งานแข่งขันรถยนต์ไร้คนขับที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เหล่าแฟนๆ ของ A2RL เต็มความจุสนามแข่ง Yas Marina Circuit

Logo

  • วันที่ 15 พฤศจิกายน ณ สนามแข่ง Yas Marina Circuit อันโด่งดังของอาบูดาบี ต่อหน้าฝูงชนเต็มความจุ
  • ทีมระดับโลกสิบเอ็ดทีม ร่วมแข่งขันชิงรางวัล 2.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
  • ครั้งแรกของโลก: รถยนต์ไร้คนขับ 6 คันแข่งกัน
  • การประลองกันระหว่างมนุษย์กับ AI ระหว่าง Daniil Kvyat อดีตนักแข่ง F1 กับ TUM
  • การแข่งขันจะออกอากาศทั่วโลกในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายนนี้ เวลา 15.00 น. GST ทาง Abu ​​Dhabi Media Network, StarzPlay, Motorsport TV และช่อง YouTube อย่างเป็นทางการของ A2RL

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

การแข่งขันรถยนต์ไร้คนขับที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะจัดขึ้นที่อาบูดาบีในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ โดยมี 11 ทีมจากทั่วโลกร่วมประชันฝีมือเพื่อชิงเงินรางวัลรวม 2.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การแข่งขัน A2RL ฤดูกาลที่ 2 นี้ใช้เวลาเตรียมการนานถึง 18 เดือน โดยหกทีมที่เร็วที่สุดจะผ่านกระบวนการคัดเลือกอันเข้มข้นไปสู่รอบชิงชนะเลิศ ตั๋วเข้าชมการแข่งขันที่สนามแข่ง Yas Marina Circuit ได้เต็มความจุของอัฒจันทร์หลักอีกครั้ง โดยผู้ที่ชื่นชอบมอเตอร์สปอร์ตและเทคโนโลยีต่างตื่นเต้นที่จะได้ร่วมชมการแข่งขันด้วย AI ที่ไม่เหมือนใครนี้

EAV-25 autonomous racecars from finalist teams line up on the grid at Yas Marina Circuit. (Photo: AETOSWire)

รถแข่งไร้คนขับ EAV-25 จากทีมที่เข้ารอบสุดท้ายเรียงแถวบนกริดที่สนามแข่ง Yas Marina Circuit (ภาพ: AETOSWire)

รอบชิงชนะเลิศ: ที่นั่งแถวหน้าเพื่อชมประวัติศาสตร์ของ AI

การแข่งขัน A2RL Grand Final จะเป็นครั้งแรกที่รถแข่งไร้คนขับ 6 คันจะมาร่วมประชันกันบนสนามแข่ง โดยทีมทั้ง 6 ทีม ประกอบด้วย TUM, Unimore, Kinetiz, TII Racing, PoliMOVE และ Constructor ล้วนได้ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้นในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยตัวแทนจากเยอรมนี อิตาลี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะลงแข่งขันในสนามแข่ง 20 รอบ ชิงแชมป์ A2RL ฤดูกาลที 2 ส่วนแชมป์เก่าอย่าง TUM คว้าตำแหน่งโพลโพซิชันหลังจากการแข่งขันสปรินท์ ‘Multi-Car Qualification’ อันดุเดือดกับคู่แข่งอย่าง Unimore ที่นับเป็นการปูทางสู่การเผชิญหน้าครั้งประวัติศาสตร์

สำหรับอีกห้าทีมที่เหลือ A2RL จะจัดการแข่งขัน Silver Race เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทดสอบอัลกอริทึมจนถึงขีดสุดและรักษาตำแหน่งโดยรวมในตารางคะแนน โดยทีมใน Silver Race ประกอบด้วย RAPSON, Code 19, Fly Eagle, FR4IAV และ TGM Grand Prix

มนุษย์ปะทะกับ AI: การปิดช่องว่างด้านประสิทธิภาพ

การเตรียมตัวก่อนเปิดฤดูกาลสำหรับการแข่งขันได้สร้างสถิติใหม่ขึ้นมา เนื่องจากช่องว่างระหว่างประสิทธิภาพของมนุษย์และ AI กำลังแคบลง ในรอบคัดเลือก ทีม Unimore จากอิตาลีเป็นทีมแรกที่ทำลายสถิติเวลาต่อรอบที่นักแข่งมนุษย์ทำไว้ระหว่างการทดสอบ

การสาธิตความแม่นยำของเครื่องจักรเทียบกับสัญชาตญาณของมนุษย์ และวิวัฒนาการอันรวดเร็วของประสิทธิภาพของ AI จะถูกนำมาจัดแสดงในวันแข่งขัน โดยแชมป์เก่าอย่าง TUM จะได้รับสิทธิพิเศษในการแข่งขันกับอดีตนักแข่ง F1 อย่าง Daniil Kvyat ในการแข่งขันระหว่างมนุษย์กับ AI ครั้งที่สองของ A2RL โดยคาดว่าจะเป็นการแข่งขันที่สูสีในครั้งนี้ หลังจากได้มีการทำลายสถิติความเร็วของทีมในรอบคัดเลือก

รถซุปเปอร์คาร์ แฟนโซน และอื่นๆ อีกมากมาย

เพื่อเป็นการเริ่มต้นกิจกรรมหลักของค่ำคืนนี้ กลุ่ม 63 จะลงสนามเพื่อแสดง Supercar Parade Laps อันน่าตื่นตาตื่นใจ แล้วปูทางไปสู่การแข่งขันรถยนต์ไร้คนขับ ต่อด้วยรางวัลสำหรับการแข่งขัน A2RL STEM Competition ซึ่งมีนักศึกษา 140 คนจากทั้ง 7 ประเทศเข้าร่วมแข่งขันสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ AWS DeepRacer ขนาด 1/18 ที่เหมือนกับการแข่งขัน A2RL จริง

Fan Zone ระดับโลกประจำปีนี้จะมอบประสบการณ์ที่สมจริงสำหรับทุกเพศทุกวัย ภายในงานจะประกอบไปด้วยการจัดแสดงหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ เกมอินเทอร์แอคทีฟ กิจกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่สามารถลงมือปฏิบัติจริง ความบันเทิงสด และเครื่องเล่นสำหรับครอบครัวที่จะมอบความตื่นเต้นเร้าใจของนวัตกรรมยานยนต์ไร้คนขับให้มากกว่าแค่บนสนามแข่ง

การแข่งขันจะถ่ายทอดสดไปทั่วโลกในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายนนี้ เวลา 15.00 น. GST ทาง Abu ​​Dhabi Media Network, StarzPlay, Motorsport TV และช่อง YouTube อย่างเป็นทางการของ A2RLโดยเป็นอีกครั้งที่แฟนๆ สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ทันทีด้วย แพลตฟอร์ม VR สดของA2RL ที่จะทำให้สามารถสัมผัสประสบการณ์ในสนามแข่ง ข้อมูลรถสด และการแข่งขันความเร็วสูงที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวได้แบบเรียลไทม์

A2RL ได้รับการสนับสนุนจาก SteerAI ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ du, พันธมิตรอย่างเป็นทางการอย่าง AWS และ Abu Dhabi Mobility, ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการอย่าง Wio และ Castore, พันธมิตรด้านเทคนิคอย่าง PACETEQ, Live in Five, Meccanica 42 และ Vislink รวมถึงพันธมิตรด้านงานกิจกรรมอย่าง Abu ​​Dhabi Gaming, Miral และ UAE Cybersecurity Council

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการอัปเดตสด โปรดไปที่ www.A2RL.io

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ

ตารางกิจกรรมมีแล้วที่นี่

*แหล่งที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113967122/en

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Thushara Mohanan
Comms@a2rl.io


ICOM Dubai 2025 ปิดฉากด้วยความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์

Logo

Rotterdam เตรียมเป็นเจ้าภาพจัด ICOM 2028 โดย Nasir Al Darmaki ได้รับเลือกเป็นรองประธาน ICOM

ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ –(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2025

ภายใต้การอุปถัมภ์ของชีค Mohammed bin Rashid Al Maktoum รองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเจ้าผู้ครองนครดูไบ การจัดมหกรรม ICOM Dubai 2025 ครั้งที่ 25 ถือเป็นการปิดฉากครั้งประวัติศาสตร์ โดยนับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานในตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้ การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “อนาคตของพิพิธภัณฑ์ในชุมชนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 4,500 คน จากผู้เชี่ยวชาญด้านพิพิธภัณฑ์ ผู้นำทางวัฒนธรรม และผู้มีอำนาจตัดสินใจจากทั่วโลก ซึ่งได้ช่วยตอกย้ำถึงบทบาทของดูไบในฐานะศูนย์กลางทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมระดับโลก

ICOM Dubai 2025 Concludes with Historic Success (Photo: AETOSWire)

ICOM Dubai 2025 ปิดฉากด้วยความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ (ภาพ: AETOSWire)

โดยในวันสุดท้ายมีการเสวนาสำคัญต่างๆ มากมาย รวมถึงหัวข้อ “การทูตวัฒนธรรมจากมุมมองของชาวเอมิเรตส์: สะพานแห่งการเชื่อมโยงและการสนทนา” นำโดย Sheikha Latifa bint Mohammed bin Rashid Al Maktoum, ประธานวัฒนธรรมดูไบ ในระหว่างการเสวนา Sheikha Latifa ได้เน้นย้ำถึงความสามัคคีทางวัฒนธรรมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมี ฯพณฯ Noura Al Kaabi รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง เข้าร่วมด้วย โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทูตเชิงวัฒนธรรมในฐานะการปฏิบัติ ไม่ใช่เพียงแค่แนวคิด

การประชุมครั้งนี้ยังรวมถึงช่วง “พลังแห่งเรื่องเล่า มรดก และเยาวชน” ซึ่งมี ฯพณฯ Reem bint Ibrahim Al Hashimy รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับบทบาทของพิพิธภัณฑ์ในฐานะแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับการสนทนาและความเข้าใจซึ่งกันและกัน

ในระหว่างการกล่าวปาฐกถาพิเศษ ฯพณฯ Zaki Anwar Nusseibeh ที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรมของประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้กล่าวถึงความท้าทายที่พิพิธภัณฑ์ต้องเผชิญในการรักษาแก่นแท้ของความคิดสร้างสรรค์ควบคู่ไปกับการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง โดยเน้นย้ำว่าพิพิธภัณฑ์ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้สังเกตการณ์ แต่ยังเป็นผู้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอีกด้วย

พิธีปิดงานยังถือเป็นการประกาศแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ของ ICOM โดย Antonio Rodriguez ได้รับเลือกเป็นประธานคนใหม่ของ ICOM และ Nasir Al Darmaki ได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธาน การประชุมครั้งนี้ยังเป็นพิธีส่งมอบธง ICOM อย่างเป็นทางการให้แก่เมือง Rotterdam ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน ICOM 2028

ICOM Dubai 2025 ยังได้เฉลิมฉลองรางวัล ICOM Sustainability Award ครั้งแรก ซึ่งมอบให้แก่ Kaye Hall จาก Barbados Museum & Historical Society และ Jamie Brown จาก University of St. Andrews สำหรับโครงการ “Shared Island Stories Between Scotland and the Caribbean (เรื่องราวของเกาะร่วมกันระหว่างสกอตแลนด์และแคริบเบียน)”

นอกจากนี้ ยังมีการจัดเซสชันต่างๆ มากกว่า 100 เซสชัน อาทิ การอภิปรายกลุ่ม การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ และคลาสเรียนพิเศษต่างๆ ตลอดทั้งงาน

 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ dubai2025.icom.museum

 *ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20251116006657/en

Contacts

Joumana El Tarabulsi
joumana@ciceroandbernay.me

ที่มา: ICOM Dubai 2025

ร่วมเฉลิมฉลองจุดหมายปลายทางที่เป็นเลิศ: TOURISE เผยรายชื่อสถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายสำหรับรางวัล TOURISE Awards 2025

Logo

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–30 ตุลาคม 2025

ความคาดหวังกำลังก่อตัวขึ้น วันนี้ TOURISE ได้ประกาศรายชื่อสถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายของรางวัล TOURISE Awards 2025 ที่ทุกคนรอคอย เพื่อยกย่องจุดหมายปลายทางชั้นนำระดับโลกที่กำลังพลิกโฉมนิยามของการค้นหา จุดหมายปลายทางสิบสองแห่งได้รับการเสนอชื่อให้เข้ารอบสุดท้ายสำหรับรางวัล TOURISE Awards ประจำปีนี้ ซึ่งถือเป็นการปูทางไปสู่อนาคตของการท่องเที่ยว โดยจุดหมายปลายทางเหล่านี้เป็นตัวแทนของสถานที่ต่างๆ จากทั่วโลกที่ไม่เพียงแต่จะพลิกโฉมในด้านความเป็นเลิศด้านจุดหมายปลายทางเท่านั้น แต่ยังจะกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ทั้งหมดเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเดินทางยุคใหม่

มีการคัดเลือกจากรายชื่อสถานที่มากมายที่ส่งเข้ามาโดยนักเดินทางผู้หลงใหล ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และองค์กรต่างๆ ทั่วโลก สถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายในปีนี้จะร่วมเฉลิมฉลองจุดหมายปลายทางต่างๆ ที่ส่งมอบวัฒนธรรมที่กระตุ้นจิตวิญญาณ ประสบการณ์ที่ก้าวข้ามขีดจำกัด และเหนือสิ่งอื่นใดคือความทรงจำอันทรงคุณค่าและยั่งยืน

