MIR4 ของ Wemade จัดกิจกรรม “เทศกาลไอศกรีมแท่งเย็นสดชื่นของซุมาชอน”!

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–13 กรกฎาคม 2023

MIR4 เกม MMORPG ระดับบล็อกบัสเตอร์ของ Wemade ได้จัดกิจกรรมฤดูร้อน “เทศกาลไอศกรีมแท่งเย็นสดชื่นของซุมาชอน” ตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม

Wemade announces MIR 4 Sumacheon’s Cool Popsicle Festival on July 11 (Graphic: Wemade)

Wemade ประกาศเทศกาลไอศกรีมแท่งเย็นสดชื่นของซุมาชอนของ MIR 4 ในวันที่ 11 กรกฎาคม (กราฟิก: Wemade)

กิจกรรมแรก “กิจกรรมเช็คชื่อ 14 วันแห่งฤดูร้อน” จะจัดขึ้นจนถึงวันที่ 7 สิงหาคม ผู้เล่นจะได้รับไอเทมต่าง ๆ เช่น “หีบไอศกรีมแท่งเย็นสดชื่น” ที่มีไอเทมต่าง ๆ รวมถึง “น้ำยาแห่งการโดนเป้าตำนาน”, ชุด “เซิร์ฟบอร์ดคลื่นยักษ์” และ “ตั๋วอัญเชิญวัตถุดิบมังกร” ขึ้นอยู่กับวันที่เข้าร่วม

และ “ร้านแลกเปลี่ยนไอศกรีมแท่งเย็นสดชื่นของซุมาชอน” จะเปิดให้บริการจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม ผู้เล่นจะสามารถนำไอเทม “ไอศกรีมแท่งเย็นสดชื่น” ที่ได้รับจากการล่ามอนสเตอร์ไปให้ NPC ซุมาชอนเย็นสดชื่น” ที่อยู่ในแต่ละเมืองใหญ่เพื่อแลกเปลี่ยนกับไอเทมต่าง ๆ เช่น “ลูกประคำมังกรอีปิค” และ “หีบความปรารถนาแรงกล้าอีปิค” ที่มี “ศิลาเสริมพลังแห่งมังกรศักดิ์สิทธิ์อีปิค”

นอกจากนี้ “กิจกรรมร้านค้าเหรียญโบราณ” จะเปิดให้บริการจนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม เหรียญโบราณที่ได้รับจากประตูมิติและเรด สามารถใช้ซื้อไอเทมต่าง ๆ เช่น “รูปปั้นมังกรฟ้าตำนาน” “ตั๋วอัญเชิญหินวิญญาณตำนาน” และ “ตั๋วอัญเชิญหนังสือสกิล”

MIR4 ได้เพิ่มตลาดแบบรวมให้ทันเวลาสำหรับการอัปเดตการรวมตัวครั้งใหญ่ (Grand Unification) ตลาดแบบรวมเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับค้าไอเทมในเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดภายในภูมิภาคเดียวกัน ผู้เล่นสามารถแลกเปลี่ยนไอเทมได้อย่างง่ายดายที่นี่ ส่วนที่เพิ่มมานี้จะแก้ไขความไม่สมดุลของทรัพยากรโดยการรวมเศรษฐกิจเข้าด้วยกัน

นอกจากนี้ ยังมีการอัปเดต “หุบเขามังกรดำลี้ลับ” ซึ่งเป็นภูมิภาคใหม่ที่สามารถเข้าได้ผ่านเซิร์ฟเวอร์ปราบปราม ภูมิภาคใหม่นี้ประกอบด้วยทั้งหมด 4 ชั้น ที่นี่ผู้เล่นสามารถอัญเชิญ “จอมมารวิญญาณภูต” ได้โดยการเอาชนะบอสเควสในแต่ละชั้นและฟิลด์บอส “วิญญาณมังกรดำถอนตัว” ที่ชั้น 4 ผู้เล่นจะได้รับรางวัลมากมายจากการทำตามคำขอต่าง ๆ ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ เช่น “ศิลาเสริมพลังวัตถุโบราณมังกรตำนาน” และ “ศิลาเสริมพลังแห่งมังกรศักดิ์สิทธิ์หายาก” อย่างไรก็ตาม “หุบเขามังกรดำลี้ลับ” จะไม่มีเหล็กดำ

จากการต่อสู้ของฉัน สู่สงครามของเรา! รายละเอียดเกี่ยวกับ MIR4 สามารถดูได้บนเว็บไซต์ทางการ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

www.businesswire.com/news/home/53443610/en

ติดต่อ

Wemade Co., Ltd. (112040: KOSDAQ)
Jennifer Jung, PR Manager
jennifer@wemade.com

แหล่งที่มา: Wemade Co., Ltd.

อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย การวิจัย การแพทย์ของจีนผงาดขึ้นแท่นอันดับต้น ๆ ของโลก: ปิดการประชุม International Skin Health Summit ปี 2023 ของ BOTANEE

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–12 กรกฎาคม 2023

Guo Zhenyu ประธานและผู้อำนวยการของ BOTANEE Group กล่าวว่า “ในปี 2015 เราได้ปรากฏตัวครั้งแรกในงานประชุมแพทย์ผิวหนังระดับโลกที่แวนคูเวอร์ (Vancouver WCD) ด้วยแบรนด์หลัก WINONA หลังจากผ่านไปแปดปี WINONA ได้กลายเป็นแบรนด์ชั้นนำของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นการใช้งานในประเทศจีน เราได้รับเชิญให้เข้าร่วมในงานประชุมแพทย์ผิวหนังระดับโลก (WCD) ถึง 3 ครั้งในปีนี้ และได้นำเสนอแบรนด์หลัก 4 แบรนด์ ผมหวังว่าหลังจาก 4 ปีผ่านไป แบรนด์เหล่านี้จะสร้างผลกระทบใหม่ๆ ให้กับงานประชุมแพทย์ผิวหนังระดับโลก (WCD) ทั้งในด้านวิชาการ เทคนิค คลินิก และผลกระทบทางสังคม”

2023 BOTANEE International Skin Health Summit (Photo: Business Wire)

2023 BOTANEE International Skin Health Summit (Photo: Business Wire)

ในระหว่างงานประชุมแพทย์ผิวหนังระดับโลก (WCD) ที่สิงคโปร์ BOTANEE Group ได้จัดงาน International Skin Health Summit ปี 2023 ในเวลาเดียวกัน โดยนำ 4 แบรนด์ได้แก่ WINONA, WINONA Baby, AOXMED และ Beforteen ขึ้นสู่เวทีโลกเป็นครั้งแรก ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งทางวิชาชีพขององค์กรแพทย์ผิวหนังชั้นนำของจีน

ศาสตราจารย์ He Li คณบดีผู้บริหารโรงพยาบาลโรคผิวหนังของโรงพยาบาลในเครือแห่งแรกของ Kunming Medical University ได้แบ่งปันประสบการณ์ในการประชุมนี้ เธอกล่าวว่าผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งและลดกระแบบ โฟร์ อิน วัน ที่มาพร้อมการซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว ต้านการอักเสบ ลดการผลิตเม็ดสี และปรับปรุงการไหลเวียนของจุลภาค สามารถให้ผลการรักษาที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อใช้ภายนอกในช่วงที่มีฝ้าทั้งในระยะ active และ stable

จากข้อมูลระบาดวิทยาที่มีอยู่ อัตราความชุกของโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (AD) ในเด็กอายุ 1-7 ปีในประเทศจีนอยู่ที่ 12.94% และอัตราความชุกของโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (AD) ในทารกอายุ 1-12 เดือนอยู่ที่ 30.48% ศาสตราจารย์ Ma Lin ผู้อำนวยการแผนกโรคผิวหนังของโรงพยาบาลเด็กปักกิ่ง ในเครือของ Capital Medical University ชี้ให้เห็นว่า WINONA Baby Cream สามารถใช้เป็นครีมบำรุงประจำวันเพื่อผิวที่เนียนนุ่ม เพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (AD) ในเด็กในระยะทุเลาได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่เด็กจะเกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (AD) ซ้ำได้อย่างมากโดยคงผลการรักษาไว้

