Hidetaka Kokubu ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่นของ Xsolla

Logo

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–08 กันยายน 2025

Xsolla ผู้นำระดับโลกด้านการค้าวิดีโอเกม (ซีอีโอ: Chris Hewish สำนักงานใหญ่: ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา) มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง Eiko Kokubun ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่น มีผลตั้งแต่วันที่ 8 กันยายนนี้ เพื่อเสริมสร้างการสนับสนุนบริษัทเกมญี่ปุ่นที่ต้องการขยายธุรกิจไปทั่วโลก

(Graphic: Xsolla)

(กราฟิก: Xsolla)

ก่อนร่วมงานกับ Xsolla นั้น Kokubun ดำรงตำแหน่งผู้นำสำคัญในด้านการพัฒนาธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ หลังจากได้รับประสบการณ์ทางธุรกิจในต่างประเทศระหว่างที่ประจำการอยู่ที่ฮ่องกงให้กับบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง เขาได้ทำงานด้านการวางแผนและการวิเคราะห์ทางการเงิน (FP&A) และการพัฒนาธุรกิจให้กับบริษัทสื่อและบันเทิงระดับโลก อย่างเช่น Amazon และ Disney เขาดำรงตำแหน่งรองประธานและผู้จัดการทั่วไปที่ช่องโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกของบริษัท Sony Pictures โดยดูแลธุรกิจทั้งหมด ต่อมาเขาได้ร่วมงานกับ DAZN โดยดูแลการดำเนินงานด้านการสตรีมกีฬาสดและการขายธุรกิจใหม่แบบ B2B ในฐานะผู้บริหารระดับสูง ล่าสุด เขาดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารที่ Tsuburaya Productions โดยดูแลโครงการเชิงกลยุทธ์ระดับสูง

ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์และความรับผิดชอบต่อผลกำไรและขาดทุน Kokubun สามารถนำประสบการณ์และความเข้าใจอันลึกซึ้งมาสู่บทบาทใหม่ที่ Xsolla ได้

Kokubun แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งใหม่ของเขาว่า:

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ Xsolla หนึ่งในบริษัทค้าเกมชั้นนำของโลก และมีโอกาสได้ร่วมสร้างการเติบโตของอุตสาหกรรมเกมของญี่ปุ่น ตลอดอาชีพการงานในวงการบันเทิง ผมเคยดำรงตำแหน่งต่างๆ และได้รับเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญที่โดดเด่นมากมาย จากประสบการณ์ดังกล่าว ผมมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือนักพัฒนาให้เติบโตทางธุรกิจ ไม่เพียงแต่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ทั่วโลกด้วย โดยใช้ประโยชน์จากโซลูชันที่ทันสมัยและเปี่ยมด้วยนวัตกรรมของ Xsolla ให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

Juyeon Lee รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Xsolla ให้ความเห็นว่า:

“ตอนนี้ Xsolla Japan ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่สี่แล้ว และได้ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น เพื่อสานต่อการเติบโตนี้และเสริมสร้างทิศทางเชิงกลยุทธ์ของเรา เราจึงมีความมุ่งมั่นที่จะค้นหาบุคลากรที่เหมาะสมเพื่อมารับบทบาทสำคัญนี้ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับผู้ที่จะนำความเชี่ยวชาญและความเป็นผู้นำมาสู่ Xsolla ในญี่ปุ่น และเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในตลาดญี่ปุ่น”

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla คือบริษัทค้าเกมระดับโลกที่มีเครื่องมือและบริการอันแข็งแกร่งเพื่อช่วยนักพัฒนาแก้ไขปัญหาสำคัญของอุตสาหกรรมวิดีโอเกม ตั้งแต่เกมอินดี้ไปจนถึงเกมระดับ AAA บริษัทต่างๆ ร่วมมือกับ Xsolla เพื่อช่วยระดมทุน จัดจำหน่าย ทำการตลาด และสร้างรายได้จากเกม ด้วยความเชื่อมั่นในอนาคตของวิดีโอเกม Xsolla มุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสต่างๆ ร่วมกัน และจัดหาทรัพยากรใหม่ๆ ให้กับเหล่าครีเอเตอร์อย่างต่อเนื่อง Xsolla มีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยดำเนินธุรกิจในฐานะผู้ค้าเกม และได้ช่วยเหลือนักพัฒนาเกมมากกว่า 1,500 คน ให้เข้าถึงผู้เล่นได้มากขึ้นและขยายธุรกิจไปทั่วโลก ด้วยเส้นทางสู่ผลกำไรและหนทางสู่ชัยชนะที่มากขึ้น นักพัฒนาเกมจึงมีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเล่นเกม

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250907348708/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Derrick Stembridge
รองประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ระดับโลกของ Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

ที่มา: Xsolla

Nikkiso ตอบรับความต้องการอุปกรณ์จัดการแอมโมเนียที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมเปิดตัวปั๊มรุ่นใหม่ในงาน Gastech 2025

Logo

มิลาน–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2025

Nikkiso Clean Energy & Industrial Gases Group (Nikkiso CE&IG) ได้ประกาศในงาน Gastech Conference วันนี้ว่า บริษัทได้เปิดตัวปั๊มแอมโมเนียแบบจุ่มใต้น้ำรุ่นใหม่ที่ได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้มากที่สุดในอุตสาหกรรม

แอมโมเนียเป็นส่วนประกอบสำคัญในปุ๋ย และถูกนำมาใช้เป็นตัวพาไฮโดรเจนสะอาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ความต้องการในการจัดการแอมโมเนียก็เพิ่มขึ้นเช่นกันในภาคส่วนต่างๆ เช่น การผลิตไฟฟ้า โรงงานเคมี กองเรือขนส่ง รวมถึงท่าเรือส่งออก ทาง Nikkiso CE&IG จึงตอบสนองต่อความต้องการนี้ด้วยโซลูชันแรกที่ออกแบบมาเพื่อลดภาระการบำรุงรักษาทั่วไปสำหรับผู้ปฏิบัติงาน ด้วยโครงสร้างที่ปราศจากซีลต่างๆ บำรุงรักษาง่าย ปราศจากทองแดง รวมถึงระบบมอเตอร์ปั๊มแบบบูรณาการ

โดยปั๊มมีความสามารถในการส่งน้ำได้มากกว่า 2,500 ม.3 ต่อชั่วโมง และมีประวัติการบำรุงรักษาที่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรม โดยชิ้นส่วนที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะทำให้ปั๊มมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะต้องมีการบำรุงรักษาใดๆ โดยมีระยะเวลาเฉลี่ยระหว่างการหยุดทำงานแต่ละครั้งสูงกว่า 16,000 ชั่วโมง

Emile Bado ประธานฝ่ายปั๊มของ Nikkiso CE&IG กล่าวว่า “ความต้องการแอมโมเนียในการใช้งานที่หลากหลายกำลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากความสำคัญของแอมโมเนียในฐานะเชื้อเพลิงสะอาดทางเลือก บทบาทในภาคเกษตรกรรม และในฐานะตัวพาไฮโดรเจน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เรามีความยินดีที่จะเปิดตัวปั๊มที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดจากผู้ปฏิบัติงานต้องเผชิญ

“เรามีความภาคภูมิใจในนวัตกรรมของ Nikkiso CE&IG และความพยายามในการผลิตปั๊มนี้ก็ไม่ต่างกัน ส่งผลให้ปั๊มนี้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้านความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ การบำรุงรักษา และประสิทธิภาพ”

