Kioxia และ Xinnor ร่วมมือกันเพื่อส่งมอบโซลูชัน PCIe 5.0 NVMe SSD RAID ประสิทธิภาพสูงสําหรับแอปพลิเคชันระดับองค์กรและศูนย์ข้อมูล

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–05 มิถุนายน 2024

Kioxia Corporation ผู้นําระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจํา ประกาศในวันนี้ว่า KIOXIA PCIe® 5.0 NVMe™ SSD ได้รับการทดสอบความเข้ากันได้ และความสามารถในการทํางานร่วมกันกับโซลูชัน Xinnor, Ltd. (“Xinnor”) RAID และประสบความสําเร็จในการรัน PostgreSQL มากกว่าโซลูชัน RAID ของซอฟต์แวร์ที่มีการกําหนดค่าฮาร์ดแวร์เดียวกันถึง 25 เท่า(1). โซลูชันนี้จะสาธิตในบูธ KIOXIA ที่งาน COMPUTEX TAIPEI ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนถึง 7 มิถุนายน

KIOXIA CM7 Series PCIe(R) 5.0 NVMe(TM) SSDs (Photo: Business Wire)

KIOXIA CM7 Series PCIe(R) 5.0 NVMe(TM) SSD (ภาพ: Business Wire)

PostgreSQL (พร้อมส่วนขยาย pgvector) และฐานข้อมูลเวกเตอร์มีความสําคัญมากขึ้นสําหรับระบบ generative AI และ RAG (Retrieval Augmented Generation) มากกว่าเดิม และผลลัพธ์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นโดยใช้โซลูชัน xiRAID Opus และ KIOXIA PCIe® 5.0 NVMe™ SSD ของ Xinnor สําหรับแอปลิเคชัน generative AI และ RAG

เซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่มีอินเทอร์เฟซ PCIe® 5.0 และ SSD ความเร็วสูงที่สอดคล้องกัน เป็นที่ต้องการสําหรับแอปพลิเคชันประสิทธิภาพสูง เช่น generative AI และความสําคัญของ SSD ที่เข้ากันได้กับ PCIe® 5.0 เพื่อรองรับความต้องการที่กำลังเพิ่มมากขึ้น โซลูชัน RAID ซอฟต์แวร์ประสิทธิภาพสูงของ Kioxia และ Xinnor ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของ PCIe® 5.0 SSD สําหรับ AI, Machine Learning (ML) และแอปพลิเคชันการวิเคราะห์ข้อมูลในศูนย์ข้อมูลขององค์กรภายในองค์กร KIOXIA CM7 Series SSD ประสบความสําเร็จในการทดสอบความเข้ากันได้ที่ดําเนินการโดยทั้งสองฝ่าย

ความสําเร็จของโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูลรุ่นต่อไปจะขึ้นอยู่กับการทํางานร่วมกันของระบบนิเวศและความพยายามในการทดสอบการทํางานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในปัจจุบันและอนาคตทํางานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และส่งมอบตามที่คาดไว้ ในฐานะผู้นําด้าน SSD ระดับองค์กรและศูนย์ข้อมูล Kioxia มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปข้างหน้าด้วยโซลูชันหน่วยความจําที่เป็น นวัตกรรมใหม่ที่ขับเคลื่อนคลื่นลูกใหม่ของแอปพลิเคชันและบริการ Kioxia จะยังคงสนับสนุนระบบนิเวศ PCIe® 5.0 ต่อไป และเพิ่มมูลค่าสูงสุดของ PCIe® 5.0 NVMe™ SSD ประสิทธิภาพสูง

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง: กลุ่มผลิตภัณฑ์ KIOXIA Enterprise SSD
https://www.kioxia.com/en-jp/business/ssd/enterprise-ssd.html

หมายเหตุ

(1) เมื่อเทียบกับโซลูชัน RAID มาตรฐานใน Linux (mdraid / mdadm) ในโหมดลดระดับโดยที่ไดรฟ์ตัวหนึ่งล้มเหลว ในการดําเนินการอ่านฐานข้อมูล (สืบค้น)

*Xinnor และ xiRAID เป็นเครื่องหมายการค้าของ Xinnor, Ltd.

*NVMe เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นําระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจํา ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจําแฟลชและโซลิดสเตตไดร์ฟ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory รุ่นก่อนได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจําแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจํา” โดยนําเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและหน่วยความจำ – คุณค่าพื้นฐานสำหรับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจําแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia อย่าง BiCS FLASH™ กําลังกําหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

สอบถามข้อมูลลูกค้า:

Kioxia Group
สำนักงานขายทั่วโลก
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจําเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54031655/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Koji Takahata
Tel: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

ส่องสว่างบนยอดตึกไทเป 101 GIGABYTE กำหนดนิยามใหม่ให้กับวิวัฒนาการของ AI ที่เร่งด้วยการประมวลผลแบบยุคใหม่ที่งาน COMPUTEX

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–03 มิถุนายน 2024

GIGABYTE Technology ผู้มีกิตติศัพท์ระดับโลกในด้านความสามารถในการวิจัยและพัฒนา จะจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นของตนที่งาน COMPUTEX ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน ถึง 7 มิถุนายน ภายใต้หัวข้อ “ACCEVOLUTION” โดยยกย่องยุคใหม่ของการเร่งการประมวลผลและเวลาของ AI AI ซึ่งยังคงเป็นเทรนด์สำคัญ โดยได้ดึงดูดผู้นำอุตสาหกรรม รวมถึงซีอีโอจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของงาน COMPUTEX และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง อาคารไทเป 101 จะมีการประดับไฟเพื่องาน COMPUTEX โดยคำว่า GIGABYTE จะส่องสว่างในวันที่ 4 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ถึง 22.00 น. เพื่อเป็นการส่งเสริมกิจกรรม AI และต้อนรับแขกจากต่างประเทศ

Shining Bright atop Taipei 101, GIGABYTE Redefines AI Evolution Accelerated by Next-Generation Computing at COMPUTEX (Photo: Business Wire)

ส่องสว่างบนยอดตึกไทเป 101 GIGABYTE กำหนดนิยามใหม่ให้กับวิวัฒนาการของ AI ที่เร่งด้วยการประมวลผลแบบยุคใหม่ที่งาน COMPUTEX (ภาพ: Business Wire)

ผู้นำที่โดดเด่นด้านการพัฒนาชิพระดับโลกจะเข้าร่วมงาน COMPUTEX โดยมีเป้าหมายที่จะยืนยันอิทธิพลของพวกเขาในยุค AI และกระชับความสัมพันธ์กับห่วงโซ่อุปทานของไต้หวัน GIGABYTE ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ รู้สึกเป็นเกียรติที่จะเชิญ CEO เหล่านี้มาที่บูธเพื่อสำรวจเทคโนโลยีล่าสุด กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของ GIGABYTE ครอบคลุมทั้งวงจรชีวิตของ AI โดยมีเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรมและโซลูชั่นเซิร์ฟเวอร์ที่ยืดหยุ่น ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการประมวลผลในอนาคตด้วยโซลูชั่นระบายความร้อนขั้นสูง จะถูกจัดแสดงในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนที่งาน COMPUTEX นอกจากนี้ GIGABYTE จะนำเสนอผลิตภัณฑ์พีซีที่ได้รับรางวัล Red Dot Award สาธิตผลิตภัณฑ์ใหม่ และมอบประสบการณ์ AI ให้กับเหล่านักเล่นเกมและผู้สร้าง

GIGABYTE ได้คงความเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดในตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยเซิร์ฟเวอร์ AI ที่หลากหลายที่สุด ในปีนี้ เซิร์ฟเวอร์ซีรีส์ AI รุ่นเรือธง G593 ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านฟีเจอร์ความหนาแน่นสูง (HD) และการออกแบบที่ยืดหยุ่น ได้รับการจัดแสดงเพื่อรองรับชิปรุ่นใหม่ของ NVIDIA H200 และ B100 รวมถึงรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับ MI300X ของ AMD นอกจากนี้ ในงานแสดงจะนำเสนอเซิร์ฟเวอร์ซีรีส์ X รุ่นใหม่ ซึ่งใช้การออกแบบโมดูลาร์ MGX ของ NVIDIA ที่ช่วยลดเวลาในการพัฒนาและเร่งการปรับใช้ศูนย์ข้อมูล ลูกค้าสามารถเลือกระหว่างCPU AMD EPYC, Intel Xeon x86 หรือซุปเปอร์ชิพ NVIDIA Grace Hopper Arm ซึ่งนำเสนอการกำหนดค่าที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการด้านการคำนวณโดยเฉพาะ

โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ได้รับความนิยมมากขึ้นใน AI เพื่อรองรับจำนวนพารามิเตอร์ที่เพิ่มขึ้น GIGABYTE จึงได้จัดแสดงเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับสถาปัตยกรรม Blackwell รุ่นล่าสุดของ NVIDIA โดยมีการออกแบบที่มีความหนาแน่นสูง (HD) ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง พร้อมด้วยซุปเปอร์ชิพ B100 และ B200 อันทรงพลัง โดย B100 จะเข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์ซีรีส์ G593 ในขณะที่ประสิทธิภาพระดับถัดไปของ B200 ทำให้เกิดความท้าทายด้านความร้อนที่เกินกว่าความสามารถในการระบายความร้อนด้วยอากาศแบบดั้งเดิม GIGABYTE ได้จัดการกับเรื่องนี้ด้วยวิศวกรรมการระบายความร้อนชั้นนำของอุตสาหกรรมอันได้แก่ direct liquid cooling นอกจากนั้น GB200 ที่ได้รับการคาดหวังอย่างสูงจะถูกจัดแสดงในตู้ระบายความร้อนด้วยของเหลวในชื่อ GB200 NVL72 ซึ่งทำหน้าที่เป็น GPU ขนาดใหญ่ที่สามารถบรรลุประสิทธิภาพการอนุมานถึง 30 เท่าของ GPU H100 ในจำนวนที่เท่ากัน สิ่งนี้ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมไม่เพียงแต่ได้เห็นนวัตกรรมเหล่านี้โดยตรง แต่ยังมีส่วนร่วมในการอภิปรายเกี่ยวกับอนาคตของการพัฒนา AI และการใช้งานคอมพิวเตอร์อีกด้วย

ขอแนะนำ GIGA POD ซึ่งเป็นโซลูชันการรวมแร็คแบบครบวงจรของ GIGABYTE โดยใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านเซิร์ฟเวอร์และประสบการณ์มากกว่า 20 ปีที่ได้รับจากพันธมิตรอย่าง CSP GIGA POD เป็นการบูรณาการระบบที่สมบูรณ์ รวมถึงการวางแผนสถาปัตยกรรม การรวมอุปกรณ์ การติดตั้งซอฟต์แวร์ และการทดสอบหลังการใช้งาน มีการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ AI ที่แตกต่างกันด้วย NVIDIA SXM หรือ AMD Instinct GPUs หรือซุปเปอร์ชิพ NVIDIA และกำลังค่อยๆ ขยายไปยังเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ติดตั้ง GPU ระดับบนสุดในอนาคต GIGA POD ยังเป็นการสาธิตที่สำคัญของวิศวกรรมการระบายความร้อนของ GIGABYTE โดยติดตั้งโมดูล HGX ในแชสซี 5U ของเซิร์ฟเวอร์ G593 ที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ เซิร์ฟเวอร์ที่มีความหนาแน่นสูงดังกล่าวช่วยให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการเลือกการกำหนดค่า 9 แร็คพร้อมเซิร์ฟเวอร์ AI 4 เซิร์ฟเวอร์ต่อแร็ค 42U หรือการกำหนดค่า 5 แร็คพร้อมเซิร์ฟเวอร์ AI 8 แร็คต่อแร็ค 48U ทำให้ได้พื้นที่การใช้งานเกือบสองเท่าและปรับปรุงประสิทธิภาพของทรัพยากรได้อย่างมาก GIGABYTE ยังได้เชิญ Northern Data Group ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของโซลูชันการประมวลผลคลัสเตอร์ (GIGA POD) และผู้ให้บริการคลาวด์ Generative AI รายใหญ่ที่สุดของยุโรป ให้เข้าร่วมในกิจกรรมพิเศษ “Executive Dialogue with AI Visionaries” กับผู้จัดการทั่วไปของบริษัทย่อยของ GIGABYTE อย่าง Giga Computing การพูดคุยแบบไลฟ์สดจะครอบคลุมถึงการทำงานร่วมกัน กุญแจสู่ความสำเร็จ และมุมมองเกี่ยวกับอนาคตของ AI

การพัฒนา AI ขยายขอบเขตไปไกลกว่าการคำนวณ GPU ไปสู่โครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลที่ครอบคลุม รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลและการส่งข้อมูลเครือข่าย ความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาของ GIGABYTE ในด้านอุณหภูมิ กลไก และการออกแบบโมดูลาร์ทำให้มั่นใจได้ถึงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสำหรับสถาปัตยกรรมไอที

GIGABYTE เป็นผู้บุกเบิกโซลูชั่น advanced cooling solutions เทคโนโลยีการเรียนรู้ เช่น การระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง และการ immersion cooling ด้วยความเชี่ยวชาญในการบูรณาการข้ามสาขาวิชา GIGABYTE ได้พัฒนาแผ่นเย็น, แร็ควาง DLC และถังแช่ของตัวเอง โดยนำเสนอโซลูชั่นการระบายความร้อนที่ครอบคลุม ที่งาน COMPUTEX นั้น GIGABYTE จะจัดแสดงระบบทำความเย็นแบบจุ่มเฟสเดียว ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง และแร็ควางเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนที่ประตูหลัง (RDHx) แบบใหม่ ด้วยความร่วมมือกับ nVent นั้น GIGABYTE ได้ติดตั้ง Hyperion ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์อันดับสามของสเปน โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ฟูลแร็คที่มี RDHx การตั้งค่านี้เชื่อมต่อกับเครื่องทำความเย็นกลางแจ้ง โดยสามารถกระจายความร้อนได้สูงสุดถึง 54,000 วัตต์ต่อชั่วโมง ช่วยลดความต้องการเครื่องปรับอากาศ และจัดการฮอตสปอตทางคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

GIGABYTE นำเสนอทั้งความสามารถในการฝึกอบรมโมเดล AI ที่แข็งแกร่งและแอปพลิเคชัน AI ที่ใช้งานได้จริงผ่านคอมพิวเตอร์ฝังตัวระดับอุตสาหกรรม การสาธิตครอบคลุมโรงงานอัจฉริยะที่มีวิชันซิสเต็มที่ใช้ AI และคอมพิวเตอร์ฝังตัวที่มีความเสถียรสูงสำหรับการควบคุมระยะไกล รวมถึงบาร์ร้านค้าปลีกที่ใช้แผงพีซีรวมกับการจดจำ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ความก้าวหน้าใน AI และ CPU/GPU รุ่นต่อไปยังสนับสนุนแอปพลิเคชันยานยนต์อัจฉริยะ เพิ่มประสิทธิภาพ ADAS และอุปกรณ์ Telematic ในรถยนต์

การเพิ่มขึ้นของ AI กำลังเปลี่ยนแปลงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เมนบอร์ด GIGABYTE ซีรีส์ Z790 ได้รับการออกแบบมาสำหรับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน และรองรับกราฟิกการ์ดซีรีส์ RTX 40 SUPER ซึ่งมอบประสิทธิภาพสูงสุดด้วยจำนวนคอร์ที่ได้รับการปรับปรุง VRAM และความเร็วหน่วยความจำ กราฟิกการ์ดใช้การเร่งความเร็ว AI นำเสนอการประมวลผลและการประมวลผลกราฟิกที่ยอดเยี่ยมสำหรับงานระดับมืออาชีพและเกม AAA ในขณะเดียวกันก็เตรียมผู้ใช้สำหรับแอปพลิเคชันใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อีกด้วย แล็ปท็อป AORUS 17X และ 16X AI มี AI Nexus ของ GIGABYTE พร้อมด้วยฟีเจอร์ AI Boost AI Generator และ AI Power Gear ซึ่งมอบประสิทธิภาพที่ดีขึ้น การสร้าง AI ที่ราบรื่น และเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น ในพื้นที่สำหรับมอบประสบการณ์ AI ของบูธของเรา ผู้เข้าชมสามารถสำรวจแอปพลิเคชัน AI ล่าสุดและโต้ตอบแบบเรียลไทม์ ซึ่งรวมถึง NVIDIA ACE และ ChatRTX ที่จะเจาะลึกเข้าไปในเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยได้

