Prefer เปิดตัวกาแฟละลายน้ำและผงโกโก้สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร โดยระดมทุนในรอบ Pre-A ได้เกินเป้าหมายถึง 4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ

Logo

รอบการระดมทุนที่ร่วมกันโดย At One Ventures และ Chancery Hill Capital พร้อมกับการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องจาก Forge Ventures

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–13 สิงหาคม 2025

Prefer เป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารจากสิงคโปร์ที่นำกระบวนการหมักมาสร้างสรรค์รสชาติและส่วนผสมที่เข้าถึงได้และยั่งยืน ประกาศในวันนี้ว่าระดมทุนได้เกินเป้าหมายถึง 4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ กาแฟผงสำเร็จรูปและผงโกโก้ นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศความร่วมมือทางการค้าเป็นครั้งแรกเพื่อขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศกับบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด และ The Coffee Ferm ในประเทศไทยและออสเตรเลียตามลำดับ

รสชาติของ Prefer ผลิตจากผลพลอยได้จากการผลิตอาหาร เช่น ข้าวและถั่วเหลือง ได้รับการพัฒนาโดยใช้กระบวนการหมักและคั่วที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท บริษัทได้จัดหารสชาติและส่วนผสมให้กับแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ผู้ผลิตอาหาร ผู้ค้าปลีกภายใต้แบรนด์ของตนเอง และบริษัทผลิตรสชาติต่างๆ ด้วยการนำเสนอส่วนผสมในราคาที่เข้าถึงได้ ที่ให้รสชาติและคุณประโยชน์เทียบเท่ากาแฟและโกโก้ และลดการปล่อยคาร์บอนได้ด้วย

จากการวิเคราะห์วงจรชีวิตของกาแฟ พบว่ากาแฟของ Prefer มีการปล่อยมลพิษต่ำกว่าถึง 85% และมีราคาถูกกว่ากาแฟอาราบิก้าแบบดั้งเดิมในตลาดปัจจุบันถึง 50%

Prefer ขอเชิญชวนบริษัทกาแฟและโกโก้มาเชื่อมต่อและทดลองชิมส่วนผสมต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์โดยจะนำเสนอส่วนผสมที่ผ่านการพิสูจน์แล้วในเชิงพาณิชย์แก่พันธมิตร ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน เสริมสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน และช่วยรักษาโลกอีกด้วย

“ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรใหม่ของเรา คุณภาพของผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรา รวมถึงความมุ่งมั่นของทีมงานนี้ เราจึงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่จะทำให้แน่ใจว่ากาแฟและโกโก้ของเราสามารถเข้าถึงได้โดยคนทั่วไป ขณะเดียวกันก็เคารพโลกของเราด้วย” Jake Berber ผู้ก่อตั้งร่วมและซีอีโอ กล่าว

การระดมทุนรอบนี้ทำให้ Prefer มีส่วนของผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีนักลงทุนหลักคือ At One Ventures และ Chancery Hill Capital ร่วมกับ Forge Ventures ซึ่งเป็นนักลงทุนเดิม

“เราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระบบอาหาร ซึ่งเป็นการแยกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคอันเป็นที่รักออกจากห่วงโซ่อุปทานที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม” Helen Lin หุ้นส่วนของ At One Ventures และสมาชิกคณะกรรมการของ Prefer กล่าว

โดยล่าสุดทางสตาร์ทอัพได้นำผลิตภัณฑ์กาแฟของตนเข้าสู่เชิงพาณิชย์ผ่านช่องทางบริการอาหาร โดยร่วมมือกับ Melvados ซึ่งเป็นธุรกิจอาหารของสิงคโปร์

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกอีกด้วย ในประเทศไทย Prefer กำลังทำงานร่วมกับบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่ยั่งยืนภายใต้เครื่องดื่มกาแฟที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ “กินดี อยู่ดี (Eat Well, Live Well)” ส่วนในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ บริษัทได้ร่วมมือกับ The Coffee Ferm ซึ่งจะให้สิทธิ์ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาด้านรสชาติของ Prefer เพื่อขยายการผลิตและจัดจำหน่ายภายในประเทศ

โดย Prefer มีแผนที่จะขยายโรงงานผลิตนำร่องผ่านผู้ผลิตในตลาดหลัก ขยายการวิจัยและพัฒนาในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์รสโกโก้ และขยายความร่วมมือระดับโลก โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดเอเชีย

เกี่ยวกับ Prefer

Prefer ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 โดย Jake Berber และ Ding Jie Tan เป็นบริษัทเทคโนโลยีอาหารในสิงคโปร์ที่ใช้กระบวนการหมักเพื่อสร้างสรรค์รสชาติและส่วนผสมที่ราคาไม่แพงและยั่งยืน โดย Prefer เริ่มต้นด้วยกาแฟและโกโก้ เพื่อเปลี่ยนวัตถุดิบที่ผ่านการอัพไซเคิลให้กลายเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร

ชุดสำหรับสื่อ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ติดต่อสื่อมวลชน:
Prefer
Jake Berber, jake@prefer.bio

ที่มา: Prefer

INNOCEAN ร่วมกับ Shinsegae Property นำเสนอ “เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ณ หาดแฮอุนแด

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–06 สิงหาคม 2025

INNOCEAN (KRX: 214320) (ซีอีโอระดับโลก Yongwoo Lee) ร่วมมือกับ Shinsegae Property (ซีอีโอ Young-lock Im) เปิดตัวแคมเปญความปลอดภัยสาธารณะในชื่อ“เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ Grand Josun Media” — ซึ่งเป็นจอดิจิทัลขนาดใหญ่หน้าหาดแฮอุนแด ในเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้

The World's Biggest Lifeguard in Busan, South Korea (Photo: INNOCEAN)

“เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ในเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ (ภาพ: INNOCEAN)

แคมเปญนี้จะนำเสนอข้อมูลความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ผ่านวิดีโอแบบอะนามอร์ฟิก 3 มิติ ที่จะเห็นเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิต (Lifeguard) ขนาดใหญ่คอยเฝ้าดู เนื้อหาจะแสดงข้อมูลสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ เช่น สภาพอากาศ ความสูงของคลื่น และแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคลื่นสูง เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตจะแจ้งเตือนบนหน้าจอ ตั้งแต่ข้อจำกัดการเข้าชายหาดบางส่วนไปจนถึงทั้งหมด ในสถานการณ์ปกติ พื้นหลังวิดีโอจะแสดงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น ท้องฟ้าแจ่มใส เมฆ และฝนตก เพื่อเพิ่มความรู้สึกสมจริง โดยในเวลากลางคืน วิดีโอจะแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่คอยตรวจสอบระบบฉุกเฉินต่างๆ เพื่อเพิ่มความระมัดระวังตลอด 24 ชั่วโมง

Grand Josun Media คือป้ายดิจิทัลโค้ง (กว้าง 25 ม. สูง 31 ม.) ติดตั้งอยู่ด้านหน้าอาคาร Grand Josun Busan โดยนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ป้ายนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นอย่างมากในฐานะพื้นที่โฆษณากลางแจ้งฟรีแห่งแรกของเกาหลีที่อยู่นอกเขตกรุงโซล แคมเปญนี้ใช้หน้าจอขนาดมหึมาเพื่อแสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตขนาดใหญ่ยักษ์ที่คอยส่งข้อความเตือนความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ให้กับนักท่องเที่ยวที่หาดแฮอุนแด แคมเปญนี้นำเสนอโดย Shinsegae Property โดยมี INNOCEAN รับผิดชอบด้านการวางแผนและการผลิต

เจ้าหน้าที่ของ INNOCEAN กล่าวว่า “เราเชื่อว่าการโฆษณากลางแจ้งสามารถสร้างผลกระทบทางสายตาได้อย่างทรงพลัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เราจึงนำเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ชายหาดแฮอุนแดตัวจริงมาเป็นนายแบบในวิดีโอ”

หาดแฮอุนแดสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึง 200,000 – 250,000 คนต่อวันในช่วงฤดูท่องเที่ยว อุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นทำให้เกิดกระแสน้ำย้อนกลับสูงขึ้น รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น การว่ายน้ำขณะมึนเมา ยังคงมีอยู่ และเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยจำนวนจำกัด การแจ้งเตือนด้วยวาจาเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ

แคมเปญนี้มุ่งหวังที่จะลดอุบัติเหตุและสร้างความตระหนักรู้ผ่านภาพเสมือนจริงแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ดื่มด่ำและไม่เหมือนใครให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมทั้งความปลอดภัยสาธารณะและการท่องเที่ยวในท้องถิ่น

INNOCEAN และ Shinsegae Property วางแผนที่จะพัฒนาแคมเปญสื่อดิจิทัลนอกบ้าน (DOOH) อย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อความสาธารณะที่มีความหมายและเสริมสร้างประสบการณ์ในเมือง โดยซีอีโอ Yongwoo Lee กล่าวว่า “เราเริ่มต้นด้วย เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเราจะยังคงแบ่งปันแคมเปญที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมผ่านสื่ออย่างสร้างสรรค์”

INNOCEAN ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินงาน Grand Josun Media ซึ่งเป็นสื่อโฆษณากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่ติดตั้งบนด้านหน้าอาคาร Grand Josun Busan ในเขตแฮอุนแดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250805919143/en

Contacts

INNOCEAN
Kim Shin-bi
shinbi.kim@innocean.com

ที่มา: INNOCEAN INC.

