FrieslandCampina Ingredients ขยายขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาด้วยศูนย์แอปพลิเคชันแห่งใหม่ที่ทันสมัยในสิงคโปร์

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–15 กันยายน 2025

FrieslandCampina Ingredients ผู้นำระดับโลกด้านโปรตีนและพรีไบโอติกส์ ประกาศเปิดศูนย์แอปพลิเคชันแห่งใหม่ในสิงคโปร์ ที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่วิจัยและพัฒนาในสิงคโปร์ถึง 30% โดยศูนย์แห่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ (EDB) เพื่อเป็นประตูทางยุทธศาสตร์สู่ตลาดเอเชียแปซิฟิก (APAC) ที่กำลังเติบโต ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศูนย์แอปพลิเคชันที่ขยายใหญ่ขึ้นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยตอกย้ำถึงความเป็นสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคที่สำคัญของบริษัทเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถส่งมอบโซลูชันส่วนผสมที่ปรับแต่งตามความต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ตอบสนองต่อความต้องการด้านโภชนาการที่หลากหลายและกำลังเติบโตของภูมิภาคได้ นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเป็นที่ตั้งของกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ของ FrieslandCampina ซึ่งรวมถึง FrieslandCampina Professional และ FrieslandCampina Asia ที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในระยะยาวของบริษัทที่มีต่อตลาดอีกด้วย

ขับเคลื่อนนวัตกรรมที่เน้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ด้วยผู้บริโภค 4 ใน 5 รายในเอเชียแปซิฟิกที่บริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเชิงรุก1 ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้จึงเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่มุ่งเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ศูนย์แอปพลิเคชันแห่งใหม่นี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการใช้งานจริง รวมถึงความเชี่ยวชาญทางเทคนิคของ FrieslandCampina Ingredients ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อตอบสนองต่อความต้องการนี้ ศูนย์แห่งนี้จึงมีห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยสำหรับการพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น โยเกิร์ต บาร์ และอาหารเสริมต่างๆ โดยรวบรวมความเชี่ยวชาญเฉพาะในด้านการแปรรูปยูเอชที การทดสอบวิเคราะห์ วิทยาศาสตร์ประสาทสัมผัส และบรรจุภัณฑ์ เพื่อเร่งการพัฒนาแอปพลิเคชันและช่วยให้ลูกค้านำนวัตกรรมสู่ตลาดเอเชียแปซิฟิกได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

แม้ว่ากิจกรรมปัจจุบันของบริษัทในสิงคโปร์จะมุ่งเน้นไปที่โภชนาการสำหรับทารกและการแพทย์เป็นหลัก แต่ศูนย์แห่งใหม่นี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในด้านต่างๆ ที่มีความต้องการสูง ซึ่งรวมถึงโภชนาการสำหรับสมรรถภาพทางกายและโภชนาการสำหรับเด็ก ซึ่งจะทำให้พันธมิตรสามารถรับมือกับเทรนด์ใหม่ๆ และร่วมกันสรรค์สร้างแอปพลิเคชันนวัตกรรมต่างๆ อย่างเช่น โยเกิร์ต เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ขนมขบเคี้ยว และอาหารเสริมได้อีกด้วย

การสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมในใจกลางภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ตั้งแต่ปี 2011 สิงคโปร์เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ FrieslandCampina ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นศูนย์พัฒนาแห่งเดียวนอกประเทศเนเธอร์แลนด์ การลงทุนในศูนย์พัฒนา FrieslandCampina Ingredients เพิ่มเติมนี้ ได้ช่วยตอกย้ำให้สิงคโปร์เป็นส่วนสำคัญในระบบนิเวศนวัตกรรมของบริษัท นอกจากนวัตกรรมระดับภูมิภาคแล้ว ศูนย์แห่งใหม่นี้ยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ FrieslandCampina ในการสร้างงานใหม่ พัฒนาทักษะท้องถิ่น และสนับสนุนวาระสุขภาพของประเทศ นอกจากการขยายแรงงานประจำแล้ว ศูนย์แห่งนี้ยังช่วยให้บริษัทสามารถร่วมมือกับสถาบันการศึกษาระดับสูงในท้องถิ่นเพื่อพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ โดย FrieslandCampina Ingredients ได้จัดทำโครงการฝึกงานระยะยาวกับมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น โดยมีการเปิดรับฝึกงานไปแล้ว 3 ครั้งภายใต้โครงการริเริ่มนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับคณะกรรมการส่งเสริมสุขภาพเพื่อดำเนินโครงการ Eat, Drink, Shop Healthy เมื่อไม่นานมานี้ และก่อนหน้านี้ก็ได้ร่วมมือกับ ActiveSG ในโครงการนำร่อง Nurture Kids เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีในหมู่เด็กๆ

“การเปิดศูนย์แอปพลิเคชันแห่งใหม่ของเราในสิงคโปร์ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับธุรกิจของเรา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในตลาดเอเชียแปซิฟิก และความสำคัญเชิงกลยุทธ์ที่เรามอบให้กับภูมิภาคนี้” Tjalling Bekker ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ FrieslandCampina Ingredients ให้ความเห็น “ตลาดเอเชียแปซิฟิกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพในชีวิตประจำวัน สุขภาพจิต และความงามจากภายใน ศูนย์แอปพลิเคชันแห่งใหม่ของเราจะช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จในตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ด้วยการเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งเสริมความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เพื่อที่เราจะสามารถร่วมกันคว้าโอกาสที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้ได้”

“ศูนย์แอปพลิเคชันแห่งใหม่ของ FrieslandCampina Ingredients เป็นส่วนเสริมที่มีคุณค่าต่อระบบนิเวศอาหารและโภชนาการที่มีชีวิตชีวาของเรา” กล่าวเสริมโดย Melissa Guan รองประธานและหัวหน้าฝ่ายผู้บริโภคของ Singapore EDB “ศูนย์แห่งนี้จะช่วยเร่งการพัฒนานวัตกรรมผ่านความพยายามในการพัฒนาร่วมกับลูกค้า เพื่อสนับสนุนผลลัพธ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในทุกช่วงวัย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า FrieslandCampina Ingredients จะทำงานร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสรรค์โซลูชันทางโภชนาการที่เปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”

สำหรับผู้เชี่ยวชาญ B2B เท่านั้น

เกี่ยวกับ FrieslandCampina Ingredients

ความร่วมมือคือจุดแข็งของ Zuivelcoöperatie FrieslandCampina U.A. มานานกว่า 150 ปี ซึ่งเป็นสหกรณ์ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 14,183 ราย (ฟาร์มโคนม 9,001 แห่ง) ในเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และเบลเยียม เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมสมาชิกทั้งหมดเป็นเจ้าของ Royal FrieslandCampina N.V. ผ่านทางสหกรณ์ โดยจัดหานมที่บริษัทแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตนเองหรือเป็นตราสินค้าเฉพาะให้กับผู้บริโภคและลูกค้ามืออาชีพทั่วโลก บริษัทมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่านมของสมาชิกให้สูงสุด สร้างรายได้ให้สมาชิกเพื่อนำไปลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของฟาร์มโคนม ในปี 2024 บริษัทได้แปรรูปนมของสมาชิกได้ 9 พันล้านกิโลกรัม และมีรายได้ 12.9 พันล้านยูโร FrieslandCampina มีการดำเนินงานใน 30 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 19,500 คนทั่วโลก ณ สิ้นปี 2024 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.frieslandcampina.com

1 ผลสำรวจของเฮอร์บาไลฟ์, ‘ผู้บริโภค 4 ใน 5 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ครึ่งหนึ่งขาดความมั่นใจในการเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดี’, 2025

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

BDB Global
Ciara Tomlinson / Kate Spurdens
ที่ปรึกษา / ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
ciara@bdb.co.uk / kate.spurdens@bdb.co.uk

ที่มา: FrieslandCampina Ingredients

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงโซลเปิดตัว ‘Pick 3 Pass’ บัตร Discover Seoul Pass ที่ปรับแต่งได้เพื่อการเดินทางที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–15 กันยายน 2025

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงโซล เปิดตัว “Pick 3 Pass” ตัวเลือกใหม่ที่สามารถปรับแต่งได้และคุ้มค่าสำหรับบัตร Discover Seoul Passยอดนิยม โดยจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 กันยายน บัตรใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวขาประจำและผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลมากขึ้น โดยสามารถเลือกสถานที่ท่องเที่ยวได้ 3 แห่งตามที่ต้องการ

The Pick 3 Pass allows the holder to select and enjoy a total of 3 partner attractions/services in Seoul for 5 days. (Image: Seoul Tourism Organization)

บัตร Pick 3 Pass ช่วยให้ผู้ถือบัตรสามารถเลือกและเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยว/บริการของพันธมิตรรวม 3 แห่งในกรุงโซลเป็นเวลา 5 วัน (ภาพ: องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงโซล)