การเปิดตัวปั๊มนี้เกิดขึ้นจากความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมที่สั่งสมมาอย่างยาวนานของทั้ง Nikkiso CE&IG และ Nikkiso Co ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ในการให้บริการตลาดแอมโมเนียในหลากหลายรูปแบบ โดย Nikkiso CE&IG มีประสบการณ์กว่าสี่ทศวรรษในการสร้างปั๊มมอเตอร์แบบจุ่มสำหรับใช้กับแอมโมเนีย และเพิ่งได้รับการอนุมัติในหลักการสำหรับระบบจ่ายเชื้อเพลิงแอมโมเนียแบบใหม่ ควบคู่ไปกับเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบอุณหภูมิแวดล้อมและแบบไฟฟ้าสำหรับแอมโมเนียที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะทางที่มีอยู่และได้รับการพิสูจน์แล้ว ฝ่ายอุตสาหกรรมของ Nikkiso Co ได้สร้างปั๊มมอเตอร์แบบกระป๋องมากกว่า 7,000 ตัวสำหรับใช้ในการจัดการแอมโมเนีย และมีแผนจะเปิดตัวปั๊มแอมโมเนียเหลวสำหรับการผลิตพลังงานความร้อนในปีหน้า

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ

Eric Sensat ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ – ปั๊มมอเตอร์แบบจุ่มใต้น้ำของ Nikkiso CE&IG จะมีการนำเสนอปั๊มแอมโมเนียแบบจุ่มใต้น้ำรุ่นใหม่นี้ที่บูทของ Nikkiso CE&IG (J14) เวลา 10.30 น. และ 13.30 น. ในวันพุธที่ 10 กันยายน 2025

เกี่ยวกับ Nikkiso Clean Energy & Industrial Gases Group

Nikkiso Clean Energy & Industrial Gases Group คือผู้ให้บริการชั้นนำด้านอุปกรณ์และโซลูชันไครโอเจนิกทั่วโลกที่ตอบสนองความต้องการของตลาดพลังงานคาร์บอนต่ำและก๊าซอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและโซลูชันที่ทำงานร่วมกัน เรามุ่งมั่นขับเคลื่อนอนาคตของตลาดพลังงาน การขนส่ง การเดินเรือ การบินและอวกาศ และก๊าซอุตสาหกรรม

กลุ่มบริษัทมีพนักงานมากกว่า 1,800 คนใน 12 ประเทศ และบริหารงานโดย Cryogenic Industries, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ถือหุ้นโดย Nikkiso Co., Ltd (TSE: 6376)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nikkiso CE&IG Group ได้ที่ NikkisoCEIG.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สื่อ
Ross Davidson
ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารภายนอก
+44 (0)7946 930741
Ross.davidson@nikkisoceig.com
pr@nikkisoceig.com

ที่มา: Nikkiso Clean Energy & Industrial Gases Group

NIPPON KINZOKU เดินหน้าโปรโมต SFA Finish ในฐานะผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม

Logo

SFA Finish ช่วยให้เหล็กกล้าคาร์บอนและเหล็กกล้าเครื่องมืออ่อนตัวลง แม้เป็นชิ้นงานที่ยากต่อการแปรรูป

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2025

NIPPON KINZOKU CO., LTD. (สำนักงานใหญ่: มินาโตะ-คุ โตเกียว) เตรียมผลักดันการจำหน่าย “SFA Finish” สำหรับเหล็กกล้าคาร์บอนและเหล็กกล้าเครื่องมือ ซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มความง่ายในการแปรรูปด้วยการทำให้วัสดุอ่อนตัวลง ถือเป็นผลิตภัณฑ์ลำดับที่ 5 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ “Eco-Product” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Compared to standard annealed finishes, SFA finish offers greater elongation, preventing processing cracks.

เมื่อเทียบกับการอบอ่อนจะเห็นว่า SFA Finish ให้ความยืดหยุ่นสูงกว่า และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการแตกร้าวระหว่างแปรรูป

“SFA (Super Full Annealing) Finish” เป็นผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์เฉพาะของเรา ที่ช่วยให้วัสดุอ่อนตัวลงและไม่เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีด้วยการปรับสภาวะการผลิตให้เหมาะสมที่สุด การทำให้วัสดุอ่อนตัวลงทำให้การแปรรูปง่ายขึ้นและช่วยลดการคืนตัว ส่งผลให้กระบวนการมีประสิทธิภาพและเพิ่มอัตราผลผลิตมากขึ้น รวมถึงช่วยประหยัดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ “SFA finish” สำหรับเหล็กกล้าคาร์บอนและเหล็กกล้าเครื่องมือของเรา จึงได้รับการรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์รักษ์สิ่งแวดล้อม “Eco-Product” ตามมาตรฐานของบริษัท เรามุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าอย่างยั่งยืนผ่านการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050

ยิ่งไปกว่านั้น ผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “NIPPON KINZOKU 2030” ตามแผนธุรกิจฉบับที่ 11 ภายใต้คีย์เวิร์ดสำคัญอย่าง “Near Net Performance” (บรรลุประสิทธิภาพที่ต้องการของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นวัสดุ) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เราตั้งเป้าว่าจะขยายการจัดจำหน่ายให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์

คุณสมบัติและคุณประโยชน์ของ SFA Finish

  1. องค์ประกอบทางเคมี
    คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุงโดยปรับสภาพการรีดเย็นให้เหมาะสม องค์ประกอบทางเคมีจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง
     
  2. คุณสมบัติเชิงกล
    เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการอบอ่อน SFA Finish ให้ความเหนียวที่เหนือกว่า พร้อมความอ่อนตัวที่มากกว่า (ความแข็งแรงต่ำกว่า)
     
  3. ความง่ายในการแปรรูป
    เนื่องจากมีการคืนตัวต่ำจึงทำให้ชิ้นงานค่อนข้างคงตัวหลังการแปรรูป
     
  4. โครงสร้างของโลหะ
    ขนาดของคาร์ไบด์ทรงกลมอยู่ที่ประมาณ 1.0-1.5 μm ซึ่งเทียบเท่ากับการอบอ่อนทั่วไป
     
  5. คุณสมบัติหลังอบชุบความร้อน
    โครงสร้างจุลภาคและความแข็งหลังชุบแข็งและการอบคืนตัวเทียบเท่าวัสดุพื้นฐานทั่วไป

คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.nipponkinzoku.co.jp/assets/images/2025/09/934d41c708857ee8bb4409fafb7ffb18.pdf

ภาพรวมของผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดเย็น

บริษัทของเราเริ่มผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นตั้งแต่ปี 1930 ทำให้เราเป็นผู้ผลิตที่ก่อตั้งมาอย่างยาวนานที่สุดในญี่ปุ่น เราภูมิใจที่ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตรงตามข้อกำหนดและขนาดที่หลากหลายในทุกอุตสาหกรรม

ภาพรวมของผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่น

ด้วยเครื่องจักรเฉพาะของบริษัทที่ออกแบบโดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการรีดเย็นและเทคโนโลยีชั้นนำในอุตสาหกรรม เราจึงสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้
URL: https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/corporate-profile/business/cold-rolled-stainless-steel-strip

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัท NIPPON KINZOKU

ผลิตภัณฑ์ของเราถูกนำไปใช้ในหลายสาขา ตั้งแต่งานที่ต้องการความแม่นยำไปจนถึงอุตสาหกรรมก่อสร้าง https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/20250908712511/en

Contacts

NIPPON KINZOKU CO., LTD. แผนกกระบวนการผลิตและสนับสนุน
โทร: +81-3-5765-8113
https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/inquiry

ที่มา: NIPPON KINZOKU CO., LTD.

