Hillstone Networks ได้รับการรวมอยู่ในรายงานภาพรวมแผนผังโซลูชัน Security Service Edge

Logo

โซลูชัน ZTNA ของ Hillstone Networks ติดอันดับในภาพรวม SSE ของกลุ่มบริษัทผู้ดำเนินการวิเคราะห์

SANTA CLARA, Calif.–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม 2023

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้รับการรวมอยู่ในรายงานภาพรวมโซลูชัน Security Service Edge สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2023 รายงาน Forrester นำเสนอภาพรวมของแผนผังทางตลาดสำหรับโซลูชัน Security Service Edge (SSE) ซึ่งได้รับการปรับใช้เพื่อเสริมความสามารถในการเช้าถึงแอปและข้อมูลแบบ Zero Trust และเพื่อรักษาความปลอดภัยสำหรับการทำงานจากระยะไกล รายงานมุ่งเน้นประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น คำจำกัดความของตลาด มูลค่าทางธุรกิจ ความพร้อมทางการตลาด ไดนามิก ผู้จำหน่ายที่โดดเด่น กรณีการใช้งานยอดนิยม ฟังก์ชันการทำงานตามกรณีการใช้งาน และการมุ่งเน้นของผู้ขายสำหรับกรณีการใช้งานที่ขยายเพิ่มเติม

“โซลูชัน SSE ช่วยแก้ไขปัญหาที่แท้จริงสำหรับช่องว่างด้านความปลอดภัยในระบบเครือข่ายที่มีการขยายตัวสูงขึ้น” Tim Liu, CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “โซลูชัน ZTNA ของ Hillstone นำเสนอการป้องกันแบบ zero trust โดยเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชัน SSE ซึ่งมอบการรักษาความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับการทำงานทั้งแบบไฮบริดหรือจากระยะไกล ปกป้องแอปพลิเคชันและข้อมูลโดยไม่คำนึงถึงการใช้งาน – ตั้งแต่ Edge ไปจนถึงคลาวด์”

ด้วยโมเดลการทำงานจากระยะไกลและแบบไฮบริดมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ขอบเขตเครือข่ายแบบดั้งเดิมจึงมีประสิทธิภาพน้อยลง CISO จึงมีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงทรัพย์สินขององค์กรจากหลากหลายสถานที่ ตั้งแต่เครือข่ายในมหาวิทยาลัย ไปจนถึงสำนักงานสาขา บ้านของพนักงาน และแม้กระทั่งเครือข่ายมือถือสาธารณะ เพื่อตอบสนองความท้าทายในความต้องการเข้าถึงทรัพยากรขององค์กรจากอุปกรณ์ทุกเครื่อง ทุกที่ ทั้งแบบไฮบริดและจากระยะไกล ชุดโซลูชัน Edge ของ Hillstone จึงมีการรวมเทคโนโลยีการเข้าถึงเครือข่ายแบบ zero-trust (ZTNA) โดย ZTNA จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงที่ตั้งของผู้ใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการกระจายตัวในการทำงานของพนักงานในปัจจุบัน และป้องกันปริมาณการใช้งานของแอปพลิเคชัน ปกป้องข้อมูลขององคกร และสามารถเข้าถึงจากระยะไกล

โซลูชัน ZTNA ของ Hillstone สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มไฟร์วอลล์ระดับแนวหน้า และมอบความสามารถในการให้สิทธิ์การเข้าถึงได้อย่างละเอียดตามข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้และอุปกรณ์ สามารถตรวจสอบการใช้งานของอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง ช่วยเสริมการควบคุมสิทธิ์การใช้งานได้อย่างแม่นยำ และทำให้เป็นโซลูชัน SSE ในอุดมคติ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ โซลูชัน ZTNA ของ Hillstone

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ นำเสนอการป้องกันทางเชิงลึกและเชิงกว้างสำหรับบริษัททุกขนาด ตั้งแต่ Edge ไปจนถึงคลาวด์ และรองรับทุกปริมาณการใช้งาน แนวทางการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks นี้ นำเสนอขอบเขตความครอบคลุม การควบคุม และการรวมระบบสำหรับองค์กรมามากกว่า 26,000 แห่งทั่วโลกแล้ว www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งข้อมูล: Hillstone Networks

MoreLogin เบราว์เซอร์ป้องกันการตรวจจับอันดับ 1 ของโลก จัดแสดงที่ Affiliate World Asia (AWA)

Logo

MoreLogin ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีเบราว์เซอร์ป้องกันการตรวจจับ เน้นย้ำโซลูชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ในการประชุมการตลาดแบบพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม 2023

MoreLogin, ผู้นำด้านเทคโนโลยีเบราว์เซอร์ป้องกันการตรวจจับ ได้ประกาศเข้าร่วมในงาน Affiliate World Asia (AWA) ซึ่งเป็นการประชุมชั้นนำสำหรับการตลาดแบบพันธมิตรในกรุงเทพฯ ประเทศไทย การปรากฏตัวของ MoreLogin ในงานอันทรงเกียรตินี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการนำเสนอโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมสำหรับนักการตลาดแบบพันธมิตรทั่วโลก

MoreLogin attends AWA (Photo: Business Wire)

MoreLogin เข้าร่วมงาน AWA (รูปภาพ: Business Wire)

AWA คือการประชุมการตลาดแบบพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยนำผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลกมารวมตัวกัน การนำเสนอของ MoreLogin ดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก จากผู้เข้าร่วมที่สนใจเครื่องมือที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดแบบพันธมิตรได้

เกี่ยวกับ MoreLogin: 
MoreLogin ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 และก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วในฐานะผู้เล่นหลักในตลาดเบราว์เซอร์ป้องกันการตรวจจับ MoreLogin ได้ให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก และจนถึงปัจจุบัน บัญชีมากกว่า 5,000,000 บัญชีได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัยโดย MoreLogin บริษัทมีความเชี่ยวชาญในโซลูชันการจัดการข้ามแพลตฟอร์ม ที่ช่วยให้สามารถจัดการบัญชีหลายบัญชีได้อย่างราบรื่น และการเข้าถึงทั่วโลกสำหรับนักการตลาดแบบพันธมิตร ในขณะเดียวกันก็รักษาความเป็นนิรนามของผู้ใช้และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความไม่เปิดเผยตัวตน การทำให้ระบบอัตโนมัติมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือการทำให้มั่นใจว่าการทำงานเป็นทีมราบรื่น