บัตร Discover Seoul Pass ซึ่งดำเนินการโดยองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงโซลโดยตรง ได้สร้างชื่อให้ตนเองในฐานะเครื่องมือครบวงจรที่จำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ บัตรนี้มีให้เลือกทั้งแบบบัตรจริงและแอปพลิเคชันบนมือถือ ที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงสถานที่สำคัญและสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมของโซลได้อย่างราบรื่น โดยการเปิดตัวครั้งนี้ทำให้บัตร Discover Seoul Pass มีให้เลือกถึงสี่แบบเพื่อให้เหมาะกับสไตล์การเดินทางทุกประเภท

บัตรผ่านสำหรับนักเดินทางทุกคน

บัตร Pick 3 Pass ใหม่นี้มีอายุใช้งาน 5 วันนับจากการใช้งานครั้งแรก และมีให้เลือก 2 ประเภท:

– บัตร Pick 3 Basic Pass (49,000 วอน หรือ 35.30 ดอลลาร์สหรัฐ): นักท่องเที่ยวสามารถเลือกสถานที่ท่องเที่ยวใดก็ได้ 3 แห่งจากรายการสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงโซลที่คัดสรรมาแล้ว เช่น หอคอยเอ็นโซล, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซีไลฟ์ โคเอ็กซ์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโซล

– บัตร Pick 3 Theme Park Pass (70,000 วอน หรือ 50.41 ดอลลาร์สหรัฐ): เหมาะสำหรับครอบครัว โดยสามารถเลือกสวนสนุกหลักๆ ได้ 1 แห่ง (Lotte World Adventure, SeoulLand หรือ Everland) และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีก 2 แห่ง

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจกรุงโซลให้ครอบคลุมมากขึ้น บัตรแบบระบุเวลาที่มีอยู่แล้ว เช่น บัตร Pass แบบ 72 ชั่วโมง (90,000 วอน หรือ 64.81 ดอลลาร์สหรัฐ) และบัตร Pass แบบ 120 ชั่วโมง (130,000 วอน หรือ 93.62 ดอลลาร์สหรัฐ) จะยังคงมีจำหน่ายต่อไป

ความสะดวกสบายครบวงจรสำหรับนักท่องเที่ยวยุคใหม่

บัตร Pick 3 Pass อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด ผู้ที่ซื้อบัตร Pick 3 Pass เวอร์ชันมือถือจะได้รับ eSIM ฟรี 5 วัน เพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทันทีเมื่อเดินทางถึงเกาหลี ส่วนบัตรแบบปกติจะมีฟังก์ชันบัตรโดยสารแบบเติมเงินเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานบนรถบัสและรถไฟใต้ดิน

นอกจากนี้ เพื่อสะท้อนถึงกระแสการเดินป่าในหมู่นักท่องเที่ยวในปัจจุบัน ผู้ถือบัตรทุกคนจะได้รับสิทธิ์เช่าอุปกรณ์เดินป่าฟรี 1 ครั้ง ณ ศูนย์การท่องเที่ยวเดินป่าโซล ณ เทือกเขาบุคฮันซาน บูกักซาน และกวานักซาน

อีกหนึ่งการปรับปรุงล่าสุด นั่นคือ บัตร Discover Seoul Pass แบบบัตรจริงได้เพิ่มฟังก์ชันการชำระเงินแบบเติมเงิน ทำให้สามารถใช้ซื้อสินค้าทั่วไป ค่าเดินทาง และค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ครบจบในบัตรเดียว โดยมูลค่าของบัตรจะเพิ่มขึ้นอีกในเดือนสิงหาคม ด้วยการเพิ่มพันธมิตรส่วนลดใหม่อีกกว่า 20 ราย ซึ่งรวมถึงห้างสรรพสินค้า Lotte และร้านค้าปลอดภาษีด้วย

บัตร Discover Seoul Pass มีจำหน่ายบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมือถืออย่างเป็นทางการ รวมถึงเว็บไซต์ OTA ระดับโลกอย่าง Klook และ KKday

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงโซล อธิบายว่า การปรับปรุงครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์การท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคที่การเดินทางเป็นส่วนตัว องค์การฯ จะยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงโซลสามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางได้อย่างสะดวกสบายและอิสระยิ่งขึ้น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/20250912774108/en

Contacts

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวกรุงโซล
Ha Yeong Lee
+82-2-1644 1060
support@discoverseoulpass.com

ที่มา: Seoul Tourism Organization

Marriott Vacation Clubs™ ขยายธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกด้วยการเปิดตัวรีสอร์ตแห่งใหม่ที่เขาหลัก ประเทศไทย และพร้อมขยายธุรกิจทั้งในบาหลีและเซี่ยงไฮ้

Logo

Marriott Vacation Club, Khao Lak Beach Resort ถือเป็นรีสอร์ตการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม แห่งที่ 7 ของแบรนด์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ช่วยตอกย้ำถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค

ออร์แลนโด, ฟลอริดา–(BUSINESS WIRE)–28 สิงหาคม 2025

Marriott Vacation Clubs™ เป็นกลุ่มแบรนด์ของการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมภายใต้บริษัท Marriott Vacations Worldwide กำลังขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการเปิดตัว Marriott Vacation Club, Khao Lak Beach Resort ในประเทศไทยในเดือนสิงหาคมนี้ รีสอร์ตแห่งใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตในระดับภูมิภาค ซึ่งรวมถึงโครงการพัฒนาใหม่ที่ Enclave at Bali Nusa Dua Terrace ของ Marriott และอพาร์ตเมนต์ใหม่ที่ Bali Nusa Dua Terrace ของ Marriott รวมถึงการขยายศูนย์บริการทางโทรศัพท์ด้านการตลาดของ Marriott Vacation Club ในเซี่ยงไฮ้

Marriott Vacation Club, Khao Lak Beach Resort provides scenic views of the Andaman Sea. Photograph depicts the JW Marriott, Khao Lak Resort & Spa.

Marriott Vacation Club, Khao Lak Beach Resort มอบทัศนียภาพอันงดงามของทะเลอันดามัน ภาพถ่ายแสดงโรงแรม JW Marriott, Khao Lak Resort & Spa

“การลงทุนอย่างต่อเนื่องของเราในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงการเปิดรีสอร์ตแห่งใหม่และการขยายการดำเนินงานด้านศูนย์บริการลูกค้า สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในระยะยาวของเราในภูมิภาคนี้” กล่าวโดย John Geller ประธานและซีอีโอของ Marriott Vacations Worldwide “เนื่องจากความสนใจในการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหมู่นักเดินทางชาวเอเชีย เจ้าของ และสมาชิกชาวต่างชาติ เราจึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ขยายธุรกิจและมอบประสบการณ์สุดพิเศษที่ผสมผสานความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมเข้ากับคุณภาพที่เชื่อถือได้ของ Marriott Vacation Clubs”

แนะนำ Marriott Vacation Club, Khao Lak Beach Resort

ในเดือนสิงหาคม 2025 Marriott Vacation Clubs จะเปิดตัวจุดหมายปลายทางใหม่ล่าสุด นั่นคือ Marriott Vacation Club, Khao Lak Beach Resort ตั้งอยู่ภายใน JW Marriott Khao Lak Resort & Spa อันสวยงาม ห่างจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตเพียง 90 นาที ห้องแฟมิลี่สวีท 52 ห้อง กำลังได้รับการแปลงโฉมอย่างพิถีพิถันให้เป็นอพาร์ตเมนต์แบบเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมที่มีห้องนอน 2 ห้องที่กว้างขวาง โดยมีห้องพักประเภทที่แตกต่างกันถึงสี่ประเภท อพาร์ตเมนต์แต่ละห้องได้รับการออกแบบเพื่อรองรับผู้เข้าพักได้สูงสุดห้าท่าน ผสมผสานความอบอุ่นของสถาปัตยกรรมไทยภาคใต้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์แบบดั้งเดิมและงานศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากท้องถิ่น เหมาะสำหรับการเข้าพักระยะยาว ที่พักมีพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหารที่กว้างขวางและห้องนอนแสนสบาย