ด้วยการทำซ้ำอย่างต่อเนื่องของตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อผลที่มีประสิทธิภาพและความต้องการของผู้บริโภค BOTANEE ยังมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการสร้างแบรนด์ ด้วยเหตุนี้ AOXMED จึงเป็นผลงานวิจัยและพัฒนาอันชาญฉลาดของ BOTANEE มานานกว่าสิบปี ซึ่งยืนหยัดในการสำรวจเทคโนโลยีล้ำสมัยและวิทยาศาสตร์ที่อิงตามหลักฐานสำหรับการบริโภคหลักสองประการในด้านความงามทางการแพทย์และชีวิตประจำวัน และนำเสนอโซลูชั่นการฟื้นฟูผิวที่เชื่อมโยงความงามทางการแพทย์และความงามที่ทำได้ที่บ้านไว้ด้วยกัน

ในตอนท้ายของฟอรัม ผู้เชี่ยวชาญได้อภิปรายถึงวิธีการทำให้การวินิจฉัยสิวระดับสูงของแพทย์ลงลึกไปถึงระดับรากหญ้า Beforteen ได้ให้แนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ ในฐานะแบรนด์รักษาสิวน้องใหม่ที่เปิดตัวโดย BOTANEE Beforteen และทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทำกรณีศึกษามากกว่าหนึ่งล้านเคส และเมื่อรวมกับเซสชั่นการให้คำปรึกษาด้วย AI พวกเขาสามารถนำเสนอ “อาหาร+ยา+การแต่งหน้า” ในแบบเฉพาะบุคคลแก่ผู้ใช้แต่ละรายตามประเภทสิวต่างๆ

ตามรายงานประจำปี 2022 ของ BOTANEE บริษัทได้ลงทุนประมาณ 255 ล้านหยวนในค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 124.96% เมื่อเทียบเป็นรายปี และมีอัตราการวิจัยและพัฒนา (R&D) สูงถึง 5.08% ในปีนี้ โรงงานกลางแห่งใหม่ของ BOTANEE ซึ่งมีมูลค่าเกือบ 500 ล้านหยวน ได้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการพัฒนาอย่างยั่งยืนของแบรนด์ต่อไป

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53448575/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Wu Ling
อีเมล: wuling@winona.cn
เว็บไซต์: https://www.botanee.com.cn/index.html

แหล่งที่มา: BOTANEE Group

Black & Veatch แต่งตั้งผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมเป็นประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดีย เนื่องจากบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งภูมิภาค

Logo

Narsingh Chaudhary รับตำแหน่งต่อจาก Hoe Wai Cheong ซึ่งจะเกษียณอายุในสิ้นปี 2023

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–11 กรกฎาคม 2023

Black & Veatch เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก ผู้ให้บริการด้านโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับมนุษย์ ได้แต่งตั้งผู้คร่ำหวอดในวงการอุตสาหกรรมอย่าง Narsingh Chaudhary เป็นประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดีย

Chaudhary ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบริษัทตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ได้นำประสบการณ์กว่า 25 ปีในอุตสาหกรรมด้านโครงสร้างพื้นฐานมาสู่บทบาทนี้ เขาได้รับตำแหน่งต่อจาก Hoe Wai Cheong ซึ่งทำงานให้กับ Black & Veatch มากว่า 16 ปี และทำงานในด้านอุตสาหกรรมพลังงานและเคมีมาเกือบ 40 ปี จะเกษียณอายุในสิ้นปี 2023

Mario Azar ประธานและซีอีโอของ Black & Veatch กล่าวว่า "Narsingh มีความรู้เชิงลึกในด้านอุตสาหกรรมและมีผลงานที่พิสูจน์แล้วในการช่วยลูกค้าสามารถที่จะรับมือกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว" "ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียมุ่งเน้นไปที่เมกะเทรนด์ที่พลิกโฉมหน้าของโลก ซึ่งรวมถึงการลดคาร์บอน ความยืดหยุ่นของระบบไฟฟ้า การสื่อสารแบบทันที การขนส่งที่ใช้พลังงานสะอาด การขาดแคลนน้ำ และการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ความเป็นผู้นำของเขาและผลงานโซลูชั่นที่หลากหลายของเราจะช่วยให้ลูกค้ารับมือกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาได้"

Chaudhary ซึ่งประจำอยู่ที่อยู่ที่สำนักงาน Black & Veatch ในกรุงเทพฯ กล่าวว่า "ผมมีความมุ่งมั่นที่จะสานต่อผลงานของฺบริษัทที่ประสบความสำเร็จในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียให้เป็นที่ยอมรับยิ่งๆขึ้นไป ทีมงานของเราซึ่งมีประสบการณ์ทำงานต่างๆจากทั่วทุกมุมโลกพร้อมที่จะรับฟังเพื่อเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าและนำเสนอหรือแก้ปัญหาที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ มีความยืดหยุ่นและยั่งยืนให้กับลูกค้า”

Azar กล่าวว่า “การมีส่วนร่วมของ Hoe Wai ต่อทั้งในด้านอุตสาหกรรมและ ในบริษัท Black & Veatch นั้นเป็นที่ยอมรับเป็นอย่างดีถึงความเป็นผู้นำของเขาที่ได้เสริมสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับบริษัทที่มีมาตั้งแต่โครงการแรกของเราในภูมิภาคเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้ว”

ติดต่อ Black & Veatch สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • Black & Veatch มีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1,500 คนประจำอยู่ทั่วภูมิภาค
  • คลิกเพื่อดาวน์โหลดภาพของ Hoe Wai Cheong และ Narsingh Chaudhary

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2022 อยู่ที่ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ข้อมูลการติดต่อสำหรับสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA EMAIL | Media@bv.com

แหล่งที่มา: Black & Veatch

UNIDO และ Huawei เปิดตัว Global Alliance on Artificial Intelligence for Industry and Manufacturing (AIM Global) ที่งาน World AI Conference ในเซี่ยงไฮ้

Logo

เซี่ยงไฮ้–(BUSINESS WIRE)–10 กรกฎาคม 2023

ในการประชุมปัญญาประดิษฐ์โลก (WAIC) ครั้งที่หก UNIDO, Huawei และพันธมิตรอื่น ๆ ได้เปิดตัว “Global Alliance on Artificial Intelligence for Industry and Manufacturing” (AIM Global) อย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กรกฎาคม 2023 AIM Global นำโดย UNIDO จะทำงานร่วมกันกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและการประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมและการผลิต

Mr. Ciyong Zou, Deputy to the Director General and Managing Director of UNIDO, Vicky Zhang, Vice President of Corporate Communications at Huawei, and other partners during the official launch of AIM Global (Photo: Huawei)

Ciyong Zou รองผู้อำนวยการทั่วไปและกรรมการผู้จัดการของ UNIDO, Vicky Zhang รองประธานฝ่ายสื่อสารองค์กรของ Huawei และพันธมิตรรายอื่นๆ ระหว่างการเปิดตัว AIM Global อย่างเป็นทางการ (ภาพ: Huawei)

Gerd Müller ผู้อำนวยการใหญ่ของ UNIDO กล่าวกับผู้ชม WAIC ในระหว่างพิธีเปิดว่า “เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเราที่จะต้องแน่ใจว่าความก้าวหน้าในด้าน AI นั้นเกิดขึ้นในลักษณะที่ปลอดภัย มีจริยธรรม ยั่งยืนและครอบคลุม AIM Global จึงตระหนักถึงความสำคัญของการผสานช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมต่างๆ และสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลังในการปฏิวัติ AI นี้ AIM Global จะเป็นแนวหน้าในการสร้างภูมิทัศน์ของ AI ให้เราได้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตที่ AI เป็นพลังผลักดันอันดี ที่ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงประโยชน์ของมันได้ และที่ซึ่งนวัตกรรมสามารถเติบโตอย่างสอดคล้องกับค่านิยมร่วมกันของเรา”

“เราภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของ AIM Global Huawei จะใช้ AI เพื่อนำโมเมนตัมใหม่ๆ มาสู่การพัฒนาอุตสาหกรรม ในการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ UNIDO และพันธมิตรรายอื่นๆ” Vicky Zhang รองประธานฝ่ายสื่อสารองค์กรของ Huawei กล่าว เธอกล่าวเสริมว่า “Huawei กำลังสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในด้านความสามารถในการประมวลผล และกำลังเปิดตัวโมเดลขนาดใหญ่หลายรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เป้าหมายของเราคือการพัฒนาโซลูชัน AI ที่ให้บริการทุกอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสนับสนุนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้น”

กลุ่มพันธมิตรจะได้รับประโยชน์จากเครือข่ายท้องถิ่นและข้อมูลเชิงลึกของสำนักงานส่งเสริมการลงทุนและเทคโนโลยีของ UNIDO ที่ให้การสนับสนุนแก่ SME ทั่วโลก ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความท้าทายที่เกิดขึ้นจริงของ SME ในภาคส่วนต่างๆ จะทำให้ AIM Global มีข้อมูลในการสร้างกลยุทธ์เพื่อเพิ่มผลกระทบที่เป็นประโยชน์สูงสุด UNIDO มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการบุกเบิกเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่าน AI

AIM Global จะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มในการทำงานร่วมกัน การแบ่งปันความรู้ และการพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด โดยจะมุ่งเน้นไปที่สี่ประเด็นหลัก ประการแรก AIM Global จะอำนวยความสะดวกในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI สำหรับแต่ละอุตสาหกรรมและการผลิตโดยเฉพาะ ประการที่สอง กลุ่มพันธมิตรและพันธมิตรอื่นๆ จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาและส่งเสริมแนวทางจริยธรรมสำหรับการใช้ AI ในอุตสาหกรรมและการผลิต ซึ่งจะรวมถึงเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมด้วย ประการที่สาม UNIDO ร่วมกับความช่วยเหลืของกลุ่มพันธมิตร จะพยายามที่จะนำเสนอคำแนะนำเชิงนโยบายแก่รัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศเกี่ยวกับการใช้ AI ในอุตสาหกรรมและการผลิต ซึ่งจะขับเคลื่อนการพัฒนายุทธศาสตร์ด้าน AI ระดับชาติ สุดท้ายนี้ AIM Global จะส่งเสริมการนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดมาใช้สำหรับการใช้ AI ในอุตสาหกรรมและการผลิต

Huawei จะสนับสนุน AIM Global อย่างแข็งขันด้วยกรณีศึกษาเกี่ยวกับการนำ AI ไปใช้ในเชิงอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกจากการวิจัยและพัฒนาที่ลึกซึ้ง รวมถึงการสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53443591/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

corporate.comms@huawei.com

แหล่งที่มา: Huawei

KRAFTON เปิด Soft Launch เกม Defense Derby ใน 6 ประเทศ

Logo

  • ประเทศที่เข้าร่วม: สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย แคนาดา และฮ่องกง
  • เปิดตัวโหมดใหม่ "เลือกแบนผู้พิทักษ์" พร้อมปรับสมดุลยูนิตและปรับบาลานซ์ในการต่อสู้

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–6 กรกฎาคม 2023

RisingWings สตูดิโออิสระของ KRAFTON, Inc. ประกาศเปิด Soft Launch ในวันที่ 6 กรกฎาคมสำหรับ “Defense Derby” เกมวางแผนต่อสู้แบบเรียลไทม์บนมือถือ

KRAFTON Soft-Launches Defense Derby in 6 Countries (Graphic: KRAFTON)

KRAFTON เปิดตัว Defense Derby ใน 6 ประเทศ (กราฟิก: KRAFTON)

เกมกลยุทธ์แนวใหม่นี้แตกต่างจากเกมป้องกันฐานโดยทั่วไป เพราะ Defense Derby คือเกมวางแผนต่อสู้ของฮีโร่ผู้พิทักษ์แบบ PvP จาก 4 ผู้ท้าชิง ที่นอกจากจะต้องวัดใจคู่ต่อสู้ วางกลยุทธ์ และการผสมคอมโบสุดท้าทายแล้ว แต่ละรอบยังเริ่มต้นด้วย "การประมูล" ซึ่งผู้เล่นจะต้องแย่งชิงผู้พิทักษ์มาจัดทัพป้องกันปราสาท ผสมผสานความสามารถเฉพาะของตัวละคร และวางตำแหน่งอย่างชาญฉลาดเพื่อต่อสู้กับกองทัพมอนสเตอร์และอยู่เป็นผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย

สำหรับการเปิด Soft Launch ในครั้งนี้มีเป้าหมายในการวัดความพร้อม เพื่อทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นในวันที่ Defense Derby เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วโลก เกมดังกล่าวจะให้บริการบน Google Play ใน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย แคนาดา และฮ่องกง พร้อมรองรับ 4 ภาษาอย่าง อังกฤษ มาเลย์ อินโดนีเซีย และจีน (ดั้งเดิม)

นอกจากโหมดเดอร์บี้ โหมดดันเจี้ยน และโหมดสร้างห้องที่เคยเปิดให้ทดลองเล่นในช่วง Early Access Test แล้ว จะมีโหมดใหม่เพิ่มเข้ามาอย่าง “เลือกแบนผู้พิทักษ์” ในช่วงเปิด Soft Launch อีกด้วย ซึ่งผู้เล่นจะสามารถเลือกแบนการ์ดของคู่ต่อสู้ได้ พร้อมปรับบาลานซ์ของตัวละคร ปรับสมดุลการต่อสู้เพื่อให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่สนุกสนานยิ่งขึ้น

Defense Derby ได้เปิดลงทะเบียนล่วงหน้าแล้ว ก่อนการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่สามของปีนี้

โดยสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ทาง Google Play Store, Apple App Store และ  Sumsung Galaxy Store ผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้าจะได้รับ ‘Welcome Package’ เมื่อเปิดให้บริการจริง พร้อมรับไอเทมฟรีอีกมากมาย

ติดตามข่าวสารล่าสุดของ Defense Derby ได้ที่ https://www.facebook.com/DefenseDerby.THAILAND และบนโซเชียลมีเดีย (YouTube)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53438757/en

ติดต่อ

KRAFTON
Jihyun Park
jihyun.park@krafton.com

แหล่งที่มา: KRAFTON, Inc.

SYNTAGMA CAPITAL เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการของ Erasteel ซึ่งเป็นแผนกเหล็กกล้าความเร็วสูงและการรีไซเคิลของ Eramet S.A. (Euronext Paris: ERA)

Logo

บรัสเซลส์–(BUSINESS WIRE)–5 กรกฎาคม 2023

Syntagma Capital ประกาศในวันนี้ว่าได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการของ Erasteel (https://www.erasteel.com)
บริษัท Erasteel เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโลหะวิทยาทั่วไปและผงของเหล็กกล้าความเร็วสูงที่ใช้สำหรับการตัดเฉือน การเจาะ และเครื่องมือตัดประสิทธิภาพสูง โดยบริษัทจะยังคงดำเนินการต่อไปภายใต้แบรนด์ Erasteel นอกจากนี้ Erasteel ยังมีความสามารถในการรีไซเคิลโลหะที่ไม่เหมือนใครในยุโรป ซึ่งนำเสนอโซลูชั่นที่ยั่งยืนสำหรับการฟื้นฟูแบตเตอรี่ ตัวเร่งปฏิกิริยา และโลหะ ในปี 2022 ธุรกิจนี้สร้างรายได้ประมาณ 275 ล้านยูโรจากการให้บริการในภาคการบินและอวกาศ ยานยนต์ และอุตสาหกรรมเป็นหลักในโรงงานอุตสาหกรรม 6 แห่งในฝรั่งเศส สวีเดน และจีน ธุรกิจนี้มีพนักงานประมาณ 860 คนทั่วโลก