MoreLogin สอดคล้องกับกลยุทธ์และวัตถุประสงค์ของพันธมิตรได้ดีที่สุด ผู้ใช้มากกว่า 2 ล้านคนให้คำวิจารณ์เชิงบวกเกี่ยวกับบริการที่ดีที่สุดและประสิทธิภาพที่มั่นคง

คำกล่าวจาก CEO:
Saul Jamison ซีอีโอของ MoreLogin แบ่งปันความกระตือรือร้นของเขาเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของบริษัทใน AWA: "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้สาธิตเบราว์เซอร์ป้องกันการตรวจจับของเราที่ Affiliate World Asia เทคโนโลยีของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพให้กับนักการตลาดแบบพันธมิตร โดยนำเสนอวิธีที่คล่องตัว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพแก่พวกเขา เพื่อจัดการสถานะทางดิจิทัลของพวกเขา เราตั้งตารอที่จะมีส่วนร่วมกับเพื่อนร่วมงานในอุตสาหกรรมและแสดงให้เห็นว่า MoreLogin สามารถเป็นผู้เปลี่ยนเกมในตลาดพันธมิตรได้อย่างไร"

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MoreLogin และโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรม โปรดไปที่ www.morelogin.com.

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53869972/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ช่องทางการติดต่อ

อีเมล์: support@morelogin.com
เว็บไซต์: www.morelogin.com

ที่มา: MoreLogin

Wemade: MIR4 นำเสนออัปเดตเกี่ยวกับด่านสูงสุดของการสำรวจแคลนและการท้าดวลเผ่า

Logo

  • การสำรวจแคลนและการท้าดวลเผ่ามีสมาชิกแคลนที่ขึ้นถึงด่านที่ 10 และด่านที่ 8 สูงถึง 50 คนตามลำดับ
  • จะได้รับหินคราฟท์ (Crafts) วัตถุดิบเสริมพลัง และศิลาสริมพลังในตำนาน โดยการเอาชนะบอสทรงพลัง รวมถึง จักรพรรดิภูตผีมืดและปีศาจวัวเจ้าเหนือหัวแห่งสวรรค์
  • จะมีการแจกวัตถุดิบเสริมการเติบโต (Growth Material) ที่หลากหลาย เช่นตั๋วอัญเชิญดวงตามังกรทุกวันตั้งแต่วันเสาร์ที่ 23 เดือนธันวาคม ถึงวันจันทร์ที่ 25 เดือนธันวาคม

SEOUL, South Korea–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2023

Wemade มีการอัปเดตเกี่ยวกับด่านสูงสุดของ “การสำรวจแคลน” และ “การท้าดวลเผ่า” ในด่านที่ 10 และด่านที่ 8 ตามลำดับในวันที่ 12 เดือนธันวาคม สำหรับ MMORPG MIR4 ยอดนิยม

MIR4 updates the highest stages of “Clan Expedition” and “Clan Challenge” on December 12 (Graphic: Wemade)

MIR4 จะมาอัปเดตเกี่ยวกับด่านสูงสุดของ “Clan Expedition” และ “Clan Challenge” ในวันที่ 12 เดือนธันวาคม (กราฟิก: Wemade)

“การสำรวจแคลน” และ “การท้าดวลเผ่า” เป็นคอนเทนต์การทำงานร่วมกันของสมาชิกแคลนสูงถึง 50 คน ด้วยคาแรคเตอร์ที่ทรงพลัง เพื่อเอาชนะบอสทรงพลัง เช่น “จักรพรรดิภูตผีมืด” และ “ปีศาจวัวเจ้าเหนือหัวแห่งสวรรค์”และรับรางวัลล้ำค่าสำหรับผู้เล่น รวมถึง ศิลาเสริมพลังในตำนาน และวัตถุดิบคราฟท์และเสริมพลัง

เพื่อต้อนรับฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน MIR4 เปิดตัวอีเว้นท์ให้เช็คอินถึงสองรายการ หากสามารถผ่านอีเว้นท์ “อย่าร้องไห้นะ! เช็คชื่อ 7 เลเวลบูสเตอร์อัพ” และ “เช็คชื่อ 14 วันแห่งความปรารถนา” ผู้เล่นจะได้รับไอเท็มต่างๆ เช่น “[L] วัตถุดิบเลื่อนขั้น” “[L] รูปปั้นมังกรฟ้าตำนาน” และ “กล่องต้นไม้เทศกาล” เมื่อเข้าสู่เกม

นอกจากนี้ MIR4 จะส่งวัตถุดิบเสริมการเติบโต (Growth Material) ซึ่งรวมถึง “กล่องของขวัญเซอร์ไพรส์จากมังกรศักดิ์สิทธิ์” ประกอบด้วยน้ำยาวิเศษและศิลาเสริมพลัง และ “ตั๋วอัญเชิญดวงตามังกร” ที่จำเป็นเพื่อการเติบโตอย่างรวดเร็ว ให้ทุกวันทางอีเมล

อีเว้นท์ปีใหม่ที่น่าสนุก ได้แก่ อีเว้นท์ร้านค้าสำหรับแลกเปลี่ยน (Exchange Shop) และอีเว้นท์เสริมพลัง จะเริ่มขึ้นในวันอังคารที่ 26 เดือนธันวาคม

จากการต่อสู้ของฉัน เข้าสู่สงครามของเรา! สามารถดูรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับ MIR4 ได้ที่ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53869602/en

ติดต่อ

Wemade Co., Ltd. (112040: KOSDAQ)
Jennifer Jung, PR Manager
jennifer@wemade.com

แหล่งข้อมูล: Wemade Co., Ltd.