Lofted Custom Spirits เปิดตัวโปรแกรม “การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกัน”

Logo

 โรงงานแปรรูปแห่งใหม่สามารถช่วยให้แบรนด์พาร์ทเนอร์ปลดล็อกการลดหย่อนภาษีที่สำคัญได้

หลุยส์วิลล์, รัฐเคนตักกี้–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2025

Lofted Custom Spirits ที่เป็นโรงกลั่นวิสกี้แบบสั่งทำพิเศษแห่งแรกและชั้นนำของประเทศ ได้ประกาศเปิดตัวโปรแกรม “การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกัน” ใหม่ในวันนี้ ซึ่งช่วยให้พาร์ทเนอร์ได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีสรรพสามิตที่ลดลงเป็นอย่างมาก ด้วยใบอนุญาต DSP ของตนเองและโรงงานแปรรูปเฉพาะของ Lofted ที่คราฟต์แบรนด์จะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่จากการลดหย่อนภาษีภายใต้พระราชบัญญัติปรับปรุงเครื่องดื่มคราฟต์ (CBMA) และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 6 ดอลลาร์ต่อพรูฟแกลลอน

ภายใต้กฎ CBMA ในปัจจุบัน เฉพาะ DSP ที่ดำเนินกิจกรรมการแปรรูปนอกเหนือจากการบรรจุขวด เช่น การผลิต การผสม การกรอง หรือการเติมแต่งรสชาติเท่านั้นที่สามารถขออัตราภาษีสรรพสามิตของรัฐบาลกลางที่ลดลงได้สูงถึง 100.000 พรูฟแกลลอนต่อปี การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกันของ Lofted Custom Spirits จะช่วยเปิดโอกาสให้สามารถประหยัดภาษีที่สอดคล้องกับมาตรฐาน TTB ซึ่งไม่สามารถทำได้โดยโรงกลั่นตามสัญญาอื่นๆ ในรัฐเคนตักกี้

“Lofted Custom Spirits สร้างโปรแกรมนี้ขึ้นมาเช่นเดียวกับที่เราสร้างธุรกิจของเรา นั่นคือ บนพื้นฐานของความร่วมมือที่แท้จริง ความซื่อสัตย์ในการดำเนินงาน คุณภาพสูงสุด และการปฏิบัติตามกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด รากฐานแห่งความไว้วางใจนี้หมายความว่าลูกค้าของเราสามารถทุ่มเทพลังให้กับการสร้างแบรนด์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกระบวนการและกฎระเบียบ” กล่าวโดย Mark Erwin ซีอีโอของ Lofted Spirits บริษัทแม่ของ Lofted Custom Spirits, Bardstown Bourbon Company และ Green River Distilling Co.

ในโรงงานแปรรูปที่เพิ่งติดตั้งใหม่ ทาง Lofted Custom Spirits จะยังคงให้การสนับสนุนเชิงปฏิบัติงาน รวมถึงแรงงานภายใต้ใบอนุญาต DSP ของลูกค้า เพื่อให้มั่นใจถึงการดำเนินงานที่ราบรื่นและต่อเนื่อง

“เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับ TTB เพื่อนำเสนอบริการนี้ที่รับประกันในประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน เช่นเดียวกับการขยายธุรกิจในทุกครั้งที่ผ่านมา เราได้สร้างสรรค์โปรแกรมนี้ขึ้นมาด้วยจิตวิญญาณแห่งความร่วมมืออย่างแท้จริงกับแบรนด์ต่างๆ ที่ไว้วางใจให้เราดูแลแบรนด์วิสกี้ของพวกเขาให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” กล่าวโดย Erwin

“การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกัน” พร้อมให้บริการแล้วทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ไปที่ LoftedSpirits.com

เกี่ยวกับ LOFTED SPIRITS

จากการผลิตเบอร์เบินตามสั่งไปจนถึงแบรนด์ที่ก้าวล้ำนำสมัย Lofted Spirits คือจุดบรรจบของประเพณีและการเปลี่ยนแปลงที่ได้ต่อยอดจากผลงานที่ Peter Loftin เริ่มต้นไว้ในปี 2016 และปัจจุบันเป็นผู้ผลิตวิสกี้ตามสัญญาอันดับหนึ่งของรัฐเคนตักกี้ ทาง Lofted Spirits ได้บุกเบิกแนวทางระดับโลกที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมสำหรับการกลั่นตามสัญญาแบบกำหนดเอง พร้อมกับพัฒนาแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดอย่าง American Whiskey, Bardstown Bourbon และ Green River โดย Lofted Spirits เป็นองค์กรที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมวิสกี้ระดับโลก มอบประสบการณ์อันเหนือชั้นผ่านนวัตกรรม ความไว้วางใจ และผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรม พร้อมกับรังสรรค์วิสกี้ที่เป็นที่ต้องการและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก นอกจากนี้ Lofted Spirits ยังได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท Pritzker Private Capital ในปี 2022 อีกด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ LoftedSpirits.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250804995682/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Holly Weyler
hweyler@loftedspirits.com
502,836,8715

ที่มา: Lofted Custom Spirits

Beyoncé และ Levi’s® ได้เปิดตัว The Denim Cowboy

Logo

เพื่อบรรลุจุดสุดยอดของแคมเปญ Levi’s® REIIMAGINE ผลงานสุดท้ายจึงนำเสนอชิ้นงานจากคอลเลกชันเดนิมใหม่ BEYONCÉ X LEVI’S®

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2025

วันนี้ แบรนด์ Levi's® ร่วมมือกับ Beyoncé ไอคอนระดับโลก เปิดตัว The Denim Cowboy ผลงานชิ้นสุดท้ายของแคมเปญ Levi’s® REIIMAGINE ตลอดทั้งปี ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ร้อยเรียงสามบทก่อนหน้าเข้าด้วยกัน เผยให้เห็นว่าแคมเปญนี้ไม่ใช่แค่การตีความโฆษณา Levi’s® อันโด่งดังใหม่ แต่เป็นการสร้างเรื่องราวใหม่ที่เน้นย้ำถึงพลังและการเขียนกฎเกณฑ์ใหม่ โดยตลอดทั้ง The Denim Cowboy ได้นำเสนอผลงานไอคอนและไอเท็มเด่นของ Levi’s® จากคอลเลกชันเดนิม BEYONCÉ x LEVI’S® ใหม่ ซึ่งเป็นยูนิฟอร์มของภาพยนตร์และรากฐานของความร่วมมือล่าสุดกับ Beyoncé ที่ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์เดนิมของแบรนด์

ภาพยนตร์ความยาว 90 วินาทีเรื่องนี้ได้นำเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “Levi's Jeans” จากอัลบั้ม Cowboy Carter ที่ได้รับรางวัลแกรมมี่มาตัดต่อใหม่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงฉากใหม่และฉากตัดต่อที่ขยายความจากภาพยนตร์ Launderette, Pool Hall และ Refrigerator ที่ออกฉายก่อนหน้านี้ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากโฆษณา Levi’s® คลาสสิกในยุค 80 และ 90 ซึ่งเป็นอีกครั้งหนึ่งที่แบรนด์ Levi’s® ได้ร่วมมือกับ Melina Matsoukas ผู้กำกับภาพยนตร์เจ้าของรางวัลแกรมมี่ เพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์นี้ให้เป็นจริง

การนำบริบทของบทก่อนหน้ามาตีความใหม่ พร้อมเผยรายละเอียดใหม่ๆ ที่ The Denim Cowboy เผยให้เห็นว่ารางวัลชนะเลิศของ Beyoncé จากเกมพูลที่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกางเกงยีนส์ 501® ของฉลามเจ้าถิ่น ซึ่งรับบทโดย Timothy Olyphant นักแสดงเจ้าของรางวัล (Justified, Deadwood) โดย Beyoncé นั้นดูโดดเด่นสะดุดตาด้วยกางเกงยีนส์ Shrunken Trucker ยุค 90s ที่ประดับด้วยคริสตัล จับคู่กับกางเกงยีนส์ 501® Curve ซึ่งเป็นทรง 501® ใหม่ที่ล้ำสมัย ที่ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองและเสริมส่วนโค้งเว้าโดยไม่ลดทอนรูปทรงขาตรงแบบดั้งเดิมที่ทำให้ 501® เหนือกาลเวลาและคงทน กางเกงยีนส์ Western Crystal ’90s Shrunken Trucker และ Western Crystal 501® Curve ได้สะท้อนเสน่ห์อันโดดเด่นและเปิดตัวครั้งแรกในPool Hall ที่ได้กลายเป็นไอเท็มชิ้นเด่นในคอลเลกชันเดนิม BEYONCÉ X LEVI’S®

