝ่ายการตลาดระดับโลก
fwang@gradiant.com 

ที่มา: Gradiant

Mohammed Ben Sulayem ประธานสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) จะเป็นผู้นำด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และนวัตกรรมในการประชุม Asia Pacific Congress ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย

Logo

ปารีส–(BUSINESS WIRE)–02 ตุลาคม 2025

สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลกและสหพันธ์องค์กรโมบิลิตี้ทั่วโลก จะเดินทางมายังเชียงใหม่ ประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุม FIA Asia Pacific Congress ประจำปี

FIA Asia Pacific Congress Logo

โลโก้การประชุม FIA Asia Pacific Congress

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นโดยราชสมาคมยานยนต์แห่งประเทศไทย ที่ได้รวบรวมผู้นำด้านโมบิลิตี้ของยานยนต์และมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก มาร่วมหารือเกี่ยวกับโครงการริเริ่มสำคัญๆ ด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โมบิลิตี้อย่างยั่งยืน การเติบโตของกีฬาในระดับภูมิภาค รวมถึงนวัตกรรมด้านการขนส่ง โดยมี Mohammed Ben Sulayem ประธาน FIA เข้าร่วมด้วย

Mohammed Ben Sulayem ประธาน FIA กล่าวก่อนการเยือนประเทศไทยว่า: ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เข้าร่วมการประชุม FIA Asia Pacific Congress กับสมาชิกและพันธมิตรของเราที่เชียงใหม่ และผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะสานต่อความก้าวหน้าอันน่าประทับใจของภูมิภาคนี้ ทั้งในด้านโมบิลิตี้และกีฬา

เอเชียและแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดของสหพันธ์ฯ และความมุ่งมั่นของสมาชิกของเราที่นี่กำลังสร้างผลกระทบอย่างแท้จริง ตั้งแต่ถนนที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นและการขนส่งที่ยั่งยืน ไปจนถึงโอกาสใหม่ๆ สำหรับการแข่งขันในระดับรากหญ้าและในระดับอีลิท

การรวมตัวกันครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือทั่วภูมิภาค แบ่งปันความเชี่ยวชาญด้านโมบิลิตี้และมอเตอร์สปอร์ต และช่วยผลักดันลำดับความสำคัญร่วมกันของเราในด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และนวัตกรรม

ธีมของการประชุม FIA Asia Pacific Congress ปีนี้คือ สร้างสรรค์ บูรณาการ เร่งรัด: ขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับโมบิลิตี้และกีฬา โดยโปรแกรมดังกล่าวออกแบบมาเพื่อให้สโมสรสมาชิกมีกลยุทธ์ใหม่ๆ และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มโมบิลิตี้และกีฬาที่กำลังพัฒนา รวมถึงการมุ่งเน้นไปที่แนวปฏิบัติที่ยั่งยืน เส้นทางสู่ระดับรากหญ้าที่เข้าถึงได้ รวมถึงวิวัฒนาการของ AI และบทบาทของ AI ในภาคส่วนต่างๆ ของ FIA

งานนี้จัดขึ้นในขณะที่นวัตกรรมมอเตอร์สปอร์ตและโมบิลิตี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วภูมิภาค

ศรีลังกาเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตชิงแชมป์เอเชียแปซิฟิก โดยมี 18 ชาติ และนักแข่ง 204 คนเข้าร่วม ขณะที่มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน FIA ‘Arrive and Drive’ Karting World Cup ครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยในปี 2026 Formula 1 จะกลับมาจัดที่ออสเตรเลีย จีน และญี่ปุ่น ร่วมกับ WRC และ WEC ในญี่ปุ่น และ Formula E ในเซี่ยงไฮ้และโตเกียว ในส่วนของโมบิลิตี้ Safe Helmets for Asia Pacific Initiative (SHAP) ได้จัดเวิร์กช็อปครั้งแรกที่มะนิลาเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีตัวแทนจากกัมพูชา จีน เนปาล ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม มาร่วมกันวางแผนเส้นทางใหม่สำหรับหมวกนิรภัยที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