Panda High Plains Hemp Gin ดำเนินการขั้นสุดท้ายในการเปิดตัวโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปกัญชาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับโลกตะวันตกทางออนไลน์

Logo

DALLAS–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2023

Panda Biotech ประกาศในวันนี้ว่า การก่อสร้างอาคารได้เสร็จสมบูรณ์ และขั้นตอนการเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการเพื่อเปิดตัวโครงการ Panda High Plains Hemp Gin™ (the “Panda Hemp Gin”) สู่ตลาดออนไลน์จะเริ่มต้นในช่วงต้นไตรมาสที่ 4 กระบวนการทดสอบการใช้งานเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ในโรงงานขนาด 500,000 ตารางฟุตในเมือง Wichita Falls รัฐเท็กซัส Panda Hemp Gin จะดำเนินการแปรรูปกัญชาระดับอุตสาหกรรมเป็นปริมาณ 10 เมตริกตันต่อชั่วโมง เพื่อใช้ในการผลิตเส้นใยเกรดสำหรับสิ่งทอ กากใยผสม กากใยผสมแบบสั้น และผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่อุดมด้วยสารอาหาร ซึ่งจะมีการนำมาอัดเป็นก้อน โรงงานแห่งนี้คาดว่าจะเป็นศุนย์แปรรูปกัญชาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับโลกตะวันตก และเป็นหนึ่งในศูนย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

Inside the Panda Hemp Gin, a 500,000 square foot industrial hemp processing facility in Witchita Falls, Texas scheduled to begin commercial operations Q1 2024. (Photo: Business Wire)

ภายใน Panda Hemp Gin ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปกัญชาขนาด 500,000 ตารางฟุตในเมือง Wichita Falls รัฐเท็กซัส มีกำหนดจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2024 (ภาพถ่าย: Business Wire)

“ในแต่ละส่วนของสายการผลิต Panda Hemp Gin รวมถึงท่อลมเหนือศีรษะความยาวสามไมล์ การกลั่น การผสม ระบบทอฝ้ายเชิงกล การบรรจุถุงและจัดเก็บ การอัดก้อน และอื่นๆ จะมีการเริ่มการทำงาน ตรวจสอบ ปรับสมดุล และทดสอบการใช้งานแยกกัน” Scott Evans รองประธานบริหารของ Panda Biotech กล่าว “ปัจจุบัน อุปกรณ์ทั้งหมดได้รับการนำเข้าระบบออนไลน์เพื่อให้บริการอย่างเป็นทางการโดยแยกแต่ละอุปกรณ์”

กระบวนการทางวิศวกรรมและการผลิตที่ Panda Hemp Gin ได้รับการรับรองโลกสีเขียวจาก Mid-South Engineering Company โดยมีการใช้เฉพาะแหล่งพลังงานหมุนเวียน ตามหลักการ Green Bond ของ International Capital Market Association โดย Panda Biotech ยังมีการร่วมมือกับ Oritain ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบย้อนกลับทางวิทยาศาสตร์ เพื่อนำกัญชาที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้สูงสุดที่ปลูกในสหรัฐอเมริกา 100 เปอร์เซนต์ออกสู่ตลาด

นอกเหนือจากนี้ Panda Biotech มีการลงนามในสัญญากับผู้ผลิตเพื่อปลูกต้นกัญชงสำหรับฤดูการปลูกในปี 2024 รวมถึงการซื้อเส้นใยป่านกัญชาที่ได้รับการเก็บเกี่ยวหรือแปรรูปแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้เปิดตัวโปรแกรมการจ่ายเพื่อปลูกที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับผู้ผลิตเพื่อเริ่มปลูกกัญชาจาก Panda ด้วยเงินรับประกันล่วงหน้าและการสนับสนุนด้านพืชไร่ ผู้ผลิต Panda ยังได้รับเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการทดสอบและผ่านการพิสูจน์แล้วโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และประสบความสำเร็จในการลดความเสี่ยงที่ผู้ผลิตอาจประสบและเน้นย้ำความมุ่งมั่นและคำมั่นสัญญาจาก Panda ในการสนับสนุนชุมชนเกษตรกรรม ประโยชน์ในการปลูกกัญชานั้นมีมาก เนื่องจากเป็นพืชหมุนเวียนที่ดีเยี่ยม ซึ่งช่วยในการปรับสภาพดินและให้อัตรากำไรที่สูง หากสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม สามารถใช้แบบสอบถามสำหรับผู้ปลูกได้ที่ pandabiotech.com

เกี่ยวกับ PANDA BIOTECH

Panda Biotech, LLC เป็นบริษัทเอกชน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Dallas รัฐเท็กซัส และเป็นผู้บุกเบิกรายแรกในอุตสาหกรรมเส้นใยป่านกัญชาและกากใย Panda Biotech มีประสบการณ์ด้านการบริหารระดับผู้นำในการพัฒนา จัดหาเงินทุน ก่อสร้าง และดำเนินการสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่สำหรับพลังงานสะอาด โดยมีการพัฒนาโครงการ 22 โครงการด้วยเงินทุน 12 พันล้านเหรียญสหรัฐโดยประมาณ ปัจจุบัน บริษัทกำลังพัฒนาโรงงานผลิตเหล้าจินจากกัญชาเชิงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โครงการแรกของ Panda คือ Panda High Plains Hemp Gin™ LLC (Panda Hemp Gin) โดยเป็นความร่วมมือกันกับ Aka-Ag, LLC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Southern Ute Indian Tribe Growth Fund โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ Wichita Falls รัฐเท็กซัส โดยเป็นโรงงานแปรรูปกัญชาขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับโลกตะวันตก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pandabiotech.com และ @pandabiotech บน Instagram, Twitter หรือ LinkedIn

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Beth Gebhard
SVP, Marketing and Public Relations
beth.gebhard@pandabiotech.com

แหล่งข้อมูล: Panda Biotech

เทศบาลเขตทูวุมบาปรับปรุงเส้นทางสู่บริการดิจิทัลด้วย Boomi

Logo

รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐควีนส์แลนด์ปรับปรุงข้อมูลเพื่อพัฒนาการมีส่วนร่วมของผู้อยู่อาศัยและสนับสนุนโครงการ Internet of Things (IoT)

ซิดนีย์และบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2023

Boomi™ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ได้ประกาศในวันนี้ว่าเทศบาลเขตทูวุมบาได้ใช้แพลตฟอร์ม Boomi platform เพื่อปรับปรุงการให้บริการดิจิทัลให้กับผู้อยู่อาศัย และขับเคลื่อนความคิดริเริ่มที่สำคัญ เช่น โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำของ Internet of Things (IoT)

Toowoomba Regional Council Enhances Route to Digital Services With Boomi (Graphic: Business Wire)

เทศบาลทูวุมบาปรับปรุงเส้นทางสู่บริการดิจิตอลด้วย Boomi (กราฟิก: Business Wire)

เทศบาลเขตทูวุมบา (TRC) นั้นตั้งอยู่ในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 180,000 คน ขณะนี้เทศบาลได้กำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ โดยใช้ข้อมูลในการปรับปรุงบริการดิจิทัลสำหรับผู้อยู่อาศัย นับตั้งแต่คำขอบำรุงรักษา การจ่ายน้ำ ไปจนถึงการจัดการแอปพลิเคชันการพัฒนา

