Greenery นำเสนอโซลูชันสำหรับการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์แบบคาร์บอนต่ำที่การประชุม COP29

Logo

Greenery ในฐานะตัวแทนจากเกาหลีใต้ที่การประชุม COP29 ได้นำเสนอระบบการจัดการน้ำในนาข้าวและวิธีแปรรูปมูลสัตว์ให้เป็นถ่านชีวภาพ พร้อมเน้นย้ำให้ผู้ร่วมการประชุมทั่วโลกเห็นถึงความสำคัญของการใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านการเกษตร

บากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

Greenery, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศจากเกาหลีใต้ได้นำเสนอโซลูชันเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ที่การประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ครั้งที่ 29 (COP29)

ในการบรรยายหัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรและการเลี้ยงสัตว์แบบคาร์บอนต่ำ” Greenery ได้นำเสนอกรณีศึกษากรณีแรกของบริษัท ว่าด้วยระบบระบายน้ำในนาข้าวที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนและอนุรักษ์น้ำ โดยระบบนี้จะวัดปริมาณและติดตามการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการเฝ้าสังเกตระดับน้ำและรวบรวมข้อมูลสภาพภูมิอากาศและดิน ซึ่งจะมีการเปิดตัวโปรเจ็กต์นี้ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญด้านข้อมูลที่นำโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทีของเกาหลีใต้และสำนักงานสังคมสารสนเทศแห่งชาติ (NIA) ภายในสิ้นปี การใช้ข้อมูลด้านการเกษตรของโปรเจ็กต์นี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และมีผู้เข้าร่วมสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการผสานความร่วมมือตลอดทั้งการประชุม

Wonho Lee, Director of the Climate Tech Division at Greenery, presents on the urgent need for low-carbon agriculture. (Image: Greenery)

คุณ Wonho Lee ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศของ Greenery นำเสนอเกี่ยวกับความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรแบบคาร์บอนต่ำ (ภาพ: Greenery)

สำหรับกรณีศึกษากรณีที่สอง Greenery ได้นำเสนอโปรเจ็กต์ในการนำมูลสัตว์ที่เป็นต้นตอหลักในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของฟาร์มต่างๆ มาแปรรูปเป็นถ่านชีวภาพ โดยถ่านชีวภาพสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ถึง 100 ปีโดยประมาณ ซึ่งนับว่ามีประสิทธิภาพในการลดคาร์บอนในระดับสูง ในการนำเสนอกรณีศึกษานี้ Greenery ได้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมปศุสัตว์

การบรรยายนี้ปิดท้ายด้วยการอธิปรายกลุ่มเกี่ยวกับความจำเป็นในการใช้โซลูชันที่อาศัยเทคโนโลยีและวิธีการที่เข้มงวดในการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการเกษตร ซึ่งการอภิปรายนี้ได้เน้นย้ำถึงประเด็นสำคัญที่ว่า เนื่องจากการเกษตรมีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านอาหารอย่างไม่อาจแยกออกจากกันได้ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการเกษตรจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ คุณ Saskia Sanders ที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายจากสำนักงานเกษตรกรรมแห่งสหพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ คุณ Pankaj Kumam ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของหน่วยงานประเมินและตรวจสอบ Enviance และคุณ Soojeong Myeong หัวหน้าคณะนักวิจัยจากสถาบันสิ่งแวดล้อมแห่งเกาหลีก็เข้าร่วมการอภิปรายกลุ่มด้วย

Greenery มอบโซลูชันด้านความยั่งยืนจำนวนมาก รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์, การประเมินวงจรชีวิต (Life Cycle Assessments หรือ LCA) และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Greenery ได้เปิดตัว ENVION ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ LCA ที่ประเมินผลกระทบที่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีต่อสภาพแวดล้อมตลอดทั้งวงจรชีวิต โดยจะติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกขั้นตอนของกระบวนการ

“การเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรและการเลี้ยงสัตว์แบบคาร์บอนต่ำจำเป็นอย่างยิ่งต่อการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” คุณ Yoosik Hwang ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของ Greenery กล่าว “เรายังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านที่ยั่งยืนในภาคการเกษตรผ่านโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152074/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Greenery, Inc.
Gyeongin Park
+82-2-6274-3600
gi.park@greenery.im

ที่มา: Greenery, Inc.

รายงานของ NIQ ชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญที่กำหนดทิศทางการซื้อสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในปี 2025

Logo

นวัตกรรมในราคาที่จับต้องได้ การช้อปปิ้งที่ยกระดับด้วย AI และสินค้าที่ยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

NielsenIQ (NIQ) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคได้เผยแพร่รายงานสถานะของสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทน (T&D) ซึ่งชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญที่จะกระตุ้นการเติบโตในภาคส่วนนี้ ในขณะที่แบรนด์ต่างๆ เตรียมตัวรับมือกับความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า ราคาที่จับต้องได้ ความสะดวกสบาย ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมที่ขับเคลื่อนด้วย AI คือปัจจัยสำคัญในการตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภค

ประเด็นสำคัญจากรายงานฉบับนี้

  • ผู้บริโภค 67% มีแนวโน้มที่จะลองใช้สินค้าใหม่หากมีราคาที่จับต้องได้
  • ผู้บริโภค 70% ยินดีซื้อสินค้าที่มีความยั่งยืนและประหยัดพลังงานเมื่อสินค้าดังกล่าวมีราคาสมเหตุสมผล
  • หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ทำความสะอาดได้ทั้งพื้นที่เปียกและแห้งมียอดขายเพิ่มขึ้น 55% ในปี 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการสินค้าที่มีฟังก์ชันการทำงานหลากหลาย
  • ผู้บริโภค 40% เต็มใจที่จะทำตามคำแนะนำที่ทำงานด้วย AI ในการช้อปปิ้งในชีวิตประจำวัน
  • สมาร์ทโฟนที่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงมียอดขายเพิ่มขึ้น 33% สะท้อนถึงความต้องการอุปกรณ์เชื่อมต่อได้ที่มีประสิทธิภาพสูง
  • รายได้รวมทั่วโลกของสินค้า T&D 36% มาจากการขายทางออนไลน์ โดยมีประเทศจีน ทวีปยุโรป และภูมิภาคลาตินอเมริกาเป็นแหล่งรายได้หลัก

