ไตรคอร์กรุ๊ป (Tricor Group) เผยแพร่ รายงานการค้าในเอเชียแปซิฟิกปี 2021 ในประเด็นผลกระทบจากข้อตกลง RCEP ต่อประเทศไทย และการฟื้นตัวจาก COVID-19

Logo

ประเทศไทย–(BUSINESS WIRE)–1 กุมภาพันธ์ 2021

ตามรายงานการค้าในเอเชียแปซิฟิกปี 2021 ของไตรคอร์กรุ๊ป (Tricor Group) กล่าวว่า เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศอื่น ๆ จะเห็นได้ว่า ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (the Regional Comprehensive Economic Partnership Agreement: RCEP) ซึ่งประเทศไทยได้ลงนามร่วมกับประเทศอื่น ๆ จำนวน 14 ประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2020 และคาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินการตามข้อตกลงในปี 2021 มีความซับซ้อน และได้วางกรอบสำคัญสำหรับมาตรฐานขั้นพื้นฐานในการค้าของประเทศในเอเชียซึ่งสูงกว่าและกว้างกว่าข้อกำหนดหรือเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้โดยองค์การการค้าโลก (the World Trade Organization: WTO)

รายงานที่เผยแพร่ในวันนี้ต่อสื่อต่างๆ และผู้นำทางธุรกิจ โดยอาศัยข้อมูลอุตสาหกรรมจากศูนย์วิจัยและสื่อที่หลากหลายเพื่อเสนอมุมมองข้อมูลเชิงลึก ข้อสังเกต และการคาดการณ์ที่รวบรวมโดยผู้บริหารระดับสูงของไตรคอร์เกี่ยวกับแนวโน้มการค้าโลกที่จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการค้าและการลงทุนของภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก หรือ APAC ในปีหน้า

รายงานการค้าในเอเชียแปซิฟิกของไตรคอร์กรุ๊ปปี 2021 ได้มุ่งเน้นไปที่วิธีการดำเนินการตามหลักสำคัญของ RCEP ในปี 2021 ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเปิดกว้างของตลาดการค้าและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับธุรกิจในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของ COVID-19  ภายในรายงานดังกล่าวไตรคอร์ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อกำหนดของ RCEP และนำเสนอสรุปขั้นตอนสำคัญที่บริษัทต่างๆ สามารถดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมและใช้ข้อตกลงดังกล่าวให้เกิดประโยชน์และสร้างศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ  นอกจากนี้รายงานฉบับนี้มีคําแนะนําในการทําธุรกิจในประเทศไทยและตลาดสำคัญอื่นๆ ใน RCEP อันได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศเวียดนาม (ซึ่งไตรคอร์มีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศเหล่านี้เช่นกัน)

ภายใต้ข้อตกลง RCEP ผู้ประกอบธุรกิจและนักลงทุนในประเทศไทยคาดหวังโอกาสทางการค้าที่จะเพิ่มขึ้นทั่วอาเซียนและภูมิภาค APAC เนื่องจากสินค้าจำนวนมากมีสิทธิได้รับการลดภาษีระหว่างประเทศมากขึ้น ความโปร่งใสด้านกฎระเบียบ การยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และการลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับพิธีการทางศุลกากร

คุณดีแลนด์ หม่า (Mr. Dyland Mah) กรรมการผู้จัดการ บริษัทไตรคอร์ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “RCEP ได้รวมประเทศต่างๆ ที่มีทัศนคติและมุมมองที่แตกต่างกันเข้าด้วยกัน  การร่วมมือในระดับพหุภาคีและการเข้าสู่ตลาดในระดับที่ใหญ่ขึ้น ประเทศต่างๆ ใน RCEP สามารถสร้างความยืดหยุ่นและความร่วมมือกันในภูมิภาคได้มากขึ้น  แต่เนื่องจากขนาดและความหลากหลายของ RCEP การปฎิบัติตามข้อตกลงอาจส่งผลให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อนสำหรับบางธุรกิจ ดังนั้นในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการขยายธุรกิจของประเทศไทย เรา (ไตรคอร์) หวังว่าจะได้มีโอการร่วมงานกับบริษัทต่าง ๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้น และก้าวนำอยู่เหนือธุรกิจอื่น ”

คุณเลนนาร์ด ย้ง (Mr. Lennard Yong) ประธานกรรมการบริหารของไตรคอร์กรุ๊ป กล่าวว่า “ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการก่อตั้งของกลุ่มการค้า RCEP เป็นการพัฒนาการค้าในระดับโลกที่สำคัญซึ่งอาจเปลี่ยนเส้นทางหรือแนวทางการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment (FDI)) ในระยะเวลาข้างหน้านี้  สำหรับไตรคอร์ เราคำนึงและตระหนักว่าข้อตกลงการค้านี้ อาจเปลี่ยนแปลงแนวทางการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ไปสู่แนวทางใหม่ ๆ ในธุรกิจระหว่างประเทศ สำหรับรายงานการค้าในเอเชียแปซิฟิกปี 2021 ของไตรคอร์กรุ๊ปนี้ ได้ให้แนวทางสำคัญกับองค์กรชั้นนำระดับโลกและระดับประเทศเพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างประโยชน์จากโอกาสที่จะเกิดขึ้นจาก RCEP   ความเชี่ยวชาญนี้ได้ชี้ชัดถึงความเป็นผู้นำของเราในภูมิภาคนี้ในฐานะพันธมิตรขององค์กรที่ต้องการขยายธุรกิจไปทั่วเอเชียแปซิฟิกและภูมิภาคอื่น ๆ”

คุณแกรี่ ต็อก (Mr. Gary Tok) ประธานกรรมการด้านพาณิชย์ธุรกิจ ไตรคอร์กรุ๊ป กล่าวว่า “การลงนามในข้อตกลง RCEP เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากสำหรับธุรกิจและนักลงทุนในเอเชียแปซิฟิกและรวมไปถึงระดับที่กว้างไกลกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ต้องฝ่าฟันความตึงเครียดจากการระบาดของ COVID-19 ที่เกิดขึ้นกับห่วงโซ่อุปทานของโลก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไตรคอร์ได้มีส่วนช่วยเหลือหลายธุรกิจซึ่งต้องเผชิญกับคลื่นของภัยร้ายจากโรคระบาดที่ไม่อาจคาดคิด ตลอดจนได้มีเตรียมการสำหรับสิ่งซึ่งไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต  และสำหรับข้อตกลงทางการค้าที่สำคัญนี้ เรารอที่จะได้ร่วมงานกับธุรกิต่างๆ ทั่วโลก ในการช่วยทบทวนและปรับรูปแบบธุรกิจเพื่อทำให้ธุรกิจเหล่านั้นได้รับประโยชน์จากเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานและความร่วมมือระดับพหุภาคีที่จะได้รับจาก RCEP”

คุณซันไชน์ ฟาซาน (Ms. Sunshine Farzan) หัวหน้าฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร ไตรคอร์กรุ๊ป กล่าวว่า “ในปี 2020 ข่าวสำคัญทั่วโลกเรื่องหนึ่งก็คือ การระบาดของ COVID-19  ซึ่งเรามีความกังวลใจว่าปัญหาการระบาดจะทำให้เกิดการหยุดชะงักของเศรษฐกิจทั่วโลก  ในรายงานการค้าในระดับเอเชียแปซิฟิกปี 2021 ของไตรคอร์กรุ๊ป ซึ่งรวบรวมจากข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณแสดงให้เห็นว่า แม้จะมีอุปสรรคและความไม่แน่นอนในอนาคตอยู่มาก ก็ยังคงมีโอกาสใหม่ ๆ ที่ยิ่งใหญ่สำหรับธุรกิจทั่วโลกในปี 2021 อาทิเช่น ประโยชน์มหาศาลที่จะได้รับจากข้อตกลง RCEP   ด้วยการรวมมุมมองและข้อคิดเห็นในการก้าวไปในอนาคต รายงานนี้จะช่วยธุรกิจและผู้ลงทุนให้ก้าวนำและอยู่เหนือความเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ ”

ขอบคุณ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ

HONG KONG SAR (GROUP OFFICE)