“บริการชุมชนจะต้องส่งเสริมชีวิตดิจิทัลของคนในท้องถิ่น” Mark Godfrey นักพัฒนาบูรณาการอาวุโสของ TRC กล่าว “พวกเขาจำเป็นต้องเข้าถึงได้อย่างทันเวลาและเข้าถึงได้โดยผู้อยู่อาศัย ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เทศบาลก็สามารถดูแลได้ง่าย เราพยายามที่จะใช้กรอบข้อมูลที่จะสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วทั้งเขต เพื่อให้กระบวนการต่างๆ สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องยุ่งยาก และช่วยให้เราตอบสนองต่อชุมชนได้เร็วขึ้นและลดความเสี่ยงขององค์กร”

TRC แทนที่การบูรณาการแบบจุดต่อจุดด้วยตนเองด้วยการใช้แพลตฟอร์ม Boomi ซึ่งเชื่อมต่อแอปพลิเคชันที่สำคัญทางธุรกิจ รวมถึงระบบการจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ERP ผู้คน ทรัพย์สิน และซอฟต์แวร์ด้านกฎระเบียบ พอร์ทัลการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระบบที่จอดรถอัจฉริยะ และระบบบริการขยะ เมื่อขจัดข้อมูลที่บริหารจัดการแบบแยกส่วนกัน (Data silo) และความซ้ำซ้อนของข้อมูลแล้ว TRC ได้ปรับปรุงกระบวนการที่ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะหลายประการ รวมถึงเอกสารประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย

“ในอดีต ผู้อยู่อาศัยได้รายงานว่าเอกสารหายไปทางออนไลน์ ซึ่งทำให้ทีมไอทีต้องตรวจสอบและแก้ไขระบบด้วยตนเองทันทีโดยใช้เวลาหลายชั่วโมง ตอนนี้เราไม่อนุญาตให้กระบวนการที่ล้าสมัยส่งผลกระทบต่อการมีส่วนร่วมของเรากับผู้อยู่อาศัยอีกต่อไป และไม่อนุญาตให้มันขัดขวางการปกครองของเรา” Godfrey กล่าว

เขากล่าวเสริมว่า "ด้วย Boomi เราสามารถตอบสนองข้อกำหนดของรัฐบาลโดยรับรองว่าเอกสารการพัฒนาพร้อมสำหรับการบริโภคของสาธารณะ ในขณะเดียวกัน เราเข้าใจได้อย่างดีขึ้นว่าผู้อยู่อาศัยมีปฏิสัมพันธ์กับเราอย่างไร ตั้งแต่การรวบรวมตัวชี้วัดในคำขอสาธารณะไปจนถึงการออกการแจ้งเตือน เราสามารถตอบสนองความต้องการด้านเอกสารและปัญหาได้แบบเรียลไทม์ สิ่งนี้ทำให้การปรับปรุงเทคโนโลยีของเรามีความหมาย ไม่ใช่แค่ความก้าวหน้าในห้องไอทีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความก้าวหน้าสำหรับบุคลากรและกระบวนการด้วย”

ในฐานะส่วนหนึ่งของกลยุทธ์โครงสร้างพื้นฐานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น TRC ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำครั้งใหญ่อีกด้วย

Godfrey กล่าวว่า "เรากำลังนำมิเตอร์น้ำสำหรับบ้านและธุรกิจมากกว่า 64,000 มิเตอร์ออก และจะแทนที่โครงสร้างพื้นฐานเก่าด้วยมิเตอร์อัจฉริยะในอีกสามปีข้างหน้า แทนที่จะอาศัยการอ่านมิเตอร์แบบแมนนวล แพลตฟอร์มอัจฉริยะและเป็นแบบLow-code ของ Boomi จะประสานกับบริการของ Iota ซึ่งเป็นพันธมิตร IoT ของเรา เพื่อดึงข้อมูลมิเตอร์และรับรองว่าข้อมูลจะไหลไปในที่ที่ต้องการ”

เมื่อมองไปข้างหน้า TRC จะใช้ Flow ซึ่งเป็นโซลูชันเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติของ Boomi เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้อยู่อาศัยโดยรวม ซึ่งจะรวมถึงการพัฒนาแบบฟอร์มออนไลน์ เช่น คำขอหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ ในปัจจุบัน ผู้อยู่อาศัยจะต้องดาวน์โหลด ลงนาม และสแกนคำขอที่ใช้กระดาษ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะพิจารณาคำขอเหล่านี้ด้วยตนเอง Boomi Flow จะปรับปรุงกระบวนการโดยการทำให้การลงนามแบบดิจิทัลเป็นไปได้ และทำให้การตรวจสอบภายในเป็นแบบอัตโนมัติ

โครงการ Flow อื่นๆ จะเห็น TRC สร้างมุมมองข้อมูลที่อยู่อาศัยแบบ 360 องศาภายในอินเทอร์เฟซเดียว ด้วยมุมมองที่สมบูรณ์ของทุกสิ่ง ตั้งแต่รายการสัตว์เลี้ยงและทรัพย์สินที่จดทะเบียน ไปจนถึงการชำระค่าอัตรา พนักงานของ TRC จะสามารถตอบคำถามของพลเมืองได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและมีความเข้าใจความต้องการของพวกเขามากขึ้น

“ชาวออสเตรเลียคาดหวังบริการดิจิทัลคุณภาพสูงจากองค์กรต่างๆ และนั่นขยายไปถึงเทศบาลที่ดูแลสถานที่อยู่อาศัยของพวกเขา” Nathan Gower ผู้อำนวยการออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ของ Boomi กล่าว “กระบวนการที่ซับซ้อนนั้นไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ Boomi ช่วยให้ TRC สามารถกำจัดความไร้ประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการเฉพาะของภูมิภาคได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็รักษาความรับผิดชอบต่อเงินภาษีที่ผู้เสียภาษีใช้จ่ายไปได้อย่างครบถ้วน”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi
Boomi มีเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นด้วยการเชื่อมโยงทุกคนเข้ากับทุกสิ่งและทุกที่ Boomi เป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มบูรณาการบนคลาวด์ในรูปแบบบริการ (iPaaS) และปัจจุบันเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ให้บริการ (SaaS) ชั้นนำระดับโลก โดยเป็นฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มบูรณาการและเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย – รวมถึง Accenture, Capgemini, Deloitte, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อค้นหา จัดการ และประสานข้อมูล ขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและเร็วขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมที่ boomi.com