แนวโน้มสำคัญที่ควรจับตามองในปี 2025

  1. ราคาที่จับต้องได้และการซื้อที่มุ่งเน้นความคุ้มค่า:
    ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับราคาที่จับต้องได้มากกว่าที่เคยเป็นมา โดยผู้บริโภค 67% ระบุว่าตนยินดีที่จะลองใช้สินค้าใหม่หากสินค้าดังกล่าวมีราคาที่จับต้องได้ นอกจากนี้ ผู้บริโภค 70% พร้อมจะซื้อสินค้าที่มีความยั่งยืนและประหยัดพลังงานในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งแนวโน้มนี้นับเป็นโอกาสทองสำหรับแบรนด์ที่สามารถนำเสนอตัวเลือกสินค้าราคาไม่แพงแต่มีความทนทาน
  2. ความสะดวกสบายและฟังก์ชันการทำงานหลากหลายกำลังเป็นที่ต้องการ:
    สินค้าที่ช่วยประหยัดเวลาและมีฟังก์ชันการทำงานหลากหลายมีส่วนสำคัญในการเติบโตของสินค้า T&D ดังจะเห็นได้จากยอดขายของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ทำความสะอาดได้ทั้งพื้นที่เปียกและแห้งที่เพิ่มขึ้น 55% แบรนด์สินค้า T&D ควรพิจารณาที่จะนำเสนอสินค้าที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาโซลูชันที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
  3. เทคโนโลยีด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีกำลังมาแรง:
    เทคโนโลยีที่มุ่งเน้นสุขภาพกำลังกลายเป็นเทคโนโลยีกระแสหลัก โดยอุปกรณ์แบบสวมใส่มียอดขายแบบเทียบปีต่อปีเพิ่มขึ้น 3% และเนื่องจากผู้บริโภคนำสินค้าที่เน้นด้านสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี และสุขอนามัยเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน แบรนด์ที่สามารถใส่คุณสมบัติเหล่านี้ลงในสินค้าของตนจะยังคงน่าดึงดูดในสายตาของผู้บริโภค สินค้าสำหรับระบบบ้านอัจฉริยะ เช่น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องปรับอุณหภูมิ และอุปกรณ์ด้านฟิตเนสที่เชื่อมต่อได้เป็นสินค้ามาแรงสำหรับแนวโน้มนี้
  4. AI และการเชื่อมต่ออัจฉริยะในการซื้อของผู้บริโภค:
    รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นว่า AI มีบทบาทต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคมากขึ้น โดยนักช้อป 40% ยินดีรับฟังคำแนะนำแบบอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่แบรนด์สินค้า T&D จะใช้ AI ในการมอบประสบการณ์ด้านสินค้าที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล นอกจากนี้การเชื่อมต่อก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ดังจะเห็นได้จากยอดขายสมาร์ทโฟนที่มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลสูงที่เพิ่มขึ้น 33% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการอุปกรณ์เชื่อมต่อได้ที่มีประสิทธิภาพสูงของผู้บริโภค
  5. ความยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญ:
    ความยั่งยืนเป็นปัจจัยในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจำนวนมาก โดยผู้บริโภคเกินครึ่งยินดีจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งความทนทาน การประหยัดพลังงาน และวัสดุที่ยั่งยืนเป็นปัจจัยในการพิจารณาซื้อที่สำคัญที่สุด ซึ่งบ่งชี้ว่าแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับด้านเหล่านี้จะมีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจน
  6. ความสำคัญของประสบการณ์แบบผสมผสานทุกช่องทาง:
    ปัจจุบันยอดขายออนไลน์คิดเป็น 36% ของรายได้สำหรับสินค้า T&D ทั่วโลก โดยมีประเทศจีน ทวีปยุโรป และภูมิภาคลาตินอเมริกาเป็นแหล่งรายได้หลัก เนื่องจากผู้บริโภคที่ใช้ทั้งช่องทางในการซื้อแบบดิจิทัลและการซื้อที่หน้าร้านมีจำนวนเพิ่มขึ้น บริษัทที่จำหน่ายสินค้า T&D ก็จะต้องมอบประสบการณ์แบบผสมผสานทุกช่องทางที่ราบรื่นเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ ฟีเจอร์แบบโต้ตอบ เช่น Augmented Reality (AR) จะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคกลุ่ม Millennials และ Gen Z ได้ดีเป็นพิเศษ โดยผู้บริโภคเหล่านี้เกิน 1 ใน 3 สนใจที่จะช้อปปิ้งแบบใช้ AR

“สำหรับแบรนด์สินค้า T&D แล้ว ปี 2025 จะเป็นปีของการมอบคุณค่าผ่านนวัตกรรมที่มีความหมาย” คุณ Julian Baldwin ประธานฝ่าย Tech & Durables ของ NIQ กล่าว “ผู้บริโภคมีความระมัดระวัง แต่ก็ยินดีซื้อสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านความสะดวกสบาย ความยั่งยืน และสุขภาพ การให้ความสำคัญกับด้านเหล่านี้จะทำให้บริษัทต่างๆ มีสถานะในตลาดที่แข็งแกร่งขึ้น และจะเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตได้”

ทำไมแนวโน้มเหล่านี้จึงมีความสำคัญในปี 2025

ความต้องการของผู้บริโภคเหล่านี้เผยให้เห็นช่องทางสำคัญสำหรับแบรนด์ที่มุ่งหวังจะคว้าส่วนแบ่งการตลาดในปี 2025 ซึ่งการมุ่งเน้นนวัตกรรมที่สอดคล้องกับราคาที่จับต้องได้ ความยั่งยืน และความสะดวกสบาย จะช่วยให้บริษัทผู้จำหน่ายสินค้า T&D ตอบสนองความต้องการที่กำลังเปลี่ยนแปลงและกระตุ้นการเติบโตได้ AI และฟีเจอร์อัจฉริยะจะยังคงยกระดับประสบการณ์ในการช้อปปิ้งต่อไป โดยเป็นสิ่งที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ มีโอกาสดึงดูดผู้บริโภคที่สนใจเทคโนโลยีได้มากขึ้น

ทั้งนี้ คุณสามารถดาวน์โหลดรายงาน “สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับ: การกระตุ้นการซื้อสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในปี 2025” เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

เกี่ยวกับ NIQ:

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภค ซึ่งให้ความเข้าใจที่ครอบคลุมที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเผยให้เห็นช่องทางใหม่ๆ สำหรับการเติบโต ในปี 2023 NIQ ได้ควบรวมกับ GfK ซึ่งเป็นการรวมผู้นำในอุตสาหกรรมสองรายที่สามารถเข้าถึงข้อมูลทั่วโลกในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้เข้าด้วยกัน ปัจจุบัน NIQ ดำเนินธุรกิจในประเทศต่างๆ 95 ประเทศที่มี GDP คิดเป็น 97% ของ GDP  ทั่วโลก โดย NIQ ให้ Full View™ ที่ประกอบด้วยมุมมองด้านการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุดพร้อมด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มล้ำสมัย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.niq.com

เกี่ยวกับรายงานสถานะของ T&D:

รายงานประจำปีว่าด้วยสถานะของสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในหัวข้อ “สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับ: การกระตุ้นการซื้อสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในปี 2025” ของ NIQ อาศัยการวิเคราะห์ล่าสุดและการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของ NIQ ในด้านสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทน นวัตกรรม พฤติกรรมของผู้บริโภค การตลาดแบบผสมผสานทุกช่องทาง และการวัดผลทางการตลาด ซึ่งสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับผู้อ่านก็คือรายงานที่ให้ Full ViewTM เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและความต้องการในอนาคต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Sweta Patra
sweta.patra@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

คุณ Filip Filipov อดีตผู้บริหาร Skyscanner ร่วมงานกับ OAG ในตำแหน่ง Chief Operating Officer

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

OAG ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำของโลกสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกมีความยินดีที่จะประกาศการแต่งตั้งคุณ Filip Filipov เข้าดำรงตำแหน่ง Chief Operating Officer คนใหม่ของบริษัท