Sunshine Farzan

Tricor Services Limited

Group Head of Marketing & Communications

Tel: +852 2980 1261

Email: Sunshine.Farzan@hk.tricorglobal.com

เกี่ยวกับ บริษัท ไตรคอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัทไตรคอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดตั้งขึ้นในปี 2005 และมีสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งบริการของเราครอบคลุมทั้งบริการจัดทำบัญชีและภาษีอากรให้กับบริษัทต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก, บริการด้านเลขานุการและการจัดการทั่วไปสำหรับบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และบริการด้านการจัดทำเงินเดือน  หากท่านต้องการที่จะจัดตั้งธุรกิจในประเทศไทย พนักงานผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมที่จะให้คำแนะนำในการเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ในระบบเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น โครงสร้างพื้นฐานชั้นแนวหน้า ทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถ และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐ

ไตรคอร์กรุ๊ป (“ไตรคอร์”) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านขยายธุรกิจระดับชั้นนำของเอเชีย ซึ่งมีองค์ความรู้ระดับโลก และมีสำนักงานซึ่งให้บริการทางธุรกิจ บริการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัท บริการให้คำแนะนำแก่นักลงทุน บริการทรัพยากรบุคคลและเงินเดือน บริการทรัสต์สำหรับองค์กร (Corporate trust & debt services) และบริการให้คำปรึกษาทางด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจ   ไตรคอร์มีสำนักงานใหญ่ประจำที่ฮ่องกง เราให้บริการมากกว่า 21 ประเทศ/เขตการปกครอง มีเครือข่ายสำนักงานใน 47 เมือง เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในความดูแลมากกว่า 50,000 รายทั่วโลก  โดยจำนวนลูกค้าดังกล่าว กว่า 2,000 บริษัทเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย และมากกว่า 40 % เป็นบริษัทที่อยู่ในรายชื่อบริษัทชั้นนำ 500 แห่งทั่วโลกจากการรวบรวมและจัดอันดับโดยนิตยสาร Fortune  นอกจากนี้ไตรคอร์มีพนักงานกว่า 2,700 คน ซึ่งเป็นพนักงานที่มีใบรับรองทางวิชาชีพถึง 630 คน โดยเราพร้อมให้บริการที่สำคัญเพื่อสนับสนุนบริษัทที่มีความมุ่งมั่นในการเติบโตทั้งในระดับเอเชียและระดับต่อไป

จุดแข็งของไตรคอร์ประกอบขึ้นจากประสบการณ์เชิงลึกในทุกๆ อุตสาหกรรม พนักงานที่มุ่งมั่น การดำเนินการที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี การปฏิบัติการตามมาตรฐาน การให้ความสนใจในการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและกฎระเบียบ และการติดต่อสื่อสารกับอุตสาหกรรมที่หลากหลาย  ไตรคอร์มีความสามารถเฉพาะเพื่อปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจของท่าน และช่วยให้ท่านก้าวไปข้างหน้าในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและหลากหลายในปัจจุบัน

 โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา: www.tricorglobal.com/locations/thailand

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Interactive Brokers ประกาศมาตรการพิเศษด้านการเทรดหุ้น

Logo

กรีนิช, คอนเน็คทิกัต.–(BUSINESS WIRE)–28 ม.ค. 2564

Interactive Brokers Group (Nasdaq: IBKR) บริษัทโบรคเกอร์ระดับโลกประกาศในวันนี้ว่า เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ ทางบริษัทได้กำหนดให้การเทรดหุ้นออพชั่น AMC, BB, EXPR, GME และ KOSS สามารถทำได้เฉพาะการขายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น (liquidation only) เนื่องจากความผันผวนที่ผิดปกติในตลาด

นอกจากนี้ หุ้นระยะยาว (long stock positions) จะต้องมีหลักประกัน 100% ส่วนหุ้นระยะสั้นจะต้องมีหลักประกัน 300% จนกว่าจะมีประกาศเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้เป็นเพราะบริษัทไม่เชื่อว่าสถานการณ์นี้จะบรรเทาลง นอกเสียจากว่าหน่วยงานการแลกเปลี่ยนและหน่วยงานกำกับดูแลจะประกาศให้มีการหยุดพัก หรือการจัดให้มีรายการของหุ้นที่อนุญาตให้ทำได้เฉพาะการขายเท่านั้น (liquidation only) โดยทางเราจะตรวจสอบสภาวะตลาดต่อไปและอาจจะมีการประกาศเพิ่มหรือถอนหุ้นบางตัวออกจากรายการนี้ตามแต่ความจำเป็นแต่ละกรณี

เกี่ยวกับ Interactive Brokers Group, Inc.

บริษัทในเครือ Interactive Brokers Group ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ สินค้า และการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแบบอัตโนมัติตลอดเวลา ในตลาดกว่า 135 ตลาดในหลายประเทศและหลายสกุลเงิน ตั้งแต่บัญชีการลงทุนแบบบูรณาการ IBKR ไปจนถึงลูกค้าทั่วโลก เราให้บริการนักลงทุนรายย่อย กองทุนเฮดจ์ฟันด์ กลุ่มการค้าที่เป็นกรรมสิทธิ์ ที่ปรึกษาทางการเงิน และด้านการแนะนำจัดหาโบรกเกอร์ สี่ทศวรรษที่เราให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติทำให้เราสามารถจัดหาแพลตฟอร์มที่มีความซับซ้อนและไม่ซ้ำใครให้กับลูกค้าเพื่อจัดการพอร์ตการลงทุนของพวกเขา เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าด้วยราคาการดำเนินการที่คุ้มค่า และเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงและการลงทุน พอร์ตการวิจัยและผลิตภัณฑ์การลงทุนทั้งหมดในราคาที่ต่ำหรือที่ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อทำให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด Interactive Brokers ติดอันดับ 1 ของ Barron โดยได้รับ 5 ดาวเต็ม ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 จากการรีวิวด้านโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ดีที่สุด หรือ Best Online Broker Review

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210128005689/en/

ติดต่อ:

Interactive Brokers Group, Inc.

สำหรับผู้ลงทุน: Nancy Stuebe, 203-618-4070

สำหรับสื่อ: Kalen Holliday, 203-618-4069 หรือ media@ibkr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Interactive Brokers Group จัดตั้งสำนักงานในยุโรปกลาง

Logo

Interactive Brokers ในยุโรปกลางจะให้บริการนักลงทุนและผู้จัดการความมั่งคั่งในภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

กรีนิช, คอนเน็คทิกัต–(BUSINESS WIRE)–15 ธ.ค. 2563

Interactive Brokers Group (Nasdaq: IBKR) บริษัทนายหน้าระดับโลกประกาศที่จะก่อตั้ง Interactive Brokers สาขายุโรปกลาง หรือ Central Europe Zrt., (IBCE) และจะมีการเปิดสำนักงานในบูดาเปสต์อีกด้วย โดยการเพิ่มบริษัทในฮังการีจะทำให้บริษัทมีหน่วยงาน 10 แห่งทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น ลักเซมเบิร์ก สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร โดยให้บริการมากกว่าหนึ่งล้านบัญชีลูกค้าในกว่า 220 ประเทศและเขตแดน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201214005711/en/

Thomas Peterffy, Founder, Chairman and Founder, Interactive Brokers (Photo: Business Wire)

Thomas Peterffy ผู้ก่อตั้ง ประธาน และผู้ก่อตั้ง Interactive Brokers (ภาพ: Business Wire)

“การตั้งสำนักงานในฮังการีเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ที่ต่อเนื่องของเราในการเปิดหน่วยงานทั่วโลกเพื่อรองรับการเติบโตทั่วโลก” Thomas Peterffy ประธาน Interactive Brokers กล่าว “เราวางแผนที่จะทำให้บูดาเปสต์เป็นศูนย์กลางการดำเนินงานของเราในยุโรปกลางเพื่อให้ก้าวทันกับการเติบโตของบัญชีซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในยุโรปตะวันตก ยุโรปตะวันออก และทั่วโลก”

กว่าหนึ่งในสี่ของบัญชี Interactive Brokers มาจากยุโรปและแอฟริกา อีกทั้งการเติบโตก็เป็นไปอย่างแข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 30 พฤศจิกายนบัญชีลูกค้าทั่วโลกเติบโตขึ้น 52% จากปีก่อน โดยกว่า 80% ของการขยายตัวมาจากนอกสหรัฐอเมริกา

Interactive Brokers ให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถลงทุนในหุ้น ออปชั่น ฟิวเจอร์ส สกุลเงิน พันธบัตร และกองทุนใน 135 ตลาดใน 33 ประเทศจากบัญชีการลงทุนรวมบัญชีเดียว ลูกค้ายังได้รับประโยชน์จากการกำหนดราคาที่คุ้มค่ากว่าของบริษัทในอัตรามาร์จิ้นที่ต่ำในอุตสาหกรรม การกำหนดราคาการแปลงอัตราแลกเปลี่ยนที่มีการควบคุมเข้มข้น และเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้บริษัทยังเป็นที่รู้จักกันดีในการจัดสรรแหล่งข้อมูลการศึกษาฟรีมากมายให้กับประชาชน.

“เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุนให้กับลูกค้าในอนาคตของเราทั่วยุโรปกลาง” Mr. Peterffy กล่าว

บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ 43 ปีก่อนโดย Mr.Peterffy ซึ่งอพยพจากฮังการีไปยังสหรัฐอเมริกาในปี 2508 ปัจจุบันบริษัทได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่โดดเด่นในโลกด้วยทุน equity capital กว่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ทุน markey capital 23,000 ล้านดอลลาร์ และมี client equity อีก 286,700 ล้านดอลลาร์

นอกเหนือจากประสบการณ์สี่ทศวรรษในการอยู่ภายใต้กฎของสหรัฐอเมริกาและประมาณสองทศวรรษภายใต้กฎของสหราชอาณาจักรแล้ว Interactive Brokers ยังได้รับใบอนุญาตนายหน้าในแคนาดา ฮ่องกง ญี่ปุ่น ออสเตรเลียอินเดีย ลักเซมเบิร์ก และได้รับใบอนุญาตในสิงคโปร์ในปีนี้ โดยทาง Magyar Nemzeti Bank ธนาคารกลางของฮังการี ได้อนุมัติใบอนุญาตนายหน้าสำหรับ Interactive Brokers Central Europe Zrt ในวันที่ 12 ธันวาคม 2020 ซึ่งจะมี Miklos Hanti ดำรงตำแหน่ง CEO ของ IBCE

เกี่ยวกับ Interactive Brokers Group, Inc.

บริษัทในเครือ Interactive Brokers Group ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ สินค้า และการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแบบอัตโนมัติตลอดเวลา ในตลาดกว่า 135 ตลาดในหลายประเทศและหลายสกุลเงิน ตั้งแต่บัญชีการลงทุนแบบบูรณาการ IBKR ไปจนถึงลูกค้าทั่วโลก เราให้บริการนักลงทุนรายย่อย กองทุนเฮดจ์ฟันด์ กลุ่มการค้าที่เป็นกรรมสิทธิ์ ที่ปรึกษาทางการเงิน และด้านการแนะนำจัดหาโบรกเกอร์ สี่ทศวรรษที่เราให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติทำให้เราสามารถจัดหาแพลตฟอร์มที่มีความซับซ้อนและไม่ซ้ำใครให้กับลูกค้าเพื่อจัดการพอร์ตการลงทุนของพวกเขา เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าด้วยราคาการดำเนินการที่คุ้มค่า และเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงและการลงทุน พอร์ตการวิจัยและผลิตภัณฑ์การลงทุนทั้งหมดในราคาที่ต่ำหรือที่ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อทำให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด Interactive Brokers ติดอันดับ 1 ของ Barron โดยได้รับ 5 ดาวเต็ม ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 จากการรีวิวด้านโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ดีที่สุด หรือ Best Online Broker Review

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201214005711/en/

ติดต่อ:

Interactive Brokers Group, Inc.

สำหรับผู้ลงทุน: Nancy Stuebe, 203-618-4070

สำหรับสื่อ: Kalen Holliday, 203-618-4069 หรือ media@ibkr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

WorldRemit เปิดตัวโปรโมชั่นช่วงเทศกาลวันหยุดเพื่อช่วยเหลือผู้รับผลประโยชน์ชาวฟิลิปปินส์สร้างธุรกิจในฝัน

Logo

ผู้ชนะจะได้รับแพ็คเกจธุรกิจแฟรนไชส์ร้านข้าว Grainsmart มูลค่า 200,000 PHP ให้กับผู้ที่พวกเขาเลือกในฟิลิปปินส์

มะนิลา ฟิลิปปินส์–(บิสิเนสไวร์)–09 ธ.ค. 2563

WorldRemit ผู้นำธุรกิจการชำระเงินข้ามพรมแดนแบบดิจิทัล เปิดตัวโปรโมชั่นเพื่อช่วยให้ลูกค้าฉลองเทศกาลวันหยุดและสร้างธุรกิจในฝันสำหรับคนที่คุณรักในฟิลิปปินส์

ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ลูกค้าสามารถเข้าร่วมโปรโมชั่นโดยส่งเงินไปยังฟิลิปปินส์โดยใช้บัญชี WorldRemit ที่ถูกต้องและลงทะเบียนที่ www.worldremit.com/pangkabuhayan เพื่อลุ้นรับ 1 ใน 10 แพ็คเกจธุรกิจแฟรนไชส์ ​​Grainsmart มูลค่า PHP 200,000 สำหรับผู้รับ

“พวกเราที่ WorldRemit ตระหนักถึงความท้าทายที่คนงานชาวฟิลิปปินส์ต่างประเทศและครอบครัวต้องเผชิญ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้  นอกเหนือจากการสร้างความมั่นใจว่าการโอนเงินจะถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยผ่านบริการของเรา เราต้องการช่วยให้ครอบครัวเหล่านี้สร้างตนขึ้นมาใหม่และมีอิสระทางการเงินมากขึ้นโดยการสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน  ด้วยการส่งเสริมนี้เราไม่เพียงแต่สนับสนุนผู้รับเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนเกษตรกรชาวฟิลิปปินส์ที่ต้องการความช่วยเหลือในทำนองเดียวกันด้วย”  Earl Melivo ผู้อำนวยการประจำประเทศฟิลิปปินส์ของ WorldRemit กล่าว

แพคเกจธุรกิจแฟรนไชส์ ​​Grainsmart แต่ละชุดประกอบด้วย

  • ข้าว 60 กระสอบ (25 กก.)
  • เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล
  • แท็บเล็ตที่ติดตั้งไว้อย่างสมบูรณ์สำหรับบัญชีศูนย์ชำระค่าใช้จ่าย
  • ป้ายธุรกิจหลักประกันทางการตลาดและอุปกรณ์ทางธุรกิจอื่นๆ
  • โปรแกรมการฝึกอบรมและการให้คำปรึกษาออนไลน์ ให้แนวทางในการจัดตั้งธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างมาก  การโจมตีของซูเปอร์ไต้ฝุ่นโกนีและไต้ฝุ่นวัมโกได้ขยายขอบเขตความเสียหายนี้ในฟิลิปปินส์ ทำให้บ้านเรือนหลายพันหลังพังพินาศและทำลายธุรกิจต่างๆ

จะมีการประกาศรายชื่อผู้ชนะบนหน้า Facebook ของ WorldRemit (https://www.facebook.com/WorldRemit/)

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชม www.worldremit.com/pangkabuhayan

WorldRemit

WorldRemit เป็นธุรกิจการชำระเงินข้ามพรมแดนแบบดิจิทัลชั้นนำ  เราปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เคยครอบงำโดยผู้เล่นเดิมออฟไลน์โดยการโอนเงินระหว่างประเทศทางออนไลน์ที่ปลอดภัย เร็วขึ้น และมีต้นทุนต่ำลง  ปัจจุบันเราส่งสินค้าจาก 50 ถึง 150 ประเทศ โดยดำเนินการในช่องทางการโอนเงิน 6,500 แห่งทั่วโลกและมีพนักงานมากกว่า 1,100 คนทั่วโลก