© 2023 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทในเครือหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์. ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53866243/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายสื่อและนักวิเคราะห์สัมพันธ์ APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งที่มา: Boomi, LP

12Go เผยจุดหมายปลายทางปีใหม่ยอดนิยมในเอเชียประจำปี 2024

Logo

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2023

12Go เปิดเผยรายชื่อจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในเอเชียที่ดีที่สุดสำหรับช่วงฤดูหนาวแล้ว โดยรายชื่อนี้อ้างอิงตามข้อมูลตั๋วภายในที่รวบรวมโดย 12Go  หลังจากการวิเคราะห์ตั๋วที่ขายตลอดทั้งปี 12Go ได้ระบุจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมที่เหมาะสำหรับนักเดินทางกลุ่มต่างๆ รวมไปถึงนักเดินทางคนเดียว คู่รัก ครอบครัว และเพื่อนฝูง ซึ่งประเทศที่โดดเด่นจำนวน 10 อันดับได้แก่ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินเดีย กัมพูชา อินโดนีเซีย ศรีลังกา ลาว มาเลเซีย และญี่ปุ่น

ประเทศไทยได้อันดับหนึ่ง โดยมีเชียงใหม่และกรุงเทพฯ นำเสนอที่เที่ยวยอดเยี่ยมให้กับนักเดินทางทุกคน สถานที่ยอดนิยมสำหรับนักเดินทางคนเดียวคือเกาะพะงัน ในขณะที่ผู้เดินทางแบบครอบครัวนิยมไปเที่ยวเกาะสมุยกัน

เวียดนามคว้าอันดับ 2 โดยมีดานัง ฮานอย และโฮจิมินห์ซิตี้ ที่มอบการตกแต่งเมืองสุดครึกครื้น การจัดแสดงต่างๆที่เป็นศิลปะ และความเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ซาปาเป็นสถานที่พักผ่อนช่วงฤดูหนาวที่แนะนำสำหรับผู้เดินทางแบบครอบครัว ในขณะที่ถนนอันพลุกพล่านของฮานอยรอคอยนักผจญภัยที่เดินทางตัวคนเดียว

ฟิลิปปินส์ครองอันดับ 3 นำเสนอการฉลองปีใหม่ที่ยาวนานและไม่เหมือนใคร กรุงมะนิลาและเอลนิโดเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทางทุกคน ในขณะที่นักเดินทางคนเดียวมักเลือกเลกัซปี ส่วนนักท่องเที่ยวแบบเพื่อนฝูงและคู่รักมักจะถูกใจโครอน และผู้ที่ท่องเที่ยวแบบเป็นครอบครัวมักมองว่า เอล บาเกียวเป็นสถานที่ที่น่าเที่ยว

อินเดียอยู่ในอันดับที่ 4 โดยที่อัครา ชัยปุระ และเดลี เป็นตัวเลือกหลักสำหรับการเดินทางช่วงปีใหม่ในหมู่นักเดินทางทุกประเภท อย่างไรก็ตาม หลายครอบครัวเลือกที่จะสำรวจรัฐกัวในช่วงฤดูกาลนี้เช่นกัน

ประเทศกัมพูชาจองอันดับ 5 โดยสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับการเฉลิมฉลองปีใหม่ ได้แก่ พนมเปญ สีหนุวิลล์ และเสียมราฐ

อันดับที่ 6 ได้แก่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ บาหลีและหมู่เกาะกีลี นักเดินทางคนเดียวและครอบครัวมักไปที่ซานูร์ ในขณะที่นูซา เปอนีดาเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเพื่อนและคู่รัก

ศรีลังกาได้อันดับที่ 7 สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วยจุดหมายปลายทางยอดนิยมอย่างเอลลา แคนดี และนูวารา เอลิยา ส่วนโคลัมโบเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางคนเดียว ในขณะที่ นูวาราเอลิยา เหมาะสำหรับคู่รักและครอบครัวนักเดินทาง

ประเทศลาวคว้าอันดับที่ 8 มาด้วยวังเวียง เวียงจันทน์ และหลวงพระบาง

ประเทศมาเลเซียมีจุดหมายปลายทางที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง และลังกาวี ต่างก็นำเสนอวันหยุดพักผ่อนที่ไม่เหมือนใคร นำมาซึ่งตำแหน่งอันดับที่ 9

ส่วนอันดับที่ 10 ได้แก่ ญี่ปุ่น – โอซาก้า โตเกียว และเกียวโต ต่างก็เป็นตัวเลือกยอดเยี่ยมสำหรับการพักผ่อนช่วงปีใหม่ที่ดึงดูดนักเดินทางแทบทุกคน

ที่มา: 12Go 12go.com/en/articles/top-new-year-destinations

เกี่ยวกับ: 12Go เป็นแพลตฟอร์มการเดินทางชั้นนำที่นำเสนอบริการจองการเดินทาง ช่วยให้นักเดินทางจองรถบัส เรือเฟอร์รี่ รถไฟ รถรับส่งสนามบิน และเที่ยวบินต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลฉบับนี้มีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Tetiana But ฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด tetiana.but@12go.asia

ที่มา: 12Go

Capcom ประกาศเปิดตัว Monster Hunter Wilds

Logo

เกมล่าสุดนี้มีกำหนดจะเข้าร่วมซีรีส์ที่มียอดขายสะสม 95 ล้านชุดในปี 2025

โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2023

บริษัท Capcom Co., Ltd. (TOKYO:9697) ได้ประกาศในวันนี้ว่า Monster Hunter Wilds ซึ่งเป็นเกมถัดไปในซีรีส์ Monster Hunter ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมนั้น มีกำหนดวางจำหน่ายในปี 2025

Monster Hunter Wilds is scheduled for release in 2025 (Graphic: Business Wire)

Monster Hunter Wilds มีกำหนดวางจำหน่ายในปี 2025 (กราฟิก: Business Wire)

Monster Hunter Wilds เป็นเกมล่าสุดในซีรีส์นี้และยังเป็นเกมหลักเกมใหม่ทั้งหมดนับตั้งแต่ Monster Hunter Rise ได้เปิดตัวไปเมื่อปี 2021 Monster Hunter Wilds มีกำหนดการวางจำหน่ายในปี 2025 และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโดยมีเป้าหมายเพื่อมอบประสบการณ์ที่จะสร้างความพึงพอใจให้ทั้งกับแฟนของเกมซีรีส์เรื่องนี้มาอย่างยาวนานและกับผู้เล่นใหม่ด้วย

