ร่วมเฉลิมฉลองจุดหมายปลายทางที่เป็นเลิศ: TOURISE เผยรายชื่อสถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายสำหรับรางวัล TOURISE Awards 2025

Logo

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–30 ตุลาคม 2025

ความคาดหวังกำลังก่อตัวขึ้น วันนี้ TOURISE ได้ประกาศรายชื่อสถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายของรางวัล TOURISE Awards 2025 ที่ทุกคนรอคอย เพื่อยกย่องจุดหมายปลายทางชั้นนำระดับโลกที่กำลังพลิกโฉมนิยามของการค้นหา จุดหมายปลายทางสิบสองแห่งได้รับการเสนอชื่อให้เข้ารอบสุดท้ายสำหรับรางวัล TOURISE Awards ประจำปีนี้ ซึ่งถือเป็นการปูทางไปสู่อนาคตของการท่องเที่ยว โดยจุดหมายปลายทางเหล่านี้เป็นตัวแทนของสถานที่ต่างๆ จากทั่วโลกที่ไม่เพียงแต่จะพลิกโฉมในด้านความเป็นเลิศด้านจุดหมายปลายทางเท่านั้น แต่ยังจะกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ทั้งหมดเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเดินทางยุคใหม่

มีการคัดเลือกจากรายชื่อสถานที่มากมายที่ส่งเข้ามาโดยนักเดินทางผู้หลงใหล ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และองค์กรต่างๆ ทั่วโลก สถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายในปีนี้จะร่วมเฉลิมฉลองจุดหมายปลายทางต่างๆ ที่ส่งมอบวัฒนธรรมที่กระตุ้นจิตวิญญาณ ประสบการณ์ที่ก้าวข้ามขีดจำกัด และเหนือสิ่งอื่นใดคือความทรงจำอันทรงคุณค่าและยั่งยืน

ฯพณฯ Ahmed Al-Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธานคณะกรรมการ TOURISE กล่าวว่า “สถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายของรางวัล TOURISE Awards สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมอันโดดเด่นและการต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งเป็นนิยามของประสบการณ์การเดินทางยุคใหม่อย่างแท้จริง เมืองและภูมิภาคอันโดดเด่นเหล่านี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังจุดประกายจินตนาการ สร้างสะพานเชื่อมระหว่างวัฒนธรรม และสร้างแรงบันดาลใจให้เราทุกคนมองโลกด้วยมุมมองใหม่ ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้นำในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เรามีความภูมิใจที่จะเฉลิมฉลองจุดหมายปลายทางที่สร้างมาตรฐานความเป็นเลิศใหม่ สถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายแต่ละแห่งได้ฝากรอยประทับอันตราตรึงไว้ในใจนักเดินทางทุกคน ที่ได้ย้ำเตือนเราว่าการสำรวจที่มีความหมายมีพลังที่จะรวมเป็นหนึ่งและสร้างแรงบันดาลใจได้ แม้การเดินทางจะสิ้นสุดลงไปแล้ว”

สปอตไลท์: สถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายของปีนี้

สถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายรางวัล TOURISE Awards 2025 ประกอบด้วย:

จุดหมายปลายทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่ดีที่สุด: เกียวโต, ปารีส, นิวยอร์ก

จุดหมายปลายทางด้านการผจญภัยที่ดีที่สุด: หมู่เกาะกาลาปากอส, อุทยานแห่งชาติบวินดีอิมเพเนเทรเบิล, อันคาช

จุดหมายปลายทางด้านอาหารและการทำอาหารที่ดีที่สุด:โตเกียว, ลอนดอน, ฮ่องกง

จุดหมายปลายทางด้านการช็อปปิ้งที่ดีที่สุด:สิงคโปร์, ปารีส, ลอนดอน

จุดหมายปลายทางด้านความบันเทิงที่ดีที่สุด:โซล, โตเกียว, เม็กซิโกซิตี้

สถานที่ที่ชนะในแต่ละประเภทจะมีโอกาสได้รับการเสนอชื่อให้เป็นจุดหมายปลายทางโดยรวมที่ดีที่สุด ซึ่งจะได้รับการคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ TOURISE Awards

คณะกรรมการอิสระจะเป็นผู้รับผิดชอบในการคัดกรองสถานที่ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลด้วยความเชี่ยวชาญจนเหลือเพียงสถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายที่โดดเด่นในปัจจุบัน โดยคณะกรรมการถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลจากหลากหลายอุตสาหกรรม ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เหล่านี้เป็นตัวแทนที่ดีที่สุดจากหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งด้านการเดินทางและการท่องเที่ยว แฟชั่น ศิลปะการทำอาหาร ค้าปลีก วัฒนธรรม การผจญภัย และความบันเทิง ที่ได้นำความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นอันหาที่เปรียบมิได้มาสู่รางวัล TOURISE Awards โดยคณะกรรมการประกอบด้วย:

Filip Boyen, อดีตซีอีโอ นิตยสาร Forbes Travel Guide

Michael Ellis, อดีตผู้อำนวยการฝ่ายคู่มือมิชลินระดับโลก

Fiona Jeffery, อดีตประธาน World Travel Market อดีตประธานรางวัล Tourism for Tomorrow Awards

Renaud de Lesquen, อดีตซีอีโอ Givenchy อดีตประธาน Dior AM

Lars Nittve, อดีตผู้อำนวยการก่อตั้ง Tate Modern

Albert Read, อดีตกรรมการผู้จัดการ Condé Nast

Caroline Rush, อดีตซีอีโอ สภาแฟชั่นอังกฤษ

Omar Samra, ทูตสันถวไมตรีแห่งสหประชาชาติ นักปีนเขา และนักสำรวจขั้วโลก

Bernold Schroeder, อดีตซีอีโอ Kempinski; Pan Pacific

การนับถอยหลังครั้งสุดท้าย

สถานที่ที่ชนะรางวัล TOURISE Awards ครั้งแรกจะได้รับการประกาศในงานกาลาในคืนเปิดงาน TOURISE Summit ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ณ กรุงริยาด โดยรางวัล TOURISE Awards จะเป็นส่วนขยายของแพลตฟอร์ม TOURISE ภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งขับเคลื่อนโดยสำนักงานการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั่วโลก

TOURISE คือแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกสำหรับการกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวทั่วโลก การประชุมครั้งนี้ประกอบด้วยผู้นำ ผู้กำหนดนโยบาย หน่วยงานกำกับดูแล นักลงทุน และผู้กำหนดอนาคตจากหลากหลายอุตสาหกรรม โดย TOURISE จะรับมือกับความท้าทายและไขว่คว้าโอกาสในการเปลี่ยนแปลง พร้อมกำหนดวาระสำหรับภาคการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบ เป็นธรรม และมุ่งเน้นอนาคต

เจาะลึก: พบกับสถานที่ที่เข้ารอบสุดท้ายของคุณ

จุดหมายปลายทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่ดีที่สุด

  • เกียวโต: ญี่ปุ่นเหนือกาลเวลา – สวนอันเงียบสงบ วัดที่เป็นสัญลักษณ์ และงานหัตถกรรมที่มีชีวิตทั้งหมดสานกันเป็นเนื้อผ้าทางวัฒนธรรมร่วมสมัยที่มีชีวิตชีวา
  • ปารีส: สัญลักษณ์ตลอดกาล – พิพิธภัณฑ์อันยิ่งใหญ่ ศิลปะร่วมสมัยที่กำลังเบ่งบาน และฉากศิลปะการแสดงที่ทำให้จิตวิญญาณแห่งความคิดสร้างสรรค์ของเมืองยังคงมีชีวิตอยู่
  • นิวยอร์ก: วัฒนธรรมที่รุ่งเรืองที่สุด – พิพิธภัณฑ์ระดับโลก ศิลปะข้างถนนที่น่าตื่นตาตื่นใจ และพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่บรอดเวย์ไปจนถึงจังหวะดนตรีตามท้องถนน

จุดหมายปลายทางด้านการผจญภัยที่ดีที่สุด

  • หมู่เกาะกาลาปากอส: ต้นกำเนิดแห่งความมหัศจรรย์ – ความงามของภูเขาไฟ ความหลากหลายทางทะเล และการพบปะสัตว์ป่าที่ให้ความรู้สึกเหมือนการเดินทางข้ามกาลเวลา
  • อุทยานแห่งชาติบวินดีอิมเพเนเทรเบิล: กลับคืนสู่ธรรมชาติ – ป่าโบราณ การพบเห็นกอริลลาที่หายาก และสัมผัสถึงพลังของธรรมชาติในทุกย่างก้าว
  • อันคาช: ความดิบที่เป็นจริง – ยอดเขาที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ทะเลสาบน้ำแข็ง และเส้นทางที่เต็มไปด้วยประเพณี ที่ซึ่งการผจญภัยพบกับความอบอุ่นของชุมชนท้องถิ่น

จุดหมายปลายทางด้านอาหารและการทำอาหารที่ดีที่สุด

  • โตเกียว: ซูชิระดับมิชลินสตาร์ไปจนถึงราเมนรสเลิศ ประเพณีเก่าแก่หลายศตวรรษผสานกับความหลงใหลในคุณภาพ ทำให้ทุกคำที่ทานกลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม
  • ลอนดอน: ศูนย์กลางแห่งอาหารนานาชาติ – ห้องครัวสไตล์อังกฤษสมัยใหม่ รสชาติจากทั่วทุกมุมโลก และอาหารตั้งแต่อาหารชั้นสูงไปจนถึงอาหารคลาสสิกริมทาง
  • ฮ่องกง: งานเลี้ยงแนวตั้ง – ร้านอาหารชั้นเลิศที่ตั้งตระหง่านเหนือแผงขายได่ผิงและร้านก๋วยเตี๋ยว ผสมผสานมรดกและรสชาติจากทั่วโลกไว้ในทัศนียภาพเมืองที่งดงามตระการตา

จุดหมายปลายทางด้านการช็อปปิ้งที่ดีที่สุด

  • สิงคโปร์: การค้าปลีกที่มุ่งเน้นอนาคต – ย่านที่เต็มไปด้วยการออกแบบ ห้างสรรพสินค้าหรูหรา และตลาดทางวัฒนธรรมในเมืองที่เชื่อมโยงทั้งตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน
  • ปารีส: Haute Couture (โอตกูตูร์ – ศิลปะการตัดเย็บชั้นสูง) และอื่นๆ – เมซงในตำนาน ร้านคอนเซ็ปต์ และตลาดนัดของเก่าที่ผสมผสานความสง่างามเหนือกาลเวลาเข้ากับสไตล์ที่ล้ำสมัย
  • ลอนดอน: มรดกพบกับความทันสมัย ​​- เรือธงสุดหรู ศูนย์กลางแห่งความคิดสร้างสรรค์ และตลาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเมืองที่กำหนดสไตล์ระดับโลก

