Hytera เปิดตัวอุปกรณ์ทวนสัญญาณ Ad-Hoc DMR รุ่นใหม่

Logo

เซินเจิ้น จีน–(BUSINESS WIRE)–19 กันยายน 2023

Hytera Communications (SZSE: 002583) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก เพิ่งเปิดตัว E-pack200 และ E-pole200 ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทวนสัญญาณเครือข่าย Ad-Hoc (WANET) รุ่นล่าสุด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบวิทยุสองทางที่ปรับใช้ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งสองรุ่นรองรับเครือข่ายแบบ Dual Channel และเครือข่ายสองทางเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อตามความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ E-pack200 ได้รับการออกแบบสำหรับการพกพา และ E-pole200 สามารถติดตั้งในตำแหน่งประจำที่ได้

Hytera Latest Dual-channel DMR Ad-hoc Repeater E-pack200 & E-pole200 (Graphic: Business Wire)

Hytera Dual-channel DMR Ad-hoc Repeater E-pack200 และ E-pole200 ล่าสุดของ Hytera (รูปภาพ: Business Wire)

E-pack200 และ E-pole200 สร้างการเชื่อมโยงโครงข่าย Ad-Hoc แบบหลายจุดในย่านความถี่ Narrowband ผ่านการเชื่อมต่อและให้บริการครอบคลุมขนาดใหญ่สำหรับการส่งข้อมูล เสียงและบริการอื่น ๆ ด้วยช่องสื่อสารสองช่องทางมีความคล่องตัวสูงในการใช้งานและไม่จำเป็นต้องเดินสายไฟ อุปกรณ์ทวนสัญญาณ Ad-Hoc เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับแผนกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเช่นเดียวกับหน่วยงานคุ้มครองสาธารณะและบรรเทาภัยพิบัติ (PPDR) เพื่อสร้าง ขยาย หรือปรับปรุงความครอบคลุมเครือข่ายส่วนตัวในพื้นที่ห่างไกล สถานที่ภัยพิบัติ และเหตุการณ์สำคัญ

ทั้งสองรุ่นรองรับโหนดได้สูงสุด 31 โหนดโดยไม่มีเครือข่ายส่วนกลาง หากโหนดใดโหนดหนึ่งล้มเหลวหรือเสียหาย การสื่อสารระหว่างโหนดอื่นๆ จะไม่ได้รับผลกระทบ ด้วยการเชื่อมต่อ IP เครือข่าย Ad-Hoc หลายเครือข่ายสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ โดยไม่คำนึงว่าเครือข่าย Ad-Hoc อาจทำงานด้วยความถี่ที่แตกต่างกัน

E-pack200 มาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบถอดได้ 148Wh ซึ่งสามารถรองรับการทำงานได้นานกว่า 8 ชั่วโมง E-pole200 ทำงานร่วมกับแหล่งพลังงานต่างๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ สถานีฐานทรั้งค์ (-48V) ฯลฯ และมาพร้อมกับตัวเลือกการติดตั้งที่หลากหลาย เช่น เสา ชั้นวาง หรือติดผนัง

ด้วยขนาดที่กะทัดรัด ความยืดหยุ่นของเครือข่าย และความง่ายในการติดตั้ง อุปกรณ์ทวนทั้งสองจึงนำเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดจุดบอดของเครือข่ายวิทยุสองทางบนฐานชั่วคราวหรือถาวรในสถานที่ เช่น อุโมงค์ โรงจอดรถใต้ดิน และอาคารสูง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ลิงก์ด้านล่าง

E-pack200 Dual-channel DMR Ad-hoc Portable Repeater: https://www.hytera.com/en/product-new/emergency-response/emergency-response/e-pack200.html

E-pole200 Dual-channel DMR Ad-hoc Repeater: https://www.hytera.com/en/product-new/emergency-response/emergency-response/e-pole200.html

เกี่ยวกับ Hytera

Hytera Communications Corporation Limited (SZSE: 002583) คือผู้ให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันการสื่อสารระดับมืออาชีพชั้นนำระดับโลก ด้วยความสามารถด้านเสียง วิดีโอ และข้อมูล เรามอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ปลอดภัยยิ่งขึ้น และหลากหลายยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ทางธุรกิจและภารกิจที่สำคัญ เราทำให้โลกมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นทั้งในด้านการปฏิบัติงานประจำวันและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53554985/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

lele.yao@hytera.com

ที่มา: Hytera Communications

Toshiba ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Thermoflagger™ ซึ่งเป็นโซลูชันง่ายๆ ที่ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

Logo

คาวาซากิ ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–14 กันยายน 2023

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ "TCTH0xxxE series" Thermoflagger™ วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน ซึ่งสามารถใช้ในวงจรทั่วไปที่มีเทอร์มิสเตอร์ค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิเป็นบวก (PTC) เพื่อตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การจัดส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง 6 รายการเริ่มตั้งแต่วันนี้

Toshiba: Thermoflagger(TM), a simple solution that detects temperature rises in electronic equipment (Graphic: Business Wire)

Toshiba: Thermoflagger(TM) โซลูชันง่ายๆ ที่ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (รูปภาพ: Business Wire)

เพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำงานได้ตามที่ระบุไว้ เซมิคอนดักเตอร์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จะต้องทำงานภายในพารามิเตอร์การออกแบบ อุณหภูมิภายในเป็นพารามิเตอร์ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอุณหภูมินั้นสูงกว่าที่คาดไว้ในระหว่างกระบวนการออกแบบ ซึ่งอาจเป็นปัญหาด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือที่สำคัญ และจำเป็นต้องใช้โซลูชันการตรวจสอบความร้อนสูงเกินไปเพื่อตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น

วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน Thermoflagger™ ตรวจจับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเมื่อกำหนดค่าในวงจรทั่วไปด้วยเทอร์มิสเตอร์ PTC ซึ่งค่าความต้านทานจะเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิ นอกจากนี้ วงจรรวมยังตรวจจับการเปลี่ยนแปลงความต้านทานของเทอร์มิสเตอร์ PTC ที่วางใกล้แหล่งความร้อน และส่งสัญญาณ FLAG ในกรณีที่อุณหภูมิสูงเกินไป เมื่อ Thermoflagger™ ตรวจพบการสร้างความร้อนที่ผิดปกติและส่ง FLAG ไปยัง MCU เป็นต้น MCU จะปิดอุปกรณ์หรือเปลี่ยนการทำงานของอุปกรณ์หรือเซมิคอนดักเตอร์ที่สร้างความร้อน การเชื่อมต่อเทอร์มิสเตอร์ PTC แบบอนุกรมทำให้มีการตรวจจับอุณหภูมิเกินสำหรับหลายตำแหน่ง

ผลิตภัณฑ์ใหม่ 6 รายการได้แก่ TCTH011AETCTH012AETCTH021AETCTH022AETCTH011BE และ TCTH012BE ซึ่งรวมกับผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวไปแล้ว TCTH021BE และ TCTH022BE ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ "TCTH0xxxE series" มีมากถึงแปดรายการ ผลิตภัณฑ์ใหม่ขยายขอบเขตของเทอร์มิสเตอร์ PTC ที่สามารถเลือกได้โดยการรองรับกระแสเอาต์พุต PTCO สองประเภท[1] สามารถเลือกประเภทเอาต์พุตสัญญาณ FLAG แบบ Push-pull หรือ Open-drain[2] ได้ เช่นเดียวกับการใช้หรือไม่ใช้ฟังก์ชันสลักสัญญาณ FLAG[3] การขยายขอบเขตการเลือกผลิตภัณฑ์ทำให้สามารถออกแบบวงจรได้อย่างยืดหยุ่นและสิ้นเปลืองกระแสไฟต่ำ

ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้บรรจุอยู่ใน SOT-553 ขนาดเล็กที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม (ชื่อแพ็กเกจของ Toshiba: ESV) ทำให้มั่นใจได้ว่า "TCTH0xxxE series" รองรับการกำหนดค่าการตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินได้ง่ายสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งชุด และช่วยลดขนาดและการใช้พลังงาน