WorldRemit ฝั่งผู้ส่งเป็นระบบดิจิทัล 100% (ไร้เงินสด) เพิ่มความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้ที่รับเงิน  บริษัทมีตัวเลือกมากมายรวมถึงการฝากเงินธนาคาร การเก็บเงินสด และการเติมเงินผ่านมือถือ

โดยได้รับการสนับสนุนโดย Accel, TCV และ Leapfrog – สำนักงานใหญ่ของ WorldRemit ตั้งอยู่ในลอนดอน สหราชอาณาจักรโดยมีสำนักงานประจำภูมิภาคในสหรัฐอเมริกาแคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ โซมาลิแลนด์ ยูกันดา เคนยา รวันดา แทนซาเนีย ซิมบับเว และเบลเยียม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม www.worldremit.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201208006158/en/

สอบถามสำหรับสื่อมวลชน

Khristine Dela Cruz
Media Relations Manager (ผู้จัดการฝ่ายสื่อสัมพันธ์)
Ogilvy
Khristine.delacruz@ogilvy.com 
09178554779

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

WorldRemit และ Digicel International Partner จะเปิดใช้งานการโอนกระเป๋าเงินบนมือถือ (Mobile Wallet Transfers) ในหมู่เกาะแปซิฟิก

Logo

ลูกค้าสามารถส่งไปยังบัญชีกระเป๋าเงินบนมือถือในฟิจิ ซามัว และตองกา

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–25 พ.ย. 2563

WorldRemit ผู้ให้บริการชำระเงินดิจิทัลชั้นนำระดับโลกและ Digicel International ได้ร่วมมือกันเพื่อให้ลูกค้าสามารถโอนเงินระหว่างประเทศไปยังกระเป๋าเงินบนมือถือสำหรับลูกค้าในฟิจิ ซามัว และตองกา

ลูกค้าทั่วโลกสามารถโอนเงินระหว่างประเทศผ่าน digicelinternational.com ไปยังบัญชีกระเป๋าเงินเคลื่อนที่ Digicel MyCash ในฟิจิ ซามัว และตองกา ผู้รับจะได้รับเงินอย่างปลอดภัยในกระเป๋าเงินบนมือถือภายในไม่กี่นาทีและพร้อมที่จะใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการโดยการซื้อสินค้า หรือโอนเงินจากกระเป๋าเงิน MyCash โดยตรง

Digicel International เป็นร้านค้าครบวงจรแบบดิจิทัลที่ให้บริการชุดบริการซึ่งช่วยให้ผู้คนทำธุรกรรมเพื่อสนับสนุนคนที่ตนรัก โดยการเชื่อมโยงพวกเขาเข้าด้วยกันจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อลดระยะห่างระหว่างกัน เว็บไซต์และแอพใหม่นี้เปิดใช้งานสำหรับการเติมเงิน ส่งเงิน จ่ายบิล และการทำธุรกรรมอื่น ๆ ภายใต้แพลตฟอร์มเดียว เมื่อลูกค้าเข้าไปยัง digicelinternational.com พวกเขาจะสามารถส่งเงินโดยตรงไปยังกระเป๋าเงิน MyCash ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของระบบนิเวศดิจิทัลในหมู่เกาะแปซิฟิก

Scott Eddington กรรมการผู้จัดการของ WorldRemit ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า“ เรามีความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของเราในการช่วยลูกค้าส่งเงินกลับบ้านให้เพื่อนและครอบครัวในหมู่เกาะแปซิฟิก และความร่วมมือครั้งใหม่กับ Digicel จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับข้อเสนอของเราและมอบทางเลือกให้มากยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภค เรื่องนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะปัจจุบันนี้ข้อจำกัดในการเดินทางยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องต่อการท่องเที่ยวและการเคลื่อนย้ายของคนงานตามฤดูกาล อีกทั้ง COVID-19 ยังได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภคไปสู่ทางเลือกแบบดิจิทัล เช่น กระเป๋าเงินบนมือถือตัวนี้

“ในระยะยาว การเป็นพันธมิตรเช่นนี้ช่วยให้เราลดค่าใช้จ่ายในการส่งเงินไปยังกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกและนำเงินเข้ากระเป๋าของคนที่คุณรักกลับบ้านได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุนเป้าหมายการรวมทางด้านการเงินของเราทำให้มั่นใจได้ว่าเงินจะไหลไปยังผู้รับแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์ทางการเงินการธนาคารแบบเดิมก็ตาม" Eddington กล่าว

ประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกพึ่งพาการส่งเงินเป็นจำนวนมากสำหรับค่าครองชีพขั้นพื้นฐานโดยการส่งเงินไปยังตองกา คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ของประเทศซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในโลกตามข้อมูลของธนาคารโลก

จากข้อมูลองค์การการย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ (IOM) * มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการโอนเงินแบบดิจิทัลในหมู่เกาะแปซิฟิกเนื่องจากมาตรการล็อคดาวน์ทั้งในประเทศต้นทางและปลายทาง ซึ่งทำให้การส่งและรับเงินโอนเงินทำได้ยากขึ้น

Christophe Justens ผู้จัดการทั่วไปของ Digicel International กล่าวว่า“ Digicel International รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ WorldRemit เราอยู่ในธุรกิจการโอนเงินข้ามประเทศหรือการเติมเงินมาหลายปีแล้ว และเราต้องการหาวิธีที่จะมอบประสบการณ์แบบเดียวกันให้กับลูกค้าของเราเมื่อพวกเขาส่งเงิน”

“เราต้องการมอบวิธีที่ง่ายและโปร่งใสสำหรับผู้คนในการส่งและรับเงิน ด้วยความร่วมมือครั้งนี้เรากำลังดำเนินการเพื่อลูกค้าของเราทุกคน ค่าใช้จ่ายในการโอนเงินผ่านธนาคารและการโอนเงินยังคงเป็นปัญหาในหมู่เกาะแปซิฟิกประสบการณ์ดิจิทัลแบบครบวงจร แบบที่เราให้บริการในขณะนี้ผ่านกระเป๋าเงินบนมือถือจะช่วยลดต้นทุนการโอนเงินให้กับลูกค้าของเราได้มาก ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ลูกค้าในแต่ละวัน” Mr. Justens กล่าว

บริการโอนเงินผ่านมือถือมีให้บริการผ่านเว็บไซต์และแอพ Digicel International ซึ่งสามารถดาวน์โหลดผ่าน Google Play และ App Store ในการส่งเงิน ลูกค้าต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ Digicel International หรือเปิดแอป Digicel International แล้วเลือกตัวเลือก "ส่งเงิน" และทำตามขั้นตอนบนหน้าจอ หลังจากเลือกปลายทางแล้วพวกเขาจะเลือก“ บัญชีเงิน Digicel บนมือถือ” เมื่อทำการโอนเงินผ่านมือถือ ผู้รับจะได้รับเงินโดยตรงผ่านกระเป๋าเงิน Digicel MyCash บนโทรศัพท์มือถือ

*ข้อมูลอ้างอิง: https://weblog.iom.int/now-time-reduce-remittance-costs

เกี่ยวกับ WorldRemit

WorldRemit เป็น บริษัท ชำระเงินชั้นนำระดับโลก เราสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านอุตสาหกรรมการโอนเงินแบบที่เดิมเคยเป็นแบบเล่นออฟไลน์ให้กลายเป็นการโอนเงินระหว่างประเทศออนไลน์ ทำให้เกิดความปลอดภัย ความรวดเร็วยิ่งขึ้น และต้นทุนที่ต่ำลง ปัจจุบันเราส่งเงินจาก 50 ถึง 150 ประเทศ โดยดำเนินการในช่องทางการโอนเงิน 6,500 แห่งทั่วโลก และมีพนักงานมากกว่า 1,100 คนทั่วโลก

ในด้านฝั่งผู้ส่งเงิน ทาง WorldRemit ซึ่งเป็นระบบดิจิทัล 100% (ไม่ใช้เงินสด) ช่วยเพิ่มความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัย และสำหรับผู้ที่รับเงิน บริษัทมีตัวเลือกมากมายรวมถึงการฝากเงินธนาคาร การเรียกเก็บเงินสด การเติมเงินระหว่างประเทศบนมือถือ และ โมบายล์มันนี่

WorldRemit ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Accel, TCV และ Leapfrog มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยมีสำนักงานอยู่ทั่วโลกรวมถึงในสหรัฐอเมริกา แคนาดา แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมไปที่ www.worldremit.com.