1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป: การปฏิวัติองค์กรของ Halo ได้เปิดตัวแล้วสำหรับองค์กรระดับโลกที่ได้รับเลือก

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–08 กันยายน 2025

Halo ผู้นำอิสระด้านการจัดการบริการองค์กร (ESM) วันนี้ประกาศเปิดตัว “1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไปซึ่งเป็นแพ็คเกจองค์กรใหม่ที่โดดเด่นที่รับประกันค่าใช้จ่ายใบอนุญาต ESM ที่แน่นอนและคาดการณ์ได้ตลอดอายุการใช้งานให้กับองค์กร พร้อมทั้งมอบการใช้งานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ความคล่องตัวที่มากขึ้น และระดับความร่วมมือที่ผู้จำหน่ายแบบดั้งเดิมไม่สามารถเทียบได้

ทำไมต้องตอนนี้

องค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งติดอยู่ในสัญญามูลค่าเจ็ดหลักกับแพลตฟอร์มเดิม ซึ่งต้องเผชิญกับต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ที่พุ่งสูงขึ้น การเปิดตัวโครงการที่ล่าช้า และเงื่อนไขที่ไม่ยืดหยุ่น โปรแกรม 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป ของ Halo จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้โดยตรง:

  •  โปร่งใส ราคายุติธรรม คาดการณ์มูลค่า ACV ไว้ที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป
  •  การใช้งานรวดเร็วกว่าที่คุณคิดมาก – การเปิดตัวองค์กรหลักที่ส่งมอบในกรอบเวลาที่ไม่เคยมีมาก่อน
  •  ความร่วมมือที่แท้จริง กับการจัดการระยะยาวที่สร้างขึ้นจากผลลัพธ์ที่วัดผลได้และการส่งมอบมูลค่าอย่างต่อเนื่อง
  •  สัญญาที่ยืดหยุ่น – ออกได้ทุกเมื่อโดยไม่มีค่าปรับ
  •  ทุนสนับสนุนนวัตกรรมอันทรงเกียรติ สำหรับเงินทุนทั้งหมดเพื่อครอบคลุมการโยกย้ายจากแพลตฟอร์มปัจจุบัน
  •  ไม่มีการชำระเงินจนกว่าการย้ายข้อมูลจะเสร็จสมบูรณ์และสัญญาปัจจุบันหมดอายุ

โอกาสสุดพิเศษ

1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป: การปฏิวัติองค์กรของ Halo มี ให้เฉพาะองค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 20,000 คน หรือตัวแทนฝ่ายบริการมากกว่า 1,000 คนเท่านั้น การเข้าร่วมต้องอยู่บนพื้นฐานการสมัครเข้าร่วมอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่เริ่มใช้งานในช่วงแรกจะได้รับความสนใจและอิทธิพลอย่างเหนือชั้นต่อแผนงานของ Halo

ผู้เข้าร่วมจะได้รับประโยชน์จาก:

  •  ราคาคงที่ตลอดชีพที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ไม่มีการอัพเซลล์
  •  การติดตั้งใช้งานได้เร็วกว่าที่คิดพร้อมความสามารถที่พิสูจน์แล้วในการจัดการบริการระดับองค์กรได้ในเวลาอันรวดเร็ว
  •  การผสานรวมและการกำหนดค่าความปลอดภัยที่ออกแบบเฉพาะ
  •  มีอิทธิพลโดยตรงต่อลำดับความสำคัญด้านนวัตกรรมของ Halo
  •  เงินทุนสนับสนุนการย้ายผ่านทุนนวัตกรรมเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านและเร่งการสร้างมูลค่าให้เร็วขึ้น

นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชั่วอายุคนที่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิดขององค์กรเกี่ยวกับการจัดการบริการ กล่าวโดย Paul Hamilton ซีอีโอของ Halo การกำหนดราคาที่คาดการณ์ได้ตลอดชีพ และการมอบทุนสนับสนุนนวัตกรรมที่เอื้อเฟื้อเพื่อรองรับภาระหนักในการย้ายระบบ ช่วยให้เรามอบความมั่นใจและช่องทางให้ลูกค้าองค์กรเริ่มต้นของเราได้หลุดพ้นจากแพลตฟอร์มเก่าที่มีข้อจำกัดและมีราคาแพงเกินไป

ความพิเศษเฉพาะที่มาพร้อมวัตถุประสงค์

ด้วยการจำกัดจำนวนลูกค้า “1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดไป” Halo รับประกันว่าผู้เข้าร่วมทุกรายในช่วงแรกจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ทรัพยากรระดับพรีเมียม และความสามารถในการกำหนดอนาคตของ Enterprise Service Management ควบคู่ไปกับทีมผู้นำของ Halo

เกี่ยวกับ Halo

Halo คือบริษัท SaaS เอกชนที่ก่อตั้งโดยผู้ก่อตั้ง นิยามใหม่ของ Enterprise Service Management โดย Halo สร้างขึ้นบนหลักการของความโปร่งใส ความยุติธรรม และความร่วมมือระยะยาว ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถส่งมอบบริการที่ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น โดยไม่มีข้อจำกัดจากรูปแบบผู้ให้บริการแบบเดิม

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจ Halo Enterprise ได้ที่ https://usehalo.com/enterprise-package

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/ 20250908530996/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ: Richard Horvath – Richard.horvath@imaginehalo.com

ที่มา: Halo

Autel Energy เปิดตัวแพลตฟอร์มการชาร์จรุ่นใหม่: ตั้งแต่โมดูลระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ออกแบบภายในองค์กรไปจนถึงระบบตู้ที่ปรับขนาดได้ เทอร์มินัลประสิทธิภาพสูง และเครื่องชาร์จแบบออลอินวันที่ได้รับการอัปเกรด

Logo

เบอร์ลิน-(BUSINESS WIRE)–05 กันยายน 2025

ด้วยแนวคิด “พลังไร้ขีดจำกัด – เริ่มต้นจากศูนย์” ในงานเปิดตัวระดับโลก Autel Energy Europe ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งเป็นโซลูชันรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และปรับขนาดได้ที่เพิ่มขึ้นในยุโรปและทั่วโลก แพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นจากโมดูลพลังงานระบายความร้อนด้วยของเหลวที่ออกแบบภายในองค์กร ผสานประสิทธิภาพสูงเข้ากับความสามารถในการปรับเปลี่ยนที่เหนือชั้น มอบโซลูชันการชาร์จที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย

Andreas Lastei, Vice President of Sales and Marketing at Autel Energy Europe, presents the MaxiCharger DS600L

Andreas Lastei รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Autel Energy Europe นำเสนอ MaxiCharger DS600L

MaxiModule LCM60/120: โมดูลระบายความร้อนด้วยของเหลวประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาภายในองค์กร

แกนหลักของแพลตฟอร์มคือโมดูลพลังงานระบายความร้อนด้วยของเหลว MaxiModule LCM60/120 ที่ Autel พัฒนาขึ้นเอง มีให้เลือกทั้งขนาด 60 กิโลวัตต์และ 120 กิโลวัตต์ โมดูลเหล่านี้ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อประสิทธิภาพการแปลงพลังงานสูง ความเสถียรในระยะยาว และการทำงานที่ยั่งยืนภายใต้สภาวะการทำงานที่หนักหน่วง โมดูลเหล่านี้มอบประสิทธิภาพทางความร้อนที่สม่ำเสมอแม้ในขณะที่ใช้พลังงานสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับประโยชน์จากต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของที่ต่ำลง เวลาทำงานที่สูงขึ้น และความสามารถในการปรับขนาดที่พร้อมรองรับอนาคต

MaxiCharger DS600L: ระบบตู้ที่ปรับขนาดได้พร้อมสถาปัตยกรรมแบบซ้ำซ้อน

โมดูลพลังงานใหม่นี้ถูกรวมเข้ากับระบบตู้ชาร์จ MaxiCharger DS600L ของ Autel ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จขนาดใหญ่ที่มีกำลังไฟฟ้ารวมสูงสุด 3 เมกะวัตต์ต่อคลัสเตอร์ตู้ชาร์จ