นอกเหนือจากข้อมูลอ้างอิงการออกแบบ Thermoflagger™ วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน (TCTH021BE/เวอร์ชัน Open Drain) ที่เผยแพร่แล้ว Toshiba ยังได้จัดทำข้อมูลอ้างอิงการออกแบบใหม่ Thermoflagger™ วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน (TCTH021AE​/เวอร์ชัน Push-Pull​) ซึ่งดูได้บนเว็บไซต์แล้ว

Toshiba ใช้ข้อมูลทางเทคนิคจาก Murata Manufacturing Co., Ltd. เกี่ยวกับเทอร์มิสเตอร์ PTC สำหรับโซลูชันการตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินไป Murata แนะนำการใช้ Thermoflagger™ ร่วมกับเทอร์มิสเตอร์ PTC

รายการวงจรรวมที่แนะนำของ Murata

เทอร์มิสเตอร์ PTC ของ Murata

Toshiba จะยังคงขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อไปด้วยแพ็กเกจที่หลากหลายและการปรับปรุงคุณลักษณะของอุปกรณ์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้การออกแบบมีความยืดหยุ่นและความเป็นกลางของคาร์บอน

หมายเหตุ:

[1] กระแสเอาท์พุต PTCO: กระแสคงที่ที่จ่ายจากวงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินไปยังเทอร์มิสเตอร์ PTC

[2] เมื่อวงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินตรวจพบข้อผิดพลาด จะส่งสัญญาณ FLAG ประเภท Push-pull ประกอบด้วย MOSFET สองตัวซ้อนกันในแนวตั้ง กระแสไฟขาออกไหลเข้าและออกในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ประเภท Open-drain ประกอบด้วย MOSFET หนึ่งตัว กระแสไฟขาออกไหลไปในทิศทางเดียวเท่านั้น

[3] ฟังก์ชันสลักสัญญาณ FLAG จะเก็บสัญญาณ FLAG หลังจากที่วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินตรวจพบข้อผิดพลาดแม้เพียงครั้งเดียว วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกินไม่สามารถกู้คืนตัวเองได้ จะต้องกู้คืนโดยป้อนสัญญาณจาก MCU เป็นต้น ไปที่พินรีเซ็ต

การใช้งาน

  • อุปกรณ์เคลื่อนที่ (แล็ปท็อปพีซี ฯลฯ)
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
  • อุปกรณ์อุตสาหกรรม ฯลฯ

คุณสมบัติ

  • การกำหนดค่าอย่างง่ายร่วมกับเทอร์มิสเตอร์ PTC[1]
  • การตรวจสอบอุณหภูมิเกินสามารถทำได้หลายจุดโดยการเชื่อมต่อเทอร์มิสเตอร์ PTC[1] แบบอนุกรม
  • การสิ้นเปลืองกระแสไฟต่ำ:
  • IDD=1.8μA (typ.) (TCTH011AE, TCTH012AE, TCTH011BE, TCTH012BE)
  • IDD=11.3μA (typ.) (TCTH021AE, TCTH022AE)
  • แพ็กเกจมาตรฐานขนาดเล็ก: SOT-553 (ESV)
  • ขอบเขตตัวเลือกเทอร์มิสเตอร์ PTC[1] ที่ขยายเพิ่มขึ้น พร้อมกระแสเอาต์พุต PTCO สองประเภท:
  • IPTCO=1.00μA (typ.) (TCTH011AE, TCTH012AE, TCTH011BE, TCTH012BE)
  • IPTCO=10.0μA (typ.) (TCTH021AE, TCTH022AE)
  • ความแม่นยำกระแสเอาต์พุต PTCO สูง: ±8%
  • สามารถเลือกแบบ Push-pull และ Open-drain สำหรับเอาต์พุตสัญญาณ FLAG (PTCGOOD)
  • สามารถเลือกฟังก์ชันสลักสัญญาณ FLAG ได้

ข้อมูลจำเพาะที่สำคัญ

(เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น Tj=25°C) 

หมายเลขชิ้นส่วน

แพ็กเกจ

ช่วงการทำงาน

คุณลักษณะทางไฟฟ้า

เอาท์พุต

สัญญาณ

FLAG

(PTCGOOD)

ฟังก์ชัน

สลัก

สัญญาณ

FLAG

เมื่อ

ตรวจจับ

สถานะ

ผิด

ปกติ

ตัวอย่าง

การตรวจสอบและ

ความพร้อม

ชื่อ

ขนาด

(mm)

แรงดัน

แรงดันไฟฟ้า

VDD

(V)

อุณหภูมิ

ขณะใช้งาน

Topr

(°C)

PTCO

กระแสไฟ

เอาท์พุต

IPTCO

(μA)

แรงดันไฟฟ้า

แรงดันไฟฟ้า

VDET

(V)

ความสิ้นเปลือง

กระแสไฟฟ้า

IDD

(μA)

UVLO

แรงดันไฟฟ้า

VUVLO

(V)

typ.

typ.

typ.

typ.

typ.

TCTH011AE

SOT-553

(ESV)

1.6×1.6,

t=0.55

1.7 ถึง

5.5

-40 ถึง 125

1.00

0.50

1.8

1.5

ประเภท

Push-pull

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH012AE

ใช่

ซื้อออนไลน์

TCTH021AE

10.0

11.3

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH022AE

ใช่

ซื้อออนไลน์

TCTH011BE

1.00

1.8

ประเภท

Open-drain

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH012BE

ใช่

ซื้อออนไลน์

TCTH021BE[4]

10.0

11.3

ไม่

ซื้อออนไลน์

TCTH022BE[4]

ใช่

ซื้อออนไลน์

[4] ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายก่อนหน้านี้

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

TCTH011AE

TCTH012AE

TCTH021AE

TCTH022AE

TCTH011BE

TCTH012BE

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Thermoflagger™ ของ Toshiba

วงจรรวมตรวจจับอุณหภูมิสูงเกิน Thermoflager™

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอโซลูชันของ Toshiba

การใช้งาน
โซลิดสเตตไดรฟ์
เซิร์ฟเวอร์
อุปกรณ์แท็บเล็ต

หากต้องการตรวจสอบการจัดจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ร้านผู้จัดจำหน่ายออนไลน์ โปรดไปที่:

TCTH011AE
ซื้อออนไลน์

TCTH012AE
ซื้อออนไลน์

TCTH021AE
ซื้อออนไลน์

TCTH022AE
ซื้อออนไลน์

TCTH011BE
ซื้อออนไลน์

TCTH012BE
ซื้อออนไลน์

* Thermoflagger™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บขั้นสูง ที่ประยุกต์ใช้ประสบการณ์กว่าครึ่งศตวรรษและนวัตกรรมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ชนิดแยกชิ้น ผลิตภัณฑ์ระบบ LSI และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัท 21,500 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ร่วมกัน Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation คาดหวังที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีขึ้นเพื่อทุกคนทั่วโลก โดยมียอดขายต่อปีเกือบ 800 พันล้านเยน (6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/53552921/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ช่องทางสอบถามสำหรับลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก
โทร: +81-44-548-2215
ติดต่อเรา

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation


การเร่งการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตที่มีคาร์บอนต่ำของ Black & Veatch

Logo

เปิดตัว eBook เล่มใหม่ล่วงหน้าก่อนงาน Gastech 2023 เนื่องจากในภาวะการแข่งขันที่สูงทั่วโลกของการรักษาอุปทานของ LNG

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE )–14 กันยายน 2023

ความต้องการเร่งด่วนในการเพิ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และปรับปรุงความปลอดภัยของอุปทานจะเป็นประเด็นสำคัญในการประชุม Gastech 2023 ที่สิงคโปร์ เนื่องจากโลกกำลังเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและความท้าทายในการจัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้และมีความยั่งยืน

