NTT Communications คว้ารางวัลผู้ให้บริการ IoT แห่งปี 2562 ของประเทศญี่ปุ่น ณ งาน Frost & Sullivan 2019 Asia Pacific ICT Awards

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–26 พฤศจิกายน 2562

วันนี้ NTT Communications Corporation (NTT Com) ธุรกิจโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ภายใต้เครือNTT Group (TOKYO: 9432) ประกาศถึงการได้การยกย่องให้เป็นผู้ให้บริการ IoT แห่งปี 2562 ของประเทศญี่ปุ่น ณ งานประกาศรางวัลด้านไอทีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2562 โดย Frost & Sullivan ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ ประเทศสิงคโปร์

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหาในรูปมัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20191125005066/en/

2019 Japan IoT Service Provider of the Year (Graphic: Business Wire)

ผู้ให้บริการ IoT แห่งปี 2562 ของประเทศญี่ปุ่น (กราฟิก: Business Wire)

การมอบรางวัลด้านไอทีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดย Frost & Sullivan มีขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 สำหรับในปีนี้ การมอบรางวัลมีขึ้นเพื่อยกย่องบริษัททั้งในตลาดภูมิภาคและตลาดโลก ที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอันยอดเยี่ยม และศักยภาพที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ เช่น การเป็นผู้นำ การสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ ๆ การบริการลูกค้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ โดยนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมทำการเปรียบเทียบผู้แข่งขันในตลาดและทำการประเมินผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึก การวิเคราะห์ และวิจัยขั้นทุติยภูมิอย่างกว้างขวาง เพื่อทำการคัดเลือกองก์กรที่ดีที่สุด

ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ NTT Com ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ให้บริการ IoT แห่งปี 2562 ของญี่ปุ่น โดย NTT Com ได้ตอบสนองความต้องการด้านการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นดิจิทัลให้กับลูกค้า ด้วยการให้บริการแพลตฟอร์ม IoT ที่ชื่อว่า Things Cloud® ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเริ่มใช้งานบริการ IoT ได้ง่ายและรวดเร็ว รวมถึงโปรแกรมพันธมิตรอย่าง Things PartnerTM Program โดยที่คุณ Nishchal Khorana ผู้อำนวยการด้านไอซีทีของ Frost & Sullivan ได้กล่าวว่า “NTT Com พัฒนาโซลูชันสำหรับใช้วิเคราะห์จุดอ่อนของลูกค้าที่ต้องการเริ่มต้นใช้เทคโนโลยี IoT ได้อย่างสำเร็จงดงาม นอกจากมีบริการมากมายหลายอย่างไว้คอยบริการแล้ว แพลตฟอร์ม IoT ของบริษัทอย่าง Things Cloud® ยังสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า กลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาในแนวตั้งหรือ vertical-centric strategy ของ NTT Com รวมถึงการทำ use cases ที่มีความหลากหลาย เป็นการสร้างความแตกต่างเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่ทำให้บริษัทต่างจากคู่แข่งรายอื่นในอุตสาหกรรม IoT ในตลาดประเทศญี่ปุ่น”

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับรางวัลที่ NTT Com ได้รับมอบ สามารถดูได้ที่นี่

เกี่ยวกับ NTT Communications Corporation

NTT Communications นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคด้านเทคโนโลยี โดยการช่วยเหลือธุรกิจให้เอาชนะความซับซ้อนและความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมทางด้านไอซีทีของพวกเขาด้วยโซลูชันระบบไอทีพื้นฐานที่มีการจัดการแบบเบ็ดเสร็จ โซลูชันเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนโดยระบบโครงสร้างพื้นฐานของเราที่มีอยู่ทั่วโลก รวมถึงเครือข่ายสาธารณะและเครือข่ายส่วนตัวชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมในระดับ tier-1 ที่ครอบคลุมทั่วโลก เข้าถึงประเทศ/ภูมิภาคต่าง ๆ มากกว่า 190 จุดหมายปลายทาง และศูนย์กลางข้อมูลที่มีความทันสมัยมากที่สุดของโลกที่มีพื้นที่มากกว่า 450,000 ตรม. ทีมบริการลูกค้ามืออาชีพที่อยู่ทุกมุมโลกของเราคอยให้คำปรึกษาและสถาปัตยกรรมที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัยที่จะทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ รวมถึงขนาดและความสามารถระดับโลกในการบริการที่เหนือกว่าของเรา และเมื่อรวมเข้ากับ NTT Data, NTT Security, NTT DOCOMO and Dimension Data พวกเราคือ NTT Group
www.ntt.com | Twitter@NTT Com | Facebook@NTT Com | LinkedIn@NTT Com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191125005066/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ
Masaki Nomoto, Aoi Funagoshi
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
NTT Communications
+81-3-6700-4010
ar-cp@ntt.com

Cognite เปิดตัวการดำเนินงานที่ญี่ปุ่น

Logo

สาขาโตเกียวใหม่ส่งสัญญาณว่ามีการเพิ่มขึ้นของความสนใจในผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ระดับอุตสาหกรรมชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–26 พ.ย. 2562

Cognite ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมระดับโลกได้เปิดใช้งานการอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอลเต็มรูปแบบของสินทรัพย์ใหญ่  หรือ heavy-asset ทั่วโลก ได้ประกาศในวันนี้ว่าได้เปิดสำนักงานในญี่ปุ่นในฐานะสำนักงานใหญ่ของ Cognite ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย Nori Tokusue ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ยาวนานหลายทศวรรษในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ระดับองค์กรจะเป็นผู้นำ Cognite ไปสู่การเติบโตทางธุรกิจในตลาดญี่ปุ่นในฐานะรองประธานประจำภูมิภาคของบริษัท

“ประเทศญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ให้อยู่ในระบบดิจิตอลนั้นมีความสำคัญไม่เพียงเฉพาะแต่สำหรับเศรษฐกิจญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจของส่วนอื่น ๆ ของโลกด้วย Cognite มีโอกาสที่ดีในการมีส่วนร่วมกับความรู้ของพวกเขา และฉันขอให้พวกเขาโชคดี" Inga M. W. Nyhamar เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศญี่ปุ่นกล่าว

Cognite จะเปิดสำนักงานอย่างเป็นทางการในระหว่างงานเต็มวันในวันที่ 26 พฤศจิกายนที่สถานทูตนอร์เวย์ในโตเกียว งานนี้จะแนะนำลูกค้า คู่ค้าและสื่อ ให้รู้จักกับแก่ผู้บริหารของ Cognite ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก ผู้ร่วมก่อตั้งของ Cognite ซึ่งได้แก่ ดร. John Markus Lervik ซีอีโอและ Stein Danielsen ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายโซลูชั่น จะนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Cognite ซึ่งรวมถึงแพ็คเกจซอฟต์แวร์ที่สำคัญของบริษัท ได้แก่ Cognite Data Fusion (CDF) ซึ่งช่วยให้ บริษัทอุตสาหกรรมลดต้นทุน เพิ่มผลกำไร และเพิ่มความปลอดภัยและความพยายามอย่างยั่งยืน (empowers industrial companies to reduce costs, increase profits, and boost their safety and sustainability efforts.) หลังจากได้มีการแถลงข่าวโต๊ะกลมกับสื่อโดย Lervik และ Danielsen จะมีเซสชั่นที่อธิบายว่า CDF และแอปพลิเคชันผู้ใช้สามารถส่งมอบคุณค่าสำหรับตลาดญี่ปุ่นในด้านต่าง ๆ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การบำรุงรักษาอัจฉริยะ และคนงานดิจิตอล อย่างไร ทั้งนี้ลูกค้าของ Cognite ตัวอย่างเช่น Yokogawa ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมและระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลก และ Aker BP ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการด้านพลังงานอิสระรายใหญ่ที่สุดในยุโรปจะเข้าร่วมในงานด้วยเช่นกัน