ฯพณฯ Ahmed Al-Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธานคณะกรรมการ TOURISE กล่าวว่า “สถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายของรางวัล TOURISE Awards สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมอันโดดเด่นและการต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งเป็นนิยามของประสบการณ์การเดินทางยุคใหม่อย่างแท้จริง เมืองและภูมิภาคอันโดดเด่นเหล่านี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังจุดประกายจินตนาการ สร้างสะพานเชื่อมระหว่างวัฒนธรรม และสร้างแรงบันดาลใจให้เราทุกคนมองโลกด้วยมุมมองใหม่ ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้นำในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เรามีความภูมิใจที่จะเฉลิมฉลองจุดหมายปลายทางที่สร้างมาตรฐานความเป็นเลิศใหม่ สถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายแต่ละแห่งได้ฝากรอยประทับอันตราตรึงไว้ในใจนักเดินทางทุกคน ที่ได้ย้ำเตือนเราว่าการสำรวจที่มีความหมายมีพลังที่จะรวมเป็นหนึ่งและสร้างแรงบันดาลใจได้ แม้การเดินทางจะสิ้นสุดลงไปแล้ว”

สปอตไลท์: สถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายของปีนี้

สถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายรางวัล TOURISE Awards 2025 ประกอบด้วย:

จุดหมายปลายทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่ดีที่สุด: เกียวโต, ปารีส, นิวยอร์ก

จุดหมายปลายทางด้านการผจญภัยที่ดีที่สุด: หมู่เกาะกาลาปากอส, อุทยานแห่งชาติบวินดีอิมเพเนเทรเบิล, อันคาช

จุดหมายปลายทางด้านอาหารและการทำอาหารที่ดีที่สุด:โตเกียว, ลอนดอน, ฮ่องกง

จุดหมายปลายทางด้านการช็อปปิ้งที่ดีที่สุด:สิงคโปร์, ปารีส, ลอนดอน

จุดหมายปลายทางด้านความบันเทิงที่ดีที่สุด:โซล, โตเกียว, เม็กซิโกซิตี้

สถานที่ที่ชนะในแต่ละประเภทจะมีโอกาสได้รับการเสนอชื่อให้เป็นจุดหมายปลายทางโดยรวมที่ดีที่สุด ซึ่งจะได้รับการคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ TOURISE Awards

คณะกรรมการอิสระจะเป็นผู้รับผิดชอบในการคัดกรองสถานที่ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลด้วยความเชี่ยวชาญจนเหลือเพียงสถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายที่โดดเด่นในปัจจุบัน โดยคณะกรรมการถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลจากหลากหลายอุตสาหกรรม ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เหล่านี้เป็นตัวแทนที่ดีที่สุดจากหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งด้านการเดินทางและการท่องเที่ยว แฟชั่น ศิลปะการทำอาหาร ค้าปลีก วัฒนธรรม การผจญภัย และความบันเทิง ที่ได้นำความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นอันหาที่เปรียบมิได้มาสู่รางวัล TOURISE Awards โดยคณะกรรมการประกอบด้วย:

Filip Boyen, อดีตซีอีโอ นิตยสาร Forbes Travel Guide

Michael Ellis, อดีตผู้อำนวยการฝ่ายคู่มือมิชลินระดับโลก

Fiona Jeffery, อดีตประธาน World Travel Market อดีตประธานรางวัล Tourism for Tomorrow Awards

Renaud de Lesquen, อดีตซีอีโอ Givenchy อดีตประธาน Dior AM

Lars Nittve, อดีตผู้อำนวยการก่อตั้ง Tate Modern

Albert Read, อดีตกรรมการผู้จัดการ Condé Nast

Caroline Rush, อดีตซีอีโอ สภาแฟชั่นอังกฤษ

Omar Samra, ทูตสันถวไมตรีแห่งสหประชาชาติ นักปีนเขา และนักสำรวจขั้วโลก

Bernold Schroeder, อดีตซีอีโอ Kempinski; Pan Pacific

การนับถอยหลังครั้งสุดท้าย

สถานที่ที่ชนะรางวัล TOURISE Awards ครั้งแรกจะได้รับการประกาศในงานกาลาในคืนเปิดงาน TOURISE Summit ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ณ กรุงริยาด โดยรางวัล TOURISE Awards จะเป็นส่วนขยายของแพลตฟอร์ม TOURISE ภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งขับเคลื่อนโดยสำนักงานการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั่วโลก

TOURISE คือแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกสำหรับการกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวทั่วโลก การประชุมครั้งนี้ประกอบด้วยผู้นำ ผู้กำหนดนโยบาย หน่วยงานกำกับดูแล นักลงทุน และผู้กำหนดอนาคตจากหลากหลายอุตสาหกรรม โดย TOURISE จะรับมือกับความท้าทายและไขว่คว้าโอกาสในการเปลี่ยนแปลง พร้อมกำหนดวาระสำหรับภาคการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบ เป็นธรรม และมุ่งเน้นอนาคต

เจาะลึก: พบกับสถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายของคุณ

จุดหมายปลายทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่ดีที่สุด

  • เกียวโต: ญี่ปุ่นเหนือกาลเวลา – สวนอันเงียบสงบ วัดที่เป็นสัญลักษณ์ และงานหัตถกรรมที่มีชีวิตทั้งหมดสานกันเป็นเนื้อผ้าทางวัฒนธรรมร่วมสมัยที่มีชีวิตชีวา
  • ปารีส: สัญลักษณ์ตลอดกาล – พิพิธภัณฑ์อันยิ่งใหญ่ ศิลปะร่วมสมัยที่กำลังเบ่งบาน และฉากศิลปะการแสดงที่ทำให้จิตวิญญาณแห่งความคิดสร้างสรรค์ของเมืองยังคงมีชีวิตอยู่
  • นิวยอร์ก: วัฒนธรรมที่รุ่งเรืองที่สุด – พิพิธภัณฑ์ระดับโลก ศิลปะข้างถนนที่น่าตื่นตาตื่นใจ และพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่บรอดเวย์ไปจนถึงจังหวะดนตรีตามท้องถนน

จุดหมายปลายทางด้านการผจญภัยที่ดีที่สุด

  • หมู่เกาะกาลาปากอส: ต้นกำเนิดแห่งความมหัศจรรย์ – ความงามของภูเขาไฟ ความหลากหลายทางทะเล และการพบปะสัตว์ป่าที่ให้ความรู้สึกเหมือนการเดินทางข้ามกาลเวลา
  • อุทยานแห่งชาติบวินดีอิมเพเนเทรเบิล: กลับคืนสู่ธรรมชาติ – ป่าโบราณ การพบเห็นกอริลลาที่หายาก และสัมผัสถึงพลังของธรรมชาติในทุกย่างก้าว
  • อันคาช: ความดิบที่เป็นจริง – ยอดเขาที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ทะเลสาบน้ำแข็ง และเส้นทางที่เต็มไปด้วยประเพณี ที่ซึ่งการผจญภัยพบกับความอบอุ่นของชุมชนท้องถิ่น

จุดหมายปลายทางด้านอาหารและการทำอาหารที่ดีที่สุด

  • โตเกียว: ซูชิระดับมิชลินสตาร์ไปจนถึงราเมนรสเลิศ ประเพณีเก่าแก่หลายศตวรรษผสานกับความหลงใหลในคุณภาพ ทำให้ทุกคำที่ทานกลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม
  • ลอนดอน: ศูนย์กลางแห่งอาหารนานาชาติ – ห้องครัวสไตล์อังกฤษสมัยใหม่ รสชาติจากทั่วทุกมุมโลก และอาหารตั้งแต่อาหารชั้นสูงไปจนถึงอาหารคลาสสิกริมทาง
  • ฮ่องกง: งานเลี้ยงแนวตั้ง – ร้านอาหารชั้นเลิศที่ตั้งตระหง่านเหนือแผงขายได่ผิงและร้านก๋วยเตี๋ยว ผสมผสานมรดกและรสชาติจากทั่วโลกไว้ในทัศนียภาพเมืองที่งดงามตระการตา

จุดหมายปลายทางด้านการช็อปปิ้งที่ดีที่สุด

  • สิงคโปร์: การค้าปลีกที่มุ่งเน้นอนาคต – ย่านที่เต็มไปด้วยการออกแบบ ห้างสรรพสินค้าหรูหรา และตลาดทางวัฒนธรรมในเมืองที่เชื่อมโยงทั้งตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน
  • ปารีส: Haute Couture (โอตกูตูร์ – ศิลปะการตัดเย็บชั้นสูง) และอื่นๆ – เมซงในตำนาน ร้านคอนเซ็ปต์ และตลาดนัดของเก่าที่ผสมผสานความสง่างามเหนือกาลเวลาเข้ากับสไตล์ที่ล้ำสมัย
  • ลอนดอน: มรดกพบกับความทันสมัย ​​- เรือธงสุดหรู ศูนย์กลางแห่งความคิดสร้างสรรค์ และตลาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเมืองที่กำหนดสไตล์ระดับโลก

จุดหมายปลายทางด้านความบันเทิงที่ดีที่สุด

  • โซล: นวัตกรรมพบกับวัฒนธรรม – เวที K-pop ความบันเทิงล้ำสมัย และสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่กำหนดเทรนด์ระดับโลก
  • โตเกียว: พลังงานที่ไม่มีใครเทียบได้ – การแสดงระดับโลก แหล่งท่องเที่ยวที่น่าดื่มด่ำ และประสบการณ์ท้องถิ่นที่แท้จริงในเมืองที่สร้างมาเพื่อความตื่นเต้น
  • เม็กซิโกซิตี้: ความมีชีวิตชีวาอันบริสุทธิ์ – เทศกาล ดนตรี และการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ระหว่างประเพณีและความสนุกสนานสมัยใหม่ที่ทำให้ทุกค่ำคืนนั้นน่าจดจำ

เกี่ยวกับ TOURISE Awards

รางวัล TOURISE Awards เป็นรางวัลระดับโลกที่ยกย่องจุดหมายปลายทางอันเป็นเลิศ โดยยกย่องสถานที่ต่างๆ ที่มอบประสบการณ์การเดินทางที่มีความหมาย น่าจดจำ และสอดคล้องกับความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทางในปัจจุบัน รางวัลนี้ตัดสินโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายภาคส่วน โดยมอบรางวัลให้กับจุดหมายปลายทางใน 5 สาขา ได้แก่ ศิลปะและวัฒนธรรม การผจญภัย อาหารและการทำอาหาร ช้อปปิ้ง และความบันเทิง ปิดท้ายด้วยรางวัลจุดหมายปลายทางยอดเยี่ยม (Best Overall Destination Award) รางวัลนี้ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม ความยั่งยืน การอนุรักษ์วัฒนธรรม และผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว นับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ระดับโลกสำหรับสิ่งที่ทำให้จุดหมายปลายทางนั้นพิเศษอย่างแท้จริง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางวัล TOURISE ได้ที่ www.TOURISE.com/awards

เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

การประชุม TOURISE Summit ครั้งแรก ที่ขับเคลื่อนโดยกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2025 ที่ริยาด โดย TOURISE จะรวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ภาคธุรกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอโครงการริเริ่มที่มีผลกระทบสูงและข้อตกลงต่างๆ ที่จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมและสร้างภาคการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เป็นธรรม และมุ่งเน้นอนาคต

TOURISE มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในเชิงกายภาพและครอบคลุมทุกช่องทางดิจิทัล โดยจะรับประกันการมีส่วนร่วมในวงกว้างจากทั่วโลก ควบคู่ไปกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุดสำหรับผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในการกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวโลก หลังจากการประชุมสุดยอด TOURISE จะขยายขอบเขตเป็นแพลตฟอร์มตลอดทั้งปีที่ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน เราจะไม่มีวันหยุดยั้ง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TOURISE ได้ที่ www.TOURISE.com และสมัครรับจดหมายข่าว

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251029909575/en

Contacts

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: media@TOURISE.com

ที่มา: TOURISE

อุตสาหกรรมซีเมนต์โลกรายงานการลดความเข้มข้นของ CO2 ลง 25% และเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

Logo

  • รายงานใหม่แสดงให้เห็นถึงการดำเนินการลดคาร์บอนของอุตสาหกรรมซีเมนต์โลกและนโยบายของรัฐบาลที่จำเป็นเพื่อเร่งความคืบหน้าในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
  • มีการนำเสนอโครงการที่โดดเด่นกว่า 60 โครงการจากทั่วโลก โดยเน้นที่การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของนวัตกรรมและเทคโนโลยี การใช้การดักจับคาร์บอน การเพิ่มการใช้แหล่งพลังงานทางเลือก และการใช้วัสดุใหม่ๆ

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2025

งานลดคาร์บอนที่ดำเนินการอย่างกว้างขวางโดยอุตสาหกรรมซีเมนต์และคอนกรีตโลกเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้รับการระบุไว้ในรายงานระดับโลกฉบับใหม่ ซึ่งเปิดตัวในงาน COP30 ที่เมืองเบเลง ประเทศบราซิล รายงานดังกล่าวให้รายละเอียดข้อมูลอุตสาหกรรมล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าภาคส่วนนี้กำลังมีความก้าวหน้า และยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการขอข้อมูลจากรัฐบาลทั่วโลกเพื่อช่วยเร่งดำเนินการ

GCCA Cement and Concrete Industry Net Zero Action and Progress Report

รายงานความคืบหน้าและการดำเนินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของอุตสาหกรรมซีเมนต์และคอนกรีตของ GCCA

