eCloudvalley จับมือกับ The Royal Group เร่งการปฏิรูปทางดิจิทัลในกัมพูชา

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–15 สิงหาคม 2565

eCloudvalley Digital Technology ผู้ให้บริการการปฏิรูปทางดิจิทัลชั้นนำในเอเชีย ประกาศจัดตั้งบริษัทร่วมค้าในกัมพูชากับ The Royal Group ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งการปฎิรูปทางดิจิทัลในกัมพูชา และปลดปล่อยนวัตกรรมขององค์กรในท้องถิ่นโดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ระบบคลาวด์ที่กว้างขวางของ eCloudvalley และการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งในท้องถิ่นของ The Royal Group

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220814005028/en/

eCloudvalley Partners up with The Royal Group to Accelerate Digital Transformation in Cambodia (Photo: Business Wire)

eCloudvalley ร่วมมือกับ The Royal Group เพื่อเร่งการปฏิรูปทางดิจิทัลในกัมพูชา (ภาพ: Business Wire)

MP Tsai ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร eCloudvalley กล่าวว่า:" ความร่วมมือกับ The Royal Group เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ eCloudvalley ในการเร่งการปฏิรูปทางดิจิทัลระดับโลก และลูกค้าของเราสามารถพึ่งพาทีมงานท้องถิ่นที่ให้การสนับสนุนทั่วโลก Royal Group เป็นกลุ่มบริษัทในเครือที่มีชื่อเสียงที่สุดในกัมพูชา eCloudvalley รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับ The Royal Group เพื่อเร่งการปฏิรูปทางดิจิทัลในกัมพูชา eCloudvalley จะให้การฝึกอบรมเพื่อสร้างทีมเทคนิคในท้องถิ่นพร้อมทั้งแบ่งปันประสบการณ์ด้านคลาวด์ทั่วโลกของเรากับตลาดในท้องถิ่น เราเชื่อว่าบริการคลาวด์จะช่วยกระตุ้นการทำงานร่วมกับ The Royal Group เพื่อการปฏิรูปทางดิจิทัลของกัมพูชา"

Neak Oknha Kith Meng ประธาน Royal Group กล่าวว่า "นี่เป็นอีกก้าวที่สำคัญสำหรับ The Royal Group และภาคส่วน ICT ของกัมพูชา ด้วยความร่วมมือกับ eCloudvalley ซึ่งเป็นพันธมิตร APAC รายแรกของ Amazon Web Services และการนำความเชี่ยวชาญด้านคลาวด์ในท้องถิ่นมาสู่ราชอาณาจักรกัมพูชา ภารกิจของ Royal Group คือการเร่งความก้าวหน้าทางดิจิทัลอย่างรวดเร็วของกัมพูชา และเพื่อแสดงให้โลกเห็นว่ากัมพูชามีเครื่องมือดิจิทัลที่ทำให้ประเทศอยู่ในแผนที่ดิจิทัล ปฏิบัติตามกรอบยุทธศาสตร์ของรัฐบาล นำโดยนายกรัฐมนตรี Hun Sen เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทางดิจิทัลของกัมพูชา"

eCloudvalley เริ่มต้นความร่วมมือกับ AWS ในปี 2557 และ AWS ก็รับรู้ถึงความสำเร็จอย่างกว้างขวางตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในปี 2565 ได้รับรางวัลมากมายในตลาดเอเชีย รวมถึงรางวัล AWS Specialized Partner of the Year ASEAN, AWS Services Partner of the Year ASEAN, AWS Partner of the Year ในมาเลเซีย, AWS Partner of the Year ในฟิลิปปินส์, AWS Services Partner of the Year ในฮ่องกง

เกี่ยวกับ eCloudvalley

eCloudvalley Digital Technology เป็นพันธมิตรการบริการระดับพรีเมียร์ และพันธมิตรดูแลระบบที่เริ่มต้นพัฒนาโดยใช้คลาวด์ (born-in-the-cloud Managed Services Partner) ที่ได้รับการตรวจสอบแล้วของ AWS โดย eCloudvalley เป็นผู้จำหน่ายที่มีชื่อเสียงในตัวแทนผู้จำหน่ายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของระบบคลาวด์สาธารณะ MSP ของ Gartner และได้รับรางวัล “High-Growth Companies Asia Pacific” จาก Financial Times ทั้งนี้ eCloudvalley ให้บริการลูกค้าระดับองค์กรกว่า 1,800 แห่งเพื่อทำการปฏิรูปทางดิจิทัล ความสามารถหลักของเรา ได้แก่ Cloud Security, Cyber ​​Security, Cloud Migration, Managed Services Provider, Data Solution, SAP, DB Freedom, Cloud Training, DevOps, Serverless และ Containers

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220814005028/en/

ติดต่อ:

สื่อ
Siaoyu Chien
siaoyu.chien@ecloudvalley.com

Cathy Ye
cathy.ye@ecloudvalley.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SMART Modular ประกาศหน่วยความจำ SMART Zefr พร้อมประสิทธิภาพความน่าเชื่อถือสูงเป็นพิเศษสำหรับแอปพลิเคชันที่มีความต้องการการประมวลผลประสิทธิภาพสูง

Logo

SMART Zefr Memory มอบเวลาทำงาน uptime สูงสุดให้กับศูนย์ข้อมูล

นวร์ก, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–9 ส.ค. 2565

SMART Modular Technologies, Inc. (“SMART”) ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ  SGH (Nasdaq: SGH) และผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ โซลิดสเตตไดรฟ์ และผลิตภัณฑ์สตอเรจแบบไฮบริด ประกาศเปิดตัว SMART Zefr™ Memory ซึ่งเป็นกระบวนการที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งกำจัดความไม่เสถียรของหน่วยความจำไปได้มากกว่า 90% และเพิ่มประสิทธิภาพระบบย่อยของหน่วยความจำ สำหรับเวลาทำงาน uptime สูงที่สุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220809005514/en/

Zefr (Zero Failure Rate) Memory goes through a screening process performed by SMART on SMART-built and OEM memory modules to deliver ultra-high reliability for demanding workloads. Conformal coating is one of the processes of SMART's Zefr Memory that ensures high reliability with a 2000-3000 DPPM, among the lowest rates in the industry. (Photo: Business Wire)

หน่วยความจำ Zefr (Zero Failure Rate) ผ่านกระบวนการคัดกรองที่ดำเนินการโดย SMART บนโมดูลหน่วยความจำที่สร้างโดย SMART และ OEM เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือสูงเป็นพิเศษสำหรับปริมาณงานที่เยอะ การเคลือบ conformal coating เป็นหนึ่งในกระบวนการของ Zefr Memory ของ SMART ที่สร้างความเสถียรที่ดีระดับ 2,000-3,000 DPPM ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม (ภาพ: Business Wire)