The Denim Cowboy ถือเป็นจุดสุดยอดของแคมเปญ Levi’s® REIIMAGINE อันล้ำสมัย และเป็นการเฉลิมฉลองครั้งสุดท้ายของความร่วมมือที่สำรวจการสร้างสรรค์และการตีความใหม่ในทุกขั้นตอน”กล่าวโดย Kenny Mitchell ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดระดับโลกของแบรนด์ Levi’s® ที่ Levi Strauss & Coแคมเปญนี้สะท้อนถึงความร่วมมือในระดับและขนาดใหม่ที่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงเป็นศูนย์กลางของเรื่องราว และเริ่มต้นบทใหม่อันโดดเด่นในประวัติศาสตร์ของ Levi’s® ที่ยังคงตอกย้ำบทบาทของแบรนด์ในฐานะศูนย์กลางทางวัฒนธรรม

ความร่วมมือนี้ถึงจุดสูงสุดอย่างงดงามในช่วงการแสดงครั้งสุดท้ายของ Beyoncé ใน COWBOY CARTER TOUR ที่ลาสเวกัส ซึ่งทีมนักเต้นของ Beyoncé ได้จุดประกายความเจิดจรัสบนเวทีด้วยเสื้อผ้าเดนิมคอลเลคชั่นใหม่จาก BEYONCÉ X LEVI’S® ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณอันโดดเด่นของแคมเปญ REIIMAGINE ที่กำลังดำเนินอยู่

คอลเลกชันเดนิม BEYONCÉ X LEVI’S® ซึ่งประกอบด้วย Western Crystal '90s Shrunken Trucker (ราคา 250 ดอลลาร์สหรัฐ) และ Western Crystal 501® Curve (ราคา 150 ดอลลาร์สหรัฐ) พร้อมด้วยชุดเดนิมตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกสองชุด จะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมเป็นต้นไปที่ Beyonce.com และวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 7 สิงหาคมทาง Levi.com และร้านค้า Levi’s® ที่ร่วมรายการ

The Denim Cowboy เปิดตัวด้วยแคมเปญระดับโลกที่ผสานรวมอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งทางโทรทัศน์ ดิจิทัล โซเชียลมีเดีย และสื่อนอกบ้าน แคมเปญนี้ยังคงรักษาประเพณีของ Levi’s® ในการทำงานกับเหล่าครีเอทีฟผู้มีชื่อเสียงที่สุดในยุคสมัยของเรา โดย Matsoukas ได้ร่วมงานกับ Marcell Rév ผู้กำกับภาพเจ้าของรางวัลเอ็มมี รวมถึง Mason Poole ช่างภาพชื่อดัง เพื่อถ่ายทอดแก่นแท้ของแคมเปญ REIIMAGINE เติมเต็มมิติใหม่ให้กับแคมเปญอันโดดเด่นของ Levi’s®

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ REIIMAGINE โปรดไปที่ levi.com และติดตาม @levis บน Instagram และ TikTok

แคมเปญนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์กับ TBWA\Chiat\Day LA และ Parkwood Entertainment และอำนวยการสร้างโดย de la revolućion/PRETTYBIRD

เกี่ยวกับแบรนด์ Levi’s ®

แบรนด์ Levi’s® สะท้อนสไตล์อเมริกันคลาสสิกและความเท่แบบไม่ต้องพยายาม นับตั้งแต่ Levi’s® ได้ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1873 โดย Levi Strauss & Co. กางเกงยีนส์ Levi’s® ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมาหลายชั่วอายุคน ในปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Levi’s® ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกและนวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ในอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย เรามีผลิตภัณฑ์เดนิมและเครื่องประดับชั้นนำวางจำหน่ายในกว่า 120 ประเทศ ช่วยให้ผู้คนทั่วโลกสามารถแสดงออกถึงสไตล์ส่วนตัวของตนเองได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบรนด์ Levi’s® ผลิตภัณฑ์ และร้านค้าต่างๆ โปรดไปที่ levi.com

เกี่ยวกับ Levi Strauss & Co.

Levi Strauss & Co. เป็นหนึ่งในบริษัทเครื่องแต่งกายแบรนด์เนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้นำระดับโลกด้านผ้าเดนิม บริษัทออกแบบและจำหน่ายกางเกงยีนส์ เสื้อผ้าลำลอง และเครื่องประดับอื่นๆ สำหรับผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ภายใต้แบรนด์ Levi's®, Dockers®, Levi Strauss Signature™ และ Beyond Yoga® ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีจำหน่ายในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ผ่านร้านค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า เว็บไซต์ออนไลน์ และร้านค้าเฉพาะของแบรนด์และร้านค้าแบบ Shop-in-Shop ประมาณ 3,400 แห่งทั่วโลก โดย Levi Strauss & Co. มีรายได้สุทธิในปี 2024 อยู่ที่ 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ http://levistrauss.comและสำหรับข่าวสารและประกาศต่างๆ ของบริษัท โปรดไปที่ http://investors.levistrauss.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/20250803727795/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Elizabeth Owen
Levi Strauss & Co.
(415) 501-7777
NewsMediaRequests@levi.com

ที่มา: Levi Strauss & Co.




Kaneka ได้รับใบรับรองฮาลาลสำหรับ KANEKA UBIQUINOL TM

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–09 กรกฎาคม 2025

Kaneka Corporation (สำนักงานใหญ่: เขตมินาโตะ โตเกียว; ประธานบริษัท: Kazuhiko Fujii) (TOKYO:4118) ได้รับ “ใบรับรองฮาลาล (หมายเลขรับรอง: 355-TSRI/24)” สำหรับส่วนผสมอาหารเพื่อสุขภาพ โดย KANEKA UBIQUINOLTM (รูปแบบที่พร้อมใช้งานของโคเอนไซม์ Q10) ชนิดผงได้รับการประเมินจากสถาบันวิจัยชะรีอะฮ์แห่งมหาวิทยาลัย Takushoku และออกโดยสมาคมมุสลิมญี่ปุ่น ซึ่งเป็นองค์กรทางศาสนา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม

Halal certificate

ใบรับรองฮาลาล

การรับรองฮาลาลเป็นระบบที่องค์กรที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการไม่มีส่วนผสมที่ห้ามใช้ตามหลักชะรีอะฮ์ (กฎหมายอิสลาม) และรับรองว่าเป็นไปตามหลักชะรีอะฮ์ เรามุ่งมั่นในการขอรับการรับรองต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าวัตถุดิบของเรามีความปลอดภัย และเรายินดีที่จะประกาศว่าเราได้รับใบรับรองฮาลาลแล้วสำหรับ KANEKA UBIQUINOLTM

ปัจจุบันประชากรมุสลิมทั่วโลกมีประมาณ 1,900 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,200 ล้านคนภายในปี 2030 ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งชาวมุสลิมอาศัยอยู่ร่วมกับผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ได้มีการนำมาตรฐานและข้อบังคับที่เข้มงวดมาใช้เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยและความโปร่งใสของวัตถุดิบที่ใช้ และความสำคัญของการรับรองฮาลาลก็เพิ่มมากขึ้น ด้วยการได้รับใบรับรองฮาลาลนี้ เราคาดว่าจะสามารถขยายยอดขายได้ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตามพันธกิจของ KANEKA ที่ยึดหลัก “สุขภาพที่ดีต้องมาก่อน” เราจะยังคงตอบสนองต่อความต้องการต่างๆ ด้วยการจัดหาผลิตภัณฑ์ บริการ และคุณค่าที่มีคุณภาพสูงเพื่อให้สังคมมีสุขภาพดีขึ้น เป้าหมายของเราคือการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้คนและทำให้สังคมมีความสะดวกสบายมากขึ้นในหลากหลายสาขา   

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250708279133/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย    

Contacts

KANEKA CORPORATION
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
Wakana Sawada Info_Pro@kaneka.co.jp

ที่มา: Kaneka Corporation



KKV ขยายกิจการในประเทศไทย เปิดร้านใหม่ร่วมกับยักษ์ใหญ่ในท้องถิ่น

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–24 มิถุนายน 2025

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2025 KKV แบรนด์ค้าปลีกระดับโลกได้เปิดร้านใหม่ที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ในกรุงเทพฯ ในวันเปิดร้าน สุนทรียศาสตร์เชิงพื้นที่อันเป็นเอกลักษณ์ของ KKV ที่มีภายนอกเป็นทรงตู้คอนเทนเนอร์สีเหลืองสดใสและชั้นวางสินค้าที่แบ่งตามสีสำหรับหมวดหมู่สินค้าต่างๆ ผสมผสานกับการแสดงที่มีชีวิตชีวาและสนุกสนาน ดึงดูดผู้บริโภคหลายร้อยคนให้เข้าแถวยาวเพื่อถ่ายรูปเช็คอิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมอย่างล้นหลามของแบรนด์ นับตั้งแต่เข้าสู่ตลาดประเทศไทยในเดือนตุลาคม 2024 ทาง KKV ได้ขยายสาขาในท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว โดยเปิดร้านไปแล้วกว่า 10 ร้านในเมืองสำคัญๆ เช่น กรุงเทพฯ นครราชสีมา และหาดใหญ่ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี โดยแบรนด์ได้ประกาศแผนการที่จะลงทุนต่อไปในย่านการค้าหลักของประเทศไทยและจะเปิดร้านใหม่เพิ่มเติมในปี 2025