Capcom ยังคงมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดโดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในการพัฒนาเกมชั้นนำของอุตสาหกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่สนุกสนานยิ่งขึ้นไปอีก

เกี่ยวกับ Monster Hunter

ซีรีย์ Monster Hunter series ประกอบด้วยเกมแอ็คชั่นการล่าสัตว์ที่ให้ผู้เล่นต่อสู้กับสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงาม เริ่มต้นด้วยชื่อแรกในปี 2004 ซีรีส์นี้ได้สร้างวิดีโอเกมประเภทใหม่ที่ผู้เล่นจะต้องทำงานร่วมกันกับเพื่อน ๆ เพื่อล่าสัตว์ประหลาดที่ดุร้าย ซีรีส์ Monster Hunter ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกด้วยยอดขายสะสมเกิน 95 ล้านชุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2023

เกี่ยวกับ CAPCOM

Capcom คือผู้พัฒนา ผู้จัดพิมพ์ และผู้จัดจำหน่ายความบันเทิงแบบโต้ตอบชั้นนำระดับโลกสำหรับเกมคอนโซล พีซี อุปกรณ์พกพา และอุปกรณ์ไร้สาย โดยบริษัทได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1983 และได้สร้างเกมจำนวนหลายร้อยเกม รวมถึงแฟรนไชส์สุดล้ำอย่าง Resident Evil™ Monster Hunter™ Street Fighter™ Mega Man™ Devil May Cry™ และ Ace Attorney™ Capcom มีการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และโตเกียว โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Capcom ได้ที่ https://www.capcom.co.jp/ir/english/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: 

https://www.businesswire.com/news/home/53868342/en

ติดต่อ

แผนกประชาสัมพันธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ของ Capcom
Daniel Levine
+81-6-6920-3623
daniel-levine@capcom.com

Yoshiko Ikeda
+81-6-6920-3623
yoshiko-ikeda@capcom.com

ที่มา: Capcom Co., Ltd.


Aurora, PTT Station และ Royal Umbrella เป็นหนึ่งในผู้ชนะเลิศคว้ารางวัล 2023 – 2024 World Branding Awards

Logo

LONDON–(BUSINESS WIRE)–8 ธันวาคม 2023

World Branding Awards ครั้งที่ 17 ยกย่องความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายสำหรับกลุ่มแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก ในฐานะผู้ชนะเลิศระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก 2023 – 2024 World Branding Awards มีแบรนด์เข้าร่วมมากกว่า 1,500 แบรนด์จากกว่า 40 ประเทศที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “แบรนด์แห่งปี” ในจำนวนนี้ มีไม่ถึง 200 แบรนด์ที่เป็นหนึ่งในผู้ชนะเลิศ

พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้จัดขึ้นที่ต้นกำเนิดของรางวัลนี้ นั่นคือ พระราชวังเคนซิงตัน สหราชอาณาจักร โดยได้ต้อนรับแขกกว่า 100 คนทั่วโลก และดำเนินรายการโดย David Croft ผู้จัดรายการโทรทัศน์ชื่อดัง

ผู้ชนะเลิศระดับโลกที่ได้พิสูจน์ความเป็นเลิศและการสร้างแบรนด์อย่างไร้ที่ติในอุตสาหกรรม ได้แก่ Sunsilk (สหราชอาณาจักร), LURPAK (เดนมาร์ก), Marriott International (สหรัฐอเมริกา), และ IKEA (สวีเดน)

ผู้ชนะเลิศจากประเทศไทย ได้แก่ Thai Life Insurance, PTT Station, M-150, Café Amazon, Royal Umbrella, Aurora, VITADAY, TrueOnline, Farmhouse, และ TOPS ผู้ชนะเลิศจากประเทศอื่นๆ ได้แก่ FERN- D (ฟิลิปปินส์), Frank & Co. (อินโดนีเซีย), Chow Tai Fook (ฮ่องกง), Sokos Hotels (ฟินแลนด์), Mercadona (สเปน), Airland (ฮ่องกง), และ Getha (มาเลเซีย) และยังมีแบรนด์อื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้

มีเพียง 14 แบรนด์เท่านั้นที่คว้ารางวัล Regional Tier ในปีนี้ ได้แก่ Nippon Rent-A-Car (ญี่ปุ่น), GIG (คูเวต), MR.DIY (มาเลเซีย), M-150 (ไทย), HECOM (ฮ่องกง), และ VITADAY (ไทย) แบรนด์เหล่านี้ได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์โปรดของผู้บริโภคใน 4 ประเทศขึ้นไปภายใต้ 3 ภูมิภาคขึ้นไปทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง

“นี่เป็นการเฉลิมฉลองความพยายามอย่างต่อเนื่องซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น ในการคงการตอบรับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง แบรนด์จะต้องมีการสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่น สะท้อนถึงความเป็นแบรนด์และคงอยู่ตราบเท่านาน ซึ่งไม่เพียงเป็นการสร้างวัฒนธรรมและชุมชนสำหรับแบรนด์ผ่านการตลาดเท่านั้น แต่ยังต้องรับประกันได้ว่า ผู้คนทุกเจนเนอเรชันจะยังให้การตอบรับแบรนด์และมีความสนใจในแบรนด์อย่างต่อเนื่อง” Mr Richard Rowles ประธานของ World Branding Forum กล่าว

ในปีนี้ มีผู้บริโภคเข้าร่วมในการเสนอชื่อทั่วโลกมากกว่า 150,000 คน โดยเฉลี่ยแล้ว ในแต่ละประเทศมีเพียง 5 แบรนด์เท่านั้นที่คว้ารางวัลชนะเลิศ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่า การได้รับรางวัล World Branding Award นี้ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งยวด

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะเลิศทั้งหมดได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ WORLD BRANDING AWARDS

World Branding Awards เป็นรางวัลอันทรงเกียรติของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้รับการจดทะเบียน รางวัลนี้เป็นการยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก

โซเชียลมีเดีย

Facebook: https://www.facebook.com/worldbrandingforum/

Twitter: https://twitter.com/WorldBranding

Instagram: https://www.instagram.com/worldbranding/

LinkedIn: https://linkedin.com/company/world-branding-forum

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

อีเมล: editorial@brandingforum.org

แหล่งข้อมูล: World Branding Awards

นักวิจัยโรคมะเร็งชื่อดังระดับโลกจากสเปนและสหรัฐอเมริกา ผนึกกำลังเพื่อจัดการกับความต้องการและความท้าทายที่สำคัญในการวิจัยโรคมะเร็งในสตรี