ความล่าช้าในการเริ่มต้นระบบมักเกิดจากข้อผิดพลาดของหน่วยความจำ ความล้มเหลวเหล่านี้ลดประสิทธิภาพของระบบและอาจนำไปสู่ค่าบำรุงรักษาที่สูงขึ้นและอัตราผลตอบแทนของระบบที่ลดลง ทั้งนี้ SMART Zefr Memory ได้รับการทดสอบภายใต้สภาวะการใช้งานจริงเพื่อระบุหาและกำจัดส่วนประกอบบางส่วนที่อาจบั่นทอนความเสถียรของหน่วยความจำ

SMART Zefr Memory ใช้กระบวนการคัดกรองที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งพัฒนาโดย SMART ซึ่งเมื่อดำเนินการกับโมดูลหน่วยความจำจะช่วยให้มั่นใจได้ถึงระดับความพร้อมใช้งานและความเสถียรสูงสุดในอุตสาหกรรม SMART Zefr Memory เหมาะอย่างยิ่งสำหรับศูนย์ข้อมูล ไฮเปอร์สเกลเลอร์ แพลตฟอร์มการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชันหน่วยความจำขนาดใหญ่และที่ขึ้นอยู่กับเวลาทำงาน uptime ของลูกค้า

Penguin Solutions ผู้นำด้านระบบ HPC และ AI ใช้ประโยชน์จากหน่วยความจำ SMART Zefr ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ penguin computing สำหรับการพัฒนาระบบ HPC ที่ปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย รวมถึงการป้องกันประเทศ การบินและอวกาศ การวิจัย พลังงาน การเงิน และเทคโนโลยีชีวภาพ พร้อมกับเทคโนโลยีล่าสุด แพลตฟอร์ม HPC ของ Penguin Computing ที่มีความหนาแน่นสูงเป็นหนึ่งในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก ลูกค้าของพวกเขาไม่เพียงเรียกร้องระดับความน่าเชื่อถือสูงสุด แต่ยังคาดหวังระดับความน่าเชื่อถือสูงสุด เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนในการประมวลผลให้สูงที่สุดและเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทนจากการลงทุนให้มากที่สุด

Kevin Deng ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโสของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Penguin Computing HPC อธิบายถึงประโยชน์ของการผสมผสานหน่วยความจำ SMART Zefr ว่า "ด้วยหน่วยความจำ SMART Zefr ระบบ HPC และ AI ของ Penguin Computing ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ผ่านช่วงเกณฑ์การยอมรับอย่างไม่มีที่ติ และทำงานอย่างต่อเนื่อง ในการใช้งานจริงได้อย่างเสถียรสำหรับลูกค้าของเรา สิ่งนี้เทียบเท่ากับโซลูชันที่มีความพร้อมใช้งานสูงและความเสถียรสูงในระบบที่สมบูรณ์ ทำให้สามารถดำเนินงานที่สำคัญต่อภารกิจได้โดยไม่หยุดชะงัก

ด้วยการผสานรวม Zefr Memory ของ SMART นักออกแบบและผู้ใช้ปลายทางจึงมั่นใจได้ว่าประสิทธิภาพการประมวลผลจะดีขึ้น

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน่วยความจำ SMART Zefr โปรดไปที่หน้าผลิตภัณฑ์และดาวน์โหลดโบรชัวร์ ที่ smartm.com หรือติดต่อทีมขายที่ info@smartm.com

* ตัวอักษร “S” และ “SMART” และ “SMART Modular Technologies” ที่มีสไตล์พิเศษ รวมไปถึง “Zefr” เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SMART Modular Technologies, Inc. ส่วน Penguin Solutions และ Penguin Computing เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SMART Global Holdings, Inc . เครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อ

เกี่ยวกับ SMART Modular Technologies

เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่ SMART Modular Technologies ได้ช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในการใช้งานการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงผ่านการออกแบบ การพัฒนา และการบรรจุขั้นสูงของโซลูชันหน่วยความจำแบบพิเศษ พอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งของเรามีตั้งแต่เทคโนโลยีล้ำสมัยไปจนถึงผลิตภัณฑ์ DRAM และ Flash แบบมาตรฐานและแบบเดิม เราจัดหาโซลูชันหน่วยความจำและสตอเรจแบบมาตรฐาน ทนทาน และกำหนดเองได้ ที่ตอบสนองความต้องการของแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายในตลาดที่มีการเติบโตสูง

SMART Modular Technologies และ Penguin Computing เป็นบริษัทย่อยของ SMART Global Holdings (SGH) และ Penguin Computing อยู่ในเครือเดียวกับ Penguin Solutions ซึ่งโครงสร้างธุรกิจนี้สนับสนุนการแบ่งปันเทคโนโลยีทั่วทั้งบริษัท SGH

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220809005514/en/

ติดต่อฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์

Arthur Sainio

SMART Modular Technologies

39870 Eureka Dr., Newark, CA 94583

+1 (510) 364-3647

info@smartm.com

ติดต่อสำหรับสื่อ

John Crook

SMART Modular Technologies

ฝ่ายการสื่อสารการตลาด

John.Crook@smartm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ห่วงโซ่อุตสาหกรรม EV ในเมืองเกาสงประสบความสำเร็จระดับโลกมากขึ้น

Logo

เมืองเกาสง ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–08 สิงหาคม 2565

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระดับโลกกำลังเติบโตอย่างทวีคูณ เพื่อให้เมืองเกาสงเป็นฐานที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระดับโลก ทั้งนี้ Kaohsiung City Government ได้ร่วมมือกับ Hon Hai Technology Group (Foxconn) เพื่อทำงานร่วมกันในหลายด้าน อย่างเช่น รถโดยสารไฟฟ้าอัจฉริยะและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นสนามทดลองที่นำเสนอรูปแบบธุรกิจและบริการที่ครอบคลุมเพื่อดึงดูดผู้ผลิตทั่วโลกให้มาลงทุนในเมืองเกาสงและสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สมบูรณ์สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV industry)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220807005043/en/

In line with the Kaohsiung City Government’s plan to have all public buses run on electricity by 2030, Foxtron Vehicle Technologies delivered the first Model T electric bus to Kaohsiung Bus. (Photo: Business Wire)