Customers are lining up in front of KKV stores

ลูกค้ากำลังต่อแถวอยู่หน้าร้าน KKV

นอกจากนี้ KK Group ยังเป็นเจ้าของ The Colorist (ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม) และ X11 (ร้านจำหน่ายของเล่นแนวเทรนด์) อีกด้วย วิสัยทัศน์ “อยู่อย่างไร้ขอบเขต” ของบริษัทเป็นแรงผลักดันให้บริษัทมีสาขาอยู่ทั่วโลก โดยมีร้านค้ามากกว่า 1,000 แห่งในหกประเทศ ในฐานะแบรนด์หลัก KKV ยึดมั่นในปรัชญา “สำรวจไลฟ์สไตล์ 100 แบบ” โดยนำเสนอสินค้ากว่า 20,000 รายการใน 8 หมวดหมู่ รวมถึงของเล่นแนวเทรนด์ สินค้าใช้ในบ้าน ของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องสำอาง และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งสำรวจความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมอย่างแข็งขัน

จับมือกับยักษ์ใหญ่ท้องถิ่นเพื่อปลดล็อกตลาดคนรุ่น Gen Z ของประเทศไทย

ตลาดในประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งนับตั้งแต่มีการขยายตัว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ KKV จนถึงขณะนี้ KKV ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ชั้นนำของไทย เช่น Central Group, The Mall Group และ LH Mall&Hotel โดยได้ทำเลในย่านการค้าที่สำคัญของเมืองหลักๆ เช่น กรุงเทพฯ และหาดใหญ่ ด้วยการใช้ความเชี่ยวชาญด้านการดำเนินงานในพื้นที่และข้อได้เปรียบด้านการไหลเวียนของลูกค้าของพันธมิตร ทำให้ KKV สามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ของไทยได้อย่างรวดเร็ว

เพื่อเป็นการตระหนักถึงความกระตือรือร้นของเยาวชนไทยที่มีต่อวัฒนธรรมไอดอล KKV จึงได้เชิญคนดังและ KOL มาเป็นแขกรับเชิญของแบรนด์ในงานเปิดตัว กลยุทธ์การส่งเสริมการขายเหล่านี้ทำให้แฟนๆ มีส่วนร่วมอย่างล้นหลาม โดยมีการโต้ตอบกันอย่างคึกคักในสถานที่ ซึ่งเน้นย้ำถึงความร่วมมืออันทรงพลังระหว่างเอฟเฟกต์ของคนดังและความหลงใหลของเยาวชนไทยที่มีต่อประสบการณ์ที่ทันสมัย

ในขณะเดียวกัน การวางตำแหน่งแบรนด์และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของ KKV สอดคล้องกับความต้องการบริโภคสามประการของเยาวชนไทย ได้แก่ “ความสดใหม่” “ความน่าดึงดูดใจทางสังคม” และ “ความคุ้มทุน” ซึ่งทำให้ KKV กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ในพื้นที่

มุ่งมั่นเพื่อประเทศไทย ขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาด

ประชากรของประเทศไทยที่ขับเคลื่อนโดยเยาวชนและแนวโน้มการบริโภคที่เพิ่มขึ้นเป็นแรงผลักดันการเติบโตในระยะยาวของ KKV ตามข้อมูลของ Kadence (2025) คนรุ่น Gen Z คิดเป็น 20% ของประชากรของประเทศไทย โดยการค้าปลีกแฟชั่นและการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์เติบโตที่ 5.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดมาก

“ตลาดเยาวชนที่คึกคักและวัฒนธรรมผู้บริโภคที่เปิดกว้างของประเทศไทยทำให้เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งถึงอนาคตระยะยาวของเรา” Rojen Wu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการโครงการต่างประเทศของ KK Group กล่าว “KK เชื่อเสมอมาว่าแก่นแท้ของการค้าปลีกที่ทันสมัยอยู่ที่การตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ เราต้องการให้ KKV เป็นมากกว่าจุดหมายปลายทางในการจับจ่ายซื้อของสำหรับคนหนุ่มสาว แต่ควรเป็นศูนย์กลางที่พวกเขาสามารถแสดงออกถึงตัวตนและสำรวจวิถีชีวิตที่หลากหลาย”

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ KKV ในประเทศไทยไม่เพียงแต่ให้การสนับสนุนที่สำคัญต่อกลยุทธ์ระดับโลกของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังจุดประกายความมีชีวิตชีวาของนวัตกรรมในตลาดค้าปลีกในท้องถิ่นอีกด้วย ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเชื่อว่าการเข้าถึงเทรนด์การบริโภคของวัยรุ่นและการขยายความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจชั้นนำในท้องถิ่นจะทำให้ KKV เป็นผู้นำในการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตลาดค้าปลีกที่ทันสมัยของประเทศไทยต่อไป

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250618759219/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

molly.song@kkgroup.cn

ที่มา: KKV

Papa Johns เปิดตัว Croissant Pizza เป็นครั้งแรก มอบความกรอบอร่อยที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับเหล่าผู้ชื่นชอบพิซซ่าทั้งหลาย

Logo

พิซซ่าจะถูกส่งมาในกระเป๋าใส่ของร้อนที่ออกแบบร่วมกับ Colm Dillane ผู้บุกเบิกวงการแฟชั่น ศิลปิน และผู้ก่อตั้ง KidSuper ให้กับแฟนๆ ผู้โชคดีจำนวนหนึ่ง

ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–10 มิถุนายน 2025

Papa Johns กำลังยกระดับประสบการณ์พิซซ่าด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ล่าสุดทั่วโลก: Croissant Pizza โฉมใหม่ โดย Croissant Pizza เป็นการผสมผสานระหว่างเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนของครัวซองต์เนยกับรสชาติที่เข้มข้นของพิซซ่า Papa Johns อย่างลงตัว นำเสนอส่วนผสมที่ดีกว่าของแบรนด์ ซึ่ง Better Pizza.® นี้ให้สัญญาว่าจะคงอยู่ต่อไปด้วยฝีมือ คุณภาพ และนวัตกรรม

Papa Johns Croissant Pizza takes the brand’s signature promise of Better Ingredients. Better Pizza. even further – delivering innovation, craftsmanship and quality through every crisp, buttery layer.

Papa Johns Croissant Pizza นำเสนอคำมั่นสัญญาอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Better Ingredients. Better Pizza. ไปไกลกว่านั้นด้วยการนำเสนอนวัตกรรม งานฝีมือ และคุณภาพผ่านทุกชั้นของขนมปังที่กรอบและเนย

พิซซ่าที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถันนี้สมควรได้รับการนำเสนอในสไตล์ศิลปะที่ล้ำสมัย นั่นเป็นเหตุผลที่ Papa Johns ร่วมมือกับ KidSuper เพื่อออกแบบกระเป๋าใส่ของร้อนรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น Papa Johns x Kid Super Hot Bag ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากฝีมือการรังสรรค์ของ Croissant Pizza

Croissant Pizza เปิดตัวในเก้าตลาด โดยจะปรากฏตัวครั้งแรกในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Croissant Pizza ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแป้งพิซซ่าแบบคลาสสิก มอบความกรอบ เบา และชั้นแป้งที่นุ่มละมุนราวกับถักเป็นชั้นๆ ด้วยความอร่อยที่ลงตัว ลูกค้าสามารถเลือกหน้าพิซซ่าได้ตามต้องการเพื่อรสชาติที่เข้มข้น

Chris Lyn-Sue รองประธานอาวุโส กรรมการผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศของ Papa Johns กล่าวว่า “ในฐานะแบรนด์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรม ความโดดเด่น และคุณภาพ เราแสวงหาแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมอาหารทั่วโลกอยู่เสมอ และเปลี่ยนวัฒนธรรมเหล่านี้ให้กลายเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นและโดดเด่น เราได้ทำการวิจัยอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจว่าผู้บริโภคต้องการอะไรจากนวัตกรรมระดับโลกครั้งต่อไปของเรา ซึ่ง Croissant Pizza ได้รับคะแนนอย่างสูงในทุกตลาด”

“นอกจากนี้ เรายังสำรวจถึงการเพิ่มขึ้นของการผสมผสานครัวซองต์ในวัฒนธรรมอาหาร ตั้งแต่ 'โครนัท (Cronut)' ไปจนถึง 'ครู๊คกี้ (Crookie)' และมองเห็นโอกาสในการนำนวัตกรรมเดียวกันนี้มาใช้กับพิซซ่า หลังจากใช้เวลาพัฒนามาหนึ่งปี เราภูมิใจที่ได้รวมเอาไอคอนสุดโปรดสองอันเข้าไว้เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งเดียวที่น่าลิ้มลองและอร่อย ซึ่งนำเสนอความสดใหม่และน่าตื่นเต้นให้กับหมวดหมู่ QSR”

KidSuper เป็นที่รู้จักในด้านการออกแบบที่เน้นแนวคิดและภาษาภาพที่โดดเด่นซึ่งฝังรากอยู่ในเรื่องราว โดยนำเสนอแนวทางที่สนุกสนานแต่ยังยกระดับให้กับกระเป๋าใส่ของร้อน Papa Johns ที่ออกแบบเองโดยเฉพาะสำหรับ Croissant Pizza โดยกระเป๋าใบนี้ได้เฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของงานฝีมือจาก Croissant Pizza รวมถึงความมุ่งมั่นในคุณภาพของ Papa Johns ซึ่งสายกระเป๋าที่ทอขึ้นนั้นสะท้อนถึงเปลือกพิซซ่าที่ถักอย่างแน่นหนาและทำด้วยมือ ซิปโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวอย่างประณีต และขอบที่นุ่มที่เลียนแบบรอยพับฟูของแป้งพิซซ่าอันโด่งดัง โดย Papa Johns x KidSuper Hot Bag จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนนี้ในงาน Paris Fashion Week Men's Spring/Summer 2026 (SS26) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง KidSuper