จุดหมายปลายทางด้านความบันเทิงที่ดีที่สุด

  • โซล: นวัตกรรมพบกับวัฒนธรรม – เวที K-pop ความบันเทิงล้ำสมัย และสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่กำหนดเทรนด์ระดับโลก
  • โตเกียว: พลังงานที่ไม่มีใครเทียบได้ – การแสดงระดับโลก แหล่งท่องเที่ยวที่น่าดื่มด่ำ และประสบการณ์ท้องถิ่นที่แท้จริงในเมืองที่สร้างมาเพื่อความตื่นเต้น
  • เม็กซิโกซิตี้: ความมีชีวิตชีวาอันบริสุทธิ์ – เทศกาล ดนตรี และการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ระหว่างประเพณีและความสนุกสนานสมัยใหม่ที่ทำให้ทุกค่ำคืนนั้นน่าจดจำ

เกี่ยวกับ TOURISE Awards

รางวัล TOURISE Awards เป็นรางวัลระดับโลกที่ยกย่องจุดหมายปลายทางอันเป็นเลิศ โดยยกย่องสถานที่ต่างๆ ที่มอบประสบการณ์การเดินทางที่มีความหมาย น่าจดจำ และสอดคล้องกับความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทางในปัจจุบัน รางวัลนี้ตัดสินโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายภาคส่วน โดยมอบรางวัลให้กับจุดหมายปลายทางใน 5 สาขา ได้แก่ ศิลปะและวัฒนธรรม การผจญภัย อาหารและการทำอาหาร ช้อปปิ้ง และความบันเทิง ปิดท้ายด้วยรางวัลจุดหมายปลายทางยอดเยี่ยม (Best Overall Destination Award) รางวัลนี้ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม ความยั่งยืน การอนุรักษ์วัฒนธรรม และผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว นับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ระดับโลกสำหรับสิ่งที่ทำให้จุดหมายปลายทางนั้นพิเศษอย่างแท้จริง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางวัล TOURISE ได้ที่ www.TOURISE.com/awards

เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

การประชุม TOURISE Summit ครั้งแรก ที่ขับเคลื่อนโดยกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2025 ที่ริยาด โดย TOURISE จะรวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ภาคธุรกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอโครงการริเริ่มที่มีผลกระทบสูงและข้อตกลงต่างๆ ที่จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมและสร้างภาคการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เป็นธรรม และมุ่งเน้นอนาคต

TOURISE มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในเชิงกายภาพและครอบคลุมทุกช่องทางดิจิทัล โดยจะรับประกันการมีส่วนร่วมในวงกว้างจากทั่วโลก ควบคู่ไปกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุดสำหรับผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในการกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวโลก หลังจากการประชุมสุดยอด TOURISE จะขยายขอบเขตเป็นแพลตฟอร์มตลอดทั้งปีที่ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน เราจะไม่มีวันหยุดยั้ง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TOURISE ได้ที่ www.TOURISE.com และสมัครรับจดหมายข่าว

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251029909575/en

Contacts

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: media@TOURISE.com

ที่มา: TOURISE

Grand Nikko Bangkok Sathorn พร้อมให้ทุกท่านสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนสุดหรู ที่โอบล้อมด้วยความสงบและการบริการด้วยจิตวิญาณของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เปิดรับจองสำหรับการเข้าพักในปี พ.ศ. 2569 แล้วตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป

Logo

กรุงเทพฯ–(ฺBUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2568

แกรนด์ นิกโก้ กรุงเทพฯ สาทร โรงแรมหรูภายใต้แบรนด์ Grand Nikko แห่งแรกในประเทศไทย พร้อมแล้วสำหรับสุดยอดการบริการแบบ “โอโมเตนาชิ” (Omotenashi) เสน่ห์การบริการแบบญี่ปุ่นที่ใส่ใจทุกรายละเอียด  สัมผัสโอเอซิสแห่งใหม่ใจกลางย่านเศรษฐกิจอย่างถนนสาทร ที่รายล้อมไปด้วยสถานทูต อาคารสำนักงาน แหล่งบันเทิงชั้นนำ รวมไปถึงจุดท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย รองรับได้ทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจและการเข้าพักแบบครอบครัว

Rendition of Premier Corner Rooms

ภาพถ่ายห้องพรีเมียร์คอร์เนอร์

ห้องพักและห้องสวีทที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในการพักผ่อน

พบกับความหรูหรา หลากสไตล์ ในการตกแต่งห้องพักและห้องสวีท ที่มีให้บริการจำนวน 405 ห้อง รวมถึงห้องพักแบบ  Long-Stay Residence จำนวน 36 ห้อง ออกแบบมาเพื่อผสานความงามร่วมสมัยกับสุนทรียะแบบญี่ปุ่น ซึ่งเป็นความงามที่เหนือกาลเวลาได้อย่างลงตัว ทุกห้องพักตกแต่งอย่างพิถีพิถัน พร้อมห้องน้ำดีไซน์ทันสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม อาทิเช่น เครื่องสุขภัณฑ์จากแบรนด์ TOTO  สมาร์ททีวี และเครื่องชงกาแฟ Nespresso ตระการตาไปด้วยแสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร วิวในฝันที่จะสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่ผ่อนคลายในแบบที่เป็นคุณอย่างแท้จริง

ประสบการณ์การรับประทานอาหารระดับเวิลด์คลาส

โรงแรมมีห้องอาหารเปิดให้บริการทั้งหมด 5 แห่ง แต่ละแห่งมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหาร Benkay ที่นำเสนออาหารญี่ปุ่นชั้นเลิศในสไตล์ฟิวชั่นสุดสร้างสรรค์ ห้องอาหาร ICHO โดดเด่นด้วยศิลปะการปรุงอาหารญี่ปุ่นแบบเทปันยากิ หรือ SANUK ห้องอาหารนานาชาติที่ให้บริการแบบ All-Day Dining อิ่มอร่อยไปด้วยหลากหลายเมนูชั้นเลิศ พร้อมเพลิดเพลินไปกับขนมหวานรสชาติกลมกล่อมเสริฟพร้อมกาแฟและเครื่องดื่มหลากสไตล์ ที่ LA-MUN หรือจะดื่มค็อกเทล ชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน พร้อมดื่มด่ำไปกับแสงไฟของมหานครยามค่ำคืนแบบพาโนรามาที่ TENKU 33 บาร์ลอยฟ้าบนชั้น 33 ของโรงแรมก็สามารถทำได้เช่นกัน

สัมผัสประสบการณ์สุดหรู ด้วยตัวคุณเองที่โรงแรมแกรนด์ นิกโก้ กรุงเทพฯ สาทร กับข้อเสนอสุดพิเศษ ในแพ็คเกจเปิดตัวโรงแรม “Commemorative Opening Package” ที่มาพร้อม

ข้อเสนอมากมายดังนี้

ระยะเวลาการจอง:

17 พฤศจิกายน 2568 – 1 มีนาคม 2569

ช่วงเวลาเข้าพัก:

1 มีนาคม – 30 มิถุนายน 2569

ประเภทห้องพัก:

Superior / Deluxe / Premier Corner

ราคาเริ่มต้น:

6,500++ บาท/ห้อง/คืน

(ราคานี้ยังไม่รวมค่าบริการ 10% และภาษี 7%)

สิทธิประโยชน์พิเศษ:

  • บริการอาหารเช้าทุกวันที่ห้องอาหาร All-Day Dining
  • เครดิตเงินคืนสูงสุด 1,500 บาทสุทธิ/ห้อง/คืน สำหรับใช้ในห้องอาหารใดก็ได้ (เฉพาะค่าอาหาร)
  • เช็คเอาท์ได้ถึงเวลา 16.00 น. (ขึ้นอยู่กับความพร้อมของห้องพักในวันนั้น)
  • ส่วนลดเพิ่ม 10% สำหรับสมาชิก One Harmony

สำรองห้องพักได้ที่:

สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อการพักผ่อนแบบมีสไตล์

ท่ามกลางย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ โรงแรมแกรนด์ นิกโก้ กรุงเทพฯ สาทร ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ที่มาพร้อมบรรยากาศอันสงบ ร่มรื่น เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมให้กับผู้เข้าพักทุกท่าน สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ได้รับการออกแบบอย่างละเมียดละไม ใส่ใจในความต้องการที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ฟิตเนส รวมถึงสปาจากแบรนด์ divana® ที่ยึดปรัชญา “ที่ซึ่งสุนทรียศาสตร์ตะวันออกและคุณภาพเหนือระดับมาบรรจบกัน” เพื่อร่วมรังสรรค์การดูแลแบบองค์รวมจากธรรมชาติที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิปัญญาตะวันออก เพื่อคืนความสมดุลอย่างลึกซึ่งให้แก่ผู้ใช้บริการ

การประชุมและงานอีเวนต์ครบวงจร

ด้วยพื้นที่จัดงานที่หลากหลาย กว้างขวาง รวมถึงห้องบอลรูมขนาดใหญ่และห้องอเนกประสงค์ ที่ติดตั้งด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ส่งผลให้โรงแรมแกรนด์ นิกโก้ กรุงเทพฯ สาทร กลายเป็นสถานที่รองรับงานสำคัญต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ครบครัน ทั้งงานประชุมองค์กร งานสถานทูต งานแต่งงาน และงานสังสรรค์ทางสังคมต่างๆ

สิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก One Harmony

แกรนด์ นิกโก้ กรุงเทพฯ สาทร ในฐานะหนึ่งในโรงแรมในเครือ Okura Nikko Hotels มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก One Harmony  โดยสามารถสะสมคะแนนพร้อมรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ทั่วโลก สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

โรงแรมแกรนด์ นิกโก้ กรุงเทพฯ สาทร

ที่ตั้ง:

117 ถนนสาทรใต้ ทุ่งมหาเมฆ กรุงเทพฯ 10120

ห้องพัก:

405 ห้อง รวมถึงห้องพักระยะยาว 36 ห้อง

ห้องอาหาร:

ห้องอาหารญี่ปุ่นแบบ Fine Dining, ห้องอาหารญี่ปุ่นแบบเทปันยากิ, ห้องอาหาร All-Day Dining, Rooftop บาร์ และ ร้านกาแฟและขนมอบ

จัดเลี้ยง:

ห้องสาทร แกรนด์ บอลรูม ขนาด 422 ตร.ม. เพดานสูง 7.5 เมตร พร้อมหลากหลายห้องประชุม

สิ่งอำนวยความสะดวก:

นิกโก้ คลับ เลานจ์, ฟิตเนส, สปา สระว่ายน้ำกลางแจ้ง และคลับสำหรับเด็ก

การเดินทาง:

เดินเพียง 10 นาทีจาก BTS ช่องนนทรี

เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 40 นาที

เนื้อหาข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อความสะดวกในการอ้างอิง โดยฉบับภาษาต้นทางเป็นฉบับทางการ และเป็นฉบับที่มีผลทางกฎหมาย

ชมภาพเพิ่มเติมในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251116318286/en


Duangnapa Saelieo
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด
Grand Nikko Bangkok Sathorn
โทร: +66 (0) 2 078 8733
อีเมล: duangnapa.sa@bangkok.grandnikko.com