เยี่ยมชมงาน COMPUTEX ของ GIGABYTE ได้ที่ event page

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54023006/en

ติดต่อ

ผู้ประสานการติดต่อสื่อมวลชน: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

แหล่งที่มา: GIGABYTE Technology






Intelsat มอบการเชื่อมต่อที่ไม่เคยมีมาก่อนไปยังปาเลาด้วยโซลูชันดาวเทียมคู่

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–29 พฤษภาคม 2024

Intelsat ผู้ให้บริการเครือข่ายดาวเทียมและภาคพื้นดินแบบบูรณาการที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประสบความสําเร็จในการใช้โซลูชันการเชื่อมต่อดาวเทียมคู่สําหรับปาเลา โดยให้บริการ “เปิดตลอดเวลา” ที่เชื่อถือได้ สําหรับประชากร 18,000 คนของปาเลาที่อาศัยอยู่ตามเกาะเก้าเกาะในหมู่เกาะหลัก

“ด้วยประสบการณ์ที่กว้างขวางของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทําให้เราสามารถปรับแต่งโซลูชันที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของปาเลาสําหรับการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ” Gaurav Kharod รองประธานประจำภูมิภาคของ Intelsat กล่าว “โครงการนี้เป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นของ Intelsat ในการเชื่อมความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล และส่งเสริมการเชื่อมต่อสําหรับทุกมุมโลก”

ก่อนหน้านี้ Palau National Communications Corporation (PNCC) ใช้สายเคเบิลใยแก้วนําแสงใต้ทะเลเส้นเดียวสําหรับทุกความต้องการด้านการสื่อสาร แต่สายเคเบิลใต้ทะเลมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย ดังที่ PNCC พบว่าเมื่อมีการประกาศการหยุดทํางานของสายเคเบิลของปาเลาไปยังกวมเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในเดือนกรกฎาคม ปี 2023 ซึ่งอาจเกิดจากพายุไต้ฝุ่นมาวาร์ซึ่งพัดถล่มเกาะกวมในเดือนพฤษภาคม การซ่อมแซมฉุกเฉินนี้บังคับให้ PNCC จํากัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศเฉพาะบริการที่สําคัญเท่านั้น

โซลูชันของ Intelsat สําหรับปาเลาใช้ดาวเทียมค้างฟ้า Intelsat สองดวงในช่องวงโคจรที่แยกจากกัน ซึ่งให้ความซ้ำซ้อนและความยืดหยุ่นที่เหนือชั้น การออกแบบหลายชั้นนี้ใช้เทคโนโลยีเครือข่ายบริเวณกว้างที่กําหนดโดยซอฟต์แวร์ (SD-WAN) โดยผสมผสานดาวเทียมทั้งสองดวงเข้าด้วยกันอย่างลงตัวเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด โครงสร้างพื้นฐานที่สําคัญจะจัดลําดับความสําคัญของการเชื่อมต่อ C-band ในช่วงที่ไฟฟ้าดับ ในขณะที่ประชากรในวงกว้างได้รับประโยชน์จากความจุที่เพิ่มขึ้นของ Ku-band แนวทาง dual-band นี้ยังช่วยให้ PNCC สามารถปรับขนาดความจุ Ku-band ได้อย่างราบรื่นตามความต้องการในอนาคต

“Intelsat เป็นพันธมิตรที่เหมาะสมสําหรับเราเนื่องจากความยืดหยุ่นและประสบการณ์ของพวกเขาในการดําเนินงานในประเทศหมู่เกาะต่างๆ เช่น ปาเลา” Simon Fraser ซีอีโอของ Palau National Communications Corporation กล่าว

ประโยชน์ของโครงการมีมากกว่าแค่การให้บริการการสื่อสารที่เชื่อถือได้ โซลูชันนี้ทําให้ PNCC สามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตไปยังหมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของปาเลาได้เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ให้กับ PNCC เนื่องจากเป็นตลาดที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ใช้

การเชื่อมต่อที่มากขึ้นปลดล็อกโอกาสมากมายสําหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของปาเลา ขณะนี้ผู้อยู่อาศัยทั่วหมู่เกาะสามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นของรัฐ ตัวเลือกความบันเทิงที่หลากหลาย บริการสุขภาพทางไกล และทรัพยากรการศึกษาทางไกล ปัจจุบันหมู่เกาะห่างไกล เช่น เกาะในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ส่งเสริมการเชื่อมต่อที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับคนที่รักและชุมชนทั่วโลก

เกี่ยวกับ Intelsat

ทีมงานมืออาชีพระดับโลกของ Intelsat มุ่งเน้นไปที่การให้บริการการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่ราบรื่นและปลอดภัยแก่ลูกค้าภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และลูกค้าเชิงพาณิชย์ ผ่านเครือข่ายและบริการที่ได้รับการจัดการทั่วโลกในยุคต่อไปของบริษัท เชื่อมความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลด้วยการดําเนินงานหนึ่งในกองดาวเทียมและโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดในโลก Intelsat ช่วยให้ผู้คนและเครื่องมือของพวกเขาสามารถพูดคุยผ่านมหาสมุทร มองเห็นทั่วทั้งทวีป และฟังผ่านท้องฟ้าเพื่อสื่อสาร ร่วมมือ และอยู่ร่วมกัน นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อหกทศวรรษที่แล้ว บริษัท มีความหมายเหมือนกันกับ “สิ่งแรก” ของอุตสาหกรรมดาวเทียมในการให้บริการแก่ลูกค้าและโลก สมาชิกในทีม Intelsat พึ่งพามรดกแห่งนวัตกรรมและมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับความท้าทายรุ่นใหม่ ตอนนี้สมาชิกในทีม Intelsat มีเป้าหมายใน “สิ่งแรกถัดไป” ในอวกาศ ในขณะที่พวกเขาพลิกโฉมวงการและเป็นผู้นําในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรม

ติดตามเราบนโซเชียลมีเดีย:

Twitter/X | LinkedIn | Instagram | YouTube

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Melissa Longo – melissa.longo@intelsat.com; +1 240-308-1881

ที่มา: Intelsat

ผู้นำของกลุ่ม Montrose Environmental Group และ 3M Chief Technology Officer พูดคุยเรื่องความก้าวหน้าที่ประสบความสำเร็จในการกำจัด “สารเคมีที่อยู่ตลอดไป” จากน้ำ

Logo

ลิตเทิลร็อก อาร์คันซอ –(BUSINESS WIRE)–28 พฤษภาคม 2024

บริษัท Montrose Environmental Group, Inc. (“Montrose”) (NYSE: MEG) ได้แบ่งปันไฮไลท์จากการนำเสนอร่วมกับบริษัท 3M ที่งานประชุม Bank of America ครั้งที่ 31 สำหรับภาคการขนส่ง สายการบิน และอุตสาหกรรมที่จัดขึ้นในนิวยอร์ก โดย Vijay Manthripragada ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Montrose และ Dr. Steve Woodard หัวหน้าเจ้าหน้าที่นวัตกรรมของ Montrose ได้ร่วมกับ Dr. John Banovetz หัวหน้าเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของ 3M ในการจัดเสวนาหัวข้อ “PFAS Panel: Advancing Technology for a Cleaner Tomorrow” (คณะเสวนา PFAS: การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออนาคตที่สะอาดขึ้น)

ในช่วงการเสวนา ทาง Montrose และ 3M ได้พูดคุยเกี่ยวกับวิธีการที่ทั้งสองบริษัทจะนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อกำจัดสารประกอบ PFAS ออกจากแหล่งน้ำที่ซับซ้อนในสถานที่ผลิตสารเคมีของ 3M ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน และการบูรณาการความยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการใช้เทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนไอออนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Montrose

“บริษัทของเรามีพื้นฐานจากนวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ ดังนั้นเราจึงมองหาพันธมิตรในแนวทางเดียวกัน” Dr. Banovetz จาก 3M กล่าว “เราสามารถหาพันธมิตรใน Montrose ได้อย่างรวดเร็ว และรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือของ Montrose ที่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะเป้าหมายด้านคุณภาพน้ำของเรา”