ตามแผนของ Kaohsiung City Government ที่จะให้รถโดยสารสาธารณะทั้งหมดใช้ไฟฟ้าภายในปี 2573 โดย Foxtron Vehicle Technologies ได้ส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้ารุ่น Model T คันแรกให้กับ Kaohsiung Bus (ภาพ: Business Wire)

เมื่อเห็นรากฐานที่มั่นคงในวัสดุโลหะและเทคโนโลยีการตกแต่งที่มีความแม่นยำในเมืองเกาสง ซึ่ง Foxconn วางแผนที่จะสร้างระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และห่วงโซ่การผลิตแบตเตอรี่ที่สมบูรณ์ในเมืองทางตอนใต้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะขยายไปสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตั้งแต่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงการผลิตเซลล์และชุดแบตเตอรี่ และระบบกักเก็บพลังงาน นอกจากนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อการผลิตแบตเตอรี่ localize ในทุกจุดของห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่วัตถุดิบต้นน้ำไปจนถึงเซลล์ระดับกลางและชุดแบตเตอรี่ปลายทาง นอกจากนี้เมืองเกาสงยังดึงดูดการลงทุนจากบริษัทต่าง ๆ อย่างเช่น WIN Semiconductors Corp. โรงหล่อชั้นนำของโลกสำหรับเครื่องขยายเสียงและเทคโนโลยี LiDAR สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Molie Quantum Energy Corp ผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำหรับห่วงโซ่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

Foxtron Vehicle Technologies ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Foxconn ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาและผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในอุทยานวิทยาศาตร์เฉียวโถว (Qiaotou Science Park) เพื่อเป็นการปฏิบัติตามแผนของ City Government ที่จะให้รถโดยสารสาธารณะทั้งหมดใช้ไฟฟ้าภายในปี 2573 รถโดยสารไฟฟ้ารุ่น Model T คันแรกได้ถูกส่งไปยัง Kaohsiung Bus อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมปีนี้ โดยมีเป้าหมายเริ่มต้นจำนวน 30 คัน และจะส่งมอบเพิ่มอีกตามความต้องการในการดำเนินงาน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมรถโดยสารไฟฟ้าในเมืองเกาสง City Government ได้เพิ่มการสงเคราะห์เงินอุดหนุนสำหรับการดำเนินงานของรถโดยสารไฟฟ้า และจะสงเคราะห์เงินอุดหนุนการซื้อรถโดยสารไฟฟ้าที่ผลิตในท้องถิ่น โดยให้ทุนสนับสนุนสูงถึง 1.5 ล้านเหรียญไต้หวันต่อคัน  

ในเดือนมิถุนายนปีนี้ Foxconn ประกาศว่าจะลงทุน 6 พันล้านดอลลาร์ไต้หวันเพื่อสร้างศูนย์การวิจัยเซลล์แบตเตอรี่ & แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ (Battery Cell Research & New Product Introduction Center) ใหม่ในสวนอุตสาหกรรม Ho Fa คาดว่าโรงงานจะมีกำลังการผลิต 1GWh สำหรับรถโดยสารไฟฟ้า รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และระบบกักเก็บพลังงานในไตรมาสแรกของปี 2567

เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในท้องถิ่น City Government ยังวางแผนที่จะร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม (Ministry of Transportation and Communications) เพื่อสร้างสถานที่ทดสอบระดับชาติสำหรับรถยนต์ไร้คนขับและยานพาหนะสู่ทุกสิ่ง (Vehicle-to-Everything) ในอุทยานวิทยาศาตร์เฉียวโถว (Qiaotou Science Park) ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร Smart Pole Standard Promotion Alliance จะมีการจัดเตรียมสถานที่สำหรับทดสอบเทคโนโลยี Vehicle-to-Everything การบริการ และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะดึงดูดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมากขึ้นให้ตั้งฐานในพื้นที่และที่คาดว่าจะสร้างใหม่ประมาณ 5,000 โครงงาน เป้าหมายคือการกำหนดรูปแบบเมืองเกาสงให้เป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบและกลายเป็นตัวอย่างสำหรับ “การส่งออกเมืองอัจฉริยะแบบแพ็คเกจ”

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220807005043/en/

ติดต่อ:

INVEST KAOHSIUNG
+886-7-336-0888
https://invest.kcg.gov.tw/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

(China International Import Expo หรือ CIIE) มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 5 เอื้อประโยชน์ต่อนานาประเทศในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง

Logo

เซี่ยงไฮ้–(ฺBUSINESS WIRE)–4 ส.ค. 2565

มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (China International Import Expo หรือ CIIE) เวทีสำคัญสำหรับการจัดซื้อระหว่างประเทศ การส่งเสริมการลงทุน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการสร้างความร่วมมือที่เปิดกว้าง ประสบความสำเร็จในการจัดงาน 4 ปีติดต่อกัน อีกทั้งยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นสินค้าสาธารณะระหว่างประเทศและระบบการค้าข้ามชาติ ตลอดจนเป็นสื่อกลางสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้างและประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

นับตั้งแต่จัดงานครั้งแรกในปี 2561 มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนได้เติบโตทั้งในแง่ของขนาดและอิทธิพลของงาน โดยพื้นที่จัดแสดงเพิ่มขึ้นจาก 270,000 ตารางเมตรในปี 2561 เป็น 366,000 ตารางเมตรในปี 2564 ด้านผู้จัดแสดงในงาน 4 ครั้งที่ผ่านมาได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และบริการใหม่มากกว่า 1,500 รายการ และบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นคิดเป็นมูลค่ากว่า 2.70 แสนล้านดอลลาร์

ในขณะที่มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนเข้าสู่ปีที่ 5 ประเทศต่าง ๆ ในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ก็ให้ความสนใจตลาดจีนและส่งออกสินค้ามายังจีนมากขึ้นเรื่อย ๆ   

ในมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนครั้งแรก คุณหม่า อวี้เซี่ย นักธุรกิจหญิงชาวจีนที่อยู่ในอเมริกาใต้ ได้นำตุ๊กตาอัลปากามาบุกตลาดจีน

คุณหม่าและหุ้นส่วนชาวเปรูเช่าบูธเล็ก ๆ ขนาด 9 ตารางเมตรเพื่อจัดแสดงและโปรโมทตุ๊กตาอัลปากา รวมถึงงานหัตถกรรมพื้นบ้านของเปรู นอกจากนั้นยังสร้างแบรนด์ของตัวเองในชื่อวอร์มปากา (Warmpaca)

การออกบูธในครั้งนั้นได้ผลดีอย่างเหลือเชื่อ และหลังจากเข้าร่วมมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน 4 ปีติดต่อกัน ตอนนี้สินค้าของวอร์มปากามีวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้ากว่า 20 แห่งในจีน