สถาปัตยกรรมของรีสอร์ตแห่งใหม่นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านไร่สไตล์ล้านนาดั้งเดิม โดดเด่นด้วยรายละเอียดไม้สัก หลังคาจั่วที่เรียบง่าย ผนังไม้ที่อบอุ่น และระเบียงแบบเปิดโล่งที่มองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาเขาหลัก โดยที่นี่ เจ้าของ สมาชิก และแขกผู้มีเกียรติสามารถเข้าชมสวนของ JW Marriott Khao Lak Resort & Spa ที่เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของรีสอร์ตในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนได้ โดยสวน JW Garden นี้เป็นแหล่งผลิตผลผลิตออร์แกนิกสดใหม่ให้กับรีสอร์ต โดยมีการปลูกผัก ผลไม้ และสมุนไพรกว่า 200 สายพันธุ์ที่ใช้ในร้านอาหารต่างๆ และแขกยังสามารถเข้าร่วมชั้นเรียนและเวิร์กช็อปเชิงปฏิบัติการที่เน้นเรื่องการทำเกษตร ความยั่งยืน และความเป็นอยู่ที่ดีได้อีกด้วย ความยั่งยืนยังถูกผสานเข้ากับประสบการณ์ของแขกที่ Marriott Vacation Club, Khao Lak Beach Resort ด้วยโครงการริเริ่มที่ออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ความพยายามต่างๆ รวมถึงการเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทั่วทั้งรีสอร์ต การใช้ขวดน้ำแก้วที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในห้องพัก และการใช้คีย์การ์ดไม้ไผ่ ซึ่งเป็นทางเลือกจากธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพแทนพลาสติก

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ JW Marriott Khao Lak Resort & Spa เจ้าของ สมาชิก และแขกของ Marriott Vacation Club, Khao Lak Beach Resort จะได้เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รวมถึงสระว่ายน้ำแบบลากูนยาวหนึ่งไมล์ครึ่ง ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก ร้านอาหารและบาร์ริมสระว่ายน้ำ 11 แห่ง และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2026 สนามพิกเคิลบอลและบาสเกตบอล กอล์ฟผจญภัย และจักรยานสำหรับสำรวจพื้นที่

“ประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะการท่องเที่ยวที่มีฟื้นตัวเป็นอย่างมาก โดยได้รับแรงหนุนจากโครงการริเริ่มที่ก้าวหน้าของรัฐบาล อาทิ การยกเว้นวีซ่า การเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน แคมเปญระดับชาติที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว และความสนใจจากทั่วโลกที่กลับมาอีกครั้งจากการถ่ายทำภาพยนตร์เมื่อเร็วๆ นี้ ความสนใจในจุดหมายปลายทางที่หลากหลายของประเทศกำลังเพิ่มสูงขึ้น” กล่าวโดย Lee Dowling รองประธานอาวุโสและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และตะวันออกกลาง “การเปิดตัว Marriott Vacation Club, Khao Lak Beach Resort ถือเป็นการขยายธุรกิจอย่างทันท่วงทีและเป็นเชิงกลยุทธ์สำหรับ Marriott Vacation Clubs โดยเรายังคงสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากเจ้าของ สมาชิก และแขกของเราสำหรับประสบการณ์การพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบในเอเชียแปซิฟิก ด้วยชายหาด มรดกทางวัฒนธรรมอันโดดเด่น รวมถึงชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการพักผ่อน เขาหลักจึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการพักผ่อนที่ดื่มด่ำอย่างที่เจ้าของและสมาชิกของเราคาดหวัง”

การก่อสร้างอพาร์ตเมนต์เพิ่มเติมได้เริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม ด้วยพิธีวางศิลาฤกษ์อันประกอบด้วยพิธีพราหมณ์และพิธีบวงสรวงของพระสงฆ์ไทยเพื่อแสดงความเคารพและบูชาผืนแผ่นดิน นอกจากนี้ สำนักงานขายแห่งใหม่จะเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2026 พื้นที่แห่งนี้ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำอย่างเต็มรูปแบบ และจะแนะนำแขกผู้เข้าพักสู่โลกแห่งการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม ผ่านการนำเสนอพอร์ตโฟลิโอระดับโลกของแบรนด์และจุดหมายปลายทางที่หลากหลาย พื้นที่นี้ยังจัดแสดงองค์ประกอบการออกแบบแบบไทยๆ อย่างเช่น ต้นไม้เขตร้อนสีเขียวชอุ่ม รวมถึงโทนสีกลางโทนอบอุ่น สีเขียวเซลาดอน และสีฟ้าอมเทาอ่อนๆ ที่ให้ความรู้สึกถึงสถานที่อย่างแท้จริง โดยขณะนี้เปิดให้จองที่พักสำหรับการเข้าพักในอนาคตได้ที่ www.MarriottVacationClubs.com และเจ้าของและสมาชิก Abound by Marriott Vacations™ สามารถใช้คะแนนคลับพอยท์เพื่อจองที่พักได้แล้ววันนี้ โดยสามารถเช็คอินได้ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2025

การเติบโตอย่างต่อเนื่องของข้อเสนอวันหยุดพักผ่อนในบาหลี

Marriott Vacation Clubs วางแผนที่จะเปิดตัวอพาร์ตเมนต์ใหม่ 32 ห้อง ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการขยายพื้นที่ Bali Nusa Dua Terrace ของ Marriott ในช่วงต้นปี 2026 ที่พักใหม่ประกอบด้วยอพาร์ตเมนต์แบบหนึ่งห้องนอน 16 ห้อง และแบบสองห้องนอน 16 ห้อง ทุกห้องมีห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ครบครันและสระว่ายน้ำส่วนตัว โดยเจ้าของ สมาชิก และแขกยังสามารถใช้สระว่ายน้ำขนาด 2,200 ตารางฟุต และระเบียงอาบแดดขนาด 4,500 ตารางฟุต พร้อมบาร์ริมสระและคาบานาส่วนตัวได้อีกด้วย

นอกจากนี้ แบรนด์จะเปิดตัว Marriott’s Enclave ที่ Bali Nusa Dua Terrace ในปีหน้า ภายในโครงการ Marriott’s Bali Nusa Dua Terrace เดิม อพาร์ตเมนต์สองชั้นแบบสแตนด์อโลนนี้ประกอบด้วยห้องชุดแบบสองห้องนอน 13 ห้อง และแบบสามห้องนอน 13 ห้อง แต่ละห้องมีสระว่ายน้ำส่วนตัวและห้องครัว โดย Marriott’s Enclave ที่ Bali Nusa Dua Terrace ยังมีล็อบบี้/พื้นที่เช็คอินเฉพาะ คิดส์คลับ ฟิตเนสสตูดิโอ บาร์ริมสระว่ายน้ำ และเลานจ์สำหรับเจ้าของอีกด้วย

เจ้าของ สมาชิก และแขกของทั้งสองโรงแรมจะสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของ Renaissance Bali Nusa Dua Resort ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้อย่างเต็มที่ ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ในการใช้บริการร้านอาหารและเครื่องดื่มห้าแห่ง สระว่ายน้ำ สปาครบวงจร และฟิตเนสเซ็นเตอร์

การขยายการดำเนินงานศูนย์บริการทางโทรศัพท์ในเซี่ยงไฮ้

Marriott Vacation Clubs กำลังขยายศูนย์บริการทางโทรศัพท์ด้านการตลาดในเซี่ยงไฮ้ และเปิดสำนักงานแห่งใหม่อย่างเป็นทางการในช่วงฤดูร้อนปี 2025 พร้อมเพิ่มจำนวนพนักงานจาก 80 คน เป็น 125 คน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในหมู่เจ้าของธุรกิจ สมาชิก และนักท่องเที่ยวชาวจีน ศูนย์บริการทางโทรศัพท์แห่งนี้ให้การสนับสนุนด้านการตลาดและการมีส่วนร่วมโดยเฉพาะ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทั่วทั้งภูมิภาค

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Marriott Vacation Clubs ได้ที่ www.MarriottVacationClubs.com

เกี่ยวกับ The Marriott Vacation Clubs™        

The Marriott Vacation Clubs™ เป็นส่วนหนึ่งของ Marriott Vacations Worldwide Corporation และเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำด้านการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม โดยมีโรงแรมและรีสอร์ตรวมกันกว่า 90 แห่ง ครอบคลุมทั่วสหรัฐอเมริกา แคริบเบียน เม็กซิโก อเมริกากลาง ยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย รวมถึงแบรนด์ Marriott Vacation Club®, Sheraton® Vacation Club และ Westin® Vacation Club โดยเจ้าของ สมาชิก และแขกสามารถเพลิดเพลินกับการเข้าพักในจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนที่ดีที่สุดตลอดทั้งปี พร้อมที่พักสไตล์วิลล่า โดยโปรแกรมการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมแบบสะสมคะแนนของ Marriott Vacation Clubs จะมอบความยืดหยุ่นให้กับเจ้าของ สมาชิก และครอบครัวในการเพลิดเพลินกับประสบการณ์การพักผ่อนคุณภาพสูง ติดตาม Marriott Vacation Clubs ได้ทาง FB/IG: @MarriottVacationClub, @SheratonVacationClub, @WestinVacationClub หรือ TikTok @themarriottvacationclubs