ใน eBook ใหม่ LNG: Fueling the Future นี้ Black & Veatch จะเจาะลึกบทบาทของ LNG ในอนาคตของพลังงานทั่วโลก โดยให้รายละเอียดว่าอุตสาหกรรมจะต้องขยายขนาดเกินกำลังการผลิตในปัจจุบันอย่างไร เพื่อรักษาสมดุลของระดับพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการพิจารณาโซลูชันพลังงานสะอาดทางเลือกในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงไฮโดรเจน นิวเคลียร์ การจัดเก็บพลังงาน และการดักจับคาร์บอน

"เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนจากเศรษฐกิจแบบคาร์บอนมาเป็นเศรษฐกิจแบบใช้อิเล็กตรอนและโมเลกุล การค้นหาส่วนผสมพลังงานที่เหมาะสมสำหรับความต้องการในระยะสั้นและการเปลี่ยนแปลงระยะยาวถือเป็นสิ่งสำคัญ" Mario Azar ประธานและซีอีโอของ Black & Veatch กล่าว

"ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นสิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนโลกไปสู่อนาคตที่มีคาร์บอนต่ำอย่างรวดเร็วด้วยการรักษาเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าและเพิ่มความยืดหยุ่น" Narsingh Chaudhary ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch กล่าวเสริม

ในประเทศติดทะเล รวมถึงประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียแปซิฟิก ความต้องการ LNG กำลังเพิ่มขึ้นในฐานะแหล่งพลังงานสำหรับการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซขนาดใหญ่ LNG เป็นพลังงานพื้นฐานที่สามารถเชื่อมช่องว่างระหว่างการเลิกใช้พลังงานถ่านหิน ความเร็วของการใช้พลังงานหมุนเวียน และการเกิดขึ้นของโซลูชันพลังงานสะอาดทางเลือกใหม่

การขยายขนาดการผลิต ความรวดเร็วในการออกสู่ตลาด และการรักษาราคาที่แข่งขันได้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมในการตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น แนวทางที่เป็นนวัตกรรมในด้านเทคโนโลยีและการดำเนินการ เช่น LNG แบบลอยตัว (FLNG) และการทำให้เป็นโมดูล กำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปข้างหน้าและปลดล็อกก๊าซที่ติดอยู่ในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมกับโรงงานขนาดใหญ่แบบดั้งเดิม

Black & Veatch เป็นผู้บุกเบิกในการนำเสนอโซลูชัน FLNG ที่ประสบความสำเร็จ บริษัทมีส่วนร่วมใน 5 โครงการจาก 10 โครงการ FLNG ที่กำลังดำเนินการหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างทั่วโลก โดยรวมถึงการแปลงเรือ MOSS ลำแรกเป็นโรงงาน FLNG นั่นคือเรือ Golar Hilli Episeyo FLNG ซึ่งสร้างเสร็จในสิงคโปร์

เทคโนโลยี FLNG นำเสนอโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและทรงประสิทธิภาพในตลาดอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างรายได้จากแหล่งสำรองก๊าซนอกชายฝั่ง และความสามารถในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้ชายฝั่งเพื่อส่งออกก๊าซทางท่อ แนวทางดังกล่าวยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการก่อสร้าง ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงด้วยการออกแบบแบบแยกส่วนและการก่อสร้างในอู่ต่อเรือ นอกจากนี้ เทคโนโลยี FLNG ยังมีการออกแบบที่กะทัดรัดซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกบนบก

ความเป็นผู้นำของ Black & Veatch ในการพัฒนาและสร้างโรงงาน FLNG ได้รับการสนับสนุนโดยเทคโนโลยี PRICO® ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการทำให้เป็นของเหลวที่ได้รับการพิสูจน์แล้วซึ่งเหมาะสำหรับการผลิต LNG ที่สามารถใช้กับยานพาหนะที่มีการลดค่ากำลังไฟฟ้าสูงสุด ยานพาหนะขนาดกลางและหนัก การเติมเชื้อเพลิงทางอุตสาหกรรม กำลังไฟฟ้าพื้นฐาน และการใช้งานนอกชายฝั่ง การดำเนินงานที่เรียบง่ายและการกำหนดค่าที่ยืดหยุ่นของ PRICO® ทำให้สามารถปรับขนาดสำหรับการใช้งานในโรงงานขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ และใช้งานโซลูชันโครงการที่เป็นนวัตกรรมสำหรับโรงงาน LNG บนบก นอกชายฝั่ง และใกล้ชายฝั่ง

ที่ Gastech 2023 Azar จะแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลกในการสนับสนุนการพัฒนา การใช้งาน และการขยายขนาดของเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะนำอุตสาหกรรมไปสู่การลดคาร์บอนและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น Chaudhary จะหารือเกี่ยวกับแนวโน้มของเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้นี้

ติดต่อ Black & Veatch เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • ดาวน์โหลดสำเนาฟรีของ eBook LNG: Fueling the Future ที่นี่
  • Black & Veatch สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน LNG มานานกว่า 50 ปี โดยผสมผสานเทคโนโลยีและความรู้ความชำนาญในการผลิต LNG การจัดเก็บ การแปลงสภาพเป็นก๊าซ และส่งออกสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยโซลูชันที่ราบรื่นสำหรับการออกแบบ การจัดซื้อ การแปรรูป และการก่อสร้าง
  • ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีของ Black & Veatch เป็นส่วนสำคัญในโครงการ FLNG หลายโครงการ รวมถึง Tango FLNG ของ Eni (เดิมชื่อ Exmar) และเรือ FLNG สามลำที่พัฒนาโดย Golar LNG ในโครงการเหล่านี้ Black & Veatch ให้บริการด้านวิศวกรรมและการจัดซื้อจัดจ้างระดับสูง

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2022 อยู่ที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราบน www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
อีเมลสำหรับสื่อ 24 ชั่วโมง | Media@bv.com

ที่มา: Black & Veatch

Hillstone Networks ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำ XDR ในรายงาน Frost Radar™ 2023

Logo

Hillstone Networks ได้รับการยกย่องจาก Frost & Sullivan สำหรับกลยุทธ์ XDR

SANTA CLARA, Calif.–(BUSINESS WIRE)–13 กันยายน 2023

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการเติบโตในรายงาน Frost Radar™ Extended Detection and Response Report ประจำปี 2023

รายงาน Frost Radar™ ปี 2023 เป็นการวิเคราะห์การตลาดที่ดำเนินการโดย Frost & Sullivan โดยประเมินผู้เข้าร่วมในอุตสาหกรรมตามกลยุทธ์การเติบโต นวัตกรรม ประสบการณ์ของลูกค้า และส่วนแบ่งตลาด รายงานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยองค์กรในการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเมื่อเลือกผู้ให้บริการโซลูชัน XDR ที่เชื่อถือได้

“การได้รับการเสนอชื่อในฐานะผู้นำในรายงาน Frost Radar™ ปี 2023 เป็นการตอกย้ำถึงความทุ่มเทของเราในการนำเสนอโซลูชันที่ล้ำสมัยที่ต่อต้านภัยคุกคามทางดิจิทัลที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง” Tim Liu CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “โซลูชันของเรารวมการตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูง การตอบสนองต่อเหตุการณ์ และความสามารถด้านนิติวิทยาศาสตร์ไว้ในแพลตฟอร์มแบบครบวงจร ช่วยให้ธุรกิจสามารถปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลในเชิงรุกได้”

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan โซลูชัน XDR ได้เห็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภูมิภาค อุตสาหกรรม และบริษัททุกขนาด เนื่องจากมีการนำเสนอภาพรวม การบูรณาการ การวิเคราะห์ ความยืดหยุ่น และระบบอัตโนมัติที่ลูกค้าต้องการในสภาพแวดล้อมไอทีที่ซับซ้อนในปัจจุบัน Frost ระบุว่า XDR มีสัญญาหลัก 3 ประการ ได้แก่ การตรวจจับและการตอบสนองแบบข้ามเลเยอร์ ระบบอัตโนมัติที่มีความหมาย และการผสานรวมกับสแต็กการรักษาความปลอดภัย