“Sumitomo Corporation ยินดีที่จะต้อนรับ Cognite สู่ญี่ปุ่น เรามีหุ้นส่วนที่ยาวนานกับ Aker ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Cognite และเรายินดีที่จะเริ่มทำงานร่วมกันในญี่ปุ่น อุตสาหกรรมเช่นน้ำมันและก๊าซและการผลิตมีศักยภาพที่ยังไม่ถูกนำมาใช้ในด้านการใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เราเชื่อว่าเทคโนโลยีของ Cognite จะมีทางออกสำหรับปัญหานี้” Masahio Yokohama ผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Tubular Products ของ Sumitomo Corporation กล่าว

การขยายสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นมาถึงช่วงเวลาของการเติบโตอย่างต่อเนื่องในการนำไปใช้กับแพคเกจซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมชั้นนำของ Cognite อย่าง Cognite Data Fusion (CDF) ทั้งนี้ CDF เร่งการใช้งานปัญญาประดิษฐ์และการวิเคราะห์ขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมโดยการจัดหาการเข้าถึงข้อมูลเชิงบริบทจากระบบ IT และระบบ OT ได้ทันที จึงทำให้สามารถเริ่มใช้ระบบดิจิตอลเชิงอุตสาหกรรมเพื่อขยายขอบเขตการพิสูจน์แนวคิดที่ผ่านมา

“เศรษฐกิจญี่ปุ่นเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสาม และประเทศก็มีอุตสาหกรรมการผลิตที่ก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ด้วยวัฒนธรรมการสร้างสรรค์นวัตกรรมของญี่ปุ่นและการบุกเบิกการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ Cognite มุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่เป็นทางเลือกสำหรับบริษัทอุตสาหกรรมในภูมิภาค “ Cognite ได้เห็นการเติบโตที่น่าประทับใจทั่วโลก โดยบริษัทชั้นนำเช่น Aker BP, OMV และ Wintershall DEA ต่างเลือก Cognite Data Fusion เป็นซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมที่ต้องการสำหรับโครงการดิจิตอล เราหวังว่าจะให้บริการที่ดีขึ้นและสนับสนุนลูกค้าของเราในภูมิภาคได้ดีขึ้นโดยการมีทีมงานในท้องถิ่นที่สามารถจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อการมีส่วนร่วมและให้บริการแก่คู่ค้าญี่ปุ่นของเราได้ดียิ่งขึ้น”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cognite โปรดไปที่  www.cognite.com.

อาคาร Shin-Marunouchi Building ชั้น 10

1-5-1 Marunouchi Chiyoda-ku 100-6510

โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

โทร 81.3.4346.1361

info-@cognite.com

เกี่ยวกับ Cognite

Cognite เป็น บริษัท ซอฟต์แวร์ระดับโลกที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอลเต็มรูปแบบของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ขนาดใหญ่ทั่วโลก ด้วย Cognite Data Fusion (CDF) เราจัดหาข้อมูลเชิงบริบทเพื่อขับเคลื่อนแอปพลิเคชันอุตสาหกรรมที่เพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพและสร้างรายได้เพิ่ม ทั้งนี้ Cognite Data Fusion จะปลดปล่อยข้อมูลอุตสาหกรรมที่หลากหลายจากระบบแหล่งข้อมูลที่แยกออกจากกัน จากนั้นสร้างโครงสร้างข้อมูลเซ็นเซอร์โดยอัตโนมัติตามส่วนที่เหลือ (เช่นไดอะแกรมกระบวนการโมเดล 3 มิติ การใช้ข้อมูลเหตุการณ์) ขั้นตอนการทำให้เป็นบริบทนี้ทำให้ข้อมูลพร้อมใช้งานในแบบที่ผู้ใช้งานมนุษย์ใช้งานง่ายและสร้างอัลกอริทึมในการทำงานเบื้องหลังแอปพลิเคชั่นที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมในวันนี้ www.cognite.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191125005762/en/

ติดต่อ:

Sara Black

213-618-1501

sara@bospar.com

ประเทศไทยเตรียมประเมิน THeMIS RCV ของ Milrem Robotics

Logo

กรุงเทพฯ–(บิสิเนสไวร์)–26 พ.ย. 2562

สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI) จะทำการประเมินยานยนต์ต่อสู้ THEMIS ของ Milrem Robotics (RCV) ในปีหน้าเพื่อพิจารณาความเหมาะสมสำหรับกองทัพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีฟีเจอร์มัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191125005334/en/

Thailand to Evaluate Milrem Robotics’ THeMIS RCV (Photo: Business Wire)

ประเทศไทยเตรียมประเมิน THeMIS RCV ของ Milrem Robotics (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

THeMIS RCV จัดแสดงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในงาน Asian Defense & Security Exhibition ในกรุงเทพฯ โดยจะทำการทดสอบร่วมกับกองทัพบกไทย  การทดสอบจะประเมินความสามารถของยานพาหนะในสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่สาหัสของกองกำลังท้องถิ่น

DTI จะพิจารณาว่า THeMIS RCV จะสามารถช่วยเหลือกองทัพในการขนส่งทางบกได้อย่างไร และการเป็นพาหนะติดอาวุธแบบไร้คนขับที่ควบคุมจากระยะไกล โดยจะดำเนินการร่วมกับ Electro Optic Systems (EOS) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ  ผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายที่ชื่อว่า D-Iron จะมี THeMIS RCV พร้อมด้วยสถานีอาวุธระยะไกล R400S-MK2 (RWS) โดย EOS

ระบบดังกล่าวได้ถูกนำเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมของประเทศไทยรวมถึงแขกวีไอพีท่านอื่นๆ จากอาเซียนในระหว่างการจัดนิทรรศการที่กรุงเทพฯ

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ Milrem Robotics และ Electro Optic Systems (EOS) กับ THeMIS RCV และสถานีอาวุธระยะไกล R400-MK2 30mm M230LF เพื่อเพิ่มความสามารถของกองทัพไทยด้วยระบบไร้คนขับที่มีประสิทธิภาพ  เราจะทำการทดสอบกับผู้ใช้งานหลายคนในปี 2563 สำหรับการใช้งานอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการเป็นหุ่นยนต์ต่อสู้ยานเกราะ” พล.อ.อ. ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการอาวุโสของ DTI กล่าว

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ DTI และกองทัพบกไทยในระหว่างการประเมินนี้  THeMIS พิสูจน์แล้วว่าเป็น RCV ที่มีความสามารถมากที่สุดสำหรับสภาพแวดล้อมที่สาหัส  Milrem Robotics มุ่งมั่นที่จะให้กองทัพบกไทยมีความสามารถของระบบสงครามหุ่นยนต์ในสนามรบ” Kuldar Väärsi ประธานกรรมการบริหารของ Milrem Robotics กล่าว

THEMIS เป็นยานยนต์ต่อสู้หุ่นยนต์ไฮบริดแรกในโลกที่สามารถติดตั้งอุปกรณ์บรรทุกอุปกรณ์ได้หลากหลายเช่นอาวุธขนาดใหญ่และขนาดเล็กและสามารถใช้เป็นแพลตฟอร์ม ISR การขนส่งทางบก และระบบ EOD

ยานพาหนะสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุด 1200 กิโลกรัมและเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. โดยสามารถติดตั้งชุดนำทางแบบจุดต่อจุดอย่างอิสระและติดตามขบวนรถหรือยูนิตที่ลงจากรถ

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191125005334/en/

ติดต่อ:

