Aptorum Group ศึกษาวิจัยตัวยาชนิดใหม่ในโมเลกุลสายพันธุ์เล็ก ALS-4 เพื่อรักษาการติดเชื้ออันเกิดจากแบคทีเรีย Staphylococcus Aureus และ MRSA

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2562

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) (“Aptorum Group”) บริษัทผลิตชีวเภสัชภัณฑ์ที่เน้นการพัฒนายารักษาโรคชนิดใหม่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ประกาศว่าบริษัทได้เริ่มวิจัยและพัฒนายาชนิดใหม่ (IND) เพื่อศึกษาในชื่อ ALS-4 ซึ่งเป็นตัวยาโมเลกุลขนาดเล็กสำหรับใช้รักษาโรคติดต่อที่เกิดจากแบคทีเรียสแตฟีโลคอกคัส ออเรียส หรือ Staphylococcus aureus (S. aureus) รวมถึงสแตฟิโลคอกคัส ออเรียสที่ดื้อยา (หรือ MRSA หนึ่งในเชื้อโรคที่รู้จักกันดีในชื่อเชื้อแบคทีเรียดื้อยา) บนพื้นฐานการทดลองต่อต้านเชื้อโรคชนิดใหม่

ตัวยา ALS-4 ได้พัฒนามาเป็นอย่างดีและการศึกษาเกี่ยวกับพิษวิทยาผ่านระบบคุณภาพที่ช่วยจัดการห้องปฏิบัติการให้มีมาตรฐาน (GLP) ได้ประสบความสำเร็จโดยสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งในอเมริกาเหนือ โดยทั่วไปแล้ว ตัวยา ALS-4 จะไม่แสดงการเปลี่ยนพันธุกรรมในการทดสอบฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ การพัฒนา ALS-4 อยู่ระหว่างการดำเนินงานและบริษัทวางแผนเสนอการวิจัยและพัฒนายาชนิดใหม่นี้ในครึ่งปีแรก 2563 ส่วนการทดสอบกึ่งคลินิกเฟส 1 ได้ถูกวางแผนในอเมริกาเหนือจากทั้งอาสาสมัครสุขภาพดีและผู้ป่วยที่ได้รับผลของประสิทธิภาพขั้นแรกเริ่ม

S. aureus คือแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อทางกระแสเลือด ปอด ผิวหนัง กระดูก และอุปกรณ์ รวมทั้งโรคที่เกิดจากสารพิษ1 มีการประเมินว่าผู้ป่วยที่เกิดจากแบคทีเรีย S. aureus มีอัตราการเสียชีวิต 30%2 และสูงกว่าอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อเอดส์ วัณโรค และไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง3 MRSA, vancomycin-intermediate และ S. aureus ที่ดื้อยาทั้งหมดได้ถูกระดับเป็นโรคสำคัญสำหรับจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ต้องวิจัยและพัฒนา4

เกี่ยวกับ ALS-4

ALS-4 คือตัวยาที่มีโมเลกุลขนาดเล็กที่เชื่อว่าสามารถยับยั้ง dehydrosqualene desaturase  ของ S. aureus (รวมถึง MRSA) ซึ่งเกี่ยวข้องกับ staphyloxanthin หรือเม็ดสีทองหุ้มแบคทีเรียที่เห็นได้ชัด หรือช่วยแบคทีเรียต่อต้านอนุพันธ์ออกซิเจนที่ว่องไว (ROS) ที่ส่งจากเซลล์ฟาโกไซต์และเม็ดเชือดขาวนิวโตรฟิล5 ในกรณีนี้ ALS-4 ไม่ใช่การฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และการยับยั้งกระบวนการผลิต staphyloxanthin และ S. aureus จะว่องไวต่อระบบภูมิคุ้มกันของผู้ทดลอง ALS-4 ใช้วิธีจับใหม่ ๆ ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งต่างจากวิธีกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่มักพบในยาปฏิชีวนะที่ส่งเสริมการดื้อยา