ในขณะที่ Croissant Pizza เปิดตัวทั่วโลก Papa Johns x KidSuper Hot Bag จะวางจำหน่ายบนรันเวย์ ชายหาด และนิทรรศการในตลาดที่เลือกไว้ ลูกค้าที่เลือกจุดหมายปลายทางเหล่านี้ที่สั่ง Croissant Pizza จะได้รับการจัดส่งด้วย Papa Johns x KidSuper Hot Bag สุดพิเศษ และหากกระเป๋าใส่ของร้อนมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว ลูกค้าจะได้รับกระเป๋าดังกล่าวไปครอบครอง

สำหรับ Colm Dillane นักออกแบบและผู้ก่อตั้ง KidSuper ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่นเท่านั้น “KidSuper เป็นแบรนด์ที่ท้าทาย ซึ่งสร้างขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ ความเสี่ยง และการยึดมั่นในจิตวิญญาณของสิ่งที่เราทำ” เขากล่าว “Papa Johns ก็เหมือนกัน นี่ไม่ใช่การเปิดตัวพิซซ่าธรรมดาทั่วไป แต่พวกเขากำลังขยายขอบเขตด้วยความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือ ไม่ว่าคุณจะอบแป้งพิซซ่าหรือตัดแป้งเป็นชิ้นๆ กระบวนการต่างๆ เหล่านี้ก็มีความสำคัญ”

Croissant Pizza วางจำหน่ายแล้วทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน และจะวางจำหน่ายเป็นเวลาจำกัดในตลาดที่ร่วมรายการ ตั้งแต่เกาหลี จีน ไปจนถึงชิลีและเปรู หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือค้นหา Papa Johns ที่ใกล้ที่สุด ให้ไปที่ www.papajohns.comหรือดาวน์โหลดแอป Papa Johns

เกี่ยวกับ Papa Johns

Papa John’s International, Inc. (Nasdaq: PZZA) เปิดให้บริการในปี 1984 โดยมีเป้าหมายเดียวในใจ: BETTER INGREDIENTS. BETTER PIZZA.® (“ส่วนผสมที่ดีกว่า พิซซ่าที่ดีกว่า”) Papa Johns เชื่อว่าการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงจะทำให้ได้พิซซ่าคุณภาพเยี่ยม แป้งพิซซ่าดั้งเดิมของ Papa Johns ทำจากส่วนผสมเพียง 6 อย่างและสดใหม่ ไม่เคยแช่แข็ง Papa Johns โรยหน้าพิซซ่าด้วยชีสแท้ที่ทำจากมอสซาเรลลา ซอสมะเขือเทศที่สุกจากต้นซึ่งส่งจากต้นไปยังกระป๋องในวันเดียวกัน และเนื้อสัตว์ที่ปราศจากสารเติมแต่ง Papa Johns เป็นเครือร้านพิซซ่าส่งถึงบ้านแห่งแรกของประเทศที่ประกาศเลิกใช้สารปรุงแต่งรสและสีสังเคราะห์จากเมนูอาหารทั้งหมด Papa Johns มีสำนักงานใหญ่ร่วมอยู่ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย และเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ และเป็นบริษัทส่งพิซซ่าที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก โดยมีร้านอาหารมากกว่า 6,000 แห่งในกว่า 50 ประเทศและเขตการปกครอง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทหรือสั่งพิซซ่าออนไลน์ ให้ไปที่ www.PapaJohns.com หรือดาวน์โหลดแอปมือถือ Papa Johns สำหรับ iOS หรือ Android

เกี่ยวกับ KidSuper Studios

KidSuper ก่อตั้งโดย Colm Dillane แม้ว่า KidSuper จะเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะศิลปินและนักออกแบบ แต่ Colm Dillane ก็ยังคงใช้ชื่อนี้ในแบรนด์เสื้อผ้าของเขาอยู่ดี KidSuper เป็นกลุ่มคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่ออกแบบและผลิตเสื้อผ้า วาดภาพและจัดแสดงงานศิลปะ บันทึกเสียงเพลง และสร้างภาพยนตร์และมิวสิควิดีโอ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ของ KidSuper ในบรู๊คลิน

KidSuper เป็นแพลตฟอร์มสำหรับความคิดสร้างสรรค์อันล้นเหลือของ Colm และความสำเร็จดังกล่าวทำให้ศิลปินและนักออกแบบคนนี้กลายเป็นบุคคลอ้างอิงที่ไม่คาดคิดในวงการแฟชั่นอเมริกัน Dillane เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความกระตือรือร้นสามารถแพร่กระจายได้ และไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม การทุ่มเทความกระตือรือร้นอย่างเต็มที่จะดึงดูดใจผู้คนได้ “เมื่อคุณยังเด็ก คุณเชื่อว่าคุณทำได้ทุกอย่างและทุกอย่างเป็นไปได้ คุณยังเด็กและคุณเป็นอิสระ KidSuper ได้ดำเนินชีวิตตามปรัชญานั้น”

Colm Dillane/KidSuper ได้รับรางวัลพิเศษ Karl Lagerfeld Prize ประจำปี 2021 จากรางวัล LVMH Prize อันทรงเกียรติ และรางวัล CDFA/Vogue Fashion Fund ประจำปี 2022 ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล CFDA American Emerging Designer of the Year Award ประจำปี 2022 จากนั้นในปีถัดมาก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล CFDA Menswear Designer of the Year Award ประจำปี 2023 เขาได้รับเชิญให้ไปเป็นแขกรับเชิญออกแบบคอลเลกชั่น Louis Vuitton Homme Fall/Winter 2023 และเข้าร่วมรายชื่อ BoF500 ในปี 2023

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250610316641/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Georgia Wilkins
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารอาวุโส
Papa Johns International
Georgia_wilkins@papajohns.co.uk
+44 7552 192541

ที่มา: Papa John’s International, Inc.


การยกย่องจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นที่สุดในโลก: เปิดรับสมัครผู้เข้าชิงรางวัล TOURISE Awards ครั้งแรกแล้ว

Logo

  • รางวัล TOURISE Awards มุ่งเน้นที่จุดหมายปลายทางที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก ที่เฉลิมฉลองวัฒนธรรม ความเชื่อมโยง และนวัตกรรมด้านการเดินทาง
  • โดยมีการเปิดรับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลใน 5 ประเภท โดยรางวัลหลักจะคัดเลือกโดยคณะกรรมการอิสระซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวระดับโลก
  • การเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจะเปิดให้เสนอชื่อได้จนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม และผู้ชนะจะได้รับเกียรติในการประชุมสุดยอด TOURISE ที่ริยาด ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11–13 พฤศจิกายน 2025

ริยาด ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–03 มิถุนายน 2025

รางวัล TOURISE Awards เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ โดยเป็นรางวัลระดับโลกรางวัลใหม่เพื่อยกย่องสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเลิศ รางวัลนี้สร้างขึ้นเพื่อยกย่องสถานที่ต่างๆ ที่กำลังกำหนดอนาคตของการเดินทาง โดยรางวัลนี้จะเน้นที่สถานที่ท่องเที่ยวที่มอบคุณค่าที่มีความหมาย น่าจดจำ และวัดผลได้ตลอดการเดินทางของนักเดินทาง ปัจจุบัน นักเดินทางแต่ละคน ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และองค์กรต่างๆ ที่มีใจรักในการยกย่องสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดในโลกสามารถเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลได้

Recognizing the World’s Most Exceptional Destinations: Nominations Now Open for the Inaugural TOURISE Awards (Infographic: AETOSWire)

การยกย่องจุดหมายปลายทางที่พิเศษที่สุดในโลก: เปิดรับสมัครผู้เข้าชิงรางวัล TOURISE Awards ครั้งแรกแล้ว (อินโฟกราฟิก: AETOSWire)

รางวัล TOURISE Awards เป็นส่วนขยายของแพลตฟอร์ม TOURISE ที่ขับเคลื่อนโดยกระทรวงการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย และประกาศผ่านงานแถลงข่าวออนไลน์ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2025

โดยสอดคล้องกับปรัชญาของ TOURISE ดังนั้น Awards ถือเป็นจุดยืนที่ชัดเจนในการยกย่องจุดหมายปลายทางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีผลกระทบที่สามารถวัดได้ และมีการบริหารจัดการอย่างรับผิดชอบ โดยจุดหมายปลายทางที่ผ่านเกณฑ์จะต้อง (i) มีขอบเขตทางภูมิศาสตร์ที่ชัดเจน (เมือง ภูมิภาค หรือสถานที่) (ii) มีเอกลักษณ์และลักษณะเฉพาะที่เกิดจากวัฒนธรรม ภูมิประเทศ และแหล่งท่องเที่ยวของจุดหมายปลายทางนั้นถูกนักท่องเที่ยวมองอย่างไร และสุดท้าย (iii) ต้องได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานกำกับดูแลการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบในการดูแลให้จุดหมายปลายทางนั้นได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