Gert Hankewitz
ผู้อำนวยการฝ่ายส่งออก
gert.hankewitz@milrem.com

Azbil เริ่มขายเซ็นเซอร์อุณหภูมิเพดานในต่างประเทศสำหรับอาคารสำนักงาน

Logo

– เซ็นเซอร์กลมมีความกลืนกับสภาพแวดล้อม ติดตั้งง่าย และมีความแม่นยำสูง –

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)– 20 พ.ย. 2562

Azbil Corporation (โตเกียว: 6845) ประกาศว่าได้เริ่มขายเซ็นเซอร์อุณหภูมิติดเพดาน (ชนิดกลม) ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิสำหรับพื้นที่ภายในสำหรับใช้กับระบบอาคารสำนักงาน HVAC  ไปยังที่อื่น ๆ นอกประเทศญี่ปุ่น

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191120005393/en/

Ceiling-mounted temperature sensor (round type) (Photo: Business Wire)

เซ็นเซอร์อุณหภูมิแบบติดตั้งกับเพดาน (แบบกลม) (ภาพ: Business Wire)

ในปีที่ผ่านมาอาคารสำนักงานมีเสาและกำแพงน้อยลงทำให้จำเป็นต้องติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิบนเพดาน เนื่องจากเซ็นเซอร์อุณหภูมิที่ติดตั้งบนเพดานของ Azbil มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 40 มม. และหนา 5 มม. และด้วยโทนสีที่ช่วยให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมของห้องได้จึงไม่ลดความงามของห้อง ด้านการติดตั้งก็ง่ายขึ้นด้วยการใช้สปริงเพื่อล็อคเซ็นเซอร์ให้เข้าที่ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้สกรู การปรับปรุงโครงสร้างภายในของเซ็นเซอร์ทำให้เวลาตอบสนองเร็วขึ้นและเพิ่มความแม่นยำทำให้เซ็นเซอร์สามารถช่วยรักษาสภาพแวดล้อมในร่มที่สบายเอาไว้ได้ ทั้งนี้นับตั้งแต่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในญี่ปุ่นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 มีการติดตั้งไปมากกว่า 20,000 เครื่องในอาคารสำนักงานและโครงสร้างอื่น ๆ และเซ็นเซอร์ได้รับการตอบรับที่ดีเนื่องจากการออกแบบที่ไม่กระทบบดบังดีไซน์ การติดตั้งที่ง่าย และความแม่นยำสูง

การเปิดตัวเซ็นเซอร์ในต่างประเทศของ Azbil นั้นจะเน้นทำการตลาดกับอาคารสำนักงานและโครงสร้างอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออก โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดขายผลิตภัณฑ์เอาไว้ที่ 100 ล้านเยนในปีแรก นอกจากนี้เซ็นเซอร์ยังสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เช่น ข้อกำหนด CE Marking1, REACH2, และ China RoHS3.

1 ต้องมีการรับรองสำหรับผลิตภัณฑ์บางอย่างเพื่อจำหน่ายในยุโรป มันบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย สุขภาพและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของสหภาพยุโรป

2 การลงทะเบียน การประเมินผล การอนุญาตและข้อจำกัดของสารเคมี ข้อบังคับของสหภาพยุโรปเกี่ยวข้องกับการจัดการสารเคมี

3 ข้อจำกัดของสารอันตราย; กฎระเบียบในประเทศจีนและภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อ จำกัดปริมาณของสารอันตรายที่สามารถบรรจุในอุปกรณ์ไฟฟ้า / อิเล็กทรอนิกส์

ภายใต้ปรัชญาของ azbil Group“ ระบบอัตโนมัติที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง” Azbil จะยังคงพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และระบบที่ให้ความปลอดภัยและความสะดวกสบายแก่ผู้คน

เกี่ยวกับ Azbil Corporation

Azbil Corporation เดิมชื่อ Yamatake Corporation เป็นบริษัทชั้นนำในการก่อสร้างและระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรมโดยใช้เทคโนโลยีการวัดและการควบคุมเพื่อมอบโซลูชั่นมูลค่าเพิ่มสูงให้แก่ลูกค้า เพื่อให้การดำเนินงานของพวกเขามีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น Azbil ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2449 ได้ให้บริการลูกค้าทั่วโลกในอุตสาหกรรมที่หลากหลายและมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย การเติมเต็ม และการรักษาสิ่งแวดล้อมทั่วโลก โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 Azbil มีพนักงานกว่า 9,600 คนทั่วโลกและสร้างรายได้ 262,000 ล้านเยน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม https://www.azbil.com/.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191120005393/en/

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ

Robert Jones / Masayoshi Kogai

ฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัท Azbil Corporation

โทรศัพท์: +81-3-6810-1006

อีเมล: publicity@azbil.com

Sojitz NTT Com NEC NEC Networks & System Integration เตรียมยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารในพม่า

Logo

—เพิ่มความจุขึ้นสามเท่าและปูทางสู่ 5G—

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–20 พ.ย. 2562

Sojitz Corporation, NTT Communications Corporation (NTT Com), NEC Corporation และ NEC Networks & System Integration Corporation (NESIC) ร่วมกันประกาศแผนการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารที่เชื่อมต่อเมืองหลักเนปยีดอ ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา (SEZ) ภายใต้คำสั่งอย่างเป็นทางการจาก Myanma Posts and Telecommunications ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของประเทศ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีฟีเจอร์มัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191119006175/en/

โครงการปรับปรุงเครือข่ายการสื่อสารที่มีมูลค่าประมาณ 7 พันล้านเยน (ราว 62 ล้านเหรียญสหรัฐ) จะเป็นโครงการเงินกู้ ODA แรกในสาขาการสื่อสารของพม่าที่ดำเนินการภายใต้การอุปถัมภ์ของรัฐบาลญี่ปุ่น  สี่บริษัทที่เข้าร่วมวางแผนที่จะสร้างระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศและโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารที่เชื่อมต่อทั้งสามเมืองและเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาภายในปี 2564  เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ความสามารถในการสื่อสารจะเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า  โครงการนี้ยังจะสนับสนุนบริการ 5G ที่คาดว่าจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้

เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในพม่า อัตราการบุกเบิกของโทรศัพท์มือถือที่เคยอยู่ที่ประมาณ 10% ในปี 2557 ได้มีเกิน 90% ในปัจจุบัน  อย่างไรก็ตาม ความไม่พร้อมด้านความสามารถในการสื่อสารและที่อยู่ IP ทำให้จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารที่เข้มแข็ง

NTT Com และ NEC ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่ใช้งานอยู่ในพม่าเช่นสถานีฐาน LTE ระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ และเครือข่ายการสื่อสารหลักที่เชื่อมต่อเนปยีดอ ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์  นอกจากนี้ Sojitz ได้มีส่วนร่วมในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานในประเทศ โดยได้มีสำนักงานในย่างกุ้งตั้งแต่ปี 2461

บทบาทของแต่ละบริษัท

Sojitz

ในฐานะผู้รับเหมาหลักของโครงการ Sojitz จะทำการบริหารโดยรวมโดยใช้ความรู้ที่ได้มาในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก

NTT Com

NTT Com ผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นจะนำความสามารถด้านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญไปใช้ในการยกระดับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศเป็นความจุสูงสุด 800 Gbps  นอกจากนี้จะแก้ไขปัญหาการขาดที่อยู่ IP ด้วยเทคโนโลยี IPv6

NEC

NEC จะจัดหาอุปกรณ์การสื่อสารทางแสงที่ทันสมัยสำหรับเครือข่ายการสื่อสารหลักเพื่อขยายความสามารถในการส่งข้อมูลเป็น 1 Tbps ซึ่งมากกว่าระดับปัจจุบันสามเท่า  อุปกรณ์การสื่อสารด้วยแสงจะทวีคูณหลายสัญญาณที่มีความยาวคลื่นที่แตกต่างกันและส่งสัญญาณเหล่านั้นผ่านใยแก้ว

