eCloudvalley ได้รับรางวัล “AWS Partner Awards ASEAN ประจำปี 2565”

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2565

eCloudvalley Digital Technology (ECV) พันธมิตรด้านการบริการระดับพรีเมียร์ของ AWS ชนะรางวัลทั้ง 4 ประเภทที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในงาน AWS ASEAN Partner Awards ประจำปี 2565 ซึ่งได้แก่ Specialized Partner of the Year หรือ พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางแห่งปี (อาเซียน) Services Partner of the Year หรือ พันธมิตรผู้ให้บริการแห่งปี (อาเซียน) Partner of the Year หรือ พันธมิตรแห่งปี (มาเลเซีย) และ Partner of the Year หรือ พันธมิตรแห่งปี (ฟิลิปปินส์)

eCloudvalley Digital Technology (ECV), AWS Premier Tier Services Partner, wins all four categories they were nominated for at the AWS ASEAN Partner Awards 2022, including Specialized Partner of the Year (ASEAN), Services Partner of the Year (ASEAN), Partner of the Year (Malaysia), Partner of the Year (Philippines). (Photo: Business Wire)

eCloudvalley Digital Technology (ECV) พันธมิตรด้านการบริการระดับพรีเมียร์ของ AWS ชนะรางวัลทั้ง 4 ประเภทที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในงาน AWS ASEAN Partner Awards ประจำปี 2565 ซึ่งได้แก่ Specialized Partner of the Year หรือ พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางแห่งปี (อาเซียน) Services Partner of the Year หรือ พันธมิตรผู้ให้บริการแห่งปี (อาเซียน) Partner of the Year หรือ พันธมิตรแห่งปี (มาเลเซีย) และ Partner of the Year หรือ พันธมิตรแห่งปี (ฟิลิปปินส์) (ภาพ: Business Wire)

ปี 2565 เป็นปีที่โดดเด่นสำหรับ ECV เนื่องจากบริษัทได้รับรางวัลพันธมิตรผู้ให้บริการแห่งปีในฮ่องกงเมื่อเดือนเมษายน และผู้ให้บริการโซลูชันแห่งปีที่ AWS Summit ในไต้หวันเมื่อต้นปีนี้ สิ่งนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า ECV อยู่ในฐานะหนึ่งในพันธมิตรชั้นนำและเป็นพันธมิตรกับพันธมิตรอื่น ๆ ของ AWS ในภูมิภาคด้วย

รางวัลพันธมิตรประจำปีได้ยกย่องผลงานอันเป็นแบบอย่างของ ECV บริษัทได้ช่วยลูกค้าเร่งการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัลด้วยโซลูชันใหม่ๆ ด้านข้อมูลและการเรียนรู้ของโปรแกรมด้วยตัวเอง บริษัทได้รับรางวัลพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางแห่งปีจากจำนวนลูกค้าหลากหลายในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2557 บริษัทได้ให้การสนับสนุนลูกค้ากว่า 1,800 ราย ด้วยเส้นทางการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบคลาวด์และดิจิทัลที่โดดเด่น ECV ยังคงลงทุนเพื่อสร้างประสิทธิภาพของ AWS ด้วย AWS Competencies จำนวน 12 รายการ ได้แก่ โปรแกรมสมาชิก APN จำนวน 6 รายการ และการเป็นสมาชิกด้านบริการ APN จำนวน 3 รายการ โดยได้รับรางวัลพันธมิตรผู้ให้บริการแห่งปี (อาเซียน)

นอกจากนี้ บริษัทยังแสดงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่อตลาดในประเทศมาเลเซียและฟิลิปปินส์ โดยให้ความช่วยเหลือลูกค้าองค์กรในการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ดิจิทัล ได้แก่ บริษัทชั้นนำของฟิลิปปินส์อย่าง Union Bank และ Jollibee Foods ตลอดจนลูกค้ามาเลเซียอย่าง QR Retail Automation ทำให้บริษัทได้รับรางวัลพันธมิตรแห่งปี (มาเลเซีย) และ พันธมิตรแห่งปี (ฟิลิปปินส์)

Jonathan Que ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคของ eCloudvalley Digital Technology กล่าวว่า "ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ eCloudvalley ได้รับรางวัลเชิงกลยุทธ์เหล่านี้จาก AWS! รางวัลเหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เรายกระดับไปอีกขั้นเพื่อช่วยเหลือลูกค้าในเส้นทางการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัลที่ไม่เหมือนใครและแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง"

เกี่ยวกับ eCloudvalley

eCloudvalley (ECV) เป็นพันธมิตรการบริการระดับพรีเมียร์ที่เริ่มต้นพัฒนาโดยใช้คลาวด์ (born-in-the-cloud) ของ AWS โดยให้ความสำคัญในการจัดหาบริการด้านคลาวด์แบบครบวงจรให้แก่ลูกค้า บริษัทเชี่ยวชาญการบริการระบบคลาวด์ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ Next Generation Managed Services, Cloud Migrations, Big Data & Analytics, Cloud Native Development, CDN และ DevOps ECV ได้เติบโตขึ้นโดยมีพนักงานกว่า 600 คน มีสถานที่ดำเนินงาน 10 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้รับใบรับรองด้านไอทีมากกว่า 1,000 รายการ ใบรับรอง AWS มากกว่า 600 รายการ และให้บริการลูกค้ามากกว่า 1,800 ราย

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220831005900/en/

ติดต่อ:

สื่อ
Siaoyu Chien siaoyu.chien@ecloudvalley.com
Cathy Ye cathy.ye@ecloudvalley.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LESSENGERS สาธิตเครื่องรับส่งสัญญาณออปติคอล 800G QSFP-DD และ 400G QSFP112

Logo

บาเซิล สวิตเซอร์แลนด์–(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2565

LESSENGERS Inc. (“LESSENGERS”) ผู้ให้บริการโซลูชันการเชื่อมต่อออปติคอลที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ประกาศในวันนี้ว่า การสาธิตไลฟ์สดของเครื่องรับส่งสัญญาณออปติคอล 800G QSFP-DD และ 400G QSFP112 แบบมีสายโพลิเมอร์โดยไม่ต้องใช้เลนส์ออปติกใด ๆ ให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมและคุ้มค่า ระหว่างงาน ECOC 2022 (Stand 511 และ MR31) นิทรรศการการสื่อสารออปติคอลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ในวันที่ 19-21 กันยายน ที่เมสเซ่ บาเซิล (Messe Basel) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีการเดินสายออปติคอลโดยตรง (DOW) ที่ได้รับสิทธิบัตรของ LESSENGERS เครื่องรับส่งสัญญาณออปติคอล LESSENGERS 800G QSFP-DD และ 400G QSFP112 ให้สัญญาณออปติคอลที่ยอดเยี่ยมและคุ้มค่าที่สุด เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์นี้ช่วยให้การวางตำแหน่งแบบแพสซิพสมบูรณ์แบบด้วยการคู่ควบออปติคอลที่มีความแม่นยำสูงและความหนาแน่นโดยไม่ต้องใช้เลนส์ออปติก ซึ่งเป็นโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแอปพลิเคชันศูนย์ข้อมูลความเร็วสูง อย่างเช่น โมดูลออปติคอล 800G/1.6T ออนบอร์ด เนียร์แพ็คเกจหรือโค-แพ็คเกจออปติก (near packaged or co-packaged optics)

“LESSENGERS จะสาธิตชุดผลิตภัณฑ์ที่ใช้สัญญาณ 112G และ 56G ในระหว่างการแสดงที่งาน ECOC 2022 ในวันที่ 19-21 กันยายน เพื่อสนับสนุนลูกค้าของเราในความต้องการอย่างเร่งด่วน และจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ในไตรมาสต่อ ๆ ไปเพื่อให้กลุ่มผลิตภัณฑ์สมบูรณ์” Taeyong Kim ซีเอ็มโอที่ LESSENGERS กล่าว

“ธุรกิจปัจจุบันของ LESSENGERS มุ่งเน้นไปที่โซลูชันการเชื่อมต่อออปติคอลแบบมัลติโหมด ควบคู่ไปกับบริการออปติคอลแพ็คเกจจิ้งที่ปรับแต่งได้ อย่างไรก็ตาม เราจะยังคงเดินหน้าผลักดันการใช้งานแบบโหมดเดียว อย่างเช่น ซิลิคอนโฟโตนิกส์” Chongcook Kim ซีอีโอของ LESSENGERS กล่าว “การสาธิตโซลูชั่นเครื่องรับส่งสัญญาณออปติคอลที่ใช้เทคโนโลยี DOW ที่ประสบความสำเร็จนี้จะนำมาสู่ยุคใหม่ของการเชื่อมต่อออปติคอลกับศูนย์ข้อมูล และการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้จะรองรับความต้องการในอนาคตสำหรับโซลูชันการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) และปัญญาประดิษฐ์ (AI)