Logo

จากสถิติพบว่าผู้หญิง 1 ใน 3 จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระหว่างที่มีชีวิตอยู่ ความก้าวหน้าในการวิจัยและการรักษาอย่างทันท่วงทีมีความสำคัญต่อสุขภาพของผู้หญิง

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–8 ธันวาคม 2023

Mary Kay Inc.ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางตกแต่งสีขายตรงอันดับ 1 ของโลก และมูลนิธิที่บริษัทสนับสนุน ซึ่งรวมถึงมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundationในสหรัฐอเมริกา ยังคงให้การสนับสนุนอย่างมั่นคง เพื่อการวิจัยโรคมะเร็งของผู้หญิงผ่านการให้ทุนสนับสนุนแผนงานวิจัย และโครงการวิจัยต่างๆ การมอบทุนให้กับนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และการอำนวยความสะดวกในการทดลองทางคลินิก ทั้งหมดนี้เพื่อการค้นหาวิธีการรักษา

”The incidence of breast cancer in women is seeing an upward trend in the world, and today we can say that 1 in 3 women will be diagnosed with cancer in their lifetime,” said Dr. O’Shaughnessy (Courtesy of Joyce O'Shaughnessy, M.D.).

“อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงกำลังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และในปัจจุบันเราสามารถพูดได้ว่าผู้หญิง 1 ใน 3 จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระหว่างที่มีชีวิตอยู่” ดร. O’Shaughnessy กล่าว (ได้รับความอนุเคราะห์จากแพทย์หญิง Joyce O'Shaughnessy)

เมื่อเร็วๆ นี้ Mary Kay ได้จัดการประชุมเสมือนจริงระหว่าง ดร. Joyce O'Shaughnessyเฉลิมฉลองประธานสตรีในการวิจัยมะเร็งเต้านมที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเบย์เลอร์และประธานการวิจัยมะเร็งเต้านมที่ U.S. Oncology ในดัลลัส รัฐเท็กซัส และ ดร. Eva Ciruelos ผู้ประสานงานหน่วยมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย และ โรงพยาบาล HM และประธานกลุ่ม SOLTI ด้านการวิจัยมะเร็งเต้านมและมูลนิธิ FERO ที่ได้รับทุนการสนับสนุนจาก Mary Kay Spain ซึ่งประจำอยู่ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน ทั้งสองเป็นผู้นำทีมวิจัยของตนเองในประเทศบ้านเกิดของตน โดยมุ่งเน้นที่การสืบสวนรูปแบบมะเร็งที่หายากและลุกลามในสตรี ได้แก่ มะเร็งเต้านมระยะลุกลามชนิดทริปเปิลเนกาทีฟ (TNBC)  แม้จะอยู่ห่างจากกันหลายพันไมล์ แต่ทั้งสองรู้จักกันมานาน – และร่วมมือกันเป็นเวลาหลายปีในการวิจัย TNBC เพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาและการรักษาโรคร้ายแรงนี้

นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ 2 คนในสาขาของตน นั่งลงเพื่อหารือเกี่ยวกับความสำคัญของความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ระดับโลก โดยเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนสำหรับนักวิจัยทั่วโลกในการแบ่งปันการค้นพบและความก้าวหน้าเพื่อรวบรวมผลลัพธ์

“มันไม่ใช่เรื่องของการมีความคิดที่ดีที่สุด แต่เป็นการร่วมมือกันเพื่อให้ผู้ป่วยแต่ละรายได้รับการรักษาที่ดีที่สุด และนี่คือสิ่งที่ต้องซึมซาบในอุตสาหกรรมการแพทย์ คลินิก และเภสัชกรรม อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงกำลังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และในปัจจุบันเราสามารถพูดได้ว่าผู้หญิง 1 ใน 3 จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระหว่างที่มีชีวิตอยู่2” ดร. O’Shaughnessy กล่าว

“หากไม่มีความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่างผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะวินิจฉัยโรคที่เฉพาะเจาะจงได้” ดร.Ciruelos ให้ความเห็น “การติดตามการรักษาของผู้ป่วยแต่ละรายในลักษณะเฉพาะบุคคลถือเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อนั้นเราจะสามารถระบุได้ว่าเหตุใดการรักษาแบบเดียวกันสำหรับผู้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันจึงได้ผลสำหรับบางคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนอื่นๆ”

พวกเขายืนยันความผิดหวังกับความแตกต่าง และความไม่เท่าเทียมกัน ที่พวกเขาเห็นในการเข้าถึงการรักษา ยา และการรักษาในประเทศต่างๆ และเรียกร้องให้มีความเป็นเอกภาพในการเสนอการรักษาที่เท่าเทียมกันมากขึ้นสำหรับผู้ป่วยทุกคน โดยไม่คำนึงถึงที่อยู่อาศัยของพวกเขา นักวิจัยทั้งสองยังเห็นพ้องกันว่าการหาเวลาอุทิศตนให้กับการวิจัยโรคมะเร็งอย่างเต็มที่เป็นเรื่องยาก เนื่องจากต้องรับมือกับความท้าทายด้านเงินทุน และแสดงความขอบคุณต่อผู้สนับสนุน ซึ่งรวมถึงมูลนิธิ Mary Kay Ash และมูลนิธิ Fero ที่ทำให้งานช่วยชีวิตของพวกเขาเป็นไปได้

ดร. O'Shaughnessy กล่าวเสริมว่า “ในปี 1985 เรารู้สึกหงุดหงิดอย่างมากจากการไม่มีทางเลือกในการรักษาสำหรับผู้หญิงที่เป็นมะเร็ง วันนี้เราเห็นความก้าวหน้าอย่างมากในเรื่องนี้ และฉันก็มองโลกในแง่ดีขึ้นต่อความสำเร็จของนักวิจัยรุ่นต่อไป”

ด้วยการให้ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยมะเร็งโดยมูลนิธิ Mary Kay Ash ในสหรัฐอเมริกา และรางวัลมอบทุนของ Mary Kay Spain ให้กับมูลนิธิ FERO ในสเปน ทำให้ดร. O’Shaughnessy และ ดร. Ciruelos สามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้ Mary Kay เป็นแถวหน้าของการวิจัยโรคมะเร็งของผู้หญิง โดยสนับสนุนการวิจัยที่ก้าวล้ำซึ่งนำโดยผู้หญิงเพื่อผู้หญิง Mary Kay มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือนักวิจัยทั่วโลก โดยสนับสนุนการวิจัยเชิงแปล (การวิจัยที่เชื่อมโยงการวิจัยในห้องปฏิบัติการกับผู้ป่วยโดยตรง) การทดลองทางคลินิกที่มุ่งปรับปรุงการตรวจหา การพยากรณ์โรค และการรักษาโรคมะเร็งในสตรี ตลอดจนองค์กรที่สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง เช่น มูลนิธิ FERO ในประเทศสเปน

ติดตามบทสนทนาเต็มๆ ของพวกเขาได้ที่ Mary Kay Global YouTube channel.