เพื่อรักษาความต่อเนื่องในการทำงาน MaxiCharger DS600L จึงมีสถาปัตยกรรมสำรองสำหรับส่วนประกอบสำคัญต่างๆ เช่น โมดูลจ่ายไฟ ชุดควบคุม และเมทริกซ์สวิตชิ่ง ซึ่งออกแบบขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ที่จะลดเวลาหยุดทำงานให้เหลือศูนย์ เมื่อใช้ร่วมกับชุดอุปกรณ์ปลายทางของ Autel ระบบจะรองรับการกำหนดค่าไซต์งานที่ยืดหยุ่น รองรับ CCS และ MCS แอปพลิเคชันสำหรับยานพาหนะและคลังสินค้า และการผสานรวม BESS และ PV ได้อย่างราบรื่น ทั้งหมดนี้ควบคุมผ่านระบบ EMS ของ Autel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของพลังงานและประสิทธิภาพการทำงาน DS600L ยังสามารถจับคู่กับชุดจ่ายและชุดอุปกรณ์ปลายทางที่หลากหลายได้อย่างยืดหยุ่น ตั้งแต่เสารถยนต์โดยสารไปจนถึงตู้จ่ายรถบรรทุกสำหรับงานหนัก ทำให้สามารถออกแบบโซลูชันที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการที่หลากหลายของไซต์งาน เทอร์มินัล MaxiCharger DT1500 รองรับเอาต์พุตสูงสุด 1,500 แอมป์ และ 1.44 เมกะวัตต์ จึงมั่นใจได้ถึงความพร้อมสำหรับความต้องการการชาร์จแบบเร็วพิเศษแห่งอนาคต

อัปเกรดเครื่องชาร์จแบบออลอินวันเป็น MaxiCharger DH600

Autel ได้ยกระดับเครื่องชาร์จแบบออลอินวันด้วย MaxiCharger DH600 ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก MaxiCharger DH480 ที่ยังคงขนาดกะทัดรัดและดีไซน์ที่เพรียวบางของรุ่นเดิมไว้ พร้อมมอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด MaxiCharger DH600 มาพร้อมกับสายชาร์จระบายความร้อนด้วยของเหลว รองรับกระแสไฟสูงสุด 650 แอมป์ ให้กำลังส่งสูงต่อเนื่อง 600 กิโลวัตต์ พร้อมประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ต่อเนื่องสูงขึ้น ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และความสามารถในการปรับตัวที่ดีขึ้นสำหรับสถานการณ์การชาร์จที่หลากหลาย MaxiCharger DH600 จึงรับประกันการทำงานที่เชื่อถือได้แม้ในสภาวะที่ยากลำบากที่สุด

บริการ MaxiCare และการผสานรวม AI

นอกเหนือจากความก้าวหน้าด้านฮาร์ดแวร์แล้ว Autel ยังเน้นย้ำถึงความสามารถในการให้บริการ MaxiCare และฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เครื่องมือเหล่านี้รองรับการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ การเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายแบบเรียลไทม์ และประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเวลาหยุดทำงาน และมอบกระบวนการชาร์จที่ราบรื่นยิ่งขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ จากจุดนี้ Autel ยังสำรวจการประยุกต์ใช้ AI ในการชาร์จและการตรวจสอบในวงกว้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวางรากฐานสำหรับนวัตกรรมในอนาคต

“ด้วยการพัฒนาโมดูลพลังงานหลักภายในองค์กรและการผสานรวมเข้ากับระบบตู้ที่ปรับขนาดได้ เทอร์มินัลประสิทธิภาพสูง และเครื่องชาร์จแบบออลอินวันรุ่นใหม่ เราจึงมอบความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือให้กับตลาดการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังพัฒนา” กล่าวโดย Andreas Lastei รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Autel Energy ยุโรป “ด้วยแพลตฟอร์มบริการอัจฉริยะและความสามารถของ AI ของเรา รวมถึงความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับ CCS, MCS, BESS และ PV การเปิดตัวครั้งนี้จึงเป็นรากฐานที่ครอบคลุมสำหรับการสร้างเครือข่ายการชาร์จแห่งอนาคต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของยุโรปไปสู่การขนส่งที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์”

*วันวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ของคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250905801873/en

Contacts

ฝ่ายขายและการตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก:

FiFi Huang

marketing.jp@autel.com

ที่มา: Autel Energy

ภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่น จากเกม Street Fighter เกมดังของ Capcom เริ่มถ่ายทำแล้ว!

Logo

– Capcom มุ่งหวังที่จะเพิ่มมูลค่าของ IP ด้วยกลยุทธ์ Single Content Multiple Usage –

OSAKA, Japan–(BUSINESS WIRE)–05 กันยายน 2025

Capcom Co., Ltd. (TOKYO:9697) ประกาศในวันนี้ว่า การถ่ายทำภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันที่ดัดแปลงมาจากซีรีส์เกมต่อสู้ยอดนิยม Street Fighter ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ด้วยความร่วมมือกับ Legendary Entertainment (Legendary) โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมทุนสนับสนุนโครงการ

Street Fighter Movie Title Logo

โลโก้ชื่อภาพยนตร์ Street Fighter

เพื่อเป็นการเพิ่มยอดขายทั่วโลกในธุรกิจซอฟต์แวร์วิดีโอเกมหลักสำหรับใช้ในบ้าน Capcom จึงส่งเสริมการสร้างแบรนด์ทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนภายใต้กลยุทธ์ Single Content Multiple Use โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดัดแปลงคอนเทนต์เกมเป็นสื่อภาพ ถือเป็นโอกาสอันดีในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาของ Capcom ให้กว้างไกลออกไปนอกกลุ่มผู้เล่นเกม

ในการถ่ายทำภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายเร็วๆ นี้ Street Fighter ขณะนี้ การคัดเลือกตัวละครหลัก ได้แก่ Ken, Ryu, และ Chun-Li ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว Capcom มุ่งมั่นที่จะยกระดับมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทให้สูงขึ้นไปอีก ด้วยการร่วมทุนกับ Legendary บริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์มากมาย

Capcom มุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะพัฒนาการใช้งานพอร์ตโฟลิโอของเนื้อหาเกมหลายแง่มุมตามกลยุทธ์ Single Content Multiple Usage

เกี่ยวกับ Legendary Entertainment

Legendary Entertainment เป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์ชั้นนำที่มีฝ่ายดำเนินการสร้างภาพยนตร์ (Legendary Pictures) โทรทัศน์และสื่อดิจิตอล (Legendary Television and Digital Media) และการ์ตูน (Legendary Comics) รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกทั้งหมดในโปรดักชั่นที่เกี่ยวข้องกับ Legendary Pictures รวมถึงภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชั่นหลายเรื่องที่ใช้วิดีโอเกม มีมูลค่าโดยรวมประมาณ 21 พันล้านเหรียญสหรัฐ

 [ Street Fighter รายละเอียดภาพยนตร์]

ชื่อ

 Street Fighter

วันเข้าฉาย

16 ตุลาคม 2026

นักแสดงหลัก

 Ken: Noah Centineo
 Ryu: Andrew Koji
 Chun-Li: Callina Liang

นำแสดงโดย

Joe “Roman Reigns” Anoai, David Dastmalchian, Cody Rhodes,

 Andrew Schulz, Eric André, Vidyut Jammwal
 With Curtis “50 Cent” Jackson and Jason Momoa

นำแสดงโดย

Orville Peck, Olivier Richters, Hirooki Goto, Rayna Vallandingham,

Alexander Volkanovski, Kyle Mooney and Mélanie Jarnson

เกี่ยวกับ CAPCOM

Capcom เป็นนักพัฒนาชั้นนำทั่วโลก ผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายของ Interactive Entertainment สำหรับเกมคอนโซล เกมพีซี อุปกรณ์พกพา และอุปกรณ์ไร้สาย ก่อตั้งขึ้นในปี 1983 บริษัทสร้างเกมขึ้นหลายร้อยเกม รวมถึงแฟรนไชส์ที่เป็นที่รู้จักกันดี Resident Evil™, Monster Hunter™, Street Fighter™, Mega Man™, Devil May Cry™ และ Ace Attorney™ CAPCOM มีการดำเนินการในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และโตเกียว โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Capcom ได้ที่ https://www.capcom.co.jp/ir/english/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย  

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250905806122/en

Contacts

ฝ่ายประชาสัมพันธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ของ Capcom
+81-6-6920-3623

ที่มา: Capcom Co., Ltd.