NESIC

NESIC โดยทำงานร่วมกับบริษัทย่อยบริษัท เนสิค (ประเทศไทย) จำกัดจะติดตั้งอุปกรณ์ DWDM (dense wavelength division multiplexing) ซึ่งจัดหาโดย NEC และดำเนินการออกแบบงานโยธาและงานติดตั้งของโรงงานภายนอก (เครือข่ายสายเคเบิลใยแก้ว) ความยาวรวม 180km ในย่างกุ้งและเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา  นอกจากนี้ บริษัทจะจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์จ่ายไฟและอุปกรณ์เครื่องปรับอากาศ

ภายใต้โครงการนี้ ทั้งสี่บริษัทตั้งตารอที่จะมีส่วนร่วมในการยกระดับมาตรฐานการเป็นอยู่ของพม่าและการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนผ่านการสื่อสารที่เสถียรและมีประสิทธิภาพ

เกี่ยวกับ Sojitz Corporation

Sojitz Corporation ก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวกันของ Nichimen Corporation และ Nissho Iwai Corporation สองบริษัท ที่มีประวัติอันยาวนาน  กว่า 150 ปีที่ธุรกิจของเราได้ช่วยสนับสนุนการพัฒนาประเทศและภูมิภาคนับไม่ถ้วน  วันนี้กลุ่ม Sojitz ประกอบด้วยบริษัทย่อยและบริษัทในเครือราว 400 บริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลกเพื่อพัฒนาการดำเนินงานของบริษัทการค้าทั่วไปในหลากหลายประเทศและภูมิภาค

ในฐานะบริษัทการค้าทั่วไปกลุ่ม Sojitz ดำเนินธุรกิจหลากหลายประเภททั่วโลก รวมถึงการซื้อ การขาย นำเข้า และส่งออกสินค้า การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ การให้บริการ และการวางแผนและประสานงานโครงการในญี่ปุ่นและต่างประเทศ  กลุ่มบริษัทยังลงทุนในภาคต่างๆ และดำเนินกิจกรรมทางการเงิน  ธุรกิจที่หลากหลายของ Sojitz รวมถึงที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ พืช พลังงาน ทรัพยากรแร่ สารเคมี ทรัพยากรอาหาร ทรัพยากรการเกษตรและป่าไม้ สินค้าอุปโภคบริโภค และนิคมอุตสาหกรรม

เกี่ยวกับ NTT Communications Corporation

NTT NTT Communications แก้ปัญหาความท้าทายทางเทคโนโลยีของโลกโดยการช่วยองค์กรต่างเอาชนะความซับซ้อนและความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมด้าน ICT ด้วยโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่มีการจัดการ  โซลูชั่นเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนโดยโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกของเรา รวมถึงเครือข่ายสาธารณะและเอกชนชั้น 1 ระดับโลกที่เป็นแนวหน้าในอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมกว่า 190 ประเทศ/ภูมิภาคพร้อมศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดในโลกกว่า 450,000m2  ทีมบริการอาชีพระดับโลกของเราให้คำปรึกษาและบริการสถาปัตยกรรมเพื่อความยืดหยุ่นและความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จของธุรกิจของคุณ ขนาดและความสามารถระดับโลกของเราในโลกเทคโนโลยีนั้นไม่มีที่ไหนเทียบได้  เมื่อรวมกับ NTT Ltd., NTT Data และ NTT DOCOMO เราคือ NTT Group (TOKYO: 9432)

www.ntt.com | Twitter @ NTT Com | Facebook @ NTT Com | LinkedIn @ NTT Com

เกี่ยวกับ NEC Corporation

NEC Corporation เป็นผู้นำในการบูรณาการเทคโนโลยีด้านไอทีและเครือข่ายที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและผู้คนทั่วโลก  NEC Group มอบ "โซลูชั่นเพื่อสังคม" ทั่วโลกที่ส่งเสริมความปลอดภัย ความมั่นคง ประสิทธิภาพ และความเท่าเทียมกันของสังคม  ภายใต้สาส์นของบริษัทเรื่อง "การสร้างโลกที่สดใส" NEC มีเป้าหมายที่จะช่วยแก้ไขปัญหาที่ท้าทายและสร้างคุณค่าทางสังคมใหม่สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ชมเว็บไซต์ของ NEC ที่ https://www.nec.com

เกี่ยวกับ NEC Networks & System Integration Corporation

NEC Networks & System Integration Corporation (TSE: 1973; NESIC) ให้บริการการสื่อสารแบบบูรณาการที่รวมจุดแข็งของการรวมระบบและบริการสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวิศวกรรมที่ซับซ้อนและความสามารถในการจัดการระบบต่างๆ ของลูกค้า รวมถึงผู้ให้บริการโทรคมนาคม องค์กรและหน่วยงานภาครัฐ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ไปที่ https://www.nesic.co.jp/english/

ดูฉบับที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191119006175/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Sojitz Corporation
ฝ่ายฝ่ายประชาสัมพันธ์
โทร: +81-3-6871-3404

NTT Communications
Tadashi Takayama
ประชาสัมพันธ์
โทร: +81-3-6700-4010

NEC Corporation
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
โทร: +81-3-3798-6511

NEC Networks & System Integration Corporation
การโปรโมท CSR และฝ่ายสื่อสารองค์กร
E-mail: contact@dm.nesic.com

Toshiba เปิดตัวฟิวส์อิเล็กทรอนิกส์หรือ eFuse ที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้เป็นครั้งแรก

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2562

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") ได้เปิดตัววงจรรวม (IC) ที่มาพร้อมฟิวส์อิเล็กทรอนิกส์ (eFuse) เป็นครั้งแรกในซีรีส์ “TCKE8xx” ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หกรุ่นสำหรับป้องกันวงจรเมื่อกระแสไฟฟ้าเกิน ซึ่งรองรับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป โดยวันนี้จะเริ่มมีการจัดส่งผลิตภัณฑ์สองรุ่น

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูเนื้อหาแบบเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191119005455/en/

Toshiba's first-ever eFuse ICs "TCKE8xx series" (Photo: Business Wire)

"TCKE8xx series" วงจรรวมรุ่นแรกของ Toshiba ที่มาพร้อมฟิวส์อิเล็กทรอนิกส์ (รูปภาพ: Business Wire)

คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของวงจรรวมแบบ eFuse คือการที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ ฟิวส์ที่ใช้กันโดยทั่วไปซึ่งมีลักษณะเป็นหลอดแก้วและฟิวส์ที่มีแผ่นวงจรหรือชิพ จะป้องกันวงจรด้วยการตัดไฟเมื่อมีการใช้ไฟเกิน และจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่เมื่อเสียหาย ขณะที่วงจรแบบ eFuse จะใช้วงจรในตัวของมันเองตัดการจำหน่ายไฟเมื่อเกิดความผิดปกติ และสามารถทำการรีเซ็ตและนำกลับมาใช้ใหม่ได้

ข้อดีอีกอย่างคือ วงจรแบบ eFuse สามารถลดความซับซ้อนของการออกแบบวงจรและจำนวนส่วนประกอบที่ใช้ ทำให้การออกแบบวงจรมีความง่ายมากขึ้น ใช้วัสดุน้อยลง และใช้พื้นที่น้อยกว่าอุปกรณ์ที่ผลิตจากวัสดุแบบแยกส่วนจากกัน