ยกระดับเอกสิทธิ์แห่งการเดินทาง: Hilton Honors เปิดตัวเส้นทางสู่สถานะ Elite ให้เร็วยิ่งขึ้น พร้อมเปิดตัวสถานะระดับพรีเมียมใหม่ – Diamond Reserve

Logo

สิทธิประโยชน์เหนือระดับ ครอบคลุมทั้งการอัปเกรดห้องพักที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม การันตีขยายเวลาเช็คเอาท์ และบริการผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับสมาชิก

  • ก้าวใหม่ของ Hilton Honors: วิวัฒนาการของโปรแกรมสมาชิกที่ได้รับรางวัลมากมาย มุ่งเน้นให้การเลื่อนระดับสถานะเป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่ายิ่งขึ้น
  • เปิดตัว Diamond Reserve: ระดับสมาชิกใหม่ที่สะท้อนถึงการยอมรับสูงสุดและมอบเอกสิทธิ์ที่พิเศษยิ่งกว่าภายใน Hilton Honors
  • ปรับเกณฑ์ใหม่: สถานะ Diamond จะเข้าถึงได้เร็วขึ้น และสถานะ Gold จะก้าวขึ้นเป็นสถานะระดับกลางที่ทรงคุณค่าและน่าครอบครองที่สุดในปัจจุบัน
  • สิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์: สมาชิก Hilton Honors จะยังคงเพลิดเพลินกับสิทธิประโยชน์หลักที่ให้ความสำคัญและชื่นชอบเช่นเดิม

แมคคลีน รัฐเวอร์จิเนีย–(BUSINESS WIRE)–18 พฤศจิกายน 2025

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะ ตอบแทนความไว้วางใจ ในทุกย่างก้าวของการเดินทาง วันนี้ Hilton (NYSE: HLT) ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโปรแกรมสมาชิก Hilton Honors ที่ได้รับรางวัลมากมาย โดยในเดือนมกราคมนี้ Hilton จะเปิดตัวระดับสมาชิกขั้นสูงสุดในชื่อ “Diamond Reserve” ที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์ที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น อาทิ Confirmable Upgrade Reward (สิทธิ์การยืนยันอัปเกรดห้องพักล่วงหน้า) ที่แลกใช้ได้ทันทีขณะจอง, การการันตีขยายเวลาเช็คเอาท์ (Late Check-out) ได้ถึงเวลา 16.00 น. และบริการผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับสมาชิก

(Photo: Hilton) Committed to rewarding loyalty at every stage of the travel journey, Hilton announced exciting changes to its award-winning Hilton Honors loyalty program. (Waldorf Astoria New York)

(ภาพ: Hilton) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะมอบความภักดีในทุกขั้นตอนของการเดินทาง Hilton ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นของโปรแกรมความภักดี Hilton Honors ที่ได้รับรางวัล (Waldorf Astoria New York)

ยิ่งไปกว่านั้น สถานะ Hilton Honors Gold จะกลายเป็นสถานะระดับกลางที่ทรงคุณค่าที่สุด โดยสมาชิกจะยังคงได้รับสิทธิประโยชน์เดิมครบถ้วน รวมถึงการอัปเกรดห้องพัก (เมื่อมีห้องว่าง) และเครดิตอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมข้อเสนอที่ทำให้เลื่อนสถานะได้เร็วกว่าเดิม ในขณะที่สถานะ Diamond ก็ปรับเกณฑ์ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น พร้อมสิทธิประโยชน์ยอดนิยมที่สมาชิกชื่นชอบที่สุด

Chris Nassetta ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Hilton กล่าวว่า “สมาชิกแจ้งกับเราว่าพวกเขามองหาการยอมรับที่พิเศษยิ่งขึ้นและรางวัลที่มีความหมายตลอดการเดินทาง วันนี้เราภูมิใจที่ได้นำ Hilton Honors ก้าวสู่บทใหม่ ด้วยการมอบสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้ง่ายขึ้นและเพิ่มมูลค่าให้กับสมาชิกในโรงแรมของเราทั่วโลก ในยุคที่โปรแกรมสิทธิพิเศษของแบรนด์ต่าง ๆ เริ่มดูคล้ายคลึงกัน เราเลือกที่จะสร้างความแตกต่างและเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Hilton Honors เพื่อสมาชิกทุกคน ตั้งแต่สิทธิ์การอัปเกรดที่เหนือกว่าสำหรับสมาชิกระดับ Elite ไปจนถึงวิธีใหม่ ๆ ในการเติมเต็มความฝัน พักผ่อน สะสม และแลกคะแนน ในเครือข่ายโรงแรมที่เติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 9,000 แห่งของเรา”

ปี 2026: เส้นทางสู่สถานะ Elite ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น Hilton มอบโอกาสให้นักเดินทางสัมผัสสิทธิพิเศษและความยืดหยุ่นได้ง่ายขึ้น ตอกย้ำให้ Hilton Honors และแอปพลิเคชัน Hilton Honors เป็นเพื่อนร่วมทางที่ทุกคนมองหา:

  • สถานะ Gold: ปรับลดเกณฑ์เหลือเพียงการเข้าพัก 25 คืนต่อปี (จากเดิม 40 คืน) โดยสมาชิกยังคงได้รับสิทธิประโยชน์หลัก เช่น การยืนยันอัปเกรดห้องพัก (เมื่อมีห้องว่าง), เครดิตอาหารและเครื่องดื่มรายวัน หรืออาหารเช้าแบบคอนติเนนตัล (ขึ้นอยู่กับแบรนด์และภูมิภาค) และโบนัสคะแนนสะสม 80%
  • สถานะ Diamond: ปรับลดเกณฑ์เหลือเพียง 50 คืนต่อปี (จากเดิม 60 คืน) สมาชิกยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วน อาทิ การยืนยันอัปเกรดห้องพัก (เมื่อมีห้องว่าง), เครดิตอาหารและเครื่องดื่ม หรืออาหารเช้า, สิทธิ์เข้าใช้เอ็กซิกคิวทีฟเลานจ์, การันตีห้องพัก 48 ชั่วโมง และโบนัสคะแนนสะสม 100%

จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ฮิลตันได้ปรับลดเกณฑ์ในการเลื่อนสถานะสู่ระดับ Gold และ Diamond ลง เริ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ครอบคลุมทั้งจำนวนคืน จำนวนครั้งที่เข้าพัก และยอดใช้จ่ายที่เข้าเกณฑ์

ปลดล็อกเอกสิทธิ์ที่ดีที่สุดของ Hilton Honors

Diamond Reserve Diamond Reserve คือนิยามใหม่ของสถานะสูงสุด เป็นเครื่องหมายแห่งเกียรติยศที่ออกแบบมาเพื่อนักเดินทางคนสำคัญที่สุดของ Hilton สำหรับสมาชิกที่สะสมการเข้าพักครบ 80 คืน และมียอดใช้จ่ายตามเกณฑ์ 18,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี สถานะอัลตราพรีเมียมนี้สะท้อนถึง ความผูกพันและความไว้วางใจ ที่มีให้กันอย่างแท้จริง

Mark Weinstein ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและหัวหน้าฝ่ายแบรนด์หรูของ Hilton กล่าวว่า “การสร้างความผูกพันที่ยั่งยืนไม่ใช่เรื่องง่าย เรารับฟังสมาชิกของเรามาตลอดหลายปี Diamond Reserve จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อยกย่องและตอบแทนผู้ที่ไว้วางใจให้ Hilton ดูแลการเดินทางของพวกเขา เราตระหนักดีว่าการยกระดับประสบการณ์การเข้าพักคือรากฐานสำคัญของการสร้างความประทับใจ เราจึงออกแบบชุดสิทธิประโยชน์ระดับอัลตราพรีเมียมนี้อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกการพักผ่อนกับ Hilton พิเศษยิ่งขึ้นไปอีก”

เอกสิทธิ์ที่โดดเด่นของ Diamond Reserve

Confirmable Upgrade Rewards: สิทธิ์ในการล็อกการอัปเกรดห้องพรีเมียม รวมถึงห้องสวีท 1 ห้องนอน ได้ทันทีที่ทำการจอง (สำหรับการเข้าพักสูงสุด 7 คืน) ผ่านแอป Hilton Honors

  • สมาชิกจะได้รับสิทธิ์แรกเมื่อปรับสถานะเป็น Diamond Reserve และเลือกรับสิทธิ์เพิ่มเติมได้เมื่อสะสมครบ 120 คืน หรือครบ 30,000 คะแนน
  • สามารถใช้ได้ทั้งการเข้าพักแบบชำระเงินและแบบแลกคะแนน ณ โรงแรม Hilton ที่ร่วมรายการทั่วโลก รวมถึงแบรนด์หรูอย่าง Waldorf Astoria, Conrad, LXR และ Signia by Hilton

สิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติมจะสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและการปรับแต่งที่ราบรื่นที่นักเดินทางที่มีส่วนร่วม มากที่สุดของ Hilton ต้องการ:

  • การันตี Late Check-out 16.00 .: ขยายเวลาพักผ่อนหรือเตรียมตัวเดินทางต่อได้อย่างไร้กังวล
  • บริการผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง: ทีมงานพิเศษที่ได้รับการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะ พร้อมมอบความช่วยเหลือและดูแลแบบส่วนตัว
  • Premium Club Access: สิทธิ์เข้าใช้คลับเลานจ์ระดับพรีเมียมได้ฟรี (นอกเหนือจากเอ็กซิกคิวทีฟเลานจ์ปกติ) ซึ่งให้บริการอาหารและเครื่องดื่มชั้นเลิศ และพื้นที่ทำงานส่วนตัว ในโรงแรมระดับหรูและไลฟ์สไตล์ของ Hilton
  • ลำดับความสำคัญในการอัปเกรด: สิทธิ์ได้รับพิจารณาการอัปเกรดห้องพักเป็นลำดับแรก (เมื่อยืนยันล่วงหน้า 3 วันก่อนเช็คอิน)
  • โบนัสคะแนน 120%: สะสมคะแนนได้รวดเร็วและคุ้มค่ากว่าที่เคยในทุกการเข้าพัก

สิทธิพิเศษและความยืดหยุ่นที่ยังคงอยู่

หัวใจสำคัญของ Hilton Honors คือทางเลือกที่หลากหลาย สมาชิกยังคงได้รับสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่อง อาทิ ไม่มีค่าธรรมเนียมรีสอร์ตสำหรับการเข้าพักที่ใช้คะแนนแลกเต็มจำนวน และความสามารถในการใช้คะแนนผสมเงินสดเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด หนึ่งในสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าที่สุดคือ Fifth Night Free (พักฟรีคืนที่ 5) เมื่อจองห้องพักมาตรฐานด้วยคะแนนสะสม ซึ่งมอบทั้งความคุ้มค่าและประสบการณ์ที่ยาวนานขึ้น