"Hillstone Networks แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อแนวทาง Open XDR ในขณะที่กำลังลงทุนงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญในการเพิ่มการบูรณาการของบุคคลที่สาม และจัดหาชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) เพื่ออำนวยความสะดวกในการบูรณาการกับแพลตฟอร์ม" Lucas Ferreyra นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมของ Frost & Sullivan กล่าว “Hillstone Networks ได้พัฒนากลยุทธ์การเติบโตที่น่าสนใจ ซึ่งครอบคลุมการใช้ประโยชน์จากความเกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้นของการรักษาความปลอดภัยที่มีการจัดการ เพื่อให้ MSSP สามารถใช้โซลูชัน XDR ของตนได้ ขยายขอบเขตการเข้าถึงในขณะที่กำหนดเป้าหมายภาคส่วนที่มีการเติบโตสูง เช่น ภาครัฐ การดูแลสุขภาพ การศึกษา และการผลิต ความเข้าใจในตลาดดังกล่าวจะช่วยให้ Hillstone Networks สามารถปลดล็อกโอกาสในการเติบโตเพิ่มเติมในตลาด XDR ที่มีการแข่งขันสูง"

ความมุ่งมั่นของ Hillstone ในการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและการใช้งานของลูกค้าที่ประสบความสำเร็จ มีส่วนช่วยให้บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้าน XDR พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาหลักของ XDR:

  • ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Hillstone สามารถค้นหาและป้องกันการโจมตีได้ ก่อนที่จะมีโอกาสใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดในองค์กร นั่นก็คือ ข้อมูล โซลูชัน Hillstone XDR ใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องขั้นสูง (ML) ผ่านมัลแวร์ที่ไม่รู้จักและการตรวจจับที่ผิดปกติ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของภัยคุกคามขั้นสูง และการบรรเทาภัยคุกคามอัตโนมัติ
  • นอกจากนี้ Hillstone XDR ยังมีการเรียบเรียงและการตอบสนองแบบอัตโนมัติอีกด้วย หากมีการกำหนดค่ากลยุทธ์การแก้ไข เมื่อมีการตรวจพบภัยคุกคามแล้ว Hillstone XDR จะดำเนินการบรรเทาผลกระทบที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติตาม Playbook ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
  • ซึ่งรวมถึงการบูรณาการกับข้อมูลที่หลากหลายทั่วทั้งเครือข่ายตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทางไปจนถึงระบบคลาวด์ ข้อมูลนี้อาจรวมถึง NetFlow, Sysmon, Syslogs, ข้อมูลอภิพันธุ์ (Metadata) ข้อมูลภัยคุกคาม และบันทึกของบุคคลที่สาม ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีการกำหนดมาตรฐาน เชื่อมโยงกัน และวิเคราะห์เพื่อให้มองเห็นได้อย่างสมบูรณ์และทำลายไซโลข้อมูลความปลอดภัย ไม่เพียงแต่ให้การมองเห็นด้านความปลอดภัยเต็มรูปแบบโดยมีจุดบอดน้อยลง แต่ยังปรับปรุงความแม่นยำในการตรวจจับด้วยการลดผลบวกลวงให้เหลือน้อยที่สุด

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hillstone XDR ที่นี่

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยมอบการปกป้องทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างแก่บริษัททุกขนาด ตั้งแต่ edge ไปจนถึงคลาวด์ และในทุกปริมาณงาน แนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks นำเสนอความครอบคลุม การควบคุม และการรวมระบบมาสู่องค์กรมากกว่า 26,000 แห่งทั่วโลก www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งข้อมูล: Hillstone Networks

Consensys ประกาศเปิดตัว MetaMask Snaps ต่อสาธารณะ: เสริมศักยภาพผู้ใช้ด้วยการปรับแต่งแพลตฟอร์มที่ไม่เคยมีมาก่อน

Logo

MetaMask Snaps จะรวบรวมนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใน Web3 อย่างเต็มรูปแบบ โดยช่วยให้นักพัฒนาบุคคลที่สามสามารถนำความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมาใช้สร้างในแพลตฟอร์ม MetaMask โปรแกรมนวัตกรรมที่ไม่มีกลไกการอนุญาตนี้พร้อมที่จะเปลี่ยนรูปแบบการใช้งาน MetaMask ของผู้ใช้ทั่วโลก โดยนำเสนอความเป็นไปได้ในการควบคุมและการปรับแต่งที่เหนือชั้น ในระยะเริ่มแรก สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการให้ผู้ใช้ MetaMask ที่เชี่ยวชาญได้ลองใช้ MetaMask Snaps และรวบรวมความเห็นของพวกเขา ขณะที่ทีม MetaMask ยังคงเดินหน้าพัฒนาเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ขั้นสูงสุดของ MetaMask Snaps

ฟอร์ตเวิร์ธ, เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2023

วันนี้ Consensys บริษัทซอฟต์แวร์บล็อกเชนและ Web3 ชั้นนำ ได้ประกาศเปิดตัว MetaMask Snaps เวอร์ชันใหม่สู่สาธารณะเป็นครั้งแรก MetaMask Snaps ได้รับการตั้งค่าให้ปฏิวัติวิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับ MetaMask ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Web3 ที่กำกับดูแลตนเองชั้นนำของโลก โดยนำเสนอการควบคุมและการปรับแต่งที่ไม่เคยมีมาก่อน Snaps คือคุณสมบัติและฟังก์ชันใหม่ที่สร้างขึ้นโดยนักพัฒนาบุคคลที่สาม ซึ่งผู้ใช้ MetaMask ทั่วโลกสามารถติดตั้งลงในวอลเล็ตของตนได้โดยตรง ซึ่งเดิมทีคุณสมบัติของ MetaMask ได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะโดยนักพัฒนา MetaMask ที่ Consensys ว่าจ้าง การเปิดตัวครั้งแรกจะรวม 34 Snaps ที่ให้อรรถประโยชน์เกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกของธุรกรรม การทำงานร่วมกันกับบล็อกเชนที่ไม่ใช่ EVM เช่น Bitcoin และการแจ้งเตือน

การเปิดตัว MetaMask Snaps ต่อสาธารณะถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของวิวัฒนาการของ MetaMask ในฐานะวอลเล็ต ด้วยการมอบชุดเครื่องมือใหม่ที่พัฒนาโดยนักพัฒนาบุคคลที่สามทั่วโลกแก่ผู้ใช้ MetaMask Snaps จะช่วยให้บุคคลสามารถกำหนดประสบการณ์ Web3 ของตนได้ตามความต้องการและความชอบเฉพาะตัว ผู้ใช้ MetaMask ที่เชี่ยวชาญสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการติดตั้ง Snaps แรกที่มีได้จาก เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ กระบวนการแรกจะมุ่งเน้นไปที่การให้ผู้ใช้ MetaMask ที่มีประสบการณ์มาลองใช้ MetaMask Snaps และรวบรวมคำติชมของพวกเขา ขณะที่ทีม MetaMask ยังคงเดินหน้าพัฒนาเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ขั้นสูงสุด

การเปิดตัว Snaps เริ่มต้น: ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกรรม ความสามารถในการทำงานร่วมกัน และการแจ้งเตือน

ในช่วงเริ่มต้นของการบรรลุวิสัยทัศน์นี้ MetaMask Snaps จะเปิดตัวพร้อม ชุด Snaps 34 รายการ Snaps เหล่านี้ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและถูกรวมไว้ในรายการที่อนุญาตโดยทีม MetaMask MetaMask จะยังคงตรวจสอบและรวม Snaps ไว้ในรายการที่อนุญาตจนกว่าจะบรรลุการเปลี่ยนไปใช้ระบบที่ไม่มีกลไกการอนุญาต โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขั้นตอนนี้