"แม้จะมีตลาดควบรวมกิจการ (M&A) ที่ท้าทายมาก แต่เรายังคงหาโอกาสที่น่าสนใจในการเพิ่มทุนในการทำงานและจัดหาโซลูชันการถอนทุนที่รวดเร็วและแน่นอน เรารู้สึกตื่นเต้นกับศักยภาพของ Erasteel และตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับฝ่ายบริหารเพื่อการเติบโตระดับโลกของบริษัท" Sebastien Kiekert Le Moult หุ้นส่วนผู้จัดการของ Syntagma กล่าว

"เรายินดีที่จะประกาศว่า Kerstin Konradsson ได้เข้าร่วม Erasteel ในตำแหน่ง CEO เธอได้นำประสบการณ์อันมีค่าอย่างมากเข้ามาใช้ในโลกของโลหะวิทยาหลังจากดำรงตำแหน่งประธานและซีอีโอของ Boliden Smelters รวมทั้งเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารหลายตำแหน่งใน Åkers และ SSAB นอกจากนี้ เราได้ต้อนรับ Beatrice Charon อดีตรองประธานฝ่ายกลยุทธ์ของ Constellium เข้าสู่คณะกรรมการที่ปรึกษาของ Erasteel เราตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ทั่วโลกของเราในด้านโลหะและการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่กว้างขวางของ Erasteel และความรู้ทางเทคนิค การมีตัวตนอยู่ทั่วโลก และความสัมพันธ์กับลูกค้าที่แข็งแกร่ง เพื่อยกระดับการเติบโตทั้งในเชิงธุรกิจและผ่านการควบรวมกิจการ (M&A) ที่กำหนดเป้าหมาย ตลอดจนตั้งใจที่จะเร่งการพัฒนาแผนกรีไซเคิลของ Erasteel ในฝรั่งเศส" Frank Coenen หุ้นส่วน Syntagma กล่าว

ทีมของ Syntagma ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายนี้ ได้แก่ Sebastien Kiekert Le Moult (หุ้นส่วนผู้จัดการ), Frank Coenen (หุ้นส่วน), Benjamin Dahan (หุ้นส่วน), Fabio Yamasaki (ประธาน) และ Gabriele Lo Monaco (ผู้ช่วยอาวุโส)

Syntagma ได้รับคำแนะนำจาก Willkie Farr Gallagher (Hugo Nocerino และ Victor Cann (บริษัท), Faustine Viala, Charles Bodreau, Charles-Antoine Erignac และ Jordan Pontal (หน่วยงานกำกับดูแล) ), Lincoln International (Géraud Estrangin, Côme de Las Cases), PwC Transaction (Eric Douheret, Clément Meudec, François-Xavier Bornet, Geoffrey Donio, Charles Simonnetto), PwC Legal and Tax (Anne-Valerie Attias-Assouline, Mathieu Norest, Morgane Croisier) และ Advention Business Partners (Jean-Michel Schmitt, Iska Pivois)

เกี่ยวกับ Syntagma Capital

Syntagma ลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ที่สามารถได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงานจริง เพื่อเร่งการเติบโตและปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เราเป็นผู้ปฏิบัติงานจริงที่มีประสบการณ์ในการทำงานและจัดการบริษัทต่าง ๆ ในระดับโลก โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรภายในองค์กรของเราเพื่อพัฒนากลยุทธ์ให้ประสบความสำเร็จ ดำเนินการเพื่อให้บรรลุศักยภาพสูงสุดและสร้างมูลค่าระยะยาวที่ยั่งยืน Syntagma ลงทุนและดำเนินการบริษัทต่าง ๆ ในหลากหลายอุตสาหกรรมโดยเน้นเฉพาะตลาดวัสดุ เคมี อุตสาหกรรมและธุรกิจบริการ รวมถึงการผลิต การกระจายสินค้า การขนส่งและโลจิสติกส์ การเช่าอุปกรณ์ บริการโลหะ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ Syntagma ซึ่งเป็นผู้ลงนามใน UN PRI มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามมาตรฐาน ESG ระดับสูงในการลงทุนทั้งหมดของบริษัท และตั้งอยู่ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://syntagmacapital.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Marie Ciparisse
โทร: +32 (0)2 315 70 12
อีเมล mciparisse@syntagmacapital.com

แหล่งที่มา: SYNTAGMA CAPITAL

NIQ และ GfK ได้รับการอนุมัติสำหรับการรวมกันตามแผนจากคณะกรรมาธิการยุโรป

Logo

  • การอนุมัติของสหภาพยุโรปถือเป็นก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จของการรวม NielsenIQ และ GfK
  • NielsenIQ และ GfK คาดว่าจะปิดธุรกรรมได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ชิคาโกและนูเรมเบิร์ก เยอรมนี–(BUSINESS WIRE)–5 กรกฎาคม 2023

วันนี้ NielsenIQ (NIQ) และ GfK SE (GfK) ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมาธิการยุโรปสำหรับการรวมกันที่วางแผนไว้

คณะกรรมาธิการยุโรปได้อนุมัติการรวม NIQ และ GfK ที่เสนอ ซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์เพื่อสร้างบริษัทผู้บริโภคอัจฉริยะชั้นนำของโลก การตัดสินใจอนุญาตมีเงื่อนไขในการขายธุรกิจ Consumer Panel ของ GfK ให้กับบุคคลที่สาม เงื่อนไขนี้ไม่มีผลระงับต่อความสมบูรณ์ของการรวมกันของ NielsenIQ และ GfK

ทั้งสองบริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อให้ธุรกรรมปิดได้โดยไม่ล่าช้า

เกี่ยวกับ NIQ

NIQ บริษัทข้อมูลผู้บริโภคชั้นนำของโลก เปิดเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโตของผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ด้วยการดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศ NIQ มอบความเข้าใจที่สมบูรณ์และชัดเจนที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคผ่านแพลตฟอร์มข่าวกรองธุรกิจขั้นสูงพร้อมการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์แบบบูรณาการ NIQ ให้ทุกมุมมองแบบเต็มรูปแบบ

NIQ ก่อตั้งขึ้นในปี 1923 และเป็นบริษัทพอร์ตโฟลิโอของ Advent International ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ NIQ.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สำหรับ NielsenIQ
Gillian Mosher
รองประธานฝ่ายสื่อสาร
โทรศัพท์: +1 647-282-9714
gillian.mosher@nielseniq.com

สำหรับ GfK
Kai Hummel
รองประธานฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์
โทรศัพท์: +49 170 7700194
public.relations@gfk.com

แหล่งที่มา: NielsenIQ

Toshiba เปิดตัว MOSFET พลังงาน N-channel 100V ที่รองรับการย่อขนาดของวงจรพาวเวอร์ซัพพลาย

Logo

มี On-resistance ต่ำและมีพื้นที่ปฏิบัติการที่ปลอดภัยที่กว้างขึ้น โดยใช้กระบวนการรุ่นล่าสุด –

คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–29 มิถุนายน 2023

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") ได้เปิดตัว "TPH3R10AQM" ซึ่งเป็น MOSFET พลังงาน N-channel 100V ที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยกระบวนการรุ่นล่าสุดของ Toshiba นั่นคือ U-MOS X-H ผลิตภัณฑ์มุ่งเป้าไปที่การใช้งาน เช่น วงจรสวิตชิ่งและวงจร Hot swap[1] บนสายไฟของอุปกรณ์อุตสาหกรรมที่ใช้สำหรับศูนย์ข้อมูลและสถานีฐานการสื่อสาร เริ่มจัดส่งแล้ววันนี้

Toshiba: a 100V N-channel power MOSFET "TPH3R10AQM" fabricated with Toshiba’s latest-generation process, U-MOS X-H. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: MOSFET พลังงาน N-channel 100V "TPH3R10AQM" ประดิษฐ์ขึ้นด้วย U-MOS X-H ซึ่งเป็นกระบวนการรุ่นล่าสุดของ Toshiba (กราฟิก: Business Wire)