“เราทำงานร่วมกับบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 หลายแห่ง John และทีมผู้นำของ 3M เป็นหนึ่งในผู้นำที่มุ่งมั่นในเรื่องความยั่งยืนมากที่สุดที่เราเคยมีความยินดีได้ร่วมงานด้วย”  Manthripragada กล่าว “เมื่อทีมของ Montrose และ 3M คิดเกี่ยวกับวิธีการ [กำจัด PFAS จากน้ำ] ความยั่งยืนเป็นสิ่งที่สำคัญ ผลลัพธ์จากการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีร่วมกันนั้นคือโซลูชันที่สร้างของเสียน้อยลง ใช้สื่อกลางการกรองน้อยลง มีขนาดเล็กลงซึ่งอาจปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับพนักงาน และใช้พลังงานน้อยลง”

โซลูชันที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Montrose มีลักษณะเป็นลูกปัดพลาสติกขนาดเล็กที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้พวกมันมีความสามารถสูงในการจับกับ PFAS และกำจัดสารประกอบเหล่านี้ออกจากน้ำ เราสามารถล้างลูกปัดและนำกลับมาใช้ใหม่ได้แทนที่จะทิ้งและเปลี่ยนลูกปัดเมื่อใช้งานแล้ว นอกจากนี้ Montrose ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีในการทำความสะอาดโซลูชันการฟื้นฟูที่ใช้ไปแล้วโดยใช้การกลั่นและการบรรจุซ้ำ ทำให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง การจับคู่เทคโนโลยีการบำบัดด้วยเรซินกับโซลูชันการฟื้นฟูนี้ ทำให้ได้ระบบบำบัด PFAS ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในการกำจัด PFAS ออกจากสิ่งแวดล้อม

Dr. Woodard กล่าวว่าระบบที่พัฒนาขึ้นสำหรับ 3M ผ่านความร่วมมือนี้ได้ถูกนำไปใช้ทั่วโลกและกำลังเป็นประโยชน์ต่อชุมชนต่าง ๆ ที่อยู่ไกลถึงออสเตรเลีย “เราได้พัฒนาเทคโนโลยีหลายประเภทเพื่อกำจัดพวกมันออกจากสิ่งแวดล้อม และ 3M กำลังเป็นผู้นำทาง” Dr. Woodard กล่าว “เราจะเป็นประโยชน์ต่อหลายอุตสาหกรรม ชุมชน และรัฐบาล แต่ที่สำคัญที่สุดคือสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน

สามารถเข้าฟังการบันทึกเสียงการประชุมซ้ำได้ที่เว็บไซต์การถ่ายทอดสดของการประชุม BofA ที่ PFAS Panel: Advancing Technology for a Cleaner Tomorrow (veracast.com)

เกี่ยวกับ Montrose

Montrose เป็นบริษัทชั้นนำด้านโซลูชันสิ่งแวดล้อมที่มุ่งเน้นการสนับสนุนองค์กรการค้าและรัฐบาลในการรับมือกับความท้าทายของปัจจุบันและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ด้วยพนักงานประมาณ 3,200 คนในกว่า 100 แห่งทั่วโลก Montrose ผสมผสานความรู้ท้องถิ่นอย่างลึกซึ้งกับแนวทางแบบบูรณาการในการออกแบบ วิศวกรรม และการดำเนินงาน ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของแต่ละโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การวัดคุณภาพอากาศและบริการห้องปฏิบัติการที่ครอบคลุมไปจนถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การตอบสนองเหตุฉุกเฉิน การออกใบอนุญาต วิศวกรรม และการฟื้นฟู Montrose มอบโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและปฏิบัติได้จริงที่ช่วยให้ลูกค้าของพวกเขาอยู่เหนือความต้องการในทันทีและล้ำหน้าในเชิงกลยุทธ์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ www.montrose-env.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Montrose
ฝ่ายสื่อสารกับนักลงทุน:
Rodny Nacier
(949) 988-3383
ir@montrose-env.com

ฝ่ายสื่อสารมวลชน:
Sarah Kaiser
(225) 955-1702
pr@montrose-env.com

ที่มา: Montrose Environmental Group, Inc.

GIGABYTE จัดแสดงพลังการประมวลผลเต็มรูปแบบที่งาน COMPUTEX โดยนำวิวัฒนาการใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้

Logo

TAIPEI–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2024

GIGABYTE Technology ผู้นำด้านนวัตกรรมด้านไอที อยู่ในแนวหน้าของการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับโลกผ่านระบบคลาวด์และคอมพิวเตอร์ AI ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ผ่านนวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์  GIGABYTE เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำซึ่งพร้อมที่กำหนดยุค AI ในงาน COMPUTEX 2024

GIGABYTE Showcases a Whole Lot of Computing Power at COMPUTEX, Taking the AI-driven New Evolution Head-On (Graphic: Business Wire)

GIGABYTE จัดแสดงพลังการประมวลผลเต็มรูปแบบที่งาน COMPUTEX โดยนำวิวัฒนาการใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ (กราฟิก: Business Wire)

จากความสำเร็จในปีที่แล้ว GIGABYTE มุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งในความเป็นผู้นำด้าน AI ด้วยธีม “ACCEVOLUTION” ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการด้านการประมวลผลที่เพิ่มขึ้น และความสามารถของ GIGABYTE ในการ “เร่งการวิวัฒนาการครั้งต่อไป” ด้วยการปรากฏตัวครั้งแรกที่งาน COMPUTEX บูธของ GIGABYTE ถือเป็นนิทรรศการแบรนด์เดียวที่ใหญ่ที่สุด GIGABYTE มีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และแอปพลิเคชันที่หลากหลาย โดยสอดคล้องกับเทรนด์ AI โดยครอบคลุมเทรนด์เทคโนโลยีที่สำคัญ รวมถึง การประมวลผล AI การเชื่อมต่อขั้นสูง ความคล่องตัวในอนาคต ความเป็นจริง ความยั่งยืน และนวัตกรรม

ความก้าวหน้าที่โดดเด่นของ GIGABYTE ในการพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ AI ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เมื่อ GIGABYTE มีการเปิดตัว G593-SD0 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ 5U AI ตัวแรกและตัวเดียวของโลกที่ได้รับการรับรองจาก NVIDIA เพื่อรองรับ HGX™ H100 8 x SXM5 อย่างมีประสิทธิภาพ GIGABYTE ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ super AI ด้วยเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ใช้ ARM พร้อมซุปเปอร์ชิป Grace Hopper™ รุ่นต่อไป และเซิร์ฟเวอร์ AI ที่รองรับซุปเปอร์ชิปรุ่นถัดไปของ AMD MI300X GPU และ MI300A APU ในปีนี้ นอกเหนือจาก H200 GPU ที่มีการอัปเกรดแล้ว โดย NVIDIA มีการเปิดตัวสถาปัตยกรรม Blackwell และ GIGABYTE จะมีการจัดแสดงเซิร์ฟเวอร์ความหนาแน่นสูงรุ่นล่าสุดที่สามารถใช้ด้วยกันได้กับ GPU เช่น B100 และ B200 จะมีการสาธิต GB200 รุ่นล่าสุดในตู้ระบายความร้อนด้วยของเหลวในชื่อ GB200 NVL72 ซึ่งทำหน้าที่เป็น GPU ขนาดใหญ่ตัวเดียวที่สามารถบรรลุประสิทธิภาพการอนุมานถึง 30 เท่าของ H100 GPU ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าเยี่ยมชมไม่เพียงจะได้เห็นนวัตกรรมเหล่านี้ แต่ยังสามารถมีส่วนร่วมในการอภิปรายกับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอนาคตของการพัฒนา AI และการใช้งานระบบประมวลผล

เมื่อ AI เริ่มแพร่หลายในการใช้งาน ความต้องการการประมวลผลก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่และบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ในงาน COMPUTEX ของปีนี้ GIGABYTE นำเสนอ GIGA POD ซึ่งเป็นโซลูชันการผสานรวมแร็คที่ปรับขนาดได้ โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของการใช้งานระดับศูนย์ข้อมูล นอกเหนือจากการแสดงการบูรณาการฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ครอบคลุมของ GIGA POD และสถาพแวดล้อมการเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกอบรม AI การสาธิตยังเน้นย้ำความเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการปรับใช้งาน