โลกแห่งการเดินทางที่กว้างใหญ่กว่าเดิม สมาชิก Hilton Honors มีโอกาสในการเติมเต็มความฝันและแลกรับประสบการณ์ได้มากขึ้น ผ่านพอร์ตโฟลิโอโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่และไลฟ์สไตล์กว่า 1,000 แห่ง รวมถึงการกลับมาของตำนานอย่าง Waldorf Astoria New York และโรงแรมบูติกที่มีเอกลักษณ์กว่า 450 แห่งจากพันธมิตรสุดพิเศษ Small Luxury Hotels of the World

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hilton Honors ได้ที่ stories.hilton.com/hiltonhonors หรือไปที่ www.hiltonhonors.com เพื่อสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้

เกี่ยวกับ Hilton

Hilton (NYSE: HLT) เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการบริการที่มีแบรนด์ระดับโลก 25 แบรนด์ ครอบคลุมโรงแรม 9,000 แห่ง และห้องพักกว่า 1.3 ล้านห้อง ใน 141 ประเทศและดินแดน ด้วยความมุ่งมั่นในการเติมเต็มวิสัยทัศน์ในการก่อตั้งเพื่อเติมเต็มโลกด้วยความอบอุ่นและแสงสว่างแห่งการบริการ Hilton ได้ให้การต้อนรับแขกมากกว่า 3 พันล้านคนตลอดระยะเวลากว่า 100 ปี ในฐานะสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดในโลกอันดับ 1 จากการจัดอันดับโดย Great Place to Work และ Fortune โดย Hilton มุ่งมั่นที่จะสร้างวัฒนธรรมที่ดีที่สุดให้กับพนักงาน 500,000 คนทั่วโลก ซึ่ง Hilton ได้นำเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมมาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้เข้าพัก ซึ่งรวมถึง Digital Key Share การอัปเกรดห้องพักอัตโนมัติฟรี และความสามารถในการจองห้องพักแบบเชื่อมต่อที่ได้รับการยืนยันแล้ว ผ่านโปรแกรมสะสมคะแนน Hilton Honors ที่ได้รับรางวัล โดยสมาชิก Hilton Honors กว่า 235 ล้านคนที่จองโดยตรงกับ Hilton จะได้รับคะแนนสะสมสำหรับการเข้าพักในโรงแรม รวมถึงประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เงินไม่สามารถซื้อได้ด้วยแอป Hilton Honors ฟรี โดยแขกสามารถจองที่พัก เลือกห้องพัก เช็คอิน ปลดล็อกประตูด้วย Digital Key รวมถึงการเช็คเอาท์ ทั้งหมดนี้ทำได้จากสมาร์ทโฟน โปรดไปที่ stories.hilton.comดูข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อกับ Hilton ได้ที่ Facebook, X, LinkedIn, Instagram และ YouTube

เกี่ยวกับ Hilton Honors

Hilton Honors คือ โปรแกรมความภักดีสำหรับแขกที่ได้รับรางวัลของแบรนด์ระดับโลกของ Hilton ที่ประกอบด้วยโรงแรมกว่า 9,000 แห่งใน 141 ประเทศและเขตปกครอง โดยสมาชิก Hilton Honors ที่จองโดยตรงผ่านช่องทาง Hilton ที่กำหนด จะได้รับสิทธิประโยชน์ทันที ซึ่งรวมถึงแถบเลื่อนการชำระเงินที่ยืดหยุ่นซึ่งสมาชิกสามารถเลือกใช้คะแนนและเงินได้เกือบทุกรูปแบบเพื่อจองที่พัก ส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิก และ Wi-Fi มาตรฐานฟรี นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถใช้เทคโนโลยีแบบไร้สัมผัสได้เฉพาะผ่านแอป Hilton Honorsที่เป็นแอปชั้นนำในอุตสาหกรรม ซึ่งสมาชิกสามารถเช็คอิน เลือก และเข้าถึงห้องพักได้โดยใช้ Digital Key โดย Hilton Honors จะมอบทางเลือกหลายร้อยวิธีให้กับสมาชิกกว่า 235 ล้านคนในการสะสมและแลกคะแนน รวมถึงบัตรเครดิตร่วมแบรนด์ต่างๆที่เลือก ซึ่งสมาชิกสามารถแลกคะแนนสะสมเป็นห้องพักฟรี, ซื้อสินค้าบน Amazon, รับประสบการณ์สุดพิเศษ, การบริจาคเพื่อการกุศล และอื่นๆ อีกมากมาย โปรแกรมนี้เข้าร่วมได้ฟรี และผู้เดินทางสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ hiltonhonors.comเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hilton Honors ได้ที่ stories.hilton.com/hiltonhonors และติดตาม Hilton Honors ได้ที่ Facebook, X และ Instagram.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20251118002486/en

Contacts

Lauren DeBettencourt
Hilton Honors Communications
lauren.debettencourt@hilton.com


โครงการพัฒนาจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของ TOURISE เรียกร้องให้มีการดำเนินการทั่วโลกเพื่อความปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยวในเมืองผ่าน AI

Logo

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2025

โครงการพัฒนาจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของ TOURISE (TOURISE Destination Initiative: TDI) ซึ่งเปิดตัวในวันนี้ในการประชุมสุดยอด TOURISE Summit ได้รวบรวมผู้นำระดับโลกจากภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน เพื่อพัฒนาจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวให้เป็นห้องปฏิบัติการที่มีชีวิตสำหรับนวัตกรรมการท่องเที่ยว ภายใต้การประกาศหลักการของ TDI ที่มุ่งเน้นความปลอดภัย การดูแลสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์วัฒนธรรม และการพัฒนาที่เน้นชุมชนเป็นศูนย์กลาง ผ่านเทคโนโลยีที่มีความรับผิดชอบและความร่วมมือจากหลายภาคส่วน

His Excellency Ahmed Al Khateeb, Saudi Arabia's Minister of Tourism and Chairman of TOURISE, launches the TOURISE Destination Initiative, a global coalition to shape the future of tourism through a destination-centric approach, with co-chairs H.R.H. Prince Turki bin Talal bin Abdulaziz Al Saud, Governor of Aseer Province, and Luigi Brugnaro, Mayor of Venice. They are joined with the TDI founding members and mayors

ฯพณฯ Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย และประธาน TOURISE ได้เปิดตัวโครงการพัฒนาจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของ TOURISE ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับโลกเพื่อกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวผ่านแนวทางที่เน้นจุดหมายปลายทาง โดยมีเจ้าชาย Turki bin Talal bin Abdulaziz Al Saud ผู้ว่าราชการจังหวัดอาซีร์ และ Luigi Brugnaro นายกเทศมนตรีเมืองเวนิส เป็นประธานร่วม โดยทั้งสองท่านได้เข้าร่วมกับสมาชิกผู้ก่อตั้ง TDI และนายกเทศมนตรีต่างๆ

โดย TDI มีเจ้าชาย Turki bin Talal bin Abdulaziz Al Saud ผู้ว่าราชการจังหวัดอาซีร์ และ Luigi Brugnaro นายกเทศมนตรีเมืองเวนิสเป็นประธานร่วม และสมาชิกผู้ก่อตั้งที่ประกอบด้วย:

  • Patricia de Lille รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว สาธารณรัฐแอฟริกาใต้
  • Mateo Julián Estrella Durán รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว สาธารณรัฐเอกวาดอร์
  • Thoriq Ibrahim รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว สาธารณรัฐมัลดีฟส์
  • Francis Suarez นายกเทศมนตรีเมืองไมอามี สหรัฐอเมริกา
  • Mohamed Sefiani นายกเทศมนตรีเมืองเชฟชาอูเอิน โมร็อกโก
  • Natalia Bayona ผู้อำนวยการบริหารการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ
  • Arnaud Ngatcha รองนายกเทศมนตรีกรุงปารีส
  • Iván Azurdia ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการท่องเที่ยวของสถาบันการท่องเที่ยวกัวเตมาลา
  • Jordan Tan หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูล คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์
  • Jon Berroya ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการรัฐบาลและนโยบายสาธารณะของ Google
  • Mauricio Rodas นักวิชาการรับเชิญ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
  • Matthijs Bouw ผู้ก่อตั้ง One Architecture and Urbanism

โครงการแรกของ TDI คือ “AI เพื่อความปลอดภัยในการท่องเที่ยว (AI for Tourism Safety)” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการนำ AI ไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของสมาชิก TDI โดยโครงการนี้ได้ต่อยอดจากข้อมูลเชิงลึกจากสมุดปกขาว การเฝ้าระวังหรือความปลอดภัย? เมืองต่างๆ กำลังพลิกโฉมการท่องเที่ยวอย่างไร (Surveillance or Safety? How Cities are Rewriting Tourism) ของสถาบันวิจัยเมืองเพนน์ (Penn IUR) แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ซึ่งบทความนี้เขียนโดย Mauricio Rodas นักวิชาการรับเชิญของ Penn IUR และอดีตนายกเทศมนตรีเมืองกีโต โดยสำรวจความท้าทายด้านจริยธรรมและการดำเนินงานของ AI ในด้านการท่องเที่ยวในเมือง และได้มีการเปิดตัวควบคู่ไปกับ TDI

“ในฐานะจุดหมายปลายทาง เรามีความรับผิดชอบในการปกป้องสิ่งที่ทำให้เรามีเอกลักษณ์ รวมถึงผู้คน มรดก และอนาคตของเราด้วย” เจ้าชาย Turki bin Talal bin Abdulaziz Al Saud ผู้ว่าราชการจังหวัดอาซีร์ และประธานร่วมของโครงการพัฒนาจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของ TOURISE ตรัส “ด้วย TDI เรากำลังสร้างพื้นที่ร่วมกันให้เมืองต่างๆ ได้เป็นผู้นำ ด้วยการยอมรับนวัตกรรมที่หยั่งรากลึกลงในจริยธรรมและความเห็นอกเห็นใจ เรามั่นใจว่าการท่องเที่ยวจะเป็นพลังขับเคลื่อนในด้านความปลอดภัย ศักดิ์ศรี และการพัฒนาที่ยั่งยืน”

“จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวในเมืองคือหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลก และจำเป็นอย่างยิ่งที่เมืองต่างๆ ทั่วโลกจะต้องไม่รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวหรือผู้อยู่อาศัย” ฯพณฯ Ahmed Al-Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธาน TOURISE กล่าว “ด้วยโครงการพัฒนาจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของ TOURISE เราเรียกร้องให้เมืองต่างๆ เป็นผู้นำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยนวัตกรรมด้านความปลอดภัยนั้นจะต้องยึดมั่นในธรรมาภิบาลที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างมีวิสัยทัศน์จะช่วยคุ้มครองนักเดินทางและช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจ ที่จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยว”

ในขณะที่เมืองต่างๆ ต้องเผชิญกับอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภัยคุกคามทางดิจิทัล และความวิตกกังวลต่างๆ ของนักเดินทาง ทาง TDI จะให้คำแนะนำในการนำ AI มาใช้อย่างถูกต้องตามจริยธรรมเพื่อเพิ่มความปลอดภัย พร้อมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ

Mauricio Rodas กล่าวเสริมว่า “แม้ว่านายกเทศมนตรีเก้าในสิบคนจะแสดงความสนใจในการบูรณาการปัญญาประดิษฐ์เข้ากับการบริหารจัดการเมือง แต่มีเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ของเมืองเท่านั้นที่นำปัญญาประดิษฐ์มาใช้เพื่อความปลอดภัย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการขาดกรอบนโยบายและกฎระเบียบต่างๆ โดยโครงการ AI เพื่อความปลอดภัยในการท่องเที่ยวของ TDI นั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อปิดช่องว่างดังกล่าว จากการนำเสนอแนวทางปฏิบัติสำหรับเมืองต่างๆ เพื่อปกป้องทุกคนที่เรียกจุดหมายปลายทางว่าบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว”

 เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

ภายใต้การดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย งานประชุม TOURISE Summit ครั้งแรกจะจัดขึ้นในวันที่ 11–13 พฤศจิกายน 2025 ที่ริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย

งานนี้จะรวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ธุรกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนข้อตกลงที่สร้างการเปลี่ยนแปลง และส่งมอบโครงการริเริ่มที่มีผลกระทบสูงที่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลกใหม่

TOURISE มุ่งมั่นสร้างการมีส่วนร่วมจากทั่วโลก พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของอุตสาหกรรมได้เข้าถึง หลังจากการประชุมนี้ TOURISE จะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้ใช้งานได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน เราจะไม่มีวันหยุดยั้ง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tourise.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251113796086/en

Contacts

หากต้องการสอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ โปรดติดต่อ Media@TOURISE.com

ที่มา: TOURISE

TOURISE 2025 เปิดตัวโครงการ Agentic Tourism Initiative ในการบุกเบิกโปรโตคอลเพื่อการเดินทางอัจฉริยะ

Logo

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2025

โครงการ Agentic Tourism Initiative ได้รับการเปิดตัวในวันนี้ในการประชุม TOURISE Summit ที่จัดเป็นทางการครั้งแรก โดยนำเสนอโปรโตคอล Agentic Tourism ฉบับแรกของโลก ซึ่งเป็นกรอบการทำงานดิจิทัลสากลที่มุ่งเปลี่ยนแปลงทุกขั้นตอนของการเดินทางของนักเดินทาง

His Excellency Ahmed Al Khateeb, Saudi Arabia's Minister of Tourism and Chairman of TOURISE, launches the Agentic Tourism Initiative on the second day of TOURISE. 

ฯพณฯ Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียและประธาน TOURISE เปิดตัวโครงการ Agentic Tourism Initiative ในวันที่สองของงาน TOURISE

โครงการนี้เปิดตัวร่วมกันระหว่าง TOURISE และ Globant จากแรงผลักดันของสมุดปกขาวที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในชื่อ Tourism’s AI Takeover: Reinventing Travel through Agentic Tourism (การเข้าสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของ AI: การปฏิรูปการท่องเที่ยวผ่าน Agentic ด้านการท่องเที่ยว) เพื่อสร้างสรรค์แอปพลิเคชัน AI ที่โดดเด่น ซึ่งเป็นการตอบรับคำเรียกร้องโดยตรงจากสมุดปกขาวในการสร้างโปรโตคอลแบบเปิดสำหรับ AI ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะกำหนดวิธีที่เอเจนต์ AI โต้ตอบตั้งแต่แรงบันดาลใจไปจนถึงการเดินทางกลับ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ประสบการณ์การเดินทางที่ชาญฉลาด ราบรื่น และยั่งยืนทั่วทั้งระบบนิเวศการท่องเที่ยวทั่วโลก

โครงการ Initiative นี้รวบรวมกลุ่มพันธมิตรผู้ก่อตั้งที่หลากหลายจากหลายอุตสาหกรรม ทั้งด้านเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน การบิน และผู้นำด้านจุดหมายปลายทาง ได้แก่ Globant, Red Sea Global, HUMAIN, Riyadh Air, ท่าอากาศยานนานาชาติ King Salman, สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก, Amazon Web Services, Salesforce, Hollibob และ Trip.com โดยแนวทางการทำงานร่วมกันนี้ทำให้มั่นใจได้ว่า Agentic Protocol จะมีความแข็งแกร่งทางเทคนิค ครอบคลุม และสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทาง ผู้ประกอบการ และจุดหมายปลายทางทั่วโลกได้

“เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เห็นโครงการ Agentic Tourism Initiative ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการกำหนดอนาคตของการเดินทางทั่วโลกผ่านนวัตกรรมและความร่วมมือ โปรโตคอลนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผสานเทคโนโลยีเข้ากับจิตวิญญาณแห่งการสำรวจของมนุษย์ การยึด AI ไว้กับความเห็นอกเห็นใจและความชาญฉลาดทางวัฒนธรรม ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของนักเดินทางเท่านั้น แต่ยังช่วยให้จุดหมายปลายทางต่างๆ เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน ครอบคลุม และมีเป้าหมาย” ฯพณฯ Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย กล่าว

โครงการ Initiative นี้จะยึดหลักการ “เปลี่ยนสิ่งที่คาดหวังให้เป็นดิจิทัล สร้างความเป็นมนุษย์ในสิ่งที่ไม่คาดคิด” โดยมุ่งหวังที่จะขยายขอบเขต ไม่ใช่แทนที่ รวมถึงการมุ่งเน้นความคิดสร้างสรรค์ ความเห็นอกเห็นใจ และการเชื่อมโยงของมนุษย์ โดย AI จะทำหน้าที่เป็นตัวช่วย เสริมศักยภาพให้กับผู้คนและสถานที่ที่ทำให้การเดินทางมีความหมาย ขณะเดียวกันก็สนับสนุนจุดหมายปลายทางต่างๆ ให้บรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

“เรากำลังเป็นสักขีพยานถึงรุ่งอรุณของยุคใหม่ของการท่องเที่ยว ที่ซึ่งเทคโนโลยีและความเฉลียวฉลาดของมนุษย์มาบรรจบกัน เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ไม่เพียงแต่ชาญฉลาดขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นส่วนตัวและน่าจดจำอย่างแท้จริง โครงการ Agentic Tourism Initiative ไม่ได้เป็นเพียงแค่ก้าวสำคัญทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวกระโดดเชิงกลยุทธ์สู่การกำหนดทิศทางการใช้ AI ในการเดินทาง การสร้างโปรโตคอลที่ใช้ร่วมกันนี้ ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะครอบคลุม ปลอดภัย และเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน” Martín Migoya ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Globant กล่าว

เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

ภายใต้การดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย งานประชุม TOURISE Summit ครั้งแรกจะจัดขึ้นในวันที่ 11–13 พฤศจิกายน 2025 ที่ริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย

งานนี้จะรวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ธุรกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนข้อตกลงที่สร้างการเปลี่ยนแปลง และส่งมอบโครงการริเริ่มที่มีผลกระทบสูงที่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลกใหม่

TOURISE มุ่งมั่นสร้างการมีส่วนร่วมจากทั่วโลก พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของอุตสาหกรรมได้เข้าถึง หลังจากการประชุมนี้ TOURISE จะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้ใช้งานได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน เราจะไม่มีวันหยุดยั้ง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tourise.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251112353634/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับการสอบถามจากสื่อ โปรดติดต่อ Media@TOURISE.com

ที่มา: TOURISE

TOURISE และ Oxford Economics เปิดตัวสมุดปกขาวเกี่ยวกับเส้นทางสู่ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพของการท่องเที่ยวท่ามกลางความผันผวนของโลก

Logo

  • การเดินทางระหว่างประเทศคาดว่าจะเกิน 2 พันล้านคนภายในปี 2030 แม้จะมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก
  •  การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในโครงสร้างพื้นฐาน นโยบาย และการเข้าถึงต่างๆ เป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2025

TOURISE ได้ร่วมมือกับ Oxford Economics เปิดตัวสมุดปกขาวใหม่ชื่อ “การเติบโตท่ามกลางความไม่แน่นอน: โอกาสและความเสี่ยงบนเส้นทางสู่นักเดินทางทั่วโลก 2 พันล้านคน สมุดปกขาวนี้เปิดตัวในงานประชุม TOURISE Summit ครั้งแรก โดยเอกสารเผยแพร่นี้จะนำเสนอโอกาสและความเสี่ยงสำคัญที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะต้องเผชิญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รวมถึงกรอบแนวทางสำหรับผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำด้านการท่องเที่ยว และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม ในการเสริมสร้างศักยภาพของภาคการท่องเที่ยวให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงระดับโลก รวมถึงการส่งเสริมความยั่งยืนและความยืดหยุ่นในระยะยาว

TOURISE and Oxford Economics Release White Paper Charting Tourism’s Path to Resilience and Stability Amid Global Volatility

TOURISE และ Oxford Economics เปิดตัวสมุดปกขาวเกี่ยวกับเส้นทางสู่ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพของการท่องเที่ยวท่ามกลางความผันผวนของโลก

สมุดปกขาวนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเกี่ยวกับความสามารถในการฟื้นตัวที่เป็นหลักการพื้นฐานสำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวในยุคที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ และความคาดหวังของนักเดินทางที่เปลี่ยนไป

“การท่องเที่ยวเป็นพลังขับเคลื่อนแห่งการเชื่อมโยงและโอกาสมาโดยตลอด แต่จุดแข็งที่แท้จริงอยู่ที่ความสามารถในการพัฒนาและคงความยืดหยุ่นเอาไว้ สมุดปกขาวจะนำเสนอทิศทางที่ชัดเจนสำหรับภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกที่จะก้าวไปข้างหน้า โดยนำทางเราไปสู่อนาคตแห่งการเติบโตอย่างยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” H.E. Ahmed Al-Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธาน TOURISE กล่าว

“เอกสารฉบับนี้แสดงให้เห็นว่าการวางแผนที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและนโยบายที่มองไปข้างหน้าสามารถช่วยให้จุดหมายปลายทางต่างๆ สามารถบริหารจัดการการเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ รับมือกับผลกระทบ และสร้างงานและโอกาสต่างๆ อย่างต่อเนื่องได้อย่างไร ในขณะที่เรามุ่งสู่จำนวนนักเดินทาง 2 พันล้านคนภายในปี 2030 เราต้องมุ่งเน้นไปที่การสร้างระบบนิเวศการท่องเที่ยวที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุม และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายและความเป็นไปได้ของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง”

เอกสารฉบับนี้ใช้ข้อมูลจำนวนมากและแบบจำลองทางเศรษฐกิจ เพื่อระบุแนวโน้มสำคัญๆ ที่กำหนดอนาคตของการเดินทางและการท่องเที่ยว โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของการตัดสินใจโดยอิงหลักฐานเชิงประจักษ์และกรอบนโยบายที่ปรับเปลี่ยนได้ เพื่อให้มั่นใจว่าจุดหมายปลายทางต่างๆ ยังคงมีความสามารถในการแข่งขันและครอบคลุม

“ความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเริ่มต้นจากความชัดเจน ซึ่งมาจากข้อมูลที่สำคัญ” Adam Sacks ประธานบริษัท Tourism Economics บริษัทในเครือ Oxford Economics กล่าว “เอกสารฉบับนี้จะนำเสนอแผนงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน ช่วยให้จุดหมายปลายทางต่างๆ สามารถตัดสินใจได้อย่างรอบรู้และลงทุนได้อย่างมั่นใจ”

จากผลการวิจัย รายงานคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จาก 1.5 พันล้านคนในปัจจุบัน เป็น 2 พันล้านคนภายในปี 2030 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป โดยให้ความสำคัญกับคุณค่าเชิงประสบการณ์มากกว่าต้นทุน นักท่องเที่ยวกำลังมองหาประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและต้องการสัมผัสกับวัฒนธรรมดั้งเดิมมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งส่งผลให้นักท่องเที่ยวพักนานขึ้นและมีการใช้จ่ายต่อทริปสูงมากขึ้น

เพื่อรองรับความต้องการนี้ จุดหมายปลายทางต่างๆ ที่ดำเนินกลยุทธ์เชิงรุก เช่น การนำระบบวีซ่าแบบเปิดมาใช้ นโยบายที่เน้นนักเดินทางเป็นศูนย์กลาง และโครงสร้างพื้นฐานที่มองการณ์ไกล คาดว่าจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะรองรับความต้องการการเดินทางทั่วโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 40% ภายในปี 2030

โครงการริเริ่มร่วมกันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ TOURISE ในการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวที่มีความยืดหยุ่น มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูล และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็มได้ที่ TOURISE.com

เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

ภายใต้การดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย งานประชุม TOURISE Summit ครั้งแรกจะจัดขึ้นในวันที่ 11–13 พฤศจิกายน 2025 ที่ริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย

งานนี้จะรวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ธุรกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนข้อตกลงที่สร้างการเปลี่ยนแปลง และส่งมอบโครงการริเริ่มที่มีผลกระทบสูงที่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลกใหม่

TOURISE มุ่งมั่นสร้างการมีส่วนร่วมจากทั่วโลก พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของอุตสาหกรรมได้เข้าถึง หลังจากการประชุมนี้ TOURISE จะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้ใช้งานได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน เราจะไม่มีวันหยุดยั้ง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tourise.com

เกี่ยวกับ Oxford Economics

Oxford Economics คือบริษัทที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจอิสระชั้นนำของโลก ครอบคลุมกว่า 200 ประเทศ 100 ภาคอุตสาหกรรม และ 8,000 เมืองและภูมิภาค เรามอบข้อมูลเชิงลึกและโซลูชันที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและรวดเร็วยิ่งขึ้นในโลกที่มีความซับซ้อนและความไม่แน่นอนมากขึ้นเรื่อยๆ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.oxfordeconomics.com/us/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251110254503/en

Contacts

สำหรับการสอบถามจากสื่อ โปรดติดต่อ: press@oxfordeconomics.com

ที่มา: TOURISE

TOURISE ประกาศการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอมูลค่า 113 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเร่งอนาคตการท่องเที่ยว

Logo

การทำข้อตกลงที่มีผลกระทบอย่างสูงในการประชุมสุดยอด TOURISE ครั้งแรกนี้ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้เงินทุนข้ามภาคส่วนเพื่อการเติบโตในระบบนิเวศการท่องเที่ยวระดับโลก

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2025

TOURISE แพลตฟอร์มระดับโลกที่มุ่งมั่นสร้างอนาคตใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประกาศในวันนี้ว่า ได้กระตุ้นพอร์ตการลงทุนมูลค่ารวม 113 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการประชุมสุดยอด TOURISE ครั้งแรก ณ กรุงริยาด ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจของ TOURISE ในการปลดล็อกข้อตกลงมูลค่าสูง ด้วยการรวมตัวของผู้นำภาครัฐและเอกชนด้านการท่องเที่ยว เทคโนโลยี การลงทุน และความยั่งยืน เพื่อกำหนดแผนงานร่วมกันสำหรับ 50 ปีข้างหน้าของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก

His Excellency Ahmed Al Khateeb, Saudi Arabia's Minister of Tourism and Chairman of TOURISE announces USD 113 BN of investment portfolios catalyzed at the inaugural TOURISE Summit.

ฯพณฯ Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียและประธานบริษัท TOURISE ได้ประกาศเปิดตัวพอร์ตการลงทุนมูลค่า 113 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในงาน TOURISE Summit ครั้งแรก

การลงทุนในพอร์ตโฟลิโอที่ประกาศออกมานี้ครอบคลุมทุกแง่มุมของเศรษฐกิจนักท่องเที่ยว ได้แก่ ร้านค้าปลีกหรู ที่พักโรงแรมยุคใหม่ การพัฒนาแบบบูรณาการขนาดใหญ่ที่นำโดยประสบการณ์ การดูแลสุขภาพ ข้อเสนอด้านจุดหมายปลายทางและไลฟ์สไตล์ การพัฒนาบุคลากร และแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI ต่างๆ ด้วยความมุ่งมั่นเหล่านี้จะช่วยกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับสิ่งที่เป็นไปได้และสิ่งที่จำเป็น เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการท่องเที่ยวในอนาคตและออกแบบการเดินทางของนักเดินทางในรูปแบบใหม่

บริษัทในระดับนานาชาติและในระดับท้องถิ่นบางแห่งได้ประกาศพอร์ตโฟลิโอของตนที่เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนมูลค่า 113 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นี้ ประกอบด้วย Melia Hotels, BWH Hotels, GOCO Hospitality, Cenomi, Radisson, Earth Hotels, Delonix & Ocean Link, AlFozan Holding, Al Kathiri Holding, Alothaim และ Knowledge Economic City

การผสมผสานโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งเข้ากับทุนมนุษย์ การผสมผสานข้อมูล การออกแบบ และการบริการ จะช่วยปลดล็อกคุณค่าใหม่ๆ ทั่วทั้งระบบนิเวศการท่องเที่ยว สร้างโอกาสงานใหม่ๆ และมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและมีเป้าหมายชัดเจนในวงกว้าง โดยเหนือสิ่งอื่นใด หลายๆ โครงการนั้นมุ่งเน้นไปที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งตอกย้ำถึงความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติและความเป็นที่ต้องการของซาอุดีอาระเบียในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก ที่ซึ่งวัฒนธรรม นวัตกรรม และบริการระดับโลกมาบรรจบกัน และส่งสัญญาณไปยังพันธมิตรและนักลงทุนว่านี่คือยุคใหม่ของการเติบโตด้านการท่องเที่ยว

การลงทุนเป็นจุดเริ่มต้นบทต่อไปของเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระดับโลก

ฯพณฯ Ahmed Al-Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธานคณะกรรมการ TOURISE กล่าวว่า “TOURISE จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่นำนักลงทุน ผู้กำหนดนโยบาย และนักนวัตกรรมมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว โดยเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้กลายเป็นความร่วมมือที่คุ้มค่าทางการเงินและข้อตกลงที่สร้างผลกระทบสูง เรากำลังนิยามเศรษฐกิจของนักเดินทางทั้งหมดใหม่ ขับเคลื่อนด้วย AI โดยสร้างขึ้นมาจากความเป็นเลิศด้านจุดหมายปลายทางและประสบการณ์ต่างๆ ร่วมกัน และออกแบบมาเพื่อให้เกิดการเติบโตและขยายโอกาสไปทั่วทั้งระบบนิเวศ”

การประกาศในวันนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง TOURISE นั่นคือการรวมตัวผู้มีอำนาจตัดสินใจและผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเร่งสร้างความร่วมมือในเชิงปฏิรูป และเปลี่ยนความทะเยอทะยานให้เป็นการกระทำผ่านการทำข้อตกลงที่มีผลกระทบสูง การประกาศในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นนี้ในระบบนิเวศการท่องเที่ยว ช่วยตอกย้ำว่า TOURISE ได้รวบรวมผู้คนที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม เพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทาง การเชื่อมต่อ และการเติบโตของโลก

เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

การประชุมสุดยอด TOURISE ครั้งแรก ซึ่งขับเคลื่อนโดยกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2025 ณ กรุงริยาด โดย TOURISE ได้รวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ภาคธุรกิจ การลงทุน และภาคการศึกษา เพื่อมาร่วมกันพัฒนานวัตกรรมที่จะขับเคลื่อนโครงการริเริ่มที่สร้างผลกระทบแบบองค์รวม รวมถึงข้อตกลงเชิงปฏิรูปที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมและสร้างภาคการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เป็นธรรม และมุ่งเน้นอนาคต

TOURISE มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในเชิงกายภาพและครอบคลุมทุกช่องทางดิจิทัล โดยจะรับประกันการมีส่วนร่วมในวงกว้างจากทั่วโลก ควบคู่ไปกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุดสำหรับผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในการกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวโลก หลังจากการประชุมสุดยอด TOURISE จะขยายขอบเขตเป็นแพลตฟอร์มที่ดำเนินกิจกรรมตลอดทั้งปีที่ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน จะไม่มีอะไรหยุดยั้งเราได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TOURIST โปรดไปที่ www.TOURISE.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251111666032/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

media@tourise.com

ที่มา: TOURISE

อนาคตถูกกำหนดไว้สำหรับยุคใหม่ของการท่องเที่ยวด้วยการเปิดตัว TOURISE Summit ครั้งแรก

Logo

  •  ผู้แทนเกือบ 8,000 คนได้ลงทะเบียนเข้าร่วมการประชุม TOURISE Summit ครั้งแรก ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน
  •  วิทยากรระดับโลก 140 ท่าน ตอบรับเข้าร่วม

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย –(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2025

ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะแก้ไขกฎเกณฑ์การเดินทางใหม่ การประชุม TOURISE Summit ครั้งแรก ภายใต้การอุปถัมภ์ของเจ้าชาย Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรี ได้เปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้ โดย H.E. Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียและประธาน TOURISE

His Excellency Ahmed Al Khateeb, Saudi Arabia's Minister of Tourism and Chairman of TOURISE, opens the inaugural TOURISE Summit in Riyadh.

