“เดอะ สตรีท รัชดา” ชวนนักช้อปเที่ยวตลาดนัดวันธรรมดา ยกกองทัพสินค้าสไตล์วินเทจ มาไว้ที่งาน NOW weekday flea market

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–14 สิงหาคม 2563

imgศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา ร่วมกับ Cheeze Pop-Up Market ชวนนักช้อปมาชิลในงาน “NOW weekday flea market” ตลาดนัดวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา โดยยกกองทัพเสื้อผ้าและแอคเซสซอรี่แฟชั่น ของตกแต่งบ้าน ของใช้มือสอง สินค้าสไตล์วินเทจ เฟอร์นิเจอร์ ต้นไม้ และสินค้าน่าสนใจอีกมากมาย เตรียมไว้เอาใจนักช้อปอย่างจุใจ จัดขึ้นในวันพุธ พฤหัสบดี และศุกร์ ทุกสัปดาห์ที่ 2,3,4 ของเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม 2563 เวลา 15.00 – 22.00 น. ณ ลานด้านหน้า เดอะ สตรีท รัชดา

นอกจากนี้ยังจัดโซนนั่งเล่น ฟังดนตรีผ่อนคลาย และมีโซน Skate Spot เอาใจสายแอดเวนเจอร์ ให้มาร่วมสร้างบรรยากาศสนุกสนาน เป็นคอมมูนิตี้เล็กๆ ที่มาเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้วันธรรมดาไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท อินทิเกรเต็ดคอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์ โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

“ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต” พรีเซนเตอร์แลคตาซอย

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–14 สิงหาคม 2563

imgพลังล้นเหลือจริงๆ สำหรับ “ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต” พรีเซนเตอร์แลคตาซอย ที่ล่าสุดไปถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “แลคตาซอยสู้สู้…Here We Go” ชวนคนไทยมาเติมสุขภาพดีให้กับร่างกายด้วย โปรตีนจากถั่วเหลืองธรรมชาติและกรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด บอกได้เลยว่างานนี้หนุ่มไอซ์ ทั้งร้อง เต้น วิ่ง ท้าแดดท้าลมท้าฝนสุดๆ  เรียกได้ว่าเป็นการถ่ายทำที่จัดเต็มมาก เจ้าตัวบอกว่าขอทุ่มสุดตัว สู้สุดใจ เพื่อให้มีผลงานดีๆ ออกมาให้ทุกคนได้รับชมกัน ติดตามชมภาพยนตร์โฆษณาแลคตาซอยชุดใหม่กันได้แล้ววันนี้…..

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

จ๊อบไทย เผยความต้องการแรงงานครึ่งปีแรก โควิด-19 ทำธุรกิจลดการจ้างงานสูงสุด 75% สายงานแพทย์/สาธารณสุข เนื้อหอมสุดในช่วงโควิด-19

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–13 สิงหาคม 2563

imgจ๊อบไทย (JobThai) ผู้ให้บริการหางาน สมัครงาน ออนไลน์ อันดับ 1 ของประเทศไทย ซึ่งให้บริการเข้าสู่ปีที่ 20 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมข้อมูลความต้องการแรงงานขององค์กรในจ๊อบไทยแพลตฟอร์ม พบว่า องค์กรมีความต้องการแรงงานในช่วงครึ่งปีแรกรวมกันอยู่ที่ 303,776 อัตรา (เป็นการนับจำนวนอัตราแบบไม่ซ้ำกัน) ซึ่งมีการเปิดรับสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 124,629 อัตรา แต่ในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายนการจ้างงานลดลง 16.5% เทียบกับเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นและกระจายวงกว้างมากขึ้น ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนด้านผู้ใช้งาน หางาน สมัครงาน มีการใช้งานมากกว่า 11 ล้านคน เติบโตขึ้น 7.5%  ซึ่งมีการสมัครงาน 8,876,727 ครั้ง เติบโตขึ้น 31.0% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการจ๊อบไทย (JobThai)
กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับภาพรวมตลาดแรงงาน จากการรวบรวมและวิเคราะห์ฐานข้อมูลงานในจ๊อบไทยแพลตฟอร์ม เพื่อรายงานสถานการณ์ความต้องการแรงงานและพฤติกรรมความต้องการของผู้สมัครงานทั่วประเทศ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ดังนี้

  • 5 ประเภทธุรกิจมีความต้องการแรงงานมากที่สุด
  1. อาหารเครื่องดื่ม 58,724 อัตรา แม้การผลิตในอุตสาหกรรมอาหารไตรมาสที่ 1 ปี 2563 จะปรับตัวลดลง (ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม) แต่ผู้บริโภคยังคงมีการใช้จ่ายในหมวดสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ทำให้ประเภทธุรกิจนี้ยังคงมีความต้องการแรงงานมาเป็นอันดับแรก ซึ่งลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 22.9%
  2. บริการ 44,750 อัตรา ความต้องการแรงงานในธุรกิจประเภทนี้จะเป็นธุรกิจบริการที่นอกเหนือจากธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาคท่องเที่ยว  เช่น ธุรกิจบริการทำความสะอาด ธุรกิจบริการด้านระบบ ธุรกิจบริการฝึกอบรม
  3. ก่อสร้าง 41,353 อัตรา SCB EIC ได้ประเมินว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการยังคงสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างจะมีแนวโน้มหดตัวตามเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงมาก ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บางส่วนเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป แต่การก่อสร้างโครงการภาครัฐยังคงมีแรงขับเคลื่อนจากโครงการเมกะโปรเจกต์คมนาคม เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการสนามบิน โครงการท่าเรือ โครงการมอเตอร์เวย์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
  4. ยานพาหนะ/ชิ้นส่วนยานยนต์ 39,883 อัตรา ผลจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อยอดการจำหน่ายและการผลิตรถยนต์ในประเทศและการส่งออกให้ชะลอตัวลง และยังกระทบต่อเนื่องไปยังผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ผู้ผลิตอุปกรณ์ตกแต่งภายในรถยนต์ รวมถึงตัวแทนจำหน่าย (ที่มา : สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) แม้ธุรกิจนี้จะอยู่ในห้าอันดับแรกที่ต้องการแรงงานมากแต่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนพบว่าความต้องการแรงงานลดลงถึง 31.8%
  5. ค้าปลีก 37,482 อัตรา ธุรกิจค้าปลีกโดยรวมมีผลกระทบค่อนข้างมาก ยกเว้นสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีวิต เช่น อาหารและของใช้ส่วนตัว ทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ ยังคงมีความต้องการแรงงาน