การประชุม EmPOWER AI 2025 ผนึกกำลังนวัตกรรมด้านพลังงานและ AI ร่วมสร้างโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะแห่งอนาคต

Logo

ซีอีโอของ Glean จะบรรยายปาฐกถาสำคัญ พร้อมรับฟังมุมมองจาก Ameren IL, APS, OG&E, SMUD, NV Energy, Itron, Infosys, AWS และบริษัทอื่นๆ

ลอสอัลโตส, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–04 กันยายน 2025

Bidgelyจัดงานประชุมด้านข่าวกรองด้านพลังงานชั้นนำในชื่อว่า “EmPOWER AI” ในระหว่างวันที่ 16-18 กันยายน ณ เมืองนาปา รัฐแคลิฟอร์เนีย งานประชุมประจำปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมจากบริษัทระดับโลกกว่า 40 แห่ง เพื่อจุดประกายการสนทนาเชิงวิพากษ์ระหว่างผู้นำด้านสาธารณูปโภค ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล และผู้บริหารด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เกี่ยวกับบทบาทของ AI ที่กำลังปฏิวัติวงการนี้

Bidgely's EmPOWER AI, held September 16-18 in Napa, California, gathers over 40 global energy companies to explore how AI is revolutionizing the sector.

งาน EmPOWER AI ของ Bidgely จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-18 กันยายน ณ เมืองนาปา รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยรวบรวมบริษัทพลังงานระดับโลกกว่า 40 แห่ง เพื่อสำรวจว่า AI กำลังปฏิวัติวงการนี้อย่างไร

“งานนี้ถือเป็นเวทีสำคัญสำหรับการนำเสนอความก้าวหน้าด้าน AI ระลอกใหม่ของเรา โดยปีที่แล้ว Bidgely ได้เปิดตัวผลงานอันล้ำสมัยของเราในด้าน AI เชิงสร้างสรรค์ ส่วนในปีนี้ ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสโซลูชัน AI ใหม่ล่าสุดอันทรงพลังของเราอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้ผู้นำมีความยืดหยุ่นมากกว่าที่เคยในการนำ AI มาใช้ในธุรกิจสาธารณูปโภคต่างๆ” Abhay Gupta ซีอีโอของ Bidgely กล่าว “เราแทบรอไม่ไหวที่จะแบ่งปันความสำเร็จอันน่าทึ่งของลูกค้าและเปิดเผยถึงอนาคตของอุตสาหกรรมพลังงาน”

งาน EmPOWER AI ปีนี้จัดขึ้นโดย PacifiCorp ผู้ให้บริการโครงข่ายไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาตะวันตก และเป็นพันธมิตรกับ Bidgely มายาวนาน ภายในงานจะประกอบด้วยหัวข้อต่างๆ เกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการแยกส่วนพลังงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI การแบ่งส่วนตลาดและการมีส่วนร่วมของลูกค้ายุคใหม่ รวมถึงการวางแผนโครงข่ายไฟฟ้าและการใช้ไฟฟ้า โดยหัวข้อเหล่านี้จะมีการพูดคุยอย่างเข้มข้นจากบริษัทสาธารณูปโภคชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญของ Bidgely วิทยากรหลักของ EmPOWER AI ในปีนี้ คือ Arvind Jain ผู้มีวิสัยทัศน์ด้าน AI ในสถานที่ทำงานและซีอีโอของ Glean ซึ่งจะมาพูดคุยถึงแนวทางที่บริษัทสาธารณูปโภคสามารถกำหนดทิศทางของ AI ในอนาคต

“EmPOWER AI มอบพื้นที่พิเศษที่ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทุกอุตสาหกรรมมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับนวัตกรรม และเรียนรู้จากประสบการณ์ AI ของกันและกัน” Shawn Grant ผู้อำนวยการฝ่ายโซลูชันลูกค้าของ PacifiCorp กล่าว “นี่คือการแลกเปลี่ยนแบบเปิดที่เร่งให้เราทุกคนก้าวไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น ตั้งแต่ขอบเครือข่ายไปจนถึงศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลง”

การสนทนาในระดับโลกกับ Local Insight

กิจกรรม EmPOWER AI ‘Insights Tour’ ใหม่ ที่เริ่มต้นขึ้นในปี 2025 จะสิ้นสุดลงที่เมืองนาปา โดยรวบรวมบทสนทนาและข้อมูลเชิงลึกจากผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน ณ สถานที่ต่างๆ ในแคนาดาและยุโรป กิจกรรมระดับภูมิภาคทั้งสองแห่งนี้ได้รวมตัวผู้ให้บริการสาธารณูปโภคและผู้บริหารเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำลายกำแพงกั้นระหว่างลูกค้าและการวางแผนโครงข่ายไฟฟ้า โดยใช้กลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โครงสร้างพื้นฐานการวัดขั้นสูง (AMI) 2.0 และ AI เชิงสร้างสรรค์ (GenAI) เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของโครงข่ายไฟฟ้าและการมีส่วนร่วมของลูกค้า

“ผมคิดว่า EmPOWER AI เป็นกิจกรรมที่โดดเด่น พวกเขาเชิญผู้คนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันและมีปัญหาคล้ายกันในอุตสาหกรรมของตนเองจากทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น” Sumit Verma รองประธานฝ่ายประสบการณ์ลูกค้าของ TAQA Distribution ในอาบูดาบี กล่าว “ปัญหาของบริษัทหนึ่งอาจเป็นทางออกของอีกบริษัทหนึ่งก็ได้”

การสร้างเครือข่ายผู้บริหารและการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา

การประชุม EmPOWER AI ของ Bidgely เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสโซลูชันล่าสุดสำหรับความท้าทายที่สำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมสาธารณูปโภค การประชุมนี้ผสมผสานวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลเข้ากับการประยุกต์ใช้งานจริงที่ภาคสาธารณูปโภคกำลังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ตลอดงานจะมีการแบ่งปันมุมมองจากองค์กรต่างๆ เช่น Ameren Illinois, APS, OG&E, SMUD, NV Energy, Avista, Itron, AWS, Infosys และองค์กรชั้นนำด้านนวัตกรรมอื่นๆ ตลอดห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงาน

หัวข้อของเซสชันประกอบด้วย

  •  การย้ายลูกค้าจากขอบเครือข่ายไปสู่ศูนย์กลางแห่งนวัตกรรม
  •  เปลี่ยนโครงข่ายไฟฟ้าคงที่ของคุณให้เป็นระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ AI
  •  เร่งความสำเร็จของโครงการ EV ด้วย AI
  •  โหลดที่ชาญฉลาดขึ้น ใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดขึ้น: พลิกโฉมการออกแบบ TOU และอัตราค่าบริการ
  •  จาก AMI สู่ AI: การออกแบบเพื่ออนาคตด้วยปัญญาประดิษฐ์แบบกระจาย
  •  การพัฒนาความเสมอภาคและความสามารถในการซื้อโดยใช้ข้อมูล
  •  การคาดการณ์และเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตของโครงข่ายไฟฟ้า 10 เท่า

เปิดลงทะเบียน EmPOWER AI 2025 แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bidgely.com/empower-ai/