H.E. Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียและประธาน TOURISE เป็นประธานเปิดการประชุม TOURISE Summit ครั้งแรกในริยาด

TOURISE จะเป็นผู้นำยุคใหม่ของการท่องเที่ยวโลก โดยรวบรวมรัฐมนตรี ผู้แทน และผู้มีวิสัยทัศน์จากทั่วโลกในฐานะแพลตฟอร์มชั้นนำที่มุ่งสร้างอนาคตของการท่องเที่ยวทั่วโลก

งาน TOURISE จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2025 ทันทีหลังจากการประชุมสมัชชาใหญ่ด้านการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 50 โดยมุ่งปรับโฉมรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ของภาคส่วนต่างๆ เพื่อค้นหาโอกาสที่คู่แข่งจะกลายเป็นพันธมิตร การลงทุนจะได้รับการปรับให้เหมาะสมที่สุด และการรวมกลุ่มที่กระจัดกระจายจะมาบรรจบกัน งานนี้มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแนวคิดที่กล้าหาญให้กลายเป็นวิธีแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริง และกระตุ้นความคิดริเริ่มที่จะกำหนดทิศทางของภาคการท่องเที่ยวโลกในอีก 50 ปีข้างหน้า

ในสุนทรพจน์เปิดงานวันนี้ H.E. Ahmed Al Khateeb ได้กล่าวว่า ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่เร่งด่วนหรือเหมาะสมยิ่งไปกว่าการผสานรวมภาคส่วนต่างๆ เพื่อกำหนดทิศทางการท่องเที่ยวโลก โดยภาคการท่องเที่ยวได้ฟื้นตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศสูงกว่าระดับก่อนเกิดการระบาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ฯพณฯ ได้เตือนว่าในขณะเดียวกัน ภาคส่วนนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ประกอบด้วย การพลิกผันทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงจากรุ่นสู่รุ่นด้วยการเดินทางที่ยั่งยืนและเน้นประสบการณ์ และความจำเป็นในการสร้างความยืดหยุ่นในการรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม รวมถึงความแตกแยกที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก

ฯพณฯ ตระหนักดีว่า TOURISE ได้มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญนี้ เมื่อโลกกำลังแสวงหารูปแบบใหม่ๆ ความร่วมมือใหม่ๆ และแนวทางแก้ไขปัญหาใหม่ๆ

“TOURISE เป็นมากกว่าแค่งานอีเวนต์ โดยเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการดำเนินการที่เราจะร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่จำกัดศักยภาพของการท่องเที่ยวมาอย่างยาวนาน หนึ่งในนั้นคือความท้าทายด้านทักษะ การลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน ความยั่งยืน และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล นี่คือพื้นที่ที่เราจะร่วมมือกันเพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนสำหรับนักลงทุน จุดหมายปลายทางที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และประสบการณ์ที่คุ้มค่าสำหรับนักเดินทาง รวมถึงอาชีพและความเจริญรุ่งเรืองสำหรับชุมชนเมื่อมีความต้องการเดินทางเพิ่มมากขึ้น เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่เรามาที่นี่เพื่อลงมือทำ นั่นคือเหตุผลที่ TOURISE ยังคงอยู่”

ตลอดระยะเวลาสามวัน TOURISE จะเป็นเจ้าภาพจัดเสวนาและเสวนาสำคัญๆ มากมาย โดยมีผู้นำระดับโลกจากหลากหลายภาคส่วนเข้าร่วม วิทยากรระดับโลกที่มีชื่อเสียง ประกอบด้วย:

  • Ariane Gorin ซีอีโอ Expedia
  • เอกอัครราชทูต Patricia Espinosa ผู้ก่อตั้ง onepoint5
  • Gloria Guevara รักษาการซีอีโอ สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก
  • Shaikha Nasser Al Nowais เลขาธิการใหญ่ฝ่ายการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติคนใหม่
  • Luis Maroto ซีอีโอ Amadeus
  • Francis Suarez นายกเทศมนตรีเมืองไมอามี
  • Paul Griffiths ซีอีโอ ท่าอากาศยานดูไบ
  • Lucia Penrod ผู้ร่วมก่อตั้งและเจ้าของ Nikki Beach
  • Sébastien Bazin ซีอีโอ Accor
  • Eduardo Santander ซีอีโอ คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งยุโรป (ETC)
  • Harvey Goldsmith CBE ผู้ก่อตั้ง Nvisible Productions
  • Thomas Woldbye ซีอีโอ สนามบินฮีทโธรว์
  • Steve Hafner ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Kayak.com

รายชื่อวิทยากรดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า TOURISE ได้รวบรวมผู้นำจากภาคส่วนต่างๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็นมารวมกันอย่างไร ทำให้เกิดความร่วมมือที่แหวกแนวและไร้ขอบเขต การบรรจบกันเหล่านี้ไม่เพียงแต่แปลกใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องยนต์สำหรับรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ประสบการณ์การเดินทางที่ดีขึ้น การพัฒนาจุดหมายปลายทางอย่างยั่งยืนและกลยุทธ์การลงทุนต่างๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากแพลตฟอร์มที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นนี้เท่านั้น

การประชุม Summit นี้จะครอบคลุมถึงคำถามสำคัญๆ ที่กำหนดอนาคตของการเดินทางใหม่ ตั้งแต่ประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และขอบเขตที่ไร้แรงเสียดทาน ไปจนถึงการออกแบบจุดหมายปลายทาง การลงทุน และการแข่งขันเพื่อผู้เดินทางในอนาคต และเปลี่ยนคำถามเหล่านั้นให้เป็นการกระทำผ่านบทสนทนาของรัฐมนตรีที่ทรงพลัง บทสนทนาในห้องประชุม ปาฐกถาหลักบนเวทีหลัก รวมถึงการจัดแสดงนวัตกรรม

ผู้ชนะรางวัล TOURISE Awards ครั้งแรกจะได้รับการประกาศในเย็นวันนี้เช่นกัน โดยจะมอบรางวัลให้แก่สถานที่ที่เป็นตัวอย่างของจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมและตอบสนองความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทางยุคใหม่

ภายใต้การสนับสนุนจากกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย TOURISE จะเป็นมากกว่าการประชุมสุดยอดสามวัน แต่เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือ การสนทนาที่เกิดขึ้นในริยาดจะดำเนินต่อไปตลอดทั้งปี ผ่านความร่วมมือและความร่วมมือข้ามภาคส่วน เพื่อเปลี่ยนแนวคิดที่กล้าหาญให้กลายเป็นโซลูชันที่ใช้งานได้จริง

เกี่ยวกับ TOURISE

TOURISE เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของโลกที่สร้างขอบเขตใหม่ให้กับการท่องเที่ยวทั่วโลก

การประชุม TOURISE Summit ครั้งแรก ที่ขับเคลื่อนโดยกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2025 ที่ริยาด โดย TOURISE จะรวบรวมผู้มีวิสัยทัศน์จากภาครัฐ ภาคธุรกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอโครงการริเริ่มที่มีผลกระทบสูงและข้อตกลงต่างๆ ที่จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมและสร้างภาคการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เป็นธรรม และมุ่งเน้นอนาคต

TOURISE มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในเชิงกายภาพและครอบคลุมทุกช่องทางดิจิทัล โดยจะรับประกันการมีส่วนร่วมในวงกว้างจากทั่วโลก ควบคู่ไปกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุดสำหรับผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในการกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวโลก หลังจากการประชุมสุดยอด TOURISE จะขยายขอบเขตเป็นแพลตฟอร์มตลอดทั้งปีที่ซึ่งแนวคิดที่โดดเด่นจะกลายเป็นทางออกในโลกแห่งความเป็นจริง

นี่คือจุดกำเนิดของการท่องเที่ยวในอีก 50 ปีข้างหน้า เมื่อร่วมมือกัน เราจะไม่มีวันหยุดยั้ง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TOURISE ได้ที่ www.TOURISE.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251111716065/en

Contacts

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: media@TOURISE.com

ที่มา: TOURISE


ปฏิญญาริยาดว่าด้วยอนาคตของการท่องเที่ยวกับการกำหนดแผนงาน 50 ปี ในการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 26 ด้านการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติที่ได้ปิดฉากลงแล้วที่ซาอุดีอาระเบีย

Logo

ริยาด, ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2025

การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 26 สิ้นสุดลงในวันนี้ด้วยการรับรองปฏิญญาริยาดว่าด้วยอนาคตของการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศสมาชิกในการส่งเสริมความร่วมมือกันในอีก 50 ปีข้างหน้า

26th UN Tourism General Assembly

สมัชชาใหญ่ด้านการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 26

ปฏิญญาฉบับนี้ได้ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำของราชอาณาจักรในด้านการท่องเที่ยวระดับโลกและเป็นศูนย์กลางการตัดสินใจครั้งสำคัญที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม เนื่องจากปฏิญญาอันเป็นก้าวสำคัญนี้พร้อมที่จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี 2030 โดยมุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืน นวัตกรรมดิจิทัล การบูรณาการ AI และเศรษฐกิจการท่องเที่ยวแบบครอบคลุม

ปฏิญญาริยาดว่าด้วยอนาคตของการท่องเที่ยว คือแผนงานร่วมกันเพื่อกำหนดทิศทางของภาคส่วนนี้ในอีกครึ่งศตวรรษข้างหน้า ในด้านความยั่งยืน การมีส่วนร่วม และนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ ปฏิญญานี้เน้นย้ำถึงการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ความยืดหยุ่น และการเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนท้องถิ่น กำหนดวิสัยทัศน์เพื่อให้มั่นใจว่าการท่องเที่ยวยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเข้าใจทางวัฒนธรรม และการดูแลสิ่งแวดล้อมทั่วโลก

็H.E. Ahmed Al Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าวว่า “จากริยาด เราจะก้าวจากการประกาศสู่การปฏิบัติ ด้วยข้อตกลงที่ลงนาม ณ ที่นี้และแพลตฟอร์มที่เรากำลังเปิดตัว เราจะช่วยระดมการลงทุน ยกระดับทักษะบุคลากร ยกระดับธุรกิจ SME ของเราสู่ดิจิทัล รวมถึงการปกป้องวัฒนธรรมและธรรมชาติ ในฐานะที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคตะวันออกกลาง ราชอาณาจักรแห่งนี้จึงจะยังคงจัดการประชุมพันธมิตรและส่งมอบผลลัพธ์ที่วัดผลได้ ดังนั้น การท่องเที่ยวจึงยังคงเป็นสะพานเชื่อมระหว่างประเทศต่างๆ และเป็นแรงขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน”

การรับรองปฏิญญาฉบับนี้เป็นสัญญาณถึงความมุ่งมั่นอีกครั้งของประชาคมนานาชาติในการผลักดันให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างเต็มที่จากการท่องเที่ยวโดยที่เรายังคงมุ่งสู่เป้าหมายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นต่อบทบาทของซาอุดีอาระเบียในฐานะผู้อำนวยความสะดวกในการเจรจาและเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่สำหรับความร่วมมือ

ในการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 26 ด้านการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ ผู้แทนยังได้ให้สัตยาบันการแต่งตั้ง Shaikha Nasser Al Nowais ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการองค์การการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติคนต่อไป ซึ่งเป็นสตรีคนแรกและมีสัญชาติ GCC ที่จะเป็นผู้นำองค์กร โดยวาระการดำรงตำแหน่งของเธอจะเริ่มต้นในต้นปี 2026