  • 5 ประเภทธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานน้อยที่สุด
  1. ธุรกิจท่องเที่ยว 1,690 อัตรา การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้นในทุกด้าน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่หดตัวรุนแรงหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยที่มีประกาศใช้มาตรการจํากัดการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งความต้องการแรงงานในธุรกิจนี้ลดลงถึง 65.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย)
  2. ธุรกิจความบันเทิง 2,075 อัตรา เป็นอีกอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศปิดสถานที่สาธารณะต่าง ๆ ประกอบกับมาตรการควบคุมโรค โดยห้ามการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนเป็นจำนวนมาก รวมถึง การถ่ายทำภาพยนตร์ ละคร ซีรีย์ โฆษณา
  3. ธุรกิจกระดาษ/เครื่องเขียน 2,200 อัตรา ธุรกิจกระดาษที่เกี่ยวเนื่องกับสื่อสิ่งพิมพ์มีความต้องการลดลง ส่วนธุรกิจกระดาษที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แม้มีความต้องการใช้เติบโตขึ้น แต่โดยภาพรวมจะเห็นว่าธุรกิจนี้อยู่ในกลุ่มที่มีความความต้องการแรงงานน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น ๆ ในจ๊อบไทยแพลตฟอร์ม
  4. ธุรกิจโรงแรม/Resort/Spa/สนามกอล์ฟ 2,820 อัตรา จากมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติในไทยลดลง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจที่กลุ่มนี้ ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้มีการจ้างงานลดมากที่สุด โดยลดลงถึง 75.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
  5. ธุรกิจอัญมณี/เครื่องประดับ 3,092 อัตรา การผลิตและจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับปรับตัวลดลง เนื่องจากการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศลดลง ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสองธุรกิจที่สภาอุตสาหกรรมประเมินว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมาก

  • 5 สายงานที่องค์กรเปิดรับมากที่สุด อันดับหนึ่ง ขาย คิดเป็น 19.9% อันดับสอง ช่างเทคนิค คิดเป็น  10.3% อันดับสาม ผลิต/ควบคุมคุณภาพ คิดเป็น 7.9% อันดับสี่ วิศวกร คิดเป็น 5.8% อันดับห้า ธุรการ/จัดซื้อ คิดเป็น 5.7%
  • 5 สายงานที่คนสมัครมากที่สุด อันดับหนึ่ง ธุรการ/จัดซื้อ คิดเป็น 12.7% อันดับสอง ขาย คิดเป็น 9.5% อันดับสาม ผลิต/ควบคุมคุณภาพ คิดเป็น 9.1% อันดับสี่ งานบุคคล/ฝึกอบรม คิดเป็น 6.2% อันดับห้า ขนส่ง-คลังสินค้า คิดเป็น 6.1%
  • 5 สายงานยอดนิยมที่มีอัตราการแข่งขันสูง พบว่า งานที่มีอัตราการแข่งขันสูงที่สุด คือ นำเข้า-ส่งออก มีการแข่งขันอยู่ที่ 10.2 คน ต่อ 1 อัตรา อันดับสอง บุคคล/ฝึกอบรม โดยมีการแข่งขันอยู่ที่ 9.9 คน ต่อ 1 อัตรา อันดับสาม เลขานุการ การแข่งขันอยู่ที่ 9.4 คน ต่อ 1 อัตรา อันดับสี่ วิทยาศาสตร์/วิจัย การแข่งขันอยู่ที่ 8.2 คน ต่อ 1 อัตรา อันดับห้า วิเคราะห์/เศรษฐศาสตร์ การแข่งขันอยู่ที่ 7.2 คน ต่อ 1 อัตรา
  • 5 นิคมอุตสาหกรรมที่ต้องการแรงงานมากที่สุด อันดับหนึ่ง นิคมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง 3,374 อัตรา
    อันดับสอง นิคมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี 3,140 อัตรา อันดับสาม นิคมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี 2,789 อัตรา อันดับสี่ สวนอุตสาหกรรมโรจนะอยุธยา 2,339 อัตรา อันดับห้า เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ปทุมธานี 2,264 อัตรา
  • 5 องค์กรที่มีอัตราการเปิดรับมากที่สุด อันดับหนึ่ง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อันดับสอง บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) อันดับสาม บริษัท เซ็นทรัลเรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด อันดับสี่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด อันดับห้า บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
  • 5 องค์กรที่มีคนสมัครมากที่สุด อันดับหนึ่ง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อันดับสอง บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) อันดับสาม บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) อันดับสี่ กลุ่มบริษัทเครือเบทาโกร จำกัด อันดับห้า บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 

นักศึกษาจบใหม่ในปีนี้ต้องเผชิญกับภาวะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นต้องมีการปรับตัวอยู่เสมอเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและพร้อมรับมือกับอนาคต สำหรับสายงานที่เปิดรับนักศึกษาจบใหม่ มีดังนี้

  • 5 สายงานที่องค์กรเปิดรับนักศึกษาจบใหม่ปริญญาตรีมากที่สุด อันดับหนึ่ง ขาย คิดเป็น 23.3% อันดับสอง บริการ คิดเป็น 11.8% อันดับสาม ธุรการ/จัดซื้อ คิดเป็น 9.0% อันดับสี่ วิศวกร คิดเป็น 7.2% อันดับห้า ช่างเทคนิค คิดเป็น 7.1%
  • 5 สายงานที่นักศึกษาจบใหม่ปริญญาตรีสมัครมากที่สุด อันดับหนึ่ง ธุรการ/จัดซื้อ คิดเป็น 15.8%
    อันดับสอง วิศวกร คิดเป็น 10.3% อันดับสาม ขาย คิดเป็น 9.5% อันดับสี่ ผลิต/ควบคุมคุณภาพ คิดเป็น 8.0% อันดับห้า บริการ คิดเป็น 7.1%

เมื่อดูข้อมูลเชิงลึกในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่า ช่วงก่อนการระบาดในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์มีแนวโน้มการจ้างงานที่สูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเดือนมกราคม มีอัตราการเปิดรับ 119,122 เพิ่มขึ้น 8.7% จากธันวาคม 2562 และเดือนกุมภาพันธ์ มีอัตราการเปิดรับ 124,629 เพิ่มขึ้น 4.6% จากมกราคม 2563 โควิด-19 เริ่มมีการระบาดมากในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน รวมทั้งมีการออกมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อทำให้หลายสถานประกอบการจำเป็นต้องปิดกิจการชั่วคราว ตลอดทั้งการประกาศเคอร์ฟิว ส่งผลให้ความต้องการแรงงานลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนมีนาคม มีอัตราการเปิดรับ 112,220 ลดลง 10.0% จากกุมภาพันธ์ 2563 และลดลงหนักสุดในช่วงเดือนเมษายน มีอัตราการเปิดรับ 91,382 ซึ่งลดลง 18.6% จากมีนาคม 2563 ส่วนเดือนพฤษภาคม อัตราที่เปิดรับ 86,966 ลดลง 4.8% จากเมษายน 2563 เดือนมิถุนายน อัตราที่เปิดรับ 90,347 เพิ่มขึ้น 3.9% จากพฤษภาคม 2563