รายงานพบว่าอุตสาหกรรมได้ลดความเข้มข้นของ CO₂ ของผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ลง 25% ทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 1990 และยังได้กำหนดคำแนะนำนโยบายชุดหนึ่งที่สามารถนำไปสู่การลดปริมาณ CO₂ ได้เร็วขึ้นอีกด้วย

Dominik von Achten ประธาน GCCA และประธานคณะกรรมการบริหารของ Heidelberg Materials กล่าวว่า: อุตสาหกรรมของเรากำลังร่วมมือและสร้างนวัตกรรมในทุกแง่มุมของการผลิตของเรา โดยค้นหาวิธีการทำงานใหม่ๆ และปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงอยู่

อย่างไรก็ตาม เพื่อบรรลุการเปลี่ยนแปลงในระดับอุตสาหกรรมที่โลกของเราต้องการ เราไม่สามารถทำโดยตัวเราเองได้ อุตสาหกรรมของเราต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาล ผู้กำหนดนโยบาย ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และพันธมิตรของเราในสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นในขณะนี้

รายงานฉบับนี้เรียกร้องให้มีการดำเนินนโยบายที่มีประสิทธิภาพอย่างเร่งด่วน ซึ่งส่งเสริมการใช้ขยะเทศบาลและขยะอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ มาเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับเตาเผาซีเมนต์ รวมถึงการนำขยะจากการรื้อถอนอาคารมาเป็นวัตถุดิบรีไซเคิล นโยบายสำคัญอื่นๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายอาคารเพื่อส่งเสริมการนำผลิตภัณฑ์ซีเมนต์และคอนกรีตผสมไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น และการจัดตั้งกลไกการกำหนดราคาคาร์บอนระดับชาติที่ขับเคลื่อนโดยตลาด เพื่อจูงใจให้เกิดการลดคาร์บอนและการลงทุนในนวัตกรรมสะอาด

Thomas Guillot ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GCCA กล่าวว่า: กิจกรรมอันหลากหลายที่เราเห็นในกลุ่มสมาชิกของเรานั้นช่วยสร้างแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง ด้วยตัวอย่างโครงการและการทำงานที่ยอดเยี่ยมในทุกขั้นตอนของการลดคาร์บอน ซึ่งมีนโยบายที่เอื้ออำนวยอยู่แล้ว

ซีเมนต์และคอนกรีตเป็นวัสดุสำคัญของโลก แต่เรารู้ว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นต่อการลดคาร์บอนเช่นกัน แม้เราจะมีความก้าวหน้า แต่เราก็รู้ว่าการดำเนินนโยบายที่แน่วแน่ทั่วโลกเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้เราเร่งการลดคาร์บอนได้

สี่ปีหลังจากการเปิดตัวแผนงานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รายงานความคืบหน้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของอุตสาหกรรมซีเมนต์และคอนกรีต ประจำปี 2025/26 ของ GCCA เน้นย้ำถึงบทบาทผู้นำของบริษัทต่างๆ ทั่วโลกในการลดคาร์บอน

รายงานดังกล่าวได้เน้นย้ำถึงโครงการลดคาร์บอนที่โดดเด่นกว่า 60 โครงการจากบริษัทสมาชิก GCCA และสมาคมพันธมิตร ซึ่งรวมถึง:

การลด CO₂ ผ่านการใช้วัสดุเหลือใช้ (“เชื้อเพลิงทางเลือก”) เพื่อทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล การใช้วัตถุดิบที่ผ่านการกำจัดคาร์บอเนต มาตรการด้านประสิทธิภาพพลังงาน และนวัตกรรม เช่น การใช้ไฮโดรเจนและการใช้ไฟฟ้าในเตาเผา

  • ตัวอย่าง ได้แก่ โรงงาน Golden Bay ของ Fletcher และโรงงาน Nandyal และ Shiva ของ JSW Votorantim Cimentos เป็นผู้บุกเบิกการใช้ขยะชีวมวลในตุรกี ที่โรงงาน Yozgat เชื้อเพลิงทางเลือกในเตาเผาหลักส่วนใหญ่มาจากลำต้นข้าวโพด ที่โรงงาน Hasanoğlan ชีวมวลถูกนำมาใช้ในสายการผลิตเครื่องเผา
  • Limak Cement ได้นำของเสียจากการรื้อถอนอาคารมาใช้ในการผลิตเชิงพาณิชย์ ส่วน Molins ได้นำปูนซีเมนต์ดินเผาเผาเข้าสู่ตลาดสเปน และ CIMPOR ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TCC Holdings กำลังขับเคลื่อนการผลิตดินเผาในแอฟริกา และโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ของ CRH ในเมืองโรโฮชนิก ประเทศสโลวาเกีย ได้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตคลิงเกอร์ด้วยการทดแทนวัตถุดิบ 20% ด้วยวัสดุทางเลือกอื่น

การเร่งการดักจับและกักเก็บ (CCUS) ซึ่งคิดเป็น 36% ของการลด CO2 ที่อุตสาหกรรมวางแผนไว้ ตามแผนงาน GCCA

  •  ตัวอย่าง ได้แก่ การเปิดตัวโรงงานผลิตซีเมนต์ดักจับคาร์บอนขนาดอุตสาหกรรมแห่งแรกของโลกที่เมืองเบรวิก ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งดำเนินการโดย Heidelberg Materials ในเดือนมิถุนายน 2025 ตัวอย่างอื่นๆ ได้แก่ Breedon, Cementir Holding, CNBM, GCC, Holcim, JCA, JSW, TITAN และ UltraTech โครงการที่ประกาศต่อสาธารณะจะถูกรวบรวมและเผยแพร่ให้เข้าถึงได้บนเครื่องมือติดตามเทคโนโลยีซีเมนต์สีเขียว GCCA/LeadIT

การใช้พลังงานทางเลือกที่เพิ่มขึ้น

  • ตัวอย่าง ได้แก่ ความก้าวหน้าด้านพลังงานแสงอาทิตย์ที่โรงงานเซเม็กซ์ในโครเอเชีย และโครงการพลังงานหมุนเวียนของอัลตร้าเทคในรัฐคุชราต

คอนกรีตและวงจรคาร์บอนต่ำ และการออกแบบและการก่อสร้าง

  • Holcim และ Seqens ได้สร้างอาคารที่อยู่อาศัยเพื่อสังคม Recygénie จำนวน 220 ยูนิตในปารีส โดยใช้คอนกรีตที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นอาคารแห่งแรกของโลกที่ใช้คอนกรีตรีไซเคิล 100% โดยระบบ CARBOCATCH ของ Taiheiyo Cement กำลังผลิตคอนกรีตคาร์บอนต่ำโดยใช้วัสดุเหลือใช้ที่ดูดซับ CO₂

Mélanie Joly รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของแคนาดาสำหรับภูมิภาคควิเบก รัฐบาลแคนาดา กล่าวว่า: คอนกรีตคือหัวใจสำคัญของเป้าหมายทางเศรษฐกิจและความต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังเติบโตของโลก ตั้งแต่ที่อยู่อาศัย ถนน พลังงาน และศูนย์กลางการค้า ในขณะที่ความต้องการกำลังเพิ่มขึ้น การลดคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แคนาดารู้สึกภูมิใจกับผลงานและความสำเร็จของโครงการ Cement and Concrete Breakthrough และ COP30 ถือเป็นโอกาสในการส่งมอบความคืบหน้าที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามลำดับความสำคัญชุดแรกของเรา

อ่านรายงานฉบับเต็ม: https://gccassociation.org/cement-and-concrete-industry-net-zero-action-and-progress-report/

เกี่ยวกับข้อมูลการปล่อยมลพิษของอุตสาหกรรม

ทุกปี GCCA จะเผยแพร่ข้อมูล GNR (“GCCA in NumbeRs”) ล่าสุดของอุตสาหกรรม GNR เป็นฐานข้อมูลระดับโลกที่รวบรวม (ผ่าน PwC ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่น่าเชื่อถือ) และเผยแพร่ชุดข้อมูลความยั่งยืนที่สำคัญของอุตสาหกรรมอย่างโปร่งใส ข้อมูลจะถูกเก็บรวบรวมตาม Cement CO₂ and Energy Protocol และข้อมูลที่มีอยู่จะย้อนกลับไปถึงปี 1990 เพื่อใช้เป็นจุดอ้างอิง ดังนั้นเราจึงสามารถประเมินความคืบหน้าที่กำลังดำเนินอยู่ได้

GNR เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามและรายงานความคืบหน้าที่สำคัญด้านความยั่งยืน

ข้อมูลล่าสุด

ในปี 2025 เราได้รวบรวมข้อมูลสำหรับปี 2023 เพื่อให้เป็นไปตามระยะเวลาล่าช้าตามที่หน่วยงานการแข่งขันและการตลาด (CMA) กำหนดไว้คือ 2 ปี

  • ข้อมูล GNR* ของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปี 2023 แสดงให้เห็นว่าสามารถลด CO2 ลงได้ 25% ต่อซีเมนต์หนึ่งตันตั้งแต่ปี 1990
  • สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงทางเลือกเพิ่มขึ้น 12 เท่าจากปี 1990
  • ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น 18%
  • อัตราส่วนคลิงเกอร์ต่อซีเมนต์แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุง 10.68% ตั้งแต่ปี 1990

 * หมายเหตุ ตัวเลขมีการปัดเศษ โปรดดูได้ที่เว็บไซต์ GCCAสำหรับข้อมูลตัวเลขและการเปรียบเทียบที่ถูกต้อง รวมถึงฐานข้อมูล GNR ฉบับเต็ม

เกี่ยวกับ GCCA

GCCA และสมาชิกมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ส่วนใหญ่ของโลกนอกประเทศจีน รวมถึงผู้ผลิตในจีนที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ บริษัทสมาชิกต่างมุ่งมั่นที่จะลดและขจัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในคอนกรีต ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 7% ของปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก ผ่านการดำเนินการตามแผนงาน Concrete Future 2050 Net Zero ของ GCCA ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหนักแห่งแรกที่ได้กำหนดแผนงานโดยละเอียดดังกล่าว โดย GCCA มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันสร้างอนาคตคอนกรีตที่สดใส ยืดหยุ่น และยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมและสำหรับโลก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251117920702/en 

Contacts

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:

สำหรับภาพถ่ายกรณีศึกษาการลดคาร์บอน โปรดติดต่อ: GCCACommunication@gccassociation.org

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: paul.adeleke@gccassociation.org

ที่มา: GCCA

Grand Nikko Bangkok Sathorn พร้อมให้ทุกท่านสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนสุดหรู ที่โอบล้อมด้วยความสงบและการบริการด้วยจิตวิญาณของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เปิดรับจองสำหรับการเข้าพักในปี พ.ศ. 2569 แล้วตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป

Logo

กรุงเทพฯ–(ฺBUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2568

แกรนด์ นิกโก้ กรุงเทพฯ สาทร โรงแรมหรูภายใต้แบรนด์ Grand Nikko แห่งแรกในประเทศไทย พร้อมแล้วสำหรับสุดยอดการบริการแบบ “โอโมเตนาชิ” (Omotenashi) เสน่ห์การบริการแบบญี่ปุ่นที่ใส่ใจทุกรายละเอียด  สัมผัสโอเอซิสแห่งใหม่ใจกลางย่านเศรษฐกิจอย่างถนนสาทร ที่รายล้อมไปด้วยสถานทูต อาคารสำนักงาน แหล่งบันเทิงชั้นนำ รวมไปถึงจุดท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย รองรับได้ทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจและการเข้าพักแบบครอบครัว

Rendition of Premier Corner Rooms

ภาพถ่ายห้องพรีเมียร์คอร์เนอร์

ห้องพักและห้องสวีทที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพักผ่อน

พบกับความหรูหรา หลากสไตล์ ในการตกแต่งห้องพักและห้องสวีท ที่มีให้บริการจำนวน 405 ห้อง รวมถึงห้องพักแบบ  Long-Stay Residence จำนวน 36 ห้อง ออกแบบมาเพื่อผสานความงามร่วมสมัยกับสุนทรียะแบบญี่ปุ่น ซึ่งเป็นความงามที่เหนือกาลเวลาได้อย่างลงตัว ทุกห้องพักตกแต่งอย่างพิถีพิถัน พร้อมห้องน้ำดีไซน์ทันสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม อาทิเช่น เครื่องสุขภัณฑ์จากแบรนด์ TOTO  สมาร์ททีวี และเครื่องชงกาแฟ Nespresso ตระการตาไปด้วยแสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร วิวในฝันที่จะสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่ผ่อนคลายในแบบที่เป็นคุณอย่างแท้จริง

ประสบการณ์การรับประทานอาหารระดับเวิลด์คลาส

โรงแรมมีห้องอาหารเปิดให้บริการทั้งหมด 5 แห่ง แต่ละแห่งมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหาร Benkay ที่นำเสนออาหารญี่ปุ่นชั้นเลิศในสไตล์ฟิวชั่นสุดสร้างสรรค์ ห้องอาหาร ICHO โดดเด่นด้วยศิลปะการปรุงอาหารญี่ปุ่นแบบเทปันยากิ หรือ SANUK ห้องอาหารนานาชาติที่ให้บริการแบบ All-Day Dining อิ่มอร่อยไปด้วยหลากหลายเมนูชั้นเลิศ พร้อมเพลิดเพลินไปกับขนมหวานรสชาติกลมกล่อมเสริฟพร้อมกาแฟและเครื่องดื่มหลากสไตล์ ที่ LA-MUN หรือจะดื่มค็อกเทล ชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน พร้อมดื่มด่ำไปกับแสงไฟของมหานครยามค่ำคืนแบบพาโนรามาที่ TENKU 33 บาร์ลอยฟ้าบนชั้น 33 ของโรงแรมก็สามารถทำได้เช่นกัน