เกี่ยวกับ Marriott Vacations Worldwide Corporation

Marriott Vacations Worldwide Corporation เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ให้บริการด้านการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม การแลกเปลี่ยน การให้เช่า และการจัดการรีสอร์ตและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และบริการที่เกี่ยวข้อง บริษัทมีรีสอร์ตที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมประมาณ 120 แห่ง และครอบครัวเจ้าของประมาณ 700,000 ครอบครัว ในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงแบรนด์เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมที่มีชื่อเสียงที่สุด นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินธุรกิจเครือข่ายการแลกเปลี่ยนและโปรแกรมสมาชิก ซึ่งประกอบด้วยรีสอร์ตในเครือกว่า 3,200 แห่งในกว่า 90 ประเทศและเขตแดน และให้บริการด้านการจัดการแก่รีสอร์ตและที่พักอื่นๆ ในฐานะผู้นำและผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวพักผ่อน บริษัทยึดมั่นในมาตรฐานความเป็นเลิศสูงสุดในการให้บริการลูกค้า นักลงทุน และพนักงาน ควบคู่ไปกับการรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับ Marriott International, Inc. และบริษัทในเครือของ Hyatt Hotels Corporation ในการพัฒนา การขาย และการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการในการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.marriottvacationsworldwide.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250827899958/en

Contacts

Neal Goldner
นักลงทุนสัมพันธ์
IR@mvwc.com

Cameron Klaus
ฝ่ายสื่อสารทั่วโลก
407-206-6300
media@mvwc.com

ที่มา: Marriott Vacations Worldwide Corporation



Prefer เปิดตัวกาแฟละลายน้ำและผงโกโก้สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร โดยระดมทุนในรอบ Pre-A ได้เกินเป้าหมายถึง 4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ

Logo

รอบการระดมทุนที่ร่วมกันโดย At One Ventures และ Chancery Hill Capital พร้อมกับการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องจาก Forge Ventures

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–13 สิงหาคม 2025

Prefer เป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารจากสิงคโปร์ที่นำกระบวนการหมักมาสร้างสรรค์รสชาติและส่วนผสมที่เข้าถึงได้และยั่งยืน ประกาศในวันนี้ว่าระดมทุนได้เกินเป้าหมายถึง 4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ กาแฟผงสำเร็จรูปและผงโกโก้ นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศความร่วมมือทางการค้าเป็นครั้งแรกเพื่อขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศกับบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด และ The Coffee Ferm ในประเทศไทยและออสเตรเลียตามลำดับ

รสชาติของ Prefer ผลิตจากผลพลอยได้จากการผลิตอาหาร เช่น ข้าวและถั่วเหลือง ได้รับการพัฒนาโดยใช้กระบวนการหมักและคั่วที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท บริษัทได้จัดหารสชาติและส่วนผสมให้กับแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ผู้ผลิตอาหาร ผู้ค้าปลีกภายใต้แบรนด์ของตนเอง และบริษัทผลิตรสชาติต่างๆ ด้วยการนำเสนอส่วนผสมในราคาที่เข้าถึงได้ ที่ให้รสชาติและคุณประโยชน์เทียบเท่ากาแฟและโกโก้ และลดการปล่อยคาร์บอนได้ด้วย

จากการวิเคราะห์วงจรชีวิตของกาแฟ พบว่ากาแฟของ Prefer มีการปล่อยมลพิษต่ำกว่าถึง 85% และมีราคาถูกกว่ากาแฟอาราบิก้าแบบดั้งเดิมในตลาดปัจจุบันถึง 50%

Prefer ขอเชิญชวนบริษัทกาแฟและโกโก้มาเชื่อมต่อและทดลองชิมส่วนผสมต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์โดยจะนำเสนอส่วนผสมที่ผ่านการพิสูจน์แล้วในเชิงพาณิชย์แก่พันธมิตร ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน เสริมสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน และช่วยรักษาโลกอีกด้วย

“ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรใหม่ของเรา คุณภาพของผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรา รวมถึงความมุ่งมั่นของทีมงานนี้ เราจึงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่จะทำให้แน่ใจว่ากาแฟและโกโก้ของเราสามารถเข้าถึงได้โดยคนทั่วไป ขณะเดียวกันก็เคารพโลกของเราด้วย” Jake Berber ผู้ก่อตั้งร่วมและซีอีโอ กล่าว

การระดมทุนรอบนี้ทำให้ Prefer มีส่วนของผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีนักลงทุนหลักคือ At One Ventures และ Chancery Hill Capital ร่วมกับ Forge Ventures ซึ่งเป็นนักลงทุนเดิม

“เราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระบบอาหาร ซึ่งเป็นการแยกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคอันเป็นที่รักออกจากห่วงโซ่อุปทานที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม” Helen Lin หุ้นส่วนของ At One Ventures และสมาชิกคณะกรรมการของ Prefer กล่าว

โดยล่าสุดทางสตาร์ทอัพได้นำผลิตภัณฑ์กาแฟของตนเข้าสู่เชิงพาณิชย์ผ่านช่องทางบริการอาหาร โดยร่วมมือกับ Melvados ซึ่งเป็นธุรกิจอาหารของสิงคโปร์

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกอีกด้วย ในประเทศไทย Prefer กำลังทำงานร่วมกับบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่ยั่งยืนภายใต้เครื่องดื่มกาแฟที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ “กินดี อยู่ดี (Eat Well, Live Well)” ส่วนในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ บริษัทได้ร่วมมือกับ The Coffee Ferm ซึ่งจะให้สิทธิ์ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาด้านรสชาติของ Prefer เพื่อขยายการผลิตและจัดจำหน่ายภายในประเทศ

โดย Prefer มีแผนที่จะขยายโรงงานผลิตนำร่องผ่านผู้ผลิตในตลาดหลัก ขยายการวิจัยและพัฒนาในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์รสโกโก้ และขยายความร่วมมือระดับโลก โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดเอเชีย

เกี่ยวกับ Prefer

Prefer ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 โดย Jake Berber และ Ding Jie Tan เป็นบริษัทเทคโนโลยีอาหารในสิงคโปร์ที่ใช้กระบวนการหมักเพื่อสร้างสรรค์รสชาติและส่วนผสมที่ราคาไม่แพงและยั่งยืน โดย Prefer เริ่มต้นด้วยกาแฟและโกโก้ เพื่อเปลี่ยนวัตถุดิบที่ผ่านการอัพไซเคิลให้กลายเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร

ชุดสำหรับสื่อ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ติดต่อสื่อมวลชน:
Prefer
Jake Berber, jake@prefer.bio

ที่มา: Prefer

INNOCEAN ร่วมกับ Shinsegae Property นำเสนอ “เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ณ หาดแฮอุนแด

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–06 สิงหาคม 2025

INNOCEAN (KRX: 214320) (ซีอีโอระดับโลก Yongwoo Lee) ร่วมมือกับ Shinsegae Property (ซีอีโอ Young-lock Im) เปิดตัวแคมเปญความปลอดภัยสาธารณะในชื่อ“เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ Grand Josun Media” — ซึ่งเป็นจอดิจิทัลขนาดใหญ่หน้าหาดแฮอุนแด ในเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้

The World's Biggest Lifeguard in Busan, South Korea (Photo: INNOCEAN)

“เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ในเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ (ภาพ: INNOCEAN)

แคมเปญนี้จะนำเสนอข้อมูลความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ผ่านวิดีโอแบบอะนามอร์ฟิก 3 มิติ ที่จะเห็นเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิต (Lifeguard) ขนาดใหญ่คอยเฝ้าดู เนื้อหาจะแสดงข้อมูลสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ เช่น สภาพอากาศ ความสูงของคลื่น และแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคลื่นสูง เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตจะแจ้งเตือนบนหน้าจอ ตั้งแต่ข้อจำกัดการเข้าชายหาดบางส่วนไปจนถึงทั้งหมด ในสถานการณ์ปกติ พื้นหลังวิดีโอจะแสดงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น ท้องฟ้าแจ่มใส เมฆ และฝนตก เพื่อเพิ่มความรู้สึกสมจริง โดยในเวลากลางคืน วิดีโอจะแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่คอยตรวจสอบระบบฉุกเฉินต่างๆ เพื่อเพิ่มความระมัดระวังตลอด 24 ชั่วโมง

Grand Josun Media คือป้ายดิจิทัลโค้ง (กว้าง 25 ม. สูง 31 ม.) ติดตั้งอยู่ด้านหน้าอาคาร Grand Josun Busan โดยนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ป้ายนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นอย่างมากในฐานะพื้นที่โฆษณากลางแจ้งฟรีแห่งแรกของเกาหลีที่อยู่นอกเขตกรุงโซล แคมเปญนี้ใช้หน้าจอขนาดมหึมาเพื่อแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตขนาดใหญ่ยักษ์ที่คอยส่งข้อความเตือนความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ให้กับนักท่องเที่ยวที่หาดแฮอุนแด แคมเปญนี้นำเสนอโดย Shinsegae Property โดยมี INNOCEAN รับผิดชอบด้านการวางแผนและการผลิต