Snaps แรกเหล่านี้จะทำให้เกิดกรณีการใช้งานที่ไม่ซ้ำใครซึ่งรวมถึง:

  • ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกรรม: ปรับปรุงการเดินทางของ Web3 ของผู้ใช้ด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้พวกเขาสามารถระบุข้อกังวลด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นและสัญญาอัจฉริยะที่เป็นอันตรายก่อนที่จะทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้น
  • การทำงานร่วมกัน: MetaMask Snaps ขยายการใช้งาน Web3 ให้ครอบคลุมบล็อกเชนที่ไม่ใช่ EVM เช่น Bitcoin, Solana, Cosmos และโซลูชัน EVM Layer 2 เช่น StarkNet
  • การแจ้งเตือน: แจ้งให้ผู้ใช้ทราบและมีส่วนร่วมกับการแจ้งเตือนเฉพาะ Web3 โดยตรงใน MetaMask เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะไม่พลาดการอัปเดตหรือกิจกรรมที่จำเป็น

ดูรายการ Snaps ทั้งหมดได้ใน MetaMask Snaps Directory

วิสัยทัศน์ของ MetaMask เกี่ยวกับนวัตกรรมที่ไม่มีกลไกการอนุญาต

ในปี 2022 MetaMask มีผู้ใช้งานทะลุ 100 ล้านคน ระบบนิเวศของ Web3 มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นำไปสู่กรณีการใช้งานใหม่ๆ ที่หลากหลาย นวัตกรรมที่มอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่เป็นส่วนตัวยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงและอำนวยความสะดวกในการเติบโตของระบบนิเวศของ Web3 โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการเพิ่มผู้ใช้ 1 พันล้านคน แม้ว่าต้นกำเนิดของมันจะมีรากฐานมาจาก Ethereum แต่ MetaMask ก็มีความเชื่อมั่นว่านวัตกรรมนั้นเกิดขึ้นในหลายโดเมนทั่วทั้งระบบนิเวศของ Web3 ด้วย Snaps วอลเล็ต Web3 ชั้นนำหวังว่าจะรวบรวมนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใน Web3 ได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น โดยช่วยให้นักพัฒนาบุคคลที่สามสามารถนำความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมาสร้างแพลตฟอร์มได้ MetaMask จินตนาการถึงระบบนวัตกรรมที่เปิดกว้างและไม่มีกลไกการอนุญาต ซึ่งนักพัฒนา Web3 คนใดก็ตามสามารถสร้าง Snap และเปิดให้ผู้ใช้ใช้งานได้ เป็นแพลตฟอร์มเพื่อชุมชนที่สร้างโดยชุมชน

“ส่วนที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับ Snaps สำหรับฉันคือตอนนี้เรามีระบบที่เป็นหัวใจของวอลเล็ตของเราซึ่งช่วยให้เราสามารถหยุดฟังและเชิญชวนชุมชนให้เสนอวิธีแก้ปัญหาของปัญหาที่ยากที่สุดอย่างนอบน้อม ฉันมีความคิดและความคิดเห็นที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับอนาคตของความปลอดภัยในการทำธุรกรรม แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลว่าทำไมมันจะต้องเป็นความคิดเดียวที่ได้รับการพิสูจน์ เรากำลังช่วยนำเสนอกระบวนทัศน์ใหม่ของการประมวลผลแบบกระจาย และมีคำถามมากมายที่ต้องการโซลูชันที่สร้างสรรค์ ดังนั้น ฉันยังคงเชื่อว่าการลดอุปสรรคและค่าใช้จ่ายในการลองสิ่งใหม่ๆ อาจเป็นตัวเร่งสำคัญในการค้นหาคำตอบที่ดีของปัญหาที่ยากลำบากเหล่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับการเร่งเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ของตัวมันเอง แต่เป็นการเร่งกระบวนการค้นหาการปรับปรุงวิธีที่เราทำสิ่งต่างๆ” Dan Finlay ผู้ร่วมก่อตั้ง MetaMask และ Chief Ethos Officer ของ Consensys กล่าว

นักพัฒนาบุคคลที่สามที่สร้าง Snaps สามารถจัดส่งและดูแลรักษาผลงานสร้างสรรค์ของตนได้อย่างอิสระ โดยแยกจาก MetaMask พวกเขารักษาความเป็นเจ้าของรหัสและสร้างการเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ใช้ Snap ในระยะยาว ผู้ใช้ MetaMask จะได้รับประโยชน์จากความสะดวกสบายและความสามารถรอบด้านของ Snaps จำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งได้รับการปรับให้เหมาะกับกรณีการใช้งานต่างๆ บนโปรโตคอลต่างๆ พวกเขาจะได้เห็นคุณสมบัติที่ยังไม่เคยมีใครจินตนาการมาก่อน ซึ่งพัฒนาขึ้นด้วยความเร็วที่ MetaMask ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

“เรากำลังสร้าง MetaMask Snaps ให้เป็นแพลตฟอร์มแบบเปิดสำหรับนวัตกรรม และเราไม่เรียกเก็บเงินจากนักพัฒนาสำหรับการเผยแพร่ Snaps บนแพลตฟอร์มนี้ เราเชื่อว่านวัตกรรมที่ไม่มีกลไกการอนุญาตเป็นรากฐานสำคัญของระบบกระจายศูนย์ที่ไม่ต้องมีผู้รักษาประตู นวัตกรรมเจริญรุ่งเรืองตามความเร็วของเครือข่าย ไม่ใช่แค่ภายในทีมพัฒนาของ Consensys เท่านั้น" Christian Montoya หัวหน้าผลิตภัณฑ์ของ MetaMask Snaps กล่าวเน้นย้ำ

ด้วยการคาดการณ์อนาคตและสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า MetaMask จึงได้หารือกับนักพัฒนามากกว่า 150 รายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเพื่อขยายขอบเขตของ Snaps นักพัฒนาเหล่านี้มาจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงแอฟริกา เอเชีย ยุโรป ลาตินอเมริกา และสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ Consensys

Consensys คือบริษัทซอฟต์แวร์บล็อกเชนและ Web3 ชั้นนำ ตั้งแต่ปี 2014 Consensys เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม โดยบุกเบิกการพัฒนาทางเทคโนโลยีภายในระบบนิเวศของ Web3 ด้วยชุดผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึงแพลตฟอร์ม MetaMaskInfuraLineaDiligence และแพลตฟอร์ม NFT ของเรา เราได้กลายเป็นแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันที่เชื่อถือได้สำหรับผู้ใช้ ผู้สร้าง และนักพัฒนาบนเส้นทางการสร้างและเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่พวกเขาต้องการเห็น ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง dApp, คอลเลกชัน NFT, พอร์ตโฟลิโอ หรืออนาคตที่ดีกว่า สัญชาตญาณในการสร้างสรรค์นั้นเป็นสากล Consensys เป็นแรงบันดาลใจและสนับสนุนสัญชาตญาณการสร้างสรรค์ของทุกคนด้วยการทำให้ Web3 ใช้งานง่ายและพัฒนาอย่างเป็นสากล ดูผลิตภัณฑ์และโซลูชันของเราที่ https://consensys.io/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

pr@consensys.io

ที่มา: Consensys

Sazae Japan ร่วมมือกับ Boomi เพื่อแก้ไขปัญหาการบูรณาการที่บริษัทญี่ปุ่นต้องเผชิญ

Logo

โตเกียว และเชสเตอร์บรูค รัฐเพนซิลเวเนีย–(BUSINESS WIRE )–13 กันยายน 2023

Boomi™ ผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ได้ประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ Sazae Japan, Inc ("Sazae") ผู้ให้บริการให้คำปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่โดดเด่น Boomi เป็นแพลตฟอร์มบูรณาการแห่งแรกของ Sazae ในฐานะพันธมิตรด้านบริการ (iPaaS) ในญี่ปุ่น