รางวัล TOURISE Awards ประกอบด้วยรางวัล 5 ประเภทที่แตกต่างกัน ได้แก่ จุดหมายปลายทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่ดีที่สุด, จุดหมายปลายทางด้านการผจญภัยที่ดีที่สุด, จุดหมายปลายทางด้านอาหารและการทำอาหารที่ดีที่สุด, จุดหมายปลายทางด้านการจับจ่ายที่ดีที่สุด และจุดหมายปลายทางด้านความบันเทิงที่ดีที่สุด นอกจากนี้ รางวัลจุดหมายปลายทางโดยรวมที่ดีที่สุดซึ่งเป็นรางวัลหลักจะมอบให้แก่จุดหมายปลายทางที่โดดเด่นในทุกด้านของประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นการกำหนดมาตรฐานระดับโลกใหม่ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมที่สุด

Jean-Philippe Cossé ซีอีโอของ TOURISE กล่าวว่า: “การท่องเที่ยวไม่เพียงแต่เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สำคัญเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเชื่อมโยงวัฒนธรรม ผู้สร้างชุมชน และตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ในขณะที่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ การนำเสนอจุดหมายปลายทางที่เป็นผู้นำในด้านวิสัยทัศน์ จุดมุ่งหมาย และความยืดหยุ่นจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย รางวัล TOURISE Awards ถือเป็นเครื่องบรรณาการของเราสำหรับสถานที่พิเศษที่ไม่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขา ท้าทายสถานะเดิม และขยายขอบเขตของสิ่งที่การท่องเที่ยวสามารถทำได้ รางวัลเหล่านี้ทำให้จุดหมายปลายทางเป็นศูนย์กลางของการสนทนาในระดับโลก โดยยกย่องผู้บุกเบิกที่กำลังช่วยกำหนดอนาคตของการเดินทาง”

รางวัล TOURISE Awards จะได้รับการตัดสินโดยคณะกรรมการอิสระซึ่งประกอบด้วยผู้บุกเบิกจากหลากหลายอุตสาหกรรมจากโลกแห่งการเดินทางและการท่องเที่ยว แฟชั่น การทำอาหาร ศิลปะ การค้าปลีก วัฒนธรรม การผจญภัย และความบันเทิง:

  • Filip Boyen อดีต CEO ของ Forbes Travel Guide
  • Michael Ellis อดีตผู้อำนวยการฝ่ายสากลของ Michelin Guides
  • Fiona Jeffery อดีตประธาน World Travel Market อดีตประธานรางวัล Tourism for Tomorrow
  • Renaud de Lesquen อดีต CEO ของ Givenchy อดีตประธาน Dior AM
  • Lars Nittve อดีตผู้อำนวยการก่อตั้ง Tate Modern
  • Albert Read อดีตกรรมการผู้จัดการ Conde Nast
  • Caroline Rush อดีต CEO British Fashion Council
  • Omar Samra ทูตสันถวไมตรีขององค์การสหประชาชาติ นักปีนเขาและนักสำรวจขั้วโลก
  • Bernold Schroeder อดีต CEO Kempinski; Pan Pacific

จุดหมายปลายทางที่ผ่านเกณฑ์จะได้รับการประเมินตามเกณฑ์การประเมิน 10 ประการ ซึ่งจัดกลุ่มเป็น 3 ส่วนหลัก ซึ่งประกอบเป็นประสบการณ์จุดหมายปลายทาง ได้แก่ การนำเสนอ มูลค่า ความสะดวกสบาย คณะกรรมการจะประเมินว่าจุดหมายปลายทางมีผลงานดีเพียงใดในแต่ละด้าน โดยพิจารณาจากสิ่งที่จุดหมายปลายทางมีให้ ความสามารถในการเข้าถึงและความเป็นมิตรกับผู้เยี่ยมชม มูลค่าโดยรวมที่จุดหมายปลายทางมอบให้ และที่สำคัญที่สุดคือคุณภาพและผลกระทบเกี่ยวกับประสบการณ์ ซึ่งรวมถึงการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความดั้งเดิม นวัตกรรม การบูรณาการ การเข้าถึง ความหลากหลายของที่พัก และความปลอดภัย ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ล้วนมีส่วนทำให้จุดหมายปลายทางสามารถมอบประสบการณ์การเดินทางที่มีความหมายและน่าจดจำได้

ผู้ชนะรางวัล TOURISE Awards ครั้งแรกจะได้รับการประกาศในการประชุมสุดยอด TOURISE ซึ่งจะจัดขึ้นที่ริยาด ตั้งแต่วันที่ 11 ถึง 13 พฤศจิกายน การประชุมสุดยอดนี้จะรวบรวมเสียงจากผู้นำจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การเดินทาง การลงทุน และนวัตกรรม ตั้งแต่ผู้นำประเทศและซีอีโอที่มีวิสัยทัศน์ ไปจนถึงผู้สร้างสรรค์ ผู้พลิกโฉม และนักลงทุนระดับโลก การประชุมสุดยอดนี้จะทำหน้าที่เป็นเวทีในการจุดประกายความคิดที่กล้าหาญ สร้างความร่วมมือที่สร้างการเปลี่ยนแปลง และกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับอนาคตของการเดินทาง

ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณว่าใครจะเป็นผู้ได้รับรางวัล TOURISE Awards ครั้งแรกสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่พิเศษที่สุดในโลก โดยเสนอชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณคิดว่าจะสร้างความแตกต่างได้บนพอร์ทัลรางวัล https://www.tourise.com/en/awards เปิดรับการเสนอชื่อเข้าชิงตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายนถึง 9 กรกฎาคม

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TOURISE ได้ที่ www.tourise.com

*ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250602550866/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับการสอบถามของสื่อ โปรดติดต่อ:
Fahad Al Bahiti
media@tourise.com
ชุดเอกสารสำหรับสื่อ: https://www.dropbox.com/t/EPahFKdbtzozFHUz

ที่มา: TOURISE

ซาอุดีอาระเบียเปิดตัว TOURISE: แพลตฟอร์มระดับโลกที่กล้ากำหนดนิยามใหม่และสร้างอนาคตใหม่สำหรับการท่องเที่ยวในวงกว้าง

Logo

  • TOURISE เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกแห่งแรกที่รวมผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในภาคส่วนสาธารณะและเอกชนในระบบนิเวศการท่องเที่ยว เทคโนโลยี การลงทุน และความยั่งยืน
  • ภายใต้การนำของคณะที่ปรึกษาระดับสูงจากผู้นำอุตสาหกรรมระดับโลก TOURISE มีเป้าหมายที่จะปลดล็อกกระแสการลงทุนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและโอกาสการลงทุนที่มีมูลค่าสูงที่จะรีเซ็ตอุตสาหกรรม
  • โปรแกรมรางวัล TOURISE จะมอบรางวัลให้กับจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ซึ่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่มีจุดมุ่งหมาย น่าประทับใจ และสอดคล้องกับความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทางในปัจจุบัน
  • การประชุมสุดยอด TOURISE ครั้งแรกเฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้นจะจัดขึ้นที่ริยาดระหว่างวันที่ 11–13 พฤศจิกายน 2025 และจะขยายเป็นแพลตฟอร์มตลอดทั้งปีเพื่อกำหนดทิศทางการเดินทาง การเชื่อมต่อ และการเติบโตของโลก

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–22 พฤษภาคม 2025

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ฯพณฯ Ahmed Al-Khateeb เปิดตัว TOURISE อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกใหม่ที่กล้าออกแบบมาเพื่อสร้างอนาคตใหม่และวางแผนงานร่วมกันสำหรับการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า

TOURISE สร้างขึ้นด้วยความทะเยอทะยานและสนับสนุนด้วยวิสัยทัศน์ โดยจะรวมเอากลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในภาคส่วนสาธารณะและเอกชนเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรก ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว เทคโนโลยี การลงทุน ความยั่งยืน และวัฒนธรรม จะเชื่อมโยงกันเพื่อรับมือกับความท้าทายที่สำคัญ ปลดล็อกโอกาสที่สร้างการเปลี่ยนแปลง และกำหนดวาระสำหรับภาคส่วนที่ยั่งยืน ยุติธรรม และมุ่งเน้นอนาคต

โดยร่วมกับพันธมิตรระดับโลกจากสถาบันพหุภาคีไปจนถึงผู้นำภาคเอกชน TOURISE ถูกออกแบบมาเพื่อปลดล็อกกระแสข้อตกลงที่สำคัญที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมด้วยโอกาสการลงทุนที่มีมูลค่าสูงและการเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เตรียมประกาศและเปิดใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม

TOURISE ไม่ใช่กิจกรรมธรรมดา แต่เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่จัดโครงสร้างให้ส่งผลกระทบตลอดทั้งปีผ่านความร่วมมือทางดิจิทัล กลุ่มการทำงานตามหัวข้อ และความร่วมมือข้ามภาคส่วนซึ่งมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงภาคส่วนในระยะยาว ซึ่งจะรวมถึงการเขียนเอกสารเผยแพร่และดัชนีระดับโลกที่เน้นด้านการท่องเที่ยว ความยั่งยืน และเศรษฐกิจโลก ซึ่งพัฒนาร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศชั้นนำ โดยกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับภาคส่วนการท่องเที่ยว