การสาธิตของ LESSENGERS จะใช้กับ:

  • เครื่องรับส่งสัญญาณออปติคอล 800G QSFP-DD SR8
  • เครื่องรับส่งสัญญาณออปติคอล 400G QSFP112 SR4
  • เครื่องรับส่งสัญญาณออปติคอล 200G QSFP56 SR4
  • โมดูลออปติคอลขนาดเล็กพิเศษ 200G

เกี่ยวกับ LESSENGERS

LESSENGERS Inc. เป็นผู้ให้บริการโซลูชันการเชื่อมต่อออปติคอลที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เทคโนโลยีการเดินสายออปติคอลโดยตรง (DOW) ที่ได้รับสิทธิบัตรช่วยให้สามารถคู่ควบออปติคอลในขนาดซับไมโครมิเตอร์ที่มีความแม่นยำสูงและมีความหนาแน่นสูงระหว่างอุปกรณ์โฟโตนิกความเร็วสูงและท่อนำคลื่นออปติคอลต่าง ๆ ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด เครื่องรับส่งสัญญาณออปติคอล 800G/400G/200G ของ LESSENGERS/โซลูชันเคเบิลออปติคอลแบบแอ็คทีฟที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี DOW ที่มุ่งเน้นการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.lessengers.com 

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220912005022/en/

ติดต่อ:

LESSENGERS Inc.
Taeyong Kim, Ph.D
Chief Marketing Officer
+82-10-6549-7654
taeyong.kim@lessengers.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

เจรจาเพื่อเข้าซื้อหน่วยธุรกิจของ Imerys ที่ให้บริการในอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษ ด้วยมูลค่าองค์กร 390 ล้านยูโร

Logo

บรัสเซลส์–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2565

วันนี้ Syntagma Capital ประกาศว่าบริษัทได้เข้าสู่การเจรจาพิเศษเพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์บางส่วนของ Imerys ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตดินขาว แคลเซียมคาร์บอเนตบดชนิดบดจากธรรมชาติ ("GCC") แคลเซียมคาร์บอเนตที่ได้จากปฏิกิริยาทางเคมีด้วยการตกตะกอน ("PCC") และแป้งทัลคัมที่ใช้ในการผลิตกระดาษเป็นหลัก รวมถึงเยื่อกระดาษ  ตลาดบรรจุภัณฑ์ เซรามิก และก่อสร้างด้วยมูลค่าองค์กร 390 ล้านยูโร รวมรายได้ตามผลประกอบการของธุรกิจในอนาคตด้วย ธุรกิจเหล่านี้ดำเนินการโดยพนักงานประมาณ 950 คนในโรงงาน 24 แห่ง อาคารกระจายสินค้า 7 แห่ง และศูนย์วิจัยและพัฒนา 2 แห่งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย  โดยรวมแล้ว กิจกรรมเหล่านี้มียอดขายประมาณ 400 ล้านยูโรในปี 2564

การชำระเงินจะเป็นไปตามเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม ซึ่งรวมถึงข้อมูลและการปรึกษาหารือของสภาการทำงานและการอนุมัติด้านกฎระเบียบอื่นๆ คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นภายในครึ่งแรกของปี 2566

Sebastien Kiekert Le Moult หุ้นส่วนผู้จัดการของ Syntagma กล่าวว่า “Syntagma รู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสในการลงทุนในธุรกิจของบริษัทนี้ ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกที่ตอบสนองความต้องการที่สำคัญของลูกค้าในตลาดปลายทางที่หลากหลาย ธุรกิจนี้เป็นส่วนสำคัญของ Imerys มาหลายปีแล้ว และเราขอขอบคุณ Imerys ที่มั่นใจในความสามารถของเราที่จะขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าและนำเสนอโอกาสการซื้อขายให้แก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด Syntagma ตั้งตารอที่จะสานต่อความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Imerys ซึ่งจะยังคงเป็นหุ้นส่วนระยะยาว เพื่อทำให้ธุรกิจเติบโตในฐานะบริษัทเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จ ธุรกรรมนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ของ Syntagma ในการเข้าซื้อกิจการที่จะได้ประโยชน์จากเจ้าของรายใหม่เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตต่อไปความเชี่ยวชาญและความสามารถรอบด้านในการจัดการสถานการณ์ที่ซับซ้อนของเรารับรองได้ว่า Syntagma จะเป็นพันธมิตรแนะนำสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อนได้อย่างแน่นอน”

Alessandro Dazza ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Imerys กล่าวว่า "เราได้พบกับพันธมิตรอย่าง Syntagma ที่แบ่งปันค่านิยมและเป้าหมายในการนำเสนอโซลูชันแร่ด้วยความรับผิดชอบของ Imerys เรามั่นใจว่าพนักงาน ลูกค้า และธุรกิจโดยรวมของเราจะเจริญรุ่งเรืองและพัฒนาภายใต้การดำเนินงานจากเจ้าของใหม่ ผมขอขอบคุณทีมผู้บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการ และฝ่ายต่างๆ สำหรับผลงานที่โดดเด่นในการสร้างธุรกิจนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมรู้ว่าพวกเขาจะนำเสนอผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมต่อไปในอนาคตเช่นกัน”

Frank Coenen หุ้นส่วนของ Syntagma กล่าวว่า “ทีมงานของ Syntagma มีประสบการณ์มากมายในด้านการจัดการอุตสาหกรรมและธุรกิจวัสดุที่ซับซ้อนระดับโลก ธุรกิจนี้เป็นแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมซึ่งมาพร้อมกับโอกาสในการเติบโต เราจะสนับสนุนธุรกิจของบริษัททั่วโลก ความสัมพันธ์กับลูกค้าที่แน่นแฟ้น การวิจัยและพัฒนา และความสามารถทางเทคนิคเพื่อเร่งการเติบโต ทั้งแบบออร์แกนิกและผ่านการลงทุนด้านการควบรวมกิจการที่ตั้งเป้าไว้ตามผลิตภัณฑ์หลัก ๆ และพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะลงทุนในธุรกิจนี้และเราหวังว่าจะได้ร่วมงานกับทีมผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า และซัพพลายเออร์ของบริษัทต่อไป”

ทีมของ Syntagma ที่เข้าร่วมการทำธุรกรรมนี้ ได้แก่ Sebastien Kiekert Le Moult (หุ้นส่วนผู้จัดการ), Frank Coenen (หุ้นส่วน), Benjamin Dahan (หุ้นส่วน), Fabio Yamasaki (รองประธาน), Ludovic Ruffenach (ผู้อำนวยการอาวุโส) และ Gabriele Lo Monaco (ผู้อำนวยการ)

เกี่ยวกับ Syntagma Capital

Syntagma ลงทุนในบริษัทที่สามารถสร้างประโยชน์จากความเชี่ยวชาญที่เกิดจากการลงมือปฏิบัติจริงเพื่อเร่งการเติบโตและยกระดับประสิทธิภาพให้กับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด เราคือผู้ประกอบธุรกิจตัวจริงที่มีประสบการณ์ด้านการทำงานและบริหารจัดการบริษัทในระดับโลก โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในบริษัทของเราเพื่อสร้างกลยุทธ์เพื่อความสำเร็จขึ้นมา และนำกลยุทธ์นั้นมาใช้เพื่อทำให้เกิดศักยภาพสูงสุดและสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนในระยะยาว Syntagma ลงทุนและบริหารบริษัทในหลากหลายอุตสาหกรรมโดยเน้นที่ตลาดวัตถุดิบ เคมี อุตสาหกรรม และธุรกิจบริการเป็นพิเศษ รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิต การกระจายสินค้า การขนส่งและโลจิสติกส์ การเช่าอุปกรณ์ บริการด้านโลหะและอุตสาหกรรมอื่น ๆ Syntagma ยึดในมารตฐาน ESG ที่สูงในทุกการลงทุน และตั้งอยู่ในกรุงบรัสเซลส์ของประเทศเบลเยียม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่: https://syntagmacapital.com