Sazae Japan Partners With Boomi to Tackle Integration Issues Faced by Japanese Companies (Graphic: Business Wire)

Sazae Japan ร่วมมือกับ Boomi เพื่อแก้ไขปัญหาการบูรณาการที่บริษัทญี่ปุ่นต้องเผชิญ (กราฟิก: Business Wire)

ในฐานะบริษัทในเครือของญี่ปุ่น Sazae Pty Ltd นั้น Sazae ดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเวียดนาม Sazae จะรวมแพลตฟอร์ม Boomi ที่ใช้โค้ดน้อยและใช้งานง่าย เข้ากับบริการให้คำปรึกษาด้านไอทีขั้นต้นที่ครอบคลุมในทุกอุตสาหกรรม

เนื่องจากความต้องการการประมวลผลแบบคลาวด์เพิ่มขึ้นในหมู่บริษัทญี่ปุ่น iPaaS จึงได้รับความสนใจในฐานะเครื่องมือการบรรลุการบูรณาการระบบในระบบคลาวด์

Sazae มีส่วนร่วมในโครงการระดับโลกมากมายที่ต้องการการบูรณาการระหว่างแอปพลิเคชันและระบบในหลายประเทศ หลังจากประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับ Boomi ในโครงการ ServiceNow Sazae รู้สึกประทับใจกับความง่ายในการใช้งานของแพลตฟอร์ม Boomi การรองรับวงจรการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ ความเสถียร และความสามารถในการปรับขนาด

ความร่วมมือดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือลูกค้าของ Sazae Japan ในการบูรณาการระบบการจัดการเนื้อหา เช่น ServiceNow และ Drupal

"เราคาดหวังว่าการร่วมมือกับ Boomi จะช่วยให้เราสามารถโยกย้ายโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลของลูกค้าปัจจุบันไปยังแพลตฟอร์มการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (DX) ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ" Ayumu Mizojiri กรรมการและผู้ก่อตั้ง Sazae Pty Ltd. กล่าว "สำหรับโครงการระดับโลก เราเชื่อว่าการร่วมมือกับ Boomi จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะมีประวัติที่พิสูจน์แล้วในด้านการขจัดความซับซ้อนและการส่งมอบความเร็วและประสิทธิภาพ"

"เนื่องจากความต้องการ iPaaS ยังคงเติบโตในญี่ปุ่น เราจึงวางแผนที่จะทำงานร่วมกับ Sazae ในโครงการระดับโลกของพวกเขา และช่วยให้ลูกค้าของพวกเขาเชื่อมโยงข้อมูล แอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คน เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้นและเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของพวกเขา" Kazunori Hori ผู้อำนวยการ Boomi ประเทศญี่ปุ่น กล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi
Boomi ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นโดยการเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่ง ทุกหนแห่ง ผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มการบูรณาการบริการ (iPaaS) บนคลาวด์ และในตอนนี้เป็นบริษัทบริการซอฟต์แวร์ (SaaS) ชั้นนำระดับโลกในสาขานี้ Boomi ดึงดูดฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มการบูรณาการและเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย รวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และประสานข้อมูล ในขณะที่เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและเร็วขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ http://boomi.com

© 2023 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ "B" และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือของบริษัท สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53550309/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อผู้ติดต่อ

Boomi:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสื่อและนักวิเคราะห์สัมพันธ์ APJ
jasmine.ee@boomi.com

ที่มา: Boomi, LP

Hillstone Networks ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำด้านการเติบโตและนวัตกรรมของ NGFW ในรายงาน Frost Radar™ 2023

Logo

รับตำแหน่งผู้นำใน NGFW Arena

ซานตาคลารา แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–8 กันยายน 2023 

Hillstone Networks ผู้ให้บริการโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการเติบโตใน รายงาน 2023 Frost Radar™ Next Generation Firewalls

ในรายงาน Frost Radar™ 2023 ซึ่งจัดทำโดย Frost & Sullivan นำเสนอการวิเคราะห์ตลาดเชิงลึกที่ประเมินผู้ใช้งานในอุตสาหกรรมผ่านมุมมองด้านกลยุทธ์ในการเติบโต นวัตกรรม ประสบการณ์ของลูกค้า และส่วนแบ่งการตลาด รายงานนี้เป็นแหล่งข้อมูลอันมีค่า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจในการตัดสินใจพร้อมข้อมูลสำหรับความต้องการโซลูชันไฟร์วอลล์รุ่นต่อไป (NGFW)

เราเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำในรายงาน Frost Radar™ 2023” กล่าวโดย Tim Liu CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks “ในขณะที่ภูมิทัศน์เทคโนโลยีมีการขยายตัวที่กว้างขึ้น จึงมีความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของเราด้วยเช่นกัน การได้รับการยอมรับในรายงาน NGFW Frost Radar เป็นการตอกย้ำถึงความทุ่มเทของเราในด้านโซลูชันทางวิศวกรรมขั้นสูง เรามีความภูมิใจที่ได้ยืนอยู่แถวหน้าของการพัฒนาไฟร์วอลล์รุ่นต่อไป พร้อมกับความสามารถด้านเทคนิคของเราที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อรองรับความมุ่งมั่นของเราในการสร้างการป้องกันทางไซเบอร์ การได้รับการยอมรับส่งเสริมให้เราสามารถเจาะลึกนวัตกรรมเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่ลดละ ก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเครือข่ายให้ครอบคลุมได้ดียิ่งขึ้น"

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan แนวคิดขอบเขตการรักษาความปลอดภัยมีการปรับเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง เนื่องจากการประมวลผลบนคลาวด์ การทำงานระยะไกล อุปกรณ์ระบบ edge และความคิดริเริ่มในการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลอื่น ๆ ปัจจุบันนี้ NGFW ยังมีภาพรวมที่ไม่ชัดเจน ความสามารถในการปรับขนาดและการกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดใหม่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งหมายถึง NGFW จะต้องมีการปรับเปลี่ยนด้านความสามารถในการทำงานด้วยเช่นกัน Frost มีการระบุให้มีการผสานรวมและขยายขอบเขตโซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่เชื่อมโยงกัน รวมถึง “ซอฟต์แวร์กำหนดเครือข่ายบริเวณกว้าง (SD-WAN) สื่อกลางในการเข้าถึงระบบการรักษาความปลอดภัยในระบบคลาวด์ (CASB) เกตเวย์เว็บที่ปลอดภัย (SWG) การเข้าถึงเครือข่ายแบบ zero trust (ZTNA) และ NGFW เข้าเป็นกลุ่ม SASE”

กลุ่มผลิตภัณฑ์ NGFW ที่ได้รับรางวัลของ Hillstone Networks นำเสนอสถาปัตยกรรมระบบความปลอดภัยที่พร้อมสำหรับอนาคต เพื่อปรับให้เข้ากับการขยายโครงสร้างพื้นฐานและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ และเป็นรากฐานสำหรับสถาปัตยกรรมแบบ zero-trust เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ขั้นสูง Hillstone A-Series และ X-Series Next-Generation Firewalls ส่งมอบระบบการป้องกันเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง มีความน่าเชื่อถือ และปรับขนาดได้สำหรับองค์กรและผู้ให้บริการ พร้อมความสามารถในการตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมและชาญฉลาด เพื่อปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลขององค์กร

แพลตฟอร์ม Hillstone NGFW ยังเป็นรากฐานสำหรับโซลูชัน Hillstone SD-WAN และ ZTNA ซึ่งครอบคลุม ควบคุม และผสานรวม