คุณ Filipov ซึ่งเป็นอดีตรองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ของ Skyscanner มีบทบาทสำคัญในการเร่งการเติบโตของบริษัทด้านการท่องเที่ยวดิจิทัลดังกล่าว และเป็นผู้นำทีมต่างๆ ในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่ง เขาเป็นผู้ที่มีข้อมูลเชิงลึกจำนวนมากจากภาคส่วนการท่องเที่ยวและเทคโนโลยี พร้อมด้วยประสบการณ์ในการขยายธุรกิจอันมีค่า

ในฐานะ COO ของ OAG คุณ Filipov จะมุ่งเน้นที่การยกระดับการดำเนินธุรกิจ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานไปพร้อมๆ กับพัฒนาวิสัยทัศน์ด้านกลยุทธ์ในระยะยาวของบริษัท การแต่งตั้งในครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์เร่งการเติบโตของ OAG ซึ่งมีการเข้าซื้อกิจการ Infare เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม 2023 การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นการเพิ่มข้อมูลค่าตั๋วเครื่องบินให้กับแพลตฟอร์มข้อมูลของ OAG ช่วยให้บริษัทสามารถให้โซลูชันข้อมูลที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าทั้งในด้านอุปทาน อุปสงค์ และการกำหนดราคา

คุณ Filip เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงให้กับบริษัทร่วมทุนและบริษัทให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ อาทิเช่น บริษัท Opera Solutions ในนิวยอร์กและลอนดอน

คุณ Phil Callow  ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของ OAG กล่าวว่า “คุณ Filip มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับภาคส่วนการท่องเที่ยวและเทคโนโลยี และเนื่องจาก OAG ยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ความเชี่ยวชาญของเขาจะมีค่าอย่างยิ่งในการชี้แนะพวกเราผ่านช่วงเวลาขยายการเติบโตที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ความสนใจที่เขามีต่ออุตสาหกรรมการบินและข้อมูลทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับวัฒนธรรมของเราที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นสิ่งแรกและมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพเป็นอย่างยิ่ง”

คุณ Filip ได้กล่าวเกี่ยวกับการแต่งตั้งในครั้งนี้ว่า:

“ผมดีใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ OAG ผมรู้สึกทึ่งกับความเชี่ยวชาญที่หลากหลายและความทะเยอทะยานที่องค์กรแห่งนี้มี และความสามารถอันโดดเด่นขององค์กรในการผสมผสานข้อมูลด้านอุปทาน อุปสงค์ และการกำหนดราคาเข้าด้วยกันก็ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ต่อยอดความสำเร็จและนำประสบการณ์ในการขยายธุรกิจของผมมาปรับใช้กับการดำเนินงานทุกภาคส่วนเพื่อผลประโยชน์สำหรับลูกค้าของเรา”

การแต่งตั้งครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่คุณ Shane Corstorphine ซึ่งเป็นอดีต CFO ของSkyscanner ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง NED ในเดือนกรกฎาคม

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศด้านการบิน โดยมีเครือข่ายข้อมูลเที่ยวบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OAG ได้ที่ www.oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

pressoffice@oag.com

ที่มา: OAG

Toshiba เริ่มจัดส่งตัวอย่างขั้นทดสอบของ MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) 1200V แบบดายเปลือยที่มีความต้านทานขณะทำงานต่ำและมีความเสถียรสูงสำหรับใช้ในอินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์

Logo

คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (หรือ Toshiba) ได้พัฒนา “X5M007E120” ซึ่งเป็น MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) 1200V แบบดายเปลือย[1] สำหรับอินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์ [2] พร้อมโครงสร้างที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ให้ความต้านทานขณะทำงานต่ำและให้ความเสถียรสูง โดยได้มีการจัดส่งตัวอย่างขั้นทดสอบเพื่อให้ลูกค้าประเมินแล้วในขณะนี้

Toshiba: X5M007E120, a bare die 1200V silicon carbide (SiC) MOSFET for automotive traction inverters with an innovative structure that deliver both low On-resistance and high reliability. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: X5M007E120 ซึ่งเป็น MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) 1200V แบบดายเปลือยสำหรับอินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์ พร้อมโครงสร้างที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ให้ความต้านทานขณะทำงานต่ำและให้ความเสถียรสูง (กราฟิก: Business Wire)

ความเสถียรของ MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์แบบทั่วไปจะลดลงในกรณีที่ความต้านทานขณะทำงานเพิ่มขึ้นเมื่อไดโอดของตัวอุปกรณ์ได้รับพลังงานแบบไบโพลาร์[3] ระหว่างการทำงานแบบนำกระแสไฟฟ้าย้อนกลับ[4] ซึ่ง MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ของ Toshiba ลดปัญหานี้ด้วยโครงสร้างอุปกรณ์ที่ฝังไดโอดแบริเออร์ Schottky (SBD) ลงใน MOSFET เพื่อปิดการทำงานไดโอดของตัวอุปกรณ์ แต่การวางตำแหน่ง SBD บนชิปจะลดพื้นที่สำหรับช่องกระแสไฟฟ้าที่จะกำหนดความต้านทานของ MOSFET ขณะนำกระแสไฟฟ้า และเพิ่มความต้านทานขณะทำงานของชิป

SBD ที่ฝังอยู่ใน X5M007E120 จะถูกจัดเรียงในรูปแบบร่องสลับแทนการจัดเรียงรูปแบบแถบที่มักจะใช้โดยทั่วไป ซึ่งการจัดวางลักษณะนี้ช่วยลดการให้พลังงานไดโอดตัวอุปกรณ์แบบไบโพลาร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็จะเพิ่มขีดจำกัดสูงสุดของการทำงานแบบยูนิโพลาร์เป็นสองเท่าของพื้นที่ปัจจุบันโดยประมาณ แม้ว่าจะกินพื้นที่ติดตั้ง SBD เดียวกันก็ตาม[5] นอกจากนี้ความหนาแน่นของช่องกระแสไฟฟ้ายังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการจัดเรียงแบบแถบ ส่วนความต้านทานขณะนำงานต่อพื้นที่หน่วยจะลดลง 20% ถึง 30% โดยประมาณ[5] ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นพร้อมกับความต้านทานขณะทำงานต่ำในขณะที่ยังคงรักษาความเสถียรในกรณีที่มีการทำงานแบบนำกระแสไฟฟ้าย้อนกลับจะช่วยให้อินเวอร์เตอร์ที่ใช้ในการควบคุมมอเตอร์ (เช่น อินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์) ใช้พลังงานน้อยลง