TPH3R10AQM เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม[2] 3.1mΩ ความต้านทานต่อแหล่งเดรนสูงสุด 16%[2] ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ 100V ของ Toshiba “TPH3R70APL” ซึ่งใช้กระบวนการรุ่นก่อนหน้า จากการเปรียบเทียบแบบเดียวกัน TPH3R10AQM ได้ขยายพื้นที่การทำงานที่ปลอดภัยถึง 76%[3] ทำให้เหมาะสำหรับการทำงานในโหมดเชิงเส้น การลด On-resistance และการขยายช่วงการทำงานเชิงเส้นในพื้นที่การทำงานที่ปลอดภัยจะลดจำนวนการเชื่อมต่อแบบขนาน นอกจากนี้ ช่วงแรงดันธรณีประตูที่ 2.5V ถึง 3.5V ทำให้มีโอกาสน้อยที่จะทำงานผิดพลาดเนื่องจากสัญญาณรบกวนของแรงดันเกต

ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ใช้แพ็คเกจ SOP Advance(N) ที่เข้ากันได้สูง

Toshiba จะยังคงขยายไลน์อัพพาวเวอร์ MOSFET ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของพาวเวอร์ซัพพลายโดยการลดการสูญเสีย และช่วยลดการใช้พลังงานของอุปกรณ์

การใช้งาน

  • พาวเวอร์ซัพพลายสำหรับอุปกรณ์สื่อสาร เช่น สำหรับศูนย์ข้อมูลและสถานีฐานการสื่อสาร
  • แหล่งจ่ายไฟแบบสวิตชิ่ง (ตัวแปลง DC-DC ประสิทธิภาพสูง ฯลฯ)

คุณสมบัติ

  • นำเสนอค่าความต้านทาน On-resistance ต่ำที่ยอดเยี่ยมในอุตสาหกรรม[2] : RDS(ON)=3.1mΩ (สูงสุด) (VGS=10V)
  • พื้นที่ปฏิบัติการที่ปลอดภัยกว้าง
  • ระดับอุณหภูมิช่องสูง: Tch (สูงสุด)=175°C

หมายเหตุ:
[1] วงจรสำหรับเชื่อมต่อและถอดชิ้นส่วนต่าง ๆ ในระบบโดยไม่ต้องปิดระบบในขณะที่อุปกรณ์ทำงาน
[2] ผลสำรวจของ Toshiba ณ เดือนมิถุนายน 2023
[3] ความกว้างของพัลส์: tw=10ms, VDS=48V

ข้อมูลจำเพาะหลัก 

(นอกจากที่ระบุไว้, Ta=25°C)

หมายเลขชิ้นส่วน

TPH3R10AQM

การจัดอันดับสูงสุดแบบสัมบูรณ์

แรงดันจากเดรน VDSS (V)

100

กระแสเดรน (DC) ID (A)

Tc=25°C

อุณหภูมิช่อง Tch (°C)

175

คุณสมบัติทางไฟฟ้า

ความต้านทานต่อไฟฟ้าจากเดรน RDS(ON)

max (mΩ)

VGS=10V

3.1

VGS=6V

6.0

ค่าเกตทั้งหมด (gate-source plus gate-drain) Qg typ. (nC)

83

ค่าการสลับเกต Qsw typ. (nC)

32

ค่าเอาต์พุต Qoss typ. (nC)

88

ค่าตัวเก็บประจุระหว่างอินพุต Ciss typ. (pF)

5180

แพ็กเกจ

ชื่อ

SOP Advance(N)

ขนาด typ. (มม.)

4.9×6.1

การตรวจสอบตัวอย่างและความพร้อมใช้งาน

ซื้อออนไลน์

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TPH3R10AQM

ติดตามลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MOSFET ของ Toshiba
MOSFETs

To check availability of the new products at online distributors, visit:

หากต้องการตรวจสอบการวางจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผู้จัดจำหน่ายออนไลน์ โปรดไปที่
TPH3R10AQM
ซื้อออนไลน์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และคลังข้อมูลขั้นสูง ใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอเซมิคอนดักเตอร์แบบแยก ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัทจำนวน 21,500 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าร่วมกันและเปิดตลาดใหม่ ปัจจุบัน Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ที่มียอดขายต่อปีเกือบ 800 พันล้านเยน (6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ตั้งตารอที่จะสร้างและมีส่วนร่วมเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกหนทุกแห่ง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53435647/en

ติดต่อ

ติดต่อสอบถามสำหรับลูกค้า

ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์ไฟฟ้า
โทร: +81-44-548-2216
ติดต่อเรา

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ:

Chiaki Nagasawa

ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

แหล่งที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

แอสตร้าเซนเนก้าประกาศการลงทุน 400 ล้านดอลลาร์ ในการฟื้นฟูสภาพป่าและส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสุขภาพที่ดีของประชาชน

Logo

การขยายโครงการ AZ Forest ตอกย้ำปณิธานในการปลูกต้นไม้ 200 ล้านต้น ในหกทวีปภายในปี 2030

การฟื้นฟูป่าในบราซิล อินเดีย เวียดนาม กานา และรวันดา เป็นการต่อยอดโครงการปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่ในออสเตรเลียและอินโดนีเซีย

แคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร–(BUSINESS WIRE)–28 มิถุนายน 2023

แอสตร้าเซนเนก้าประกาศการลงทุนมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ใน AZ Forest โครงการระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นการตอกย้ำปณิธานในการปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ 200 ล้านต้น ภายในปี 2030 โดยขยายโครงการดังกล่าวไปในประเทศบราซิล อินเดีย เวียดนาม กานา และรวันดา เพื่อเป็นการขานรับและผลักดันนโยบายขององค์กรในการดูแลสภาพอากาศ ฟื้นฟูธรรมชาติ ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ และรักษาระบบนิเวศและชุมชนให้มีความยั่งยืน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 100,000 เฮกตาร์ทั่วโลก

AstraZeneca announces $400 million investment in reforestation and biodiversity in support of climate action and human health (Photo: Wien Satriady)

แอสตร้าเซนเนก้าประกาศการลงทุน 400 ล้านดอลลาร์ ในการฟื้นฟูสภาพป่าและส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสุขภาพที่ดีของประชาชน (ภาพ: Wien Satriady)

การลงทุนในครั้งนี้ต่อยอดจากปณิธานตั้งต้นของ AZ Forest ที่ แอสตร้าเซนเนก้าได้ประกาศในปี 2020 ในการปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้มากกว่า 50 ล้านต้น ภายในสิ้นปี 2025 เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณค่าและสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของประชาชนและโลกที่มีสุขภาพดี1 กระบวนการปลูกต้นไม้ในออสเตรเลีย อินโดนีเซีย กานา สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ที่ดำเนินการไปด้วยความก้าวหน้าและรวดเร็ว ประกอบด้วยต้นไม้กว่า 300 สายพันธุ์ ช่วยให้สามารถฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพรวมไปถึงถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพืชและสัตว์2 นอกจากนี้ โครงการที่ขยายออกไปจะก่อให้เกิดประโยชน์นานัปการต่อชุมชนท้องถิ่น และการดำรงชีวิตกว่า 80,000 ชีวิต

AZ Forest เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ความยั่งยืนที่สำคัญของแอสตร้าเซนเนก้า คือ Ambition Zero Carbon ซึ่งมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ ตามเป้าหมายข้อตกลงปารีสในการจำกัดภาวะโลกร้อนให้อยู่ที่ 1.5°C. 3 บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGs) จากการดำเนินงานและการใช้ยานพาหนะลง 98% ภายในปี 2026* และจากห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 ตลอดจนถึงลดการปล่อยก๊าซสัมบูรณ์ 90% ให้กลายเป็นศูนย์โดยอิงตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างช้าที่สุด2 ภายในปี 2045 ผ่านโครงการ AZ Forest บริษัทตั้งเป้าที่จะกำจัดการปล่อยสารตกค้างออกจากชั้นบรรยากาศตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป

ปาสคาล โซริออท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอสตร้าเซนเนก้า กล่าวว่า "วิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่เกิดขึ้นพร้อมกันกำลังทำลายโลกและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ เรากำลังทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นและผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยาผ่าน AZ Forest เพื่อดำเนินการฟื้นฟูสภาพป่า ตลอดจนสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพและรักษาความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิตโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดำเนินงาน โครงการ AZ Forest จะสามารถกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 30 ล้านตันจากชั้นบรรยากาศภายในระยะเวลาประมาณ 30 ปี”