สัมผัสประสบการณ์สุดหรู ด้วยตัวคุณเองที่โรงแรมแกรนด์ นิกโก้ กรุงเทพฯ สาทร กับข้อเสนอสุดพิเศษ ในแพ็คเกจเปิดตัวโรงแรม “Commemorative Opening Package” ที่มาพร้อม

ข้อเสนอมากมายดังนี้

ระยะเวลาการจอง:

17 พฤศจิกายน 2568 – 1 มีนาคม 2569

ช่วงเวลาเข้าพัก:

1 มีนาคม – 30 มิถุนายน 2569

ประเภทห้องพัก:

Superior / Deluxe / Premier Corner

ราคาเริ่มต้น:

6,500++ บาท/ห้อง/คืน

(ราคานี้ยังไม่รวมค่าบริการ 10% และภาษี 7%)

สิทธิประโยชน์พิเศษ:

  • บริการอาหารเช้าทุกวันที่ห้องอาหาร All-Day Dining
  • เครดิตเงินคืนสูงสุด 1,500 บาทสุทธิ/ห้อง/คืน สำหรับใช้ในห้องอาหารใดก็ได้ (เฉพาะค่าอาหาร)
  • เช็คเอาท์ได้ถึงเวลา 16.00 น. (ขึ้นอยู่กับความพร้อมของห้องพักในวันนั้น)
  • ส่วนลดเพิ่ม 10% สำหรับสมาชิก One Harmony

สำรองห้องพักได้ที่:

สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อการพักผ่อนแบบมีสไตล์

ท่ามกลางย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ โรงแรมแกรนด์ นิกโก้ กรุงเทพฯ สาทร ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ที่มาพร้อมบรรยากาศอันสงบ ร่มรื่น เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมให้กับผู้เข้าพักทุกท่าน สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ได้รับการออกแบบอย่างละเมียดละไม ใส่ใจในความต้องการที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ฟิตเนส รวมถึงสปาจากแบรนด์ divana® ที่ยึดปรัชญา “ที่ซึ่งสุนทรียศาสตร์ตะวันออกและคุณภาพเหนือระดับมาบรรจบกัน” เพื่อร่วมรังสรรค์การดูแลแบบองค์รวมจากธรรมชาติที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิปัญญาตะวันออก เพื่อคืนความสมดุลอย่างลึกซึ่งให้แก่ผู้ใช้บริการ

การประชุมและงานอีเวนต์ครบวงจร

ด้วยพื้นที่จัดงานที่หลากหลาย กว้างขวาง รวมถึงห้องบอลรูมขนาดใหญ่และห้องอเนกประสงค์ ที่ติดตั้งด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ส่งผลให้โรงแรมแกรนด์ นิกโก้ กรุงเทพฯ สาทร กลายเป็นสถานที่รองรับงานสำคัญต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ครบครัน ทั้งงานประชุมองค์กร งานสถานทูต งานแต่งงาน และงานสังสรรค์ทางสังคมต่างๆ

สิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก One Harmony

แกรนด์ นิกโก้ กรุงเทพฯ สาทร ในฐานะหนึ่งในโรงแรมในเครือ Okura Nikko Hotels มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก One Harmony  โดยสามารถสะสมคะแนนพร้อมรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ทั่วโลก สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

โรงแรมแกรนด์ นิกโก้ กรุงเทพฯ สาทร

ที่ตั้ง:

117 ถนนสาทรใต้ ทุ่งมหาเมฆ กรุงเทพฯ 10120

ห้องพัก:

405 ห้อง รวมถึงห้องพักระยะยาว 36 ห้อง

ห้องอาหาร:

ห้องอาหารญี่ปุ่นแบบ Fine Dining, ห้องอาหารญี่ปุ่นแบบเทปันยากิ, ห้องอาหาร All-Day Dining, Rooftop บาร์ และ ร้านกาแฟและขนมอบ

จัดเลี้ยง:

ห้องสาทร แกรนด์ บอลรูม ขนาด 422 ตร.ม. เพดานสูง 7.5 เมตร พร้อมหลากหลายห้องประชุม

สิ่งอำนวยความสะดวก:

นิกโก้ คลับ เลานจ์, ฟิตเนส, สปา สระว่ายน้ำกลางแจ้ง และคลับสำหรับเด็ก

การเดินทาง:

เดินเพียง 10 นาทีจาก BTS ช่องนนทรี

เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 40 นาที

เนื้อหาข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อความสะดวกในการอ้างอิง โดยฉบับภาษาต้นทางเป็นฉบับทางการ และเป็นฉบับที่มีผลทางกฎหมาย

ชมภาพเพิ่มเติมในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251116318286/en


Duangnapa Saelieo
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด
Grand Nikko Bangkok Sathorn
โทร: +66 (0) 2 078 8733
อีเมล: duangnapa.sa@bangkok.grandnikko.com

ธนาคารกรุงเทพ, M-150 และไทยประกันชีวิต คว้ารางวัลเกียรติยศจากงาน World Branding Awards ประจำปี 2025-2026 ณ โอซาก้า

Logo

โอซาก้า ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2025

งานประกาศรางวัล World Branding Awards ครั้งที่ 20 จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของแบรนด์ชั้นนำทั้งในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับโลก ในงานประกาศรางวัลประจำปี 2025–2026 มีแบรนด์มากกว่า 1,092 แบรนด์ จาก 66 ประเทศ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “แบรนด์แห่งปี” จากการคัดเลือกอันทรงเกียรตินี้ มีแบรนด์ที่ได้รับรางวัลไม่ถึง 100 แบรนด์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานความเป็นเลิศสูงสุดในสามระดับรางวัล

พิธีมอบรางวัล World Branding Awards จัดขึ้นนอกกรุงลอนดอนเป็นครั้งแรก ส่งผลให้พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองโอซาก้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยมีแขกผู้มีเกียรติจากทั่วโลกกว่า 80 ท่านเข้าร่วมงานเฉลิมฉลอง โดยมี Allie Sakakibara เป็นเจ้าภาพ พร้อมด้วยปาฐกถาพิเศษจาก Miho Noguchi ที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์อันน่าประทับใจของแบรนด์

บริษัทที่ได้รับรางวัลระดับโลกด้านการสร้างแบรนด์ในหลากหลายอุตสาหกรรม ประกอบด้วย Bosch (เยอรมนี), IKEA (สวีเดน), Lurpak (เดนมาร์ก), Marriott International (สหราชอาณาจักร), Nike (สหรัฐอเมริกา) และ Yakult (ญี่ปุ่น)

ผู้ชนะจากประเทศไทย ได้แก่ Aurora, ธนาคารกรุงเทพ, Café Amazon, M-150, PTT Station, Royal Umbrella, Sansiri, ไทยประกันชีวิต, TrueOnline, VISTRA และ Vitaday ส่วนผู้ชนะในระดับประเทศสำหรับประเทศอื่นๆ ได้แก่ Airland (ฮ่องกง), FERN-D (ฟิลิปปินส์), Edeka (เยอรมนี), KOI Thé (สิงคโปร์), Kopi Kenangan (อินโดนีเซีย), Tenaga Nasional Berhad (มาเลเซีย), Scarlett (อินโดนีเซีย) และ Spritzer (มาเลเซีย) และอื่นๆ อีกมากมาย

โดยมีเพียง 20 แบรนด์เท่านั้นที่ได้รับรางวัล Regional Tier Award ซึ่งได้รับการยอมรับถึงอิทธิพลใน 4 ประเทศขึ้นไปในตลาดระดับภูมิภาค 3 แห่งขึ้นไป ได้แก่ Amarula (แอฟริกาใต้), M-150 (ประเทศไทย), MR DIY (มาเลเซีย), Nippon Rent-A-Car (ญี่ปุ่น), Tsui Wah (ฮ่องกง), Vitaday (ประเทศไทย) และ Watsons (มาเลเซีย)

“รางวัล World Branding Awards ไม่ได้เป็นเพียงการเฉลิมฉลองความสำเร็จเท่านั้น แต่เรายังเน้นย้ำถึงความพยายามอย่างไม่ลดละ วิสัยทัศน์ และพลังแห่งความรู้สึกที่อยู่เบื้องหลังรางวัลนี้ โดยทุกแบรนด์ได้รับการยกย่องอย่างสูงในระดับโลก ไม่เพียงแต่ในด้านยอดขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งที่แบรนด์ยึดมั่นอีกด้วย” กล่าวโดย คุณ Richard Rowles ประธาน World Branding Forum

ในปีนี้ มีผู้บริโภคมากกว่า 91,000 รายทั่วโลกเข้าร่วมกระบวนการเสนอชื่อ โดยเฉลี่ยแล้วจะมีแบรนด์ที่ชนะเพียง 5 แบรนด์ในแต่ละประเทศเท่านั้น ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าการได้รับรางวัล World Branding Award ถือเป็นความสำเร็จอันน่าทึ่ง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะทั้งหมดได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับรางวัล World Branding Awards

รางวัล World Branding Awards เป็นรางวัลระดับแนวหน้าของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่จดทะเบียนแล้ว โดยรางวัลนี้จะยกย่องถึงความสำเร็จของแบรนด์ในระดับโลก

โซเชียลมีเดีย

Facebook: https://www.facebook.com/worldbrandingforum/
Twitter: https://twitter.com/WorldBranding
Instagram: https://www.instagram.com/worldbranding/
LinkedIn: https://linkedin.com/company/world-branding-forum

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ติดต่อกองบรรณาธิการ
อีเมล: editorial@brandingforum.org

ที่มา: World Branding Awards

ยกระดับเอกสิทธิ์แห่งการเดินทาง: Hilton Honors เปิดตัวเส้นทางสู่สถานะ Elite ให้เร็วยิ่งขึ้น พร้อมเปิดตัวสถานะระดับพรีเมียมใหม่ – Diamond Reserve

Logo

สิทธิประโยชน์เหนือระดับ ครอบคลุมทั้งการอัปเกรดห้องพักที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม การันตีขยายเวลาเช็คเอาท์ และบริการผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับสมาชิก

  • ก้าวใหม่ของ Hilton Honors: วิวัฒนาการของโปรแกรมสมาชิกที่ได้รับรางวัลมากมาย มุ่งเน้นให้การเลื่อนระดับสถานะเป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่ายิ่งขึ้น
  • เปิดตัว Diamond Reserve: ระดับสมาชิกใหม่ที่สะท้อนถึงการยอมรับสูงสุดและมอบเอกสิทธิ์ที่พิเศษยิ่งกว่าภายใน Hilton Honors
  • ปรับเกณฑ์ใหม่: สถานะ Diamond จะเข้าถึงได้เร็วขึ้น และสถานะ Gold จะก้าวขึ้นเป็นสถานะระดับกลางที่ทรงคุณค่าและน่าครอบครองที่สุดในปัจจุบัน
  • สิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์: สมาชิก Hilton Honors จะยังคงเพลิดเพลินกับสิทธิประโยชน์หลักที่ให้ความสำคัญและชื่นชอบเช่นเดิม

แมคคลีน รัฐเวอร์จิเนีย–(BUSINESS WIRE)–18 พฤศจิกายน 2025

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะ ตอบแทนความไว้วางใจ ในทุกย่างก้าวของการเดินทาง วันนี้ Hilton (NYSE: HLT) ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโปรแกรมสมาชิก Hilton Honors ที่ได้รับรางวัลมากมาย โดยในเดือนมกราคมนี้ Hilton จะเปิดตัวระดับสมาชิกขั้นสูงสุดในชื่อ “Diamond Reserve” ที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์ที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น อาทิ Confirmable Upgrade Reward (สิทธิ์การยืนยันอัปเกรดห้องพักล่วงหน้า) ที่แลกใช้ได้ทันทีขณะจอง, การการันตีขยายเวลาเช็คเอาท์ (Late Check-out) ได้ถึงเวลา 16.00 น. และบริการผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับสมาชิก

(Photo: Hilton) Committed to rewarding loyalty at every stage of the travel journey, Hilton announced exciting changes to its award-winning Hilton Honors loyalty program. (Waldorf Astoria New York)

(ภาพ: Hilton) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะมอบความภักดีในทุกขั้นตอนของการเดินทาง Hilton ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นของโปรแกรมความภักดี Hilton Honors ที่ได้รับรางวัล (Waldorf Astoria New York)

ยิ่งไปกว่านั้น สถานะ Hilton Honors Gold จะกลายเป็นสถานะระดับกลางที่ทรงคุณค่าที่สุด โดยสมาชิกจะยังคงได้รับสิทธิประโยชน์เดิมครบถ้วน รวมถึงการอัปเกรดห้องพัก (เมื่อมีห้องว่าง) และเครดิตอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมข้อเสนอที่ทำให้เลื่อนสถานะได้เร็วกว่าเดิม ในขณะที่สถานะ Diamond ก็ปรับเกณฑ์ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น พร้อมสิทธิประโยชน์ยอดนิยมที่สมาชิกชื่นชอบที่สุด