โครงสร้างสโมสรสมาชิก FIA ถือเป็นแกนหลักของการกำกับดูแลและการดำเนินงานของสหพันธ์ โดยสโมสรสมาชิกแต่ละแห่งจะมีสิทธิ์ออกเสียงในการเลือกตั้งและการตัดสินใจด้านกฎระเบียบของ FIA สโมสรจะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก โดยบางสโมสรทำหน้าที่ทั้งสองบทบาท:

  • สโมสรโมบิลิตี้ – ให้บริการด้านการเดินทางและเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของผู้ใช้ถนน โดยมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยทางถนน การเดินทางและการท่องเที่ยว สิทธิผู้บริโภค และการเดินทางอย่างยั่งยืน
  • หน่วยงานกีฬาระดับชาติ (ASN) – กำกับดูแลและพัฒนากีฬามอเตอร์สปอร์ตในระดับชาติ รับผิดชอบกิจกรรมกีฬา ออกใบอนุญาต และมีส่วนร่วมในกฎระเบียบต่างๆ

ภายใน FIA มี 4 ภูมิภาคด้านโมบิลิตี้ และ 6 โซนกีฬา โดยการประชุม Asia Pacific Congress จะต้อนรับสโมสรสมาชิกจาก FIA ภูมิภาค II สมาชิก FIA ทั่วโลกประกอบด้วย 245 สโมสร ใน 149 ประเทศ เชื่อมโยงสมาชิกกว่า 80 ล้านคน

จบ

สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) เป็นองค์กรกำกับดูแลกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลก และเป็นสหพันธ์องค์กรด้านโมบิลิตี้ทั่วโลก โดนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนนวัตกรรมและส่งเสริมความปลอดภัย ความยั่งยืน และความเท่าเทียมกันในกีฬามอเตอร์สปอร์ตและโมบิลิตี้

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251002874909/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

หากต้องการสอบถามข้อมูลสื่อ โปรดติดต่อ:
Geri Sherwin ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารของประธานและโมบิลิตี้: gsherwin@fia.com
Joseph Kidd เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารของประธาน: jkidd@fia.com

ที่มา: FIA

MidOcean Energy ของ EIG เตรียมเข้าซื้อหุ้นใน LNG Canada จาก PETRONAS

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–30 กันยายน 2025

MidOcean Energy (“MidOcean”) บริษัทก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศเมื่อวันนี้ว่าได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการซื้อหุ้นร้อยละ 20 ในนิติบุคคลสำคัญของ PETRONAS ในประเทศแคนาดา

ธุรกรรมนี้รวมถึงการถือหุ้นร้อยละ 20 ใน North Montney Upstream Joint Venture (“NMJV”) ซึ่งถือการลงทุนด้านต้นน้ำของ PETRONAS ในแคนาดา และถือหุ้นร้อยละ 20 ใน North Montney LNG Limited Partnership (“NMLLP”) ซึ่งถือส่วนแบ่งร้อยละ 25 ของ PETRONAS ในโครงการ LNG Canada

LNG Canada เป็นโครงการส่งออก LNG แห่งแรกของแคนาดา และถือเป็นการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการจัดหา LNG สู่เอเชียด้วยต้นทุนการจัดหาที่สามารถแข่งขันได้ โดย LNG Canada ได้ส่งสินค้า LNG ล็อตแรกไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

NMJV เป็นหุ้นส่วนที่ถือครองสิทธิแร่ธาตุรวมมากกว่า 800,000 เอเคอร์ โดยมีปริมาณสำรองและทรัพยากรสำรองฉุกเฉิน 53 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต

หลังจากเสร็จสิ้นธุรกรรมแล้ว MidOcean จะมีบทบาทในห่วงโซ่คุณค่าแบบบูรณาการ ที่ครอบคลุมการพัฒนาแหล่งทรัพยากรต้นน้ำใน North Montney รวมถึงกระบวนการแปลงสภาพเป็นของเหลวและส่งออกปลายน้ำผ่าน LNG Canada ผ่านการเข้าร่วมใน NMLLP ด้วยความร่วมมือกับ PETRONAS ครั้งนี้ MidOcean จะสามารถรักษาปริมาณ LNG ที่เกี่ยวข้องไว้ที่ 0.7 ล้านตันต่อปี และมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปผ่านโครงการ LNG Canada ในเฟสที่ 2