ด้วยความช่วยเหลือของกลไก AI ที่ซับซ้อน Hillstone ช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์และตรวจจับการรับส่งข้อมูลที่เข้ารหัสโดยไม่ต้องถอดรหัส ปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมและมีความแม่นยำในการตรวจจับภัยคุกคาม” กล่าวโดย Martin Naydenov นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมอาวุโส – ความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Frost & Sullivan “Hillstone มีวิสัยทัศน์ที่แข็งแกร่งและมีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ พร้อมครอบคลุม Mega Trends ระดับโลก ตัวอย่างเช่น การประมวลผลบนคลาวด์ ด้วยเหตุนี้ จึงยังคงเปิดตัวโซลูชันใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น Cloud Workload Protection โดยมีการร่วมมือกับผู้ให้บริการระบบคลาวด์รายใหญ่อย่าง AWS และ Azure เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมไอทีแบบไฮบริด”

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hillstone Next-Generation Firewalls ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมมอบการปกป้องทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างแก่บริษัททุกขนาด ตั้งแต่ edge ไปจนถึง cloud และรองรับปริมาณงานทุกระดับ แนวทางการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks มีความครอบคลุม พร้อมการควบคุม และสามารถผสานรวมระบบสำหรับองค์กรกว่า 26,000 แห่งทั่วโลก www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ
Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งข้อมูล: Hillstone Networks

Technology Innovation Institute เปิดตัว Falcon 180B โมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังที่สุดในโลก

Logo

  • โมเดลใหม่ครองอันดับ 1 ใน Hugging Face Leaderboard ของโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบโอเพ่นซอร์ส
  • โมเดลที่มีพารามิเตอร์ 180 พันล้านได้รับการฝึกฝนบนชุดข้อมูล 3.5 ล้านล้านโทเค็น พร้อมทรัพยากรการประมวลผลของ LLaMA 2 ของ Meta ถึง 4 เท่า
  • Falcon 180B เป็นโมเดลที่เข้าถึงได้แบบโอเพ่นซอร์สสำหรับนักวิจัยและผู้ใช้เชิงพาณิชย์

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE )–6 กันยายน 2023

Technology Innovation Institute (TII) ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กำลังก้าวข้ามขีดจำกัดของ Generative AI อีกครั้งด้วยการเปิดตัว Falcon 180B ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ขั้นสูงที่เป็นรุ่นเรือธงของพวกเขา การเปิดตัวที่ล้ำสมัยนี้ช่วยเสริมความเป็นผู้นำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ในด้าน AI โดยนำเสนอ Falcon 180B ให้เป็นโมเดลการเข้าถึงแบบโอเพ่นซอร์สสำหรับการวิจัยและการใช้เชิงพาณิชย์

Falcon 180B Benchmarks (Photo: AETOSWire)

เกณฑ์มาตรฐาน Falcon 180B (รูปภาพ: AETOSWire)

หลังจากความสำเร็จอันน่าทึ่งของ Falcon 40B ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่ทะยานขึ้นสู่อันดับสูงสุดใน Hugging Face Leaderboard ของโมเดลภาษาขนาดใหญ่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 TII ซึ่งเป็นเสาหลักการวิจัยประยุกต์ของ Advanced Technology Research Council (ATRC) ของอาบูดาบียังคงเป็นผู้นำในการพัฒนา Generative AI Falcon 40B ถือเป็นตัวอย่างแรกๆ ของโมเดลโอเพ่นซอร์สสำหรับทั้งนักวิจัยและผู้ใช้เชิงพาณิชย์ และถือเป็นการก้าวกระโดดของการบุกเบิกในสาขานี้

H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการของ Advanced Technology Research Council เน้นย้ำถึงผลกระทบเชิงบวกของ Falcon ที่มีต่อภูมิทัศน์ของ AI และกล่าวว่า "เรามองเห็นอนาคตที่พลังการเปลี่ยนแปลงของ AI อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมของทุกคน เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเข้าถึง AI ขั้นสูงให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เนื่องจากความเป็นส่วนตัวและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของ AI ต่อมนุษยชาติไม่ควรถูกควบคุมโดยคนเพียงไม่กี่คน แม้ว่าเราอาจไม่มีคำตอบทั้งหมด แต่ความมุ่งมั่นของเรายังคงแน่วแน่ นั่นคือการทำงานร่วมกันและมีส่วนร่วมในชุมชนโอเพ่นซอร์ส เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะได้แบ่งปันประโยชน์ของ AI"

ด้วยพารามิเตอร์ที่น่าทึ่งถึง 180 พันล้านพารามิเตอร์และฝึกฝนบนชุดข้อมูล 3.5 ล้านล้านโทเค็น Falcon 180B ทะยานขึ้นสู่อันดับสูงสุดของ Hugging Face Leaderboard ของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว โมเดลนี้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งที่มีชื่อเสียงอย่าง LLaMA 2 ของ Meta ในเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ รวมถึงการทดสอบการใช้เหตุผล การเขียนโค้ด ความชำนาญ และการทดสอบความรู้

ในบรรดาโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบปิดที่ดีที่สุด Falcon 180B อยู่ในอันดับที่ตามหลัง GPT 4 ล่าสุดของ OpenAI และทัดเทียมกับประสิทธิภาพของ PaLM 2 Large ของ Google ซึ่งเป็นโมเดลที่ขับเคลื่อน Bard แม้ว่าจะมีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของโมเดลก็ตาม กรอบการอนุญาตใช้งานสำหรับโมเดลนี้กำหนดขึ้นโดยใช้ "Falcon 180B TII License" ซึ่งอิงตาม Apache 2.0

Dr. Ebtesam Almazrouei กรรมการบริหารและรักษาการหัวหน้านักวิจัยของ AI Cross-Center Unit ของ TII กล่าวว่า "การเปิดตัว Falcon 180B เป็นตัวอย่างของการอุทิศตนของเราในการพัฒนาขอบเขตของ AI และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้แบ่งปันศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของมันกับโลก Falcon 180B ประกาศศักราชใหม่ของ Generative AI โดยสร้างศักยภาพของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ผ่านการเข้าถึงแบบโอเพ่นซอร์สเพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนนวัตกรรมแห่งอนาคต ขณะที่เราเจาะลึกขอบเขตของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิสัยทัศน์ของเราขยายไปไกลกว่านวัตกรรม นั่นคือการรักษาความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลกผ่านความก้าวหน้าทางการทำงานร่วมกัน"

ด้วยนักพัฒนามากกว่า 12 ล้านคนที่ยอมรับและปรับใช้ Falcon รุ่นแรก การอัปเกรดครั้งสำคัญนี้จึงพร้อมที่จะกลายเป็นโมเดลชั้นนำสำหรับโดเมนต่างๆ ตั้งแต่แชทบอทไปจนถึงการสร้างโค้ด และอื่นๆ อีกมากมาย

Falcon 180B เข้ากันได้กับภาษาหลักต่อไปนี้: อังกฤษ เยอรมัน สเปน และฝรั่งเศส โดยมีความสามารถจำกัดในภาษาอิตาลี โปรตุเกส โปแลนด์ ดัตช์ โรมาเนีย เช็ก และสวีเดน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ FalconLLM.tii.ae

ที่มาAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรบั ชมภาพในรูปแบบมลัติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20230906583274/en

รายชื่อผู้ติดต่อ

Jennifer Dewan ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร
jennifer.dewan@tii.ae

ที่มา: The Technology Innovation Institute

XEV เปิดตัวโมเดล YOYO รุ่นล่าสุดที่งาน IAA Mobility พร้อมวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4

Logo

MUNICH, Germany–(BUSINESS WIRE)–5 กันยายน 2023

วันที่ 4 เดือนกันยายน ปี 2023 XEV บริษัทเทคโนโลยียานยนต์พลังงานแหล่งใหม่ระดับโลก เปิดตัวผลิตภัณฑ์ยานยนต์เพื่อการคมนาคมในเมืองที่ได้รับการอัปเกรด YOYO ที่ IAA Mobility โดยโมเดล YOYO ใหม่นี้จะเปิดตัวพร้อมกันในประเทศต่างๆ เช่น อิตาลี เยอรมันี ฝรั่งเศส และสเปน โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในไตรมาสที่สี่ของปี 2023 ราคาตั้งต้นที่ 16,990 ยูโร (ไม่รวมอุปกรณ์เสริม) ปัจจุบัน XEV มีการติดตั้งจุดจำหน่ายมากกว่า 120 แห่งในประเทศอิตาลี เยอรมันี ฝรั่งเศส และสเปน และคาดว่า จะมีจุดจำหน่ายทั้งหมดในยุโรปกว่า 300 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้