ผลิตภัณฑ์ซีรีส์ TCKE8xx ใหม่ มีวงจรที่มีความทนทานสูงจากการที่เพิ่มความแม่นยำในการตรวจกระแสไฟฟ้าเกินสู่ระดับที่สูงกว่าในฟิวส์แบบทั่วไป เนื่องจากวงจรแบบ eFuse มีแคลมป์วัดกระแสไฟและแคลมป์วัดแรงดันไฟเพื่อป้องกันกระแสไฟและแรงดันไฟเกิน จึงสามารถป้องกันวงจรและรักษาระดับการจ่ายไฟด้วยการใช้แคลมป์วัดกระแสไฟและแคลมป์วัดแรงดันไฟ แม้เมื่อมีกระแสไฟหรือแรงดันเกินก็ตาม ฟังก์ชันป้องกันเมื่ออุณหภูมิสูงเกินและเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร จะป้องกันวงจรด้วยการตัดกระแสไฟแบบทันทีเมื่อความร้อนสูงเกินหรือเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดลวงจร

คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น เซิร์ฟเวอร์และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ที่มีความทนทานต่อกระแสไฟและแรงดันไฟได้มากขึ้นมีความต้องการสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดย Toshiba ตั้งเป้าให้ผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรอง IEC 62368-1 ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยสากลเพื่อความปลอดภัยระดับสูง รวมถึงทำให้การทดสอบที่จำเป็นสำหรับการรับรองอุปกรณ์ของลูกค้าง่ายขึ้นด้วย

ไลน์อัปนี้ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์สองประเภท ได้แก่ ประเภท auto-retry ซึ่ง eFuse สามารถกู้คืนวงจรได้เองโดยอัตโนมัติ และประเภท latch ซึ่งสามารถกู้คืนวงจรได้จากสัญญาณจากภายนอก ลูกค้าสามารถเลือกวงจรแบบ eFuse IC ที่เหมาะสมกับความต้องการและขนาดของอุปกรณ์

การใช้งาน

  • ปกป้องวงจรจากการจำหน่ายกระแสไฟเกิน

(เซิร์ฟเวอร์ หน่วยความจำ SSDs คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก คอนโซลเกม อุปกรณ์ AR และ VR และอื่น ๆ)

คุณสมบัติ

  • วัดกระแสไฟฟ้าเกินได้อย่างแม่นยำ : ±11% @Ta=-40 ถึง +85℃, ILIM=4.38A
  • ป้องกันไฟลัดวงจรด้วยความเร็วสูง : tFastOffDly=150ns (typ.) @Ta=-40 to +85℃
  • จ่ายไฟได้สูง : IOUT=0 ถึง 5.0A
  • ขนาดบางกะทัดรัด : 3.00×3.00มม. (typ.), t=0.75มม. (สูงสุด)

คุณสมบัติจำเพาะหลัก

(@Ta=25℃ นอกจากว่ามีการระบุไว้)

หมายเลขชิ้นส่วน

TCKE800NA

[1]

TCKE800NL

[1]

TCKE805NA

TCKE805NL

TCKE812NA

[1]

TCKE812NL

[1]

แพ็คเกจ

ชื่อ

WSON10B

ประเภทขนาด (มม.)

3.00×3.00, t=0.75 สูงสุด

ช่วงกระแสไฟขณะใช้งาน

แรงดันไฟขาเข้า VIN (V)

4.4 ถึง 18

กระแสไฟขาออก IOUT (A)

0 ถึง 5.0

ความต้านทานขณะใช้งาน RON typ. (mΩ)

28

ความแม่นยำในการตัดไฟเมื่อกระแสไฟฟ้าเกิน (%)

±11[2]

แคลมป์วัดแรงดันไฟเกิน VOVC typ. (V)

6.04

15.1

ความหน่วงอุปกรณ์เปรียบเทียบวงจร

tFastOffDly typ. (ns)

@Ta=-40 ถึง +85℃

150

ประเภทการกู้คืนวงจร

Auto-retry

Latched

Auto-retry

Latched

Auto-retry

Latched

ปรับตัวควบคุมอัตราสลูวได้

ตรวจสอบสต็อก & ซื้อ

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

หมายเหตุ :
[1] อยู่ระหว่างการพัฒนา
[2] @Ta=-40 ถึง +85℃, ILIM=4.38A

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับไลน์ผลิตภัณฑ์วงจรรวมที่มาพร้อมฟิวส์อิเล็กทรอนิกส์ ได้จากลิงก์ด้านล่างนี้
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/product/linear/power-supply/efuse-ics.html

ดูแผนภาพอ้างอิงของวงจรแบบ eFuse IC ได้ที่:
Application Circuits of eFuse IC TCKE805 Series
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/design-support/referencedesign/efuse-ic_PowerManagement_RD164.html

ตรวจสอบจำนวนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีจำหน่ายทางออนไลน์ผ่านตัวแทน ได้ที่:
TCKE805NA
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/buy/stockcheck.TCKE805NA.html
TCKE805NL
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/buy/stockcheck.TCKE805NL.html

*ชื่อบริษัท สินค้าและบริการทั้งหมด อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ ที่กล่าวถึง

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก
โทร: +81-3-3457-3411
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นบริษัทใหม่ที่เต็มไปด้วยพลังและประสบการณ์ นับตั้งแต่แยกตัวออกจากบริษัทเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2017 เราได้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านอุปกรณ์ทั่วไป และได้นำเสนอโซลูชันเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ ระบบ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจของเรา

เรามีพนักงานจำนวน 22,000 คนทั่วโลก ซึ่งมีความตั้งใจร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเพิ่มยอดขายต่อปีซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 8 แสนล้านเยน (7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ให้สูงขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเราที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20191119005455/en/

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Chiaki Nagasawa
โทร: +81-3-3457-4963
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

INNIO ลงนามข้อตกลงกับกฟผ. พัฒนาโซลูชั่นไม่โครกริดขั้นสูงในประเทศไทย

Logo

  • ข้อตกลงจะรวมถึงการพัฒนาการสาธิตไมโครกริดที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านพลังงานการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ของกฟผ. หรือ  EGAT’s zero-emissions energy excellence center ในเขตบางกรวย จ.นนทบุรี ประเทศไทย
  • การสาธิตไมโครกริดจะรวมระบบไฮโดรเจนจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
  • เป้าหมายของโครงการคือการติดตั้งเครื่องยนต์ก๊าซ INNIO Jenbacher เพื่อใช้เชื้อเพลิงทดแทน 100%

เมือง Jenbach, ประเทศอสเตรีย –(BUSINESS WIRE)–15 พ.ย. 2562

INNIO ประกาศในวันนี้ว่า บริษัท ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาของการสาธิตไมโครกริดที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านพลังงานการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ของกฟผ. ประเทศไทย โดย กฟผ. กำลังวางแผนที่จะติดตั้งเครื่องยนต์ก๊าซ Jenbacher จาก INNIO ที่สามารถทำงานบนก๊าซทดแทนได้ 100% เช่น ก๊าซชีวภาพ และไฮโดรเจนสีเขียว และที่สนับสนุนการสาธิตไมโครกริดสีเขียวขนาดเล็ก พิธีการการลงบันทึกความเข้าใจนี้จัดขึ้นที่ศูนย์การเรียนรู้ของกฟผ. ในกรุงเทพฯ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191115005236/en/

From left to right: Tawatchai Sumranwanich (EGAT, Generation and Transmission System Planning Division), Patana Sangsriroujana (EGAT, Deputy Governor Strategy), Carlos Lange (INNIO, President & CEO) and Anand Anton (INNIO, General Manager Sales and Services APAC). Copyright: EGAT

จากซ้ายไปขวา: ธวัชชัย สำราญวานิช (กฟผ., ฝ่ายวางแผนและสร้างระบบส่งกำลัง), พัฒนา แสงศรีโรจน์ (กฟผ., รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์), Carlos Lange (INNIO, ประธานและ CEO) และ Anand Anton (INNIO, ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและบริการ APAC)  ลิขสิทธิ์ของ EGAT

เทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับการพัฒนาช่วยให้ผู้ผลิตพลังงานผลิตไฟฟ้าด้วยการปล่อยคาร์บอนน้อยลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น กฟผ. ได้หันมาใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อมุ่งสู่การพัฒนานวัตกรรมพลังงานทดแทนและลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศโลก ความมั่นคงด้านพลังงาน และความเป็นอิสระ1

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ INNIO ในโครงการนี้ ในระหว่างที่เราพัฒนาโครงการสาธิตไมโครกริดสีเขียวที่ กฟผ. แผนการของเราคือการติดตั้งโซลูชั่นดังกล่าวทั่วประเทศไทยและขยายตัวออกไปมากกว่านั้น” พัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกล่าว

บันทึกความเข้าใจกับ INNIO กำหนดกรอบการทำงานเพื่อกำหนดการใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนขั้นสูงและแสดงให้เห็นถึงโครงการไมโครกริด ที่ศูนย์การเรียนรู้ของกฟผ. ที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรีประเทศไทยซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2563 การบูรณาการเครื่องยนต์ก๊าซ Jenbacher พร้อมเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น ระบบแบตเตอรี่พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ และระบบอิเล็กโทรไลเซอร์ที่ผลิตไฮโดรเจนสีเขียวจะนำพาไมโครกริดสีเขียวมาสู่ประเทศไทยอย่างยั่งยืน มีประสิทธิภาพ และยืดหยุ่น ช่วยให้การจัดการพลังงานขั้นสูงตอบสนองความต้องการและให้โซลูชั่นการโหลดที่ลดลง

“ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านพลังงานการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ในประเทศไทยคาดว่าจะเป็นโครงการริเริ่มโครงการหนึ่งสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมลงทุนในนวัตกรรมนี้” Carlos Lange ซีอีโอและประธานบริษัท INNIO กล่าว “ เครื่องยนต์ก๊าซ Jenbacher ของ INNIO ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซอื่น ๆ เช่น ก๊าซชีวภาพ และไฮโดรเจน เครื่องยนต์ก๊าซของ INNIO ให้การใช้งานมากกว่า 68 กิกะวัตต์ในหมู่อุตสาหกรรมที่หลากหลาย และให้ความร้อนและพลังงานที่เชื่อถือได้ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายของประเทศไทยในด้านความมั่นคงและความเป็นอิสระด้านพลังงาน”

* ระบุเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน

เกี่ยวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงพลังงานซึ่งรับผิดชอบการผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้ารวมทั้งจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าจำนวนมากในประเทศไทย กฟผ. ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2512  เป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีหน่วยงานทั่วประเทศด้วยกำลังการผลิตติดตั้งรวม 15,548 เมกะวัตต์

http://www.egat.co.th/en/.

เกี่ยวกับ INNIO

INNIO เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นชั้นนำสำหรับเครื่องยนต์ก๊าซ อุปกรณ์ไฟฟ้าแพลตฟอร์มดิจิทัล และบริการที่เกี่ยวข้องสำหรับการผลิตพลังงานและการบีบอัดก๊าซที่ใกล้กับจุดใช้งานหรือที่ ณ จุดการใช้งาน ด้วยแบรนด์ผลิตภัณฑ์ Jenbacher และ Waukesha ของเรา INNIO ก้าวไปไกลกว่าความเป็นไปได้ทั่วไปและมองไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญในวันพรุ่งนี้ ผลงานที่หลากหลายของเครื่องยนต์ก๊าซอุตสาหกรรมที่น่าเชื่อถือ ประหยัด และยั่งยืนนี้ สร้างพลังงาน 200 kW ถึง 10 MW สำหรับอุตสาหกรรมจำนวนมากทั่วโลก เราสามารถให้การสนับสนุนวงจรชีวิตแก่เครื่องยนต์ก๊าซที่ส่งมอบให้มากกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซกว่า 50,000 แห่งทั่วโลก และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายบริการของเราในกว่า 100 ประเทศ INNIO เชื่อมต่อกับคุณในพื้นที่เพื่อตอบสนองความต้องการบริการของคุณอย่างรวดเร็ว

สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Jenbach ประเทศออสเตรีย และมีการดำเนินงานหลักในเมือง Welland, Ontario, Canada และ Waukesha, Wisconsin, US สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ บริษัท ที่ www.innio.com. ติดตาม INNIO บน Twitter และ LinkedIn.

1 https://www.egat.co.th/en/news-announcement/news-release/moe-egat-discuss-thai-energy-in-the-disruptive-era

ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191115005236/en/

ติดต่อ:

Susanne Reichelt

INNIO

+43 664 80833 2382

susanne.reichelt@ge.com

KIOXIA Corporation เปิดตัวAutomotive UFS ขนาด 512GB ตัวแรกของอุตสาหกรรม

Logo

เปิดประสบการณ์การใช้งานสู่ระบบและแอพพลิเคชั่นขั้นสูงมากขึ้น เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–14 พ.ย. 2562

กำลังมีความกระหายอย่างมากในด้านระบบยานยนต์ในรุ่นต่อไปในอนาคต ทั้งความกระหายด้านข้อมูล และความบันเทิงขั้นสูงที่เพิ่มขึ้น และระบบ ADAS[2] พื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมสำหรับการบันทึกข้อมูลเหตุการณ์ การรองรับการทำแผนที่ 3D ที่มากขึ้น ซึ่งในการจะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ KIOXIA Corporation ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้เริ่มต้นลองใช้ Automotive Universal Flash Storage[3]  ขนาด 512 กิกะไบต์แรก (GB) JEDEC®เวอร์ชั่น 2.1 โซลูชั่นหน่วยความจำในตัว Automotive UFS ของ KIOXIA ที่รองรับช่วงอุณหภูมิกว้าง (-40°C ถึง + 105°C) ตรงตามข้อกำหนด AEC-Q100 Grade2[4] และมอบความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้นตามการใช้งานด้านยานยนต์ต่าง ๆ ทั้งนี้อุปกรณ์ 512GB เข้าร่วมกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ Automotive UFS ที่มีอยู่ของบริษัทซึ่งรวมถึง ผลิตภัณฑ์ที่ความจุขนาด 16GB, 32GB, 64GB, 128GB และ 256GB

นวัตกรรมต่าง ๆ เช่น ยานยนต์อัตโนมัติ ระบบข้อมูล และความบันเทิงยานยนต์ขั้นสูง, ดิจิตอลคลัสเตอร์, ระบบตรวจสอบยานพาหนะ telematics และ ADAS ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์ผู้ขับขี่ที่ยกระดับ แต่ยังต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลภายในยานพาหนะมากขึ้นด้วย

เพื่อตอบสนองความต้องการหน่วยความจำที่มีความจุขนาดใหญ่นี้ หน่วยความจำขนาด 512GB Automotive UFS ใหม่ของ KIOXIA ได้ถูกพัฒนาขึ้นมา ซึ่งได้รวมเอาหน่วยความจำแฟลช 3D BiCS FLASH ™ ของบริษัทและคอนโทรลเลอร์เอาไว้ในแพ็คเกจเดียวกัน โดย 512GB Automotive UFS มีฟังก์ชั่นหลายอย่างที่เหมาะสมกับความต้องการของแอพพลิเคชั่นด้านยานยนต์เช่น ฟังก์ชัน “ รีเฟรช”,“ ควบคุมความร้อน” และ “การวินิจฉัยเพิ่มเติม” ทั้งนี้ ฟังก์ชัน“ รีเฟรช” สามารถใช้เพื่อรีเฟรชข้อมูลที่เก็บไว้ใน UFS และช่วยยืดอายุการใช้งานของข้อมูล ฟังก์ชั่น“ การควบคุมความร้อน” ปกป้องอุปกรณ์จากความร้อนสูงเกินไปในสถานการณ์อุณหภูมิสูงที่อาจเกิดขึ้นในการใช้งานยานยนต์ และท้ายที่สุด ฟังก์ชั่น“ การวินิจฉัยเพิ่มเติม” ช่วยให้โปรเซสเซอร์โฮสต์เข้าใจสถานะของอุปกรณ์ได้ง่าย