เกี่ยวกับ Bidgely

Bidgely คือบริษัท SaaS ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งกำลังเร่งสร้างอนาคตพลังงานสะอาด ด้วยการช่วยให้บริษัทพลังงานและผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับพลังงานโดยอาศัยข้อมูล โดยแพลตฟอร์ม UtilityAI™ ของ Bidgely นั้นขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของเราที่ได้รับการจดสิทธิบัตรที่จะแปลงข้อมูลของลูกค้าในหลากหลายมิติ เช่น การใช้พลังงาน ข้อมูลประชากร และปฏิสัมพันธ์ต่างๆ ให้เป็นข้อมูลเชิงลึกด้านพลังงานของผู้บริโภคที่แม่นยำและสามารถนำไปใช้ได้จริง เราใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เพื่อมอบคำแนะนำเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งปรับให้เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคลและไลฟ์สไตล์ คุณลักษณะการใช้งาน รูปแบบพฤติกรรม แนวโน้มการซื้อ และอื่นๆ โดย Bidgely กำลังพัฒนานวัตกรรมมิเตอร์อัจฉริยะด้วยโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลสำหรับโซลาร์เซลล์ (PV) การตรวจจับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) การปรับเปลี่ยนโหลดและการจัดการการชาร์จตามพฤติกรรมของรถยนต์ไฟฟ้า การขโมยพลังงาน การคาดการณ์โหลดระยะสั้น การวิเคราะห์โครงข่ายไฟฟ้า และการออกแบบอัตราการใช้งาน (TOU) โดยระบบวิเคราะห์พลังงาน UtilityAI™ ของ Bidgely นั้นสามารถมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการผลิตและการบริโภค เพื่อการวางแผนและกำหนดรูปแบบการใช้พลังงานสูงสุด (Peak Load) ที่ดีขึ้น พร้อมให้คำแนะนำที่ตรงจุดสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่มีมูลค่าเพิ่ม Bidgely ตั้งอยู่ที่ซิลิคอนแวลลีย์ มีสิทธิบัตรด้านพลังงานมากกว่า 16 ฉบับ เงินทุนกว่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลมากกว่า 30 คน และนำความหลงใหลใน AI มาสู่สาธารณูปโภค โดยให้บริการลูกค้าทั้งที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bidgely.com หรือบล็อกของ Bidgely ที่ bidgely.com/blog

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250904069383/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Christine Bennett
Bidgely
press@bidgely.com

ที่มา: Bidgely

จาก EHR ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สู่การแชร์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ InterSystems Asia Healthcare Summit 2025 ชูอินโดนีเซียในฐานะผู้นำด้านสุขภาพดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

ผู้นำระดับโลกและระดับท้องถิ่นรวมตัวกันที่จาการ์ตาเพื่อนำเสนอความก้าวหน้าที่กำลังพลิกโฉมการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพและนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลทั่วทั้งภูมิภาค

จาการ์ตา, อินโดนีเซีย–(BUSINESS WIRE)–04 กันยายน 2025

InterSystems เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีข้อมูลเชิงสร้างสรรค์ที่บริหารจัดการข้อมูลสุขภาพมากกว่าหนึ่งพันล้านรายการทั่วโลก ได้จัดงาน Asia Healthcare Summit 2025 เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีผู้นำจากภาครัฐ ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ และภาคเทคโนโลยีสารสนเทศมากกว่า 200 ราย ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่นมาร่วมประชุม โดยได้ยกย่องอินโดนีเซียในฐานะสัญลักษณ์แห่งนวัตกรรมของการดูแลสุขภาพในเอเชีย ด้วยนโยบายที่ก้าวหน้า การลงทุนจากภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น และระบบนิเวศความร่วมมือที่เชื่อมโยงความเชี่ยวชาญระดับโลกเข้ากับนวัตกรรมในท้องถิ่น อินโดนีเซียกำลังก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสุขภาพดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจุดประกายความก้าวหน้าด้านการดูแลผู้ป่วยที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

ระบบการดูแลสุขภาพของอินโดนีเซียกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านความพร้อมทางดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยแผนงานการเปลี่ยนแปลงของกระทรวงสาธารณสุข และความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับข้อมูลที่เชื่อถือได้และทำงานร่วมกันได้ และระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI Terry Ragon, ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ InterSystems กล่าวว่า “เราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านการประมวลผลในขณะที่เราเข้าสู่ยุค AI โดยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรม และในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ลูกค้าของเราได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังส่งมอบการดูแลระดับโลกให้กับภูมิภาคนี้ด้วยเทคโนโลยีของเราอย่างไร”

แม้จะมีแรงผลักดันที่แข็งแกร่ง แต่ภาคการดูแลสุขภาพของเอเชียยังคงเผชิญกับความท้าทายต่างๆ มากมาย รวมถึงระบบเดิมที่กระจัดกระจาย ความรู้ด้านดิจิทัลที่ไม่สม่ำเสมอ และความกังวลของสาธารณชนเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล Luciano Brustia, กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ InterSystems กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงด้านการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องของอินโดนีเซียไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสำเร็จในระดับชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอีกด้วย ภาวะผู้นำที่มองการณ์ไกล ความร่วมมือในอุตสาหกรรม และความพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและปรับขนาดได้มาใช้ กำลังจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้เกิดขึ้น”

โซลูชันในโลกแห่งความเป็นจริง ผลกระทบที่พิสูจน์แล้ว

InterSystems ได้สาธิตวิธีการที่แพลตฟอร์มข้อมูล InterSystems IRIS for Health™ ของบริษัท รวบรวมข้อมูลจากหลายระบบแบบเรียลไทม์เพื่อ “สื่อสารในภาษาเดียวกัน” ที่พร้อมสำหรับ AI และการวิเคราะห์โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานเดิม แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้โรงพยาบาลต่างๆ พัฒนาระบบให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่องโดยไม่เกิดการหยุดชะงัก ระบบบันทึกข้อมูลทางการแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ InterSystems TrakCare® ซึ่งใช้งานโดยโรงพยาบาลและห้องปฏิบัติการชั้นนำหลายแห่งในอินโดนีเซีย ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มข้อมูลนี้ โซลูชันเหล่านี้ใช้มาตรฐานข้อมูลระดับโลก เช่น HL7® FHIR® ควบคู่ไปกับการสนับสนุนโครงการริเริ่มระดับชาติ เช่น SATUSEHAT

ในอินโดนีเซีย เทคโนโลยีของ InterSystems ได้ให้การสนับสนุนผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพชั้นนำมากมาย อาทิ Prodia, EMC Healthcare, Tzu Chi Hospital, EKA Hospital, Pondok Indah Group, Asia One Healthcare และ Bali International Hospital ความร่วมมือเหล่านี้ครอบคลุมเครือข่ายห้องปฏิบัติการระดับชาติและโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกระทรวงสาธารณสุขในการดูแลผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางและเชื่อมโยงถึงกัน

หนึ่งในไฮไลท์ของงานคือ EMC Healthcare ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในเอเชียที่นำ InterSystems Intellicare™ ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่มาใช้ โดยเป็นระบบ EHR แบบบูรณาการที่ขับเคลื่อนด้วย AI และสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มข้อมูลที่เชื่อถือได้ของ InterSystems เช่นกัน “IntelliCare ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้แพทย์ของเรามีเวลามากขึ้นในการให้ความสำคัญกับผู้ป่วย ในขณะที่ข้อมูลผู้ป่วยจะไหลอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว เพื่อการตัดสินใจที่รอบด้าน” กล่าวโดย Jusup Halimi, ซีอีโอของ EMC Healthcare