Chris Nassetta ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Hilton กล่าวว่า “สมาชิกแจ้งกับเราว่าพวกเขามองหาการยอมรับที่พิเศษยิ่งขึ้นและรางวัลที่มีความหมายตลอดการเดินทาง วันนี้เราภูมิใจที่ได้นำ Hilton Honors ก้าวสู่บทใหม่ ด้วยการมอบสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้ง่ายขึ้นและเพิ่มมูลค่าให้กับสมาชิกในโรงแรมของเราทั่วโลก ในยุคที่โปรแกรมสิทธิพิเศษของแบรนด์ต่าง ๆ เริ่มดูคล้ายคลึงกัน เราเลือกที่จะสร้างความแตกต่างและเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Hilton Honors เพื่อสมาชิกทุกคน ตั้งแต่สิทธิ์การอัปเกรดที่เหนือกว่าสำหรับสมาชิกระดับ Elite ไปจนถึงวิธีใหม่ ๆ ในการเติมเต็มความฝัน พักผ่อน สะสม และแลกคะแนน ในเครือข่ายโรงแรมที่เติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 9,000 แห่งของเรา”

ปี 2026: เส้นทางสู่สถานะ Elite ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น Hilton มอบโอกาสให้นักเดินทางสัมผัสสิทธิพิเศษและความยืดหยุ่นได้ง่ายขึ้น ตอกย้ำให้ Hilton Honors และแอปพลิเคชัน Hilton Honors เป็นเพื่อนร่วมทางที่ทุกคนมองหา:

  • สถานะ Gold: ปรับลดเกณฑ์เหลือเพียงการเข้าพัก 25 คืนต่อปี (จากเดิม 40 คืน) โดยสมาชิกยังคงได้รับสิทธิประโยชน์หลัก เช่น การยืนยันอัปเกรดห้องพัก (เมื่อมีห้องว่าง), เครดิตอาหารและเครื่องดื่มรายวัน หรืออาหารเช้าแบบคอนติเนนตัล (ขึ้นอยู่กับแบรนด์และภูมิภาค) และโบนัสคะแนนสะสม 80%
  • สถานะ Diamond: ปรับลดเกณฑ์เหลือเพียง 50 คืนต่อปี (จากเดิม 60 คืน) สมาชิกยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วน อาทิ การยืนยันอัปเกรดห้องพัก (เมื่อมีห้องว่าง), เครดิตอาหารและเครื่องดื่ม หรืออาหารเช้า, สิทธิ์เข้าใช้เอ็กซิกคิวทีฟเลานจ์, การันตีห้องพัก 48 ชั่วโมง และโบนัสคะแนนสะสม 100%

จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ฮิลตันได้ปรับลดเกณฑ์ในการเลื่อนสถานะสู่ระดับ Gold และ Diamond ลง เริ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ครอบคลุมทั้งจำนวนคืน จำนวนครั้งที่เข้าพัก และยอดใช้จ่ายที่เข้าเกณฑ์

ปลดล็อกเอกสิทธิ์ที่ดีที่สุดของ Hilton Honors

Diamond Reserve Diamond Reserve คือนิยามใหม่ของสถานะสูงสุด เป็นเครื่องหมายแห่งเกียรติยศที่ออกแบบมาเพื่อนักเดินทางคนสำคัญที่สุดของ Hilton สำหรับสมาชิกที่สะสมการเข้าพักครบ 80 คืน และมียอดใช้จ่ายตามเกณฑ์ 18,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี สถานะอัลตราพรีเมียมนี้สะท้อนถึง ความผูกพันและความไว้วางใจ ที่มีให้กันอย่างแท้จริง

Mark Weinstein ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและหัวหน้าฝ่ายแบรนด์หรูของ Hilton กล่าวว่า “การสร้างความผูกพันที่ยั่งยืนไม่ใช่เรื่องง่าย เรารับฟังสมาชิกของเรามาตลอดหลายปี Diamond Reserve จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อยกย่องและตอบแทนผู้ที่ไว้วางใจให้ Hilton ดูแลการเดินทางของพวกเขา เราตระหนักดีว่าการยกระดับประสบการณ์การเข้าพักคือรากฐานสำคัญของการสร้างความประทับใจ เราจึงออกแบบชุดสิทธิประโยชน์ระดับอัลตราพรีเมียมนี้อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกการพักผ่อนกับ Hilton พิเศษยิ่งขึ้นไปอีก”

เอกสิทธิ์ที่โดดเด่นของ Diamond Reserve

Confirmable Upgrade Rewards: สิทธิ์ในการล็อกการอัปเกรดห้องพรีเมียม รวมถึงห้องสวีท 1 ห้องนอน ได้ทันทีที่ทำการจอง (สำหรับการเข้าพักสูงสุด 7 คืน) ผ่านแอป Hilton Honors

  • สมาชิกจะได้รับสิทธิ์แรกเมื่อปรับสถานะเป็น Diamond Reserve และเลือกรับสิทธิ์เพิ่มเติมได้เมื่อสะสมครบ 120 คืน หรือครบ 30,000 คะแนน
  • สามารถใช้ได้ทั้งการเข้าพักแบบชำระเงินและแบบแลกคะแนน ณ โรงแรม Hilton ที่ร่วมรายการทั่วโลก รวมถึงแบรนด์หรูอย่าง Waldorf Astoria, Conrad, LXR และ Signia by Hilton

สิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติมจะสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและการปรับแต่งที่ราบรื่นที่นักเดินทางที่มีส่วนร่วม มากที่สุดของ Hilton ต้องการ:

  • การันตี Late Check-out 16.00 .: ขยายเวลาพักผ่อนหรือเตรียมตัวเดินทางต่อได้อย่างไร้กังวล
  • บริการผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง: ทีมงานพิเศษที่ได้รับการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะ พร้อมมอบความช่วยเหลือและดูแลแบบส่วนตัว
  • Premium Club Access: สิทธิ์เข้าใช้คลับเลานจ์ระดับพรีเมียมได้ฟรี (นอกเหนือจากเอ็กซิกคิวทีฟเลานจ์ปกติ) ซึ่งให้บริการอาหารและเครื่องดื่มชั้นเลิศ และพื้นที่ทำงานส่วนตัว ในโรงแรมระดับหรูและไลฟ์สไตล์ของ Hilton
  • ลำดับความสำคัญในการอัปเกรด: สิทธิ์ได้รับพิจารณาการอัปเกรดห้องพักเป็นลำดับแรก (เมื่อยืนยันล่วงหน้า 3 วันก่อนเช็คอิน)
  • โบนัสคะแนน 120%: สะสมคะแนนได้รวดเร็วและคุ้มค่ากว่าที่เคยในทุกการเข้าพัก

สิทธิพิเศษและความยืดหยุ่นที่ยังคงอยู่

หัวใจสำคัญของ Hilton Honors คือทางเลือกที่หลากหลาย สมาชิกยังคงได้รับสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่อง อาทิ ไม่มีค่าธรรมเนียมรีสอร์ตสำหรับการเข้าพักที่ใช้คะแนนแลกเต็มจำนวน และความสามารถในการใช้คะแนนผสมเงินสดเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด หนึ่งในสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าที่สุดคือ Fifth Night Free (พักฟรีคืนที่ 5) เมื่อจองห้องพักมาตรฐานด้วยคะแนนสะสม ซึ่งมอบทั้งความคุ้มค่าและประสบการณ์ที่ยาวนานขึ้น

โลกแห่งการเดินทางที่กว้างใหญ่กว่าเดิม สมาชิก Hilton Honors มีโอกาสในการเติมเต็มความฝันและแลกรับประสบการณ์ได้มากขึ้น ผ่านพอร์ตโฟลิโอโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่และไลฟ์สไตล์กว่า 1,000 แห่ง รวมถึงการกลับมาของตำนานอย่าง Waldorf Astoria New York และโรงแรมบูติกที่มีเอกลักษณ์กว่า 450 แห่งจากพันธมิตรสุดพิเศษ Small Luxury Hotels of the World

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hilton Honors ได้ที่ stories.hilton.com/hiltonhonors หรือไปที่ www.hiltonhonors.com เพื่อสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้

เกี่ยวกับ Hilton

Hilton (NYSE: HLT) เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการบริการที่มีแบรนด์ระดับโลก 25 แบรนด์ ครอบคลุมโรงแรม 9,000 แห่ง และห้องพักกว่า 1.3 ล้านห้อง ใน 141 ประเทศและดินแดน ด้วยความมุ่งมั่นในการเติมเต็มวิสัยทัศน์ในการก่อตั้งเพื่อเติมเต็มโลกด้วยความอบอุ่นและแสงสว่างแห่งการบริการ Hilton ได้ให้การต้อนรับแขกมากกว่า 3 พันล้านคนตลอดระยะเวลากว่า 100 ปี ในฐานะสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดในโลกอันดับ 1 จากการจัดอันดับโดย Great Place to Work และ Fortune โดย Hilton มุ่งมั่นที่จะสร้างวัฒนธรรมที่ดีที่สุดให้กับพนักงาน 500,000 คนทั่วโลก ซึ่ง Hilton ได้นำเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมมาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้เข้าพัก ซึ่งรวมถึง Digital Key Share การอัปเกรดห้องพักอัตโนมัติฟรี และความสามารถในการจองห้องพักแบบเชื่อมต่อที่ได้รับการยืนยันแล้ว ผ่านโปรแกรมสะสมคะแนน Hilton Honors ที่ได้รับรางวัล โดยสมาชิก Hilton Honors กว่า 235 ล้านคนที่จองโดยตรงกับ Hilton จะได้รับคะแนนสะสมสำหรับการเข้าพักในโรงแรม รวมถึงประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เงินไม่สามารถซื้อได้ด้วยแอป Hilton Honors ฟรี โดยแขกสามารถจองที่พัก เลือกห้องพัก เช็คอิน ปลดล็อกประตูด้วย Digital Key รวมถึงการเช็คเอาท์ ทั้งหมดนี้ทำได้จากสมาร์ทโฟน โปรดไปที่ stories.hilton.comดูข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อกับ Hilton ได้ที่ Facebook, X, LinkedIn, Instagram และ YouTube

เกี่ยวกับ Hilton Honors

Hilton Honors คือ โปรแกรมความภักดีสำหรับแขกที่ได้รับรางวัลของแบรนด์ระดับโลกของ Hilton ที่ประกอบด้วยโรงแรมกว่า 9,000 แห่งใน 141 ประเทศและเขตปกครอง โดยสมาชิก Hilton Honors ที่จองโดยตรงผ่านช่องทาง Hilton ที่กำหนด จะได้รับสิทธิประโยชน์ทันที ซึ่งรวมถึงแถบเลื่อนการชำระเงินที่ยืดหยุ่นซึ่งสมาชิกสามารถเลือกใช้คะแนนและเงินได้เกือบทุกรูปแบบเพื่อจองที่พัก ส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิก และ Wi-Fi มาตรฐานฟรี นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถใช้เทคโนโลยีแบบไร้สัมผัสได้เฉพาะผ่านแอป Hilton Honorsที่เป็นแอปชั้นนำในอุตสาหกรรม ซึ่งสมาชิกสามารถเช็คอิน เลือก และเข้าถึงห้องพักได้โดยใช้ Digital Key โดย Hilton Honors จะมอบทางเลือกหลายร้อยวิธีให้กับสมาชิกกว่า 235 ล้านคนในการสะสมและแลกคะแนน รวมถึงบัตรเครดิตร่วมแบรนด์ต่างๆที่เลือก ซึ่งสมาชิกสามารถแลกคะแนนสะสมเป็นห้องพักฟรี, ซื้อสินค้าบน Amazon, รับประสบการณ์สุดพิเศษ, การบริจาคเพื่อการกุศล และอื่นๆ อีกมากมาย โปรแกรมนี้เข้าร่วมได้ฟรี และผู้เดินทางสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ hiltonhonors.comเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hilton Honors ได้ที่ stories.hilton.com/hiltonhonors และติดตาม Hilton Honors ได้ที่ Facebook, X และ Instagram.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20251118002486/en

Contacts

Lauren DeBettencourt
Hilton Honors Communications
lauren.debettencourt@hilton.com


SBC Medical Group Holdings ประกาศผลประกอบการทางการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2025

Logo

IRVINE, Calif.–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2025

SBC Medical Group Holdings Incorporated (Nasdaq: SBC) (“SBC Medical” หรือ “บริษัท”) ผู้ให้บริการเป็นที่ปรึกษาและบริหารจัดการที่ครอบคลุมระดับโลกแก่องค์กรด้านการแพทย์และคลินิกต่างๆ ประกาศผลประกอบการทางการเงินสำหรับไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ 2025 (สามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2025) และสำหรับไตรมาสที่สามสะสมของปีงบประมาณ 2025 (ปีงบประมาณ 2025 เก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2025)

ไฮไลท์สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2025

  •  รายได้รวมอยู่ที่ 43 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  •  รายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 16 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  •  รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group อยู่ที่ 13 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 353 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  •  กำไรต่อหุ้น ซึ่งกำหนดเป็นกำไรสุทธิที่เป็นของบริษัทหารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก อยู่ที่ 0.12 ดอลลาร์ สำหรับสามเดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2025 เทียบกับ 0.03 ดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2025
  •  EBITDA1 ซึ่งคำนวณโดยนำค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายและขาดทุนมาบวกกับรายได้จากการดำเนินงาน อยู่ที่ 17 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อัตรากำไร EBITDA 1 อยู่ที่ร้อยละ 38 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 เทียบกับร้อยละ 28 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024
  •  อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งกำหนดเป็นกำไรสุทธิที่เป็นของบริษัทหารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย ณ วันที่ 30 กันยายน ปี 2025 อยู่ที่ร้อยละ 23 ซึ่งแสดงถึงการเพิ่มขึ้น 17 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  •  จำนวนสาขาเฟรนไชส์2 ณ วันที่ 30 กันยายน ปี 2025 มีจำนวน 258 สาขา ซึ่งเพิ่มขึ้น 34 สาขาจากวันที่ 30 กันยายน ปี 2024
  •  จำนวนลูกค้า3 ในช่วงสิบสองเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2025 อยู่ที่ 6.5 ล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  •  อัตราการกลับมาใช้บริการซ้ำของลูกค้า4 ที่มาใช้บริการคลินิกของเฟรนไชส์ ​​2 ครั้งขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 72