เจ้าหน้าที่ของ INNOCEAN กล่าวว่า “เราเชื่อว่าการโฆษณากลางแจ้งสามารถสร้างผลกระทบทางสายตาได้อย่างทรงพลัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เราจึงนำเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ชายหาดแฮอุนแดตัวจริงมาเป็นนายแบบในวิดีโอ”

หาดแฮอุนแดสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึง 200,000 – 250,000 คนต่อวันในช่วงฤดูท่องเที่ยว อุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นทำให้เกิดกระแสน้ำย้อนกลับสูงขึ้น รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น การว่ายน้ำขณะมึนเมา ยังคงมีอยู่ และเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยจำนวนจำกัด การแจ้งเตือนด้วยวาจาเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ

แคมเปญนี้มุ่งหวังที่จะลดอุบัติเหตุและสร้างความตระหนักรู้ผ่านภาพเสมือนจริงแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ดื่มด่ำและไม่เหมือนใครให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมทั้งความปลอดภัยสาธารณะและการท่องเที่ยวในท้องถิ่น

INNOCEAN และ Shinsegae Property วางแผนที่จะพัฒนาแคมเปญสื่อดิจิทัลนอกบ้าน (DOOH) อย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อความสาธารณะที่มีความหมายและเสริมสร้างประสบการณ์ในเมือง โดยซีอีโอ Yongwoo Lee กล่าวว่า “เราเริ่มต้นด้วย เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเราจะยังคงแบ่งปันแคมเปญที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมผ่านสื่ออย่างสร้างสรรค์”

INNOCEAN ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินงาน Grand Josun Media ซึ่งเป็นสื่อโฆษณากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่ติดตั้งบนด้านหน้าอาคาร Grand Josun Busan ในเขตแฮอุนแดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250805919143/en

Contacts

INNOCEAN
Kim Shin-bi
shinbi.kim@innocean.com

ที่มา: INNOCEAN INC.

Lofted Custom Spirits เปิดตัวโปรแกรม “การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกัน”

Logo

 โรงงานแปรรูปแห่งใหม่สามารถช่วยให้แบรนด์พาร์ทเนอร์ปลดล็อกการลดหย่อนภาษีที่สำคัญได้

หลุยส์วิลล์, รัฐเคนตักกี้–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2025

Lofted Custom Spirits ที่เป็นโรงกลั่นวิสกี้แบบสั่งทำพิเศษแห่งแรกและชั้นนำของประเทศ ได้ประกาศเปิดตัวโปรแกรม “การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกัน” ใหม่ในวันนี้ ซึ่งช่วยให้พาร์ทเนอร์ได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีสรรพสามิตที่ลดลงเป็นอย่างมาก ด้วยใบอนุญาต DSP ของตนเองและโรงงานแปรรูปเฉพาะของ Lofted ที่คราฟต์แบรนด์จะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่จากการลดหย่อนภาษีภายใต้พระราชบัญญัติปรับปรุงเครื่องดื่มคราฟต์ (CBMA) และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 6 ดอลลาร์ต่อพรูฟแกลลอน

ภายใต้กฎ CBMA ในปัจจุบัน เฉพาะ DSP ที่ดำเนินกิจกรรมการแปรรูปนอกเหนือจากการบรรจุขวด เช่น การผลิต การผสม การกรอง หรือการเติมแต่งรสชาติเท่านั้นที่สามารถขออัตราภาษีสรรพสามิตของรัฐบาลกลางที่ลดลงได้สูงถึง 100.000 พรูฟแกลลอนต่อปี การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกันของ Lofted Custom Spirits จะช่วยเปิดโอกาสให้สามารถประหยัดภาษีที่สอดคล้องกับมาตรฐาน TTB ซึ่งไม่สามารถทำได้โดยโรงกลั่นตามสัญญาอื่นๆ ในรัฐเคนตักกี้

“Lofted Custom Spirits สร้างโปรแกรมนี้ขึ้นมาเช่นเดียวกับที่เราสร้างธุรกิจของเรา นั่นคือ บนพื้นฐานของความร่วมมือที่แท้จริง ความซื่อสัตย์ในการดำเนินงาน คุณภาพสูงสุด และการปฏิบัติตามกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด รากฐานแห่งความไว้วางใจนี้หมายความว่าลูกค้าของเราสามารถทุ่มเทพลังให้กับการสร้างแบรนด์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกระบวนการและกฎระเบียบ” กล่าวโดย Mark Erwin ซีอีโอของ Lofted Spirits บริษัทแม่ของ Lofted Custom Spirits, Bardstown Bourbon Company และ Green River Distilling Co.

ในโรงงานแปรรูปที่เพิ่งติดตั้งใหม่ ทาง Lofted Custom Spirits จะยังคงให้การสนับสนุนเชิงปฏิบัติงาน รวมถึงแรงงานภายใต้ใบอนุญาต DSP ของลูกค้า เพื่อให้มั่นใจถึงการดำเนินงานที่ราบรื่นและต่อเนื่อง

“เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับ TTB เพื่อนำเสนอบริการนี้ที่รับประกันในประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน เช่นเดียวกับการขยายธุรกิจในทุกครั้งที่ผ่านมา เราได้สร้างสรรค์โปรแกรมนี้ขึ้นมาด้วยจิตวิญญาณแห่งความร่วมมืออย่างแท้จริงกับแบรนด์ต่างๆ ที่ไว้วางใจให้เราดูแลแบรนด์วิสกี้ของพวกเขาให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” กล่าวโดย Erwin

“การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกัน” พร้อมให้บริการแล้วทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ไปที่ LoftedSpirits.com

เกี่ยวกับ LOFTED SPIRITS

จากการผลิตเบอร์เบินตามสั่งไปจนถึงแบรนด์ที่ก้าวล้ำนำสมัย Lofted Spirits คือจุดบรรจบของประเพณีและการเปลี่ยนแปลงที่ได้ต่อยอดจากผลงานที่ Peter Loftin เริ่มต้นไว้ในปี 2016 และปัจจุบันเป็นผู้ผลิตวิสกี้ตามสัญญาอันดับหนึ่งของรัฐเคนตักกี้ ทาง Lofted Spirits ได้บุกเบิกแนวทางระดับโลกที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมสำหรับการกลั่นตามสัญญาแบบกำหนดเอง พร้อมกับพัฒนาแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดอย่าง American Whiskey, Bardstown Bourbon และ Green River โดย Lofted Spirits เป็นองค์กรที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมวิสกี้ระดับโลก มอบประสบการณ์อันเหนือชั้นผ่านนวัตกรรม ความไว้วางใจ และผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรม พร้อมกับรังสรรค์วิสกี้ที่เป็นที่ต้องการและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก นอกจากนี้ Lofted Spirits ยังได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท Pritzker Private Capital ในปี 2022 อีกด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ LoftedSpirits.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250804995682/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Holly Weyler
hweyler@loftedspirits.com
502,836,8715

ที่มา: Lofted Custom Spirits

Beyoncé และ Levi’s® ได้เปิดตัว The Denim Cowboy

Logo

เพื่อบรรลุจุดสุดยอดของแคมเปญ Levi’s® REIIMAGINE ผลงานสุดท้ายจึงนำเสนอชิ้นงานจากคอลเลกชันเดนิมใหม่ BEYONCÉ X LEVI’S®

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2025

วันนี้ แบรนด์ Levi's® ร่วมมือกับ Beyoncé ไอคอนระดับโลก เปิดตัว The Denim Cowboy ผลงานชิ้นสุดท้ายของแคมเปญ Levi’s® REIIMAGINE ตลอดทั้งปี ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ร้อยเรียงสามบทก่อนหน้าเข้าด้วยกัน เผยให้เห็นว่าแคมเปญนี้ไม่ใช่แค่การตีความโฆษณา Levi’s® อันโด่งดังใหม่ แต่เป็นการสร้างเรื่องราวใหม่ที่เน้นย้ำถึงพลังและการเขียนกฎเกณฑ์ใหม่ โดยตลอดทั้ง The Denim Cowboy ได้นำเสนอผลงานไอคอนและไอเท็มเด่นของ Levi’s® จากคอลเลกชันเดนิม BEYONCÉ x LEVI’S® ใหม่ ซึ่งเป็นยูนิฟอร์มของภาพยนตร์และรากฐานของความร่วมมือล่าสุดกับ Beyoncé ที่ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์เดนิมของแบรนด์

ภาพยนตร์ความยาว 90 วินาทีเรื่องนี้ได้นำเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “Levi's Jeans” จากอัลบั้ม Cowboy Carter ที่ได้รับรางวัลแกรมมี่มาตัดต่อใหม่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงฉากใหม่และฉากตัดต่อที่ขยายความจากภาพยนตร์ Launderette, Pool Hall และ Refrigerator ที่ออกฉายก่อนหน้านี้ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากโฆษณา Levi’s® คลาสสิกในยุค 80 และ 90 ซึ่งเป็นอีกครั้งหนึ่งที่แบรนด์ Levi’s® ได้ร่วมมือกับ Melina Matsoukas ผู้กำกับภาพยนตร์เจ้าของรางวัลแกรมมี่ เพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์นี้ให้เป็นจริง