การลดความต้านทานขณะทำงานของ MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์จะส่งผลให้กระแสไฟฟ้าส่วนเกินไหลผ่าน MOSFET ขณะไฟฟ้าลัดวงจร[6] ซึ่งจะลดความทนทานต่อไฟฟ้าลัดวงจร การเพิ่มการนำกระแสไฟฟ้าของ SBD ที่ฝังเพื่อเพิ่มความเสถียรเมื่อมีการทำงานแบบนำกระแสไฟฟ้าย้อนกลับยังส่งผลให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลเพิ่มขึ้นขณะไฟฟ้าลัดวงจรด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการลดความทนทานต่อไฟฟ้าลัดวงจร ดายเปลือยแบบใหม่นี้มีโครงสร้างแบริเออร์แบบลึก[7]  ที่ช่วยลดกระแสไฟฟ้าส่วนเกินใน MOSFET และกระแสไฟฟ้ารั่วไหลใน SBD ในระหว่างไฟฟ้าลัดวงจร ช่วยเพิ่มความทนทานในขณะที่ยังคงรักษาความเสถียรในกรณีที่มีการทำงานแบบนำกระแสไฟฟ้าย้อนกลับได้อย่างยอดเยี่ยม

ผู้ใช้สามารถปรับแต่งดายเปลือยให้ตรงกับความต้องการด้านการออกแบบของตนโดยเฉพาะและนำโซลูชันไปปรับใช้ตามจุดมุ่งหมายของตนได้

Toshiba คาดการณ์ว่าจะจัดส่งตัวอย่างทางวิศวกรรมของ X5M007E120 ในปี 2025 และจะเริ่มการผลิตจำนวนมากในปี 2026 โดยในระหว่างนี้ บริษัทจะสำรวจความเป็นไปได้ในการปรับปรุงลักษณะเฉพาะของอุปกรณ์เพิ่มเติม

Toshiba จะร่วมสร้างสังคมปลอดคาร์บอนด้วยการมอบเซมิคอนดักเตอร์กำลังที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นแก่ลูกค้าในส่วนงานที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพในการใช้พลังงานเป็นสำคัญ เช่น อินเวอร์เตอร์สำหรับควบคุมมอเตอร์ และระบบควบคุมกำลังไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

หมายเหตุ:
[1] ผลิตภัณฑ์ชิปแบบไม่มีบรรจุภัณฑ์
[2] อุปกรณ์ที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรงที่ได้มาจากแบตเตอรี่เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ และควบคุมมอเตอร์ต่างๆ ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือรถยนต์ไฮบริด (HEV)
[3] การทำงานแบบไบโพลาร์เมื่อมีการใช้แรงดันไฟฟ้าไปข้างหน้ากับไดโอด pn ระหว่างเดรนและซอร์ส
[4] การทำงานที่กระแสไฟฟ้าไหลจากซอร์สไปยังเดรนของ MOSFET เนื่องจากกระแสไฟฟ้าในวงจรไหลย้อน
[5] เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ของ Toshiba ที่ใช้การจัดเรียงรูปแบบแถบ
[6] ปรากฏการณ์ที่เกิดการนำกระแสไฟฟ้าระยะยาวในโหมดที่ไม่ปกติ เช่น เมื่อวงจรควบคุมขัดข้อง เทียบกับการนำกระแสไฟฟ้าระยะสั้นระหว่างการทำงานเปิดปิดสวิตช์ตามปกติ ซึ่งจำเป็นต้องมีความทนทานที่สามารถทนต่อการทำงานในกรณีที่ไฟฟ้าลัดวงจรติดต่อกันระยะเวลาหนึ่งโดยไม่ล้มเหลว
[7] องค์ประกอบของโครงสร้างอุปกรณ์ที่มีไว้ควบคุมสนามไฟฟ้าแรงสูงที่เกิดขึ้นเนื่องจากไฟฟ้ามีแรงดันสูง ซึ่งเป็นส่วนที่มีผลเป็นอย่างมากต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์

การใช้งาน

  • อินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์

คุณสมบัติ

  • มีความต้านทานขณะทำงานต่ำและมีความเสถียรสูง
  • ดายเปลือยสำหรับยานยนต์
  • ผ่านการรับรอง AEC-Q100
  • พิกัดแรงดันไฟฟ้าระหว่างเดรนและซอร์ส: VDSS=1200V
  • พิกัดกระแสไฟฟ้า (กระแสตรง) ที่เดรน: ID=(229)A[8]
  • ความต้านทานขณะทำงานต่ำ:
    RDS(ON)=7.2mΩ (ปกติ) (VGS=+18V, Ta=25°C)
    RDS(ON)=12.1mΩ (ปกติ) (VGS=+18V, Ta=175°C)

หมายเหตุ
[8] ค่าโดยประมาณ

ข้อมูลจำเพาะหลัก

(Ta=25°C, เว้นแต่จะระบุเป็นอย่างอื่น)

หมายเลขชิ้นส่วน

X5M007E120

บรรจุภัณฑ์

ชื่อบรรจุภัณฑ์ของ Toshiba

2-7Q1A

ขนาด (มม.)

ปกติ

6.0×7.0

พิกัด

สูงสุด

สัมบูรณ์

แรงดันไฟฟ้าระหว่างเดรนและซอร์ส VDSS (V)

1200

แรงดันไฟฟ้าระหว่างเกตและซอร์ส VGSS (V)

+25/-10

กระแสไฟฟ้าที่เดรน (กระแสตรง) ID (A)

(229)[8]

กระแสไฟฟ้าที่เดรน (พัลส์) ID พัลส์ (A)

(458)[8]

อุณหภูมิช่องกระแสไฟฟ้า Tch (°C)

175

ค่า

ทางไฟฟ้า

แรงดันขีดเริ่มที่เกต

Vth (V)

VDS =10V,

ID=16.8mA

ปกติ

4.0

ความต้านทานขณะทำงาน

ระหว่างเดรนและซอร์ส

RDS(on) (mΩ)

ID=50A,

VGS =+18V

ปกติ

7.2

ID=50A,

VGS =+18V,

Ta=175°C

ปกติ

12.1

แรงดันไฟฟ้าไปข้างหน้า

VSD (V)

ISD=50A,

VGS =-5V

ปกติ

-1.21

แรงดันไฟฟ้าไปข้างหน้า

VSD (V)

ISD=50A,

VGS=-5V,

Ta=175°C

ปกติ

-1.40

ความต้านทานที่เกตภายใน

rg (Ω)

เดรนเปิด,

f=1MHz

ปกติ

3.0

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ X5M007E120 ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็มได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
Toshiba เริ่มจัดส่งตัวอย่างขั้นทดสอบของ MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) 1200V แบบดายเปลือยที่มีความต้านทานขณะทำงานต่ำและมีความเสถียรสูงสำหรับใช้ในอินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์กำลังไฟฟ้าซิลิคอนคาร์ไบด์ของ Toshiba ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
อุปกรณ์กำลังไฟฟ้าซิลิคอนคาร์ไบด์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ
* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ซึ่งรวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อเป็นข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ประกาศ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านเซมิคอนดักเตอร์และโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง ได้นำนวัตกรรมและประสบการณ์ที่สั่งสมมานานกว่าครึ่งศตวรรษมาใช้เพื่อมอบเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน, LSI ของระบบ และผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่มีประสิทธิภาพโดดเด่นแก่ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ธุรกิจ

พนักงานที่มีอยู่ทั่วโลกกว่า 19,400 ชีวิตล้วนมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูงสุด และส่งเสริมการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมกันสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ๆ บริษัทมุ่งหวังที่จะสร้างและมีส่วนร่วมสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกหนแห่ง

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54145871/en

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับลูกค้าที่ต้องการสอบถามข้อมูล
Power & Small Signal Device Sales & Marketing Dept.I
โทร: +81-44-548-2216
ติดต่อเรา

สำหรับสื่อที่ต้องการสอบถามข้อมูล
Chiaki Nagasawa
Digital Marketing Dept.
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

.