เกี่ยวกับ Aptorum Group Limited

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) คือบริษัทเวชภัณฑ์ที่อุทิศตนในการพัฒนาและทำธุรกิจการรักษาโรคแบบใหม่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์และไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก Aptorum Group ยังเดินหน้าคิดค้นโปรแกรมการรักษาโรคต่าง ๆ เช่นโรคประสาท โรคติดเชื้อ โรคเกี่ยวกับทางเกินอาหาร โรคเนื้องอก และโรคอื่น ๆ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aptorum Group โปรดดูที่ www.aptorumgroup.com

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบและข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Aptorum Group Limited และความคาดหวังในอนาคต แผน และโอกาสในอนาคตซึ่งเป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ภายใต้ความหมายของพระราชบัญญัติปฏิรูปกฎหมายฟ้องร้องหลักทรัพย์เอกชนปี พ.ศ. 2538 ข้อความที่มีอยู่ในเอกสารฉบับนี้ซึ่งไม่ใช่แถลงการณ์ของข้อเท็จจริงในอดีตอาจถือเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ในบางกรณีคุณสามารถระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าโดยใช้คำเช่น“ อาจ” “ควร” “คาดว่า” “มีแผนจะ” “คาดการณ์” “อาจจะทำได้” “ตั้งใจว่า” “มีเป้าหมายว่า” “มีโครงการว่า" "พิจารณาจะ" "เชื่อว่า" "ประเมินว่า" "พยากรณ์" "มีศักยภาพจะ" หรือ "จะดำเนินการต่อ"  หรือคำตรงข้ามของคำเหล่านี้หรือสำนวนอื่น ๆ ที่คล้ายกัน กลุ่ม Aptorum ได้ใช้แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้โดยส่วนใหญ่มาจากความคาดหวังและการคาดการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตซึ่งบริษัท เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงาน ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้พูดเฉพาะวันที่ของเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้และอยู่ภายใต้ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และข้อสันนิษฐาน รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ประกาศไว้และการเปลี่ยนแปลงองค์กร การให้บริการอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการขยายการจัดประเภทผลิตภัณฑ์โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มเติม กลยุทธ์การเติบโตของบริษัทที่คาดการณ์ไว้ แนวโน้มและความท้าทายที่คาดการณ์ไว้ในธุรกิจของบริษัท และความคาดหวังเกี่ยวกับเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงอย่างเต็มที่อธิบายไว้ในแบบฟอร์ม 20-F ของกลุ่ม Aptorum และเอกสารอื่น ๆ ที่กลุ่ม Aptorum อาจทำกับ กลต. ในอนาคต กลุ่ม Aptorum ไม่มีข้อผูกมัดในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีอยู่ในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้อันเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

Clin Microbiol Rev. 2015 Jul;28(3):603-61.

2 Clin Microbiol Rev. 2012 Apr;25(2):362-86

3 Van Hal et al. Clin Microbiol Rev 2012

4 https://www.who.int/news-room/detail/27-02-2017-who-publishes-list-of-bacteria-for-which-new-antibiotics-are-urgently-needed

5 mBio 2017 8(5): e01224-17

ติดต่อ:

นักลงทุน: 
โทร: +852 2117 6611 
อีเมล: investor.relations@aptorumgroup.com

สื่อ: 
โทร: + 852 2117 6611 
อีเมล: info@aptorumgroup.com

เอ็กซอนโมบิลและปอร์เช่ขยายความร่วมมือด้านเทคโนโลยีกีฬามอเตอร์สปอร์ตในการแข่งขันฟอร์มูลาอี

Logo

รถยนต์ปอร์เช่ที่จะลงแข่งขันรายการฟอร์มูลาอีจะใช้น้ำมันเครื่องและน้ำมันหล่อลื่นจากแบรนด์โมบิล

สปริง, เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–06 กันยายน 2562

เอ็กซอนโมบิลขยายความร่วมมือทางธุรกิจและเทคนิคกับปอร์เช่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หรูจากเยอรมนี ในการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูลาอีฤดูกาล 2019 / 2020 ซึ่งการจับมือเป็นพันธมิตรกันครั้งใหม่นี้ เป็นการพาเอ็กซอนโมบิลลงสนามแข่งขันรถฟอร์มูลาพลังงานไฟฟ้า หรือ ‘ฟอร์มูลาอี’ เป็นครั้งแรก