1 EBITDA และ EBITDA Margin เป็นมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP โปรดดู “การใช้มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP” และตารางที่ชื่อ “การกระทบยอดผลประกอบการที่ไม่ได้ตรวจสอบตาม GAAP และที่ไม่ใช่ GAAP”

2 ตัวเลขดังกล่าวคำนึงถึงเฟรนไชส์คลินิกแบรนด์ SBC, Rize Clinic, Gorilla Clinic, AHH, JUN CLINIC

3 จำนวนลูกค้ารวมถึงลูกค้าคลินิกแบรนด์ SBC, Rize Clinic, Gorilla Clinic, AHH Clinic และ JUN CLINIC ระยะเวลาที่บังคับใช้คือตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ปี 2024 ถึงวันที่ 30 กันยายน ปี 2025

4 ตัวเลขดังกล่าวรวมถึงเฟรนไชส์คลินิกแบรนด์ SBC, Rize Clinic และ Gorilla Clinic แต่ไม่รวมลูกค้าของคลินิก AHH และ JUN CLINIC ไม่รวมการให้คำปรึกษาฟรี เปอร์เซนต์ของลูกค้าที่เข้ารับบริการคลินิกของเฟรนไชส์ของเราสองครั้งหรือมากกว่า

ไฮไลท์ประจำปี 2025

  •  รายได้รวมอยู่ที่ 134 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  •  รายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 55 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  •  รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group อยู่ที่ 37 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  •  กำไรต่อหุ้น ซึ่งกำหนดเป็นกำไรสุทธิที่เป็นของบริษัทหารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก อยู่ที่ 0.36 ดอลลาร์ สำหรับเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2025 เทียบกับ 0.42 ดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024
  •  EBITDA1 ซึ่งคำนวณโดยนำค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายและขาดทุนจากการด้อยค่ามาบวกกับรายได้จากการดำเนินงาน อยู่ที่ 57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อัตรากำไร EBITDA อยู่ที่ร้อยละ 42 ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2025 เทียบกับร้อยละ 43 ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024

Yoshiyuki Aikawa ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SBC Medical กล่าวว่า “ในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 รายได้ของ SBC Medical ลดลงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การลดลงนี้ส่วนใหญ่สะท้อนถึงผลกระทบจากการปรับโครงสร้างธุรกิจที่ผ่านมาของเรา ซึ่งรวมถึงการปรับอัตราค่าธรรมเนียมเฟรนไชส์และการแยกกิจการบางส่วนของกลุ่มบริษัท ขณะเดียวกัน รายได้จากค่าเช่ายังคงเดิม โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับปรุงอุปกรณ์ทางการแพทย์ และการรวมกิจการของ AHH มีส่วนช่วยผลักดันผลประกอบการโดยรวมในเชิงบวก

กำไรปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสนี้ รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 353 และอัตรากำไรจากการดำเนินงานแข็งแกร่งขึ้นร้อยละ 37 การปรับปรุงเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) และค่าตอบแทนจากหุ้นในปีก่อนหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่าโครงสร้างต้นทุนของเราปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติและยั่งยืน

เรามุ่งมั่นที่จะยังคงเติบโตอย่างยั่งยืนไปจนถึงปี 2026 โดยมุ่งเน้นที่การนำเสนอโซลูชันคุณภาพสูง ผลักดันโครงการหลายแบรนด์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ผิวหนัง และสร้างรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในตลาดต่างประเทศ”

ผลประกอบการทางการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2025

รายได้รวมอยู่ที่ 43 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมสำหรับบริการคลินิก ซึ่งทำให้รายได้จากเฟรนไชส์ลดลง ประกอบกับรายได้จากการจัดซื้อที่ลดลงเนื่องจากยอดสั่งซื้อวัสดุทางการแพทย์ลดลง และรายได้จากบริการจัดการที่ลดลงเนื่องจากการยุติการให้บริการพนักงานปฏิบัติการคลินิกที่สนับสนุนด้านการบริการ

กำไรสุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group สำหรับสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2025 อยู่ที่ 13 ล้านเหรียญสหรัฐ เปรียบเทียบกับ 3 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024 โดยการเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากไม่มีต้นทุนค่าตอบแทนตามหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจดทะเบียนในปีก่อนหน้า และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดลงเนื่องจากไม่มีค่าตอบแทนตามหุ้นที่ไม่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้

EBITDA1 อยู่ที่ 17 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงชดเชยกับรายได้ที่ลดลงจากการยกเลิกบริการจัดหาพนักงาน การแยกส่วนงบการเงินของ Kijimadairakanko Inc. และ Skynet Academy Co., Ltd. และการปรับปรุงโครงสร้างค่าธรรมเนียม

การประชุมทางโทรศัพท์

บริษัทจะมีการประชุมทางโทรศัพท์ในวันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน ปี 2025 เวลา 17.00 น. ตามเวลา Eastern Time (หรือวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน ปี 2025 เวลา 07.00 น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น) เพื่อหารือผลประกอบการทางการเงินและตอบคำถามแบบสดๆ

โปรดลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนการประชุมโดยใช้ลิงก์ด้านล่าง
https://edge.media-server.com/mmc/p/e2znwqtx/

ซึ่งคุณจะสามารถไปยังหน้าลงทะเบียน “ผลประกอบการทางการเงินไตรมาส 3 ปี 2025” โดยอัตโนมัติ โปรดทำตามขั้นตอนในการกรอกรายละเอียดการลงทะเบียน แล้วคลิก “ส่ง” เมื่อลงทะเบียนแล้ว คุณจะสามารถเข้าถึงเว็บไซต์เพื่อรับชมการประชุมทางโทรศัพท์โดยเฉพาะ นอกจากการรับชมการประชุมทางโทรศัพท์แล้ว คุณยังสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับวิทยากร รวมถึงเอกสารประกอบการประชาสัมพันธ์นักลงทุนที่ผ่านมาได้ด้วยเช่นกัน

คุณสามารถดูเอกสารประกอบการนำเสนอผลประกอบการบนเว็บไซต์ได้ ก่อนการประชุมทางโทรศัพท์เริ่มต้น 10 นาที นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบได้

สามารถรับชมบันทึกการประชุมทางโทรศัพท์ได้จนถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 2026

นอกจากนี้ ยังสามารถดูรายงานผลประกอบการ สไลด์ประกอบ และเว็บคาสต์ที่จัดเก็บไว้อย่างถาวรสำหรับการประชุมทางโทรศัพท์ครั้งนี้ ได้ในเว็บไซต์ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัทที่ https://ir.sbc-holdings.com/

เกี่ยวกับ SBC Medical

SBC Medical Group Holdings Incorporated คือกลุ่มบริษัททางการแพทย์ที่ครอบคลุม ดำเนินธุรกิจเฟรนไชส์หลากหลายสาขาครอบคลุมหลากหลายสาขาการแพทย์ ครอบคลุมตั้งแต่เวชศาสตร์ความงามขั้นสูง ผิวหนัง ศัลยกรรมกระดูกและข้อ การรักษาภาวะมีบุตรยาก ทันตกรรม การปลูกผม และจักษุวิทยา บริษัทบริหารจัดการแบรนด์คลินิกที่หลากหลาย และกำลังขยายการดำเนินงานไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาและเอเชีย ทั้งผ่านการดำเนินงานโดยตรงและโครงการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์

ในเดือนกันยายน ปี 2024 บริษัทได้จดทะเบียนในตลาด Nasdaq และในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2025 บริษัทได้รับเลือกให้รวมอยู่ในดัชนี Russell 3000® ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงที่ครอบคลุมของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ด้วยจุดมุ่งหมายของกลุ่มบริษัท “การสร้างความผาสุกให้กับผู้คนทั่วโลกด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์” SBC Medical Group Holdings Incorporated ยังคงให้บริการทางการแพทย์ที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และมีคุณภาพสูง พร้อมกับการขยายเครือข่ายทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://sbc-holdings.com/

การใช้มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP

บริษัทใช้มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP เช่น EBITDA ในการประเมินผลการดำเนินงานและเพื่อวัตถุประสงค์ในการตัดสินใจทางการเงินและการดำเนินงาน บริษัทเชื่อว่ามาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP ช่วยระบุแนวโน้มพื้นฐานในธุรกิจ บริษัทเชื่อว่ามาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัท ช่วยเพิ่มความเข้าใจโดยรวมเกี่ยวกับประสิทธิภาพในอดีตและแนวโน้มในอนาคตของบริษัท และทำให้มองเห็นตัวชี้วัดหลักที่ฝ่ายบริหารของบริษัทใช้ในการตัดสินใจทางการเงินและการดำเนินงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ภายใต้ U.S. GAAP และไม่ได้ถูกนำเสนอตาม U.S. GAAP มาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP มีข้อจำกัดในการใช้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ และเมื่อประเมินผลการดำเนินงาน กระแสเงินสด หรือสภาพคล่องของบริษัท นักลงทุนไม่ควรพิจารณามาตรการเหล่านี้โดยแยกส่วนหรือใช้แทนการขาดทุนสุทธิ กระแสเงินสดที่ได้จากกิจกรรมการดำเนินงาน หรืองบกำไรขาดทุนรวมและข้อมูลกระแสเงินสดอื่นๆ ที่จัดทำตาม U.S. GAAP

บริษัทบรรเทาข้อจำกัดเหล่านี้โดยการปรับมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP ให้สอดคล้องกับมาตรการประสิทธิภาพตาม U.S. GAAP ที่สามารถเปรียบเทียบได้มากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ควรนำมาพิจารณาเมื่อประเมินประสิทธิภาพของบริษัท

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP โปรดดูตารางที่หัวข้อ “การปรับปรุงผลการดำเนินงานที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบตาม GAAP และผลการดำเนินงานที่ไม่ใช่ GAAP”

คำชี้แจงเชิงคาดการณ์

ข่าวเผยแพร่ฉบับนี้มีคำกล่าวที่มองไปข้างหน้า คำกล่าวที่มองไปข้างหน้าไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีตหรือคำกล่าวที่แสดงถึงสภาพปัจจุบัน แต่เป็นเพียงความเชื่อของบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์และผลการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วหลายกรณีมีความไม่แน่นอนโดยเนื้อแท้และอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท คำกล่าวที่มองไปข้างหน้าเหล่านี้สะท้อนมุมมองปัจจุบันของบริษัทเกี่ยวกับประสิทธิภาพทางการเงินของบริษัท การเติบโตของรายได้และกำไร แนวโน้มและโอกาสทางธุรกิจ แผนการจัดสรรเงินทุนและสภาพคล่อง ในบางกรณี คำกล่าวที่มองไปข้างหน้าสามารถระบุได้โดยการใช้คำ เช่น “อาจ” “ควร” “คาดหวัง” “คาดการณ์ล่วงหน้า” “พิจารณา” “ประมาณการ” “เชื่อว่า” “วางแผน” “คาดการณ์” “ทำนาย” “ศักยภาพ” หรือ “หวัง” หรือคำเชิงลบของคำเหล่านี้หรือคำที่คล้ายคลึงกัน บริษัทขอเตือนผู้อ่านอย่าพึ่งพาคำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าอย่างมากเกินไป ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดในวันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เท่านั้น และอาจมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน สมมติฐาน หรือการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่างๆ ที่ยากต่อการคาดเดาหรือวัดผลได้ คำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้มีพื้นฐานมาจากการคาดการณ์ปัจจุบันของฝ่ายบริหาร และไม่รับประกันผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัทไม่ดำเนินการหรือยอมรับภาระผูกพันใดๆ ที่จะเผยแพร่ข้อมูลอัปเดตหรือแก้ไขคำกล่าวที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าต่อสาธารณะเพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์ของบริษัทหรือการเปลี่ยนแปลงในเหตุการณ์ เงื่อนไข หรือสถานการณ์ที่คำกล่าวดังกล่าวอ้างอิง ยกเว้นในกรณีที่กฎหมายกำหนด ปัจจัยที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปจากการคาดการณ์ปัจจุบันอย่างมากอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และบริษัทไม่สามารถคาดการณ์ปัจจัยทั้งหมดได้ ปัจจัยดังกล่าวรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก ระดับภูมิภาค หรือระดับท้องถิ่น สภาวะเศรษฐกิจ ธุรกิจ การแข่งขัน การตลาด และกฎระเบียบ และปัจจัยต่างๆ ที่ระบุไว้ภายใต้หัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยง” และในที่อื่นๆ ในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (the “SEC”) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้บนเว็บไซต์ของ SEC ที่ www.sec.gov.

 SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
 งบดุลรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ
 
 

 วันที่ 30 เดือนกันยายน
 2025

 วันที่ 31 เดือนธันวาคม
 2024

 สินทรัพย์

 สินทรัพย์ปัจจุบัน:

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด

$

127,431,318

$

125,044,092

บัญชีลูกหนี้

2,609,108

1,413,433

บัญชีลูกหนี้ – บุคคลที่เกี่ยวข้อง

58,585,273

28,846,680

สินค้าคงคลัง

1,677,668

1,494,891

ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าทางการเงิน กิจการหมุนเวียนที่เกี่ยวข้อง

9,757,901

5,992,585

ภาษีเงินได้ที่สามารถขอคืนได้

841,677

ลูกหนี้สินเชื่อที่เป็นลูกค้าหมุนเวียน

11,593,195

10,382,537

ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น ๆ

14,707,082

11,276,802

 สินทรัพย์หมุนเวียนรวม

 227,203,222

 184,451,020

 สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน:

ทรัพย์สินและอุปกรณ์ สุทธิ

6,995,263

8,771,902

สินทรัพย์ไม่มีตัวตน สุทธิ

23,302,796

1,590,052

การลงทุนระยะยาว สุทธิ

4,608,439

3,049,972

ค่าความนิยม สุทธิ

4,924,699

4,613,784

สกุลเงินดิจิทัล

570,286

ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าการเงิน กิจการไม่หมุนเวียนที่เกี่ยวข้อง

14,709,715

8,397,582

สินทรัพย์สิทธิการใช้ที่เช่าดำเนินงาน

4,886,486

5,267,056

สินทรัพย์สิทธิการใช้ทางการเงินแบบเช่า

478,742

สินทรัพย์ภาษีรอชำระ

607,731

9,798,071

ลูกหนี้สินเชื่อที่เป็นลูกค้าไม่หมุนเวียน

6,553,611

5,023,551

การชำระเงินล่วงหน้าระยะยาว

396,242

1,745,801

การชำระเงินล่วงหน้าระยะยาวใน MCs – กิจการที่เกี่ยวข้อง

18,869,390

17,820,910

สินทรัพย์อื่นๆ

7,256,463

15,553,453

 สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนรวม

 94,159,863

 81,632,134

 สินทรัพย์รวม

 $

 321,363,085

 $

 266,083,154

 หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

 หนี้สินหมุนเวียน:

บัญชีเจ้าหนี้

$

17,258,372

$

13,875,179

บัญชีเจ้าหนี้ – บุคคลที่เกี่ยวข้อง

2,842,877

659,044

ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี

3,044,470

96,824

ตั๋วเงินและเจ้าหนี้อื่น ๆ กิจการหมุนเวียนที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน

1,637,370

26,255

จ่ายล่วงหน้าจากลูกค้า

1,030,416

820,898

จ่ายล่วงหน้าจากลูกค้า – บุคคลที่เกี่ยวข้อง

6,957,477

11,739,533

ภาษีเงินได้ที่ต้องชำระ

766,796

18,705,851

หนี้สินจากการเช่าดำเนินงาน, หมุนเวียน

3,545,667

4,341,522

หนี้สินเช่าทางการเงิน, หมุนเวียน

147,603

หนี้สินคงค้างและหนี้สินหมุนเวียนอื่น ๆ

4,561,978

8,103,194

จากกิจการที่เกี่ยวข้อง

2,791,808

2,823,590

 หนี้สินหมุนเวียนรวม

 44,584,834

 61,191,890

 หนี้สินไม่หมุนเวียน:

สินเชื่อระยะยาว

18,078,324

6,502,682

ตั๋วเงินและเจ้าหนี้อื่น ๆ กิจการไม่หมุนเวียนที่เกี่ยวข้อง

5,334

หนี้สินภาษีรอชำระ

7,769,090

926,023

หนี้สินจากการเช่าเพื่อการดำเนินงาน ไม่หมุนเวียน

1,564,370

1,241,526

หนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงิน ไม่หมุนเวียน

136,677

หนี้สินอื่น ๆ

1,170,589

1,193,541

 หนี้สินไม่หมุนเวียนรวม

 28,719,050

 9,869,106

 หนี้สินรวม

 73,303,884

 71,060,996

 ส่วนของผู้ถือหุ้น:

หุ้นบุริมสิทธิ์ (มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 0.0001 เหรียญสหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 20,000,000 หุ้น ไม่มีหุ้นที่ออกและคงค้าง ณ วันที่ 30 กันยายน ปี 2025 และ 31 ธันวาคม ปี 2024)

หุ้นสามัญ (มูลค่าที่ตราไว้ 0.0001 เหรียญสหรัฐ ได้รับอนุญาต 400,000,000 หุ้น ออกจำหน่ายแล้ว 103,881,251 และ 103,020,816 หุ้น หุ้นที่ออกจำหน่ายแล้ว 102,576,943 และ 102,750,816 หุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 และ 31 ธันวาคม 2567 ตามลำดับ)

10,388

10,302

ทุนชำระเพิ่มเติม

72,196,114

62,513,923

หุ้นของกระทรวงการคลัง (ณ วันที่ 30 กันยายน ปี 2025 และ 31 ธันวาคม ปี 2024 ตามลำดับ มีจำนวน 1,304,308 และ 270,000 หุ้น)

(7,749,997

)

(2,700,000

)

กำไรสะสม

226,248,329

189,463,007

ขาดทุนสะสมอื่น ๆ ที่ครอบคลุม

(42,716,542

)

(54,178,075

)

 มูลค่ารวมของผู้ถือหุ้น SBC Medical Group Holdings Incorporated

 247,988,292

 195,109,157

ผลประโยชน์ที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุม

70,909

(86,999

)

 ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม

 248,059,201

 195,022,158

 หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นรวม

 $

 321,363,085

 $

 266,083,154

 
 หมายเหตุประกอบเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินรวมที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบเหล่านี้

 SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
 งบกำไรขาดทุนรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบและงบกำไรขาดทุนรวม
 
 

 สำหรับสามเดือน
 สิ้นสุดวันที่ 30 เดือนกันยายน

 สำหรับเก้าเดือน
 สิ้นสุดวันที่ 30 เดือนกันยายน

 2025

 2024

 2025

 2024

รายได้สุทธิ – กิจการที่เกี่ยวข้อง

$

39,617,548

$

51,209,243

$

123,819,591

$

152,718,488

รายได้ สุทธิ

3,735,687

1,875,640

10,221,192

8,276,517

 รายได้รวม สุทธิ

 43,353,235

 53,084,883

 134,040,783

 160,995,005

ต้นทุนรายได้ (รวมต้นทุนรายได้จากบุคคลที่เกี่ยวข้อง 4,018,377 เหรียญสหรัฐและ 2,039,492 เหรียญสหรัฐสำหรับสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2025 และ 2024 และ 12,144,907 เหรียญสหรัฐและ 7,452,954 เหรียญสหรัฐสำหรับเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2025 และ 2024 ตามลำดับ)

12,741,748

9,845,793

35,685,635

38,816,865

 กำไรขั้นต้น

 30,611,487

 43,239,090

 98,355,148

 122,178,140

 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน:

ค่าใช้จ่ายในการจำหน่าย ทั่วไป และบริหาร (รวมค่าใช้จ่ายในการจำหน่าย ทั่วไป และบริหารจากกิจการที่เกี่ยวข้องจำนวน 154,063 เหรียญสหรัฐ และเป็นศูนย์สำหรับสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2025 และ 2024 และ 569,830 เหรียญสหรัฐ และเป็นศูนย์สำหรับเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2025 และ 2024 ตามลำดับ)

14,730,247

16,597,032

43,717,642

43,784,637

การชดเชยตามหุ้น

12,807,455

12,807,455

 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวม

 14,730,247

 29,404,487

 43,717,642

 56,592,092

 รายได้จากการดำเนินงาน

 15,881,240

 13,834,603

 54,637,506

 65,586,048

 รายได้ (ค่าใช้จ่าย) อื่นๆ:

รายได้จากดอกเบี้ย

120,384

7,950

198,599

37,283

ค่าใช้จ่ายจากดอกเบี้ย

(48,635

)

(5,466

)

(104,493

)

(15,898

)

รายได้อื่นๆ (รวมรายได้อื่นจากกิจการที่เกี่ยวข้องจำนวน 3,069 เหรียญสหรัฐ และไม่มีรายได้สำหรับสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2025 และ 2024 และ 3,069 เหรียญสหรัฐ และไม่มีรายได้สำหรับเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2025 และ 2024 ตามลำดับ)

2,526,035

65,922

2,711,134

721,894

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ

(6,564

)

(795,158

)

(2,836,288

)

(2,746,450

)

กำไรจากการไถ่ถอนกรมธรรม์ประกันชีวิต

8,746,138

การเปลี่ยนแปลงในมูลค่าที่เหมาะสมของสกุลเงินดิจิทัล

34,404

146,036

กำไรจากการจำหน่ายบริษัทย่อย

3,813,609

 รายได้ (ค่าใช้จ่าย) อื่น รวม

 2,625,624

 (726,752

 )

 8,861,126

 1,810,438

 รายได้ก่อนหักภาษีเงินได้

 18,506,864

 13,107,851

 63,498,632

 67,396,486

Income tax expense

5,673,538

10,273,384

26,733,504

27,254,478

 รายได้สุทธิ

 12,833,326

 2,834,467

 36,765,128

 40,142,008

หัก: กำไรสุทธิ (ขาดทุน) ที่เป็นส่วนได้เสียที่ไม่อยูภายใต้การควบคุม

8,690

1,573

(20,194

)

66,954

 รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

 $

 12,824,636

 $

 2,832,894

 $

 36,785,322

 $

 40,075,054

 กำไร (ขาดทุน) อื่น ที่ครอบคลุม :

การปรับค่าแปลงสกุลเงินต่างประเทศ

$

(6,791,961

)

$

20,783,646

$

11,639,635

$

1,543,245

 รายได้รวมทั้งหมด

 6,041,365

 23,618,113

 48,404,763

 41,685,253

หัก: รายได้รวมที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่อยูภายใต้การควบคุม

10,329

180,093

157,908

110,093

 รายได้รวมที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

 $

 6,031,036

 $

 23,438,020

 $

 48,246,855

 $

 41,575,160

 กำไรสุทธิต่อหุ้นที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated

พื้นฐานและส่วนต่าง

$

0.12

$

0.03

$

0.36

$

0.42

 จำนวนหุ้นถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ออกจำหน่าย

พื้นฐานและส่วนต่าง

102,642,634

95,095,144

103,139,851

94,495,533

หมายเหตุประกอบเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินรวมที่ไม่ผ่านการตรวจสอบเหล่านี้

 SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
 งบกระแสเงินสดรวมที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบ
 
 

 สำหรับเก้าเดือน
 สิ้นสุดวันที่ 30 เดือนกันยายน

 2025

 2024

 กระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงาน

รายได้สุทธิ

$

36,765,128

$

40,142,008

 การปรับปรุงเพื่อกระทบยอดกำไรสุทธิให้เป็นเงินสดสุทธิที่ได้รับจาก (ใช้ใน) กิจกรรมการดำเนินงาน:

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย

2,010,616

2,867,781

สัญญาเช่าแบบไม่ใช่เงินสด expense

3,436,789

2,908,990

สำรองสำหรับการขาดทุนจากเครดิต (การกลับรายการ)

305,963

(127,196

)

การชดเชยตามหุ้น

12,807,455

การเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่เหมาะสมของการลงทุนระยะยาว

(724,476

)

1,682,282

กำไรจากการจำหน่ายบริษัทย่อย

(3,813,609

)

กำไรจากการไถ่ถอนกรมธรรม์ประกันชีวิต

(8,746,138

)

ขาดทุน (กำไร) จากการจำหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์และสินทรัพย์ไม่มีตัวตน

(414,167

)

185,284

การเปลี่ยนแปลงในมูลค่าที่เหมาะสมของสกุลเงินดิจิทัล

(146,036

)

ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี

9,104,235

(2,154,837

)

 การเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินการดำเนินงาน:

บัญชีลูกหนี้

(1,084,316

)

(804,000

)

บัญชีลูกหนี้ – กิจการที่เกี่ยวข้อง

(28,031,690

)

4,971,911

สินค้าคงคลัง

265,052

763,075

ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าการเงิน – กิจการที่เกี่ยวข้อง

(9,227,612

)

(3,430,267

)

ลูกค้าที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อ

12,153,263

12,860,220

ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น ๆ

(2,180,695

)

902,230

การชำระเงินล่วงหน้าระยะยาว

281,666

432,380

สินทรัพย์อื่นๆ

77,609

(348,178

)

บัญชีเจ้าหนี้

2,549,938

(10,511,619

)

บัญชีเจ้าหนี้ – กิจการที่เกี่ยวข้อง

2,144,314

ตั๋วเงินและเจ้าหนี้อื่น ๆ – กิจการที่เกี่ยวข้อง

(12,759,536

)

(14,030,092

)

เงินชำระล่วงหน้าจากลูกค้า

161,165

(1,401,437

)

เงินชำระล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้อง

(5,470,844

)

(3,565,778

)

ภาษีเงินได้ที่ต้องชำระ

(19,936,155

)

(549,446

)

หนี้สินจากการเช่าเพื่อดำเนินงาน

(3,639,887

)

(2,971,946

)

หนี้สินคงค้างและหนี้สินหมุนเวียนอื่น ๆ

(4,096,471

)

(9,010,270

)

หนี้สินอื่นๆ

(93,141

)

81,290

 เงินสดสุทธิที่ได้รับจาก (ใช้ใน) กิจกรรมการดำเนินงาน

 (27,295,426

 )

 27,886,231

 กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน

การซื้อทรัพย์สินและอุปกรณ์

(603,484

)

(1,974,285

)

การซื้อตั๋วเงินแปลงสภาพ

(1,700,000

)

เงินจ่ายล่วงหน้าสำหรับทรัพย์สินและอุปกรณ์

(838,568

)

(843,740

)