การพัฒนา AI ของ GIGABYTE ครอบคลุมการประมวลผลแบบขนานชอง GPU การจัดเก็บข้อมูล และการส่งผ่านเครือข่ายในศูนย์ข้อมูล ความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและการพัฒนาของ GIGABYTE แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในการออกแบบด้านความร้อนและกลไกชั้นนำของอุตสาหกรรม ในขณะที่การออกแบบโมดูลาร์ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย ช่วยให้สามารถเปิดตัวสู่ตลาดได้เร็วยิ่งขึ้น คุณจะได้พบกับเซิร์ฟเวอร์สำหรับการประมวลผลแบบ cloud to edge ได้ที่บูธของเรา รวมถึงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงถึงความหนาแน่นสูง และตัวเลือกการประมวลผลสำหรับ SMB และองค์กรขนาดเล็ก รวมถึงเมนบอร์ดสำหรับเซิร์ฟเวอร์แบบ DIY ที่มีการปรับแต่งสำหรับการพัฒนา AI ในระด้บต่างๆ

ระบบการประมวลผลเริ่มต้นของ GIGABYTE ช่วยเสริมความก้าวหน้าของ AI ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นวัตกรรม เช่น Direct Liquid Cooling และ Immersion Cooling กำหนดนิยามใหม่ให้กับประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยนำเสนอการตั้งค่าที่ครอบคลุมสำหรับเซิร์ฟเวอร์และตู้ ช่วยให้สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดในระบบการระบายความร้อนแบบดั้งเดิมสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มีชิปรุ่นล่าสุดของ AMD, Intel และ NVIDIA เพิ่มการกระจายความร้อนและความหนาแน่นในการคำนวณ พร้อมความเสถียร ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของ GIGABYTE เห็นได้ชัดในโซลูชันการระบายความร้อนแบบจุ่ม ซึ่งรองรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีพร้อมการใช้พลังงานอย่างเหมาะสม

GIGABYTE นำเสนอทั้งความสามารถในการฝึกอบรมโมเดล AI ที่เสถียร และแอปพลิเคชัน AI ที่ใช้งานได้จริงผ่านคอมพิวเตอร์แบบฝังตัวระดับอุตสาหกรรม การสาธิตครอบคลุมโรงงานอัจฉริยะที่มีวิชันซิสเต็มที่ใช้ AI และคอมพิวเตอร์ฝังตัวที่มีความเสถียรสูงสำหรับการควบคุมระยะไกล รวมถึงบาร์ร้านค้าปลีกที่ใช้แผงพีซีผสานรวมกับระบบการจดจำ AI และการวิเคราะห์ big data ความก้าวหน้าใน AI และ CPU/GPU รุ่นต่อไปยังสนับสนุนแอปพลิเคชันยานยนต์อัจฉริยะ เพิ่มประสิทธิภาพ ADAS และอุปกรณ์เทเลเมติกส์ภายในยานยนต์

ในตลาดพีซีสำหรับผู้บริโภค GIGABYTE เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่มีการปรับแต่งพร้อม AI เช่น เมนบอร์ด กราฟิกการ์ด และแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม AI โดยฟีเจอร์เหล่านี้มาพร้อมพลังการประมวลผล AI ที่เสถียร และความสามารถเชิงนวัตกรรม เช่น AI Nexus ในแล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม AORUS 16X ที่นำเสนอแอปพลิเคชัน เช่น AI Power Gear และ AI Boost ในบริเวณพื้นที่เพื่อแสดงประสบการณ์ของ AI ในบูธของเรา ผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถสำรวจแอปพลิเคชัน AI ล่าสุด และการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ รวมถึง NVIDIA ACE และ ChatRTX ที่มีการเจาะลึกเข้าในเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัย

GIGABYTE นำกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่น่าประทับใจมาแสดงในงาน COMPUTEX ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถเพื่อเร่งวิวัฒนาการขั้นต่อไปของเทคโนโลยีในภูมิทัศน์ AI ที่มีการเปลี่ยนแปลง และโซชูชันการประมวลผลที่ขับเคลื่อนโดยการเชื่อมต่อและความเร็วของข้อมูล และ AI สามารถยกระดับธุรกิจและให้อำนาจแก่แต่ละบุคคลในการเติบโตและมีการพัฒนาที่รวดเร็วเป็นพิเศษ

สามารถเข้าเยี่ยมชมหน้าเพจอีเว้นท์ เกี่ยวกับ COMPUTEX ของ GIGABYTE

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/54001049/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อด้านสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

แหล่งข้อมูล: GIGABYTE Technology


Hytera ผู้นำด้านการสื่อสารที่สำคัญระดับโลก ฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัทในเครือในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

Logo

  • ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารที่สำคัญระดับโลกเฉลิมฉลองการเติบโตครั้งสำคัญร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและพันธมิตรที่การประชุมสุดยอดในดูไบ
  • Hytera ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองในฐานะผู้บุกเบิกการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเพื่อความปลอดภัยสาธารณะและอุตสาหกรรมในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกามานานกว่าทศวรรษ
  • แบรนด์ Hytera ส่องสว่างบนตึก Burj Khalifa อันโดดเด่นเพื่อเฉลิมฉลองทศวรรษแห่งการเติบโต นวัตกรรม และความร่วมมือในอุตสาหกรรมต่างๆ

ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–20 พฤษภาคม 2024

Hytera ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก เฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัทในเครือในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วยการแสดงแสงสีที่น่าประทับใจที่ Burj Khalifa ในระหว่างการประชุม
สุดยอดพันธมิตรของภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา (MEA) ในเมืองดูไบ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม

Hytera Lights Up Burj Khalifa to Celebrate 10th Anniversary of Subsidiary in UAE (Photo: Business Wire)

Hytera ส่องสว่างขึ้นบนตึก Burj Khalifa เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของบริษัทในเครือในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (รูปภาพ: Business Wire)

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Hytera เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในธุรกิจต่างๆ ในตะวันออกกลาง โดยมีสาขาในสหรัฐอาหรับ
เอมิเรตส์เป็นโรงไฟฟ้าระดับภูมิภาค ปฏิวัติระบบการสื่อสารความปลอดภัยสาธารณะ ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและประสิทธิภาพของสาธารณูปโภค การขนส่ง และภาคพลังงานที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยสำหรับการสื่อสารที่สำคัญ ห้องควบคุม กล้องติดตัว (BWC) และการจัดการหลักฐานดิจิทัล (DEM) เป็นต้น

Hytera สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปรับโฉมภูมิทัศน์การสื่อสารวิทยุเคลื่อนที่ระดับมืออาชีพ (PMR) เป็นเวลาสิบปีติดต่อกัน ได้ต้อนรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม พันธมิตร และแขกให้เข้าร่วม Hytera Global Partner Summit (HGPS)-MEA ที่ Atlantis The Palm นอกเหนือจากการเฉลิมฉลองความร่วมมือ โครงการ และความสำเร็จที่สำคัญตั้งแต่ปี 2014 แล้ว งานนี้ยังมีการแสดง
แบรนด์ Hytera บนจอแสดงผล LED ของตึก Burj Khalifa อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทศวรรษแห่งความร่วมมือในท้องถิ่น ความก้าวหน้า และนวัตกรรมทั่วดินแดน MEA

Stanley Song รองประธานของ Hytera และหัวหน้าของ Hytera สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า “วันครบรอบ 10 ปีของสำนักงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ของเราไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นที่ยั่งยืนของเราในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและส่งเสริมความร่วมมือทั่วทั้งภูมิภาคด้วย ตั้งแต่แรกเริ่ม การปฏิบัติงานของ Hytera ทั่วตลาดตะวันออกกลางมุ่งตอบสนองความต้องการด้านการสื่อสารที่พัฒนาอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภาคส่วนหลักๆ กลับมาที่ปัจจุบัน เราภาคภูมิใจสุดๆ กับวิธีที่เราทำงานร่วมกับระบบนิเวศของหุ้นส่วนของเราเพื่อส่งมอบคุณค่าที่เป็นรูปธรรมและเพื่ออนาคตให้กับภูมิภาค ซึ่งขับเคลื่อนโดยความมุ่งมั่นในด้านนวัตกรรมร่วมกัน”