เกี่ยวกับ Imerys

ในฐานะซัพพลายเออร์สารละลายเฉพาะทางจากแร่สำหรับอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกที่มีรายได้ 4.4 พันล้านยูโร และพนักงาน 17,000 คนในปี 2564, Imerys เป็นผู้จัดหาสารละลายที่ผ่านการเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้นให้กับหลายภาคส่วน ตั้งแต่อุตสาหกรรมการแปรรูปต่างๆ ไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มบริษัทใช้ความเข้าใจด้านการใช้งาน ความรู้ด้านเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์เพื่อส่งมอบสารละลายโดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่ วัสดุสังเคราะห์ และสูตรต่าง ๆ ของบริษัทเอง สารละลายของ Imerys เป็นที่มาของคุณสมบัติสำคัญในผลิตภัณฑ์ของลูกค้าและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น รวมถึงประสิทธิภาพในการทนความร้อน ความแข็ง การนำไฟฟ้า ความทึบแสง ความทนทาน ความบริสุทธิ์ ความเบา การกรอง การซับน้ำ และการกันน้ำ Imerys มุ่งพัฒนาอย่างรับผิดชอบ โดยเน้นไปที่การสร้างผลิตภัณฑ์และกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้น www.imerys.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220908005789/en/

ติดต่อ:

Marie Ciparisse 
โทร: +32 (0)2 315 70 12 
อีเมล 
mciparisse@syntagmacapital.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

nanameue ประกาศรีแบรนด์ Yay! เป็นแบรนด์สำหรับโลกเสมือนจริงแบบ Web3 ด้วยการเปิดตัวคอนเซปต์มูฟวี่

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–9 ก.ย. 2565

nanameue, Inc. บริษัทชั้นนำด้านการกระจายเครือข่ายสังคมออนไลน์ในญี่ปุ่น ประกาศการรีแบรนด์ “Yay!”—โลกเสมือนจริงของ web3 ที่ทุกคนสามารถเป็นตัวเองในแบบที่ต้องการได้อย่างแท้จริง—ด้วยวิดีโอคอนเซ็ปท์ตัวใหม่ การเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการประกาศของ nanameue ว่าด้วยการระดมทุนแบบ Initial Exchange Offering (IEO) เนื่องจากบริษัทต้องการขยายภารกิจในการ "สร้างคอนเน็กชั่นด้วยวิทยาศาสตร์" ผ่านโทเค็นของตัวเอง

The Virtual World "Yay!"

โลกเสมือนจริง "Yay!"

แบรนด์ Yay! เปิดตัวขึ้นในเดือนมกราคม 2563 โดยเป็นโลกเสมือนจริงที่มีคอนเซปต์ในการ “สร้างสถานที่ที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้” ผู้ใช้กว่า 5.5 ล้านคนของ Yay! จะได้พบปะกับเพื่อนฝูงที่มีความสนใจเหมือนกัน เพลิดเพลินกับการโทรคุยแบบกลุ่ม และทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ ๆ ในทุกวัน

เหตุผลเบื้องหลังการรีแบรนด์ Yay!

ในขณะที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ แสดงโพสต์ของอินฟลูเอ็นเซอร์ให้ผู้ใช้เห็นเป็นหลัก แต่ Yay! ต้องการสร้างชุมชนที่ทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเอง พร้อมกับแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาชอบได้อย่างอิสระ และพบปะกับผู้มีความสนใจแบบเดียวกัน ทั้งนี้ Yay! ต้องการให้ชุมชนสามารถดำเนินการและเติบโตไปได้ด้วยตนเอง เพื่อที่จะสามารถพัฒนาต่อไปภายใต้สภาพแวดล้อมทางสังคมที่มีโครงสร้างแบบเท่าเทียมกัน ซึ่งอุดมไปด้วยความหลากหลาย ค่านิยม และการแสดงออกอย่างอิสระ

ดังนั้น nanameue จึงวางแผนที่จะวางขาย NFT และออกโทเค็นชุดพิเศษเพื่อใช้กับ Yay!  โดยบริษัทมีเป้าหมายในการสร้างโลกเสมือนที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งสมาชิกทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเองและเพลิดเพลินได้ทุกวัน

ทั้งนี้ การรีแบรนด์ของ nanameue ในครั้งนี้ได้แสดงออกถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่มีต่อแบรนด์ Yay! รวมทั้งเป็นการแสดงให้ผู้ใช้เห็นว่าพวกเขาสามารถ "ค้นหาความสนใจและเชื่อมต่อในโลกใหม่ด้วยตัวตนเสมือนจริงของพวกเขาได้"

img

การรีแบรนด์พร้อมกับการอัพเดทอย่างต่อเนื่องของ Yay! ทั้งในเว็บไซต์ทางการ โลโก้ และแอปพลิเคชัน สะท้อนให้เห็นว่าโลกเสมือนจริงของ Yay เต็มไปด้วยด้วยความหลงใหลจากผู้ใช้ที่หลากหลายเพียงใด

วิดีโอคอนเซปต์ใหม่ของ Yay!

ในวิดีโอคอนเซปต์ของ Yay! พูดถึงหญิงสาวที่กำลังรอขึ้นรถไฟ และทันทีที่เธอเปิดแอป Yay! บรรยากาศภายในรถไฟก็กลายเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ในโลกเสมือนจริงของ Yay!

ทั้งนี้ยังมีการบรรเลงเพลงฮิปฮอปต้นฉบับชื่อ “Lost in Yay! World” เนื้อหาในเพลงเกี่ยวกับการแสดงให้เห็นว่า Yay! เป็นสถานที่สำหรับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา

วิดีโอคอนเซปต์ของ Yay!

เวอร์ชันเต็ม (2 นาที 20 วินาที)

https://youtu.be/495IGRgRHFE

เวอร์ชันสั้น (30 วินาที)

https://youtu.be/HM9pDSsBPhs

เกี่ยวกับ Yay!

img

โลกใหม่ web3 ของ Yay! เปิดตัวในเดือนมกราคม 2563 ด้วยแนวคิดเกี่ยวกับการ “สร้างสถานที่ที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้” ที่ทุกคนสามารถเป็นใครก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ

ด้วยแนวคิด “การจัดหาสถานที่ที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้”  โลกใหม่ web3 ของ Yay! ที่ทุกคนสามารถเป็นใครก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ถูกเปิดตัวในเดือนมกราคม 2563 

Yay! เป็นโลกเสมือนจริงใบใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการค้นหาความสนใจของตนเอง พบปะผู้คน สนุกกับการสนทนากลุ่ม และอื่น ๆ

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Yay!: https://yay.space/

ดาวน์โหลด: https://yay.onelink.me/jqva/press

เกี่ยวกับ nanameue

ด้วยภารกิจ "การสร้างคอนเน็กชั่นด้วยวิทยาศาสตร์"  nanameue ได้เปิดตัว Yay! โลกใหม่แบบ web3 ที่ทุกคนสามารถเป็นคนที่พวกเขาต้องการได้อย่างแท้จริง โดยนับตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนมกราคม 2563 มีผู้ใช้ที่สามารถปลดปล่อยตัวเองได้อย่างอิสระแล้วในโลกเสมือนของ Yay! มากกว่า 5.5 ล้านคน ผู้ใช้งานจะได้พบปะกับสมาชิกที่มีความสนใจเหมือนกัน จัดการชุมชนเล็ก ๆ ของตนเอง และเพลิดเพลินกับการสนทนากลุ่มในขณะที่เล่นวิดีโอเกมโปรด

สำหรับอนาคตของ Yay! ทาง nanameue วางแผนจะสร้างระบบโทเค็นของตนเองภายในชุมชน Yay! เพื่อสร้างโลกเสมือนจริงที่ยั่งยืน การอัพเกรดนี้จะเป็นการสร้างชุมชนที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทนทาน และเป็นอิสระ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับความสนใจและเป็นคนที่พวกเขาต้องการอย่างได้แท้จริง

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://nanameue.jp/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52855141/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

nanameue, Inc.