สมัชชาใหญ่ยังตรงกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ TOURISE ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มระดับโลกใหม่ที่ริเริ่มโดยซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน และขับเคลื่อนนวัตกรรมในภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก โดย TOURISE จะเป็นเวทีสำหรับผู้นำภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภาคเอกชนในการทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การลงทุนที่สร้างผลกระทบ ความยั่งยืน และการพัฒนากำลังคน เพื่อให้มั่นใจว่าภาคส่วนนี้มีความพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสในอนาคต

เกี่ยวกับกระทรวงการท่องเที่ยว

กระทรวงการท่องเที่ยวเป็นผู้นำในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย ตามวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2030 พันธกิจของกระทรวงคือ การส่งเสริมการเติบโตทั่วทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กำลังเฟื่องฟูของซาอุดีอาระเบีย สนับสนุนการกระจายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ และผลักดันให้ซาอุดีอาระเบียเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลก กระทรวงได้ปลดล็อกศักยภาพของภาคการท่องเที่ยวด้วยการร่างนโยบายและกฎระเบียบที่เป็นนวัตกรรม ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการลงทุนที่น่าดึงดูดใจ เสริมศักยภาพภาคเอกชน และฝึกอบรมบุคลากรที่มีความสามารถในประเทศเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม เป็นผู้นำ และปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย

เกี่ยวกับการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ

องค์การการท่องเที่ยวโลก (การท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ) เป็นหน่วยงานเฉพาะทางของสหประชาชาติที่ดูแลการท่องเที่ยว โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบ ความยั่งยืน และการเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง ด้วยความร่วมมือกับ 160 ประเทศสมาชิก สมาชิกสมทบ 6 ประเทศ และสมาชิกภาคีกว่า 500 ประเทศ การท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติมุ่งมั่นที่จะวางตำแหน่งการท่องเที่ยวให้เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาแบบมีส่วนร่วม และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

เกี่ยวกับ UNTGA

สมัชชาใหญ่เป็นการประชุมหลักขององค์การการท่องเที่ยวโลก (การท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ)

โดยจะมีการจัดประชุมทุกสองปีเพื่ออนุมัติงบประมาณและแผนงาน และอภิปรายประเด็นสำคัญเกี่ยวกับภาคส่วนการท่องเที่ยว ทุกสี่ปีจะมีการเลือกตั้งเลขาธิการ สมัชชาใหญ่ประกอบด้วยประเทศสมาชิกและสมาชิกสมทบ สมาชิกสมทบและตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ เข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20251111034542/en

Contacts

สำหรับการสอบถามจากสื่อ: Media-Center@mt.gov.sa

ที่มา: Ministry of Tourism Saudi Arabia
 

Kirin: การพัฒนาส่วนผสมหมักจากเชอร์รี่กาแฟเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสและกลิ่นหอมที่จะช่วยส่งเสริมความยั่งยืนของฟาร์มกาแฟ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และแก้ไขปัญหาทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2025

สถาบันเครื่องดื่มแห่งอนาคตของ Kirin Holdings Co., Ltd. ประสบความสำเร็จในการพัฒนาส่วนผสมที่ผ่านการหมักจากเชอร์รี่กาแฟ*1 ด้วยการนำเชอร์รี่กาแฟ*1 ซึ่งมักถูกทิ้งทั้งเนื้อและเปลือกกาแฟมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนความยั่งยืนของฟาร์มกาแฟและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ด้วยคุณสมบัติในการเสริมรสชาติและกลิ่นหอม ส่วนผสมนี้จึงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการดื่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำได้ โดนเราจะยังคงแสวงหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสังคมที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ต่อไป
 *1 เชอร์รี่กาแฟเป็นผลสีแดงของต้นกาแฟ โดยเมล็ดของเชอร์รี่กาแฟนี้สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการทำกาแฟได้

Coffee cherries

เชอร์รี่กาแฟ

1. วัตถุประสงค์และความเป็นมาของการพัฒนา

หลังจากสกัดเมล็ดกาแฟ ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับเมล็ดกาแฟแล้ว จะมีเยื่อและเปลือกกาแฟเชอร์รีจำนวนมากจากแหล่งผลิตทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกทิ้งไป ส่วนต่างๆ เหล่านี้มีสารประกอบต่างๆ ในปริมาณสูง เช่น คาเฟอีนและโพลีฟีนอล ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อระบบนิเวศและภาระทางสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษทางน้ำและดิน ในขณะที่บางภูมิภาคได้เริ่มดำเนินการต่างๆ เช่น การทำปุ๋ยหมักหรือการนำเปลือกกาแฟแห้งมาใช้เป็นส่วนผสมอาหาร*2 แต่หลายภูมิภาคยังคงดำเนินการกำจัดเปลือกเชอร์รี่กาแฟต่อไปเนื่องจากความท้าทายทางด้านเทคนิค เศรษฐกิจ และกฎระเบียบต่างๆ นอกจากนี้ ปัญหาระดับโลกยังคงมีอยู่เกี่ยวกับรายได้ที่ไม่แน่นอนของไร่กาแฟ ซึ่งเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคากาแฟที่ผันผวนและผลผลิตที่ต่ำเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศโคลอมเบียที่มีการจัดเก็บภาษีสิ่งแวดล้อมสำหรับการกำจัดเมล็ดเชอร์รี่กาแฟ ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระทางเศรษฐกิจให้กับไร่กาแฟ ด้วยเหตุนี้ ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีเครื่องดื่ม Kirin (ปัจจุบันคือศูนย์วิจัยอนาคตของเครื่องดื่ม) จึงได้ศึกษาการใช้เชอร์รี่กาแฟอย่างมีประสิทธิภาพมาตั้งแต่ปี 2018
 *2 ตัวอย่างได้แก่ ชา “Cascara” ที่ทำจากเปลือกเชอร์รี่กาแฟแห้ง

2. รายละเอียดการพัฒนาและความสำเร็จ

ด้วยการนำเทคโนโลยีการเพิ่มกลิ่นไวน์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Kirin ซึ่งเดิมทีพัฒนาขึ้นมาสำหรับไวน์ ทำให้เกิดส่วนผสมใหม่ขึ้นจากการหมักน้ำผลไม้สกัดและทำให้เข้มข้นขึ้นจากเชอร์รี่กาแฟโดยใช้แบคทีเรียกรดแลคติกและยีสต์ โดยพบว่าวัตถุดิบที่ผ่านการหมักนี้จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติทางประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น ความอบอุ่น ลักษณะการหมัก สัมผัสของแอลกอฮอล์ กลิ่นผลไม้ และความเข้มข้น ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์หลากหลายชนิด

การยอมรับของแบรนด์ “Kirin Tokusei”

จากผลสำรวจความพึงพอใจ*3 จากการใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มพร้อมดื่ม (RTD)*4 พบว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้นในด้านความพึงพอใจโดยรวม เช่น “ความพึงพอใจ” และ “คุณภาพระดับพรีเมียม” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเพิ่มความพึงพอใจในการดื่ม ด้วยเหตุนี้ เราจึงเริ่มนำส่วนผสมนี้มาใช้ในเครื่องดื่มแบบพร้อมดื่มแบรนด์ “Kirin Tokusei” โดยนำไปใช้ในเครื่องดื่ม “Kirin Tokusei Melon Soda Sour (ข้อเสนอแบบจำกัดเวลา)” ที่วางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2025 และ “Kirin Tokusei Mikan Cider Sour (ข้อเสนอแบบจำกัดเวลา)*5” ที่มีกำหนดวางจำหน่ายในวันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน
 *3 การสำรวจของบริษัทที่ดำเนินการในเดือนมิถุนายน 2024 ในกลุ่มผู้ชายและผู้หญิงอายุ 35-59 ปี (จำนวน 90 คน)
 *4 ย่อมาจาก Ready to Drink เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่สามารถดื่มได้ทันทีหลังจากเปิด
 *5 ผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวใหม่จาก “Kirin Tokusei” ที่มอบ “รสชาติระดับพรีเมียมที่รังสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน” — “Kirin Tokusei Mikan Cider Sour (เวลาจำกัด)”! (ในญี่ปุ่นเท่านั้น)

ผลกระทบจากการสำรวจความพึงพอใจในการใช้เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์*6

การสำรวจโดยใช้เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมนี้ยืนยันว่า “มีสัมผัสในปากที่ดีขึ้น” และ “รสชาติที่ดีขึ้น” ซึ่งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการเพิ่มความพึงพอใจในการดื่มสำหรับเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ
 *6 ผลสำรวจที่ดำเนินการในเดือนพฤษภาคม 2023 ในกลุ่มผู้ชายและผู้หญิงอายุ 30-59 ปี ที่ต้องการรสชาติที่แท้จริงในเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (จำนวน 51 คน)

3. การพัฒนาในอนาคต

  • เรามุ่งหวังที่จะมีส่วนในการสนับสนุนความยั่งยืนของฟาร์มกาแฟผ่านรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการลดขยะ โดยนำเชอร์รี่กาแฟซึ่งปัจจุบันถูกทิ้งไปแล้วมาใช้เป็นส่วนผสมที่มีคุณค่า และขยายการใช้งานให้มากขึ้น
  • เนื่องจากคุณลักษณะเฉพาะของส่วนผสมนี้ เช่น “สัมผัสในปากที่ดีขึ้น” และ “รสชาติที่ดีขึ้น” ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มความพึงพอใจในการดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำได้ เราจึงสำรวจการนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำในฐานะแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์

4. มุมมองของนักพัฒนา

  • Sayaka Tsuji สถาบันเครื่องดื่มแห่งอนาคต ฝ่ายวิจัยและพัฒนา
  •  ความคิดของเธอเกี่ยวกับการพัฒนานี้ได้รับการตีพิมพ์ในหมายเหตุ:
     https://note-kirinbrewery.kirin.co.jp/n/n038ee61f11eb (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

 เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company Limited (TOKYO:2503) เป็นบริษัทระดับนานาชาติที่ดำเนินกิจการในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม), กลุ่มยา (ธุรกิจยา) และกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก
Kirin Holdings มีรากฐานมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 ต่อมาในปี 1907 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น Kirin Brewery นับแต่นั้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีหลักในการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพ และเข้าสู่ธุรกิจยาในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ได้ก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้ง และปัจจุบันกำลังมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ
ภายใต้วิสัยทัศน์ 2027 ของ Kirin Group (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนบริหารระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group มุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็น “ผู้นำระดับโลกด้าน CSV* เพื่อสร้างมูลค่าครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงอุตสาหกรรมยา” ในอนาคต Kirin Group จะยังคงใช้จุดแข็งเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านการดำเนินธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในด้านมูลค่าองค์กร
*การสร้างมูลค่าร่วม: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20251109805401/en

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อมวลชน
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
การสอบถามสำหรับสื่อ | KIRIN – Kirin Holdings Company, Limited
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

ที่มา: Kirin Holdings Company, Limited


The Bangkok Reporter