การประชุมสุดยอด TOURISE ครั้งแรกจะจัดขึ้นที่ริยาดระหว่างวันที่ 11 ถึง 13 พฤศจิกายน 2025 โปรแกรมดังกล่าวซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดด้วย จะมุ่งเน้นไปที่หัวข้อหลักสี่หัวข้อ ได้แก่ อนาคตของการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วย AI – สร้างสรรค์นวัตกรรมหรือจางหายไป การรีเซ็ตการท่องเที่ยวครั้งยิ่งใหญ่ – รูปแบบธุรกิจและการลงทุนที่พลิกโฉมใหม่ การรีบูตประสบการณ์การเดินทาง – การอัปเกรดที่กำลังดำเนินอยู่ และการท่องเที่ยวที่ได้ผล – เพื่อผู้คน โลก และความก้าวหน้า โซนนวัตกรรมเฉพาะจะจัดแสดงเทคโนโลยีและโซลูชันที่ก้าวล้ำจาก SMEs และองค์กรขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ครอบคลุมถึง AI การเดินทาง ความยั่งยืน และอื่นๆ จากผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมในภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน

ตามรายงานของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC) ปีนี้ การท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดการณ์ว่าภาคส่วนนี้จะมีส่วนสนับสนุนต่อเศรษฐกิจโลก 11.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.3 ของ GDP ทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายต่างๆ เช่น พลวัตของตลาดที่เปลี่ยนไป ความต้องการของนักเดินทางที่เปลี่ยนไป และข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตยังคงเป็นความเสี่ยงต่อการรักษาความก้าวหน้า ในช่วงเวลาสำคัญนี้ TOURISE ให้การสนับสนุนเชิงกลยุทธ์ที่จำเป็นในการฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้และรักษาโมเมนตัมเอาไว้ได้

ในการกล่าวเปิดตัวเสมือนจริงในวันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธาน TOURISE ฯพณฯ Ahmed Al-Khateeb กล่าวว่า:การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนที่เชื่อมโยงและพลวัตมากที่สุดในเศรษฐกิจโลก โดยสนับสนุนการจ้างงานหนึ่งในสิบตำแหน่งทั่วโลก แต่เมื่อโลกพัฒนาไป ภาคส่วนต่างๆ ก็ต้องพัฒนาตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทาง ไปจนถึงการตอบสนองความต้องการเร่งด่วนเพื่อความยั่งยืนและแนวทางการเดินทางที่เท่าเทียมกันมากขึ้น โดย TOURISE จะเป็นแพลตฟอร์มที่จำเป็นอย่างยิ่งในการกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยว ที่ได้รวมเอาบุคลากรที่เหมาะสมมาเพื่อพัฒนาโซลูชันที่สร้างสรรค์และสร้างความร่วมมือ ทำให้ภาคส่วนการท่องเที่ยวมีความยืดหยุ่น เชื่อมโยง และครอบคลุมมากกว่าที่เคย”

Julia Simpson ประธานและซีอีโอของ World Travel & Tourism Council และสมาชิกคณะที่ปรึกษา TOURISE ซึ่งเข้าร่วมงานกับ ฯพณฯ ในการเปิดตัว TOURISE อย่างเป็นทางการ กล่าวว่า: “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการระดับโลกนี้และสานต่อความร่วมมืออันยาวนานของเราในระบบนิเวศการท่องเที่ยวทั้งหมด เพื่อให้ภาคส่วนนี้พัฒนาและบรรลุศักยภาพสูงสุด ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวทั่วโลก เราสามารถร่วมกันรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันได้ ขณะเดียวกันก็ร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและสร้างสรรค์สำหรับวันพรุ่งนี้

TOURISE ได้รับการสนับสนุนจากคณะที่ปรึกษาซึ่งมีท่านเป็นประธาน พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจากบริษัททัวร์ออนไลน์ บริษัททัวร์ โรงแรม หน่วยงานการท่องเที่ยวระดับโลก ความบันเทิง และสื่อต่างๆ รวมถึง: Mario Enzesberger ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Liberty International Tourism Group; Mo Gawdat ผู้ก่อตั้ง One Billion Happy; Stephane Lefebvre ประธาน Cirque du SoleiMo Gawdatl Entertainment Group; Luis Maroto ซีอีโอของ Amadeus; และ Julia Simpson ซีอีโอของ World Travel & Tourism Council (WTTC); และ Thomas Woldbye ซีอีโอของสนามบินฮีทโธรว์

วันนี้ได้มีการประกาศรางวัล TOURISE Awards ครั้งแรก ซึ่งเป็นโครงการยกย่องสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นในระบบนิเวศการท่องเที่ยวทั่วโลก รางวัลนี้จะเน้นที่ความสำเร็จที่โดดเด่นในด้านความยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม การอนุรักษ์วัฒนธรรม และการพัฒนากำลังคน การส่งข้อเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจะเปิดในวันที่ 2 มิถุนายน และผู้ชนะรางวัลจะประกาศในคืนเปิดงาน TOURISE Summit

TOURISE สร้างขึ้นบนบทบาทที่เพิ่มขึ้นของซาอุดีอาระเบียในฐานะผู้มีส่วนสนับสนุนหลักและผู้ขับเคลื่อนในภูมิทัศน์การท่องเที่ยวระดับโลกควบคู่ไปกับองค์กรอุตสาหกรรมหลักๆ เช่น การท่องเที่ยวของสหประชาชาติ WTTC และฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) ในปี 2024 เพียงปีเดียว ซาอุดีอาระเบียบรรลุเป้าหมายวิสัยทัศน์ 2030 ที่ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยว 100 ล้านคนต่อปี เร็วกว่ากำหนด 7 ปี และภาคการท่องเที่ยวมีส่วนสนับสนุนเกือบ 5% ต่อ GDP ของประเทศ รองจากการผลิตน้ำมันเท่านั้น สิ่งนี้เน้นย้ำถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นและความมุ่งมั่นในระยะยาวของซาอุดีอาระเบียในการสนับสนุนการท่องเที่ยวในฐานะตัวขับเคลื่อนความก้าวหน้าและการเติบโตระดับโลก ในการสร้าง TOURISE ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก ตั้งแต่สถาบันพหุภาคีไปจนถึงผู้นำภาคเอกชน ซาอุดีอาระเบียจะมั่นใจว่าความเป็นผู้นำของตนจะสร้างผลกระทบไปทั่วโลก

หากต้องการลงทะเบียนแสดงความสนใจและเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มที่จะกำหนดบทต่อไปของการท่องเที่ยวระดับโลก ให้ไปที่ www.tourise.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับคำถามของสื่อ โปรดติดต่อ: media@tourise.com

ที่มา: TOURISE

Cvent ประกาศรายชื่อสถานที่จัดประชุมชั้นนำและโรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2025

Logo

การจัดอันดับประจำปีที่ได้รับการยกย่องในอุตสาหกรรมนี้ยกย่องโรงแรมชั้นนำในธุรกิจ MICE รวมถึงสถานที่จัดประชุมที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2025

Cvent ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการประชุม งานอีเวนท์ และการบริการระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม เปิดเผยรายชื่อ สถานที่จัดประชุมชั้นนำ และโรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำ สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเมื่อวันนี้ การจัดอันดับของ Cvent กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้วางแผนงานอีเวนท์ โดยเน้นไปที่เมือง โรงแรม และสถานที่จัดงานระดับชั้นนำเพื่อตอบสนองทุกความต้องการด้านงานอีเวนท์ รายชื่อประจำปีนี้ยังเผยแพร่ตามภูมิภาคสำหรับอเมริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และเป็นครั้งแรกในปีนี้สำหรับละตินอเมริกาและแคริบเบียน นอกจากนี้ Cvent ยังเปิดตัวหมวดหมู่รายชื่อชั้นนำใหม่   สถานที่และผู้ขายยอดนิยมซึ่งจะวิเคราะห์ข้อมูลจากตลาดผู้ขายของ Cvent.

การจัดอันดับสถานที่จัดประชุมและโรงแรมนั้นพิจารณาจากข้อมูลเชิงลึกที่รวบรวมมาจากกิจกรรมการจัดหาและเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ(RFP) ทั่วโลกที่มีมูลค่ากว่า 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านแพลตฟอร์มการจัดหาของ Cvent ในปี 2024 รวมถึง การสร้างรายรับที่ทำลายสถิติ16,500 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านCvent Supplier Networkซึ่งเป็นตลาดจัดหาสถานที่จัดงานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ปริมาณธุรกิจที่จัดหาได้ในปี 2024 ที่ไม่มีใครเทียบได้นั้นเน้นย้ำถึงความต้องการสูงสำหรับจุดติดต่อแบบตัวต่อตัวที่มีคุณภาพ แม้ว่าความเชื่อมั่นของผู้วางแผนจะลดลงเนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาคและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ผู้วางแผนเกือบ 67% ยังคงจองหรือจัดหาอีเวนท์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง (แบบสำรวจ Northstar/Cvent Meetings Industry PULSE Survey มีนาคม 2025ฉบับเอเชียแปซิฟิก)แนวโน้มนี้ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยรายงานการจัดหาผู้วางแผนปี 2025 ของ Cvent: ฉบับเอเชีย ซึ่งพบว่านักวางแผนเกือบ 79% คาดว่าจำนวนการประชุมแบบพบหน้ากันจะเพิ่มขึ้นในปี 2025

สถานที่จัดประชุมยอดนิยมของ Cvent | เอเชียแปซิฟิก

5 เมืองแรกยังคงรักษาอันดับเดิมได้อย่างสม่ำเสมอทุกปี โดยสิงคโปร์ยังคงครองอันดับหนึ่งไว้ได้ กัวลาลัมเปอร์ บาหลี และเซี่ยงไฮ้ต่างก็ไต่อันดับขึ้นจากปีที่แล้ว โดยขยับขึ้น 1 อันดับ ส่วนปักกิ่งขยับขึ้น 2 อันดับจนสามารถทะลุ 10 อันดับแรกในปีนี้

10 อันดับสถานที่จัดประชุมยอดนิยม

1.