(Photo: Business Wire)

(รูปภาพ: Business Wire)

ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ทันสมัย ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการคมนาคมภายในเมือง YOYO ผสมผสานเทคโนโลยี สุนทรียภาพ และการใช้งานได้จริง โดยมีการออกแบบที่ล้ำสมัย ซึ่งประกอบด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น หน้าต่างไร้กรอบ กลุ่มไฟ LED แบบสามมิติ และหลังคากระจกแบบพาโนรามา ด้วยหน้าจออัจฉริยะความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว (carplay& androidauto) และฟังก์ชันการควบคุมระยะไกลผ่านแอปมือถือ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมระบบเครื่องปรับอากาศ เปิดปิดหน้าต่าง ปลดล็อครถยนต์ และตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ YOYO ถือเป็นเพื่อนคู่ใจในอุดมคติของคุณสำหรับการคมนาคมาภายในเมือง

ด้วยกำลังไฟเต็มรูปแบบที่ระยะทาง 150 กม. และความเร็วสูงสุดที่ 80 กม./ชม. YOYO มาพร้อมการควบคุมที่แม่นยำและคล่องตัว ช่วยให้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสำรวจเมือง นอกจากนี้ ด้วยระบบการเปลี่ยนแบตเตอรี่น้ำหนักเบาอันเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของ XEV YOYO สามารถสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ภายใน 3 นาที ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจในการเดินทางโดยไม่หยุดชะงัก

XEV มีการร่วมมือกับ ENI ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ในยุโรป เพื่อปรับใช้และสร้างเครือข่ายเพื่อรองรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั่วยุโรป ช่วยให้ผู้ใช้สามารถชาร์จไฟได้ที่ปั๊มน้ำมันของ ENI ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของ ENI จึงช่วยให้ XEV สามารถสร้างสถานีได้กว่า 30 แห่งในห้าเมืองของอิตาลี รวมถึงโรม มิลาน ตูริน และโบโลญจน์ และผ่านการพิสูจน์แล้วว่า ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ผู้ใช้งาน พร้อมการเปิดตัวของ YOYO ในประเทศอิตาลี เยอรมันี ฝรั่งเศส สเปน และประเทศอื่นๆ เครือข่ายรองรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ XEV ก็มีการขยายไปทั่วด้วยเช่นกัน เอื้อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การคมนาคมภายในเมืองที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น

ในงาน IAA Mobility ปีนี้ XEV ได้เปิดตัวบริการเฉพาะบุคคล Xpression อย่างเป็นทางการ โดยมีการนำเสนอการออกแบบ YOYO แบบต่างๆ ที่สามารถปรับแต่งได้เฉพาะตัว XEV ยังได้ร่วมมือกับ UAAD ที่เป็นแพลตฟอร์มศิลป์ออนไลน์ที่นิวยอร์ก เพื่อนำเสนอตัวเลือกการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมและน่าดึงดูดใจแก่ผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้การคมนาคมภายในเมืองมีความสร้างสรรค์และสนุกสนานยิ่งขึ้น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53548984/en

ติดต่อ

XEV Global
Benjamin Lu
xev-PR@xev-global.com

แหล่งข้อมูล: XEV

LED Expo Thailand รวบรวม “ประสิทธิภาพการใช้พลังงานและดิจิทัลสำหรับระบบไฟอัจฉริยะ” ไว้ด้วยกัน

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–5 กันยายน 2023

นิทรรศการโซลูชัน LED และระบบไฟอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน LED Expo Thailand เตรียมกลับมาอีกครั้งที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 20-22 กันยายน 2023 ซึ่งจัดโดย MEX Exhibitions และ IMPACT Exhibition Management งานนี้รับประกันประสบการณ์สมจริงที่ผู้เข้าร่วมสามารถสำรวจความก้าวหน้าล่าสุดในเทคโนโลยี LED และระบบไฟอัจฉริยะ พบกับผู้นำต่าง ๆ ในอุตสาหกรรม และรับข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับระบบไฟในอนาคต

งานนี้นำเสนอพื้นที่จัดแสดงที่ครอบคลุม โดยมีนิทรรศการของ กฝผ. เพื่อส่งเสริมระบบไฟ LED ให้เป็นโซลูชันหลักในการรับมือกับความต้องการพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น โดยนำเสนอนวัตกรรมล่าสุดในเทคโนโลยีและการใช้งานระบบไฟอัจริยะที่นำเสนอโดยผู้แสดงสินค้ากว่า 400 รายในด้านระบบไฟที่หลากหลาย รวมถึงระบบไฟที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระบบไฟที่ประหยัดพลังงาน ระบบไฟสำหรับการดูแลสุขภาพและสังคม ระบบไฟสำหรับพืชสวน ระบบไฟที่ให้ความสำคัญกับมนุษย์ ระบบไฟอัจฉริยะ และระบบไฟที่ยั่งยืน จากประเทศไทย จีน มาเลเซีย ฟินแลนด์ อินเดีย ไต้หวัน เป็นต้น ผู้ซื้อจากทั่วโลกสามารถสำรวจผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของแบรนด์ LED ชั้นนำ แบรนด์ชั้นนำบางส่วนที่จะเข้าร่วมงาน LED Expo Thailand ได้แก่ EXELUX (มาเลเซีย), LEDIL OY (ฟินแลนด์), TOYO LED ELECTRONICS LIMITED (ฮ่องกง), YUS UNITED ENTERPRISES INC., LEDLINK (ไต้หวัน), HORTISPECTRA, LEDESTAR (จีน), TRANS.AD SOLUTIONS COMPANY LIMITED, RAYLIGHT TECHNOLOGY CO., LTD (ประเทศไทย) และอื่น ๆ อีกมากมาย

Himani Gulati ผู้อำนวยการ MEX Exhibitions Pvt. Ltd. กล่าวว่า “ในปีนี้ เรามุ่งมั่นที่จะแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี LED มีการพัฒนาอย่างไรเพื่อตอบสนองความท้าทายของโลกยุคใหม่ โดยเน้นไปที่ความยั่งยืน ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการใช้งานอัจฉริยะ”

ไฮไลท์ของงานได้แก่ การประกวด Innovative LED Lighting Project Pitching Contest ที่ผู้ซื้อจะได้ชมการจัดแสดงโครงการระบบไฟที่ยั่งยืนโดยนักศึกษา/กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย สัมมนา Thailand Smart Lighting Industry Seminar ที่นำเสนอความคืบหน้าจากภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับโครงการสำคัญ โอกาสทางการตลาด และแผนงานเมืองอัจฉริยะในประเทศไทย งานนี้ยังจัดเป็นแพลตฟอร์มพิเศษสำหรับการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางธุรกิจและความร่วมมือระหว่างผู้แสดงสินค้าและผู้เข้าร่วมงานด้วย HOSTED BUYER PROGRAMME โดยมุ่งเน้นที่การประชุมทางธุรกิจแบบตัวต่อตัว

“เราภูมิใจที่ได้ต้อนรับผู้เข้าร่วมและผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก LED Expo Thailand ทำหน้าที่เป็นสะพานสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่ซึ่งได้รวมความคิด นวัตกรรม และความร่วมมือไว้ด้วยกัน” Mr. Loy Joon How ผู้จัดการทั่วไป IMPACT Exhibition Management Co. Ltd. กล่าว

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Ms. Robby Keshan, 011-46464830

แหล่งที่มา: LED Expo Thailand

The Bangkok Reporter