เงินจ่ายล่วงหน้าสำหรับกิจการที่เกี่ยวข้อง

(617,804

)

การชำระเงินในนามของกิจการที่เกี่ยวข้อง

(1,840,801

)

(5,245,990

)

การซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาว

(654,070

)

(331,496

)

การซื้อสกุลเงินดิจิทัล

(424,250

)

เงินสดที่จ่ายเพื่อการซื้อบริษัทย่อย ยอดสุทธิจากเงินสดที่ได้มา

(14,861,858

)

เงินกู้ระยะยาวสำหรับผู้อื่น

(14,514

)

(80,793

)

การชำระคืนจากกิจการที่เกี่ยวข้อง 

1,911,440

5,990,990

การคืนเงินจากผู้อื่น

73,928

62,927

รายได้จากการไถ่ถอนกรมธรรม์ประกันชีวิต

17,735,717

การจำหน่ายบริษัทย่อย ยอดสุทธิจากเงินสดที่จำหน่าย

(815,819

)

รายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

2,755,983

1,971

 เงินสดสุทธิที่ได้รับจาก (ใช้ใน) กิจกรรมการลงทุน

 3,239,523

 (5,554,039

 )

 กระแสเงินสดจากกิจกรรมทางการเงิน

เงินยืมจากเงินกู้ระยะยาว

14,851,980

เงินยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้อง

15,000

รายได้จากการเพิ่มทุนแบบย้อนกลับ หักด้วยต้นทุนการทำธุรกรรม

11,707,417

รายได้จากการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้น

31,374

เงินคืนจากเงินกู้ระยะยาว

(721,874

)

(89,448

)

เงินคืนจากหนี้สินเช่าทางการเงิน

(310,603

)

เงินคืนจากกิจการที่เกี่ยวข้อง

(46,782

)

(65,305

)

การซื้อหุ้นสามัญคืน

(4,999,997

)

ส่วนสนับสนุนในการปรับราคาสำหรับการจำหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์

9,682,277

 เงินสดสุทธิที่ได้รับจากกิจกรรมทางการเงิน

 18,470,001

 11,584,038

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน

7,973,128

453,908

 การเปลี่ยนแปลงสุทธิในเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด

 2,387,226

 34,370,138

 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด วันเริ่มต้นงวด

 125,044,092

 103,022,932

 เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด สิ้นงวด

 $

 127,431,318

 $

 137,393,070

 การเปิดเผยข้อมูลกระแสเงินสดเพิ่มเติม

เงินสดที่จ่ายไปเพื่อค่าใช้จ่ายจากดอกเบี้ย

$

104,493

$

15,898

เงินสดที่จ่ายสำหรับภาษีเงินได้ สุทธิ

$

37,555,740

$

31,332,123

 กิจกรรมการลงทุนและการเงินที่ไม่ใช่เงินสด

ทรัพย์สินและอุปกรณ์ที่โอนจากการชำระเงินล่วงหน้าระยะยาว

$

1,428,254

$

164,781

สินทรัพย์สิทธิการใช้ในการเช่าเพื่อดำเนินงานที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนหนี้สินเช่าเพื่อดำเนินงาน

$

105,556

$

สินทรัพย์สิทธิการใช้ในการเช่าทางการเงินที่ได้รับมาโดยแลกกับหนี้สินเช่าทางการเงิน

$

612,466

$

การวัดมูลค่าใหม่ของหนี้สินจากการเช่าเพื่อดำเนินงานและสินทรัพย์สิทธิการใช้อันเนื่องมาจากการแก้ไขสัญญาเช่า

$

2,646,028

$

2,408,752

เจ้าหนี้สำหรับกิจการที่เกี่ยวข้องอันเนื่องจากการให้บริการสินเชื่อ

$

14,362,902

$

20,398,301

การออกหุ้นสามัญเป็นหุ้นเพื่อจูงใจ

$

86

$

การออกหุ้นสามัญจากการแปลงตราสารหนี้แปลงสภาพ

$

$

2,700,000

หมายเหตุประกอบเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินรวมที่ไม่ได้รับการตรวจสอบเหล่านี้

 การปรับกระทบยอดตามมาตรฐานการบัญชีที่รับรองทั่วไป (GAAP) ให้เป็นมาตรการทางการเงินที่ไม่ใช่ GAAP
 

 SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED
 การปรับกระทบยอดที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบสำหรับผลประกอบการตาม GAAP และที่ไม่ใช่ GAAP

 สำหรับสามเดือน สิ้นสุด
 วันที่ 30 เดือนกันยายน

 สำหรับเก้าเดือน สิ้นสุด
 วันที่ 30 เดือนกันยายน

 2025

 2024

 2025

 2024

รายได้รวม สุทธิ

 

$

43,353,235

 

 

$

53,084,883

 

 

$

134,040,783

 

$

160,995,005

 รายได้จากการดำเนินงาน

15,881,240

13,834,603

54,637,506

65,586,048

 ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย

 

 

746,211

 

 

 

1,018,359

 

 

 

2,010,616

 

 

2,867,781

 EBITDA

  

  

16,627,451

 

 

 

14,852,962

 

 

 

56,648,122

 

 

68,453,829

  EBITDA margin

 

 

38

%

 

 

28

%

 

 

42

%

 

 

43

%

หมายเหตุประกอบเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินรวมที่ไม่ได้รับการตรวจสอบเหล่านี้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

SBC Medical Group Holdings Incorporated
Hikaru Fukui / หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ อีเมล: ir@sbc-holdings.com
 
ICR LLC (US Time)
Bill Zima / ฝ่ายบริหารหุ้นส่วน อีเมล: bill.zima@icrinc.com

ที่มา: SBC Medical Group Holdings Incorporated

โครงการพัฒนาจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของ TOURISE เรียกร้องให้มีการดำเนินการทั่วโลกเพื่อความปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยวในเมืองผ่าน AI

Logo

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2025

โครงการพัฒนาจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของ TOURISE (TOURISE Destination Initiative: TDI) ซึ่งเปิดตัวในวันนี้ในการประชุมสุดยอด TOURISE Summit ได้รวบรวมผู้นำระดับโลกจากภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน เพื่อพัฒนาจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวให้เป็นห้องปฏิบัติการที่มีชีวิตสำหรับนวัตกรรมการท่องเที่ยว ภายใต้การประกาศหลักการของ TDI ที่มุ่งเน้นความปลอดภัย การดูแลสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์วัฒนธรรม และการพัฒนาที่เน้นชุมชนเป็นศูนย์กลาง ผ่านเทคโนโลยีที่มีความรับผิดชอบและความร่วมมือจากหลายภาคส่วน

His Excellency Ahmed Al Khateeb, Saudi Arabia's Minister of Tourism and Chairman of TOURISE, launches the TOURISE Destination Initiative, a global coalition to shape the future of tourism through a destination-centric approach, with co-chairs H.R.H. Prince Turki bin Talal bin Abdulaziz Al Saud, Governor of Aseer Province, and Luigi Brugnaro, Mayor of Venice. They are joined with the TDI founding members and mayors

ฯพณฯ Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย และประธาน TOURISE ได้เปิดตัวโครงการพัฒนาจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของ TOURISE ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับโลกเพื่อกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวผ่านแนวทางที่เน้นจุดหมายปลายทาง โดยมีเจ้าชาย Turki bin Talal bin Abdulaziz Al Saud ผู้ว่าราชการจังหวัดอาซีร์ และ Luigi Brugnaro นายกเทศมนตรีเมืองเวนิส เป็นประธานร่วม โดยทั้งสองท่านได้เข้าร่วมกับสมาชิกผู้ก่อตั้ง TDI และนายกเทศมนตรีต่างๆ

โดย TDI มีเจ้าชาย Turki bin Talal bin Abdulaziz Al Saud ผู้ว่าราชการจังหวัดอาซีร์ และ Luigi Brugnaro นายกเทศมนตรีเมืองเวนิสเป็นประธานร่วม และสมาชิกผู้ก่อตั้งที่ประกอบด้วย:

  • Patricia de Lille รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว สาธารณรัฐแอฟริกาใต้
  • Mateo Julián Estrella Durán รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว สาธารณรัฐเอกวาดอร์
  • Thoriq Ibrahim รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว สาธารณรัฐมัลดีฟส์
  • Francis Suarez นายกเทศมนตรีเมืองไมอามี สหรัฐอเมริกา
  • Mohamed Sefiani นายกเทศมนตรีเมืองเชฟชาอูเอิน โมร็อกโก
  • Natalia Bayona ผู้อำนวยการบริหารการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ
  • Arnaud Ngatcha รองนายกเทศมนตรีกรุงปารีส
  • Iván Azurdia ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการท่องเที่ยวของสถาบันการท่องเที่ยวกัวเตมาลา
  • Jordan Tan หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูล คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์
  • Jon Berroya ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการรัฐบาลและนโยบายสาธารณะของ Google
  • Mauricio Rodas นักวิชาการรับเชิญ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
  • Matthijs Bouw ผู้ก่อตั้ง One Architecture and Urbanism

โครงการแรกของ TDI คือ “AI เพื่อความปลอดภัยในการท่องเที่ยว (AI for Tourism Safety)” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการนำ AI ไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของสมาชิก TDI โดยโครงการนี้ได้ต่อยอดจากข้อมูลเชิงลึกจากสมุดปกขาว การเฝ้าระวังหรือความปลอดภัย? เมืองต่างๆ กำลังพลิกโฉมการท่องเที่ยวอย่างไร (Surveillance or Safety? How Cities are Rewriting Tourism) ของสถาบันวิจัยเมืองเพนน์ (Penn IUR) แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ซึ่งบทความนี้เขียนโดย Mauricio Rodas นักวิชาการรับเชิญของ Penn IUR และอดีตนายกเทศมนตรีเมืองกีโต โดยสำรวจความท้าทายด้านจริยธรรมและการดำเนินงานของ AI ในด้านการท่องเที่ยวในเมือง และได้มีการเปิดตัวควบคู่ไปกับ TDI

“ในฐานะจุดหมายปลายทาง เรามีความรับผิดชอบในการปกป้องสิ่งที่ทำให้เรามีเอกลักษณ์ รวมถึงผู้คน มรดก และอนาคตของเราด้วย” เจ้าชาย Turki bin Talal bin Abdulaziz Al Saud ผู้ว่าราชการจังหวัดอาซีร์ และประธานร่วมของโครงการพัฒนาจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของ TOURISE ตรัส “ด้วย TDI เรากำลังสร้างพื้นที่ร่วมกันให้เมืองต่างๆ ได้เป็นผู้นำ ด้วยการยอมรับนวัตกรรมที่หยั่งรากลึกลงในจริยธรรมและความเห็นอกเห็นใจ เรามั่นใจว่าการท่องเที่ยวจะเป็นพลังขับเคลื่อนในด้านความปลอดภัย ศักดิ์ศรี และการพัฒนาที่ยั่งยืน”

“จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวในเมืองคือหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลก และจำเป็นอย่างยิ่งที่เมืองต่างๆ ทั่วโลกจะต้องไม่รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวหรือผู้อยู่อาศัย” ฯพณฯ Ahmed Al-Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธาน TOURISE กล่าว “ด้วยโครงการพัฒนาจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของ TOURISE เราเรียกร้องให้เมืองต่างๆ เป็นผู้นำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยนวัตกรรมด้านความปลอดภัยนั้นจะต้องยึดมั่นในธรรมาภิบาลที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างมีวิสัยทัศน์จะช่วยคุ้มครองนักเดินทางและช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจ ที่จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยว”

ในขณะที่เมืองต่างๆ ต้องเผชิญกับอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภัยคุกคามทางดิจิทัล และความวิตกกังวลต่างๆ ของนักเดินทาง ทาง TDI จะให้คำแนะนำในการนำ AI มาใช้อย่างถูกต้องตามจริยธรรมเพื่อเพิ่มความปลอดภัย พร้อมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ

Mauricio Rodas กล่าวเสริมว่า “แม้ว่านายกเทศมนตรีเก้าในสิบคนจะแสดงความสนใจในการบูรณาการปัญญาประดิษฐ์เข้ากับการบริหารจัดการเมือง แต่มีเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ของเมืองเท่านั้นที่นำปัญญาประดิษฐ์มาใช้เพื่อความปลอดภัย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการขาดกรอบนโยบายและกฎระเบียบต่างๆ โดยโครงการ AI เพื่อความปลอดภัยในการท่องเที่ยวของ TDI นั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อปิดช่องว่างดังกล่าว จากการนำเสนอแนวทางปฏิบัติสำหรับเมืองต่างๆ เพื่อปกป้องทุกคนที่เรียกจุดหมายปลายทางว่าบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว”

 เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

ภายใต้การดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย งานประชุม TOURISE Summit ครั้งแรกจะจัดขึ้นในวันที่ 11–13 พฤศจิกายน 2025 ที่ริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย

งานนี้จะรวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ธุรกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนข้อตกลงที่สร้างการเปลี่ยนแปลง และส่งมอบโครงการริเริ่มที่มีผลกระทบสูงที่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลกใหม่

TOURISE มุ่งมั่นสร้างการมีส่วนร่วมจากทั่วโลก พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของอุตสาหกรรมได้เข้าถึง หลังจากการประชุมนี้ TOURISE จะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้ใช้งานได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน เราจะไม่มีวันหยุดยั้ง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tourise.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113796086/en

Contacts

หากต้องการสอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ โปรดติดต่อ Media@TOURISE.com

ที่มา: TOURISE

The Bangkok Reporter