R. Blair Thomas ประธาน MidOcean และซีอีโอ EIG กล่าวว่า “ธุรกรรมนี้ถือเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางการเติบโตของ MidOcean เรามีความภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ PETRONAS ในความพยายามที่จะส่งมอบ LNG ที่เชื่อถือได้และมีต้นทุนต่ำสู่ตลาดโลก การมีส่วนร่วมของเราจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของ MidOcean และสร้างความมั่นใจในการซื้อ LNG อย่างมีนัยสำคัญ และได้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างธุรกิจ LNG ที่หลากหลายและยืดหยุ่นสำหรับทศวรรษข้างหน้า”

De la Rey Venter ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MidOcean กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรระยะยาวกับ PETRONAS ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเป็นบริษัทที่เราให้ความเคารพเป็นอย่างสูง การลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความเชื่อมั่นของเราในอนาคตของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และบทบาทระยะยาวของก๊าซธรรมชาติเหลวในการช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานระดับโลก รวมถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่สามารถทำได้จริงและมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม”

ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามระเบียบข้อบังคับปกติ

RBC Capital Markets ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ MidOcean และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารอยู่ที่ 23.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2025 โดย EIG มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ตลอดระยะเวลา 42 ปี EIG ได้ทุ่มเงินกว่า 51.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับภาคพลังงาน ผ่านโครงการหรือบริษัท 420 โครงการ ใน 44 ประเทศ ครอบคลุม 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำมากมาย อาทิ กองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนรวมเพื่อการออม มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป โดย EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานสาขาในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดอจาเนโร ฮ่องกง และโซล

เกี่ยวกับ MidOcean Energy

MidOcean Energy เป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารโดย EIG มุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่หลากหลาย ยืดหยุ่น และสามารถแข่งขันด้านต้นทุนและคาร์บอนได้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะองค์ประกอบสำคัญของระบบพลังงานโลกที่มีคาร์บอนต่ำ มีความสามารถในการแข่งขัน และมีความมั่นคงมากขึ้น MidOcean Energy มีผลประโยชน์ด้าน LNG ที่หลากหลาย รวมถึง Gorgon LNG, Pluto LNG, QCLNG และ Peru LNG โดยบริษัทนั้นบริหารโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมนี้มากว่า 27 ปี และเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่ง รวมถึงหัวหน้าฝ่าย LNG ระดับโลกของ Shell Plc. ด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com หรือเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ข้อมูลติดต่อ EIG/MidOcean
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

ที่มา: EIG

มหาวิทยาลัย Hamad Bin Khalifa เป็นผู้นำการประชุมการสนทนาระดับโลกเกี่ยวกับอนาคตของจริยธรรม AI

Logo

โดยการประชุมจะเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการจัดทำแนวปฏิบัติทางจริยธรรมที่สอดคล้องใน 6 ประเด็นหลักที่ได้รับผลกระทบจากความก้าวหน้าของ AI ได้แก่ การดูแลสุขภาพ การออกแบบเมือง ความปลอดภัย การศึกษา การเงิน และอนาคตของสถานที่ทำงาน

โดฮา, กาตาร์–(BUSINESS WIRE)–29 กันยายน 2025

การประชุมของมหาวิทยาลัย Hamad Bin Khalifa (HBKU)จริยธรรม AI: การบรรจบกันของเทคโนโลยีและขนบธรรมเนียมทางศีลธรรมที่หลากหลายปิดท้ายด้วยการเรียกร้องให้มีกรอบการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียวและครอบคลุมทางวัฒนธรรมสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยการประชุมครั้งสำคัญนี้จัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ที่ถือเป็นก้าวสำคัญในการอภิปรายเกี่ยวกับ AI และผลกระทบทางจริยธรรมต่างๆ