Perma-Pipe International Holdings, Inc. ประกาศได้รับสัญญามูลค่า 15 ล้านดอลลาร์ในภูมิภาคอเมริกาและตะวันออกกลาง

Logo

สปริง เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–07 พฤศจิกายน 2024

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (Nasdaq: PPIH) ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้รับรางวัลโครงการใหม่มูลค่า 6 ล้านดอลลาร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศว่าได้รับรางวัลโครงการใหม่มูลค่า 9 ล้านดอลลาร์ในทวีปอเมริกา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในภูมิภาค

รางวัลโครงการใหม่เหล่านี้จะใช้ความสามารถในการเคลือบป้องกันการกัดกร่อนของ Perma-Pipe และระบบฉนวน XTRU-THERM® ซึ่งเป็นโฟมโพลียูรีเทนแบบสเปรย์หุ้มด้วยปลอกโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง

รางวัลโครงการใหม่เหล่านี้ช่วยเสริมงานในมือของเราซึ่งมีการเติบโตอย่างมาก แบ็คล็อกอยู่ที่ 75.0 ล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2024 และขณะนี้เกิน 100.0 ล้านดอลลาร์

Marc Huber รองประธานอาวุโสประจําภูมิภาคอเมริกาของ Perma-Pipe กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีกับรางวัลเหล่านี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในตลาดอเมริกา และการเสริมสร้างตําแหน่งของเราในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาอย่างต่อเนื่อง”

Saleh Sagr รองประธานอาวุโสประจําภูมิภาค MENA ของ Perma-Pipe กล่าวว่า “รางวัลล่าสุดใน MENA ส่วนใหญ่มอบให้กับโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในเขตภูมิภาค GCC รางวัลเหล่านี้ยืนยันตําแหน่งผู้นําในตลาดของเรา และเปิดโอกาสให้เราได้สาธิตผลิตภัณฑ์และบริการชั้นนําของอุตสาหกรรมให้กับลูกค้าใหม่ได้ชม”

David Mansfield ประธานและซีอีโอกล่าวว่า “การเติบโตในทุกภูมิภาคเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์โดยรวมของเรา และเราภูมิใจที่ได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น ซึ่งช่วยให้ Perma-Pipe สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับตําแหน่งผู้นําในตลาดต่อไปได้

Perma-Pipe International Holdings, Inc.

Perma-Pipe International Holdings, Inc. (Nasdaq: PPIH, “Perma-Pipe” หรือ “บริษัท”) เป็นผู้นําระดับโลกในด้านระบบท่อหุ้มฉนวนล่วงหน้าและระบบตรวจจับการรั่วไหลสําหรับน้ำมันและก๊าซ ระบบทำความร้อนและความเย็นในเขตพื้นที่ และการใช้งานอื่นๆ บริษัทใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการประดิษฐ์ที่กว้างขวางเพื่อพัฒนาโซลูชันระบบท่อที่ช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการขนส่งของเหลวหลายประเภทอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยรวมแล้ว Perma-Pipe มีการดําเนินงานใน 15 แห่งใน 6 ประเทศ

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

ข้อความและข้อมูลอื่น ๆ ที่มีอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ซึ่งสามารถระบุได้โดยใช้คําศัพท์ที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า ถือเป็น “ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต” ตามความหมายของมาตรา 27A ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ ปี 1993 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 21E ของบทบัญญัติกฎหมายหลักทรัพย์ ปี 1934 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม และอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ความปลอดภัยที่สร้างขึ้นโดยหลักเกณฑ์ดังกล่าว  ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียง ข้อความเกี่ยวกับผลการดําเนินงานและการดําเนินงานที่คาดหวังในอนาคตของบริษัท ข้อความเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาว่าอยู่ภายใต้ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนมากมายที่มีอยู่ในการดําเนินงานและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของบริษัท ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงสิ่งต่อไปนี้: (i) ผลกระทบของไวรัสโคโรนา (“COVID-19”) ต่อผลการดําเนินงาน สถานะทางการเงิน และกระแสเงินสดของบริษัท (ii) ความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและผลกระทบต่อปริมาณการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทของลูกค้า (iii) ความสามารถของบริษัทในการปฏิบัติตามพันธสัญญาทั้งหมดในวงเงินสินเชื่อของบริษัท (iv) ความสามารถของบริษัทในการชําระหนี้และต่ออายุวงเงินสินเชื่อระหว่างประเทศที่กำลังจะหมดอายุ (v) ความสามารถของบริษัทในการดําเนินการตามแผนกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลกําไรและกระแสเงินสดที่เป็นบวก (vi) ผลกระทบจากความอ่อนแอและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก (vii) ความผันผวนของราคาเหล็กและความสามารถของบริษัทในการชดเชยการเพิ่มขึ้นของราคาเหล็กผ่านการเพิ่มขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์ (viii) ระยะเวลาในการรับคําสั่งซื้อ การดําเนินการ การส่งมอบ และการยอมรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท (ix) การใช้จ่ายของภาครัฐในโครงการที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทลดลง และความท้าทายต่อสภาพคล่องและการเข้าถึงเงินทุนของลูกค้าที่ไม่ใช่ภาครัฐของบริษัท (x) ความสามารถของบริษัทในการเจรจาข้อตกลงการเรียกเก็บเงินตามความคืบหน้าสําหรับสัญญาขนาดใหญ่ได้สําเร็จ (xi) การกําหนดราคาเชิงรุกของคู่แข่งที่มีอยู่และการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ในตลาดที่บริษัทดําเนินธุรกิจอยู่ (xii) ความสามารถของบริษัทในการซื้อวัตถุดิบในราคาที่เหมาะสมและรักษาความสัมพันธ์อันดีกับซัพพลายเออร์ (xiii) ความสามารถของบริษัทในการผลิตสินค้าที่ปราศจากข้อบกพร่องที่แฝงอยู่ และการกู้คืนจากซัพพลายเออร์ที่อาจจัดหาวัสดุที่มีข้อบกพร่องให้กับบริษัท (xiv) การลดหรือยกเลิกคําสั่งซื้อที่รวมอยู่ในแบ็คล็อกของบริษัท (xv) ความสามารถของบริษัทในการเรียกเก็บเงินลูกหนี้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการในตะวันออกกลาง (xvi) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัท (xvii) ความสามารถของบริษัทในการดึงดูดและรักษาผู้บริหารระดับสูงและบุคลากรหลัก (xviii) ความสามารถของบริษัทในการบรรลุผลประโยชน์ที่คาดหวังจากความคิดริเริ่มการเติบโต (xix) ความสามารถของบริษัทในการตีความการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบและกฎหมายภาษี (xx) ความสามารถของบริษัทในการใช้ผลขาดทุนสุทธิจากการดําเนินงานที่ยกไป (xxi) การกลับรายการของรายได้และกําไรที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้อันเป็นผลมาจากการประมาณการที่ไม่ถูกต้องซึ่งทําขึ้นโดยเชื่อมโยงกับการรับรู้รายได้ตามเปอร์เซ็นต์ของงานที่แล้วเสร็จของบริษัท (xxii) ความล้มเหลวของบริษัทในการสร้างและรักษาการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพต่อการรายงานทางการเงิน และ (xxiii) ผลกระทบของภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์ต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท ผู้ถือหุ้น นักลงทุนที่มีศักยภาพ และผู้อ่านรายอื่น ๆ ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบในการประเมินข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า และควรระวังอย่าพึ่งพาข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมากเกินไป ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่ทําในที่นี้จัดทําขึ้นเฉพาะ ณ วันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เท่านั้น และเราไม่มีภาระผูกพันในการอัปเดตข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลต่อผลการดําเนินงานของเราสามารถดูได้จากเอกสารที่ยื่นต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสามารถดูได้ที่ https://www.sec.gov และภายใต้หัวข้อศูนย์นักลงทุนในเว็บไซต์ของเรา (http://investors.permapipe.com)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Perma-Pipe International Holdings, Inc.