หมายเหตุ

[1] ที่มา: KIOXIA Corporation ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562

[2] ADAS ย่อมากจาก Advanced Driving Assistant System

[3] Universal Flash Storage (UFS) เป็นเครื่องหมายการค้าและหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สำหรับคลาสของผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแบบฝังที่สร้างขึ้นตามข้อกำหนดมาตรฐาน JEDEC UFS โดย JEDEC เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ JEDEC Solid State Technology Association

[4] ข้อกำหนดคุณสมบัติของชิ้นส่วนไฟฟ้าที่กำหนดโดย AEC (Automotive Electronics Council)

*ข้อมูลจำเพาะตัวอย่างอาจแตกต่างจากชิ้นส่วนที่มาจากการผลิตจำนวนมาก

*ในการกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ KIOXIA ทุกครั้ง: การระบุความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์ตามความหนาแน่นของชิปหน่วยความจำภายในผลิตภัณฑ์ไม่ใช่จำนวนความจุหน่วยความจำที่มีสำหรับการจัดเก็บข้อมูลโดยผู้ใช้ ความจุที่ใช้งานได้ของผู้บริโภคจะลดลงเนื่องจากพื้นที่ของ overhead data การจัดรูปแบบฟอร์แม็ต บล็อกที่ไม่ดี และข้อจำกัดอื่น ๆ และอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์โฮสต์และแอปพลิเคชัน สำหรับรายละเอียดโปรดอ้างอิงข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดย1Gb = 2^30 บิต = 1,073,741,824 บิต และ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับ KIOXIA:

KIOXIA เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นหน่วยความจำที่อุทิศตนเพื่อการพัฒนาการผลิตและการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) โดยในเดือนเมษายน 2560 หน่วยความจำ Toshiba รุ่นก่อนถูกแยกออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530  KIOXIA มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วยหน่วยความจำด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์บริการและระบบที่สร้างทางเลือกสำหรับลูกค้าและคุณค่าที่อิงการใช้หน่วยความจำต่อสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D แบบใหม่ของ KIOXIA คือ BiCS FLASH™ กำลังสร้างอนาคตของการจัดเก็บในแอพพลิเคชั่นที่มีความหนาแน่นสูง รวมไปถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, รถยนต์ และศูนย์ข้อมูล

สอบถามสำหรับลูกค้า:

KIOXIA Corporation

ฝ่ายขายและการตลาดหน่วยความจำ

โทร: +81-3-6478-2423

https://business.kioxia.com/en-jp/contact.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อนั้นถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191113006021/en/

สอบถามสำหรับสื่อ:

KIOXIA Corporation

กองวางแผนกลยุทธ์การขาย

Koji Takahata

โทร: +81-3-6478-2404

GA-ASI เตรียมทำการสาธิตขีดความสามารถในยุโรป

Logo

ร่วมกับ HAF เพื่อจัดแสดงปฏิบัติการเฝ้าระวังทางทะเลและการสนธิน่านฟ้าสำหรับ RPA

ซานดิเอโก & ฐานทัพอากาศลาริสซา, กรีซ–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2562

วันนี้ General Atomics Aeronautical Systems, Inc. (GA-ASI) ผู้นำระดับโลกด้านอากาศยานที่ควบคุมการบินจากระยะไกล (RPA) ประกาศถึงความร่วมมือกับกองทัพอากาศกรีซ (HAF) เพื่อทำการบินสาธิตให้กับประเทศในยุโรปในเดือนธันวาคม ฝูงบินจะขึ้นบินจากฐานทัพของกองทัพอากาศกรีซในเมืองลาริสซา และใช้อากาศยานที่ควบคุมการบินจากระยะไกล GA-ASI MQ-9 Guardian เพื่อทำการแสดงขีดความสามารถในปฏิบัติการเฝ้าระวังทางทะเล และระบบ Detect and Avoid (DAA) ที่พัฒนาโดย GA-ASI ซึ่งทำให้อากาศยานที่ควบคุมการบินจากระยะไกลสามารถขึ้นบินได้อย่างปลอดภัยในเขตน่านฟ้าพลเรือนควบคู่กับอากาศยานที่ใช้คนควบคุม

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหาในรูปแบบมัลติมีเดีย ดูเนื้อหาเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191111005503/en/

“We appreciate the Hellenic Air Force’s support in helping showcase the maritime surveillance and civil airspace integration capabilities of our unmanned aircraft in Europe.” - Linden Blue, CEO, GA-ASI. (Photo: Business Wire)

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศกรีซเพื่อทำการแสดงขีดความสามารถในปฏิบัติการเฝ้าระวังทางทะเล และการสนธิน่านฟ้าพลเรือนของอากาศยานไร้คนขับในยุโรปของเรา” – Linden Blue ซีอีโอ GA-ASI (รูปภาพ: Business Wire)

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศกรีซเพื่อทำการแสดงขีดความสามารถในปฏิบัติการเฝ้าระวังทางทะเล และการสนธิน่านฟ้าพลเรือนของอากาศยานไร้คนขับในยุโรปของเรา” Linden Blue ซีอีโอของ GA-ASI กล่าว “ปัจจุบัน ความต้องการระบบเฝ้าระวังทางอากาศที่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ยาวนาน ในราคาที่สามารถจับต้องได้ เพื่อทำการตรวจการทะเลรอบ ๆ ยุโรปกำลังสูงขึ้น”

การสาธิตมีการจัดรูปแบบตามระบบ MQ-9 ที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ของสหรัฐอเมริกาใช้ในการสนับสนุนบทบาทด้านการเฝ้าระวังทางทะเล

ระบบ DAA ประกอบด้วย เรดาร์แบบอากาศสู่อากาศ (Air To Air) และระบบประมวลผลที่มีการเชื่อมเข้ากับระบบการป้องกันการชนกันกลางอากาศของเครื่องบิน (TCAS II) และระบบติดตามอากาศยานอัตโนมัติ ADS-B ระบบ DAA จาก GA-ASI เป็นระบบที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา เรดาร์ป้องกันการชนของระบบมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับการสนธิอากาศยานไร้คนขับเข้ากับน่านฟ้าพลเรือน

นอกจากนี้ ระบบ MQ-9 จะทำการสาธิตการทำงานของเรดาร์สำหรับการค้นหาระดับผิวน้ำแบบ multi-mode กับโหมด Inverse Synthetic Aperture Radar (ISAR) ตัวรับสัญญาณ Automatic Identification System (AIS) และเซ็นเซอร์ High-Definition/Full-Motion Video ที่ติดตั้งมากับกล้องระบบออปติคอลและระบบอินฟาเรด ชุดเซ็นเซอร์นี้ช่วยให้สามารถทำการค้นหาและพิสูจน์ฝ่ายยานผิวน้ำจากระยะกว่าพันไมล์ทะเลได้แบบเรียลไทม์

ระบบเรดาร์ค้นหาระดับผิวน้ำที่มีความพิเศษอย่าง Raytheon SeaVue มาพร้อมระบบติดตามเป้าหมายทางทะเลอัตโนมัติ และเครื่องส่งสัญญาณ AIS และการค้นหาของเรดาร์ที่มีความสัมพันธ์กัน