การนำบริบทของบทก่อนหน้ามาตีความใหม่ พร้อมเผยรายละเอียดใหม่ๆ ที่ The Denim Cowboy เผยให้เห็นว่ารางวัลชนะเลิศของ Beyoncé จากเกมพูลที่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกางเกงยีนส์ 501® ของฉลามเจ้าถิ่น ซึ่งรับบทโดย Timothy Olyphant นักแสดงเจ้าของรางวัล (Justified, Deadwood) โดย Beyoncé นั้นดูโดดเด่นสะดุดตาด้วยกางเกงยีนส์ Shrunken Trucker ยุค 90s ที่ประดับด้วยคริสตัล จับคู่กับกางเกงยีนส์ 501® Curve ซึ่งเป็นทรง 501® ใหม่ที่ล้ำสมัย ที่ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองและเสริมส่วนโค้งเว้าโดยไม่ลดทอนรูปทรงขาตรงแบบดั้งเดิมที่ทำให้ 501® เหนือกาลเวลาและคงทน กางเกงยีนส์ Western Crystal ’90s Shrunken Trucker และ Western Crystal 501® Curve ได้สะท้อนเสน่ห์อันโดดเด่นและเปิดตัวครั้งแรกในPool Hall ที่ได้กลายเป็นไอเท็มชิ้นเด่นในคอลเลกชันเดนิม BEYONCÉ X LEVI’S®

The Denim Cowboy ถือเป็นจุดสุดยอดของแคมเปญ Levi’s® REIIMAGINE อันล้ำสมัย และเป็นการเฉลิมฉลองครั้งสุดท้ายของความร่วมมือที่สำรวจการสร้างสรรค์และการตีความใหม่ในทุกขั้นตอน”กล่าวโดย Kenny Mitchell ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดระดับโลกของแบรนด์ Levi’s® ที่ Levi Strauss & Coแคมเปญนี้สะท้อนถึงความร่วมมือในระดับและขนาดใหม่ที่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงเป็นศูนย์กลางของเรื่องราว และเริ่มต้นบทใหม่อันโดดเด่นในประวัติศาสตร์ของ Levi’s® ที่ยังคงตอกย้ำบทบาทของแบรนด์ในฐานะศูนย์กลางทางวัฒนธรรม

ความร่วมมือนี้ถึงจุดสูงสุดอย่างงดงามในช่วงการแสดงครั้งสุดท้ายของ Beyoncé ใน COWBOY CARTER TOUR ที่ลาสเวกัส ซึ่งทีมนักเต้นของ Beyoncé ได้จุดประกายความเจิดจรัสบนเวทีด้วยเสื้อผ้าเดนิมคอลเลคชั่นใหม่จาก BEYONCÉ X LEVI’S® ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณอันโดดเด่นของแคมเปญ REIIMAGINE ที่กำลังดำเนินอยู่

คอลเลกชันเดนิม BEYONCÉ X LEVI’S® ซึ่งประกอบด้วย Western Crystal '90s Shrunken Trucker (ราคา 250 ดอลลาร์สหรัฐ) และ Western Crystal 501® Curve (ราคา 150 ดอลลาร์สหรัฐ) พร้อมด้วยชุดเดนิมตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกสองชุด จะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมเป็นต้นไปที่ Beyonce.com และวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 7 สิงหาคมทาง Levi.com และร้านค้า Levi’s® ที่ร่วมรายการ

The Denim Cowboy เปิดตัวด้วยแคมเปญระดับโลกที่ผสานรวมอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งทางโทรทัศน์ ดิจิทัล โซเชียลมีเดีย และสื่อนอกบ้าน แคมเปญนี้ยังคงรักษาประเพณีของ Levi’s® ในการทำงานกับเหล่าครีเอทีฟผู้มีชื่อเสียงที่สุดในยุคสมัยของเรา โดย Matsoukas ได้ร่วมงานกับ Marcell Rév ผู้กำกับภาพเจ้าของรางวัลเอ็มมี รวมถึง Mason Poole ช่างภาพชื่อดัง เพื่อถ่ายทอดแก่นแท้ของแคมเปญ REIIMAGINE เติมเต็มมิติใหม่ให้กับแคมเปญอันโดดเด่นของ Levi’s®

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ REIIMAGINE โปรดไปที่ levi.com และติดตาม @levis บน Instagram และ TikTok

แคมเปญนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์กับ TBWA\Chiat\Day LA และ Parkwood Entertainment และอำนวยการสร้างโดย de la revolućion/PRETTYBIRD

เกี่ยวกับแบรนด์ Levi’s ®

แบรนด์ Levi’s® สะท้อนสไตล์อเมริกันคลาสสิกและความเท่แบบไม่ต้องพยายาม นับตั้งแต่ Levi’s® ได้ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1873 โดย Levi Strauss & Co. กางเกงยีนส์ Levi’s® ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมาหลายชั่วอายุคน ในปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Levi’s® ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกและนวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ในอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย เรามีผลิตภัณฑ์เดนิมและเครื่องประดับชั้นนำวางจำหน่ายในกว่า 120 ประเทศ ช่วยให้ผู้คนทั่วโลกสามารถแสดงออกถึงสไตล์ส่วนตัวของตนเองได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบรนด์ Levi’s® ผลิตภัณฑ์ และร้านค้าต่างๆ โปรดไปที่ levi.com

เกี่ยวกับ Levi Strauss & Co.

Levi Strauss & Co. เป็นหนึ่งในบริษัทเครื่องแต่งกายแบรนด์เนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้นำระดับโลกด้านผ้าเดนิม บริษัทออกแบบและจำหน่ายกางเกงยีนส์ เสื้อผ้าลำลอง และเครื่องประดับอื่นๆ สำหรับผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ภายใต้แบรนด์ Levi's®, Dockers®, Levi Strauss Signature™ และ Beyond Yoga® ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีจำหน่ายในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ผ่านร้านค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า เว็บไซต์ออนไลน์ และร้านค้าเฉพาะของแบรนด์และร้านค้าแบบ Shop-in-Shop ประมาณ 3,400 แห่งทั่วโลก โดย Levi Strauss & Co. มีรายได้สุทธิในปี 2024 อยู่ที่ 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ http://levistrauss.comและสำหรับข่าวสารและประกาศต่างๆ ของบริษัท โปรดไปที่ http://investors.levistrauss.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/20250803727795/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Elizabeth Owen
Levi Strauss & Co.
(415) 501-7777
NewsMediaRequests@levi.com

ที่มา: Levi Strauss & Co.




Kaneka ได้รับใบรับรองฮาลาลสำหรับ KANEKA UBIQUINOL TM

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–09 กรกฎาคม 2025

Kaneka Corporation (สำนักงานใหญ่: เขตมินาโตะ โตเกียว; ประธานบริษัท: Kazuhiko Fujii) (TOKYO:4118) ได้รับ “ใบรับรองฮาลาล (หมายเลขรับรอง: 355-TSRI/24)” สำหรับส่วนผสมอาหารเพื่อสุขภาพ โดย KANEKA UBIQUINOLTM (รูปแบบที่พร้อมใช้งานของโคเอนไซม์ Q10) ชนิดผงได้รับการประเมินจากสถาบันวิจัยชะรีอะฮ์แห่งมหาวิทยาลัย Takushoku และออกโดยสมาคมมุสลิมญี่ปุ่น ซึ่งเป็นองค์กรทางศาสนา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม

Halal certificate

ใบรับรองฮาลาล

การรับรองฮาลาลเป็นระบบที่องค์กรที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการไม่มีส่วนผสมที่ห้ามใช้ตามหลักชะรีอะฮ์ (กฎหมายอิสลาม) และรับรองว่าเป็นไปตามหลักชะรีอะฮ์ เรามุ่งมั่นในการขอรับการรับรองต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าวัตถุดิบของเรามีความปลอดภัย และเรายินดีที่จะประกาศว่าเราได้รับใบรับรองฮาลาลแล้วสำหรับ KANEKA UBIQUINOLTM

ปัจจุบันประชากรมุสลิมทั่วโลกมีประมาณ 1,900 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,200 ล้านคนภายในปี 2030 ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งชาวมุสลิมอาศัยอยู่ร่วมกับผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ได้มีการนำมาตรฐานและข้อบังคับที่เข้มงวดมาใช้เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยและความโปร่งใสของวัตถุดิบที่ใช้ และความสำคัญของการรับรองฮาลาลก็เพิ่มมากขึ้น ด้วยการได้รับใบรับรองฮาลาลนี้ เราคาดว่าจะสามารถขยายยอดขายได้ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตามพันธกิจของ KANEKA ที่ยึดหลัก “สุขภาพที่ดีต้องมาก่อน” เราจะยังคงตอบสนองต่อความต้องการต่างๆ ด้วยการจัดหาผลิตภัณฑ์ บริการ และคุณค่าที่มีคุณภาพสูงเพื่อให้สังคมมีสุขภาพดีขึ้น เป้าหมายของเราคือการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้คนและทำให้สังคมมีความสะดวกสบายมากขึ้นในหลากหลายสาขา   