เกี่ยวกับ Digicel

Digicel International เป็นร้านค้าครบวงจรแบบดิจิทัลที่ให้บริการด้านดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้คนสามารถทำธุรกรรมรายวันเพื่อสนับสนุนคนที่ตนรักได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดโดยการเชื่อมโยงพวกเขาจากทุกมุมโลก

Digicel International ให้บริการด้านดิจิทัล เช่น การเติมเงิน การโทรระหว่างประเทศ การจ่ายบิล บัตรดิจิทัลและอื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ากับที่บ้านของพวกเขา

Digicel International เป็นส่วนหนึ่งของ PRISM Holdings ซึ่งเป็นบริษัททางการเงินขนาดใหญ่ในเซนต์ลูเซียซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Digicel ในปี 2558 ตั้งแต่นั้นมาบริษัทได้เติบโตและขยายบริการทางการเงินที่หลากหลาย PRISM Group ได้ช่วยลูกค้าเปลี่ยนแนวคิดเล็ก ๆ ให้กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ตั้งแต่ปี 2536

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201124006051/en/

ติดต่อ:

Kyara Kwan

หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของภูมิภาค APAC

WorldRemit

kkwan@worldremit.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

QED Investors ขยายสู่ตลาดอินเดียพร้อมจ้างงานตำแหน่งใหม่เพื่อดูแลการลงทุนในเอเชียใต้

Logo

QED ยังแต่งตั้งงานอีกสองตำแหน่งเพื่อดูแลการลงทุนในสหรัฐฯ และการดำเนินงานของ Belay โดยเฉพาะ

อเล็กซานเดรีย, เวอร์จิเนีย–(BUSINESS WIRE)–19 พฤศจิกายน 2563

QED Investors บริษัทชั้นนำด้านธุรกิจเงินร่วมลงทุน ซึ่งเน้นเจาะกลุ่มบริษัทที่ให้บริการทางการเงินซึ่งอยู่ในระยะเริ่มต้นของการก่อตั้ง ประกาศการเข้าสู่ตลาดอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ว่าจ้าง Sandeep Patil ให้เป็นผู้ดูแลการลงทุนในภูมิภาคนี้

Sandeep จะเข้ามาช่วยให้ QED ขยายธรุกิจไปทั่วโลก โดยมีอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาเสริมตลาดอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และสหราชอาณาจักร QED Investors ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2550 ได้ลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ไปกว่า 120 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยบริษัทยูนิคอร์น 13 แห่ง นอกจากนี้ยังเป็นผู้บริหารจัดการทุนที่มีมูลค่ากว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การลงทุนที่สำคัญ ๆ ของบริษัท ได้แก่ Nubank, SoFi, Credit Karma, Klarna, GreenSky, Avant, Flywire, Remitly, QuintoAndar, Creditas, ClearScore และ Konfio

“ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเฉพาะในอินเดียที่เดียวมีจำนวนมหาศาลสูงกว่า 560 คน เมื่อนำปัจจัยดังกล่าวมาพิจารณาร่วมกับค่าใช้จ่ายในการใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือที่ลดลงอย่างมาก ชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมความต้องการด้านการเงินและโครงสร้างพื้นฐานภาคบังคับที่รองรับ เท่ากับว่าคุณมีระบบนิเวศที่สุกงอมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผัน QED ได้ประเมินการเข้าสู่ตลาดเอเชียอย่างใกล้ชิด และเราตื่นเต้นอย่างมากกับการได้ Sandeep เข้ามาช่วยด้านการลงทุนในบริษัทฟินเทคที่ดีที่สุดในตลาด” Nigel Morris ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ QED Investors กล่าว

QED สร้างชื่อจากการเน้นเจาะกลุ่มบริษัทที่ให้บริการทางการเงินและประสบการณ์ในการบริหารจัดการที่สะสมมากว่า 200 ปี และ Sandeep จะเข้ามาเติมเต็มศักยภาพทั้งสองด้านนี้อย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาได้ช่วยเปิดตัวธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคและเอสเอ็มอีที่ Flipkart และมีส่วนช่วยระดมทุนของบริษัทซึ่งถูกขายให้กับ Walmart ในที่สุด เขาเคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและซีอีโอของ Truecaller ประจำอินเดีย ซึ่งเขาเป็นผู้บริหารธุรกิจ Adtech ระบบชำระเงิน เทคโนโลยีด้านการเงิน เอสเอ็มอี/องค์กร และนักพัฒนา ซึ่งสร้างรายได้ให้บริษัทเป็นสองเท่า และยังประสบความสำเร็จในการสร้างผลกำไรท่ามกลางการเกิดโรคระบาด เขามาพร้อมรากฐานด้านสินเชื่อผู้บริโภคอันแข็งแกร่งที่สะสมจาก Capital One ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร และเคยให้บริการนักลงทุน ธนาคาร และบริษัทประกันทั่วโลกร่วมกับ McKinsey & Co. มาแล้ว Sandeep จะนำแนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยสมมติฐานของ QED อันแข็งแกร่งมาใช้เพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนในธุรกิจฟินเทคที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นและอยู่ในสถานะที่ดีในตลาด

“มีโอกาสมากมายมหาศาลสำหรับ QED รออยู่ในอินเดียและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผมรับรู้และชื่นชมในความเชี่ยวชาญด้านฟินเทคของ QED มานาน รวมถึงวิธีการที่บริษัทนำประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการมาใช้ช่วยผู้ก่อตั้งและซีอีโอหลาย ๆ ท่านสร้างบริษัทที่สามารถพลิกการทำธุรกิจแบบเดิม ๆ ได้อย่างประสบความสำเร็จ” Sandeep กล่าว “ผมตื่นเต้นกับการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับทีมและร่วมงานกับยูนิคอร์นด้านเทคโนโลยีการเงินเจเนอเรชันถัดไปแห่งทวีปเอเชีย”

นอกจากนี้ QED และ Sandeep ยังได้เลือกให้ Camila Key Saruhashi ดำรงตำแหน่งหัวหน้าประจำสำนักงานในซานฟรานซิสโก และให้ Adams Conrad ดำรงตำแหน่งหัวหน้าประจำสำนักงานในนิวยอร์ก Camila จะทำหน้าที่เสริมแกร่งธุรกิจของ QED ในเบย์แอเรีย โดยมุ่งเน้นการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ Adams จะขยายการเติบโตของ Belay ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนของธุรกิจในระยะก่อตั้งของ QED ที่ช่วยบริษัทด้านฟินเทคก่อตั้งและสร้างธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งคู่เข้าร่วม QED พร้อมกับประสบการณ์ด้านการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยก่อนหน้านี้ Camila เคยมีประสบการณ์ในการนำทีมขนาด 300 คนในตำแหน่งหัวหน้างานปฏิบัติการที่ Nubank ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ QED รวมถึงมีประสบการณ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ที่ Earnin ขณะที่ Adams มีประสบการณ์ด้านการบริหารความสัมพันธ์จาก Quovo และ Plaid ซึ่งเขาเป็นผู้ดูแลงานด้านความมั่งคั่งในแนวดิ่ง การสร้างช่องทางและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และช่วยให้ลูกค้าฟินเทคจำนวนมากขยายธุรกิจให้เติบโต

“หลังการระดมทุนมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ฯ โดย QED เองในเดือนกุมภาพันธ์ QED ยังมีทิศทางที่ดีในการประสบความสำเร็จ เรามองเห็นถึงตัวเลือกข้อเสนอในทิศทางบวกมากมายจากบริษัทอันยอดเยี่ยมที่กำลังมองหาความเชี่ยวชาญด้านฟินเทคและประสบการณ์ในด้านการจัดการจาก QED Camila และ Adams จะนำประสบการณ์ในการบริหารจัดการที่สะสมมากว่าหลายปีมาพร้อมกับพวกเขา และทั้งคู่จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เราประเมินและควบคุมโอกาสในการลงทุน รวมถึงทำหน้าที่เป็นคอนซิลรีโยหรือที่ปรึกษาของผู้บริหารให้กับซีอีโอของบริษัทในเครือของเรา” Nigel Morris กล่าวเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ QED Investors

QED เป็นบริษัทด้านธุรกิจเงินร่วมลงทุนชั้นนำจากอเล็กซานเดรีย เวอร์จิเนีย โดยมี Nigel Morris และ Frank Rotman ร่วมกันก่อตั้ง บริษัทลงทุนในบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินรูปแบบใหม่ ๆ ในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ รวมถึงสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการก่อตั้ง QED ทุ่มเทให้กับการสร้างธุรกิจที่ยอดเยี่ยมและใช้วิธีการแบบลงมือปฏิบัติที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ด้านการเป็นผู้ประกอบการและการดำเนินงานที่สะสมมากว่าทศวรรษของบริษัทคู่ค้า เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เติบโตแบบก้าวกระโดด การลงทุนที่สำคัญ ๆ ได้แก่ Nubank, SoFi, Credit Karma, Klarna, GreenSky, Avant, Flywire, Remitly, QuintoAndar, Creditas, ClearScore และ Konfio

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201119005837/en/

ติดต่อ:

Prosek Partners
Meredith Mitchell
646.818.9268
mmitchell@prosek.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ชิงแท็บเล็ตจากกิจกรรม Diwali Giveaway กับ WorldRemit!

Logo

เปิดให้ร่วมลุ้นระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2563

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2563

WorldRemit บริษัทผู้ให้บริการชำระเงินระหว่างประเทศชั้นนำ ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลดิวาลี (Diwali) ปีนี้ด้วยการแจกแท็บเล็ต 100 เครื่องให้กับผู้โชคดีในอินเดีย! ดิวาลี หรือเทศกาลแห่งแสงสว่าง เป็นสัญลักษณ์ของการใช้ความดีเอาชนะความชั่วร้ายของผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู เชน และซิกข์ทั่วโลก โดยผู้คนจะร่วมเฉลิมฉลองกันในเดือนการ์ติกะ (Kartika) เป็นระยะเวลาห้าวันด้วยการไปสวดมนต์ที่วัด แลกเปลี่ยนของขวัญในครอบครัวและประดับประดาบ้านเรือนด้วยเทียนและโคมไฟ และ WorldRemit ปรารถนาที่จะส่งต่อความรักผ่านการมอบของขวัญครั้งนี้

ลูกค้าในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์สามารถลุ้นเป็นเจ้าของแท็บเล็ตเพื่อมอบให้กับผู้รับที่ตนเลือกได้ง่าย ๆ เพียงโอนเงินขั้นต่ำ 10 ดอลลาร์ (ในสกุลเงินท้องถิ่น AUD หรือ NZD) ไปยังอินเดียผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของ WorldRemit ระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2563 และต้องลงทะเบียนร่วมสนุกกับกิจกรรมทางออนไลน์ทางเว็บไซต์ที่ https://www.worldremit.com/en/promotions/india-win-a-tablet โดยมีข้อกำหนดและเงื่อนไข ทั้งนี้ WorldRemit จะทำการสุ่มเลือกผู้ได้รับรางวัลสัปดาห์ละครั้ง ก่อนส่งแท็บเล็ตไปยังผู้ทีได้รับเลือกให้รับรางวัลในประเทศอินเดีย

“เราตระหนักถึงความสำคัญด้านการศึกษาที่จะสร้างโอกาสให้กับผู้คนได้เสริมสร้างศักยภาพของตน และทราบดีว่าหนึ่งในเหตุผลหลักที่ลูกค้าของเราโอนเงินกลับบ้านก็เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เช่นเดียวกับประเทศส่วนใหญ่บนโลก ระบบการศึกษาในประเทศอินเดียได้อ้าแขนรับเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นเนื่องจากการระบาดของโรคที่ลุกลามไปทั่ว ไวรัสโคโรนา (COVID-19) ได้สร้างผลกระทบต่อหลาย ๆ ครอบครัวรวมถึงการเงินของพวกเขา เราจึงต้องการที่จะสร้างความมั่นใจว่าผู้คนจำนวนมากขึ้นจะสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้ทางออนไลน์ การมอบของขวัญด้านการศึกษาครั้งนี้เป็นการอวยพรลูกค้าของเราให้มีความสุขกับการเฉลิมฉลองเทศกาลดิวาลี และช่วยให้พวกเขาสามารถดูแลครอบครัวรวมถึงเพื่อนฝูงซึ่งรออยู่ที่บ้านได้” Ruzan Ahamed ผู้อำนวยการระดับประเทศกลุ่มเอเชียใต้ของ WorldRemit กล่าว

เทศกาลดิวาลีเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและภราดรภาพอันแท้จริง จากการสำรวจในกลุ่มลูกค้าของ WorldRemit ในออสเตรเลีย พบว่า:

  • 37% ของผู้ตอบแบบสำรวจมักเดินทางต่างประเทศเพื่อพบปะกับญาติมิตรและเพื่อนฝูงในช่วงเทศกาลดิวาลี แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากข้อกำหนดด้านการเดินทางเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
  • 41% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาจะโอนเงินให้ครอบครัวและเพื่อนในช่วงเทศกาลดิวาลี
  • 65% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เทศกาลดิวาลีมีความสำคัญยิ่งขึ้นในปีนี้

WorldRemit ปรารถนาให้เทศกาลที่มีการเฉลิมฉลองทั่วอินเดียนี้มีความพิเศษยิ่งขึ้นปีนี้! ผู้สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มผ่านลิงก์ด้านล่างหลังจากทำการโอนเงินไปอินเดียระหว่างวันที่ 23 ตุลาคมถึง 31 ธันวาคม 2563 นี้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่:

https://www.worldremit.com/en/promotions/india-win-a-tablet

WorldRemit

WorldRemit เป็นบริษัทที่ให้บริการชำระเงินระหว่างประเทศชั้นนำ และพลิกโฉมอุตสาหกรรมที่ก่อนหน้านี้ควบคุมโดยผู้เล่นที่ให้บริการโอนเงินออฟไลน์แบบดั้งเดิมด้วยการนำบริการโอนเงินระหว่างประเทศมาไว้บนโลกออนไลน์ ซึ่งทำให้การโอนเงินระหว่างประเทศมีความปลอดภัยขึ้น รวดเร็วขึ้น และมีต้นทุนที่น้อยลง ปัจจุบันเราให้บริการโอนเงินจากกว่า 50 ประเทศสู่ 150 ประเทศ มีจุดให้บริการกว่า 6,500 แห่งทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 1100 คนทั่วโลก

ในฝั่งของผู้โอนเงิน WorldRemit ให้บริการแบบดิจิทัล 100% (ไร้เงินสด) ซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกและยกระดับความปลอดภัย สำหรับผู้รับเงิน มีช่องทางรับเงินให้เลือกหลายช่องทาง ซึ่งรวมถึงการโอนเข้าบัญชีธนาคาร การถอนเงินสด การเติมเงินค่าโทรศัพท์มือถือ และรับผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลบนมือถือ

WorldRemit ซึ่งมีผู้สนับสนุนอย่าง Accel, TCV และ Leapfrog มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และมีสำนักงานอยู่ในทั้งสหรัฐอเมริกา แคนาดา แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.worldremit.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201110006284/en/

ติดต่อ:

WorldRemit
Kyara Kwan
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
kkwan@worldremit.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