นอกจากนี้ GA-ASI จะทำงานร่วมกับ SES ผู้ให้บริการการสื่อสารผ่านดาวเทียม (SATCOM) และบริการที่มีการจัดการแบบครบวงจรชั้นนำ รวมถึงดาวเทียมในวงโคจรค้างฟ้า (GEO) และดาวเทียมในวงโคจรระยะปานกลาง (MEO) กว่า 70 ดวง โดย SES จะเป็นผู้ให้บริการเชื่อมต่อกับดาวเทียมประเภท GEO ซึ่งจะทำให้ MQ-9 สามารถปฏิบัติการได้อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งมีระบบเชื่อมโยงข้อมูลประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะทำให้มีการรับส่งข้อมูลเซ็นเซอร์จากอากาศยานได้แบบเรียลไทม์ และขยายการรับส่งข้อมูลออกไปในระยะ “ไกลเกินขอบฟ้า” ได้

“ด้วยจำนวนดาวเทียมที่เรามีอยู่ทั่วโลก SES ได้ให้การสนับสนุนที่สำคัญกับ GA-ASI รวมถึงลูกค้าที่เป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่ใช้อากาศยานเหล่านี้ในการปฏิบัติการมาเกือบสองทศวรรษแล้ว” Nicole Robinson รองประธานอาวุโสฝ่าย Global Government ของ SES Networks กล่าว “เรามีความภาคภูมิใจที่ได้สนับสนุนการสาธิตครั้งนี้กับกองทัพอากาศกรีซ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ที่ยาวนานของเรากับ General Atomics”

มีภาพความละเอียดสูงของ MQ-9 Guardian สำหรับสื่อมวลชนที่ได้รับการรับรองและมีชื่อในข้อมูลติดต่อจาก GA-ASI และ HAF

เกี่ยวกับ GA-ASI

General Atomics Aeronautical Systems, Inc. (GA-ASI) เป็นบริษัทในเครือ General Atomics และเป็นผู้นำด้านการออกแบบและผลิตอากาศยานที่ควบคุมการบินจากระยะไกล (RPA) ระบบเรดาร์ และระบบ electro-optic รวมถึงระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจซึ่งได้รับการยอมรับและมีความน่าเชื่อถือ รวมถึงอากาศยานที่ควบคุมการบินจากระยะไกลซีรีส์ Predator® และเรดาร์ Lynx®  แบบ multi-mode GA-ASI มีชั่วโมงบินที่สูงถึง 6 ล้านชั่วโมง เป็นผู้ให้บริการอากาศยานที่มีความสามารถในการปฏิบัติภารกิจได้ยาวนานซึ่งมีระบบเซ็นเซอร์ในตัว พร้อมระบบเชื่อมโยงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการบินที่ต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับรู้สถานการณ์และโจมตีได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ผลิตสถานีควบคุมภาคพื้นดินและซอฟต์แวร์ควบคุมเซ็นเซอร์/วิเคราะห์ภาพ ให้บริการฝึกอบรมนักบินและบริการสนับสนุนต่าง ๆ รวมถึงเป็นผู้พัฒนาเสาอากาศจากอภิวัสดุหรือ metamaterial สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมที่ www.ga-asi.com

Predator และ Lynx เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ General Atomics Aeronautical Systems, Inc.

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20191111005503/en/

ติดต่อ:

Robert Walker
General Atomics Aeronautical Systems, Inc.
+1 (858) 524-8101
ASI-MediaRelations@ga-asi.com

NTT Com ลงทุนในสตาร์ทอัพฟินเทค M-DAQ

Logo

— เพื่อสร้างโลกที่สามารถชำระเงินหลากสกุลได้ทุกที่ทุกเวลา —

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–12 พ.ย. 2562

NTT Communications Corporation (NTT Com) โซลูชั่นไอซีทีและธุรกิจการสื่อสารระหว่างประเทศภายในกลุ่ม NTT (TOKYO: 9432) ประกาศว่าได้ลงทุนในสตาร์ทอัพฟินเทคในสิงคโปร์ M-DAQ Pte Ltd (M-DAQ)

M-DAQ และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX) มุ่งมั่นที่จะสร้างโลกไร้พรมแดน  จุดแข็งของบริษัทรวมถึงบริการที่ไม่เหมือนใครซึ่งให้การรับประกันอัตรา FX ที่สร้างขึ้นจากอัลกอริทึมคาดการณ์ที่อิงตามความต้องการ

ด้วยการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ M-DAQ นั้น NTT Com จะเปิดตัว Home Currency Anywhere (HCA) บริการธุรกรรมและข้อมูล FX ที่รับประกันอัตราแลกเปลี่ยนแห่งแรกของญี่ปุ่นประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนนี้  HCA เป็นบริการที่ช่วยแปลงสกุลเงินต่างประเทศในอัตราแลกเปลี่ยนที่รับประกันได้  บริการนี้มีให้ในสภาพแวดล้อมแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะของ NTT Com ซึ่งรวมเข้ากับเอ็นจิน FX ของ M-DAQ  สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจถึงราคาสกุลเงินก่อนที่จะซื้อสินค้าและบริการในต่างประเทศ

NTT Com มีเป้าหมายที่จะร่วมมือกับบริษัทที่ใช้ HCA เพื่อตระหนักถึงโลกที่ผู้ให้บริการและลูกค้าสามารถทำธุรกรรมโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของค่าเงิน รวมถึงผ่านบริการแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อผู้ให้บริการ eWallet ทั่วโลกบนพื้นฐานข้ามพรมแดน

หมายเหตุ:

ชื่อบริษัทและชื่อบริการเป็นเครื่องหมายการค้า / เครื่องหมายบริการและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของแต่ละ บริษัท

เกี่ยวกับ M-DAQ

M-DAQ สร้างแอพพลิเคชั่นแบบ over-the-top (OTT) เพื่ออำนวยความสะดวกในการแก้ปัญหาข้ามพรมแดนสำหรับบริษัทข้ามชาติ ตลาดหลักทรัพย์ ตัวกลางทางการเงิน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และเกตเวย์การชำระเงิน  ตั้งแต่ปี 2559 M-DAQ ได้ช่วยธุรกิจและลูกค้าประหยัดมากกว่า 120 ล้านเหรียญสิงคโปร์ในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน

เกี่ยวกับ NTT Communications

NTT NTT Communications แก้ปัญหาความท้าทายทางเทคโนโลยีของโลกโดยการช่วยองค์กรต่างเอาชนะความซับซ้อนและความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมด้าน ICT ด้วยโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่มีการจัดการ  โซลูชั่นเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนโดยโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกของเรา รวมถึงเครือข่ายสาธารณะและเอกชนชั้น 1 ระดับโลกที่เป็นแนวหน้าในอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมกว่า 190 ประเทศ/ภูมิภาคพร้อมศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดในโลกกว่า 450,000m2  ทีมบริการอาชีพระดับโลกของเราให้คำปรึกษาและบริการสถาปัตยกรรมเพื่อความยืดหยุ่นและความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จของธุรกิจของคุณ ขนาดและความสามารถระดับโลกของเราในโลกเทคโนโลยีนั้นไม่มีที่ไหนเทียบได้  เมื่อรวมกับ NTT Ltd., NTT Data และ NTT DOCOMO เราคือ NTT Group

www.ntt.com | Twitter@NTT Com | Facebook@NTT Com | LinkedIn@NTT Com

ดูฉบับที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191111005714/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Kentaro Numa, Mitsuya Tomoda
สำนักงานธุรกิจนวัตกรรม
ฝ่ายวางแผนองค์กร
NTT Communications Corporation
อีเมล: xtech@ntt.com

ฝ่ายพัฒนาธุรกิจทั่วโลก
M-DAQ Pte Ltd
อีเมล: sales@m-daq.com 
โทร: +65 6225 8991

The Bangkok Reporter