  • 5 ประเภทธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2562 อันดับหนึ่ง ธุรกิจโรงแรม ลดลง 75.7% อันดับสอง ธุรกิจท่องเที่ยว ลดลง 65.8% อันดับหนึ่งและสองเป็นผลกระทบโดยตรงการท่องเที่ยวที่หดตัวรุนแรง อันดับสาม ธุรกิจที่ปรึกษา ลดลง 38.9% อันดับสี่ ธุรกิจสิ่งทอ ลดลง 37.9% อันดับห้า ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ลดลง 36.6%

  • 5 ประเภทธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางลบน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2562 พบว่า อันดับหนึ่ง ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม รับเพิ่ม 38.7% อันดับสอง ธุรกิจพลังงาน รับเพิ่ม 0.3% อันดับสาม ธุรกิจคอมพิวเตอร์/ไอที ลดลง 5.2% อันดับสี่ ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์/เครื่องใช้ในบ้าน ลดลง 9.0% อันดับห้า ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ลดลง 9.4%

หากแบ่งข้อมูลออกเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงก่อนระบาดหนัก (มกราคม-กุมภาพันธ์) ช่วงระบาดหนักและล็อกดาวน์ (มีนาคม-เมษายน) และ ช่วงคลายล็อกดาวน์ (พฤษภาคม-มิถุนายน) พบว่า ช่วงระบาดหนักและล็อกดาวน์ มีสายงานเดียวที่เปิดรับคนเพิ่มขึ้น คือ แพทย์/เภสัชกร/สาธารณสุข เพิ่มขึ้น 0.5% ส่วนช่วงคลายล็อกดาวน์ มีการเปิดรับ Freelance เพิ่มขึ้น 36.4%

นางสาวแสงเดือน กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาสถานการณ์ด้านตลาดแรงงานมีความผันผวนจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 องค์กรต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้ทันต่อสถานการณ์อยู่เสมอ คนทำงานเองต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนการทำงานของตัวเองอยู่ตลอดเวลา การพัฒนาทักษะอยู่ตลอดเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการทำงานยุคนี้ สำหรับทิศทางของตลาดแรงงานจากนี้ไปคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เมื่อเราดูสถิติช่วงต้นเดือนกรกฎาคม พบว่า สายอาชีพที่มีแน้วโน้มเปิดรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ Freelance, อาจารย์/ครู, แพทย์/เภสัชกร/สาธารณสุข สำหรับการหางาน สมัครงานในจ๊อบไทยมีการเติบโตขึ้นมาก ซึ่งจ๊อบไทยได้ออกฟีเจอร์การค้นหางานที่ให้ทำงานที่บ้านได้ (Work from Home) และค้นหางานที่เปิดรับสัมภาษณ์ออนไลน์ เพื่อสร้างความสะดวก ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการและคนหางานด้วย

อย่างไรก็ตาม จากฐานข้อมูลของจ๊อบไทยยังมีตำแหน่งงานจากบริษัทชั้นนำทั่วประเทศ สำหรับผู้ที่ต้องการหางาน สมัครงาน สามารถใช้งานได้ที่ www.jobthai.com หรือดาวน์โหลด JobThai Application ทั้งในระบบ  iOS, Android และ HUAWEI AppGallery

###

สื่อมวลชนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354-3599 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์ โทร. 081-984-5500 Email: usanee@incom.co.th

สถาบันประสาทวิทยาจับมือกสิกรไทย เปิดตัวแอป PNI PLUS ตัวช่วยพบแพทย์ยุคนิวนอร์มอล ลดความแออัดในการรับบริการ เข้าถึงได้ทุกสิทธิ์การรักษา

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–13 สิงหาคม 2563

imgสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย เปิดตัว PNI PLUS แอปพลิเคชันทันยุครับชีวิตวิถีใหม่เป็นเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการการรักษาโรคสมองและระบบประสาทไขสันหลังสำหรับคนไทยทั้งประเทศให้ง่ายขึ้น ช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาล ตอบโจทย์การใช้บริการที่สะดวกรวดเร็วขึ้น

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดี กรมการแพทย์ เปิดเผยว่า PNI PLUS เป็นแอปพลิเคชันที่จะช่วยทำให้โรงพยาบาลของรัฐก้าวสู่ความเป็น Smart Hospital ที่แท้จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ระยะห่างระหว่างผู้ให้บริการทางด้านสาธารณสุขกับประชาชนคนไทยผู้รับบริการห่างออกไป ตรงกันข้ามแอปพลิเคชัน PNI PLUS จะเป็นตัวกลางที่เพิ่มความสามารถในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ด้านโรคสมองและระบบประสาทไขสันหลังของประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น  ซึ่งสถาบันประสาทวิทยามุ่งเน้นพัฒนาการให้บริการที่ง่ายและสะดวกมาก โดยเริ่มต้นจากที่บ้าน ตั้งแต่การลงทะเบียนผู้ป่วย ตรวจสอบสิทธิ์การรักษาซึ่งเป็นแนวทางปกติของโรงพยาบาลภาครัฐ สามารถทราบขั้นตอนและจำนวนคิวที่ต้องรอ โดยในระหว่างนี้ ผู้รับบริการสามารถไปนั่งรับประทานอาหาร หรือทำธุระต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องคิวตรวจ และเมื่อใกล้ถึงเวลารับบริการจะมีการแจ้งเตือน จึงค่อยเดินทางมายังจุดรับบริการ ซึ่งถือเป็นการให้บริการแบบวิถีใหม่หรือนิวนอร์มอล (New Normal) ที่จะช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลของรัฐทั้งในช่วงเวลาปกติ และในช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเช่นในปัจจุบัน

นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา เปิดเผยว่าแอปพลิเคชัน PNI PLUS ได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อนเพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ของสถาบันประสาทวิทยาเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มคนไข้หลักของสถาบันประสาทวิทยาและบางส่วนเป็นผู้ป่วยทุพพลภาพที่มีความยากลำบากต่อการเข้ามารับการรักษาในแต่ละครั้งจึงต้องมีญาติมาด้วย โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยมารักษาประมาณ 400-600 รายต่อวัน หรือกว่า 9,900-12,000 รายต่อเดือน โดยในวันที่มีคลินิกเฉพาะโรคจะมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอีก 250-350 รายต่อวัน ซึ่งเป็นจำนวนที่ค่อนข้างหนาแน่น ทำให้ผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการต้องรอคอยเป็นเวลานาน ดังนั้นการจะนำเทคโนโลยีใดมาใช้จึงต้องทำให้ขั้นตอนการเข้ารับบริการง่ายขึ้น สะดวกสบายขึ้น แต่หากผู้รับบริการท่านใดไม่ถนัด ก็ยังเปิดช่องทางให้บริการแบบปกติ ซึ่งจะได้รับการบริการที่สะดวกสบายไม่แตกต่างจากการใช้แอปพลิเคชัน เนื่องจากเมื่อมีผู้รับบริการส่วนหนึ่งหันไปใช้แอปพลิเคชัน ก็จะทำให้ผู้ขอรับบริการตามช่องทางปกติมีจำนวนลดลง จึงเพิ่มความคล่องตัวและความสะดวกสบายแก่ผู้ที่ไม่ถนัดใช้แอปพลิเคชัน สำหรับผู้ที่ใช้ PNI PLUS ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดคือ การลดระยะเวลาการใช้บริการในแต่ละขั้นตอน ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วย หรือญาติผู้ป่วยจัดสรรเวลาพบแพทย์ในแต่ละครั้งได้ดียิ่งขึ้น

นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาธนาคารได้ร่วมพัฒนาแอปพลิชันให้แก่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมาแล้วหลายแห่ง  โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ธนาคารมีความเชี่ยวชาญ มาร่วมพัฒนาแอปพลิเคชันทางการแพทย์ให้คนไทยสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งครั้งนี้ได้ร่วมมือกับสถาบันประสาทวิทยา สถาบันทางการแพทย์เฉพาะทางโรคสมองและระบบประสาทไขสันหลังของกรมการแพทย์ ที่มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจำนวนมากในแต่ละวัน การลดภาระและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการจึงเป็นโจทย์สำคัญ ซึ่งแอปพลิเคชัน PNI PLUS เอื้อประโยชน์ทั้งต่อ “ผู้รับบริการ” ได้แก่ ผู้ป่วย และญาติผู้ป่วย ที่ช่วยลดเวลาการเข้ารับบริการในขั้นตอนต่าง ๆ ที่สั้นลง และ “ผู้ให้บริการ” ได้แก่ แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่สามารถบริหารจัดการการให้บริการของโรงพยาบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยลดงานการให้บริการที่ไม่จำเป็นลง มีเวลาไปปฏิบัติงานอื่นที่เพิ่มคุณค่าให้กับโรงพยาบาลและผู้รับบริการมากขึ้น

นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังได้เชื่อมต่อบริการทางการเงิน ให้สามารถชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน PNI PLUS ได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต QR CODE หรือโอนเงินผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS  ซึ่งสร้างความสะดวกให้กับผู้รับบริการที่สามารถชำระเงินค่ารักษาภายใน 5 นาที จากเดิมที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และผู้ใช้บริการยังสามารถบริจาคเงินให้กับสถาบันประสาทวิทยา ผ่านระบบ e-Donation บนแอปพลิเคชันเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี โดยไม่จำเป็นต้องเก็บหลักฐานการบริจาค นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อการบริหารจัดการเงินของสถาบันประสาทวิทยา เช่น ลดความยุ่งยากด้านการบริหารเงินสดประจำวัน  และลดภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในห้องการเงิน เป็นต้น อีกทั้งตัวแอปพลิเคชัน ยังจะบันทึกข้อมูลการวินิจฉัยของแพทย์ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ประวัติการรับยา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยสำหรับกรณีฉุกเฉิน หรือเพื่อการรับการรักษาต่อต่างโรงพยาบาล โดยธนาคารกำลังพัฒนาแอป PNI PLUS ให้สามารถชำระเงินและเพิ่มข้อมูลผลการตรวจต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ในช่วงต้นปีหน้า

ทั้งนี้ ผู้รับบริการของสถาบันประสาทวิทยาสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน PNI PLUS โดยสามารถค้นหาได้จากทั้งระบบปฎิบัติการ Android และ IOS เมื่อดาวน์โหลดแล้วก็สามารถเปิดใช้บริการได้ทันที โดยสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ พร้อมที่จะพัฒนาระบบการให้บริการควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการบริการ เพื่อประชาชนคนไทยมีสุขภาพดี เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการทางด้านสาธารณสุขมีความสุข เพื่อระบบสุขภาพของคนไทยที่ยั่งยืน

คาลเท็กซ์ คืนความสุขให้แก่ลูกค้า ประเดิมเสิร์ฟ สตาร์บัคส์ ในปั๊มแล้ววันนี้

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSiNESS NEWS)–6 สิงหาคม 2563

imgบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันคุณภาพระดับโลกภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์” ร่วมกับ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ผู้นำด้านวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ มุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์แห่งความสุขให้กับลูกค้าหลังวิกฤตโควิด-19 เปิดให้บริการร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ไดร์ฟทรู ในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคแบบครบวงจร สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ Smart Partnership พร้อมเติมความสุขทุกเส้นทางไปกับคาลเท็กซ์

นางอลิซ พอตเตอร์ ประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “คาลเท็กซ์มุ่งมั่นนำเสนอประสบการณ์แห่งความสุขให้แก่ลูกค้า ภายหลังจากที่ประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ต่าง ๆ ลง จึงเปิดให้บริการร้านกาแฟ สตาร์บัคส์ ไดร์ฟทรู ในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์อย่างเป็นทางการ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนไทยในปัจจุบันที่นิยมดื่มกาแฟกันมากขึ้น โดยร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ไดร์ฟทรู สาขาแรกที่เปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ อยู่ที่สาขารังสิต คลอง 3 (บจก. ดาวธัญบุรี) จังหวัดปทุมธานี ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญของคาลเท็กซ์ในการร่วมมือกับพันธมิตรค้าปลีกด้านธุรกิจร้านกาแฟอย่าง สตาร์บัคส์ แบรนด์กาแฟระดับโลกที่มีสาขากว่า 25,000 แห่งทั่วโลก ในการเติมเต็มประสบการณ์แห่งความสุขในการเดินทาง”

“สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ รังสิต คลอง 3 (บจก. ดาวธัญบุรี) ตั้งอยู่บนถนน รังสิต – นครนายก จังหวัดปทุมธานี ได้รับการปรับปรุงให้เป็นสถานีบริการน้ำมันในรูปแบบ “Caltex Smart Station” ที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างของสถานีบริการน้ำมันรูปโฉมใหม่ ไม่ว่าจะเป็น แท่นจ่ายน้ำมัน หลังคา และเสา ที่ออกแบบให้มีความสง่างามและร่วมสมัย สอดรับกับการออกแบบตัวอาคารของร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ไดร์ฟทรู ภายใต้แนวความคิดที่จะสร้าง Community Place แห่งใหม่ในย่านรังสิต ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมด้านขนาน ตกแต่งอาคารด้วยโทนสีเข้ม เพื่อขับให้ตัวอาคารของทั้งสองแบรนด์โดดเด่น สะดุดสายตาไปพร้อม ๆ กัน โดยนอกจากลูกค้าจะสามารถแวะพักจิบกาแฟที่ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ไดร์ฟทรู แล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก และบริการเพิ่มเติมให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการสถานีบริการน้ำมันแห่งนี้ อาทิ ร้านซับเวย์ (Subway) ร้านสะดวกซื้อ มินิ บิ๊กซี ร้านเบเกอรี่ กาโตว์เฮ้าส์ ร้านราดหน้านายเคี้ยงเอ็มไพร์ ร้านเจียง ร้านโชคดี ติ่มซำ ฯลฯ ควบคู่ไปกับการแวะเติมน้ำมันคุณภาพระดับโลก ซึ่งก็คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค และผู้ใช้รถที่เข้ามาใช้บริการสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์แห่งนี้” นางอลิซ กล่าวพร้อมให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า