Don Woodlock, หัวหน้าฝ่ายโซลูชันการดูแลสุขภาพระดับโลกของ InterSystems ได้กล่าวถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของ InterSystems เพื่อตอบโจทย์การไหลเวียนข้อมูลอย่างราบรื่นในระบบการดูแลสุขภาพ ซึ่งรวมถึงโซลูชัน Unified Care Record ที่ได้รับรางวัล Best in KLAS ประจำปี 2025 ในยุโรป สาขา Shared Care Records/HIE โดยได้นำเสนอตัวอย่างความสามารถใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นของ AI เชิงตัวแทนที่กำลังจะเปิดตัวใน InterSystems IntelliCare ที่จะช่วยให้ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพมีผู้ช่วยที่สามารถช่วยวางแผนและดำเนินงานต่างๆ เพื่อประหยัดเวลาและช่วยในการตัดสินใจที่ดีขึ้น

ปฏิวัติวงการการดูแลสุขภาพในอินโดนีเซีย

อีกหนึ่งไฮไลท์ของงาน ดร. Noel Yeo, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์และปฏิบัติการที่ Bali International Hospital ซึ่งเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2025 ใจกลางเขตเศรษฐกิจพิเศษซานูร์ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ของบาหลีสำหรับการดูแลสุขภาพ ดร. Yeo ได้พูดคุยเกี่ยวกับวิธีที่โรงพยาบาลกำลังปฏิวัติการให้บริการดูแลสุขภาพในอินโดนีเซีย และบทบาทของ TrakCare ในการช่วยผลักดันขอบเขตใหม่ๆ ในการให้บริการดูแลสุขภาพ

การประชุมสุดยอดครั้งนี้มีการสาธิตผลิตภัณฑ์สดจาก InterSystems รวมถึงการให้คำปรึกษาด้วย AI และข้อมูลเชิงลึกของผู้ป่วย อวาตาร์ AI เพื่อสนับสนุนแพทย์ในการทำงานทั่วไป และการแบ่งปันข้อมูลที่ราบรื่นระหว่างภาคส่วนต่างๆ ของระบบนิเวศด้านสุขภาพและการดูแล ซึ่งช่วยเชื่อมช่องว่างระหว่างวิสัยทัศน์ด้านนโยบายและความเป็นจริงทางคลินิก โดยพันธมิตรด้านโซลูชันและบริการของ InterSystems จำนวน 10 รายได้ร่วมจัดแสดงใน Partner Pavilion รวมถึงกลุ่ม ST Engineering ซึ่งเป็นกลุ่มเทคโนโลยีระดับโลก การป้องกันประเทศ และวิศวกรรมที่เป็นพันธมิตรด้านการใช้งานและโซลูชันรายใหม่ล่าสุดของ InterSystems ในภูมิภาคอาเซียน

Tan Bin Ru, ประธานฝ่าย Enterprise Digital ของ ST Engineering กล่าวว่า “การผสานรวมระบบอัจฉริยะของเราเข้ากับแพลตฟอร์มข้อมูลด้านการดูแลสุขภาพของ InterSystems ทำให้ศูนย์บัญชาการ AGIL® Care ของเราช่วยเสริมสร้างความสามารถในการทำงานร่วมกันของโรงพยาบาล ประสิทธิภาพการดำเนินงาน และความยืดหยุ่นในการจัดการวิกฤตและการระบาดใหญ่”

InterSystems สรุปงานโดยแสดงความยินดีกับลูกค้าในเอเชียที่สร้างมาตรฐานใหม่ในด้านสุขภาพดิจิทัลด้วยการบรรลุการตรวจสอบขั้นที่ 6 หรือ 7 จาก HIMSS Electronic Medical Record Adoption Model (EMRAM) โดย Pondok Indah Hospital Group เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในอินโดนีเซียที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน EMRAM ขั้นที่ 6 โดยในขณะนี้ได้บรรลุมาตรฐานขั้นที่ 7 แล้วสำหรับโรงพยาบาลทั้งสามแห่งในเครือ และ EMC Grha Kedoya เพิ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน HIMSS EMRAM ขั้นที่ 6 รวมถึงสถาบันหัวใจแห่งชาติมาเลเซียที่ได้กลายเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในมาเลเซียที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน HIMSS EMRAM ขั้นที่ 6

โดยตัวแทนเห็นพ้องกันว่าการผสานรวมรข้อมูลที่ปลอดภัยและการนำระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้จะช่วยลดภาระงาน เร่งการวินิจฉัย และปรับปรุงการมีส่วนร่วมและผลลัพธ์ของผู้ป่วย โซลูชันเหล่านี้สนับสนุนวิสัยทัศน์ของรัฐบาลอินโดนีเซียโดยตรงในการสร้างระบบนิเวศสุขภาพดิจิทัลที่ปลอดภัย ครอบคลุม และให้ความสำคัญกับผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง

วิทยากรเน้นย้ำว่าเส้นทางข้างหน้าจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างความทะเยอทะยานทางเทคโนโลยีกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีจริยธรรม การกำกับดูแลที่โปร่งใส ความปลอดภัยของข้อมูลที่แข็งแกร่ง และการดูแลที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ความพร้อมของอินโดนีเซียในการเป็นผู้นำนั้นเกิดจากการผสมผสานวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ศักยภาพของภาคเอกชน และการเปิดกว้างต่อความร่วมมือระดับโลก

เกี่ยวกับ InterSystems

InterSystems เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีข้อมูลเชิงสร้างสรรค์ มอบรากฐานแบบครบวงจรสำหรับแอปพลิเคชันยุคใหม่สำหรับลูกค้าด้านการดูแลสุขภาพ การเงิน การผลิต และซัพพลายเชนในกว่า 80 ประเทศ แพลตฟอร์มข้อมูลของเราช่วยแก้ปัญหาด้านความสามารถในการทำงานร่วมกัน ความเร็ว และความสามารถในการปรับขนาดสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก เพื่อปลดล็อกพลังของข้อมูลและช่วยให้ผู้คนรับรู้ข้อมูลได้อย่างสร้างสรรค์ โดย InterSystems นั้นก่อตั้งขึ้นในปี 1978 มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศด้วยการสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน InterSystems เป็นบริษัทเอกชนและมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ มีสำนักงาน 38 แห่งใน 28 ประเทศทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.intersystems.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

รายชื่อผู้ติดต่อสื่อ
Lindsay Kiley
PR@intersystems.com

ที่มา: InterSystems

SBC Medical จะเข้าร่วมการประชุม H.C. Wainwright และการประชุม Emerging Growth ในเดือนกันยายน 2025

Logo

เออร์ไวน์, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–03 กันยายน 2025

SBC Medical Group Holdings Incorporated (Nasdaq: SBC) (“SBC Medical”) ผู้ให้บริการระดับโลกด้านบริการให้คำปรึกษาและบริหารจัดการที่ครอบคลุมแก่บริษัททางการแพทย์และคลินิกต่างๆ ประกาศว่าจะเข้าร่วมการประชุมนักลงทุนที่มีชื่อเสียงในหลายๆ งานตลอดเดือนกันยายน 2025 โดย SBC Medical จะนำเสนอข้อมูลจำนวนมากและจัดการประชุมแบบตัวต่อตัวกับนักลงทุนสถาบัน

สรุปการเข้าร่วมการประชุมนักลงทุนของบริษัทมีดังนี้:

  1.  การประชุม H.C. Wainwright
     วิทยากรหลัก: Hikaru Fukui (หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์)
     วันที่: 8 กันยายน 2025
     ลิงก์: https://hcwevents.com/annualconference/
     
     
  2.  การประชุม Emerging Growth (การนำเสนอขนาดใหญ่)
     วิทยากรหลัก: Yuya Yoshida (ผู้อำนวยการ, CFO, COO)
     วันที่: 25 กันยายน 2025 เวลา 9:05 – 9:35 น. ตามเวลาตะวันออก
     ลิงก์: https://goto.webcasts.com/starthere.jsp?ei=1717091&tp_key=c78a55764a&sti=sbc