Singapore

2.

Bangkok, Thailand

3.

Sydney, New South Wales

4.

Tokyo, Japan

5.

Melbourne VIC – Victoria

6.

Kuala Lumpur, Malaysia

7.

Bali, Indonesia

8.

Seoul, South Korea

9.

Shanghai, China

10.

Beijing, China

Dr. Edward Koh ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายการประชุม การประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ กล่าวว่า “การได้รับรางวัลนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงระบบนิเวศไมซ์ที่แข็งแกร่งของสิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จัดงานและโรงแรมระดับโลก ไปจนถึงประสบการณ์ที่หลากหลายของเมืองและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมที่ทุ่มเท การได้รับรางวัลนี้เป็นครั้งที่เจ็ดนับตั้งแต่ปี 2016 เน้นย้ำถึงมาตรฐานความปลอดภัยที่สูง การเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยม และความมุ่งมั่นที่ไม่ลดละของเราในการมอบประสบการณ์งานอีเวนท์ที่สร้างสรรค์อย่างยั่งยืน ความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องจากผู้วางแผนการประชุมและผู้แทนมีส่วนสำคัญในการจัดงานอีเวนท์ระดับนานาชาติจำนวนมาก ซึ่งช่วยเสริมสร้างตำแหน่งของสิงคโปร์ในฐานะเมืองไมซ์ที่ดีที่สุดในโลก”

โรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำ Cvent | เอเชียแปซิฟิก

โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park ไต่อันดับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 1 ของปีนี้ ทำเลที่ตั้งของโรงแรมที่เดินทางสะดวก รวมถึงอยู่ใกล้กับศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) และสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ที่นี่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักวางแผนงานอีเวนท์ Hilton Singapore Orchard ไต่อันดับขึ้นมา 7 อันดับมาอยู่ที่อันดับ 3 ในขณะที่ Hilton Tokyo Bay (อันดับ 5) และ The Westin Tokyo (อันดับ 8) ต่างก็ไต่อันดับขึ้นมาอย่างน่าประทับใจ โดยไต่อันดับขึ้นมา 19 และ 14 อันดับตามลำดับ Hilton Sydney และ InterContinental Singapore ยังติด 10 อันดับโรงแรมน้องใหม่ด้วย

 โรงแรมสำหรับจัดประชุม 10 อันดับแรก

1.

Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park

2.

Hyatt Regency Sydney

3.

Hilton Singapore Orchard

4.

Fairmont Singapore

5.

Hilton Tokyo Bay

6.

voco Orchard Singapore, an IHG Hotel

7.

Shangri-La Singapore

8.

The Westin Tokyo

9.

Hilton Sydney

10.

InterContinental Singapore

Rupert Hallam ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม Hilton Singapore Orchard กล่าวว่า “การได้รับการยกย่องให้เป็นโรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจาก Cvent เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2023 ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของโรงแรม Hilton Singapore Orchard ในการให้บริการและการต้อนรับที่ยอดเยี่ยม การได้รับการยกย่องนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการทำความเข้าใจ ปรับตัว และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักวางแผนการประชุมและผู้เข้าร่วมการประชุม เมื่อต้นปีนี้ เราได้เปิดตัวโปรแกรม 'Meetings, Elevated' ซึ่งปรับโฉมประสบการณ์การจัดงานโดยเน้นที่ความยั่งยืน ความคิดสร้างสรรค์ และมูลค่าผลกระทบสูง ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและข้อมูลเชิงลึกอันล้ำสมัยของ Cvent เราจึงสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ ๆ สำหรับประสบการณ์ทางธุรกิจแบบกลุ่มที่มีความหมายและน่าจดจำที่โรงแรม Hilton Singapore Orchard ได้อย่างต่อเนื่อง”

หากต้องการดูสถานที่จัดประชุมชั้นนำทั้งหมดของ Cvent และโรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำของ Cvent ทั่วโลก โปรดคลิกที่นี่.

ระเบียบวิธี

สำหรับสถานที่จัดประชุมชั้นนำของ Cvent นั้น Cvent ได้ประเมินเมืองต่างๆ กว่า 14,000 แห่งทั่วโลกที่อยู่ในรายชื่อเครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent มีการติดตามกิจกรรมระหว่างเดือนมกราคม 2024 ถึงเดือนธันวาคม 2024 การจัดอันดับจะพิจารณาจากเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติแบบหนึ่ง ซึ่งได้แก่ จำนวนห้องพักทั้งหมดที่จองผ่านเครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent เอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ซ้ำกัน (RFP) ที่ส่งผ่านตลาดไปยังสถานที่ต่างๆ ในเมือง มูลค่ารวมของ RFP ที่ส่ง และมูลค่าที่ได้รับจริงสำหรับการประชุมที่ได้มีการจองไว้

โรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำของ Cvent นั้น Cvent ได้ประเมินคุณสมบัติของโรงแรมที่สร้างธุรกิจผ่านเครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent ระหว่างเดือนมกราคม 2024 ถึงเดือนธันวาคม 2024 โรงแรมเหล่านี้ได้รับการจัดอันดับตามเกณฑ์ต่างๆ รวมถึงคำขอเสนอราคาทั้งหมด (RFP) คำขอเสนอราคาที่ได้รับ จำนวนคืนห้องพักทั้งหมด จำนวนคืนห้องพักที่ได้รับ ส่วนแบ่งการตลาดในเขตมหานครหลัก อัตราของผู้ที่ตอบสนองต่อโฆษณา และอัตราการตอบกลับ เกณฑ์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงโรงแรมสำหรับจัดประชุมชั้นนำในอเมริกาเหนือ ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา ละตินอเมริกา และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้อย่างแม่นยำ 

เกี่ยวกับเครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent

เครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent มีโรงแรม รีสอร์ท และสถานที่จัดงานพิเศษมากกว่า 340,000 แห่ง ซึ่งถือเป็นฐานข้อมูลสถานที่จัดงานโดยละเอียดที่ใหญ่ที่สุดและแม่นยำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นักวางแผนงานอีเวนท์จัดหาธุรกิจกลุ่มซึ่งมีมูลค่ากว่า 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านเครือข่ายการจัดหาของ Cvent ในปี 2024 เพียงปีเดียว เครือข่ายซัพพลายเออร์ของ Cvent เป็นส่วนหนึ่งของชุดโซลูชันของ Cvent ที่โรงแรม CVB และองค์กรจัดการจุดหมายปลายทางนับหมื่นแห่งไว้วางใจในการเข้าถึงนักวางแผนงานมากขึ้น ดึงดูดธุรกิจกลุ่มมายังที่พักและจุดหมายปลายทางของตน และมีส่วนร่วมโดยตรงกับเครือข่ายระดับโลกของ Cvent ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านงานอีเวนท์มากกว่า 145,000 ราย  เทคโนโลยี Cvent ช่วยให้โรงแรมและสถานที่ต่างๆ บริหารจัดการธุรกิจการเดินทางเป็นกลุ่มและเพื่อธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มรายได้ และสร้างผลลัพธ์ที่ทำกำไรได้มากขึ้น

เกี่ยวกับ Cvent

Cvent เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านการประชุม งานอีเวนท์ และการบริการชั้นนำ โดยมีพนักงานมากกว่า 5,000 คนและลูกค้ามากกว่า 24,000 รายทั่วโลก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2024 บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1999 และให้บริการแพลตฟอร์มการจัดการและการตลาดการจัดงานอีเวนท์ที่ครอบคลุม รวมถึงตลาดระดับโลกที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอีเวนท์จะร่วมมือกับสถานที่ต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูดและสร้างผลกระทบ โรงแรมและสถานที่ต่างๆ ใช้โซลูชันซัพพลายเออร์และสถานที่ของ Cvent เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มและองค์กรให้เดินทางมากขึ้นผ่านแพลตฟอร์มการจัดหาของ Cvent โซลูชันของ Cvent ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่คุณค่าการจัดการอีเวนท์และทำให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถจัดการการประชุมและอีเวนต์ได้หลายล้านครั้ง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่cvent.com.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับการสอบถามข้อมูลสื่อ กรุณาติดต่อ:
Sucharita Das
อีเมล:  Sucharita.das@cvent.com

ที่มา: Cvent

The Bangkok Reporter