จนถึงตอนนี้ พื้นที่จัดแสดงในมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 5 ได้ถูกจับจองไปแล้วกว่า 80% โดยบริษัทกว่า 260 แห่งที่ติดอันดับฟอร์จูน โกลบอล 500 (Fortune Global 500) และบรรดาผู้นำอุตสาหกรรมจะเข้าร่วมงานในปีนี้

ขณะเดียวกัน หลายประเทศก็ยืนยันว่าจะเข้าร่วมงานในส่วนจัดแสดงของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ ภายในงานจะมีการเผยแพร่รายงานการเปิดกว้างทั่วโลก (World Openness Report) และดัชนีการเปิดกว้างทั่วโลก (World Openness Index) ในการประชุมเศรษฐกิจนานาชาติหงเฉียว (Hongqiao International Economic Forum) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญของงานนี้

เนื่องจากงานนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก พื้นที่จัดแสดงจะถูกจับจองจนหมดในอีกไม่นานนี้ จีงขอเชิญผู้ที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมจัดแสดงในงานก่อนที่จะไม่ทันกาล โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://www.ciie.org/exhibition/f/book/register?locale=en.

ติดต่อ: เนี่ย ฉิงซิน (Nie Qingxin)
โทร: 0086-21-67008870/67008988

งานแสดงสินค้า Korea International Construction & Industrial Safety Expo 2565 จะจัดแสดงนวัตกรรมการก่อสร้างอัจฉริยะและโซลูชั่นความปลอดภัยในอุตสาหกรรมที่ KINTEX ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

Logo

งาน K-Con Safety Expo 2565 เป็นพื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกัน (marketplace) ที่สมบูรณ์แบบสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้างและความปลอดภัยในอุตสาหกรรม จัดแสดงโซลูชั่นอัจฉริยะและอุปกรณ์ความปลอดภัยในที่ทำงานของ LG U+, Bentley Systems, 3M Korea และ GERB

โกยาง สาธารณรัฐเกาหลี–(BUSINESS WIRE)–3 ส.ค. 2565

งานแสดงสินค้า Korea International Construction & Industrial Safety Expo 2022 ซึ่งเป็นที่ที่ผู้เข้าร่วมงานสามารถสัมผัสโลกแห่งโซลูชั่นความปลอดภัยในการก่อสร้างที่ทันสมัยได้ในที่เดียว จะถูกจัดขึ้นที่ KINTEX ในเมืองโกยาง ประเทศเกาหลี ในวันที่ 19 ถึง 21 ตุลาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005060/en/

Korea Int'l Construction and Industrial Safety Expo (K-Con Safety Expo) 2022 Official Poster (Graphic: Business Wire)

โปสเตอร์อย่างเป็นทางการของ Korea Int'l Construction and Industrial Safety Expo (K-Con Safety Expo) 2565 (กราฟิก: Business Wire)

K-Con Safety Expo 2022 ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในด้านพบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกันสำหรับผู้บริหารด้านความปลอดภัยในการก่อสร้าง มาเป็นรุ่นที่สี่แล้ว ด้วยการสนับสนุนจากกระทรวงของรัฐบาลตลอดมา แม้จะเป็นในช่วงที่มีการระบาดของ โควิด-19 ก็ตาม โดย K-Con Safety Expo 2022 มุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับความพยายามทางด้านพื้นที่พบปะของผู้ซื้อเเละผู้ขายเพื่อติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการและความพยายามด้านการขายของผู้เข้าร่วมงาน ผ่านกิจกรรมที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการสัมนาทางธุรกิจที่หลากหลายขึ้น และเพื่อการนำเสนอโซลูชันแบบบูรณาการเพื่อความปลอดภัยในการก่อสร้างที่สอดคล้องกับแนวโน้มอุตสาหกรรมทั่วโลก

นอกเหนือจากงานแสดงสินค้าแล้ว ผู้บริหารระดับสูงและผู้มีอำนาจตัดสินใจในอุตสาหกรรมความปลอดภัยในการก่อสร้างของเกาหลีจะเป็นผู้เปิดฟอรั่มการประชุม นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดการประชุมทางธุรกิจออนไลน์ตามกำหนดการแบบตัวต่อตัว โดยร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการค้าการลงทุนของเกาหลี ด้วยความหวังว่าผู้ซื้อจากต่างประเทศจะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกับผู้แสดงสินค้าชาวเกาหลีที่มีคุณสมบัติเหมาะสม นอกจากนี้ ยังจะมีคณะผู้แทนจากองค์กรภาครัฐและเอกชนมาเยี่ยมชมงาน อีกด้วย

สิ่งที่คุณจะพลาดไม่ได้เลยคือการได้เห็นเทคโนโลยีล่าสุดในตลาดการก่อสร้างอัจฉริยะ (smart construction market) ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องที่อัตราเฉลี่ยต่อปีที่ 26% ภายในปี 2568 โดยบริษัทก่อสร้างอัจฉริยะและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมรายใหญ่ของเกาหลี ซึ่งรวมไปถึง LG U+, GSIL และ HULAN จะมาเข้าร่วมงานด้วย  งานนี้จะสร้างจุดเชื่อมต่อที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้บริหารความปลอดภัยในการก่อสร้างจากทั่วทุกมุมโลกที่ต้องการสร้างสถานที่ก่อสร้างที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เมื่อคำนึงถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดการก่อสร้างในเอเชีย

บริษัทระดับโลกรายใหญ่จะเข้าร่วมในฐานะผู้แสดงสินค้าโดยมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานตลาดในเกาหลี อุปกรณ์ความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของ 3M ของเกาหลี กับ ระบบควบคุมการสั่นสะเทือนของกลุ่ม GERB ของเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมระบบแยกการสั่นสะเทือนระดับโลก และโซลูชั่นการจัดการการก่อสร้างอัจฉริยะของ Bentley Systems ก็จะถูกจัดแสดงเพื่อปูทางเข้าสู่ตลาดเกาหลี อีกด้วย

K-Con Safety Expo 2022 กำลังมองหาผู้แสดงสินค้าและผู้ซื้อจากต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมการประชุมธุรกิจออนไลน์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ(www.k-consafetyexpo.com).