David Mansfield ประธานและซีอีโอ

นักลงทุนสัมพันธ์ Perma-Pipe
investor@permapipe.com
847.929.1200

ที่มา: Perma-Pipe International Holdings, Inc.

จากการทำนาข้าวสู่ไบโอชาร์: Greenery นำเสนอเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำเชิงนวัตกรรมที่ COP29

Logo

Greenery บริษัทด้านเทคโนโลยีสภาพอากาศที่นำเสนอโซลูชันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ จะนำเสนอโซลูชันนวัตกรรมสำหรับเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำในการประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศครั้งที่ 29 (COP29) ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศอาเซอร์ไบจานในปีนี้

โซล ประเทศเกาหลีใต้ (BUSINESS WIRE)–06 พฤศจิกายน 2024

Greenery, Inc. จะจัดงานสัมมนาและนิทรรศการในหัวข้อการเปลี่ยนผ่านสู่เกษตรกรรมและการเลี้ยงสัตว์คาร์บอนต่ำที่ Korea Pavilion ในเขตบลูโซนของ COP29 ระหว่างวันที่ 11 ถึง 13 พฤศจิกายน

A low-carbon farming project at Haenam, South Korea (Image: Greenery)

โครงการเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำที่แฮนัม ประเทศเกาหลีใต้ (ภาพ: Greenery)

Greenery, Inc. บริษัทด้านเทคโนโลยีสภาพอากาศซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเกาหลีใต้ ให้บริการที่ปรึกษาด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รวมถึงการวางแผนการดำเนินการด้านสภาพอากาศ การประเมินวงจรชีวิต (LCA) และการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ

ในเดือนตุลาคมปีนี้ Greenery ได้เปิดตัว ENVION ซึ่งเป็นโซลูชันซอฟต์แวร์ LCA ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรชีวิต โดย ENVION นั้นได้ยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจากับยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมระดับโลกแล้ว

นอกจากนี้ Greenery ยังดำเนินการในส่วนของ POPLE ซึ่งเป็นศูนย์รับรองเครดิตคาร์บอนแบบสมัครใจและเป็นตลาดกลางด้วย โดยสำนักงานเลขาธิการ POPLE ยังคงรักษามาตรฐานในระดับสูงสำหรับการตรวจสอบเครดิตและให้ความราบรื่นในการทำธุรกรรมต่างๆ ในตลาด

ในงาน COP29 นี้ ทาง Greenery จะแนะนำวิธีการใหม่ๆ ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านกรณีศึกษาสองกรณีในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรคาร์บอนต่ำในงานสัมมนาวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้

กรณีศึกษากรณีแรกจะศึกษาระบบการทำฟาร์มอัจฉริยะซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นโปรแกรมเรือธงร่วมกันโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทีของเกาหลีใต้กับหน่วยงานสังคมสารสนเทศแห่งชาติ ระบบการทำฟาร์มนี้สามารถลดทั้งการปล่อยก๊าซมีเทนและประหยัดน้ำได้จากการตรวจสอบระดับน้ำในนาข้าวแบบเรียลไทม์

ในกรณีศึกษากรณีที่สอง ทาง Greenery จะสาธิตว่าของเสียจากปศุสัตว์ ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากฟาร์ม สามารถแปลงเป็นไบโอชาร์ได้อย่างไร ไบโอชาร์เป็นคำผสมระหว่างคำว่า “biomass (ชีวมวล)” และ “charcoal (ถ่านไม้)” ซึ่งสามารถกักเก็บคาร์บอนได้นานประมาณหนึ่งร้อยปี ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดก๊าซคาร์บอนได้

การบรรยายในงานสัมมนาจะประกอบด้วยการอภิปรายกลุ่มเกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัยและวิธีการลดปริมาณคาร์บอนจากภาคเกษตรกรรม โดยมี Saskia Sanders ที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายของสำนักงานเกษตรแห่งสหพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์, Pankaj Kumam ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของ Enviance และ Soojeong Myeong หัวหน้าคณะนักวิจัยของสถาบันสิ่งแวดล้อมเกาหลีเข้าร่วมการหารือในครั้งนี้ด้วย

ในช่วงนิทรรศการที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 ถึง 13 พฤศจิกายน ผู้เข้าร่วมจะได้รับชมการนำเสนอที่น่าสนใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืนต่างๆ

“การประชุมของภาคีต่างๆ ได้รวบรวมผู้นำระดับโลกเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน” Yoosik Hwang ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Greenery กล่าว “เราอยู่ที่นี่เพื่อแสดงให้เห็นว่าภาคเกษตรกรรมไม่ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาภาวะโลกร้อนเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนสำคัญของแนวทางแก้ไขอีกด้วย”

COP29 ถือเป็นการประชุมครั้งล่าสุดของกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ซึ่งรัฐบาลและองค์กรต่างๆ ทั่วโลกจะมารวมตัวกันเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่เร่งด่วน การประชุมในปีนี้ที่ประเทศอาเซอร์ไบจานจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเจรจาระดับโลกเกี่ยวกับการบรรเทาก๊าซเรือนกระจกและความยั่งยืน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54147821/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Greenery, Inc.
Na Yeon Kim
+82-2-6274-3600
annettenayeon@greenery.im

ที่มา: Greenery, Inc.