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูแบบเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190906005023/en/

ExxonMobil is expanding its global business and technical partnership with Porsche by teaming with the luxury German automaker on its Formula E series car for the 2019 / 2020 season. (Photo: Business Wire)

เอ็กซอนโมบิลขยายความร่วมมือทางธุรกิจและเทคนิคกับปอร์เช่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หรูจากเยอรมนี ในการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูลาอีฤดูกาล 2019 / 2020 (รูปภาพ: Business Wire)

โดยนับตั้งแต่การแข่งขันสนามแรกในซาอุดิอาระเบียช่วงปลายปีนี้ เอ็กซอนโมบิลจะเป็นผู้สนับสนุนน้ำมันหล่อลื่นระบบส่งกำลังไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงให้กับรถยนต์ปอร์เช่ที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งเป็นน้ำมันหล่อลื่นที่พัฒนาขึ้นเพื่อการใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ

“การเข้าร่วมวงฟอร์มูลาอีของเรากับปอร์เช่ ไม่เพียงแสดงถึงการขยายความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างดีของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงการขยายความเป็นพันธมิตรที่ประสบความสำเร็จในวงการแข่งรถอีกด้วย” Russ Green รองประธานฝ่ายน้ำมันเครื่องสำเร็จรูปแห่งเอ็กซอนโมบิล กล่าว “ขณะที่ปอร์เช่จะลงแข่งขันและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองนั้น พร้อมกัน เอ็กซอนโมบิลก็ได้พัฒนาน้ำมันเครื่องแบรนด์โมบิลแบบครบเซ็ตขึ้นเพื่อช่วยให้ทีมฟอร์มูลาอีของปอร์เช่ต่อยอดความสำเร็จในการแข่งขันทั่วโลก การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตคือสนามทดสอบที่สุดยอดที่ช่วยให้เราเดินหน้าพัฒนาน้ำมันเครื่องและน้ำมันหล่อลื่นประสิทธิภาพสูงต่อไป”

รถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรถฟอร์มูลาพลังงานไฟฟ้าจะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีน้ำมันเครื่องประสิทธิภาพสูงตามความต้องการของแบตเตอรี่รถยนต์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนำไฟฟ้า ระบบทำความเย็น และความเข้ากันได้ของวัสดุ

“ในฐานะที่เป็นพันธมิตรทางเทคนิคเจ้าหลักมากว่า 20 ปี ไม่มีผู้ให้บริการน้ำมันเครื่องรายไหนจะเข้าใจปรัชญาประสิทธิภาพของรถยนต์ปอร์เช่ได้ดีกว่าเอ็กซอนโมบิลอีกแล้ว” Fritz Enzinger รองประธานฝ่ายมอเตอร์สปอร์ตของปอร์เช่ กล่าว “เอ็กซอนโมบิลไม่เพียงแต่เป็นพันธมิตรที่มีคุณค่าต่อธุรกิจการค้าของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมทีมที่สำคัญในการไล่ล่าชัยชนะตั้งแต่จากเซบริงไปจนถึงเลอม็อง พวกเขาคือสิ่งเติมเต็มที่ทีมฟอร์มูลาอีของเราขาดไม่ได้ ในการเข้าสู่ยุคใหม่ของการแข่งขันอันน่าตื่นเต้นของปอร์เช่”

การร่วมมือด้านเทคนิคครั้งใหม่นี้จะเพิ่มตารางกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกที่เอ็กซอนโมบิลกับปอร์เช่ร่วมมือกันให้ยาวออกไปอีก ซึ่งรายการแข่งขันที่มีอยู่ปัจจุบันประกอบด้วยรายการ World Endurance Championships, IMSA WeatherTech SportsCar Championship, Porsche Mobil 1 Supercup, Porsche Carrera Cup และกิจกรรมการแข่งขันสำหรับลูกค้าอีกหลายรายการทั่วโลก

เกี่ยวกับเอ็กซอนโมบิล

เอ็กซอนโมบิล เป็นบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก

เกี่ยวกับเอ็กซอนโมบิลในกีฬามอเตอร์สปอร์ต

สนามแข่งขัน คือ สนามทดสอบน้ำมันเครื่องและเชื้อเพลิงภายใต้แบรนด์เอ็กซอนโมบิลที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยีในกลุ่มน้ำมัน น้ำมันเครื่อง และเชื้อเพลิงของเรา แต่ละฤดูกาลแข่งขัน ผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยของเราจะลงไปทำหน้าที่ในการพัฒนาสมรรถนะและประสิทธิภาพของรถยนต์ ผลิตภัณฑ์ของเอ็กซอนโมบิลทำหน้าที่เป็นน้ำมันที่คอยหล่อลื่นทีมแข่งขันชั้นนำของโลกหลายทีมที่ลงแข่งในรายการมอเตอร์สปอร์ตต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้ทั้งทักษะและความพยายามอย่างสูง สิ่งที่เราได้เรียนรู้ผ่านการจับมือเป็นพันธมิตรเหล่านี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรของเราสามารถขยายขีดจำกัดในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้กว้างไกลยิ่งขึ้น

ExxonMobil ยังภาคภูมิใจกับการเป็นพันธมิตรกับทีม Aston Martin Red Bull Racing และทีม Stewart-Haas Racing ในการแข่งขันรายการ NASCAR’s Sprint Cup Series ทีม Porsche, Bentley และ TOYOTA GAZOO Racing ในการแข่งขัน FIA World Endurance Championship ทีม Corvette Racing, Porsche North America, Lexus และ Acura/Caterpillar ในการแข่งขัน IMSA WeatherTech SportsCar Championship รวมถึงอีกหลายทีมที่ลงแข่งขันในรายการต่าง ๆ ที่จัดขั้นทั่วโลก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอ็กซอนโมบิลและแบรนด์ต่าง ๆ ของเรา โปรดดูที่ www.exxonmobil.com หรือติดตามเราทางทวิตเตอร์ได้ที่ www.twitter.com/exxonmobil

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20190906005023/en/

ติดต่อ:

สื่อมวลชนสัมพันธ์
832-625-4000

THeMIS UGV ของ Milrem Robotics ผ่านการทดสอบการขนส่งทางอากาศ

Logo

ทัลลินน์, เอสโตเนีย–(BUSINESS WIRE)–4 ก.ย.  2562

ยานพาหนะภาคพื้นไร้คนขับของ THeMIS (UGV) โดย Milrem Robotics ผู้ผลิต UGV ชั้นนำในยุโรปและผู้พัฒนาโซลูชั่นหุ่นยนต์สงครามได้ผ่านการทดสอบด้านการขนส่งทางอากาศ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มอีกทางเลือกให้กับการปฏิบัติการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190903005432/en/

Milrem Robotics’ THeMIS UGV passes air transportability tests (Photo: Business Wire)

'THeMIS UGV ของ Milrem Robotics ผ่านการทดสอบการขนส่งทางอากาศ (ภาพถ่าย: Business Wire)

“คำถามที่พบบ่อยที่สุดเกี่ยวกับยานพาหนะภาคพื้นไร้คนขับของ THeMIS (UGV) คือการที่มันจะพาคนไปส่งยังที่ที่พวกเขาต้องการยังไง” Kuldar Väärsi ซีอีโอของ Milrem Robotics อธิบาย “ เราได้ตอบคำถามนี้ในระหว่างการพัฒนา THeMIS รุ่นที่ห้า พร้อม ๆ ไปกับการเพิ่มตัวเลือกใหม่ ๆ จำนวนมาก ทั้งการดึงและการลากจูงตามขบวนอย่างอัตโนมัติ และการแอร์ลิฟต์

การทดสอบการขนส่งทางอากาศได้ดำเนินการตามมาตรฐานของนาโต้ STANAG 3542 โดยได้ลูกเรือเฮลิคอปเตอร์ซึ่งมาจากสำนักงานตำรวจเอสโตเนียและผู้พิทักษ์ชายแดนเป็นผู้มาช่วยทำการทดสอบ

THEMIS เป็นยานพาหนะติดตามอเนกประสงค์ (multipurpose tracked vehicle)ที่สามารถติดตั้งเทคโนโลยีการต่อสู้สงครามอื่น ๆ เช่น ระบบอาวุธ โดรน อุปกรณ์ตรวจจับอาวุธระเบิดดัดแปลง (IED detection devices)  และอื่น ๆ อีกมากมาย และยังสามารถบรรทุกของได้มากถึง 1,200 กก. เคลื่อนตัวได้เร็ว 25 กม. / ชม. และสามารถดึงอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วยแรงขนาด 21,000 N

THEMIS สามารถทำงานได้จากระยะไกลผ่านกล้องหรือโดยใช้ฟังก์ชั่นอิสระ เช่น ระบบนำทาง waypoint navigation หรือ ระบบ follow-me เป็นต้น โดยมีความตั้งใจคือการเพิ่มความปลอดภัย เพิ่มขีดความสามารถ และลดภาระของทหาร

โดยการใช้ระบบแบบแยกส่วน (systems modularity) มันได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการบูรณาการระบบการบรรทุกที่แตกต่างกัน และ Milrem Robotics ได้รวมระบบที่แตกต่างกันหลายสิบระบบร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม เช่น Kongsberg, FN Herstal, MBDA และ ST Engineering เป็นต้น ไว้แล้ว

โปรดเข้าไปดูการทดสอบการขนส่งทางอากาศของ THeMIS ได้ที่นี่ – https://youtu.be/t6Gf7tBf0qw

จะมีการจัดแสดง THeMIS ที่ DSEI ในลอนดอน ตั้งแต่วันที่ 10 ถึง 13 กันยายน โดยท่านสามารถพบกับ THeMIS ได้ในสถานที่ต่อไปนี้:

  • ที่ Estonian Pavilion (N3-320) ที่เราจะเปิดตัว THEMIS UGV รุ่นที่ห้า โดย UGV จะติดตั้ง deFNder® Medium RWS ของ FN Herstal;
  • ที่สแตนด์ของ Kongsberg (S6-145) ที่ THeMIS รุ่นที่ห้าอีกตัวจะจัดแสดงพร้อมกับ PROTECTOR RWS-LW30 ของ Kongsberg;
  • ที่ Land Ceptor Stand (N10-260) ที่เราจะเปิดตัวโครงการบูรณาการใหม่กับ MBDA  ซึ่งเป็น THeMIS พร้อมระบบขีปนาวุธ Brimstone ที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ
  • ที่สแตนด์ของ QinetiQ (S3-400) ที่อุปกรณ์สำหรับการรบอีกตัวจะถูกจัดแสดง

ดูฉบับที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20190903005432/en/

ติดต่อ:

Milrem Robotics

Gert Hankewitz

ผู้อำนวยการฝ่ายส่งออก

gert.hankewitz@milrem.com

Halliburton ฉลองครบรอบ 100 ปี ด้วยการบริจาคเงินให้กับ 8 องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Logo

ฮุสตัน–(BUSINESS WIRE)– 26 ส.ค. 2562

บริษัท Halliburton (NYSE: HAL) ประกาศในวันนี้เกี่ยวกับรายชื่อองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร 8 แห่งทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จะได้รับเงินบริจาคจำนวน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อองค์กร เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 100 ปีของบริษัท โดยบริษัท Halliburton ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2462 จะเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ช่วยให้บริษัทบรรลุความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งได้แก่ พนักงาน ลูกค้า และชุมชนท้องถิ่น

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190826005623/en/

Halliburton Chairman, President and CEO Jeff Miller, joined by Halliburton Asia Pacific Region management, present a $10,000 grant to the MyKasih Foundation for their work to help low-income Malaysian families through food distribution and education. (Photo: Business Wire)

Jeff Miller ประธานและซีอีโอของ Halliburton โดยความร่วมมือกับฝ่ายบริหารของ Halliburton เอเชียแปซิฟิก ได้มอบเงินจำนวน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่มูลนิธิ MyKasih Foundation สำหรับการทำงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัวชาวมาเลเซียที่มีรายได้น้อยผ่านการแจกอาหารและให้การศึกษา (ภาพ: Business Wire)