 “ความร่วมมือกับ สตาร์บัคส์ ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจด้านพันธมิตร หรือ Smart Partnership ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักทางธุรกิจของคาลเท็กซ์ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน เสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานีบริการน้ำมันแบบครบวงจร พร้อมขยายบริการและเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการให้มากกว่าการเข้ามาเติมน้ำมันเพียงอย่างเดียว โดยความร่วมมือกับสตาร์บัคส์จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันนอกจากสาขารังสิต คลอง 3 จังหวัดปทุมธานีแล้ว ยังมีร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ไดร์ฟทรู เปิดให้บริการร่วมกับ สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์  ภายใน โครงการเดียวกัน เช่น โครงการ พอร์โต โก้ ท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร และโครงการ เดอะมู้ด นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม อีกทั้งร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ไดร์ฟทรู มีแผนที่จะเปิดสาขาภายในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์แห่งใหม่ อาทิ สาขาพระราม 2 สาขาถนนบรมราชชนนี และ สาขาติวานนท์  เพื่อดึงดูดผู้ใช้รถให้เข้ามาใช้บริการ และช่วยสร้างการเติบโตโดยรวมให้กับธุรกิจในอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ บริษัทฯ มีพันธมิตรธุรกิจค้าปลีก ทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ศูนย์บริการเปลี่ยนยาง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ศูนย์ซ่อมเบา ล้างรถ ฯลฯ อีกทั้งยังคงเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรค้าปลีก  อื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง”

ด้าน นางเนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “สตาร์บัคส์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “คาลเท็กซ์” ในการยกระดับการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและผู้ใช้รถในประเทศไทย เพื่อส่งมอบประสบการณ์ สตาร์บัคส์ ทั้งในด้านการรังสรรค์กาแฟคุณภาพเยี่ยม บริการที่เป็นกันเองจากพาร์ทเนอร์ และการเป็นบ้านหลังที่ 3 หรืออีกสถานที่หนึ่ง ระหว่างบ้าน ที่ทำงาน หรือสถานที่แวะพักระหว่างเดินทาง ที่ช่วยมอบความรื่นรมย์ให้แก่ลูกค้าระหว่างการเดินทาง สตาร์บัคส์ สาขาสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ รังสิต คลอง 3 (บจก. ดาวธัญบุรี) นี้ นอกจากจะเป็นสตาร์บัคส์สาขาแรกในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์แล้ว ยังเป็นสาขาที่มีบริการไดร์ฟทรู ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal ที่มองหาความสะดวกสบาย และสุขอนามัยในการแวะเลือกซื้อเครื่องดื่มแก้วโปรดและเมนูต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน”

# # #

แลคตาซอย เดินหน้าโครงการ “แลคตาซอยรักษ์ไทย” สร้างอาชีพวิสาหกิจชุมชนหัตกรรมกระจูดวรรณี ฝ่าวิกฤติโควิด-19

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–6 สิงหาคม 2563

imgต้องยอมรับว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้สร้างผลกระทบเป็นอย่างมาก ทำให้ทุกชีวิตต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน ทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด มีหลายคนหันมาใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อสร้างรายได้กันมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ทำให้สามารถก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ 

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหัตกรรมกระจูดวรรณี จังหวัดพัทลุง ก็เช่นกัน จากเดิมที่ผลิตสินค้าจาก “ต้นกระจูด” ซึ่งมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เดิมนำต้นกระจูดมาแปรรูปเป็นเสื่อและของใช้ในครัวเรือน จากนั้นได้ต่อยอดด้วยการใส่งานดีไซน์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้เสื่อธรรมดากลายเป็นกระเป๋า เฟอร์นิเจอร์ ดีไซน์เรียบหรู ที่มีกลิ่นไอของวัฒนธรรมพื้นบ้านผสมผสานกับความร่วมสมัย  ตลาดหลักคือ กลุ่มโรงแรม ร้านสปา นอกจากนี้ยังส่งออกไปญี่ปุ่น  แต่เมื่อประสบกับวิกฤติโควิด-19 ทำให้ต้องเปลี่ยนแนวการทำตลาดมาขายสินค้าผ่านออนไลน์แทน   

 “วิกฤติโควิด-19 ทำให้ชาวบ้านในกลุ่ม 56 ชีวิต ได้รับผลกระทบอย่างหนัก รายได้ที่เคยมี 300-400 บาทต่อวัน หดหายกลายเป็นศูนย์   โรงแรม ร้านสปาที่เคยสั่งซื้อสินค้าก็หยุดการสั่งซื้อ  ร้านค้าที่ฝากขายหน้าร้านก็ปิด ทำให้สินค้าที่ผลิตออกมาค้างสต๊อค  ตอนนั้นปรึกษากันในกลุ่มว่า ทำอย่างไรก็ได้ที่จะทำให้สมาชิกทุกคนมีรายได้ จึงหันมาขายออนไลน์ผ่านหน้าเพจ Varnicarft ” “มนัทพงค์ เซ่งฮวด” หรือ “นัท” หัวหน้ากลุ่มวิสาหกิจชุมชนหัตกรรมกระจูดวรรณี จังหวัดพัทลุง กล่าวถึงการได้รับผลกระทบจากโควิด-19

แต่นับเป็นความโชคดี เพราะเมื่อนำสินค้ามาโพสต์ขายผ่านช่องทางออนไลน์  ทำให้ บริษัท แลคตาซอย จำกัด ซึ่งให้ความสำคัญในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19  ได้เห็นและเข้ามาสนับสนุนผลิตภัณฑ์ “กระเป๋ากระจูด” ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหัตกรรมกระจูดวรรณี จังหวัดพัทลุง ผ่านโครงการ “แลคตาซอยรักษ์ไทย” โดยนำมาบรรจุอยู่ใน สเปเชียลเซ็ท “แลคตาซอยรักษ์ไทย” ที่ประกอบไปด้วยนมถั่วเหลืองคุณภาพดี จัดเข้าชุดอย่างลงตัวกับกระป๋ากระจูด ที่มีสีสันสวยงามและลวดลายในการสานมีดีไซน์ที่ร่วมสมัยและมีความเป็นสากล

มนัทพงค์ ได้เปิดใจถึงความรู้สึกที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการนี้ว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่แลคตาซอยได้เปิดโอกาสให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ทำให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีรายได้  มีงานทำ เพราะกว่าจะได้ผลิตภัณฑ์จากต้นกระจูดสัก 1 ชิ้น  เริ่มต้นกระบวนการผลิตตั้งแต่การนำต้นกระจูดมาคลุกดินขาว  ตากแดดให้แห้ง  รีดให้แบน  และนำมาถักทอด้วยมือโดยใส่ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ลงไปจนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์  เรียกได้ว่าทุกขั้นตอนต้องผ่านการรังสรรค์จากมือของชาวบ้านถึง 9 คน เลยทีเดียว