บริดจสโตนผนึกบีซีไอ ดึงเทคโนโลยีบล็อกเชน เพิ่มศักยภาพธุรกิจซื้อขายยางรถยนต์

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS ON BEHALF OF KBANKPR)–11 พฤศจิกายน 2563

imgบริดจสโตนฯ จับมือบีซีไอฯ ร่วมเสริมศักยภาพธุรกิจซื้อขายยางรถยนต์ ด้วยการริเริ่มใช้ “บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนเทคโนโลยีบล็อกเชน ประเภท Common Node (Website)”  ซึ่งสามารถใช้บริการผ่านช่องทาง Web application ได้เป็นครั้งแรกของประเทศ และรายแรกในธุรกิจยางรถยนต์ของไทย

นายไตสุเกะ เมกุโระ ผู้อำนวยการสายงานบริหารองค์กร บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) ได้นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาเสริมศักยภาพด้านการบริหารกระบวนการซื้อขายยางรถยนต์ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกในประเทศไทยที่ริเริ่มนำ “บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนเทคโนโลยีบล็อกเชน ประเภท Common Node (Website)” มาใช้กับธุรกิจและคู่ค้าของบริษัท โดยบริดจสโตนฯ ซึ่งเป็นผู้รับหนังสือค้ำประกันสามารถเข้าระบบเพื่อเรียกดูข้อมูลและตรวจสอบสถานะหนังสือค้ำประกันของคู่ค้าจากธนาคารต่าง ๆ ภายใต้ระบบดิจิทัลเดียวกันทั้งหมด ซึ่งช่วยลดต้นทุนการจัดการด้านเอกสารและการดูแลข้อมูล ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้สะดวก รวดเร็ว ต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์รายแรกของไทย

ทั้งนี้ เทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยให้การประมวลผลข้อมูลและการทำธุรกรรมทั้งหมดผ่านอินเทอร์เน็ต (ระบบ Decentralized) ของบริดจสโตนฯ ให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทุกวัน ทุกเวลา มีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังมีความโปร่งใสตลอดกระบวนการ ช่วยตอบโจทย์วิสัยทัศน์ทางธุรกิจของบริดจสโตน ที่มุ่งมั่นส่งมอบคุณภาพด้านบริหารจัดการและอำนวยความสะดวกให้แก่คู่ค้าของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยการวางหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนบล็อกเชนมีความสะดวก ปลอดภัยมาตรฐานโลก ช่วยลดเวลาในการจัดการเอกสาร แม้ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีบทบาทสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจไม่ให้หยุดชะงัก และยังคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบสถานะของหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างรวดเร็ว ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง

นายสิริวัฒน์ เกียรติเจริญสิน ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บีซีไอ ในบทบาทของผู้ให้บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Letter of Guarantee – eLG)  บนเทคโนโลยีบล็อกเชนรายแรกของไทยที่ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ได้รับความสนใจและใช้บริการอย่างแพร่หลาย ทั้งธนาคารไทยและต่างประเทศ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ โดยบีซีไอฯ มุ่งเน้นพัฒนาบริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ให้ใช้งานได้จริง ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และเข้าถึงได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ และยังพร้อมวางแผนพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีบล็อกเชนสู่บริการอื่นๆ เพื่อให้ทันต่อ Disruptive technology และเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจเพื่อลด Pain points ให้กับผู้ใช้งานในทุกภาคส่วน ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนที่มั่นใจได้ มีความปลอดภัยสูง และใช้เป็นหลักฐานได้ตามกฎหมายอย่างถูกต้องสมบูรณ์ และปริมาณหนังสือค้ำประกันทั่วประเทศที่มีกว่า 500,000 ฉบับ มูลค่ากว่า 1.35 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด จึงตั้งเป้าที่จะให้บริการได้กว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าทั้งหมดภายใน 3 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบในอนาคต

เกี่ยวกับ บริษัท บริดจสโตนเซลล์(ประเทศไทย) จำกัด

บริดจสโตนเซลล์(ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2533 โดยเป็นผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาด ยางรถยนต์ยี่ห้อ บริดจสโตน (BRIDGESTONE), ไฟร์สโตน (FIRESTONE) และเดย์ตัน (DAYTON) เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และปัจจุบัน บริดจสโตนมีบริษัทในเครือทั้งหมด 15 แห่ง ที่ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรครอบคลุมตั้งแต่ ต้นน้ำ (Upstream) กลางน้ำ (Midstream) และปลายน้ำ (Downstream) ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำทางการตลาดยางรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งเราได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการคิดค้น วิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศและส่งมอบให้แก่ผู้บริโภค ตัวแทนจำหน่าย และผู้ผลิตรถยนต์  เริ่มตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การนำเครื่องจักร และเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในกระบวนการผลิต การตรวจสอบควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน และพร้อมมุ่งมั่นสู่การก้าวเป็น “Solutions for your journey” ผู้นำด้านการเดินทางอย่างยั่งยืนที่พร้อมการนำเสนอโซลูชั่นขั้นสูงสุดทั่วโลก

เกี่ยวกับ บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นจากการร่วมมือของกลุ่มธนาคารของไทย 6 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารทหารไทย เพื่อให้บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Letter of Guarantee – eLG) ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยนำศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีขององค์กรมาร่วมพัฒนาให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนและขับเคลื่อนธุรกิจทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุนในกระบวนการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ส่งเสริมพัฒนาให้พร้อมที่จะเติบโตสร้างความสามารถในการแข่งขันบนโลกยุคดิจิทัล

ด้วยบริการ หนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนระบบบล็อกเชน (Letter of Guarantee on Blockchain) จะช่วยลดต้นทุนในการจัดการเอกสารและการดูแลข้อมูล ตลอดจนลดขั้นตอนในการทำงาน ภายใต้ความปลอดภัยระดับโลก โดยเป็นการรับรองหนังสือค้ำประกัน ผ่านระบบ Cloud Technology ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ อาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งช่วยให้การใช้งานคล่องตัว ปลอดภัย เชื่อถือได้ ป้องกันการปลอมแปลงหนังสือค้ำประกัน รองรับการทำธุรกรรม และสามารถตรวจสอบสถานะได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ ทำให้ผู้ออกหนังสือค้ำประกันสามารถวางหนังสือค้ำประกันได้เร็วขึ้น ผู้รับวางหนังสือค้ำประกันสามารถตรวจสอบเอกสารได้อย่างรวดเร็วบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ 100%

WorldRemit ระงับการเก็บค่าธรรมเนียมการโอนเงินมายังฟิลิปปินส์ สืบเนื่องจากภัยธรรมชาติที่เพิ่งเกิดขึ้น

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–05 พฤศจิกายน 2563

WorldRemit แพลตฟอร์มระบบชำระเงินชั้นนำ เตรียมระงับการเก็บค่าบริการสำหรับบริการโอนเงินระหว่างประเทศไปยังประเทศฟิลิปปินส์ สืบเนื่องจากเหตุการณ์พายุโซนร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยลูกค้าสามารถโอนเงินจากทุกประเทศทั่วโลกไปยังผู้รับในฟิลิปปินส์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าบริการระหว่างวันที่ 4 พฤศจิกายน ถึง 10 พฤศจิกายน 2563 นี้

พายุโซนร้อนโคนีซึ่งพัดขึ้นฝั่งในประเทศฟิลิปปินส์ได้คร่าชีวิตและสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง ส่งผลให้ประชาชนกว่า 370,000 คนไร้ที่อยู่อาศัย และสร้างความเสียหายให้บ้านเรือนหลายพันหลัง เขตบีโคล เคโซน และวิรัคบเกาะคาตันดัวเนสได้รับผลกระทบรุนแรงมากที่สุด อาคารบ้านเรือนราว 90% ถูกทำลาย ช่องทางการสื่อสารถูกตัดขาด และประชาชนต้องอยู่อาศัยโดยปราศจากน้ำและไฟฟ้า