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005060/en/

ติดต่อ:

Naru Kang

KINTEX

+82-(0)31-995-8044

internationalbusiness@kintex.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Midea ขึ้นอันดับที่ 245 ใน Fortune Global 500 ปี 2565 ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการเจาะตลาดต่างประเทศ

Logo

ฝอซาน ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–03 ส.ค. 2565

รายชื่อ Fortune Global 500 ปี 2565 โดย Midea Group ได้รับการจดทะเบียนใน Fortune Global 500 เป็นปีที่เจ็ดติดต่อกัน โดยคราวนี้ได้เลื่อนขึ้นสู่อันดับที่ 245

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005072/en/

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

ในเดือนเมษายนนี้ Midea Group เผยแพร่รายงานประจำปี 2564 – รายได้ของบริษัทต่อปีเพิ่มขึ้น 20.06% ในปี 2564 โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 343.4 พันล้านหยวน

Midea ยึดมั่นในการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ใน “ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี” และเร่งการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

สำหรับธุรกิจ C-suite สมาร์ทโฮมมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์เครื่องใช้และบริการในบ้านอัจฉริยะทั้งบ้านที่ดีที่สุดผ่านการใช้เทคโนโลยี IoT และ AI

สำหรับธุรกิจ B-suite, Midea มุ่งเน้นที่การพัฒนาไม่เพียงแต่ด้านธุรกิจของ ToB เช่น หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีอาคาร การจัดการพลังงาน การเดินทางอัจฉริยะ และ Midea Healthcare แต่ยังพัฒนาต่อยอดการเปลี่ยนแปลงและยกระดับธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัล เช่น Annto Midea Cloud

ในแนวทางนี้ Midea มุ่งที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายสูงสุดในการปรับปรุงจากบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านให้เป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

Midea Industrial Technology ลงทุนในพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ที่มีความแม่นยำสูง และดำเนินการแบรนด์ต่างๆ เช่น GMCC, Welling, HICONICS, SERVOTRONIX เป็นต้น

ด้วยแพลตฟอร์มบริการอาคารดิจิทัล Midea Building Technologies นำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรที่ชาญฉลาด ดิจิทัล และคาร์บอนต่ำ

แผนก Robotics & Automation มุ่งเน้นในการจัดหาโซลูชั่นสำหรับหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระบบลอจิสติกส์อัตโนมัติ และระบบส่งกำลังสำหรับสาขาที่เกี่ยวข้องกับโรงงานในอนาคต ตลอดจนโซลูชั่นสำหรับการดูแลสุขภาพ ความบันเทิง การบริโภคใหม่ ฯลฯ

ธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัลให้บริการโซลูชั่นและบริการ สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กร

นอกจากนี้ Midea ยังแสวงหาความก้าวหน้าในตลาดต่างประเทศ เมื่อเร็วๆ นี้ CSP Abu Dhabi ของ COSCO ได้ลงนามในข้อตกลงกับ Midea เกี่ยวกับการก่อสร้างร่วมกันของศูนย์ขนส่งคลังสินค้าในต่างประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ต่างประเทศเข้าถึงผลิตภัณฑ์ Midea ได้ง่ายขึ้น

Midea Group ภูมิใจที่มีครอบครัวพนักงานประมาณ 160,000 คน รวมถึงกว่า 30,000 คนในต่างประเทศ

เกี่ยวกับ Midea Group

Midea Group ยึดมั่นในปรัชญาในการสร้างชีวิตที่ดีขึ้นผ่านเทคโนโลยีนับตั้งแต่ก่อตั้ง 54 ปีที่แล้ว ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา Midea ได้ลงทุนเกือบ 5 หมื่นล้านหยวนในการวิจัยและพัฒนา และมีศูนย์วิจัยและพัฒนา 35 แห่ง และฐานการผลิตหลัก 35 แห่งทั่วโลก ผู้บริโภค 400 ล้านคนใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของ Midea ในกว่า 200 ประเทศและภูมิภาค

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220731005072/en/

ติดต่อ:

Lori Luo
+8613512784739
luory17@midea.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch เข้าร่วม Australian Hydrogen Council ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ออสเตรเลีย

Logo

ผู้นำในการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมชั้นนำของออสเตรเลีย ในขณะที่ประเทศกำลังเดินหน้าแผนพัฒนาอุตสาหกรรมไฮโดรเจนมูลค่า 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เมืองเมลเบิร์น, ประเทศออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2565

Black & Veatch ได้เข้าร่วม Australian Hydrogen Council (AHC) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพยายามเร่งการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกให้นำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับศูนย์ และเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจพลังงานไฮโดรเจนทั่วโลก

Dr Fiona Simon ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AHC กล่าวว่าจุดแข็งอย่างหนึ่งของ AHC คือความกว้างขวางและความลึกซึ้งในกลุ่มสมาชิก ซึ่งรวมถึงบริษัทระดับโลกอย่าง Black & Veatch

Dr Simon กล่าวอีกว่า “ในฐานะที่เป็นผู้นำในการสนับสนุนการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยการเปลี่ยนผ่านสู่ไฮโดรเจน Black & Veatch จะนำความรู้และประสบการณ์เพิ่มเติมมาสู่สมาชิกของเรา และเรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับบริษัทนี้”

Mick Scrivens รองประธานและผู้อำนวยการของ Black & Veatch ประจำภูมิภาคออสเตรเลียแปซิฟิก กล่าวว่า “ไฮโดรเจนและแอมโมเนียจะเป็นปัจจัยสำคัญในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนออกจากระบบพลังงาน ซัพพลายเชน และอุตสาหกรรมหนักของโลก ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างผู้นำด้านวิศวกรรม เช่น Black & Veatch และองค์กรภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น Australian Hydrogen Council จะช่วยให้บรรลุถึงเป้าหมายอันแรงกล้าของออสเตรเลียในการจัดหาแอมโมเนียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับตลาดในประเทศและเอเชีย”

ไฮโดรเจนมีศักยภาพในการลดและทดแทนการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากฟอสซิลเพื่อการผลิตไฟฟ้า ตลอดจนการจัดเก็บพลังงาน การให้ความร้อน การขนส่ง การผลิตสารเคมีและปุ๋ยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ไฮโดรเจนสามารถเปลี่ยนเป็นแอมโมเนียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งผลิตขึ้นโดยใช้พลังงานหมุนเวียนที่ปราศจากคาร์บอน 100%

แอมโมเนียเป็นสารเคมีเหลวที่ประกอบด้วยไนโตรเจนและไฮโดรเจน มีพลังงานหนาแน่นกว่าไฮโดรเจนบริสุทธิ์ มีความเสถียรอย่างเหลือเชื่อและสามารถทำให้เป็นของเหลวได้ง่ายสำหรับการกักเก็บและจัดส่งไปทั่วโลกในลักษณะเดียวกันกับ LNG

แอมโมเนียสามารถใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อผลิตไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นตัวกลางเพื่อกักเก็บพลังงาน สามารถเผาได้โดยตรงโดยไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน สามารถเป็นแหล่งพลังงานที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ หรือ สามารถดัดแปลงให้เปลี่ยนกลับไปเป็นไฮโดรเจนในฐานะตัวนำพลังงานได้

การดัดแปลงโครงสร้างพื้นฐานของ LNG ให้กระจายไปทั่วโลกนั้น สถานีปลายทางที่รับ LNG และโรงกักเก็บ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งแอมโมเนียให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

รายงานเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าในเอเชียในปี 2565 ของ Back & Veatch ระบุว่า 73% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าไฮโดรเจนจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายใน 10 ปีนับจากนี้ มากกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ

นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าประเทศออสเตรเลียจะมีสัดส่วนของอุปทานแอมโมเนียที่ปราศจากคาร์บอนมากกว่า 10% ทั่วโลกภายในปี 2578

Scrivens กล่าวเพิ่มเติมว่า “Black & Veatch มีประวัติการทำงานยาวนาน 80 ปีในการผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยความเชี่ยวชาญในทุกขั้นตอนของโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านไฮโดรเจน ตั้งแต่บริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและการออกแบบไปจนถึงการดำเนินงาน เรายังคงสนับสนุนโครงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก ซึ่งรวมถึงโครงการในประเทศออสเตรเลีย”

AHC เป็นหน่วยงานสูงสุดสำหรับอุตสาหกรรมไฮโดรเจนในประเทศออสเตรเลีย โดยมีสมาชิกจากห่วงโซ่คุณค่าด้านไฮโดรเจนทั้งหมด ซึ่งรวมทั้ง ผู้ผลิตยานยนต์ บริษัทพลังงาน ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน องค์กรวิจัย และรัฐบาล

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ:

เกี่ยวกับ Black & Veatch 
Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่พนักงานร่วมเป็นเจ้าของ 100% โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมจากการดำเนินงานมากกว่า 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com  และทางโซเชียลมีเดีย ติดตามเราได้ทาง www.bv.com และโซเชียลมีเดีย

ข้อมูลการติดต่อสื่อ
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com 
ฮอตไลน์สำหรับสื่อ 24 ชั่วโมง | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Wejo เข้าร่วมสมาคม MONET Consortium เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมการเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ

Logo

Wejo กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมสมาคมแนวร่วมด้านวัตกรรมการเคลื่อนย้าย

แมนเชสเตอร์ อังกฤษ–(บิสิเนส ไวร์)–29 ก.ค. 2565

Wejo ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชัน Smart Mobility for Good™ และคลาวด์และซอฟต์แวร์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและการขับเคลื่อนอัตโนมัติ ประกาศว่าได้เข้าร่วม MONET Consortium ซึ่งเป็นองค์กรที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกันและนวัตกรรมสำหรับบริการด้านการเคลื่อนไหวในญี่ปุ่น  ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ MONET Consortium, Wejo จะมีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทต่างๆ ที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาชิกชั้นนำของอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายเป็นจำนวนหลายร้อยรายเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมการขับเคลื่อนที่และตลาด Mobility-as-a-Service (MaaS) ที่อาจมีมูลค่าค่า 61 พันล้านดอลลาร์ในปี 2573 ตามรายงานของสถาบันวิจัย Yano Research Institute

ด้วยนำเสนอโซลูชั่นที่ก้าวล้ำ Wejo จะให้มุมมองและแนวคิดใหม่ๆ แก่การสนทนาโดยรวม ในขณะที่ขยายอิทธิพลในญี่ปุ่นซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและมีความเป็นเมืองในระดับสูง ทำให้เกิดแรงจูงใจโดยธรรมชาติในการพัฒนานวัตกรรมการสัญจรอัจฉริยะ ตามรายงาน "กลุ่มยานยนต์ในญี่ปุ่น" ของ Statista ญี่ปุ่นยังผลิตรถยนต์ 8.1 ล้านคันต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ Wejo ในการสร้างผลกระทบระดับโลกมากขึ้นด้วยข้อมูลรถยนต์ที่เชื่อมต่อและเทคโนโลยี Smart Mobility for Good™

Richard Barlow ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Wejo กล่าวว่า "ด้วยการเติบโตที่คาดการณ์ไว้ของข้อเสนอ MaaS ในญี่ปุ่น เรามองเห็นศักยภาพของตลาดที่สามารถระบุตำแหน่งได้เกือบ 3 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการ Wejo Smart Mobility for Good เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ MONET Consortium และเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนาที่จะช่วยเร่งนวัตกรรมการขับเคลื่อนในญี่ปุ่น”

บริษัทก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม 2562 โดย MONET Technologies, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ได้รับการสนับสนุนร่วมกันระหว่าง SoftBank Corp., Toyota Motor Corporation และบริษัทที่เน้นการเคลื่อนไหวอื่นๆ โดยรวมถึงองค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การก่อสร้าง การเงิน การศึกษา และอสังหาริมทรัพย์   ด้วยการแบ่งประเภทบริษัทสมาชิกนี้ MONET Consortium ใช้ประโยชน์จากความคิดที่หลากหลายซึ่งสามารถปรับปรุงและให้บริการเทคโนโลยีการเคลื่อนย้ายที่ใช้โดยรัฐบาลและธุรกิจในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนความคิดที่จะพัฒนาสำหรับรัฐบาลและธุรกิจในอนาคต ผ่านการพัฒนาธุรกิจ MaaS โดยคาดหวังถึงโซลูชันอัตโนมัติ MONET Consortium มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนบริการเคลื่อนที่ยุคหน้า แก้ไขปัญหาทางสังคมในการเคลื่อนย้าย และสร้างมูลค่าการเคลื่อนย้าย

บทบาทของ Wejo ใน MONET Consortium คือการเสนอข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อปรับปรุงระบบนิเวศของการเคลื่อนไหวให้ดีขึ้น เพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับการมีส่วนร่วม Wejo หวังที่จะดึงข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าจากบริษัทสมาชิกอื่นๆ เพื่อสร้างชุดผลิตภัณฑ์การวิเคราะห์ข้อมูลแบบองค์รวมมากขึ้น เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ MONET Consortium โปรดไป https://consortium.monet-technologies.com/ที่