“แลคตาซอยภูมิใจ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ชาวบ้านได้มีอาชีพและมีรายได้ ในยามที่ต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 โดยสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากต้นกระจูดของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหัตกรรมกระจูดวรรณี จังหวัดพัทลุง นับเป็นอีกผลิตภัณฑ์อันทรงคุณค่าและมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น  ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เข้าไปสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของชุมชนหมู่บ้านผ้าย้อมคราม จ.อุดรธานี   และหลังจากนี้ยังมีวิสาหกิจและชุมชนอีกหลายแห่งที่แลคตาซอยจะเข้าไปสนับสนุน  เพื่อให้พวกเขาได้มีอาชีพ มีรายได้ มีกำลังใจที่จะประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวต่อไป” นางสาวมัลลิกา จิรพัฒนกุล ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัท แลคตาซอย จำกัด กล่าวถึงความภูมิใจที่ได้ทำโครงการดี ๆ อย่างแลคตาซอยรักษ์ไทย ที่ช่วยสร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน ทั้งยังส่งเสริมสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยอีกด้วย

แลคตาซอยรักษ์ไทย เป็นหนึ่งในสเปเชียลเซ็ทสุดน่ารัก ที่แลคตาซอยได้รังสรรค์ขึ้น เพื่อเอาใจผู้บริโภคที่ต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ไปฝากคนที่รักและห่วงใย ให้ได้มีสุขภาพที่ดีไปด้วยกัน จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยในเซ็ทประกอบด้วย นมถั่วเหลืองแลคตาซอย โกลด์ซีรีย์ บรรจุ 12 กล่อง 4 รสชาติเข้มข้น  ได้แก่ คอลลาเจนไฟเบอร์ ขนาด 180 ml. จำนวน 3 กล่อง ชาเขียวมัทฉะ ขนาด 180 ml. จำนวน 3 กล่อง  เอ็กซ์ตร้าช็อกโก ขนาด 180 ml. จำนวน 3 กล่อง  และ ไฮแคลเซียม ผสมโสมสกัด ขนาด 180 ml. จำนวน 3 กล่อง จัดเข้าเซ็ทกันอย่างลงตัวกับกระเป๋ากระจูด Handcraft ที่มาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหัตกรรมกระจูดวรรณี จังหวัดพัทลุง โดยผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อแลคตาซอยสเปเชียลเซ็ท ได้แล้วที่ https://www.lactasoy.com/shop/

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร. 081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

 

“ฟาร์มเฮ้าส์” คว้ารางวัล No.1 Brand Thailand 2019-2020 ครองใจผู้บริโภคต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน ลุยทำตลาดสินค้าใหม่ พร้อมจัดโปรโมชันซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ เดลิเวอรี่ เพื่อผู้บริโภค

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–3 สิงหาคม 2563

imgบริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบเกอรี่ ภายใต้แบรนด์“ฟาร์มเฮ้าส์” คว้ารางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2020” แบรนด์ยอดนิยมที่ครองใจผู้บริโภคเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ในหมวดขนมปังถึง 3 ปีซ้อน มุ่งเน้นทำสินค้าคุณภาพเพื่อผู้บริโภค พร้อมลุยทำตลาดสินค้าใหม่ในครึ่งปีหลัง และตั้งเป้ายอดขายปี 2563 ไม่ต่ำกว่า 7,500 ล้านบาท

นายพัน ใจบุญ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ฟาร์มเฮ้าส์รู้สึกยินดีและภูมิใจที่ได้รับรางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2019-2020 ในหมวด
แบรนด์ขนมปังต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และขอขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนกันมากว่า 38 ปี ซึ่งฟาร์มเฮ้าส์ได้มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าที่สดใหม่ ทันสมัย และมีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมาโดยตลอด นอกจากนี้เรายังทำการตลาดและโปรโมทสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักสินค้าใหม่ตลอดทั้งปี โดยตั้งเป้ายอดขายสินค้าในปี 2563 นี้ ไว้ที่ 7,500 ล้านบาท”

สำหรับการทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ฟาร์มเฮ้าส์ลุยทำการตลาดสินค้าใหม่ เค้กโมจิ 2 รสชาติ คือ เค้กโมจิดับเบิ้ลช็อกโกแลต และ เค้กโมจิครีมนมเนยอัลมอนด์ ซึ่งเป็นเค้กที่มีแป้งนุ่มหนึบ พร้อบกับไส้ครีมที่หอมอร่อยไม่เหมือนใครในราคา 13 บาท โดยสามารถรับชมโฆษณาสินค้าใหม่ได้ทาง shorturl.at/euHS6 นอกจากนี้ฟาร์มเฮ้าส์ยังได้จัดแคมเปญ “Farmhouse Delivery” ส่งไว สดใหม่ ได้คุณภาพ โดยเน้นการสั่งซื้อสินค้าผ่าน Line @farmhousethai มียอดขั้นต่ำ 150 บาท โดยลูกค้าสามารถเลือกสินค้าทั้งหมดกว่า 100 ชนิด และทางฟาร์มเฮ้าส์จะจัดส่งตรงจากโรงงาน ภายในเส้นทางการส่งสินค้าของฟาร์มเฮ้าส์ทั่วประเทศ รวมถึงจัดโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะช่องทาง Online Delivery อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความคุ้มค่าทั้งราคาและคุณภาพ โดยสามารถติดตามข่าวสารได้ทางไลน์ หรือ เฟซบุ๊ก farmhousethai และเว็บไซต์ www.farmhouse.co.th

“ปีนี้เป็นปีที่ทุกคนได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ซึ่งทางฟาร์มเฮ้าส์ก็ได้รับผลกระทบด้วยปัจจัยต่าง ๆ ทั้งการปิดห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และนักท่องที่ยวต่างชาติ อย่างไรก็ตามเรายังคงมุ่งเน้นให้ทำสินค้าที่มีคุณภาพ และสามารถช่วยให้ผู้บริโภคประหยัดขึ้น แต่ยังได้รับประโยชน์และรสชาติที่ดีจากขนมปังของเราเช่นเคย นอกจากนี้เรายังพร้อมสนับสนุนหน่วยงานทางการแพทย์ และแหล่งชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกันอย่างดีที่สุด โดยในช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ฟาร์มเฮ้าส์ได้สนับสนุนขนมปังหลายหมื่นชิ้นให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และโรงพยาบาลหลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สถาบันบำราศนราดูร และ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นต้น” นายพัน กล่าวปิดท้าย