เกี่ยวกับ Mary Kay

จากนั้น ตอนนี้ เสมอ Mary Kay Ash หนึ่งในผู้ที่ทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จ ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในเท็กซัสเมื่อปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือการทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่ Mary Kay ได้เพิ่มศักยภาพให้กับผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอางตกแต่งสี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และน้ำหอมที่ทันสมัย Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็ง และความรุนแรงในครอบครัว และสนับสนุนให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบเราได้ที่  Facebook Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้ที่ X (เดิมชื่อว่าทวิตเตอร์)

1 “ที่มา บริษัท ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ความงามและการดูแลส่วนบุคคล ฉบับปี 2023 ยอดขายมูลค่าที่ RSP ข้อมูลปี 2022”

2 สมาคมโรคมะเร็งอเมริกัน https://www.cancer.org/cancer/types/breast-cancer/about/how-common-is-breast-cancer.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53867905/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Mary Kay Inc. ฝ่ายสื่อสารองค์กร
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.


เปิดตัว APO Productivity Databook 2023

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–6 ธันวาคม 2023

Asian Productivity Organization (APO) เปิดตัว APO Productivity Databook 2023 ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ประจำปีที่รวบรวมสถิติและแนวโน้มความสามารถในการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างครอบคลุม โดยนำเสนอการวิเคราะห์โดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบการผลิตและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ช่วยให้ผู้ถือหุ้นทำความเข้าใจภูมิทัศน์ปัจจุบันและตัดสินใจได้ตามข้อมูล วิธีการที่เคร่งครัดและมาตรฐานการรวบรวมข้อมูลของ Databook ช่วยให้สามารถมั่นใจได้ถึงชื่อเสียงในฐานะแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ สำหรับทุกคนที่มีความสนใจในความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศในเอเชีย

Example of data from the APO Productivity Databook 2023: Figure 5.13 Half-Century Total Factor Productivity index by Country, 1970-2021 (Graphic: Business Wire)

ตัวอย่างข้อมูลจาก APO Productivity Databook 2023: ภาพ 5.13 ดัชนีความสามารถในการผลิตปัจจัยรวมครึ่งศตวรรษตาประเทศ ปี 1970-2021 (กราฟิก: Business Wire)

APO Productivity Databook เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยสามารถช่วยเหลือผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำทางธุรกิจ และนักวิจัยในการวางแผนเศรษฐกิจ เปรียบเทียบประสิทธิภาพการผลิตในประเทศกับมาตรฐานระดับภูมิภาคและระดับโลก และระบุโอกาสและความท้าทายในการเติบโต

ไฮไลต์สำคัญของ APO Productivity Databook 2023

  • โปรไฟล์สมาชิก APO ยี่สิบเอ็ดโปรไฟล์และโปรไฟล์ระดับภูมิภาคห้าแห่ง พร้อมตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพการทำงาน
  • แนะนำวิธีการใหม่ เช่น การรวมมูลค่าของทรัพยากรแร่ธาตุและพลังงาน (MER) และประเมินปริมาณที่ดินและคุณภาพแรงงานที่ดีขึ้น
  • แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ: ตั้งแต่ปี 2015 ถึง 2021 เศรษฐกิจของ Asia31 (สมาชิก APO 21 ราย และผู้ที่ไม่ใช่สมาชิก 10 ราย) เติบโตทุกปีที่ 4% ในปี 2021 คิดเป็น 48% ของเศรษฐกิจโลก เทียบกับสหรัฐอเมริกา (16%) และ EU27 (14%) การคาดการณ์ในปี 2030 ระบุว่า ส่วนแบ่งเศรษฐกิจโลกของเอเชียเพิ่มขึ้นเป็น 53%
  • การวิเคราะห์เฉพาะภาคส่วน: แม้จะมีการกระจายภาคส่วน เกษตรกรรม ป่าไม้ และประมง ยังคงครอบสัดส่วนในการจ้างงานในเอเชียในปี 2021 โดยคิดเป็นสัดส่วนของการจ้างงานถึง 30% ในขณะเดียวกัน การผลิตก็กลายเป็นภาคส่วนที่สำคัญ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 20% ของมูลค่าเพิ่มทั้งหมดใน 12 ประเทศในเอเชีย

APO Productivity Databook 2023 มีจำหน่ายทั้งในรูปแบบดิจิทัลและฉบับพิมพ์ และสามารถเข้าดูและดาวน์โหลดได้ฟรีจากลิงก์ด้านล่าง

https://doi.org/10.61145/TRKP9496

จะมีการอัปเดต APO Productivity Database 2023 ซึ่งเป็นเครื่องมือออนไลน์ที่แสดงข้อมูลการผลิตของ 31 ประเทศในเอเชีย และเกณฑ์มาตรฐานจากกลุ่มเศรษฐกิจหลายกลุ่มทั่วโลกในลิงก์ด้านล่างด้วยเช่นกัน

https://www.apo-tokyo.org/productivitydatabook/

เกี่ยวกับ APO

Asian Productivity Organization (APO) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาคที่อุทิศตนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่แสวงหาผลประโยชน์ และไม่เลือกปฏิบัติ มีการก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้งแปดคน และปัจจุบัน APO ประกอบด้วยประเทศสมาชิก 21 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย อิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย เตอร์กิเย และเวียดนาม

APO วางแผนในการกำหนดอนาคตของภูมิภาคโดยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสมาชิกผ่านบริการให้คำปรึกษาด้านนโยบายระดับชาติ โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความคิด โครงการริเริ่มในการสร้างขีดความสามารถของสถาบัน และการแบ่งปันความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิต

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53867246/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อเพื่อขอรายละเอียด:
Digital Information Unit, APO: pr@apo-tokyo.org;
โทร: +81-3-3830-0411;
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org.

แหล่งข้อมูล: Asian Productivity Organization

The Bangkok Reporter