เกี่ยวกับ Wejo

Wejo Group Limited เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการวิเคราะห์ระบบคลาวด์และซอฟต์แวร์สำหรับยานยนต์ที่เชื่อมต่อ ไฟฟ้า และขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งปฏิวัติวิถีชีวิต การทำงาน และการเดินทางของเราด้วยการแปลงและตีความข้อมูลรถยนต์ในอดีตและตามเวลาจริง Wejo เปิดใช้งาน Smart Mobility for GoodTM การเคลื่อนย้ายที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วยการจัดจุดข้อมูลนับล้านล้านที่รวบรวมจากยานพาหนะประมาณ 13 ล้านคันและการเดินทาง 76.7 พันล้านครั้งจนถึงปัจจุบันในหลายแบรนด์ ยี่ห้อและรุ่น จากนั้นจึงกำหนดมาตรฐานและปรับปรุงสตรีมข้อมูลเหล่านั้นในขนาดที่กว้างใหญ่  Wejo ร่วมมือกับบริษัทและองค์กรที่มีจริยธรรมและมีแนวคิดคล้ายคลึงกันเพื่อเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่ปลดล็อกคุณค่าสำหรับผู้บริโภค ด้วยข้อมูลที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือที่สุด  Wejo กำลังสร้างโลกที่ชาญฉลาด ปลอดภัยกว่า และยั่งยืนกว่าสำหรับทุกคน  Wejo ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 มีพนักงานมากกว่า 300 คน และมีสำนักงานในแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร และในภูมิภาคที่ Wejo ทำธุรกิจทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: www.wejo.com และติดตามเราบน LinkedIn, Twitter และ Instagram

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า

การสื่อสารนี้มี "ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า" ตามกฎหมาย United States Private Securities Litigation Reform Act of 1995  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ลิงก์นี้: https://www. wejo.com/forward-looking-statements

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220729005025/en/

ติดต่อ:

Media:
Ben Hohmann, Wejo
ben.hohmann@wejo.com

Danielle Montana , Peppercomm ในนามของ Wejo
dmontana@peppercomm.com

นักลงทุน:
Tahmin Clarke, Wejo
tahmin.clarke@wejo.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia ร่วมมือกับ Aerospike เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแอปพลิเคชันฐานข้อมูล

Logo

การทดสอบแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงที่สำคัญด้วยความสามารถของซอฟต์แวร์และหน่วยความจำ

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–27 ก.ค. 2565

Kioxia Corporation ประกาศว่าบริษัทได้ร่วมมือกับ Aerospike เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูล Aerospike Server Community Edition ส่งผลให้ประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับซอฟต์แวร์ดั้งเดิมที่ไม่มีการปรับปรุง โดย Kioxia ทำการทดสอบด้วย SSD ระดับองค์กร NVMe™ Storage Class Memory (SCM) ของ KIOXIA FL6 พร้อมการปรับปรุงซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดย Kioxia

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220726006185/en/

KIOXIA FL6 Series Enterprise NVMe™ Storage Class Memory (SCM) SSD (Photo: Business Wire)

หน่วยความจำ KIOXIA FL6 Series Enterprise NVMe™ Storage Class Memory (SCM) SSD (รูปภาพ: Business Wire)

ฐานข้อมูล Aerospike ได้รับการปรับแต่งให้ทำงานในหน่วยความจำแฟลชและอุปกรณ์ SSD และสามารถให้ปริมาณงานสูงและเวลาแฝงต่ำในหน่วยความจำแฟลช

โซลูชัน SCM ของ Kioxia, XL-FLASH™, PCIe® 4.0 และ NVMe 1.4 ที่รองรับ KIOXIA FL6 Series SSDs เชื่อมช่องว่างระหว่างไดรฟ์ที่ใช้ DRAM และ TLC ทำให้เหมาะสำหรับกรณีการใช้งานที่ไวต่อเวลาแฝง เช่น เลเยอร์แคช การจัดลำดับชั้นและการบันทึกการเขียน ปัจจุบัน ไดรฟ์ KIOXIA FL6 Series แบบพอร์ตคู่สำหรับการผลิตจำนวนมากมีความทนทานสูง (60 DWPD) และมีจำหน่ายในความจุสูงสุด 3,200 GB

ผลการทดสอบ Aerospike โดยละเอียดจะนำเสนอในระหว่างการกล่าวนำเสนอสำคัญของ Kioxia ที่งาน Flash Memory Summit ในวันที่ 2 สิงหาคม

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง: หน้าผลิตภัณฑ์ KIOXIA FL6 Series SSD

https://business.kioxia.com/en-jp/ssd/enterprise-ssd/fl6 .html

หมายเหตุ

*DWPD: การเขียนไดรฟ์ต่อวัน การเขียนไดรฟ์แบบเต็มหนึ่งตัวต่อวันหมายความว่าสามารถเขียนไดรฟ์ใหม่ให้เต็มความจุได้วันละครั้งเป็นเวลาห้าปีตามระยะเวลาการรับประกันผลิตภัณฑ์ที่ระบุไว้ ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปตามการกำหนดค่าระบบ การใช้งาน และปัจจัยอื่นๆ ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์โฮสต์ เงื่อนไขการอ่านและเขียน และขนาดไฟล์

*คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation กำหนดเมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์และเทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุในการจัดเก็บข้อมูลโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1Gb = 2^30 บิต =1,073,741,824 บิต, 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ จึงแสดงความจุน้อยลง ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

*NVMe เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2560 หน่วยความจำ Toshiba รุ่นก่อนได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation บริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย "หน่วยความจำ" โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและหน่วยความจำ – ค่านิยมสำหรับสังคม BiCS FLASH™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

เกี่ยวกับ Aerospike

แพลตฟอร์มข้อมูลตามเวลาจริงของ Aerospike ช่วยให้องค์กรต่างๆ ดำเนินการผ่านธุรกรรมนับพันล้านครั้งในทันที ในขณะที่ลดการปล่อยเซิร์ฟเวอร์ลงได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แพลตฟอร์มมัลติคลาวด์ของ Aerospike ขับเคลื่อนแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์ด้วยประสิทธิภาพระดับย่อยมิลลิวินาทีที่คาดการณ์ได้จนถึงระดับเพทาไบต์ด้วยเวลาทำงาน 5-9ines พร้อมข้อมูลที่กระจายไปทั่วโลกและมีความสม่ำเสมออย่างมาก แอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มข้อมูลแบบเรียลไทม์ของ Aerospike ช่วยป้องกันข้อมูลเสียหา ให้คำแนะนำที่เพิ่มขนาดตะกร้าสินค้าอย่างมาก เปิดใช้งานการชำระเงินแบบดิจิทัลทั่วโลก และมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่เป็นส่วนตัวสูงให้กับลูกค้าหลายสิบล้านราย  ลูกค้าเช่น Airtel, Criteo, Experian, Nielsen, PayPal, Snap, Wayfair และ Yahoo ไว้วางใจ Aerospike เป็นรากฐานของข้อมูลสำหรับอนาคต  สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Mountain View รัฐแคลิฟอร์เนีย บริษัทยังมีสำนักงานในลอนดอน บังกาลอร์ และเทลอาวีฟ