###

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

เคแบงก์ เปิดตัวรอบ 2 กับโปรเจกต์ KBank x BLACKPINK เจาะกลุ่มนิวเจน พร้อมลุยหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–3 สิงหาคม 2563

imgกสิกรไทยลุยต่อกับกระแสพุ่งแรงระดับโลกกับโปรเจกต์ KBank x BLACKPINK สะท้อนแนวคิดผ่านสื่อภาพยนตร์โฆษณาด้วยคอนเซปต์ใหม่ #ใช้ในชีวิตที่เชื่อ หรือ #DoWhateverYouBelieve เจาะกลุ่มนิวเจนที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ มีพลังในการขับเคลื่อนสิ่งใหม่ ๆ อย่างสร้างสรรค์ มุ่งลุยหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ด้วยบัตรเดบิตดีไซน์หน้าบัตรรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์สำหรับใช้จ่ายบนโลกออนไลน์ และ K PLUS ที่มีฟีเจอร์ใช้งานด้วยระบบชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) พร้อมให้สมัครแล้วตั้งแต่วันนี้-31 ม.ค.64

นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า หลังเปิดตัวโปรเจกต์ KBank x BLACKPINK เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก เพราะเป็นการพลิกรูปแบบการตลาดต่างจากที่ธนาคารเคยทำมา โดยมีเป้าหมายคือการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับกลุ่มเป้าหมายใหม่ ซึ่งก็คือกลุ่มนิวเจนที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต ทำให้โลกการเงินเป็นความสนุกแปลกใหม่และเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของพวกเขาเสมอ พร้อมกันนี้ยังได้เปิดช่องทางออนไลน์ www.BAD-it.com เพื่อเป็นคอมมูนิตี้แพลตฟอร์มที่มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้กลุ่มนิวเจนได้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ โดยมีธนาคารเป็นผู้สนับสนุน

การเปิดตัวโปรเจกต์ KBank x BLACKPINK ในเฟสที่สองนี้ ธนาคารได้ออกภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่กับคอนเซปต์ #ใช้ในชีวิตที่เชื่อ หรือ #DoWhateverYouBelieve เล่าเรื่องการใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ในแบบต่าง ๆ ทั้งกิน เที่ยว ช้อป ที่พิเศษกว่าปกติ ผ่านมุมมองศิลปิน ได้แก่

  • โรเซ่ (Rose’): Create Your Happiness
    ความสุขไม่ต้องตามหา สร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง พลังของความสุขนั้นอยู่ในมือของเราแล้ว เรียนรู้ที่จะใช้มันและแบ่งปันให้คนอื่น
  • จีซู (Jisoo): Reward Your Life
    ผ่านเรื่องยาก ๆ มามาก อยากให้รางวัลตัวเองบ้าง ความสุขของคุณคืออะไรลองตามใจตัวเอง ให้สิ่งที่คุณอยากได้เติมไฟให้หายเหนื่อย
  • เจนนี่ (Jennie): Unlock Your World
    ชีวิตจะไร้กรอบไปทำไม ถ้าไม่ลองท้าทายตัวเอง พาตัวเองก้าวออกไปในที่ที่ไม่เคยไป เรียนรู้โลกมุมใหม่ผ่านประสบการณ์
  • ลิซ่า (Lisa) : Follow Your Passion
    ไม่ว่าความสุขของคุณคืออะไร ลงมือทำมันได้ทันที วันนี้ไม่มีข้อแม้อีกต่อไป ออกไปใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการ เราจะช่วยคุณคว้าทุกโอกาสเอง

นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ออกบัตรเดบิต KBank x BLACKPINK (Black Edition) ด้วยค่าธรรมเนียมแรกเข้าเพียง 350 บาท ที่ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีในปีแรก โดยในเซ็ตจะมีหน้าบัตรที่มีให้เลือก 5 แบบ ได้แก่ ภาพศิลปินเดี่ยว 4 แบบ และศิลปินรวมกลุ่ม 1 แบบ พร้อมด้วยกรอบรูป 3D ดีไซน์พิเศษ และสิทธิประโยชน์สำหรับใช้จ่ายบนโลกออนไลน์ เช่น ส่วนลด Shopee, Lazada, Grab, GrabFood, foodpanda และอื่น ๆ อีกทั้งยังได้รับธีม BLACKPINK ลายใหม่บน K PLUS ฟรีอีกด้วย

สำหรับลูกค้าที่อายุ 12 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปสามารถสมัครได้ด้วยตัวเอง โดยผู้ที่มีบัญชีกสิกรไทยอยู่แล้วสามารถสมัครได้ผ่าน K PLUS และธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา ลูกค้าใหม่สามารถเปิดบัญชีและสมัครบัตรเดบิตได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2564

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://kbank.co/2X8Vu6Q และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของแคมเปญ KBank x BLACKPINK ได้ที่ KBank Live ทุกช่องทาง ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม และไลน์ออฟฟิเชียล

ชมภาพยนตร์โฆษณา KBank x BLACKPINK คลิก https://youtu.be/i9mCdd-Z9CY

“แลคตาซอย” จัดสเปเชียลเซ็ท “แลคตาซอย พร้อมพ์” มาพร้อมกระเป๋า Prompt Bag สุดคูล เซ็ทละ 399 บาท ส่งฟรีถึงบ้าน

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–30 กรกฎาคม 2563

imgแลคตาซอย จัดโปรโมชันพิเศษ สเปเชียลเซ็ท แลคตาซอย พร้อมพ์สำหรับผู้ที่สั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์  โดยในเซ็ทประกอบด้วย แลคตาซอย พร้อมพ์ นมถั่วเหลืองคุณภาพกับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ บรรจุ 6 ขวด มาพร้อมกับกระเป๋า Prompt Bag สุดอินเทรนด์ 1 ใบ  สามารถใส่พกพาไปดื่มอิ่มอร่อยได้ทุกที่ทุกเวลา จำหน่ายในราคาเซ็ทละ 399 บาท จัดส่งฟรีถึงหน้าบ้าน  ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.- 31 ส.ค.63 (หรือจนกว่าสินค้าจะหมด) โดยผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อแลคตาซอยสเปเชียลเซ็ทได้แล้วที่ https://www.lactasoy.com/shop/

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

นูทานิคซ์ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จ โดยบริษัทวิจัยอิสระที่มีชื่อเสียง

Logo

บริษัทฯ ได้รับคะแนนสูงสุดในด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ 

บทบาทในภาคอุตสาหกรรม และกลยุทธ์ในปัจจุบัน

กรุงเทพฯ – 30 กรกฎาคม 2563 – นูทานิคซ์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านระบบคลาวด์คอมพิวติ้งระดับองค์กรประกาศว่า บริษัทฯ ได้รับการระบุชื่อให้เป็นผู้นำในรายงาน The Forrester Wave: Hyperconverged Infrastructure, Q3 2020 ซึ่งจัดทำโดยฟอร์เรสเตอร์ รีเสิร์ช อิงค์ (Forrester Research, Inc.) โดยประเมินจากผู้จำหน่ายโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จ (HCI) 11 ราย ในด้านกลยุทธ์ บทบาทในตลาด และผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอในปัจจุบัน และนูทานิคซ์ได้รับการจัดให้อยู่ในตำแหน่งผู้นำด้วยคะแนนสูงสุดจากทุกหมวดหมู่ ผลลัพธ์เหล่านี้เป็นไปในแนวทางเดียวกับการวิจัยตลาดของบริษัทฯ อื่น ๆ ทำให้สรุปได้ว่า นูทานิคซ์เป็นผู้นำตลาด HCI ที่เติบโตอย่างรวดเร็วโดยไม่มีข้อกังขาใด ๆ เป็นเจ้าของกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างน่าทึ่งที่ใช้ขับเคลื่อนนวัตกรรมในวงการดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์