ในทศวรรษที่ผ่านมา Hytera ประสบความสำเร็จในการเจาะตลาดที่สำคัญด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรม โดยเป็นผู้ให้บริการอุปกรณ์สื่อสารประมาณ 50% เช่น วิทยุสองทาง วิทยุสองโหมด LTE และ PMR และสมาร์ทโฟนที่ทนทาน ซึ่งหน่วยงานความปลอดภัยสาธารณะในภูมิภาคใช้กัน นอกจากนี้บริษัทยังมีส่วนสำคัญในภาคส่วนต่างๆ ด้วย เช่น พลังงาน (70%) และการขนส่งมวลชน (50%) และเป็นส่วนสำคัญในการอัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัยและการเชื่อมต่อด้วยการให้บริการซีรีส์วิทยุป้องกันการระเบิดที่ปลอดภัยจากภายใน (IS) ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การกู้ภัยดับเพลิง น้ำมันและก๊าซ โรงกลั่น สารเคมี และเหมืองแร่

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มดำเนินการโครงการใหม่ๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบการยอมรับการฝึกอบรมและโรงงานในดูไบ (2022) และการลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Omantel ผู้ให้บริการในโอมาน (2023)

Stanley ที่กำลังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแรงบันดาลใจในอนาคตของ Hytera ในตะวันออกกลางกล่าวเสริมว่า “เรายังคงมุ่งมั่นให้บริการโซลูชั่นการสื่อสารที่ล้ำสมัยล่าสุดแก่พันธมิตรระดับภูมิภาคของเรา ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับองค์กรและเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในทุกภาคส่วน ตะวันออกกลางคือตัวอย่างที่ดีสำหรับทั้งโลกในแง่ของการปรับใช้การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และด้วยโอกาสอีกมากมายในอนาคต เราจึงกำลังตั้งตารอช่วงเวลาในอีก 10 ปีต่อจากนี้”

Hytera ก่อตั้งขึ้นที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีนในปี 1993 และได้สร้างผลงานที่โดดเด่นในการนำเสนอโซลูชั่นที่พลิกโฉมการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันด้านความปลอดภัยสาธารณะ โซลูชั่นที่ได้รับการพัฒนาด้วยแนวทางปฏิบัติสุดล้ำและกระบวนการทางวิศวกรรมที่พิถีพิถันจาก Hytera ได้แสดงความมุ่งมั่นของบริษัทในการนำเสนอโซลูชั่นการสื่อสารชั้นนำของตลาดที่ปรับให้เหมาะกับอุตสาหกรรมในตะวันออกกลางและทั่วโลก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54001771/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เราจึงมอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ปลอดภัย และหลากหลายยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้ทางธุรกิจและผู้ใช้ที่มีภารกิจที่สำคัญได้ เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่

ติดต่อ

lele.yao@hytera.com

แหล่งที่มา: Hytera Communications Corporation Limited

Zycus เปิดตัวระบบการสั่งซื้อทรงพลังยุคใหม่พร้อมนวัตกรรม GenAI ที่งาน Horizon 2024

Logo

MIAMI–(BUSINESS WIRE)–20 พฤษภาคม 2024

Zycus ผู้บุกเบิก โซลูชันระบบการสั่งซื้อทรงพลังที่ขับเคลื่อนด้วย AI จุดประกายนวัตกรรมในงานประชุมระบบจัดซื้อประจำปี Horizon 2024 อีเว้นท์นี้มีการจัดแสดงชุดการพัฒนา GenAI ที่ก้าวล้ำซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับระบบอัตโนมัติที่มีความชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพตลอดกระบวนการ Source-to-Pay (S2P)

Zycus ปฏิวัติระบบการสั่งซื้อร่วมกับ Merlin

Zycus นำเสนอแนวทางสองรูปแบบในระบบการจัดซื้อที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI:

  • Merlin Assist Chatbot: ระบบผู้ช่วย AI นี้มีการทำงานร่วมกับ Microsoft Teams โดยทำหน้าที่เป็น “แนวหน้า” สำหรับระบบการจัดซื้อ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถามคำถาม แยกรายละเอียดสัญญา สร้างข้อมูลสรุป พัฒนากลยุทธ์ และปรับปรุงเวิร์กโฟลว์—โดยทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อม Teams ที่คุ้นเคย อย่างที่เราพูดกันใน Zycus AI คือ UI ใหม่
  • Merlin GenAI Power Apps: นำเสนอ AppXtend ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านี้ปลดล็อกประสิทธิภาพและประสิทธิผลถึง 10 เท่า โดยสามารถจัดการกับงานที่สำคัญ เช่น การปรับปรุงการอนุมัติ การจัดการความเสี่ยงตามสัญญาโดยอัตโนมัติ ลดความซับซ้อนในการจัดหา ปรับปรุงบัญชีเจ้าหนี้ ทำให้การจัดการโครงการเป็นระบบอัตโนมัติ อำนวยความสะดวกในการจัดการความเสี่ยงของซัพพลายเออร์ และการตรวจสอบรายงานโดยใช้ Insight Studio

“Merlin GenAI ของ Zycus มีการจัดการปัญหาร้ายแรงในกระบวนการ S2P ซึ่งเหนือกว่าระบบอัตโนมัติขั้นพื้นฐาน เช่น การประมวลผลใบแจ้งหนี้ หรือการมอบหมายงานสำหรับผู้ใช้” หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อสำหรับบริษัทที่ติดอันดับ Global 500 ที่ Horizon กล่าว

Aatish Dedhia ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Zycus เน้นย้ำว่า “ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีของนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึงห้าปีในแพลตฟอร์ม Merlin AI นั้น Zycus ได้มีการสร้างชุดข้อมูลที่ละเอียด มีการจัดการที่ดี เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่า การฝึกอบรมโมเดล GenAI มีประสิทธิภาพและมีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าอย่างละเอียดลึกซึ้ง เฟรมเวิร์ก AppXtend API ของเราช่วยให้สามารถดำเนินการพัฒนา ปรับใช้งาน และบูรณาการ GenAI ในกระบวนการ S2P ได้อย่างรวดเร็ว”

การตรวจสอบความถูกต้องทางอุตสาหกรรม: Microsoft ยกย่องความเป็นผู้นำของ Zycus

“AI จะแปลงวิธีการทำงานของบุคคล ทีมงาน และองค์กร” Samik Roy กรรมการบริหาร ธุรกิจองค์กร ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ของ Microsoft India กล่าว “Zycus มีการบูรณาการ Azure OpenAI เพื่อรวม AI เข้ากับการดำเนินงานในแต่ละวัน ผลลัพธ์เชิงปริมาณถือเป็นผลลัพธ์ที่ดียิ่ง จากประสบการณ์ส่วนบุคคลไปจนถึงการทำงานที่ปรับปรุงให้ง่ายดาย AI จะช่วยเสริมเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จของ Zycus ได้เป็นอย่างดี”

Zycus Horizon: สปริงบอร์ดสำหรับความเป็นผู้นำของ GenAI

Horizon 2024 เป็นแพลตฟอร์มทรงพลังสำหรับ Zycus ในการแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านโซลูชันระบบการจัดซื้อที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI สามารถเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ มีความคล่องตัว ประหยัดต้นทุน และมีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ

เกี่ยวกับ Zycus:

Zycus เป็นผู้นำในโซลูชันด้าน Source-to-Pay (S2P) โดยเป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI แพลตฟอร์มแรกของโลกที่ช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างบรรลุความเร็วและประสิทธิภาพได้สูงถึง 10 เท่า เป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรขนาดใหญ่ระดับโลก และได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์ชั้นนำอย่าง Gartner และ Forrester มาโดยตลอด

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Arnish Shah
Associate Director – Marketing
arnish.shah@zycus.com

แหล่งข้อมูล: Zycus

Hytera คว้ารางวัล ICCAs Award ประจำปี 2024 ด้วยโซลูชัน MCS

Logo

ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–16 พฤษภาคม 2024

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพ ได้รับรางวัล ICCAs 2024 Award สาขา “การใช้การสื่อสารที่สำคัญในอุตสาหกรรม การผลิต การขุดทรัพยากร การสำรวจน้ำมันและก๊าซ” เพื่อเป็นการให้เกียรติ MCS และ TETRA Systems ที่เชื่อมต่อกันของ Hytera Communications สำหรับผู้ผลิตเหล็กชั้นนำ โดยพิธีมอบรางวัล International Critical Communications Awards (ICCAs) ประจำปี 2024 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ Intercontinental Festival City ในดูไบ

ICCAs 2024 Award displayed at CCW exhibition (Photo: Business Wire)

ICCAs 2024 Award แสดงที่ CCW exhibition (รูปภาพ: Business Wire)

รางวัลนี้เชิดชู MCS และ TETRA Systems ที่เชื่อมต่อกันของ Hytera ซึ่งถูกนำไปใช้งานโดย Baoshan Iron & Steel Co., Ltd. (Baosteel) โดยก่อนหน้านี้ Baosteel ซึ่งเป็นบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 ปฏิบัติงานด้วยระบบ TETRA ที่ติดตั้งในปี 2007 ไม่สามารถตอบสนองความต้องการประยุกต์ใช้บรอดแบนด์ที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่อุตสาหกรรมก้าวหน้าในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ โดย Hytera ได้อัปเกรดระบบของ Baosteel ด้วยเทคโนโลยี TETRA ล่าสุด และผสานรวมระบบ TETRA ที่ได้รับการอัปเดตเข้ากับบริการสำหรับภารกิจสำคัญแบบผสานการทำงาน (MCS) ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและความปลอดภัยให้กับพนักงานมากกว่า 3,000 คน การผสานรวมนี้ทำให้มีความครอบคลุมของการสื่อสารที่ครบถ้วนกระบวนความ ช่วยให้สามารถสื่อสารตามความต้องการได้ ในขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการระดับสูงสำหรับการส่งข้อมูลมัลติมีเดียด้วย

Hytera มอบเทอร์มินัลสองโหมดและอุปกรณ์อัจฉริยะ 5G XSecure ให้กับ Baosteel เพื่อขยายการใช้งานของการเชื่อมต่อโครงข่ายสองเครือข่ายเพิ่มเติม อุปกรณ์เหล่านี้สามารถลงทะเบียนได้ทั้งบนเครือข่าย LTE และเครือข่าย TETRA พร้อมกัน ซึ่งทำให้สามารถมีบริการการสื่อสารแบบเรียลไทม์บนเครือข่ายสาธารณะ MCS และเครือข่าย TETRA ส่วนตัว การดำเนินการนี้ช่วยลดภาระของบุคลากรฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษาที่อาจต้องพกพาอุปกรณ์หลายเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิทยุที่ทนทานนี้จะสลับระหว่างเครือข่ายแนร์โรว์แบนด์และบรอดแบนด์โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงด้วยตนเอง รองรับบริการต่างๆ เช่น การโทรส่วนตัวและการโทรแบบกลุ่ม ข้อความ และแอปพลิเคชันมัลติมีเดีย

อุปกรณ์อัจฉริยะ 5G XSecure PNC560 ของ Hytera (Hytera 5G XSecure Smart Device PNC560) เพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพของผู้ใช้ ตั้งแต่พนักงานออฟฟิศไปจนถึงพนักงานแนวหน้า ด้วยระบบ MCS ของ Hytera PNC560 สามารถสื่อสารกับวิทยุ PDT, DMR หรือ TETRA ผ่านเครือข่าย LTE หรือ 5G ซึ่งช่วยให้สามารถสื่อสารแบบตัวต่อตัวหรือแบบตัวต่อกลุ่มได้ทันทีทุกที่ในโลกเพื่อแบ่งปันข้อความ รูปภาพ และคลิปวิดีโอ

ระบบ MCS ของ Hytera ปรับปรุงประสิทธิภาพการสื่อสารและการผลิตของ Baosteel โดยการทำให้แน่ใจว่าการสื่อสารและการทำงานร่วมกันจะเป็นไปอย่างราบรื่นระหว่างพนักงาน ที่สำคัญกว่านั้นคือระบบ MCS ของ Hytera สอดคล้องกับมาตรฐานภารกิจสำคัญของ 3GPP อย่างสมบูรณ์ โดยครอบคลุม MCPTT, MCVideo และ MCData แนวทางนี้ทำให้มั่นใจได้ถึงการสื่อสารที่เชื่อถือได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต Hytera ทำให้สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การประยุกต์ใช้บรอดแบนด์ได้อย่างง่ายดายผ่านการเชื่อมต่อระหว่าง MCS และ TETRA Systems ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการทำงาน และสนับสนุนความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน.

Dylan Liu ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ Hytera กล่าวว่า “การได้รับรางวัล ICCA ปี 2024 เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราต่อนวัตกรรมทางเทคโนโลยี Hytera เป็นผู้นำในด้านการใช้งาน MCS ในหลายอุตสาหกรรม เช่น รถไฟและสาธารณูปโภค ทีมงานจะยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมและพัฒนาสายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของเราต่อไป”

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เรามอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ปลอดภัยยิ่งขึ้น และหลากหลายยิ่งขึ้นให้ผู้ใช้ทางธุรกิจและผู้ใช้ที่มีภารกิจที่สำคัญ เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยการช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53994318/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

lele.yao@hytera.com

แหล่งที่มา: Hytera Communications Corporation Limited

Netmore Group ขยายสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยการส่งมอบบริการเครือข่าย LoRaWAN ที่มุ่งเน้นช่องทาง

Logo

แพลตฟอร์มในรูปแบบบริการได้รับการวางตำแหน่งเพื่อรองรับการเปิดตัว IoT จำนวนมากในตลาดยูทิลิตี้ เทศบาล และองค์กร

สตอกโฮล์ม, สวีเดน–(BUSINESS WIRE)–15 พฤษภาคม 2024

Netmore Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย LoRaWAN ชั้นนำระดับโลก ได้ประกาศในวันนี้ว่าจะขยายธุรกิจ IoT ไปสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการตรวจสอบสาธารณูปโภคที่ใช้เซ็นเซอร์และโครงสร้างพื้นฐานของเทศบาลและโซลูชันการจัดการพลังงาน การขยายธุรกิจนี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทเข้าซื้อกิจการ Senet ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ LoRaWAN ในสหรัฐฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งเป็นการเพิ่มเครือข่ายของ Senet เข้าไปในการดำเนินงานของเครือข่ายระดับผู้ให้บริการในตลาดยุโรป 11 แห่ง

Netmore กำลังเข้าใกล้ภูมิภาค APAC ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นช่องทางที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการส่งมอบการเชื่อมต่อเครือข่ายที่รองรับอนาคตผ่าน Platform-as-a-Service (PaaS) ซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อรองรับการเปิดตัว IoT ขนาดใหญ่ ด้วยประสบการณ์เชิงลึกในโดเมนแนวดิ่ง ความน่าเชื่อถือระดับผู้ให้บริการ และโมเดลราคาที่เอื้อมถึงและปรับขนาดได้ Netmore นำเสนอโครงสร้างที่คุ้มค่าและคาดการณ์ได้สำหรับ MNO, OEM และผู้รวมระบบที่ต้องการขยายข้อเสนอเพื่อสร้างรายได้จากความคิดริเริ่มในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เพื่อลดต้นทุนเครือข่ายอย่างต่อเนื่องในขณะที่ปรับปรุงการให้บริการ Netmore ยังร่วมมือกับบริษัททาวเวอร์และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ในกิจกรรมการพัฒนาธุรกิจร่วมกันในตลาดที่เลือก

ด้วยการขยายธุรกิจนี้ Netmore ได้แต่งตั้ง Lim Perng ให้เป็นหัวหน้าฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย Lim ได้นำมาซึ่งความสำเร็จมายาวนานกว่า 15 ปีในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และประวัติที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในด้านการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Lim Perng กล่าวว่า “Netmore อยู่ในตำแหน่งที่ดีมากที่จะกลายเป็นผู้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลักในการส่งมอบการเชื่อมต่อ IoT ในช่วงเวลาที่มีการปรับใช้ทั่วโลก ฉันตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับองค์กรในขณะที่บริษัทขยายตัว ฉันตั้งตารอที่จะทำงานร่วมกับทีม Netmore และพันธมิตรของเราทั่วทั้งระบบนิเวศเพื่อมอบโซลูชันการเชื่อมต่อที่จะช่วยให้ลูกค้าบรรลุความสำเร็จทางธุรกิจที่ยั่งยืน”