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:
Kioxia Corporation
Global Sales
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อ ถูกต้องบน วันที่ประกาศแต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220726006185/en/

ติดต่อ:

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
Sales Strategic Planning Division
Koji Takahata
Tel: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia เปิดตัวประสิทธิภาพในระดับใหม่ด้วย Enterprise NVMe™ SSD Family ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0

Logo

KIOXIA CM7 Series SSDs มีจำหน่ายใน EDSFF E3.S ใหม่และฟอร์มแฟกเตอร์ขนาด 2.5 นิ้วมาตรฐานอุตสาหกรรม

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–26 กรกฎาคม 2565

ในอีกก้าวหนึ่งที่ส่งมอบประสิทธิภาพในระดับรุ่นต่อไปให้กับศูนย์ข้อมูลขององค์กร Kioxia Corporation ได้ประกาศในวันนี้ว่า NVMe™ SSD ระดับองค์กร รุ่น KIOXIA CM7 ของบริษัทได้จัดส่งให้กับลูกค้าบางรายแล้ว โดยปรับให้เหมาะสมสำหรับความต้องการของเซิร์ฟเวอร์และการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง ตระกูลผลิตภัณฑ์รุ่น KIOXIA CM7 ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0 อ้างอิงใน Enterprise and Datacenter Standard Form Factor (EDSFF) E3.S และฟอร์มแฟกเตอร์ 2.5 นิ้ว[1]

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220725005951/en/

KIOXIA CM7 Series Enterprise NVMe™ SSDs Designed with PCIe® 5.0 Technology (Photo: Business Wire)

KIOXIA CM7 Series Enterprise NVMe™ SSD ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0 (ภาพ: Business Wire)

หลังจากเปิดตัวไดรฟ์ EDSFF ตัวแรกของอุตสาหกรรมที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe 5.0[2] เมื่อปีที่แล้ว การเพิ่มตระกูลผลิตภัณฑ์รุ่น KIOXIA CM7 ช่วยขยายตำแหน่งผู้นำของ KIOXIA และช่วยให้ลูกค้า OEM สามารถส่งมอบความเร็วในการอ่านตามลำดับที่ดีที่สุด[3] 14 GB/s ต่อผู้ใช้ปลายทาง

ตระกูล EDSFF E3 ช่วยให้ SSD รุ่นต่อไปที่มีเทคโนโลยี PCIe 5.0 และอื่น ๆ เพื่อจัดการกับสถาปัตยกรรมศูนย์ข้อมูลในอนาคต ในขณะที่รองรับอุปกรณ์และแอปพลิเคชันใหม่ที่หลากหลาย ให้การไหลเวียนของอากาศและความร้อนที่ดีขึ้น ได้รับประโยชน์ความสมบูรณ์ของสัญญาณ ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟ LED บน drive carriers และให้ตัวเลือกสำหรับความจุ SSD ที่ใหญ่ขึ้น

ไฮไลท์ KIOXIA CM7 Series ประกอบด้วย:

  • EDSFF E3.S และฟอร์มแฟกเตอร์ความสูง Z ขนาด 2.5 นิ้ว 15 มม.
  • ออกแบบตามข้อมูลจำเพาะ NVMe 2.0 และ PCIe 5.0
  • SFF-TA-1001 สามารถรองรับระบบที่เปิดใช้งาน Universal Backplane Management (หรือที่เรียกว่า U.3[1])
  • ความจุในการอ่านแบบ intensive (1 DWPD) สูงสุด 30.72 TB[4]
  • ความจุแบบ Mixed-use (3 DWPD) สูงสุด 12.80 TB
  • การออกแบบ Dual-port สำหรับแอปพลิเคชันที่มีความพร้อมใช้งานสูง
  • การป้องกันความล้มเหลวของ Flash Die รักษาความน่าเชื่อถืออย่างเต็มที่ในกรณีที่เกิดความล้มเหลวของ die
  • รองรับฟีเจอร์ล้ำสมัย – SR-IOV, CMB, Multistream writes

หมายเหตุ
[1] ฟอร์มแฟกเตอร์ 2.5 นิ้วในการเชื่อมต่อ U.3 จะถูกจำกัดให้มีประสิทธิภาพ PCIe Gen4 เท่านั้น
[2] ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 อ้างอิงจากการสำรวจข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะของ Kioxia Corporation
[3] ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 อ้างอิงจากการสำรวจข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะของ Kioxia Corporation
[4] ความจุสูงสุดใน E3.S คือ 15.36 TB

*ตัวอย่างมีไว้เพื่อการประเมิน ข้อมูลจำเพาะของตัวอย่างอาจแตกต่างไปจากรุ่นการผลิต

*DWPD: การเขียนไดรฟ์ต่อวัน การเขียนไดรฟ์แบบเต็มหนึ่งตัวต่อวันหมายความว่าสามารถเขียนและเขียนไดรฟ์ใหม่ให้เต็มความจุได้วันละครั้งเป็นเวลาห้าปีตามระยะเวลาการรับประกันผลิตภัณฑ์ที่ระบุไว้ ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปตามการกำหนดค่าระบบ การใช้งาน และปัจจัยอื่น ๆ ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์โฮสต์ เงื่อนไขการอ่านและเขียน และขนาดไฟล์

*คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation กำหนดเมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์และเทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุในการจัดเก็บข้อมูลโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1Gb = 2^30 บิต = 1,073,741,824 บิต 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ และจะแสดงความจุน้อยลง ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างของไฟล์มีเดียต่าง ๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG
*NVMe เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ
*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำที่อุทิศตนเพื่อการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSDs) ในเดือนเมษายน 2560 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Kioxia ได้แยกออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ”โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ การบริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและคุณค่าแบบจดจำสำหรับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D แบบใหม่ของ Kioxia หรือที่เรียกว่า BiCS FLASH™ กำลังสร้างอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูงซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, ศูนย์ยานยนต์และศูนย์ข้อมูล

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:
Kioxia Corporation
Global Sales
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อนั้นถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220725005951/en/

ติดต่อ:

สอบถามสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Koji Takahata
โทร: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter