โตชิบาเปิดตัว Dual-channel Solenoid Driver IC ที่มีแรงดันไฟฟ้าสูง

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–26 ก.ย. 2562

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("โตชิบา") ได้เปิดตัว “TB67S112PG” ซึ่งเป็น Dual-channel Solenoid Driver IC ที่มีแรงดันไฟฟ้าสูงและ ON resistance drive ต่ำ  การผลิตในปริมาณสูงเริ่มขึ้นแล้ววันนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190926005310/en/

Toshiba: a dual-channel solenoid driver IC “TB67S112PG” that achieves high-voltage and low ON resistance drive. (Photo: Business Wire)

โตชิบา: Dual-channel Solenoid Driver IC “TB67S112PG” ที่มีแรงดันไฟฟ้าสูงและ ON resistance drive ต่ำ (ภาพ: บิสิเนสสไวร์)

TB67S112PG ประกอบด้วยสองช่องสัญญาณ ซึ่งแต่ละช่องประกอบด้วย low-side MOSFET และ regenerative common diode ที่สามารถขับเคลื่อน solenoid หรือ relay สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเช่นอุปกรณ์ความบันเทิง (สล็อตแมชชีน) เครื่องใช้ในบ้าน (เครื่องปรับอากาศและตู้เย็น) และอุปกรณ์อุตสาหกรรม (อุปกรณ์การธนาคารเช่น ATM อุปกรณ์สำนักงานอัตโนมัติ และอุปกรณ์อัตโนมัติในโรงงาน)

โตชิบาปัจจุบันจำหน่าย "TB67S111PG" ซึ่งเป็น four-channel solenoid driver IC และ "TB67S158NG/FTG" ซึ่งเป็น eight-channel solenoid driver  “TB67S112PG” ช่วยเพิ่มการใช้งานกับผลิตภัณฑ์มากขึ้นตามจำนวน solenoid ที่ต้องควบคุม

คุณสมบัติที่สำคัญ

  • สองช่องสัญญาณแต่ละตัวมี low-side MOSFET และ regenerative common diode
    การควบคุมแบบอิสระของแต่ละเอาต์พุตเหมาะสำหรับ driver solenoid และ relay
  • แรงดันไฟฟ้าสูง (50V) และความต้านทาน ON (0.3Ω)
    ต่ำ
    MOSFET แรงดันสูง (50V) ใน output unit รองรับ driver solenoid และ relay
    ความต้านทาน ON ต่ำ(0.3Ω) ช่วยลดการเกิดความร้อนในระหว่างการทำงานของมอเตอร์
  • การตรวจจับข้อผิดพลาดในตัวพร้อมฟังก์ชั่นรีเซ็ตอัตโนมัติ
    การตรวจจับการปิดความร้อนและการป้องกันกระแสเกิน เมื่อเปิดใช้งาน จะมีการ output สัญญาณตรวจจับข้อผิดพลาด (Error Detection Flags –  ERR) ให้มั่นใจในความปลอดภัยของอุปกรณ์และการออกแบบที่เสถียร

การใช้งาน

อุปกรณ์บันเทิง (สล็อตแมชชีน) เครื่องใช้ในบ้าน (เครื่องปรับอากาศและตู้เย็น) และอุปกรณ์อุตสาหกรรม (อุปกรณ์การธนาคารเช่น ATM, อุปกรณ์สำนักงานอัตโนมัติ และอุปกรณ์อัตโนมัติในโรงงาน)

ข้อมูลจำเพาะหลัก

หมายเลขชิ้นส่วน

TB67S112PG

ฟังก์ชั่น

Dual-channel solenoid driver

แพคเกจ

DIP16-P-300-2.54A

Input

Control I/F

การป้อนข้อมูลแบบขนาน (ระดับ TTL)

แหล่งจ่ายไฟแรงดันไฟฟ้าVM

4.5V ถึง 47V

Output

ค่า output (แรงดันไฟฟ้า)

50V (สูงสุด)

ค่า output (กระแสไฟ)

1.5A ต่อช่องสัญญาณ (สูงสุด)

ความต้านทาน Output ON

0.3Ω (โดยปกติ)

Common diode

Built in

ฟังก์ชั่นความปลอดภัย

การปิดความร้อนและการตรวจจับกระแสเกินด้วยฟังก์ชันรีเซ็ตอัตโนมัติ

การล๊อคกระแสไฟฟ้าต่ำ

การ output แจ้งเตือนการปิดความร้อน

เช็คสถานะและซื้อสินค้า

ซื้อออนไลน์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่และรายชื่อผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้นโปรดไปที่:

TB67S112PG

https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TB67S112PG&lang=en

TB67S111PG

https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TB67S111PG&lang=en

TB67S158FTG

https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TB67S158FTG&lang=en

TB67S158NG

https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TB67S158NG&lang=en

เพื่อตรวจสอบความพร้อมส่งของผลิตภัณฑ์ใหม่และรายชื่อผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้นที่ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์ กรุณาเยี่ยมชม:

TB67S112PG

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/buy/stockcheck.TB67S112PG.html

TB67S111PG

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/buy/stockcheck.TB67S111PG.html

TB67S158FTG

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/buy/stockcheck.TB67S158FTG.html

TB67S158NG

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/buy/stockcheck.TB67S158NG.html

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เป็นเจ้าของ

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:

ฝ่ายการตลาดอุปกรณ์ระบบ II

โทร: + 81-3-3457-3332

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการและข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation รวมความกระตือรือร้นของบริษัทใหม่เข้ากับประสบการณ์ที่ยาวนาน  ตั้งแต่ได้แยกจากโตชิบา คอร์ปอเรชันในเดือนกรกฎาคมปี 2560 เราได้เติบโตเป็นบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ทั่วไปและนำเสนอโซลูชันที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 22,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเราและให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ๆ  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะต่อยอดจากยอดขายรายปีที่ในขณะนี้สูงกว่า 800 พันล้านเยน (7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และจะผลักดันให้เกิดอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเราได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

อ่านต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20190926005310/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
ฝ่ายการตลาดดิจิตอล
Chiaki Nagasawa
โทร: + 81-3-3457-4963 semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

Toshiba Memory Corporation เปิดตัวผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแฟลช NAND ใหม่สำหรับอุปกรณ์แบบฝังตัว รองรับการถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูง

Logo

เจเนอเรชันที่สองของผลิตภัณฑ์ NAND แบบซีเรียลอินเทอร์เฟสมาพร้อมประสิทธิภาพและความจุที่มากขึ้น

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–26 กันยายน 2562

Toshiba Memory Corporation ผู้นำด้านโซลูชันหน่วยความจำระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแฟลช NAND เจเนอเรชันที่สอง สำหรับสำหรับอุปกรณ์แบบฝังตัว มาพร้อมประสิทธิภาพและความจุที่มากขึ้น[1] เพื่อรองรับการถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูง ผลิตภัณฑ์ NAND แบบซีเรียลอินเทอร์เฟสใหม่สามารถใช้ได้กับพอร์ตสื่อสาร SPI ที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวาง และเหมาะกับการใช้งานกับอุปกรณ์ทั่วไปสำหรับผู้บริโภค อุปกรณ์อุตสาหกรรม และอุปกรณ์สื่อสารมากมายหลายประเภท บริษัทจะเริ่มจัดส่งผลิตภัณฑ์ตัวอย่างวันนี้ ขณะที่การผลิตเพื่อจำหน่ายมีกำหนดเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูแบบเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190925006002/en/

Toshiba Memory Corporation: Second-generation Serial Interface NAND Products (Photo: Business Wire)

Toshiba Memory Corporation: เจเนอเรชันที่สองของผลิตภัณฑ์ NAND แบบซีเรียลอินเทอร์เฟส (รูปภาพ: Business Wire)

ขณะที่อุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์ IoT มีขนาดเล็กลง ความต้องการหน่วยความจำแฟลชที่มีขนาดความจุสูง ในแพ็คเกจขนาดเล็ก และสามารถโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูงแต่มีจำนวนขาน้อยกลับสูงขึ้น และด้วยการที่ผลิตภัณฑ์ NAND แบบซีเรียลอินเทอร์เฟสสามารถใช้ได้กับพอร์ต SPI ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลาย จึงสามารถทำหน้าที่เป็นผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแฟลชแบบ SLC NAND ที่มีจำนวนขาน้อย มีขนาดเล็ก และมีความจุสูงได้ในตัว

เพื่อรองรับการโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูง ผลิตภัณฑ์ NAND แบบซีเรียลอินเทอร์เฟสเจเนอเรชันที่สองจึงมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ในเจเนอเรชันที่หนึ่ง[1] รวมถึงย่านความถี่ใช้งานที่ 133 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) และโหมดการทำงานแบบ program x4 นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มอุปกรณ์ขนาด 8 gigabit (1 gigabyte) [2] เข้ามาในไลน์อัพของผลิตภันฑ์ด้วย เพื่อตอบสนองความต้องการของขนาดความจุหน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้น

สรุปเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

หมายเลขชิ้นส่วน

ความจุ

I/O

แรงดันไฟฟ้า

แพ็คเกจ

เริ่มผลิตเพื่อจำหน่าย

TC58CVG0S3HRAIJ

1Gb

x1, x2, x4

3.3V

8ขา

WSON[3]

(6มม. x 8มม.)

ตุลาคม 2562

TC58CYG0S3HRAIJ

1.8V

ตุลาคม 2562

TC58CVG1S3HRAIJ

2Gb

3.3V

ตุลาคม 2562

TC58CYG1S3HRAIJ

1.8V

ตุลาคม 2562

TC58CVG2S0HRAIJ

4Gb

3.3V

ตุลาคม 2562

TC58CYG2S0HRAIJ

1.8V

ตุลาคม 2562

TH58CVG3S0HRAIJ

8Gb

3.3V

ธันวาคม 2562

TH58CYG3S0HRAIJ

1.8V

ธันวาคม 2562

คุณสมบัติที่สำคัญ

ความจุ

1Gb, 2Gb, 4Gb, 8Gb

ขนาดเพจ

2KByte (1Gb, 2Gb), 4KByte (4Gb, 8Gb)

อินเทอร์เฟส

Serial Peripheral Interface Mode 0, Mode 3

แรงดันแหล่งจ่ายไฟ

2.7 ถึง 3.6V, 1.7 ถึง 1.95V

ช่วงอุณหภูมิขณะใช้งาน

-40 oC ถึง 85 oC

คุณสมบัติ

• ย่านความถี่ใช้งาน 133MHz

• โหมด Program / Read x4

• ฟังก์ชันอ่านข้อมูลตามลำดับด้วยความเร็วสูง

• ฟังก์ชัน ECC (ON/OFF, bit flip count report)

• ฟังก์ชันป้องกันข้อมูล (สามารถเลือกป้องกันข้อมูลเฉพาะบางบล็อกได้)

• ฟังก์ชัน Parameter Page (สามารถแสดงข้อมูลแบบรายละเอียดบนอุปกรณ์ได้)

หมายเหตุ
[1] เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ NAND แบบซีเรียลอินเทอร์เฟสเจเนอเรชันหนึ่งของ Toshiba Memory Corporation ทำการสำรวจโดย Toshiba Memory
[2] ความจุของผลิตภัณฑ์ระบุตามขนาดหน่วยความจำของชิปภายในผลิตภัณฑ์​ ไม่​ได้​บ่งบอก​ถึงจำนวน​หน่วย​ความ​จำ​ที่​ว่าง​สำห​รับ​จัดเก็บ​ข้อมูล​ของ​ผู้​ใช้​ปลายทาง​ ขนาด​ความจุ​ที่​ผู้​บริโภค​สามารถ​ใช้ได้จะลดลงตาม​พื้นที่​ข้อมูล​ที่​ที่​ใช้​ การ​ฟอร์แมต​ บล็อก​ที่​ไม่​ดี​ และข้อ​จำกัด​อื่น​ ๆ​ และ​อาจ​แตกต่าง​กัน​ออก​ไป​ขึ้น​อยู่​กับอุปกรณ์​ที่​เป็น​โฮสต์​และ​การ​ใช้​งาน​ สำห​รับ​รายละเอียด​เพิ่มเติม​ โปรด​ดู​จาก​ข้อมูล​จำเพาะ​ของ​ผลิตภัณฑ์​
[3] WSON: คือแพ็คเก็จขนาดที่เล็กมาก และไม่มีตะกั่วเป็นส่วนประกอบ

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทเหล่านั้น

ข้อมูลติดต่อสำหรับลูกค้า:
Toshiba Memory Corporation
ฝ่ายขายและการตลาดหน่วยความจำ
โทร: +81-3-6478-2412
https://business.toshiba-memory.com/en-jp/contact.html

ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่นี่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20190925006002/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
Toshiba Memory Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Koji Takahata
โทร: +81-3-6478-2404

Toshiba เปิดตัวโฟโตรีเลย์ขับเคลื่อนแรงดันไฟฟ้า หรือ Voltage Driven Photorelay ในแพ็คเกจที่เล็กที่สุดในอุตสาหกรรม ที่มาพร้อมกับการกระจายกำลังไฟที่ลดลง

Logo

ช่วยลดขนาดอุปกรณ์และการใช้พลังงานในการใช้งานอุปกรณ์ทดสอบ

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–25 ก.ย. 2562

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“ โตชิบา”) ได้เริ่มจัดส่ง“ TLP3407SR” โฟโตรีเลย์ที่ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าใหม่ที่ให้การกระจายพลังงานที่ต่ำกว่าเดิม และใช้พื้นที่ติดตั้งขนาดเล็กที่สุด[1] ในอุตสาหกรรม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูข่าวฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190925005297/en/

Toshiba: a new voltage driven photorelay “TLP3407SR” that delivers lower power dissipation and the industry's smallest mounting area. (Photo: Business Wire)

Toshiba: โฟโตเรเลย์ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าใหม่“ TLP3407SR” ที่ให้การกระจายพลังงานที่ต่ำกว่าและพื้นที่ติดตั้งที่เล็กที่สุดในอุตสาหกรรม (ภาพ: Business Wire)

ทั้งนี้ รุ่น TLP3407SR มีกระแสไฟ LED จำกัดที่สูงที่สุดที่ 1mA ที่อินพุตแรงดันไฟฟ้า ซึ่งเป็นแรงดันไฟฟ้าที่ลดลงมาประมาณหนึ่งในสามของรุ่น "TLP3407SRH" ก่อนหน้านี้ ด้วยโฟโตรีเลย์ใหม่นี้จะลดการกระจายกำลังไฟฟ้าอินพุตสูงสุดถึง 3.3mW [2]  เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานที่ต่ำกว่า โดยการใช้อุปกรณ์ เช่น การ์ดโพรบ (probe cards) อุปกรณ์ทดสอบเซมิคอนดักเตอร์อัตโนมัติ (ATE), เซมิคอนดักเตอร์ทดสอบและบอร์ดของการใช้งานที่เกี่ยวข้อง

เมื่ออินพุตเป็นไฟฟ้าแรงสูง 5V หรือมากกว่านั้น โฟโตรีเลย์ใหม่สามารถขับเคลื่อนได้โดยการเพิ่มตัวต้านทานภายนอกแบบเป็นชุด ซึ่งช่วยให้สามารถใช้กระแสไฟ LED ทริกเกอร์อ้างอิงสูงสุด 0.2mA วิธีการนี้ทำให้การออกแบบกระแสไฟฟ้าอินพุตต่ำลงในวงจรทดสอบ

แพ็คเกจแบบ S-VSON4T[3]  ขนาดเล็กของรุ่น TLP3407SR มีพื้นที่ติดตั้งขนาด 2.9 ตาราง มม.  ซึ่งเล็กกว่าแพคเกจ VSONR4[4] ปัจจุบันประมาณ 27% และเล็กที่สุดในอุตสาหกรรม[1] รองรับการลดขนาดอุปกรณ์ เช่น โพรบการ์ด หรือการติดตั้งโฟโตรีเลย์เพิ่มเติม

การใช้งาน

  • โพรบการ์ด
  • อุปกรณ์ทดสอบเซมิคอนดักเตอร์อัตโนมัติ (ATE)
  • เครื่องทดสอบลอจิกและหน่วยความจำ ฯลฯ
  • เครื่องมือวัด (Oscilloscope, Data logger, ฯลฯ )

คุณสมบัติ

  • กำลังไฟเข้าต่ำ: 3.3mW (สูงสุด) @3.3V, ILIM(LED)=1mA (max)
  • พื้นที่ติดตั้งที่เล็กที่สุดในอุตสาหกรรม[1]: 2.9 ตร.มม.(typ.)
  • แรงดันไฟฟ้าอินพุตสองตัวที่นำมาใช้สำหรับสัญญาณควบคุม: DC 3.3V (typ.) และ DC5V (typ.)

คุณสมบัติหลัก

(@Ta=25 ℃)

หมายเลขชิ้นส่วน

TLP3407SR

TLP3406SRH

[5]

TLP3406SRL

[5]

TLP3407SRH

[5]

TLP3407SRL

[5]

TLP3412SRH

[5]

แพคเกจ

S-VSON4T

Absolute

maximum

ratings

เทอร์มินัลเอาต์พุต OFF-state

โวลต์ VOFF (V)

60

30

30

60

60

60

กระแส On-state ION (A)

1

1.5

1.5

1

1

0.4

กระแส On-state  (pulsed)

IONP (A)

3

4.5

4.5

3

3

1.2

เงื่อนไขการดำเนินงานที่แนะนำ

Applied input forward voltage

VIN (typ.) (V)

3.3

3.3

1.8

3.3

1.8

3.3

ลักษณะด้านไฟฟ้า

Limited LED current

ILIM(LED) max (mA)

@VIN

1

(@3.3 V)

กระแส Trigger LED

IFT max (mA)

0.2

แรงดันไฟฟ้าขณะทำงาน

VFON max (V)

3

3

1.6

3

1.6

3

แรงต้าไฟฟ้า ON-state

RON max (Ω)

0.3

0.2

0.2

0.3

0.3

1.5

ความจุเอาท์พุท

COFF typ. (pF)

80

120

120

80

80

max 20

กระแส OFF-stat e

IOFF max (nA)

@VOFF

1

(@50V)

1

(@20V)

1

(@20V)

1

(@50V)

1

(@50V)

1

(@50V)

คุณสมบัติการเปิดปิด

ระยะเวลาการเปิด tON max (ms)

20

2

2

2

1

0.5

ระยะเวลาการปิด tOFF max (ms)

1

0.2

0.2

0.2

0.2

0.2

คุณสมบัติไอโซเลชั่น

แรงดันไอโซเลชั่น

BVS min (Vrms)

500

500

500

500

500

500

การตรวจสอบสต็อกและซื้อ

Buy Online

Buy Online

Buy Online

Buy Online

Buy Online

Buy Online

หมายเหตุ:

[1] สำหรับผลิตภัณฑ์โฟโตรีเลย์ จากแบบสำรวจของโตชิบา ณ วันที่ 24 กันยายน 2563

[2] @ เวลาพร้อมอินพุต 3.3V

[3] S-VSON4T: 2.0×1.45mm (typ.)

[4] VSONR4: 2.75×1.45mm (typ.)

[5] ผลิตภัณฑ์ปัจจุบัน

คลิกที่ลิงก์ด้านล่างเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โฟโตรีเลย์ของโตชิบา

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/product/opto/photorelay.html

สำหรับการตรวจสอบการวางจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ใหม่กับผู้จัดจำหน่ายออนไลน์ กรุณาเยี่ยมชมที่

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/buy/stockcheck.TLP3407SR.html

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทนั้น ๆ

สำหรับการสอบถามของลูกค้า:

ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์ Optoelectronic

โทร +81-3-3457-3431

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคา และข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหา บริการและข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลล่าสุดในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

โตชิบาอิเลคทรอนิกส์แอนด์สตอเรจคอร์ปอเรชั่นรวมความแข็งแกร่งของบริษัทใหม่เข้ากับภูมิปัญญาและประสบการณ์ โดยนับตั้งแต่ได้รับการเปิดตัวจากบริษัทโตชิบาในเดือนกรกฎาคม 2560เราได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในบริษัทอุปกรณ์ทั่วไปชั้นนำและนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นให้แก่ลูกค้า และหุ้นส่วนทางธุรกิจในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกตัวระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 22,000 คน ทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเราและให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ ๆเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสร้างยอดขายรายปีให้สูงกว่าในปัจจุบัน หรือ 8 แสนล้านเยน(7พันล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อเอื้อให้เกิดอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนทุกที่

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเราได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20190925005297/en/

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ:

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

ฝ่ายการตลาดดิจิตัล

Chiaki Nagasawa

โทร +81-3-3457-4963

semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

Milrem: บริษัทด้านการป้องกันชั้นนำแห่งยุโรปยื่นเสนอโครงการระบบยานภาคพื้นไร้คนขับต่อคณะกรรมาธิการยุโรป

Logo

บรัสเซลส์–(BUSINESS WIRE)–24 กันยายน 2562

กลุ่มบริษัทที่นำโดย Estonian Milrem Robotics และประกอบด้วยบริษัทด้านการป้องกัน การสื่อสารและความมั่นคงทางไซเบอร์ชั้นนำ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ด้านเทคโนโลยีชั้นสูงซึ่งก่อตั้งขึ้นในสหภาพยุโรป ได้ยื่นหนังสือถึงโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศยุโรป หรือ EDIDP (European Defence Industrial Development Programme) ของคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อเสนอโครงการพัฒนาระบบยานภาคพื้นไร้คนขับ (Unmanned Ground System) สำหรับภารกิจแบบผสม ที่สามารถทำงานร่วมกับยานภาคพื้นและอากาศยานแบบที่มีคนขับ

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูแบบเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190924005469/en/

The system will consist of a robust and modular unmanned ground vehicle (UGV) equipped with an electronic warfare resistant command, control and communications solution and secure autonomous mobility software that enables the operator to simultaneously and safely control multiple land and air platforms.  (Graphic: Business Wire)

ระบบดังกล่าวประกอบด้วยยานภาคพื้นไร้คนขับ (UGV) ที่แข็งแรงและสามารถประกอบเข้ากับยานอื่น ๆ ได้ มาพร้อมกับโซลูชันคำสั่ง ควบคุม และสื่อสารเพื่อต่อต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และซอฟต์แวร์ secure autonomous mobility ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมยานภาคพื้นและอากาศยานได้พร้อมกันและปลอดภัย. (กราฟิก: Business Wire)

ระบบดังกล่าวประกอบด้วยยานภาคพื้นไร้คนขับ (UGV) ที่แข็งแรงและสามารถประกอบเข้ากับยานอื่น ๆ ได้ มาพร้อมกับโซลูชันคำสั่ง ควบคุม และสื่อสารเพื่อต่อต้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และซอฟต์แวร์ secure autonomous mobility ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมยานภาคพื้นและอากาศยานได้พร้อมกันและปลอดภัย

ยานภาคพื้นไร้คนขับจะถูกออกแบบให้สามารถทำงานร่วมกับยานภาคพื้นและอากาศยานแบบที่มีคนควบคุมได้ เพื่อจุดประสงค์ด้านความยืดหยุ่น ความสามารถในการประกอบเข้ากับยานประเภทอื่น และความอเนกประสงค์เพื่อการทำภารกิจในรูปแบบต่าง ๆ เพิ่มการป้องกัน ความยั่งยืน และประสิทธิภาพด้านปฏิบัติการทางการทหาร และยกระดับการตระหนักรู้ในสภานการณ์กองกำลังภาคพื้น

ระหว่างโครงการ จะมีการรวบรวมความรู้เชิงขั้นตอนด้านปฏิบัติการและพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับการใช้งานยานประเภทที่มีผู้ควบคุมและไม่มีผู้ควบคุม พร้อมกับพิจารณาแง่คิดด้านจริยธรรมที่สามารถนำไปปรับใช้กับยานที่ขับเคลื่อนด้วยหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ และยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองอย่างเป็นอิสระ นอกจากนี้ยังจะมีการสร้างสภาพแวดล้อมจำลองที่ทันสมัย ทั้งแบบเสมือนจริงและแบบสร้างสรรค์ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาปรับปรุง

โครงการนี้มีชื่อว่า iMUGS (integrated Modular Unmanned Ground System) ซึ่งเกิดจากกรอบความร่วมมือโครงสร้างถาวร หรือ PESCO (Permanent Structured Cooperation) โครงการ iMUGS ได้รับการตอบรับอย่างเป็นทางการจากรัฐมนตรีกลาโหมของยุโรปจากทั้งหมด 25 ประเทศ และถูกบรรจุอยู่ในรายชื่อโครงของ PESCO ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 ที่ผ่านมา โดยมีประเทศเอสโตเนียเป็นผู้นำโครงการ และมีการทำความตกลงด้านข้อกำหนดทางเทคนิคกับประเทศฟินแลนด์ ลัตเวีย เยอรมนี เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส และสเปน โครงการนี้มีความสอดคล้องกับประเด็นสำคัญ 11 ข้อในแผนพัฒนาขีดความสามารถประจำปี 2561 ของหน่วยงานด้านกลาโหมแห่งยุโรป

"ประเทศในยุโรปหลายประเทศจะเริ่มใช้ยานแบบไร้คนขับทั้งในการขนส่งและภารกิจด้าน ISR เพื่อลดภาระทั้งด้านแรงงานและสมอง และเพิ่มความปลอดภัยให้กับกองพลของเรา การบูรณาการขีดความสามารถรูปแบบใหม่กับขีดความสามารถและโครงสร้างของกองทัพในปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์แบบจึงเป็นเรื่องสำคัญ” Kuldar Väärsi ซีอีโอแห่ง Milrem Robotics อธิบาย “และที่สำคัญไม่แพ้กัน คือระบบไร้คนขับเหล่านี้จะต้องมีความปลอดภัยในการใช้งานและปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ นี่คือขอบเขตที่ iMUGS ให้ความสำคัญ" Väärsi อธิบายเพิ่มเติม

ความร่วมมือครั้งนี้มีการลงชื่อในบันทึกความเข้าใจโดย 14 องค์กร ประกอบด้วย Milrem Robotics, GT Cyber Technologies, Safran Electronics & Defense, NEXTER Systems, Krauss-Maffei Wegmann, Diehl Defence, Bittium Wireless, Insta DefSec, (Un)Manned, dotOcean, Latvijas Mobilais Telefons, GMV Aerospace and Defence, the Estonian Military Academy และ Royal Military Academy of Belgium ความร่วมมือระดับนานาชาติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้จะรวมความเชี่ยวชาญและทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นจากทั่วทั้งยุโรปเพื่อบรรลุก้าวที่สำคัญของโดเมนนี้

โครงการ EDIDP มีเป้าหมายที่จะสร้างประโยชน์ให้กับความเป็นอิสระเชิงกลยุทธ์ของสหภาพยุโรป และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับความร่วมมือของระหว่างประเทศสมาชิก โดยมีหัวข้อที่ให้ความสำคัญลำดับต้น ๆ อย่างการสนับสนุนปฏิบัติการทางการทหารที่มีขีดความสามารถสูง โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษทางด้านข่าวกรองและการสื่อสารที่มีความปลอดภัย และด้านไซเบอร์ ส่วนการดำเนินการจะประกอบด้วยการพัฒนาขีดความสามารถในการรบภาคพื้นดินแห่งอนาคต และโซลูชันด้านปัญญาประดิษฐ์ ความเป็นจริงเสมือน (virtual reaity) และเทคโนโลยีไซเบอร์

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20190924005469/en/

ติดต่อ:

Gert Hankewitz
Milrem Robotics
gert.hankewitz@milrem.com

Enapter เปิดโรงงานผลิตเครื่องผลิตไฮโดรเจนระบบอิเล็กโทรลิซิสแบบทีละชิ้น

Logo

กระบวนการผลิตแบบใหม่สามารถลดต้นทุนได้ 20 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มกำลังการผลิตได้ถึงแปดเท่า และผลิตไฮโดรเจนได้ในราคาที่สามารถจับต้องได้ยิ่งขึ้น

ปิซา, อิตาลี–(BUSINESS WIRE)–17 กันยายน 2562

Enapter ผู้ผลิตเครื่องผลิตไฮโดรเจนระบบอิเล็กโทรลิซิสแบบแยกส่วน ประกาศเปิดโรงงานผลิตเครื่องผลิตไฮโดรเจนแบบทีละชิ้นแห่งใหม่ในเมืองปิซา กระบวนการผลิตที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้กับ Enapter ได้ถึงแปดเท่าและลดต้นทุนเครื่องผลิตไฮโดรเจนระบบอิเล็กโทรลิซิสได้มากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ การยกระดับครั้งนี้ทำให้การผลิตไฮโดรเจนตามสถานที่ต่าง ๆ เกิดขึ้นได้จริงและในราคาที่สามารถจับต้องได้ และสามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้หลากหลายในทั่วทุกมุมโลก ได้แก่ อุปกรณ์เก็บพลังงาน พลังงานสำรอง พลังงานความร้อน การผลิตไฮโดรเจนสำหรับอุตสาหกรรม และยานยนต์พลังงานไฮโดรเจน

การผลิตไฮโดรเจนมีแนวโน้มที่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด ซึ่งยังคงถูกจำกัดด้วยเรื่องต้นทุนและความสามารถในการรองรับการขยายตัว เครื่องผลิตไฮโดรเจนระบบอิเล็กโทรลิซิสรุ่น EL 2.0 ของ Enapter ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหานี้ด้วยเทคโนโลยี Anion Exchange Membrane (AEM) ที่จดสิทธิบัตร โดยเทคโนโลยี AEM ของ Enapter สามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งานของเครื่องผลิตไฮโดรเจนได้โดยใช้เพียงพืชในปริมาณที่เหมาะสมและไม่จำเป็นต้องใช้โลหะมีตระกูลใด ๆ การผลิตเครื่องแบบทีละชิ้นทำให้ Enapter ทำให้เครื่องผลิตไฮโดรเจนรุ่น EL 2.0 เข้าถึงฐานลูกค้าได้ในวงกว้างมากขึ้น ไปพร้อมกับการเพิ่มกำลังการผลิตรุ่น EL 2.1 ที่กำลังจะมาถึง

“โรงงานผลิตแห่งใหม่นี้เปรียบเสมือนอีกก้าวของความสำเร็จครั้งสำคัญสำหรับเรา” Sebastian-Justus Schmidt ประธานบริษัท Enapter กล่าว “ภารกิจของเราคือการทำให้การผลิตไฮโดรเจนซึ่งเป็นพลังงานสะอาดมีต้นทุนที่ต่ำกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิล และกระบวนการนี้จะช่วยให้เราผลิตเครื่องผลิตไฮโดรเจนระบบอิเล็กโทรลิซิสให้กับโครงการต่าง ๆ ทั่วโลกได้ นี่คือก้าวที่สำคัญที่จะทำให้เครื่องผลิตไฮโดรเจนระบบอิเล็กโทรลิซิสมีมาตรฐานและเป็นสินค้าที่มีคุณค่า ที่สามารถแข่งขันกับแหล่งพลังงานที่ล้าสมัยแล้วได้”

ด้วยการออกแบบให้สามารถวางซ้อนกันได้ โรงงานทุกขนาดจึงสามารถใช้เครื่องรุ่น EL 2.0 ได้ ปัจจุบัน เครื่องผลิตไฮโดรเจนระบบอิเล็กโทรลิซิสของ Enapter ถูกนำไปใช้กับระบบโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับเกาะ อุปกรณ์เก็บพลังงานตามฤดูกาลบนเทือกเขาแอลป์ ระบบทำความร้อนในบ้านเรือนในประเทศเนเธอร์แลนด์ กระบวนการผลิตก๊าซมีเทนทดแทนในประเทศออสเตรเลีย กระบวนการกลั่นไนโตรเจนในประเทศโปรตุเกส การเติมเซลล์เชื้อเพลิงให้กับอากาศยานไร้คนขับในประเทศจีน และอื่น ๆ อีกมากมาย ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันต่าง ๆ จาก Enapter ได้ที่ https://enapter.com

เกี่ยวกับ Enapter

Enapter เป็นผู้ผลิตเครื่องผลิตไฮโดรเจนแบบประกอบประสิทธิภาพสูง โดยใช้กระบวนการ Anion Exchange Membrane Electrolysis เทคโนโลยีหลักของบริษัทได้รับการยอมรับมาตลอด 10 ปี และเป็นรากฐานให้กับการผลิตเครื่องอิเล็กโทรไลเซอร์ขนาดพกพาที่มีราคาต่ำ เครื่องรุ่น EL 2.0 ออกแบบมาให้วางซ้อนกันได้ และสามารถติดตั้งเข้ากับระบบจัดการพลังงานของ Enapter ได้ง่าย ซึ่งระบบของ Enapter มีการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในหลายประเทศ เช่น อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและอุตสาหกรรมพลังงาน ทีมงานของบริษัทประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าเคมีและไอทีที่จะคอยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจพลังงานไฮโดรเจน และ Enapter มีสำนักงานตั้งอยู่ที่เบอร์ลิน ปิซา กรุงเทพมหานคร และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก https://www.enapter.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20190917005280/en/

ติดต่อ:

Antenna
Kalena Gravina
enapter@antennagroup.com
201-465-8013

Enapter
Vaitea Cowan
vaitea@enapter.com
+39 050 644 281

เอ็กซอนโมบิลเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Mobil EV™ สำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

Logo

มาพร้อมคุณสมบัติที่จะยกระดับประสิทธิภาพของยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่

  • ผลิตภัณฑ์ Mobil EV™ ช่วยให้ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่เดินทางได้ไกลขึ้นหลังจากการชาร์จไฟ ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และมีระบบการทำงานที่ปลอภัยมากขึ้น
  • การเปิดตัวนี้เป็นการตอกย้ำความร่วมมือระหว่างเอ็กซอนโมบิลกับผู้รับจ้างผลิตในความมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ตามความต้องการของผู้บริโภค

แฟรงก์เฟิร์ต, เยอรมนี–(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2562

วันนี้ เอ็กซอนโมบิลได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Mobil EV™ ครั้งแรกของโลกในงาน 2019 IAA ซึ่งประกอบด้วยชุดน้ำมันหล่อลื่นและจาระบีที่พัฒนาเพื่อตามมาตรฐานของระบบส่งกำลังสำหรับแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจำนวนของยานยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดรวมกับยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่และยานยนต์ระบบพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงจะสูงเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนรถยนต์ขนาดเล็กทั่วโลกในปี 25831

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190912005285/en/

ExxonMobil announced the global launch of its Mobil EV™ offering, which features a full suite of fluids and greases designed to meet the evolving drivetrain requirements of battery electric vehicles. *Please refer to commercial product package for actual label, product data and specifications. (Photo: Business Wire)

เอ็กซอนโมบิลเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชุด Mobil EV™ เป็นครั้งแรกของโลก มาพร้อมชุดน้ำมันหล่อลื่นและจาระบีที่พัฒนาให้ตรงกับความต้องการของระบบส่งกำลังที่ใช่ในยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ *โปรดดูป้ายสินค้าจริง ข้อมูลสินค้า และข้อมูลจำเพาะจากบรรจุภัณฑ์ของสินค้าสำหรับจำหน่าย (รูปภาพ: Business Wire)

“รูปแบบการเดินทางในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนไป และยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้ากำลังมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้” Russ Green รองประธานฝ่ายน้ำมันเครื่องสำเร็จรูปแห่งเอ็กซอนโมบิล กล่าว “ลูกค้าและผู้รับจ้างผลิตต่างกำลังมองหาวิธีปรับปรุงประเภทและประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยของยานยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาให้ดีขึ้น และเอ็กซอนโมบิลอยู่ในจุดที่สามารถส่งมอบสิ่งเหล่านั้นได้ นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของโซลูชันด้านผลิตภัณฑ์และบริการที่เราเตรียมพัฒนาเพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้นของลูกค้าเท่านั้น”

ด้วยการที่ถูกพัฒนาให้รองรับความต้องการยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าของทั้งผู้ผลิตและผู้ใช้รถ Mobil EV จึงประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของโมเลกุลที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันและรวมเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่สามารถเดินทางได้ไกลขึ้นหลังจากการชาร์จไฟ ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และมีระบบการทำงานที่ปลอภัยมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ชุด Mobil EV ครอบคลุมทุกการใช้งานของยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ ซึ่งประกอบด้วย:

  • Mobil EV Therm™ ชุดผลิตภัณฑ์น้ำมันจัดการความร้อน สำหรับช่วยระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบอิเล็กทรอนิกส์กำลัง
  • Mobil EV Drive™ ชุดผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องสำหรับเกียร์ลดความเร็วรอบในยานยนต์ไฟฟ้า พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยปกป้องเกียร์และตลับลูกปืนจากการเสื่อมสภาพ และยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น
  • Mobil EV Cool Drive™ ชุดผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นสำหรับเกียร์ลดความเร็วรอบในยานยนต์ไฟฟ้าที่มีมอเตอร์แบบวงจรรวม คิดค้นขึ้นช่วยเพิ่มความหล่อลื่นให้กับเกียร์และตลับลูกปืน พร้อมทั้งระบบระบายความร้อนที่จำเป็นสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์กำลัง
  • Mobil EV Grease™ ผลิตภัณฑ์​เพื่อ​การ​ปกป้อง​ ประสิทธิภาพ​ และความ​น่า​เชื่อ​ถือ​ของอุปกรณ์​ใน​ยานยนต์​ไฟฟ้า​ประกอบ​ด้วย​ มอเตอร์​ไฟฟ้า​ ตลับ​ลูกปืน​และหัว​เพลา​ขับสำหรับการ​ขับขี่​ใน​สภาวะ​ต่าง​ ๆ

ด้วย​ชื่อเสียง​ที่​สะสม​มา​กว่า​ 135 ปี​ เอ็กซอนโมบิล​มี​ความ​มุ่งมั่น​ที่จะ​ใช้​ความ​เชี่ยวชาญ​ด้าน​เทคโนโลยี​น้ำมัน​และการ​จัด​การ​อุปกรณ์​ต่าง​ ๆ​ เพื่อ​ช่วย​ให้​ยานยนต์​และ​ผู้​ผลิต​ชิ้นส่วน​พัฒนา​ยานยนต์​ไฟฟ้า​ที่​จะ​มอบ​ประสบการณ์​การ​ขับขี่​ที่​เหนือกว่า​ให้​กับ​ลูกค้า

การ​เปิด​ตัว​ครั้ง​นี้​เกิดขึ้น​ไม่​นาน​หลัง​จาก​บริษัท​ได้​ขยาย ความ​เป็น​พันธมิตร​กับ​ปอร์เช่ เพื่อ​รวม​การ​แข่งขัน​รถยนต์​ฟอร์มูลา​อี​ฤดูกาล​ 2019 / 2020 ไว้​ใน​ข้อ​ตกลง​ด้วย​ ซึ่ง​นับ​เป็น​ครั้ง​แรก​ของ​เอ็กซอน​โม​บิล​กับ​การ​แข่งขัน​มอเตอร์​สปอร์ต​ประเภท​รถยนต์​ไฟฟ้า​​ โดย​เอ็กซอน​โม​บิล​จะ​เป็น​ผู้​สนับสนุน​น้ำมัน​หล่อ​ลื่น​ระบบ​ส่ง​กำลัง​ประสิทธิภาพ​สูง​สำห​รับ​ยานยนต์​ไฟฟ้า​ภาย​ใต้​แบรนด์​ Mobil ให้​กับ​รถยนต์​ปอร์เช่​ ซึ่ง​ผลิตภัณฑ์​ดังกล่าว​ถูก​พัฒนา​ขึ้น​ตามความต้องการของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนำไฟฟ้า ระบบทำความเย็นและความเข้ากันได้ของวัสดุ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่: www.mobilev.com

เกี่ยวกับเอ็กซอนโมบิล

เอ็กซอนโมบิล เป็นบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก


1 2019 Outlook for Energy: A Perspective to 2040, ExxonMobil, 2019

ดูเนื้อหาต้นบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20190912005285/en/

ติดต่อ:

สื่อมวลชนสัมพันธ์
832-625-4000


Hansoh Pharma และ Atomwise เปิดตัวความร่วมมือค้นคว้าตัวยาผ่านเทคโนโลยี AI เพื่อใช้ในการรักษาต่าง ๆ

Logo

Hansoh Pharma วางแผนประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อสร้างโมเลกุลขนาดเล็กที่ดีที่สุดครั้งแรก

เซี่ยงไฮ้และซานฟรานซิสโก—(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2562

Hansoh Pharmaceutical Group Company Limited (“Hansoh Pharma”) บริษัทชีวเภสัชกรรมชั้นนำในประเทศจีน และ Atomwise, Inc. (“Atomwise”) ผู้นำเทคโนโลยี AI เพื่อการค้นคว้ายารักษาโรค ประกาศความร่วมมือในการออกแบบและค้นหาชนิดตัวยาที่มีประสิทธิภาพสำหรับโปรตีนเป้าหมายที่ยังไม่ระบุ 11 ตัวเพื่อการรักษาโรคหลากหลายชนิด

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190911005825/en/

ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก Atomwise และ Hansoh Pharma จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด การผสมผสานกันระหว่างความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่มีให้จะมอบประสิทธิภาพในการช่วยเร่งให้โครงการนี้สำเร็จอย่างมหาศาล และจะย่นระยะเวลาการค้นคว้าหาตัวยาและการพัฒนาทางคลินิก

นายแพทย์ Aifeng Lyu ประธาน Jiangsu Hansoh Pharmaceutical Group Co., Ltd., บริษัทในเครือของ Hansoh Pharma กล่าวว่า “Atomwise เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เหมาะสมกับ Hansoh Pharma ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI และสร้างชนิดโมเลกุลขนาดเล็กสำหรับรักษาโรคเนื้องอกและโรคอื่น ๆ เรารู้สึกประทับใจในแพลตฟอร์มและประสิทธิภาพของ AI และทีมของ Atomwise จากการทำงานร่วมกัน เราเชื่อว่าเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาการรักษาที่ดีที่สุดครั้งแรก”

Dr. Abraham Heifets ซีอีโอ Atomwise กล่าวเสริมว่า “Hansoh Pharma ให้พันธสัญญาสำคัญในการสร้างนวัตกรรมและปฏิบัติภารกิจเพื่อเปลี่ยนโลกการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย”

แพลตฟอร์ม AI ระดับโลกของ Atomwise สำหรับการออกแบบตัวยาตามโครงสร้างจะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ เป็นตัวเลือกอันดับต้น และเป็นความพยายามในการบุกเบิก Hansoh Pharma จะมอบศักยภาพการทดสอบทางชีววิทยาและเคมีเพื่อการรักษา รวมทั้งบุกเบิกกิจกรรมการพัฒนาในระดับพรีคลินิกและคลินิกต่าง ๆ

ภายใต้ข้อกำหนดของความร่วมมือ Atomwise จะได้รับค่าธรรมเนียมการใช้เทคโนโลยีที่ยังไม่เปิดเผย ค่าธรรมเนียมการทดลอง ค่าลิขสิทธิ์ และรายได้จากการออกใบอนุญาตหรือการขายทรัพย์สินที่เกิดจากความร่วมมือ จากรายได้เฉลี่ยในประวัติศาสตร์สำหรับตัวยาโมเลกุลขนาดเล็ก มูลค่าทั้งหมดจากการทำสัญญากับ Atomwise ที่ประสบผลสำเร็จทั้งหมดนับเป็นผลพลอยได้ Hansoh Pharma จะได้รับสิทธิ์ในการพัฒนาและดำเนินการค้าในทุกสาขาและภูมิภาค

เกี่ยวกับ Hansoh Pharma

Hansoh Pharma (3692:HK) บริษัทชีวเภสัชกรรมชั้นนำในประเทศจีนที่อุทิศตนเพื่อค้นหาและพัฒนาตัวยาที่เปลี่ยนชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้พ้นจากอาการโรคร้ายแรง ปัจจุบันมีพนักงานราว 8,900 คน Hansoh ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 มีระบบการวิจัยและพัฒนา ศักยภาพการผลิตและค้าขายแบบครอบคลุม ช่วยส่งเสริมความเป็นผู้นำการรักษาระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) โรคเนื้องอก โรคเบาหวานและยาต้านการติดเชื้อ และอื่น ๆ จากผู้เชี่ยวชาญราว 1,400 คนในแผนกการวิจัยและพัฒนา Hansoh ถูกจัดอันดับที่ 2 เป็นบริษัทนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีววิทยาและเภสัชกรรมในประเทศจีนสำหรับโมเลกุลที่ใช้ผลิตยาชนิดใหม่เพื่อการพัฒนาระดับคลินิกตั้งแต่ปี 2554 รายได้ของบริษัท Hansoh Pharma ในปี 2018 อยู่ราว 11,000 ล้านดอลล่าร์ เติบโตปีต่อปี 25% สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมที่ www.hspharm.com

เกี่ยวกับ Atomwise

Atomwise, Inc. นำเทคโนโลยี AI มาศึกษาค้นคว้าตัวยาโมเลกุลขนาดเล็กตามโครงสร้าง ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน Atomwise ร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทด้านเภสัชกรรมและเคมีเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลมากกว่าร้อยแห่งใน 19 ประเทศเพื่อจัดทำโครงการหลายร้อยโครงการต่อปี Atomwise ได้ระดมเงินกว่า 50 ล้านดอลล่าร์จากบริษัทลงทุนชั้นนำเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI

ดูเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20190911005825/en/ 

ติดต่อ:

Hansoh Pharma

ชื่อ​: Paul Lu

อีเมล​: communications@hspharm.com

Atomwise

ชื่อ: Sara Dunn

อี​เมล: SDunn@jpa.com

Milrem Robotics เปิดตัวยานยนต์ต่อสู้อเนกประสงค์รุ่นใหม่

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–10 กันยายน 2562

Milrem Robotics ผู้ผลิตยานยนต์ต่อสู้ไร้คนขับชั้นนำในยุโรปและผู้ผลิตโซลูชั่นส์หุ่นยนต์ทางทหาร ประกาศเปิดตัวยานยนต์ต่อสู้อเนกประสงค์ THeMIS UGV ที่งาน DSEI 2019 ณ กรุงลอนดอน โดยออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือทหารในการสู้รบและยกระดับศักยภาพภาพการต่อสู้

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190909005403/en/

Two THeMIS UGVs delivered to the Royal Netherlands Army were used in a live firing exercise in Austria recently. One was equipped with the deFNder RWS from FN Herstal and the other was used as a transportation platform (Photo: Business Wire)

ยานยนต์ต่อสู้อเนกประสงค์ THeMIS UGV จำนวน 2 คันที่ส่งมอบไปยังกองทัพบกเนเธอร์แลนด์ถูกใช้ในการซ้อมรบในประเทศออสเตรียเมื่อเร็ว ๆ นี้ หนึ่งคันเสริมด้วย deFNder RWS จาก FN Herstal และอีกหนึ่งคันถูกนำไปใช้ในแพลตฟอร์มการขนส่ง (ภาพ: Business Wire)

Kuldar Väärsi ซีอีโอแห่ง Milrem Robotics กล่าวว่า “เราได้จัดแสดงยานยนต์รุ่น THeMIS ครั้งแรกในงาน DSEI ณ กรุงลอนดอนในปี 2015 ผ่านมาทั้งสิ้น 4 ปี ปัจจุบันหลังจากการทดสอบประสิทธิภาพกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมและกองกำลัง NATO ในสภาวะการสู้รบที่แตกต่างกันแล้ว ทางเรารู้สึกภูมิใจที่ได้กลับมานำเสนอผลงานที่แข็งแรงและพร้อมใช้งาน ซึ่งจะช่วยยกระดับแสนยานุภาพการสู้รบได้เป็นอย่างดี

ยานยนต์ต่อสู้ THeMIS รุ่นที่ 5 ประดิษฐ์จากการลองผิดลองถูกจากการทดสอบในสหรัฐฯ ยุโรป ตะวันออกกลาง และล่าสุดถูกนำไปใช้โดยทหารฝรั่งเศสในปฏิบัติการ Operation Barkhane ในชายแดนประเทศมาลี ยานยนต์ต่อสู้ THeMIS รุ่นที่ 5 นี้ผ่านมาตรฐาน NATO STANAG ในด้านโครงสร้าง ความปลอดภัย ความสามารถการขับขี่ทางอากาศ พละกำลังในการเคลื่อนทัพ รวมทั้งด้านอื่น ๆ

Väärsi กล่าวเพิ่มเติมว่า “วิศวกรของเราได้พิจารณาข้อเสนอแนะจากกองทัพอาวุธครบมือต่าง ๆ และนำมาสร้างสรรค์ออกแบบอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งและแม่นยำในการสนับสนุนกองกำลังทางทหาร”

THeMIS เป็นยานยนต์ต่อสู้ไร้คนขับอเนกประสงค์ที่สามารถนำไปเติมแต่งกับเทคโนโลยีการสู้รบ เช่น ระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ โดรนบังคับด้วยเชือก อุปกรณ์ตรวจจับ IED และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งได้กลายเป็นยนยนต์ต่อสู้ไร้คนขับอเนกประสงค์ตามมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ใช้งานได้หลายแบบ

จากการร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Kongsberg, FN Herstal, MBDA, ST Engineering และอื่น ๆ ระบบราวกว่าสิบระบบได้ถูกรวมเป็นหนึ่ง มีการจัดการทดสอบบนสนามจริงด้วยระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่แตกต่าง 5 ชนิด รวมทั้งจรวดทำลายรถถัง

นอกจากนี้ Milrem Robotics ยังได้พัฒนายานยนต์ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นใช้งานอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทางจุดต่อจุด การตรวจจับสิ่งกีดขวาง และการหลบหนี การพัฒนาฟังก์ชั่นอัตโนมัติโดูจากการเคลื่อนที่เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ดูจากการเตรียมพร้อมอาวุธต่อสู้

THeMIS ถูกส่งมอบไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์และนอร์เวย์สำหรับใช้งานด้านโลจิสติกส์เพื่อขนส่งอุปกรณ์เครื่องมือและกำลัง พร้อมการรวมอุปกรณ์การต่อสู้เพิ่มเติม

THeMIS รุ่นที่ 5 จัดแสดงที่ Estonian Pavilion N3-320 และ Kongsberg’s stand S6-145 ในงาน DSEI 2019

กรุณารับชม THeMIS ในสนามจริงได้ที่ https://youtu.be/RLU0w8DNo7M.

ดูเนื้อหาต้นฉบับที businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20190909005403/en/

ติดต่อ:

Gert Hankewitz
ผู้อำนวยการการส่งออก
gert.hankewitz@milrem.com

 

 

 

Aptorum Group ประกาศพัฒนาชนิดตัวยาไมโครไบโอมเพื่อรักษาโรคอ้วน และชนิดตัวยาที่ดัดแปลงใหม่เพื่อรักษาโรคมะเร็งเนื้อเยื่อประสาท

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2562

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) (“Aptorum Group”) บริษัทผลิตชีวเภสัชภัณฑ์ที่เน้นการพัฒนายารักษาโรคชนิดใหม่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ประกาศการคิดค้นพัฒนาตัวยา 2 ชนิดในขั้นตอนพรีคลินิก โดยเน้นการรักษาโรคอ้วนและโรคมะเร็งเนื้อเยื่อประสาทตามลำดับ

เกี่ยวกับ CLS-1: การรักษาโรคอ้วนโดยปรับสมดุลของการสื่อสารทางเคมีที่เกี่ยวข้องกับจุลินทรีย์ในลำไส้

ภายใต้แพลตฟอร์มการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกายหรือไมโครไบโอต้าที่ประกาศเปิดตัวล่าสุดโดย  Claves Life Sciences Limited ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Aptorum Group ทางบริษัทได้คิดค้นพัฒนาสายพันธุ์โมเลกุลระดับมาโครอย่าง CLS-1 ในขั้นพรีคลินิกเพื่อรักษาโรคอ้วน CLS-1 กำลังอยู่ระหว่างการปรับสภาพ และมีแผนการจะนำไปสู่ขั้นตอน IND ในปี 2563

ปัจจุบันโรคอ้วนได้แพร่ขยายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก และยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผลสูงสุด1 สำหรับผู้ป่วยโรคอ้วนส่วนใหญ่แล้ว วิธีการรักษาแบบพื้นบ้าน (เช่น ลดอาหาร ออกกำลังกาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม) มักจะล้มเหลวในระยะยาว2 เราเชื่อว่าเภสัชบำบัดที่คิดค้นล่าสุดนี้จะมีประสิทธิภาพที่จำกัด และเกี่ยวข้องกับประเด็นความปลอดภัยของสารเคมี ซึ่งจะมอบโอกาสทางการตลาดมหาศาลแก่ CLS-1

การสื่อสารทางเคมีของจุลินทรีย์ในลำไส้รู้จักกันในฐานะสาเหตุหลักของโรคอ้วน1 CLS-1 คือมาโครโมเลกุลที่ให้ทางปากโดยไม่มีการดูดซับ ซึ่งจะปรับสมดุลการเผาผลาญของจุลินทรีย์ในลำไส้ผ่านความจำเพาะและความสัมพันธ์ที่สูง วิธีนี้เราเชื่อว่าการดูดซึมของกระบวนการเผาผลาญที่เกี่ยวเนื่องกับโรคอ้วนจะถูกยับยั้งได้

Aptorum Group กำลังทดลองตังบ่งชี้อีก 2 ชนิดผ่านการปรับสมดุลของการสื่อสารทางเคมีของไมโครไบโอต้าที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางโมเลกุลขนาดใหญ่ ซึ่งทางเราเชื่อว่าจะสามารถปรับตัวใช้งานได้ดี และเราหวังว่าจะได้ประกาศให้ผู้คนทราบถึงการคิดค้นของเราในครั้งนี้ด้วย

เกี่ยวกับ SACT-1: ชนิดยาที่นำมาดัดแปลงใหม่สำหรับการรักษานิวโรบลาสโตมาหรือโรคมะเร็งของเนื้อเยื่อประสาท

ภายใต้แพลตฟอร์มการคิดค้นยาผ่านระบบคอมพิวเตอร์ของ Smart-ACTTM ซึ่งประกาศเปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยบริษัทลูกของ Aptorum Group อย่าง Smart Pharma Group โดย Aptorum Group ได้สกรีนตัวยาราว 1,615 ชนิดผ่านโปรตีนเป้าหมายเพื่อการรักษา 3 ชนิดสำหรับแก้ปัญหาการคาดคะเนโรคมะเร็งของเนื้อเยื่อประสาทที่ไม่แม่นยำ เช่น ชนิดของโรคมะเร็งที่หายากในเด็กที่เกิดจากเนื้อเยื่อประสาท และที่มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ กับบริเวณต่อมหมวกไต รวมทั้งกระดูกไขสันหลัง หน้าอก ช่องท้อง หรือคอ3 สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง อัตราการรอดชีวิตของโรคนี้มีประมาณ 40-50% สำรวจโดยสมาคมโรคมะเร็งแห่งอเมริกา4 Aptorum Group ได้ระบุชนิดตัวยาที่นำมาดัดแปลงใหม่ และประเมินตัวยาเหล่านี้ในระดับเซลล์และการทดลองกับสัตว์เพื่อรับรองว่าตัวยาชนิดนี้ใช้ได้กับข้อบ่งชี้ใหม่และประสิทธิภาพที่พัฒนาได้

Aptorum Group กำลังทดลองตัวบ่งชี้อีก 2 ชนิดบนแพลตฟอร์มวิจัย Smart-ACTTM เราหวังว่าจะได้ประกาศให้ผู้คนทราบถึงการคิดค้นของเราในครั้งนี้ด้วย

เกี่ยวกับ Aptorum Group Limited

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) คือบริษัทเวชภัณฑ์ที่อุทิศตนในการพัฒนาและทำธุรกิจการรักษาโรคแบบใหม่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์และไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก Aptorum Group ยังเดินหน้าคิดค้นโปรแกรมการรักษาโรคต่าง ๆ เช่นโรคประสาท โรคติดเชื้อ โรคเกี่ยวกับทางเกินอาหาร โรคเนื้องอก และโรคอื่น ๆ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aptorum Group โปรดดูที่ www.aptorumgroup.com

เกี่ยวกับ Claves Life Sciences Limited

Claves Life Sciences Limited เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจยารักษาโรค โดยเป็นบริษัทในเครือของ Aptorum Group Limited ทำหน้าที่คิดค้นพัฒนาตัวยารักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร โดยตัวยาที่กำลังวิจัยและมีแนวโน้มพัฒนาต่อไปคือการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ที่มาจากการเผาผลาญอาหารเพื่อป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ Claves ยังค้นหาแพลตฟอร์มการปรับสมดุลจุลินทรีย์ที่สร้างสายพันธุ์โมเลกุลใหม่ ๆ ที่สามารถปรับตัวเข้ากับระดับของกระบวนการเผาผลาญในลำไส้ และยังสามารถใช้รักษาอาการทางการแพทย์ต่าง ๆ ได้อีกมากมาย

เกี่ยวกับ Smart Pharma Group

Smart Pharma Group ประกอบด้วย Smart Pharmaceutical Limited Partnership, SMTPH Limited และบริษัทในเครืออื่น ๆ Smart Pharma Group เป็นบริษัทในเครือของ Aptorum Group Limited เน้นการนำยารักษาโรคที่ผ่านการรับรองมาใช้ใหม่อย่างเป็นระบบเพื่อการรักษาโรคหายากต่าง ๆ Smart Pharma Group ทำการสกรีนและคิดค้นวินิจฉัยผ่านระบบคอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนาตัวยาให้มีความทันสมัย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Smart Pharma Group โปรดดูที่ www.smtph.com

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบและข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Aptorum Group Limited และความคาดหวังในอนาคต แผน และโอกาสในอนาคตซึ่งเป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ภายใต้ความหมายของพระราชบัญญัติปฏิรูปกฎหมายฟ้องร้องหลักทรัพย์เอกชนปี พ.ศ. 2538 ข้อความที่มีอยู่ในเอกสารฉบับนี้ซึ่งไม่ใช่แถลงการณ์ของข้อเท็จจริงในอดีตอาจถือเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ในบางกรณีคุณสามารถระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าโดยใช้คำเช่น“ อาจ” “ควร” “คาดว่า” “มีแผนจะ” “คาดการณ์” “อาจจะทำได้” “ตั้งใจว่า” “มีเป้าหมายว่า” “มีโครงการว่า" "พิจารณาจะ" "เชื่อว่า" "ประเมินว่า" "พยากรณ์" "มีศักยภาพจะ" หรือ "จะดำเนินการต่อ"  หรือคำตรงข้ามของคำเหล่านี้หรือสำนวนอื่น ๆ ที่คล้ายกัน กลุ่ม Aptorum ได้ใช้แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้โดยส่วนใหญ่มาจากความคาดหวังและการคาดการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตซึ่งบริษัท เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงาน ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้พูดเฉพาะวันที่ของเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้และอยู่ภายใต้ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และข้อสันนิษฐาน รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ประกาศไว้และการเปลี่ยนแปลงองค์กร การให้บริการอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการขยายการจัดประเภทผลิตภัณฑ์โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มเติม กลยุทธ์การเติบโตของบริษัทที่คาดการณ์ไว้ แนวโน้มและความท้าทายที่คาดการณ์ไว้ในธุรกิจของบริษัท และความคาดหวังเกี่ยวกับเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงอย่างเต็มที่อธิบายไว้ในแบบฟอร์ม 20-F ของกลุ่ม Aptorum และเอกสารอื่น ๆ ที่กลุ่ม Aptorum อาจทำกับ กลต. ในอนาคต กลุ่ม Aptorum ไม่มีข้อผูกมัดในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีอยู่ในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้อันเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

1 Protein Cell. May; 9(5): 397–403.

2 Obes Surg. 2012 Jun;22(6):956-66

3 https://www.cancer.gov/publications/dictionaries/cancer-terms?expand=N

4 ดู https://www.cancer.org/cancer/neuroblastoma/detection-diagnosis-staging/survival-rates.html.

ติดต่อ:

นักลงทุน: 
โทร: +852 2117 6611 
อีเมล: investor.relations@aptorumgroup.com

สื่อ: 
โทร: + 852 2117 6611 
อีเมล: info@aptorumgroup.com

Aptorum Group ศึกษาวิจัยตัวยาชนิดใหม่ในโมเลกุลสายพันธุ์เล็ก ALS-4 เพื่อรักษาการติดเชื้ออันเกิดจากแบคทีเรีย Staphylococcus Aureus และ MRSA

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2562

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) (“Aptorum Group”) บริษัทผลิตชีวเภสัชภัณฑ์ที่เน้นการพัฒนายารักษาโรคชนิดใหม่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ประกาศว่าบริษัทได้เริ่มวิจัยและพัฒนายาชนิดใหม่ (IND) เพื่อศึกษาในชื่อ ALS-4 ซึ่งเป็นตัวยาโมเลกุลขนาดเล็กสำหรับใช้รักษาโรคติดต่อที่เกิดจากแบคทีเรียสแตฟีโลคอกคัส ออเรียส หรือ Staphylococcus aureus (S. aureus) รวมถึงสแตฟิโลคอกคัส ออเรียสที่ดื้อยา (หรือ MRSA หนึ่งในเชื้อโรคที่รู้จักกันดีในชื่อเชื้อแบคทีเรียดื้อยา) บนพื้นฐานการทดลองต่อต้านเชื้อโรคชนิดใหม่

ตัวยา ALS-4 ได้พัฒนามาเป็นอย่างดีและการศึกษาเกี่ยวกับพิษวิทยาผ่านระบบคุณภาพที่ช่วยจัดการห้องปฏิบัติการให้มีมาตรฐาน (GLP) ได้ประสบความสำเร็จโดยสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งในอเมริกาเหนือ โดยทั่วไปแล้ว ตัวยา ALS-4 จะไม่แสดงการเปลี่ยนพันธุกรรมในการทดสอบฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ การพัฒนา ALS-4 อยู่ระหว่างการดำเนินงานและบริษัทวางแผนเสนอการวิจัยและพัฒนายาชนิดใหม่นี้ในครึ่งปีแรก 2563 ส่วนการทดสอบกึ่งคลินิกเฟส 1 ได้ถูกวางแผนในอเมริกาเหนือจากทั้งอาสาสมัครสุขภาพดีและผู้ป่วยที่ได้รับผลของประสิทธิภาพขั้นแรกเริ่ม

S. aureus คือแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อทางกระแสเลือด ปอด ผิวหนัง กระดูก และอุปกรณ์ รวมทั้งโรคที่เกิดจากสารพิษ1 มีการประเมินว่าผู้ป่วยที่เกิดจากแบคทีเรีย S. aureus มีอัตราการเสียชีวิต 30%2 และสูงกว่าอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อเอดส์ วัณโรค และไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง3 MRSA, vancomycin-intermediate และ S. aureus ที่ดื้อยาทั้งหมดได้ถูกระดับเป็นโรคสำคัญสำหรับจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ต้องวิจัยและพัฒนา4

เกี่ยวกับ ALS-4

ALS-4 คือตัวยาที่มีโมเลกุลขนาดเล็กที่เชื่อว่าสามารถยับยั้ง dehydrosqualene desaturase  ของ S. aureus (รวมถึง MRSA) ซึ่งเกี่ยวข้องกับ staphyloxanthin หรือเม็ดสีทองหุ้มแบคทีเรียที่เห็นได้ชัด หรือช่วยแบคทีเรียต่อต้านอนุพันธ์ออกซิเจนที่ว่องไว (ROS) ที่ส่งจากเซลล์ฟาโกไซต์และเม็ดเชือดขาวนิวโตรฟิล5 ในกรณีนี้ ALS-4 ไม่ใช่การฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และการยับยั้งกระบวนการผลิต staphyloxanthin และ S. aureus จะว่องไวต่อระบบภูมิคุ้มกันของผู้ทดลอง ALS-4 ใช้วิธีจับใหม่ ๆ ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งต่างจากวิธีกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่มักพบในยาปฏิชีวนะที่ส่งเสริมการดื้อยา

เกี่ยวกับ Aptorum Group Limited

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) คือบริษัทเวชภัณฑ์ที่อุทิศตนในการพัฒนาและทำธุรกิจการรักษาโรคแบบใหม่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์และไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก Aptorum Group ยังเดินหน้าคิดค้นโปรแกรมการรักษาโรคต่าง ๆ เช่นโรคประสาท โรคติดเชื้อ โรคเกี่ยวกับทางเกินอาหาร โรคเนื้องอก และโรคอื่น ๆ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aptorum Group โปรดดูที่ www.aptorumgroup.com

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบและข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Aptorum Group Limited และความคาดหวังในอนาคต แผน และโอกาสในอนาคตซึ่งเป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ภายใต้ความหมายของพระราชบัญญัติปฏิรูปกฎหมายฟ้องร้องหลักทรัพย์เอกชนปี พ.ศ. 2538 ข้อความที่มีอยู่ในเอกสารฉบับนี้ซึ่งไม่ใช่แถลงการณ์ของข้อเท็จจริงในอดีตอาจถือเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ในบางกรณีคุณสามารถระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าโดยใช้คำเช่น“ อาจ” “ควร” “คาดว่า” “มีแผนจะ” “คาดการณ์” “อาจจะทำได้” “ตั้งใจว่า” “มีเป้าหมายว่า” “มีโครงการว่า" "พิจารณาจะ" "เชื่อว่า" "ประเมินว่า" "พยากรณ์" "มีศักยภาพจะ" หรือ "จะดำเนินการต่อ"  หรือคำตรงข้ามของคำเหล่านี้หรือสำนวนอื่น ๆ ที่คล้ายกัน กลุ่ม Aptorum ได้ใช้แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้โดยส่วนใหญ่มาจากความคาดหวังและการคาดการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตซึ่งบริษัท เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงาน ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้พูดเฉพาะวันที่ของเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้และอยู่ภายใต้ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และข้อสันนิษฐาน รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ประกาศไว้และการเปลี่ยนแปลงองค์กร การให้บริการอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการขยายการจัดประเภทผลิตภัณฑ์โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มเติม กลยุทธ์การเติบโตของบริษัทที่คาดการณ์ไว้ แนวโน้มและความท้าทายที่คาดการณ์ไว้ในธุรกิจของบริษัท และความคาดหวังเกี่ยวกับเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงอย่างเต็มที่อธิบายไว้ในแบบฟอร์ม 20-F ของกลุ่ม Aptorum และเอกสารอื่น ๆ ที่กลุ่ม Aptorum อาจทำกับ กลต. ในอนาคต กลุ่ม Aptorum ไม่มีข้อผูกมัดในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีอยู่ในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้อันเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

Clin Microbiol Rev. 2015 Jul;28(3):603-61.

2 Clin Microbiol Rev. 2012 Apr;25(2):362-86

3 Van Hal et al. Clin Microbiol Rev 2012

4 https://www.who.int/news-room/detail/27-02-2017-who-publishes-list-of-bacteria-for-which-new-antibiotics-are-urgently-needed

5 mBio 2017 8(5): e01224-17

ติดต่อ:

นักลงทุน: 
โทร: +852 2117 6611 
อีเมล: investor.relations@aptorumgroup.com

สื่อ: 
โทร: + 852 2117 6611 
อีเมล: info@aptorumgroup.com

The Bangkok Reporter