Sachiko Ishibashi

pr@nanameue.jp



EIG เตรียมเข้าถือครองหุ้น 25% ของธุรกิจต้นน้ำระดับโลกทั้งหมดของ Repsol ในการจับมือเป็นพันธมิตรครั้งใหม่

Logo

พอร์ตโฟลิโอธุรกิจต้นน้ำเกรดสูงขนาดใหญ่ที่ให้พลังงานที่ไว้ใจได้เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–07 กันยายน 2565

วันนี้ EIG ผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงในสัญญาหลัก (definitive agreement) กับ Repsol S.A. (“Repsol”) เพื่อเข้าถือหุ้น 25% ใน Repsol Upstream บริษัทด้านการสำรวจและผลิต (“E&P”) ระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจต้นน้ำด้านน้ำมันและก๊าซระดับโลกทั้งหมดของ Repsol ความเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ทำให้ Repsol มีเงินทุนเพิ่มขึ้นสำหรับเพิ่มการลงทุนในด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน โดยเฉพาะเพื่อสนับสนุนการเติบโตกลุ่มการผลิตพลังงานหมุนเวียน เชื้อเพลิงหมุนเวียน และผลิตภัณฑ์หมุนเวียนของ Repsol

ภายใต้ข้อกำหนดในข้อตกลงดังกล่าว Breakwater Energy บริษัทลูกที่ตั้งขึ้นมาใหม่โดย EIG เป็นเจ้าของทั้งหมด จะได้รับผลประโยชน์ 25% ใน Repsol Upstream โดยคิดเป็นมูลค่ารวมราว 4.8 พันล้านดอลลาร์รวมหนี้ โดย Repsol จะถือในส่วนที่เหลือ 75% ซึ่งชี้ให้เห็นถึงมูลค่าสุทธิของบริษัทที่ราว 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับ Repsol Upstream บริษัทจะอยู่ภายใต้การควบคุมของ Repsol เป็นหลัก และจะถูกรวมในบัญชีของ Repsol

Repsol Upstream เป็นบริษัทด้านการสำรวจและผลิตระดับโลกชั้นนำ ซึ่งจะเป็นเจ้าของและบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจต้นน้ำที่มีความหลากหลายทั่วโลกของ Repsol ที่จะสร้างการดำเนินงานที่ทำให้เกิดเงินสดและมีความยืดหยุ่นรอบ ๆ ศูนย์กลางประจำภูมิภาคหลัก ๆ โดยให้ความสำคัญกับสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก มีการคาดการณ์ว่า Repsol Upstream จะผลิตน้ำมันได้ราว 590,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 รวมถึงได้พิสูจน์และมีน้ำมันสำรองราว 2.3 พันล้านบาร์เรลเที่ยบเท่าสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยประมาณ 70% เป็นก๊าซ นอกจากนั้น Repsol Upstream ยังถือครองทรัพยากรคอนทิงเจนท์มูลค่า 3.8 พันล้านบาร์เรลเทียบเท่าในวันเดียวกัน

บริษัทมุ่งมั่นกับการเป็นผู้นำในการลดการปล่อยก๊าซเรือยกระจก (GHG) โดยได้นำเป้าในปัจจุบันของ Repsol มาใช้ในช่วงเริ่มแรก ซึ่งได้แก่การลดความเข้มข้นของคาร์บอนให้ได้ 75% ภายในปี 2568 เริ่มนับจากปี 2559 และการนำแผนลดการสร้างคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ รวมถึงการกำหนดเป้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง บริษัทยังมีธุรกิจการสำรวจสีเขียวที่มุ่งไปทางการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) รวมถึงโครงการด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพและการเก็บรักษาไฮโดรเจน

Repsol Upstream จะยังคงแรงงานปัจจุบันและทีมผู้บริหารชุดเดิมของธุรกิจไว้ โดยบริษัทคาดว่าจะได้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ Repsol ซึ่งเป็นผู้ดำเนินกิจการต้นน้ำที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงความรู้จาก EIG ทางด้านตลาดตราสารหนี้และตราสารทุนทั่วโลก และประสบการณ์ต้นน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ทะเลเหนือ บราซิล และเอเชียแปซิฟิก Repsol Upstream ยังจะได้ประโยชน์จาก EIG ในด้านความเชี่ยวชาญใหม่ล่าสุดจากการก่อตั้ง การพลิกโฉม และการขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปของ Harbor Energy ได้สำเร็จ EIG เชื่อว่าธุรกรรมครั้งนี้จะพา Repsol Upstream เดินบนเส้นทางที่สู่สภาพคล่องของตลาดในอนาคต ทั้ง Repsol และ EIG ยังมองเห็นศักยภาพในการพาธุรกิจเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยของตลาด

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “การเปลี่ยนผ่านพลังงานมีส่วนในทุกการตัดสินใจของเรา และพวกเราตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับผู้นำระดับโลกที่เป็นความสำเร็จของ Repsol ในโอกาสอันน่าสนใจนี้เพื่อเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่อุตสาหกรรมของเรา การประเมินผลกระทบของ ESG ถูกผนวกรวมในการลงทุนหลักของ EIG และการทำงานด้านบริหารจัดการของพอร์ตโฟลิโอ และเราตั้งตารอที่จะได้ทำงานกับ Repsol ธุรกิจระดับโลกและผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เพื่อเดินหน้าสร้างหลักปฏิบัติที่ดีของธุรกิจของ ESG ต่อไป ขณะที่โลกต้องการทำตามเป้าหมายในการกำจัดคาร์บอนควบคู่ไปกับการสร้างความน่าเชื่อถือ เราเชื่อว่าความร่วมมือกันครั้งนี้อยู่ในจุดที่เหมาะสมในการช่วยให้เราตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกต่อพลังงานที่สามารถเข้าถึงได้ มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย”

Josu Jon Imaz ซีอีโอของ Repsol กล่าวว่า “เรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และข้อตกลงที่เป็นการบุกเบิกนี้จะทำให้เราสามารถคงทิศทางเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจต้นน้ำเอาไว้ได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของบริษัทและธุรกิจพลังงานแบบต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2593”

EIG ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรมครั้งนี้ จะได้รับสิทธิ์ในการเสนอสมาชิก 2 คนให้นั่งในคณะกรรมการบริหารของ Repsol Upstream จากทั้งหมด 8 คน โดย Repsol จะเสนอชื่อ 4 คน ส่วนที่เหลืออีก 2 คนจะเป็นคณะกรรมการอิสระ นอกจากนี้ EIG จะได้รับสิทธิ์ในการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงสองคนในทีมผู้บริหารของ Repsol Upstream โดย 1 คนจะรับตำแหน่งผู้อำนวนการของ ESG และอีก 1 คนจะเป็นหัวหน้าโครงการพิเศษต่าง ๆ รวมถึงการเตรียมขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)

คาดว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้จะปิดได้ภายใน 6 เดือน โดยเป็นไปตามเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม

Goldman Sachs & Co LLC และ J.P. Morgan ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมนี้ให้กับ EIG โดย Goldman Sachs & Co LLC, J.P. Morgan และ Lazard ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาตลาดทุนที่เกี่ยวข้องการเงินของธุรกรรมนี้ และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับ EIG

เกี่ยวกับ EIG 
EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยเงิน 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 โดย EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่า 4.15 หมื่นล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่าน 387 โครงการหรือบริษัทใน 38 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรปชั้นนำหลายแห่ง  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปยังเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com.

เกี่ยวกับ Repsol 
Repsol เป็นบริษัทด้านพลังงานที่หลากหลายระดับโลก ซึ่งเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานด้วยความมุ่งมั่นที่บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 บริษัทมีการจ้างงานพนังงาน 24,000 คนทั่วโลกผ่านทุกห่วงโซ่คุณค่าทางด้านพลังงาน และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าราว 24 ล้านคนในเกือบ 100 ประเทศ

Repsol ได้นำโมเดลเทคโนโลยีลดคาร์บอนแบบบูรณาการมาใช้เพื่อบรรลุเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยอิงจากประสิทธิภาพที่ได้รับการยกระดับ กำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น การผลิตเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ การพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า เศรษฐกิจแบบหมุนเวียน และการขับเคลื่อนให้เกิดโครงการใหม่ ๆ เพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ในอุตสาหกรรม

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220906006122/en/

ติดต่อ:

สื่อ 
EIG 

FGS Global 
Kelly Kimberly / Brandon Messina 
+1 212-687-8080 
EIG-SVC@sardverb.com

Repsol 
+34 91 753 8787 
prensa@repsol.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Procore ก่อตั้งศูนย์ดำเนินการกลาง EMEA แห่งใหม่ในดับลิน เนื่องจากการเติบโตในระดับภูมิภาคยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องทั่วยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา

Logo

  • ศูนย์ดำเนินการกลาง EMEA แห่งใหม่ของ Procore จะสนับสนุนสำนักงานระดับภูมิภาคของบริษัทเพื่อเชื่อมต่อทุกคนที่กำลังก่อสร้างบนแพลตฟอร์มระดับโลก
  • ศูนย์ดำเนินการกลางจะสร้างงานหลายร้อยงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนที่สำคัญในดับลิน
  • Procore แต่งตั้งหัวหน้า EMEA Hub ให้เป็นผู้นำสำนักงานแห่งใหม่

ดับลิน–(BUSINESS WIRE)–7 ก.ย. 2565

Procore Technologies, Inc. (NYSE: PCOR) ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การจัดการการก่อสร้างชั้นนำระดับโลก ประกาศเปิดตัวศูนย์ดำเนินการกลาง EMEA แห่งใหม่ในเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Procore ในภูมิภาคนี้ และความปรารถนาที่จะสนับสนุนฐานลูกค้าที่กำลังขยายตัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจในการเชื่อมต่อทุกคนในด้านการก่อสร้างบนแพลตฟอร์มระดับโลก

ศูนย์ดำเนินการกลาง EMEA ภายในอาคาร South Point ของดับลิน ณ Harmony Row เป็นเพนต์เฮาส์อยู่บนชั้น 3 และครอบคลุมพื้นที่ 15,000 ตารางฟุต ศูนย์ดำเนินการกลางถูกตั้งขึ้นเพื่อช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของ Procore และสนับสนุนลูกค้าในภูมิภาคนี้ ศูนย์ดำเนินการกลางนี้มีเป้าหมายที่จะสร้างงานหลายร้อยงานในดับลินในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยบริษัทจะดำเนินการจ้างงานในตำแหน่งด้านการขาย การสร้างความสำเร็จด้านลูกค้า และการสนับสนุนลูกค้า เป็นต้น

Procore แต่งตั้ง Ciaran Cushley  ให้เป็นหัวหน้าศูนย์ EMEA เพื่อเป็นผู้นำสำนักงานแห่งใหม่นี้ Ciaran Cushley นำประสบการณ์กว่า 18 ปีมาสู่บริษัท ด้วยประวัติอันยาวนานในการสร้างและเป็นผู้นำทีมที่มีประสิทธิภาพสูงในยุโรปและอเมริกาเหนือสำหรับบริษัทต่าง ๆ เช่นที่ DocuSign เป็นต้น

“ในช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นในการเข้าร่วมงานกับ Procore ผมถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำศูนย์ดำเนินการกลางแห่งใหม่ ซึ่งแสดงถึงความทะเยอทะยานของเราในการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วทั้ง EMEA ทั้งนี้ ศูนย์ดำเนินการกลางแห่งใหม่ไม่เพียงแต่จะทำให้การมีอยู่ของเราในภูมิภาคนี้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อผู้คน ระบบ และข้อมูลของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพบนแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเทคโนโลยีการก่อสร้างได้อย่างเต็มที่” Ciaran Cushley หัวหน้า EMEA Hub ที่ Procore กล่าว

Brandon Oliveri-O'Connor รองประธาน EMEA ที่ Procore กล่าวเสริมว่า “ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา Procore ได้ทำงานเพื่อเชื่อมโยงทุกคนในการก่อสร้างบนแพลตฟอร์มระดับโลก การมีศูนย์ดำเนินการที่เพิ่มขึ้นของ Procore ทั่วยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาบ่งบอกถึงเป้าหมายระยะยาวของเราในการเป็นแพลตฟอร์มแบบรอบด้านซึ่งสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างทั่วโลก”

Procore จะดำเนินการจ้างงานตำแหน่งต่าง ๆ ในศูนย์ดำเนินการ EMEA แห่งใหม่ ตำแหน่งงานที่กำลังเปิดรับสมัครอยู่ทั้งหมด สามารถดูได้ที่: https://www.procore.com/jobs/openings

เกี่ยวกับ Procore

Procore เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การจัดการการก่อสร้างชั้นนำระดับโลก โครงการกว่า 1 ล้านโครงการและปริมาณการก่อสร้างมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกดำเนินการบนแพลตฟอร์มของ Procore แพลตฟอร์มของเราเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการทุกรายเข้ากับโซลูชันที่เราสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง—สำหรับเจ้าของ ผู้รับเหมาทั่วไป และผู้รับเหมาพิเศษ โดย App Marketplace ของ Procore มีโซลูชันพันธมิตรมากมายที่รวมเข้ากับแพลตฟอร์มของเราอย่างราบรื่น ทำให้เหล่ามืออาชีพด้านการก่อสร้างมีอิสระในการเชื่อมต่อกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา Procore มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองคาร์พินเทเรีย รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และทั่วโลก

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220907005220/en/

ติดต่อ:

Archetype UK สำหรับ Procore

procore@archetype.co

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แพลตฟอร์มมีเดีย idolplus สำหรับศิลปิน K-pop เปิดตัวทั่วโลกในหกภาษา

Logo

  • idolplus แพลตฟอร์มมีเดียของเกาหลีสำหรับศิลปิน K-pop ที่เปิดตัวทั่วโลก
  • เปิดตัวในหกภาษา รวมถึง อังกฤษ จีน และญี่ปุ่น โดยจะเจาะเป้าหมายตลาดแฟน K-pop ใหญ่ในอเมริกาและเอเชีย
  • เตรียมจัดงานเฉลิมฉลองการเปิดตัวทั่วโลกและการโหวต TMA idolplus Popularity Award อย่างเป็นทางการ

โซล เกาหลีใต้–(บิสิเนสไวร์)–07 ก.ย. 2022

LG Uplus (CEO: Hyeon-sik Hwang) (KRX: 032640) เปลี่ยนชื่อแพลตฟอร์มสื่อสำหรับศิลปิน K-pop, U+ idol Live เป็น idolplus และเปิดตัวเว็บในหกภาษา รวมถึงภาษาอังกฤษ จีนและญี่ปุ่น

[Poster] IDOLLIVE School: Searching for IDOLLIVE School Ambassador (Graphic: Business Wire)

[โปสเตอร์] IDOLLIVE School: ค้นหา IDOLLIVE School Ambassador (กราฟิก: Business Wire)

idolplus เป็นแพลตฟอร์มถ่ายทอดสดการแสดง K-pop ที่เปิดตัวในปี 2018 ภายใต้ชื่อ U+ idol Live ได้ก่อตั้งตัวเองเป็นแพลตฟอร์มสื่อที่เชี่ยวชาญด้านความบันเทิง K-pop โดยขยายเนื้อหาอย่างต่อเนื่องสำหรับแฟน K-pop เป็นประมาณ 35,000 ราย นอกจากเนื้อหาต้นฉบับที่มีผู้ให้ความบันเทิง K-pop ยอดนิยมแล้ว ยังสามารถรับชมคอนเสิร์ตและการแสดงรางวัลที่มีชื่อเสียงได้ฟรีบนแพลตฟอร์ม

เนื้อหาหลัก ได้แก่ “IDOLLIVE School: Searching for IDOLLIVE School Ambassador” เป็นการแสดงแนะนำความสามารถของศิลปิน K-pop “IDOLWORKSHOP” เวิร์กช็อปของเหล่าศิลปิน K-pop ในฐานะพนักงานออฟฟิศเป็นเวลาหนึ่งวัน และ “The Door: To the Strange World” ซีรีส์เกมปริศนาตามสถานการณ์ โดยศิลปินและกลุ่ม K-pop จำนวนมาก เช่น NCT Dream, ITZY, VIVIZ, Kep1er และ BTOB ได้ปรากฏตัวในรายการ

idolplus ไม่เพียงแต่นำเสนอเนื้อหาที่มีความละเอียดสูงและคุณภาพสูงเท่านั้น รวมถึงการแสดงดั้งเดิม การแสดง และพิธีมอบรางวัล แต่ยังรวมถึงมุมมองระยะใกล้ของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม K-pop ด้วย  เนื้อหาของ idolplus ที่มีใน 6 ภาษา ได้แก่ เกาหลี อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ไทย และอินโดนีเซีย จะถูกขยายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการแสดงภาพซ้อนภาพ (PIP) และการเล่นพื้นหลังฟรี

ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน (พฤหัสบดี) ถึง 20 กันยายน (อังคาร) idolplus จะจัดงานฉลองการเปิดตัวทั่วโลกผ่านลอตเตอรี่ ผู้เข้าร่วมงานจะคว้าตั๋วรางวัล 2022 The Fact Music Award ที่จะจัดขึ้นที่เกาหลีในวันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม (เสาร์)

นอกจากนี้ จะมีการโหวตรางวัล TMA idolplus Popularity Award ด้วยเช่นกัน รางวัลพิเศษนี้มอบให้โดย idolplus และแฟน K-pop ผ่านการโหวตโดยจะมอบให้แก่ผู้ให้ศิลปินในพิธีมอบรางวัล TMA Awards หลังจากการโหวตเบื้องต้นเพื่อเลือกผู้สมัครระหว่างวันที่ 1 กันยายน (พฤหัสบดี) ถึง 12 กันยายน (วันจันทร์)  ศิลปิน 30 อันดับแรกตามจำนวนโหวตที่ชนะจะเข้าสู่รอบสุดท้ายของการโหวต การลงคะแนนครั้งสุดท้ายจะเปิดในวันที่ 13 กันยายน (อังคาร) และดำเนินต่อไปจนถึง 4 ตุลาคม (อังคาร) แฟนๆ ทั่วโลกสามารถมีส่วนร่วมในการโหวตได้

2022 TMA ซึ่งจะถ่ายทอดสดทางเว็บเพจ idolplus เป็นเทศกาลของเหล่าผู้ให้ความบันเทิง K-pop และแฟนๆ ทั่วโลก ในปี 2022 จะมีการจัดงานแบบออฟไลน์เป็นครั้งแรกในรอบสามปีครึ่ง ดารา K-pop อย่าง Stray Kids, ITZY, (G)I-DLE, IVE และ THE BOYZ ต่างก็เตรียมแสดงผลงานสุดเจ๋งภายในงาน

เว็บไซต์ idolplus: https://idolplus.com/

idolplus บน Twitter: https://twitter.com/idolplus_offcl

idolplus บน Instagram: https://www.instagram.com/idolplus_offcl/

รูปภาพและมีเดีย: https://www.instagram.com/idolplus_offcl/ www.businesswire.com/news/home/52858059/en

ติดต่อ:

LG Uplus idolplus
Hyunjun Song
+82-2-705-2279
idolplus.event@gmail.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย




Kirin Holdings: ช้อนและชามที่ช่วยเพิ่มรสเค็มของอาหารที่มีโซเดียมต่ำได้ประมาณ 1.5 เท่า*1 ผ่านการกระตุ้น

Logo

  • พัฒนารูปแบบของคลื่นกระแสไฟฟ้าที่มีลักษณะเฉพาะซึ่งช่วยเพิ่มความเค็มของอาหารที่มีโซเดียมต่ำได้ประมาณ 1.5 เท่า
  • อุปกรณ์ "เกลืออิเล็กทริก" รูปทรงช้อนและชามที่มีรูปแบบของคลื่นกระแสไฟฟ้านี้ได้รับการพัฒนาขึ้น
  • การทดลองสาธิตร่วมกับสองบริษัทที่เสนอการรับประทานเพื่อสุขภาพเริ่มขึ้นในเดือนกันยายน
  • ตั้งเป้าเปิดตัวอุปกรณ์ที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2566

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 กันยายน 2565

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin) และ Dr. Homei Miyashita แห่งมหาวิทยาลัย Meiji University Laboratory of Department of Frontier Media Science, School of Interdisciplinary Mathematical Sciences (Miyashita Laboratory) ได้พัฒนาเครื่องกระตุ้นอิเล็กทริกที่ลักษณะเฉพาะในการช่วยเพิ่มการรับรสเค็มเมื่อรับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำได้ประมาณ 1.5 เท่า และพัฒนาอุปกรณ์ "เกลืออิเล็กทริก" รูปทรงช้อนและชามที่รวมเทคโนโลยีนี้เข้าด้วยกัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220906005747/en/

Electric Salt Spoon (Photo: Business Wire)

ช้อนเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก (ภาพ: Business Wire)

Kirin ร่วมกับ Noruto Company, Limited (Noruto) และ The Orangepage Inc. (Orangepage) จะเริ่มการทดลองสาธิตในเดือนกันยายนเพื่อประเมินความพึงพอใจในมื้ออาหารโดยการจัดให้อุปกรณ์นี้พร้อมอาหารที่มีโซเดียมต่ำเป็นชุด

เราตั้งเป้าที่จะเปิดตัวอุปกรณ์ "เกลืออิเล็กทริก" ในปี 2566 ด้วยอุปกรณ์นี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่ผู้คนสามารถปรับปรุงวิถีชีวิตของพวกเขาได้อย่างเอร็ดอร่อย

ปัญหาสังคม “เกลือมากเกินไป”

ปริมาณเกลือที่คนญี่ปุ่นบริโภคในแต่ละวันคือ 10.9 กรัมสำหรับผู้ชาย และ 9.3 กรัมสำหรับผู้หญิงที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป*2 ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าสูงมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานการบริโภคเกลือขององค์การอนามัยโลก (WHO)*3 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดญี่ปุ่นสำหรับอาหารที่มีโซเดียมต่ำและปราศจากเกลือได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเพราะความใส่ใจในสุขภาพที่เพิ่มขึ้น โดยเติบโตขึ้นประมาณ 26% ในช่วงห้าปีระหว่างปี 2558 ถึง 2563 โดยประมาณการยอดขายอยู่ที่ 141.3 พันล้านเยน ในปี 2563*4 จากการสำรวจที่จัดทำโดยบริษัทของเรา*5 ของผู้อยู่อาศัยในเขตมหานครโตเกียว เราพบว่าประมาณ 63% ของผู้ที่รับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำตั้งใจที่จะทำเช่นนั้นเพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ท้าทาย และในจำนวนนี้ประมาณ 80% ไม่พอใจกับรสชาติของอาหารที่มีโซเดียมต่ำ หากผู้คนยังคงสนุกกับการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำต่อไป ก็จะช่วยปรับปรุงความท้าทายด้านสุขภาพและอาจขยายตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมต่ำและปราศจากเกลือได้

การวิจัยร่วมกันโดย Kirin และ Dr. Homei Miyashita Laboratory ของ Meiji University เพื่อแก้ปัญหาทางสังคม

ในการตอบสนองต่อปัญหาสังคมนี้ ตั้งแต่ปี 2562 เราได้ทำการวิจัยร่วมกับ Dr. Homei Miyashita Laboratory ในการใช้เทคโนโลยี "การรับรสด้วยอิเล็กทริก" ซึ่งใช้กระแสไฟฟ้าที่อ่อนมากซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์เพื่อการเปลี่ยนแปลงรสชาติของอาหารในการรับรู้ทางประสาทสัมผัสเทียม จากผลการวิจัยนี้ เราได้พัฒนารูปแบบของคลื่นกระแสไฟฟ้าที่มีลักษณะเฉพาะในการช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารที่มีโซเดียมต่ำ และได้รับการยืนยันเป็นครั้งแรกในโลกว่าการรับรู้รสเค็มเมื่อรับประทานอาหารโซเดียมต่ำเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 เท่าในการทดสอบทางคลินิกกับผู้ที่เคยหรือกำลังลดเกลือ

วิวัฒนาการของอุปกรณ์โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้า

ในการสำรวจของเรา*6 บะหมี่ราเมนและซุปมิโซะได้รับการจัดอันดับที่หนึ่งและสองในแง่ของ "อาหารของผู้ที่พยายามลดการบริโภคเกลือต้องการกินที่มีรสชาติเข้มข้นแทนที่จะเป็นรสบางเบา" เราพบว่ามีความต้องการสูงสำหรับ "อาหารที่เป็นรางวัล" อย่างเช่น บะหมี่ราเมนซึ่งพวกเขาชอบแต่ละเว้นจากการรับประทานเนื่องจากการลดเกลือ รสจัด และความต้องการน้ำซุปที่รสอร่อยสูงซึ่งมีนิสัยชอบรับประทานเป็นประจำทุกวันแต่ไม่พอใจกับรสชาติ

เพื่อขจัดความอดทนที่ลูกค้ามีในการลดเกลือเหล่านี้และทำให้มื้ออาหารของพวกเขาน่ารับประทานยิ่งขึ้น เราจึงได้พัฒนา "ช้อนเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก" และ "ชามเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก" ซึ่งเหมาะสำหรับการรับประทานบะหมี่ราเมนและน้ำซุป

"ช้อนเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก" และ "ชามเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก" ที่พัฒนาขึ้นใหม่นั้นล้ำหน้ากว่าและติดตั้งเทคโนโลยีรูปแบบคลื่นกระตุ้นไฟฟ้า*7 ซึ่งพัฒนาโดย Kirin และ ห้องปฏิบัติการของ Dr. Homei Miyashita และนำเสนอเป็นอุปกรณ์ประเภทตะเกียบเพื่อการดำเนินการทางสังคม

ช้อนเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก

คุณสมบัติ:
เปิดสวิตช์ไฟที่ด้ามจับของช้อนและตั้งค่าความเข้ม (4 ระดับ) ตามที่คุณต้องการ
หลังจากเลือกแล้ว ให้ใช้ช้อนในลักษณะเดียวกับช้อนปกติ
กระแสไฟฟ้าอ่อนจะถูกส่งผ่านอาหารเพื่อสร้างผลกระทบจากปลายช้อน

การใช้งานที่เป็นไปได้:
แทนช้อนบะหมี่ราเมน
สำหรับน้ำซุปและแกงที่มีส่วนผสมมากมาย
อาหารมื้ออื่น ๆ โดยทั่วไป

ชามเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก

คุณสมบัติ:
เปิดสวิตช์ไฟที่ด้านข้างของชามและตั้งค่าความเข้ม (4 ระดับ) ตามที่คุณชอบ
หลังจากเลือกแล้ว ให้ใช้ชามเหมือนชามทั่วไป
วางมือที่ด้านล่างของชาม
เมื่อถือไว้ กระแสไฟฟ้าอ่อนจะไหลเข้าไปในชามเพื่อสร้างผลลัพธ์

การใช้งานที่เป็นไปได้:
เมื่อรับประทานซุปมิโซะหรือน้ำซุป
ใช้เป็นชามเสิร์ฟสำหรับบะหมี่ราเมนและบะหมี่อุด้ง

การทดลองความร่วมมือกับสองบริษัท เพื่อเสนอประสบการณ์การรับประทานเพื่อสุขภาพโดยใช้อุปกรณ์

เพื่อให้ชีวิตประจำวันมีการรับประทานเกลือที่เข้มข้นน้อยลง เรายังนำเสนออาหารเพื่อสุขภาพที่น่ารับประทานด้วย "ช้อนเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก" และ "ชามเพิ่มความเค็มอิเล็กทริก" โดยใช้ความรู้ของเราที่ปลูกฝังในฐานะบริษัทด้านอาหาร ในเดือนกันยายนของปีนี้ การทดลองสาธิตโดยใช้อุปกรณ์ "เกลืออิเล็กทริก" จะดำเนินการร่วมกับ Noruto ซึ่งดำเนินการร้านค้าปลีกที่จำหน่ายเฉพาะผลิตภัณฑ์โซเดียมต่ำ "Muen.com" ซึ่งซื้อขายผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมากที่สุด*8 ในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาโดยบริษัทและ Orangepage การทดลองสาธิตจะเริ่มในเดือนกันยายน โดยสมาชิกของแต่ละบริษัทจะได้รับเชิญให้เข้าร่วม อาหารโซเดียมต่ำแสนอร่อยที่พัฒนาโดยทั้งสองบริษัทจะนำเสนอเป็นชุดพร้อมอุปกรณ์ "เกลืออิเล็กทริก" และจะมีการประเมินระดับความพึงพอใจของพวกเขา

โครงร่างของการทดลองสาธิต

  1. ระยะเวลาดำเนินการ: เดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน 2565
  2. เรื่อง: สมาชิกของ Noruto และ Orangepage
  3. รายละเอียดการใช้งาน: สำรวจการชิมที่หน้างาน การทดสอบการใช้งานในบ้านเพื่อใช้ที่บ้าน

การพัฒนาในอนาคต

ประโยชน์ของอุปกรณ์ "เกลืออิเล็กทริก" จะได้รับการยืนยันผ่านการทดลองสาธิตในปีนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะวางจำหน่ายอุปกรณ์ที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2566 เรากำลังพัฒนาอุปกรณ์ "เกลืออิเล็กทริก" เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าที่กังวลเรื่องการลดเกลือ ในอนาคตเราจะส่งเสริมความร่วมมือกับบริษัทหลายแห่งในการส่งมอบอาหารเพื่อสุขภาพให้กับลูกค้า และมุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ช่วยให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติ และบรรลุนิสัยการกินเพื่อสุขภาพโดยไม่ต้องอดทนหรือหงุดหงิดอีกต่อไป

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทระหว่างประเทศที่ดำเนินการในโดเมนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) โดเมนเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และโดเมนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings แกะรอยรากเหง้ามาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2428 Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 2450 ตั้งแต่นั้นมาบริษัทก็ได้ขยายธุรกิจด้วยการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในช่วงปี 2523 ซึ่งธุรกิจทั้งหมดยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตทั่วโลก ในปี 2550 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งอย่างแท้จริง และขณะนี้กำลังมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมโดเมนวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2562 โดย Kirin Group มีเป้าหมายที่จะเป็น “ผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* ซึ่งสร้างมูลค่าให้กับโลกของอาหารและเครื่องดื่มสู่เภสัชกรรม” ในอนาคต Kirin Group จะยังคงใช้จุดแข็งเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางด้านสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในมูลค่าองค์กร

  1. เปลี่ยนค่าการประเมินความเข้มข้นของความเค็มในตัวอย่างที่เลียนแบบอาหารธรรมดาและตัวอย่างที่มีเกลือน้อยกว่า 30% ทดสอบโดยใช้ตะเกียบที่ติดตั้งเทคโนโลยีเกลืออิเล็กทริก (กระแสไฟ 0.1~0.5 mA) ชายและหญิงอายุระหว่าง 40-65 ปี จำนวน 31 คน ที่เคยหรือกำลังลดเกลือถูกถามถึงระดับความเค็มที่พวกเขารับรู้เมื่อรับประทานอาหารทดลอง และผู้ตอบแบบสอบถาม 29 ใน 31 คนตอบว่า ความเค็มเพิ่มขึ้น
  2. การสำรวจสุขภาพและโภชนาการแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการปี 2565
  3. น้อยกว่า 5.0 กรัม/วัน (ปี 2555 แนวทางของ WHO)
  4. Fuji Keizai "แนวโน้มตลาดอาหารเพื่อสุขภาพปี 2562" ขนาดตลาดปี 2563เป็นการคาดการณ์
  5. การวิจัย Kirin ระยะเวลาสำรวจ: มิถุนายน 2564 เป้าหมาย: ชายและหญิงอายุ 40-79 ปี อาศัยอยู่ในเขตมหานครโตเกียว (N=4,411) รูปแบบ: การสำรวจทางเว็บ ประมาณ 47% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดรับประทานอาหารที่โซเดียมต่ำ/เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น
  6. การวิจัย Kirin ระยะเวลาสำรวจ: มกราคม 2565 เป้าหมาย: ชายและหญิงอายุ 30-69 ปี จำนวน 120 คนที่กำลังฝึกลดเกลือ รูปแบบ: แบบสำรวจ CLT อนุญาตให้ตอบได้หลายแบบ
  7. ข่าวประชาสัมพันธ์ของผลการวิจัย (วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2565) https://www.kirinholdings.com/jp/newsroom/release/2022/0411_01.html
  8. ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีโซเดียมต่ำจำนวนมากที่สุดที่ซื้อขายในประเทศญี่ปุ่น/ วิจัยโดย Nord (อ้างอิงจากข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ณ วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565)

*: การสร้างมูลค่าร่วมกัน รวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคตลอดจนสังคมโดยทั่วไป

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220906005747/en/

ติดต่อสื่อ
Corporate Communication Department
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

Public Relations Office, Meiji University
1-1 Kanda-Surugadai, Chiyoda-ku, Tokyo
https://www.meiji.ac.jp/cip/english/
Email: koho@mics.meiji.ac.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Smiths Detection จัดหาระบบตรวจสอบสินค้าให้กับศุลกากรโยโกฮาม่า

Logo

โดยจะถูกนำไปใช้เพื่อสแกนสินค้าที่ไซต์ Honmoku และ Sendai

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–05 ก.ย. 2022

Smiths Detection ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการตรวจจับภัยคุกคามและการตรวจสอบความปลอดภัยประกาศว่าได้ทำสัญญาเพื่อจัดหาระบบตรวจสอบสินค้า (Cargo Inspection Systems – CIS) ให้กับหน่วยงานศุลกากรของโยโกฮาม่า

ระบบ CIS ของ Smiths Detection จะถูกนำไปใช้ที่ศูนย์ตรวจสอบ Honmoku และ Sendai สำหรับคัดกรองรถบรรทุกเพื่อตรวจหาสารเสพติดและสิ่งของต้องห้ามอื่นๆ พร้อมกับซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย ​​ ระบบ CIS จะแยกแยะระหว่างวัสดุและลดการเคลื่อนที่ของสารและสินค้าที่ผิดกฎหมาย ในขณะที่ช่วยรักษากระแสการค้าอย่างต่อเนื่อง

ระบบ CIS จะต้องติดตั้งเทคโนโลยีสายพานลำเลียง ซึ่งจะให้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นและปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น ระบบที่โรงงานทั้งสองแห่งจะได้รับการติดตั้งในเดือนพฤษภาคม 2566

Aurelien Guilbert กรรมการผู้จัดการของภูมิภาคเอเชียเหนือและเอเชียใต้ Smiths Detection กล่าวว่า "เราภูมิใจที่หน่วยงานศุลกากรของเมืองใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่นได้เลือกเทคโนโลยีของ Smiths Detection เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับพอร์ต  ระบบตรวจสอบสินค้าของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อรักษาความคล่องตัวของยานพาหนะและสินค้า ด้วยระบบสายพานลำเลียงที่เพิ่มประสิทธิภาพเพิ่มเติม เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกับหน่วยงานศุลกากรทั่วประเทศญี่ปุ่นต่อไป”

###

เกี่ยวกับ Smiths Detection

Smiths Detection แผนกหนึ่งของ Smiths Group เป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีการตรวจสอบและตรวจจับสำหรับการขนส่งทางอากาศ ท่าเรือและชายแดน กองกำลังติดอาวุธ และการรักษาความปลอดภัยในเมือง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 70 ปีในสาขานี้ เรานำเสนอโซลูชั่นที่จำเป็นในการปกป้องสังคมจากภัยคุกคามจากวัตถุระเบิด อาวุธต้องห้าม ของเถื่อน สารเคมีที่เป็นพิษ และยาเสพติด