SMART Modular ขอแนะนำ SSD T6EN ที่ทนทาน ความเร็วสูง ความจุสูง และความปลอดภัยสูง สำหรับการบิน การป้องกันประเทศ และการใช้งานในอุตสาหกรรม

Logo

SSD ใหม่เป็นวิวัฒนาการล่าสุดของผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชที่ทนทานของ SMART

NEWARK, Calif.–(BUSINESS WIRE)–04 พฤศจิกายน 2024

SMART Modular Technologies®, Inc. (“SMART”) ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Penguin Solutions, Inc. (Nasdaq: PENG) และเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ไดรฟ์โซลิดสเตต และผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลแบบไฮบริดแบบบูรณาการ ประกาศเปิดตัวแฟลชไดรฟ์ T6EN PCIe/NVMe ที่ทนทานรุ่นใหม่สำหรับการบิน การป้องกันประเทศ และการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ โดย SSD ตระกูลใหม่นี้มีจำหน่ายในรูปแบบ U.2, E1.S และ M.2 2280 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ปลายทางมีความยืดหยุ่นมากขึ้นตามความต้องการในการใช้งานและการกำหนดค่าเฉพาะของตน

SMART Modular's new ruggedized T6EN PCIe/NVMe flash drives for aerospace, defense, and industrial applications are available in a broad range of capacities and three form factors. (Photo: Business Wire)

แฟลชไดรฟ์ T6EN PCIe/NVMe ที่ทนทานรุ่นใหม่ของ SMART Modular สำหรับการใช้งานด้านการบิน การป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมต่างๆ มีจำหน่ายในความจุที่หลากหลายและมีสามฟอร์มแฟคเตอร์ (รูปภาพ: Business Wire)

T6EN SSD เหล่านี้มีความจุสูงสุดถึง 15TB (เทราไบต์) สำหรับเวอร์ชัน U.2 และสูงสุดถึง 8TB สำหรับเวอร์ชัน E1.S และ M.2 2280 โดยทั้งสามเวอร์ชันนี้ใช้หน่วยความจำแฟลช 3D TLC

“SSD T6EN ใหม่ของเรามอบชุดคุณสมบัติที่ทนทานและสมบูรณ์พร้อมทั้งอัลกอริธึมความปลอดภัยที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา ทริกเกอร์การลบข้อมูล และการป้องกันการเขียนด้วยฮาร์ดแวร์” Mike Guzzo ผู้อำนวยการอาวุโสของผลิตภัณฑ์แฟลช RUGGED™ ของ SMART อธิบาย

การส่งมอบ SSD ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นนั้นเริ่มต้นในขั้นตอนการออกแบบ ซึ่ง SMART กำหนดระยะขอบที่สูงขึ้นสำหรับการกำหนดเส้นทางสัญญาณ แผงวงจรพิมพ์ที่หนาขึ้น และตัวเครื่องที่ทนทานยิ่งขึ้น ในระหว่างกระบวนการออกแบบและการพัฒนา SMART จะคัดเลือกเฉพาะส่วนประกอบที่มีความน่าเชื่อถือที่สูงที่สุดและทำการทดสอบแบบบูรณาการอย่างลึกซึ้ง ซึ่งรวมถึงการทดสอบการเบิร์นอิน 8 ชั่วโมงภายใต้การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในช่วงกว้าง เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดสำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยและทนทาน

T6EN SSD ทุกเวอร์ชันมีการเข้ารหัสแบบ AES-XTS 256 บิต ที่สามารถปกป้องข้อมูลที่เขียนลงในไดรฟ์โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังรองรับ OPAL 2.0 ซึ่งเป็นโปรโตคอลความปลอดภัยมาตรฐานอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันข้อมูลบน SSD ที่ไม่ให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงได้

จากมุมมองของสภาพแวดล้อมการทำงาน T6EN SSD ของ SMART ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ทำงานภายใต้อุณหภูมิและสภาวะการทำงานที่รุนแรงเพื่อรองรับแอปพลิเคชันที่ต้องการความน่าเชื่อถือ ความทนทาน และการจัดเก็บหน่วยความจำที่ปลอดภัย สำหรับเลเยอร์ในการป้องกันเพิ่มเติมต่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม การเคลือบแบบคอนฟอร์มัลเป็นตัวเลือกที่เราใช้งานสำหรับในทุกรุ่นเพื่อให้การป้องกันเพิ่มเติมสำหรับความชื้น การเปลี่ยนอุณหภูมิฉับพลัน ไฟฟ้าสถิตย์ การสั่นสะเทือน และการปนเปื้อน

สำหรับข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ T6EN ฉบับสมบูรณ์และข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่โซลูชันที่ทนทานของ SMART ได้ที่ smartm.com

Penguin Solutions, “S”, “SMART” รวมถึง “SMART Modular Technologies” และ “RUGGED” เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนที่เป็นเจ้าของโดยกลุ่มบริษัทที่เป็นเจ้าของโดย Penguin Solutions, Inc. ส่วนเครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับ SMART Modular Technologies, Inc.

บริษัทในเครือ Penguin Solutions

SMART Modular Technologies ช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงได้ผ่านการออกแบบ พัฒนา และบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงของโซลูชันหน่วยความจำแบบบูรณาการ ผลิตภัณฑ์ของเราประกอบด้วยเทคโนโลยีหน่วยความจำล้ำสมัยในปัจจุบันไปจนถึงผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล DRAM และ Flash แบบมาตรฐานและแบบดั้งเดิม เป็นเวลากว่าสามทศวรรษที่เรามอบโซลูชันหน่วยความจำและที่จัดเก็บข้อมูลแบบมาตรฐาน ทนทาน และกำหนดเอง ซึ่งตอบสนองความต้องการของแอปพลิเคชันที่หลากหลายในตลาดที่มีการเติบโตสูง www.smartm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54146332/en

ติดต่อ

ข้อมูลติดต่อฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์
Michael Guzzo
SMART Modular Technologies
ผู้อำนวยการอาวุโส
+1 (602) 524-0299
michael.guzzo@smartm.com

ข้อมูลติดต่อฝ่ายสื่อ
John Crook
SMART Modular Technologies
การสื่อสารการตลาด
+1 (510) 474 8326
john.crook@smartm.com

Morris Yang
SMART Modular Technologies
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
+886 (2) 7705-2770
apac@smartm.com

Maureen O’Leary
Penguin Solutions
ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสาร
+1 (602) 330-6846
pr@penguinsolutions.com

แหล่งที่มา: SMART Modular Technologies, Inc.

Black & Veatch ได้รับเลือกให้เป็นวิศวกรที่ปรึกษาของเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในมาเลเซียตะวันออก

Logo

โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงาน Sarawak Gas Roadmap ซึ่งมีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายของรัฐซาราวักในการเพิ่มเศรษฐกิจเป็นสองเท่าภายในปี 2030

รัฐซาราวัก, มาเลเซีย –(BUSINESS WIRE)–05 พฤศจิกายน 2024

Black & Veatch  ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้รับเลือกให้เป็นวิศวกรที่ปรึกษาของเจ้าของโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซพลังความร้อนร่วม Miri (Miri CCGT) ของ PETROS Power Sdn Bhd (PETROS Power) ในรัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย

โรงไฟฟ้า Miri CCGT จะเป็นทางเลือกที่ปล่อยมลพิษน้อยกว่าโรงไฟฟ้าแบบถ่านหิน ซึ่งโรงไฟฟ้า Miri CCGT นั้นคาดว่าจะมีกำลังการผลิต 500 เมกะวัตต์ (MW) และมีวัตถุประสงค์เพื่อจ่ายไฟฟ้าให้กับระบบสายส่งไฟฟ้าของรัฐซาราวัก