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250708279133/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย    

Contacts

KANEKA CORPORATION
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
Wakana Sawada Info_Pro@kaneka.co.jp

ที่มา: Kaneka Corporation



KKV ขยายกิจการในประเทศไทย เปิดร้านใหม่ร่วมกับยักษ์ใหญ่ในท้องถิ่น

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–24 มิถุนายน 2025

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2025 KKV แบรนด์ค้าปลีกระดับโลกได้เปิดร้านใหม่ที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ในกรุงเทพฯ ในวันเปิดร้าน สุนทรียศาสตร์เชิงพื้นที่อันเป็นเอกลักษณ์ของ KKV ที่มีภายนอกเป็นทรงตู้คอนเทนเนอร์สีเหลืองสดใสและชั้นวางสินค้าที่แบ่งตามสีสำหรับหมวดหมู่สินค้าต่างๆ ผสมผสานกับการแสดงที่มีชีวิตชีวาและสนุกสนาน ดึงดูดผู้บริโภคหลายร้อยคนให้เข้าแถวยาวเพื่อถ่ายรูปเช็คอิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมอย่างล้นหลามของแบรนด์ นับตั้งแต่เข้าสู่ตลาดประเทศไทยในเดือนตุลาคม 2024 ทาง KKV ได้ขยายสาขาในท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว โดยเปิดร้านไปแล้วกว่า 10 ร้านในเมืองสำคัญๆ เช่น กรุงเทพฯ นครราชสีมา และหาดใหญ่ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี โดยแบรนด์ได้ประกาศแผนการที่จะลงทุนต่อไปในย่านการค้าหลักของประเทศไทยและจะเปิดร้านใหม่เพิ่มเติมในปี 2025

Customers are lining up in front of KKV stores

ลูกค้ากำลังต่อแถวอยู่หน้าร้าน KKV

นอกจากนี้ KK Group ยังเป็นเจ้าของ The Colorist (ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม) และ X11 (ร้านจำหน่ายของเล่นแนวเทรนด์) อีกด้วย วิสัยทัศน์ “อยู่อย่างไร้ขอบเขต” ของบริษัทเป็นแรงผลักดันให้บริษัทมีสาขาอยู่ทั่วโลก โดยมีร้านค้ามากกว่า 1,000 แห่งในหกประเทศ ในฐานะแบรนด์หลัก KKV ยึดมั่นในปรัชญา “สำรวจไลฟ์สไตล์ 100 แบบ” โดยนำเสนอสินค้ากว่า 20,000 รายการใน 8 หมวดหมู่ รวมถึงของเล่นแนวเทรนด์ สินค้าใช้ในบ้าน ของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องสำอาง และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งสำรวจความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมอย่างแข็งขัน

จับมือกับยักษ์ใหญ่ท้องถิ่นเพื่อปลดล็อกตลาดคนรุ่น Gen Z ของประเทศไทย

ตลาดในประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งนับตั้งแต่มีการขยายตัว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ KKV จนถึงขณะนี้ KKV ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ชั้นนำของไทย เช่น Central Group, The Mall Group และ LH Mall&Hotel โดยได้ทำเลในย่านการค้าที่สำคัญของเมืองหลักๆ เช่น กรุงเทพฯ และหาดใหญ่ ด้วยการใช้ความเชี่ยวชาญด้านการดำเนินงานในพื้นที่และข้อได้เปรียบด้านการไหลเวียนของลูกค้าของพันธมิตร ทำให้ KKV สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ของไทยได้อย่างรวดเร็ว

เพื่อเป็นการตระหนักถึงความกระตือรือร้นของเยาวชนไทยที่มีต่อวัฒนธรรมไอดอล KKV จึงได้เชิญคนดังและ KOL มาเป็นแขกรับเชิญของแบรนด์ในงานเปิดตัว กลยุทธ์การส่งเสริมการขายเหล่านี้ทำให้แฟนๆ มีส่วนร่วมอย่างล้นหลาม โดยมีการโต้ตอบกันอย่างคึกคักในสถานที่ ซึ่งเน้นย้ำถึงความร่วมมืออันทรงพลังระหว่างเอฟเฟกต์ของคนดังและความหลงใหลของเยาวชนไทยที่มีต่อประสบการณ์ที่ทันสมัย

ในขณะเดียวกัน การวางตำแหน่งแบรนด์และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของ KKV สอดคล้องกับความต้องการบริโภคสามประการของเยาวชนไทย ได้แก่ “ความสดใหม่” “ความน่าดึงดูดใจทางสังคม” และ “ความคุ้มทุน” ซึ่งทำให้ KKV กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ในพื้นที่

มุ่งมั่นเพื่อประเทศไทย ขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาด

ประชากรของประเทศไทยที่ขับเคลื่อนโดยเยาวชนและแนวโน้มการบริโภคที่เพิ่มขึ้นเป็นแรงผลักดันการเติบโตในระยะยาวของ KKV ตามข้อมูลของ Kadence (2025) คนรุ่น Gen Z คิดเป็น 20% ของประชากรของประเทศไทย โดยการค้าปลีกแฟชั่นและการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์เติบโตที่ 5.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดมาก

“ตลาดเยาวชนที่คึกคักและวัฒนธรรมผู้บริโภคที่เปิดกว้างของประเทศไทยทำให้เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งถึงอนาคตระยะยาวของเรา” Rojen Wu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการโครงการต่างประเทศของ KK Group กล่าว “KK เชื่อเสมอมาว่าแก่นแท้ของการค้าปลีกที่ทันสมัยอยู่ที่การตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ เราต้องการให้ KKV เป็นมากกว่าจุดหมายปลายทางในการจับจ่ายซื้อของสำหรับคนหนุ่มสาว แต่ควรเป็นศูนย์กลางที่พวกเขาสามารถแสดงออกถึงตัวตนและสำรวจวิถีชีวิตที่หลากหลาย”

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ KKV ในประเทศไทยไม่เพียงแต่ให้การสนับสนุนที่สำคัญต่อกลยุทธ์ระดับโลกของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังจุดประกายความมีชีวิตชีวาของนวัตกรรมในตลาดค้าปลีกในท้องถิ่นอีกด้วย ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเชื่อว่าการเข้าถึงเทรนด์การบริโภคของวัยรุ่นและการขยายความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจชั้นนำในท้องถิ่นจะทำให้ KKV เป็นผู้นำในการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตลาดค้าปลีกที่ทันสมัยของประเทศไทยต่อไป

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250618759219/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

molly.song@kkgroup.cn

ที่มา: KKV

Papa Johns เปิดตัว Croissant Pizza เป็นครั้งแรก มอบความกรอบอร่อยที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับเหล่าผู้ชื่นชอบพิซซ่าทั้งหลาย

Logo

พิซซ่าจะถูกส่งมาในกระเป๋าใส่ของร้อนที่ออกแบบร่วมกับ Colm Dillane ผู้บุกเบิกวงการแฟชั่น ศิลปิน และผู้ก่อตั้ง KidSuper ให้กับแฟนๆ ผู้โชคดีจำนวนหนึ่ง

ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–10 มิถุนายน 2025

Papa Johns กำลังยกระดับประสบการณ์พิซซ่าด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุดทั่วโลก: Croissant Pizza โฉมใหม่ โดย Croissant Pizza เป็นการผสมผสานระหว่างเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนของครัวซองต์เนยกับรสชาติที่เข้มข้นของพิซซ่า Papa Johns อย่างลงตัว นำเสนอส่วนผสมที่ดีกว่าของแบรนด์ ซึ่ง Better Pizza.® นี้ให้สัญญาว่าจะคงอยู่ต่อไปด้วยฝีมือ คุณภาพ และนวัตกรรม

Papa Johns Croissant Pizza takes the brand’s signature promise of Better Ingredients. Better Pizza. even further – delivering innovation, craftsmanship and quality through every crisp, buttery layer.

Papa Johns Croissant Pizza นำเสนอคำมั่นสัญญาอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Better Ingredients. Better Pizza. ไปไกลกว่านั้นด้วยการนำเสนอนวัตกรรม งานฝีมือ และคุณภาพผ่านทุกชั้นของขนมปังที่กรอบและเนย

พิซซ่าที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถันนี้สมควรได้รับการนำเสนอในสไตล์ศิลปะที่ล้ำสมัย นั่นเป็นเหตุผลที่ Papa Johns ร่วมมือกับ KidSuper เพื่อออกแบบกระเป๋าใส่ของร้อนรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น Papa Johns x Kid Super Hot Bag ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากฝีมือการรังสรรค์ของ Croissant Pizza

Croissant Pizza เปิดตัวในเก้าตลาด โดยจะปรากฏตัวครั้งแรกในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Croissant Pizza ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแป้งพิซซ่าแบบคลาสสิก มอบความกรอบ เบา และชั้นแป้งที่นุ่มละมุนราวกับถักเป็นชั้นๆ ด้วยความอร่อยที่ลงตัว ลูกค้าสามารถเลือกหน้าพิซซ่าได้ตามต้องการเพื่อรสชาติที่เข้มข้น

Chris Lyn-Sue รองประธานอาวุโส กรรมการผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศของ Papa Johns กล่าวว่า “ในฐานะแบรนด์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรม ความโดดเด่น และคุณภาพ เราแสวงหาแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมอาหารทั่วโลกอยู่เสมอ และเปลี่ยนวัฒนธรรมเหล่านี้ให้กลายเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นและโดดเด่น เราได้ทำการวิจัยอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจว่าผู้บริโภคต้องการอะไรจากนวัตกรรมระดับโลกครั้งต่อไปของเรา ซึ่ง Croissant Pizza ได้รับคะแนนอย่างสูงในทุกตลาด”

“นอกจากนี้ เรายังสำรวจถึงการเพิ่มขึ้นของการผสมผสานครัวซองต์ในวัฒนธรรมอาหาร ตั้งแต่ 'โครนัท (Cronut)' ไปจนถึง 'ครู๊คกี้ (Crookie)' และมองเห็นโอกาสในการนำนวัตกรรมเดียวกันนี้มาใช้กับพิซซ่า หลังจากใช้เวลาพัฒนามาหนึ่งปี เราภูมิใจที่ได้รวมเอาไอคอนสุดโปรดสองอันเข้าไว้เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งเดียวที่น่าลิ้มลองและอร่อย ซึ่งนำเสนอความสดใหม่และน่าตื่นเต้นให้กับหมวดหมู่ QSR”

KidSuper เป็นที่รู้จักในด้านการออกแบบที่เน้นแนวคิดและภาษาภาพที่โดดเด่นซึ่งฝังรากอยู่ในเรื่องราว โดยนำเสนอแนวทางที่สนุกสนานแต่ยังยกระดับให้กับกระเป๋าใส่ของร้อน Papa Johns ที่ออกแบบเองโดยเฉพาะสำหรับ Croissant Pizza โดยกระเป๋าใบนี้ได้เฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของงานฝีมือจาก Croissant Pizza รวมถึงความมุ่งมั่นในคุณภาพของ Papa Johns ซึ่งสายกระเป๋าที่ทอขึ้นนั้นสะท้อนถึงเปลือกพิซซ่าที่ถักอย่างแน่นหนาและทำด้วยมือ ซิปโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวอย่างประณีต และขอบที่นุ่มที่เลียนแบบรอยพับฟูของแป้งพิซซ่าอันโด่งดัง โดย Papa Johns x KidSuper Hot Bag จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนนี้ในงาน Paris Fashion Week Men's Spring/Summer 2026 (SS26) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง KidSuper

ในขณะที่ Croissant Pizza เปิดตัวทั่วโลก Papa Johns x KidSuper Hot Bag จะวางจำหน่ายบนรันเวย์ ชายหาด และนิทรรศการในตลาดที่เลือกไว้ ลูกค้าที่เลือกจุดหมายปลายทางเหล่านี้ที่สั่ง Croissant Pizza จะได้รับการจัดส่งด้วย Papa Johns x KidSuper Hot Bag สุดพิเศษ และหากกระเป๋าใส่ของร้อนมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว ลูกค้าจะได้รับกระเป๋าดังกล่าวไปครอบครอง

สำหรับ Colm Dillane นักออกแบบและผู้ก่อตั้ง KidSuper ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่นเท่านั้น “KidSuper เป็นแบรนด์ที่ท้าทาย ซึ่งสร้างขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ ความเสี่ยง และการยึดมั่นในจิตวิญญาณของสิ่งที่เราทำ” เขากล่าว “Papa Johns ก็เหมือนกัน นี่ไม่ใช่การเปิดตัวพิซซ่าธรรมดาทั่วไป แต่พวกเขากำลังขยายขอบเขตด้วยความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือ ไม่ว่าคุณจะอบแป้งพิซซ่าหรือตัดแป้งเป็นชิ้นๆ กระบวนการต่างๆ เหล่านี้ก็มีความสำคัญ”

Croissant Pizza วางจำหน่ายแล้วทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน และจะวางจำหน่ายเป็นเวลาจำกัดในตลาดที่ร่วมรายการ ตั้งแต่เกาหลี จีน ไปจนถึงชิลีและเปรู หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือค้นหา Papa Johns ที่ใกล้ที่สุด ให้ไปที่ www.papajohns.comหรือดาวน์โหลดแอป Papa Johns

เกี่ยวกับ Papa Johns

Papa John’s International, Inc. (Nasdaq: PZZA) เปิดให้บริการในปี 1984 โดยมีเป้าหมายเดียวในใจ: BETTER INGREDIENTS. BETTER PIZZA.® (“ส่วนผสมที่ดีกว่า พิซซ่าที่ดีกว่า”) Papa Johns เชื่อว่าการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงจะทำให้ได้พิซซ่าคุณภาพเยี่ยม แป้งพิซซ่าดั้งเดิมของ Papa Johns ทำจากส่วนผสมเพียง 6 อย่างและสดใหม่ ไม่เคยแช่แข็ง Papa Johns โรยหน้าพิซซ่าด้วยชีสแท้ที่ทำจากมอสซาเรลลา ซอสมะเขือเทศที่สุกจากต้นซึ่งส่งจากต้นไปยังกระป๋องในวันเดียวกัน และเนื้อสัตว์ที่ปราศจากสารเติมแต่ง Papa Johns เป็นเครือร้านพิซซ่าส่งถึงบ้านแห่งแรกของประเทศที่ประกาศเลิกใช้สารปรุงแต่งรสและสีสังเคราะห์จากเมนูอาหารทั้งหมด Papa Johns มีสำนักงานใหญ่ร่วมอยู่ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย และเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ และเป็นบริษัทส่งพิซซ่าที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก โดยมีร้านอาหารมากกว่า 6,000 แห่งในกว่า 50 ประเทศและเขตการปกครอง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทหรือสั่งพิซซ่าออนไลน์ ให้ไปที่ www.PapaJohns.com หรือดาวน์โหลดแอปมือถือ Papa Johns สำหรับ iOS หรือ Android

เกี่ยวกับ KidSuper Studios

KidSuper ก่อตั้งโดย Colm Dillane แม้ว่า KidSuper จะเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะศิลปินและนักออกแบบ แต่ Colm Dillane ก็ยังคงใช้ชื่อนี้ในแบรนด์เสื้อผ้าของเขาอยู่ดี KidSuper เป็นกลุ่มคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่ออกแบบและผลิตเสื้อผ้า วาดภาพและจัดแสดงงานศิลปะ บันทึกเสียงเพลง และสร้างภาพยนตร์และมิวสิควิดีโอ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ของ KidSuper ในบรู๊คลิน

KidSuper เป็นแพลตฟอร์มสำหรับความคิดสร้างสรรค์อันล้นเหลือของ Colm และความสำเร็จดังกล่าวทำให้ศิลปินและนักออกแบบคนนี้กลายเป็นบุคคลอ้างอิงที่ไม่คาดคิดในวงการแฟชั่นอเมริกัน Dillane เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความกระตือรือร้นสามารถแพร่กระจายได้ และไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม การทุ่มเทความกระตือรือร้นอย่างเต็มที่จะดึงดูดใจผู้คนได้ “เมื่อคุณยังเด็ก คุณเชื่อว่าคุณทำได้ทุกอย่างและทุกอย่างเป็นไปได้ คุณยังเด็กและคุณเป็นอิสระ KidSuper ได้ดำเนินชีวิตตามปรัชญานั้น”

Colm Dillane/KidSuper ได้รับรางวัลพิเศษ Karl Lagerfeld Prize ประจำปี 2021 จากรางวัล LVMH Prize อันทรงเกียรติ และรางวัล CDFA/Vogue Fashion Fund ประจำปี 2022 ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล CFDA American Emerging Designer of the Year Award ประจำปี 2022 จากนั้นในปีถัดมาก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล CFDA Menswear Designer of the Year Award ประจำปี 2023 เขาได้รับเชิญให้ไปเป็นแขกรับเชิญออกแบบคอลเลกชั่น Louis Vuitton Homme Fall/Winter 2023 และเข้าร่วมรายชื่อ BoF500 ในปี 2023

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250610316641/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Georgia Wilkins
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารอาวุโส
Papa Johns International
Georgia_wilkins@papajohns.co.uk
+44 7552 192541

ที่มา: Papa John’s International, Inc.


The Bangkok Reporter