ภารกิจของเรานั้นเรียบง่าย: เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย ความสบายใจ และเสรีภาพในการเคลื่อนไหวที่โลกต้องพึ่งพา

กรุณาเยี่ยมชม http://www.smithsdetection.com/ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220830005768/en/

ติดต่อ:

FTI Consulting:
Tom Hufton/Georgina Reeves/Zoe Williams
sc.smithsdetection@fticonsulting.com
+44 (0)20 3727 1000

Smiths Detection:
Sophie Mills หัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กร
sophie.mills@smithsdetection.com
+44 (0)73 8423 6474

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ความเสมอภาคระหว่างเพศรอไม่ได้ถึง 132 ปี

Logo

ถ้อยแถลงโดย Julia A. Simon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและประธานเจ้าหน้าที่ด้านความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างที่ Mary Kay

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–02 กันยายน 2022

ด้านล่างนี้คือถ้อยแถลงโดย Julia A. Simon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและประธานเจ้าหน้าที่ด้านความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างของ Mary Kay Inc. ในการเปิดเผยรายงาน Global Gender Gap Report ของ World Economic Forum ประจำปี 2022

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220831005218/en/

Julia Simon, Chief Legal Officer and Chief Diversity & Inclusion Officer (Photo Credit: Mary Kay Inc.)

Julia Simon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและประธานเจ้าหน้าที่ด้านความหลากหลายและยอมรับความแตกต่าง (เครดิตภาพ: Mary Kay Inc.)

จากการค้นพบที่มีเหตุผลรอบคอบจากรายงานประจำปี 2022 Global Gender Gap Report ของ World Economic Forum พบว่าความเสมอภาคทางเพศนั้นไกลเกินเอื้อมในช่วงชีวิตของเรา ตามรายงานระบุว่า ต้องใช้เวลา 132 ปีกว่าความเสมอภาคระหว่างเพศจะกลายเป็นความจริง และ 151 ปีเพื่อปิดช่องว่างหญิงชายของการมีส่วนร่วมและโอกาสทางเศรษฐกิจ ไม่มีประเทศใดจาก 146 ที่ตรวจสอบถึงความเท่าเทียมกัน

นั่นคือข่าวร้าย

ส่วนข่าวดี? ยังพอมีเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด การค้นพบในปี 2022 ทำให้ฉันสั่นคลอน แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางฉัน และไม่ควรขัดขวางคุณ

ความเสมอภาคระหว่างเพศเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นที่ไม่เพียงแต่สำหรับการพัฒนามนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนอีกด้วย ข้อมูลจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าหากไม่มีความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะลดความยากจน บรรลุความมั่นคงด้านอาหาร จัดการกับผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ หรือรับรองสังคมที่สงบสุขและครอบคลุมที่มากขึ้น ความเท่าเทียมทางเพศไม่ใช่สิ่งที่ “น่ามี” ไม่ใช่แค่ผลประโยชน์ของประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น แต่เป็นข้อกำหนดที่จำเป็นสำหรับทุกประเทศในการพัฒนาและเจริญรุ่งเรือง

เพื่อบรรเทาความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะต้องแก้ไขอุปสรรคเชิงโครงสร้างที่จำกัดการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานของสตรี รวมถึงการกลับเข้ามาใหม่และการคงอยู่ในกำลังแรงงานหลังโควิด-19 นโยบายที่กำหนดเป้าหมายซึ่งสนับสนุนการพัฒนาความสามารถของสตรีในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และซึ่งเร่งความก้าวหน้าไปสู่ตำแหน่งผู้นำและผู้บริหารก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน

ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาช่องว่างหญิงชายในสถานที่ทำงานและในกระบวนการการพัฒนาสตรีสำหรับตำแหน่งผู้นำ ในฐานะบริษัทที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจสตรีผู้ทำลายอุปสรรคเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้ว นี่เป็นเรื่องเฉพาะตัวของ Mary Kay

ในปี 2019 Mary Kay ได้ลงนามในแนวคิดจากข้อตกลงความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างพลังสตรี Women’s Empowerment Principles (WEPs) และในปี 2021 บริษัทได้กลายเป็นผู้ให้คำมั่นสัญญา (Commitment Maker) ในแนวร่วมปฏิบัติการการประชุมยุคสมัยแห่งความเท่าเทียม Generation Equality Forum Action Coalitions เพื่อเร่งความก้าวหน้าด้านความเสมอภาคระหว่างเพศเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

Mary Kay เข้าร่วมในโครงการ UN Global Compact Target Gender Equality accelerator programme ประจำปี 2022-2023 เพื่อดำเนินการตามเป้าหมายองค์กรที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจสำหรับการเป็นตัวแทนและความเป็นผู้นำของสตรีในบริษัทและในห่วงโซ่อุปทานของเราต่อไป การนำโดยตัวอย่างและสะท้อนความเชื่อของเราในการยอมรับความแตกต่างของสตรีที่เพิ่มขึ้น Mary Kay นำค่านิยมและคำมั่นสัญญาของเราไปปฏิบัติ:

การเป็นตัวแทนและความเป็นผู้นำของสตรีที่ Mary Kay (ข้อมูลจากเดือนสิงหาคม 2022):

  • 62% ของแรงงานทั่วโลกของเราเป็นสตรี
  • 50% ของทีมผู้บริหารของเราเป็นสตรี
  • 53% ของตำแหน่งรองประธานของเราขึ้นไปเป็นสตรี
  • 57% ของตำแหน่งกรรมการของเราขึ้นไปเป็นสตรี
  • 59% ของตำแหน่งผู้จัดการของเราขึ้นไปเป็นสตรี
  • 70% ของผู้นำตลาดของเราเป็นสตรี
  • 60% ของผู้นำของเราในตลาด 10 อันดับแรกของเราเป็นสตรี

การจัดซื้อจัดจ้างและความหลากหลายของซัพพลายเออร์ที่ตอบสนองต่อเพศสภาพที่ Mary Kay (ข้อมูลซัพพลายเชนเฉพาะในสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021):

  • 66% ของทีมจัดซื้อจัดจ้างของเราเป็นสตรี
  • 12% ของซัพพลายเออร์ทางอ้อมของเราคือสตรี ชนกลุ่มน้อย หรือทหารผ่านศึกเป็นเจ้าของ
  • 5% ของซัพพลายเออร์โดยตรงของเราคือสตรี ชนกลุ่มน้อย หรือทหารผ่านศึกเป็นเจ้าของ

กลยุทธ์ความยั่งยืน 10 ปีของเราในหัวข้อ Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrowดำเนินการตามแนวทางแบบองค์รวมเพื่อพัฒนาความเสมอภาคระหว่างเพศและการเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้หญิงด้วยสัญญาผูกพันหลักต่อไปนี้เพื่อให้บรรลุภายในปี 2030:

  • มอบอำนาจทางเศรษฐกิจให้กับสตรี 5 ล้านคนทั่วโลก
  • รับรองการเข้าถึงการศึกษาสำหรับสตรีและเด็กผู้หญิง 250,000 คนทั่วโลก
  • ให้ความช่วยเหลือด้านความรุนแรงทางเพศแก่สตรีกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก และ
  • พัฒนาวาระนโยบาย 10 ปีเพื่อแก้ไขปัญหาสิทธิสตรี

ด้วยแรงบันดาลใจจากภารกิจของเราในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการที่ก่อตั้งโดยสตรีเพื่อสตรี เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการของผู้หญิงและขจัดอุปสรรคในการเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจของสตรี เรานำวิสัยทัศน์นี้มาสู่องค์การสหประชาชาติในปี 2019 และร่วมกับหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ 6 แห่ง เราได้ก่อตั้ง Women’s Entrepreneurship Accelerator (WEA) เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรี

เวลาที่จะทำคือตอนนี้ การนั่งอยู่นอกเขตสนามและรอ 132 ปีไม่ใช่ทางเลือก การประชุมผลกระทบด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนเรื่อง “Advancing Gender Equality” ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงนิวยอร์กในเดือนนี้ เป็นโอกาสสำหรับผู้นำจากภาครัฐและภาคเอกชนในการกำหนดเครื่องมือและกลยุทธ์ในการปิดช่องว่างหญิงชาย เราเป็นหนี้คนรุ่นต่อไปที่จะระดมความพยายามของเราในการเปลี่ยนแปลงซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับสตรีและเด็กผู้หญิง

เกี่ยวกับ MARY KAY

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 1963 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220831005218/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


The Bangkok Reporter