เกี่ยวกับ SBC Medical

SBC Medical มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าของและให้บริการด้านการจัดการและผลิตภัณฑ์แก่ศูนย์ความงาม บริษัทมุ่งเน้นการให้บริการด้านการจัดการที่ครอบคลุมแก่คลินิกแฟรนไชส์เป็นหลัก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความต้องการด้านการโฆษณาและการตลาดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ (เช่น เครือข่ายโซเชียลมีเดีย) การจัดการพนักงาน (เช่น การสรรหาบุคลากรและการฝึกอบรม) การสำรองที่นั่งสำหรับลูกค้าของคลินิกแฟรนไชส์ ​​การช่วยเหลือเกี่ยวกับการเช่าที่พักและการเช่าสถานที่สำหรับพนักงานของแฟรนไชส์ ​​การก่อสร้างและการออกแบบคลินิกแฟรนไชส์ ​​การจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (การขายต่อ) การจัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางให้กับคลินิกแฟรนไชส์เพื่อขายต่อให้กับลูกค้าของคลินิก การอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ทั้งที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรและที่ยังไม่ได้จดสิทธิบัตร การใช้เครื่องหมายการค้าและตราสินค้า โซลูชันซอฟต์แวร์ไอที (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ทางไกล) การจัดการโปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้าของคลินิกแฟรนไชส์ ​​(โปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้า) และเครื่องมือการชำระเงินสำหรับคลินิกแฟรนไชส์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://sbc-holdings.com/  

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

SBC Medical Group Holdings Incorporated (เอเชีย)
Hikaru Fukui / หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ อีเมล: ir@sbc-holdings.com

ICR LLC (ในสหรัฐอเมริกา)
Bill Zima / หุ้นส่วนผู้จัดการ อีเมล: bill.zima@icrinc.com

ที่มา: SBC Medical Group Holdings Incorporated

MSP Sports Capital ยืนยันการขายหุ้น McLaren Racing ให้กับ McLaren Group Limited

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–02 กันยายน 2025

ตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ในวันนี้ McLaren Group Limited ได้เสร็จสิ้นการซื้อหุ้นของ MSP Sports Capital ใน McLaren Racing ซึ่งรวมถึงทีมฟอร์มูล่าวันด้วย

ธุรกรรมนี้จะช่วยให้ Bahrain Mumtalakat Holding Company และ CYVN Holding ซึ่งเป็นผู้ให้บริการยานยนต์ขั้นสูงและยานพาหนะเพื่อการลงทุนที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในอาบูดาบี สามารถเพิ่มส่วนแบ่งของตนและเข้าเป็นเจ้าของธุรกิจการแข่งรถยนต์อันโด่งดังของอังกฤษอย่างเต็มตัว

Mumtalakat จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต่อไป โดย CYVN Holdings จะถือหุ้นที่ไม่มีอำนาจในการควบคุม

การลงทุนของ MSP เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญของธุรกิจ โดยมอบเงินทุนสำคัญที่สนับสนุนความพยายามของบริษัทในการสร้างเสถียรภาพในการดำเนินธุรกิจในช่วงการระบาดของโควิด-19 การจัดหาเงินทุนสำหรับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการรักษาและสรรหาบุคลากรระดับโลก ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ด้วยการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น McLaren ได้กลับมาอยู่แถวหน้าในการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ฟื้นฟูขีดความสามารถในการแข่งขันในหลายๆ รายการ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจในระยะยาว.

Jahm Najafi, หุ้นส่วนและประธาน, MSP Sports Capital กล่าวว่า “ฟอร์มูล่าวันได้ก้าวมาสู่การเป็นแพลตฟอร์มสื่อและความบันเทิงระดับโลก ซึ่งส่วนหนึ่งต้องขอบคุณวิสัยทัศน์ของเจ้าของทีมที่ชาญฉลาดอย่าง McLaren Group Limited ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขับเคลื่อนนวัตกรรม ประสิทธิภาพ และผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องทุกปี ในกีฬาที่เราเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดเทียบได้ในแง่ของศักยภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับ Mumtalakat และทีม McLaren และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีส่วนร่วมในกีฬาอันน่าทึ่งนี้ต่อไปในฐานะผู้สนับสนุนที่กระตือรือร้น”

Jeff Moorad, หุ้นส่วนและซีอีโอ, MSP Sports Capital กล่าวว่า “ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการกีฬามายาวนานและเป็นเจ้าของทีมในลีกและแฟรนไชส์ระดับโลก Jahm และผมได้เห็นด้วยตนเองถึงสิ่งที่จำเป็นในการสร้างแบรนด์ที่โดดเด่นและวางตำแหน่งทีมให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน เมื่อเราลงทุนใน McLaren Racing เป้าหมายของเราคือการนำประสบการณ์ เงินทุน และความมุ่งมั่นเดียวกันนี้มาช่วยฟื้นฟูหนึ่งในแบรนด์ระดับตำนานของมอเตอร์สปอร์ต เราภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับพันธมิตรของเราในการเสริมสร้างรากฐานของ McLaren ทั้งในด้านความเป็นผู้นำ โครงสร้างพื้นฐาน และความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการได้เห็นทีมได้กลับมาต่อสู้เพื่อการเป็นแชมป์อีกครั้ง ด้วยการควบรวมกิจการในบาห์เรนและอาบูดาบี McLaren พร้อมแล้วสำหรับอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้น และเรารอคอยที่จะส่งเสียงเชียร์ให้กับ Zak Brown, Andrea Stella, Lando Norris, Oscar Piastri และสมาชิกคนอื่นๆ ในทีม นอกจากนี้ เรายังขอขอบคุณเพื่อนๆ ของเราที่ UBS O’Connor และ Ares Capital Management พร้อมด้วยสำนักงานต่างๆ ที่เป็นเหมือนครอบครัวอีกหลายๆ แห่ง ที่ร่วมเดินทางไปกับเราในการเดินทางอันน่าเหลือเชื่อนี้”

ด้วยธุรกรรมนี้ MSP Sports Capital จะไม่ถือครองหุ้นใน McLaren Racing อีกต่อไป โดย Najafi ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการบริหารของ McLaren Racing และ Moorad ทั้งคู่จะออกจากตำแหน่งคณะกรรมการของ McLaren Racing

เงื่อนไขทางการเงินของธุรกรรมนี้เป็นความลับและจะไม่มีการเปิดเผย

เกี่ยวกับ MSP Sports Capital Partners

MSP Sports Capital Partners ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดย Jahm Najafi และ Jeff Moorad เป็นบริษัทลงทุนเอกชนในนิวยอร์กที่ลงทุนในหุ้นและสินเชื่อในระบบนิเวศกีฬาทั่วโลก บริษัทให้ความสำคัญกับการควบคุมและมีอิทธิพลในทีม ลีก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกีฬาที่เกี่ยวข้อง การลงทุนในปัจจุบันประกอบด้วยการควบคุมหุ้นใน X Games และ X Games League ที่กำลังจะเกิดขึ้น และการถือครองหุ้นในสโมสรฟุตบอลยุโรป ได้แก่ Estoril Praia (โปรตุเกส), AD Alcorcón (สเปน), SK Beveren (เบลเยียม), FC Augsburg (เยอรมนี) และ Brøndby IF (เดนมาร์ก) บริษัทยังได้ลงทุนในสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตันในพรีเมียร์ลีกในปี 2023 ซึ่งประสบความสำเร็จในการถอนตัวออกไปในช่วงฤดูร้อนปี 2024

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Jim Hughes, ซีอีโอ, TrailRunner International
Maddie Kraft, ผู้อำนวยการ, TrailRunner International
MSPSportsCapital@trailrunnerint.com

ที่มา: MSP Sports Capital Partners

The Bangkok Reporter