“ความรู้ด้านกฎและมาตรฐานทางวิศวกรรมระดับนานาชาติและเฉพาะประเทศ ตลอดจนโครงสร้างสัญญาของ Black & Veatch ช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำหนดเวลาของโครงการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการจะดำเนินไปได้อย่างแน่นอน”  Narsingh Chaudhary ประธาน Black & Veatch ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียกล่าว “Black & Veatch มอบความมั่นใจให้กับลูกค้าที่มีความก้าวหน้า เช่น PETROS Power ว่าผู้รับเหมาด้านวิศวกรรม การจัดซื้อจัดจ้าง และการก่อสร้าง (EPC) จะส่งมอบโครงการตามคำมั่นสัญญาได้อย่างคุ้มค่ากับต้นทุน โดยการเชื่อมช่องว่างระหว่างมาตรฐานทางวิศวกรรมที่แตกต่างกัน”

Black & Veatch จะให้ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค ความรู้ และการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการสนับสนุนสำหรับการจัดการและบริหารสัญญาทางด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การก่อสร้าง และการทดสอบระบบ (EPCC)

Black & Veatch มีประสบการณ์อันยาวนานในการออกแบบและสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมสำหรับสถานที่ต่างๆ รวมถึงสถานที่ใหม่ การขยายโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำที่มีอยู่ และการแปลงโรงไฟฟ้าแบบวงจรธรรมดา ( Simple cycle) ที่มีอยู่ให้เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม

ติดต่อ Contact Black & Veatch สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทวิศวกรรม จัดซื้อ ที่ปรึกษา และก่อสร้างระดับโลกที่พนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประสบการณ์ด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมานานกว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยให้ลูกค้าของเราพัฒนาชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยเน้นที่ความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และใน LinkedIn Facebook X (Twitter) และ Instagram

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ข้อมูลการติดต่อสำหรับสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | Chialp@bv.com
อีเมลสื่อตลอด 24 ชั่วโมง| Media@bv.com

แหล่งที่มา: Black & Veatch

อาบูดาบีเปิดตัว SteerAI บริษัทเทคโนโลยีใหม่ที่เตรียมเปลี่ยนโฉมยานยนต์อุตสาหกรรมให้กลายเป็นยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ

Logo

ชุดซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ขั้นสูงของ SteerAI ช่วยให้ยานยนต์อุตสาหกรรมขับเคลื่อนอัตโนมัติได้

บริษัทใหม่ซึ่งขับเคลื่อนโดย VentureOne ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการค้าของ ATRC จะเริ่มต้นด้วยยานยนต์ภาคพื้นดินและขยายออกไปสู่ท้องทะเล

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–04 พฤศจิกายน 2024

VentureOne ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการค้าของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology Research Council – ATRC) ได้เปิดตัว SteerAI ซึ่งเป็นระบบการขับเคลื่อนขั้นสูงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่จะแปลงโฉมยานยนต์อุตสาหกรรมมาตรฐานให้กลายเป็นยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติได้

Abu Dhabi unveils SteerAI, a new tech venture set to transform industrial vehicles into autonomous powerhouses (Photo: AETOSWire)

อาบูดาบีเปิดตัว SteerAI ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ที่จะเปลี่ยนโฉมยานยนต์อุตสาหกรรมให้กลายเป็นโรงงานผลิตยานยนต์ไร้คนขับ (รูปภาพ: AETOSWire)

SteerAI ใช้ชุดฮาร์ดแวร์ ชุดซอฟต์แวร์ และระบบการจัดการกองยานพาหนะเพื่อให้บริการทั้งภาคโลจิสติกส์และการป้องกันประเทศ รวมถึงเพื่อให้ยานยนต์ภาคพื้นดินขับเคลื่อนอัตโนมัติสามารถรับมือกับภารกิจที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูง ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากร และปกป้องภารกิจที่ต้องใช้มนุษย์ โดยเทคโนโลยีของ SteerAI นั้นได้รับการพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี (Technology Innovation Institute – TII) ที่เป็นหน่วยงานวิจัยประยุกต์ของ ATRC

H.E. Faisal Al Bannai ที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเลขาธิการ ATRC กล่าวว่า “การเปิดตัว SteerAI ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความเป็นผู้นำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในด้านเทคโนโลยีอัตโนมัติ ที่ ATRC วิสัยทัศน์ของเราคือการผลักดันขอบเขตของนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และ SteerAI เป็นตัวอย่างว่าเราเปลี่ยนการวิจัยที่ก้าวล้ำให้กลายเป็นโซลูชันในโลกแห่งความเป็นจริงที่สร้างผลกระทบที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร”

“เราไม่ได้สร้างยานยนต์อัตโนมัติแต่เพียงอย่างเดียว แต่เราได้สร้าง ‘สมอง’ ของยานยนต์อัตโนมัติขึ้นมาด้วย” ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอของ TII กล่าว “อัลกอริทึมการนำทางขั้นสูงทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ที่ล้ำสมัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบโมดูลาร์ที่มีประสิทธิภาพที่สามารถทำงานกับยานยนต์ได้ทุกประเภท และมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการเคลื่อนที่ของเรา”

ยานยนต์อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนโดยระบบของ SteerAI จะสามารถทำงานได้อย่างสม่ำเสมอและแม่นยำระหว่างจุดนำทางโดยมีเวลาหยุดทำงานที่น้อยที่สุด ชุดซอฟต์แวร์ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ยานพาหนะตอบสนองต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หลบเลี่ยงสิ่งกีดขวาง และทำงานได้อย่างราบรื่นแม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย รวมถึงพื้นที่ที่ยังไม่ได้อยู่ในแผนที่

นอกจากจะช่วยให้สามารถเคลื่อนที่ได้โดยอัตโนมัติเต็มรูปแบบแล้ว ซอฟต์แวร์ของ SteerAI ยังอำนวยความสะดวกในการจัดการกองยานพาหนะจากระยะไกล การวางแผนและการตรวจสอบภารกิจ ตลอดจนการวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อให้แน่ใจว่ายานพาหนะถูกนำไปใช้และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Reda Nidhakou รักษาการ CEO ของ VentureOne กล่าวว่า “การเปิดตัว SteerAI ถือเป็นก้าวสำคัญในการเดินทางของเราในการสร้างผลกระทบเชิงบวกผ่านการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยความต้องการด้านการเคลื่อนที่ในด้านโลจิสติกส์และการป้องกันประเทศนั้นเข้มข้น ซับซ้อน และมีค่าใช้จ่ายสูง ระบบอัตโนมัติที่ไม่ขึ้นกับยานพาหนะของเราจะช่วยกำหนดประสิทธิภาพและความแม่นยำในการปฏิบัติงานใหม่ในขณะที่ปกป้องทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของบริษัท นั่นคือบุคลากรของบริษัท ภารกิจของเราคือการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินการของพวกเขา”

SteerAI เป็นโครงการที่สองที่ VentureOne เปิดตัว โดย AI71 ที่ได้เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2023 นั้น ได้สร้างโซลูชันทางธุรกิจโดยใช้โมเดล Falcon generative AI ของ TII

*แหล่งข้อมูลAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54145916/en

ติดต่อ

Audrey Fernandes
Audrey.fernandes@edelman.com

แหล่งข้อมูล: สภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology Research Council)

The Bangkok Reporter