Ove Anebygd ผู้เป็นซีอีโอของ Netmore Group AB กล่าวว่า “ในอีกหลายปีข้างหน้าจะเป็นปีที่พิเศษสำหรับตลาด IoT และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ Lim มาร่วมมือกับเราเพื่อสนับสนุนการเติบโตขั้นต่อไปของเรา ประสบการณ์ของ Lim ในการจัดการทีมที่มีประสิทธิภาพสูงในหลายประเทศและความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับวิธีการสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานและลูกค้าองค์กรผ่านเส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของลูกค้าจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับองค์กรของเรา”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.netmoregroup.com หรืออีเมล lim.perng@netmoregroup.com เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสในการเป็นพันธมิตร

Netmore Group คือผู้ให้บริการเครือข่าย IoT ที่สร้างเครือข่ายข้ามชาติชั้นนำเพื่อพัฒนาแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน เรานำเสนอแพลตฟอร์มเครือข่ายที่เชื่อถือได้และความเชี่ยวชาญด้านการเชื่อมต่อชั้นนำเพื่อการวัดผล การตรวจสอบ และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยประสบการณ์ 10 ปีในอุตสาหกรรมนี้ เรามีประวัติที่ดี ดำเนินงานอย่างไร้ขอบเขตในตลาดยุโรป และเติบโตขึ้นจนกลายเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำระดับโลก เจ้าของหลักของกลุ่ม Netmore คือ Polar Structure ซึ่งเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานชาวนอร์ดิก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสื่อมวลชน:
James Gerber
Crackle Communications
+1 508-233-3391
netmore@cracklepr.com

ข้อมูลติดต่อ Netmore:
Ken Lynch
VP, Global Marketing
+1 617-877-5393
ken.lynch@netmoregroup.com

แหล่งที่มา: Netmore Group

NielsenIQ เปิดตัวเครื่องมือที่ใช้ GenAI NIQ Ask Arthur เข้าสู่ NIQ Discover เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ใช้ในการปลดล็อกพลังของข้อมูล

Logo

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–13 พฤษภาคม 2024

NielsenIQ (NIQ) ผู้นําระดับโลกด้านการวัดและวิเคราะห์ข้อมูล รู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศว่า 'NIQ Ask Arthur' ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI ที่ก้าวล้ำ ได้ถูกรวมเข้ากับ NIQ Discover แล้ว โซลูชันการเปลี่ยนแปลงนี้นําเสนอการค้นหาทั่วโลกที่ใช้ AI นำทางและคําแนะนําส่วนบุคคล เพิ่มความคล่องตัวในการวิเคราะห์ข้อมูล และอํานวยความสะดวกในการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลประกอบ การเปิดตัว “NIQ Ask Arthur” ถือเป็นก้าวสําคัญของ NIQ Labs ด้วยการที่อยู่ในตําแหน่งขุมพลังด้านนวัตกรรม NIQ Labs พร้อมที่จะเร่งสร้างอนาคตของนวัตกรรม ด้วยการแก้ปัญหาของลูกค้าและค้นพบเส้นทางใหม่สู่การเติบโต ควบคู่ไปกับการลงทุน NIQ Labs ใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ข้อมูลที่หลากหลาย โดยใช้เครื่องมือข่าวกรองธุรกิจที่ใช้งานง่าย และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนโดย Generative AI (GenAI) และวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่เชื่อถือได้ซึ่งบุกเบิกยุคต่อไปของผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์

ด้วยฟีเจอร์ AI แบบสนทนา 'NIQ Ask Arthur' ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเจาะลึกเข้าไปในชุดข้อมูล  ปฏิวัติตัวเลือกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ NielsenIQ ในการวิเคราะห์ที่ล้ำสมัย

NIQ Discover ซึ่งเป็นโซลูชันการแสดงภาพข้อมูลที่ล้ำสมัย เร่งการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกสําหรับผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก CPG สร้างเส้นทางสู่ข้อมูลเชิงลึกที่สดใหม่ และเป็นมิตรกับผู้ใช้ โดยใช้ประโยชน์จากพลังของข้อมูลตามความต้องการจากชุดข้อมูลหลายชุด NIQ Discover ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก CPG ได้รับข้อมูลเชิงลึกที่มีความหมายเร็วขึ้น รวมถึงวัดผลและติดตาม สิ่งที่สําคัญที่สุดต่อธุรกิจของตนภายในแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์เดียว

NIQ Ask Arthur ใน NIQ Discover ช่วยให้สามารถค้นพบข้อมูลเชิงลึกได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปิดเผยข้อมูลที่มีค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มคุณค่าให้กับเรื่องราวของแบรนด์ และทําให้การเข้าถึงข้อมูลอย่างเป็นประชาธิปไตย ผู้ใช้ปัจจุบันและผู้ใช้ใหม่สามารถค้นพบข้อมูลที่มีความหมาย แนวโน้ม และรูปแบบซึ่งอาจไม่มีใครสังเกตเห็น ซึ่งนําไปสู่การวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ที่ NIQ เราให้บริการ Full View™ และเรารักษามาตรฐานสูงสุดของความถูกต้องและคุณภาพของข้อมูล GenAI จะช่วยให้ผู้ใช้ NIQ Discover ถอดรหัสรูปแบบที่หลากหลายและจัดการกับคําถามทางธุรกิจที่ซับซ้อน

“วิสัยทัศน์ของการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล และการเล่าเรื่องนั้นทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ การเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เป็นประชาธิปไตยเป็นสิ่งสําคัญในการช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจโดยมีข้อมูลประกอบ และขับเคลื่อนนวัตกรรม 'NIQ Ask Arthur' ปลดล็อกพลังของการวิเคราะห์บนแพลตฟอร์ม Discover” Troy Treangen ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ NIQ กล่าว

NIQ Ask Arthur ใน Discover ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาด้วยการแนะนําข้อมูลเชิงลึกในเชิงรุก และทําให้การนําทางข้อมูลง่ายขึ้นผ่านประสบการณ์การสนทนาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ราบรื่น

ด้วยการลงทุนของ NIQ ในแพลตฟอร์ม NIQ Discover ที่ทันสมัย ผสมผสานกับประเภทข้อมูลที่หลากหลาย และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง NIQ Ask Arthur มอบคุณค่าที่เหนือชั้นให้กับลูกค้า

NIQ อยู่ในตําแหน่งที่ดีที่สุดในการทําความเข้าใจข้อมูลและคําถามทางธุรกิจที่ช่วยให้แบรนด์เปิดเผยเรื่องราวของพวกเขา ความคล่องตัวและกลยุทธ์การปรับใช้ที่รวดเร็วของบริษัทได้อํานวยความสะดวกให้กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่โดดเด่น ในปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์ม NIQ Discover มีการเติบโตที่ไม่ธรรมดา โดยเพิ่มขึ้นจาก ผู้ใช้ 2,500 ราย ในเดือนมกราคม 2023 เป็น 40,000 รายที่น่าประทับใจใน 71 ประเทศในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวทางเทคโนโลยีในวงกว้างของ NIQ  ความสามารถในการปรับใช้เทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ และสร้างสถานะทั่วโลก ตอกย้ำความคล่องตัวและนวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ของ NIQ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ความก้าวหน้าเหล่านี้ช่วยให้ได้รับข้อมูลเชิงลึกที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรม ช่องทาง  และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกอย่างรวดเร็วในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อส่งมอบ Full View™

เกี่ยวกับ NIQ

NIQ เป็นบริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนําของโลก ที่มอบความเข้าใจที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเปิดเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต NIQ รวมกับ GfK ในปี 2023 เพื่อนำผู้นําในอุตสาหกรรมทั้งสองมารวมตัวกันพร้อมการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน NIQ มีการดําเนินงานในกว่า 95 ประเทศซึ่งคิดเป็น 97% ของ GDP โลก ด้วยการอ่านขัอมูลการค้าปลีกแบบองค์รวม และข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด—นําเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย—NIQ มอบ Full ViewTM.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Jill Saletta – หัวหน้าระดับสากล – ฝ่ายสื่อสารภายนอก
jill.saletta@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

The Bangkok Reporter