“ จิตวิญญาณของ Halliburton เริ่มต้นมาเนิ่นนานตั้งแต่สมัย Erle P. Halliburton ผู้ก่อตั้งบริษัท ซึ่งมุ่งมั่นที่จะสร้างประโยชน์เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ชุมชนที่เราอาศัยและทำงานอยู่” นาย Sid Whyte รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าว “ เรามีความสุขที่ได้สานต่อมรดกของเขาและการมีส่วนร่วมกับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งเนื้อหางานมีส่วนช่วยเหลือต่อผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการหลักของเราในภูมิภาคนี้อย่างมาก”

องค์กรที่ได้รับเงินบริจาค HAL100 สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประกอบด้วยองค์กรที่ทำงานเพื่อเป้าหมายที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับของ Halliburton Pillars of Giving (หรือ เสาหลักในการให้ของ Halliburton) ซึ่งสนใจในประเด็นเรื่องการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับ STEM สิ่งแวดล้อม สุขภาพและความปลอดภัย และบริการสังคม:

  • องค์กร CRY – Child Rights and You – อินเดีย
  • มูลนิธิ MyKasih Foundation – มาเลเชีย
  • Royal Flying Doctor Service – ออสเตรเลีย
  • สภากาชาดออสเตรเลีย หรือ Australian Red Cross – ออสเตรเลีย
  • Habitat for Humanity หรือ มูลนิธิที่อยู่อาศัย  – อินโดนีเซีย
  • The People’s Association – สิงคโปร์
  • มูลนิธิ Migrant Children’s Foundation – จีน
  • สถานสงเคราะห์เด็กบ้านสงขลา – ไทย

Halliburton ได้มอบเช็คเงินสดจำนวน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อแต่ละองค์กร  ณ งานสำหรับลูกค้าที่บริษัทได้เป็นเจ้าภาพไปเมื่อวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ในประเทศมาเลเซีย

นอกจากนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่วันครบรอบของบริษัท พนักงานของ Halliburton ในประเทศไทยและมาเลเซียยังได้เก็บรวบรวมเงินได้มากกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลลานกระบือในประเทศไทยและองค์กร Petronita ในประเทศมาเลเซีย

บริษัทกำลังมอบเงินสนับสนุนจำนวน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร 100 แห่งทั่วโลกในช่วงที่เหลือของปี 2562 หากท่านต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ การครบรอบ 100 ปี ของ Halliburton ตลอดไปจนถึงผู้คนและเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างบริษัทเราขึ้นมา กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ hal100.com.

คำบรรยายภาพ : Jeff Miller ประธานและซีอีโอของ Halliburton โดยความร่วมมือกับฝ่ายบริหารของ Halliburton เอเชียแปซิฟิก ได้มอบเงินจำนวน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่มูลนิธิ MyKasih Foundation สำหรับการทำงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัวชาวมาเลเซียที่มีรายได้น้อยผ่านการแจกอาหารและให้การศึกษา

เกี่ยวกับ Halliburton

Halliburton ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2462 จะฉลองครบรอบ 100 ปีการให้บริการ ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับอุตสาหกรรมพลังงาน ด้วยการมีพนักงาน 60,000 คน ซึ่งเป็นตัวแทน 140 ชาติในกว่า 80 ประเทศ บริษัทช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดตลอดวงจรชีวิตของอ่างเก็บน้ำ  เริ่มตั้งแต่การค้นหาไฮโดรคาร์บอนและการจัดการข้อมูลทางธรณีวิทยา ไปจนถึงการขุดเจาะและการประเมินการสร้างการก่อสร้างที่มีคุณภาพและที่เสร็จสมบูรณ์ และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตลอดอายุของสินทรัพย์ เยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทที่ www.halliburton.com. เชื่อมต่อกับ Halliburton บน Facebook, Twitter, LinkedIn, Instagram และ YouTube.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20190826005623/en/

สำหรับนักลงทุนติดต่อ:

Abu Zeya

Halliburton, ฝ่ายลงทุนสัมพันธ์

investors@halliburton.com

281-871-2688

สำหรับสื่อ:

Emily Mir

ฝ่ายการประชาสัมพันธ์

pr@halliburton.com

281-871-2601

The Bangkok Reporter