โครงการ AZ Forest ได้รับการวางแผนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกต้นไม้ ชุมชนท้องถิ่น และรัฐบาล เพื่อการฟื้นฟูป่าธรรมชาติและวนเกษตรโดยมีผลประโยชน์ร่วมกัน ได้แก่ การสร้างทักษะและแรงงานใหม่ การปกป้องและฟื้นฟูสายพันธุ์ที่ถูกคุกคามและใกล้สูญพันธุ์ ทำให้สุขภาพของประชาชนดีขึ้น4 การดำเนินงานของโครงการจะได้รับการตรวจสอบและประเมินโดยพันธมิตรชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญอิสระ รวมถึง European Forest Institute (EFI)

มาร์ค พาลาไฮ ประธาน Circular Bioeconomy Alliance (CBA) กล่าวว่า "ป่าไม้มีบทบาทสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เป็นศูนย์กลางหลักที่รวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพให้เติบโตไปอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ป่าไม้และต้นไม้เป็นแกนหลักสำหรับสิ่งมีชีวิตบนโลกของเราและเป็นพื้นฐานสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ด้วยการวางแผนและการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนผ่านโครงการ AZ Forest ซึ่งดำเนินการโดยยึดหลักการและแนวทางวิทยาศาสตร์ เราจะสามารถลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับชุมชนท้องถิ่นได้”

แอสตร้าเซนเนก้า ได้ร่วมมือกับ EFI และ CBA เผยแพร่กรอบและแผนโครงการที่ยึดหลักวิทยาศาสตร์สำหรับการฟื้นฟูภูมิทัศน์ที่ยั่งยืน และเหมาะสมในท้องถิ่นเป็นครั้งแรก หลักการ CBA สำหรับภูมิทัศน์เชิงปฏิรูป จะช่วยให้เกิดห่วงโซ่คุณค่าของเศรษฐกิจชีวภาพหมุนเวียนและขับเคลื่อนให้เกิดการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ

AZ Forest มีส่วนร่วมในโครงการ 1t.org ของ World Economic Forum ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู และปลูกต้นไม้หนึ่งล้านล้านต้น ภายในปี 2030

หมายเหตุ

AZ Forest

AZ Forest เป็นความมุ่งมั่นของแอสตร้าเซนเนก้า ในการปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ 200 ล้านต้น ภายในปี 2030 โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญและชุมชนท้องถิ่น โครงการ AZ Forest ส่งเสริมให้ประชาชนและโลกมีสุขภาพที่ดี โดยได้รับประโยชน์ร่วมกันทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม และยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการลดการปล่อยก๊าซให้กลายเป็นศูนย์บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ของแอสตร้าเซนเนก้า หรือ Ambition Zero Carbon

นอกจากโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ในออสเตรเลีย อินโดนีเซีย กานา สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส มีการขยายโครงการ AZ Forest ครอบคลุมไปยังทวีปแอฟริกา เอเชีย และอเมริกาใต้ ได้แก่

  • บราซิล ความร่วมมือ AZ Forest ระยะเวลา 30 ปีครั้งใหม่กับ Biofílica Ambipar และ Instituto de Pesquisas Ecológicas (IPE) หรือ “Corridors for Life” จะดำเนินงานด้วยการปลูกต้นไม้ 12 ล้านต้นภายในผืนป่าแอตแลนติก โดยมีพืชพื้นเมืองมากกว่า 100 สายพันธุ์ที่วางแผนไว้เพื่อการปลูกในแต่ละพื้นที่ของโครงการ การสร้างแนวเชื่อมต่อระหว่างผืนป่าที่แยกส่วนทางตะวันตกของรัฐเซาเปาโล โครงการนี้จะช่วยสร้างที่อยู่อาศัยที่สำคัญสำหรับสัตว์ที่อ่อนแอและใกล้สูญพันธุ์
  • อินเดีย  ความร่วมมือ AZ Forest ระยะเวลา 30 ปีครั้งใหม่กับ Earthbanc และพันธมิตรการดำเนินงานในท้องถิ่นในรัฐเมฆาลัยทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียจะร่วมกันปลูกต้นไม้ประมาณ 64 ล้านต้น โดยเน้นพันธุ์ไม้ที่หลากหลาย โครงการนี้คาดว่าจะเป็น “Living Labs for Nature, People and Planet” ที่ใหญ่ที่สุดของ CBA เนื่องจากจะช่วยฟื้นฟูธรรมชาติในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งกำลังเสื่อมโทรมและยังช่วยสนับสนุนการดำรงชีวิตของเกษตรกร
  • กานา  การขยายโครงการ AZ Forest ที่มีอยู่ในกานาด้วย CBA, New Generation Plantation Technical Assistance (NGPTA) และพันธมิตรรายอื่น ๆ จะนำไปสู่การปลูกต้นไม้เพิ่มอีก 2.2 ล้านต้น ทำให้จำนวนต้นไม้ที่รอดชีวิตตามเป้าหมายรวมเป็น 4.7 ล้านต้น และสามารถฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม 8,000 เฮกตาร์ในเขต Atebubu-Amantin และ Sene West ทางตอนกลางของกานา โครงการที่นำโดยชุมชนแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย “Living Labs” ในการพยายามส่งเสริมการฟื้นฟูป่า วนเกษตร ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ และสนับสนุนโมเดลธุรกิจที่อิงธรรมชาติสำหรับเกษตรกรรายย่อย
  • รวันดา แอสตร้าเซนเนก้าได้ให้เงินทุนสำหรับโครงการนำร่องวนเกษตรกับเกษตรกรรายย่อย เพื่อช่วยเร่งการพัฒนาโครงการใหม่ในระยะเวลา 30 ปี โดยร่วมมือกับ Albertine Rift Conservation Society (ARCOS) และ Reforest’Action ภายใต้โครงการดังกล่าว จะมีการปลูกต้นไม้มากกว่า 5.8 ล้านต้น โดยเน้นที่วนเกษตรและการจัดการที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ ด้วยเป้าหมายที่จะเป็นอีกหนึ่ง “Living Lab” โครงการ “MuLaKiLa” จะช่วยสังคมและแรงงานเกษตรมากกว่า 30,000 ครัวเรือนในโครงการฟื้นฟูป่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในรวันดา
  • เวียดนาม: แอสตร้าเซนเนก้า ตั้งเป้าที่จะปลูกต้นไม้ 22.5 ล้านต้นในพื้นที่อย่างน้อย 30,500 เฮกตาร์เพื่อฟื้นฟูป่าและภูมิทัศน์ของเวียดนาม การลงทุนครั้งใหม่นี้จะช่วยให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรรายย่อยกว่า 17,000 ราย ปรับปรุงคุณภาพในการผลิตอาหารและโภชนาการ ตลอดจนอนุรักษ์ดินและน้ำ
  • โครงการอื่นๆ กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา

โครงการ AZ Forest สนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดสุขภาพที่ดีของประชาชนและโลก ด้วยผลประโยชน์ร่วมทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการลดการปล่อยก๊าซให้กลายเป็นศูนย์บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ของแอสตร้าเซนเนก้า หรือ Ambition Zero Carbon อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีสถานการณ์โรคระบาดเกิดขึ้นทั่วโลก แต่ภายในสิ้นปี 2022 ได้มีการปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 10.5 ล้านต้น ในประเทศ ดังต่อไปนี้

  • ออสเตรเลีย ด้วยความร่วมมือกับ Greening Australia และ One Tree Planted มีการปลูกต้นไม้มากกว่าสี่ล้านต้น (โครงการทั้งหมด 25 ล้านต้น) รวมถึงพันธุ์ไม้พื้นเมือง 260 สายพันธุ์ ซึ่งสนับสนุนพันธุ์สัตว์ป่าที่อ่อนแอและใกล้สูญพันธุ์
  • อินโดนีเซีย ด้วยความร่วมมือกับ One Tree Planted และ Trees4Trees มีการปลูกต้นไม้มากกว่าสามล้านต้น โดยมีเกษตรกรกว่า 13,000 รายเข้าร่วมในกิจกรรมวนเกษตรในปี 2022
  • กานา ปลูกต้นไม้กว่าหนึ่งล้านต้น เริ่มมาจากความมุ่งมั่นเริ่มต้นในการปลูกต้นไม้ที่ยังมีชีวิตรอด 3 ล้านต้นเพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศและความยั่งยืนของชุมชนผ่านโครงการ "Living Lab" ดำเนินการโดยชุมชนร่วมกับ CBA
  • ฝรั่งเศส แอสตร้าเซนเนก้าได้ปลูกต้นโอ๊กหายากจำนวน 450 ต้นที่สูญเสียไปจากเหตุการณ์พายุทำลายล้างในปี 1990 และ 1999 ที่พระราชวังแวร์ซาย ต้นโอ๊กเป็นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของผีเสื้อ นก เห็ดรา และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ และช่วยให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้กลับคืนสู่สวนอันเป็นสัญลักษณ์แห่งแวร์ซาย
  • สหราชอาณาจักร การปลูกต้นไม้มากกว่า 470,000 ต้น ในสกอตแลนด์และอังกฤษ โดยร่วมกับ Forestry England และ Borders Forest Trust Scotland เพื่อสร้างพื้นที่ป่าไม้คุณภาพสูงและเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ชุมชน
  • สหรัฐอเมริกา การปลูกต้นไม้มากกว่า 100,000 ต้น ฟื้นฟูพื้นที่ป่าริมแม่น้ำกว่า 100 กิโลเมตรโดยความร่วมมือกับมูลนิธิปลาและสัตว์ป่าแห่งชาติ

แอสตร้าเซนเนก้า

แอสตร้าเซนเนก้า (LSE/STO/Nasdaq: AZN) เป็นบริษัทชีวเวชภัณฑ์ระดับโลก มุ่งเน้นทางด้านการคิดค้น พัฒนา และจำหน่ายยาเพื่อการรักษาโรค โดยเฉพาะในกลุ่มยาโรคมะเร็ง กลุ่มยาโรคหัวใจ ไต และระบบเผาผลาญ และกลุ่มยาโรคทางเดินหายใจ แอสตร้าเซนเนก้า มีฐานอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร และดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศ และมีผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมยาต่างๆ จากแอสตร้าเซนเนก้า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาไปยังเว็บไซต์ astrazeneca.com และช่องทางทวิตเตอร์ @AstraZeneca

อ้างอิง

  1. AstraZeneca plc. Ambition Zero Carbon. 2020. ติดตามที่: https://www.astrazeneca.com/media-centre/articles/2020/ambition-zero-carbon-22012020.html# [เข้าถึงล่าสุด: มิถุนายน 2023]
  2. AstraZeneca plc. Sustainability Report 2022. 2023. ติดตามที่: https://www.astrazeneca.com/content/dam/az/Sustainability/2023/pdf/Sustainability_Report_2022.pdf [เข้าถึงล่าสุด: มิถุนายน 2023]
  3. United Nations Treaty Collection. Paris Agreement. 2015. ติดตามที่ที่: https://unfccc.int/sites/default/files/english_paris_agreement.pdf [เข้าถึงล่าสุด: มิถุนายน 2023]
  4. AstraZeneca plc. AZ Forest. 2022. ติดตามที่ที่: https://www.astrazeneca.com/sustainability/environmental-protection/az-forest.html [เข้าถึงล่าสุด: มิถุนายน 2023]

* จากข้อมูลพื้นฐานในปี 2015

 จากข้อมูลพื้นฐานในปี 2019

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/53428688/en

ติดต่อ

สำหรับรายละเอียดวิธีการติดต่อทีมนักลงทุนสัมพันธ์ โปรดคลิกที่นี่ สำหรับการติดต่อสื่อ คลิกที่นี่

แหล่งที่มา: AstraZeneca

Toshiba เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ ARM® Cortex®-M3 “TXZ+TM Family Advanced Class” พร้อมหน่วยความจำแบบแฟลชรหัส 1MB Code รองรับการอัพเดทเฟิร์มแวร์โดยไม่รบกวนการทำงานของไมโครคอนโทรลเลอร์

Logo

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–27 มิถุนายน 2023

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") ได้เพิ่ม "M3H group (2)" ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ใน “M3H group” ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ไมโครคอนโทรลเลอร์ 32 บิต “TXZ+TM Family Advanced Class” ประกอบด้วย Cortex®-M3 โดยใช้กระบวนการ 40nm

Toshiba: ARM(R) Cortex(R)-M3 Microcontrollers "TXZ+(TM) Family Advanced Class" (Graphic: Business Wire)

Toshiba: ไมโครคอนโทรลเลอร์ ARM(R) Cortex(R)-M3 "คลาสขั้นสูงตระกูล TXZ+(TM) " (รูปภาพ: Business Wire)

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความต้องการความจุของโปรแกรมที่ใหญ่ขึ้นและการรองรับ FOTA (การอัพเดตเฟิร์มแวร์ผ่านทางอากาศ) มีเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้ได้รับแรงผลักดันจากการรุกของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ IoT (Internet of Things) และด้วยฟังก์ชันการทำงานขั้นสูงซึ่งมีความจำเป็นมากขึ้นในอุปกรณ์ต่างๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์ M3H group (2) ใหม่ได้ขยายความจุของหน่วยความจำแฟลชรหัสจาก  512KB (บางส่วน 256KB หรือ 384KB) ของผลิตภัณฑ์กลุ่ม M3H(1)  ที่มีอยู่ของ Toshiba เป็นขนาด 1MB[1] และความจุของ RAM จาก 66KB[2] ของผลิตภัณฑ์กลุ่ม M3H (1) ที่มีอยู่ของ Toshiba เป็นขนาด 130KB[2] พร้อมคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ARM® Cortex®-M3 core ที่ทำงานได้สูงสุดถึง 120MHz แฟลชรหัสในตัว และหน่วยความจำแฟลชข้อมูล 32KB รวมถึงการเขียนซ้ำได้ถึง 100K ครั้งต่อรอบที่ยังคงอยู่ ไมโครคอนโทรลเลอร์เหล่านี้ยังมีอินเตอร์เฟซและตัวเลือกการควบคุมมอเตอร์ที่หลากหลาย เช่น UART, อินเตอร์เฟซ I2C, วงจรอินพุตตัวเข้ารหัสขั้นสูง และวงจรควบคุมมอเตอร์ที่ตั้งโปรแกรมได้ขั้นสูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ไมโครคอนโทรลเลอร์ของ Toshiba ในกลุ่ม M3H มีส่วนช่วยใน IoT และฟังก์ชันขั้นสูงในการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงมอเตอร์ เครื่องใช้ในบ้าน และอุปกรณ์อุตสาหกรรม
 

ในผลิตภัณฑ์ใหม่ แฟลชรหัสขนาด 1MB [1] จะถูกนำไปใช้กับพื้นที่ซึ่งแยกกัน 2 ส่วน แบ่งเป็นพื้นที่ละ 512KB โดยการดำเนินการนี้ทำให้สามารถอ่านคำสั่งจากพื้นที่หนึ่งได้ ในขณะเดียวกันโค้ดที่ถูกอัปเดตก็จะได้รับการตั้งโปรแกรมไปยังอีกพื้นที่หนึ่งไปด้วย สุดท้าย ฟังก์ชันการหมุนเวียนเฟิร์มแวร์ก็จะสามารถทำได้โดยฟังก์ชันการสลับพื้นที่[3]
 

ผลิตภัณฑ์กลุ่ม M3H จะมีการติดตั้ง UART, TSPI, I2C interface, 2-unit DMAC และตัวควบคุมจอแสดงผล LCD [4] เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการการใช้งานของผู้บริโภคหรืออุตสาหกรรมที่หลากหลาย เพื่อให้รองรับการตรวจจับประเภทต่างๆได้ ในผลิตภัณฑ์ใหม่นี้มี ตัวแปลงสัญญาณอนาล็อก/ดิจิตอล (ADC) ความเร็วสูง 12 บิตมากถึง 21 ช่อง ที่สามารถเลือกได้จากเวลาพักตัวอย่างสองครั้งสำหรับขาอินพุตแบบอะนาล็อกแต่ละขา นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการควบคุมมอเตอร์ AC และมอเตอร์ DC แบบไร้แปรงถ่าน (BLDC) ร่วมกับวงจรควบคุมมอเตอร์ที่ตั้งโปรแกรมได้ขั้นสูงและวงจรอินพุตตัวเข้ารหัสขั้นสูงที่สามารถทำงานพร้อมกันกับตัวแปลงอนาล็อก/ดิจิตอล 12 บิตความเร็วสูงที่มีความแม่นยำสูง

ฟังก์ชันการวินิจฉัยตัวเองที่รวมอยู่ในอุปกรณ์สำหรับหน่วยความจำแฟลช, RAM, ADC และนาฬิกาช่วยให้ลูกค้าบรรลุผลตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการทำงาน IEC 60730 คลาส B

มีเอกสารประกอบ ซอฟต์แวร์ตัวอย่างพร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง และซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ที่ควบคุมอินเทอร์เฟซสำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วงแต่ละตัว บอร์ดประเมินผลและสภาพแวดล้อมการพัฒนาจัดทำโดยความร่วมมือกับพันธมิตรระบบนิเวศทั่วโลกของ ARM® 

 การใช้งาน

  • สำหรับการควบคุมหลักของอุปกรณ์สำหรับผู้บริโภค (เครื่องใช้ในบ้าน ของเล่น อุปกรณ์ดูแลสุขภาพ ฯลฯ) และอุปกรณ์สำนักงาน (เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น ฯลฯ)
  • สำหรับการควบคุมมอเตอร์ของอุปกรณ์อุปโภคบริโภค และอุปกรณ์อุตสาหกรรม
  • สำหรับ IoT ของอุปกรณ์ผู้บริโภค อุปกรณ์อุตสาหกรรม ฯลฯ

คุณสมบัติ

  • ARM® Cortex®-M3 core ประสิทธิภาพสูง ความถี่สูงสุด 120MHz
  • เพิ่มความจุของหน่วยความจำภายใน
    ความจุของหน่วยความจำแฟลชรหัส: 1MB[1]
    ความจุของ RAM : 130KB[2]
  • ฟังก์ชันการหมุนเฟิร์มแวร์โดยวิธีสลับพื้นที่ (Area swap) เพื่อ รองรับการอัปเดตขณะที่ไมโครคอนโทรลเลอร์ยังคงทำงานต่อไป[3]
  • ฟังก์ชันการวินิจฉัยตนเองสำหรับความปลอดภัยในการทำงาน IEC 60730 คลาส B
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์แพ็คเกจที่กว้างขวาง

ข้อมูลจำเพาะหลัก

ชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์

M3H group (2)

CPU core

ARM® Cortex®-M3
‒ หน่วยป้องกันหน่วยความจำ (MPU)

ความถี่ในการทำงานสูงสุด

120MHz

Oscillator ภายใน

ความถี่ของ Oscillation

10MHz (+/-1%)

หน่วยความจำภายใน

ความจำแฟลชรหัส

1024KB[1]
(รอบการโปรแกรมและลบซ้ำ: ได้มากสุดถึง 100,000 ครั้ง)
ฟังก์ชันการหมุนเฟิร์มแวร์ของวิธีการสลับพื้นที่โดยมีพื้นที่แฟลชรหัสแยกกันสองพื้นที่ พื้นที่ละ 512 KB [3]

ความจำแฟลชข้อมูล

32KB (รอบการโปรแกรมและลบซ้ำ: รอบการโปรแกรมและลบซ้ำ 100,000 ครั้ง)

RAM

128KB และ RAM สำรอง 2KB โดยมีความเท่าเทียมกัน

พอร์ต I/O

56 ถึง 134

สัญญาณอินเตอร์รัพท์จากภายนอก

12 ถึง 23 ปัจจัย

ตัวควบคุม DMA (DMAC)

คำขอ DMA : 2 หน่วย, 54 ถึง 64 ปัจจัย, ทริกเกอร์ภายในและภายนอก

ฟังก์ชันจับเวลา

32-bit Timer Event Counter (T32A)

8 ช่อง
(16 ช่องs if used as 16-bit timer)

โมดูลนาฬิกาแบบเรียลไทม์ (RTC)

1 ช่อง

ฟังก์ชันการสื่อสาร

UART

7 ถึง 8 ช่อง

I2C interface (I2C)

2 ถึง 4 ช่อง

TSPI

1 ถึง 5 ช่อง

ฟังก์ชันอนาล็อก

ตัวแปลง AD 12-บิต

12 ถึง 21 ช่องอินพุต

ตัวแปลง DA 8-บิต

2 ช่อง

ตัวเทียบ

1 ช่อง

วงจรควบคุมมอเตอร์

วงจรควบคุมมอเตอร์ที่ตั้งโปรแกรมได้ขั้นสูง (A-PMD)

1 ช่อง

วงจรอินพุตตัวเข้ารหัสขั้นสูง (32-บิต) (A-ENC32)

1 ช่อง

วงจรต่อพ่วงอื่นๆ

พรีโปรเซสเซอร์สัญญาณรีโมทคอนโทรล (RMC)

1 ช่อง

วงจรคำนวณ CRC (CRC)

1 ช่อง, CRC32, CRC16

ตัวควบคุมจอแสดงผล LCD (DLCD)

Non-Bias Drive: 40 segments × 4 co มม.ons (max)[4]

ฟังก์ชั่นระบบ

ตัวจับเวลา Watchdog (SIWDT)

1 ช่อง

วงจรตรวจจับแรงดันไฟฟ้า (LVD)

1 ช่อง

ตัวตรวจจับความถี่ Oscillation (OFD)

1 ช่อง

ฟังก์ชั่นการดีบักบนชิป

JTAG / SWD

แรงดันไฟฟ้าที่ใช้งาน

2.7 ถึง 5.5V, แหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้าเดียว

แพ็คเกจ / พิน

LQFP144 (20 มม. x 20 มม., ระดับ 0.5 มม.)
LQFP128 (14 มม. x 14 มม., ระดับ 0.4 มม.)
LQFP128 (14 มม. x 20 มม., ระดับ 0.5 มม.)
LQFP100 (14 มม. x 14 มม., ระดับ 0.5 มม.)
QFP100 (14 มม. x 20 มม., ระดับ 0.65 มม.)
LQFP80 (12 มม. x 12 มม., ระดับ 0.5 มม.)
LQFP64 (10 มม. x 10 มม., ระดับ 0.5 มม.)

หมายเหตุ:
[1] รหัสความจุหน่วยความจำแฟลชของ TMPM3HNFDBFG คือหนึ่งพื้นที่ 512KB
[2] รวม RAM สำรอง 2KB
[3] ไม่รองรับ TMPM3HNFDBFG
[4] TMPM3HLF10BUG ไม่มีตัวควบคุมจอแสดงผล LCD

ดูที่ลิงค์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
M3H group (2)

ดูที่ลิงค์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครคอนโทรลเลอร์ของ Toshiba
Microcontrollers

* ARM และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ ARM Limited (หรือบริษัทสาขา) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือที่อื่นๆ
* TXZ+™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
 

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

ซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และสตอเรจขั้นสูง ใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอเซมิคอนดักเตอร์แบบแยก ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัท 21,500 คนจากทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้ได้สูงสุด ทั้งยังส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าร่วมกันและเปิดตลาดใหม่ ด้วยยอดขายต่อปีเกือบ 800 พันล้านเยน (6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ตั้งตารอที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกที่

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53429973/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:
MCU & Digital Device Sales & Marketing Dept.
Tel: +81-44-548-2233
ติดต่อเรา

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

แหล่งที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

The Bangkok Reporter