The opening plenary session from HBKU's AI Ethics conference (Photo: AETOSWire)

การประชุมเปิดงานสัมมนาจริยธรรม AI ของ HBKU (ภาพ: AETOSWire)

การประชุมครั้งนี้ได้รวบรวมนักวิชาการชั้นนำต่างๆ ในระดับนานาชาติ ผู้กำหนดนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี นักจริยธรรม และบุคคลต่างๆ อีกมากมาย ผลงานของพวกเขาเหล่านี้ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสนใจในสหวิทยาการในการแก้ปัญหาเชิงร่วมมือที่เชื่อมโยงปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับขนบธรรมเนียมประเพณีทางศีลธรรมที่หลากหลาย การเจรจายังช่วยจุดประกายความร่วมมือข้ามภาคส่วนใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและกำหนดอนาคตของสาขาต่างๆ นี้ หัวข้อหลักทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ การดูแลสุขภาพ การออกแบบเมือง ความปลอดภัย การศึกษา การเงิน และอนาคตของสถานที่ทำงาน ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบูรณาการประเด็นทางด้านจริยธรรมกับการนำปัญญาประดิษฐ์ที่จะนำไปใช้ในทุกภาคส่วน

แม้ว่าแต่ละประเด็นเหล่านี้จะก่อให้เกิดบทสนทนาที่กระตุ้นความคิดต่างๆ มากมาย แต่หนึ่งในการอภิปรายที่ทันท่วงทีที่สุดกลับเป็นการพิจารณาการใช้ AI ในความขัดแย้งทางอาวุธ โดยมีการเน้นย้ำถึงมิติทางกฎหมาย จริยธรรม และนโยบายของระบบสนับสนุนการตัดสินใจด้วยปัญญาประดิษฐ์ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ AI ที่มีต่อค่านิยมของมนุษย์และทางเลือกทางจริยธรรมในสถานการณ์ที่ซับซ้อนนั้นจะได้รับการเน้นย้ำมากขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยในยุค AI โดยการอภิปรายเผยให้เห็นถึงความท้าทายทางจริยธรรมอันลึกซึ้งในการปกป้องความไว้วางใจ ความเป็นอิสระ รวมถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

หลังจากการสนทนาเชิงสร้างสรรค์เป็นเวลาสองวัน การประชุมได้นำเสนอข้อเสนอแนะสำหรับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สอดคล้องกับภูมิทัศน์ทางศีลธรรมที่หลากหลายของสังคมโลกทั้งหมด การดำเนินการเช่นนี้จำเป็นต้องมีกรอบการทำงานที่ครอบคลุม ซึ่งก้าวข้ามบทสนทนาที่ส่วนใหญ่ถูกครอบงำโดยชาวตะวันตก ไปสู่การประเมินคุณลักษณะทางวัฒนธรรมและศีลธรรมทั้งหมดอย่างยุติธรรม สมดุล และครอบคลุมทั่วโลก

งานนี้ยังเรียกร้องให้มีการบูรณาการเทคโนโลยีและวิธีการปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากขึ้นในสาขาต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับคนรุ่นต่อไป โดยควรดำเนินการควบคู่ไปกับการประสานกรอบนโยบายระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมผลกระทบเชิงบวกของเทคโนโลยีเกิดใหม่ต่างๆ ควบคู่ไปกับการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

การประชุมจริยธรรม AI ได้ทำหน้าที่เป็นจุดนัดพบสำหรับการสนทนาที่หลากหลายและมองการณ์ไกลในวาทกรรม AI ระดับโลก ในฐานะผู้จัดและศูนย์กลางความรู้สำหรับการอภิปรายที่สร้างผลกระทบ ทาง HBKU ได้วางตัวเองในตำแหน่งสถาบันการศึกษาที่เป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญสำหรับโซลูชันที่ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในระดับโลก

 *ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250929755596/en

Contacts

นส. Taiba Saoud Al-Rodaini
media@hbku.edu.qa
โทร.: +974 44540934

ที่มา: Hamad Bin Khalifa University

The Bangkok Reporter