นายดีราช ปานเดย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของนูทานิคซ์ กล่าวว่า “นูทานิคซ์ให้ความสำคัญกับการทำให้การทำงานด้านคอมพิวติ้งเป็นงานที่ง่ายเสมือนไร้ตัวตนมาโดยตลอด เริ่มจากระบบในดาต้าเซ็นเตอร์ และปัจจุบันได้ขยายไปสู่ระบบคลาวด์ เนื่องจากเราก้าวเข้าสู่โลกของไฮบริดและมัลติคลาวด์ซึ่งเป็นแนวทางขององค์กรในปัจจุบันและอนาคต เราเชื่อมั่นว่าการให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นประเด็นหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้เราอยู่ในตำแหน่งผู้นำตลาด พร้อมไปกับการมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาสำคัญด้านไอทีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ปัญหาด้านไอทีที่ทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในขณะนี้ที่มีความต้องการพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19”

รายงาน The Forrester Wave ระบุว่าการที่นูทานิคซ์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้นำเกิดจากวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ในการให้บริการด้านไอทีระดับองค์กรที่ขยายขีดความสามารถ และต่อยอดความสามารถต่าง ๆนอกเหนือจาก HCI ซึ่งดูได้จากการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา ยอดขายที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง การร่วมมือกับพันธมิตร และการมีลูกค้าใหม่ ๆ จากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาค ไฮไลท์อื่น ๆ จากรายงานประกอบด้วย

  • นูทานิคซ์เป็นผู้จัดจำหน่ายเทคโนโลยีที่อยู่ในอันดับสูงสุดด้านบริการที่รองรับการใช้งานกับ แพลตฟอร์มทุกรูปแบบในปัจจุบัน บริการด้านสตอเรจ ความสามารถในการปรับขนาดการทำงานได้ ตามต้องการ และความง่ายในการใช้งาน
  • นูทานิคซ์เป็นผู้จัดจำหน่ายเทคโนโลยีที่อยู่ในอันดับสูงสุดด้านบทบาทในตลาดกับพาร์ทเนอร์ทุกรายและติดอันดับสูงสุดด้านฐานผู้ใช้งาน (installed base)
  • นูทานิคซ์เป็นหนึ่งในบรรดาผู้จัดจำหน่ายเทคโนโลยีที่อยู่ในระดับสูงสุดด้านกลยุทธ์เกี่ยวกับการตอบสนองจากลูกค้าและกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์

The Forrester Wave เป็นรายงานการประเมินผลิตภัณฑ์ระดับแนวหน้าในตลาดเฉพาะทางต่าง ๆ ของฟอเรสเตอร์ โดยทำการประเมินความสามารถและกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ของผู้จัดจำหน่ายเทคโนโลยีแต่ละราย ว่าตอบโจทย์ความต้องการของตลาดปัจจุบันและตลาดเกิดใหม่ต่าง ๆ ได้มากน้อยเพียงใด การวิจัยอย่างเข้มงวดนี้ ประกอบด้วยการประเมินฟีเจอร์และเทคโนโลยีอย่างเข้มข้นในเชิงลึก การสัมภาษณ์ลูกค้าอย่างครอบคลุม การสาธิตและการทดสอบความสามารถของผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด การตรวจสอบแผนกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ (ด้านเทคนิค) รวมถึงการประเมินกลยุทธ์ด้านพันธมิตร ความพร้อมในการส่งผลิตภัณฑ์สู่ตลาด และความแข็งแกร่งด้านการเงินในภาพรวม

นายทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทย นูทานิคซ์ กล่าวว่า "การได้รับเลือกให้เป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จจาก Forrester Wave เป็นการยืนยันว่านูทานิคซ์เป็นผู้นำตลาดด้านนี้อย่างแท้จริง นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ความพยายามของเราในการทำให้โครงสร้างพื้นฐานไอทีเป็นเรื่องง่ายและการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการให้บริการสนับสนุนลูกค้าของเราเป็นที่รับรู้และได้รับการยอมรับ เรามั่นใจว่า HCI ของนูทานิคซ์คือคลาวด์แพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต"

imgความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจากแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งที่นูทานิคซ์ทำมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึง

  • การขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง: นูทานิคซ์ขยายฐานลูกค้าของบริษัทอย่างต่อเนื่อง เมื่อสิ้นไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ 2563 (กุมภาพันธ์-เมษายน 2563) นูทานิคซ์มีลูกค้าจำนวน 16,580 ราย นอกจากบทบาทในตลาดของนูทานิคซ์ที่กำลังเติบโตขึ้น นูทานิคซ์ยังสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยคงรักษาอัตราลูกค้าเดิมไว้ที่ 97% มีอัตราการขยายตัวสุทธิ 132% และดัชนีความเชื่อมั่นของลูกค้าที่ 90 คะแนน (Net Promoter Score: NPS)
  • นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์: นูทานิคซ์เน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้กับซอฟต์แวร์ HCI ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ประกาศเปิดตัวโซลูชั่นใหม่ที่ช่วยให้ทีมไอทีใช้งาน อัปเกรด และแก้ปัญหาซอฟต์แวร์คลาวด์จากที่ใดก็ได้ ประกอบด้วย Foundation Central, Insights และ Lifecycle Manager ซึ่งจะให้บริการกับลูกค้าที่ใช้ HCI ของนูทานิคซ์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้เมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังได้เพิ่มความสามารถใหม่ ๆ ให้กับซอฟต์แวร์ HCI เพื่อช่วยสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจที่ล้ำหน้าให้กับลูกค้าได้ใช้งานอย่างไม่ซับซ้อน และยังให้การสนับสนุนลูกค้าในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19
  • รายได้กว่า 84% ที่มาจาก Subscription: นูทานิคซ์เปลี่ยนผ่านรูปแบบทางธุรกิจเป็นโมเดลแบบ subscription-based อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2563 (กุมภาพันธ์-เมษายน 2563) มีรายได้จากการขายแบบ subscription คิดเป็น 84% ของรายได้ทั้งหมด โมเดลนี้ช่วยให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นในการจัดซื้อและใช้ซอฟต์แวร์ HCI มากขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจและไอทีได้อย่างเฉพาะเจาะจง และมีอิสระที่จะเคลื่อนย้ายซอฟต์แวร์และการใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ไปยังฮาร์ดแวร์ที่หลากหลาย โดยไม่จำเป็นต้องเลือกใช้เพียงรายใดรายหนึ่ง 

กรุณาดูข้อมูล The Forrester Wave for Hyperconverged Infrastructure ได้ที่ https://www.nutanix.com/go/forrester-wave-2020

The Bangkok Reporter