“เช่นเดียวกับพื้นที่อื่น ๆ ทั่วโลก ประเทศฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) และยังต้องรับมือกับความเสียหายอย่างรุนแรงจากภัยธรรมชาติในขณะเดียวกัน นี่เป็นเหตุผลที่เราระงับการเก็บค่าธรรมเนียมชั่วคราวจากผู้ที่ต้องการช่วยเหลือชาวฟิลิปปินส์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ประชาชนจำนวนมากที่อยู่ในพื้นที่จะต้องอาศัยช่องทางนี้ในการรับเงินช่วยเหลือเพื่อสร้างชีวิตของพวกเขาขึ้นใหม่ และเนื่องจากการสื่อสารที่ถูกตัดขาด เราเข้าใจว่าหลาย ๆ คนมีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือครอบครัวและเพื่อน ๆ ในบ้านเกิดของพวกเขาผ่านการโอนเงินช่วยเหลือ การระงับค่าธรรมเนียมสำหรับการโอนเงินมายังฟิลิปปินส์ครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและความช่วยเหลือในแบบของเราต่อชุมชนชาวฟิลิปปินส์ทั่วโลก” Earl Melivo ผู้อำนวยการประจำประเทศฟิลิปปินส์ของ WorldRemit กล่าว

ลูกค้าของเราสามารถส่งความช่วยเหลือผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันบนมือถือของ WorldRemit ไปยังครอบครัวและเพื่อน ๆ ของพวกเขาในฟิลิปปินส์ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมโดยใช้โค้ด “PHRolly” เพื่อทำธุรกรรมภายใต้ข้อกำหนดเเละเงื่อนไขของบริษัท

โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ www.worldremit.com

WorldRemit

WorldRemit เป็นบริษัทที่ให้บริการชำระเงินระหว่างประเทศชั้นนำ และพลิกโฉมอุตสาหกรรมที่ก่อนหน้านี้ควบคุมโดยผู้เล่นที่ให้บริการโอนเงินออฟไลน์แบบดั้งเดิมด้วยการนำบริการโอนเงินระหว่างประเทศมาไว้บนโลกออนไลน์ ซึ่งทำให้การโอนเงินระหว่างประเทศมีความปลอดภัยขึ้น รวดเร็วขึ้น และมีต้นทุนที่น้อยลง ปัจจุบันเราให้บริการโอนเงินจากกว่า 50 ประเทศสู่ 150 ประเทศ มีจุดให้บริการกว่า 6,500 แห่งทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 1100 คนทั่วโลก

ในฝั่งของผู้โอนเงิน WorldRemit ให้บริการแบบดิจิทัล 100% (ไร้เงินสด) ซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกและยกระดับความปลอดภัย สำหรับผู้รับเงิน มีช่องทางรับเงินให้เลือกหลายช่องทาง ซึ่งรวมถึงการโอนเข้าบัญชีธนาคาร การถอนเงินสด การเติมเงินค่าโทรศัพท์มือถือ และรับผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลบนมือถือ

WorldRemit ซึ่งมีผู้สนับสนุนอย่าง Accel, TCV และ Leapfrog มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และมีสำนักงานอยู่ในทั้งสหรัฐอเมริกา แคนาดา แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.worldremit.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201104005789/en/

ติดต่อ:

WorldRemit
Kyara Kwan
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
kkwan@worldremit.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Jefferies ประกาศ เป็นพันธมิตรด้านแบรนด์กับบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ในประเทศไทย

Logo

นิวยอร์ก ฮ่องกง ลอนดอน และกรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–21 ต.ค. 2563

Jefferies ประกาศในวันนี้ว่าได้สร้างพันธมิตรร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด สำหรับธุรกิจตราสารทุนในประเทศไทย ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว Jefferies จะเผยแพร่การวิจัยด้านตราสารทุนเกี่ยวกับบริษัทในประเทศไทยที่จัดทำโดยบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ให้กับกับฐานลูกค้าทั่วโลกของ Jefferies บนพื้นฐานการเป็นพันธมิตรด้านแบรนด์ร่วม นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จะให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศแก่ Jefferies และลูกค้าต่างประเทศด้วย

บริษัทหลักทรัพย์  ทิสโก้ จำกัด ก่อตั้งมายาวนานและเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทย ทีมงานในประเทศให้บริการการวิจัย การขายและการซื้อขาย การเข้าถึงการซื้อขายขององค์กร หรือ corporate access trading และการบริการลูกค้าสถาบันต่าง ๆ ในท้องถิ่นและทั่วโลก  ทิสโก้ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2512 ในฐานะวาณิชธนกิจแห่งแรกในประเทศไทยโดยได้เข้าเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปี พ.ศ. 2518 และได้รับการยอมรับจากสาธารณชนในฐานะผู้นำด้านความคิด การวิจัยและให้คำปรึกษาด้านตราสารทุนและได้รับรางวัล Best Equity House และ Best Research House หลายรางวัลจากสถาบันในประเทศ และรางวัลด้านสิ่งพิมพ์ระดับภูมิภาค ซึ่งรวมถึงรางวัล SET Awards จาก สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (Investment Analysts Association หรือ IAA) และ Asiamoney

บริษัท หลักทรัพย์ทิสโก้เป็น บริษัท ย่อยของ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (SET:  ทิสโก้) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับรางวัล Best Company Performance จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2561-2562 ติดต่อกัน

การเป็นพันธมิตรกับทิสโก้ช่วยยกระดับแฟรนไชส์หุ้นที่เติบโตของ Jefferies ในเอเชียและเป็นอีกก้าวในการลงทุนระยะยาวของ Jefferies ในภูมิภาคนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Jefferies ได้ขยายธุรกิจอย่างมากในภูมิภาคนี้โดยเพิ่มพนักงานของ Jefferies อีกประมาณ 200 คนในช่วงสองปีที่ผ่านมาเพื่อให้บริการฐานลูกค้าสถาบันทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น

Murray Wilson ประธาน บริษัท Jefferies Asia กล่าวว่า “เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ บริษัท หลักทรัพย์ทิสโก้ในความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงและขยายธุรกิจการวิจัยการขายและการค้าที่มีมายาวนานของ Jefferies โดยเน้นที่การตอบสนองความต้องการของฐานลูกค้านักลงทุนทั่วโลกของเรา  เราตั้งตาคอยการได้ร่วมงานกับทีมงานที่ทิสโก้ในครั้งนี้”

ไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท หลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า“ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เริ่มต้นความร่วมมือกับ Jefferies เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสในการให้บริการคำปรึกษาและการดำเนินการที่มีคุณภาพสูงให้กับลูกค้าสถาบันทั่วโลกโดยอาศัยเครือข่ายทั่วโลกของ Jefferies และ  ทิสโก้ ที่มีชื่อเสียงในตลาดตราสารทุนไทยมายาวนาน เรามั่นใจว่า Jefferies และบล. ทิสโก้ จะสามารถสร้างความร่วมมือสำหรับความร่วมมือในอนาคตเพื่อเสริมสร้างพันธมิตรในธุรกิจนี้

Jefferies มีข้อตกลงที่คล้ายกันกับบริษัทหลายแห่งทั่วเอเชียรวมถึง Mandiri Sekuritas ในอินโดนีเซีย KAF Securities ในมาเลเซีย JB Securities ในศรีลังกา Fubon Securities ในไต้หวันและ Regis Partners, Inc ในฟิลิปปินส์ โดยรวมแล้ว Jefferies และพันธมิตรครอบคลุมบริษัทประมาณ 1,500 แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิค โดยให้บริการลูกค้าด้วยงานวิจัยด้านหุ้นที่มีประสิทธิภาพและมีความครอบคลุมการวิจัยตราสารทุนที่ในภูมิภาค Jefferies และมีพันธมิตรในกว่า 3,000 บริษัท ทั่วโลก

Jefferies Group LLC เป็น บริษัทวาณิชธนกิจอิสระระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกาโดยมุ่งเน้นที่การให้บริการลูกค้ามาเกือบ 60 ปี Jefferies เป็นผู้นำในการให้ข้อมูลเชิงลึก ความเชี่ยวชาญ และการดำเนินการแก่นักลงทุน บริษัท และรัฐบาล บริษัทของเราให้บริการด้านวาณิชธนกิจที่ปรึกษาการขายและการค้าการวิจัยและการบริหารความมั่งคั่งในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในอเมริกา ยุโรป และเอเชีย Jefferies Group LLC เป็น บริษัทในเครือของ Jefferies Financial Group Inc. (NYSE: JEF) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201020006152/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Richard Khaleel, +1 212 284 2556, rkhaleel@jefferies.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter